Professional Documents
Culture Documents
เล่ม19
เล่ม19
[เล่ม19] ตอนที่ 1
_______________________________________
นั่นก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่บริเวณรอบกายผม
พวกศัตรูเริ่มเว้นระยะห่างผมออกไปประมาณหนึ่งแล้ว
ทั่วทิศรอบด้านล้วนถูกปิดกัน้ ไว้หมด ผมย่างก้าวไปใน
ทิศทางใด พวกมันก็จะถอยกรูดไปในทุกๆ ครัง้ จน
กลายเป็นการเปิดทางให้กับผมไปเสียได้
เอ๋?
ชั่ววินาทีหนึ่ง ผมพลันสงสัยขึ้นมา เคลือบแคลงใจอะไร
บางอย่างกับพวกศัตรูในตอนนี้ และพร้อมกันนั้น ผมยัง
รู้สึกอีกว่าความกระหายเลือดอย่างรุนแรงของพวกมัน
ก้าลังค่อยๆ เข้ามาทิ่มแทงล้าคอของผมซ้า้ ไปซ้า้ มา
ในตอนนัน้
พรึบ่ !
เสียงสายลมแยกออกจากกันอย่างน่าหวาดเสียวดัง
ขึ้นมาไล่หลัง ผมจึงรีบหันกลับไปมองทันที
ฟิ้ว!
เห?
และสิ่งที่เฉียดผ่านล้าคอผมไปนัน้ คือ ขวานด้ามเล็กที่
หมุนติ้ว ผมได้เตรียมพร้อมรับมือทุกอุปสรรคทีจ่ ะเข้ามา
โจมตีทางด้านหลังไว้เรียบร้อยแล้วตัง้ แต่ชว่ งแรก ดังนัน้
การทีจ่ ะหนีรอดปลอดภัยกลับไปได้จงึ ไม่ใช่เรื่องยาก
อะไร แต่ถึงอย่างนัน้ ผมก็แอบคิดว่าอานุภาพที่อยู่ใน
ขวานเล่มนัน้ คงไม่ใช่เล่นๆ เลย ขนลุกขึน้ มาเล็กน้อย
แล้วจึงรีบสอดส่อง สังเกตสถานการณ์รอบข้าง
ซึ่งในช่วงระหว่างที่เกิดเหตุการณ์เหล่านัน้ เอง ศัตรู
ทั้งหลายก็ก้าลังทิ้งระยะห่างจากผมต่อไปไม่มหี ยุดพัก
บริเวณที่ผมยืนอยูจ่ ึงกลายเป็นพืน้ ที่โล่งเป็นลานกลมๆ
ไปโดยปริยาย โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
ผมเอียงคอสงสัยอยู่ครูห่ นึ่ง แต่แล้วก็ได้สลัดทิง้ ความคิด
เช่นนัน้ ออกไป หลังจากนั้นผมจึงกระตุน้ ให้ประสาท
สัมผัสทั่วทั้งร่างกายรับรู้ได้ฉบั ไวมากขึน้ เตรียมพร้อม
รับมืออะไรเล็กๆ น้อยๆ และลับคมดาบของตัวเองอีก
ครั้ง หลังจากนัน้ จึงรีบบุกเข้าไปทันที ผมยังสงสัยเรื่อง
ลูกธนูและเวทมนตร์ตา่ งๆ ที่ทะลุทะลวงเข้ามาน้อยกว่า
ที่คิดตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว แต่ผมก็ได้พาตัวเองเข้ามาอยู่
ตรงใจกลางของค่ายศัตรูได้แล้ว ผมจึงไม่สามารถ
หยุดยั้งตัวเองในขณะนีไ้ ด้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายให้
ส้าเร็จ ผมรีบตั้งดาบในมือทั้งสองเล่ม แล้วบุกเข้าไป
ในทันที พร้อมกันนั้นแรงกระเพื่อมของพลังเวทก็
แผลงฤทธิ์เดชของมันออกมา
เคร้ง! เคร้ง!
แรงกระเพื่อมที่มีพละก้าลังสูงนีก้ ลับถูกม่านก้าบังที่ถกู
สร้างขึน้ มาหลายๆ ชัน้ ในชั่วพริบตาสกัดกั้นราวกับพวก
มันเตรียมตัวรับมือไว้แล้วเป็นอย่างดี ผมได้แต่ขมวดคิ้ว
ให้กับภาพเหตุการณ์เหล่านี้ และในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึก
ได้ว่ามีคนแปดคนก้าลังบุกเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ
เส้นทางการเข้ามาของคนทั้งแปดคนนัน้ แสดงออก
อย่างชัดเจนว่าก้าลังเข้ามาห้อมล้อมตัวผมไว้ ยิ่งไปกว่า
นั้น หากพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวทีค่ ่อยๆ ย่างกราย
เข้ามา จะเห็นได้ว่ามีทั้งความปราดเปรียวและความ
รวดเร็ว และมันก้าลังประกาศศักดาให้รู้วา่
ความสามารถของพวกมันไม่ใช่ธรรมดาๆ อย่าง
แน่นอน
พวกมันเข้ามาใกล้เพียงไม่ถึงเสีย้ ววินาที และแล้วทั้ง
แปดคนนั้นจึงได้ปรากฏกายอยูเ่ บื้องหน้าของพวกศัตรูที่
ได้ถอยกรูดไปคนละทิศคนละทาง
จากต้าแหน่งในการยืนจะแบ่งกลุ่มเป็น สาม สาม และ
สอง ดูท่าจะเป็นผู้เล่นระยะประชิดไปเกือบครึ่งหนึ่ง อีก
ครึ่งหนึ่งที่เหลือนัน้ เหมือนกับเป็นนักฆ่า ผมเผลอสูดลม
หายใจเข้าไปหนึ่งครัง้ ผมรู้สึกชาตรงปลายจมูก เพราะ
อากาศที่เผลอสูดเข้าไปนั้นต่างคละคลุง้ ไปด้วยกลิ่น
ความกระหายเลือดจางๆ
ดูถูกไม่ได้เลยนะเนี่ย
เกิดความวุน่ วายขึน้ มาก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นสายตาทุกคู่
ก็ล้วนจับจองมาที่ผมอยู่เช่นเดิม รอบกายผมล้วนอัด
แน่นไปด้วยพวกศัตรูที่กรูกนั เข้ามา ผมจ้าเป็นจะต้อง
ปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาขึ้นมา เพื่อที่จะ
สามารถเคลื่อนตัวไปยังที่ต่างๆ ได้ตามเงื่อนไขที่ก้าหนด
แต่ทว่าจ้านวนครั้งในการที่จะใช้ทักษะนี้กลับถูกจ้ากัด
สิทธิ์ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นในระหว่างที่ผมก้าลัง
มุ่งมั่นทีจ่ ะฟันฝ่ามันไปอยู่นนั่ เอง คนทั้งแปดคนก็เผยตัว
ออกมาโดยไม่ได้คาดคิด
ผมทราบถึงจุดประสงค์ของพวกมันได้อย่างชัดเจนแจ่ม
แจ้ง บางทีพวกมันอาจจะปล่อยผมให้วิ่งพล่านไปใน
ทุกๆ ที่ไปเสียก่อนครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยเข้ามารวบตัวผม
ไว้ก็เป็นได้
เตรียมกระบวนการรบอยู่หรือเปล่าล่ะเนี่ย
“แกต้องตาย...(You shall die...)”
วินาทีที่เสียงอันแสนแผ่วเบาค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมา
นั่นเอง การประจัญหน้าที่มีมาต่อเนื่องยาวนานจึงได้
พังทลายลง ชายที่ยนื อยู่ตรงหน้าผมเปิดปากพูดออกมา
ซึ่งในเวลาเดียวกันนัน้ เอง เหล่าคนทัง้ แปดคนก็ได้วิ่งกรู
กันเข้ามาโจมตีผมในคราวเดียวกัน ผมรู้สกึ ได้ถงึ ความ
กระหายเลือดที่ค่อยๆ แผ่ซ่านไปตั้งแต่ศรี ษะจรดปลาย
เท้า ดังนัน้ ผมจึงวางท่าทีสุขุม ท้าสมาธิ ปลุกวิชาการ
เคลื่อนย้ายร่างในพริบตาขึน้ มาอีกครั้ง
ฟิ้ว!
ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองด้านหลัง แล้วจึงได้เห็นว่าใน
ช่วงเวลาแทบจะพร้อมๆ กันนัน้ พวกมันได้วิ่งเข้ามาตรง
จุดที่ผมยืนอยู่เมื่อครูน่ ี้ ช่างเป็นความสามารถที่ใช้พชิ ิต
ฝ่ายตรงข้ามแล้วได้ผลดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
ผมหมุนกายกลับมาอีกครั้ง ชูคาลิโก อาบรักซัสขึ้นและ
ปรับสมดุลของเกียรติยศแห่งวิคตอเรียให้เข้าที่
ความสามารถของทั้งคูจ่ ึงผนึกก้าลังกันจนเกิดแสงแห่ง
ดาบไปทั่วทุกทิศ
เคร้ง!
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดรอยดาบยาวๆ ปรากฏอยู่บน
แผ่นหลังของพวกมันทีไ่ ด้แต่ยืนมองด้านหลังของผม
ส่วนพวกที่ยนื อยู่ตรงหน้าผมนี้ มีแสงสีขาวเฉียดผ่าน
ล้าคอของพวกมันไป ผู้เล่นที่เหลืออีกสามสี่คน รวมทัง้
ชายผู้ทปี่ ระกาศกร้าวว่าจะฆ่าผมให้ตายนัน้ ก็สง่ ครวญ
ครางแผ่วเบาออกมา แล้วจึงค่อยล้มตึงไปกองอยู่ที่พื้น
ก้าลังพลที่เหลืออยู่ ณ ขณะนีม้ ีเพียงสามคนเท่านัน้ ผม
เห็นดังนัน้ จึงได้แต่จปิ๊ าก
เหตุผลที่แสงแห่งดาบนีไ้ ด้แสดงฤทธิ์เดชออกมานัน้ เป็น
เพราะผมสามารถใส่ข้อมูลผู้เล่นของตัวเองลงไป ก่อน
หน้านี้ผมได้ใส่อา้ นาจและสมรรถภาพในฐานะผู้ช้านาญ
ดาบลงไปแล้ว และก็จะสามารถใส่พลังของฮวาจงลงไป
ด้วยได้ เพียงแต่ในตอนนี้ผมแอบรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่
ตัวเองใจร้อน รีบปลุกพลังขึน้ มาใช้งานโดยไม่ทนั คิด
คงต้องประหยัดพลังความสามารถที่เหลือไว้เสียแล้วสิ
การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นใหญ่
กับคนเรียกภูติ เพราะเป้าหมายของผมคือ ต้องฆ่าพวก
มัน และหนีเอาตัวรอดออกมาให้ได้เท่านั้น แน่นอนว่า
จ้านวนของก้าลังพลฝ่ายตรงข้ามยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
แต่อะไรก็เกิดขึน้ ได้ทั้งนัน้ ดังนัน้ แสงแห่งดาบทีย่ ัง
เหลืออยู่อีกเพียงหนึ่งครั้งนี้ ผมคิดว่าผมควรเก็บไว้
เสียก่อนจะดีกว่า ผมจัดการความคิดของตัวเองได้ดังนั้น
จึงบุกโจมตีอกี ครั้งหนึ่ง พร้อมต้อนรับขับสู่ฝ่ายศัตรูทกี่ รู
เข้ามาตรงหน้าอีกสามคน
“ย๊ากกก!”
ผมรวบรวมพลังกายพลังใจอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
พร้อมกับสามคนที่วิ่งเข้ามาปะทะตรงเบื้องหน้า ซึ่งพวก
ที่วิ่งดาหน้าเข้ามาหาผมอยู่ ณ ขณะนี้ ล้วนแล้วแต่เป็น
พวกระยะประชิดทั้งนั้น อาจเป็นเพราะนักฆ่าจากการ
ต่อสู้คราวก่อนได้ตายไปหมดอย่างไม่คาดคิดคาดฝัน
นั่นเอง
ผมค้านวณวงโคจรที่พวกมันวิง่ เข้ามา แล้วจึงถือดาบ
เพื่อป้องกันเจ้าพวกนั้นอย่างเยือกเย็น ในทุกๆ วินาทีที่
ดาบเกิดการกระทบกระทั่งกันนัน้ ผมรูส้ ึกได้ว่าข้อมือ
ของผมเริ่มหนักขึน้ แต่แล้วผมก็ได้เรียกคืนพลังเหล่านั้น
กลับมา และจึงเห็นว่าพวกมันต่างก็กระเด็นออกไป
ทันทีทันใด การที่สามารถพลิกสถานการณ์จากหน้ามือ
เป็นหลังมือได้โดยไม่มใี ครทันสังเกตนั้น นับว่าคุณค่าที่
แท้จริงของมันได้เผยโฉมออกมาแล้ว
ผมยังอยากจะชื่นชมทีพ่ วกมันไม่พลาดต่ออาวุธของผม
เลยแม้แต่น้อย แต่แล้วแขนของพวกมันสามคนก็ยกขึน้
มาพร้อมเพรียงกัน ผมเห็นดังนั้นจึงยกดาบของตัวเองชู
ขึ้นฟ้าตามที่ได้คิดไว้ แล้วจึงค่อยๆ ลดมือน้ามันกลับมา
วางอยูด่ ้านหน้าอีกครั้งหนึ่ง
และในตอนนัน้
รู้สึกว่าเหมือนมีน้าเย็นๆ หยดลงมาบนแก้ม ผมเบิกตา
โพลงสงสัยอยูช่ ั่วขณะเดียวเท่านัน้ แต่ผมคิดว่าจะต้อง
สะสางสิ่งทีจ่ ะต้องลงมือในตอนนีเ้ สียก่อน จึงได้ปล่อย
ผ่านความคิดเหล่านัน้ ไป พร้อมใช้ดาบฟาดฟันไปอย่าง
ต่อเนื่อง แล้วในที่สุดผมก็เห็นพวกมันกระเด้งออกไป พอ
ผมได้เห็นว่าล้าคอของพวกมันมีเลือดไหลออกมาเป็น
สายแล้ว จึงยกมือขึน้ มาถูหน้าตัวเอง
และสิ่งที่เลอะข้อมือผมอยู่ในตอนนี้ คือ น้า้ อย่างที่คิดไว้
ไม่มีผิด
ผมรู้สึกตกใจไปชัว่ ขณะหลังจากที่ได้รู้ว่ามีมวลน้้าหยด
ลงมา แต่แล้วผมก็ข่มอารมณ์ไว้เพียงเท่านั้น พร้อมหยิบ
ดาบขึน้ มา แล้วจึงเริ่มกวาดตามองสถานการณ์โดยรอบ
อย่างค่อยเป็นค่อยไป
พอได้ลองมาคิดๆ ดูแล้ว พบว่ามีอะไรแปลกไปเล็กน้อย
แม้จะบอกว่าการต่อสูข้ องพวกมันทั้งแปดคนสามารถปิด
ฉากลงได้อย่างรวดเร็วในพริบตาก็ตาม แต่ทว่าการที่
พวกศัตรูได้แต่ยนื มองอยู่เฉยๆ เช่นนัน้ ก็ท้าให้ผมท้าใจ
ยอมรับกับอะไรบางอย่างได้ยากอยูด่ ี ยิง่ ไปกว่านัน้ แล้ว
พวกมันก้าลังยืนปิดกัน้ ผมทั่วทั้งสี่ทิศก็จริง แต่ทว่าต่าง
คนต่างก็กระเถิบถอยหลังไป เหมือนกับสละพืน้ ที่ให้ผม
อย่างไรอย่างนัน้
ไม่รู้ท้าไมสายตาที่พวกมันจ้องมองมายังผมนัน้ กลับดู
ละเอียดอ่อนเกินค้าบรรยายใดๆ ดูแล้วท่าทีเหมือนกับ
ก้าลังรอค้าสั่งจากใครบางคนอยู่ ยิ่งเห็นสถานการณ์
วุ่นวายที่เกิดขึน้ จนถึงเมื่อครู่แล้ว ผมรู้สึกมัน่ ใจแปลกๆ
อย่างบอกไม่ถูก
ไม่เพียงเท่านัน้ ผมรูส้ ึกเหมือนปลายทางคือทีค่ มุ ขัง อีก
ทั้งยังรูส้ ึกอีกว่ามีพลังเวทจ้านวนมากก้าลังรอโอกาสจะ
แผลงฤทธิ์ออกมา ผมเห็นทั้งธนูและหน้าไม้จ้านวนไม่
น้อยก้าลังเล็งเป้ามาที่ผม ซึ่งด้านหน้าของพวกมัน
เหล่านัน้ ก็มีพวกนักต่อสู้ประชิดก้าลังยืนคุ้มกันอย่าง
แข็งแกร่งอยู่
เหล่าผู้เล่นหลายร้อยคนที่ก้าลังยืนล้อมรอบผมอยู่ ณ
ขณะนี้ ก้าลังแสดงให้ผมเห็นถึงกระบวนการแนวรบทีถ่ ูก
ปรับให้เป็นระบบระเบียบมากขึน้ กว่าเมื่อครู่ก่อน ผม
รู้สึกว่าตัวเองก้าลังจะต้องเผชิญหน้ากับ ‘การระดม
ยิง’
หรือว่า...
ผมใช้สมาธิจดจ่ออยูก่ ับการให้ล่วงรู้เท่าทันพลังเวท
อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ความคิดเช่นนัน้ แล่นผ่านเข้ามา
หัวผมไป และแล้วผมจึงสามารถเข้าใจได้ถงึ กลิ่นน้า้ ที่
เข้ามาแตะจมูกได้ในที่สดุ สิ่งนั้นก้าลังบอกเป็นนัยๆ ว่า
ผู้ปลุกพลังแห่งน้้าก้าลังคืบคลานเข้ามาใกล้ๆ นัน่ เอง
แปลกแฮะ ยังไม่ถึงขนาดสัมผัสเลยแท้ๆ...อ๊ะ
ไม่สิ อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ พอผมได้ลองมาแยกแยะดู
ใหม่แล้ว จึงพบว่าตัวเองคิดผิดไปอย่างมหันต์ ผู้ปลุก
พลังแห่งน้้าไม่ได้เลือกที่จะหนีแต่อย่างใด ต่อให้ผมจะวิ่ง
หรือไม่ เขาก็ยังยอมรับในจุดนี้ แต่ทว่าเขากลับมาด้วย
ตัวเองเพื่อจัดการผมโดยเฉพาะ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า
ต่างคนต่างได้เดินหน้าเข้ามา เพื่อลดช่องว่างระหว่างกัน
และกัน แม้จะลองเปลี่ยนมุมมอง แล้วย้อนกลับมามอง
ใหม่อีกครั้งก็ตาม จะเห็นได้วา่ ต่อให้ผมวิง่ หรือไม่วิ่ง ก็
ไม่ได้หมายความว่าพวกศัตรูจะหวาดกลัวแล้ววิ่งหางจุก
ตูดไปแต่อย่างใด
“ไฟ!(Fire!)”
บู้มมม!
ในระหว่างที่ผมก้าลังสงสัยอยู่นนั้ เอง ก็บังเกิดเสียงดัง
กึกก้องดังออกมาต่อเนือ่ งทันที พร้อมกับได้ยนิ เสียงเวท
จ้านวนมากมายที่ถกู ตระเตรียมเอาไว้แล้วพุง่ ออกมา
โดยเวทที่ถกู ยิงออกมานั้นได้ถูกยิงขึ้นไปบนฟากฟ้า
หลังจากนั้นจึงวาดเส้นโค้งอย่างสวยงามอยูบ่ นนั้น แล้ว
จึงตกลงมาตรงจุดที่ผมยืนอยู่
ผมได้แต่สบถอยู่ภายในใจ พวกมันเจ้าเล่ห์มาก โดยการ
สร้างม่านก้าบังขึน้ มารอบๆ บริเวณทีก่ ้าลังยืนอยู่
ในขณะที่เวทมากมายก้าลังยิงพุง่ มารอบกายผมอยู่ฝ่าย
เดียว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าจะต้องลองสู้ดสู ักตั้ง จึงได้
ก้าดาบทั้งสองไว้แน่น หลังจากนั้นจึงเริ่มฟาดฟันหอก
แห่งน้้าแข็งกับคมมีดแห่งวายุทกี่ ้าลังพุง่ เข้ามา
เชร้ง! เพล้ง!
เวทที่หลุดเข้ามาในวงโคจรของดาบนั้นถูกเฉือนขาดไป
พอดีเป๊ะ แต่ทว่าทั้งสองสิ่งที่พงุ่ เข้ามานัน้ ถูกฟาดฟันไป
ในระดับทีพ่ อเอาตัวรอดถูไถไปได้เท่านัน้ ผมรูส้ ึกถึง
ความสั่นไหวเล็กๆ บางอย่างในร่างกายเป็นระยะๆ ถึง
จะบอกว่าตัวเองมีพลังต้านทานเวทพิเศษ จึงท้าให้
สามารถอดทนต่อกลุ่มเวทที่พลาดพลัง้ เข้ามาได้นั้น แต่
ถ้าหากสะสมพอกพูนเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วล่ะก็
ผมเองก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างมั่นใจเช่นกันว่า
ตัวเองจะต้องรับมือกับมันอย่างไร
“ไฟ!(Fire!)”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 2
_______________________________________
สิ่งที่ผมจะต้องป้องกันก่อนเป็นลำดับแรกในสถำนกำรณ์
นี้คือลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถกู ยิงกระจำยขึน้ สูฟ่ ้ำใน
เวลำต่อมำ แล้วจึงค่อยตกลงมำในแนวเฉียง ผมไม่อำจ
หำญพอทีจ่ ะฟำดฟันกับสิ่งนี้ ผมจึงกัดฟันแน่น พร้อม
ปลุกวิชำกำรเคลื่อนย้ำยร่ำงในพริบตำขึ้นมำทันที ด้วย
ควำมที่สี่ทิศรอบกำยผม ล้วนถูกปิดกัน้ ไปหมดแล้ว
ดังนัน้ จึงทำให้สถำนที่ทผี่ มจะสำมำรถหนีพำตัวเองรอด
ไปได้นั้น จึงเหลืออยู่เพียงที่ที่เดียว ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้
ชอบใจอะไรนักหรอก และที่ที่ว่ำนัน้ ก็คือ กลำงท้องฟ้ำ
นั่นเอง
หลังจำกผมเคลื่อนตัวขึน้ มำอยู่บนกลำงท้องฟ้ำได้สำเร็จ
จึงได้เตรียมเวทชักจูงไว้พร้อมใช้งำน แล้วพอก้มหัวลง
ไปมองด้ำนล่ำง ก็ได้เห็นภำพเหตุกำรณ์ที่ไม่ได้คำดคิดมำ
ก่อน
พอผมสำมำรถหลุดพ้นออกมำได้ ผืนดินตรงนัน้ ก็มลี ูกธนู
จำนวนหลำยร้อยปักอยูเ่ ต็มไปหมด เหมือนกับเม่นที่มี
หนำมทั่วตัวไม่มีผิด เห็นทีลูกธนูเหล่ำนัน้ คงจะไม่
ย้อนกลับมำหำผมอีกเป็นครั้งที่สองแน่
และในตอนนัน้ เอง
กำรบุกโจมตีของมวลน้ำก็ปรำกฏออกมำพอดิบพอดีรำว
กับกำลังรอเวลำอยู่แล้ว มีสำยน้ำไหลเชีย่ วกรำดอย่ำง
รุนแรงตัดผ่ำนท้องฟ้ำไป
แส้สำยน้ำสีฟ้ำตัดผ่ำนท้องฟ้ำเบื้องบนออกเป็นเส้นตรง
หลังจำกนั้นจึงฟำดเข้ำมำที่กระหม่อมผม ผมยังคงจับ
ดำบไว้ไม่ให้หลุดมือ แล้วจึงฟำดฟันกับอุปสรรคที่อยู่
ตรงหน้ำทันที ผมมองไปยังบริเวณโดยรอบ ด้วย
ควำมรู้สกึ ที่ละเอียดอ่อนเกินที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปได้ ซึง่
ในขณะนัน้ เอง ที่ผมรู้สกึ ได้วำ่ มีพลังอะไรบำงอย่ำงกำลัง
ปะทุอยู่ในแววตำ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตูม้ !
ทันใดนั้นจึงบังเกิดสำยน้ำจำนำนหลำยสิบสำยพุ่ง
กระโจนเข้ำใส่บริเวณทีผ่ มกำลังยืนอยู่อย่ำงไม่ทันตั้งตัว
คงรูว้ ่า...จะใช้วิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาสินะ
ไม่เพียงเท่ำนัน้ สำยน้ำที่ผมได้จัดกำรไปเมื่อช่วงแรก ได้
แตกกระจำยออกจนเหมือนเป็นละอองน้ำไปแล้ว แต่
ทว่ำบัดนีพ้ วกมันได้กลับเข้ำมำรวมเป็นกลุ่มๆ อีกหลำย
กลุ่ม หลังจำกนั้นจึงค่อยๆ เริม่ ก่อตัวขึน้ มำเป็นสำยน้ำที
ละสำย เพิ่มจำนวนมำกยิ่งขึ้นไปอีก ผมเงยหน้ำขึน้ ไป
มองอีกครั้ง จึงเห็นว่ำมันกำลังเล็งมำที่ผมอยู่ แต่สุดท้ำย
แล้วก็ไม่วำยโดนสำยน้ำเหล่ำนั้นพุ่งกระโจนเข้ำมำ
พร้อมพันล้อมโอบรอบกำย
เปรีย๊ ะ!
ในวินำทีนนั้ ผมจึงก้มหัวลงอย่ำงสุขุมเยือกเย็น
และสิ่งที่ผมเห็นคือ เหล่ำผู้เล่นที่กำลังรวมตัวอยู่ ณ
สถำนที่ที่เชื่อมต่อมำจำกสำยน้ำ และผู้หญิงผมสีฟ้ำคน
หนึ่งที่อยู่ตรงกลำงระหว่ำงพวกเขำ หล่อนจ้องมำทำง
ผม แล้วจึงส่งรอยยิม้ อันเย็นยะเยือกมำให้
“...คิก”
ผมมองดูภำพเหล่ำนัน้ พร้อมจ้องมองไปยังหญิงสำวคน
นั้น แล้วส่งรอยยิ้มกลับไปให้เช่นกัน ผมหยิบคำลิโก
อำบรักซัสในมือขวำขึน้ มำ
หลังจำกนั้นจึงปรำกฏข้อควำมบำงอย่ำงอยูบ่ นท้องฟ้ำ
***
แสงจากสายฟ้าที่ส่องแสงอยู่ระหว่างกลีบเมฆได้จุด
ประกายทาให้บริเวณนีส้ ว่างไสวอย่างมาก พวกศัตรูที่ดู
เหมือนจะบุกเข้าแม้กระทั่งในช่วงเวลาเช่นนี้ ต่างก็หยุด
การเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ คงจะรู้สกึ ได้ว่าตอนนีม้ ีอะไร
บางอย่างที่แปลกหูแปลกตาไป แล้วผมจึงได้เงยหน้าขึ้น
ไปมองบนท้องฟ้า แต่ทว่าดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว
เพราะเทพเจ้าสายฟ้ากาลังแสดงฤทธิ์เดชออกมาแล้ว
นั่นเอง
ฮึ่ม!
ในวินาทีที่ผมได้ยินเสียงฟ้าร้องดังออกมาแทบจะ
ใกล้เคียงกับเสียงระเบิดนั้น ผมก็รู้สึกว่าเส้นผมกาลังลุก
ชูชนั พร้อมๆ กับทัศนวิสัยที่แปรเปลีย่ นไปจนแทบจะ
ขาวโพลน
ผมมองไม่เห็นอะไรเลยไปชัว่ ขณะหนึ่ง ผมจึงปลุกพลัง
เวทแล้วกระตุน้ พลังสายตาในทันที ทันใดนัน้ จึงเห็นเข้า
กับภาพทีก่ ลุ่มเมฆสีทองบนท้องฟ้ากาลังละลายไหล
ทะลักลงมายังผืนดินเบือ้ งล่าง
และนั่นคือ มรสุมฝนฟ้าคะนองจากสายฟ้าฟาด
ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึม่ !
เปรีย้ งงง!
ความกระหายเลือดอันแสนเจ็บแสบทิ่มแทงเข้ามาที่ผิว
สายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นเส้นตรงกาลังฟาดลงมาตรงผืนดิน
อย่างรุนแรง และทาให้เกิดหลุมขึ้นมาในที่สุด พวกศัตรู
ไม่มีเวลาตอบโต้อะไรใดๆ พวกมันไหลไปตามธารน้าที่
เข้ามาปกคลุมผืนดิน แล้วจึงค่อยกระจายออกไปในทั่ว
ทุกสารทิศ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกาลังได้เห็นสายธารน้า
ที่ถูกรังสรรค์จากอานาจไฟฟ้า
“อะ...อึ๊ก! อ๊ากกก!”
“อ๊ากกก!”
สายฟ้าที่ฟาดลงมานัน้ ทาให้บังเกิดเสียงกรีดร้องดังขึน้
ไปทั่วทุกหนแห่ง
ทั้งสี่ทิศรอบด้านเริ่มมีเสียงดังเอะอะขึ้นมา
“เฮือก! อ๊ากกก!”
“โอ๊ยยย”
ประสิทธิภาพในการผนึกกาลังกันระหว่างกระแสไฟฟ้า
กับน้านัน้ ออกมาสุดยอดมากจริงๆ พวกศัตรูทโี่ ดนไฟดูด
ต่างอยูใ่ นสภาพร่างกายสั่นเทิ้ม ยิ่งไปกว่านั้นทัว่ ทั้งร่างก็
ไหม้เกรียม จนแทบจะดาเป็นตอตะโก ผมไม่สามารถนับ
จานวนคร่าวๆ ของคนที่หายไปได้เลย การที่ผมยืนตัว
แข็งทื่ออยู่เฉยๆ เพื่อจากัดการเคลื่อนไหวของตัวเองใน
ครั้งนี้ ดูท่าจะย้อนกลับมาทาพิษให้เสียแล้วสิ
ผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าสถานการณ์ของพวกศัตรูทถี่ ูก
ไฟดูดนั้นจะดีขึ้นหรือไม่อย่างไร เพราะเจ้าศัตรูผู้แสน
โชคร้ายที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสายฟ้าฟาดโดยตรงนี้ ทา
ให้ผมไม่สามารถสืบหารูปพรรณสันฐานเดิมตั้งแต่
แรกเริ่มของพวกมันได้เลย เศษชิน้ เนื้อที่ลงเหลืออยู่เพียง
บางส่วนแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์อนั น่าสยดสยองที่
เกิดขึน้ จากเหตุการณ์นี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมจึงได้ยืนตัวแข็งทื่ออยูท่ ี่เดิม
แล้วใช้สายตากวาดมองบริเวณโดยรอบ และผมเองก็
กาลังยืนอยู่ในที่แห่งนี้เช่นเดียวกันจึงไม่สามารถที่จะ
หลีกหนีสายฟ้าฟาดไปได้เลย สายน้าสีเหลืองทองที่ได้
กล้ากลืนร่างผู้เล่นจานวนหลายสิบไปเมื่อครู่กาลังไหล
เข้ามาหาผม ราวกับจะกาจัดผมไปให้ได้ แสงอันรุง่ โรจน์
เองก็กาลังไหลบ่าเข้ามาหาผมด้วยความเร็วที่ไม่แพ้กนั
เปรีย๊ ะ! เปรี๊ยะ!
ในเวลาต่อมา สายน้าแห่งสายฟ้าฟาดที่เข้ามาในระยะ
ประชิดก็เกิดปรากฏการณ์ไฟรัว่ อย่างแรง จากนั้นจึงบุก
เข้ามาราวกับคลืน่ ซัด
เปรีย๊ ะ! เปรี๊ยะ!
สายน้าแห่งสายฟ้าฟาดปะทะกับการต้านทานเวทอย่าง
น่าเสียวไส้ แล้วจึงบังเกิดระลอกคลื่นอันแสนน่าขนลุก
ออกมา แต่ทว่าผมยังโชคดี เพราะมันได้ไหลผ่านผมไป
หลังจากนั้นค่อยไหลไปอย่างเรื่อยเฉื่อยเหมือนสายน้า
ธรรมดา ความสามารถในการปรับพลังเวทของพีช่ าย
นั้น ทาให้บังเกิดแสงจ้าออกมา
ผมเห็นดังนัน้ จึงถอนหายใจโล่งอก แต่ทว่าผมก็ไม่ได้
เชื่อถือความสามารถในการต้านทานเวทเพียงอย่าง
เดียวหรอก เพราะผมเตรียมพร้อมปลุกพลังของฮวาจอง
ทุกเมื่อ
เทพเจ้าสายฟ้า อันเป็นความสามารถเฉพาะตัวของ
พี่ชาย
ความสามารถของเทพเจ้าสายฟ้านั้นมีอยู่มากมายหลาย
สิ่ง เช่น การเพิ่มขึ้นของทัศนวิสัยและความสามารถใน
การปรับแก้พลังเวท เป็นต้น แต่หนึง่ ในนัน้ คือ ‘การ
ขยาย’ นับเป็นผลงานชิน้ เอก ซึ่งนั่นก็คือ การหยิบยืม
พลังจากเทพเจ้าสายฟ้า แล้วนาพลังนัน้ มาทาให้
ขอบเขตความสามารถของตัวเอง พร้อมทั้งพลังในการ
ทาลายมีประสิทธิภาพขยายเพิ่มมากขึ้น
สิ่งนีน้ ั้นไม่สามารถนามาเทียบกับการขยายเฉยๆ ได้
หากสังเกตจากชื่อ ก็จะรู้ได้วา่ มีคาว่า ‘เทพเจ้า’ เข้าไป
อยู่ในชื่อด้วย โดยอาจจะมองได้ว่าเทพเจ้าแห่งไฟที่ผมมี
ติดตัวอยูน่ ี้ ก็ถือว่าอยูใ่ นระดับเดียวกันกับเทพเจ้า
สายฟ้าฟาดก็ย่อมได้
[ฮ่าๆ! ตลกชะมัด เจ้ากาลังบอกว่าไอ้นั่นคล้ายกับข้างัน้
หรือ]
เอ๋?
ในตอนนัน้ เอง ผมจึงเอียงคอด้วยสงสัย เพราะได้ยิน
เสียงที่ดังมาจากภายใน แต่ทว่าสายฟ้าฟาดก็ได้ผ่าลงมา
จากฟากฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ฟาดแล้ว ฟาดเล่าอยู่เช่นนัน้
เสียงอันน่าขนลุกที่ดังขึน้ จากการเสียดสีกนั ระหว่าง
ฟ้าผ่ากับผืนดินนัน้ ทาให้ผมจาต้องเก็บความสงสัยนัน่
ไปก่อนโดยทันที แล้วจึงยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่มมม!
“…”
ฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนือ่ ง ไม่มีหยุดพัก พี่ฟาดสายฟ้าลง
มาอย่างต่อเนื่องจนแทบไม่เว้นช่องว่าง ดูเหมือนเขา
กาลังโกรธ และกาลังตวาดถามว่าใครหน้าไหนบังอาจ
คิดจะมาทาลายน้องชายฉัน แม้ผมจะปลุกพลังเวท และ
พลังในการมองเห็นแล้วก็ตาม แต่ทว่าทัศนวิสยั ก็ยังคง
ขุ่นมัวดังเดิม จึงทาให้ผมรีบหลับตาลง
ตอนนี้ผมไม่ได้ยนิ เสียงกรีดร้องอะไรต่อไปแล้ว
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วเนีย่
ในระหว่างที่ผมกาลังหลับตา จดจ่ออยูก่ บั สัญญาณที่เข้า
มาใกล้นนั้ ผมก็รู้สกึ ได้วา่ การสัน่ สะเทือนที่เกิดขึน้ ทั่ว
อาณาบริเวณได้ค่อยๆ ทุเลาลงไปอย่างช้าๆ
ด้วยสาเหตุนจี้ ึงทาให้ผมหลับตาต่อไปอีกพักหนึ่ง แล้วจึง
ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
สายฟ้าที่ฟาดลงมาตลอดเวลานัน้ กลับหยุดการกระทา
ไปเสียดื้อๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ บริเวณโดยรอบถูกปก
คลุมไปด้วยหมอกควันหนาจนไม่สามารถคาดเดาอะไร
ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ฝุน่ ดินทีเ่ กิดขึ้นจากแรงกระเทือนก็
กาลังตลบคละคลุ้งไปทัว่ และในช่วงเวลาที่พวกมัน
กาลังค่อยๆ สลายตัวไปอย่างช้าๆ ทิวทัศน์รอบข้างจึง
ค่อนๆ ชัดเจนขึน้
กลิ่นคละคลุง้ อะไรบางอย่างลอยเข้ามาเตะจมูก
ดินไหม้เกรียม
ผืนดินแตกแยกออกจากกัน เหมือนหินภูเขาไฟที่กาลัง
ไหลทะลักอยู่ไม่มีผิด
ศพกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ ร่างกายถูกเผาไหม้เสียจนดา
ปิ๊ดปี๋จนไม่สามารถรู้ได้ถึงรูปพรรณสันฐานเดิม
ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนีผ้ มไม่พบใครที่กาลังยืนอยู่เลย
แม้แต่คนเดียว ยกเว้นตัวผม
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 7
_______________________________________
แม้แต่พวกศัตรูที่เพ่งเล็งมา คล้ายกับจะฆ่าผมฉันใดฉัน
นั้นเมื่อครู่ก่อนหน้านีเ้ อง ก็หายวับไปรวดเดียว ฉับไว
เหมือนโกหก
อย่างที่ผมว่านัน่ แหละ กองเถ้าถ่าน และภาพเหตุการณ์
ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ผมก็เห็นเพียงแต่ภาพ
อันน่าสยดสยอง
แต่ทว่าผมก็ตกใจได้อยู่เพียงครูเ่ ดียว ผมรีบสงบสติ
อารมณ์ในทันที ด้วยความที่ภาพเหตุการณ์ตรงหน้านี้ผม
เคยเห็นมาซ้า้ แล้วซ้า้ เล่าตั้งแต่รอบที่หนึ่งแล้ว ดังนัน้ มัน
จึงไม่ถึงขั้นตกอกตกใจ จนขนาดสติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อ
กับตัว
ไม่สิ ไม่วา่ จะอย่างไรผมก็ไม่มีเวลามาอึ้งอยู่นานนักหรอก
สถานการณ์ในตอนนี้คอื พี่ชายของผมได้ยอมจ้านนต่อ
ภาระต่างๆ ที่เข้ามาโหมกระหน่้าร่างกายตัวเองอยู่ แล้ว
ได้สร้างโอกาสอันแสนล้า้ ค่านี้มาให้แก่ผม หากมองภาพ
ของเขาที่เอาแต่อ้อนวอนให้เชื่อใจกันนัน้ ถ้าเป็นอย่าง
นั้นนี่คงเป็นการหักหลังความเชื่อใจของพี่
ดังนัน้ ผมจึงรีบลงมือทันทีในเวลาต่อมา
ก่อนอืน่ ผมรีบดูแลและจัดเตรียมคาลิโก อาบรักซัสกับ
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียอย่างว่องไว ก่อนจะเหลือบมอง
ด้านล่าง ลอบพิจารณาสอดส่องศพที่หิ้วอยูเ่ มื่อครู่ ศพ
ของคนเรียกภูตนัน้ ได้รกั ษาไว้ซงึ่ รูปพรรณสันฐานเดิมมา
ได้อย่างหวุดหวิดก็จริง แต่ก็แค่นนั้ รอยยิ้มอันแสน
จองหองที่ผมเห็นนัน้ ได้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ผม
หามันไม่เจอเลยสักนิด
ผมจึงเปิดใช้ดวงตาที่สาม เสาะหาความจริงอย่าง
รวดเร็ว หลังจากนัน้ จึงยื่นมือออกไปทางทิศเหนือ และ
แล้วจึงรู้สกึ ได้ถงึ อะไรแข็งๆ บางอย่าง พร้อมทัง้ พลังอัน
เยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมา รูส้ ึกว่าตัวเองก้าลังกอบกุม
ลูกแก้วกลมๆ อยู่ในมือ ผมจึงคว้าสิ่งนั้นมาโดยทันที
[ผลึกของมวลน้้า]
“มีจริงๆ ด้วยแฮะ”
แม้จะมีส่วนไหม้เกรียมบ้างเล็กน้อย ทว่ายังโชคดีที่
‘ผลึกของมวลน้้า’ นัน้ ยังคงรักษาไว้ซงึ่ รูปลักษณ์เดิม ผม
ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจึงน้าลูกแก้วเก็บ
เข้าไปข้างในอกอย่างหวงแหน
เสียเวลามามากแล้ว ตัวแปรต่างๆ ก็ท้าลายไปหมดแล้ว
ด้วย พวกศัตรูทบี่ ุกเข้ามาก็ถูกฆ่าไปจนหมด จนสร้าง
ความเสียหายครั้งยิง่ ใหญ่ขึ้นมาในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม จ้านวนก้าลังพลของศัตรูที่มคี ร่าวๆ
ประมาณหนึ่งหมืน่ ห้าพันคนนั้น คงจะไม่สามารถต่อกร
อะไรได้อีก มีความเป็นไปได้สูงมากว่าพวกศัตรูที่ไม่เข้า
มายุ่มย่ามในเขตของผมนัน้ บางทีพวกมันอาจจะต้อง
หยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ และท้าได้แต่เดินวนไป
เวียนมา แล้วค่อยหนีออกไปในท้ายที่สุดก็เป็นได้
ถึงอย่างนัน้ ตอนนี้วเิ วียนก็คงจะสร้างค่ายคุ้มกันจนเสร็จ
สิ้นไปในระดับหนึง่ แล้วแน่ๆ
แต่ทว่าผมจะไม่ไปในทิศทางนั้นหรอก ไม่สิ ไปไม่ได้
เด็ดขาด
เราจะต้องยืนหยัดให้ได้มากที่สุด จนกว่าทหาร
อาสาสมัครจะมาถึง
ค่ายทางฝั่งตะวันออกในตอนนี้ได้เผชิญกับคลืน่ ยักษ์จึง
ท้าให้ต้องกระจัดกระจายกันไป พวกเขาวิ่งไปมาอย่าง
วุ่นวาย ไม่ได้รวมตัวกันอยู่เพียง ณ จุดๆ เดียว งานที่
เหลืออยู่ในตอนนี้คือผมจะต้องค้นหาตัวคนที่ผมรู้จกั
หลังจากนั้นจึงรีบพาพวกเขาไปในค่ายคุ้มกันให้ได้เร็ว
ที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
จากนี้ไปผมคงต้องเก็บความปีติยินดีที่ได้รบั มาจากการ
ต่อสู้เมื่อครู่ไปเสียก่อน แล้วรีบวิ่งตัดผ่านทุ่งกว้างไปให้
เร็วที่สุด ในเวลาเดียวกันนัน้ เองข้อความหนึ่งก็ปรากฏ
อยู่บนท้องฟ้า
***
เอ๋?
พรคุ้มครองแห่งสงครามได้อัปเดตข้อมูลที่ส่งมาให้ก่อน
หน้านั้น
ทิศทางคือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือสีส่ ิบห้าองศา และ
ระยะทางกว่าเก้าสิบเมตร
ผมเกิดความสงสัยในการตัดสินเรื่องข้อมูลต่างๆ ของพร
คุ้มครองแห่งสงครามอยู่แวบหนึ่ง แต่สุดท้ายผมก็
สามารถจัดการต่าแหน่งที่จะเริม่ รุดหน้าไปช่วยชีวิตเป็น
ที่แรกได้แล้ว อันดับแรกคือไปช่วยชีวิตอิมฮันนา ผู้ซึ่งอยู่
ในระยะที่ใกล้ที่สุด และเลือกระยะในการเคลื่อนที่ที่
ตรงกันมากที่สดุ โดยมีต่าแหน่งนัน้ เป็นจุดเริ่มต้น
ผมจัดการกับความคิดตัวเองได้เช่นนัน้ จึงเริ่มวิง่ ไปยัง
ทิศทางที่วา่ โดยทันที
ระยะทางเก้าสิบเมตรทีว่ ่านัน้ เริ่มสัน้ ลง สัน้ ลงในชัว่
พริบตา ไม่รู้วา่ เป็นเพราะผมออกแรงวิ่งเต็มทีห่ รือไม่ ซึ่ง
ในทิศทางที่ผมวิ่งไปนัน้ ผมรู้สึกได้วา่ พลังของอิมฮันนา
ก่าลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วในที่สดุ ก็มองเห็นอิมฮันนา
กับพรรคพวกบางส่วนจนได้
โอ้โฮ
ที่ตรงนั้นดูทา่ ว่ามีเกินยีส่ ิบคนเห็นจะได้ เหล่าผูเ้ ล่น
รวมตัวกันอยู่เยอะพอสมควรเลยทีเดียว และดูท่าว่า
พวกเขาจะใช้เวลาที่ผมจัดสรรมาได้ดีเลยล่ะ พวกเขา
ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ แล้วค่อยรวมเหล่าผู้เล่น
เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทัง้ ก่าลังต่อสู้กบั พวกศัตรูที่เข้ามา
โจมตีตวั เองอีกด้วย
ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้น แน่นอนว่าคนที่โดดเด่นมาก
ที่สุดคือ อิมฮันนา ทุกครั้งที่หล่อนละมือลง แสงวูบวาบก็
จะเปล่งประกายออกมา และก็จะมีศัตรูสักคนหนึ่งที่ต้อง
ล้มตัวลงไปอย่างไร้หนทางสู้
ไม่เพียงเท่านัน้ ล่าแสงขนาดใหญ่ที่ยงิ ออกมาเมื่อครู่
นั้นเอง ก็ก่าลังลอบยิงเหล่านักสู้ระยะไกลที่อยูต่ รง
ด้านหลังอย่างเอาจริงเอาจังอีกด้วย แม้จะบอกว่าหล่อน
ได้หยิบยืมพลังของ ‘แสงแปลบปลาบส่องประกาย : ลอ
ร่า ฟีลิส’ มาก็ตาม แต่กระนัน้ อิมฮันนาก็ยงั คงยืน
ประจันหน้าต่อสู้อยู่กบั เหล่าศัตรูที่มีมากกว่าถึงสามเท่า
และยังได้แสดงให้เห็นว่าหล่อนยังคงมีชีวิตอยู่อย่าง
เช่นเดิม
หากผมเข้าไปตอนนี้เลยก็คงสามารถช่วยหล่อนออกมา
ได้โดยไม่มปี ัญหาอะไร ผมคิดได้ดังนัน้ จึงเร่งฝีเท้าให้เร็ว
มากขึ้นไปอีก
แต่ทว่าในตอนนัน้ นัน่ เอง
ตู้ม! ตู้ม!
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จู่ๆ ก็มีเวทมนตร์และลูกธนูที่พงุ่ ออกมาจากฝัง่ ตรงข้าม
ยิงทะลุผ่านเข้ามาระหว่างอิมฮันนากับเหล่าผู้เล่น แสดง
ว่าก่าลังเสริมของพวกศัตรูได้เข้ามาประจ่า ณ ทิศทาง
อื่นๆ ด้วยอย่างแน่นอน
ปัง! ปัง ปัง!
“กรี๊ด!”
“อ๊ากกก!”
พรรคพวกที่เฝ้ายืนหยัดอยู่จึงได้แตกกระเจิงไปคนละทิศ
คนละทาง เหลือเพียงแค่เหล่าผู้เล่นที่โดนเวทมนตร์เข้า
เล่นงาน พวกเขาได้แต่นอนอยู่กบั ที่ ส่งเสียงครวญคราง
ไปมาไม่หยุดหย่อน การต่อสู้กบั พวกศัตรูที่อยูต่ รงหน้า
ถือเป็นเรื่องหนักหนาก็จริง แต่พอมีกา่ ลังเสริมบุกเข้ามา
กะทันหันก็เลยมีโอกาส
แนวรบทีร่ ักษามาได้อย่างหวุดหวิดล้วนแตกกระจายไป
ในชั่วพริบตา เหล่าศัตรูที่วิ่งเข้ามาเริ่มเข้ามายึดครอง
พลางส่งเสียงอันแสนน่ากลัวออกมาไม่หยุดหย่อน ไม่
เว้นแม้แต่อมิ ฮันนา ไม่รวู้ ่าเป็นเพราะลุ่มหลงในใบหน้า
อันแสนงดงามของหล่อน หรือมีเหตุให้ต้องสู้กต็ ามแต่
ผมเห็นว่าพวกศัตรูจงใจเข้ามาโอบล้อมหล่อน
และแล้วก็มีไอ้หนุม่ คนหนึ่งได้เผยรอยยิม้ อันชัว่ ช้า
ออกมา หลังจากนัน้ จึงสาวเท้า พลางผิวปากอย่างสบาย
ใจ แล้วใช้เท้าเหยียบเข้าไปที่อกของอิมฮันนา หล่อนมีสี
หน้าโกรธแค้น พลางกัดริมฝีปากแน่น ณ วินาทีที่มีน้่าตา
ไหลออกมาจากดวงตาอันปิดสนิทนั่น ผมจึงสามารถคว้า
ตัวอิมฮันนาผู้อยู่ในระยะกระสุนมาได้ในที่สุด
“อิมฮันนา!”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 9
_______________________________________
ผมตะโกนเสียงดังเพื่อป้องกันตัว จากนั้นรีบก้มตัวลง
แล้วดีดตัวพุ่งออกไปอย่างแรงทันที ดูเหมือนพวกศัตรูจะ
ได้ยินเสียงตะโกนของผม จึงทาให้มนั หันหน้ามา พลางมี
สีหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ทว่าในวินาทีที่มนั สบตาเข้ากับ
ผม ผมจึงได้วาดเกียรติยศแห่งวิคตอเรียออกเป็นแนว
เส้นตรง เป้าหมายแรกก็คือ เจ้าหนุ่มที่เหยียบอกอิมฮัน
นานั่นเอง
ฉับ!
ดาบทะลุเข้าไปตรงกลางกบาลของมัน แล้วเจาะทะลุไป
จนถึงปากที่กาลังอ้าค้างอยู่เช่นเดิม ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้
มันล้มตัวลงไป พร้อมกันนัน้ ผมก็ได้ปลุกพลังเวทขึ้นมา
แล้วซัดร่างมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเบื้องบนโดยทันที
พลั่ก!
ท้องฟ้าเบื้องบนเกิดการกระเพื่อมสัน่ ไหวอย่างใหญ่
หลวง โดยท้องฟ้าที่เกิดการสั่นไหวเช่นนั้น ได้
แปรเปลี่ยนมาเป็นกระแสพลังเวทในเวลาต่อมา จึงทา
ให้กระแสพลังเวทเหล่านั้นเข้าครอบคลุมพวกเร่ร่อนที่
อยู่ทั่วอาณาบริเวณนั้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ!
กระแสพลังเวทเข้าเฉือนร่างกายของใครหลายๆ คน
อย่างไร้ซึ่งความลังเล ไม่รู้วา่ นัน่ เป็นเพราะการจู่โจมของ
ผมรูปแบบหนึ่งหรือไม่ กระแสพลังเวทนัน้ ทาเอาพวก
ศัตรูลม้ กลิง้ และด้วยความที่ยงั มีพลังหลงเหลืออยู่ จึง
ทาให้กระแสนั้นไม่ยอมหยุดอยู่กบั ที่ และวิ่งแล่นทะลุ
นอกเขตไปอีกด้วย เลือดพุ่งกระฉูดไปทั่วทุกสารทิศ
พร้อมทัง้ เสียงหวีดร้องที่ดังขึน้
ทว่ายังมีคนอีกสองคนทีโ่ ชคดีหนีรอดมาได้ ผมเห็นดังนั้น
จึงรีบจัดการฆ่าพวกมันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึง
พยุงร่างอิมฮันนาที่เอาแต่เงยหน้ามองเหม่ออยูเ่ ช่นนัน้
“ผู้เล่นอิมฮันนา ไม่เป็นไรนะครับ”
“คะ คุณซูฮยอน!”
อิมฮันนาทาหน้าบิดเบีย้ ว อาจเป็นเพราะยังเจ็บส่วนอก
ที่ถูกเหยียบย่ามาไม่หาย แต่ยังโชคดีที่ไม่มีสว่ นไหนได้รบั
บาดเจ็บหนัก หล่อนวางมือทาบลงบนอก แล้วปรายตา
มองผมด้วยสายตาอันแสนร้อนรุ่มกลุม้ ใจ
“ทะ ทาได้อย่างไรคะเนีย่ ...คุณซูฮยอน เอ่อ ไม่สิ แคลน
ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
อิมฮันนามีสีหน้าที่ทั้งยินดีและขอบคุณผมอย่างมากใน
เวลาเดียวกัน ผมเองก็ยนิ ดีที่ได้เจอหล่อนเช่นเดียวกัน
แต่ทว่าสถานการณ์ในตอนนีม้ ันค่อนข้างฉุกละหุก ผมไม่
มีเวลาจะมานั่งสาธยายอะไรมากนัก จึงได้รีบชีน้ ิ้วไปยัง
อีกฟากฝั่งหนึ่งโดยทันที
“ไว้จะอธิบายคราวหลัง คุณรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี
แล้วใช่ไหมครับ”
แต่แล้วหล่อนก็ทาสีหน้าสุขุมและพยักหน้ารับโดยทันที
คงรูส้ ึกได้ถึงความรีบร้อนของผม
“ผู้เล่นอิมฮันนา ตอนนีม้ ีพวกศัตรูกาลังรวมตัวกันอยู่ที่
ด้านหน้าตรงนี้ เพราะฉะนั้นขอให้คณ ุ เดินเอียงไป
ทางซ้ายมือหน่อย พอไม่ให้พวกมันเห็นตัวคุณได้ แล้วจึง
ค่อยวิง่ หนีออกไปทางขวามือนะครับ ตรงนัน้ จะมีค่ายคุ้ม
กันตัง้ อยู่ ไปเข้ารวมตัวที่นั่นได้เลยครับ”
“คะ? ค่ายคุ้มกันหรือคะ”
“ค่ายคุม้ กันที่วิเวียนกับพี่ชายผมสร้างขึน้ มาน่ะครับ
บางทีตอนนี้อาจจะมีเหล่าผู้เล่นที่อยูร่ อบๆ นี้รวมตัวอยู่
ด้วยก็ได้ครับ ที่แห่งนัน้ ถือว่าปลอดภัยมากที่สดุ ในตอนนี้
แล้วครับ”
“ค่ะ รับทราบ ถ้างัน้ ตรงไปทางนัน้ ได้เลยใช่ไหมคะ”
ผมพึงพอใจเป็นอย่างมาก คงเป็นเพราะหล่อนเข้าใจ
สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็ตัดสินใจออกมาได้
อย่างฉับไว หากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่อิมฮันนา
แต่เป็นอันซลแล้วล่ะก็ เห็นทีคงจะวุน่ วาย เอาแต่ร้องไห้
กวนใจอยู่เป็นแน่
อันซล
“ครับ งัน้ คุณไปก่อนได้เลยนะ”
“ค่ะ คะ? เดี๋ยวสิคะ! ต้องไปด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ”
“ขอโทษทีครับ ผมต้องไปตามหาสมาชิกเผ่าคนอื่นๆ
ด้วยน่ะ”
“…!”
บางทีผมอาจจะต้องพาใครหลายๆ คนพ่วงไปด้วย ไม่ว่า
จะเป็นจองฮายอน, ชินซังยง, อันฮยอน, อันซลและอียู
จอง เป็นต้น แต่ทว่าอิมฮันนาน่ะ ด้วยความที่หล่อนเป็น
ผู้เล่นนักธนูอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแค่ผมบอกทิศทาง
หล่อนไป อย่างไรหล่อนก็สามารถเดินทางไปตัวคนเดียว
แล้วถึงที่แห่งนั้นได้สบายๆ แน่นอน หล่อนเป็นผู้เล่นที่มี
ความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว
“งั้น”
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
ผมได้ยินเสียงอิมฮันนาร้องเรียกผม แต่ด้วยความที่ผมยัง
เป็นห่วงเด็กคนอืน่ ๆ อยู่ จึงทาได้แค่ส่งสายตาร่าลาไปให้
แล้วหมุนกายไปทันที และเริ่มออกวิ่งไปอีกครัง้ หนึ่ง
เป้าหมายต่อไปคือ...
แต่แล้วผมก็หยุดวิ่งไปชัว่ ขณะ เพราะผมรู้สึกได้ว่าอิมฮัน
นากาลังตามหลังผมมาอยู่
ผมพลันเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึน้ เล็กน้อย แล้วจึง
เหลียวกลับไปมองด้านหลัง
“ผู้เล่นอิมฮันนา ตอนนีม้ ัวทาอะไรอยู่ล่ะครับ”
“ฉันจะไปด้วย ไปด้วยกันนะคะ”
“...ครับ?”
“ฉันบอกว่าจะไปกับแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี.่ ..ฉันจะ
ไปกับคุณซูฮยอนด้วย!”
คาพูดที่ผมคาดไม่ถึงว่าจะออกมาปากหล่อน ทาเอาผม
ขมวดคิ้วอย่างหนัก
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ...!”
“ไม่เอา! จะให้ฉนั อยู่ดเู ฉยๆ แบบนี้น่ะหรือคะ”
“...?”
“เดี๋ยวก็หายไปอีก เดี๋ยวก็ได้แต่เฝ้ามองดูอย่างนั้น...ฉัน
จะตามไปด้วย ไม่ว่ายังไงคราวนี้ฉนั ก็จะไปด้วยให้ได้!”
ผมรู้สึกงงไปหมด หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของอิมฮันนา
ที่กาลังตะเบ็งเสียงออกมา ช่างมุ่งมัน่ ตั้งใจจนถึงขนาดที่
ผมไม่สามารถต่อกรได้เลย
ปกติแล้วหล่อนจะดูนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่ทว่าคราวนี้
กลับให้ความรู้สึกที่แปลกแตกต่างออกไป ผมเห็นดังนั้น
จึงได้แต่ปิดปากเงียบอย่างไม่รู้สาเหตุเช่นกัน
คาพูดที่อิมฮันนาพูดไว้เมื่อสมัยก่อน วิ่งแล่นผ่านเข้ามา
ในความทรงจาของผม
‘ฉันขอพูดแบบเป็นทางการไปก่อน หลังจากนีจ้ ะ
เปลี่ยนไปพูดแบบไม่เป็นทางการค่ะ’
‘ฉันอยากจะลองลิขิตชะตาของตัวเองสักครั้งน่ะค่ะ
“…”
“…”
ผมจดจ้องอิมฮันนาในช่วงระยะเวลาอันแสนสัน้
ผมเห็นแววตาของอิมฮันนาสัน่ ไหวน้อยๆ พลางกัดปาก
ตัวเองแน่น
เวลาผ่านไปเพียงห้าวินาทีเท่านัน้ ที่เราสบตากัน
“โอเค”
ผมเกิดเปลี่ยนใจขึน้ มาทันที จึงตอบรับให้หล่อนร่วม
เดินทางไปด้วย
“เฮ้อ...!”
ทันใดนั้นเสียงถอนหายใจเบาๆ จึงดังขึ้น พร้อมกับคิ้วที่
เคยพันกันจนยุ่งเหยิงก็คลายออกไป ริมฝีปากปิดสนิท
ของอิมฮันนาค่อยๆ เผยออกมาให้เห็นถึงรอยยิ้มอันแสน
ดีใจ
“คุณซูฮยอน! จะ จริงใช่ไหมคะ พูดจริงนะคะ?”
อิมฮันนาเผยสีหน้าที่ดูโล่งใจขึน้ หล่อนพลันดูมสี ีหน้า
สดใสขึน้ มาก แต่ทว่าผมก็ไม่ได้ตอบกลับไปในทันที ได้
แต่พยักหน้าให้แทนคาตอบ แล้วจึงมองไปยังท้องฟ้า ณ
ทิศทางหนึง่ บนนัน้ ปรากฏข้อความสามข้อความที่พร
คุ้มครองแห่งสงครามแจ้งมาให้ทราบเมื่อครู่ก่อนหน้า
[อัปเดตข้อมูลตาแหน่งของผู้เล่นจองฮายอน]
ข้อมูลของจองฮายอนอัปเดตแล้ว ผมจึงรีบกะระยะทาง
และทิศทางอย่างรวดเร็ว แล้วจึงได้ทราบว่าข้อมูลที่แทบ
จะคล้ายคลึงกับของอิมฮันนาได้อปั เดตแล้วเรียบร้อย
ผมจึงไม่คิดซ้าสองอีกต่อไป ตัดสินใจช่วยจองฮายอน ผู้
เป็นเป้าหมายต่อไปในทันที
หลังจากผมตัดสินใจได้เช่นนัน้ ผมจึงได้หันไปมองอิมฮัน
นา ตอนนี้ผมตัดสินใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ดังนัน้
ลาดับถัดไปก็ถึงคราวที่เราจะต้องเคลื่อนตัวกันเสียที
“ครับ แต่มีเงื่อนไขหนึง่ ข้อแทนนะ”
“คะ? เงื่อนไขหรือคะ”
“ในระหว่างเดินทาง คุณจะต้องทาตามที่ผมพูดอย่างไม่
มีข้อโต้แย้ง ถ้าคุณไม่มคี วามมัน่ ใจมากพอทีจ่ ะทาสิ่งนี้
ผมก็คงไม่สามารถยินยอมให้คุณเดินทางไปด้วยได้ครับ”
“งั้นหรือคะ ฉันจะทาตามแน่นอนค่ะ”
อิมฮันนาพยักหน้าให้กบั คาขูข่ องผม พลางแสดงสีหน้า
แน่วแน่ออกมา ดูท่าว่าคงจะลืมการต่อต้านที่แสดงให้
เห็นเมื่อครูก่ ่อนนี้ไปเสียแล้ว
“สัญญาค่ะ ขอแค่คุณอนุญาตให้ฉันไปด้วย...”
“…”
ท่าทางที่ดูไม่ลงั เลเลยแม้แต่น้อยนั้น ทาให้ผมไม่สามารถ
เชื่อถือได้อย่างสนิทใจ แต่ตอนนี้อิมฮันนาก็มีเรือ่ งที่
จะต้องช่วยผมอยู่หนึ่งอย่างแล้ว ดังนัน้ ผมจึงสาวเท้าเข้า
ไปใกล้หล่อนอย่างรวดเร็ว หล่อนเงยหน้ามองผม ไม่ไหว
ติงต่อสิ่งอืน่ ใด ผมจึงสัมผัสไปที่รา่ งของหล่อน แล้วจึง
อุ้มขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง
อิมฮันนาเผลอร้องตกใจน้อยๆ
“อะ อุ๊ย!”
“ระหว่างเดินทาง...”
“คะ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี?่ ”
“...ระหว่างเดินทางไป ถ้าผมบอกให้คุณกลับ คุณก็
จะต้องทาตามนะครับ”
อิมฮันนาถลึงตาตกใจ แต่แล้วก็ได้หลับตาลงไปอย่าง
แผ่วเบา หล่อนยื่นแขนทั้งสองข้างเข้ามากอดคอผมไว้
อย่างช้าๆ ในช่วงที่ผมรูส้ ึกได้ถงึ มือเรียวบางสัมผัสเข้า
บริเวณลาคอ จึงทาให้ผมตัดสินใจ เริม่ วิ่งออกไปอย่างไม่
รีรอ
“ฉัน...ฉันเองก็มั่นใจว่าตัวเองวิ่งเก่งในระดับหนึ่งนะ...”
ความไม่พึงพอใจที่เผยออกมาช้าไปนัน้ ทาเอาผม
หลงลืมช่วงที่กาลังออกแรงวิ่งไปด้วยความรวดเร็วของ
ตัวเองทันทีทันใด
คะแนนความคล่องแคล่วของอิมฮันนาอยู่ที่เก้าสิบสอง
คะแนน ซึ่งต่างกับผมแค่หกคะแนนเท่านัน้ แน่นอนว่า
เก้าสิบสองคะแนนนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่รวดเร็วมากก็
จริง แต่ทว่าก็ยงั แตกต่างกับผมอยู่มากโขเลยทีเดียว
เพราะผมมีอปุ กรณ์หลายชิน้ ที่พร้อมสนับสนุนกาลังอยู่
มากกว่าหล่อน ตอนนี้ผมไม่ได้ต่อสูป้ ะทะกับพวกศัตรูแต่
อย่างใด ทว่ากาลังวิง่ ข้ามผ่านไปให้ได้มากที่สดุ
เพราะฉะนัน้ แล้ววิธีที่ดที ี่สุดในตอนนี้คือ การอุม้ หล่อน
ไปนัน่ เอง
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 10
_______________________________________
เชร้ง! เชร้ง!
บึ้ม! บึ้ม!
ยิ่งผมข้ามผ่านอยู่ในสมรภูมิรบมากเท่าใด ระดับความ
น่าสังเวชใจก็ยงิ่ เพิ่มพูนมากขึ้น ทั้งลูกธนูและเวทมนตร์
ต่างยิงกระหน่่าเข้ามาเหมือนกับการทิ้งระเบิดไว้ไม่มี
ผิดเพี้ยน ควันโขมงหนาทึบปะทุขึ้นมาเป็นหย่อมๆ สูง
หลายสิบเมตรเห็นจะได้
“อย่าหนี รวมกลุ่มกันไว้! รวมกลุม่ กันไว้!”
“ดะ เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิง่ ไป! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย...อึก...
อ๊ากกก!”
เสียงตีรันฟันแทงดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนต่อต้านการ
สังหารอันแสนโหดเ**้ยมของพวกศัตรู และยังมีเสียง
ร้องขอความช่วยเหลือดังขึน้ จากที่ใดสักที่
“คะ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี”่
“...”
ตั้งแต่เสียงระเบิดและเสียงวุน่ วายที่ดังขึน้ มาต่อจากนัน้
แว่วผ่านเข้าในหูอย่างเลือนราง แต่ทว่าผมก็เพิกเฉยต่อ
สิ่งเหล่านั้น และเดินผ่านมันไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ผมหนีแรงระเบิดต่างๆ และถ้าหากเห็นพวกศัตรูก็แค่วิ่ง
ข้ามพวกมันไปก็เท่านัน้
ความสนใจของผมในตอนนีม้ ีเพียงการช่วยชีวติ อย่าง
เดียวเท่านัน้ เหล่าผู้เล่นคนอืน่ ๆ เขาจะเป็นอย่างไร และ
ก่าลังท่าอะไรอยู่ นัน่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจ่าเป็นต้องรู้
ส่าหรับผมในตอนนีน้ ั้น ขอเพียงแค่ผมสามารถช่วยเหลือ
และรับผิดชอบต่อชีวติ ของคนที่ผมรูจ้ กั ไว้ได้ ก็นับเป็น
เรื่องทีน่ ่าภูมิใจมากๆ แล้ว
ในระหว่างที่ผมก่าลังวิ่งไปด้วยก่าลังทั้งหมดที่มอี ยู่นนั้
จู่ๆ ก็รู้สกึ ได้ถงึ อะไรอุน่ ๆ เฉียดเข้ามาตรงแก้ม ผมจึงก้ม
หน้ามองลงไป แล้วจึงได้เห็นแววตาอันแสนเหม่อลอย
จากอิมฮันนาที่มองขึน้ มา ทว่าเราทั้งคูส่ บตากันเพียงแค่
ช่วงเสี้ยววินาที ผมเงยหน้าขึน้ มาอีกครัง้ หล่อนเองก็
หลุบตาต่่าลงไป พร้อมลดมือลง
“มีเลือดเลอะอยู่น่ะค่ะ...”
“...”
เสียงอันแสนแผ่วเบาที่ดังขึน้ จากด้านล่างนัน้ ท่าเอาผม
รู้สึกนึกขอโทษหล่อนน้อยๆ อยู่ในใจเลยทีเดียว แม้
หล่อนบอกว่าจะพยายามติดตามผมให้ได้ดีที่สุด แต่ถึง
อย่างนั้นผมก็ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะส่งหล่อนกลับไป
ผมเลือกจองฮายอนไว้เป็นเป้าหมายถัดไปที่จะช่วยชีวิต
และได้คิดไว้แล้วว่าจะขอร้องให้หล่อนเดินทางไปจนกว่า
จะถึงค่ายคุ้มกันโดยสวัสดิภาพ เช่นนั้นแล้วผมจึงจะ
สามารถเคลื่อนตัวไปหาเป้าหมายต่อๆ ไปได้ โดยที่ไม่
จ่าเป็นจะต้องวิ่งเทียวไป เทียวมาอยู่หลายครัง้ นั่นเอง
เข้าใจฉันด้วยนะ
ผมวิ่งเข้าไปในกลุม่ ควันที่ผสมปนเปไปด้วยขี้เถ้าตรง
เบื้องหน้า เพราะคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ผมท่าอะไร
ไม่ได้อยู่แล้ว
ผมใช้จดุ ที่พบตัวอิมฮันนาตัง้ เป็นมาตรฐาน ดังนั้น
ระยะห่างของจองฮายอนจึงอยู่ที่ประมาณหนึง่ ร้อยสิบ
เมตร หากผมผ่านจุดนีเ้ พียงจุดเดียวไปได้ ต่าแหน่งที่จะ
เข้าช่วยชีวติ เป็นล่าดับที่สองจึงจะเผยออกมา ผมกลั้น
ลมหายใจหนึง่ ครั้ง เมื่อมาถึงต่าแหน่งเป้าหมายอย่างไม่
รู้ตัว
ใบหน้าผมเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้เถ้า พร้อมกับทัศนวิสัย
อันแสนด่ามืดจนมองไม่เห็นสิ่งใด ทว่าพอผ่านกลุ่มควัน
แล้วพ้นออกมาได้นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลับคืนสู่สภาพ
ปกติอกี ครั้งหนึ่ง วินาทีนั้นผมจึงได้หยุดก้าวเดินของ
ตัวเองไป
เสียงกรีดร้องยังคงดังแว่วอยู่เช่นเดิม
ผมค่อยๆ ปล่อยตัวอิมฮันนาลงอย่างช้าๆ แล้วใช้สายตา
กวาดมองทั่วอาณาบริเวณ
คงเป็นเพราะเดินผ่านเลยไปสักระยะหนึ่งแล้วก็เป็นได้
จึงท่าให้ผมไม่เห็นพวกศัตรูรวมกลุ่มใหญ่กนั อยู่เลย อีก
ทั้งยังไม่พบตัวเหล่าผู้เล่นที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆ นี้ด้วย
สิ่งที่เห็นอยูเ่ พียงสิ่งเดียวคือ เลือดสีแดงฉานที่ไหลไป
ตามผืนดินกับเลือดที่เลอะอยู่บนตัวศพแต่เพียงเท่านัน้
และแล้วจากกองศพที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ ข้อมูลของจอง
ฮายอนจึงได้ถกู ยืนยันขึน้ มาอีกครั้ง
ผมใจเต้นระส่่าระส่ายไปชัว่ ขณะ แต่แล้วก็ได้รบี ปลุก
ดวงตาที่สามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต่อมาจึงเริ่มสอดส่อง
ต่าแหน่งทีร่ ู้สึกได้ถึงตัวจองฮายอน จากกองศพจ่านวน
นับไม่ถว้ นทีก่ ระจายทั่วทุกหนแห่ง
[ผู้เล่นคิมจูยอน (เสียชีวิต)]
[User Kaisa Matthew (เสียชีวติ )]
[ผู้เล่นชินฮยอนแท (เสียชีวิต)]
[User Brian James (เสียชีวิต)]
[ผู้เล่นคิมอายอง (เสียชีวิต)]
[ผู้เล่นจองฮายอน (บาดเจ็บหนัก)]
[…]
[User Kate Bellamy (เสียชีวิต)]
[ผู้เล่นคิมจีฮุน (เสียชีวติ )]
[ผู้เล่นฮันฮโยจิน (บาดเจ็บหนัก)]
[…]
เจอแล้ว
ผมค้นพบตัวจองฮายอนจนได้ในที่สุด พร้อมกับได้ยนื ยัน
สถานะของหล่อนแล้วเป็นที่เรียบร้อย นั่นจึงท่าให้ผม
ถอนหายใจโล่งอกทันที และในวินาทีก่าลังจะวิง่ ออกไป
นั่นเอง ผมรู้สึกได้ถึงกระแสพลังเวทที่ไหลเวียนเข้ามา
อย่างกะทันหันจากด้านข้าง จึงท่าให้ผมต้องคว้า
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียขึ้นมาอย่างทันทีทนั ใด แล้วชู
ดาบขึน้ มาทันที
พรึบ่ !
“อ๊ะ!”
“อย่าท่าตัวเป็นจุดสนใจล่ะ”
อิมฮันนาก่าลังหันหน้าไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมกับเล็ง
แสงแปลบปลาบส่องประกาย : ลอร่า ฟีลสิ แต่ผมคว้า
หมับเข้าให้อย่างเร่งรีบจนเกือบพลาดหลุดมือไป แล้วจึง
พยักหน้าให้ผมด้วยสีหน้างงงวย
ผมสั่งให้อิมฮันนาระมัดระวังตัวอีกครัง้ หนึ่ง แล้ว
หลังจากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในกองศพ เพราะผมสามารถ
วิเคราะห์ได้แล้วว่าจองฮายอนอยู่ตรงไหน
ผมเหยียบร่างอันไร้วิญญาณหลายต่อหลายร่างไปอย่าง
ไม่แยแส แล้วหลังจากนั้นจึงพบตัวจองฮายอนที่นอน
แน่นิ่ง หน้าซีดเผือดอยูบ่ นผืนดิน
ผมตรงยาวสีฟ้าเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
พอผมเลื่อนสายตาลงไปมอง จึงเห็นว่ามีลกู ธนูสองดอก
ปักเข้าที่หน้าท้องของหล่อนอยู่ บางทีเลือดที่ไหลนองอยู่
บนผืนดินแห่งนี้ อาจจะมีเลือดของหล่อนปะปนอยู่
บางส่วนก็เป็นได้
พอผมคิดได้เช่นนั้น จึงเริ่มสงบจิตสงบใจตัวเอง ผมไม่
มานัง่ เขย่าตัวจองฮายอน ร้องห่มร้องไห้ทุเรศทุรังแบบ
นั้นหรอก เพราะผมไม่ลมื ว่าจะต้องท่าอะไรก่อนเป็น
อันดับแรก ผมมองร่างของหล่อน แล้วจึงดึงหัวลูกศรกับ
ก้านหักทิ้งไป และดึงก้านธนูที่หลงเหลืออยู่บนร่างออก
“อึก...!”
เพียงชัว่ ครู่เดียวเท่านั้น ที่ร่างกายของจองฮายอนเกิด
การสั่นสะท้านเล็กน้อย ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆ ลืม
ขึ้นมา นัยน์ตาสีฟา้ ที่กว่าจะเผยออกมาได้นนั้ จ้องมาที่ผม
เสี้ยวหนึ่งของความสับสนวุน่ วายปะทุขนึ้ มาในแววตา
ของหล่อน ดูท่าว่าหล่อนคงจะยังยืนยันไม่ได้วา่ คน
ตรงหน้าตัวเองใช่ผมจริงๆ หรือไม่
ดังนัน้ ผมจึงเริ่มพูดออกไปก่อนว่า
“จองฮายอน ล่าบากแย่เลยนะครับ ตอนนีป้ ลอดภัยแล้ว
ครับ”
และแล้วจองฮายอนจึงได้ปริปากพูดออกมาอย่าง
ยากล่าบากว่า
“ซู...”
ทว่าสุดท้ายจองฮายอนก็ไม่สามารถพูดออกมาได้จนจบ
ประโยค คงเป็นเพราะไม่มีพลังเหลืออยู่แล้วนัน่ เอง
ดวงตาของหล่อนปิดสนิทลงอีกครั้ง ศีรษะห้อยตกลง
เหมือนคนไม่มีแรง
ลมหายใจอันแสนแผ่วเบาค่อยๆ แล่นผ่านจมูกออกมา
ผมจึงได้ลงมือจัดการน่าอีกก้านหนึ่งออกไปจนหมด
หลังจากนั้นจึงได้ปลุกพลังเวทขึ้นมา และกดนวดบริเวณ
หน้าท้องของหล่อนที่มีเลือดกระจัดกระจายอยูเ่ ต็มไป
หมดเพื่อเอาเลือดออกมาให้ได้ หลังจากนั้นไม่นาน เลือด
ที่ไหลพุ่งออกมาจึงค่อยเริ่มลดลงเบาบางในชัว่ พริบตา
และหยุดไหลในที่สุด
พอผมยืนยันสภาพร่างกายทุกอย่างเสร็จสิน้ จึงอุ้มจอง
ฮายอนขึน้ มาและหมุนกายกลับไป
“พะ...พี่ฮายอน?”
อิมฮันนาทีย่ ืนเฝ้าระวังอยู่ท่าหน้าตกใจขึ้นมาทันทีที่ได้
เห็นจองฮายอน
“พะ...พี่คะ ท่าไงดี หรือว่า...?”
“ยังไม่ตายครับ”
ผมมองอิมฮันนาที่ชะโงกหน้ามาดู แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
กลับไป หลังจากนัน้ จึงยื่นแขนทั้งสองข้างออกไป
ตรงหน้าหล่อนอย่างช้าๆ อิมฮันนาเอียงคอสงสัยครู่หนึ่ง
แต่กระนัน้ ก็ยังยืน่ มือมาจัดการกับธนูอย่างรวดเร็ว แล้ว
จึงประคองร่างของจองฮายอนไว้
ผมจึงพูดต่อไปในทันทีว่า
“อิมฮันนา อาจจะยังเร็วไปหน่อย แต่เห็นทีวา่ คุณ
จะต้องหยุดการเดินทางไว้เพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ”
“ค...คะ?”
อิมฮันนาถามกลับมาด้วยสีหน้าแกมสงสัย แต่ถึงอย่าง
นั้นผมก็ยังพูดต่อไป เพราะนัน่ คือเรื่องจริงที่ผมได้คิดมา
ไว้ก่อนแล้ว
“ยังจ่าต่าแหน่งของค่ายคุ้มกันที่ผมเรียนให้ทราบเมื่อครู่
ก่อนได้ไหมครับ”
“ก็จ่าได้ค่ะ แต่...”
“ก่อนอื่น ผมขอให้คุณไปยังจุดที่เราได้เจอกันครั้งแรก
เสียก่อน หากเจอศัตรู ก็ขอให้เลี่ยงพวกมันไป ระวังลูก
ธนูกบั เวทมนตร์ด้วย และก็ไม่วา่ คุณจะรีบอย่างไร ก็
ขอให้อย่าเดินผ่านสนามรบโดยเด็ดขาด ส่วนต่าแหน่งที่
ผมพูดไปเมื่อครูน่ ั้น หากคุณไปถึงจุดนัน้ แล้ว ก็สามารถ
เลี่ยงออกไปข้างนอกได้เลยครับ หากคุณเลี่ยงตัวออกไป
ได้เสียก่อน พวกศัตรูก็คงจะมองไม่เห็นตัวแล้วล่ะครับ”
“...”
“ขอฝากจองฮายอนไว้ด้วยนะครับ”
ทันทีที่พูดประโยคเหล่านั้นจบ ผมจึงหมุนกายไปทันที
การกระท่าของผมเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยาก
ยืนยันถึงความปลอดภัยและสวัสดิภาพของจองฮายอน
แต่อย่างใด แต่ผมจ่าต้องเข้าไปช่วยเหลือคนอืน่ ๆ ที่
เหลืออยู่อีกเป็นจ่านวนมาก ดังนั้นแล้วผมจึงได้แต่ข่ม
อารมณ์และความรู้สึกนีไ้ ว้ แล้วมุง่ หน้าวิ่งต่อไป
ส่าหรับผมในตอนนีค้ ือ ผมไม่มีเวลาที่จะมานัง่ พักให้
เสียเวลาอีกต่อไป ในเมือ่ ผมได้ตัดสินใจเข้ามาอยู่ใน
สมรภูมริ บแห่งนี้แล้ว
“ด...เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
ในตอนนัน้ เอง หลังจากที่ผมส่งค่าเตือนไปให้ในครั้ง
สุดท้าย แล้วจึงตัดสินใจจะวิง่ ออกไปเดีย๋ วนั้นนั่นเอง
เสียงรีบร้อนของอิมฮันนาก็ได้ดังขึน้ มาฉุดรั้งตัวผมไว้
การกระท่าของหล่อนเช่นนี้ท่าเอาผมโกรธถึงขีดสุด แต่ก็
ยังยอมหันกลับไปหาอีกครั้ง อากัปกิรยิ าของอิมฮันนาที่
ผมเห็นนัน้ ไม่น่ามองเอาเสียเลย หล่อนมองดูผม พลาง
ท่าหน้าเหมือนไม่รู้วา่ จะต้องท่าอย่างไรต่อไป แล้วก็เอา
แต่มองผม สลับกับจองฮายอนไปมาอยู่อย่างนัน้
ดูท่าว่าอิมฮันนาคงอยากจะตามผมไปเสียให้ได้ อย่างไร
ก็ตามความคิดนัน้ ดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นความ
ห่วงใยจองฮายอนที่ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่ในตอนนี้
แทน
หล่อนคงจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว จึงได้พูด
ออกมาด้วยน้่าเสียงอันแสนระมัดระวัง
“ลอร์ดเมอร์เซนต์นารีค่ ะ”
“...?”
“ไปค่ายคุ้มกันกับพวกเราหน่อยไม่ได้หรือคะ”
และวินาทีที่ผมได้ยนิ ประโยคนัน้ ผมรู้สึกได้ว่าความ
อดทนอดกลัน้ ที่ผมกักเก็บไว้มนั พุง่ ทะยานขึน้ มาทันที
แม้จะข่มใจเอาไว้อย่างไรก็ตาม แต่ความโมโหถึงขีดสุด
ของผมก็ยังพุ่งกระฉูดออกมาอยูด่ ี ผมจึงเปิดปากพูด
ออกไปด้วยน้่าเสียงอันแสนแผ่วเบา
“ผู้เล่นอิมฮันนา”
กึก! กึก!
“ตอนนี้...ไม่เห็นคุณท่าตามที่ผมพูดเลยนี่ครับ”
วินาทีนนั้ เอง อิมฮันนาถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วถอยหลัง
ออกไปอย่างลังเลใจ ใบหน้าของหล่อนฉาบไปด้วยความ
หวาดกลัวจนไม่อาจซ่อนเร้นได้ และในตอนนั้นนั่นเอง
ผมจึงเข้าใจได้ถึงความผิดพลาดที่แสดงความโมโห
ออกไปอย่างไม่รู้ตวั
ผมจัดการอารมณ์ที่กา่ ลังพลุง่ พล่านไปทั่วร่างกาย แล้ว
จึงจดจ้องไปที่อิมฮันนา
หลังจากนั้นไม่นาน อิมฮันนาจึงมองผมด้วยสายตาอัน
แสนเศร้าสร้อย หลุบตามองต่่าลง ก่อนทีจ่ ะหันกาย
กลับไป หล่อนอุ้มจองฮายอนไว้อย่างทะนุถนอม แล้ว
เริ่มวิง่ ไปทั้งอย่างนัน้
หากใช้ความเร็วประมาณนั้น…ก็โอเคแล้ว คงจะไม่โดน
จับตัวไปหรอก
อิมฮันนาวิ่งห่างไกลออกไปในพริบตาเดียว ผมเห็นดังนัน้
ถึงกับโล่งอก หลังจากนัน้ จึงกลับหลังหันอีกครัง้ แล้วเริม่
เคลื่อนตัวเพื่อไปยังเป้าหมายถัดไปทันที
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 11
_______________________________________
หลังจากเผชิญกับคลืน่ ยักษ์มาแล้วพอลืมตาขึน้ มาอีก
ครั้ง จึงพบว่าสมรภูมริ บในขณะนี้ได้เปลีย่ นแปลงไป
อย่างสิน้ เชิง
ตู้ม ตู้ม!
“ช...ช่วยด้วย!”
เสียงเวทมนตร์ดงั ประสานไปกับเสียงร้องขอชีวติ
ฟิ้ว ฟิว้ !
“อ๊ากกก!”
เสียงธนูและเสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องกันมา
ด้วยความที่ไม่ได้สวมแว่นจึงทาให้มองเห็นไม่คอ่ ยชัด
เท่าไหร่ ทว่าเสียงมากมายที่ดังแว่วเข้ามาในหูนั้นก็ทาให้
พอรูถ้ ึงสถานการณ์โดยรอบได้บา้ ง ชินซังยงทาหน้าบูด
เบี้ยว พลางเอามือกุมหัวที่กาลังถูกลมกรรโชกอย่าง
รุนแรงไว้
ตอนนีเ้ ขายังไม่รู้อะไรละเอียดมากนัก ไม่สิ ต้องบอกว่า
ไม่มีเวลาสืบส่องอย่างละเอียดมากกว่า
เสียงกรีดร้องของสตรีผหู้ นึ่งดังขึน้ มาอย่างต่อเนื่อง
แม้กระทั่งก่อนเขาจะลุกขึน้ ยืนก็ยงั คงได้ยนิ เสียงนัน้ อยู่
วินาทีนนั้ เขาคิดว่าหากเข้าไปยุ่มย่ามอะไร อาจทาให้เกิด
เรื่องใหญ่ขนึ้ ได้ ดังนัน้ เขาจึงอดทนอดกลัน้ ต่อความ
เจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาบริเวณขาอ่อนด้านใน แล้วพยุง
ตัวลุกขึ้นยืนในที่สดุ และตั้งหน้าตัง้ ตาวิ่งออกไปข้างหน้า
ทันที
ชินซังยงได้แต่วิ่ง วิ่ง และวิ่งอยู่เช่นนัน้
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก!”
เขาวิ่งอยู่เช่นนัน้ มานานเท่าไหร่แล้ว สถานการณ์มนั จะ
เป็นอย่างไรต่อไป
เสียงหัวใจเต้นดังตึกตัก เกิดอาการวิงเวียนศีรษะเล็กๆ
ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดูเหมือนเขาจะวิ่งมานานมากเลย
ทีเดียว ทว่าสมรภูมริ บในครั้งนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด
แต่อย่างใด
ชินซังยงหมดหนทางแล้วจริงๆ เขารู้สกึ ได้วา่ ร่างกาย
ตัวเองเกิดการสั่นสะท้านไปมาอย่างรุนแรง ทันใดนัน้
น้าตาก็ไหลอาบสองแก้มโดยไม่รู้ตัว
ไม่เพียงเท่านัน้ ขาอ่อนด้านในของเขายังรูส้ ึกร้อนรุ่ม
ราวกับมีอะไรมาสุมอยูต่ รงหน้า อีกทั้งยังมีอะไร
บางอย่างคล้ายๆ กับเหงื่อไหลเป็นสาย แม้จะบอกว่ามัน
เป็นเหงื่อจริงๆ แต่ทว่าเจ้าของเหลวนัน้ กลับมีอุณหภูมิ
สูง และยังเหนียวเหนอะหนะอีกด้วย
ในระหว่างทีว่ ิ่งมาตลอดทาง ในที่สุดชินซังยงก็ไม่
สามารถเอาชนะต่อความเจ็บปวดทีป่ ะทุขึ้นมาได้ จึงได้
หลุบตามองด้านล่าง ทันใดนั้นจึงได้เห็นว่าขาอ่อนทาง
ขวามือของเขามีเลือดเกรอะกรังอยูเ่ ต็มไปหมด
“แฮ่ก!”
และในตอนนัน้ เอง เท้าของเขาที่ออกแรงวิง่ อยูก่ ็ดันไป
ปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างที่เป็นของเหลว ด้วยเหตุนจี้ ึง
ทาให้เขาล้มหน้าคว่าลงไป
ครืด!
ร่างกายของเขาจึงไถลไปข้างด้านอย่างช่วยไม่ได้ มิหน้า
ซ้าหน้ายังครูดไปกับพื้นดินอย่างแรงอีกด้วย
เขารู้สึกแสบๆ ร้อนๆ ทีใ่ บหน้าอยูพ่ ักหนึ่ง แต่มนั ก็แค่
เดี๋ยวเดียวจริงๆ
ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็ได้ยนิ เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
อะไรบางอย่างกาลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชินซังยงรีบยัน
กายขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ แม้ขาอ่อน
ด้านในของเขาจะเจ็บปวด จนถึงไม่สามารถพยุงตัว
ขึ้นมาได้ก็ตาม แต่เขาก็คิดอยู่เสมอว่าจะต้องหนีไปให้ได้
จึงได้ลกุ ขึน้ ยืนอีกครั้งหนึ่ง
แต่นั่นมันจะสายเกินไปหรือเปล่า เพราะจังหวะที่กาลัง
จะวิ่งหนีออกไปนัน้ ชินซังยงกลับรู้สึกได้วา่ มีมอื คู่หนึ่ง
กาลังจับเข้าที่หัวไหล่ของเขา เขาหันหน้าไปอัตโนมัติ
พร้อมกับความรักตัวกลัวตายที่แผ่ซ่านเข้าทุกอณูของ
ร่างกาย
และในตอนนัน้ เอง
“แฮ่ก พี่! พี่ซังยง! แฮ่ก แฮ่ก!”
เขาก็พบเข้ากับอันฮยอนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เส้นผมเส้นเล็กสีแดงเพลิงตรงด้านหลังเขาปลิวไปมา
เขาใจเต้นไม่เป็นส่า และวินาทีที่เจ้าของมือที่ยนื่ มาจับ
ไหล่เขาไว้นนั้ ได้เผยโฉมออกมานั่นเอง เสียงกรีดร้องที่
เคยได้ยินอยูร่ อบข้างจึงเริ่มเงียบลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่
รู้ตัว
แล้วชินซังยงที่กาลังเกลือกกลิง้ อยูบ่ นพืน้ จึงได้หยุดการ
เคลื่อนไหวไว้เพียงเท่านั้น
“พี่!”
เสียงที่ดังขึน้ มาอีกครั้งนั้น ช่างเป็นเสียงทีค่ ุ้นเคยมากเสีย
จริง ความคุน้ เคยในเสียงเช่นนั้นสามารถช่วยสกัดกัน้
ความยุ่งเหยิงในหัวของชินซังยงได้เล็กน้อย เขากะพริบ
ตาครั้งสองครั้ง และด้วยสายตาที่ชัดเจนมากขึน้ เล็กน้อย
จึงทาให้เขาเห็นอันฮยอนที่กาลังจับไหล่ของตัวเองอยู่
และอียูจอง ผู้ทอดสายตามองด้วยสายตาเย็นยะเยือกอยู่
ข้างๆ
“อ้า อันฮยอนกับยูจอง ทุกคนยังอยู่ดีกนั สินะ...”
“ครับพี่! พี่เองก็ยังมีชวี ติ รอดอยู่เหมือนกัน โชคดีมากๆ
โชคดีจริงๆ”
น้าเสียงของชินซังยงทีก่ ว่าจะเอื้อนเอ่ยคาใดออกมาได้
นั้น เจือปนไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้นเล็กๆ ความตึงเครียด
ที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายจนถึงเมื่อครู่ ได้สลายตัวไป
อย่างรวดเร็วปานน้าไหลเชี่ยวทันทีที่ได้เห็นสองคน
ตรงหน้า แล้วความโล่งอกโล่งใจจึงได้เข้ามาแทนที่ อีก
ทั้งเขายังรู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดทีข่ าได้ทุเลาลงไปบ้าง
แล้ว พร้อมกับถอนหายใจน้อยๆ ออกมา
“พี่! พอดีเลย คือตอนนีเ้ กิดเรื่องใหญ่ขนึ้ แล้วล่ะครับ ผม
ต้องการความช่วยเหลือจากพี่มากๆ เลย”
“นั่น...นั่นสิเนอะ เรื่องใหญ่จริงๆ อ้อ ตอนนี้เห็นทีคงจะ
อยู่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ ก่อนอืน่ เราต้องรีบ...”
ชินซังยงพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ได้หยุด
คาพูดของตัวเองไปดื้อๆ เพราะอันฮยอนที่กาลังจับไหล่
เขาอยูน่ นั้ ส่ายหัวกลับมาให้นนั่ เอง
“ไม่ครับพี่ คือมันไม่ใช่อย่างนั้นครับ”
“อะ เอ๋? ถ้าไม่ใช่แล้ว...”
จากการปฏิเสธอันแสนรวดเร็วของอันฮยอน จึงทาให้ชนิ
ซังยงถามกลับไปด้วยสีหน้าสงสัย
“ซลน่ะครับ ซลหายตัวไป ผมต้องไปตามหาน้อง”
ทันทีที่อันฮยอนให้คาตอบกลับมานัน้ ความรูส้ กึ ปลอด
โปร่งโล่งใจที่กาลังจะแล่นปราดเข้ามาในร่างกายของชิน
ซังยงจึงพลิกคว่ากลับไปในพริบตาเดียว
“ครับ? อ้า ตามหาตัวอันซลหรือครับ ทาไมจู่ๆ ถึงพูด...
แบบนัน้ ล่ะครับ”
“ก็ตามนั้นนัน่ แหละครับ ผมช่วยมาได้อย่างหวุดหวิด
แล้วเชียว แต่แล้วพวกศัตรูมันก็เข้ามาโจมตีแทบจะทุก
ทิศทุกทาง ผมก็เลยคลาดกับซลไปน่ะครับ ผมตามหาตัว
ตลอดตั้งแต่เมื่อกีนี้แล้ว แต่...ไม่เห็นเลยว่าซลไปอยู่
ไหน”
แม้อันฮยอนจะพูดเรียงประโยคได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ชนิ
ซังยงกลับเข้าใจในคาพูดของอันฮยอนได้อย่างดีเยี่ยม
และในวินาทีที่เขาได้ยินประโยคเหล่านัน้ ความรู้สึก
ต่อต้านอย่างรุนแรงจึงก่อตัวขึ้นมาในอก
ความอึดอัดใจบางอย่างตีตื้นขึน้ มาโดยไม่รู้สาเหตุ ใจที่
เคยสงบนิ่งไปเริ่มเต้นรัวขึน้ มาอีกครั้ง
ความจริงแล้ว หลังจากเผชิญหน้ากับคลืน่ ยักษ์มานัน้
ทั้งอันฮยอน, อียูจองและอันซลกลับมารวมตัวกันได้ราว
กับในละครไม่มีผิด
เหล่าผู้เล่นที่สามารถควบคุมสติตัวเองได้นนั้ ก็ได้เริ่ม
จัดตั้งกลุ่มขึ้นมา ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้อนั ฮยอนกับอียจู อง
เวียนมาพบกันได้ และบางส่วนที่อยู่ในกลุม่ นัน้ ได้พา
กองทัพของเราเคลื่อนตัวไป จึงทาให้สามารถช่วยชีวิต
อันซลมาได้สาเร็จ
เขาคิดว่านี่แหละ คือความโชคดีในความโชคร้ายที่ได้พบ
เจอมาตั้งแต่อยู่ทนี่ ี่
ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว กลุ่มที่ตั้งขึน้ มากลับต้องสลายตัว
กันไป เนื่องจากเจอกับพวกศัตรูเข้าเสียได้ มิหนาซ้ายัง
ไม่ได้ขา่ วคราวเรื่องร่องรอยของอันซลทีว่ ิ่งสติหลุดหนี
หายไปเลยแม้แต่น้อย จึงทาให้อันฮยอนต้องเทีย่ ววิ่ง
ขอร้องคนอื่นๆ ที่หนีออกมาได้ว่า ขอให้ช่วยตามหาตัว
น้องของเขาด้วย แต่แล้วพวกเขาเหล่านัน้ กลับปฏิเสธ
จึงทาให้ต้องออกตามหากับอียูจองเพียงแค่สองคน
เท่านัน้
แต่สาหรับชินซังยงที่ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์เช่นนั้นเลย
แม้แต่น้อย กลับรู้สกึ ได้ว่าคาพูดของอันฮยอนนั้นออกจะ
เกินไปเสียหน่อย ไม่สิ ถึงแม้เขาจะบอกว่ารู้เหตุการณ์
เช่นนัน้ ดี แต่ความคิดก็คงไม่ได้ต่างจากเดิมไปมาก
เท่าไหร่นัก
ในสมรภูมริ บที่ไม่รู้วา่ จะต้องตายอย่างไร ตายเมื่อไหร่
เช่นนีน้ ั้น ชินซังยงก็ยังสามารถหนีรอดมาได้จนถึงตอนนี้
ทั้งหมดก็เพื่อการมีชีวติ อยู่ต่อไปเท่านัน้ แต่ทว่าอันฮยอน
กลับไม่คิดว่าจะต้องรวมพลัง แล้วหนีออกไปแต่อย่างใด
ซ้าร้ายยังมาชวนให้เขากลับเข้าไปในสมรภูมริ บบ้าบอ
อีกต่างหาก การกระทาเช่นนัน้ เหมือนเป็นการยื่นหัวให้
เสือเขมือบเอง ด้วยเหตุนี้ คาขอร้องของอันฮยอนจึง
กลายเป็นคาวิงวอนที่เขาไม่สามารถน้อมรับไว้ได้
แต่....
“พี่! ช่วยหน่อยเถอะครับ จะช่วยผมใช่ไหมครับ นะ
ครับ?”
บนหน้าผากของอันฮยอนราวกับมีคาว่า ‘กล้าหาญ
เกรียงไกร’ เขียนติดไว้คาโต สายตาของอันฮยอนที่
ส่งออกมาก็เป็นเช่นนั้น ทาเอาชินซังยงไม่ปริปากพูด
อะไรออกมาเลยสักนิดเดียว ในสายตาของเขานั้นแฝงไป
ด้วยความเชื่อถือศรัทธาว่าชินซังยงจะต้องช่วยเหลือเขา
อย่างแน่นอน
ร่างกายของเขาเกิดการสั่นสะท้านขึน้ มาอย่างไม่รู้ตัว
จริงๆ เขาควรจะต้องพูดออกไปเลยว่ามันเกินไปไหม ตัว
เขาเองทาไม่ได้หรอก แต่แล้วทันทีที่ได้สบตากับอันฮ
ยอน ชินซังยงเองก็ไม่รวู้ ่าทาไมปากมันถึงไม่ยอมเปิด
ปากพูดออกมา
ในหัวของชินซังยงตอนนี้มีภาพเหตุการณ์สมัยอยู่แคลน
เฮาส์วนเวียนไปมา
พลั่ก!
ในชั่วพริบตาเดียว ดาบอันแสนงดงามที่ทอแสงจ้านั้นก็
ได้ตัดกลางท้องฟ้าราวกับสายฟ้าแลบ ปลายดาบเสียบ
ทะลุเข้าล้าคอของชายผู้หนึ่ง และคงเป็นเพราะทุกอย่าง
เกิดขึน้ เร็วมาก จึงท้าให้ใบหน้าของเขายังคงแสดงสีหน้า
ตกตะลึงอยูเ่ ลย
ต่อมาชายผู้นนั้ จึงได้หลุบตามองลงด้านล่างอย่างช้าๆ
“...!”
วินาทีที่เขาเห็นดาบเสียบคอตัวเองอยู่ เขาจึงล้มหงาย
ท้องตึงไปทัง้ อย่างนัน้ และในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ดาบ
ของสตรีผู้หนึ่งจึงได้เก็บกลับเข้าไปในที่สุด เส้นผมสยาย
ยาวพลิ้วไหว โบกสะบัดไปมา
พรึบ่ !
หลังจากก้าจัดศัตรูคนสุดท้ายได้สา้ เร็จแล้ว ความเงียบ
สงัดจึงเริม่ ปกคลุมอาณาบริเวณโดยรอบ
ศพจ้านวนสิบเอ็ดราย รวมชายที่ลม้ ลงไปเป็นคนสุดท้าย
นั้นก้าลังนอนเกลือกกลิง้ อยู่บนพื้น ในช่วงที่เลือดพุ่ง
กระฉูดขึ้นมา จนรวมกันเป็นกองเลือดสีแดงฉานนัน่ เอง
ริมฝีปากของหล่อนจึงได้เอื้อนเอ่ยออกมาว่า
“รออยู่ตรงนีก้ ่อนนะคะ”
ทันทีที่หล่อนพูดประโยคนัน้ ออกมา ทั้งห้าคน ยกเว้นตัว
หล่อนกับอันซลจึงย่อตัวลง ต่างคนต่างก็หันไปคนละทิศ
ละทางและเริ่มเฝ้าสังเกตการณ์ สตรีผนู้ ั้นยืนอยูต่ รง
กลางพลางส่งสายตาอันเฉียบแหลมมองกวาดไปทั่วทุก
หนแห่ง
“คือ...”
“มีสมาธิหน่อยค่ะ แล้วก็ช่วยมองแค่ขา้ งหน้าด้วย”
อันฮยอนหันหลังมาเพื่อคุยกับหล่อนเพียงครู่เดียวแท้ๆ
แต่ทว่าปฏิกิรยิ าที่ได้รับกลับมานั้น ช่างเย็นชาไม่มีที่
สิ้นสุดเสียจริง เขาไม่ชอบการต่อสู้ที่อาศัยจังหวะทีเผลอ
เอาเสียเลย แต่แล้วก็ยอมหันหน้ากลับไปอย่างเสียมิได้
เรื่องราวทัง้ หมดมันเป็นอย่างไรกันแน่ และพวกเขามาที่
ที่พวกเราอยู่ได้อย่างไรกัน เขาเกิดความสงสัยเคลือบ
แคลงในจุดนีข้ นึ้ มา แต่สตรีผู้นนั้ กลับไม่รบั ค้าถามเขาไว้
พิจารณาเลยแม้แต่น้อย แต่บางทีการที่หล่อนท้าเช่นนัน้
อาจจะถูกต้องแล้วก็ได้ ไอ้เรื่องอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ
น่ะ ไว้ค่อยฟังทีหลังก็ได้ เพราะตอนนี้ การมีชีวติ อยู่รอด
ได้เป็นสิ่งส้าคัญที่สุด
แต่ทว่าในฐานะพี่ชายแท้ๆ แล้ว ผมไม่สามารถปล่อยไว้
แบบนัน้ ได้ อันฮยอนจึงลอบมองอันซล หล่อนยืนอยู่ตรง
กลาง ทั้งยังดูมีสีหน้าเหม่อลอย ยืนสัน่ หงึกๆ อยู่ไปมา
เช่นนัน้
ก่อนหน้านี้อันฮยอนตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่
ออก ทั้งภาระหน้าที่ที่ตอ้ งตามหาตัวน้องสาวทีห่ ายไป
อีกทั้งยังไม่สามารถทิ้งชินซังยงที่ได้รบั บาดเจ็บไปได้ดว้ ย
แต่แล้วความโชคดียังวกกลับมาช่วยเขาอีกครัง้
แต่ทว่าความยินดีปรีดาที่ได้พบกันอีกครั้ง กลับเกิดขึน้
ในห้วงระยะเวลาสัน้ ๆ เท่านัน้ อันซลร้องไห้งอแงทันที
หลังจากที่เจอกับพวกเรา หลังจากนั้นหล่อนก็เอาแต่ยืน
ตัวสั่น สะอึกสะอืน้ อยู่ตลอดเวลา ภาพเหล่านัน้ ท้าให้เขา
สะเทือนใจมาก
อันฮยอนคิดว่า เหมือนอันซลยังตั้งสติไม่ได้เลย อย่าง
น้อยอันซลน่าจะตอบมาว่า ‘พี่สาวคนนัน้ ช่วยเอาไว้’
และร่ายมนตร์เพื่อรักษาอาการเบื้องต้นให้กบั ชินซังยง
แต่เขากลับคิดว่ามันค่อนข้างผิดวิสยั ปกติไปเสียหน่อย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถเผยให้เห็นถึงความเป็นห่วง
เป็นใยที่มีมากเช่นนัน้ ออกมาได้
อันฮยอนถอนหายใจ อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นว่านัน่ แหละ
การมีชวี ิตอยูร่ อดต่อไปถือว่าส้าคัญที่สุดแล้ว
หลังจากได้เริ่มเคลื่อนตัวไปด้วยกันอีกครั้ง
ความสามารถที่เห็นจากผู้หญิงคนนัน้ ถือว่าสุดยอดเลย
ทีเดียว แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่หล่อนสามารถรู้
ล่วงหน้าได้ว่าศัตรูก้าลังเข้ามาจากทางไหนบ้าง หรืออีก
สิ่งหนึ่งคือ ในกรณีทตี่ ้องเผชิญหน้ากันก็แสดง
ความสามารถให้เห็นด้วยการก้าจัดพวกศัตรูจา้ นวน
หลายสิบได้ด้วยตัวคนเดียว
อันฮยอนคิดว่าภาพลักษณ์ของหล่อนนั้นช่าง
เหมือนกับคิมซูฮยอนไม่มีผิด พลางจับหอกในมือไว้แน่น
หลังจากที่ได้พบกับชินซังยงแล้ว ทั่วอาณาบริเวณอัน
แสนเงียบสงัดนี้กลับมีความรู้สึกอึดอัดคับแน่นใจก่อตัว
ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นานนัก ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางจึงได้
ถอนหายใจออกมาเบาๆ แม้เสียงลมหายใจของหล่อนจะ
เบาบางมากเพียงใด แต่ทุกคนก็ยงั ได้ยนิ อยู่ดี และใน
เวลาเดียวกันนัน่ เอง หัวใจที่เต้นรัวของทุกคนก็ค่อยๆ
สงบนิ่งลง
หลังจากนั้นหล่อนจึงเปิดปากพูดออกมาว่า
“ไม่ทราบว่า...มีใครในที่นี้มาถึงตรงนี้โดยที่ยงั ไม่ได้
เผชิญหน้ากับพวกศัตรูโดยตรงบ้างคะ”
หลังจบประโยคนนั้น ทุกคนก็จ้องมองหน้ากันเองอย่าง
ใจลอย ส่วนใหญ่แล้วคนที่อยู่ที่นี่ตา่ งก็ได้เผชิญหน้ากับ
วิกฤตการณ์เช่นนัน้ มาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครัง้
เพราะฉะนัน้ จึงคิดว่าอย่างไรก็คงไม่มีคนประเภทนั้น
แน่นอน ทว่ากลับมีคนๆ หนึ่งยกมือขึ้นมาช้าๆ คนนัน้ ก็
คือชินซังยงนัน่ เอง
“ผ...ผมไม่เคยเจอเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรงครับ”
“...คุณมาจากทิศไหนหรือคะ”
“จ...จ้าไม่ได้ครับ ทุกครั้งที่พวกศัตรูปรากฏอยูต่ รงหน้า
ผมมักหันตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว...”
ผู้หญิงคนนัน้ นิง่ เงียบอีกครั้ง หลังจากได้ฟังประโยคบอก
เล่าจากชินซังยง ดวงหน้าอันแสนเย็นชาของหล่อนนัน้
ก้าลังฉายแววความกังวลต่ออะไรบางอย่างขึน้ มาโดยไม่
อาจซ่อนเร้นไว้ได้ แล้วจึงได้หนั ไปจ้องอันซล พลางมีสี
หน้าใคร่รู้
“ท่านนักบวชที่อยูต่ รงนั้นคะ ไม่ทราบว่าคุณช่วยบอก
ทางเหมือนเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่คะ”
น้้าเสียงของหล่อนนัน้ อบอุ่นกว่าตอนทีพ่ ูดกับอันฮยอน
มาก แต่แล้วอันซลกลับส่ายหน้าปฎิเสธไป หล่อนเห็น
ดังนัน้ จึงหันกลับไปพร้อมด้วยสีหน้าเสียดายเล็กๆ
ในท้ายที่สดุ จึงมีผู้เล่นคนหนึ่งที่ไม่สามารถอดทนรอได้
อีกต่อไป พูดขึน้ มาว่า
“ท...ท่านนักดาบหญิง ไม่เดินต่อไปอีกเหรอครับ”
ราชินีแห่งดาบทอดสายตามอง พลางส่ายหน้าปฏิเสธ
ให้กับค้าถามนัน้
“เดินต่อไปไม่ได้แล้วน่ะสิ ศัตรูจ่ออยู่ทั่วทุกทิศแบบนี้”
ค้าตอบที่ได้จากราชินีแห่งดาบนัน้ ท้าเอาผู้เล่นที่ยิง
ค้าถามไปหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที
“แต่ทว่าตอนนี้เราไม่เห็นศัตรูเลยนี่...ไม่ใช่ว่าพวกมัน
ผ่านไปแล้วหรอกเหรอ”
“นั่นสิ งั้นก็คงเป็นโชคดีส้าหรับเราแล้วล่ะ ไม่สิ ไม่รู้วา่
จะใช่โชคดีจริงๆ หรือเปล่า ดูเหมือนเราติดแหง่กอยู่
กลางทางอย่างไรไม่รสู้ ิ”
“...?”
นัมดาอึนหันไปมองด้านขวามือของตน คงรู้สกึ ได้ว่าผู้
เล่นคนนั้นไม่เข้าใจในสิง่ ที่ตนพูดเสียเท่าไหร่
“หนีไปน่ะใช่ แต่ทา้ ไมมันถึงหนีไปแบบนั้นล่ะ ฉันไม่
เข้าใจจริงๆ ว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่คะ่ ”
ราชินีแห่งดาบหยุดพูดไปชัว่ ครู่หนึง่ แล้วจ้องไปยังด้าน
ซ้ายมือบ้าง หลังจากนัน้ จึงพูดขึน้ มาอีกครั้ง
“ฉันรู้สกึ ได้ถงึ ความกระหายเลือดรุนแรงจากฟากฝั่งนี้
พวกศัตรูกา้ ลังเดินเข้ามาอย่างแน่นอน ฉันขอยืนยัน”
“...”
“ยังไงก็ตาม ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้รู้ไปเสียทุกเรื่อง คิดแค่ว่า
เมื่อไหร่มรสุมหิมะมันจะหายไปก็พอแล้วล่ะค่ะ”
เหล่าผู้เล่นหัวไวบางคนเปล่งเสียง ‘อ้อ’ ออกมาทันใด
พวกเขาเข้าใจว่า ‘มรสุมหิมะ’ นัน้ หมายถึงสถานการณ์
ที่ตัวเองก้าลังเผชิญหน้าอยู่
ในการโจมตีครั้งแรก เรามีชวี ิตอยูร่ อดมาได้กจ็ ริง ทว่า
ในความเป็นจริงนัน้ กลับไม่ถือว่าเป็นการมีชวี ติ อยู่รอด
กลับมาเลยแม้แต่น้อย
“ถ...ถ้างัน้ ตอนนี้พวกเราโดนปิดล้อมหมดแล้วเหรอ
ครับ”
“มันก็ไม่ใช่การปิดล้อมที่พวกมันจงใจจะให้เกิดหรอก
ค่ะ”
“งั้น...ถ้าเรายังอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ...”
“ก็ตายน่ะสิคะ”
ราชินีแห่งดาบให้คา้ ตอบกลับมาอย่างชัดเจน อันซลจึง
ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา
“ฮือ...”
“...”
“ท่านพี่ ท่านพี่ซูฮยอน ฮือออ”
แม้หล่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
เพียงใด ทว่ากลับไม่มีใครคิดจะหยุดยั้งความเศร้านัน้ ไว้
เลย
ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวติ อยู่ต่อกันทั้งนัน้ แต่เพราะต้องมา
เผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์อีกครั้งแท้ๆ จึงท้าให้สูญเสีย
พละก้าลังบางส่วนไป
ด้วยเหตุนี้จงึ ท้าให้สมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่เกิดความ
ว้าวุน่ ใจมากยิง่ ขึน้ ในหัวของพวกเขาก้าลังคิดถึงผู้เล่น
คนหนึ่ง
หากแคลนลอร์ดอยู่ดว้ ยล่ะก็...
“ซูฮยอน?”
นัมดาอึนหันไปมองทันที หลังจากที่ได้ยนิ ชื่อๆ หนึ่ง
ออกมาจากเสียงสะอึกสะอื้นของอันซล
“อ้า ใช่”
ชินซังยงที่อยูข่ ้างๆ ตอบกลับมา ทว่านัมดาอึนไม่ได้มอง
เขาแต่อย่างใด หล่อนก้าลังจดจ้องอันซลอยู่อย่างไม่ละ
สายตา
“พูดถึงผู้เล่นคิมซูฮยอนอยู่เหรอคะ”
“ถ้าคุณพูดถึงแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ ก็ใช่ เขาเป็น
แคลนลอร์ดของพวกเรา”
นัมดาอึนเบิกตาโพลงขึน้ มาทันที แล้วจึงหันไปมองชิน
ซังยง
ในตอนนัน้ เอง
“...!”
นัมดาอึนคงรู้สึกได้ว่ามีกลุ่มหนึง่ ก้าลังเคลื่อนตัวมายัง
ทิศทางที่ตัวเองอยู่อย่างช้าๆ หล่อนจึงหันหน้าไปมอง
อย่างรวดเร็ว หล่อนจ้องเบื้องหน้าอยู่พกั หนึง่ แล้วจึง
เปิดปากพูดออกมาว่า
“พวกศัตรูก้าลังมาจากทิศนี้”
อันซลหยุดร้องไห้ทันทีหลังจากได้ยนิ ประโยคดังกล่าว
แต่ทว่าก็สายไปเสียแล้ว
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเราจะหนีไปไหนไม่ได้เลย
นะเนีย่ ”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 13
_______________________________________
เสียงขลุ่ยแสนแผ่วเบาค่อยๆ แว่วเข้ามาในหู
“นี่ไง สัญญาณมาอีกแล้ว พวกเราคงต้องรีบไปแล้ว
แหละ”
ทันใดนั้นเองชายผู้หนึง่ ที่ยืนก้มหัวอยู่กข็ านรับแล้ววิ่ง
ออกไปทางด้านหน้าอย่างว่องไว พวกเร่ร่อนจานวนยี่สบิ
กว่าคนเห็นดังนัน้ จึงเริ่มออกวิ่งตามเขาไปเช่นเดียวกัน
ไซม่อน ไครมส์มองภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชั่ว
พริบตานัน้ พลางเอียงคอสงสัยไปมา
“หืม”
“ไซม่อน? ทาไมทาท่าแบบนัน้ ล่ะ”
“อ้อ ยังไม่หายสงสัยเรือ่ งอะไรบางอย่างน่ะครับ”
“หืม? สงสัยเรื่องอะไรล่ะคะ”
ไซม่อนไม่ตอบคาถามของยูรนิ ะในทันที เขาเอาแต่จด
จ้องไปทั่วอาณาบริเวณ ด้วยแววตาสีแดงเข้ม
“เรื่องสัญญาณน่ะ ฉันได้ยินชัดเจนเต็มสองหู...แล้วเจ้า
พวกนัน้ มันได้โกหกอะไรบ้างหรือเปล่าครับ”
“ฉันก็ได้ยนิ สัญญาณนัน้ เหมือนกัน ดูท่าจะไม่ใช่เรื่อง
โกหกอะไรหรอก แต่…”
ไซม่อนหยุดพูดไปอีกครัง้ ดวงตาแดงก่าของเขาเริ่มมอง
มาตาเขม็ง
ยูรินะเกรงว่าเขาอาจจะเกิดขาดความยับยั้งชั่งใจขึน้ อีก
ครั้ง จึงปรี่เข้าไปลูบหลังไซม่อนอย่างอ่อนโยน
“อย่าห่วงไปเลยค่ะ ตอนนีพ้ วกเราสนใจแค่เรื่องหนี
อย่างเดียวเถอะ แล้วก็...”
ยูรินะค่อยๆ หันหน้าไปมองด้านขวามือ พวกเร่ร่อนที่ยงั
หลงเหลืออยู่ และไม่ได้วิ่งตามชายผู้นั้นไปต่างพากัน
หลบสายตาหล่อนที่มองมา
“บางทีมนั อาจจะหนีไปแล้วก็ได้ล่ะมัง้ คะ น่าจะยังมีหลง
อยู่ตรงไหนสักที่บ้างแหละ”
“อาจจะเป็นงัน้ ก็ได้ครับ แต่ตอนนี้พวกบุคคลสาคัญ
ทั้งหลายมันออกไปจากที่แห่งนี้แล้วไม่ใช่หรือไงครับ
ไหนจะพวกสวะที่หาเศษเสี้ยวของความดีงามไม่ได้เลย
สักอย่างพวกมัน”
“ไซม่อน...”
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมได้คาดการณ์อะไรเล็กๆ
น้อยๆ บางอย่างไว้แล้วล่ะ ดังนัน้ ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
ล่ะครับ”
ไซม่อนเอาแต่พูดว่าสิง่ นั้นเป็นความผิดพลาดของตัวเอง
ยูรินะเห็นดังนัน้ จึงถอนหายใจเบาๆ ให้กับคาพูดของเขา
หล่อนยืน่ หน้าเข้าไปพูดด้วยว่า
“งั้นลองให้ฉนั ไปดูไหมล่ะคะ”
“หืม? ยูรนิ ะน่ะหรือครับ”
ไซม่อนถามกลับในทันใด ยูรนิ ะจึงพยักหน้าตอบด้วยสี
หน้าราวกับกาลังคิดอะไรบางอย่าง
“ใช่ พวกเร่ร่อนคนสาคัญที่ยังหลงเหลือจนถึงตอนนี้...
ใช่เจ้าคังซานอะไรนัน่ หรือเปล่าคะ ฉันจะลองไปลากตัว
มันมาเอง เห็นว่าเป็นหนึ่งในแกนนา คงจะรู้อะไรอยูบ่ ้าง
ค่ะ”
“หืม ถึงจะพามันมา แต่คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
มากกว่านี้หรอก...ถ้าเรารออยู่อย่างนี้ คงพอรูข้ า่ วคราว
อะไรได้บา้ งแหละมั้ง”
ไซม่อนหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แล้วถึงค่อยๆ ยกแขน
ขึ้นมากอดอก พูดออกมาพลางส่ายหน้าน้อยๆ เป็นการ
ไม่เห็นด้วย
“ยังไงก็ตามถึงมันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันก็เถอะ แต่การ
รู้อะไรไว้แต่เนิน่ ๆ ก็ดีกว่าการนั่งรออยู่เฉยๆ สินะครับ ยู
รินะ ถ้าจะไปก็ขอแค่ให้ไปลอบสังเกตสถานการณ์
คร่าวๆ มาก็พอแล้ว”
ยูรินะอมยิ้มน้อยๆ ให้กบั คาพูดของไซม่อน แล้วจึงหมุน
กายเดินหน้าไปทันที
สิบห้านาทีต่อมา
“นี่ไง ทาไมถึงได้ส่งสัญญาณมา...ต้องมีเหตุผลที่ส่งมา
อย่างแน่นอน”
น้าเสียงอันแสนอวดดีของชายผู้หนึ่งดังลั่นไปทัว่ อาณา
บริเวณ และในเวลาเดียวกันนัน้ กาลังพลที่มีอยู่
ประมาณยี่สิบคนจึงได้เริ่มเผยตัวปรากฏโฉมออกมา
ชายฉกรรจ์ที่กาลังถือดาบเล่มใหญ่ผู้นนั้ เป็นหัวหน้า
พวกเขาเหล่านัน้ ต่างก็ส่งพลังงานอันผิดปกติบางอย่าง
แผ่ซ่านออกมา
หลังจากที่ราชินีแห่งดาบได้ยนื ยันตัวตนที่แท้จริงของ
พวกเขาแล้ว ใบหน้าของหล่อนก็ซดี เผือดในทันที
“บางทีพวกเราอาจจะได้เจอดาอึนอีกครั้งก็ได้ ช่างเป็น
ผลพลอยได้ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยล่ะ ฮ่า ๆ!”
เสียงหัวเราะที่ได้ยินดังลั่นสนั่นทุ่ง ทาให้ราชินแี ห่งดาบ
ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่น
เรื่องราวทัง้ หมดที่ผ่านมานัน้ เป็นแบบนี้
ในการต่อสู้ประจันหน้ากับพวกศัตรูที่เข้ามาใหม่นนั้
ราชินีแห่งดาบเลือกทีจ่ ะต่อสู้บริเวณมุมอับ เพราะหล่อน
ได้ตัดสินใจมาแล้วว่าจะสามารถต่อสูก้ บั พวกมันได้อย่าง
แน่นอน เนื่องจากไม่มีสถานที่ที่จะให้หลบหนีไปได้อีก
อีกทั้งจานวนฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้มากอย่างที่คิดเอาไว้
หลังจากสงครามได้เริ่มขึ้น การคาดการณ์ของราชินีแห่ง
ดาบก็ถกู ต้องตามที่คดิ ไว้ประมาณหนึ่งในช่วงแรกเริ่ม
หล่อนได้ฆา่ ศัตรูจานวนมากที่ดูท่าว่าจะมีความสามารถ
เหนือชัน้ กว่า และยังได้โอกาสเข้ามาเป็นกาลังพลที่มี
อันฮยอนรวมกลุ่มอยูด่ ว้ ย
แต่ทว่ามีอยู่หนึ่งสิง่ ที่ราชินีแห่งดาบคาดไม่ถงึ นั่นก็คือ
ในพวกศัตรูเหล่านัน้ มีผถู้ ือครองขลุ่ยที่ทาจากเขาสัตว์อยู่
ด้วย
ขลุ่ยที่วา่ คือ หนึ่งในวิธกี ารติดต่อสื่อสารทีพ่ วกเร่ร่อน
เลือกใช้ โดยได้มกี ารจัดวางระบบสัญญาณขึ้นมาตาม
จานวนครั้งในการเป่า เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งทีใ่ ช้ร้อง
ขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดสถานการณ์ฉกุ เฉิน หรือไม่ก็
ใช้ส่งคาสัง่ หาพวกเร่ร่อนด้วยกันเอง
ชายฉกรรจ์คนหนึง่ เดินก้าวออกมาข้างหน้าหนึง่ ก้าว
พร้อมจ้องไปทีร่ าชินีแห่งดาบ กลุ่มกาลังพลและบริเวณ
โดยรอบ
“หืม พวกเรามาถึงก่อนเป็นกลุ่มแรกหรือนี่ ยังไงก็ถือว่า
โชคดีแล้วแหละ ที่สามารถหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
แบบนี”้
“คงจะถึงคราวดีมากจริงๆ ถึงได้เป่าขลุ่ยออกมา ถ้างัน้
กลุ่มพันธมิตรในตอนนีก้ ็ถึงคราวแตกคอกันแล้วล่ะ
สินะ”
“เกือบอยู่ เมื่อกี้ผบู้ ัญชาการทั่วไปก็แก้ตัวว่ามีใครบาง
คนจัดการตัวเอง ก่อนจะหนีไปไม่ใช่เหรอ ป่านนี้กค็ งจะ
หนีออกไปจากสนามรบถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะมัง้ พวก
เรารู้อย่างนี้แล้วก็ต้องหนีออกมาบ้างสิ”
“เอ๋? อ้อ พีค่ ีแซงคนเมือ่ กี้เขาเป่าเรียกเรานีค่ รับ ดู
เหมือนท่านฮยอนจะไปจับตัวมาจริงๆ เสียด้วย”
“เจ้าบ้านั่นน่ะ ดูแปลกๆ ไปตัง้ แต่แพคซอยอนโดนจับ
ตัวแล้ว”
ชายคนนัน้ ตอบกลับพลางใช้สายตากวาดมองโดยรอบ
แล้วจึงหยุดสายตาไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึง่ สถานที่ที่
สายตาเขาจดจ้องอยู่นนั้ มีพวกเร่ร่อนกาลังนอนกระจัด
กระจายอยูบ่ นพืน้ มิหนาซ้ายังอมขลุย่ ไว้ในปากที่มีเลือด
พุ่งกระฉูดออกมาไม่หยุดด้วย
“ให้ตายเถอะ ตายกี่คนกันแน่วะเนี่ย จัดการเสีย
เรียบร้อยจริงๆ ยัยดาอึน”
ชายคนนัน้ พูดออกมาด้วยน้าเสียงแสนเย็นยะเยือก แล้ว
จึงเข้าไปสะกิดพวกเร่รอ่ นที่พูดสนทนากันเมื่อครู่ พร้อม
พูดต่อไปอีกว่า
“เฮ้ย แกน่ะ ไปเก็บไอ้ขลุ่ยนัน่ มา แล้วส่งสัญญาณบอก
ด้วยว่าตอนนี้มนั จบสิ้นหมดทุกอย่างแล้ว”
“เอ๋? ส่งสัญญาณบอกว่าจบหมดทุกอย่างแล้วเหรอ
ครับ”
พวกเร่ร่อนที่รบั คาสั่งนัน้ ถามกลับไปในทันที ชายผู้นนั้
จึงได้พยักหน้าตอบกลับไปด้วยสีหน้าแสนเบื่อหน่าย
“เออๆ บางทีอาจจะมีพวกกลุ่มอืน่ เข้ามาก็ได้ไงเล่า”
“ถึงอย่างนัน้ ฝ่ายตรงข้ามกับเราก็เป็นราชินีแห่งดาบอยู่
ดี...แล้วไม่ต้องบอกให้พวกกลุ่มอื่นๆ ได้รับทราบด้วย
เหรอครับ”
“แล้วแกจะไปสนใจเรื่องนัน้ ทาไม รู้แล้วก็หนีออกมาก็
เท่านัน้ แล้วก็ถา้ มีไอ้เจ้าหนูจากทวีปตะวันตกเข้ากลุ่มมา
ด้วย เห็นทีจะน่าเบื่อเสียยิ่งกว่าเดิม”
“แต่ถึงอย่างนัน้ ...”
พวกเร่ร่อนเกิดอาการลังเลขึน้ มาเล็กน้อย แต่พอเห็น
ผู้ชายคนนั้นทาท่ามีน้าโห พวกเร่ร่อนเห็นจึงเข้าไปเก็บ
ขลุ่ยมาด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
เสียงเป่าขลุ่ยสามครัง้ ดังกังวานขึน้ มันเป็นสัญญาณที่
บอกว่าสถานการณ์ทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว
สัญชาตญาณบางอย่างที่บอกว่ามีคนกาลังจะมารวมตัว
ยังที่แห่งนี้ได้หยุดนิง่ ไป จากนัน้ จึงได้หนั กลับไปยัง
ทิศทางอืน่ แล้วจากไปอย่างช้าๆ
“ผมทาตามคาสั่งก็จริง แต่เรื่องทีจ่ ะมอบความตายให้
ราชินีแห่งดาบนัน่ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ”
“คิก อย่าเครียดเลยน่า พวกเราจะสูก้ ับยัยหมาตัวเมียที่
อ่อนเปลี้ยเสียขาตัวหนึง่ ไม่ได้เลยหรือไง”
ท่าทีของพวกเร่ร่อนที่ทาเหมือนกับตัวเองอยูน่ อกสายตา
มาตั้งแต่เมื่อครู่นนี้ นั้ ทาเอาราชินีแห่งดาบเกิดความ
กังวลขึน้ มาเสียได้ แต่แล้วท่าทีของหล่อนจึงได้
เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิน้ เชิงในชัว่ พริบตา คงเป็นเพราะ
คาว่าหมาตัวเมียมันเข้ามากวนใจหล่อน ชายผูน้ ั้นคงจะ
รู้สึกถึงเรื่องนี้ได้ จึงได้แสยะยิ้มออกมา
“เอาล่ะๆ ก่อนที่พคี่ ีแซงอะไรคนนั้นจะรู้ทนั พวกเรารีบ
จัดการและหนีไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ ก็แค่หนีออกไปเฉยๆ เลยตอนนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ
ครับ สถานการณ์ตรงฝั่งโน้นก็ไม่ได้ดีเสียเท่าไหร่นกั ”
“ยังไงไอ้คนทรยศก็อยู่ตรงหน้าเราแล้วนี่ จะให้ปล่อย
ผ่านไปเฉยๆ คงจะไม่ได้ ไหนจะของที่หามาได้ระหว่าง
นั้นอีก...”
“แกว่าใครเป็นคนทรยศ!”
ในตอนนัน้ เอง
ราชินีแห่งดาบตะคอกชายผู้นนั้ ทันที ด้วยน้าเสียงอัน
แสนเกรี้ยวกราด
เขาเอาแต่พดู คุกคามแบบอ้อมๆ มาตั้งแต่เมื่อครูน่ ี้แล้ว
จนตอนนี้มนั สาวเข้ามาถึงตัวจนได้ เขาจึงหันหน้าไป
มองราชินีแห่งดาบ
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ยัยดาอึนของพวกเรา จาฉันได้ใช่
ไหมล่ะ”
“หุบปาก! อย่ามาเรียกฉัน…อย่ามาเรียกฉันแบบนัน้ !”
ราชินีแห่งดาบตะคอกกลับไป ตัวของเธอสั่นสะท้านไป
ด้วยความโกรธ ชายผู้นนั้ จึงหัวเราะหึๆ
ตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นั้นคือ อีคงั ซาน ‘คนทรยศ’
เมื่อสมัยก่อนเขาได้พาราชินีแห่งดาบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอด
อัจฉริยะแห่งสถาบันผู้เล่นและยังเป็นผู้เล่นที่แปรผันไป
เป็นพวกเร่ร่อนแทน
“อ้าว~ ยัยดาอึนของพวกเรา เกรี้ยวกราดขึน้ เยอะเลยนี่
นา นี่เธอขึ้นกับคาว่าคนทรยศมากขนาดนัน้ เลยเหรอ ที่
ผ่านมาคงได้รบั คาสรรเสริญเยินยอจากรอบข้างว่าเป็น
ราชินีแห่งดาบล่ะสินะ”
“แกต่างหาก ไอ้คนทรยศ!”
“ฮ่าๆ ช่วยเลีย้ งดูฟูมฟัก ชุบตัว ป้อนข้าวป้อนน้า แถม
ยังให้คลาสลับอีกด้วยต่างหาก”
“หุบปากซะไอ้นรก! ฉันจะฆ่าแก!”
ณ วินาทีที่อีคงั ซานจะพูดอย่างมีเลศนัยต่อเนือ่ งไป
นั่นเอง ราชินีแห่งดาบจึงได้ตะเบ็งเสียงออกมาจนแทบ
จะเป็นการกรีดร้องเสียแทน แต่เขาหาได้สนใจไม่ อีกทั้ง
ยังโต้ตอบกลับไปด้วยท่าทีนิ่งเฉยเช่นเดิม
“ใครจะฆ่าใครนะ ทาอย่างกับตัวเองเป็นผู้เสียหายอย่าง
นั้นแหละ ยัยคนน่ารังเกียจ”
“เพราะแก...ถ้าไม่ใช่เพราะแกคนเดียวล่ะก็...!”
“งั้นก็ยอมรับแล้วสินะ”
อีคังซานพูดด้วยน้าเสียงเคียดแค้น
“ฉันโดนหักหลังมาเยอะแล้วนี่ แกล้มเลิกความคิดใน
ตอนสุดท้าย แล้วแกล้งทาเป็นเชื่อฟัง ปฎิบัตติ ามนูน่ นี่
ทุกอย่าง พอสบโอกาสก็เลยหนีไปงั้นสิ? ไอ้คนทรยศ!”
เห็นทีคงจะทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงทาให้ดาบ ‘ซอลอา’
ของราชินีแห่งดาบเริ่มส่งเสียงฮึ่มๆ ดังลัน่ ออกมา
“แก...พอดีเลยนะ แกโดนฉันฆ่าตายแน่นอน”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 14
_______________________________________
นัยน์ตาอันแสนเย็นชาของราชินีแห่งดาบกาลังแผ่ความ
กระหายเลือดออกมาราวกับจะปะทุ ภายในจิตใจของ
หล่อนในตอนนี้ แม้จะได้ยินเสียงต่างๆ ดังเข้ามาแทนที่
แต่ถึงอย่างนัน้ ทั้งพละกาลังและความห้าวหาญที่
อยากจะฉีกเนื้อให้แหลกเป็นชิ้นๆ ก็ยงั คงโหมกระหน่า
อยู่ในใจอย่างรุนแรงเช่นเดิม
อีคังซานตัดสินใจว่าจะหยุดพูดจาคุกคามอีกฝ่ายไว้เพียง
เท่านี้ เขาจึงยื่นดาบเล่มใหญ่ไปด้านหน้า พลางมีสีหน้า
สุขุมมากขึ้น เขาคือผู้ทมี่ ีความสามารถเก่งกล้ามากๆ คน
หนึ่ง ซึ่งนัน่ ก็ชัดเจนอยูแ่ ล้ว ทว่าพอนามาเทียบกับราชินี
แห่งดาบผูน้ ี้ จะพบได้วา่ ความสามารถอยู่ในระดับที่สูสี
พอดีกนั ถึงอย่างนั้นสิ่งเดียวที่เขาเชื่อถืออยูใ่ นขณะนี้คือ
เขาได้สั่งสอนบทเรียนให้แก่หล่อนแล้ว และตอนนี้หล่อน
อยู่ในสภาพที่สญ ู สิ้น ไร้ซึ่งพละกาลังใด และหากมอง
เป็นตัวเลข ก็จะพบได้วา่ เขาอยู่เหนือกว่า
ก่อนที่การต่อสู้ครั้งใหม่จะเริ่มต้นขึ้น อีคงั ซานไม่
พิจารณาดูถึงสิง่ ใด แล้วจึงได้ส่ายหัวไปมา
“สี่คนที่อยู่ตรงขวามือนัน่ พวกแกเห็นเจ้าพวกลูกเจีย๊ บที่
อยู่ข้างหลังไหม จัดการพวกมันซะ ส่วนราชินีแห่งดาบที่
เหลืออยู่กป็ ล่อยผ่านไปซะ ไม่ต้องฆ่า แต่จับตัวมันมาก็
พอ ครึ่งหนึ่งของพวกมันคงเตรียมตัวที่จะได้ตายอยู่
รอมร่อแล้วล่ะ ส่วนเรื่องบาดแผลที่ได้มาน่ะ จะยกโทษ
ให้แล้วกัน”
“เฮอะ จะจับตัวฉันเหรอ”
ราชินีแห่งดาบหัวเราะร่วน แต่พวกเร่ร่อนก็ยังคงปฏิบัติ
ตามที่อีคงั ซานบัญชาการได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
พวกมันจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปหาทั้งสีค่ นที่ยืนอยูด่ ้านขวา
ราวกับตัวเองเป็นปิศาจ
“แกตายซะเถอะ!”
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ข้าศึกก็ได้ดาหน้าเข้ามาหล่อน
ราชินีแห่งดาบเห็นเช่นนั้นจึงสติขาดผึง แล้วพุง่ ตัวเข้าไป
ปะทะกับคนจานวนสิบหกคนด้วยความเร็วแสง
และในขณะที่ซอลอากาลังปลดปล่อยพลังทั้งสิบลาแสง
ออกมาจากปลายดาบอันแหลมคมนัน้ เอง
“งั้นพวกเราจัดการกับฝั่งนี้ก่อนเป็นไง”
พวกเร่ร่อนที่หลุดออกมาก่อนหน้านัน้ ได้สาวเท้าเข้ามา
อยู่ตรงหน้าคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เหลืออยู่ มีผู้ชายสามคน
และผู้หญิงอีกหนึ่งคน
“เฮ้อ ดูสิ พวกมันตัวสัน่ ใหญ่เลยว่ะ พวกลูกเจีย๊ บนี่มนั
อ่อนจริงเว้ยเฮ้ย”
“ยังไม่ยอมร่ายเวทเสียด้วยนะ จัดการคนเดียวก็ได้แล้ว
มั้งเนีย่ นี่ ยัยคนผมสีแดงสวยๆ ตรงนัน้ น่ะของข้านะโว้ย
สเป็กเลย”
“งั้นไอ้นกั บวชที่อยู่หลังสุดก็ของข้า ทั้งสวย ทัง้ น่ารัก
เลยว่ะ เอ๊ะ มันยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่าวะ ดูไม่รเู้ ลย
ฮ่าๆ”
“ไอ้พวกกระจอก ฉันจะจัดชุดใหญ่ให้พวกแกพ้นๆ โลก
นี้ไปซะ เตรียมตัวโดนฆ่าตายแล้วหรือยังล่ะ”
พวกเร่ร่อนหญิงยังคงกร่นด่าออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่
ทว่าพวกเร่ร่อนชายทัง้ สามคนกลับพูดคุยหัวร่อต่อ
กระซิก พลางมีสีหน้าสบายๆ คงคิดว่าเป็นลูกเจี๊ยบอย่าง
ที่เคยพูดไว้จริงๆ
สิ่งที่พวกมันทาไม่ใช่การพูดคุกคามจาบจ้วงอีกฝ่ายแต่
อย่างใด แต่พวกมันคงคิดว่าอีกฝ่ายคงต่อสู้ไม่ได้จริงๆ
เสียมากกว่า เลยแสดงพฤติกรรมเช่นนัน้
จานวนสี่ต่อหก
หากแยกเป็นรายบุคคลไป จะพบว่าเหล่าผู้เล่นเหนือชัน้
กว่าแน่นอนอยู่แล้ว แต่เหล่าผู้เล่นทุกคน รวมถึงตัวอันฮ
ยอนเองก็ไม่ได้ก้าวออกมาประจันหน้าอย่างไม่ยั้งคิดแต่
อย่างใด ไม่สิ ความจริงคือ พวกเขาเอาแต่ลอบกลืน
น้าลายอยู่ตลอดเวลา ตัง้ แต่พวกเร่ร่อนมาปรากฏโฉมอยู่
ตรงหน้าแล้ว ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีกาลังมาก
พอที่จะโต้ตอบ แต่พวกเราเกร็งไปทัว่ ทั้งตัวต่างหาก
แม้จานวนของพวกมันจะมีน้อย แต่อันฮยอนกลับรูส้ ึกได้
ด้วยตัวเองว่า พวกเร่รอ่ นที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้แตกต่างไป
จากศัตรูคนอืน่ ๆ ที่เคยต่อสู้มา
หนีไปไหนไม่ได้เลยด้วย
อันฮยอนกอบกุมหอกในมือเอาไว้แน่น แล้วจึงจัดท่าทาง
ของตัวเอง
เชร้ง! เคร้ง!
อียูจองและผู้เล่นอีกสองคนที่ราชินีแห่งดาบพามาต่าง
ควักอาวุธของตัวเองออกมาตามๆ กัน แม้จะรู้อยู่แล้วว่า
เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงแสดงความ
มุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ยอมตายง่ายๆ ในศึกครานี้
ท่ามกลางสถานการณ์นนั้ ทั้งสีค่ นจึงได้หนั หน้าไปและใจ
จดใจจ่ออยู่กบั การต่อสูอ้ ันแสนดุเดือดตรงเบื้องหน้า
“ฝั่งนู้นดูท่าจะตายเรียบ”
“ว้าว คนระดับสูงกับคนระดับกลางๆ สิบหกคนนัน่ น่ะ
เหรอจะถูกจัดการ? แค่คนๆ เดียวเนีย่ นะ”
“ถึงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนัน้ แต่...ก็นิดหน่อยมั้ง?
เป็นถึงราชินีแห่งดาบนีน่ ะ คลาสลับเชียวนะ ยังไงก็เถอะ
รีบจัดการให้ไว แล้วจับตาดูสถานการณ์ตอนนี้เถอะ ถ้า
มันเสียเปรียบ ยังไงก็ตอ้ งเข้าร่วมอยู่ดี”
“เฮ้อ ก็สงั่ พวกมันแต่ละคนจนเข้าใจไปหมดแล้วนี่ เอ๊ะ
หรือจะให้ฉนั จัดการทั้งหมดเลยดีไหม”
ในที่สุดทั้งสีค่ นที่เหลืออยู่จึงได้ถืออาวุธขึน้ มาบ้าง มีทั้ง
หอก ขวาน มีด และดาบ ไม่มีพวกนักสูร้ ะยะไกลอยู่ใน
พวกมันด้วย แบบนี้เรียกว่าความโชคดีในความโชคร้าย
ได้ไหมนะ
อันฮยอนกลืนน้าลายดังเอื๊อก แล้วจึงเหลือบตามองไป
ยังสถานที่ทรี่ าชินีแห่งดาบกาลังเปิดฉากต่อสู้
การยืนหยัดอยูจ่ นกว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยนั้น ถือ
เป็นหนทางที่ดีที่สุดก็จริง แต่ทว่าคงไม่ได้เป็นแบบนัน้
จากที่ดูๆ แล้ว เขารู้สกึ ว่าพวกเร่ร่อนที่ดาหน้าเข้ามา แต่
ละคนล้วนเป็นผู้มีความสามารถโดดเด่นกว่าตัวเอง พวก
เร่ร่อนที่ถือหอกอยู่ในมือ ค่อยๆ เดินออกมาข้างหน้า
ช้าๆ
พออันฮยอนหันกลับมามองที่เดิมอีกครั้ง เขาจึงพบว่า
ปลายหอกของพวกเร่รอ่ นกาลังเล็งเป้าไหวๆ เข้ามายัง
กลุ่มของเขา
ทว่าอันฮยอนก็ไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด
ทำอะไรไม่ได้นอกจำกเล็งไปที่มนั
ในวินาทีทพี่ วกเร่ร่อนเริม่ บุกเข้ามาโจมตี อันฮยอนจึงได้
กัดฟัน ตัดสินใจว่าจะเข้าไปทะลุทะลวงพวกมันเสียบ้าง
ไม่ว่าจะตัวเองต้องบาดเจ็บมากเพียงใด แต่เขาคิดว่า
อย่างไรก็จะต้องส่งพวกมันสักคนหนึง่ ให้จากโลกนี้ไป
เสีย
‘เวลาเราจะรับมือต่อการโจมตีของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้มอง
เท้า มองท่วงทานองการเดินของมัน’
‘หนีไปไหมล่ะ’
‘แกมันโง่ ไอ้โง่ ตายๆ ไปซะ’
วินาทีทคี่ าพูดเหล่านัน้ ผุดขึ้นมา ภายในใจที่ไร้ซึ่ง
ความหวัง ในใจที่มีแต่ความมืดมนของชินซังยง จึงได้
เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พองตัวอัดแน่น เขาใช้มือเช็ด
เลือดบริเวณริมฝีปากทิง้ ไป
และนั่นก็คือ เวทที่แผ่ซ่านออกมาโดยอัตโนมัติ
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังไม่เคยประสบความสาเร็จเลยสัก
ครั้งเดียว ซ้าร้ายสถานการณ์ในขณะนี้ยงั เลวร้าย แต่
กระนัน้ ก็ยังคงมีวิธีอยู่ วิธีที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของ
ชินซังยง ณ ตอนนี้
‘หากนักเวทถือเป็นดอกไม้ประดับสงคราม คลาสลับกับ
คลาสหายากก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวติ ที่สามารถตัดสิน
ผลลัพธ์ที่ได้จากสงครามนัน้ แม้สงครามที่เกิดขึ้นนัน้ เรา
จะเสียเปรียบ แต่ถงึ อย่างนัน้ ก็ยังคงสามารถพลิกแพลง
สถานการณ์ได้ภายในคราเดียว’
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 16
_______________________________________
ชินซังยงร่ายเวทออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลา
เดียวกันนัน้ ในหัวของเขาพลางเกิดความคิดอะไร
มากมายเต็มไปหมด
‘รู้ไหมว่าทาไมนายถึงล้มเหลวมาตลอด’
‘การอัญเชิญกลลวงน่ะ แม้เวทที่รา่ ยนั้นมันจะ
สร้างสรรค์ เนรมิตได้ดังใจก็จริง แต่ว่าสิง่ ที่สาคัญที่สุด
คือ การสัญญาต่างหาก การสัญญาน่ะ’
‘พวกกลลวงน่ะ ความสามารถมันแข็งแกร่งก็จริง แต่
ความหยิ่งทนงในศักดิศ์ รีของตัวเองก็รุนแรงไม่แพ้กนั ’
‘ตอนแรกฉันก็กลัวพวกกลลวงเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้กลัว
แบบจริงจังขนาดนัน้ หรอกนะ ไม่ใช่สิ! ก่อนหน้านีก้ ็ไม่ได้
อาศัยสัญญาอะไรแบบนั้นมากมาย แต่เวทก็ออกมาใช่
ไหมล่ะ ว่าไง?’
ฤดูหนาวเมื่อปีนั้นช่างหนาวจับใจ หนาวมากเป็นพิเศษ
จนผิดวิสัย
วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ
กองเพลิงร้อนแรงลุกโชนขึน้ มาอย่างต่อเนื่อง ณ ที่แห่ง
นั้น ที่ที่เต็มไปด้วยรอยเลือดกับเปลวไฟที่กาลังโหม
กระหน่า
ต้นตอของกองเพลิงในครั้งนีค้ ือ รถยนต์สภาพพังยับเยิน
ที่จอดแน่นิ่งอยูก่ ลางทาง รถคันดังกล่าวถูกโอบล้อมไป
ด้วยเปลวเพลิง เปลวไฟที่ว่าค่อยๆ สุมขึน้ มาเรื่อยๆ ไม่มี
ลดละ ลุกโชนอยู่ท่ามกลางยามราตรีนี้
ภายในรถยนต์คนั นั้นมีผู้ใหญ่สองคนกาลังคู้ตัว โอบกอด
ปกป้องเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ เด็กคนนัน้ มองดูผู้ใหญ่ที่
กาลังปกป้องตัวเองด้วยดวงตาอันสั่นไหว ทั้งสองคนจึง
ได้สบตากันในเวลาต่อมา ผู้ใหญ่คนหนึ่งค่อยๆ ยกมือที่
เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ลูบหัวของเด็กคนนัน้ อย่าง
อ่อนโยน หลังจากนัน้ จึงพูดออกมาว่า
‘ซังยง มีชีวติ อยู่ต่อไปให้ได้นะ ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่
ลูกต้องอยูต่ ่อไปให้ได้นะ’
เด็กชายตัวน้อยน้าตาคลอหน่วย พลางพยักหน้าตอบ
รับ
ในเวลาต่อมา รอบกายของเด็กชายคนนัน้ ก็ได้เปลี่ยนไป
“อินอังองไอ้อนอิดอ่าง ติดอ่าง! ไอ้คนติดอ่าง”
เด็กกลุ่มหนึง่ กาลังรุมล้อมแกล้งเด็กชายตัวน้อยคนนัน้
เด็กชายที่ยนื อยู่ตรงกลางทาหน้างงงวย ได้แต่มองสลับ
ไปสลับมา
คุณปู่ที่นั่งมองเด็กชายคนนัน้ มาสักพักหนึ่ง จึงได้พูด
ประโยคหนึง่ ออกมาว่า
“สงบปากสงบคาซะ”
เด็กชายจาประโยคของคุณปู่เรื่อยมา เขาคิดว่าคงไม่มวี ิธี
อื่นใด นอกจากวิธนี ี้แล้ว เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่
พยายามมากเพียงใด นิสัยของตัวเองก็ยงั แก้ไม่หายอยู่
ดี
เด็กชายคนนัน้ คือ ชินซังยง
ความทรงจาที่อยูใ่ นหัวสมองของชินซังยง ค่อยๆ เริม่
ผ่านไปทีละเหตุการณ์ ทีละเหตุการณ์ เริ่มตัง้ แต่ตอนที่
เขาจาความได้
เวลาผ่านไปอีกครัง้
ชินซังยงสงบปากสงบคามาโดยตลอด ทว่าด้วยนิสัยทีข่ ี้
กลัวมาแต่ไหนแต่ไรของเขากับความเงียบขรึมเช่นนี้ จึง
ทาให้เขาว้าเหว่ เขาดาเนินชีวิตเช่นนี้มาตลอด เหมือนมี
ตัวตนบ้าง เหมือนไม่มตี ัวตนบ้าง ด้วยสาเหตุนี้จงึ ทาให้
ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคนเดียว อย่างร้ายแรงมากที่สดุ
ก็คือ เคยโดนแกล้งให้อยู่ตัวคนเดียว ไม่มคี นยอมรับเข้า
กลุ่มด้วย
แต่ก็ไม่เป็นไร เขาชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้เสียแล้ว เขา
ไม่ได้ใช้ชีวติ แบบนี้อยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่
จนในสุดท้าย เขาคิดว่าตัวเอง...จะเป็นแบบนี้ตอ่ ไปไม่ได้
แล้ว
แต่ชินซังยงก็มีสิ่งหนึ่ง เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทาใจอดทน
ต่อมันได้ นัน่ ก็คือ ความว้าเหว่และเดียวดายทีก่ ่อตัว
ขึ้นมา หลังจากที่คณ ุ ปูเ่ สียชีวติ จากโลกใบนี้ไป เขาไม่มีที่
พึ่งเลยแม้แต่ที่เดียว ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้รอบกายเขาทั้ง
มืดหม่นและเยือกเย็นเสมอมา เหมือนกับฤดูหนาว
ฤดูที่เกิดขึน้ บนโลกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่
ทว่าฤดูของชินซังยงกลับหยุดสนิทอยู่ที่ปนี นั้ ไม่ว่า
เมื่อไหร่กย็ ังคงเป็นเหมือนฤดูหนาวเสมอมา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดิ้นรน ต่อสู้กับมัน
อายุเพิ่มขึน้ เรียนจบมหาวิทยาลัย ออกไปใช้ชวี ิตใน
สังคมใหม่ จึงทาให้อะไรหลายๆ อย่างดีขนึ้ ทั้งประสบ
ความสาเร็จตามที่ตวั เองหวังไว้ แต่นสิ ัยเดิมๆ ก็ไม่ยอม
เปลี่ยนแปลงไปเสียที เขายังคงเป็นชินซังยงทีพ่ ูด
ตะกุกตะกักเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้เป็นหนักเท่าตอนเด็ก
แต่เพราะสาเหตุนจี้ ึงทาให้เขาโดนดูถูกดูแคลนบ้าง
เช่นกัน และด้วยนิสยั ขีก้ ลัวของเขา ก็มีหลายต่อหลาย
ครั้งที่ต้องมาเผชิญหน้าต่อหายนะต่างๆ
แต่เขาก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะตัวเองก็อยู่แบบนัน้ คน
เดียวมาตลอดแต่ไหนแต่ไรแล้ว
และหลังจากที่ได้เข้ามายังฮอลล์เพลน
พอชินซังยงผ่านพิธกี ารเปลี่ยนสภาวะมาได้สาเร็จ เขาก็
ไม่สบายไปเกือบอาทิตย์หนึ่ง ในช่วงแรกๆ เขาแค้นใจ
กับโลกใบใหม่นี้มาก ไม่เข้าใจว่าทาไมถึงถูกพาตัวมาที่
แห่งนี้
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากลุกขึน้ มาได้อกี ครั้ง คือ
ฮอลล์เพลนไม่ใช่โลกที่เขาจะสามารถใช้ชวี ิตอยู่ตัวคน
เดียวได้แน่ๆ ชินซังยง ผู้ซึ่งเคยยึดติดกับการใช้ชวี ิตอัน
แสนพิสดารเช่นนั้นมาตลอด คิดได้ว่าวิธีที่จะอยูร่ อด ณ
ที่แห่งนี้คือ การปรับตัวเข้าหา เพราะฉะนัน้ หากต้องการ
ที่จะปรับตัวให้กบั โลกใบนี้แล้วล่ะก็ ประเด็นแรกที่
จะต้องลงมือทาก่อนใครเพื่อน คือ เปลีย่ นแปลงทุกสิ่ง
ทุกอย่างของตัวเองเสียก่อน
แต่ถึงอย่างนัน้ ชีวิตความเป็นอยูข่ องชินซังยงก็ยังคง
เหมือนเดิม แม้จะเข้ามาอยู่ในฮอลล์เพลนแล้วก็ตาม
เขาลองมาหมดแล้ว ทั้งตั้งใจทางานราษฎร์ งานหลวง
อย่างเต็มที่ ทั้งยังยอมขจัดความหวาดกลัว จนได้ออกไป
สารวจสถานที่ต่างๆ
แต่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มอี ะไรเปลีย่ นแปลง
‘หมอนั่นไม่ทาเกินไปหรอกเหรอ ถึงจะเป็นนักเวทก็เถอะ
แต่มันมากเกินไปแล้วนะ ไม่สิ เขาจะเข้าร่วมคาราวาน
ทาไม ถ้าจะยังทาตัวแบบนัน้ อยู่’
‘ถึงจะพูดอึกอักยังไง ก็ต้องร่ายเวทให้ได้ด้วยสิ เกือบ
ตายแล้วไหมล่ะ’
‘พวกเราไม่รบั นักเวทเล่นแร่แปรธาตุครับ’
‘วิเคราะห์ภาษาโบราณงั้นเหรอ พอดีฉนั ไม่ค่อยสนใจ
เรื่องนี้เท่าไหร่นกั ยังไงก็...ถ้าขุดเจอโบราณวัตถุอะไร จะ
ลองติดต่อไปอีกทีแล้วกัน’
หนึ่งปีผ่านไป
เมื่อถึงคราวเขาควบคุมจิตใจได้แล้ว รอบกายชินซังยงก็
ไม่มีผู้ใดยืนเคียงข้างเลยแม้แต่คนเดียว เขาคิดว่าจะ
พยายามต่อไปเรื่อยๆ ในแบบของตัวเอง และยังคิดอีก
ว่าหากอดทนและเฝ้ารอต่อไป บางทีฤดูใบไม้ผลิอาจจะ
มาหาในเร็ววันก็ได้ ทว่าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
ผลลัพธ์ที่ได้แทบไม่ต่างอะไรกับในโลกปัจจุบันเลย
จนในที่สุด ชินซังยงก็ยงั อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม ไม่วา่
จะในโลกปัจจุบันหรือในฮอลล์เพลน ฤดูของชินซังยงก็
ยังเป็นฤดูหนาวอยูว่ นั ยังค่า
จึงทาให้เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า
ถ้าเป็นแบบนี้ หมายความว่าเขาเอาแต่เฝ้ารอการมา
เยือนของฤดูใบไม้ผลิอยู่เฉยๆ เช่นนี้อย่างเดียวเหรอ
สิ่งที่เขาเคยคิด เคยคุน้ เคยมาตั้งแต่เด็ก มันกลายเป็นตัว
ขัดขวางไม่ให้ฤดูหนาวนั่นเลือนหายไปจากใจหรือเปล่า
...เขาคิดเช่นนัน้
แต่เมื่อครั้งที่เขาเข้าใจถึงสิ่งเหล่านัน้ ได้สาเร็จ ทุกอย่าง
มันกลับสายไปหมดเสียแล้ว ณ ฮอลล์เพลนแห่งนี้ เขาได้
กลายมาเป็นกลุ่มผูค้ ัดค้านกระแสหลักและอยูต่ วั คน
เดียวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นสิ่งมีชวี ิตที่ไม่ได้รบั
การต้อนรับจากโลกที่คานึงถึง ‘ข้อมูลผู้เล่น’ เป็นอันดับ
แรก
เขากังวลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนในที่สุดก็ตดั สินใจครั้ง
ยิ่งใหญ่ ครัง้ นีจ้ ะเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายที่เขาจะ
ลองก้าวออกไปเผชิญโลกภายนอก
ในการออกสารวจที่เกือบจะเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้นั้น
เขาได้เจอผู้เล่นคนหนึ่ง
ผู้เล่นคนนั้น เป็นมนุษย์ที่ต่างกับเขาราวฟ้ากับเหว ไม่วา่
เขาจะลงมือทาอะไรก็จะมีความเป็นผูน้ าติดตัวไปด้วย
เสมอ อีกทัง้ ยังได้รบั ความเชื่อถือ ศรัทธาจากคนรอบ
ข้างอีกด้วย
นั่นสินะ ผู้เล่นคนนั้นเหมือนดวงอาทิตย์ไม่มีผิดเลยล่ะ
ชินซังยงคิดว่า หากเขาอยู่เคียงข้างดวงอาทิตย์ดวงนี้
ต่อไปเรื่อยๆ ฤดูหนาวของตัวเองจะละลายไปได้หรือไม่
นะ
ชินซังยงเสี่ยงทุกสิ่งอย่าง และยอมติดสอยห้อยตามไป
ด้วยเป็นครั้งแรก ชินซังยง ผู้เคยพยายามปรับตัวครั้ง
แล้ว ครั้งเล่า เคยแต่ถอยหลังไม่ยอมเสี่ยง บัดนีเ้ ขาได้
ลองเสี่ยงกับตัวเองเป็นครั้งแรกแล้ว
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้น
‘ดีครับ’
‘ค...ครับ?’
‘ยินดีต้อนรับครับ คุณผูเ้ ล่นชินซังยง’
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 20
_______________________________________
สภาพในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
น้้าแข็งแห่งฤดูหนาวที่เฝ้ารอว่าจะเลือนหายไปเมื่อใดนั้น
ค่อยๆ เริ่มละลายลงอย่างช้าๆ
การใช้ชีวิตของชินซังยงที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวาเช่นนัน้ ในที่สุด
ก็ได้พบเข้ากับจุดเปลีย่ นแปลงครั้งใหม่
การเปลี่ยนแปลงทีว่ ่านัน่ เริ่มตั้งแต่รอบกายของเขาเลย
ทีเดียว
‘ผู้เล่นชินซังยง หากคุณหักโหมมากไปจะไม่ดนี ะครับ’
‘ฮ่าๆ ดูไม่เหมือนค้าทีน่ า่ จะหลุดออกมาจากปากหัวหน้า
เลยนะครับ’
‘ฮ่าๆ! อย่างนัน้ หรือครับ’
รอบกายของตัวเองที่ไม่เคยมีใครเข้าหาเลยจนกระทั่ง
เดี๋ยวนี้
‘โหๆ ดูสิ ดูสิ! ชินซังยง! ท่านอาจารย์คนนีบ้ อกแล้วไง
ในที่สุดก็จะได้ทา้ หน้าทีส่ ้าคัญแล้วนะ’
‘ค...ครับ? หน้าที่ส้าคัญหรือครับ’
‘ใช่ หน้าที่ส้าคัญไงล่ะ คิมซูฮยอนขอร้องมา เจ้าตัว
ขอร้องเองเลยด้วย! จะช่วยใช่ไหมล่ะ’
ทีละคน
‘พี่ครับ! ขอบคุณที่ช่วยเมื่อคราวก่อนนะครับ! พี่เข้ากับ
พวกเราได้ดีมากเลยเนอะ’
‘เฮ้อ พี่ก็ท้าให้หมดเลย พวกเราเคยตัวแล้วเนี่ย’
‘เห็นด้วยค่า’
ค่อย ๆ เพิ่มทีละคน
ชินซังยงคิดว่า ในที่สุดตัวเองก็คน้ พบที่ที่ใช่แล้ว ไม่สิ
เป็นที่ที่อยู่ในตอนนี้ อยูไ่ ปก็มคี วามสุขได้ เขาดีใจมาก
แต่ก็ไม่รวู้ ่าจะมีเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจขึน้ มาอีก
เมื่อไหร่
‘ในการคัดเลือกคราวนี้ เราขอยกเว้นคุณผู้เล่นชินซังยง
นะครับ’
‘การทีค่ ุณเป็นผู้เล่นฝ่ายบุน๊ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรหรอก
ครับ’
มีสมาชิกเผ่าคนหนึ่งที่โดดเด่นเรื่องเวทมากกว่าตัวเขา
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล่นแร่แปรธาตุ เขาคนนัน้ ดีกว่าเห็นๆ
หรือว่าเราจะต้องอยู่อย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เขาคิดว่าบางทีตวั เองอาจจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
หนึ่งก็ได้ใครจะรู้ ดังนัน้ ชินซังยงจึงตัดสินใจเข้าร่วมใน
ศึกสงครามด้วย โดยมีความคิดที่ว่า จะพิสจู น์ในทุกคน
ได้เห็นถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา
และผลลัพธ์ที่ได้...
เอ๊ะ?
เสียงอะไรบางอย่างดังขึน้ มากะทันหัน ชินซังยงจึงผงก
หัวขึ้นมา พลางขยี้ตาไปด้วย ที่แห่งนีเ้ ป็นพื้นที่ขาวโล่ง
ไม่มีอะไรเลย แต่แล้วก็ได้เห็นสมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่
ยืนอยู่ตงั้ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ชินซังยงเห็นดังนัน้ จึงจะเดินไปหาโดยอัตโนมัติ แต่แล้ว
เขากลับหยุดการเคลื่อนไหวไปเสียดื้อๆ
ยังพอมีที่ที่จะให้ฉนั กลับไปอยู่ใช่ไหม
วินาทีนนั้ ความทรงจ้าต่างๆ จึงได้โลดแล่นเข้ามาดัง่
ภาพพาโนรามาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อครั้งกินข้าวด้วยกัน
เมื่อครั้งยืนเฝ้าเวรยามด้วยกัน
เมื่อคราวที่ได้ไปส้ารวจโบราณสถาน
เมื่อคราวที่ได้เสี่ยงชีวติ ต่อสู้กบั ศัตรู
เมื่อครั้นที่ตวั เองได้เข้าไปยังแคลนเฮาส์
เมื่อคราที่ได้เพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงทีจ่ ัดขึ้นในสวน
ชินซังยงเหม่อลอย ได้แต่จ้องความทรงจ้าต่างๆ ตรง
เบื้องหน้า และตอนนั้นก็มีบคุ คลคนหนึง่ ก้าลังค่อยๆ ยืน
หันหลังอย่างช้าๆ ชายผู้นั้นหัวเราะน้อยๆ พลางเขยิบ
ตัวสละต้าแหน่งให้ ซึง่ ในเวลาเดียวกันนั้นนัน่ เอง
สมาชิกเผ่าทุกคนจึงได้หันหน้าไปมองชายผู้นนั้
ท่าทางของเขาราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามา ชินซังยงจึงเดิน
ไปทางทีว่ ่าทันที
และ ณ วินาทีที่เข้าไปด้านในได้สา้ เร็จ
“ยินดีต้อนรับครับ คุณผู้เล่นชินซังยง”
ทัศนวิสัยของเขาเริ่มแปรเปลีย่ นเป็นสีขาวโพลนอีกครัง้
“...”
ร่างกายในขณะนี้ ไม่มปี ระสาทสัมผัสหลงเหลืออยู่เลย
สิ่งที่เห็นอยูต่ อนนี้คือความจริง หรือความฝัน เขาแยกไม่
ออกเลย
หลังจากนั้นทัศนวิสัยเขาจึงเริ่มสั่นไหวอย่างช้าๆ ซึ่งใน
การสั่นไหวครั้งนี้ท้าให้เขาได้เห็นใบหน้าของคนสามคน
ที่แสนจะคุน้ เคย
“พะ พี่! พี่ครับ!
“พี่คะ! พี่! ตอบหน่อย! ตอบหน่อยซี่!”
“รักษาเร็ว!”
อันฮยอนตะโกนเสียงดัง
อียูจองเขย่าตัวเขาไปมาอย่างบ้าคลัง่
อันซลที่กา้ ลังร่ายเวทอย่างลนลาน
“พี่ต้องอยู่ต่อนะครับ ต้องอยู่ต่อนะ!”
“อดทนหน่อยนะ! ตอนนี้กา้ ลังรักษาให้อยู่! เอ๋?”
อยู่ต่อหรือ
ประโยคหนึง่ ดังแว่วเข้ามาในหู ชินซังยงจึงค่อยๆ เปิด
ปากพูดออกมาช้าๆ ว่า
“โชคดี...”
“อะ เอ๊ะ? โชคดี! ใช่สิ! โชคดีใช่ไหมล่ะ! หืม?”
ชินซังยงหัวเราะเจื่อนๆ ให้กบั เสียงตะโกนนัน่
ยังมีอะไรทีจ่ ะต้องท้าต่ออยู่อีกมาก เขายังอยากท้าอะไร
อีกเยอะแยะเลย
อยากขอโทษเด็กๆ พวกนี้ดว้ ย
อยากอวดท่านอาจารย์ว่า เขาสามารถอัญเชิญกลลวงได้
แล้วนะ
เขาคิดว่าหากเขาสามารถช่วยอะไรในตอนนี้ได้ เขาก็
อยากท้า
ทว่ามันกลับตรงกันข้ามกับหัวใจ เขารูส้ ึกว่าร่างกาย
ตัวเองก้าลังเย็นขึน้ เรื่อยๆ
ในอารมณ์และความรูส้ กึ ที่ตีกนั อยู่เช่นนัน้ เขาควร
จะต้องพูดอะไรออกไปดี
ชินซังยงมองทั้งสามคนที่ก้าลังก้มมองตัวเอง
“ขอโทษ...”
ขอโทษนะ
“ขอ...บ...คุ...มาก...”
ขอบคุณมากนะ
ชินซังยงหัวเราะ แล้วร้องไห้ออกมา ร้องไห้ทั้งๆ ที่
หัวเราะอยูเ่ ช่นนั้น
จู่ๆ ในหัวสมองได้บังเกิดความมืดหม่นขึ้นมากะทันหัน
ความจริงแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองสติเลื่อนลอยมาตั้งแต่
เมื่อครู่นี้แล้ว
ดังนัน้ ชินซังยงจึงคิดว่า เห็นทีตัวเองคงจะต้องหลับตาลง
ครู่หนึ่ง
“แป๊บหนึง่ ...”
“พี่ ท้าไมเป็นแบบนี้ไปล่ะ ท้าไมจู่ๆ ถึงหลับตาไปล่ะ
หืม?”
ชินซังยงรู้สึกเบาใจอย่างบอกไม่ถกู เขาจึงเอื้อนเอ่ยบท
กลอนออกมาอย่างแผ่วเบา
“หากพ้นหน้าหนาวนี้ไป...ความอบอุน่ แห่งฤดูใบไม้ผลิ
จะผ่านมา...”
วินาทีนนั้ เขารู้สึกได้ว่าเหมือนอะไรบางอย่างถูกตัดจน
ขาดสะบั้นลง
“พี่....พีค่ รับ? พี่!”
ก่อนทีจ่ ะหลับตาลง ชินซังยงได้คิดขึน้ มาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากเราสามารถลืมตาขึ้นมาได้อกี ครั้งล่ะก็
...
“พี่คะ...?”
ตอนนีค้ งจะต้องเตรียมต้อนรับฤดูใบไม้ผลิอนั แสนอบอุ่น
ได้แล้วนะ
ดวงตาของชินซังยงปิดสนิท พร้อมกับน้า้ ตาที่เอ่อล้นอยู่
บริเวณขอบตา ไหลรินลงมาอาบข้างพวงแก้ม
อันฮยอนกับอียจู องร้องไห้คร่้าครวญจนแทบเจียนตาย
ในขณะที่อันซลก้าลังร่ายเวทเพื่อช่วยรักษาอยู่เช่นเดิม
แล้วหล่อนก็ได้วางมือทีก่ ้าลังสั่นน้อยๆ ทาบลงบริเวณ
อกข้างซ้าย หัวใจหยุดเต้นไปแล้วเรียบร้อย ไร้ซึ่งการ
ตอบสนองต่อสิง่ ใด หล่อนรู้สกึ ได้แค่เพียงอุณหภูมิของ
ร่างกายทีเ่ ย็นลงไปแล้วเท่านัน้
อันซลค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองช้าๆ เสื้อคลุมของ
หล่อนเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่ไหลซึมออกมา
จากหน้าท้องของเขา แต่กระนั้นสีหน้าของชินซังยงก็ยัง
ดูผ่อนคลายเหมือนอย่างเคย แม้เลือดจะไหลรินออกมา
มากเท่าใด ริมฝีปากเขาก็ยงั คงยกยิม้ น้อยๆ ให้เห็นอยู่
เสมอ
อันซลจึงค่อยๆ ปริปากพูดออกมาว่า
“พี่คะ...?”
ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ
และในช่วงที่อนั ซลก้าลังจะเปิดปากพูดอีกครั้งนั่นเอง
“พ...”
ตุบ้
ก่อนที่อนั ซลจะพูดค้านัน้ จบ ศีรษะของชินซังยงกลับตก
ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ตึกตัก!
ในตอนนัน้
ตึกตัก ตึกตัก!
หัวใจของอันซลก็เริ่มเต้นแรงมากขึน้
ฟิ้ว! เพียะ!
“ฮึก!”
แส้ตวัดเข้ามาพลางกลับเข้าไปอยู่ในมือเจ้าของอีกครั้ง
พร้อมกับราชินีแห่งดาบที่ส่งเสียงครวญครางออกมา
อย่างแผ่วเบา และหล่อนจึงคิดได้ว่าบัดนี้ถงึ คราวสิน้ สุด
กันเสียทีแล้ว
“ว้าว สุดยอดเลยนะเนีย่ มีแผลใหญ่ขนาดนัน้ ใช่คลา
สลับหรือเปล่าเนี่ย”
แม้หญิงสาวผูถ้ ือแส้อยู่ในมือจะเรียกร้องความสนใจมาก
ขนาดไหน แต่ตอนนีร้ าชินีแห่งดาบก็ไม่มีแรงมาก
พอที่จะไปโต้แย้งกับหล่อนด้วยแล้ว เรี่ยวแรงของหล่อน
ลดฮวบฮาบลง หลังจากผ่านการต่อสูก้ ับพวกเร่ร่อนมา
ก่อนหน้านี้ และเพราะไร้พลังขนาดนี้ ซ้้าร้ายยังโดน
โจมตีเข้าที่ท้องโดยไม่ทนั ตั้งตัวอีกด้วย จึงท้าให้หล่อน
ล้มเกลือกกลิง้ อยู่กบั พื้น แม้จะปลุกกระตุน้ พลังอย่างไร
ทว่าความทนทานนัน้ กลับถดถอยไปอย่างน่าใจหายเลย
ทีเดียว
สภาพการณ์ของราชินแี ห่งดาบในขณะนี้ ถือว่าเข้าขัน้
วิกฤติหนัก
หากหล่อนสามารถสู้กบั อีกฝ่ายได้อย่างตัวคนเดียว ก็
เรียกได้วา่ แทบจะเป็นอภินิหารเลยก็ว่าได้
ราชินีแห่งดาบค่อย ๆ ควบคุมสติของตัวเองทีก่ ้าลังจะ
เลื่อนลอยไปไกล แล้วจึงมองอีกฝ่ายด้วยหางตา จากนัน้
จึงคิดต่อมาว่า หากหล่อนได้รบั ความช่วยเหลือเหมือน
ครูก่ ่อนหน้านี้ บางทีอาจจะมองเห็นหนทางที่อยู่เบื้อง
หน้าก็ได้ ทว่าสิ่งทีป่ รากฏอยู่ตรงหน้าของหล่อน ณ
ขณะนี้ กลับมีเพียงแค่คนสามคนที่ก้าลังร้องไห้คร่้า
ครวญอยูข่ ้างกายชายทีน่ อนราบไปกับพื้นคนนัน้
เมื่อแน่ใจว่าความหวังสุดท้ายจางหายไปเสียแล้ว ความ
มืดมน สิ้นหวัง ไร้หนทางฉายผ่านอยู่ในแววตาของ
ราชินีแห่งดาบ และในตอนนัน้ เอง
“ถ้าเหม่อระหว่างที่ต่อสู้กันอยู่ จะท้ายังไงล่ะ”
พลั่ก!
“อึ้ก!”
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในชั่วพริบตา หญิงสาวผูน้ นั้ ที่ก้าลัง
จดจ้องราชินีแห่งดาบผูซ้ ึ่งก้าลังท้อแท้ใจ จึงวางท่าจะ
ฟาดแส้ใส่อีกฝ่าย ราชินีแห่งดาบเห็นดังนั้นจึงเอี้ยวตัว
กะจะหลบ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเบีย่ งไหล่หลบพ้นเจ้าแส้
เส้นนั้นไปได้ ดาบซอลอาหลุดมือไป พลางส่งเสียงกรีด
ร้องสัน้ ๆ หลังจากนัน้ จึงล้มกายลงไป
ฟิ้ว! พลั่ก!
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 21
_______________________________________
หญิงสาวผูน้ ั้นเก็บแส้กลับคืนไปอีกครัง้ หญิงผูน้ ี้ไม่ใช่ใคร
อื่น หล่อนคือยูรนิ ะนี่เอง ยูรนิ ะสะบัดมือเล็กน้อย พลาง
ใช้สายตากวาดมองบริเวณโดยรอบ หล่อนเห็นร่างอันไร้
วิญญาณอยู่ทั้งหมดห้าร่าง แต่เจ้าพวกเร่ร่อนที่วิ่งหนี
ออกไปก่อนนัน้ คงมีกาลังพลมากถึงสีเ่ ท่าเห็นจะได้ จะ
ให้มองว่าหนีเหล่าผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้าก็คงจะไม่ใช่ ดู
ท่าทางแล้วเหมือนกับว่าวิ่งไล่ตามใครสักคนออกไป
อย่างรวดเร็วเท่านัน้ เอง
“ไซม่อนสั่งให้มาดูลาดเลาละแวกนี้สนิ ะ”
อย่างไรก็ตาม หล่อนคิดว่าจะต้องทาเช่นนัน้ ให้ได้ ยูรนิ ะ
จึงเคลื่อนตัวไปหาอีกสามคนที่เหลืออยู่ พวกเขาทั้งสาม
คนกาลังสะอึกสะอืน้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
พลางโอบกอดร่างของชายคนหนึ่งเอาไว้ หล่อนเห็น
ดังนัน้ จึงเอียงคอสงสัยเล็กน้อย แล้วจึงหยุดการ
เคลื่อนไหว เว้นระยะห่างพวกเขาไว้พอประมาณ
หลังจากนั้นจึงก้มตัว ใช้มือซ้ายค้าเข่าไว้ พลางพูด
ออกไปว่า
“ขอรบกวนหน่อย มีอะไรอยากจะถามสักหน่อยน่ะ ไม่
ทราบว่ามีผู้ชายอวบๆ อ้วนๆ มาแถวนีบ้ ้างหรือเปล่า”
ชายอวบๆ อ้วนๆ ที่ยรู นิ ะพูดถึงนั้น คืออีคังซานนัน่ เอง
และแน่นอนว่าหล่อนไม่ได้รบั คาตอบใดๆ กลับมา จะ
บอกว่าพวกเขาฟังไม่เข้าใจก็คงจะไม่ได้ เพราะอันฮยอน
ที่พอควบคุมสติได้ประมาณหนึ่ง ได้หนั กลับมามองข้าง
หลังด้วยใบหน้าที่แสนโกรธเกรี้ยว
ยูรินะถอนหายใจ ในขณะที่อันฮยอนกาลังจะหยิบหอก
ขึ้นมานั่นเอง หล่อนจึงได้ฟาดแส้เข้าไปหาอีกฝ่ายอย่าง
ไม่รีรอ
เพียะ
อันฮยอนอยูใ่ นสภาพที่ไม่ได้ป้องกันตัวเอง จึงทาให้แส้
เส้นนั้นตวัดเข้ามาอยูบ่ ริเวณหน้าอก เลือดไหลทะลัก
พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังลั่น หล่อนเก็บแส้กลับเข้าที่
ด้วยสีหน้าอันแสนเย็นชา บริเวณแส้นั้นมีหนามอยู่ ซึ่ง
แน่นอนว่าหนามพวกนัน้ มีเลือดและหนังกาพร้าติดเข้า
มาด้วย อันฮยอนผู้ถือหอกอยู่นนั้ จึงล้มลงไป
“อะ อันฮยอน? ยัยXX…!”
ในตอนนัน้ ยูรนิ ะจึงตวัดแส้ในมืออีกครั้งหนึ่ง
เพียะ
อียูจองตัง้ ใจจะลุกขึน้ มา แต่แล้วหล่อนกลับจาต้องหยุด
การเคลื่อนไหวไป ปรากฏลาแสงหนึ่งสว่างวาบเข้าที่
ใบหน้าอยูช่ ั่วครู่หนึ่ง หลังจากนั้นหล่อนจึงค่อยๆ ก้ม
หน้ามองสีขา้ งตัว บาดแผลตอนนัน้ ปริขาดออกจากกัน
เสียแล้ว มิหนาซ้ายังมีอะไรบางอย่างทิ่มแทงอยู่ระหว่าง
บาดแผลนั่นด้วย
อียูจองปริปากพูดด้วยสีหน้าตืน่ กลัว
“อันซล...หนีไป...”
ตึง!
อียูจองล้มลงไปนอนกับพื้น อันซลเห็นดังนัน้ จึงหยุด
หายใจไปชั่วขณะ ในหัวของหล่อนเกิดเลอะเลือน ว่าง
เปล่าเหมือนคนสติหลุดลอยไปชั่วขณะ ในเวลาต่อมาก็
รู้สึกได้ว่าจู่ๆ ร่างกายก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ขาอ่อนยวบยาบ
จนแทบก้าวไม่ไหว นัยน์ตาที่เคยเปล่งประกายสดใส
ตลอดเวลา บัดนี้กลับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ราวกับไร้ชีวิต
ตึกตัก ตึกตัก! ตึกตัก ตึกตัก!
ภายในอันแสนว่างเปล่าของอันซล กลับมีเพียงแค่หัวใจ
เท่านัน้ ที่ยังคงเต้นรัวมาตั้งแต่เมื่อครูน่ ี้
แต่กระนัน้ ยูรนิ ะก็หาได้สนใจไม่ หล่อนเดินปราดเข้ามา
พลางถามอันซลด้วยความอ่อนโยนอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่เห็นผู้ชายคนนัน้ เหรอ เขามาที่นี่ใช่ไหม”
“มะ...”
“ศพของพวกเร่ร่อนนี่ พวกเธอจัดการกันเองหมดเลย
หรือ พอจะจาได้ไหมว่าพวกเขาไปทางไหน”
“ไม่...”
ยูรินะได้รบั คาตอบที่ไร้ซึ่งความหมายกลับมา จึงทาให้ได้
แต่ถอนหายใจเบาๆ หล่อนคิดว่าเห็นทีคงจะต้องกลับไป
เสียแล้ว จึงยกมือขวา แล้วส่ายไปมาครั้งสองครั้ง แส้
เส้นนั้นตวัดเป็นรูปตัวเอส แล้วจึงกระทบเข้ากับผืนดิน
จนได้ยินเสียงเพียะดังออกมา ปลายแส้กระเด้งกลับคืน
มาเหมือนงูไม่มีผิด
ในตอนนัน้ ลูกแก้วที่เกิดรอยร้าวปรากฏตัวแทรกขึ้นมา
ระหว่างเส้นทางของแส้เส้นนั้นอย่างกะทันหัน
ฟิ้ว! เปรี๊ยะ!
“เอ๊ะ?”
ยูรินะขมวดคิว้ ให้กบั ภาพตรงหน้า หล่อนเล็งแส้ไปที่
ลาคอของอีกฝ่ายแล้วแท้ๆ แต่ทว่าเจ้าแส้นั่นกลับไม่
เฉียดโดนตัวอันซลเลยแม้แต่น้อย
ตัวตนที่แท้จริงของลูกแก้วนั่น คือ โล่กาบังรุน่ ปรับปรุง
ใหม่นนั่ เอง แม้ม่านกาบังจะถูกพวกเร่ร่อนโจมตีจนแตก
ไปแล้วก็จริง แต่ทว่าธาตุแท้ของลูกแก้วก็ไม่ได้ถูกทาลาย
ไปอย่างใด วินาทีที่รบั รูว้ ่าอันซล เจ้าของของตัวเองตก
อยู่ในอันตราย มันจึงได้โผล่ออกมาทั้งที่อยูใ่ นสภาพไม่
สมบูรณ์
ม่านกาบังเมื่อครู่ก่อนหน้า อาจยังมีพลังเฮือกสุดท้ายอยู่
จึงทาให้ลูกแก้วที่เหลือเพียงเสี้ยวพลังบางส่วนได้กลิ้งตก
กับผืนดิน เศษเล็กเศษน้อยที่แตกกระจายลงไปนัน้ ได้
อันตรธานโผขึ้นฟ้าเบื้องบนอย่างน่าใจหาย
“ไม่มี...”
อันซล ผู้ซึ่งอยูใ่ นเศษเสีย้ วของชิน้ ส่วนที่กาลังโต้ลมอยู่
นั้น จึงได้เริ่มร่ายเวทออกมา
“อะไรเนี่ย”
ยูรินะเอียงคอสงสัย แต่แล้วพอหล่อนได้เห็นลูกแก้วที่
แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เช่นนัน้ จึงได้รบี จับแส้ไว้ในมือ
ทันที ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้หางของแส้ลตู่ กเป็นทางยาว
สัมผัสเข้ากับผืนดินเบื้องล่าง หลังจากนัน้ หล่อนจึงส่ง
พลังบางอย่างเข้าไปที่มอื ที่กาลังถือแส้อยู่
อันซลพูดขึน้ มาอีกครั้งว่า
“ไม่มีทาง…!”
ตอนนัน้ เอง
ในช่วงทีช่ ีพจรของอันซลกาลังพุง่ ทะยานมากขึน้ มาก
ขึ้น และกาลังจะทวีคูณขึ้นไปสูข่ ั้นสูงสุด
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหยุดนิ่ง ชะงักงันเหมือนโกหก
หัวใจที่เต้นตึกตักมาตลอดก็หยุดแน่นิ่ง ความ
สั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็จางหายไปเช่นกัน
หล่อนเหมือนตุ๊กตาที่ขา้ งในแสนว่างเปล่า ไม่สามารถ
ควบคุมร่างกายของตัวเองได้ มิหนาซ้ายังไม่รู้สกึ ถึงอะไร
อีกต่างหาก
“ลาก่อน”
ฟิ้ว!
ศีรษะของอันซลร่วงหล่นลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อม
กันนั้น เจ้าแส้ที่อยู่ในมือยูรินะก็เลื้อยเข้ามาปะทะเป็น
เส้นตรง เจ้าแส้เส้นนัน้ แล่นทะลุผ่านหน้าท้องของอีก
ฝ่ายไปอย่างนุ่มนวล ไร้ซึ่งอุปสรรคขวางกัน้
ความรู้สกึ ที่ได้จากการที่หน้าท้องถูกทาร้ายนัน้ ผันแปร
มาเป็นความเจ็บปวด หล่อนกาลังจะส่งเสียงกรีดร้อง
เพราะพิษความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทัว่ ทั้งร่างกาย ใน
ตอนนัน้ เอง เวลาจึงได้เริ่มเดินผ่านเลยไปอย่างเชื่องช้า
อันซลเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึน้ โดยรอบ
เห็นราชินีแห่งดาบกาลังนอนแน่นิ่ง เหมือนกับสิ้นใจไป
แล้วอยู่ไกลๆ
เห็นอันฮยอนกับอียจู องที่กาลังนอนจมกองเลือด
และเห็นชินซังยงที่กาลังเผยรอยยิ้มจางๆ ทั้งๆ ที่
ร่างกายเย็นซีดเซียว ไร้ซึ่งชีวติ ชีวา
ทุกคนล้วนนอนหลับไหลแน่นงิ่ สถานการณ์ในขณะนี้ ไม่
มีใครสามารถช่วยหล่อนได้เลยสักคนเดียว
ภาพเหตุการณ์ตา่ งๆ เลือ่ นลอยผ่านไปอย่างช้าๆ
และแล้วก็ถึงจุดจบ ทุกอย่างล้วนกลับคืนสู่สภาพปกติ
ร่างกายของอันซลที่คา้ งเติ่งอยูเ่ ช่นนัน้ จึงสามารถเริ่ม
ผงกศีรษะได้อีกครัง้ หนึง่
ส่วนชีพจรที่หยุดเต้นไปชั่วขณะนัน้
ตึกตัก!
การสั่นไหวต่างๆ ที่หยุดแน่นงิ่ ไปเพียงชัว่ ครู่
ตึกตัก!
“ไม่มีทางงง!”
ณ ช่วงเวลาที่อนั ซลเปล่งเสียงดังกึกก้องออกมานัน่ เอง
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนปะทุออกมาให้เห็นเด่นชัดได้ภายใน
คราเดียว
ฮึมมม!
ในเวลาเดียวกันนัน้ ทั่วทั้งร่างของอันซลจึงอาบไล้ไป
ด้วยแสงสีขาวโพลน
***
[ระดับคลาสลับ นักบวชแห่งความรุ่งโรจน์เปิดเผยตัว!]
[ยืนยันปาฏิหาริย์เริ่มทางาน!]
ปาฏิหาริย์!
ในตอนนัน้ ทูตสวรรค์ที่หลับตาพริ้มจึงได้ค่อยๆ ลืมตา
ขึ้นมาอย่างช้าๆ
วาบบบ!
ในช่วงที่ทูตสวรรค์กาลังลืมตาขึน้ มา ลาแสงขาวสว่างได้
ส่องประกายแยงตาออกมาจากทั่วทั้งร่าง
ลาแสงที่สาดส่องลงมานั้นทั้งเจิดจ้าและแข็งแกร่งมาก
จนสามารถปกคลุมทั่วทั้งพืน้ ที่ได้เลย ดังนั้นจึงทาให้ผม
จาต้องหลับตาลงอย่างอัตโนมัติ
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วเนีย่
ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหนึง่ นัน้ จึงได้พบกับภาพ
เหตุการณ์ที่ซึมซับไปด้วยเจ้าลาแสงนั้น และแล้วจึง
ปรากฏข้อความใหม่ขนึ้ มากลางอากาศอีกครัง้
[ความแข็งแกร่งทุกประการ กลับคืนสูส่ ภาพเดิม!]
[พลังเวททุกประการ กลับคืนสู่สภาพเดิม!]
[สถานะทุกประการ กลับคืนสู่สภาพเดิม!]
สภาพร่างกายกลับคืนสูส่ ภาพเดิมทุกประการในชัว่
พริบตาเดียว คงจะวุ่นวายกับสมรภูมิเบื้องล่าง จึงทาให้
มีการเหนื่อยล้านิดๆ หน่อยๆ ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็
กลับคืนสู่สภาพเดิมได้
ไม่สิ ไม่ใช่สภาพเดิม เพราะหลังจากที่ผมได้รบั ฮวาจอง
มาแล้ว พลังชีวิตที่ผมไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อนเลยแม้แต่
ครั้งเดียว ก็พลันรูส้ ึกได้ว่ามันเริ่มไหลเวียนไปทัว่ ร่างกาย
ของผม พลังทีว่ ่านั้นเวียนวนขึ้นสูจ่ ุดสูงสุดของร่างกาย
ผม ถึงขนาดรูส้ ึกได้ว่าเป็นเหมือนปรากฏการณ์น้าขึน้ น้า
ลงเลยจริงๆ
“เอ๊ะ?”
โกยอนจูร้องเสียงหลง ทั้งสีหน้าที่ดงู งงวยเล็กน้อยกับ
แขนที่ขยุกขยิกไปมานัน่ ดูเหมือนหล่อนคงคิดแบบ
เดียวกับผม
ความสามารถเฉพาะตัวของนักบวชแห่งความรุง่ โรจน์
และปาฏิหาริย์
เสียงที่กาลังเริ่มทางานอยู่ ณ ตอนนี้คือ...
“ซูฮยอน!”
ตอนนัน้ เองผมจึงไม่รอช้า ออกตัววิ่งไปอีกครัง้ โดย
สามารถวิ่งข้ามผ่านบริเวณรอบข้างไปได้อย่างรวดเร็ว
การที่อนั ซลสามารถผันตัวมาเป็นนักบวชแห่งความ
รุ่งโรจน์ได้สาเร็จนั้น ถือเป็นเรื่องที่นา่ ยินดีอย่างยิ่ง
เพราะแผนการต่างๆ ทีผ่ มคิดเอาไว้จะร่นเวลาจัดการ
เข้ามาเร็วขึ้นสองเท่า ไม่สิ สามเท่าเลยก็ว่าได้
แต่แล้วทาไมผมถึงรูส้ ึกไม่สบายใจ อึดอัดคับแน่นอยู่ใน
อกอย่างบอกไม่ถกู กันล่ะ
แล้วผมจึงรู้คาตอบของคาถามข้อนี้ได้ในทันที นั่นก็คือ
ผมรู้สึกได้ถึงสัญญาณของพวกเขาที่กาลังใกล้เข้ามา
เรื่อยๆ ในช่วงที่ระยะทางเริม่ สัน้ ลง สั้นลง จนขนาด
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผมจึงส่งเสียงพึมพา
เบาๆ กับตัวเอง
สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ ราชินีแห่งดาบกาลังนอนฟุบอยู่กบั
พื้น ทว่าหล่อนไม่ใช่ปญั หาแต่อย่างใด ละแวกเดียวกัน
นั้นมีอันฮยอน อียูยองและชินซังยงกาลังนอนจมกอง
เลือดอยู่
ผมรู้สึกว่าตัวเองเกิดเลอะเลือนไปชัว่ ขณะแล้วจึงได้พบ
เข้ากับหญิงสาวผู้หนึ่งทีก่ าลังพยุงตัวลุกขึ้น ดูทา่ ว่าจะ
เป็นตัวการในครั้งนี้อย่างแน่นอน หล่อนกาลังถือแส้ที่มี
หนามปักติดอยู่เต็มไปหมด
“เฮ้อ วุน่ วายไปหมด ทีแ่ ท้ก็ซ่อนพลังอันน่ากลัวไว้
นี่เอง”
หล่อนบ่นงึมงาอยู่คนเดียว และเบื้องหน้าของหล่อนนัน้
คือ อันซลที่กาลังนัง่ หลับตา ปีกสีขาวกลางหลังกาลัง
สะบัดไหวๆ ไปมา
หลังจากนั้นหล่อนจึงยกแส้ในมือชูขนึ้ สูง ระยะทางนัน้
ห่างกันอยู่เล็กน้อย
ผมเห็นดังนัน้ จึงไม่รอช้า คว้าเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย
แล้วจึงพุ่งตัวไปหาหล่อนทันที
พรึบ่ !
“หืม?”
วินาทีนนั้ ผมสบตากับหล่อน แล้วจึงเริ่มใช้การโบยบิน
สามระดับ
ตึก! พรึบ่ ! ฟึบ่ !
หลังจากผ่านการก้าวกระโดด, วิชาการเคลื่อนย้ายร่าง
ในพริบตาและการวิ่งดีดตัวไปข้างหน้าได้สาเร็จ ผมจึง
ลืมตาขึ้นมา แล้วจึงพบว่าดาบที่ถือในมือนัน้ กระทบเข้า
ไปที่เจ้าหล่อนอย่างจัง
เชร้ง!
“กรี๊ด!”
“ทะ ท่านพี?่ ”
ในช่วงที่ผมได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึน้ พร้อมกับ
เสียงดาบจากทางด้านข้างนัน่ เอง น้าเสียงอันแสนแผ่ว
เบาจึงได้ดังขึ้นมารัง้ สติผมไว้ ผมหันหน้าไปมองช้าๆ
แล้วจึงเห็นอันซลที่กาลังเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมจึง
พยักหน้าให้น้อยๆ
“ทาไม...ทาไมถึงช้าแบบนี้...ทุกคน...เขา...”
ไม่รู้เรื่องที่ตัวเองทาลงไปหรอกหรือนี่ น้าเสียงแหบแห้ง
ของอันซลดังแว่วเข้ามาในหู
ผมจึงรีบใช้ดวงตาที่สามในการยืนยันสภาพแวดล้อม
โดยรอบเป็นอันดับแรก พลางหยิบอีลิกเซอร์ทซี่ ่อนไว้ใน
อกออกมาด้วย
[ผู้เล่นนัมดาอึน (ปกติ)]
[ผู้เล่นอันฮยอน (ปกติ)]
[ผู้เล่นอียจู อง (ปกติ)]
“...”
แต่ชินซังยงเสียชีวิต
ตอนนัน้ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอก จึงได้สาวเท้าไป
หา แล้วคุกเข่าอยูต่ รงเบื้องหน้าชินซังยง ร่างกายของ
เขามีรขู นาดใหญ่ปรากฏขึ้น ซึง่ เป็นฝีมือของหญิงสาวผู้
ถือแส้เส้นนัน้ อย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย บาดแผล
ฉกรรจ์เช่นนีค้ งเจ็บมากน่าดู แต่ทว่าใบหน้าของเขากลับ
แสดงให้เห็นถึงความสงบ ไม่แสดงอาการเจ็บปวดเลย
แม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีรอยยิ้มน้อยๆ แต่งแต้มอยู่บน
ใบหน้าอีกด้วย เหมือนอย่างที่เขาเคยเป็นเสมอมา
ผมจ้องชินซังยงอย่างเงียบๆ
“...”
ผมไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรผมก็คาดไว้
อยู่แล้วว่าจะต้องมีหนึง่ คนหรือสองคนที่อาจจะตาย ซึ่ง
หากเป็นโกยอนจูหรืออันซล ผมคงจะเสียใจเป็นอย่าง
มาก แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีวิเวียนที่เป็น ‘นักเล่นแร่แปร
ธาตุคิเมร่า’ อยู่ดี
ไม่อะไรเลยจริงๆ ผมรู้สกึ นิ่งและเฉยชากับสิง่ นี้ ไม่ใช่ครัง้
สองครั้งสักหน่อยที่ผมต้องสูญเสียคนรูจ้ ักไป ผมชินชา
เสียแล้วล่ะ
แม้การเสียชีวิตของชินซังยงจะถูกยืนยันแน่ชัดออกมา
เช่นนี้แล้ว ผมก็ไม่รู้สกึ อะไร
ไม่ได้รู้สกึ อะไรเลยจริงๆ
“...”
ไม่ใช่
ผมไม่รู้สึกถึงอะไรอีกต่อไปแล้วต่างหาก
***
รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเฉียดเข้ามาใกล้ลาคอ
จู่ๆ เส้นผมก็เริ่มปลิวไสวอย่างรุนแรงโดยไม่มสี าเหตุ
หลังจากนั้นผมจึงหมุนกายเข้าไปหาศัตรูที่ยืนแน่นิ่ง ไม่
ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นอ้ ย
“โนแอล ยูรนิ ะ”
ผมเรียกชื่อของอีกฝ่าย ยูรินะได้ยินดังนั้น จึงออกอาการ
ตัวสั่น
“ร...รูจ้ ักฉันด้วยเหรอ”
รู้เสียยิง่ กว่ารู้
ความสับสนงุนงงปรากฏบนใบหน้าของอีกฝ่าย ผมถือ
ดาบขึน้ มาแทนคาตอบ แล้วจึงบิดข้อมือเล็กน้อย เพื่อตั้ง
ให้เกียรติยศแห่งวิคตอเรียขึน้
ผมได้ยกประเด็นนี้มาพูดในทีป่ ระชุมหลายครั้งแล้ว ทั้ง
ยังได้ยนื ยันข้อมูลที่สามอีกด้วย และเหนือสิง่ อืน่ ใด ผม
เรียกหล่อนมาตั้งแต่ในรอบแรกว่าเป็น ‘นางมารร้าย’
และก็หล่อนอีกนี่แหละ ที่เป็นคนที่ทางานใกล้ชดิ กับไซ
ม่อนที่สุด ผู้หญิงคนนีน้ แี่ หละ ไม่สิ ยัยศัตรูตัวร้ายคน
นี้น่ะ
แต่กระนัน้ การที่ผมรูจ้ ักยูรินะก็ไม่ได้สลักสาคัญอะไรมาก
นัก ต่อให้รจู้ ัก หรือไม่รจู้ ัก อย่างไรก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน
ศัตรูจานวนมากที่ผมต้องฆ่าให้ตายก็เท่านั้น
ข้อสรุปที่วา่ จะต้องฆ่าศัตรูให้ได้นั้น ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ไม่เปลีย่ นแปลง
ผมคิดเช่นนั้น แล้วจึงเริม่ โค้งตัวเหมือนคันธนู
“นายเป็นใคร แล้วรูจ้ ักฉันได้ยงั ไง ตอบ!”
ผมปลุกพลังเวทขึ้นมาภายในคราเดียว พร้อมกันนั้นก็
พุ่งตัวไปข้างหน้าโดยใช้ทฤษฏีดีดตัวเหมือนอย่างเคย
เสี้ยววินาทีนนั้ ดวงหน้าของยูรนิ ะจึงได้ปรากฏความสิ้น
หวังออกมาให้เห็น
คาถามที่ไม่จาเป็นต้องตอบ และในตอนนัน้ เอง
ระยะทางก็เริ่มกระชั้นชิดเข้ามามากยิง่ ขึน้ ยูรนิ ะเห็น
ดังนัน้ จึงเริ่มขยับมือ แล้วชูแส้ในมือขึน้ มาด้วยท่าทีเรียบ
เฉย
ฟิ้ววว!
เสี้ยววินาทีที่เกียรติยศแห่งวิคตอเรียเปล่งเสียงอันแสน
คมกริบขึน้ นัน้ เจ้าแส้ที่ยื่นเหยียดออกมาก็ได้สมั ผัสโดน
เข้าทีป่ ลายดาบอย่างพอดิบพอดี หลังจากนั้นมันจึงวาด
ทางคดเคี้ยวเหมือนงูเลือ้ ย แล้วจึงเลื้อยแล่นเข้ามาอย่าง
รวดเร็ว ในชัว่ พริบตาเดียว มันก็สามารถเลื้อยพันเข้ามา
ได้ถึงครึ่งลาของดาบแล้ว หล่อนจึงมีสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไป
ด้วยความหวัง
และในตอนนัน้ ผมจึงตัดสินใจล้มเลิก แล้ววางดาบลง
“อะไรกัน”
สายตาทีเ่ อาแต่จดจ้องอยู่กับดาบแปรเปลี่ยนเป็นความ
ประหลาดใจในทันที แต่ก่อนที่หล่อนจะเบนสายตา
กลับมาอีกครั้ง ผมจึงฝ่าเข้าไปด้านใน แล้วสอดแขนซ้าย
เข้าไปยังบริเวณศีรษะและส่วนลาตัวอันคอดกิว่ ของ
หล่อน
“อ๊ะ!”
ณ วินาทีที่ฝ่ามือรู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุน่ ของเนือ้ หนังมัง
สา ผมจึงไม่รอช้า รีบลากสิ่งที่อยูใ่ นเงื้อมมือตัวเองลงสู่
เบื้องล่างทันทีทันใด
ฟึ่บ!
ร่างกายท่อนบนของยูรนิ ะเกิดการโค้งงอ
ศีรษะของก็โน้มลงมาเช่นกัน ผมจึงใช้เท้าซ้ายเตะเข้าไป
เต็มแรง แล้วจึงยกหัวเข่าขึ้นกระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่าง
จัง
พลั่ก!
หัวเข่าของผมเหมือนกับสัน่ สะเทือนอย่างรุนแรง ทว่านี่
ยังไม่ถงึ จุดจบแต่อย่างใด
ในลาดับสุดท้าย ผมจึงคว้ามือของหล่อนมากอบกุมไว้
อย่างแน่นหนา
เสียงเนื้อมนุษย์ฉกี ขาดดังลั่นกับผมที่รู้สกึ เหมือนกอบกุม
กระดูกและหนังกาพร้าอยู่ในกามือ ศัตรูที่กระเด็น
กระดอนออกไปอีกฟากฝั่งนั้น มีรอยบุม๋ อยู่ตรงกลางดวง
หน้า ส่วนบริเวณลาคอที่เกิดการฉีกขาดอย่างสาหัสนัน้ ก็
มีเลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมา
ตุ้บ!
ด้วยสาเหตุนี้ จึงทาให้ศตั รูผู้นนั้ จาต้องล้มตึงลงไป ซึ่ง
อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ เพราะร่างกายของมันเกิด
การกระตุกขึน้ มา แต่สดุ ท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความ
เจ็บปวดที่ผมมอบให้ จนอ่อนแรงไร้ซึ่งพลังไปในที่สุด
ผมถอนหายใจเบาๆ พอมาถึงตอนนี้แล้ว กลุม่ คนที่ผม
รู้จกั นัน้ ...
ส่วนใหญ่กถ็ ูกตามหาตัวจนพบแล้ว
ทว่าการต่อสูย้ ังไม่จบลงแต่อย่างใด และยังขาดอะไร
บางอย่างไปอีกด้วย ทั้งที่ผมได้แก้แค้นศัตรูพวกนั้นไป
อย่างสาสมแล้วก็ตาม แต่ทว่าความกระหายอยากจะ
สังหารคนก็ยงั ไม่เลือนหายไปเสียที
ผมปราดตามองศพอย่างเฉยชา แล้วจึงเปิดปากพูด
ออกมาอย่างแผ่วเบาว่า
“ผู้เล่นโกยอนจู”
“...”
หล่อนไม่ได้ตอบรับกลับมาในทันที ผมจึงหันไปมองโก
ยอนจูครั้งหนึง่ หล่อนกาลังก้มมองพืน้ เบื้องล่างด้วยสี
หน้าเหม่อลอย
“ในฐานะแคลนลอร์ด ผมขอสั่งให้คุณพากาลังพลของ
เราที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ออกไปให้พน้ จากการต่อสูค้ รั้งนี้
ทันที ตอนนี้เลย”
“อ้า”
โกยอนจูหนั กลับมามองอย่างรวดเร็ว คงรู้ได้ถึงสายตาที่
ผมส่งไปให้ แล้วหล่อนจึงพยักหน้าตอบรับ
“น...น้อมรับคาสั่งของท่านแคลนลอร์ดค่ะ”
หล่อนพยักหน้าให้หนึ่งครั้ง ผมเห็นดังนั้นจึงหันไปมอง
ศพอีกครั้งหนึ่ง ศพที่อยูต่ รงหน้านี้คือ นางมารร้ายโน
แอล ยูรนิ ะ คนสนิทชิดเชื้อของไซม่อน ผู้ปกครองแห่ง
ทวีปตะวันตก เพราะฉะนั้นการที่หล่อนมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ได้ หมายความว่า...
ผมหันไปมองด้านซ้ายมือครู่หนึ่ง
ไซม่อนผ่านไปหรือยังนะ
และก็หันไปมองขวามือ
ไม่งั้นก็กาลังเดินทางมาหรือเปล่า
ในตอนนัน้ เอง
“ท่านพี่...”
ในช่วงที่ผมกาลังก้าวเดินออกไปอยูน่ ั้นเอง ผมรูส้ ึกได้วา่
มีใครบางคนกาลังร้องเรียกผมด้วยน้าเสียงเศร้าสร้อย
พลางจับชายเสื้อของผมไว้แน่น ผมจึงหันไปมองอย่าง
เย็นชา แล้วจึงพบเข้ากับอันซล หล่อนเงยหน้ามองผม
น้าตาคลอหน่วยใกล้จะไหลรินเต็มที ไหล่ของหล่อนสัน่
สะท้านน้อยๆ ริมฝีปากเองก็สนั่ เทิ้มเบาๆ ไม่แพ้กนั
“จะไป...จะไปแล้วหรือคะ”
“ปล่อย...”
ผมคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หล่อนคงจะมาทาตัว
เหมือนเด็กๆ เหมือนอย่างเคย จึงได้ตงั้ ใจว่าจะสะบัด
การฉุดรัง้ หนีออกไป
อันซลค่อยๆ ชูแขนซ้ายขึน้ มา การกระทาของหล่อนใน
คราวนี้ ทาเอาผมปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรออกไป
“ตรงนี้...”
ผมเลื่อนสายตา มองตามปลายแขนของอันซลไป หล่อน
กาลังชี้ไปยังทิศทางหนึง่ ที่มีพลังงานบางอย่างกาลังปะทุ
อยู่ ไม่ผิดแน่ เพราะจุดนั้นคือจุดที่ผมกาลังจะเคลื่อนตัว
ไปอย่างพอดิบพอดี
“ทางนี้ค่ะ!”
“เธอ...?”
“ช่วย...ตักเตือนหนูดว้ ยนะคะ”
ทันใดนั้น ผมจึงลอบพิจารณาดูถงึ สภาพร่างกายของ
อันซลได้ในทันที แม้นาเสี
้ ยงของหล่อน ฟังดูแล้วอาจจะ
มีเสียงร้องไห้งอแงปะปนออกมาอยูบ่ ้าง แต่ทว่าแววตา
ของหล่อนนี่สิ กลับฉายประกายความสดใสวิบวับออก
มาไม่เคยเปลี่ยน
ผมเหม่อมองอันซล แล้วจึงเอื้อมมือเข้าไปลูบหัวหล่อน
หนึ่งครั้ง อันซลจึงลดแขนลงอย่างว่าง่ายในเวลาต่อมา
และผมก็ได้ละมือออกจากศีรษะของอันซล
หลังจากนั้น จึงเริ่มวิ่งออกไปทันที โดยไม่หันกลับมามอง
ข้างหลังแต่อย่างใด
ตึ่ก ตึก่ ตึก่ !
ณ ทิศทางที่อันซลช่วยชี้แนะมาให้นนั้ ผมได้กลิ่นเหม็น
คาวเลือดลอยมาพร้อมกับสายลม ผมไม่รู้ว่าตรงหน้าผม
นี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือมีใครอยู่ตรงนั้นบ้างกันแน่ ผม
ไม่รู้เลย ผมได้แต่เพียงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งข้ามผ่านทุ่งกว้าง
ทีม่ ีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งก็เท่านัน้ เอง
ชินซังยง
ผมคิดถึงชินซังยง ตั้งแต่แรกเจอ จนกระทั่งความทรงจา
ในสมรภูมริ บ
ไม่ว่าเขาจะอยู่ หรือไม่อยู่ ชินซังยงก็ยงั เป็นคนเงียบๆ
เสมอมา แม้การมีตวั ตนของเขาจะค่อนข้างจืดจางไป
เสียบ้าง แต่ถึงอย่างนัน้ เขาก็เป็นคนที่ทางานทุกอย่างได้
อย่างเรียบร้อย ไม่ต้องพูดจาอะไรมาก
เมื่อครั้งได้ออกสารวจสถาบันวิจยั ร้าง แล้วมีการค้นพบ
ทรัพย์สมบัตินนั่ เอง ชินซังยงสมัครใจขอรับหน้าที่เฝ้า
ระวังทรัพย์สินเหล่านั้น
เมื่อครั้งที่เปิดการเดินขบวน ณ ถ้าแห่งการคร่าครวญ
ชินซังยงก็ยังสมัครใจรับหน้าที่เฝ้าเวรยามตอนกลางคืน
ให้พวกเรา
เมื่อครั้งที่ผมมอบพลังเวทโพชั่นพิเศษให้เป็นสิง่ ตอบ
แทน ชินซังยงก็ไม่ขอรับไว้ และมอบให้อนั ซลไว้แทน
นั่นแหละ ชินซังยงเป็นคนเช่นนัน้ ตั้งแต่แรกที่เราได้เจอ
กันแล้ว เขาไม่ธรรมดาอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นคนที่รู้เท่า
ทันคนรอบข้างได้ดี การกระทาของเขาแต่ละอย่างนัน้
ล้วนแสดงให้เห็นว่า เขาไม่อยากจะก่อความเสียหาย
ให้แก่คนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ผมเห็นเช่นนัน้ แล้วจึง
เคยมีแอบคิดว่า เขาช่างคล้ายกับผมเมื่อรอบที่หนึ่งเสีย
เหลือเกิน
หากเรามาเร็วกว่านี…
้
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 24
_______________________________________
ผมไม่ได้อยู่ดูการจากไปของชินซังยง ผมจึงไม่รวู้ ่าขณะที่
เขากาลังจะลาลับจากโลกนี้ไป เขาคิดอะไรอยู่
แค้นอกแค้นใจ? หรือเสียใจ?
ความคิดวุ่นวายวนเวียนอยู่ในหัว แล้วจึงค่อยๆ ทุเลาลง
ได้ในชั่วพริบตา
ระหว่างนัน้ ผมได้ออกวิง่ ไปข้างหน้า ตามทิศทางที่อันซล
ชี้แนะ
สายลมยังคงพัดมาเช่นเดิม แต่ผมกลับรู้สึกได้วา่ ยิ่งวิง่
เข้าไปเท่าไหร่ กลิ่นคาวเลือดจากที่เคยส่งกลิน่ คละคลุ้ง
เล็กน้อย บัดนี้กลับได้เริม่ ส่งกลิน่ แรงมากขึน้
หลังจากนั้นผมจึงจับสัญญาณได้อกี ครั้งว่ามีกลุ่มคน
กาลังรวมตัวกันอยู่เป็นหย่อมๆ ณ ที่แห่งหนึ่ง
บางทีมันอาจจะมาทีน่ ี่กอ่ นแล้วครั้งหนึ่ง แล้วค่อยผ่าน
ไปหรือเปล่า ผมรูส้ ึกได้ถึงของเหลวอันแสนเหนียว
เหนอะหนะอยู่ใต้ฝา่ เท้า เพราะผมวิง่ เหยียบย่าทุ่งกว้างสี
แดงด้วยเลือดมาตลอดทาง
“การควบคุมพลังเวทถูกปลดออกไปแล้ว!”
“จะ...จู่ๆ มันเป็นแบบนี้ได้ยงั ไง! ทาไมจู่ๆ ถึงดูสดชืน่
ขึ้นมาได้ล่ะ”
ผมได้ยินเสียงร้องตะโกนจากใครหลายๆ คนอยู่ตรงเบื้อง
หน้า ดังกระหึ่มจนได้ยนิ ไปทัว่
ผมจึงเงยหน้าขึน้
กะแล้วเชียว
ผมเริ่มเห็นศัตรูมากที่ไกลๆ แล้ว อย่างทีค่ ิดไว้ไม่มีผิด ดู
ท่าว่าพวกมันคงจะมารวมตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้มากที่สุด
ผมจับความรูส้ ึกได้ว่าจานวนคนคงจะมีมากโข จนมอง
ให้ครบไม่หวาดไม่ไหว อีกทั้งยังเห็นภาพเหตุการณ์การ
ต่อสู้อย่างรุนแรงอยู่ทั่วทุกหนแห่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปาฏิหาริย์ อันเป็นความสามารถ
เฉพาะตัวของนักบวชแห่งความรุง่ โรจน์นนั้ ได้ส่ง
อิทธิพลให้กาลังพลของพวกเรา ไม่ใช่แค่ผมเพียงคน
เดียว เพราะเหล่าผู้เล่นจากทิศตะวันออกนัน้ กาลังต่อสู้
กันอย่างดุเดือด ไม่ใด้เป็นการสังหารอย่างโหดเ**้ยมอยู่
ฝ่ายเดียวเหมือนคราวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
อาวุธของแต่ละฝ่ายต่างกระทบกระทั่งกัน จนเกิดเสียง
ดังน่าหนวกหู เสียงกรีดร้องโอดครวญดังสนัน่ ทัว่ ทุกหน
แห่ง ลูกธนูถูกยิงออกมาทั้งสี่ทิศ ไหนจะระเบิดที่ปะทุ
ขึ้นมาจากตรงนัน้ ที ตรงนี้ที คงจะเป็นเวทมนตร์ที่
หลงเหลืออยู่ก็เป็นได้
ความคิดเรื่องชินซังยงที่ผุดขึ้นมาเมื่อครูก่ ่อนหน้านั้นเริ่ม
ทุเลาลงไปบ้างเล็กน้อยแล้วก็จริง แต่พอผมได้เห็นฉาก
การต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้านีด้ ้วยตาตัวเองแล้วนั้น ในอกก็
เกิดความร้อนรุ่มขึน้ มาทันที พลางรู้สึกได้ว่าความ
กระหายที่หลงลืมไปได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครัง้
ก่อนที่ผมจะย่างก้าวเข้าไปในขุมนรกตรงหน้า ผมก็ได้
กวัดแกว่งเกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่อยู่ในมือ ดาบที่เปี่ยม
ไปด้วยพลังเวทเล่มนี้ได้ส่องแสงสว่างโชติช่วง ลาแสงนี้
ได้ส่องสว่างไปจนถึงสนามรบที่อาบย้อมไปด้วยเลือด
“มีคนบุก!”
ตอนนัน้ ศัตรูที่อยู่หลังสุดได้หันหลังกลับมา แล้ววิ่งเข้ามา
ผมในทันที ผมเอี้ยวตัวหลบหลีกหอกทีพ่ ุ่งเข้าจาก
ด้านข้าง แล้วจึงฟาดดาบซ้ายทีขวาทีอย่างทันใด
สวบ!
เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกมาเป็นรูปตัวเอ็กซ์อยู่ตรง
เบื้องหน้าผม อีกทั้งยังมีกระเซ็นโดนตาอีกด้วย
พรวด!
“อ๊ากกก!”
ในตอนนัน้ มีชายผู้หนึ่งกระโดดพุ่งออกมาจากทาง
ด้านหน้า เขาชูแขนทั้งสองข้าง พลางส่งเสียงคารามน่า
กลัวออกมา ในวินาทีทแี่ สงแดดสะท้อนเข้าทีค่ มมีดของ
มันนั้น ผมจึงได้ฟนั เข้าไปที่ร่างของมันด้วยความว่องไว
ฉัวะ! พลัก่ !
คลื่นพลังที่อยู่กลางท้องฟ้านั้นได้ส่งกระแสรุนแรงจน
กระแทกเข้ามายังศีรษะของมันทันที ร่างกายของมันที่
กาลังโบยบินอยูบ่ นท้องฟ้า บัดนี้ได้กลายเป็นเพียงชิน้
เล็กชิน้ น้อยกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
พวกศัตรูที่เฝ้าดูผมจากทิศทางอืน่ เห็นภาพเหตุการณ์
เหล่านัน้ จึงหยุดการเคลื่อนไหวไปเสียดื้อๆ
อะไรที่เข้ามาวุน่ วาย กวนใจฉัน ฉันจะฆ่ามันให้หมด
สถานการณ์ ณ ขณะนี้ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมุง่ ตรงไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน้ ก็ตาม อย่างน้อยผมก็จะยืน่ เจรจา
กับพวกมันดู ทั้งนี้กเ็ พื่อชินซังยงเท่านัน้
ในตอนนัน้ เอง
“ในที่สุดก็เจอจนได้ ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่”
เสียงของใครบางคนดังขึ้น ซึ่งเสียงคุน้ ๆ เหมือนผมเคย
ได้ยินที่ไหนมาก่อน กับรู้สึกได้ว่าใครบางคนกาลังย่าง
กรายเข้ามาอยู่ขา้ งๆ ผม ความเร็วของเขาถือว่ารวดเร็ว
ใช่ย่อย ผมหายใจเข้าลึกๆ หนึง่ เฮือก ก่อนทีจ่ ะหันหน้า
ไปมอง บุคคลปริศนาคนนัน้ ได้เข้ามาอยูใ่ กล้ผมแล้วเป็น
ที่เรียบร้อย
เพราะฉะนัน้ จึงหมายความว่าพวกมันได้เข้ามาอยู่ทั่วทั้ง
สี่ทิศรอบกายผมแล้วอย่างแน่นอน ผมจึงหยิบเกียรติยศ
แห่งวิคตอเรีย แล้วจึงตัง้ ให้เอียงเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ยกขึน้ ฟาดฟันไปที่แผ่นอกด้านขวามือ
เปรีย๊ ะ!
บังเกิดสะเก็ดไฟสีแดงเพลิงสะท้อนออกมา อาวุธที่เฉียด
กรายเข้ามานัน้ คือหอกแน่นอน ปลายดาบได้กระทบเข้า
กับปลายหอกพอดี จึงทาให้หอกนัน้ พุ่งทะยานขึน้ ไป
เบื้องบนในทันที แต่กระนั้นพวกศัตรูกย็ ังไม่หยุดเคลื่อน
ตัวมาหาผมแต่อย่างใด
“...?”
หลังจากนั้นผมจึงรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกาลังจับไหล่ผม
ไว้ พร้อมกันนัน้ ยังได้ยนิ เสียงทุ้มต่าดังแว่วเข้ามาอีกด้วย
“สุดยอดจริงๆ สมกับทีแ่ พคซอยอนยอมศิโรราบ”
พวกเร่ร่อนเหรอ
การเคลื่อนตัวเข้ามาของหอกนัน้ เกิดการเปลีย่ นแปลงไป
อย่างพิลึกพิลนั่ มันได้หมุนไปมาอยู่กลางอากาศ ราวกับ
ว่าได้คาดไว้แล้วว่าจะใช้ป้องกัน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ตี
โต้เป็นวงล้อพุง่ เข้ามาทันที หอกด้ามนั้นได้ปลุกปั่นให้
เกิดพลังลมอันน่าเสียวซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย และ
แน่นอนว่ามันได้เล็งเข้ามาหาผมจากมุมเสย
“ก่อนอื่นก็ขอเจาะหน่อยสักรูนะ แล้วค่อยคุยกัน
หลังจากนี”้
หากเป็นแต่ก่อน ผมคงชื่นชมอยูใ่ นใจแล้วล่ะว่า พวกมัน
รอบคอบ กระจายความสนใจได้อย่างทัว่ ถึง จนสามารถ
บุกเข้ามาตีได้อยู่เรื่อยๆ ทว่าตอนนีก้ ลับไม่เป็นเช่นนัน้
การขัดขวางนี่เอง
พอผมคิดได้ว่ามันคือการขัดขวาง จึงได้ลอบกัดริมฝีปาก
เบาๆ แล้วจึงค่อยปลุกปั่นพลังที่แฝงอยู่ในใจขึน้ มาอย่าง
เต็มที่
โฟ่ว โฟ่ว!
พลังของฮวาจองได้แผ่ซ่านออกมาจากทรวงอก ดอกไม้
ไฟอันเจิดจ้าจึงไม่รอช้า รีบกลืนกินเจ้าหอกพวกนัน้ ไป
และตามที่ผมคิดไว้ไม่มผี ิด หอกของพวกมันได้ถูกเผา
วอดวายไปจนหมดสิน้
หลังจากนั้น ท้องฟ้าเบือ้ งบนจึงว่างเปล่าราวกับว่าไม่
เคยมีหอกใดเฉียดกรายเข้ามาได้เลย
ผมรู้สึกถึงพลังอันน่าสยดสยองเล็กๆ จากฝ่ามือที่กาลัง
จับไหล่ผมอยู่ ณ ตอนนี้
“ปล่อยมือ และไสหัวไปซะ”
ผมเปิดปากพูดในทีส่ ุดและชูเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย
ขึ้นมาด้วย
“แค่ก!”
เสียงโอดครวญดังขึน้ และรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างได้
ระเบิดกระจายออกไป ผมจึงปัดป่ายดาบไปยังทิศ
ข้างหน้าอย่างแรง เหมือนกับแค่สะบัดมือไปมาเท่านั้น
ทันใดนั้นจึงได้เห็นว่ามีชายผู้หนึง่ กาลังแลบลิน้ แล้วจึง
หงายหลังล้มไปบนพืน้
ฮยอนงั้นเหรอ เขาเคยสนทนากับผมเมื่อครัง้ ที่อยู่ ณ
ป้อมปราการก่อนจะมีการต่อสูเ้ กิดขึ้น
ผมไม่รู้หรอกว่าพวกมันจะป้องกันตัวอย่างไร แต่หมอนัน่
ยังไม่ตาย หลักฐานก็คือ มันยืน่ มือออกมา ค้ายันกับพื้น
ไว้ ผมจึงวิ่งเข้าไปหาเจ้าหมอนัน่ ทันที แล้วจึงฟันมีดลง
ไป พลางเขีย่ มือที่กาลังค้ายันอยูก่ ับพืน้ ด้วย จากนัน้ เตะ
เข้าไปที่หน้าท้องของมันด้วยฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยพลังเวท
มากมาย
พลั่ก!
“อั้ก!”
เจ้าหมอนัน่ กลิง้ หลุนๆ ไปกับผืนดินอีกครั้ง พลางร้อง
โอดครวญอย่างน่าสังเวชใจออกมาด้วย
ผมเข้าไปหามันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เตะเข้าที่ท้อง
กลับเตะไปที่ใบหน้าของมันแทน เหมือนกับเตะลูกบอล
ลูกหนึ่ง เตะจนแน่ใจแล้วว่าศีรษะของมันคงใกล้เหมือน
แตงโมระเบิดเต็มที เพราะมันกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่
หยุดหย่อน ผมมองเจ้าหมอนี่ที่นอนอ่อนเปลี้ยตรงหน้า
ก่อนทีจ่ ะสูดลมหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“...”
“...”
พวกศัตรูไม่ได้เข้ามาจู่โจมแต่อย่างทันใด พวกมัน
กระจายตัวล้อมรอบทัง้ สี่ทิศก็จริง แต่กย็ ังมีบางส่วนที่
กาลังจ้องผมอย่างไม่ลดละ แม้เหล่าผู้เล่นฝั่งทวีป
ตะวันตกจะมีความนิยมชมชอบในสงคราม ทว่า ณ
ขณะนี้ พวกนัน้ กลับมีทา่ ทีลังเล ได้แต่มองผมสลับกับ
พื้นทีบ่ ริเวณนี้ไปมาอย่างเดียวเท่านั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมจึงก้าวออกไปหนึง่ ก้าว พวก
ศัตรูเห็นดังนัน้ จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวเช่นกัน
ผมรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่นๆ ไหลอยูบ่ ริเวณเส้นผมและ
ข้างแก้ม ผมสัมผัสถึงสิง่ นัน้ ได้ แล้วจึงเกิดความกระหาย
ขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ อาการคอแห้งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่
ก่อนหน้านี้กาลังเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทาไม หากผมฆ่าพวกมันที่ยืน
ประจันหน้าให้สนิ้ ซากไปได้ คงจะหายห่วงไปได้บ้าง เมื่อ
ครั้งที่ได้สังหารพวกเร่รอ่ นไปก่อนหน้านี้ ผมก็รสู้ ึกแบบ
นั้นอยู่ครู่หนึ่ง ลาคอที่เคยเร่าร้อนเหมือนมีไฟมาแผดเผา
ก็สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นความสดชื่นได้ในชั่วพริบตา
โอเค ถ้าไม่เข้ามา งัน้ ฉันจะเข้าไปแล้วกัน
ผมคิดได้เช่นนัน้ ขณะทีผ่ มกาลังโค้งตัว ลูกธนูบางส่วนก็
ได้ยิงพุ่งเข้ามาหาผม ผมรีบไถลตัวไปด้านหน้า จน
สามารถหลุดพ้นจากการระดมยิงลูกธนูได้สาเร็จ พลันได้
เสียงธนูปกั ลงพื้นไล่หลังดังขึน้ มาอีกด้วย
“โธ่เว้ย!”
จากที่เคยบินเหินขึน้ สู่ทอ้ งฟ้าในระดับที่ไม่ได้สูงมาก
บัดนี้เท้าของผมกาลังใกล้แตะผืนดินเข้าเต็มที ซึ่งในตอน
นั้นเอง พวกมันที่เอาแต่จ้องมองผมมาตัง้ แต่เมือ่ กี้ ก็ได้
วิ่งกรูกนั เข้ามา
ผมรีบตัง้ ดาบขึ้นมาในแนวเฉียง แล้วเริ่มบุกเข้าไปหา
พวกมัน หลังจากนัน้ จึงก้มตัวลง พลางใช้พละกาลังที่มี
อยู่ทั้งหมดในการลืน่ ไถลเข้าไปทันที
ผมหลุดพ้นวงโคจรของอาวุธจานวนมากมายที่
เตรียมพร้อมฟาดฟันได้สาเร็จ พลางตวัดดาบหนึ่งครั้ง
เหมือนกับจะเก็บดาบเข้าใส่ด้านในดังเดิม ทันใดนัน้ ผม
จึงรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกาลังเดินเอื่อยๆ เข้ามาหา
และในตอนที่ผมสามารถพ้นออกมาจากตาแหน่งนั้นได้
นั้นเอง
“อ๊าก! อ๊ากกก!”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 25
_______________________________________
พอผมเห็นว่าพวกมันพร้อมใจกันล้มกองไปอยูก่ ับพืน้
ผมจึงยันกายลุกขึน้ ทันที ส่วนอีกคนที่กาลังยืนเหม่ออยู่
นั้นได้มองมาทางผม เจ้าหมอนัน่ กาลังอ้าปากหวออยู่
เลย
ผมเห็นดังนัน้ จึงไถตัวผ่านด้านข้างของมัน และสามารถ
ฟันเข้าที่เอวเจ้าหมอนัน่ ได้ภายในคราเดียว แม้เจ้าหมอ
นั่นจะใส่เสื้อเกราะอยูก่ ต็ าม แต่ดาบของผมก็ยงั สามารถ
เฉือนเหล็กกล้านัน่ ไปได้อย่างสบายหายห่วง
มันส่งเสียงกรีดร้องโอดครวญ แล้วบิดเอวทันที ผมจึงรีบ
คว้าศีรษะของมันขึ้นมา แล้วกระโดดตัวลอยขึน้ ไป
ด้านบน ผมเตะเข้าไปทีแ่ ผ่นหลังของพวกมัน ก่อนที่จะ
เริ่มออกวิ่งโผบินสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
ในพริบตาเดียวเท่านั้น ผืนดินเบื้องล่างก็อยู่ห่างไกลจาก
สายตา อีกทั้งยังได้เห็นฉากการต่อสู้อนั แสนดุเดือดตรง
เบื้องล่างอีกด้วย
บางคนก็กาลังต่อสู้กนั อย่างแข็งขัน บางคนก็ร้องโอด
ครวญที่ข้อเท้าถูกเฉือนไปจากร่างกาย บ้างก็ลม้ ตายไป
เพราะทนพิษความเจ็บปวดที่ได้เจอก่อนหน้าไม่ไหว
และแน่นอนว่ามีบางคนที่กาลังรวมตัวกัน เพื่อจับกุมตัว
ผมอีกด้วย
ผมโผบินอยูก่ ลางอากาศ และบริเวณที่ผมจะลงจอดสู่ผนื
ดินนัน้ เอง มีพวกศัตรูและเหล่าผู้เล่นจานวนมากกาลัง
เปิดฉากปะทะกันอย่างไม่รู้จกั จบจักสิ้น จานวนคนเยอะ
มากจนถึงขนาดไม่มีที่วา่ งให้ผมเอาเท้าแตะพืน้ ได้เลย
ทว่าก่อนที่ผมจะเริ่มแล่นลงสู่ผนื ดินอีกครั้งหนึ่งนั้น ผมก็
เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง ทีค่ ุ้นหน้าคุ้นตากันมาก่อน
เขากาลังเงยหน้าขึน้ สู่ทอ้ งฟ้าเช่นกัน ณ วินาทีที่เราสอง
คนได้สบตากันนั้นเอง ชายผูน้ ั่นก็ทาหน้าบิดเบีย้ ว ไม่
ชอบใจขึ้นมาทันที หลังจากนัน้ มันจึงพุง่ ตัวมาบริเวณที่
ผมจะร่อนลงพื้น แล้วจึงยื่นมือออกมา พลางตะโกน
อะไรบางอย่างออกมาเสียงดังลัน่ อีกด้วย
บึ้ม!
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นมา ผืนดินสีแดง
เข้มเกิดการฟุ้งกระจายไปทั่ว กลุ่มควันสีดาพวยพุ่ง
ขึ้นมาจากผืนดิน จนเข้าปกคลุมพวกศัตรูได้จนหมด
พวกศัตรูที่สัมผัสกลุ่มควันเหล่านัน้ จู่ๆ ก็เกิดอาการตัว
ไหม้พอง พวกมันส่งเสียงหวีดร้องอันน่าสยดสยอง
ในขณะที่ร่างกายก็กาลังละลายเหลวแหลกลงไปอีกด้วย
วินาทีที่ผมเริ่มจะแล่นลงสู่เบื้องล่างนัน่ เอง กลุม่ ควัน
เหล่านัน้ ก็ได้สลายหายไปในพริบตา พืน้ ที่ที่ปรากฏอยู่
ตรงหน้านี้ คือ พืน้ ที่เดียวกับที่พวกศัตรูถูกหลอมละลาย
ไป
ผมเอียงคอสงสัยอยู่ครูห่ นึ่ง แต่ก็ดีแล้วแหละ หลังจาก
นั้นผมจึงได้ส่งพลังเวทไปยังเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย
พลางชูขึ้นสูงสู่เบื้องบนโดยทันที ผมร่ายราดาบในมือ
กลางอากาศ แล้วจึงค่อยลดแขนลงมาอีกครัง้
ร่องรอยที่เกิดจากการหมุนวนของดาบนั้น ได้ทงิ้ ภาพ
ความประทับใจไว้ให้เห็น ณ วินาทีที่ผมกาลังจะลงสู่ผืน
ดินอย่างปลอดภัยอีกครัง้ หนึ่งนั้นเอง ก็บงั เกิด
สภาพการณ์บางอย่างที่คล้ายกับลมมรสุมปกคลุม
ตุ้บ!
พอผมสามารถแล่นลงสูผ่ ืนดินได้สาเร็จ ร่องรอยอันเกิด
จากการร่ายราดาบเมื่อครูก่ ็ได้เริ่มเลือนหายไป ผมจึงใช้
มือซ้ายที่ยนื่ ออกมา ชูดาบขึ้นกลางอากาศ แล้วฟาดฟัน
ลงมาทันที
บึ้ม!
ทันใดนั้น พลังเวทที่ยงั หลงเหลืออยู่ในร่องรอยเหล่านัน้
จึงได้แปรเปลีย่ นมาเป็นคมมีดอันแสนเฉียบคม ก่อนทีจ่ ะ
ค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วอาณาบริเวณกว้างขวาง
มรสุมแห่งคมมีดได้โหมกระหน่าเวียนวนเหมือนลมพายุ
ร่างของพวกศัตรูละแวกนัน้ ขาดท่อนๆ อย่างไร้ซึ่งความ
ปรานี
เสียงกรีดร้องอันแสนน่าเวทนาดังขึน้ เศษเนื้อหนังของ
มนุษย์ได้ปลิวกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ร่างกายผมจึงเปียกปอนไปด้วย
เลือดอุ่นๆ ทีเ่ ทกระหน่าลงมาเหมือนสายฝนก็ไม่ปาน
ผมหลับตาอยู่ชวั่ ขณะหนึ่ง แล้วจึงลืมตาขึน้ มาอีกครั้ง
ทาให้ได้เห็นเหล่าผู้เล่นจานวนมากที่กาลังจดจ้องมาทาง
ผม ผู้ซึ่งสามารถจัดการต่อสู้กบั พวกมันเมื่อครู่ได้อย่าง
หวุดหวิด และในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้น ผมเห็นคังแท
อุก ‘หมอศาสตร์มืด’ อีกด้วย
อย่างนีน้ ี่เอง อดทนได้ดกี ว่าทีค่ ิด
บางทีมันคงจะได้เห็นการประทานลูกเตะของผมเมื่อครู่
ก่อนหน้า เพราะมันได้แสดงไหวพริบให้เห็นออกมาทีละ
นิดแล้ว
ผมก้าวเดินออกไปข้างหน้าช้าๆ มีเจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่
ในกองซากศพ ส่งสายตาจดจ้องมาที่กา้ วย่างของผมที
ละก้าว ทีละก้าว
และในตอนที่ผมกาลังจะค่อยๆ ปล่อยแท่งดาบลงมา
นั่นเอง
“อันตราย!”
“ตายซะ! อั้ก!”
เจ้าคนที่อยู่ในกองซากศพนัน่ ได้วงิ่ พรวดออกมาทันที
แต่แล้วมันก็ถกู หักคอไป ทาให้ต้องล้มกายลงไปสู่เบื้อง
ล่างอีกครัง้
ทันทีที่ผมหันไปมอง ก็ได้เห็นบุคคลหนึง่ ผู้ซึ่งคุน้ หน้าค่า
ตาเป็นอย่างดี
“ละ...ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
ใช่อีชานฮี มือสังหารส่งวิญญาณหรือเปล่า เขาวกกลับ
ไปเก็บมีดสั้นที่เพิ่งขว้างออกไปเมื่อกีน้ ี้ แล้วจึงวิง่ เข้ามา
หาผมในทันที
ในตอนนัน้ เอง
[นัยน์ตาปีศาจ, ดวงตาแห่งมารร้ายกาลังจดจ้องท่าน
อยู่!]
[ตอบสนองด้วยดวงตาที่สาม มองเห็นได้อย่างทะลุปรุ
โปร่งแล้ว! ขอยืนยันว่าเป็นไซม่อน ไครมส์ ผู้เล่นของ
ดวงตาแห่งมารร้าย ตาแหน่งคือ...]
***
“วิเวียน? ตอนนี้ไม่เห็นพวกศัตรูเลยนะคะ เราค่อยๆ
เคลื่อนตัวไปไม่ได้เหรอ ฉันเป็นห่วงแคลนลอร์ดยังไงก็ไม่
รู้ค่ะ”
“...”
“วิเวียน?”
วิเวียนมีสีหน้าเหม่อลอย ก่อนที่จะกะพริบตาถีๆ่ ให้กบั
คาถามของอิมฮันนา หล่อนถอนหายใจออกมา พลาง
พยักหน้าตอบรับ
“อ้า...อื้ม นัน่ สินะ”
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือว่าเหนื่อยคะ...”
อิมฮันนายังคงพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่วิเวียนก็ได้แต่
ส่ายหัวปฏิเสธไป
“มะ...ไม่หรอก ร่างกายฉันปกติดี พอได้โดนแสงเมื่อกีน้ ี้ก็
เหมือนได้เติมเต็มพลังเวทเข้าให้น่ะ คงจะอัญเชิญมา
ใช้ได้อกี ครั้งสองครั้งล่ะมั้ง แต่...”
“ข่าวดีนี่คะ! แต่อะไรล่ะ...?”
วิเวียนเอียงคออยู่ชวั่ ขณะหนึ่ง ก่อนทีจ่ ะจดจ้องไปยังทิศ
ใดทิศหนึง่ แล้วจึงปริปากพูดออกมาว่า
“ก็แค่รู้สกึ แปลกๆ นิดหน่อยมาตั้งแต่เมื่อกีน้ ี้แล้ว ทาไม
จู่ๆ ถึงรู้สกึ เศร้าแบบนีก้ ไ็ ม่รู้”
เชร้ง!
อาวุธฟาดฟันกับอาวุธอย่างหนักหน่วง เสียงโลหะ
กระทบกระทั่งดังขึน้ ทั่วทุกหนแห่ง และแน่นอนว่าเสียง
นั่น ไม่ได้ดงั ขึน้ จากตาแหน่งเพียงตาแหน่งเดียวเท่านัน้
การสั่นสะท้านอย่างรุนแรงที่ปะทุขนึ้ จากที่ต่างๆ นี้
ค่อยๆ ดังกระหึ่มจนพืน้ สั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน ทาให้
สามารถคาดเดาได้ถึงความดุเดือดของสงครามครั้งนี้ได้
และเสียงที่ดังต่อเนื่องออกมานั้นก็แตกต่างกันออกไป
ด้วย
ทั้งการแผดเสียง ร้องคาราม เสียงกรีดร้องที่เกิดจาก
ความเจ็บปวด เสียงตะโกนโห่ร้องที่มคี าด่าปะปน เสียง
คนดิน้ รน วิงวอนร้องขอชีวิต
ทั้งเปลวไฟและระเบิดที่ปะทุขนึ้ จากทั่วทุกสารทิศนี้ทาให้
ดินทรายในละแวกนี้เกิดการฟุง้ กระจาย ซึ่งแน่นอนว่ามี
เนื้อหนังมังสาของมนุษย์ และเลือดสีแดงฉานสาด
กระเซ็นตกลงสู่ผืนดินอีกด้วย ช่างเป็นการต่อสูท้ ี่ไม่
สามารถคาดเดาอะไรได้เลย ในขณะนี้ทั้งพวกตะวันออก
กับพวกตะวันตกก็เอาแต่เปิดฉากต่อสู้ วุน่ วายไปหมด
จนไม่อาจแยกได้เลยว่าฝ่ายใดคือศัตรู ฝ่ายใดคือกาลัง
พลที่แท้จริง
“ไอ้บ้าเอ๊ย! รักษาระยะไว้! อย่าหนีสิวะ อยู่กบั ที่!”
สวบ!
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังผ่าอากาศขึน้ มา ร่างของพวก
เร่ร่อนที่ล้มตึงลงไป ดูทา่ คงจะถูกฟันจนเนื้อขาด เจ้านัน่
กลายเป็นศพที่มีลาคอและศีรษะแยกออกจากกัน ชายผู้
หนึ่งเห็นภาพนัน้ จึงระเบิดเสียงหัวเราะดังออกมาทันที
“ฮ่าๆ! เข้ามาสิวะ เข้ามาเลย! มาสูก้ ับท่านคิมด็อกพิล
นักฆ่าพวกเร่ร่อนหน่อยเป็นไง!”
ตัวเอกในครัง้ นีค้ ือ ‘นักฆ่าพวกเร่ร่อน’ คิมด็อกพิล
นั่นเอง เบื้องหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยคอจากซากศพ
ของผู้ที่คิดจะหนีไป มีอยู่มากมายหลายสิบเลยก็ว่าได้
เขากะพริบตา ในขณะที่มือกาลังถือคอทีม่ ีเลือดกาลังพุง่
กระฉูดออกมา ศัตรูบางคนที่เห็นเช่นนั้น จึงออกอาการ
ตัวสั่นในทันที
“โห่ววว!”
แต่แล้วก็ได้ยนิ เสียงโห่รอ้ งตะโกนของกาลังพลที่ดังไล่
หลังขึน้ มา พวกเขาคงมีแรงให้ต่อสู้อยู่อีก จึงได้เริ่มก้าว
เท้าเข้ามาประจันหน้ากันอีกครัง้
การต่อสู้ในขณะนี้ จะเห็นได้วา่ พวกทวีปตะวันตกกับ
พวกเร่ร่อน ทหารพันธมิตรกาลังกอบกุมความได้เปรียบ
อยู่เห็นๆ ซึง่ ในความจริงก็ต้องเป็นเช่นนัน้ อยู่แล้ว
เพราะปัจจัยหลากหลายอย่างที่อยูเ่ หนือกว่า ไม่ว่าจะ
เป็นพละกาลังหรือจานวนคน เพราะฉะนั้นการที่เหล่าผู้
เล่นฝ่ายตะวันออกยังสามารถยืดหยัดต่อสูก้ ับพวกมันได้
จนกระทั่งป่านนี้ ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับปาฏิหาริย์เลย
แม้แต่น้อย
ไม่สิ จริงๆ แล้วก็เป็นปาฏิหาริยน์ นั่ แหละ
ในช่วงแรกๆ คิมซูฮยอนได้ถว่ ง เก็บเกีย่ วเวลาไว้ให้ได้
มากที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้ฝ่ายตะวันออกสามารถ
บริหารจัดการได้บา้ งบางส่วน และปาฏิหาริย์อนั เป็น
ความสามารถเฉพาะตัวของอันซลก็ได้ส่งอิทธิพล
มากมายต่อสมรภูมริ บครั้งนี้อีกด้วย สภาพของกองพล
ได้ถูกชักนาไปอย่างถึงทีส่ ุดแล้ว แม้กระทั่งกระสุนปีศาจ
ที่เคยหลงเหลืออยู่ในสนามรบนี้ ยังถูกกาจัดออกไปจน
หมดสิ้นอีกด้วย
ถึงกระนัน้ แม้จะบอกว่าตอนนีพ้ วกมันกาลังได้เปรียบ
ทว่ายิ่งเวลาผ่านเลยไปมากเท่าใด ฝั่งทหารพันธมิตรเอง
ก็จะยิ่งเกิดความร้อนอกร้อนใจมากขึน้ เช่นเดียวกัน ดู
จากที่พวกมันแทบจะบุกทะลวงเข้ามาได้นั้น ท้ายที่สุด
แล้วการต่อต้านของฝ่ายตะวันออกก็ยิ่งทวีคูณความหนัก
หน่วงมากยิ่งขึ้น
สิ่งเหล่านั้นเกิดขึน้ โดยไม่ทันตั้งตัวจริงๆ กะทันหันมาก
ด้วย
ในท้ายที่สดุ แล้ว แผนของทหารพันธมิตรที่ตั้งใจว่าจะฝ่า
ทะลุกองทหารฝั่งประตูทางตะวันตกนัน้ ตอนนีแ้ ทบจะ
เรียกได้วา่ ล้มเหลวไม่เป็นท่าก็ว่าได้ และการสะกัดเอาไว้
ให้ได้จนกว่ากองกาลังเสริมจะเดินทางมาถึงนัน้ ปัญหา
อยู่แค่เวลาเท่านัน้
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 26
_______________________________________
“ฝ่าเข้าไปเลย! ฝ่าเข้าไปให้ได้! ถ้าไม่ได้ก็ต้องผ่านมันไป
เสีย!”
“แม่งเอ๊ย”
พวกศัตรูรวมตัวกันเสมือนคลืน่ ยักษ์อีกครัง้ หนึง่ คิมด็
อกพิลเห็นดังนัน้ จึงสบถคาหยาบออกมาทันที หลังจาก
นั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องไปยังฝั่งตรงข้ามที่พวก
ศัตรูกาลังรวมตัวกันอยู่ แววตาของเขานัน้ เต็มไปด้วย
ความบ้าคลัง่ แต่กระนัน้ ก็ยงั มีแววตาอันจริงจังที่
คาดหวังความช่วยเหลืออยู่บ้าง
เขาจับลาคอที่มีเลือดสีแดงฉานไว้แน่น พลางรวบรวม
แรงกายแรงใจ ตะโกนออกไปด้วยน้าเสียงอันแสนเย็นชา
ว่า
“รวมตัวกันไว้! อดทนให้ได้! อดทนต่อไปอีกหน่อยเดียว
เดี๋ยวพวกกองกาลังเสริมก็มาแล้ว!”
แม้จะไม่รู้แน่ชดั ว่าจะต้องอดทนต่อไปอีกเท่าไหร่ แต่
เรื่องนี้นี่แหละ ที่เป็นความปรารถนาหนึ่งเดียวที่เหล่าผู้
เล่นตะวันออกต่างถวิลหา
ในเวลาต่อมา เหล่าผู้เล่นฝ่ายตะวันออกจึงได้เริม่ ส่งเสียง
ดังออกมาบ้าง เสียงตะโกนโห่ร้องของแต่ละฝ่ายดัง
ขึ้นมาปะทะกันอย่างไม่ยอมแพ้
และในระหว่างนั้นเอง การเปลี่ยนแปลงทีน่ าไปสู่
สภาพการณ์ใหม่ๆ กาลังคืบคลานเข้ามาใกล้โดยไม่มีใคร
รู้ตัว
นั่นอะไรน่ะ
ในระหว่างที่ผมกาลังออกแรงวิ่งอยูน่ ั้น จู่ๆ ก็เกิดคาถาม
เกี่ยวกับจานวนศพที่เพิม่ ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั่วทุก
สารทิศมีแต่ลูกธนูและเวทมนตร์กระจายอยูใ่ ห้ว่อน ผืน
ดินเบื้องล่างร้าวแยกออกจากกัน ส่วนศพที่เห็นอยู่ตรง
เบื้องหน้านี้ แทบจะเป็นทหารพันธมิตรไปเสียหมด
ความจริงแล้วผมตั้งใจว่าจะไล่ล่าไซม่อน แต่แล้ว
สถานที่ที่ผมกาลังวิง่ ผ่านอยู่ในขณะนี้ กลับกลายมาเป็น
อุปสรรคขวางกั้นไปเสียได้ แม้ผมจะสามารถวิ่งผ่านไป
ได้อย่างรวดเร็วเหมือนวิ่งทางตรงเฉยๆ ก็ตาม แต่แล้ว
ผมก็คิดว่ายิง่ วิ่งออกไปข้างหน้ามากเท่าใด พวกศัตรูที่รอ
ผมวิ่งผ่านอยู่เบื้องหน้าก็ยิ่งมีมากขึน้ ไปอีก กาลังพลของ
เราตอนนี้ยิ่งลดน้อยถอยลงไปอยู่ด้วย
ทว่าผมก็มองไม่เห็นพวกศัตรูแต่อย่างใด หมายความว่า
...
อ๋อ
พอผมสามารถวิง่ ฝ่าทะลุกองศพออกมาได้สาเร็จ ผมก็
พอจะรู้คาตอบที่แท้จริงแล้วล่ะ เพราะผมเห็นภาพ
เหตุการณ์การต่อสู้อยู่ไกลๆ ด้วยตาของตัวเอง ภาพที่
เหล่าผู้เล่นกับทหารพันธมิตรฟาดฟันกันจนแยกไม่ออก
ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนกาลังบอกให้ผมรู้วา่ กองกาลัง
เสริมได้เดินทางมาถึงแล้วนัน่ เอง
จริงๆ ก็มาถึงได้แล้วนี่ แต่...
ถ้าอย่างนั้นกองทหารที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ จะใช้กองกาลัง
สนับสนุนหรือเปล่า หรือว่าเส้นทางของพวกเร่ร่อนถูก
ตัดขาดไปแล้วเรียบร้อยกันแน่
แม้ผมจะยังสงสัยอยูบ่ ้าง แต่แล้วเสียงอาวุธของแต่ละ
ฝ่ายที่กระทบกระทั่งเข้าหากันก็ได้ดงั ใกล้ตัวมากขึน้
เรื่อยๆ ผมจึงรีบสะบัดหัวตัวเองอย่างว่องไว
อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ เหล่าผู้เล่นของกองพลฝั่ง
ประตูตะวันตกอาจจะคิดว่าผมไร้นาใจก็ ้ ได้ แต่สาหรับ
ผมแล้วนัน้ สถานการณ์ในขณะนีเ้ ราไม่จาเป็นทีจ่ ะต้อง
ทาดีใส่กนั ต่อไปอีกแล้ว
ไหนจะไซม่อนที่หางโผล่ จนต้องวิ่งหางจุกตูดหนีไป
ส่วนเหล่าศัตรูก็กาลังชุลมุนวุน่ วาย วิ่งขัดขวางไปทั่วทุก
หนแห่งในสมรภูมินี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้ว มันก็ยังจะพอ
มีที่ที่จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของพวกศัตรูอยู่ โดยที่
แห่งนี้นนั้ จะไม่ต้องพบเจอกับอุปสรรคขวางกัน้ ใดๆ อีก
ทั้งยังสามารถบุกเข้าไปได้เลยด้วยซ้า
ผมกังวลอยู่ชวั่ ครู่วา่ จะต้องทาอย่างไรต่อไป แต่แล้วผมก็
ตัดสินใจว่าจะบุกสมรภูมิรบเข้าไปทัง้ อย่างนีน้ ี่แหละ
แม้การมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งจะยังคงทางานอยู่
ตลอดจนกระทั่งเมื่อครู่ แต่แล้วนัยน์ตาปีศาจของไซม่อน
ก็ยังคงจ้องมองมาทางผมเหมือนเดิม ไม่มเี สื่อมคลาย
ท่าทางดูเหมือนกับว่าเขารู้ดีอยู่แล้ว ว่าอย่างไรผมก็
จะต้องโดนฆ่าตายอย่างแน่นอน
แต่เท่าที่ผมจาได้นนั้ ไซม่อนไม่ใช่นักสูร้ ะยะประชิดแต่
อย่างใด หากจะแจกแจงให้ชัดเจน ก็เรียกได้ว่าใกล้เคียง
กับคลาสนักเวทล่ะมัง้ หากไม่มกี ารขวางกัน้ ของพวก
ศัตรูทวี่ ิ่งกรูเข้ามาเหมือนผีเสื้อบินหึ่ง ผมก็มนั่ ใจว่าจะ
สามารถจับตัวมันได้ภายในเวลาสิบนาทีอย่างแน่นอน
พายุฝนุ่ ละอองก่อตัวหนาทึบอยู่ตรงเบื้องหน้า ผืนดินที่
ผมกาลังเหยียบย่าอยู่ในขณะนี้ ช่างเหือดแห้ง ไม่มีความ
เปียกชืน้ ใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ในพายุฝนุ่ ละอองเช่นนี้ มีการต่อสู้อนั แสนดุเดือดซุกอยู่
ข้างใน ผมจึงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปทันที
ทั้งนี้ก็เพื่อประวิงเวลาสองปีที่กว่า
ผมฝ่าตัวเองเข้าไปในพายุฝุ่นหนาทึบตรงหน้า พอ
ออกมาได้สาเร็จ จึงพบกับภาพเหตุการณ์การต่อสู้อัน
แสนชุลมุนวุ่นวายปรากฏอยู่เต็มสองตา ที่บอกว่าเป็น
การต่อสู้อันแสนชุลมุนวุ่นวายก็เพราะว่า สมรภูมิรบแห่ง
นี้ต่างเต็มไปด้วยคลาสนักสูร้ ะยะประชิด เสียงโลหะ
กระทบกระทั่งซึง่ กันและกันดังขึน้ ไปทัว่ ทุกหนแห่ง ไหน
จะประกายไฟจานวนมากที่พวยพุ่งออกมาให้เห็นอยู่
แทบทุกวินาที
สภาพสมรภูมริ บนัน้ ดูคล้ายคลึงกันไปหมด แม้จะมองแค่
แวบเดียวก็ตาม
ด้วยความที่ทหารพันธมิตรมีทั้งจานวนกาลังพลและมี
พละกาลังเหนือชัน้ มากกว่า จึงทาให้พวกเขากาลังอยู่
ในช่วงที่เริ่มผลักดันรุดหน้าต่อไป ทว่าพวกเขาก็ไม่
สามารถทีจ่ ะข้ามผ่านสนามนี้ไปได้อย่างง่ายดายเหมือน
ดังเช่นที่ได้ข้ามผ่านทุ่งกว้างมาเมื่อสักครูน่ ี้ เพราะเมื่อนา
เหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกมาเทียบกับทหารพันธมิตรที่
บุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปไม่ยั้งคิดเช่นนัน้ จะเห็นได้ชัดเจนว่า
เหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกนัน้ ดูมนั่ คงมากกว่า อีกทั้งยัง
สามารถตอบโต้ รับมือได้มีประสิทธิภาพมากกว่าอีก
ด้วย
จากการที่ได้ดูสภาพสมรภูมิรบในตอนนีจ้ ะเห็นได้ว่ามี
เพียงแค่จานวนกาลังพลเท่านัน้ ที่มคี วามแตกต่างให้เห็น
อย่างชัดเจน หากลองคิดถึงศพของพวกทหาร
สัมพันธมิตรที่เห็นจากสถานที่ที่วิ่งผ่านมานั้น แม้ฝั่ง
ตะวันออกจะรับปากว่าจะยื่นมือมาช่วย ก็คงไม่เสียหาย
อะไร
อย่างไรก็ตาม ผมจาต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้
ผมตั้งดาบให้กลับมาตรงอีกครั้ง และใช้สายตา สมาธิจด
จ้องไปตรงหน้า พวกศัตรูเฉียดกรายเข้ามาใกล้ตั้งแต่
เมื่อไหร่ไม่รู้ จากที่ผมเคยเห็นพวกมันอยู่ไกลๆ บัดนี้ยิ่ง
ระยะทางเข้าใกล้ไปมากเท่าไหร่ ภาพตรงหน้าก็ปรากฏ
ให้เห็นเด่นชัดมากยิ่งขึน้ หนึง่ คนที่อยู่ในนั้นพลันมีสีหน้า
ปั้นปึ่งขึน้ มาทันที คงเพราะเห็นผมเข้าแล้วสินะ
“พวกเร่ร่อนมันไปอยู่ไหนกันหมด!”
ฉับ!
ผมวิ่งผ่านร่างเจ้าหมอนั่นไป พลางใช้ดาบที่อยู่ในมือ
เฉือนคอของมันเสีย ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้ศรี ษะของมัน
ทะยานสูงขึน้ สูฟ่ ้าทันที เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่มนั เกิดความ
สับสนงุนงง ดูท่าว่าจะเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็นพวก
เร่ร่อนเสียแล้ว
ในตอนนัน้ เอง
โฮกกก!
เสียงแผดร้องคาราม ราวกับสัตว์ประหลาดกรีดร้อง ดัง
สนั่นหวั่นไหวไปทัว่ ทุกมุมของสมรภูมิรบ ผมได้ยิน
เช่นนัน้ จึงหันหน้าไปยังต้นเสียงทันที แล้วจึงพบกับภาพ
เหตุการณ์ประหลาดเข้าอย่างจัง
ขบวนแถวของฝั่งตะวันออก จากที่เคยแออัดไปด้วย
กาลังพล บัดนีก้ ลับเปลีย่ นแปลงไปเสียแล้ว และ
จุดสาคัญที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึน้ ได้ก็คอื มี ‘สัตว์
ประหลาด’ ยืนอยูจ่ ริงๆ เข้าให้แล้ว
สูงประมาณห้าเมตรเห็นจะได้ รูปพรรณสันฐานของมัน
เหมือนกับจิ้งเหลน มีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยปกคลุมไปทั่ว
ทั้งตัว และตอนนีม้ ันกาลังอาละวาดอย่างบ้าระห่า
มันใช้เล็บยาวๆ ของมันกวาดกาลังพลส่วนหน้าทุกหมู่
เหล่า ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้ขบวนแถวที่แออัดไปด้วยกาลัง
พลเกิดช่องโหว่ใหญ่ๆ ขึ้นมา
แม้เจ้าจิ้งเหลนประหลาดนั่นจะนาทัพมา จนเกิดรูโหว่
ขนาดใหญ่ แต่แล้วพวกศัตรูก็ไม่กลัวตาย วิง่ ฝ่าเข้ามา
ทันทีอย่างไม่คิดชีวติ
เจ้าสัตว์ประหลาดนัน่ ออกอาละวาดเหมือนหมูป่าคลุ้ม
คลั่ง โดยไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ ด้วยเหตุนี้
จึงทาให้ขบวนแถวของฝั่งตะวันออกค่อยๆ แยกออกไป
เป็นครึ่งต่อครึง่
ผมได้ยินเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องโหยหวนผสม
ปนเปกันไปหมด เส้นผมโบกสะบัดไปกับสายลม
ณ วินาทีนั้น มีความคิดบางอย่างเฉียดผ่านเข้ามาในหัว
ของผม จึงได้เริ่มหันเหทิศทาง แล้วออกวิ่งไปอย่าง
สุดกาลัง
“นักบวช! นักบวชอยู่ไหน!”
“ระดมยิง! ระดมยิงไอ้สตั ว์ประหลาดนัน่ ซะ!”
ระยะทางของเจ้าอสูรกายร้ายนั่น อยู่ที่สี่สบิ เมตร ผมเห็น
ชายคุ้นหน้าคุน้ ตาคนหนึ่ง ยืนอยูบ่ ริเวณที่มันกาลังออก
อาละวาด เขากาลังกุมท้อง พลางล้มกระแทกตัวไปกับ
พื้น ไม่ผิดแน่ เขาคือซองฮยอนมิน
ฟิ้ว ฟิว้ !
โฮกกก! โฮกกก!
ลูกธนูจานวนมายิงเข้าไปปะทะเข้ากับเกล็ดของอสูรกาย
ร้าย แต่ก็ยงั ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งมันเอาไว้ได้ เจ้า
จิ้งเหลนคงจะรู้สึกระคายผิวเล็กน้อยเข้าให้แล้ว มันจึง
แผดเสียงคารามออกมาดังขึน้ อีก พลางสะบัดเท้าไปมา
ดินในทุ่งกว้างแห่งนีฟ้ ุ้งกระจายขึ้นสูงในชัว่ พริบตา แกน
โลกถึงกับสัน่ สะเทือน ราวกับเกิดแผ่นดินไหวน้อยๆ การ
กระทาเช่นนี้ ส่งผลให้เหล่าผู้เล่นในละแวกนัน้ ต่างเสีย
สมดุล ล้มลงไปในที่สุด เจ้าอสูรกายร้ายเห็นเข้าดังนัน้
จึงรีบยืน่ มือเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“แม่จ๋าาา!”
เสียงกรีดร้องของคนวัยละอ่อนดังขึ้นกลางอากาศ
ผู้หญิงคนหนึ่งถูกมันจับตัวเข้าจนได้ มันจึงยกตัวหล่อน
ขึ้นสูงเฉียดฟ้า หลังจากนั้นจึงกระชากหล่อนลงมาที่ผืน
ดินทันที ผมดูแล้วยังหวาดเสียวไม่หาย
พลั่ก!
เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างแตกหักดังสนัน่ เลือดสีแดง
ฉานพุ่งกระฉูดขึน้ มาราวกับน้าพุ ภาพที่ปรากฏตรงหน้า
นี้ชา่ งน่าเวทนาเหลือเกิน ศีรษะของเจ้าหล่อนแตก
ละเอียด สมองระเบิดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่ง
และในตอนที่เจ้าอสูรกายร้ายนัน่ เริ่มจ้องหาของเล่นชิ้น
ต่อไปนั้นเอง
ก็เป็นตอนเดียวกับที่ผมเดินมาถึงพอดี
ตรงนี้นเี่ อง
ผมมองข้ามเจ้าอสูรกายร้ายนี่ไป พลางจดจ้องไปที่
สถานที่ที่แยกห่างออกจากกัน หลังจากนั้นผมจึงใช้มือ
ทั้งสองข้างจับเกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้แน่น ก่อนที่จะชู
ขึ้นเหนือหัว ผมใส่พลังเวทเข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม แล้วจึง
กระทืบเท้าอย่างรุนแรง ก่อนทีจ่ ะออกแรงทะยานขึ้นสู่
เบื้องบนในทันที
ฮึบ!
ร่างกายทะยานขึน้ มาสูเ่ บื้องบนแล้ว พอผมก้มหน้ามอง
ลงไป ก็เห็นเข้ากับอสูรกายร้ายได้อย่างชัดเจน เมื่อผม
กระโดดขึ้นมาได้สูงระดับที่จะสูงไปมากกว่านี้ไม่ได้อีก
แล้ว จังหวะนัน้ เองศีรษะอันมีเกล็ดเงาเลื่อมก็เงยขึน้ มา
มอง ผมจึงรีบเหวี่ยงแขนไปด้านหลังให้ได้มากที่สุด และ
จึงเริ่มร่อนตัวลงสู่ผนื ดิน พร้อมใช้ดาบกรีดร่างของมัน
อย่างสุดกาลัง
ซวกกก!
ปลายดาบอันแหลมคมที่ส่องแสงประกายออกมาให้เห็น
ได้บรรจงวาดเส้นสีขาวตามวิถีดาบ
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 28
_______________________________________
ผมเหลือบเห็นความหวัน่ วิตกปะทุอยูใ่ นแววตาของมัน
ชั่วขณะหนึง่ แต่แล้วมันคงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ จึง
รีบขยับเขยื้อนร่างกายทันที ทาท่าเหมือนกับจะหนีให้ได้
เสียอย่างนัน้
ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เจ้าจิ้งเหลนตัวนี้ชา่ งเร็วเสีย
จริง อีกทั้งยังคล่องแคล่วอีกด้วย แต่ไอ้คาว่า
‘คล่องแคล่ว’ ที่มีอยู่สองพยางค์นี่แหละ มันไม่สามารถ
นามาเทียบกับตัวผมได้เลยสักนิด
พรึบ่ !
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง เมือ่ ผมปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่าง
ในพริบตาขึน้ มา ศีรษะที่เต็มไปด้วยเกล็ดเงาเลือ่ มของ
มันก็ปรากฏให้เห็นใกล้ๆ อยู่ตรงเบื้องหน้าทันที และ
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่ได้กรีดเนื้อของมันไปแล้วก่อน
หน้านี้กาลังค่อยๆ แทงเข้าไปกลางกระหม่อมของมัน
ช้าๆ
ผมรู้สึกเหมือนตัดโซ่ตรวนอยูเ่ ลย
ผมร่อนลงสู่เบื้องล่างเหมือนโดยสารด้วยลิฟต์ ในทุกๆ
ครั้งที่ผมไล้สายตามองลงก็จะได้เห็นเข้ากับผิวหนังเนื้อ
ในสีแดงทีป่ ริแยกออกจากกัน
และเมื่อเท้าแตะสู่ผืนดินได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็จงึ เห็น
ว่าร่างของเจ้าอสูรกายร้ายได้แบ่งออกเป็นสองส่วนอย่าง
งดงาม ร่างกายของมันปริแยกออกจากกัน แล้วจึงล้มตึง
ไปในที่สุด
ของแถมที่ได้มาคือ ของเหลวอุน่ ๆ ที่ไหลเฉอะแฉะลงมา
ราวกับสายฝนที่ทาให้เปียกปอนไปทั่วร่าง
ผมกะพริบตาอีกครัง้ หนึง่ หลังจากนัน้ ศพของเจ้าอสูร
กายร้าย จึงได้แปรเปลีย่ นมาเป็นเพียงเศษขี้เถ้า ก่อนที่
จะถูกสายลมหนึ่งพัดปลิวมลายหายไป เรือนร่างอัน
ใหญ่โตมโหฬารหายวับไปในพริบตา หลงเหลือไว้เพียง
ร่างอันไร้วิญญาณของบุคคลหนึง่ ที่รา่ งกายถูกฉีกขาด
ผู้เล่นครึ่งคนครึง่ สัตว์หรือเนีย่ เท่าทีจ่ าได้...
“หยุด! อย่าโจมตี! พวกเราเอง!”
ในตอนนัน้ นั่นเอง จู่ๆ ผมก็ได้ยนิ เสียงหนึง่ ดังขึน้ มา
กะทันหัน พอหันหน้าไปมอง ก็พบว่าเหล่าผู้เล่นมากมาย
กาลังเล็งอาวุธ พร้อมทั้งห้อมล้อมรอบกายผมอยู่ ผม
รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วก็มีชายผู้หนึง่ เดินเข้า
มาหาผม ซองฮยอนมินนั่นเอง
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่! ใช่แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์
นารี่ไหมครับ”
ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่เขากลับมีฝ่ามืออันแสนนุ่มนิ่ม
เขาใช้ฝ่ามือนัน่ เข้ามาลูบไล้ใบหน้าของผม ก่อนที่ผมจะ
พยักหน้าตอบรับเสียอีก นัยน์ตาสีแดงเข้มค่อยๆ
กลับคืนมาสูส่ ภาพปกติอีกครั้งหนึง่
“ชะ ใช่จริงด้วย เฮ้อ สุดยอดมากๆ เลยครับ! คุณ
สามารถจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนัน่ ได้ภายในครา...”
“แคลนลอร์ฮนั ครับ ไม่ทราบว่าไซม่อนได้หนีมาทางนี้
หรือเปล่าครับ”
“ครับ?”
ซองฮยอนมินมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ปริปาก
พูดออกมา ด้วยสีหน้าคับแค้นใจ
“อ๋อ ไซม่อนหรือ ถ้าพูดถึงผู้ปกครองแห่งทวีปตะวันตก
ล่ะก็...ดูเหมือนเราจะพลาด จนมันหนีออกไปได้ครับ ผม
เองก็เฝ้าจับตามองอยู่แท้ๆ แต่กลับมีตัวแปรบางอย่างที่
เข้ามาโดยไม่ทันคาดคิด...”
“ไซม่อนไปทางนี้หรือเปล่าครับ”
ผมพูดตัดบท แล้วถามกลับไปอีกครั้ง ซองฮยอนมินจึง
ปิดปากฉับชั่วครู่หนึ่ง แล้วเขาจึงจ้องหน้าผม พลางพยัก
หน้าตอบรับ
“จริงๆ ก็ไม่ชัวร์หรอกครับว่าใช่ไซม่อนหรือเปล่า ก่อนที่
จะจับตัวมาได้ จู่ๆ ก็มีเจ้าหนุ่มคนหนึง่ แปลงกายเป็น
สัตว์ประหลาด แล้วก็มผี ู้เล่นอีกคนหนึ่งที่ได้รบั การคุ้ม
กันจากพรรคพวกของมัน มันเลยฉวยโอกาสหนี
ออกไป”
“ทราบแล้วครับ ถ้างั้น...”
“หากคุณคิดจะไล่ล่ามันล่ะก็ รอให้กองกาลังเสริม... คะ
แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
“ไม่จาเป็นครับ”
การต่อสู้ในขณะนีก้ าลังอยู่ในช่วงจุดพีคก็จริง อีกทั้ง
ซองฮยอนมินยังได้รบั บาดเจ็บอีกด้วย ผมผลักนักบวชที่
มุ่งตรงเข้ามาหาไปอย่างเบาๆ และจึงไม่รอช้า เริ่มวิง่
ออกไปยังเส้นทางที่แยกออกจากกัน และตอนนี้กาลังจะ
กลับมาเชื่อมติดอีกครั้ง
เป็นที่ยืนยันแน่นอนแล้วว่า มันสามารถหนีรอดออกไป
ได้ เพราะฉะนั้นหากผมสามารถหลุดพ้นเส้นทางนี้
ออกไปได้ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้ ก็จะมีเพียงแค่การ
ไล่ล่าตามหาตัวมัน อย่างที่ไม่มีใครสามารถขวางกั้นได้
เสียงร้องเรียกของซองฮยอนมินที่ดงั ไล่หลังมา ค่อยๆ
แผ่วเบาลงไปตามลาดับ
***
***
ผู้รับเมล็ดพันธุจ์ ากซาตาน
วัตถุประสงค์ที่ทาให้ผมยอมเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ คือ
เพื่อมาลงโทษไซม่อน ผูเ้ ล่นที่กาลังจะเข้ายึดครองทวีป
ตะวันตกในอนาคต ส่วนเหตุผลน่ะอยูใ่ นชื่อเสียงอันเลื่อง
ลือของมันแล้วไงล่ะ ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุจ์ ากซาตาน’
น่ะ
สมัยรอบที่หนึง่ นัน้ ไซม่อนได้พ่ายแพ้ในสงครามที่เปิด
ฉากกับฝ่ายตะวันออกในครั้งที่สอง ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้
เขาต้องระหกระเหินกลับทวีปตะวันตกไป หลังจากนัน้
ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทาให้เขาได้รบั การตื่นรูจ้ าก
‘เทพเนอร์กลั แห่งสายลับ’ ซึ่งความจริงในจุดนีด้ ูเหมือน
จะถูกเปิดเผยออกมาช้าไปเสียหน่อย
และเนอร์กัลผู้ตื่นรู้ผู้นนั้ ได้ใช้ชีวติ มาอย่างเงียบสงบมา
ตลอด แต่แล้วก็เขาผู้นอี้ ีกนี่แหละ ที่เป็นตัวการสาคัญ
คอยก่อเรื่องชุลมุนวุน่ วายไปทัว่ ทั้งทวีป โดยเริม่ จาก
ทวีปตะวันตกเป็นที่แรก
โดยส่วนตัวผมคิดว่า เขาเป็นเพียงผลิตผลที่เกิดขึ้นมา
จากความบังเอิญ เมื่อครั้นที่เบลเฟกอร์ถกู อัญเชิญเข้า
มาก็เท่านัน้ เรียกว่าเป็นความหายนะที่เกิดขึน้ เพราะ
ความไม่ตั้งใจ และความโลภมากของพลเมืองสมัย
โบราณได้ไหมเล่าเนี่ย
ทว่าเนอร์กัลนัน้ ไม่สามารถนาไปเปรียบเทียบกับกรณี
ของเบลเฟกอร์ได้เลยแม้แต่น้อย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่
แล้ว ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน’ อย่างไรล่ะ การที่
ทวยเทพถูกอัญเชิญลงมาด้วยความไม่ตั้งใจ กับการ
เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งซาตาน จนมันเติบโตและเข้า
ครอบครองร่างกายได้สาเร็จในภายหลังนัน้ ไม่ว่าจะมอง
ให้เหมือนกันอย่างไร สุดท้ายมันก็ยงั มีข้อแตกต่างอยูว่ ัน
ยังค่า
การฆ่ามันให้ตายๆ ไป จริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนัก
แต่...
ถ้าผมทาแบบนัน้ วินาทีที่เจ้าของร่างกายตายไป
ประสิทธิภาพของเมล็ดพันธุ์ที่อยูใ่ นเจ้าของร่างก็จะสูญ
สิ้นไปด้วย จะเห็นได้ว่ามันทาหน้านี่เชื่อมสายสัมพันธ์กนั
ไว้อยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เมล็ดพันธุน์ ั่นจะ
เป็นต้นกาเนิดแห่งทวยเทพแต่อย่างใด เมื่อผ่านขั้นตอน
การเพาะเมล็ดพันธุ์มา จนสามารถเข้าครอบครองร่างได้
สาเร็จ ตอนนั้นแหละทีต่ ้นกาเนิดที่แท้จริงของมันจึงจะ
ยอมปรากฏตัวให้ชาวโลกได้เห็น
“อือ...อือ...”
เสียงครวญครางดังแว่วเข้ามาในหู ผมจึงเหลือบสายตา
ไปมอง
ไซม่อนกาลังหายใจครืดคราดๆ เหมือนจะล้มลงให้ได้
เสียในตอนนี้ ผมเห็นเขาในสภาพเช่นนั้น แล้วจึงเกิด
ความกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย
“อือออ...”
ในตอนนัน้ เอง จู่ๆ ไซม่อนก็เงยหน้าขึน้ มา เมื่อผมได้
สบตากับเจ้าหมอนั่น จึงสัมผัสได้ถงึ ลางสังหรณ์แปลกๆ
บางอย่างทีก่ าลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ผมกาลังจะขยี้ตา
อยู่แล้วเชียว แต่แล้วก็ได้เห็นนัยน์ตาสีแดงคล้าที่กาลัง
ปะทุอยู่ในแววตาของเขา
หรือว่า...จะเริม่ แล้วเหรอ
ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมา ประจวบเหมาะกับร่างกาย
ของไซม่อนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างพอดิบพอดี
ผิวขาวๆ ของเขาเริ่มมีรอยด่างสีแดงเข้มแต่งแต้มทั่วทุก
จุด เมื่อรอยด่างนัน่ บังเกิดขึน้ ทั่วทั้งร่าง มันจึงได้ปกคลุม
ร่างกายของเขาจนมืดสนิท และในเวลาเดียวกันนัน้ เอง
ผิวหนังของเขาจึงเริ่มพองตัวขึ้น
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องดังลั่นขึ้นมา เสียงที่ผมได้ยนิ นัน้ ทัง้ ดุดันและ
โหดร้าย เหมือนกับไม่ใช่เสียงของไซม่อนเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายทีพ่ องขึน้ นัน้ พองตัวมากต่อไปเรื่อยๆ ทุกขณะ
เหมือนกับลูกโป่งไม่มีผดิ ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้ผิวหนังของ
เขาเริ่มฉีกขาดออกจากกัน ภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
สยดสยอง น่าขยะแขยงสิ้นดี หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป
คงไม่กล้ามายืนดูอะไรแบบนี้แน่ๆ
หลังจากนั้นจึงบังเกิดควันสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาจาก
ผิวหนังที่เกิดการฉีกขาด ผมเห็นเช่นนัน้ แล้วรูส้ ึกอึดอัด
ใจ จึงได้จบั เกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้แน่น และในตอน
นั้นเอง
เปรีย๊ ะ!
ตูม!
อ๋อ
ผมอุทานในใจ และเมื่อได้เห็นข้อมูลผู้เล่นของหล่อน
แล้ว ทั้งความคิดและหัวของผมจึงได้เริม่ หมุนใช้งาน
ขึ้นมาอีกครัง้
ทาไมตอนนัน้ เราเห็นผู้ควบคุมเปลวไฟมังกร แล้วถึงนึก
ไม่ออกกันนะ คงเพราะการตื่นรู้ของฮวาจองเลยลืมไป
เสียสนิทล่ะมั้งเนี่ย
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ... จู่ๆ ก็มาพูดว่าขอยอมแพ้
เองเสียได้ ฉันมองว่ามันเป็นไปได้ยากสักหน่อยนะ”
“ฉันเข้าใจ แต่ตอนฉันหลุดพ้นออกมาได้ สหายของฉันก็
กระจัดกระจายกันออกไปเกือบหมด แล้วก็ได้เห็นภาพที่
ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองด้วย... ตอนนี้ฉนั สับสนมาก
ทุกอย่างตีกนั มั่วไปหมดอยู่ในหัว อยากได้เวลาคิดอะไร
สักหน่อย จะให้คอยเอาแต่วิ่งหนีไปสุดขอบโลกมันก็คง
ไม่ใช่ ฉันคิดว่ายอมแพ้ แล้วค่อยเสนอตัวเป็นเชลยจะยัง
ดีเสียกว่า”
“...”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณจะมองการขอยอมแพ้ก่อนในครั้งนี้
ของฉัน เป็นการกระทาที่หน้าด้าน ไร้ยางอายหรือไม่ แต่
ในฐานะที่คุณคือผู้กอบกุมชัยชนะในครั้งนี้ ฉันหวังเพียง
แค่ว่าคุณจะเมตตา เข้าใจฉันด้วย ไม่ว่าคุณจะลงโทษ
ทัณฑ์อย่างไร ฉันก็จะขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว”
ความสละสลวยในการแปลภาษาออกจะแปร่งๆ ไปเสีย
บ้าง อาจเป็นเพราะเวทแปลภาษาแปลได้ไม่สมบูรณ์
แบบมากเท่าใดนัก แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ ไม่ติดขัดอะไร
ในเวลาต่อมา หลังจากผมได้คิดคานวณอย่างถีถ่ ้วนแล้ว
จึงได้จ้องไปที่หญิงสาวผู้นั้นอีกครั้งหนึง่ หล่อนกาลังชู
แขนทั้งสองข้างขึ้นสูง พลางใช้ดวงตาสีทองประกาย
สวยงามจดจ้องมาที่ผมเช่นเดียวกัน
ในตอนนัน้ เอง
[ผลึกอัคคี]
ลูกแก้วในมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แล้วจึง
ทอดสายตามอง พลางจดจ้องไปที่ผลึกอัคคีดังกล่าว
ก่อนที่ค่อยๆ เก็บเข้าสู่ออ้ มอกอย่างทะนุถนอม
ผลพวงที่ได้รบั จากสงครามครัง้ นีค้ ือสามคลาสลับ
ไม่ว่าจะมองอย่างไร สงครามในคราวนีถ้ ือว่าดีใช้ได้
เพราะได้อะไรกลับมาเยอะนี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมี
ความเศร้าแฝงอยูบ่ า้ ง เพราะผมได้สูญเสียใครบางคน
ไป
“…”
สถานการณ์ทุกอย่างจบสิ้นลงเพราะแบบนี้ เมื่อสงคราม
เดินทางมาถึงจุดสิน้ สุด ผมเองก็ต้องกลับไปดูทสี่ นามรบ
อีกครั้ง แต่สาหรับผมนัน้ ผมถือว่าตัวเองได้ลงมือทาทุก
อย่างตามที่ปรารถนาไว้หมดแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ ผมจะต้องกลับไปเผชิญหน้าต่อความจริง
ที่ไม่อยากยอมรับอีกครัง้ หนึ่งแล้ว
พอเถอะ... กลับดีกว่า
หลังจากนั้น จึงได้หันตัวไปตามทางที่ได้เดินมา แล้วจึง
เริ่มเดินออกไปช้าๆ
เงาดาบางอย่างฉายเข้ามาอย่างชัดเจน ณ ป่าทึบที่ชุ่ม
โชกไปด้วยเลือด
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 34
_______________________________________
ตึง!
เส้นผมสีดำมันเงำกระจัดกระจำยอยู่ทั่วผืนแผ่นดิน
โดยภำยใต้เส้นผมที่พนั กันอย่ำงยุง่ เหยิงนัน้ มีเลือดสีแดง
สดไหลเจิงนองออกมำไม่หยุด
“แฮ่ก...แฮ่ก”
ชำยผูน้ ั้นหำยใจหอบหนัก รำวกับจะสิ้นใจจำกโลกนี้ไป
ในไม่ช้ำ หยดเลือดไหลรินออกมำจำกมุมปำกทุกครั้งที่
หำยใจเข้ำออก
หลังจำกนั้น ริมฝีปำกอันแสนซีดเซียวจึงค่อยๆ เอื้อน
เอ่ยออกมำอย่ำงยำกลำบำกว่ำ
“ซูฮยอน จำคำทีพ่ ี่เคยพูดไว้เมื่อก่อนได้ใช่ไหม ว่ำ...ยะ
...อย่ำช่วยพี”่
“พี่...?”
“ไม่ว่ำยังไง นะ...นำยจะต้องอยู่ต่อไป ไม่วำ่ จะเกิดอะไร
ขึ้น นำยต้องอยู่ต่อ...จงไปให้สุดทำง...”
“พะ...”
ก่อนทีช่ ำยหนุ่มผู้นนั้ จะพูดอะไรออกมำอีกครั้งหนึ่ง จู่ๆ
มือที่กำลังกอบกุมอยู่ก็ได้หยุดสั่นสะท้ำนไป
กระแสไฟสีเหลืองที่เกิดขึ้นบนร่ำงกำย ค่อยๆ เลือนลับ
หำยไปอย่ำงช้ำๆ
นัยน์ตำที่เคยไหวหวั่น มีน้ำหล่อเลี้ยงกลับดูไร้ซึ่งพลัง ไร้
ซึ่งแสงใดๆ ในชั่วพริบตำ
ตุ้บ!
ศีรษะและมือไร้ซึ่งพลังใดๆ ตกลงมำสู่ผนื ดินเบือ้ งล่ำง
และในตอนนัน้
“อ๊ำกกก ไม่!”
เสียงกรีดร้องแห่งควำมคับแค้นใจ ควำมเศร้ำโศกำได้ดัง
ลั่นสนั่นจนฟ้ำแทบจะถล่ม
***
ทุกอย่ำงจบสิ้นหมดแล้ว
อะไรบำงอย่ำงที่เคยอัดแน่นอยูเ่ ต็มหัวมำตลอดจนถึงเมื่อ
ครู่ บัดนี้ผมรูส้ ึกได้ว่ำมันได้หำยวับไปจนหมดแล้ว
ผมถอนหำยใจออกมำอย่ำงไม่เข้ำใจตัวเอง ก่อนที่จะเงย
หน้ำมองท้องฟ้ำเบื้องบน
บัดนี้ดวงอำทิตย์ได้ลอยอยู่กลำงท้องฟ้ำแล้ว หำกมีสำย
ฝนสดชืน่ ตกโปรยปรำยลงมำคงดีไม่น้อย แต่ถงึ อย่ำงนั้น
ท้องฟ้ำยำมเทีย่ งก็ช่ำงแจ่มใส เจิดจ้ำมำกเกินคำบรรยำย
ผมได้แต่เดินเหม่อมองท้องฟ้ำไปเช่นนัน้ เรื่อยๆ แล้วจู่ๆ
ก็มีข้อควำมหลำยข้อควำมปรำกฏออกมำให้เห็นอยู่
กลำงอำกำศ
“...”
ห้าแสนพอยต์เหรอ
ผมยืนมองข้อควำมเหล่ำนัน้ ด้วยควำมรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ก่อนทีจ่ ะค่อยๆ หลับตำลงชัว่ ครู่
ห้ำแสนโกลเด้นพอยต์
โกลเด้นพอยต์ที่มอบให้นั้นถือว่ำมำกมำยพอสมควร
สำหรับกำรจับปิศำจได้หนึ่งตน เพรำะฉะนัน้ จึง
หมำยควำมว่ำกำรคำดกำรณ์ของผมถูกต้องหมดทุก
อย่ำง ผมได้คำดกำรณ์ไว้ว่ำ หำกเบลเฟกอร์เป็นผลิตผล
ที่ถูกอัญเชิญเข้ำมำด้วยควำมบังเอิญ เนอร์กัลก็คือว่ำ
เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งในแผนด้วย บำงทีเขำอำจจะอ้ำงอิง
จำกจุดนี้ จึงมอบพอยต์ให้ผมก็ก็ได้
แต่ถึงอย่ำงนัน้ ผมก็ไม่ได้ให้ควำมสนใจอะไรเป็นพิเศษ มี
ครั้งหนึ่งผมเคยได้รบั คะแนนจีพมี ำกมำยจนนับไม่หวำด
ไม่ไหว ไม่รู้วำ่ เพรำะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ จึงทำให้ผมไม่ได้
รู้สึกตกตะลึงกับห้ำแสนโกลเด้นพอยต์เลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้วำ่ นัน่ จะเป็นคะแนนที่มำกมำยเอำเรื่องเลยก็ตำม
ผมหลุดพ้นออกมำจำกป่ำทึบของทุ่งกว้ำงนัน้ ได้โดยไม่
รู้ตัว แล้วจึงเริ่มรูส้ ึกได้ถึงเสียงโหวกเหวกโวยวำยของ
ผู้คนจำนวนมำกอยู่ตรงหน้ำทำงทีก่ ำลังเดินก้ำวเท้ำเข้ำ
ไป
ผมลืมตำขึ้นอีกครั้ง ข้อควำมที่ค้ำงเติ่งอยู่บนกลำง
อำกำศนัน้ ค่อยๆ หำยไป ทันใดนั้น ผมจึงได้เห็นกำรต่อสู้
ปะทะที่ตัวเองได้เดินผ่ำนมำก่อนอยู่ไกลลิบๆ
ไม่สิ ตอนนีค้ งจะเรียกว่ำเป็นกำรต่อสู้อีกต่อไปไม่ได้
แล้ว
ผมมองผู้คนจำนวนมำก พลำงก้ำวเท้ำกลับเข้ำไปอีกครั้ง
หนึ่ง แต่ทว่ำควำมดุเดือดรุนแรงอย่ำงที่เคยรูส้ กึ มำตัง้ แต่
ครำวก่อนนั้น บัดนี้ผมกลับไม่รู้สึกเช่นนัน้ อีกต่อไปแล้ว
ดังนัน้ ผมจึงย่ำเท้ำเดินเข้ำไปต่อเรื่อยๆ เดิน เดิน และ
เดินเข้ำไปยังสถำนที่ที่มผี ู้คนยืนอยู่ และได้เดินผ่ำนผู้คน
เหล่ำนัน้ ไปเฉยๆ
ดวงอำทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่กลำงท้องฟ้ำอันแจ่มใส กำลัง
ส่องแสงเจิดจ้ำลงมำสู่ทงุ่ กว้ำงเบื้องล่ำงให้สกุ สว่ำง
มองเห็นได้อย่ำงชัดเจน
อำกำศดีๆ เช่นนีช้ ่ำงไม่เหมำะกับภำพทิวทัศน์ที่มีแต่ศพ
นอนเกลื่อนกลำดและเลือดไหลเจิง่ นองเลยแม้แต่นิด
เดียว
แสงแดดที่ส่องลงมำนั้นช่ำงเจิดจ้ำเสียเหลือเกิน จนทำ
ให้ผมเริ่มรู้สึกร้อนๆ บริเวณท้ำยทอย และพอผม
ตระหนักได้ถงึ สิ่งนั้น ก็ทำให้รู้วำ่ ตอนนี้ตวั เองกำลังเดิน
อยู่ตรงใจกลำงของทุ่งกว้ำงผืนนี้เสียแล้ว
หลังจำกนั้น ผมจึงค่อยๆ เดินผ่ำนผู้คนไป พลำงกับได้
ยินเสียงจำกใครบำงคน ณ บริเวณนัน้ ดังแว่วเข้ำมำใน
หู
“ซูยอน! ซูยอน! ตอบสิ! ซูยอน!”
“ใครก็ได้ชว่ ยด้วย! ท่ำนนักบวชช่วยมำตรงนีด้ ้วย!”
กลุ่มคนกำลังตำมหำใครสักคนอย่ำงร้อนอกร้อนใจ และ
กลุ่มคนที่กำลังวิงวอนร้องขอควำมช่วยเหลือ
“โชคดีจริงๆ ที่รอดมำได้ โชคดีแล้วนะ พวกเรำรอดตำย
แล้ว!”
“ฮึก ฮือออ...”
กลุ่มคนที่ทั้งโล่งใจ และดีใจที่ตวั เองได้มีชวี ิตอยูต่ ่อ
“พี่! พี่! หลับตำทำไม! ลืมตำสิ ลืมตำ! เอ๋? พี?่ พี่!”
กลุ่มคนที่กำลังคร่ำครวญอยู่ตรงเบื้องหน้ำผู้เล่นที่สิ้นใจ
“ปล่อย! บอกให้ปล่อยไงวะ! ฉันจะฆ่ำแกไอ้พวกสวะ!”
“อดทนหน่อยนะ! อดทนไว้! พวกเรำเป็นเชลยที่ยอมแพ้
แล้วนะ! ตอนนีม้ ันจบลงแล้วไม่ใช่หรือไงเล่ำ!”
“ใครอนุญำตให้แกเป็นเชลยวะ! สงครำมมันยังไม่จบแค่
นี้หรอกเว้ย! ไอ้XX!”
กลุ่มคนที่กำลังเผชิญหน้ำต่อควำมตำย และกลุ่มคนที่
อำรมณ์กำลังเดือดดำล
“ท่ำนพี่! ท่ำนพี่! ไม่จริงใช่ไหม โกหกกันใช่ไหม โธ่โว้ย!
ท่ำนพี่!”
และกลุ่มคนที่กำลังโศกเศร้ำกับกำรจำกไปของคนรู้จกั ...
เอ๋?
ผมรู้สึงคุ้นเคยกับเสียงๆ หนึ่งที่ดังแว่วเข้ำมำในหูอย่ำง
ประหลำด จึงได้เผลอหยุดกำรเคลื่อนไหวไปโดยไม่รู้ตวั
แล้วจึงค่อยๆ หันหน้ำไปมอง จึงพบว่ำมีผู้คนหลำยสิบ
คนกำลังรวมตัวกันอยู่ ณ จุดใดจุดหนึง่ บนหน้ำอกของ
พวกเขำเหล่ำนัน้ ส่วนใหญ่แล้วมีลวดลำยที่แสดงให้เห็น
ว่ำเป็นสมำชิกเผ่ำโครยอปรำกฏอยูด่ ้วย
“โธ่เว้ย! ไหนว่ำสัญญำกันแล้วไงครับ สัญญำกันแล้ว
ไม่ใช่เหรอ ว่ำจะอยู่ด้วยกันจนนำทีสุดท้ำย! มะ...ไม่...
ต้องไม่ใช่ตอนนี้สิ นักบวชตรงนั้นน่ะ มัวทำอะไรอยู่! รีบ
มำร่ำยเวทรักษำเร็วเข้ำ!
“ผู้เล่นโจซองโฮ! แคลนลอร์ดโครยอเสียชีวิตแล้วครับ
ขอแสดงควำมเสียใจต่อกำรจำกไปครั้งนี้ด้วย ก่อนอืน่
ผมต้องขอให้คุณทำใจให้สงบ...”
ณ วินำทีที่ได้ยนิ ประโยคนัน้ ผมรู้สึกว่ำมีอะไรบำงอย่ำง
กำลังพุ่งเข้ำมำเตือนสติอยู่น้อยๆ
แคลนลอร์ดโครยอเสียชีวิต?
ถ้ำอย่ำงนั้นแล้วก็คงเสียชีวิตเหมือนครำวรอบที่แรก
กระมัง
…ผมไม่รู้วำ่ เขำตำยได้อย่ำงไร ถึงอย่ำงนัน้ เขำก็ไม่ได้ตำย
อย่ำงเสียเปล่ำ เพรำะคงได้รบั กำรประเมินดีๆ ต่อไปใน
ภำยหลัง ผมคิดได้เช่นนั้น
ผมถอนหำยใจเบำๆ ก่อนที่จะเดินผ่ำนผู้คนที่กำลัง
ร้องไห้คร่ำครวญไป
ยิ่งผ่ำนเลยไปเท่ำไหร่ ผมยิ่งรูส้ ึกได้ว่ำเสียงอันดังลั่นทั่ว
อำณำบริเวณก็ค่อยๆ ทุเลำลงไปมำกขึ้นเท่ำนั้น
และแล้วผมก็ได้มำถึงสถำนที่ต่อมำ นัน่ ก็คือ ทีท่ ี่ได้เจอ
กันเมื่อตอนช่วยเหลือพวกเด็กๆ ทั้งหลำยนั่นเอง
สถำนที่ที่อันซลได้บรรลุกำรตื่นรู้ และสถำนที่ที่ชินซังยง
ได้ลำจำกโลกใบนี้ไป
ไม่มีใครยืนอยู่ ณ ที่แห่งนัน้ เลยแม้แต่คนเดียว หลงเหลือ
เพียงแค่ศพหลำยศพ และร่องรอยต่ำงๆ ก็เท่ำนั้น ดู
เหมือนโกยอนจูจะทำตำมคำสั่งของผมเป็นอย่ำงดี
“...”
รอยเลือดที่เลอะเลือนเปรอะเปื้อนไปทัว่ อยู่ตรงหน้ำนี้ คง
จะมีเลือดของชินซังยงผสมปนเปอยู่ด้วย ผมทอดสำยตำ
จ้องมองไปยัง ณ ที่แห่งนั้นสักพักหนึ่ง ก่อนทีจ่ ะเริ่มเดิน
เข้ำไปอีกครัง้
หลังจำกนั้น สมรภูมิรบที่เคยเงียบสงัด พอยิง่ สำวเท้ำ
ก้ำวเข้ำไปเรื่อยๆ เท่ำไหร่ ก็กลับได้ยนิ เสียงดังเจี๊ยวจ๊ำว
ดังลั่นเข้ำมำในหู
ตึก ตึก ตึก
จังหวะกำรก้ำวย่ำงยังคงเชื่องช้ำเหมือนเดิม ผมก้ำวเท้ำ
ช้ำมำก รำวกับคนไม่มแี รง ช้ำจนแทบคิดไม่ถงึ เลยว่ำจะ
เป็นคนๆ เดียวกันกับทีว่ ิ่งเร็วฉิวในสงครำมเมือ่ ครูน่ ี้
เหมือนเดินไปเรื่อยๆ อย่ำงไร้จุดหมำยเลยมั้ง
ผมเดินข้ำมทุ่งกว้ำงผืนนั้นไปเท่ำไหร่แล้วนะ
จำกที่ตอนแรกผมเห็นอยู่ไกลๆ ตอนนี้กลับได้เห็นเหล่ำผู้
เล่นกำลังยืนรวมตัวกันอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งเข้ำเสียที และ
ณ วินำทีนั้น ผมจึงได้หยุดกำรเคลื่อนไหวไปโดยไม่รู้ตวั
เหล่ำผู้เล่นที่เห็นคือ สมำชิกเผ่ำเมอร์เซนต์นนี่ นั่ เอง
ในตอนแรก ผมเองก็ไม่รู้เช่นกันว่ำทำไมตัวเองถึงเดินช้ำ
แต่แล้วพอได้เห็นสมำชิกเผ่ำทั้งหลำย ควำมคิดหนึ่งก็ผุด
ขึ้นมำในหัวทันที และแล้วผมจึงได้พบกับคำตอบของ
คำถำมนั้นในที่สดุ
เมื่อสมัยก่อน ตอนที่เผ่ำเมอร์เซนต์นำรี่อยู่ในช่วงเพิง่
เริ่มต้นนัน้ จำได้วำ่ พอเรำเสร็จสิ้นกำรออกสำรวจและ
เดินทำงกลับกันนั้น เรำได้พบกับผู้เล่นกลุ่มหนึ่ง พวกเขำ
ก็เพิง่ เสร็จสิน้ ภำรกิจกำรออกสำรวจ และกำลังเดินทำง
กลับด้วยเช่นกัน พวกเรำต่ำงดีอกดีใจกันมำก เพรำะกำร
ออกสำรวจในครั้งนั้นประสบควำมสำเร็จด้วยดี แต่แล้ว
กลับจำได้ว่ำอีกเผ่ำบรรยำกำศเศร้ำสลด ซึ่งต่ำงจำก
อำรมณ์ของเผ่ำเรำโดยสิ้นเชิง เหตุผลช่ำงง่ำยแสนง่ำย
เพรำะภำรกิจกำรออกสำรวจก็ทำได้ไม่สำเร็จ และยัง
ต้องสูญเสียสหำยร่วมเดินทำงไปอีกด้วย
ตอนนัน้ พวกเด็กๆ ถึงกับหยุดคุยโม้โอ้อวด และทำได้แต่
เฝ้ำมองพวกเขำเหล่ำนัน้ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่ำพวก
เด็กๆ กำลังคิดอะไรอยู่ในหัว พลำงให้คำมัน่ สัญญำกับ
ตัวเองไว้ด้วย ว่ำอย่ำงไรก็ต้องทำให้สำเร็จจงได้
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมำพบเจอกับเรื่องรำวแบบนัน้ จะต้อง
ทำทุกสิ่งทุกอย่ำงเพื่อไม่ให้เผ่ำเมอร์เซนต์นำรีต่ กอยู่ใน
บรรยำกำศแห่งควำมเศร้ำโศกเช่นนัน้
แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่ำ หำกมองในมุม
ของตัวเอง จะเห็นได้ว่ำผมได้บรรลุเป้ำหมำยสำเร็จ
หมดแล้ว แต่หำกมองในมุมมองของเผ่ำ... สมำชิกเผ่ำ
ทุกคนกลับต้องตกอยูใ่ นอันตรำย ซ้ำร้ำยยังต้องสูญเสีย
คนไปหนึง่ คนอีกด้วย
เมื่อครั้งที่คัดเลือกบุคคลที่เหมำะสมสำหรับไปสู้ศึกใน
สงครำม ชินซังยงได้ถกู ละเว้นไป ซึง่ ผมได้รบั กำรร้องขอ
เป็นกำรส่วนตัว เขำจึงสำมำรถเข้ำร่วมสงครำมครัง้ นี้ได้
แต่สิ่งที่ผมได้ตัดสินใจลงไปนั้น ทำให้รู้ว่ำตัวเองเลือกผิด
มหันต์ ผิดที่ยอมให้เขำเข้ำสงครำม ผิดจนไม่มคี ำใดจะ
แก้ตัว
น่าจะมาคนเดียวเสียตั้งแต่แรก
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 35
_______________________________________
ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นมา ในขณะที่ตัวผมกาลังยืน
แน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่เช่นนัน้ ตอนนี้สายตากาลังจด
จ้องไปที่สมาชิกเผ่า
ไม่รู้วา่ เพราะประสิทธิภาพจากปาฏิหาริย์ของอันซลหรือ
ไม่ จึงทาให้ทุกคนดูปลอดภัยดี ยกเว้นชินซังยงเพียงผู้
เดียว ผมเห็นเช่นนัน้ จึงรู้สึกเบาใจ ในขณะที่เกิดความ
กังวลขึน้ มาด้วย ความรู้สึกดังกล่าวนัน้ ไม่ได้ปะทุขึ้นมา
โดยตรง หากแต่คอยไหลเวียนวนในช่วงเผลอใจลอย แต่
ผมก็ยังรู้ดีวา่ ความรู้สึกที่ว่าเป็นเช่นไร
ผมคิดว่าอย่างไรก็จะต้องเดินไปต่อ จึงได้เริ่มยกเท้า
เตรียมก้าวออกไป แต่สดุ ท้ายกลับทรุดตัวลงสู่ผนื ดิน
เบื้องล่างอีกครั้ง และในช่วงที่ผมกาลังกัดปาก และเท้า
ยังไม่ทันแตะพืน้ ดีนนั้ เอง
“ซูฮยอน!”
…?
“ซูฮยอน! ซูฮยอน!”
จู่ๆ ก็ได้ยนิ เสียงหนึ่งดังขึ้นมากะทันหัน ผมจึงรีบหันไป
หาต้นเสียง แล้วก็ได้พบกับเงาของใครคนหนึ่งทีก่ าลังวิ่ง
ฉิวออกมาจากที่ๆ หนึ่ง พอผมได้เห็นเงานัน้ ชัดๆ จึงได้
ออกอาการจิป๊ ากเล็กน้อย
พี่ชายกาลังวิ่งมาหา
“ซูฮยอน! นาย...! เอ๋...?”
พี่วิ่งเข้ามาประชิดตัวผมในที่สุด และในวินาทีที่เราได้
สบตากันนัน้ เขาจึงเกิดการชะงักไปเล็กน้อย
“นาย...ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรอะไรล่ะ”
ผมถามกลับไป
ถึงคาพูดที่พูดออกไปจะดูไม่มีความหมายอะไร แต่หาก
ลองแยกแยะดูดีๆ แล้ว จะรู้ได้ว่าผมไม่เป็นไรเสียที่ไหน
กันล่ะ ผมไม่ได้รสู้ ึก ‘ขุน่ เคืองใจ’ แต่อย่างใด เพราะ
ตอนนีร้ ่างกายรูส้ ึกเหนือ่ ยล้าเหลือเกิน พออีกฝ่ายรับรูไ้ ด้
ถึงสิ่งนัน้ แววตาเขาจึงเกิดการไหววูบไปเสี้ยววินาที
“เอ่อ...”
“ซูฮยอน!”
ตึก
จู่ๆ ก็หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ตรงเกือบใจกลางของผืนดิน
พอผมหันหน้าไปมอง ก็พบเข้ากับพีช่ ายของตัวเอง ดูท่า
แล้วเขาคงเห็นผมล้มตัวลง จึงได้วิ่งเข้ามาหวังจะ
ประคองร่างผมไว้
“ตอนนีน้ าย...”
แล้วพีช่ ายจึงเปิดปากพูดในที่สุด แต่พอเขาเห็นหน้าผม
แล้ว ก็รีบปิดปากฉับลงอีกครั้ง จริงๆ แล้วเขาตัง้ ใจจะ
พูดว่าอะไรกันนะ
ในตอนนัน้ เอง
“ซูฮยอน!”
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
คงเป็นเพราะพี่ชายผมพูดเสียงดังมาก จึงทาให้สมาชิก
เผ่าที่ยืนหันหลังอยู่ ถึงกับเริ่มหันมามองช้าๆ ผมหลับตา
ครู่หนึ่ง ก่อนทีจ่ ะออกแรงยืนขึน้ อีกครั้ง
จู่ๆ ก็เกิดอวดเก่งอะไรไม่เข้าท่าขึน้ มาเสียได้ หากผม
หมดสติในตอนนี้ เห็นทีคงจะเซ็งเต็มแก่ และเหนือสิ่งอืน่
ใด ผมไม่ชอบเห็นตัวเองอ่อนแอเอาเสียเลย
“...”
พี่ชายผมไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย ซึง่ ผิดคาดเป็น
อย่างมาก เพียงแต่เข้ามาประคองผมอย่างเดียวเท่านั้น
เขาปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา พลางช่วยผมประคองตัว
เดิน
จนในที่สุด ระยะห่างระหว่างผมกับสมาชิกเผ่าก็ได้ใกล้
เข้ามาเรื่อยๆ ผมเห็นมีไม่กี่คนที่วิ่งเข้ามาหา แต่แล้ว
กลับได้ยกมือห้ามเขาไม่ให้วิ่งเข้ามา เป็นสัญญาณบ่ง
บอกว่าให้พวกเขาอยู่เฉยๆ เท่านั้นก็พอ
ยิ่งระยะทางร่นเข้ามามากขึน้ เท่าใด ความเศร้าเสียใจก็
ยิ่งฉายให้เห็นชัดมากขึน้ เท่านั้น สังเกตได้จากใบหน้า
ของสมาชิกเผ่าทั้งแปดคน
จานวนของสมาชิกเผ่าที่เหลืออยู่นนั้ มีอยู่แปดคน สี่คน
กาลังฟุบตัว ไม่กน็ อนคว่าอยู่ล้อมรอบชินซังยง ส่วนอีกสี่
คนที่เหลือก็กาลังยืนนิ่งเงียบ ดูริบหรี่ไร้ซงึ่ ความหวังเป็น
อย่างมาก
“ฮึก ฮือ...ฮือ... พีค่ รับ เพราะผม เพราะผม พี่ซงั ยงก็
เลย...”
ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้น ดูท่าว่าอันฮยอนจะอาการ
หนักสุด เจ้านั่นถึงกับทิง้ อุปกรณ์ทกุ ชิน้ ของตัวเอง และ
ได้แต่ฟบุ หน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
ข้างๆ กันนัน้ คือ อันซลกับอียูจองที่กาลังนัง่ ทรุดตัวลง
อย่างไร้เรีย่ วแรงเหมือนคนสติหลุด บริเวณแก้มของคน
ทั้งสองมีแต่รอยคราบน้าตา ดูแล้วคงจะผ่านการร้องไห้
มาอย่างหนัก
และสุดท้ายก็ได้เห็นวิเวียนที่นงั่ เหมือนคนอ่อนแรง
หล่อนไม่เหลียวตามองหลังเลย แม้ผมจะเดินมาถึงแล้วก็
ตาม หล่อนได้แต่จ้องมองชินซังยงอยู่อย่างเงียบๆ
“ซู ซูฮยอน?”
จู่ๆ ผมก็ได้ยนิ เสียงใครบางคนร้องเรียกผมดังขึน้ แต่
แล้วผมก็ผ่านเลยไป หาได้สนใจไม่ และในวินาทีที่ผม
กาลังจะแทรกตัวเข้าไปเพื่อสารวจร่างชินซังยงโดย
ละเอียดนัน่ เอง
ทันใดนั้น วิเวียนก็หนั มามองผมในที่สุด หยาดน้าตาไหล
รินลงมาจากดวงตาคู่สวยของหล่อน
“คิมซูฮยอน”
“...”
“ชินซังยงตายแล้ว”
“...”
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป และได้ก้มมองชินซังยง ริม
ฝีปากของเขายังคงยกยิม้ น้อยๆ รอยยิ้มยังคงดูผ่อน
คลายเหมือนคราวก่อนไม่มีผิด
“เขาเป็นลูกศิษย์คนแรกของฉัน แต่... ฉันไม่นกึ เลยว่า
เราจะต้องมาจากกันแบบนี้....”
“...”
“ฉัน...ไม่ชอบอะไรแบบนี้เอาซะเลย...”
ประโยคสุดท้ายจากวิเวียนที่พดู ไปร่าไห้ไปถูกเปล่ง
ออกมา และประโยคเหล่านัน้ ได้จมดิง่ ลงในดวงจิตของ
ผม
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สถานการณ์เช่นนี้ผมต้องพูด
อะไร และแบบไหนออกไปกัน?
“...”
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบชัว่ ครู่หนึง่
ในตอนนัน้
“ฉันรู้วิธีทจี่ ะทาให้เขากลับมามีชวี ิตได้อกี ครั้งหนึ่ง”
เสียงอันแสนแผ่วเบาดังแว่วเข้ามาในหู ทุกคนที่ได้ยินคา
นั้น จึงพร้อมใจรีบหันหน้าไปมองต้นเสียงในทันที
และในจุดที่สมาชิกเผ่าทุกคนต่างกาลังจดจ้องอยู่ นัน่ ก็
คือที่ที่คิมฮันบยอลยืนอยู่นนั่ เอง
“ฉันรู้มาว่าทีร่ ้านค้าสาหรับผู้เล่น มีรายการของที่ชื่อว่า
ความปราถนาอยู่ มันต้องใช้คะแนนโกลเด้นพอยต์เยอะ
มาก แต่ก็สามารถช่วยให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
หนึ่ง....”
“คิมฮัน...!”
“วะ...ว่าไงนะ?”
“เรื่องจริงเหรอ”
อันฮยอนและอียจู องรีบปรี่เข้ามาหาคิมฮันบยอลอย่าง
รวดเร็ว โดยคิมฮันบยอลได้ตอบกลับไปว่า ‘เป็นเพียงแค่
เรื่องเล่าที่ได้ยนิ มาเท่านัน้ บางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้’ ผมได้
แต่ยืนขบฟันแน่น
แต่คาตอบของคิมฮันบยอลคงยังไม่ได้ข้อมูลมาก
เพียงพอ อันฮยอนจึงได้วิ่งเข้ามาหาผมทันที
“พี่! พี่! จริงใช่ไหมครับ มีความปราถนาอยู่จริงๆ ใช่ไหม
ครับ”
“...”
ผมหลับตาโดยอัตโนมัติ ความทรงจาที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา
ทาให้ภายในหัวตีกนั อย่างยุ่งเหยิง แต่สดุ ท้ายก็สามารถ
ค้นหาคาตอบได้อย่างหวุดหวิด
“พอก่อนเถอะ”
“พี่! ถ้าเราสะสมคะแนนโกลเด้นพอยต์แล้วเราจะช่วยให้
พี่ซังยงให้ฟนื้ กลับมาได้ใช่ไหมครับ ว่าไงครับ”
แม้จะบอกให้เลิกพูดเรื่องนี้ แต่อนั ฮยอนก็ยังคงตื๊อเอา
เป็นเอาตาย
ผมจึงจับลาคอที่สนั่ เทาของตนเองพลางเอ่ยปากพูด
“ฮยอน”
ทันทีที่ผมเรียกชื่อเขาไป อันฮยอนจึงเกิดอาการผงะ
ทันที
“ขอร้อง...ขอร้องล่ะ หยุดทีเถอะ เรื่องนั้น...ไว้ค่อยว่ากัน
ทีหลัง”
“พี่! อ๊ะ...พี่...?”
ผมไม่ตอบอะไรกลับไปอีก และรีบหันหน้าไปทันที แต่ใน
ตอนนัน้ ผมได้เห็นเปลวไฟที่กาลังปะทุอยู่ในแววตาของ
อันฮยอนที่จ้องมองผมมา
และไม่ใช่เพียงแค่อันฮยอนคนเดียวเท่านัน้ สมาชิกเผ่าที่
คอยเฝ้าดูมาตัง้ แต่ผมเจอพี่ชาย ต่างก็จ้องมองมาทางผม
ด้วยสายตาที่ทั้งกังวลและตกใจในคราวเดียวกัน
และในตอนนัน้ เองที่ผมได้เห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของตัวเอง
เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ตัวของผมอาบย้อม
ไปด้วยสีแดงเลือด จนแทบมองไม่เห็นสีเนื้อหนังเลย
แม้แต่จุดเดียว
ผมถอดเสื้อนอกออกด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่เสื้อนอกกลับ
อยู่ในสภาพยับเยินไม่ตา่ งกัน เป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
บริเวณหลังก็ขาดวิ่น ไม่น่ามองเอาเสียเลย ผมจึงใช้มนั ถู
หน้าตัวเองแรงๆ ครั้งเดียวคงจะไม่พอ จึงได้ถูเพิ่มอีก
สองครั้ง สามครั้ง ในตอนนัน้ จึงได้รู้สึกว่าตรงหน้าตัวเอง
พลันดูสดใสมากขึน้ เล็กน้อย
ตั้งสติหน่อยสิ คิมซูฮยอน!
เมื่อในใจค่อยรู้สึกผ่อนคลายลง ผมจึงได้เค้นเสียงออกมา
พูดอีกครัง้
“ผู้เล่นโกยอนจู”
“คะ ค่ะ!”
“ขอให้คุณจัดการศพของผู้เล่นชินซังยงตอนนีเ้ ลยครับ
ส่วนผมจะเข้าไปจัดการสนามรบเองครับ”
“รับทราบค่ะ”
หลังจากนั้น ผมจึงชายตามองดูพชี่ าย พีย่ ังคงจ้องมอง
ผมอย่างนิ่งๆ ผมมองเขากลับไป และความทรงจา
บางอย่างก็ได้ผุดขึ้นมา
ชินซังยง? ความปรารถนา?
สามารถฟืน้ ขึน้ มาได้อีกครั้ง
สุดท้ายแล้ว การช่วยให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึง่ นัน้
จะเป็นการเลือกที่ตัดสินใจถูกต้องหรือไม่?
ในภายภาคหน้า ก็คงจะ...
ไม่สิ ไม่ใช่คงจะ
สาเหตุที่ผมกลับมานัน้ ไม่ใช่เพื่ออยูด่ ีมีสขุ ที่ฮอลล์เพลน
แต่อย่างใด ผมกลับมาเพื่อพาพีช่ ายกับฮันโซยองกลับไป
ยังโลกมนุษย์ให้ได้ ‘อย่างปลอดภัย’ เท่านัน้ และนั่นคือ
อนาคตที่ผมได้คดิ วางแผน และตั้งใจจะทาให้สาเร็จจง
ได้
แต่ว่า
เมื่อช่วงเวลานั้นเดินทางมาถึง สุดท้ายแล้ว การช่วยให้
ชินซังยงกลับมามีชีวติ อีกครั้งหนึง่ นัน้ จะถือว่าเป็นการ
เลือกที่ถกู ต้องหรือไม่กนั เล่า?
ผมไม่สามารถหาคาตอบของคาถามข้อนี้ได้เลย
เพราะ...
แม้จะช่วยกูช้ ีวิตผู้เล่นทีเ่ สียชีวิตไปแล้วครั้งหนึง่ ได้ขนึ้ มา
อย่างไร แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถกลับไปยังโลก
มนุษย์ได้อยู่ดี
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 36
_______________________________________
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
ในที่สุด เซราฟทีป่ ิดปากเงียบสนิทมาสักระยะ จึงได้เริ่ม
เอื้อนเอ่ยออกมาอีกครั้ง ผมได้แต่ข่มความรู้สึกคับอกคับ
ใจบางอย่างเอาไว้ พลางคิดว่าตอนนีค้ งถึงจุดสิน้ สุดกัน
เสียที จึงได้เฝ้ารอคาพูดต่อมาของหล่อนอย่างเงียบๆ
เซราฟรอเวลาที่เหมาะสมกว่าจะได้พูดประโยคถัดมาสัก
ระยะหนึ่ง และแล้วจึงได้พูดออกมาด้วยน้าเสียง
ราบเรียบ
“ข้าไม่รวู้ ่าจะต้องเรียนให้ท่านทราบอย่างไร แต่...จะขอ
อธิบายก่อนก็แล้วกันค่ะ ผู้เล่นที่ถกู อัญเชิญมายังฮอลล์
เพลนนัน้ ถือเป็นสิง่ มีชวี ิต ผู้มีเนื้อแท้และจิตใจมั่นคง
แน่วแน่ และสามารถจาแนกดวงวิญญาณที่ลาลับโลกไป
ได้ หรือท่านจะมองว่าเป็นของแท้ดั้งเดิมก็ได้คะ่ ”
และคาตอบที่เซราฟพูดออกมานั้น ช่างสวนทางกับสิ่งที่
ผมปราถนาอยากจะให้ตอบโดยสิ้นเชิง ณ วินาทีนั้น ผม
รู้สึกได้ถึงความคับอกคับใจที่รู้สกึ มาตั้งแต่แรกๆ ค่อยๆ
ขยายตัวขึ้นช้าๆ กระนัน้ หล่อนก็ยังคงพูดต่อไป
“เนื้อแท้แห่งดวงวิญญาณนัน้ สามารถนิยามได้ตามแต่
ละความสงบของบุคคล เพราะฉะนัน้ การช่วยให้ผู้เล่นที่
เสียชีวิตไปแล้ว กลับมาฟื้นคืนชีพใหม่อกี ครั้งหนึ่งนั้น...
ไม่ใช่การฟืน้ คืนสู่เนื้อแท้ หรือไม่ใช่การก่อร่างสร้าง
วิญญาณขึน้ มาใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นการถือกาเนิด
เกิดใหม่อกี ครั้งค่ะ”
“เซราฟ คุณกาลังพูดเรือ่ งอะไรอยู่”
ไม่รู้วา่ ผมเผลอตัวหายใจแรงไปหรือไม่ น้าเสียงของอีก
ฝ่ายจึงได้สูงปรีด๊ ขึน้
เซราฟนิง่ ไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดสรุปออกมาโดยไม่ลังเล
เลยแม้แต่น้อย
“เนื้อแท้ของผู้เล่นตอนก่อนเสียชีวิตนั้น ถือว่ามี
คุณสมบัติเป็นพลเมืองโลก แต่พอเสียชีวิต ณ ที่ฮอลล์เพ
ลนแห่งนี้ เนื้อแท้ของผู้เล่นที่ได้คนื ชีพขึน้ มาครัง้ หนึ่งนั้น
จะไม่ใช่พลเมืองโลกอีกต่อไป แต่จะถือว่าเป็นเพียง
ชาวเมืองเท่านัน้ ค่ะ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ทัง้ สองสิ่งคือ
คุณสมบัติที่ไม่สามารถผสมผสานกลมกลืนกันได้ค่ะ”
“...”
“มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงค่ะ และด้วยความต่างนี้ จึง
ทาให้ไม่สามารถผนวกรวมกันได้ เหล่าผู้เล่นทีผ่ ู้เล่นคิม
ซูฮยอนเอ่ยถึงนัน้ คือ เหล่าผู้เล่นที่เสียชีวิต ณ ฮอลล์
ลน เพราะฉะนัน้ ข้าขอเรียนให้ท่านทราบว่า การที่ท่าน
ร้องขอให้ฟนื้ คืนชีวิตของพวกเขาเหล่านัน้ เป็นเรื่องที่ไม่
สามารถทาได้ค่ะ”
วินาทีที่ได้ยินคาสรุปเหล่านัน้ ในหัวผมจึงรู้สกึ โล่งโปร่ง
ไร้ซึ่งสิ่งใด หัวที่เอาแต่คิดฟุง้ ซ่าน มีแต่เรื่องนัน้ เรื่องนี้อยู่
เต็มไปหมด บัดนี้กลับมลายหายไปจนหมดสิน้ เหมือนมี
ค้อนใหญ่มาทุบเข้าที่ศรี ษะ
เมื่อครั้งได้ยนิ เรื่องนี้จากปากของแอสทารอธ เรื่องนี้แทบ
จะหาความจริงไม่ได้เลย เพราะมันไม่แน่นอนเลยสักนิด
แต่บัดนี้มันกลับกลายมาเป็นความจริงเสียแล้ว
“...ว่าไงนะ”
ในใจผมรูส้ ึกกังวล เริม่ มีอะไรบางอย่างกาลังเต้นตึกตัก
อยู่ข้างในอย่างบอกไม่ถกู
ในห้วงความสับสนเช่นนั้น ผมไม่ยอมรับความจริงเลย
สักนิด ไม่สิ ไม่ยอมรับคาพูดของเซราฟต่างหาก
ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่สิ แม้สิ่งที่หล่อนพูดจะถูกต้อง แต่สุดท้าย
แล้วมันจะไม่มวี ิธีอื่นเลยหรือไงกัน
ในห้วงอารมณ์ที่กาลังตีวุ่นวายกันไปมา ผมได้คว้าฟาง
แห่งความหวังเส้นสุดท้ายไว้อย่างแน่นหนา และก็ได้
ถามอีกฝ่ายออกไปด้วยน้าเสียงสัน่ พร่า
“ผมฟังผิดไปใช่ไหม”
“ขอเรียนให้ท่านทราบล่วงหน้านะคะ... ไม่ใช่ไม่ทา แต่
ทาไม่ได้ค่ะ”
“ไม่ พะ พูดอีกครัง้ สิ ไม่จริงใช่ไหม ผมฟังผิดไปเองใช่
ไหม”
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน...”
ทันใดนั้น เซราฟจึงค่อยๆ ลืมตาขึน้ มาอีกครั้ง แล้วมอง
ตรงมาที่ผม นัยน์ตาสีเขียวอ่อนดูเย็นยะเยือกและสุขุม
นุ่มลึกเหมือนอย่างเคย ในอกของผมเริ่มค่อยๆ บิดเบี้ยว
ไปทีละน้อย สายตาเช่นนั้นของหล่อนกาลังสื่อสาร
ออกมาว่า ‘ไม่ใช่เหตุที่นายต้องรู้’
ผมได้แต่ข่มความรู้สกึ ในใจที่กาลังจะระเบิดออกมาในไม่
ช้านี้ไว้ พร้อมกับค่อยๆ ปริปากพูดออกมา
ไม่สิ ในช่วงที่กาลังจะเปิดปากพูดออกมานัน้ เอง
“ผู้เล่นคิมซูฮยอนเข้าใจคาพูดของข้าแล้วนะคะ”
“คุณ...”
“ก่อนอื่น ข้าอยากจะเรียนให้ท่านสงบจิตสงบใจไว้
เสียก่อน สภาพจิตใจของผู้เล่นคิมซูฮยอน ณ ปัจจุบันนี้
กาลังอยู่ในสภาวะว้าวุน่ กระสับกระส่าย วางใจให้นงิ่
เฉยไม่ได้ ท่านควรจะทาความเข้าใจตามสิ่งทีข่ า้ ได้เรียน
ให้ทราบ แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ยอมรับสิ่งเหล่านั้น
เสียเลย...”
“ผมฟังผิดไปใช่ไหม”
เซราฟกาลังจะพูดประโยคสาคัญ แต่ผมก็ได้ตะโกนเสียง
ดังออกไป ก่อนที่หล่อนจะพูดจบเสียอีก
เซราฟจึงรีบปิดปากฉับ
ผมรู้สึกได้ว่าจู่ๆ คอก็แห้งผากขึน้ มาอย่างกะทันหัน ผม
ค่อยๆ ผ่อนปรนลมหายใจช้าๆ หลังจากนั้นจึงยื่น
ลูกแก้วซีโร่โค้ดในมือออกไปด้านหน้า
“คุณพูดอะไรของคุณ ผมไม่ได้จะใช้โกลเด้นพอยต์เสีย
หน่อย ไม่ได้พูดถึงเรื่องความปราถนาอะไรนั่นด้วย ผม
กาลังพูดถึงซีโร่โค้ดอยู่ เจ้าซีโร่โค้ดที่เปีย่ มไปพลังและ
ความสามารถรอบด้านนี้ต่างหาก”
“...”
“เซราฟ? ว่าไง?”
ปกติแล้ว ผมไม่เคยถึงขัน้ วิงวอนขอร้องให้ใครเห็นมา
ก่อน แต่ตอนนี้ผมกาลังอ้อนวอนต่อเซราฟ ไม่วา่ ใครจะ
ว่าอย่างไรก็ชา่ ง ตอนนีไ้ ม่ใช่เวลาทีจ่ ะต้องมาหยิ่งใน
ศักดิศ์ รี
ตอนนีเ้ ข้าสู่ชว่ งท้ายแล้ว และในท้ายที่สุด สิ่งทีผ่ มหวัง
ไว้ก็ใกล้สาเร็จอยูร่ อมร่อ ความปรารถนาในครัง้ นี้ ผมจะ
ไม่มีวนั ลืมมันเลย
ทว่าเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านัน้ ที่ทาให้ความตั้งใจของผม
ได้หยุดชะงักไป
ผมจ้องไปยังเซราฟด้วยความรู้สกึ ร้อนรุ่มอยู่ในอก
แต่
“...”
“เซราฟ!”
เซราฟก็ยังไม่ยอมตอบอะไรกลับมา หล่อนได้แต่จ้องมอง
ผมอย่างเย็นชาเช่นเดิม
ฉันยอมรับไม่ได้
โอเค แม้ผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เซราฟพูด แต่อย่างไรผม
ก็ไม่สามารถยอมรับกับความจริงเหล่านัน้ ได้ เพราะ
วินาทีทคี่ าพูดของหล่อนได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความจริง
นั่น...
มันช่างเหมือนกับด้ายเส้นเล็กๆ ที่ผมพยายามยื้อมา
ตลอด แต่สุดท้ายมันกลับขาดไป จนแทบไม่มชี นิ้ ดี
ผมพยายามแล้ว พยายามเล่าทีจ่ ะทาให้ตวั เองสุขุมให้ได้
มากที่สุด พลางพูดออกไปด้วยน้าเสียงสงบเสงีย่ ม
“ถ้างั้นต้องทายังไงล่ะ ต้องทาอะไรอีก ถึงจะยอมให้คา
ขอร้องของผมกลายเป็นจริงกับเขาได้บา้ ง ตอนนี้ผมต้อง
ค้นหาเฟิร์สโค้ดใช่ไหม”
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
“โอเค พูดมา ผมจะตั้งใจฟัง”
“เฮ้อ...”
เซราฟถอนหายใจอยู่สกั พัก แล้วจึงค่อยๆ เผยอริม
ฝีปาก เปล่งคาพูดออกมาว่า
“คิมยูฮยอนกับฮันโซยองที่ท่านเอ่ยถึงเมื่อสักครู่ ผู้เล่น
ทั้งสองคนนีไ้ ด้เสียชีวติ ลงแล้วเรียบร้อย โดยสามารถใช้
ทุกกลวิธใี ดก็ได้ ในการให้พวกเขาฟื้นคืนชีพค่ะ จะใช้ซี
โร่โค้ดก็ได้ หรือจะใช้ความปรารถนาผ่านโกลเด้นพอยต์
ที่ท่านครอบครองก็ย่อมได้เช่นกันค่ะ แต่...”
“แต่? แต่อะไรอีก?”
“...ไม่ว่าจะมองอย่างไร การใช้ซีโร่โค้ดก็คือ การใช้
แลกเปลี่ยนต่อความปรารถนาระดับสูงๆ อยู่ดคี ่ะ
เพราะฉะนัน้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนเดิมอยู่วนั ยังค่า อย่างที่
ข้าได้เรียนให้ทราบเมื่อครูค่ ่ะ ในกรณีที่ผู้เล่น ผูซ้ ึ่ง
เสียชีวิตไปแล้วหนึ่งครัง้ พอกลับมามีชวี ิตได้ดงั่ เดิม
อย่างไรก็จะถูกจัดให้เป็นเพียงชาวเมืองค่ะ ไม่ว่าจะใช้ซี
โร่โค้ด หรือความปรารถนา สุดท้ายต้นตอปัญหาเดิมก็
จะยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ”
ผมลองตั้งใจฟังอย่างเงียบเชียบแล้ว แต่เนื้อความที่
หล่อนพูดก็เหมือนเดิมกับเมื่อครูน่ ี้เลย การที่เซราฟพูด
ออกมาว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี
ประโยคนี้ แทบไม่ต่างอะไรไปจากคาพิพากษาประหาร
ชีวิตผมเลย
แขนที่ได้ยนื่ เหยียดออกไปข้างหน้า บัดนี้กลับอ่อนแรง
เซราฟคงจะเห็นท่าทีของผมเช่นนัน้ จึงได้พูดต่อเนื่อง
ออกมาทันที
“ผู้เล่นคิมซูฮยอนยังไม่เคยเสียชีวติ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะฉะนัน้ จึงไม่มีปญ ั หาอะไรค่ะ หากท่านจะหวนคืน
กลับสู่โลกมนุษย์”
“งั้น...ผมต้องกลับไปคนเดียวทั้งอย่างนี้น่ะหรือ...?”
“...ความทรงจาแห่งฮอลล์เพลนจะไม่มีให้หวนคิดถึง
ต่อไปค่ะ แต่เหล่าผู้เล่นก็ยังคงจะมีชวี ิต และดาเนินชีวิต
ต่อไปบนโลกมนุษย์เหมือนเดิมค่ะ คนเหล่านั้นถูกเรียกว่า
เป็นมนุษย์โคลนนิ่งค่ะ...”
ในตอนนัน้
ณ วินาทีนั้น ผมรู้สกึ ได้ว่าจิตใจภายในทีพ่ ยายามข่มแล้ว
ข่มเล่ามาตลอดจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ได้แตกกระจายไม่
เหลือซากในชั่วพริบตา
ฟึ่บ!
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน?”
เซราฟเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ด้วยน้าเสียงที่แฝง
ไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
ผมตั้งสติ แล้วจึงได้เห็นว่าตัวเองชักดาบ เล็งเป้าไปยัง
เซราฟที่ยนื ประจันอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนผมจะยอมรับ
กับเรื่องราวเช่นนั้นไม่ได้ จึงได้ชกั ดาบออกมา แล้วเล็ง
ไปที่อีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ ผมเห็นว่าปลายดาบกาลังสั่น
ไหวอยู่น้อยๆ กับทัศนวิสัยที่เริ่มจะขาวโพลนทีละน้อย ที
ละน้อย
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ความทรงจาที่ผมไม่สามารถลืม
เลือนได้ก็เฉียดผ่านหัวของผมไป
‘หรือว่าจะเป็นอย่างนันกันนะ ฮึๆ’
‘ฉันไม่มเี วลาพูดล้อเล่นกับนายหรอกนะ แอสทารอธ’
‘งันหรือ ดูนนี่ ะ คิมซูฮยอน นายไม่สงสัยเลยหรือ ว่าซีโร่
โค้ดมันคืออะไรกันแน่ ท้าไมพวกนายถึงได้มาฮอลล์เพ
ลน แล้วต้องมาต่อสูก้ ับพวกเราเรื่องซีโร่โค้ดด้วย’
‘เรื่องนันมัน...’
***