Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 554

MEMORIZE

[เล่ม19] ตอนที่ 1
_______________________________________
นั่นก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่บริเวณรอบกายผม
พวกศัตรูเริ่มเว้นระยะห่างผมออกไปประมาณหนึ่งแล้ว
ทั่วทิศรอบด้านล้วนถูกปิดกัน้ ไว้หมด ผมย่างก้าวไปใน
ทิศทางใด พวกมันก็จะถอยกรูดไปในทุกๆ ครัง้ จน
กลายเป็นการเปิดทางให้กับผมไปเสียได้
เอ๋?
ชั่ววินาทีหนึ่ง ผมพลันสงสัยขึ้นมา เคลือบแคลงใจอะไร
บางอย่างกับพวกศัตรูในตอนนี้ และพร้อมกันนั้น ผมยัง
รู้สึกอีกว่าความกระหายเลือดอย่างรุนแรงของพวกมัน
ก้าลังค่อยๆ เข้ามาทิ่มแทงล้าคอของผมซ้า้ ไปซ้า้ มา
ในตอนนัน้
พรึบ่ !
เสียงสายลมแยกออกจากกันอย่างน่าหวาดเสียวดัง
ขึ้นมาไล่หลัง ผมจึงรีบหันกลับไปมองทันที
ฟิ้ว!
เห?
และสิ่งที่เฉียดผ่านล้าคอผมไปนัน้ คือ ขวานด้ามเล็กที่
หมุนติ้ว ผมได้เตรียมพร้อมรับมือทุกอุปสรรคทีจ่ ะเข้ามา
โจมตีทางด้านหลังไว้เรียบร้อยแล้วตัง้ แต่ชว่ งแรก ดังนัน้
การทีจ่ ะหนีรอดปลอดภัยกลับไปได้จงึ ไม่ใช่เรื่องยาก
อะไร แต่ถึงอย่างนัน้ ผมก็แอบคิดว่าอานุภาพที่อยู่ใน
ขวานเล่มนัน้ คงไม่ใช่เล่นๆ เลย ขนลุกขึน้ มาเล็กน้อย
แล้วจึงรีบสอดส่อง สังเกตสถานการณ์รอบข้าง
ซึ่งในช่วงระหว่างที่เกิดเหตุการณ์เหล่านัน้ เอง ศัตรู
ทั้งหลายก็ก้าลังทิ้งระยะห่างจากผมต่อไปไม่มหี ยุดพัก
บริเวณที่ผมยืนอยูจ่ ึงกลายเป็นพืน้ ที่โล่งเป็นลานกลมๆ
ไปโดยปริยาย โดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
ผมเอียงคอสงสัยอยู่ครูห่ นึ่ง แต่แล้วก็ได้สลัดทิง้ ความคิด
เช่นนัน้ ออกไป หลังจากนั้นผมจึงกระตุน้ ให้ประสาท
สัมผัสทั่วทั้งร่างกายรับรู้ได้ฉบั ไวมากขึน้ เตรียมพร้อม
รับมืออะไรเล็กๆ น้อยๆ และลับคมดาบของตัวเองอีก
ครั้ง หลังจากนัน้ จึงรีบบุกเข้าไปทันที ผมยังสงสัยเรื่อง
ลูกธนูและเวทมนตร์ตา่ งๆ ที่ทะลุทะลวงเข้ามาน้อยกว่า
ที่คิดตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว แต่ผมก็ได้พาตัวเองเข้ามาอยู่
ตรงใจกลางของค่ายศัตรูได้แล้ว ผมจึงไม่สามารถ
หยุดยั้งตัวเองในขณะนีไ้ ด้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายให้
ส้าเร็จ ผมรีบตั้งดาบในมือทั้งสองเล่ม แล้วบุกเข้าไป
ในทันที พร้อมกันนั้นแรงกระเพื่อมของพลังเวทก็
แผลงฤทธิ์เดชของมันออกมา
เคร้ง! เคร้ง!
แรงกระเพื่อมที่มีพละก้าลังสูงนีก้ ลับถูกม่านก้าบังที่ถกู
สร้างขึน้ มาหลายๆ ชัน้ ในชั่วพริบตาสกัดกั้นราวกับพวก
มันเตรียมตัวรับมือไว้แล้วเป็นอย่างดี ผมได้แต่ขมวดคิ้ว
ให้กับภาพเหตุการณ์เหล่านี้ และในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึก
ได้ว่ามีคนแปดคนก้าลังบุกเข้ามาจากทั่วทุกสารทิศ
เส้นทางการเข้ามาของคนทั้งแปดคนนัน้ แสดงออก
อย่างชัดเจนว่าก้าลังเข้ามาห้อมล้อมตัวผมไว้ ยิ่งไปกว่า
นั้น หากพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวทีค่ ่อยๆ ย่างกราย
เข้ามา จะเห็นได้ว่ามีทั้งความปราดเปรียวและความ
รวดเร็ว และมันก้าลังประกาศศักดาให้รู้วา่
ความสามารถของพวกมันไม่ใช่ธรรมดาๆ อย่าง
แน่นอน
พวกมันเข้ามาใกล้เพียงไม่ถึงเสีย้ ววินาที และแล้วทั้ง
แปดคนนั้นจึงได้ปรากฏกายอยูเ่ บื้องหน้าของพวกศัตรูที่
ได้ถอยกรูดไปคนละทิศคนละทาง
จากต้าแหน่งในการยืนจะแบ่งกลุ่มเป็น สาม สาม และ
สอง ดูท่าจะเป็นผู้เล่นระยะประชิดไปเกือบครึ่งหนึ่ง อีก
ครึ่งหนึ่งที่เหลือนัน้ เหมือนกับเป็นนักฆ่า ผมเผลอสูดลม
หายใจเข้าไปหนึ่งครัง้ ผมรู้สึกชาตรงปลายจมูก เพราะ
อากาศที่เผลอสูดเข้าไปนั้นต่างคละคลุง้ ไปด้วยกลิ่น
ความกระหายเลือดจางๆ
ดูถูกไม่ได้เลยนะเนี่ย
เกิดความวุน่ วายขึน้ มาก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นสายตาทุกคู่
ก็ล้วนจับจองมาที่ผมอยู่เช่นเดิม รอบกายผมล้วนอัด
แน่นไปด้วยพวกศัตรูที่กรูกนั เข้ามา ผมจ้าเป็นจะต้อง
ปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาขึ้นมา เพื่อที่จะ
สามารถเคลื่อนตัวไปยังที่ต่างๆ ได้ตามเงื่อนไขที่ก้าหนด
แต่ทว่าจ้านวนครั้งในการที่จะใช้ทักษะนี้กลับถูกจ้ากัด
สิทธิ์ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นในระหว่างที่ผมก้าลัง
มุ่งมั่นทีจ่ ะฟันฝ่ามันไปอยู่นนั่ เอง คนทั้งแปดคนก็เผยตัว
ออกมาโดยไม่ได้คาดคิด
ผมทราบถึงจุดประสงค์ของพวกมันได้อย่างชัดเจนแจ่ม
แจ้ง บางทีพวกมันอาจจะปล่อยผมให้วิ่งพล่านไปใน
ทุกๆ ที่ไปเสียก่อนครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยเข้ามารวบตัวผม
ไว้ก็เป็นได้
เตรียมกระบวนการรบอยู่หรือเปล่าล่ะเนี่ย
“แกต้องตาย...(You shall die...)”
วินาทีที่เสียงอันแสนแผ่วเบาค่อยๆ เอื้อนเอ่ยออกมา
นั่นเอง การประจัญหน้าที่มีมาต่อเนื่องยาวนานจึงได้
พังทลายลง ชายที่ยนื อยู่ตรงหน้าผมเปิดปากพูดออกมา
ซึ่งในเวลาเดียวกันนัน้ เอง เหล่าคนทัง้ แปดคนก็ได้วิ่งกรู
กันเข้ามาโจมตีผมในคราวเดียวกัน ผมรู้สกึ ได้ถงึ ความ
กระหายเลือดที่ค่อยๆ แผ่ซ่านไปตั้งแต่ศรี ษะจรดปลาย
เท้า ดังนัน้ ผมจึงวางท่าทีสุขุม ท้าสมาธิ ปลุกวิชาการ
เคลื่อนย้ายร่างในพริบตาขึน้ มาอีกครั้ง
ฟิ้ว!
ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองด้านหลัง แล้วจึงได้เห็นว่าใน
ช่วงเวลาแทบจะพร้อมๆ กันนัน้ พวกมันได้วิ่งเข้ามาตรง
จุดที่ผมยืนอยู่เมื่อครูน่ ี้ ช่างเป็นความสามารถที่ใช้พชิ ิต
ฝ่ายตรงข้ามแล้วได้ผลดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
ผมหมุนกายกลับมาอีกครั้ง ชูคาลิโก อาบรักซัสขึ้นและ
ปรับสมดุลของเกียรติยศแห่งวิคตอเรียให้เข้าที่
ความสามารถของทั้งคูจ่ ึงผนึกก้าลังกันจนเกิดแสงแห่ง
ดาบไปทั่วทุกทิศ
เคร้ง!
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดรอยดาบยาวๆ ปรากฏอยู่บน
แผ่นหลังของพวกมันทีไ่ ด้แต่ยืนมองด้านหลังของผม
ส่วนพวกที่ยนื อยู่ตรงหน้าผมนี้ มีแสงสีขาวเฉียดผ่าน
ล้าคอของพวกมันไป ผู้เล่นที่เหลืออีกสามสี่คน รวมทัง้
ชายผู้ทปี่ ระกาศกร้าวว่าจะฆ่าผมให้ตายนัน้ ก็สง่ ครวญ
ครางแผ่วเบาออกมา แล้วจึงค่อยล้มตึงไปกองอยู่ที่พื้น
ก้าลังพลที่เหลืออยู่ ณ ขณะนีม้ ีเพียงสามคนเท่านัน้ ผม
เห็นดังนัน้ จึงได้แต่จปิ๊ าก
เหตุผลที่แสงแห่งดาบนีไ้ ด้แสดงฤทธิ์เดชออกมานัน้ เป็น
เพราะผมสามารถใส่ข้อมูลผู้เล่นของตัวเองลงไป ก่อน
หน้านี้ผมได้ใส่อา้ นาจและสมรรถภาพในฐานะผู้ช้านาญ
ดาบลงไปแล้ว และก็จะสามารถใส่พลังของฮวาจงลงไป
ด้วยได้ เพียงแต่ในตอนนี้ผมแอบรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่
ตัวเองใจร้อน รีบปลุกพลังขึน้ มาใช้งานโดยไม่ทนั คิด
คงต้องประหยัดพลังความสามารถที่เหลือไว้เสียแล้วสิ
การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นใหญ่
กับคนเรียกภูติ เพราะเป้าหมายของผมคือ ต้องฆ่าพวก
มัน และหนีเอาตัวรอดออกมาให้ได้เท่านั้น แน่นอนว่า
จ้านวนของก้าลังพลฝ่ายตรงข้ามยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
แต่อะไรก็เกิดขึน้ ได้ทั้งนัน้ ดังนัน้ แสงแห่งดาบทีย่ ัง
เหลืออยู่อีกเพียงหนึ่งครั้งนี้ ผมคิดว่าผมควรเก็บไว้
เสียก่อนจะดีกว่า ผมจัดการความคิดของตัวเองได้ดังนั้น
จึงบุกโจมตีอกี ครั้งหนึ่ง พร้อมต้อนรับขับสู่ฝ่ายศัตรูทกี่ รู
เข้ามาตรงหน้าอีกสามคน
“ย๊ากกก!”
ผมรวบรวมพลังกายพลังใจอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
พร้อมกับสามคนที่วิ่งเข้ามาปะทะตรงเบื้องหน้า ซึ่งพวก
ที่วิ่งดาหน้าเข้ามาหาผมอยู่ ณ ขณะนี้ ล้วนแล้วแต่เป็น
พวกระยะประชิดทั้งนั้น อาจเป็นเพราะนักฆ่าจากการ
ต่อสู้คราวก่อนได้ตายไปหมดอย่างไม่คาดคิดคาดฝัน
นั่นเอง
ผมค้านวณวงโคจรที่พวกมันวิง่ เข้ามา แล้วจึงถือดาบ
เพื่อป้องกันเจ้าพวกนั้นอย่างเยือกเย็น ในทุกๆ วินาทีที่
ดาบเกิดการกระทบกระทั่งกันนัน้ ผมรูส้ ึกได้ว่าข้อมือ
ของผมเริ่มหนักขึน้ แต่แล้วผมก็ได้เรียกคืนพลังเหล่านั้น
กลับมา และจึงเห็นว่าพวกมันต่างก็กระเด็นออกไป
ทันทีทันใด การที่สามารถพลิกสถานการณ์จากหน้ามือ
เป็นหลังมือได้โดยไม่มใี ครทันสังเกตนั้น นับว่าคุณค่าที่
แท้จริงของมันได้เผยโฉมออกมาแล้ว
ผมยังอยากจะชื่นชมทีพ่ วกมันไม่พลาดต่ออาวุธของผม
เลยแม้แต่น้อย แต่แล้วแขนของพวกมันสามคนก็ยกขึน้
มาพร้อมเพรียงกัน ผมเห็นดังนั้นจึงยกดาบของตัวเองชู
ขึ้นฟ้าตามที่ได้คิดไว้ แล้วจึงค่อยๆ ลดมือน้ามันกลับมา
วางอยูด่ ้านหน้าอีกครั้งหนึ่ง
และในตอนนัน้
รู้สึกว่าเหมือนมีน้าเย็นๆ หยดลงมาบนแก้ม ผมเบิกตา
โพลงสงสัยอยูช่ ั่วขณะเดียวเท่านัน้ แต่ผมคิดว่าจะต้อง
สะสางสิ่งทีจ่ ะต้องลงมือในตอนนีเ้ สียก่อน จึงได้ปล่อย
ผ่านความคิดเหล่านัน้ ไป พร้อมใช้ดาบฟาดฟันไปอย่าง
ต่อเนื่อง แล้วในที่สุดผมก็เห็นพวกมันกระเด้งออกไป พอ
ผมได้เห็นว่าล้าคอของพวกมันมีเลือดไหลออกมาเป็น
สายแล้ว จึงยกมือขึน้ มาถูหน้าตัวเอง
และสิ่งที่เลอะข้อมือผมอยู่ในตอนนี้ คือ น้า้ อย่างที่คิดไว้
ไม่มีผิด
ผมรู้สึกตกใจไปชัว่ ขณะหลังจากที่ได้รู้ว่ามีมวลน้้าหยด
ลงมา แต่แล้วผมก็ข่มอารมณ์ไว้เพียงเท่านั้น พร้อมหยิบ
ดาบขึน้ มา แล้วจึงเริ่มกวาดตามองสถานการณ์โดยรอบ
อย่างค่อยเป็นค่อยไป
พอได้ลองมาคิดๆ ดูแล้ว พบว่ามีอะไรแปลกไปเล็กน้อย
แม้จะบอกว่าการต่อสูข้ องพวกมันทั้งแปดคนสามารถปิด
ฉากลงได้อย่างรวดเร็วในพริบตาก็ตาม แต่ทว่าการที่
พวกศัตรูได้แต่ยนื มองอยู่เฉยๆ เช่นนัน้ ก็ท้าให้ผมท้าใจ
ยอมรับกับอะไรบางอย่างได้ยากอยูด่ ี ยิง่ ไปกว่านัน้ แล้ว
พวกมันก้าลังยืนปิดกัน้ ผมทั่วทั้งสี่ทิศก็จริง แต่ทว่าต่าง
คนต่างก็กระเถิบถอยหลังไป เหมือนกับสละพืน้ ที่ให้ผม
อย่างไรอย่างนัน้
ไม่รู้ท้าไมสายตาที่พวกมันจ้องมองมายังผมนัน้ กลับดู
ละเอียดอ่อนเกินค้าบรรยายใดๆ ดูแล้วท่าทีเหมือนกับ
ก้าลังรอค้าสั่งจากใครบางคนอยู่ ยิ่งเห็นสถานการณ์
วุ่นวายที่เกิดขึน้ จนถึงเมื่อครู่แล้ว ผมรู้สึกมัน่ ใจแปลกๆ
อย่างบอกไม่ถูก
ไม่เพียงเท่านัน้ ผมรูส้ ึกเหมือนปลายทางคือทีค่ มุ ขัง อีก
ทั้งยังรูส้ ึกอีกว่ามีพลังเวทจ้านวนมากก้าลังรอโอกาสจะ
แผลงฤทธิ์ออกมา ผมเห็นทั้งธนูและหน้าไม้จ้านวนไม่
น้อยก้าลังเล็งเป้ามาที่ผม ซึ่งด้านหน้าของพวกมัน
เหล่านัน้ ก็มีพวกนักต่อสู้ประชิดก้าลังยืนคุ้มกันอย่าง
แข็งแกร่งอยู่
เหล่าผู้เล่นหลายร้อยคนที่ก้าลังยืนล้อมรอบผมอยู่ ณ
ขณะนี้ ก้าลังแสดงให้ผมเห็นถึงกระบวนการแนวรบทีถ่ ูก
ปรับให้เป็นระบบระเบียบมากขึน้ กว่าเมื่อครู่ก่อน ผม
รู้สึกว่าตัวเองก้าลังจะต้องเผชิญหน้ากับ ‘การระดม
ยิง’
หรือว่า...
ผมใช้สมาธิจดจ่ออยูก่ ับการให้ล่วงรู้เท่าทันพลังเวท
อย่างรวดเร็ว หลังจากที่ความคิดเช่นนัน้ แล่นผ่านเข้ามา
หัวผมไป และแล้วผมจึงสามารถเข้าใจได้ถงึ กลิ่นน้า้ ที่
เข้ามาแตะจมูกได้ในที่สดุ สิ่งนั้นก้าลังบอกเป็นนัยๆ ว่า
ผู้ปลุกพลังแห่งน้้าก้าลังคืบคลานเข้ามาใกล้ๆ นัน่ เอง
แปลกแฮะ ยังไม่ถึงขนาดสัมผัสเลยแท้ๆ...อ๊ะ
ไม่สิ อาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ พอผมได้ลองมาแยกแยะดู
ใหม่แล้ว จึงพบว่าตัวเองคิดผิดไปอย่างมหันต์ ผู้ปลุก
พลังแห่งน้้าไม่ได้เลือกที่จะหนีแต่อย่างใด ต่อให้ผมจะวิ่ง
หรือไม่ เขาก็ยังยอมรับในจุดนี้ แต่ทว่าเขากลับมาด้วย
ตัวเองเพื่อจัดการผมโดยเฉพาะ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า
ต่างคนต่างได้เดินหน้าเข้ามา เพื่อลดช่องว่างระหว่างกัน
และกัน แม้จะลองเปลี่ยนมุมมอง แล้วย้อนกลับมามอง
ใหม่อีกครั้งก็ตาม จะเห็นได้วา่ ต่อให้ผมวิง่ หรือไม่วิ่ง ก็
ไม่ได้หมายความว่าพวกศัตรูจะหวาดกลัวแล้ววิ่งหางจุก
ตูดไปแต่อย่างใด
“ไฟ!(Fire!)”
บู้มมม!
ในระหว่างที่ผมก้าลังสงสัยอยู่นนั้ เอง ก็บังเกิดเสียงดัง
กึกก้องดังออกมาต่อเนือ่ งทันที พร้อมกับได้ยนิ เสียงเวท
จ้านวนมากมายที่ถกู ตระเตรียมเอาไว้แล้วพุง่ ออกมา
โดยเวทที่ถกู ยิงออกมานั้นได้ถูกยิงขึ้นไปบนฟากฟ้า
หลังจากนั้นจึงวาดเส้นโค้งอย่างสวยงามอยูบ่ นนั้น แล้ว
จึงตกลงมาตรงจุดที่ผมยืนอยู่
ผมได้แต่สบถอยู่ภายในใจ พวกมันเจ้าเล่ห์มาก โดยการ
สร้างม่านก้าบังขึน้ มารอบๆ บริเวณทีก่ ้าลังยืนอยู่
ในขณะที่เวทมากมายก้าลังยิงพุง่ มารอบกายผมอยู่ฝ่าย
เดียว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าจะต้องลองสู้ดสู ักตั้ง จึงได้
ก้าดาบทั้งสองไว้แน่น หลังจากนั้นจึงเริ่มฟาดฟันหอก
แห่งน้้าแข็งกับคมมีดแห่งวายุทกี่ ้าลังพุง่ เข้ามา
เชร้ง! เพล้ง!
เวทที่หลุดเข้ามาในวงโคจรของดาบนั้นถูกเฉือนขาดไป
พอดีเป๊ะ แต่ทว่าทั้งสองสิ่งที่พงุ่ เข้ามานัน้ ถูกฟาดฟันไป
ในระดับทีพ่ อเอาตัวรอดถูไถไปได้เท่านัน้ ผมรูส้ ึกถึง
ความสั่นไหวเล็กๆ บางอย่างในร่างกายเป็นระยะๆ ถึง
จะบอกว่าตัวเองมีพลังต้านทานเวทพิเศษ จึงท้าให้
สามารถอดทนต่อกลุ่มเวทที่พลาดพลัง้ เข้ามาได้นั้น แต่
ถ้าหากสะสมพอกพูนเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วล่ะก็
ผมเองก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างมั่นใจเช่นกันว่า
ตัวเองจะต้องรับมือกับมันอย่างไร
“ไฟ!(Fire!)”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 2
_______________________________________
สิ่งที่ผมจะต้องป้องกันก่อนเป็นลำดับแรกในสถำนกำรณ์
นี้คือลูกธนูจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถกู ยิงกระจำยขึน้ สูฟ่ ้ำใน
เวลำต่อมำ แล้วจึงค่อยตกลงมำในแนวเฉียง ผมไม่อำจ
หำญพอทีจ่ ะฟำดฟันกับสิ่งนี้ ผมจึงกัดฟันแน่น พร้อม
ปลุกวิชำกำรเคลื่อนย้ำยร่ำงในพริบตำขึ้นมำทันที ด้วย
ควำมที่สี่ทิศรอบกำยผม ล้วนถูกปิดกัน้ ไปหมดแล้ว
ดังนัน้ จึงทำให้สถำนที่ทผี่ มจะสำมำรถหนีพำตัวเองรอด
ไปได้นั้น จึงเหลืออยู่เพียงที่ที่เดียว ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ได้
ชอบใจอะไรนักหรอก และที่ที่ว่ำนัน้ ก็คือ กลำงท้องฟ้ำ
นั่นเอง
หลังจำกผมเคลื่อนตัวขึน้ มำอยู่บนกลำงท้องฟ้ำได้สำเร็จ
จึงได้เตรียมเวทชักจูงไว้พร้อมใช้งำน แล้วพอก้มหัวลง
ไปมองด้ำนล่ำง ก็ได้เห็นภำพเหตุกำรณ์ที่ไม่ได้คำดคิดมำ
ก่อน
พอผมสำมำรถหลุดพ้นออกมำได้ ผืนดินตรงนัน้ ก็มลี ูกธนู
จำนวนหลำยร้อยปักอยูเ่ ต็มไปหมด เหมือนกับเม่นที่มี
หนำมทั่วตัวไม่มีผิด เห็นทีลูกธนูเหล่ำนัน้ คงจะไม่
ย้อนกลับมำหำผมอีกเป็นครั้งที่สองแน่
และในตอนนัน้ เอง
กำรบุกโจมตีของมวลน้ำก็ปรำกฏออกมำพอดิบพอดีรำว
กับกำลังรอเวลำอยู่แล้ว มีสำยน้ำไหลเชีย่ วกรำดอย่ำง
รุนแรงตัดผ่ำนท้องฟ้ำไป
แส้สำยน้ำสีฟ้ำตัดผ่ำนท้องฟ้ำเบื้องบนออกเป็นเส้นตรง
หลังจำกนั้นจึงฟำดเข้ำมำที่กระหม่อมผม ผมยังคงจับ
ดำบไว้ไม่ให้หลุดมือ แล้วจึงฟำดฟันกับอุปสรรคที่อยู่
ตรงหน้ำทันที ผมมองไปยังบริเวณโดยรอบ ด้วย
ควำมรู้สกึ ที่ละเอียดอ่อนเกินที่จะเอื้อนเอ่ยออกไปได้ ซึง่
ในขณะนัน้ เอง ที่ผมรู้สกึ ได้วำ่ มีพลังอะไรบำงอย่ำงกำลัง
ปะทุอยู่ในแววตำ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตูม้ !
ทันใดนั้นจึงบังเกิดสำยน้ำจำนำนหลำยสิบสำยพุ่ง
กระโจนเข้ำใส่บริเวณทีผ่ มกำลังยืนอยู่อย่ำงไม่ทันตั้งตัว
คงรูว้ ่า...จะใช้วิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาสินะ
ไม่เพียงเท่ำนัน้ สำยน้ำที่ผมได้จัดกำรไปเมื่อช่วงแรก ได้
แตกกระจำยออกจนเหมือนเป็นละอองน้ำไปแล้ว แต่
ทว่ำบัดนีพ้ วกมันได้กลับเข้ำมำรวมเป็นกลุ่มๆ อีกหลำย
กลุ่ม หลังจำกนั้นจึงค่อยๆ เริม่ ก่อตัวขึน้ มำเป็นสำยน้ำที
ละสำย เพิ่มจำนวนมำกยิ่งขึ้นไปอีก ผมเงยหน้ำขึน้ ไป
มองอีกครั้ง จึงเห็นว่ำมันกำลังเล็งมำที่ผมอยู่ แต่สุดท้ำย
แล้วก็ไม่วำยโดนสำยน้ำเหล่ำนั้นพุ่งกระโจนเข้ำมำ
พร้อมพันล้อมโอบรอบกำย
เปรีย๊ ะ!
ในวินำทีนนั้ ผมจึงก้มหัวลงอย่ำงสุขุมเยือกเย็น
และสิ่งที่ผมเห็นคือ เหล่ำผู้เล่นที่กำลังรวมตัวอยู่ ณ
สถำนที่ที่เชื่อมต่อมำจำกสำยน้ำ และผู้หญิงผมสีฟ้ำคน
หนึ่งที่อยู่ตรงกลำงระหว่ำงพวกเขำ หล่อนจ้องมำทำง
ผม แล้วจึงส่งรอยยิม้ อันเย็นยะเยือกมำให้
“...คิก”
ผมมองดูภำพเหล่ำนัน้ พร้อมจ้องมองไปยังหญิงสำวคน
นั้น แล้วส่งรอยยิ้มกลับไปให้เช่นกัน ผมหยิบคำลิโก
อำบรักซัสในมือขวำขึน้ มำ
หลังจำกนั้นจึงปรำกฏข้อควำมบำงอย่ำงอยูบ่ นท้องฟ้ำ

[ควำมสำมำรถแฝงของคำลิโก อำบรักซัส เศษซำก


ปรักหักพัง (Broken Fragments) เริ่มทำงำน]
ณ วินำทีนั้น พละกำลังอันเกิดจำกคำลิโก อำบรักซัสจึง
เกิดกำรพลิกแพลงขึน้ พลังต่ำงๆ ทีป่ ะทุระเบิดจน
กระจำยออกเป็นเสีย่ งๆ ได้ค่อยๆ เข้ำมำรวมตัวกันเป็น
หนึ่งอีกครัง้
ติ๋ง! ติ๋ง!
เสียงน้ำหยดดังกังวำนขึ้นทั่วทุกหนแห่ง ผมเกือบจะโดน
สิ่งที่อยู่ตรงหน้ำพันกลืนร่ำงเข้ำไปเสียแล้ว แต่สุดท้ำย
ผมก็ใช้ลกู เตะพลังเวทถีบตัวเองขึน้ ไปบนท้องฟ้ำ ร่ำงพุ่ง
หลำวไปข้ำงหน้ำเหมือนตอนเตะอยูบ่ นพืน้ แม้จะไม่สูง
เฉียดฟ้ำ แต่ก็แรงพอขนำดที่ทำให้ตัวลอยได้เช่นกัน ผม
รู้สึกถึงสำยน้ำที่จะปะทุตำมขึน้ มำอีกครัง้ หนึ่ง แต่ทว่ำผม
ก็ได้กำหนดทิศทำงและระเบียบร่ำงกำยของตัวเองไม่ให้
เข้ำไปคำบเกีย่ ววงโคจรของพลังมวลน้ำเหล่ำนัน้
ผมก้มหัวลงไปมองอีกครั้ง ทันใดนั้นจึงได้เห็นว่ำผู้ปลุก
พลังกำลังยืน่ แขนซ้ำยตรงมำทำงผม และรอยยิม้ อัน
แสนเย็นยะเยือกก็ยังคงปรำกฏอยูบ่ นใบหน้ำของสตรีผู้
นั้นอยู่เช่นเคย เป็นรอยยิ้มจองหอง มัน่ ใจคิดว่ำตัวเอง
ชนะแล้ว
ผมรู้สึกได้ว่ำพละกำลังมำกมำยกำลังไหลวนเวียนอยู่ใน
ดำบของผม ตอนนี้ผมคิดว่ำตัวเองจะต้องทำให้รอยยิ้ม
จองหองนั้นเลือนหำยไปให้ได้ จึงคว้ำคำลิโก อำบรักซัส
ขึ้นมำอีกครัง้ แล้วจึงค่อยวำดแขนขวำไปทำงด้ำนหลัง
ผมทำอยู่เช่นนั้นจนสำมำรถเล็งเป้ำได้อย่ำงคร่ำวๆ และ
สำมำรถสรุปกับตัวเองว่ำจะต้องทำสำเร็จอย่ำงแน่นอน
ด้วยควำมที่ผมลอยตัวอยู่บนอำกำศ ผมเลยไม่มีตัวเลือก
มำกมำยนัก แต่ประเด็นในครั้งนี้ได้ตำ่ งออกไปแล้ว ซึ่ง
มันล้วนอยูเ่ หนือเกินกว่ำกำรจับกุมตัวผู้ปลุกพลังที่เป็น
เป้ำหมำยของผม ณ ตอนนี้ดว้ ย
จุดประสงค์ของผมตั้งแต่แรกเลยคือ กำรฆ่ำพวกมันแล้ว
หนีเอำตัวรอดกลับมำให้ได้ต่ำงหำก แม้จะไม่ได้ใช้กำลัง
ปะทะกับพวกมันโดยตรง แต่ผมก็ยงั มีวิธีทจี่ ะสำมำรถฆ่ำ
พวกมันได้อยู่ดี ซึง่ ด้วยควำมที่ยังมีวิธีสังหำรพวกมันอยู่
จึงทำให้ผมพอมีรอยยิม้ ออกมำได้บ้ำง
ผมรู้สึกถึงลำงบอกเหตุอะไรบำงอย่ำงว่ำ แรงโน้มถ่วงจะ
ทำให้ตัวของผมตกลงไป ซึ่งในช่วงนัน้ เองเป็นเวลำที่
กำรผลัดกันบุก ผลัดกันโจมตีระหว่ำงผมกับคนเรียกภูติ
ได้ปิดฉำกลง
เวลำเดียวกับตอนที่ผมคว้ำมือที่ยื่นออกมำของสตรีผู้นนั้
ได้ ผมก็เหวีย่ งคำลิโก อำบรักซัสออกไปอีกฟำกฝั่งอย่ำง
เต็มแรง
ตู้ม! ตู้ม
สำยน้ำหลำยสิบสำยเข้ำมำม้วนล้อมรอบตัวผมอีกครั้ง
ทันทีหลังจำกผมได้เหวีย่ งมันออกไป แต่ทว่ำสำยน้ำ
เหล่ำนัน้ กลับกระจำยเต็มทั่วทั้งท้องฟ้ำ เหมือนสีน้ำแต่ง
แต้มไม่มีผิด ครำวนี้เกิดเรื่องแล้วแน่นอน ควำมเสียหำย
ในครั้งจะนีจ้ ะยิ่งเพิม่ พูนมำกขึน้ ไปอีกก็จริง แม้กระทั่ง
ตัวมำร์โบโลที่มีคำ่ พลังเวทอยู่ที่หนึ่งร้อยคะแนนเองก็คง
ไม่คิดว่ำผมจะสำมำรถฝ่ำทะลุพลังต้ำนทำนเวทไปได้ใน
ครำเดียว
เรียบร้อย
ครำวนี้เกิดกำรพลิกล็อก เพรำะชัยชนะอยูใ่ นกำมือผม
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดำบที่ผมเหวี่ยงออกไปอย่ำงเต็ม
แรงนัน้ ได้แผ่ซ่ำนพลังร้ำยกระจำยออกไป แล้วจึงค่อย
ตกลงไปตำมแนวเส้นตรง ซึ่งสุดสำยปลำยทำงของมัน
นั้นคือ คนเรียกภูตนิ ั่นเอง ผู้หญิงคนนั้นคงจะได้เห็นแล้ว
ว่ำพลังอำนำจของตัวเองหลงเหลืออยู่เพียงควำมว่ำง
เปล่ำ หล่อนจึงได้แต่ยนื ขมวดคิ้วอยู่ไม่หำย
คำลิโก อำบรักซัสทีข่ ว้ำงออกไปนั้นสร้ำงรอยร้ำวที่มี
ลักษณะเป็นเส้นตรงขึน้ มำ ก่อนทีจ่ ะเข้ำไปทะลุทะลวง
ร่ำงคนเรียกภูติ สตรีผนู้ นั้ ปัดป่ำยมือเบำๆ พร้อมทำปำก
ขมุบขมิบไม่หยุด ทันใดนั้นบนท้องฟ้ำจึงบังเกิดหมู่มวล
น้ำขึ้นมำรำวกับภำพลวงตำ ผมเห็นดังนัน้ จึงรีบท่อง
คำถำร่ำยมนตร์ในทันที
“เศษปรักหักพัง (Broken Fragments)”
ตู้ม!
ณ วินำที จึงบังเกิดระเบิดชนิดรุนแรงจำกกำรปะทุพลัง
ของคำลิโก อำบรักซัส เศษสีดำมันขนำดเล็กคล้ำยกับ
ระเบิดมือแตกกระจำยไปทั่วทุกหนแห่ง แล้วหลังจำกนั้น
มันจึงได้กลืนกินคนเรียกภูติเข้ำไปในที่สุด ซึ่งในช่วง
เดียวกันนัน้ เองที่ผมรูส้ กึ ได้วำ่ ร่ำงกำยจะดิ่งลงต่ำไปอีก
ครั้ง พร้อมกับได้ยนิ เสียงระเบิดลูกใหญ่ดังขึ้นมำอย่ำง
ต่อเนื่อง โดยในระหว่ำงที่ตัวผมกำลังตกลงมำนัน้ ผมได้
เบนสำยตำกลับไปมองอีกครั้ง แล้วจึงเห็นได้วำ่ ลมร้อนที่
ผสมผสำนระหว่ำงสีดำและสีฟ้ำได้โหมกระหน่ำขึน้ มำ
ฟิ้ววว! ฟิ้ววว!
ติ๋ง!
ลมพัดไปมำเหมือนเต้นระบำอยู่ ผมยันกำยขึ้นมำ
เหมือนกับกำลังบิดขี้เกียจ และแล้ว ณ วินำทีนั้นนัน่ เอง
สีดำมันวำวที่ผสมอยู่ในมวลวำยุเหล่ำนัน้ ก็ได้กระจำย
สลำยตัวไปทัว่ อำณำบริเวณรำวกับดอกไม้บำนสะพรัง่ ก็
ไม่ปำน
ในที่สุดผมก็สำมำรถพำตัวเองลงมำสูพ่ นื้ ดินได้อีกครั้ง
แล้วเกิดรู้สึกสงสัยเรื่องผลลัพธ์เกีย่ วกับเรื่องที่ได้จบสิ้น
ไปหมำดๆ นี้ ผมจึงรีบเงยหน้ำขึน้ ไปมองอีกครัง้ อย่ำง
รวดเร็ว แล้วจึงใช้สำยตำมองไปยังตำแหน่งทีต่ ัวเองยืน
วิเครำะห์อยู่เมื่อครู่ และแน่นอนว่ำรวมถึงตำแหน่งที่เท้ำ
ทั้งสองข้ำงกำลังยืนเหยียบอยู่ดว้ ย แต่แล้วผมจึงได้เห็น
ร่ำงของคนเรียกภูติที่ไหม้เกรียมไปทั่วทั้งตัว ส่วนหล่อน
ยังคงมีชวี ิตอยู่
“...อ้อ”
หล่อนกำลังยืนอยู่หน้ำร่ำงอันไร้วญ ิ ญำณของคนเรียกภูติ
ผมเห็นดังนัน้ แล้วจึงเข้ำใจสถำนกำรณ์ได้ในทันที ที่ผม
เห็นเมื่อครูก่ ่อนหน้ำนี้ไม่ใช่ลมแต่อย่ำงใด สิ่งทีพ่ ัดโหม
กระหน่ำขึน้ มำนัน้ คือ ภำพลวงตำของกระบวนกำรก่อ
ร่ำงสร้ำงสิ่งมีชวี ิตประเภทหนึ่ง
และที่เห็นอยู่ตรงหน้ำผม มวลน้ำคลืน่ ลูกใหญ่ที่มีขนำด
เส้นผ่ำศูนย์กลำงถึงแปดเมตรนัน้ กำลังบอกให้ผมรู้ว่ำ
รำชำแห่งภูตได้เผยตัวออกมำแล้ว ซึ่งรำชำแห่งภูตเองก็
ปรำกฏโฉมออกมำอย่ำงกระทันหัน เหมือนครำวที่เซเท
อร์ปรำกฏตัวออกมำโดยไม่ทันคำดคิดอย่ำงไม่มี
ผิดเพี้ยน
“นึกแล้วเชียว...โชคดีทเี่ ตรียมกำรไว้ล่วงหน้ำเลยนะเนี่ย
เจ้ำสัตว์ประหลำดตัวนีน้ ่ะ”
แต่ทว่ำรูปลักษณ์อนั สง่ำผ่ำเผยที่ผมกำลังลอบพิจำรณำ
อย่ำงไม่วำงตำอยูน่ นั้ ก็ได้ดันตัวเข้ำมำ กอปรกับตัวผมที่
ได้ยินเสียงอันแสนแผ่วเบำดังออกมำจำกหมอกหนำที่
เข้ำมำโอบล้อมทั่วอำณำบริเวณ
ผมฟังไม่เข้ำใจเลย เพรำะเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียง
ภำษำเกำหลี แต่แล้วคนเรียกภูตก็จ้องมองมำทำงผม
พร้อมเผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมำ เห็นแบบนัน้ แล้วรู้สกึ
ไม่ค่อยสู้ดเี ท่ำไหร่นัก
ผมถอนหำยใจพร้อมสงบสติอำรมณ์ที่อยู่ภำยใน สีหน้ำ
ของคนเรียกภูตที่ผมเห็นแวบๆ นั้นซีดรำวกับไก่ต้ม
อย่ำงไรก็ตำม พลังทีร่ ำชำแห่งภูตได้กักเก็บสะสมไว้นั้น
ดูท่ำว่ำจะใช้ไปเสียหมดสิ้นแล้ว
ทว่ำสิ่งที่สำคัญคือ ในท้ำยที่สุดแล้ว ผมก็ยงั ไม่สำมำรถ
บรรลุเป้ำหมำยเมื่อครู่ได้ เศษปรักหักพังนัน้ ในช่วงแรกก็
ดูเหมือนจะก่อให้เกิดควำมเสียหำยได้ในระดับหนึ่ง แต่
ทว่ำมีแสงสีฟำ้ บำงอย่ำงกำลังช่วยรักษำอำกำรบำดเจ็บ
ทั่วทั้งตัวของสตรีผู้นนั้
จำกกำรที่ได้ใช้สำยตำกวำดมองโดยรอบแล้ว ควำม
กังวลที่มมี ำอย่ำงต่อเนือ่ งจึงได้กลำยมำเป็นควำมจริงใน
ที่สุด เหล่ำนักเวทและนักธนูทั้งหลำยที่เพิ่งเสร็จสิ้นจำก
กำรบรรจุเตรียมพร้อมยิงอีกครั้งนัน้ ต่ำงก็กำลังเพ่งเล็ง
มำที่ผม ผมเห็นดังนั้นจึงกัดริมฝีปำกตัวเองเล็กน้อย
“ฉันจะฆ่ำแกให้ตำย”
ในตอนนัน้ เอง น้ำเสียงนิ่งๆ กับรูปลักษณ์ภำยนอกที่ดู
เรียบร้อยที่ไม่เข้ำกันเลยนัน้ ก็ได้เปล่งเสียงที่เต็มไปด้วย
ควำมกระหำยเลือดดังขึน้ ทั่วอำณำบริเวณ นัน่ กลำยมำ
เป็นระเบิดเวลำทีบ่ อกให้ผมรู้ว่ำ กำรระดมยิงครั้งใหม่ได้
เปิดฉำกเริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ บัดนี้
ตู้ม! ตู้ม!
เวทมำกมำยนับไม่ถ้วนถูกยิงขึน้ สูงสู่ท้องฟ้ำ แล้วจึงค่อย
ตกลงมำเข้ำตัวผม ผมเห็นดังนั้น จึงถือดำบด้วย
ควำมรู้สกึ ที่เสียดำยไม่น้อย
แต่ทว่ำด้วยควำมที่หอกแห่งเวทและคมมีดดิ่งปักลงมำ
ด้วยจำนวนอันมหำศำลเช่นนี้ จึงทำให้ผมไม่คิดว่ำ
ตัวเองจะสำมำรถนำคำลิโก อำบรักซัสกลับคืนมำได้อีก
เลยชูดำบที่เหลืออยู่อีกหนึ่งเล่มขึน้ ฟ้ำ ซึ่งผมรูต้ ัวดีอยู่
แล้วว่ำมันจะต้องยำกลำบำกอย่ำงแน่นอน ถึงอย่ำงนั้น
ผมก็ได้เล็งไปยังอุปสรรคที่กำลังทะลุทะลวงเข้ำมำ
พร้อมๆ กัน แล้วจึงค่อยเริ่มลงมือหมุนรำดำบ
เพล้ง, เพล้ง! พลั่ก, พลัก่ !
วินำทีที่เริ่มปะทะกันอย่ำงรุนแรง ผมก็รบั รู้ได้วำ่ ร่ำงกำย
เกิดสัน่ ไหวเล็กน้อย ผมได้หมุนไปรอบๆ ตำมที่เวทได้คบื
คลำนใกล้เข้ำมำเพื่อสกัดกั้นไว้แล้วก็จริง แต่ถึงเมื่อครู่จะ
ใช้ทั้งสองอย่ำงไปแล้วก็ยังมีเวทที่ไม่สำมำรถสกัดได้อยู่
ทุกครัง้ ที่ผมเฉือนมันไปหนึ่งครั้ง มันก็จะแตกกระจำย
เป็นสะเก็ดเล็กๆ ลำพังเพียงแค่ดำบเล่มเดียวคงไม่
สำมำรถป้องกันได้ในครำวเดียว
สิ่งที่พอจะเห็นเป็นไปได้คือ อย่ำงน้อยก็ยงั สำมำรถเฉือน
มันไปได้บ้ำง แต่ก็มีแอบพลำดเป้ำทัง้ ที่รู้ตวั และไม่รู้ตัว
อีกทั้งยังมีสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในสำยตำแต่แรกพลำดเข้ำมำอีก
ด้วย หลักฐำนก็คือยิ่งเวลำล่วงเลยไปมำกเท่ำไหร่
ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นมำทั่วทั้งตัวนั้นกำลังค่อยๆ ไต่ระดับ
เพิ่มควำมแข็งแกร่ง
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 3
_______________________________________
แต่แล้วผมก็ได้ยนิ เสียงธนูยิงขึ้นฟ้า คงจะตั้งใจไว้ว่าจะ
ไม่เว้นช่องว่างให้ผมเลยแม้แต่น้อย ถึงได้ยิงขึน้ มารัวๆ
อย่างไม่หยุดยั้ง แม้ผมจะไม่ได้ปรายตามอง แต่ก็รู้ได้เลย
ว่าการปะทะในครัง้ ต่อไป จะต้องเป็นการโจมตีด้วยลูก
ธนูอย่างแน่นอน ผมได้แต่สบถในใจ แล้วจึงกัดฟันสู้
ปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาขึ้นมาทันที
ใช้เวลาเพียงแค่เสีย้ ววินาทีเท่านัน้ ทิวทัศน์ตรงหน้าผม
จึงได้แปลกตาออกไป ซึง่ ในช่วงเวลาเดียวกันนัน้ เอง ผม
จึงได้เห็นลาแสงสีฟ้าหลายสิบสายถูกยิงขึ้นมา ณ
สถานที่ที่ผมเคลื่อนย้ายร่าง แสงนั่นผมเคยเห็นมาก่อน
หน้านี้แล้ว มันคือแสงทีเ่ หล่าคนเรียกภูตแห่งน้าใช้
ต่อต้านกับกองทัพกลลวงของวิเวียน
แต่ทว่าระดับความหนาหรือพลังของลาแสงนี้เทียบกับ
เมื่อคราวก่อนนูน้ ไม่ได้เลย ผมเห็นดังนั้นจึงตัง้ เกียรติยศ
แห่งวิคตอเรียไว้เหนือหัว ในขณะที่เสื้อคลุมของอัศวิน
มังกรสีนาเงิ
้ นห่อหุ้มไปทั่วทั่งร่าง
พรึบ่ !
มีลาแสงหนึ่งเฉียดผ่านเข้ามาบริเวณหัวไหล่ และ
หลังจากนั้น ณ พื้นที่อนั แสนว่างเปล่าที่ถกู สร้างขึน้ มาให้
ลักษณะเป็นวงกลม จึงได้มีลาแสงราวกับสายฝนร่วงตก
เกรียวกราวลงมาอย่างไม่มีสาเหตุ
เปาะ! แปะ! เปาะ! แปะ!
ในที่สุดก็เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ระหว่างการ
ต้านทานเวทที่ผมปลุกขึ้นมากับสายฝนที่ตกลงมาอย่าง
ไม่ขาดสาย ทิศทางที่อยู่ตรงหน้าผมบังเกิดระลอกคลืน่
ขึ้นมาเป็นจานวนมาก จึงทาให้ร่างกายผมเปียกโชกไป
ด้วยน้าที่ซัดข้ามา
สิ่งนี้มนั ...
ซู่! ซ่า! ซู่! ซ่า!
รู้สึกเหมือนตัวเองกาลังยืนเปียกอยู่ตรงใจกลางฝนห่า
ใหญ่อย่างไรไม่รู้ บริเวณไหล่ ขาอ่อนด้านในและเท้านัน้
เหมือนจะเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าลง แม้กระทั่งหลังของ
ผมยังรู้สกึ เหมือนมีอะไรบางอย่างถูกฉีกขาดออกไป แต่
แล้วก็รสู้ ึกได้ถึงน้าเย็นๆ ที่เข้ามาชะโลมอยู่ที่หลัง
หลังจากนั้นสายฝนจึงได้ตกลงสู่เบื้องล่าง ผืนดินล้วน
กลายเป็นโคลนเฉอะแฉะไปเสียหมด เสียงโห่ร้องยินดี
กึกก้องไปทัว่ อาณาบริเวณ ผมรับคาโห่ร้องยินดีเหล่านัน้
ถึงเขาจะไม่ได้โห่ให้ผมก็ตาม แล้วจึงค่อยยันกายลุกขึน้
อย่างช้าๆ หมอกหนาอันเกิดจากไอน้าค่อยๆ สลายตัวไป
อย่างเงียบเชียบพร้อมกับเสียงโห่ร้องที่หยุดชะงักไป
ไม่รู้ทาไมหลังผมถึงรู้สกึ เวิ้งว้างว่างเปล่าอย่างไรชอบกล
แต่แล้วผมก็ได้สา่ ยหัว สะบัดความคิดเหล่านัน้ ออกไป
อย่างใจเย็น
พรคุ้มครองแห่งสงคราม เกียรติยศแห่งตะวัน เกียรติยศ
แห่งสวรรค์และเสื้อคลุมของอัศวินมังกรสีนาเงิ ้ น การ
ต้านทานทีป่ ัจจัยทั้งสามสิ่งนี้ได้สร้างขึ้นมานั้น ได้เข้ามา
เป็นตัวป้องกันการบุกโจมตีในยกแรกของราชาแห่งภูต
ผมส่ายหัวไปมาอีกครั้งหนึ่ง แล้วสะบัดไล่นาที ้ ่ยังคงค้าง
อยู่ออกไป หลังจากนัน้ จึงค่อยปลุกพลังเวทขึน้ มาอีก
ครั้ง
“ฟู่ว”
สถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้วา่ เป็นช่วงวิกฤติการณ์
อย่างแท้จริง ในตอนนีน้ ั้นการต้านทานเวทยังคง
แข็งแกร่งอยู่ จึงทาให้สามารถอดทนต่อสิ่งเร้าต่างๆ ได้ดี
แต่ทว่าหากยังเกิดเหตุการณ์เช่นนีต้ ่อไปอีกเรื่อยๆ ผมก็
ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่ามันจะพังจนใช้การไม่ได้ใน
ตอนไหน บางทีความเสียหายที่สะสมอยูจ่ นถึงตอนนี้
อาจจะอยู่ในระดับที่เราไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้เลย
ถึงเวลาสาคัญที่ผมจะต้องตัดสินใจอย่างเด็ดเดีย่ ว เพื่อ
ทางรอดของชีวิตในภายภาคหน้าแล้ว
ระยะทางประมาณหกสิบเมตร...
แต่ทว่าผมได้ยนิ เสียงร่ายเวทกับเสียงแก้สายธนูดังแว่ว
เข้ามาในหู จึงทาให้ความคิดหยุดชะงักไปกลางทันทันที
ไอ้XXเอ๊ย
ผมเป่าพลังเวทที่ปลุกขึน้ มาเข้าไปในเกียรติยศแห่ง
วิคตอเรีย
ไม่สิ พูดตรงๆ คือ ในความจริงนัน้ ตอนนี้ผมแทบไม่มี
อะไรจะต้องให้คิดแล้ว การลอบยิงโดยใช้คาลิโก อาบ
รักซัสก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะฉะนั้นทางรอดของชีวิต
ที่หลงเหลืออยู่ ณ ตอนนี้ มีเพียงแค่การพุ่งกระโจนเข้า
ไปเท่านัน้ หากผมสามารถพาตัวเองเข้าไปอยูก่ งึ่ กลาง
ของพวกศัตรูได้ ผมก็จะได้รับการปลดพันธการจากการ
ระดมยิงอย่างเมื่อครู่ก่อนหน้า
ผมปล่อยมือทีถ่ ือดาบลง แล้วหยุดการเคลื่อนไหวไปครู่
หนึ่ง หลังจากนั้นจึงเริ่มทาให้หัวสมองตัวเองว่างเปล่า
แต่ยังคงเว้นไว้ซงึ่ ความคิดสาคัญเพียงความคิดเดียว
เท่านัน้
ระยะทางเหลือหกสิบเมตร ระยะทางเหลือหกสิบเมตร
ผมมุ่งมั่นทาสมาธิ รู้สกึ ได้ว่าการหายใจของตัวเองยาว
ขึ้น และในช่วงเวลาเดียวกันนัน้ เองที่เกียรติยศแห่ง
วิคตอเรียอันเจือปนไปด้วยพลังเวทได้เริ่มส่องแสง
มหัศจรรย์บางอย่างออกมา และในช่วงที่เวททีแ่ ฝงตัว
อยู่ในดาบค่อยๆ ปะทุออกมาเหมือนเป็นคลืน่ พลังนัน้
ผมจึงไม่รอช้า รีบกระทืบเท้าเรียกพลัง แล้วบุกฝ่าศัตรู
เข้าไปทันที
จากนี้ไปผมจาต้องใช้ความเร็วและเคลื่อนไหวให้ได้มาก
ที่สุด การพุ่งตัวฝ่าเข้าไปยังแนวรบอันเป็นระเบียบของ
ศัตรูได้นนั้ จะทาให้ผมใช้เวลาในการทิ้งระเบิดได้ภายใน
เวลาไม่กี่เสีย้ ววินาทีเท่านัน้ ซึ่งในช่วงที่ผมหยุดเดินนัน้
อาจจะทาให้ผมตายได้ในทันที ด้วยความคิดเช่นนีจ้ ึงทา
ให้ผมถือดาบด้วยใจที่รสู้ ึกเป็นกังวลแบบที่ไม่เคยเป็นมา
ก่อน
ระยะห่างของพวกศัตรูอยู่เพียงแค่เอื้อม ผมเฉียดผ่าน
ร่างของศัตรู แล้วจึงยกมือตวัดดาบฟันไปที่ลาคออย่าง
รวดเร็ว ซึ่งพวกมันยกโล่กาบังช้าไปเพียงแค่จงั หวะเดียว
เท่านัน้ บริเวณปลายดาบที่ทะลุออกมานัน้ มีการส่ง
กระแสพลังออกมาอีกด้วย หลังจากนัน้ พลังขาวสว่างที่
ปะทุออกมาจากปลายดาบอันแหลมคม จึงได้เข้าไป
ปะทะ ฟาดฟันแนวรบของศัตรูในที่สุด
ผมขึ้นเหยียบร่างของพวกศัตรูที่เอาแต่ส่งเสียงกรีดร้อง
อยู่ใต้เท้า แล้วจึงแกว่งดาบในมือต่อไปอย่างไม่ลดละ
พวกมันได้แต่ยนื ตัวแข็งทื่ออยู่ท่าเดียว ดังนัน้ แสดงว่า
พวกมันกาลังติดกับที่ผมวางไว้แล้วล่ะ
สวบ! สวบ!
คอของคนหลายสิบคนปรากฏลอยสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า ซึง่
เกิดขึน้ ภายในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านัน้ ราวกับ
ผมได้ใช้เครื่องตัดหญ้าเล็มยอดหญ้า แล้วเลือดสีแดง
ฉานที่ติดอยู่บริเวณปลายดาบก็พุ่งกระฉูดขึน้ สูท่ ้องฟ้า
เบื้องบน
พวกมันคงไม่รวู้ ่าผมจะใช้วิธกี ารตะลุมบอนที่โง่เขลาถึง
เพียงนี้ จึงทาให้นกั ธนูทอี่ ยู่ตรงหน้ามีทา่ ทีเหม่อลอย อ้า
ปากหวออยู่อย่างนั้น ผมจึงใช้ช่องว่างนั้นฟันดาบลงไป
ทันที แต่แล้วก็รู้สกึ ได้วา่ พวกจู่โจมสายประชิดกาลังเข้า
มาโจมตีผมทางด้านข้างอย่างกะทันหัน ผมจึงบิดดาบ
หนึ่งครั้ง แล้วถอนออกไป หลังจากที่คลืน่ เบาๆ สลายตัว
ออกไปแล้ว ผมจึงรีบโผตัวขึน้ สู่ท้องฟ้าด้านบนทันที
ผมไม่มีเวลาจะมายืนยันว่าอะไรเป็นอย่างไรอีกต่อไป
แล้ว สถานการณ์ ณ ขณะนี้เรียกได้ว่าผมสามารถพา
ตัวเองออกมาจากเหตุการณ์อนั แสนเลวร้ายได้แล้ว ผม
พาตัวเองออกมาจากการต่อสู้ที่มีแต่ความตายและตาย
จ่อเข้ามาใกล้ได้สาเร็จแล้ว ทุกครัง้ ที่ผมตวัดดาบขึน้ มา
หนึ่งครั้ง ทั้งเลือดและเศษชิน้ เนื้อต่างๆ ก็จะกระจายไป
ทั่วทุกสารทิศอย่างไม่มที ี่สิ้นสุด
พรึบ่ !
ในตอนนัน้ เอง พอผมถอนดาบไป แล้วตั้งใจจะวาดดาบ
ขึ้นอีกครั้ง ผมก็รสู้ ึกได้วา่ ตัวเองถูกตีเข้าที่หลัง แต่จะ
ไม่ได้เจ็บปวดมากมายอะไรนัก แต่มนั พอทาให้ผมรู้สึก
แสบแปลบๆ ขึน้ มาได้มากเช่นกัน
แต่ผมไม่สามารถลงมือทาอะไรได้ การที่จะให้ผมมานัง่
คาดคะเนตาแหน่งที่ตั้ง แล้วจึงค่อยเผชิญหน้าสูโ้ ต้ตอบ
กับพวกมันทีละคน ทีละคนนั้น มันช่างเป็นการกระทาที่
เสียเวลา ในบรรดาตาแหน่งต่าง ๆ ที่ผมได้วางจัดแจง
อุปกรณ์ไว้นนั้ อย่างน้อยที่สุดผมจะป้องกันเฉพาะ
จุดสาคัญๆ เท่านั้น ในเรื่องการโจมตีเข้าทางมุมเงยนั้น
ผมให้เป็นหน้าที่ของประสาทสัมผัสที่อยู่ในร่างกาย
ส่วนตัวผมก็มุ่งหน้า และมุ่งหน้าพุ่งไปยังทิศทางที่คน
เรียกภูตยืนอยู่
และแน่นอนว่า อานาจและความสามารถของคลาสลับนี่
แหละ คือสิ่งที่ชว่ ยทาให้ผมไม่หยุดยั้งความตั้งใจ แล้ว
เดินหน้าก้าวต่อไปในสถานการณ์แบบนี้
‘สามารถตัดได้ทุกสิ่งทุกอย่าง’, ‘ทุกการกระทาที่
เกี่ยวเนื่องกับดาบ จะช่วยให้ประสิทธิภาพในทางที่ดี
กลับมา’ อานาจและความสามารถที่วา่ นีช้ ่างสุดยอด
จริงๆ ไม่ว่าของสิ่งนัน้ จะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่
สุดท้ายก็จะโดนตัดเฉือนออกไปราวกับเป็นเพียงแค่
กระดาษเปล่าแผ่นหนึ่งเท่านัน้ เมื่อค่าพลังเวททีม่ ีอยู่ถึง
เก้าสิบหกคะแนน ผนึกกาลังรวมเข้ากับเกียรติยศแห่ง
วิคตอเรียที่มคี วามโดดเด่นเรื่องพลังในการเฉือนมาแต่
ไหนแต่ไรนี้ จึงทาให้อานาจและความสามารถของผม
กาลังขยายใหญ่เพิ่มมากขึน้ ไปอีก
แม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีที่เบาปัญญาถึงเพียงใด แต่
ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นทีแ่ น่นอนแล้ว ระยะทางระหว่าง
คนเรียกภูตที่ดูเหมือนจะไม่ได้แคบไปสักเท่าใดนัก เริ่ม
เข้าใกล้ขึ้นทุกทีๆ เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ผมเห็นแค่แวบๆ
อย่างเลือนรางเท่านัน้ แต่ทว่าตอนนีค้ ่อยๆ เริม่ เห็นเค้า
ลางเป็นร่างคนขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่การพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยมองข้ามเรื่องการป้องกันตัว
แบบนี้ มันจะทาให้ผมได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมควร
ค่ากับการกระทาเหล่านัน้ การที่ผมจะเข้าไปสร้างความ
วุ่นวายในแนวรบทีจ่ ัดตัง้ มาอย่างระเบียบเรียบร้อยอีก
ครั้งนัน้ เห็นทีจะยากเสียแล้วล่ะ ยิง่ ถ้าเป็นผมตัวคน
เดียว ก็จะยิ่งยากมากขึน้ ไปอีก แม้ผมจะสามารถหลุด
พ้นออกมาจากกับดักแห่งเวทและลูกธนูได้ แต่ทว่าการ
โจมตีโดยใช้อาวุธต่างๆ ที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสายนัน้ เป็น
เรื่องผมไม่สามารถละเลยไปได้เลย
พลั่ก!
จากการโจมตีโดยการแทงเข้ามาด้านหลังเมื่อครั้งแรก
นั้น จึงทาให้ผมรีบชูแขนขวาขึ้น หอกที่พงุ่ เข้ามาจาก
ทางสีขา้ งนั้นก็ได้เจาะทะลุเข้าไปยังร่างของศัตรูที่อยู่
ตรงหน้า ในขณะที่ผมตัง้ ใจจะเตะหน้าอกของเจ้าหมอ
นั้นด้วยความรูส้ ึกขอบคุณ แล้วจึงค่อยวิ่งข้ามผ่านร่าง
มันไปนัน้ เอง
“อ๊าก!”
ร่างของชายผู้หนึ่งโค้งตัวอ่อนเหมือนคันศรเบนกลับเข้า
มาหาผมเหมือนมีใครสักคนเตะเขาเข้ามา ผมเห็นดังนั้น
จึงเดินเฉียดผ่านใบหูของศพไป แล้วจึงควักดาบเล่มหนึง่
ออกมา
“คิก!”
ผมสามารถบิดเอีย้ วตัวเพื่อหนีไปได้อย่างรวดเร็วก็จริง
แต่ทว่าการจู่โจมที่อยู่นอกสายตา และจู่โจมเข้ามาโดย
ไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ทาให้ผมชะงักไป และในระหว่างที่ผม
หยุดก้าวเดินไปชั่วขณะนั้นเอง ความจริงที่ผมเป็นกังวล
ก็ได้คบื คลานเข้ามาใกล้เสียแล้ว
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
พวกมันคงตั้งใจจะล้างแค้นในสิ่งที่เคยโดนมาตั้งแต่คราว
อยู่บนฟากฟ้า จึงทาให้เหล่าอาวุธจานวนมากต่าง
เพ่งเล็งมาทางผม ผมเอีย้ วกายในทันที หลังจากนัน้ จึงตี
ลังกาขึน้ สู่ท้องฟ้า แต่แล้วก็ยงั ไม่สามารถหลุดรอดจาก
การโจมตีของพวกมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โชคดีเหลือเกินที่หอกได้แค่เฉียดผ่านลาคอผมไปเท่านั้น
แต่ทว่าหน้าท้อง ขาอ่อนส่วนในนัน้ ผมรู้สึกได้ถงึ แรง
กระเทือนเบาๆ อีกทั้งยังรู้สกึ เจ็บแปลบที่หลังอีกด้วย
มิหนาซ้ามือซ้ายของผมยังเริ่มรูส้ ึกถึงอาการปวดตึงๆ ไม่
รู้ว่าไปบาดเจ็บมาตั้งแต่ตอนไหน จึงทาให้ผมได้แต่
ขมวดคิ้วนิ่วหน้า มีอะไรอุ่นๆ บางอย่างกาลังไหลเป็น
หยดๆ แต่ทว่าก็เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ผมจึงกัดฟัน
กรอด แล้วเริ่มถีบตัวออกไปอย่างแรงอีกครัง้
โชคดีที่อปุ กรณ์หลายอย่างช่วยป้องกันการปะทะอย่าง
รุนแรงในครั้งนี้ได้ แต่ทว่าในการป้องกันตามธรรมชาติที่
มีอยู่ในอุปกรณ์เหล่านี้ ต่างก็มีขอบเขตของมัน
เช่นเดียวกัน หากมีคะแนนความทนทานไม่ถึงเก้าสิบ
สองพอยต์แล้วล่ะก็ คงโดนเจาะจนพรุนไปทั้งร่างกาย
แล้ว
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงคาดการณ์ระยะทาง
อย่างรวดเร็ว ระยะทางหกสิบเมตรในช่วงแรกนั้น ตอนนี้
ลดไปครึง่ หนึ่ง เหลือเพียงสามสิบเมตรตั้งแต่เมือ่ ใดไม่รู้
แต่ทว่ายิ่งรุกคืบหน้าเข้าไปมากเพียงใด แนวรบของพวก
ศัตรูก็จะยิง่ แข็งแกร่งมากเท่านั้น และเหนือสิ่งอืน่ ใดคือ
ราชาแห่งภูตก็กาลังยืนหยัด สนับสนุนอยู่เบื้องหน้าคน
เรียกภูตทั้งหลายอีกด้วย
เพราะฉะนัน้ ผมจะต้องเลือกเส้นทางไหนกันล่ะ
ระยะทางเหลือสามสิบเมตร ระยะทางเหลือสามสิบ
เมตร
“…”
...จะแพ้หรือจะชนะ
ตอนนี้ผมคิดแต่ว่าจะต้องใช้ทักษะในการแข่งขันให้มาก
จึงได้หยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองไป แล้วจึงเตะพื้นดิน
เต็มแรง ด้วยการยืมพลังมาจากบู๊ทส์
จากนี้ไปคือก้าวแรกของการโบยบินสามขั้นตอนด้วย
ออร์โธรส ลอง บู๊ทส์
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 4
_______________________________________
การโบยบินสามขัน้ ตอน
การโบยบินสามขัน้ ตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าสามารถ
ใช้ได้เพียงสามครั้งแต่อย่างใด ผมจะแบ่งพลังในการ
เคลื่อนย้ายที่ตัวเองมีในครอบครองเป็นสามสิ่ง และใน
ทุกๆ ครั้งที่ผมกระโดด ผมจะสามารถควบคุมพลังเวทที่
เข้าไปเป็นส่วนประกอบในนั้นได้ อีกทั้งยังสามารถปรับ
ระยะทางที่จะแล่นลงสูพ่ ื้นดินได้อย่างอิสระอีกด้วย ซึ่งนี่
แหละคือความสามารถทั้งหมดของมัน
วินาทีที่ได้มุมออกมาแล้วนัน้ ผมจึงลงมือทาอย่างไม่
ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
ผมผละออกจากพืน้ ดินแล้วโผตัวขึน้ ทันทีทันใด การก้าว
กระโดดครัง้ แรกโดยใช้ความเร็วที่อยู่ในออร์โธรส ลอง
บู๊ทส์ได้เริ่มต้นแล้ว
“ตายซะ!”
ช่วงเวลาที่ผมม้วนตัวขึน้ สู่ท้องฟ้า ความกระหายเลือด
มากมายจนมิอาจคาดเดาปริมาณได้นั้นกาลังตัง้ หน้าตัง้
ตารอผมอยู่ ความกระหายเลือดเหล่านัน้ ไหลทะลักเข้า
มาอย่างรุนแรง
แต่ทว่าเรื่องนีก้ ็เป็นเรื่องที่ผมคาดเดาไว้อยู่แล้ว ด้วยเหตุ
นี้จงึ ทาให้เมื่อผมโผตัวขึ้นมาอยูบ่ นฟ้าได้สาเร็จ ผมจึง
หยุดร่างกายของตัวเองให้แน่นงิ่ อย่างรวดเร็วโดยทันที
ผมถึงสามารถรู้สึกได้ถึงความกระหายมากมายที่กาลังอ
ยูบนท้องฟ้าอันกว้างขวางเช่นนี้
ก่อนอืน่ เราจะต้องหนีออกไปก่อนก็จริง แต่ทว่าผมไม่มี
ความคิดทีจ่ ะพาตัวเองลงสู่ผืนดินแต่อย่างใด ผมสะบัด
เท้าไปมาอย่างรวดเร็วก่อนที่ตัวเองจะแล่นลงสูผ่ ืนดินได้
อย่างสมบูรณ์แบบ และแล้วหลังจากนัน้ ผมจึงรูส้ ึกได้วา่
ฝ่าเท้าของผมกาลังเหยียบอยูบ่ นหัวไหล่ของใครบางคน
เพราะอย่างนัน้ จึงทาให้ผมใช้การก้าวกระโดดของ
รองเท้าบู๊ทส์อีกครั้ง
ฟิ้ว!
ในคราวนีล้ ูกธนูได้เล็ง และยิงเข้ามาทางผมอีกครั้งหนึ่ง
แต่ถึงอย่างนัน้ ผมก็รู้สกึ ได้ว่าความกระหายเลือดได้ลดลง
ไปเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ผมจึงคว้าเกียรติยศแห่ง
วิคตอเรียออกมาเพื่อกาบังในทิศทางที่ลูกธนูพุ่งเข้ามา
อะไรบางอย่างถูกเฉือนออกไปเหลือเพียงครึ่งเดียว
หลังจากนั้นจึงอันตรธานแล่นหายวับขึ้นไปสู่ทอ้ งฟ้า แต่
ผมก็ไม่สามารถขัดขวางการกระทานัน้ ได้ เพราะรู้สึกได้
ว่ามีลกู ธนูจานวนไม่น้อยพุ่งเข้ามาทุกทิศทุกทาง แล้วจึง
ได้เข้ามาปะทะกับร่างของผม
ผมเม้มริมฝีปากเล็กน้อยมองลงไปด้านล่าง แม้จะมีเนื้อที่
เพียงเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ว่ามีขบวนแนวรบแน่นเอี๊ยด
กาลังย่าเท้าอย่างไม่หยุดหย่อน เหล่าศัตรูเงยหน้าขึ้นมา
มองผมอยู่ตาเป็นมัน และกาลังตั้งอาวุธที่มีความยาว
พอสมควรให้ตั้งตรงพอดี
หากผมแล่นลงสู่เบื้องล่างในสภาพเช่นนี้ล่ะก็ ความ
สมดุลของร่างกายมีหวังพังทลายแน่ๆ จุดสาคัญของ
การโบยบินขัน้ ที่สามคือ จะต้องแสดงให้เห็นถึงการ
กระทาและการเคลื่อนไหวตามส่วนที่ได้แบ่งเป็นขัน้ หนึง่
ขั้นสอง และขัน้ สาม โดยจะต้องกระทาให้ไหลลืน่ ราวกับ
สายน้า
เพราะฉะนัน้ คาตอบทีถ่ ูกต้องจึงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
หากผมสามารถสร้างพืน้ ที่ได้เหมือนก่อนหน้านีก้ ็จะ
สาเร็จ
ในเวลาต่อมา ผมจึงเริ่มเป่าเวทมนตร์เข้าไปในดาบ
พร้อมๆ กับร่างกายทีค่ อ่ ยๆ ร่วงหล่น แล้วจึงมุง่ หน้าไป
ยังจุดทีจ่ ะทาการโรยตัวลง เริ่มตวัดดาบฟาดฟันลงไป
ทันที
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียพ่นไอสีดาออกมาสัน้ ๆ ทุกครัง้ ที่
เป็นอย่างนัน้ มันก็จะยิง่ คลื่นยาวประมาณสามสิบ
เซนติเมตรเข้าไปทางพวกศัตรู
ผลที่เกิดขึน้ นัน้ ทาให้เกิดเสียงดังชวนน่าปวดหัว พร้อม
ทั้งการเคลื่อนตัวไปมาอย่างชุลมุนวุน่ วายท่ามกลางฝุ่น
อันหนาทึบ กระแสคลื่นที่ฟาดฟันลงมาอย่างไม่ไว้หน้า
ใครเช่นนี้ ได้กลายมาเป็นกับดักแห่งแสงในภายหลัง
แล้วแสงนัน้ ก็ได้เข้าไปช่วยสร้างหลุมขนาดเล็กบริเวณ
แนวรบของเหล่าศัตรู
ต่อมาไม่นาน ผมจึงรู้สกึ ได้วา่ เส้นผมกาลังปลิวไสวไปมา
จากแรงลมอันโหมกระหน่า แล้วจึงค่อยร่อนตัวลงสู่
พื้นดินใน ณ วินาทีที่การโบยบินครั้งที่หนึ่งได้เสร็จสิน้
และเท้าสามารถแตะสู่ผนื ดินได้อย่างปลอดภัย ผมรู้สึก
ได้ว่าแสงทีก่ าลังส่องสว่างได้เข้ามาปกคลุมทั่วทั้ง
ร่างกาย เสียงอากาศสลายตัวแยกออกจากกันดังขึน้
พร้อมๆ กับมีดอันแสนแวววาวนับสิบทีจ่ ่อเข้ามาหาผม
จากทั่วทุกสารทิศ
การโจมตีที่ต่อเนื่องอย่างนัน้ ทาให้ผมถึงกับจิ๊ปาก ผมรีบ
เงยหน้าขึน้ และจ้องเขม็งไปข้างหน้า จึงได้เห็นว่า ใน
ระหว่างที่อาวุธทั้งหลายของมันกาลังยิงมาที่ผมอยู่นนั้
แนวรบของมันกลับเละเทะกระจัดกระจายไปเสีย
หมดแล้ว ผมจึงปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา
เตรียมพร้อมสูก่ ารโบยบินครัง้ ที่สองขึ้น แล้วรีบออกแรง
วิ่งฝ่ากองทัพที่เละเทะของพวกมันไป
ผมหลับตาลงหนึง่ ครั้ง แล้วทันทีที่เปิดตาขึน้ มา ก็ได้พบ
กับภาพทิวทัศน์ตรงหน้าที่แปลกแตกต่างออกไป และใน
เวลาเดียวกันนัน้ ก็ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีดังไล่หลังขึน้ มา
อีกด้วย แต่ทว่าดูเหมือนภาพแห่งความประทับใจ
เหล่านัน้ จะต้องหายลับไปเสียแล้ว ผมไม่มีเวลาพอทีจ่ ะ
เหลียวหลังกลับไปมอง จึงเริ่มออกแรงวิ่ง แล้ววิ่งต่อไป
ในทันที
ระยะทางเหลือเพียงครึง่ หนึ่งเท่านัน้
ชั่วพริบตาเดียว ระยะทางก็ร่นลงมาเหลือเพียงครึ่งทาง
เท่านัน้ นั่นก็คือสิบห้าเมตร ถ้าเป็นในเวลาปกติ
ระยะทางแค่นี้ผมวิง่ แป๊บเดียวก็ถึง
แต่พอได้รวู้ ่าราชาแห่งภูตอยู่ตรงหน้าก็ทาให้ผมเริ่มรู้สึก
อึดอัดอย่างไม่มีสาเหตุขึ้นมากะทันหัน ดูท่าแล้วคง
สามารถเรียกได้วา่ เป็นด่านสุดท้ายที่ผมจะต้องฝ่าฟัน
ก่อนทีจ่ ะได้เข้าไปถึงตัวคนเรียกภูต แต่ทว่าเขาไม่ใช่คู่
ต่อสู้ที่ต่อกรได้ง่ายๆ
มาถึงขนาดนี้แล้วจะให้ผมทาอย่างไรล่ะ ตอนนีม้ ันขึน้ อยู่
กับว่าใครที่มองเกมออกได้มากกว่ากันแล้วแหละ ดังนัน้
ผมจึงได้ออกแรงวิ่งต่อไป
ผมลอบกลืนน้าลายครั้งหนึ่ง ผมรู้ดีวา่ หากผมโผตัวขึน้ สู่
ท้องฟ้าอีกครั้ง ตัวเองจะต้องตกเป็นเป้าหมายอีกครั้ง
หนึ่งอย่างแน่นอน แต่ทว่าพื้นที่โล่งสาหรับผม ณ ตอนนี้
ก็มีเพียงแค่ท้องฟ้าเท่านั้น ในท้ายที่สุดแล้ว ผมจะ
สามารถหลบหนีสิ่งต่างๆ ที่กาลังจ่อเข้ามา แล้วสามารถ
ข้ามราชาแห่งภูตไปได้หรือไม่
ฝากไว้กบั ดวงไม่ได้แล้วล่ะ
คนเรามักฝากชีวิตไว้กบั ดวงก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
พวกศัตรูต่างกาลังจดจ้อง เฝ้ามองทุกๆ การกระทาของ
ผมอยู่ ผมจะต้องเล็งจุดนั้นให้ได้ บางทีหากเล็งเข้าไป
ในตอนนี้อกี ครั้งน่าจะดี ทั้งเวทมนตร์ที่ใส่เข้าไปกับลูกธนู
ต่างๆ ผมจะต้องใช้งานพวกมันอีกครั้งหนึ่ง การที่ผมจะ
เจาะทะลวงราชาแห่งภูตได้แล้วออกไปได้นนั้ เริ่มเห็น
เค้าลางความเป็นไปได้มากขึ้นทุกที
ผมคิดเช่นนั้น ซึ่งในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ผมรู้สกึ ได้ถงึ
การจู่โจมทีบ่ ุกเข้ามา ผมจึงได้เริ่มลงมือปฏิบัตภิ ารกิจ
ทันที
อันดับแรกคือ คงต้องดีดตัวขึน้ จากผืนดินเสียก่อนที่จะ
ปลุกปัน่ วิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา ต่อจากนัน้
เมื่อพุ่งทะยานขึน้ สู่ท้องฟ้าแล้ว ผมก็จะใช้วชิ าการ
เคลื่อนย้ายร่างในพริบตาที่ตระเตรียมมาเพื่อไม่ให้ขาด
ตอน แต่เท้าของผม ณ ตอนนีย้ ังคงอยู่ตดิ กับผืนดิน
ผมพาตัวเองฝ่าลมที่โหมกระหน่าอย่างรุนแรง แล้วโผ
ขึ้นมาอยูบ่ นอากาศในทันที แต่ทว่าร่างกายผมกลับเกิด
การลนลานไปชั่วขณะเสียได้
ด้วยเหตุนั้นจึงทาให้ผมเสียสมดุล
ตึง!
ณ วินาทีที่ผมโผตัวขึ้นสู่เบื้องบน ผมจึงตัดสินใจลงมาสู่
ผืนดินอีกครั้งหนึ่ง
ปัง! ปัง!
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แต่สายเกินไป เพราะเวทและลูกธนูจานวนนับไม่ถ้วนพุง่
เข้าใส่ผมที่อยู่กลางอากาศ พวกศัตรูเล็งเป้ามาที่ผมซึ่ง
ลอยตัวอยูบ่ นอากาศ แต่ทว่าพอผมบินขึน้ สู่ท้องฟ้า ผม
ก็ลงสูพ่ ื้นดินด้วยวิชาการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตา ใช้
เวลาเพียงแค่หนึ่งวินาทีเท่านัน้ เพราะก่อนที่ผมจะพุ่ง
ขึ้นสู่ท้องฟ้านัน้ ผมได้ตดั สินใจแล้วว่าจะกระโดดขึ้นไป
ด้วยความสามารถในการเคลื่อนย้ายร่างในพริบตาที่ได้
เตรียมตัวไว้กบั ความสามารถอื่นๆ พร้อมๆ กัน
สิ่งนี้แหละทาให้ผมมีโอกาสอีกครั้ง
แม้จะยังมีขวากหนาม ที่ชื่อว่าราชาแห่งภูตขวางกัน้ อยู่
แต่ก็นบั ว่าดีกว่าเมื่อครูก่ ่อนหน้านี้อยู่มาก
ผมรีบเร่งลงมือทาในทันที ก่อนที่เวลาที่ผมลงทุนลงแรง
สร้างมาอย่างยากลาบากจะหมดสิน้ ไป
ผมกระชากคอเสื้อของชายผู้หนึง่ ที่เอาแต่เหม่อลอย
กะพริบตาไปมาอยูต่ รงเบื้องหน้า แล้วจึงพากระชากลงสู่
เบื้องล่างอย่างเต็มแรง
ผมคิดว่าการกระโดดในครั้งนีน้ ี่แหละ ที่บอกได้ว่าเราจะ
แพ้หรือชนะ ผมคิดเช่นนั้น แล้วค่อยเหยียบไหล่ของชาย
ที่ยอมให้กระชากตัวลงมาอย่างว่าง่าย แล้วจึงดึงพลัง
ความมุ่งมัน่ ที่อยูข่ ้างในออกมา และวิ่งพรวดข้ามไปใน
ที่สุด
ระยะทางระหว่างราชาแห่งภูตเหลือประมาณห้าเมตร
เท่านัน้ ซึ่งเป็นระยะทางที่สามารถใช้พลังก้าวกระโดด
ข้ามไปได้อย่างสบายๆ ไม่รู้วา่ ผมออกแรงวิง่ อย่าง
สุดกาลังหรือไม่ เพราะร่างกายของผมโผบินไปในอากาศ
วาดเส้นโค้งอย่างสวยงาม จนสามารถเข้าใกล้กับอสูรน้า
ร่างใหญ่ได้ในชัว่ พริบตา
ดูเหมือนราชาแห่งภูตพอจะรับรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับ
ตัวผมได้แล้ว มันก้มหัวลงมองมาข้างล่าง แล้วจึงเริ่ม
จ้องผมตาเขม็ง หลังจากนัน้ จึงบังเกิดลาแสงสีฟ้าจานวน
หลายสิบเส้นพุง่ ออกมาจากทั่วทั้งร่ายกาย ในเวลา
เดียวกัน ที่แขนขวาของมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
บางอย่างอีกด้วย ผมทีก่ าลังโผตัวขึน้ ไปข้างบนนัน้ โดน
ลาแสงสีฟ้าที่มพี ลังรุนแรงจ่อเล็งที่ตวั แล้วมันก็ยิง
ออกมา
ปัง ปัง ปัง!
สถานการณ์ที่แทบไม่แตกต่างไปจากการกระดมยิงเช่นนี้
ทาเอาผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ผมรับมือกับสิง่ นัน้
ด้วยการยื่นดาบไปด้านหน้า พร้อมทั้งใส่พลังเวทเข้าไป
อย่างสุดกาลัง แล้วจึงค่อยเตรียมกระแสคลืน่ ทีจ่ ะมา
เฉือนร่างราชาแห่งภูต
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ผมรับมือกับสิ่งเหล่านัน้ ด้วยความมั่นอกมัน่ ใจอย่าง
เปี่ยมล้น ลาแสงสีฟา้ ที่เข้ามาสัมผัสร่างนัน้ ได้กอ่ ตัวเป็น
ละอองน้ากระจายไปทัว่ เหมือนกับคราวก่อน แล้วจึง
ค่อยพุง่ กระฉูดขึ้นสูฟ่ ากฟ้า ถึงผมจะโดนทุบ โดนตีมา
อย่างต่อเนื่องจนถึงเมื่อครูน่ ี้ แต่ถงึ อย่างนัน้ ด้วยความที่
ผมยังมีพลังต้านทานเวทอยู่ จึงทาให้ผมสามารถป้องกัน
ลาแสงสีฟ้าจานวนหลายสิบสายได้อย่างเฉียดฉิว
วินาทีนนั้ ผมเห็นได้ถงึ ความโมโหที่มีอย่างเต็มเปี่ยม
ไหนจะแขนขวาที่มขี นาดใหญ่โตมากขึน้ กว่าแต่ก่อนยืน่
เข้ามาหาผม ผมไม่สามารถเพิกเฉยต่อพลังที่หมุน
วนเวียนในการโจมตีครัง้ นี้ได้อกี ต่อไปแล้ว
กาปั้นแห่งมวลน้าหมุนวนไปมาอย่างทรงพลัง
เหมือนกับตอนที่ผมวิง่ อย่างเอาเป็นเอาตายไม่มี
ผิด กาปัน้ แห่งมวลน้ายิงพุง่ เข้ามาอย่างรุนแรง เหมือน
ตั้งใจจะทุบผมให้ตายเสียเดี๋ยวนัน้
ผมจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างอย่างแน่นหนา แล้วจึง
รวบรวมสติ สมาธิที่มีอยู่ทั้งหมด ก่อนที่สิ่งเหล่านัน้ จะ
เข้ามาปะทะร่าง
ในวินาทีทกี่ าปั้นและดาบกาลังจะปะทะกัน ผมหมุนเอียง
ดาบให้อยู่ในแนวเฉียง ร่างกายของผมเองก็บิดเอียงไป
ทางด้านขวามือเฉกเช่นเดียวกัน ประสบการณ์ที่ผมเคย
เปิดฉากประลองแบบตัวต่อตัวกับราชินีแห่งดาบเมื่อ
คราวก่อนนั้นได้กลายมาเป็นตัวช่วยสาคัญสาหรับผม ณ
ตอนนี้ และสิ่งเหล่านัน้ ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา
พริบตาเดียวเท่านั้น
ข้อศอกด้านซ้ายทีเ่ ฉียดผ่านเกิดความรู้สึกแสบร้อน
เล็กน้อย แต่ทว่ากาปัน้ แห่งมวลน้าที่พงุ่ ทะลักออกมานั้น
ได้กลายร่างเป็นธารน้าอันแสนยิ่งใหญ่ และแน่นอนว่า
ตอนนีม้ ันกาลังแล่นผ่านด้านข้างร่างผมไป ผมเข้าไปใน
ธารน้า ไหลตามไปเรื่อยๆ เพื่อมุง่ หน้าไปยังส่วนลาตัว
ของมัน และหลังจากนัน้ ผมจึงพุง่ หลาวเข้าไปปะทะตรง
กลางลาตัวของราชาแห่งภูตทันที
ในพริบตานัน้ ผมก็มองเห็นทะเลสีฟา้ สวยปรากฏอยู่
ตรงหน้า แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผมคาดผิด คิดไปเอง
เท่านัน้ แท้จริงแล้วสิ่งทีผ่ มเห็นคือกาแพงน้าขนาดใหญ่
ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงแปดเมตร พวกมันคงตัง้ ใจจะจับ
ผมกดทะเลจริงๆ แต่ผมก็ยังมุ่งไปด้านหน้าและวาดเส้น
โค้งขนาดใหญ่ดว้ ยกระแสคลื่นที่เตรียมไว้
เปรีย๊ ะ!
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 5
_______________________________________
ทันใดนั้น ทะเลที่เคยเห็นอยู่ตรงเบื้องหน้า จึงได้เปิดทาง
แยกตัวออกจากกันอย่างน่าเหลือเชื่อ มองเห็นท้องฟ้า
ว่างเปล่าที่อยู่ด้านหลัง
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็เห็นได้แค่ว่านี่คือโอกาสที่จะให้ผม
ได้เข้าปะทะ ต่อสูช้ ่วงชิงกับราชาแห่งภูต
ทว่าผมได้พับความคิดเหล่านัน้ เก็บไว้เสียดื้อๆ แม้จะได้
ชื่อว่าราชา แต่ถึงอย่างนั้นราชาแห่งภูตก็ยังเป็นผู้
อัญเชิญเหมือนกัน หากตัวกลางสาคัญของการอัญเชิญ
ถูกสังหารไป เห็นทีคงจะสิ้นสลาย ดับสูญไปตาม
ธรรมชาติอย่างแน่นอน
จุดประสงค์ของผมมีเพียงหนึ่งเดียว นัน่ ก็คือ คนเรียก
ภูต
ผมคิดทบทวนซ้าไปซ้ามา ทันใดนั้นเอง น้าจากทะเลที่
แยกออกจากกันเพียงเสีย้ ววินาทีกเ็ ดือดพล่าน แล้วจึง
ค่อยเริ่มเชื่อมกลับคืนสูส่ ภาพเดิม ผมเห็นดังนัน้ จึงรีบ
ถลาตัว พุ่งออกไปตรงรอยแยกที่ปรากฏขึน้ ก่อนที่มันจะ
เชื่อมต่อกัน
สำเร็จ!
และในวินาทีที่ผมคิดได้เช่นนัน้ คือหลังจากหนีรอด
ออกมาได้นนั่ เอง
“แฮ่กๆ”
ทันทีที่ผมแยกออกมาจากราชาแห่งภูตได้สาเร็จ สายลม
ก็เข้าโจมตีหลังของผมโดยไม่รตู้ ัว ถึงไม่โดนสายลมจู่โจม
แต่การที่ผมไหลไปตามน้า แล้วแฝงตัวเข้าไปเช่นนัน้ ทา
ให้อัตราความเร็วลดลงเป็นเรื่องปกติ ทว่าการ
กระทบกระทั่งเพียงแค่ครั้งเดียวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ทาเอา
ผมร่างกายของผมเสียสมดุล
หลังจากนั้นผมจึงรู้สึกได้ว่าร่างกายเริ่มเอียงและเอียง
มากขึ้นไปทุกที แต่ผมไม่สามารถล้มเลิกความตั้งใจนี้ได้
หากผมยอมปล่อยให้ร่างกายร่วงหล่นไปเช่นนี้ ความ
เหนื่อยยากลาบากที่เผชิญมาตลอดจนถึงตอนนี้กค็ งสูญ
เปล่า
“อึก!”
โชคดีทกี่ ารมุ่งมัน่ ของผมมันมาจนถึงขีดสุดแล้ว จึงทาให้
สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้
ผมไม่ได้ต้านทานพลังทีเ่ ข้ามาปะทะด้านหลังแต่อย่างใด
กลับน้อมรับเอาไว้อีกต่างหาก ผมได้ปรับแรง
กระทบกระเทือนที่รบั มา เหมือนกับตอนที่ช่วยเหลือตัว
อันซลจากพิธีเปลี่ยนสภาวะในสมัยก่อนไม่มีผดิ แล้วผม
จึงเปลี่ยนให้มนั กลายเป็นพลังที่จะเร่งให้ผมมุง่ ตัวไป
ด้านหน้าได้อย่างฉับไวมากยิง่ ขึน้ ทันใดนัน้ ร่างกายที่
เคยหยุดนิ่ง จึงได้กระเด็น หลุดออกไปได้ในชัว่ พริบตา
พรึบ่ !
สายลมเบาบางพัดผ่านศีรษะ ท้องฟ้าปลอดโปร่งปรากฏ
อยูต่ รงเบื้องหน้า ทันทีที่ผมได้เห็นภาพเหล่านัน้ จึงคิดได้
ว่าภารกิจที่ตัวเองตั้งใจฝ่าฟันมาใกล้จะถึงขัน้ ตอน
สุดท้ายกันแล้วเสียที ความดีใจแผ่ซ่านเข้าไปทัว่ ทุกอณู
ของร่างกาย
ระยะทางเหลือสิบเมตร สภาพของผม ณ ขณะนี้คือ
กาลังลอยตัวอยู่บนฟากฟ้า
การโบยบินครั้งที่สองเสร็จสิน้ ไปแล้ว ผมก้มหน้ามอง
ด้านล่าง แล้วจึงได้เห็นว่าขณะนีค้ นเรียกภูตอยูใ่ นระยะ
เพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น ในที่สุดผมก็สามารถเข้ามาอยู่
ในเขตแดนของคนเรียกภูตได้สาเร็จ
ไม่รู้วา่ รอยยิ้มจองหองเมื่อครู่หายไปไหนเสียแล้ว เพราะ
ผมเห็นพวกมันกาลังยืนเหม่อลอย อ้าปากหวออยู่ ผม
รู้สึกได้ว่าความสาเร็จกาลังอยู่เบื้องหน้า ความคิดที่เคย
เลือนรางจนจับต้นชนปลายไม่ถูก ตอนนี้กาลังชัดเจนอยู่
เบื้องหน้าแล้ว
ผมปลุกพลังเวทให้ไหลวนไปทั่วร่างกาย เหล่าผู้เล่น
จานวนมากมายนับไม่ถว้ น กาลังมองผมอยู่ด้านล่าง
ความรู้สกึ เมื่อตอนได้ซีโร่โค้ดในอดีตนัน้ ได้กลับฟื้นคืนขึน้
อีกครั้ง
ทำได้อยู่แล้ว
ความเร็วของผมเริม่ กลับคืนมาบางส่วน ทัง้ นีก้ เ็ พราะ
พลังทีร่ าชาแห่งภูตได้เพิ่มเสริมให้ผมมา ผมจึงได้เริม่ ลด
ตัวลงต่า ในครั้งนี้แหละที่การก้าวกระโดดอันทรงพลังกับ
พลังเวทจะได้แหวกท้องฟ้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คน
เรียกภูตที่มองผมอยูน่ นั้ กัดฟันกรอดด้วยสีหน้าโกรธแค้น
และก็แปรเปลีย่ นมาเป็นสีหน้าแสนโหดเ**้ยมใน
พริบตา
ผมเจาะเข้าไปยังทรวงอกของสตรีผนู้ ั้นโดยตรง แล้วจึง
ค่อยกระตุ้นพลังเวทที่ไหลวนเวียนทั่วร่างกาย ตอนนี้
เหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
ซู่!
ในตอนนัน้ เอง
การกระทาของคนเรียกภูตที่ได้ทิ้งชัยชนะไว้ตรงเบื้อง
หน้า ทาให้ผมต้องใส่พลังเข้าไปในดวงตา
และนั่นคือช่วงที่ผมจะเริ่มหย่อนตัวลงสู่เบื้องล่างแล้ว
เสียที
คนเรียกภูติคงจะเข้าใจการบุกเข้ามาเช่นนี้ของผมแล้ว
พวกมันจึงได้อ้าปาก ตะโกนออกมาสุดเสียง หลังจากนั้น
จึงชี้ไม้ชมี้ ือมายังทิศทางที่ผมจะแล่นตัวลง
ซู่!
ในตอนนัน้ ณ จุดที่ผมกาลังจะแล่นลงก็บังเกิดมีสายน้า
ขนาดใหญ่และมีเงาดามือปกคลุมอยู่ทางด้านซ้ายมือ สิง่
เหล่านัน้ ผลุบๆ โผล่ๆ ไปมา พวกมันตัง้ ใจจะสกัดกัน้ จุด
ที่ผมจะข้ามผ่านแน่ๆ จึงได้ไหลเชีย่ วกรากขนาดนั้น
อีกทั้งทางด้านขวามือเองก็มีมวลน้าที่กาลังไหลเชี่ยวโหม
กระหน่าเข้ามาอีกด้วย ผมจึงเข้าใจสถานการณ์ตอนนัน้
ได้ในทันที แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสัน้ ๆ แต่ทว่าผมก็มี
เผลอหลุดอุทานในใจเช่นเดียวกัน
สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นการโจมตีที่ผมได้ประเมินเอาไว้แล้ว
อย่างแม่นยา แม้กระทั่งอัตราความเร็วที่จะพุ่งเข้าไป
หากผมรักษาความเร็วไว้แล้วบินไป ในวินาทีที่ผม
สามารถแล่นลงได้สาเร็จนัน้ ความกระหายทีป่ ะทุ
ออกมาจากทั้งสองฟากฝั่งคงจะถึงคราวระเบิดเป็นแน่
เป็นแบบนัน้ ไม่ได้สิ
การก้าวกระโดดยังไม่สนิ้ สุดดี ผมจึงหมอบตัวลงไป ส่วน
พลังเวทที่ได้เติมเต็มไว้เมื่อครูน่ นั้ ก็กาลังไหลย้อนกลับ
เข้าสูร่ ่างกายดังเดิม
วินาทีก่อนที่ผมจะหยุดตัว ณ จุดข้ามผ่านที่อยูเ่ บื้องหน้า
นั่นเอง
ปัง!
ผมยืดตัวออกอีกครั้งอย่างไม่รีรอ และกระตุน้ ให้พลังเวท
ที่หมุนวนทั่วร่างกายปะทุออกมาอีก หลังจากนัน้ ผมจึง
กระเด้งออกไปตามเส้นโค้งอีกครัง้ ราวกับดีดหนังยาง
แล้วเส้นโค้งนัน้ ก็ได้เปลีย่ นกลับไปคล้ายกับเส้นตรงตาม
เคย
การก้าวกระโดดครั้งสุดท้ายคือการเคลื่อนไหวโดยใช้
ทฤษฎีแรงยืดหยุ่น
ผมจาต้องงอร่างกายให้มีลักษณะโค้งงอเหมือนลูกธนู
หลังจากนั้นจึงค่อยใช้แรงยืดหยุน่ เหล่านัน้ ในการพุ่งตัว
ไปข้างหน้า
ระดับความเร็วในการตกลงไปนัน้ เร็วขึ้นมาหนึง่ ขัน้ ผม
จึง ‘ข้าม’ จุดข้ามผ่านมาด้วยสภาพนัน้
เปรีย๊ ะ!
ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย หลังจากผ่านจุดที่มีเวทมนตร์
เข้ามาแล้วนัน้ ผมรูส้ ึกได้เพียงแสงที่ยิงพุง่ ขึน้ มาสู่
ท้องฟ้าและละอองน้ากระจายเท่านั้น
ผมคิดว่านีค่ งเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จากความหวังที่ขยับ
ใกล้เข้ามา ผมเทพลังไปที่เกียรติยศแห่งวิคตอเรีย แล้ว
จึงเล็งเป้าไปยังเหล่าผู้เล่นที่ห้อมล้อมคนเรียกภูตกับสตรี
ผู้นั้น
ความสามารถที่เก็บงาเอาไว้กเ็ พื่อจังหวะนี้ ในที่สุดดาบ
สีขาวจึงได้ส่งเสียงกระทบกระทั่งดังขึ้นมา แสงแห่งดาบ
กระจายไปทั่วทุกพืน้ ที่ เสียงกรีดร้องดังขึน้ พร้อมกับร่าง
ของเหล่าผู้เล่นหลายสิบที่ล้มลงไป มีคนเรียกภูตรวมอยู่
ในคนเหล่านัน้ ด้วย มันยืนซวนเซดุเหมือนจะยังไม่ตาย
และจับแขนข้างขวาเอาไว้เพื่อประคองร่างกายของ
ตนเอง
คนเรียกภูตยันกายขึ้นมาแทบจะไม่ไหวกาลังจ้องมองผม
ที่เข้ามาอย่างกระชัน้ ชิด ในมือขวาของคนเรียกภูตนัน้ มี
คาลิโก อาบราซัสอยู่ ไม่รู้วา่ พวกมันไปเก็บมาเมื่อไหร่
ทันทีที่ผมเห็นท่าทีเช่นนั้น ความดีใจของผมแผ่ซ่านไป
ทั่วทั้งร่างกาย
สิ่งที่ผมอดทนแล้ว อดทนเล่ามาจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อวินาที
นี้ ผมฝ่าฝันมามายมาก สุดท้ายจึงได้มาซึ่งโอกาสที่สร้าง
ขึ้นอย่างยากเย็นในที่สดุ
ผมคิดว่านีค่ งเป็นจุดสิ้นสุดกันแล้วเสียที จึงได้เหวี่ยง
แขนขวาไปด้านหลังอย่างสุดกาลัง
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียส่งเสียงดังออกมาอย่างที่ไม่เคย
เป็นมาก่อน คงจะช่วยยืนยันชัยชนะในครั้งนี้ของผมเสีย
กระมัง
“อ๊ากกก!”
คนเรียกภูตส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ราวกับตั้งใจจะดิ้น
รนให้ได้เป็นครัง้ สุดท้าย พร้อมทั้งยกคาลิโก อาบราซัส
ขึ้นมาอย่างเหนื่อยอ่อนอีกด้วย ด้วยสาเหตุนนั้ จึงทาให้
ระยะทางระหว่างผมกับคนเรียกภูตกลายเป็น ‘ศูนย์’
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง แสงสีขาวกับแสงสีดาก็เกิด
ตัดผ่านกันพอดิบพอดี
ฉับ!
ตุ้บ!
มีอะไรบางอย่างพาดผ่านร่างผมไป ในขณะที่ผมลงสู่ผืน
ดิน ไม่รู้วา่ ผมใช้พลังทุม่ เททั้งแรงกายแรงใจไปมาก
หรือไม่ จึงทาให้เกิดเสียงดังกึกก้องสนัน่ แกนโลก พร้อม
กับหมูม่ วลฝุ่นดินทีก่ ่อตัวขึน้ มา จนทาให้อาณาบริเวณ
หนาทึบไปหมด
ทว่าสิ่งที่ผมรู้สึกได้ทวั่ ทัง้ ตัว ณ ขณะนี้ ไม่ใช่ผนื ดินที่แข็ง
กระด้างแต่อย่างใด ผมรู้สึกได้ถึงเนื้อหนังมังสาอะไร
บางอย่างของมนุษย์ที่ทั้งนุ่ม ทั้งหยุ่น ผมข่มความรู้สกึ
ต่างๆ เอาไว้แล้วเงยหน้าขึน้ จึงเห็นเลือดสีแดงฉานทีพ่ ุ่ง
กระฉูดเป็นระยะๆ กับศพไร้คอที่ถกู บดจนแหลกละเอียด
เลือดไหลทะลักออกมา
“…”
ผลลัพธ์ที่ได้มานัน้ เกิดขึน้ โดยใช้เวลาเพียงแค่เสีย้ ววินาที
เท่านัน้ เมื่อเทียบกับความยากลาบากที่เผชิญมา ผมสูด
ลมหายใจ พลางคิดว่าในที่สุดก็ฆ่ามันได้สาเร็จ ทว่านีย่ ัง
ไม่ใช่จุดจบ ผมยกร่างไร้วิญญาณแล้วจึงค่อยยันกายขึน้
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด ฝุ่นที่ก่อตัวขึ้นก็สลายตัว
ไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ ผมเห็นเพียงแค่พวกศัตรูทมี่ องผมกับ
คนเรียกภูตอย่างเหม่อลอย
ผมเงยหน้าขึน้ ไปมองบนท้องฟ้าในขณะที่มือซ้ายกาลัง
ถือประคองร่างไร้วิญญาณ และมือขวาที่กาลังกอบกุม
เกียรติยศแห่งวิคตอเรีย เมฆหมอกมืดครึ้มกาลังเข้าปก
คลุมท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว
ซู่!
มวลน้ามหาศาลที่ราชาแห่งภูตเนรมิตขึ้นมานั้นค่อยๆ
กระจายแตกตัวในชั่วพริบตา แล้วจึงสาดกระจายไปทัว่
ทุกสารทิศในเวลาต่อมา พอผู้อัญเชิญตายไปแล้ว ก็คง
ไม่สามารถดารงอยู่ทนี่ ี่ได้อีกต่อไปแน่ๆ
เหล่าศัตรูตา่ งเปียกปอนด้วยหยาดฝนที่ตกลงมาทั่ว
อาณาบริเวณ ตอนนีพ้ วกมันคงจะตัง้ สติได้แล้ว จึงทาให้
ความอยากฆ่าสังหารคนอันแสนโหดเ**้ยมได้เข้ามาปก
คลุมพวกมันอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเงยหน้ามอง
ไปบนท้องฟ้าอยู่ดี ป่านนี้สัญญาณคงจะเด้งไปฝั่งนั้น
แล้ว
เปรีย้ ง!
ผมเห็นแสงฟ้าผ่าที่สว่างวาบออกมาระหว่างกลีบเมฆ
ทันใดนั้นผมรู้สึกได้วา่ มีพลังได้เข้าไปอยู่ในแววตาของ
ผม วินาทีที่ผมยืนยันได้ถึงสิ่งนัน้ ผมจึงปะทุพลังเวทให้
ทะลักออกมา พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกนออกไปดังๆ
“พี่!”
และในตอนนัน้ เอง
เปรีย้ งงง!
โลกทั้งใบจึงได้แปรเปลีย่ นเป็นสีเหลืองเข้ม
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 6
_______________________________________
แม้ตอนนี้จะยังเช้าตรู่อยู่ แต่ทว่าทุ่งกว้าง ณ บาร์บาร่า
แห่งนี้กลับมีกลุ่มเงาขมุกขมัวเข้าปกคลุมอยู่ไม่ขาด ดวง
อาทิตย์ส่องแสงสว่างอยู่กลางฟากฟ้า แต่ทว่ากลับมีกลุ่ม
เมฆดามืดเข้ามาบดบังแสงแดดไปตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้
บรรยากาศมืดครึม้ นีด้ ูเหมือนช่วงก่อนฝนตกโปรยปราย
ไม่มีผิด
สายลมเบาบางจากที่ใดสักที่พัดเอื่อยเฉื่อยเข้ามา ณ ทุง่
กว้างแห่งนี้
และสายลมทีพ่ ัดอยู่ ณ ทุ่งกว้างนีก้ ็กาลังพัดผ่านไปจน
เกินความพอดี
ในตอนนัน้ เอง
ลั้ลลา ลั้ลลา ลั้ลลา...
ลัล้ ลา…
ลา…
ตู้ม!
มวลน้าที่กาลังส่งเสียงร้องเพลงเยินยอในชัยชนะ จู่ๆ ก็
ถูกสายลมทีพ่ ัดเข้ามากลืนกินจนสิน้ เสียงหายไปได้ใน
คราเดียว ของเหลวต่างๆ ที่ถูกเนรมิตขึน้ มาเป็นรูปเป็น
ร่างนัน้ ค่อยๆ สลายกระจายตัวออกไป แล้วจึงกลายเป็น
ละอองน้ากระเซ็นสาดเต็มไปทั่วฟากฟ้า
หลังจากเหตุการณ์อนั น่าอัศจรรย์ใจนี้เกิดขึน้ จึงทา
ให้คิมยูฮยอนค่อยๆ เงยหน้าขึน้ อย่างช้าๆ เขายืนดูด้วย
ท่าทางเหม่อลอย ทั้งสายตาและใบหน้าต่างก็กาลังจด
จ้องไปยังที่ใดที่หนึ่งอย่างเลื่อนลอย แต่ทว่าเขาก็ได้สดู
ลมหายใจเข้าสัน้ ๆ หนึ่งครึ่ง แล้วจึงยกมือขวา เริ่มร่าย
เวทในที่สดุ
หลังจากนั้นไม่นาน จึงบังเกิดลวดลายหนึ่งปรากฏอยูบ่ น
มือที่กาหมัดแน่นของเขา พร้อมทั้งพลังแสงสีทองส่อง
ประกาย พลังเวทสีทองนั้นค่อยๆ แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างใน
ชั่วพริบตาเดียว แล้วจึงค่อยเกิดปรากฏการณ์ปล่อย
กระแสไฟขึน้ กระแสไฟนั้นได้พงุ่ ทะยานขึน้ สู่ทอ้ งฟ้า
และเริ่มย้อมสีให้กลายเป็นสีทอง ปรากฏการณ์เมฆดา
ผันแปรเป็นเมฆทองนี้ ช่างสวยงามจับใจ ถึงขนาดที่
เรียกได้วา่ เป็นภาพทิวทัศน์อนั แสนวิเศษเลยก็วา่ ได้
ร่างกายของคิมยูฮยอนถูกโอบล้อมไปด้วยแสงสีทอง
เปล่งประกาย พร้อมทัง้ กระแสของพลังเวทที่หลั่งไหล
ออกมาก็กาลังเต้นระบากันอยูบ่ นท้องฟ้า ท่าทางการ
ทอดสายตามองภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านัน้ ช่างดู
สงบนิ่งเหนือคาบรรยาย แต่ทั้งนัยน์ตา ริมฝีปากและ
หัวไหล่นนั้ สั่นเบาๆ
แล้วจู่ๆ คิมยูฮยอนก็หลับตาลง ใบหน้าของเขาเริ่มบิด
เบี้ยวในเวลาต่อมา สีหน้าของเขาในตอนนี้ล้วนกาลัง
แสดงออกถึงความกังวล, ทุกข์ใจ, เศร้าสลด, อนาถใจ
และน้าตา ซึ่งทั้งหมดทัง้ มวลนี้สามารถแสดงให้เห็นถึง
‘ความเสียใจ’ ที่มีอยู่เปีย่ มล้น
“…”
ผ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่นกั คิมยูฮยอนจึงได้แบมือที่กา
อยู่ออกแล้วจึงค่อยๆ ปริปากพูดออกมาอย่างเงียบๆ ว่า
“สิ้นสุดกันเสียที”
เปรีย้ ง!
ในชั่วพริบตานัน้ โลกทัง้ ใบก็สว่างจ้าด้วยแสงจากสายฟ้า
และเสียงฟ้าร้องที่บงั เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กัน คิมยูฮยอนที่
ก้มหน้าน้อยๆ อยูน่ ั้นก็ค่อยเงยหน้าขึน้ นัยน์ตาที่ลืม
ขึ้นมาของเขานั้น มีประกายแสงสีอาพันเข้มกาลังไหล
ทะลักเป็นเส้นสายออกมาราวกับเส้นด้าย
คิมยูฮยอนขยับลูกกระเดือกขึน้ ลงเหมือนคนคอแห้ง
แล้วเขาจึงเค้นลาคอ พยายามพูดคาต่อมา เหมือนคนที่
กาลังพ่นอะไรสักอย่างออกมาจากปาก
“ฟ้าจงผ่า!”
เปรีย้ ง เปรี้ยงงง!
และแล้วแสงสีเหลืองเข้มจึงได้เข้าปกคลุมทั่วทัง้ โลก
วินาทีทชี่ ายเสื้อคลุมของคิมยูฮยอนปลิวไสวไปกับสาย
ลมนัน่ เอง
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
เกิดลาแสงจานวนหลายร้อยเส้นพุ่งลงมาจากท้องฟ้าสี
อาพัน เข้าปกคลุมทัว่ ทุ่งกว้างแห่งนั้น

***
แสงจากสายฟ้าที่ส่องแสงอยู่ระหว่างกลีบเมฆได้จุด
ประกายทาให้บริเวณนีส้ ว่างไสวอย่างมาก พวกศัตรูที่ดู
เหมือนจะบุกเข้าแม้กระทั่งในช่วงเวลาเช่นนี้ ต่างก็หยุด
การเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ คงจะรู้สกึ ได้ว่าตอนนีม้ ีอะไร
บางอย่างที่แปลกหูแปลกตาไป แล้วผมจึงได้เงยหน้าขึ้น
ไปมองบนท้องฟ้า แต่ทว่าดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว
เพราะเทพเจ้าสายฟ้ากาลังแสดงฤทธิ์เดชออกมาแล้ว
นั่นเอง
ฮึ่ม!
ในวินาทีที่ผมได้ยินเสียงฟ้าร้องดังออกมาแทบจะ
ใกล้เคียงกับเสียงระเบิดนั้น ผมก็รู้สึกว่าเส้นผมกาลังลุก
ชูชนั พร้อมๆ กับทัศนวิสัยที่แปรเปลีย่ นไปจนแทบจะ
ขาวโพลน
ผมมองไม่เห็นอะไรเลยไปชัว่ ขณะหนึ่ง ผมจึงปลุกพลัง
เวทแล้วกระตุน้ พลังสายตาในทันที ทันใดนัน้ จึงเห็นเข้า
กับภาพทีก่ ลุ่มเมฆสีทองบนท้องฟ้ากาลังละลายไหล
ทะลักลงมายังผืนดินเบือ้ งล่าง
และนั่นคือ มรสุมฝนฟ้าคะนองจากสายฟ้าฟาด
ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึม่ !
เปรีย้ งงง!
ความกระหายเลือดอันแสนเจ็บแสบทิ่มแทงเข้ามาที่ผิว
สายฟ้าที่ผ่าลงมาเป็นเส้นตรงกาลังฟาดลงมาตรงผืนดิน
อย่างรุนแรง และทาให้เกิดหลุมขึ้นมาในที่สุด พวกศัตรู
ไม่มีเวลาตอบโต้อะไรใดๆ พวกมันไหลไปตามธารน้าที่
เข้ามาปกคลุมผืนดิน แล้วจึงค่อยกระจายออกไปในทั่ว
ทุกสารทิศ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกาลังได้เห็นสายธารน้า
ที่ถูกรังสรรค์จากอานาจไฟฟ้า
“อะ...อึ๊ก! อ๊ากกก!”
“อ๊ากกก!”
สายฟ้าที่ฟาดลงมานัน้ ทาให้บังเกิดเสียงกรีดร้องดังขึน้
ไปทั่วทุกหนแห่ง
ทั้งสี่ทิศรอบด้านเริ่มมีเสียงดังเอะอะขึ้นมา
“เฮือก! อ๊ากกก!”
“โอ๊ยยย”
ประสิทธิภาพในการผนึกกาลังกันระหว่างกระแสไฟฟ้า
กับน้านัน้ ออกมาสุดยอดมากจริงๆ พวกศัตรูทโี่ ดนไฟดูด
ต่างอยูใ่ นสภาพร่างกายสั่นเทิ้ม ยิ่งไปกว่านั้นทัว่ ทั้งร่างก็
ไหม้เกรียม จนแทบจะดาเป็นตอตะโก ผมไม่สามารถนับ
จานวนคร่าวๆ ของคนที่หายไปได้เลย การที่ผมยืนตัว
แข็งทื่ออยู่เฉยๆ เพื่อจากัดการเคลื่อนไหวของตัวเองใน
ครั้งนี้ ดูท่าจะย้อนกลับมาทาพิษให้เสียแล้วสิ
ผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าสถานการณ์ของพวกศัตรูทถี่ ูก
ไฟดูดนั้นจะดีขึ้นหรือไม่อย่างไร เพราะเจ้าศัตรูผู้แสน
โชคร้ายที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสายฟ้าฟาดโดยตรงนี้ ทา
ให้ผมไม่สามารถสืบหารูปพรรณสันฐานเดิมตั้งแต่
แรกเริ่มของพวกมันได้เลย เศษชิน้ เนื้อที่ลงเหลืออยู่เพียง
บางส่วนแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์อนั น่าสยดสยองที่
เกิดขึน้ จากเหตุการณ์นี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมจึงได้ยืนตัวแข็งทื่ออยูท่ ี่เดิม
แล้วใช้สายตากวาดมองบริเวณโดยรอบ และผมเองก็
กาลังยืนอยู่ในที่แห่งนี้เช่นเดียวกันจึงไม่สามารถที่จะ
หลีกหนีสายฟ้าฟาดไปได้เลย สายน้าสีเหลืองทองที่ได้
กล้ากลืนร่างผู้เล่นจานวนหลายสิบไปเมื่อครู่กาลังไหล
เข้ามาหาผม ราวกับจะกาจัดผมไปให้ได้ แสงอันรุง่ โรจน์
เองก็กาลังไหลบ่าเข้ามาหาผมด้วยความเร็วที่ไม่แพ้กนั
เปรีย๊ ะ! เปรี๊ยะ!
ในเวลาต่อมา สายน้าแห่งสายฟ้าฟาดที่เข้ามาในระยะ
ประชิดก็เกิดปรากฏการณ์ไฟรัว่ อย่างแรง จากนั้นจึงบุก
เข้ามาราวกับคลืน่ ซัด
เปรีย๊ ะ! เปรี๊ยะ!
สายน้าแห่งสายฟ้าฟาดปะทะกับการต้านทานเวทอย่าง
น่าเสียวไส้ แล้วจึงบังเกิดระลอกคลื่นอันแสนน่าขนลุก
ออกมา แต่ทว่าผมยังโชคดี เพราะมันได้ไหลผ่านผมไป
หลังจากนั้นค่อยไหลไปอย่างเรื่อยเฉื่อยเหมือนสายน้า
ธรรมดา ความสามารถในการปรับพลังเวทของพีช่ าย
นั้น ทาให้บังเกิดแสงจ้าออกมา
ผมเห็นดังนัน้ จึงถอนหายใจโล่งอก แต่ทว่าผมก็ไม่ได้
เชื่อถือความสามารถในการต้านทานเวทเพียงอย่าง
เดียวหรอก เพราะผมเตรียมพร้อมปลุกพลังของฮวาจอง
ทุกเมื่อ
เทพเจ้าสายฟ้า อันเป็นความสามารถเฉพาะตัวของ
พี่ชาย
ความสามารถของเทพเจ้าสายฟ้านั้นมีอยู่มากมายหลาย
สิ่ง เช่น การเพิ่มขึ้นของทัศนวิสัยและความสามารถใน
การปรับแก้พลังเวท เป็นต้น แต่หนึง่ ในนัน้ คือ ‘การ
ขยาย’ นับเป็นผลงานชิน้ เอก ซึ่งนั่นก็คือ การหยิบยืม
พลังจากเทพเจ้าสายฟ้า แล้วนาพลังนัน้ มาทาให้
ขอบเขตความสามารถของตัวเอง พร้อมทั้งพลังในการ
ทาลายมีประสิทธิภาพขยายเพิ่มมากขึ้น
สิ่งนีน้ ั้นไม่สามารถนามาเทียบกับการขยายเฉยๆ ได้
หากสังเกตจากชื่อ ก็จะรู้ได้วา่ มีคาว่า ‘เทพเจ้า’ เข้าไป
อยู่ในชื่อด้วย โดยอาจจะมองได้ว่าเทพเจ้าแห่งไฟที่ผมมี
ติดตัวอยูน่ ี้ ก็ถือว่าอยูใ่ นระดับเดียวกันกับเทพเจ้า
สายฟ้าฟาดก็ย่อมได้
[ฮ่าๆ! ตลกชะมัด เจ้ากาลังบอกว่าไอ้นั่นคล้ายกับข้างัน้
หรือ]
เอ๋?
ในตอนนัน้ เอง ผมจึงเอียงคอด้วยสงสัย เพราะได้ยิน
เสียงที่ดังมาจากภายใน แต่ทว่าสายฟ้าฟาดก็ได้ผ่าลงมา
จากฟากฟ้าอีกครั้งหนึ่ง ฟาดแล้ว ฟาดเล่าอยู่เช่นนัน้
เสียงอันน่าขนลุกที่ดังขึน้ จากการเสียดสีกนั ระหว่าง
ฟ้าผ่ากับผืนดินนัน้ ทาให้ผมจาต้องเก็บความสงสัยนัน่
ไปก่อนโดยทันที แล้วจึงยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
ฮึ่ม! ฮึ่ม! ฮึ่มมม!
“…”
ฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนือ่ ง ไม่มีหยุดพัก พี่ฟาดสายฟ้าลง
มาอย่างต่อเนื่องจนแทบไม่เว้นช่องว่าง ดูเหมือนเขา
กาลังโกรธ และกาลังตวาดถามว่าใครหน้าไหนบังอาจ
คิดจะมาทาลายน้องชายฉัน แม้ผมจะปลุกพลังเวท และ
พลังในการมองเห็นแล้วก็ตาม แต่ทว่าทัศนวิสยั ก็ยังคง
ขุ่นมัวดังเดิม จึงทาให้ผมรีบหลับตาลง
ตอนนี้ผมไม่ได้ยนิ เสียงกรีดร้องอะไรต่อไปแล้ว
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วเนีย่
ในระหว่างที่ผมกาลังหลับตา จดจ่ออยูก่ บั สัญญาณที่เข้า
มาใกล้นนั้ ผมก็รู้สกึ ได้วา่ การสัน่ สะเทือนที่เกิดขึน้ ทั่ว
อาณาบริเวณได้ค่อยๆ ทุเลาลงไปอย่างช้าๆ
ด้วยสาเหตุนจี้ ึงทาให้ผมหลับตาต่อไปอีกพักหนึ่ง แล้วจึง
ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
สายฟ้าที่ฟาดลงมาตลอดเวลานัน้ กลับหยุดการกระทา
ไปเสียดื้อๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ บริเวณโดยรอบถูกปก
คลุมไปด้วยหมอกควันหนาจนไม่สามารถคาดเดาอะไร
ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ฝุน่ ดินทีเ่ กิดขึ้นจากแรงกระเทือนก็
กาลังตลบคละคลุ้งไปทัว่ และในช่วงเวลาที่พวกมัน
กาลังค่อยๆ สลายตัวไปอย่างช้าๆ ทิวทัศน์รอบข้างจึง
ค่อนๆ ชัดเจนขึน้
กลิ่นคละคลุง้ อะไรบางอย่างลอยเข้ามาเตะจมูก
ดินไหม้เกรียม
ผืนดินแตกแยกออกจากกัน เหมือนหินภูเขาไฟที่กาลัง
ไหลทะลักอยู่ไม่มีผิด
ศพกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ ร่างกายถูกเผาไหม้เสียจนดา
ปิ๊ดปี๋จนไม่สามารถรู้ได้ถึงรูปพรรณสันฐานเดิม
ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนีผ้ มไม่พบใครที่กาลังยืนอยู่เลย
แม้แต่คนเดียว ยกเว้นตัวผม
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 7
_______________________________________
แม้แต่พวกศัตรูที่เพ่งเล็งมา คล้ายกับจะฆ่าผมฉันใดฉัน
นั้นเมื่อครู่ก่อนหน้านีเ้ อง ก็หายวับไปรวดเดียว ฉับไว
เหมือนโกหก
อย่างที่ผมว่านัน่ แหละ กองเถ้าถ่าน และภาพเหตุการณ์
ที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ผมก็เห็นเพียงแต่ภาพ
อันน่าสยดสยอง
แต่ทว่าผมก็ตกใจได้อยู่เพียงครูเ่ ดียว ผมรีบสงบสติ
อารมณ์ในทันที ด้วยความที่ภาพเหตุการณ์ตรงหน้านี้ผม
เคยเห็นมาซ้า้ แล้วซ้า้ เล่าตั้งแต่รอบที่หนึ่งแล้ว ดังนัน้ มัน
จึงไม่ถึงขั้นตกอกตกใจ จนขนาดสติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อ
กับตัว
ไม่สิ ไม่วา่ จะอย่างไรผมก็ไม่มีเวลามาอึ้งอยู่นานนักหรอก
สถานการณ์ในตอนนี้คอื พี่ชายของผมได้ยอมจ้านนต่อ
ภาระต่างๆ ที่เข้ามาโหมกระหน่้าร่างกายตัวเองอยู่ แล้ว
ได้สร้างโอกาสอันแสนล้า้ ค่านี้มาให้แก่ผม หากมองภาพ
ของเขาที่เอาแต่อ้อนวอนให้เชื่อใจกันนัน้ ถ้าเป็นอย่าง
นั้นนี่คงเป็นการหักหลังความเชื่อใจของพี่
ดังนัน้ ผมจึงรีบลงมือทันทีในเวลาต่อมา
ก่อนอืน่ ผมรีบดูแลและจัดเตรียมคาลิโก อาบรักซัสกับ
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียอย่างว่องไว ก่อนจะเหลือบมอง
ด้านล่าง ลอบพิจารณาสอดส่องศพที่หิ้วอยูเ่ มื่อครู่ ศพ
ของคนเรียกภูตนัน้ ได้รกั ษาไว้ซงึ่ รูปพรรณสันฐานเดิมมา
ได้อย่างหวุดหวิดก็จริง แต่ก็แค่นนั้ รอยยิ้มอันแสน
จองหองที่ผมเห็นนัน้ ได้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตอนนี้ผม
หามันไม่เจอเลยสักนิด
ผมจึงเปิดใช้ดวงตาที่สาม เสาะหาความจริงอย่าง
รวดเร็ว หลังจากนัน้ จึงยื่นมือออกไปทางทิศเหนือ และ
แล้วจึงรู้สกึ ได้ถงึ อะไรแข็งๆ บางอย่าง พร้อมทัง้ พลังอัน
เยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมา รูส้ ึกว่าตัวเองก้าลังกอบกุม
ลูกแก้วกลมๆ อยู่ในมือ ผมจึงคว้าสิ่งนั้นมาโดยทันที
[ผลึกของมวลน้้า]
“มีจริงๆ ด้วยแฮะ”
แม้จะมีส่วนไหม้เกรียมบ้างเล็กน้อย ทว่ายังโชคดีที่
‘ผลึกของมวลน้้า’ นัน้ ยังคงรักษาไว้ซงึ่ รูปลักษณ์เดิม ผม
ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจึงน้าลูกแก้วเก็บ
เข้าไปข้างในอกอย่างหวงแหน
เสียเวลามามากแล้ว ตัวแปรต่างๆ ก็ท้าลายไปหมดแล้ว
ด้วย พวกศัตรูทบี่ ุกเข้ามาก็ถูกฆ่าไปจนหมด จนสร้าง
ความเสียหายครั้งยิง่ ใหญ่ขึ้นมาในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม จ้านวนก้าลังพลของศัตรูที่มคี ร่าวๆ
ประมาณหนึ่งหมืน่ ห้าพันคนนั้น คงจะไม่สามารถต่อกร
อะไรได้อีก มีความเป็นไปได้สูงมากว่าพวกศัตรูที่ไม่เข้า
มายุ่มย่ามในเขตของผมนัน้ บางทีพวกมันอาจจะต้อง
หยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ และท้าได้แต่เดินวนไป
เวียนมา แล้วค่อยหนีออกไปในท้ายที่สุดก็เป็นได้
ถึงอย่างนัน้ ตอนนี้วเิ วียนก็คงจะสร้างค่ายคุ้มกันจนเสร็จ
สิ้นไปในระดับหนึง่ แล้วแน่ๆ
แต่ทว่าผมจะไม่ไปในทิศทางนั้นหรอก ไม่สิ ไปไม่ได้
เด็ดขาด
เราจะต้องยืนหยัดให้ได้มากที่สุด จนกว่าทหาร
อาสาสมัครจะมาถึง
ค่ายทางฝั่งตะวันออกในตอนนี้ได้เผชิญกับคลืน่ ยักษ์จึง
ท้าให้ต้องกระจัดกระจายกันไป พวกเขาวิ่งไปมาอย่าง
วุ่นวาย ไม่ได้รวมตัวกันอยู่เพียง ณ จุดๆ เดียว งานที่
เหลืออยู่ในตอนนี้คือผมจะต้องค้นหาตัวคนที่ผมรู้จกั
หลังจากนั้นจึงรีบพาพวกเขาไปในค่ายคุ้มกันให้ได้เร็ว
ที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
จากนี้ไปผมคงต้องเก็บความปีติยินดีที่ได้รบั มาจากการ
ต่อสู้เมื่อครู่ไปเสียก่อน แล้วรีบวิ่งตัดผ่านทุ่งกว้างไปให้
เร็วที่สุด ในเวลาเดียวกันนัน้ เองข้อความหนึ่งก็ปรากฏ
อยู่บนท้องฟ้า

[พรคุ้มครองแห่งสงคราม (Rank : Extra)]


การอวยพรของเทพธิดาที่ให้นายทหารชัน้ ผู้น้อยคนหนึ่ง
สามารถสนุกสนาน รืน่ รมณ์ได้ เพียงแต่จ้ากัดไว้ได้แค่
เพียงในศึกสงครามเท่านั้น ผู้เล่นที่ได้รบั พรคุม้ ครองจะ
ได้รบั ทัศนวิสัยอันกว้างไกล อันสามารถเสาะแสวงตัว
น้องคนสนิทในสภาวะสงครามได้ และในช่วงยามคับขัน
นั้น ยังสามารถวิเคราะห์ได้ถึงต้าแหน่งที่กองทัพของเรา
ได้รวมตัวกันอยูไ่ ด้อีกด้วย และ...

***

ชินซังยงขมวดคิว้ แน่นเพราะได้ยนิ เสียงวิ้งๆ เข้ามาในหู


หลังจากนั้นเขาจึงค่อยเปิดตาขึน้ ช้าๆ และด้วยความที่
ยังเห็นได้ไม่ชดั เจนนัก จึงกะพริบตาขึน้ ลงอยู่ครั้งสอง
ครั้ง แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความเคยชิน ดูเหมือนว่าเขา
ก้าลังคล้าหาแว่นสายตาอันเปราะบางที่วางอยูบ่ นหัว
นอน
ชินซังยงเอาแต่ควานหาแว่นอยู่พกั ใหญ่ ไม่ได้คิดว่า
จะต้องปลุกพลังในการมองเห็นโดยใช้พลังเวทแต่อย่าง
ใด แต่แล้วเขาจึงหยุดการเคลื่อนไหวไปเสียดื้อๆ แล้ว
เขาก็เบิกตาโพลงขึน้ มาทันที หลังจากทีเ่ อาแต่หรี่ตามา
ตลอด
ชินซังยงยังคงนอนราบอยู่กับพืน้ หลังจากที่ถกู คลื่นยักษ์
โถมเข้าใส่ เขาก็หมดสติไป
“อ้า... อ้า...”
ดูท่าว่าเขาจะยังคิดอะไรไม่ออกอยู่เช่นเดิม ชินซังยงที่
นอนแน่นงิ่ เงยหน้าอยู่นนั้ ได้เบนสายตาลงมามองที่มือ
ด้านขวา และในวินาทีที่เขาเห็นเลือดสีแดงฉานเปรอะ
เปื้อนฝ่ามือ เขาถึงกับผวา สะดุง้ เฮือกขึน้ มาทันที
“อึก...อ๊ากกก!”
แต่ทว่าชินซังยงกลับไม่สามารถลุกขึน้ ยืนได้ตามใจหวัง
เขาเหลือบตามองเห็นศพใครไม่รู้กา้ ลังนอนทับร่างของ
ตัวเองอยู่ แล้วจึงส่งเสียงกรีดร้องออกมา แต่แล้วก็ฟุบ
ตัวล้มลงไปอีกครั้ง และในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ความ
เจ็บปวดเจียนตายบริเวณต้นขาก็ได้แล่นขึน้ มา
และในตอนที่ก้าลังจะตะเกียกตะกายออกจาก
สถานการณ์ที่เผชิญหน้าเข้าอย่างจังนัน้ เอง
“มีใครที่ยงั รอดชีวติ อยูต่ รงนี้หรือเปล่าคะ”
เสียงอันแสนอ่อนเยาว์ของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึน้ พร้อม
กับจัดการศพที่ก้าลังทับร่างของชินซังยงให้กลิ้งออกไป
“ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
“อ้า...เอ่อ...อื้อ...”
ชินซังยงดูมีท่าทีอึดอัด ได้แต่ตอบเสียงครวญครางไปมา
อยู่เช่นเดิม หญิงสาวผูน้ ั้นก้มตัวลง แล้วจับไหล่ของเขา
ไว้ พร้อมทั้งตะโกนใส่เสียงดังลัน่ ชินซังยงจึงสัน่ หัวไป
มาแรงๆ
“โอ๊ย! อยู่นิ่งๆ สิคะ! ถึงแม้มันจะยังมาไม่ถงึ ตรงนี้ แต่
ยังไงเราก็จะต้องหนีไปให้เร็วที่สุดอยูด่ ี!”
“ชะ ช่วยด้วย....”
หญิงสาวรีบมองส้ารวจชินซังยงที่เอาแต่ครางทันที ว่ามี
สิ่งใดผิดปกติหรือไม่ แล้วในแววตาหล่อนก็เกิดแสงอะไร
บางอย่างปะทุขนึ้ มา
“นี่! เจ็บหนักเลยนีค่ ะ รอสักครู่นะคะ”
พลังของหญิงสาวคงจะมีอยู่มากไม่ใช่น้อย เพราะ
หล่อนสามารถประคองร่างของชินซังยงให้ลุกขึ้นยืนได้
ในที่สุด และในตอนนั้นเอง เขาก็ดูเหมือนจะได้สติ
กลับคืนมาแล้วด้วย
เขาหันหน้าไปมองอย่างยากล้าบาก แล้วจึงได้พบเข้ากับ
หญิงสาวที่เข้ามาช่วยตัวเองไว้ ดวงหน้าของหล่อนช่างดู
น่ารักน่าชัง เนื้อหนังจ้้าม่้าไปเสียหมด ใบหน้าของหล่อน
ต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นดิน และได้แต่มองเหลียวหลัง
อยู่ตลอดเวลา ราวกับก้าลังหลบหนีอะไรบางอย่างอยู่
“ขะ...ขอบคุณ...”
“ค่าๆ จะขอรับค้านั้นในคราวต่อไปแล้วกันนะคะ ก่อน
อื่นก็...”
ในตอนนัน้ เอง
เฟี้ยว! พลัก่ !
“อึก!”
ลูกธนูถูกยิงออกมาจากแห่งใดสักที่ แล่นปราดเข้ามา
ทะลุดวงหน้าของหญิงสาวที่กา้ ลังประคองร่างของชินซัง
ยง หล่อนล้มตัวลง พร้อมส่งเสียงหวีดร้องออกมา ด้วย
เหตุนจี้ ึงท้าให้ชินซังยงที่แต่เดิมก็ยนั กายลุกขึน้ มาล้าบาก
อยู่แล้ว จึงได้ร่วงแหมะลงไปกองกับทีพ่ ื้นอยู่เช่นเดิม
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ชินซังยงรู้สึกได้ว่ามีสถานการณ์
บางอย่างรอบข้างก้าลังคืบคลานใกล้เข้ามา
“ไซม่อน ท้าไมจู่ๆ ถึงเป็นแบบนัน้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
คะ”
น้้าเสียงของยูรินะทีร่ ้องเรียกไซม่อนช่างเย็นยะเยือกจับ
ใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความกระวนกระวายปะปนอยู่
ในความรู้สกึ อย่างไม่อาจซ่อนเร้นได้ ยูรนิ ะปรายตามอง
ชายหนุ่มที่ยนื หันหลังให้
ไม่ใช่เพียงแค่ยรู นิ ะเท่านั้น แม้แต่ไซม่อนที่ก้าลังอยู่ใน
ระหว่างวิ่งแล่นอยู่ในทุง่ กว้างอย่างเอาจริงเอาจังนั้น จู่ๆ
ก็หยุดการเคลื่อนไหวไปอย่างกะทันหัน เหล่าผู้เล่นส่วน
ใหญ่ก็หยุดวิ่งเช่นเดียวกัน สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่
ชายหนุ่มผู้นนั้ ผู้เดียว นัน่ ก็คือ ไซม่อน
“ไซ...”
“คูชาน ธอร์ตายแล้วหรือครับ”
ในตอนนัน้ เอง ขณะที่ยรู ินะก้าลังจะเปิดปากพูดออกมา
อีกครั้ง ก็ได้ยนิ เสียงอันแผ่วเบาของไซม่อนดังขึ้น
“คนเรียกภูตก็หายไปด้วยค่ะ”
หลังจากนั้นไซม่อนจึงได้หมุนกายกลับมาอย่างช้าๆ เผย
ให้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆ ยูรนิ ะเห็นดังนั้นจึงรีบปิด
ปากฉับโดยอัตโนมัติ แม้จะหรี่ตาอยู่ แต่ก็ยังเห็นได้อย่าง
ชัดเจน ดวงตาสีแดงเลือดนกราวกับปีศาจคู่นนั้ และมุม
ปากที่ยกยิม้ ขึน้ มา ใบหน้าของเขาดูชอบอกชอบใจ
เหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่แล้วท้าไมถึงรูส้ ึกได้ถงึ ความ
หวาดเสียวอย่างไรไม่รสู้ ิ
แม้แต่ยูรนิ ะ ผู้ร่วมปฏิบตั ิภารกิจมาเป็นเวลานาน ดุจ
ญาติสนิทมิตรสหายเองก็ยังสามารถรับรู้ได้โดย
สัญชาตญาณ หล่อนรู้ดวี ่าตอนนี้ไซม่อน ไครมส์ก้าลัง
อารมณ์ไม่ดีแค่ไหน
“แม่งเอ๊ย”
ค้าเดียวที่เอื้อนเอ่ยต่อมา เมื่อเทียบทั้งค้าพูดและการ
กระท้าของเขาในยามปกติแล้ว จะเห็นได้วา่ ค้าหยาบ
คายที่เปล่งออกมาเมื่อครู่ก่อนหน้านีน้ ั้น คือค้าพูดที่ไซ
ม่อนไม่เคยเปล่งให้ได้ยนิ มาก่อนเลย
“ท้าไมพวกเราต้องทิง้ อะไรมากมายให้กบั พวกมันด้วย
เนี่ย”
“ซะ ไซม่อน…”
“แล้วท้าไมฉันต้องกระสับกระส่ายให้พวกแม่งด้วย”
“…”
ยูรินะตัง้ ใจจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แล้วก็กลืน
ค้าพูดนัน้ ไป และยังตัดสินใจไว้ว่าจะไม่เปิดปากพูดอะไร
ออกมาอีก ท่าทางของไซม่อนเปลี่ยนไปจากเดิมร้อย
แปดสิบองศา ในวินาทีที่เขาไร้ซึ่งสติและการนึกคิด
ใดๆ
หล่อนจ้าได้วา่ เคยเห็นไซม่อนในลักษณะเช่นนีม้ าครั้ง
สองครั้งแล้ว ด้วยเหตุนหี้ ล่อนจึงคิดว่า การไม่เข้าไปขัด
อารมณ์ของไซม่อนจะเป็นทางออกที่ดีที่สดุ
หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไปสักระยะ
เวลาที่เสียไปนัน้ ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กนี่ าทีกจ็ ริง แต่
ทว่าก็ยงั เป็นช่วงเวลาอันแสนล้า้ ค่าที่สามารถมอบชีวิต
ใหม่ให้กบั ใครๆ ได้ อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่แสนจะมีค่า
ราวกับเงินจ้านวนมากส้าหรับใครหลายๆ คน
หลังจากไม่นานนักไซม่อนจึงถอนหายใจออกมา เขาเผย
รอยยิ้มที่ดเู ย็นชาราวกับน้า้ แข็ง พร้อมแล้วจึงเริ่ม
เคลื่อนที่เดินออกไป
และสถานที่ที่ไซม่อนมุง่ หน้าไปนัน้ คือ ที่รวมตัวของพวก
เร่ร่อน และในบรรดาคนเหล่านัน้ ก็มกี ลุ่มผูน้ ้ารวมตัวอยู่
ด้วย
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 8
_______________________________________
ผมวิ่งผ่านทุ่งกว้างไปอย่างรวดเร็ว เหยียบย่า่ ศพไหม้
เกรียมไปไม่รกู้ ี่ศพ และภายในเวลาไม่กี่อึดใจ ก็สามารถ
วิ่งข้ามผ่านสถานทีเ่ ปิดท้าประลองการต่อสู้ระหว่างคน
เรียกภูตไปได้ ด้วยเหตุนี้จงึ พลอยท่าให้ผมรู้สึกสดชืน่
คลายความหนักอึ้งในอกไปได้บา้ ง รู้สึกเหมือนเป็นเรื่อง
โกหกเลย ที่ผมสามารถกลับมาเดินย่างก้าวได้อกี ครั้ง
หลังจากจบสิน้ กับการเผชิญหน้าต่อความยากล่าบากที่
ได้พบเจอมาเมื่อครู่
ผมรวบรวมพลังที่มีอยู่ แล้ววิ่งออกไปด้วยความมั่นอก
มั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น จนสามารถมาถึงปากทางของ
สมรภูมริ บได้ในที่สุด แล้วจึงเริม่ กวาดตาดูสนามรบทันที
ที่มาถึง
จากการกวาดตามองอย่างรวดเร็วแล้ว พบว่า
สถานการณ์ดีกว่าที่คดิ ไว้เสียอีก พวกศัตรูไม่ได้มีจ่านวน
มากมายเสียขนาดนัน้ เจ้าพวกนัน้ ที่ควรจะอยูท่ ี่นี่ บางที
อาจจะกระเจิดกระเจิงกันไปหมดแล้วก็ได้ หรือบางที
อาจเป็นเพราะผมมองไม่ทั่วถึง แต่อย่างไรก็ตาม
สถานการณ์ในตอนนี้กด็ ีกว่าที่คิดไว้อยู่ดี
แต่ถึงจะพูดเช่นนัน้ ก็ไม่ได้ถึงกับว่าจะดีเสียมากมาย
อะไรหนักหนา ด้วยความที่สถานที่ที่ผมมาถึงนี้ เป็น
เพียงแค่ปากทางเท่านัน้ หรือการที่ผมไม่ได้เห็นพวกศัตรู
มีจ่านวนมากมายถึงขนาดนัน้ อาจจะหมายความว่า
พวกมันไปรวมตัวกันอยู่ ณ จุดอืน่ ก็ได้
ผมลอบถอนหายใจชั่วครู่ แล้วจึงเงยหน้าขึน้ มองไปยังที่
ที่อยู่ห่างไกลอย่างละเอียดถี่ถว้ น
นั่นไง
และแล้วผมจึงได้เห็นค่ายคุ้มกันที่วิเวียนสร้างขึ้น แม้จะ
มองเห็นเพียงแค่จุดเสีย้ วเล็กๆ แต่พอเห็นเจ้าเซเทอร์ตัว
ใหญ่ยักษ์วิ่งกระโดดโลดเต้นไปมา จึงท่าให้ผมได้รู้วา่
พวกเขาได้ปฏิบตั ิตามค่าสั่งของผมเป็นอย่างดี
เสี้ยวหนึ่งผมคิดอยากจะไปแวะเวียนดูค่ายคุ้มกันบ้าง
แต่ทว่าร่างกายของผมกลับไม่ท่าตามที่ใจคิด เพราะ
ตอนนี้ผมก่าลังเดินมุ่งหน้าไปในทิศทางอื่นอยู่
แค่ก้าวเดียวก็ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
ทั้งเมื่อครู่นี้ ทั้งในตอนนี้ สถานการณ์ยังคงเหมือนเดิม
ไม่มีเวลาให้มานัง่ พักอีกต่อไปแล้ว หากผมมัวแต่รีรอ แม้
จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันอาจท่าให้ผมไม่สามารถ
ช่วยชีวิตของใครอีกหลายๆ คนที่กา่ ลังรอดชีวติ อยู่ ณ
ตอนนีก้ ็เป็นได้
สนามรบคือสถานที่เช่นนั้น
ผมเอาแต่วิ่งไปเรื่อยๆ เห็นผู้คนอยู่บา้ งประปรายสัก
ประมาณสิบนาทีเห็นจะได้
ผมวิ่งเข้าไปด้านในจากปากทางของสมรภูมิ พร้อมเริ่ม
รับข้อมูลต่างๆ ทีพ่ รคุ้มครองแห่งสงครามส่งมาให้ และ
ในตอนนัน้ เองข้อมูลต่าแหน่งต่างๆ จ่านวนหลายพันก็
ปรากฏขึ้นมาในคราวเดียว ผมเห็นดังนั้นแล้วยังเกิด
อาการวิงเวียนน้อยๆ เลย
หรือว่า…เขาจะตัดสินกองกาลังที่อยู่ตรงนัน้ ว่าเป็น
กองทัพของพวกเรา
ผมวิ่งต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง พลางสบถค่าด่าไปมา แต่
ทว่าข้อมูลของเหล่าผู้เล่นที่ผมต้องการตัว จากที่เด้ง
ขึ้นมาทีละคน ทีละคนนัน้ จู่ๆ กลับลดจ่านวนลงไปใน
ชั่วพริบตา ผมเสียดายที่ไม่สามารถตรวจจับต่าแหน่ง
ที่ตั้งใกล้ๆ ได้เลย แต่ถงึ อย่างนั้นก็ยังนับว่าโชคดีมากๆ
แล้ว
ตั้งแต่นี้ไปผมจะต้องคิดทบทวนต่าแหน่งอย่างถีถ่ ้วน
และต้องค่านวณเส้นทางในการเคลื่อนตัวให้ได้ แม้จะได้
ข้อมูลจากเส้นทางมาน้อย แต่ก็ต้องเก็บข้อมูลให้ได้มาก
ที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดีกว่าไปฟังคนนูน้ พูดอีกอย่าง คนนี้
พูดอีกอย่าง จนฟังไม่ได้ความ แต่ดว้ ยความที่ไม่มีการ
รับรองว่าพวกเขาเหล่านั้นพักแรมอยู่ที่ไหนจึงท่าให้ผม
สับสนเล็กน้อย เพราะไม่รู้วา่ จะต้องเริม่ ต้นจากจุดไหนดี
ตู้ม! ตู้ม!
ไม่นานนักผมก็ได้ยนิ เสียงระเบิดดังขึน้ พร้อมกับรู้สกึ ได้
ว่าผืนดินเบื้องล่างเกิดการสัน่ ไหวเล็กน้อย ผมจึงรีบเงย
หน้าขึน้ ทันที แล้วจึงได้พบเข้ากับจ่านวนของเหล่าผู้เล่น
ที่ก่าลังเพิ่มขึน้ ทีละนิด ทีละนิดตรงเบื้องหน้า และใน
ที่สุดพวกศัตรูก็ได้เริ่มอพยพเข้าไปยังสถานที่รวมพล
หลักฐานก็คือ เสียงกรีดร้องที่ได้ยนิ อย่างแผ่วเบาเมื่อครู่
บัดนี้ได้เพิ่มระดับเสียงขึน้ มาดังลัน่ จนได้ยินเต็มสองหู
“ตายซะ! ไอ้กระจอก!”
“อึก...อ๊ากกก!”
ในตอนนั้นเองก็ได้ยนิ เสียงกรีดร้องดังลั่นออกมาจากทิศ
ใดทิศหนึง่ ผมจึงหันไปมอง แล้วจึงได้พบเข้ากับพวก
ศัตรูจ่านวนหลายสิบคน ที่มีแต่ความกระหายเลือด
ปรากฏอยูบ่ นใบหน้าเต็มไปหมด
แล้วก็เห็นภาพสมรภูมิรบซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงนัน้
เต็มสองตา
มันไม่ได้เกิดขึน้ แค่ที่ใดที่หนึ่งเท่านั้น
ผมถึงกับรู้สึกได้ถึงขนาดที่ว่า ค่ายคุ้มกันที่ผมเห็นเมื่อ
คราวมาถึงตรงปากทางในครั้งแรกกลับกลายเป็นเรื่อง
ล้อเล่นข่าๆ ไปเลย
คนร้องครวญคราง ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด อัน
เกิดจากดาบที่เฉือนร่าง
คนทีน่ อนเกลือกกลิง้ บนพืน้ อันเนื่องมาจากมีพลังเวท
เข้ามาปะทะร่าง
คนที่ล้มตัวลงนอนกับพืน้ เพราะลูกธนูยิงเข้ามาคร่าชีวิต
คนที่เอาแต่รา่ ร้อง พร่่าเพ้อหานักบวช พร้อมน้า่ ตาไหล
นองเป็นสาย
สถานการณ์ตอนนี้วนุ่ วาย เละเทะต่างจากที่เห็นตรงปาก
ทางโดยแท้จริง ทั่วทุกหนแห่งต่างก่าลังเปิดฉากต่อสู้ ด่า
ทอจนฟังไม่รคู้ วาม ฝั่งหนึ่งก็เอาแต่ขบั ไล่ไสส่งให้จน
ตรอกอย่างบ้าคลั่ง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็พยายามต่อต้าน
กลับไป
พูดง่ายๆ ก็คือ สงครามนองเลือดที่พวกมันสร้างขึน้ มา
นั่นเอง แม้จะมีการแบ่งแยกระหว่างกองทัพของพวกเรา
และกองทัพของพวกศัตรูแล้วก็ตาม ถึงกระนัน้ ก็ยงั คง
ยากอยูด่ ีที่จะประเมินการณ์ใดๆ
ในสภาวะความวุ่นวายเช่นนี้ ผมจึงปลุกพลังเวทใน
ดวงตาขึน้ มาทันที แล้วไล่สอดส่องทั่วอาณาบริเวณ
อย่างรวดเร็ว คนที่ผมรูจ้ ักนั้น...
ไม่มี
ไม่ว่าจะดูด้วยสายตาปกติหรือใช้พรคุ้มครองแห่ง
สงครามในสอดส่อง แต่ก็ยังไม่มีคนที่ผมรูจ้ ักอยูใ่ น
ละแวกนีเ้ ลย
ถ้าอย่างนั้น จุดนี้ก็แค่เดินผ่านเลยไปก็พอ ผมเบือนหน้า
หนีเหล่าผู้เล่นที่กา่ ลังถูกพวกศัตรูเหยียบย่่า แล้วเดิน
ผ่านจุดนัน้ ไป
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
แต่ทว่าในวินาทีผมเดินผ่านไปนัน้ กลับมีลูกธนูจากแห่ง
ไหนไม่รู้ เล็งเข้ามาที่หลังและยิงเข้ามา ผมจึงหันหน้าไป
เล็กน้อย แล้วค่อยจัดการท่าลายมัน ผมจัดการกับศัตรูที่
ขวางอยู่ตรงหน้า แล้วเตรียมจะวิ่งออกไป แต่ครั้งนี้ผม
พบเข้ากับพวกศัตรูที่ก่าลังรวมตัวกันอยู่อย่างอาจหาญ
เห็นดังนัน้ จึงไม่รอช้า เตะผืนดินตรงเบื้องล่างอย่างเต็ม
แรง แล้วทะยานตัวขึ้นทันที
พรึบ่ !
ผมรู้สึกตัวเอียงเล็กน้อย พร้อมกับร่างกายทีก่ ่าลังโผบิน
อยู่บน และสามารถข้ามพวกศัตรูที่เข้ามาออกันไปได้
อย่างหวุดหวิด หลังจากนัน้ จึงแล่นลงสู่ผืนดินในทันที
ขณะที่เท้าของผมก่าลังจะแตะผืนดิน ผมกลับไม่ลง
พื้นดินโดยตรง และเอียงร่างกายตัวเองเล็กน้อย
หลังจากนั้นจึงถลาตัวไป เหมือนกับจะลื่นไถลไป
ข้างหน้า
ผมใช้แรงเฉื่อย แล้วจึงพุ่งตัวออกไปจากผืนดินโดยทันที
ทันใดนั้นก็ได้ยนิ เสียงอะไรบางอย่างดังไล่หลังมา แต่ทว่า
ลูกธนูที่ถกู ยิงเข้ามานัน้ กลับท่าอะไรผมไม่ได้เลย เหมือน
พวกมันเป็นเพียงแค่ขนเส้นเล็กเท่านัน้ ทั้งนี้อาจเป็น
เพราะความเร็วของผมที่เพิ่มขึ้นก็เป็นได้
สมรภูมริ บกว้างขวางมาก ด้วยเหตุนจี้ ึงท่าให้พวกศัตรู
กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุม ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่ใช่
เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของพวกมันด้วย เหล่าผู้เล่น
ของฝั่งตะวันออกทีก่ ่าลังโผบินไปบินมาก็ตกอยูใ่ นสภาพ
เป็นเป้าหมายของพวกมันด้วยเช่นเดียวกัน
ผมที่สามารถบุกทะลวงศัตรูนบั พันมาได้ และสามารถ
เอาตัวรอดมาจากการระดมยิงได้ เพราะฉะนั้นแล้วการ
ทะลุทะลวงฝ่าสมรภูมิที่มีความเสีย่ งกระจายอยูเ่ ป็น
หย่อมๆ เช่นนี้ จึงถือว่าเป็นเรื่องง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย
ในช่วงที่ผมอยากจะขยายเส้นทางออกไปประมาณหนึง่
นั่นเอง ผมจึงยันกายเหมือนสปริง แล้วจึงเริ่มออกแรงวิ่ง
ไปอีกครัง้
ไม่สิ ช่วงเวลาที่ผมก่าลังตั้งใจจะวิ่งออกไปนั่นเอง
[อัปเดตข้อมูลต่าแหน่งของผู้เล่นอิมฮันนา]

เอ๋?
พรคุ้มครองแห่งสงครามได้อัปเดตข้อมูลที่ส่งมาให้ก่อน
หน้านั้น
ทิศทางคือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือสีส่ ิบห้าองศา และ
ระยะทางกว่าเก้าสิบเมตร
ผมเกิดความสงสัยในการตัดสินเรื่องข้อมูลต่างๆ ของพร
คุ้มครองแห่งสงครามอยู่แวบหนึ่ง แต่สุดท้ายผมก็
สามารถจัดการต่าแหน่งที่จะเริม่ รุดหน้าไปช่วยชีวิตเป็น
ที่แรกได้แล้ว อันดับแรกคือไปช่วยชีวิตอิมฮันนา ผู้ซึ่งอยู่
ในระยะที่ใกล้ที่สุด และเลือกระยะในการเคลื่อนที่ที่
ตรงกันมากที่สดุ โดยมีต่าแหน่งนัน้ เป็นจุดเริ่มต้น
ผมจัดการกับความคิดตัวเองได้เช่นนัน้ จึงเริ่มวิง่ ไปยัง
ทิศทางที่วา่ โดยทันที
ระยะทางเก้าสิบเมตรทีว่ ่านัน้ เริ่มสัน้ ลง สัน้ ลงในชัว่
พริบตา ไม่รู้วา่ เป็นเพราะผมออกแรงวิ่งเต็มทีห่ รือไม่ ซึ่ง
ในทิศทางที่ผมวิ่งไปนัน้ ผมรู้สึกได้วา่ พลังของอิมฮันนา
ก่าลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วในที่สดุ ก็มองเห็นอิมฮันนา
กับพรรคพวกบางส่วนจนได้
โอ้โฮ
ที่ตรงนั้นดูทา่ ว่ามีเกินยีส่ ิบคนเห็นจะได้ เหล่าผูเ้ ล่น
รวมตัวกันอยู่เยอะพอสมควรเลยทีเดียว และดูท่าว่า
พวกเขาจะใช้เวลาที่ผมจัดสรรมาได้ดีเลยล่ะ พวกเขา
ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ แล้วค่อยรวมเหล่าผู้เล่น
เข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทัง้ ก่าลังต่อสู้กบั พวกศัตรูที่เข้ามา
โจมตีตวั เองอีกด้วย
ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้น แน่นอนว่าคนที่โดดเด่นมาก
ที่สุดคือ อิมฮันนา ทุกครั้งที่หล่อนละมือลง แสงวูบวาบก็
จะเปล่งประกายออกมา และก็จะมีศัตรูสักคนหนึ่งที่ต้อง
ล้มตัวลงไปอย่างไร้หนทางสู้
ไม่เพียงเท่านัน้ ล่าแสงขนาดใหญ่ที่ยงิ ออกมาเมื่อครู่
นั้นเอง ก็ก่าลังลอบยิงเหล่านักสู้ระยะไกลที่อยูต่ รง
ด้านหลังอย่างเอาจริงเอาจังอีกด้วย แม้จะบอกว่าหล่อน
ได้หยิบยืมพลังของ ‘แสงแปลบปลาบส่องประกาย : ลอ
ร่า ฟีลิส’ มาก็ตาม แต่กระนัน้ อิมฮันนาก็ยงั คงยืน
ประจันหน้าต่อสู้อยู่กบั เหล่าศัตรูที่มีมากกว่าถึงสามเท่า
และยังได้แสดงให้เห็นว่าหล่อนยังคงมีชีวิตอยู่อย่าง
เช่นเดิม
หากผมเข้าไปตอนนี้เลยก็คงสามารถช่วยหล่อนออกมา
ได้โดยไม่มปี ัญหาอะไร ผมคิดได้ดังนัน้ จึงเร่งฝีเท้าให้เร็ว
มากขึ้นไปอีก
แต่ทว่าในตอนนัน้ นัน่ เอง
ตู้ม! ตู้ม!
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จู่ๆ ก็มีเวทมนตร์และลูกธนูที่พงุ่ ออกมาจากฝัง่ ตรงข้าม
ยิงทะลุผ่านเข้ามาระหว่างอิมฮันนากับเหล่าผู้เล่น แสดง
ว่าก่าลังเสริมของพวกศัตรูได้เข้ามาประจ่า ณ ทิศทาง
อื่นๆ ด้วยอย่างแน่นอน
ปัง! ปัง ปัง!
“กรี๊ด!”
“อ๊ากกก!”
พรรคพวกที่เฝ้ายืนหยัดอยู่จึงได้แตกกระเจิงไปคนละทิศ
คนละทาง เหลือเพียงแค่เหล่าผู้เล่นที่โดนเวทมนตร์เข้า
เล่นงาน พวกเขาได้แต่นอนอยู่กบั ที่ ส่งเสียงครวญคราง
ไปมาไม่หยุดหย่อน การต่อสู้กบั พวกศัตรูที่อยูต่ รงหน้า
ถือเป็นเรื่องหนักหนาก็จริง แต่พอมีกา่ ลังเสริมบุกเข้ามา
กะทันหันก็เลยมีโอกาส
แนวรบทีร่ ักษามาได้อย่างหวุดหวิดล้วนแตกกระจายไป
ในชั่วพริบตา เหล่าศัตรูที่วิ่งเข้ามาเริ่มเข้ามายึดครอง
พลางส่งเสียงอันแสนน่ากลัวออกมาไม่หยุดหย่อน ไม่
เว้นแม้แต่อมิ ฮันนา ไม่รวู้ ่าเป็นเพราะลุ่มหลงในใบหน้า
อันแสนงดงามของหล่อน หรือมีเหตุให้ต้องสู้กต็ ามแต่
ผมเห็นว่าพวกศัตรูจงใจเข้ามาโอบล้อมหล่อน
และแล้วก็มีไอ้หนุม่ คนหนึ่งได้เผยรอยยิม้ อันชัว่ ช้า
ออกมา หลังจากนัน้ จึงสาวเท้า พลางผิวปากอย่างสบาย
ใจ แล้วใช้เท้าเหยียบเข้าไปที่อกของอิมฮันนา หล่อนมีสี
หน้าโกรธแค้น พลางกัดริมฝีปากแน่น ณ วินาทีที่มีน้่าตา
ไหลออกมาจากดวงตาอันปิดสนิทนั่น ผมจึงสามารถคว้า
ตัวอิมฮันนาผู้อยู่ในระยะกระสุนมาได้ในที่สุด
“อิมฮันนา!”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 9
_______________________________________
ผมตะโกนเสียงดังเพื่อป้องกันตัว จากนั้นรีบก้มตัวลง
แล้วดีดตัวพุ่งออกไปอย่างแรงทันที ดูเหมือนพวกศัตรูจะ
ได้ยินเสียงตะโกนของผม จึงทาให้มนั หันหน้ามา พลางมี
สีหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ทว่าในวินาทีที่มนั สบตาเข้ากับ
ผม ผมจึงได้วาดเกียรติยศแห่งวิคตอเรียออกเป็นแนว
เส้นตรง เป้าหมายแรกก็คือ เจ้าหนุ่มที่เหยียบอกอิมฮัน
นานั่นเอง
ฉับ!
ดาบทะลุเข้าไปตรงกลางกบาลของมัน แล้วเจาะทะลุไป
จนถึงปากที่กาลังอ้าค้างอยู่เช่นเดิม ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้
มันล้มตัวลงไป พร้อมกันนัน้ ผมก็ได้ปลุกพลังเวทขึ้นมา
แล้วซัดร่างมันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเบื้องบนโดยทันที
พลั่ก!
ท้องฟ้าเบื้องบนเกิดการกระเพื่อมสัน่ ไหวอย่างใหญ่
หลวง โดยท้องฟ้าที่เกิดการสั่นไหวเช่นนั้น ได้
แปรเปลี่ยนมาเป็นกระแสพลังเวทในเวลาต่อมา จึงทา
ให้กระแสพลังเวทเหล่านั้นเข้าครอบคลุมพวกเร่ร่อนที่
อยู่ทั่วอาณาบริเวณนั้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ!
กระแสพลังเวทเข้าเฉือนร่างกายของใครหลายๆ คน
อย่างไร้ซึ่งความลังเล ไม่รู้วา่ นัน่ เป็นเพราะการจู่โจมของ
ผมรูปแบบหนึ่งหรือไม่ กระแสพลังเวทนัน้ ทาเอาพวก
ศัตรูลม้ กลิง้ และด้วยความที่ยงั มีพลังหลงเหลืออยู่ จึง
ทาให้กระแสนั้นไม่ยอมหยุดอยู่กบั ที่ และวิ่งแล่นทะลุ
นอกเขตไปอีกด้วย เลือดพุ่งกระฉูดไปทั่วทุกสารทิศ
พร้อมทัง้ เสียงหวีดร้องที่ดังขึน้
ทว่ายังมีคนอีกสองคนทีโ่ ชคดีหนีรอดมาได้ ผมเห็นดังนั้น
จึงรีบจัดการฆ่าพวกมันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึง
พยุงร่างอิมฮันนาที่เอาแต่เงยหน้ามองเหม่ออยูเ่ ช่นนัน้
“ผู้เล่นอิมฮันนา ไม่เป็นไรนะครับ”
“คะ คุณซูฮยอน!”
อิมฮันนาทาหน้าบิดเบีย้ ว อาจเป็นเพราะยังเจ็บส่วนอก
ที่ถูกเหยียบย่ามาไม่หาย แต่ยังโชคดีที่ไม่มีสว่ นไหนได้รบั
บาดเจ็บหนัก หล่อนวางมือทาบลงบนอก แล้วปรายตา
มองผมด้วยสายตาอันแสนร้อนรุ่มกลุม้ ใจ
“ทะ ทาได้อย่างไรคะเนีย่ ...คุณซูฮยอน เอ่อ ไม่สิ แคลน
ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
อิมฮันนามีสีหน้าที่ทั้งยินดีและขอบคุณผมอย่างมากใน
เวลาเดียวกัน ผมเองก็ยนิ ดีที่ได้เจอหล่อนเช่นเดียวกัน
แต่ทว่าสถานการณ์ในตอนนีม้ ันค่อนข้างฉุกละหุก ผมไม่
มีเวลาจะมานั่งสาธยายอะไรมากนัก จึงได้รีบชีน้ ิ้วไปยัง
อีกฟากฝั่งหนึ่งโดยทันที
“ไว้จะอธิบายคราวหลัง คุณรู้สถานการณ์ในตอนนี้ดี
แล้วใช่ไหมครับ”
แต่แล้วหล่อนก็ทาสีหน้าสุขุมและพยักหน้ารับโดยทันที
คงรูส้ ึกได้ถึงความรีบร้อนของผม
“ผู้เล่นอิมฮันนา ตอนนีม้ ีพวกศัตรูกาลังรวมตัวกันอยู่ที่
ด้านหน้าตรงนี้ เพราะฉะนั้นขอให้คณ ุ เดินเอียงไป
ทางซ้ายมือหน่อย พอไม่ให้พวกมันเห็นตัวคุณได้ แล้วจึง
ค่อยวิง่ หนีออกไปทางขวามือนะครับ ตรงนัน้ จะมีค่ายคุ้ม
กันตัง้ อยู่ ไปเข้ารวมตัวที่นั่นได้เลยครับ”
“คะ? ค่ายคุ้มกันหรือคะ”
“ค่ายคุม้ กันที่วิเวียนกับพี่ชายผมสร้างขึน้ มาน่ะครับ
บางทีตอนนี้อาจจะมีเหล่าผู้เล่นที่อยูร่ อบๆ นี้รวมตัวอยู่
ด้วยก็ได้ครับ ที่แห่งนัน้ ถือว่าปลอดภัยมากที่สดุ ในตอนนี้
แล้วครับ”
“ค่ะ รับทราบ ถ้างัน้ ตรงไปทางนัน้ ได้เลยใช่ไหมคะ”
ผมพึงพอใจเป็นอย่างมาก คงเป็นเพราะหล่อนเข้าใจ
สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็ตัดสินใจออกมาได้
อย่างฉับไว หากหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่อิมฮันนา
แต่เป็นอันซลแล้วล่ะก็ เห็นทีคงจะวุน่ วาย เอาแต่ร้องไห้
กวนใจอยู่เป็นแน่
อันซล
“ครับ งัน้ คุณไปก่อนได้เลยนะ”
“ค่ะ คะ? เดี๋ยวสิคะ! ต้องไปด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ”
“ขอโทษทีครับ ผมต้องไปตามหาสมาชิกเผ่าคนอื่นๆ
ด้วยน่ะ”
“…!”
บางทีผมอาจจะต้องพาใครหลายๆ คนพ่วงไปด้วย ไม่ว่า
จะเป็นจองฮายอน, ชินซังยง, อันฮยอน, อันซลและอียู
จอง เป็นต้น แต่ทว่าอิมฮันนาน่ะ ด้วยความที่หล่อนเป็น
ผู้เล่นนักธนูอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแค่ผมบอกทิศทาง
หล่อนไป อย่างไรหล่อนก็สามารถเดินทางไปตัวคนเดียว
แล้วถึงที่แห่งนั้นได้สบายๆ แน่นอน หล่อนเป็นผู้เล่นที่มี
ความสามารถไม่น้อยเลยทีเดียว
“งั้น”
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
ผมได้ยินเสียงอิมฮันนาร้องเรียกผม แต่ด้วยความที่ผมยัง
เป็นห่วงเด็กคนอืน่ ๆ อยู่ จึงทาได้แค่ส่งสายตาร่าลาไปให้
แล้วหมุนกายไปทันที และเริ่มออกวิ่งไปอีกครัง้ หนึ่ง
เป้าหมายต่อไปคือ...
แต่แล้วผมก็หยุดวิ่งไปชัว่ ขณะ เพราะผมรู้สึกได้ว่าอิมฮัน
นากาลังตามหลังผมมาอยู่
ผมพลันเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึน้ เล็กน้อย แล้วจึง
เหลียวกลับไปมองด้านหลัง
“ผู้เล่นอิมฮันนา ตอนนีม้ ัวทาอะไรอยู่ล่ะครับ”
“ฉันจะไปด้วย ไปด้วยกันนะคะ”
“...ครับ?”
“ฉันบอกว่าจะไปกับแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี.่ ..ฉันจะ
ไปกับคุณซูฮยอนด้วย!”
คาพูดที่ผมคาดไม่ถึงว่าจะออกมาปากหล่อน ทาเอาผม
ขมวดคิ้วอย่างหนัก
“อย่าพูดอะไรไร้สาระ...!”
“ไม่เอา! จะให้ฉนั อยู่ดเู ฉยๆ แบบนี้น่ะหรือคะ”
“...?”
“เดี๋ยวก็หายไปอีก เดี๋ยวก็ได้แต่เฝ้ามองดูอย่างนั้น...ฉัน
จะตามไปด้วย ไม่ว่ายังไงคราวนี้ฉนั ก็จะไปด้วยให้ได้!”
ผมรู้สึกงงไปหมด หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของอิมฮันนา
ที่กาลังตะเบ็งเสียงออกมา ช่างมุ่งมัน่ ตั้งใจจนถึงขนาดที่
ผมไม่สามารถต่อกรได้เลย
ปกติแล้วหล่อนจะดูนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่ทว่าคราวนี้
กลับให้ความรู้สึกที่แปลกแตกต่างออกไป ผมเห็นดังนั้น
จึงได้แต่ปิดปากเงียบอย่างไม่รู้สาเหตุเช่นกัน
คาพูดที่อิมฮันนาพูดไว้เมื่อสมัยก่อน วิ่งแล่นผ่านเข้ามา
ในความทรงจาของผม

‘ฉันขอพูดแบบเป็นทางการไปก่อน หลังจากนีจ้ ะ
เปลี่ยนไปพูดแบบไม่เป็นทางการค่ะ’
‘ฉันอยากจะลองลิขิตชะตาของตัวเองสักครั้งน่ะค่ะ

“…”
“…”
ผมจดจ้องอิมฮันนาในช่วงระยะเวลาอันแสนสัน้
ผมเห็นแววตาของอิมฮันนาสัน่ ไหวน้อยๆ พลางกัดปาก
ตัวเองแน่น
เวลาผ่านไปเพียงห้าวินาทีเท่านัน้ ที่เราสบตากัน
“โอเค”
ผมเกิดเปลี่ยนใจขึน้ มาทันที จึงตอบรับให้หล่อนร่วม
เดินทางไปด้วย
“เฮ้อ...!”
ทันใดนั้นเสียงถอนหายใจเบาๆ จึงดังขึ้น พร้อมกับคิ้วที่
เคยพันกันจนยุ่งเหยิงก็คลายออกไป ริมฝีปากปิดสนิท
ของอิมฮันนาค่อยๆ เผยออกมาให้เห็นถึงรอยยิ้มอันแสน
ดีใจ
“คุณซูฮยอน! จะ จริงใช่ไหมคะ พูดจริงนะคะ?”
อิมฮันนาเผยสีหน้าที่ดูโล่งใจขึน้ หล่อนพลันดูมสี ีหน้า
สดใสขึน้ มาก แต่ทว่าผมก็ไม่ได้ตอบกลับไปในทันที ได้
แต่พยักหน้าให้แทนคาตอบ แล้วจึงมองไปยังท้องฟ้า ณ
ทิศทางหนึง่ บนนัน้ ปรากฏข้อความสามข้อความที่พร
คุ้มครองแห่งสงครามแจ้งมาให้ทราบเมื่อครู่ก่อนหน้า

[อัปเดตข้อมูลตาแหน่งของผู้เล่นจองฮายอน]

ข้อมูลของจองฮายอนอัปเดตแล้ว ผมจึงรีบกะระยะทาง
และทิศทางอย่างรวดเร็ว แล้วจึงได้ทราบว่าข้อมูลที่แทบ
จะคล้ายคลึงกับของอิมฮันนาได้อปั เดตแล้วเรียบร้อย
ผมจึงไม่คิดซ้าสองอีกต่อไป ตัดสินใจช่วยจองฮายอน ผู้
เป็นเป้าหมายต่อไปในทันที
หลังจากผมตัดสินใจได้เช่นนัน้ ผมจึงได้หันไปมองอิมฮัน
นา ตอนนี้ผมตัดสินใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ดังนัน้
ลาดับถัดไปก็ถึงคราวที่เราจะต้องเคลื่อนตัวกันเสียที
“ครับ แต่มีเงื่อนไขหนึง่ ข้อแทนนะ”
“คะ? เงื่อนไขหรือคะ”
“ในระหว่างเดินทาง คุณจะต้องทาตามที่ผมพูดอย่างไม่
มีข้อโต้แย้ง ถ้าคุณไม่มคี วามมัน่ ใจมากพอทีจ่ ะทาสิ่งนี้
ผมก็คงไม่สามารถยินยอมให้คุณเดินทางไปด้วยได้ครับ”
“งั้นหรือคะ ฉันจะทาตามแน่นอนค่ะ”
อิมฮันนาพยักหน้าให้กบั คาขูข่ องผม พลางแสดงสีหน้า
แน่วแน่ออกมา ดูท่าว่าคงจะลืมการต่อต้านที่แสดงให้
เห็นเมื่อครูก่ ่อนนี้ไปเสียแล้ว
“สัญญาค่ะ ขอแค่คุณอนุญาตให้ฉันไปด้วย...”
“…”
ท่าทางที่ดูไม่ลงั เลเลยแม้แต่น้อยนั้น ทาให้ผมไม่สามารถ
เชื่อถือได้อย่างสนิทใจ แต่ตอนนี้อิมฮันนาก็มีเรือ่ งที่
จะต้องช่วยผมอยู่หนึ่งอย่างแล้ว ดังนัน้ ผมจึงสาวเท้าเข้า
ไปใกล้หล่อนอย่างรวดเร็ว หล่อนเงยหน้ามองผม ไม่ไหว
ติงต่อสิ่งอืน่ ใด ผมจึงสัมผัสไปที่รา่ งของหล่อน แล้วจึง
อุ้มขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง
อิมฮันนาเผลอร้องตกใจน้อยๆ
“อะ อุ๊ย!”
“ระหว่างเดินทาง...”
“คะ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี?่ ”
“...ระหว่างเดินทางไป ถ้าผมบอกให้คุณกลับ คุณก็
จะต้องทาตามนะครับ”
อิมฮันนาถลึงตาตกใจ แต่แล้วก็ได้หลับตาลงไปอย่าง
แผ่วเบา หล่อนยื่นแขนทั้งสองข้างเข้ามากอดคอผมไว้
อย่างช้าๆ ในช่วงที่ผมรูส้ ึกได้ถงึ มือเรียวบางสัมผัสเข้า
บริเวณลาคอ จึงทาให้ผมตัดสินใจ เริม่ วิ่งออกไปอย่างไม่
รีรอ
“ฉัน...ฉันเองก็มั่นใจว่าตัวเองวิ่งเก่งในระดับหนึ่งนะ...”
ความไม่พึงพอใจที่เผยออกมาช้าไปนัน้ ทาเอาผม
หลงลืมช่วงที่กาลังออกแรงวิ่งไปด้วยความรวดเร็วของ
ตัวเองทันทีทันใด
คะแนนความคล่องแคล่วของอิมฮันนาอยู่ที่เก้าสิบสอง
คะแนน ซึ่งต่างกับผมแค่หกคะแนนเท่านัน้ แน่นอนว่า
เก้าสิบสองคะแนนนั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่รวดเร็วมากก็
จริง แต่ทว่าก็ยงั แตกต่างกับผมอยู่มากโขเลยทีเดียว
เพราะผมมีอปุ กรณ์หลายชิน้ ที่พร้อมสนับสนุนกาลังอยู่
มากกว่าหล่อน ตอนนี้ผมไม่ได้ต่อสูป้ ะทะกับพวกศัตรูแต่
อย่างใด ทว่ากาลังวิง่ ข้ามผ่านไปให้ได้มากที่สดุ
เพราะฉะนัน้ แล้ววิธีที่ดที ี่สุดในตอนนี้คือ การอุม้ หล่อน
ไปนัน่ เอง
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 10
_______________________________________
เชร้ง! เชร้ง!
บึ้ม! บึ้ม!
ยิ่งผมข้ามผ่านอยู่ในสมรภูมิรบมากเท่าใด ระดับความ
น่าสังเวชใจก็ยงิ่ เพิ่มพูนมากขึ้น ทั้งลูกธนูและเวทมนตร์
ต่างยิงกระหน่่าเข้ามาเหมือนกับการทิ้งระเบิดไว้ไม่มี
ผิดเพี้ยน ควันโขมงหนาทึบปะทุขึ้นมาเป็นหย่อมๆ สูง
หลายสิบเมตรเห็นจะได้
“อย่าหนี รวมกลุ่มกันไว้! รวมกลุม่ กันไว้!”
“ดะ เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิง่ ไป! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย...อึก...
อ๊ากกก!”
เสียงตีรันฟันแทงดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนต่อต้านการ
สังหารอันแสนโหดเ**้ยมของพวกศัตรู และยังมีเสียง
ร้องขอความช่วยเหลือดังขึน้ จากที่ใดสักที่
“คะ แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี”่
“...”
ตั้งแต่เสียงระเบิดและเสียงวุน่ วายที่ดังขึน้ มาต่อจากนัน้
แว่วผ่านเข้าในหูอย่างเลือนราง แต่ทว่าผมก็เพิกเฉยต่อ
สิ่งเหล่านั้น และเดินผ่านมันไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ผมหนีแรงระเบิดต่างๆ และถ้าหากเห็นพวกศัตรูก็แค่วิ่ง
ข้ามพวกมันไปก็เท่านัน้
ความสนใจของผมในตอนนีม้ ีเพียงการช่วยชีวติ อย่าง
เดียวเท่านัน้ เหล่าผู้เล่นคนอืน่ ๆ เขาจะเป็นอย่างไร และ
ก่าลังท่าอะไรอยู่ นัน่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจ่าเป็นต้องรู้
ส่าหรับผมในตอนนีน้ ั้น ขอเพียงแค่ผมสามารถช่วยเหลือ
และรับผิดชอบต่อชีวติ ของคนที่ผมรูจ้ กั ไว้ได้ ก็นับเป็น
เรื่องทีน่ ่าภูมิใจมากๆ แล้ว
ในระหว่างที่ผมก่าลังวิ่งไปด้วยก่าลังทั้งหมดที่มอี ยู่นนั้
จู่ๆ ก็รู้สกึ ได้ถงึ อะไรอุน่ ๆ เฉียดเข้ามาตรงแก้ม ผมจึงก้ม
หน้ามองลงไป แล้วจึงได้เห็นแววตาอันแสนเหม่อลอย
จากอิมฮันนาที่มองขึน้ มา ทว่าเราทั้งคูส่ บตากันเพียงแค่
ช่วงเสี้ยววินาที ผมเงยหน้าขึน้ มาอีกครัง้ หล่อนเองก็
หลุบตาต่่าลงไป พร้อมลดมือลง
“มีเลือดเลอะอยู่น่ะค่ะ...”
“...”
เสียงอันแสนแผ่วเบาที่ดังขึน้ จากด้านล่างนัน้ ท่าเอาผม
รู้สึกนึกขอโทษหล่อนน้อยๆ อยู่ในใจเลยทีเดียว แม้
หล่อนบอกว่าจะพยายามติดตามผมให้ได้ดีที่สุด แต่ถึง
อย่างนั้นผมก็ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะส่งหล่อนกลับไป
ผมเลือกจองฮายอนไว้เป็นเป้าหมายถัดไปที่จะช่วยชีวิต
และได้คิดไว้แล้วว่าจะขอร้องให้หล่อนเดินทางไปจนกว่า
จะถึงค่ายคุ้มกันโดยสวัสดิภาพ เช่นนั้นแล้วผมจึงจะ
สามารถเคลื่อนตัวไปหาเป้าหมายต่อๆ ไปได้ โดยที่ไม่
จ่าเป็นจะต้องวิ่งเทียวไป เทียวมาอยู่หลายครัง้ นั่นเอง
เข้าใจฉันด้วยนะ
ผมวิ่งเข้าไปในกลุม่ ควันที่ผสมปนเปไปด้วยขี้เถ้าตรง
เบื้องหน้า เพราะคิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ผมท่าอะไร
ไม่ได้อยู่แล้ว
ผมใช้จดุ ที่พบตัวอิมฮันนาตัง้ เป็นมาตรฐาน ดังนั้น
ระยะห่างของจองฮายอนจึงอยู่ที่ประมาณหนึง่ ร้อยสิบ
เมตร หากผมผ่านจุดนีเ้ พียงจุดเดียวไปได้ ต่าแหน่งที่จะ
เข้าช่วยชีวติ เป็นล่าดับที่สองจึงจะเผยออกมา ผมกลั้น
ลมหายใจหนึง่ ครั้ง เมื่อมาถึงต่าแหน่งเป้าหมายอย่างไม่
รู้ตัว
ใบหน้าผมเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้เถ้า พร้อมกับทัศนวิสัย
อันแสนด่ามืดจนมองไม่เห็นสิ่งใด ทว่าพอผ่านกลุ่มควัน
แล้วพ้นออกมาได้นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนกลับคืนสู่สภาพ
ปกติอกี ครั้งหนึ่ง วินาทีนั้นผมจึงได้หยุดก้าวเดินของ
ตัวเองไป
เสียงกรีดร้องยังคงดังแว่วอยู่เช่นเดิม
ผมค่อยๆ ปล่อยตัวอิมฮันนาลงอย่างช้าๆ แล้วใช้สายตา
กวาดมองทั่วอาณาบริเวณ
คงเป็นเพราะเดินผ่านเลยไปสักระยะหนึ่งแล้วก็เป็นได้
จึงท่าให้ผมไม่เห็นพวกศัตรูรวมกลุ่มใหญ่กนั อยู่เลย อีก
ทั้งยังไม่พบตัวเหล่าผู้เล่นที่ยืนอยู่บริเวณรอบๆ นี้ด้วย
สิ่งที่เห็นอยูเ่ พียงสิ่งเดียวคือ เลือดสีแดงฉานที่ไหลไป
ตามผืนดินกับเลือดที่เลอะอยู่บนตัวศพแต่เพียงเท่านัน้
และแล้วจากกองศพที่อยู่ตรงหน้าผมนี้ ข้อมูลของจอง
ฮายอนจึงได้ถกู ยืนยันขึน้ มาอีกครั้ง
ผมใจเต้นระส่่าระส่ายไปชัว่ ขณะ แต่แล้วก็ได้รบี ปลุก
ดวงตาที่สามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ต่อมาจึงเริ่มสอดส่อง
ต่าแหน่งทีร่ ู้สึกได้ถึงตัวจองฮายอน จากกองศพจ่านวน
นับไม่ถว้ นทีก่ ระจายทั่วทุกหนแห่ง

[ผู้เล่นคิมจูยอน (เสียชีวิต)]
[User Kaisa Matthew (เสียชีวติ )]
[ผู้เล่นชินฮยอนแท (เสียชีวิต)]
[User Brian James (เสียชีวิต)]
[ผู้เล่นคิมอายอง (เสียชีวิต)]
[ผู้เล่นจองฮายอน (บาดเจ็บหนัก)]
[…]
[User Kate Bellamy (เสียชีวิต)]
[ผู้เล่นคิมจีฮุน (เสียชีวติ )]
[ผู้เล่นฮันฮโยจิน (บาดเจ็บหนัก)]
[…]

เจอแล้ว
ผมค้นพบตัวจองฮายอนจนได้ในที่สุด พร้อมกับได้ยนื ยัน
สถานะของหล่อนแล้วเป็นที่เรียบร้อย นั่นจึงท่าให้ผม
ถอนหายใจโล่งอกทันที และในวินาทีก่าลังจะวิง่ ออกไป
นั่นเอง ผมรู้สึกได้ถึงกระแสพลังเวทที่ไหลเวียนเข้ามา
อย่างกะทันหันจากด้านข้าง จึงท่าให้ผมต้องคว้า
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียขึ้นมาอย่างทันทีทนั ใด แล้วชู
ดาบขึน้ มาทันที
พรึบ่ !
“อ๊ะ!”
“อย่าท่าตัวเป็นจุดสนใจล่ะ”
อิมฮันนาก่าลังหันหน้าไปยังทิศทางหนึ่งพร้อมกับเล็ง
แสงแปลบปลาบส่องประกาย : ลอร่า ฟีลสิ แต่ผมคว้า
หมับเข้าให้อย่างเร่งรีบจนเกือบพลาดหลุดมือไป แล้วจึง
พยักหน้าให้ผมด้วยสีหน้างงงวย
ผมสั่งให้อิมฮันนาระมัดระวังตัวอีกครัง้ หนึ่ง แล้ว
หลังจากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในกองศพ เพราะผมสามารถ
วิเคราะห์ได้แล้วว่าจองฮายอนอยู่ตรงไหน
ผมเหยียบร่างอันไร้วิญญาณหลายต่อหลายร่างไปอย่าง
ไม่แยแส แล้วหลังจากนั้นจึงพบตัวจองฮายอนที่นอน
แน่นิ่ง หน้าซีดเผือดอยูบ่ นผืนดิน
ผมตรงยาวสีฟ้าเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
พอผมเลื่อนสายตาลงไปมอง จึงเห็นว่ามีลกู ธนูสองดอก
ปักเข้าที่หน้าท้องของหล่อนอยู่ บางทีเลือดที่ไหลนองอยู่
บนผืนดินแห่งนี้ อาจจะมีเลือดของหล่อนปะปนอยู่
บางส่วนก็เป็นได้
พอผมคิดได้เช่นนั้น จึงเริ่มสงบจิตสงบใจตัวเอง ผมไม่
มานัง่ เขย่าตัวจองฮายอน ร้องห่มร้องไห้ทุเรศทุรังแบบ
นั้นหรอก เพราะผมไม่ลมื ว่าจะต้องท่าอะไรก่อนเป็น
อันดับแรก ผมมองร่างของหล่อน แล้วจึงดึงหัวลูกศรกับ
ก้านหักทิ้งไป และดึงก้านธนูที่หลงเหลืออยู่บนร่างออก
“อึก...!”
เพียงชัว่ ครู่เดียวเท่านั้น ที่ร่างกายของจองฮายอนเกิด
การสั่นสะท้านเล็กน้อย ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆ ลืม
ขึ้นมา นัยน์ตาสีฟา้ ที่กว่าจะเผยออกมาได้นนั้ จ้องมาที่ผม
เสี้ยวหนึ่งของความสับสนวุน่ วายปะทุขนึ้ มาในแววตา
ของหล่อน ดูท่าว่าหล่อนคงจะยังยืนยันไม่ได้วา่ คน
ตรงหน้าตัวเองใช่ผมจริงๆ หรือไม่
ดังนัน้ ผมจึงเริ่มพูดออกไปก่อนว่า
“จองฮายอน ล่าบากแย่เลยนะครับ ตอนนีป้ ลอดภัยแล้ว
ครับ”
และแล้วจองฮายอนจึงได้ปริปากพูดออกมาอย่าง
ยากล่าบากว่า
“ซู...”
ทว่าสุดท้ายจองฮายอนก็ไม่สามารถพูดออกมาได้จนจบ
ประโยค คงเป็นเพราะไม่มีพลังเหลืออยู่แล้วนัน่ เอง
ดวงตาของหล่อนปิดสนิทลงอีกครั้ง ศีรษะห้อยตกลง
เหมือนคนไม่มีแรง
ลมหายใจอันแสนแผ่วเบาค่อยๆ แล่นผ่านจมูกออกมา
ผมจึงได้ลงมือจัดการน่าอีกก้านหนึ่งออกไปจนหมด
หลังจากนั้นจึงได้ปลุกพลังเวทขึ้นมา และกดนวดบริเวณ
หน้าท้องของหล่อนที่มีเลือดกระจัดกระจายอยูเ่ ต็มไป
หมดเพื่อเอาเลือดออกมาให้ได้ หลังจากนั้นไม่นาน เลือด
ที่ไหลพุ่งออกมาจึงค่อยเริ่มลดลงเบาบางในชัว่ พริบตา
และหยุดไหลในที่สุด
พอผมยืนยันสภาพร่างกายทุกอย่างเสร็จสิน้ จึงอุ้มจอง
ฮายอนขึน้ มาและหมุนกายกลับไป
“พะ...พี่ฮายอน?”
อิมฮันนาทีย่ ืนเฝ้าระวังอยู่ท่าหน้าตกใจขึ้นมาทันทีที่ได้
เห็นจองฮายอน
“พะ...พี่คะ ท่าไงดี หรือว่า...?”
“ยังไม่ตายครับ”
ผมมองอิมฮันนาที่ชะโงกหน้ามาดู แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
กลับไป หลังจากนัน้ จึงยื่นแขนทั้งสองข้างออกไป
ตรงหน้าหล่อนอย่างช้าๆ อิมฮันนาเอียงคอสงสัยครู่หนึ่ง
แต่กระนัน้ ก็ยังยืน่ มือมาจัดการกับธนูอย่างรวดเร็ว แล้ว
จึงประคองร่างของจองฮายอนไว้
ผมจึงพูดต่อไปในทันทีว่า
“อิมฮันนา อาจจะยังเร็วไปหน่อย แต่เห็นทีวา่ คุณ
จะต้องหยุดการเดินทางไว้เพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ”
“ค...คะ?”
อิมฮันนาถามกลับมาด้วยสีหน้าแกมสงสัย แต่ถึงอย่าง
นั้นผมก็ยังพูดต่อไป เพราะนัน่ คือเรื่องจริงที่ผมได้คิดมา
ไว้ก่อนแล้ว
“ยังจ่าต่าแหน่งของค่ายคุ้มกันที่ผมเรียนให้ทราบเมื่อครู่
ก่อนได้ไหมครับ”
“ก็จ่าได้ค่ะ แต่...”
“ก่อนอื่น ผมขอให้คุณไปยังจุดที่เราได้เจอกันครั้งแรก
เสียก่อน หากเจอศัตรู ก็ขอให้เลี่ยงพวกมันไป ระวังลูก
ธนูกบั เวทมนตร์ด้วย และก็ไม่วา่ คุณจะรีบอย่างไร ก็
ขอให้อย่าเดินผ่านสนามรบโดยเด็ดขาด ส่วนต่าแหน่งที่
ผมพูดไปเมื่อครูน่ ั้น หากคุณไปถึงจุดนัน้ แล้ว ก็สามารถ
เลี่ยงออกไปข้างนอกได้เลยครับ หากคุณเลี่ยงตัวออกไป
ได้เสียก่อน พวกศัตรูก็คงจะมองไม่เห็นตัวแล้วล่ะครับ”
“...”
“ขอฝากจองฮายอนไว้ด้วยนะครับ”
ทันทีที่พูดประโยคเหล่านั้นจบ ผมจึงหมุนกายไปทันที
การกระท่าของผมเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยาก
ยืนยันถึงความปลอดภัยและสวัสดิภาพของจองฮายอน
แต่อย่างใด แต่ผมจ่าต้องเข้าไปช่วยเหลือคนอืน่ ๆ ที่
เหลืออยู่อีกเป็นจ่านวนมาก ดังนั้นแล้วผมจึงได้แต่ข่ม
อารมณ์และความรู้สึกนีไ้ ว้ แล้วมุง่ หน้าวิ่งต่อไป
ส่าหรับผมในตอนนีค้ ือ ผมไม่มีเวลาที่จะมานัง่ พักให้
เสียเวลาอีกต่อไป ในเมือ่ ผมได้ตัดสินใจเข้ามาอยู่ใน
สมรภูมริ บแห่งนี้แล้ว
“ด...เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
ในตอนนัน้ เอง หลังจากที่ผมส่งค่าเตือนไปให้ในครั้ง
สุดท้าย แล้วจึงตัดสินใจจะวิง่ ออกไปเดีย๋ วนั้นนั่นเอง
เสียงรีบร้อนของอิมฮันนาก็ได้ดังขึน้ มาฉุดรั้งตัวผมไว้
การกระท่าของหล่อนเช่นนี้ท่าเอาผมโกรธถึงขีดสุด แต่ก็
ยังยอมหันกลับไปหาอีกครั้ง อากัปกิรยิ าของอิมฮันนาที่
ผมเห็นนัน้ ไม่น่ามองเอาเสียเลย หล่อนมองดูผม พลาง
ท่าหน้าเหมือนไม่รู้วา่ จะต้องท่าอย่างไรต่อไป แล้วก็เอา
แต่มองผม สลับกับจองฮายอนไปมาอยู่อย่างนัน้
ดูท่าว่าอิมฮันนาคงอยากจะตามผมไปเสียให้ได้ อย่างไร
ก็ตามความคิดนัน้ ดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นความ
ห่วงใยจองฮายอนที่ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่ในตอนนี้
แทน
หล่อนคงจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว จึงได้พูด
ออกมาด้วยน้่าเสียงอันแสนระมัดระวัง
“ลอร์ดเมอร์เซนต์นารีค่ ะ”
“...?”
“ไปค่ายคุ้มกันกับพวกเราหน่อยไม่ได้หรือคะ”
และวินาทีที่ผมได้ยนิ ประโยคนัน้ ผมรู้สึกได้ว่าความ
อดทนอดกลัน้ ที่ผมกักเก็บไว้มนั พุง่ ทะยานขึน้ มาทันที
แม้จะข่มใจเอาไว้อย่างไรก็ตาม แต่ความโมโหถึงขีดสุด
ของผมก็ยังพุ่งกระฉูดออกมาอยูด่ ี ผมจึงเปิดปากพูด
ออกไปด้วยน้่าเสียงอันแสนแผ่วเบา
“ผู้เล่นอิมฮันนา”
กึก! กึก!
“ตอนนี้...ไม่เห็นคุณท่าตามที่ผมพูดเลยนี่ครับ”
วินาทีนนั้ เอง อิมฮันนาถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วถอยหลัง
ออกไปอย่างลังเลใจ ใบหน้าของหล่อนฉาบไปด้วยความ
หวาดกลัวจนไม่อาจซ่อนเร้นได้ และในตอนนั้นนั่นเอง
ผมจึงเข้าใจได้ถึงความผิดพลาดที่แสดงความโมโห
ออกไปอย่างไม่รู้ตวั
ผมจัดการอารมณ์ที่กา่ ลังพลุง่ พล่านไปทั่วร่างกาย แล้ว
จึงจดจ้องไปที่อิมฮันนา
หลังจากนั้นไม่นาน อิมฮันนาจึงมองผมด้วยสายตาอัน
แสนเศร้าสร้อย หลุบตามองต่่าลง ก่อนทีจ่ ะหันกาย
กลับไป หล่อนอุ้มจองฮายอนไว้อย่างทะนุถนอม แล้ว
เริ่มวิง่ ไปทั้งอย่างนัน้
หากใช้ความเร็วประมาณนั้น…ก็โอเคแล้ว คงจะไม่โดน
จับตัวไปหรอก
อิมฮันนาวิ่งห่างไกลออกไปในพริบตาเดียว ผมเห็นดังนัน้
ถึงกับโล่งอก หลังจากนัน้ จึงกลับหลังหันอีกครัง้ แล้วเริม่
เคลื่อนตัวเพื่อไปยังเป้าหมายถัดไปทันที
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 11
_______________________________________
หลังจากเผชิญกับคลืน่ ยักษ์มาแล้วพอลืมตาขึน้ มาอีก
ครั้ง จึงพบว่าสมรภูมริ บในขณะนี้ได้เปลีย่ นแปลงไป
อย่างสิน้ เชิง
ตู้ม ตู้ม!
“ช...ช่วยด้วย!”
เสียงเวทมนตร์ดงั ประสานไปกับเสียงร้องขอชีวติ
ฟิ้ว ฟิว้ !
“อ๊ากกก!”
เสียงธนูและเสียงกรีดร้องดังต่อเนื่องกันมา
ด้วยความที่ไม่ได้สวมแว่นจึงทาให้มองเห็นไม่คอ่ ยชัด
เท่าไหร่ ทว่าเสียงมากมายที่ดังแว่วเข้ามาในหูนั้นก็ทาให้
พอรูถ้ ึงสถานการณ์โดยรอบได้บา้ ง ชินซังยงทาหน้าบูด
เบี้ยว พลางเอามือกุมหัวที่กาลังถูกลมกรรโชกอย่าง
รุนแรงไว้
ตอนนีเ้ ขายังไม่รู้อะไรละเอียดมากนัก ไม่สิ ต้องบอกว่า
ไม่มีเวลาสืบส่องอย่างละเอียดมากกว่า
เสียงกรีดร้องของสตรีผหู้ นึ่งดังขึน้ มาอย่างต่อเนื่อง
แม้กระทั่งก่อนเขาจะลุกขึน้ ยืนก็ยงั คงได้ยนิ เสียงนัน้ อยู่
วินาทีนนั้ เขาคิดว่าหากเข้าไปยุ่มย่ามอะไร อาจทาให้เกิด
เรื่องใหญ่ขนึ้ ได้ ดังนัน้ เขาจึงอดทนอดกลัน้ ต่อความ
เจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาบริเวณขาอ่อนด้านใน แล้วพยุง
ตัวลุกขึ้นยืนในที่สดุ และตั้งหน้าตัง้ ตาวิ่งออกไปข้างหน้า
ทันที
ชินซังยงได้แต่วิ่ง วิ่ง และวิ่งอยู่เช่นนัน้
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก!”
เขาวิ่งอยู่เช่นนัน้ มานานเท่าไหร่แล้ว สถานการณ์มนั จะ
เป็นอย่างไรต่อไป
เสียงหัวใจเต้นดังตึกตัก เกิดอาการวิงเวียนศีรษะเล็กๆ
ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดูเหมือนเขาจะวิ่งมานานมากเลย
ทีเดียว ทว่าสมรภูมริ บในครั้งนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด
แต่อย่างใด
ชินซังยงหมดหนทางแล้วจริงๆ เขารู้สกึ ได้วา่ ร่างกาย
ตัวเองเกิดการสั่นสะท้านไปมาอย่างรุนแรง ทันใดนัน้
น้าตาก็ไหลอาบสองแก้มโดยไม่รู้ตัว
ไม่เพียงเท่านัน้ ขาอ่อนด้านในของเขายังรูส้ ึกร้อนรุ่ม
ราวกับมีอะไรมาสุมอยูต่ รงหน้า อีกทั้งยังมีอะไร
บางอย่างคล้ายๆ กับเหงื่อไหลเป็นสาย แม้จะบอกว่ามัน
เป็นเหงื่อจริงๆ แต่ทว่าเจ้าของเหลวนัน้ กลับมีอุณหภูมิ
สูง และยังเหนียวเหนอะหนะอีกด้วย
ในระหว่างทีว่ ิ่งมาตลอดทาง ในที่สุดชินซังยงก็ไม่
สามารถเอาชนะต่อความเจ็บปวดทีป่ ะทุขึ้นมาได้ จึงได้
หลุบตามองด้านล่าง ทันใดนั้นจึงได้เห็นว่าขาอ่อนทาง
ขวามือของเขามีเลือดเกรอะกรังอยูเ่ ต็มไปหมด
“แฮ่ก!”
และในตอนนัน้ เอง เท้าของเขาที่ออกแรงวิง่ อยูก่ ็ดันไป
ปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างที่เป็นของเหลว ด้วยเหตุนจี้ ึง
ทาให้เขาล้มหน้าคว่าลงไป
ครืด!
ร่างกายของเขาจึงไถลไปข้างด้านอย่างช่วยไม่ได้ มิหน้า
ซ้าหน้ายังครูดไปกับพื้นดินอย่างแรงอีกด้วย
เขารู้สึกแสบๆ ร้อนๆ ทีใ่ บหน้าอยูพ่ ักหนึ่ง แต่มนั ก็แค่
เดี๋ยวเดียวจริงๆ
ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็ได้ยนิ เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
อะไรบางอย่างกาลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชินซังยงรีบยัน
กายขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแทบไม่น่าเชื่อ แม้ขาอ่อน
ด้านในของเขาจะเจ็บปวด จนถึงไม่สามารถพยุงตัว
ขึ้นมาได้ก็ตาม แต่เขาก็คิดอยู่เสมอว่าจะต้องหนีไปให้ได้
จึงได้ลกุ ขึน้ ยืนอีกครั้งหนึ่ง
แต่นั่นมันจะสายเกินไปหรือเปล่า เพราะจังหวะที่กาลัง
จะวิ่งหนีออกไปนัน้ ชินซังยงกลับรู้สึกได้วา่ มีมอื คู่หนึ่ง
กาลังจับเข้าที่หัวไหล่ของเขา เขาหันหน้าไปอัตโนมัติ
พร้อมกับความรักตัวกลัวตายที่แผ่ซ่านเข้าทุกอณูของ
ร่างกาย
และในตอนนัน้ เอง
“แฮ่ก พี่! พี่ซังยง! แฮ่ก แฮ่ก!”
เขาก็พบเข้ากับอันฮยอนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เส้นผมเส้นเล็กสีแดงเพลิงตรงด้านหลังเขาปลิวไปมา
เขาใจเต้นไม่เป็นส่า และวินาทีที่เจ้าของมือที่ยนื่ มาจับ
ไหล่เขาไว้นนั้ ได้เผยโฉมออกมานั่นเอง เสียงกรีดร้องที่
เคยได้ยินอยูร่ อบข้างจึงเริ่มเงียบลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่
รู้ตัว
แล้วชินซังยงที่กาลังเกลือกกลิง้ อยูบ่ นพืน้ จึงได้หยุดการ
เคลื่อนไหวไว้เพียงเท่านั้น
“พี่!”
เสียงที่ดังขึน้ มาอีกครั้งนั้น ช่างเป็นเสียงทีค่ ุ้นเคยมากเสีย
จริง ความคุน้ เคยในเสียงเช่นนั้นสามารถช่วยสกัดกัน้
ความยุ่งเหยิงในหัวของชินซังยงได้เล็กน้อย เขากะพริบ
ตาครั้งสองครั้ง และด้วยสายตาที่ชัดเจนมากขึน้ เล็กน้อย
จึงทาให้เขาเห็นอันฮยอนที่กาลังจับไหล่ของตัวเองอยู่
และอียูจอง ผู้ทอดสายตามองด้วยสายตาเย็นยะเยือกอยู่
ข้างๆ
“อ้า อันฮยอนกับยูจอง ทุกคนยังอยู่ดีกนั สินะ...”
“ครับพี่! พี่เองก็ยังมีชวี ติ รอดอยู่เหมือนกัน โชคดีมากๆ
โชคดีจริงๆ”
น้าเสียงของชินซังยงทีก่ ว่าจะเอื้อนเอ่ยคาใดออกมาได้
นั้น เจือปนไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้นเล็กๆ ความตึงเครียด
ที่อัดแน่นอยู่ภายในร่างกายจนถึงเมื่อครู่ ได้สลายตัวไป
อย่างรวดเร็วปานน้าไหลเชี่ยวทันทีที่ได้เห็นสองคน
ตรงหน้า แล้วความโล่งอกโล่งใจจึงได้เข้ามาแทนที่ อีก
ทั้งเขายังรู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดทีข่ าได้ทุเลาลงไปบ้าง
แล้ว พร้อมกับถอนหายใจน้อยๆ ออกมา
“พี่! พอดีเลย คือตอนนีเ้ กิดเรื่องใหญ่ขนึ้ แล้วล่ะครับ ผม
ต้องการความช่วยเหลือจากพี่มากๆ เลย”
“นั่น...นั่นสิเนอะ เรื่องใหญ่จริงๆ อ้อ ตอนนี้เห็นทีคงจะ
อยู่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ ก่อนอืน่ เราต้องรีบ...”
ชินซังยงพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็ได้หยุด
คาพูดของตัวเองไปดื้อๆ เพราะอันฮยอนที่กาลังจับไหล่
เขาอยูน่ นั้ ส่ายหัวกลับมาให้นนั่ เอง
“ไม่ครับพี่ คือมันไม่ใช่อย่างนั้นครับ”
“อะ เอ๋? ถ้าไม่ใช่แล้ว...”
จากการปฏิเสธอันแสนรวดเร็วของอันฮยอน จึงทาให้ชนิ
ซังยงถามกลับไปด้วยสีหน้าสงสัย
“ซลน่ะครับ ซลหายตัวไป ผมต้องไปตามหาน้อง”
ทันทีที่อันฮยอนให้คาตอบกลับมานัน้ ความรูส้ กึ ปลอด
โปร่งโล่งใจที่กาลังจะแล่นปราดเข้ามาในร่างกายของชิน
ซังยงจึงพลิกคว่ากลับไปในพริบตาเดียว
“ครับ? อ้า ตามหาตัวอันซลหรือครับ ทาไมจู่ๆ ถึงพูด...
แบบนัน้ ล่ะครับ”
“ก็ตามนั้นนัน่ แหละครับ ผมช่วยมาได้อย่างหวุดหวิด
แล้วเชียว แต่แล้วพวกศัตรูมันก็เข้ามาโจมตีแทบจะทุก
ทิศทุกทาง ผมก็เลยคลาดกับซลไปน่ะครับ ผมตามหาตัว
ตลอดตั้งแต่เมื่อกีนี้แล้ว แต่...ไม่เห็นเลยว่าซลไปอยู่
ไหน”
แม้อันฮยอนจะพูดเรียงประโยคได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ชนิ
ซังยงกลับเข้าใจในคาพูดของอันฮยอนได้อย่างดีเยี่ยม
และในวินาทีที่เขาได้ยินประโยคเหล่านัน้ ความรู้สึก
ต่อต้านอย่างรุนแรงจึงก่อตัวขึ้นมาในอก
ความอึดอัดใจบางอย่างตีตื้นขึน้ มาโดยไม่รู้สาเหตุ ใจที่
เคยสงบนิ่งไปเริ่มเต้นรัวขึน้ มาอีกครั้ง
ความจริงแล้ว หลังจากเผชิญหน้ากับคลืน่ ยักษ์มานัน้
ทั้งอันฮยอน, อียูจองและอันซลกลับมารวมตัวกันได้ราว
กับในละครไม่มีผิด
เหล่าผู้เล่นที่สามารถควบคุมสติตัวเองได้นนั้ ก็ได้เริ่ม
จัดตั้งกลุ่มขึ้นมา ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้อนั ฮยอนกับอียจู อง
เวียนมาพบกันได้ และบางส่วนที่อยู่ในกลุม่ นัน้ ได้พา
กองทัพของเราเคลื่อนตัวไป จึงทาให้สามารถช่วยชีวิต
อันซลมาได้สาเร็จ
เขาคิดว่านี่แหละ คือความโชคดีในความโชคร้ายที่ได้พบ
เจอมาตั้งแต่อยู่ทนี่ ี่
ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว กลุ่มที่ตั้งขึน้ มากลับต้องสลายตัว
กันไป เนื่องจากเจอกับพวกศัตรูเข้าเสียได้ มิหนาซ้ายัง
ไม่ได้ขา่ วคราวเรื่องร่องรอยของอันซลทีว่ ิ่งสติหลุดหนี
หายไปเลยแม้แต่น้อย จึงทาให้อันฮยอนต้องเทีย่ ววิ่ง
ขอร้องคนอื่นๆ ที่หนีออกมาได้ว่า ขอให้ช่วยตามหาตัว
น้องของเขาด้วย แต่แล้วพวกเขาเหล่านัน้ กลับปฏิเสธ
จึงทาให้ต้องออกตามหากับอียูจองเพียงแค่สองคน
เท่านัน้
แต่สาหรับชินซังยงที่ไม่รู้เรื่องเหตุการณ์เช่นนั้นเลย
แม้แต่น้อย กลับรู้สกึ ได้ว่าคาพูดของอันฮยอนนั้นออกจะ
เกินไปเสียหน่อย ไม่สิ ถึงแม้เขาจะบอกว่ารู้เหตุการณ์
เช่นนัน้ ดี แต่ความคิดก็คงไม่ได้ต่างจากเดิมไปมาก
เท่าไหร่นัก
ในสมรภูมริ บที่ไม่รู้วา่ จะต้องตายอย่างไร ตายเมื่อไหร่
เช่นนีน้ ั้น ชินซังยงก็ยังสามารถหนีรอดมาได้จนถึงตอนนี้
ทั้งหมดก็เพื่อการมีชีวติ อยู่ต่อไปเท่านัน้ แต่ทว่าอันฮยอน
กลับไม่คิดว่าจะต้องรวมพลัง แล้วหนีออกไปแต่อย่างใด
ซ้าร้ายยังมาชวนให้เขากลับเข้าไปในสมรภูมริ บบ้าบอ
อีกต่างหาก การกระทาเช่นนัน้ เหมือนเป็นการยื่นหัวให้
เสือเขมือบเอง ด้วยเหตุนี้ คาขอร้องของอันฮยอนจึง
กลายเป็นคาวิงวอนที่เขาไม่สามารถน้อมรับไว้ได้
แต่....
“พี่! ช่วยหน่อยเถอะครับ จะช่วยผมใช่ไหมครับ นะ
ครับ?”
บนหน้าผากของอันฮยอนราวกับมีคาว่า ‘กล้าหาญ
เกรียงไกร’ เขียนติดไว้คาโต สายตาของอันฮยอนที่
ส่งออกมาก็เป็นเช่นนั้น ทาเอาชินซังยงไม่ปริปากพูด
อะไรออกมาเลยสักนิดเดียว ในสายตาของเขานั้นแฝงไป
ด้วยความเชื่อถือศรัทธาว่าชินซังยงจะต้องช่วยเหลือเขา
อย่างแน่นอน
ร่างกายของเขาเกิดการสั่นสะท้านขึน้ มาอย่างไม่รู้ตัว
จริงๆ เขาควรจะต้องพูดออกไปเลยว่ามันเกินไปไหม ตัว
เขาเองทาไม่ได้หรอก แต่แล้วทันทีที่ได้สบตากับอันฮ
ยอน ชินซังยงเองก็ไม่รวู้ ่าทาไมปากมันถึงไม่ยอมเปิด
ปากพูดออกมา
ในหัวของชินซังยงตอนนี้มีภาพเหตุการณ์สมัยอยู่แคลน
เฮาส์วนเวียนไปมา

‘แหะๆ พี่ซังยง ช่วยผมหน่อยไม่ได้เหรอครับ’


‘ครับ เอ๋ ช่วยเหรอครับ’
‘ครับ! ผมมีงานทีพ่ ี่ซูฮยอนสั่งมาน่ะครับ แต่ไม่รวู้ ่าต้อง
ทายังไง...ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ’
‘ฮ่าๆ อย่างนี้นเี่ อง แน่นอนอยู่แล้วสิ เดี๋ยวช่วยเองครับ’
ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้ใบหน้าของอันฮยอนซ้อนทับเข้ากับ
เหตุการณ์ในครั้งนัน้ ไปโดยปริยาย
ชินซังยงไม่รู้วา่ จะต้องทาอย่างไรต่อไป เขาจึงส่งสายตา
ไปหาอียจู อง หล่อนไม่พูดอะไรออกมาเลย เอาแต่จ้อง
เขม็งมาตัง้ แต่เมื่อครู่แล้ว อากัปกิรยิ าเช่นนัน้ ช่างต่างกับ
ยามปกติลบิ ลับ ผ้าคาดผมที่เคยใส่ตลอดเวลาก็หายไป
อย่างไร้ร่องรอย มิหนาซ้านัยน์ตาของหล่อนยังปรากฏสี
แดงเข้มออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอีกด้วย ท่าที
ของอียจู องที่อัดแน่นไปด้วยความกระหายเลือดเช่นนี้
ทาให้ชนิ ซังยงถึงกับคอตกเลยทีเดียว
“พี่ครับ? ทาไมเป็นงั้นไปล่ะครับ บาดเจ็บตรงไหนหรือ
เปล่าครับ”
ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์เข้าตาจนแท้ๆ น้าเสียงของอันฮ
ยอนก็ยังคงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอยู่
เช่นเดิม ทว่านั่นก็ทาให้ชินซังยงได้หวนกลับมาใช้
ความคิดอีกครั้งหนึ่งว่า เขาจะต้องรีบให้คาตอบกลับไป
โดยเร็ว
และในตอนนัน้ เอง
“เจ็บอยูน่ ”ี่
อียูจองก็ได้เอื้อนเอ่ยคาพูดแรกออกมาในที่สุด อันฮยอน
ตกใจกับประโยคนัน้ ของหล่อนจนมือไม้สนั่ แล้วจึง
เหลือบตามองตามที่หล่อนชีน้ ิ้วไป
“ฮะ เฮ้ย ต้นขาของพี่มนั ..!”
“ก็เพราะนี่ไงล่ะ...ดูเหมือนจะลาบากไม่น้อยเลยนะ”
คาสัน้ ๆ ที่วา่ ‘ดูเหมือนจะลาบากไม่น้อยเลยนะ’ ของอียู
จอง คานั้นแฝงความหมายอะไรบางอย่างอยู่มากมาย
เต็มไปหมด สีหน้าของอันฮยอนหม่นหมองลงอย่าง
รวดเร็ว เขาคงรู้สกึ ถึงสิง่ นัน้ ได้แล้ว ชินซังยงเหมือนเห็น
หนทางอะไรบางอย่างจึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครัง้
“พี่ครับ ตอนนี้แผลของพี่...ไม่เจ็บใช่ไหมครับ”
“ก...ก็นดิ หน่อย...”
“เฮ้อ ทายังไงดีเนี่ย”
“...”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 12
_______________________________________
อันฮยอนถอนหายใจเล็กน้อย พร้อมกับปิดปากฉับลง
ในทันที ชินซังยงที่เห็นเขามีทีท่าเช่นนัน้ จึงได้แต่ลอบ
กลืนน้้าลาย
แล้วชินซังยงก็คิดว่า
ตอนนีเ้ หมือนเขาแก้ตวั ออกมาตรงๆ เลย แต่ถา้ บาดเจ็บ
ขนาดนี้ เด็กๆ ต้องเข้าใจเราสิ ไม่สิ เอาเรื่องนีม้ าแก้ตัว
แล้วชวนเด็กๆ หนีออกไปพร้อมกันดีกว่า เพราะถ้าเรา
ไปทั้งอย่างนี้ สองคนนัน้ ต้องตายอย่างแน่นอน ดังนัน้ ก็
อ้างไปก่อนว่าต้องออกจากที่นี่เสียก่อน แล้วค่อยตามหา
อันซลทีหลังเอา เพราะทั้งหมดที่ว่าไปนั้น ถือเป็นหนทาง
ที่ดีส้าหรับคนทั้งคู่
หลังจากหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเช่นนัน้ แล้ว ชินซังยง
จึงได้เปิดปากพูดออกมาว่า
“กะ...ก่อนอืน่ ...”
“ไม่ได้การณ์แล้ว ไม่วา่ อย่างไรผมก็จะไปตามหาตัว
อันซล ต่อให้ตัวคนเดียวก็จะไป”
แต่วินาทีที่เขาก้าลังจะพูดต่อไป อันฮยอนกลับตัดบทพูด
ของชินซังยง พลางมีสหี น้าเหมือนตัดสินใจอะไรได้อย่าง
แน่วแน่
“สภาพของพี่ซงั ยงในตอนนีน้ ่ะ...เดีย๋ ว ว่ายังไงนะ”
“รู้แล้ว ถ้างัน้ อียจู อง เธอช่วยดูแลพี่ซังยงหน่อย แค่
แป๊บเดียวเท่านัน้ ส่วนอันซลน่ะ ไม่วา่ ยังไงฉันก็จะไป
ตามหาดู”
“บ้าไปแล้วหรือไง อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย”
“ถึงจะว่างัน้ ก็เถอะ จะให้นั่งรออยู่เฉยๆ แบบนีไ้ ม่ได้
หรอกนะ สถานการณ์แบบนี้ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
จะเจอเข้าตอนไหน ถ้าเดินไปเดินมา บางทีอาจจะเจอ
ตัวนักบวชก็ได้...”
ชินซังยงได้แต่จ้องสองคนนั้นทีก่ ้าลังถกเถียงกันไปมา
ด้วยสีหน้าเหม่อลอย พร้อมกันนั้นเขายังเกิดความรู้สกึ
ละอายใจขึน้ มาด้วย อันฮยอนมองเขาอย่างจริงใจ แต่
ทว่าเขากลับทรยศต่อความจริงใจเหล่านั้นเสียเอง ถึง
ขนาดเกิดความรู้สกึ ละอายต่อบาปแปลกๆ ขึ้นมาเลย
ทีเดียว
ในตอนนัน้ เอง ณ สถานการณ์ทเี่ หมือนกับหมาจนตรอก
ไร้ซึ่งข้อสรุปใดๆ ออกมา เวลาได้ลว่ งผ่านเลยไประยะ
หนึ่ง
“พะ...พี่คะ!”
จู่ๆ ก็ได้ยนิ เสียงของอันซลดังขึน้ อย่างกะทันหัน ทั้งสาม
คนต่างสะดุง้ ตกใจ พลางหันหน้าไปมองพร้อมกัน
ในทิศทางที่ได้ยนิ เสียงนัน้ มีเหล่าผู้เล่นทั้งสี่คนยืนอยู่
และตรงจุดนัน้ มีสตรีผู้หนึ่งกับอันซลที่ยนื อยูร่ าวกับฝัน
ไป พวกเขาก้าลังมุง่ หน้ามาทางนี้อย่างช้าๆ

พลั่ก!
ในชั่วพริบตาเดียว ดาบอันแสนงดงามที่ทอแสงจ้านั้นก็
ได้ตัดกลางท้องฟ้าราวกับสายฟ้าแลบ ปลายดาบเสียบ
ทะลุเข้าล้าคอของชายผู้หนึ่ง และคงเป็นเพราะทุกอย่าง
เกิดขึน้ เร็วมาก จึงท้าให้ใบหน้าของเขายังคงแสดงสีหน้า
ตกตะลึงอยูเ่ ลย
ต่อมาชายผู้นนั้ จึงได้หลุบตามองลงด้านล่างอย่างช้าๆ
“...!”
วินาทีที่เขาเห็นดาบเสียบคอตัวเองอยู่ เขาจึงล้มหงาย
ท้องตึงไปทัง้ อย่างนัน้ และในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ดาบ
ของสตรีผู้หนึ่งจึงได้เก็บกลับเข้าไปในที่สุด เส้นผมสยาย
ยาวพลิ้วไหว โบกสะบัดไปมา
พรึบ่ !
หลังจากก้าจัดศัตรูคนสุดท้ายได้สา้ เร็จแล้ว ความเงียบ
สงัดจึงเริม่ ปกคลุมอาณาบริเวณโดยรอบ
ศพจ้านวนสิบเอ็ดราย รวมชายที่ลม้ ลงไปเป็นคนสุดท้าย
นั้นก้าลังนอนเกลือกกลิง้ อยู่บนพื้น ในช่วงที่เลือดพุ่ง
กระฉูดขึ้นมา จนรวมกันเป็นกองเลือดสีแดงฉานนัน่ เอง
ริมฝีปากของหล่อนจึงได้เอื้อนเอ่ยออกมาว่า
“รออยู่ตรงนีก้ ่อนนะคะ”
ทันทีที่หล่อนพูดประโยคนัน้ ออกมา ทั้งห้าคน ยกเว้นตัว
หล่อนกับอันซลจึงย่อตัวลง ต่างคนต่างก็หันไปคนละทิศ
ละทางและเริ่มเฝ้าสังเกตการณ์ สตรีผนู้ ั้นยืนอยูต่ รง
กลางพลางส่งสายตาอันเฉียบแหลมมองกวาดไปทั่วทุก
หนแห่ง
“คือ...”
“มีสมาธิหน่อยค่ะ แล้วก็ช่วยมองแค่ขา้ งหน้าด้วย”
อันฮยอนหันหลังมาเพื่อคุยกับหล่อนเพียงครู่เดียวแท้ๆ
แต่ทว่าปฏิกิรยิ าที่ได้รับกลับมานั้น ช่างเย็นชาไม่มีที่
สิ้นสุดเสียจริง เขาไม่ชอบการต่อสู้ที่อาศัยจังหวะทีเผลอ
เอาเสียเลย แต่แล้วก็ยอมหันหน้ากลับไปอย่างเสียมิได้
เรื่องราวทัง้ หมดมันเป็นอย่างไรกันแน่ และพวกเขามาที่
ที่พวกเราอยู่ได้อย่างไรกัน เขาเกิดความสงสัยเคลือบ
แคลงในจุดนีข้ นึ้ มา แต่สตรีผู้นนั้ กลับไม่รบั ค้าถามเขาไว้
พิจารณาเลยแม้แต่น้อย แต่บางทีการที่หล่อนท้าเช่นนัน้
อาจจะถูกต้องแล้วก็ได้ ไอ้เรื่องอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ
น่ะ ไว้ค่อยฟังทีหลังก็ได้ เพราะตอนนี้ การมีชีวติ อยู่รอด
ได้เป็นสิ่งส้าคัญที่สุด
แต่ทว่าในฐานะพี่ชายแท้ๆ แล้ว ผมไม่สามารถปล่อยไว้
แบบนัน้ ได้ อันฮยอนจึงลอบมองอันซล หล่อนยืนอยู่ตรง
กลาง ทั้งยังดูมีสีหน้าเหม่อลอย ยืนสัน่ หงึกๆ อยู่ไปมา
เช่นนัน้
ก่อนหน้านี้อันฮยอนตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่
ออก ทั้งภาระหน้าที่ที่ตอ้ งตามหาตัวน้องสาวทีห่ ายไป
อีกทั้งยังไม่สามารถทิ้งชินซังยงที่ได้รบั บาดเจ็บไปได้ดว้ ย
แต่แล้วความโชคดียังวกกลับมาช่วยเขาอีกครัง้
แต่ทว่าความยินดีปรีดาที่ได้พบกันอีกครั้ง กลับเกิดขึน้
ในห้วงระยะเวลาสัน้ ๆ เท่านัน้ อันซลร้องไห้งอแงทันที
หลังจากที่เจอกับพวกเรา หลังจากนั้นหล่อนก็เอาแต่ยืน
ตัวสั่น สะอึกสะอืน้ อยู่ตลอดเวลา ภาพเหล่านัน้ ท้าให้เขา
สะเทือนใจมาก
อันฮยอนคิดว่า เหมือนอันซลยังตั้งสติไม่ได้เลย อย่าง
น้อยอันซลน่าจะตอบมาว่า ‘พี่สาวคนนัน้ ช่วยเอาไว้’
และร่ายมนตร์เพื่อรักษาอาการเบื้องต้นให้กบั ชินซังยง
แต่เขากลับคิดว่ามันค่อนข้างผิดวิสยั ปกติไปเสียหน่อย
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่สามารถเผยให้เห็นถึงความเป็นห่วง
เป็นใยที่มีมากเช่นนัน้ ออกมาได้
อันฮยอนถอนหายใจ อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นว่านัน่ แหละ
การมีชวี ิตอยูร่ อดต่อไปถือว่าส้าคัญที่สุดแล้ว
หลังจากได้เริ่มเคลื่อนตัวไปด้วยกันอีกครั้ง
ความสามารถที่เห็นจากผู้หญิงคนนัน้ ถือว่าสุดยอดเลย
ทีเดียว แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่หล่อนสามารถรู้
ล่วงหน้าได้ว่าศัตรูก้าลังเข้ามาจากทางไหนบ้าง หรืออีก
สิ่งหนึ่งคือ ในกรณีทตี่ ้องเผชิญหน้ากันก็แสดง
ความสามารถให้เห็นด้วยการก้าจัดพวกศัตรูจา้ นวน
หลายสิบได้ด้วยตัวคนเดียว
อันฮยอนคิดว่าภาพลักษณ์ของหล่อนนั้นช่าง
เหมือนกับคิมซูฮยอนไม่มีผิด พลางจับหอกในมือไว้แน่น
หลังจากที่ได้พบกับชินซังยงแล้ว ทั่วอาณาบริเวณอัน
แสนเงียบสงัดนี้กลับมีความรู้สึกอึดอัดคับแน่นใจก่อตัว
ขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว
หลังจากนั้นไม่นานนัก ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงกลางจึงได้
ถอนหายใจออกมาเบาๆ แม้เสียงลมหายใจของหล่อนจะ
เบาบางมากเพียงใด แต่ทุกคนก็ยงั ได้ยนิ อยู่ดี และใน
เวลาเดียวกันนัน่ เอง หัวใจที่เต้นรัวของทุกคนก็ค่อยๆ
สงบนิ่งลง
หลังจากนั้นหล่อนจึงเปิดปากพูดออกมาว่า
“ไม่ทราบว่า...มีใครในที่นี้มาถึงตรงนี้โดยที่ยงั ไม่ได้
เผชิญหน้ากับพวกศัตรูโดยตรงบ้างคะ”
หลังจบประโยคนนั้น ทุกคนก็จ้องมองหน้ากันเองอย่าง
ใจลอย ส่วนใหญ่แล้วคนที่อยู่ที่นี่ตา่ งก็ได้เผชิญหน้ากับ
วิกฤตการณ์เช่นนัน้ มาแล้วอย่างน้อยหนึ่งครัง้
เพราะฉะนัน้ จึงคิดว่าอย่างไรก็คงไม่มีคนประเภทนั้น
แน่นอน ทว่ากลับมีคนๆ หนึ่งยกมือขึ้นมาช้าๆ คนนัน้ ก็
คือชินซังยงนัน่ เอง
“ผ...ผมไม่เคยเจอเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรงครับ”
“...คุณมาจากทิศไหนหรือคะ”
“จ...จ้าไม่ได้ครับ ทุกครั้งที่พวกศัตรูปรากฏอยูต่ รงหน้า
ผมมักหันตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว...”
ผู้หญิงคนนัน้ นิง่ เงียบอีกครั้ง หลังจากได้ฟังประโยคบอก
เล่าจากชินซังยง ดวงหน้าอันแสนเย็นชาของหล่อนนัน้
ก้าลังฉายแววความกังวลต่ออะไรบางอย่างขึน้ มาโดยไม่
อาจซ่อนเร้นไว้ได้ แล้วจึงได้หนั ไปจ้องอันซล พลางมีสี
หน้าใคร่รู้
“ท่านนักบวชที่อยูต่ รงนั้นคะ ไม่ทราบว่าคุณช่วยบอก
ทางเหมือนเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ได้หรือไม่คะ”
น้้าเสียงของหล่อนนัน้ อบอุ่นกว่าตอนทีพ่ ูดกับอันฮยอน
มาก แต่แล้วอันซลกลับส่ายหน้าปฎิเสธไป หล่อนเห็น
ดังนัน้ จึงหันกลับไปพร้อมด้วยสีหน้าเสียดายเล็กๆ
ในท้ายที่สดุ จึงมีผู้เล่นคนหนึ่งที่ไม่สามารถอดทนรอได้
อีกต่อไป พูดขึน้ มาว่า
“ท...ท่านนักดาบหญิง ไม่เดินต่อไปอีกเหรอครับ”
ราชินีแห่งดาบทอดสายตามอง พลางส่ายหน้าปฏิเสธ
ให้กับค้าถามนัน้
“เดินต่อไปไม่ได้แล้วน่ะสิ ศัตรูจ่ออยู่ทั่วทุกทิศแบบนี้”
ค้าตอบที่ได้จากราชินีแห่งดาบนัน้ ท้าเอาผู้เล่นที่ยิง
ค้าถามไปหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที
“แต่ทว่าตอนนี้เราไม่เห็นศัตรูเลยนี่...ไม่ใช่ว่าพวกมัน
ผ่านไปแล้วหรอกเหรอ”
“นั่นสิ งั้นก็คงเป็นโชคดีส้าหรับเราแล้วล่ะ ไม่สิ ไม่รู้วา่
จะใช่โชคดีจริงๆ หรือเปล่า ดูเหมือนเราติดแหง่กอยู่
กลางทางอย่างไรไม่รสู้ ิ”
“...?”
นัมดาอึนหันไปมองด้านขวามือของตน คงรู้สกึ ได้ว่าผู้
เล่นคนนั้นไม่เข้าใจในสิง่ ที่ตนพูดเสียเท่าไหร่
“หนีไปน่ะใช่ แต่ทา้ ไมมันถึงหนีไปแบบนั้นล่ะ ฉันไม่
เข้าใจจริงๆ ว่ามันหมายความว่ายังไงกันแน่คะ่ ”
ราชินีแห่งดาบหยุดพูดไปชัว่ ครู่หนึง่ แล้วจ้องไปยังด้าน
ซ้ายมือบ้าง หลังจากนัน้ จึงพูดขึน้ มาอีกครั้ง
“ฉันรู้สกึ ได้ถงึ ความกระหายเลือดรุนแรงจากฟากฝั่งนี้
พวกศัตรูกา้ ลังเดินเข้ามาอย่างแน่นอน ฉันขอยืนยัน”
“...”
“ยังไงก็ตาม ฉันเองก็ไม่ใช่ผู้รู้ไปเสียทุกเรื่อง คิดแค่ว่า
เมื่อไหร่มรสุมหิมะมันจะหายไปก็พอแล้วล่ะค่ะ”
เหล่าผู้เล่นหัวไวบางคนเปล่งเสียง ‘อ้อ’ ออกมาทันใด
พวกเขาเข้าใจว่า ‘มรสุมหิมะ’ นัน้ หมายถึงสถานการณ์
ที่ตัวเองก้าลังเผชิญหน้าอยู่
ในการโจมตีครั้งแรก เรามีชวี ิตอยูร่ อดมาได้กจ็ ริง ทว่า
ในความเป็นจริงนัน้ กลับไม่ถือว่าเป็นการมีชวี ติ อยู่รอด
กลับมาเลยแม้แต่น้อย
“ถ...ถ้างัน้ ตอนนี้พวกเราโดนปิดล้อมหมดแล้วเหรอ
ครับ”
“มันก็ไม่ใช่การปิดล้อมที่พวกมันจงใจจะให้เกิดหรอก
ค่ะ”
“งั้น...ถ้าเรายังอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ...”
“ก็ตายน่ะสิคะ”
ราชินีแห่งดาบให้คา้ ตอบกลับมาอย่างชัดเจน อันซลจึง
ระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา
“ฮือ...”
“...”
“ท่านพี่ ท่านพี่ซูฮยอน ฮือออ”
แม้หล่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
เพียงใด ทว่ากลับไม่มีใครคิดจะหยุดยั้งความเศร้านัน้ ไว้
เลย
ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวติ อยู่ต่อกันทั้งนัน้ แต่เพราะต้องมา
เผชิญหน้ากับวิกฤตการณ์อีกครั้งแท้ๆ จึงท้าให้สูญเสีย
พละก้าลังบางส่วนไป
ด้วยเหตุนี้จงึ ท้าให้สมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่เกิดความ
ว้าวุน่ ใจมากยิง่ ขึน้ ในหัวของพวกเขาก้าลังคิดถึงผู้เล่น
คนหนึ่ง
หากแคลนลอร์ดอยู่ดว้ ยล่ะก็...
“ซูฮยอน?”
นัมดาอึนหันไปมองทันที หลังจากที่ได้ยนิ ชื่อๆ หนึ่ง
ออกมาจากเสียงสะอึกสะอื้นของอันซล
“อ้า ใช่”
ชินซังยงที่อยูข่ ้างๆ ตอบกลับมา ทว่านัมดาอึนไม่ได้มอง
เขาแต่อย่างใด หล่อนก้าลังจดจ้องอันซลอยู่อย่างไม่ละ
สายตา
“พูดถึงผู้เล่นคิมซูฮยอนอยู่เหรอคะ”
“ถ้าคุณพูดถึงแคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่ ก็ใช่ เขาเป็น
แคลนลอร์ดของพวกเรา”
นัมดาอึนเบิกตาโพลงขึน้ มาทันที แล้วจึงหันไปมองชิน
ซังยง
ในตอนนัน้ เอง
“...!”
นัมดาอึนคงรู้สึกได้ว่ามีกลุ่มหนึง่ ก้าลังเคลื่อนตัวมายัง
ทิศทางที่ตัวเองอยู่อย่างช้าๆ หล่อนจึงหันหน้าไปมอง
อย่างรวดเร็ว หล่อนจ้องเบื้องหน้าอยู่พกั หนึง่ แล้วจึง
เปิดปากพูดออกมาว่า
“พวกศัตรูก้าลังมาจากทิศนี้”
อันซลหยุดร้องไห้ทันทีหลังจากได้ยนิ ประโยคดังกล่าว
แต่ทว่าก็สายไปเสียแล้ว
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเราจะหนีไปไหนไม่ได้เลย
นะเนีย่ ”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 13
_______________________________________
เสียงขลุ่ยแสนแผ่วเบาค่อยๆ แว่วเข้ามาในหู
“นี่ไง สัญญาณมาอีกแล้ว พวกเราคงต้องรีบไปแล้ว
แหละ”
ทันใดนั้นเองชายผู้หนึง่ ที่ยืนก้มหัวอยู่กข็ านรับแล้ววิ่ง
ออกไปทางด้านหน้าอย่างว่องไว พวกเร่ร่อนจานวนยี่สบิ
กว่าคนเห็นดังนัน้ จึงเริ่มออกวิ่งตามเขาไปเช่นเดียวกัน
ไซม่อน ไครมส์มองภาพการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชั่ว
พริบตานัน้ พลางเอียงคอสงสัยไปมา
“หืม”
“ไซม่อน? ทาไมทาท่าแบบนัน้ ล่ะ”
“อ้อ ยังไม่หายสงสัยเรือ่ งอะไรบางอย่างน่ะครับ”
“หืม? สงสัยเรื่องอะไรล่ะคะ”
ไซม่อนไม่ตอบคาถามของยูรนิ ะในทันที เขาเอาแต่จด
จ้องไปทั่วอาณาบริเวณ ด้วยแววตาสีแดงเข้ม
“เรื่องสัญญาณน่ะ ฉันได้ยินชัดเจนเต็มสองหู...แล้วเจ้า
พวกนัน้ มันได้โกหกอะไรบ้างหรือเปล่าครับ”
“ฉันก็ได้ยนิ สัญญาณนัน้ เหมือนกัน ดูท่าจะไม่ใช่เรื่อง
โกหกอะไรหรอก แต่…”
ไซม่อนหยุดพูดไปอีกครัง้ ดวงตาแดงก่าของเขาเริ่มมอง
มาตาเขม็ง
ยูรินะเกรงว่าเขาอาจจะเกิดขาดความยับยั้งชั่งใจขึน้ อีก
ครั้ง จึงปรี่เข้าไปลูบหลังไซม่อนอย่างอ่อนโยน
“อย่าห่วงไปเลยค่ะ ตอนนีพ้ วกเราสนใจแค่เรื่องหนี
อย่างเดียวเถอะ แล้วก็...”
ยูรินะค่อยๆ หันหน้าไปมองด้านขวามือ พวกเร่ร่อนที่ยงั
หลงเหลืออยู่ และไม่ได้วิ่งตามชายผู้นั้นไปต่างพากัน
หลบสายตาหล่อนที่มองมา
“บางทีมนั อาจจะหนีไปแล้วก็ได้ล่ะมัง้ คะ น่าจะยังมีหลง
อยู่ตรงไหนสักที่บ้างแหละ”
“อาจจะเป็นงัน้ ก็ได้ครับ แต่ตอนนี้พวกบุคคลสาคัญ
ทั้งหลายมันออกไปจากที่แห่งนี้แล้วไม่ใช่หรือไงครับ
ไหนจะพวกสวะที่หาเศษเสี้ยวของความดีงามไม่ได้เลย
สักอย่างพวกมัน”
“ไซม่อน...”
“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมได้คาดการณ์อะไรเล็กๆ
น้อยๆ บางอย่างไว้แล้วล่ะ ดังนัน้ ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
ล่ะครับ”
ไซม่อนเอาแต่พูดว่าสิง่ นั้นเป็นความผิดพลาดของตัวเอง
ยูรินะเห็นดังนัน้ จึงถอนหายใจเบาๆ ให้กับคาพูดของเขา
หล่อนยืน่ หน้าเข้าไปพูดด้วยว่า
“งั้นลองให้ฉนั ไปดูไหมล่ะคะ”
“หืม? ยูรนิ ะน่ะหรือครับ”
ไซม่อนถามกลับในทันใด ยูรนิ ะจึงพยักหน้าตอบด้วยสี
หน้าราวกับกาลังคิดอะไรบางอย่าง
“ใช่ พวกเร่ร่อนคนสาคัญที่ยังหลงเหลือจนถึงตอนนี้...
ใช่เจ้าคังซานอะไรนัน่ หรือเปล่าคะ ฉันจะลองไปลากตัว
มันมาเอง เห็นว่าเป็นหนึ่งในแกนนา คงจะรู้อะไรอยูบ่ ้าง
ค่ะ”
“หืม ถึงจะพามันมา แต่คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
มากกว่านี้หรอก...ถ้าเรารออยู่อย่างนี้ คงพอรูข้ า่ วคราว
อะไรได้บา้ งแหละมั้ง”
ไซม่อนหันหน้ากลับมาอีกครั้ง แล้วถึงค่อยๆ ยกแขน
ขึ้นมากอดอก พูดออกมาพลางส่ายหน้าน้อยๆ เป็นการ
ไม่เห็นด้วย
“ยังไงก็ตามถึงมันจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกันก็เถอะ แต่การ
รู้อะไรไว้แต่เนิน่ ๆ ก็ดีกว่าการนั่งรออยู่เฉยๆ สินะครับ ยู
รินะ ถ้าจะไปก็ขอแค่ให้ไปลอบสังเกตสถานการณ์
คร่าวๆ มาก็พอแล้ว”
ยูรินะอมยิ้มน้อยๆ ให้กบั คาพูดของไซม่อน แล้วจึงหมุน
กายเดินหน้าไปทันที

สิบห้านาทีต่อมา
“นี่ไง ทาไมถึงได้ส่งสัญญาณมา...ต้องมีเหตุผลที่ส่งมา
อย่างแน่นอน”
น้าเสียงอันแสนอวดดีของชายผู้หนึ่งดังลั่นไปทัว่ อาณา
บริเวณ และในเวลาเดียวกันนัน้ กาลังพลที่มีอยู่
ประมาณยี่สิบคนจึงได้เริ่มเผยตัวปรากฏโฉมออกมา
ชายฉกรรจ์ที่กาลังถือดาบเล่มใหญ่ผู้นนั้ เป็นหัวหน้า
พวกเขาเหล่านัน้ ต่างก็ส่งพลังงานอันผิดปกติบางอย่าง
แผ่ซ่านออกมา
หลังจากที่ราชินีแห่งดาบได้ยนื ยันตัวตนที่แท้จริงของ
พวกเขาแล้ว ใบหน้าของหล่อนก็ซดี เผือดในทันที
“บางทีพวกเราอาจจะได้เจอดาอึนอีกครั้งก็ได้ ช่างเป็น
ผลพลอยได้ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยล่ะ ฮ่า ๆ!”
เสียงหัวเราะที่ได้ยินดังลั่นสนั่นทุ่ง ทาให้ราชินแี ห่งดาบ
ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองแน่น
เรื่องราวทัง้ หมดที่ผ่านมานัน้ เป็นแบบนี้
ในการต่อสู้ประจันหน้ากับพวกศัตรูที่เข้ามาใหม่นนั้
ราชินีแห่งดาบเลือกทีจ่ ะต่อสู้บริเวณมุมอับ เพราะหล่อน
ได้ตัดสินใจมาแล้วว่าจะสามารถต่อสูก้ บั พวกมันได้อย่าง
แน่นอน เนื่องจากไม่มีสถานที่ที่จะให้หลบหนีไปได้อีก
อีกทั้งจานวนฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้มากอย่างที่คิดเอาไว้
หลังจากสงครามได้เริ่มขึ้น การคาดการณ์ของราชินีแห่ง
ดาบก็ถกู ต้องตามที่คดิ ไว้ประมาณหนึ่งในช่วงแรกเริ่ม
หล่อนได้ฆา่ ศัตรูจานวนมากที่ดูท่าว่าจะมีความสามารถ
เหนือชัน้ กว่า และยังได้โอกาสเข้ามาเป็นกาลังพลที่มี
อันฮยอนรวมกลุ่มอยูด่ ว้ ย
แต่ทว่ามีอยู่หนึ่งสิง่ ที่ราชินีแห่งดาบคาดไม่ถงึ นั่นก็คือ
ในพวกศัตรูเหล่านัน้ มีผถู้ ือครองขลุ่ยที่ทาจากเขาสัตว์อยู่
ด้วย
ขลุ่ยที่วา่ คือ หนึ่งในวิธกี ารติดต่อสื่อสารทีพ่ วกเร่ร่อน
เลือกใช้ โดยได้มกี ารจัดวางระบบสัญญาณขึ้นมาตาม
จานวนครั้งในการเป่า เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งทีใ่ ช้ร้อง
ขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดสถานการณ์ฉกุ เฉิน หรือไม่ก็
ใช้ส่งคาสัง่ หาพวกเร่ร่อนด้วยกันเอง
ชายฉกรรจ์คนหนึง่ เดินก้าวออกมาข้างหน้าหนึง่ ก้าว
พร้อมจ้องไปทีร่ าชินีแห่งดาบ กลุ่มกาลังพลและบริเวณ
โดยรอบ
“หืม พวกเรามาถึงก่อนเป็นกลุ่มแรกหรือนี่ ยังไงก็ถือว่า
โชคดีแล้วแหละ ที่สามารถหนีรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
แบบนี”้
“คงจะถึงคราวดีมากจริงๆ ถึงได้เป่าขลุ่ยออกมา ถ้างัน้
กลุ่มพันธมิตรในตอนนีก้ ็ถึงคราวแตกคอกันแล้วล่ะ
สินะ”
“เกือบอยู่ เมื่อกี้ผบู้ ัญชาการทั่วไปก็แก้ตัวว่ามีใครบาง
คนจัดการตัวเอง ก่อนจะหนีไปไม่ใช่เหรอ ป่านนี้กค็ งจะ
หนีออกไปจากสนามรบถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะมัง้ พวก
เรารู้อย่างนี้แล้วก็ต้องหนีออกมาบ้างสิ”
“เอ๋? อ้อ พีค่ ีแซงคนเมือ่ กี้เขาเป่าเรียกเรานีค่ รับ ดู
เหมือนท่านฮยอนจะไปจับตัวมาจริงๆ เสียด้วย”
“เจ้าบ้านั่นน่ะ ดูแปลกๆ ไปตัง้ แต่แพคซอยอนโดนจับ
ตัวแล้ว”
ชายคนนัน้ ตอบกลับพลางใช้สายตากวาดมองโดยรอบ
แล้วจึงหยุดสายตาไว้ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ซึง่ สถานที่ที่
สายตาเขาจดจ้องอยู่นนั้ มีพวกเร่ร่อนกาลังนอนกระจัด
กระจายอยูบ่ นพืน้ มิหนาซ้ายังอมขลุย่ ไว้ในปากที่มีเลือด
พุ่งกระฉูดออกมาไม่หยุดด้วย
“ให้ตายเถอะ ตายกี่คนกันแน่วะเนี่ย จัดการเสีย
เรียบร้อยจริงๆ ยัยดาอึน”
ชายคนนัน้ พูดออกมาด้วยน้าเสียงแสนเย็นยะเยือก แล้ว
จึงเข้าไปสะกิดพวกเร่รอ่ นที่พูดสนทนากันเมื่อครู่ พร้อม
พูดต่อไปอีกว่า
“เฮ้ย แกน่ะ ไปเก็บไอ้ขลุ่ยนัน่ มา แล้วส่งสัญญาณบอก
ด้วยว่าตอนนี้มนั จบสิ้นหมดทุกอย่างแล้ว”
“เอ๋? ส่งสัญญาณบอกว่าจบหมดทุกอย่างแล้วเหรอ
ครับ”
พวกเร่ร่อนที่รบั คาสั่งนัน้ ถามกลับไปในทันที ชายผู้นนั้
จึงได้พยักหน้าตอบกลับไปด้วยสีหน้าแสนเบื่อหน่าย
“เออๆ บางทีอาจจะมีพวกกลุ่มอืน่ เข้ามาก็ได้ไงเล่า”
“ถึงอย่างนัน้ ฝ่ายตรงข้ามกับเราก็เป็นราชินีแห่งดาบอยู่
ดี...แล้วไม่ต้องบอกให้พวกกลุ่มอื่นๆ ได้รับทราบด้วย
เหรอครับ”
“แล้วแกจะไปสนใจเรื่องนัน้ ทาไม รู้แล้วก็หนีออกมาก็
เท่านัน้ แล้วก็ถา้ มีไอ้เจ้าหนูจากทวีปตะวันตกเข้ากลุ่มมา
ด้วย เห็นทีจะน่าเบื่อเสียยิ่งกว่าเดิม”
“แต่ถึงอย่างนัน้ ...”
พวกเร่ร่อนเกิดอาการลังเลขึน้ มาเล็กน้อย แต่พอเห็น
ผู้ชายคนนั้นทาท่ามีน้าโห พวกเร่ร่อนเห็นจึงเข้าไปเก็บ
ขลุ่ยมาด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
เสียงเป่าขลุ่ยสามครัง้ ดังกังวานขึน้ มันเป็นสัญญาณที่
บอกว่าสถานการณ์ทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว
สัญชาตญาณบางอย่างที่บอกว่ามีคนกาลังจะมารวมตัว
ยังที่แห่งนี้ได้หยุดนิง่ ไป จากนัน้ จึงได้หนั กลับไปยัง
ทิศทางอืน่ แล้วจากไปอย่างช้าๆ
“ผมทาตามคาสั่งก็จริง แต่เรื่องทีจ่ ะมอบความตายให้
ราชินีแห่งดาบนัน่ ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ”
“คิก อย่าเครียดเลยน่า พวกเราจะสูก้ ับยัยหมาตัวเมียที่
อ่อนเปลี้ยเสียขาตัวหนึง่ ไม่ได้เลยหรือไง”
ท่าทีของพวกเร่ร่อนที่ทาเหมือนกับตัวเองอยูน่ อกสายตา
มาตั้งแต่เมื่อครู่นนี้ นั้ ทาเอาราชินีแห่งดาบเกิดความ
กังวลขึน้ มาเสียได้ แต่แล้วท่าทีของหล่อนจึงได้
เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิน้ เชิงในชัว่ พริบตา คงเป็นเพราะ
คาว่าหมาตัวเมียมันเข้ามากวนใจหล่อน ชายผูน้ ั้นคงจะ
รู้สึกถึงเรื่องนี้ได้ จึงได้แสยะยิ้มออกมา
“เอาล่ะๆ ก่อนที่พคี่ ีแซงอะไรคนนั้นจะรู้ทนั พวกเรารีบ
จัดการและหนีไปกันเถอะ”
“เอ๊ะ ก็แค่หนีออกไปเฉยๆ เลยตอนนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ
ครับ สถานการณ์ตรงฝั่งโน้นก็ไม่ได้ดีเสียเท่าไหร่นกั ”
“ยังไงไอ้คนทรยศก็อยู่ตรงหน้าเราแล้วนี่ จะให้ปล่อย
ผ่านไปเฉยๆ คงจะไม่ได้ ไหนจะของที่หามาได้ระหว่าง
นั้นอีก...”
“แกว่าใครเป็นคนทรยศ!”
ในตอนนัน้ เอง
ราชินีแห่งดาบตะคอกชายผู้นนั้ ทันที ด้วยน้าเสียงอัน
แสนเกรี้ยวกราด
เขาเอาแต่พดู คุกคามแบบอ้อมๆ มาตั้งแต่เมื่อครูน่ ี้แล้ว
จนตอนนี้มนั สาวเข้ามาถึงตัวจนได้ เขาจึงหันหน้าไป
มองราชินีแห่งดาบ
“ไม่เจอกันนานเลยนะ ยัยดาอึนของพวกเรา จาฉันได้ใช่
ไหมล่ะ”
“หุบปาก! อย่ามาเรียกฉัน…อย่ามาเรียกฉันแบบนัน้ !”
ราชินีแห่งดาบตะคอกกลับไป ตัวของเธอสั่นสะท้านไป
ด้วยความโกรธ ชายผู้นนั้ จึงหัวเราะหึๆ
ตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นั้นคือ อีคงั ซาน ‘คนทรยศ’
เมื่อสมัยก่อนเขาได้พาราชินีแห่งดาบ ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอด
อัจฉริยะแห่งสถาบันผู้เล่นและยังเป็นผู้เล่นที่แปรผันไป
เป็นพวกเร่ร่อนแทน
“อ้าว~ ยัยดาอึนของพวกเรา เกรี้ยวกราดขึน้ เยอะเลยนี่
นา นี่เธอขึ้นกับคาว่าคนทรยศมากขนาดนัน้ เลยเหรอ ที่
ผ่านมาคงได้รบั คาสรรเสริญเยินยอจากรอบข้างว่าเป็น
ราชินีแห่งดาบล่ะสินะ”
“แกต่างหาก ไอ้คนทรยศ!”
“ฮ่าๆ ช่วยเลีย้ งดูฟูมฟัก ชุบตัว ป้อนข้าวป้อนน้า แถม
ยังให้คลาสลับอีกด้วยต่างหาก”
“หุบปากซะไอ้นรก! ฉันจะฆ่าแก!”
ณ วินาทีที่อีคงั ซานจะพูดอย่างมีเลศนัยต่อเนือ่ งไป
นั่นเอง ราชินีแห่งดาบจึงได้ตะเบ็งเสียงออกมาจนแทบ
จะเป็นการกรีดร้องเสียแทน แต่เขาหาได้สนใจไม่ อีกทั้ง
ยังโต้ตอบกลับไปด้วยท่าทีนิ่งเฉยเช่นเดิม
“ใครจะฆ่าใครนะ ทาอย่างกับตัวเองเป็นผู้เสียหายอย่าง
นั้นแหละ ยัยคนน่ารังเกียจ”
“เพราะแก...ถ้าไม่ใช่เพราะแกคนเดียวล่ะก็...!”
“งั้นก็ยอมรับแล้วสินะ”
อีคังซานพูดด้วยน้าเสียงเคียดแค้น
“ฉันโดนหักหลังมาเยอะแล้วนี่ แกล้มเลิกความคิดใน
ตอนสุดท้าย แล้วแกล้งทาเป็นเชื่อฟัง ปฎิบัตติ ามนูน่ นี่
ทุกอย่าง พอสบโอกาสก็เลยหนีไปงั้นสิ? ไอ้คนทรยศ!”
เห็นทีคงจะทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จึงทาให้ดาบ ‘ซอลอา’
ของราชินีแห่งดาบเริ่มส่งเสียงฮึ่มๆ ดังลัน่ ออกมา
“แก...พอดีเลยนะ แกโดนฉันฆ่าตายแน่นอน”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 14
_______________________________________
นัยน์ตาอันแสนเย็นชาของราชินีแห่งดาบกาลังแผ่ความ
กระหายเลือดออกมาราวกับจะปะทุ ภายในจิตใจของ
หล่อนในตอนนี้ แม้จะได้ยินเสียงต่างๆ ดังเข้ามาแทนที่
แต่ถึงอย่างนัน้ ทั้งพละกาลังและความห้าวหาญที่
อยากจะฉีกเนื้อให้แหลกเป็นชิ้นๆ ก็ยงั คงโหมกระหน่า
อยู่ในใจอย่างรุนแรงเช่นเดิม
อีคังซานตัดสินใจว่าจะหยุดพูดจาคุกคามอีกฝ่ายไว้เพียง
เท่านี้ เขาจึงยื่นดาบเล่มใหญ่ไปด้านหน้า พลางมีสีหน้า
สุขุมมากขึ้น เขาคือผู้ทมี่ ีความสามารถเก่งกล้ามากๆ คน
หนึ่ง ซึ่งนัน่ ก็ชัดเจนอยูแ่ ล้ว ทว่าพอนามาเทียบกับราชินี
แห่งดาบผูน้ ี้ จะพบได้วา่ ความสามารถอยู่ในระดับที่สูสี
พอดีกนั ถึงอย่างนั้นสิ่งเดียวที่เขาเชื่อถืออยูใ่ นขณะนี้คือ
เขาได้สั่งสอนบทเรียนให้แก่หล่อนแล้ว และตอนนี้หล่อน
อยู่ในสภาพที่สญ ู สิ้น ไร้ซึ่งพละกาลังใด และหากมอง
เป็นตัวเลข ก็จะพบได้วา่ เขาอยู่เหนือกว่า
ก่อนที่การต่อสู้ครั้งใหม่จะเริ่มต้นขึ้น อีคงั ซานไม่
พิจารณาดูถึงสิง่ ใด แล้วจึงได้ส่ายหัวไปมา
“สี่คนที่อยู่ตรงขวามือนัน่ พวกแกเห็นเจ้าพวกลูกเจีย๊ บที่
อยู่ข้างหลังไหม จัดการพวกมันซะ ส่วนราชินีแห่งดาบที่
เหลืออยู่กป็ ล่อยผ่านไปซะ ไม่ต้องฆ่า แต่จับตัวมันมาก็
พอ ครึ่งหนึ่งของพวกมันคงเตรียมตัวที่จะได้ตายอยู่
รอมร่อแล้วล่ะ ส่วนเรื่องบาดแผลที่ได้มาน่ะ จะยกโทษ
ให้แล้วกัน”
“เฮอะ จะจับตัวฉันเหรอ”
ราชินีแห่งดาบหัวเราะร่วน แต่พวกเร่ร่อนก็ยังคงปฏิบัติ
ตามที่อีคงั ซานบัญชาการได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
พวกมันจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปหาทั้งสีค่ นที่ยืนอยูด่ ้านขวา
ราวกับตัวเองเป็นปิศาจ
“แกตายซะเถอะ!”
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ข้าศึกก็ได้ดาหน้าเข้ามาหล่อน
ราชินีแห่งดาบเห็นเช่นนั้นจึงสติขาดผึง แล้วพุง่ ตัวเข้าไป
ปะทะกับคนจานวนสิบหกคนด้วยความเร็วแสง
และในขณะที่ซอลอากาลังปลดปล่อยพลังทั้งสิบลาแสง
ออกมาจากปลายดาบอันแหลมคมนัน้ เอง
“งั้นพวกเราจัดการกับฝั่งนี้ก่อนเป็นไง”
พวกเร่ร่อนที่หลุดออกมาก่อนหน้านัน้ ได้สาวเท้าเข้ามา
อยู่ตรงหน้าคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เหลืออยู่ มีผู้ชายสามคน
และผู้หญิงอีกหนึ่งคน
“เฮ้อ ดูสิ พวกมันตัวสัน่ ใหญ่เลยว่ะ พวกลูกเจีย๊ บนี่มนั
อ่อนจริงเว้ยเฮ้ย”
“ยังไม่ยอมร่ายเวทเสียด้วยนะ จัดการคนเดียวก็ได้แล้ว
มั้งเนีย่ นี่ ยัยคนผมสีแดงสวยๆ ตรงนัน้ น่ะของข้านะโว้ย
สเป็กเลย”
“งั้นไอ้นกั บวชที่อยู่หลังสุดก็ของข้า ทั้งสวย ทัง้ น่ารัก
เลยว่ะ เอ๊ะ มันยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่าวะ ดูไม่รเู้ ลย
ฮ่าๆ”
“ไอ้พวกกระจอก ฉันจะจัดชุดใหญ่ให้พวกแกพ้นๆ โลก
นี้ไปซะ เตรียมตัวโดนฆ่าตายแล้วหรือยังล่ะ”
พวกเร่ร่อนหญิงยังคงกร่นด่าออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่
ทว่าพวกเร่ร่อนชายทัง้ สามคนกลับพูดคุยหัวร่อต่อ
กระซิก พลางมีสีหน้าสบายๆ คงคิดว่าเป็นลูกเจี๊ยบอย่าง
ที่เคยพูดไว้จริงๆ
สิ่งที่พวกมันทาไม่ใช่การพูดคุกคามจาบจ้วงอีกฝ่ายแต่
อย่างใด แต่พวกมันคงคิดว่าอีกฝ่ายคงต่อสู้ไม่ได้จริงๆ
เสียมากกว่า เลยแสดงพฤติกรรมเช่นนัน้
จานวนสี่ต่อหก
หากแยกเป็นรายบุคคลไป จะพบว่าเหล่าผู้เล่นเหนือชัน้
กว่าแน่นอนอยู่แล้ว แต่เหล่าผู้เล่นทุกคน รวมถึงตัวอันฮ
ยอนเองก็ไม่ได้ก้าวออกมาประจันหน้าอย่างไม่ยั้งคิดแต่
อย่างใด ไม่สิ ความจริงคือ พวกเขาเอาแต่ลอบกลืน
น้าลายอยู่ตลอดเวลา ตัง้ แต่พวกเร่ร่อนมาปรากฏโฉมอยู่
ตรงหน้าแล้ว ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีกาลังมาก
พอที่จะโต้ตอบ แต่พวกเราเกร็งไปทัว่ ทั้งตัวต่างหาก
แม้จานวนของพวกมันจะมีน้อย แต่อันฮยอนกลับรูส้ ึกได้
ด้วยตัวเองว่า พวกเร่รอ่ นที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้แตกต่างไป
จากศัตรูคนอืน่ ๆ ที่เคยต่อสู้มา
หนีไปไหนไม่ได้เลยด้วย
อันฮยอนกอบกุมหอกในมือเอาไว้แน่น แล้วจึงจัดท่าทาง
ของตัวเอง
เชร้ง! เคร้ง!
อียูจองและผู้เล่นอีกสองคนที่ราชินีแห่งดาบพามาต่าง
ควักอาวุธของตัวเองออกมาตามๆ กัน แม้จะรู้อยู่แล้วว่า
เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงแสดงความ
มุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ยอมตายง่ายๆ ในศึกครานี้
ท่ามกลางสถานการณ์นนั้ ทั้งสีค่ นจึงได้หนั หน้าไปและใจ
จดใจจ่ออยู่กบั การต่อสูอ้ ันแสนดุเดือดตรงเบื้องหน้า
“ฝั่งนู้นดูท่าจะตายเรียบ”
“ว้าว คนระดับสูงกับคนระดับกลางๆ สิบหกคนนัน่ น่ะ
เหรอจะถูกจัดการ? แค่คนๆ เดียวเนีย่ นะ”
“ถึงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนัน้ แต่...ก็นิดหน่อยมั้ง?
เป็นถึงราชินีแห่งดาบนีน่ ะ คลาสลับเชียวนะ ยังไงก็เถอะ
รีบจัดการให้ไว แล้วจับตาดูสถานการณ์ตอนนี้เถอะ ถ้า
มันเสียเปรียบ ยังไงก็ตอ้ งเข้าร่วมอยู่ดี”
“เฮ้อ ก็สงั่ พวกมันแต่ละคนจนเข้าใจไปหมดแล้วนี่ เอ๊ะ
หรือจะให้ฉนั จัดการทั้งหมดเลยดีไหม”
ในที่สุดทั้งสีค่ นที่เหลืออยู่จึงได้ถืออาวุธขึน้ มาบ้าง มีทั้ง
หอก ขวาน มีด และดาบ ไม่มีพวกนักสูร้ ะยะไกลอยู่ใน
พวกมันด้วย แบบนี้เรียกว่าความโชคดีในความโชคร้าย
ได้ไหมนะ
อันฮยอนกลืนน้าลายดังเอื๊อก แล้วจึงเหลือบตามองไป
ยังสถานที่ทรี่ าชินีแห่งดาบกาลังเปิดฉากต่อสู้
การยืนหยัดอยูจ่ นกว่าจะมีใครสักคนเข้ามาช่วยนั้น ถือ
เป็นหนทางที่ดีที่สุดก็จริง แต่ทว่าคงไม่ได้เป็นแบบนัน้
จากที่ดูๆ แล้ว เขารู้สกึ ว่าพวกเร่ร่อนที่ดาหน้าเข้ามา แต่
ละคนล้วนเป็นผู้มีความสามารถโดดเด่นกว่าตัวเอง พวก
เร่ร่อนที่ถือหอกอยู่ในมือ ค่อยๆ เดินออกมาข้างหน้า
ช้าๆ
พออันฮยอนหันกลับมามองที่เดิมอีกครั้ง เขาจึงพบว่า
ปลายหอกของพวกเร่รอ่ นกาลังเล็งเป้าไหวๆ เข้ามายัง
กลุ่มของเขา
ทว่าอันฮยอนก็ไม่ได้ประมาทแต่อย่างใด
ทำอะไรไม่ได้นอกจำกเล็งไปที่มนั
ในวินาทีทพี่ วกเร่ร่อนเริม่ บุกเข้ามาโจมตี อันฮยอนจึงได้
กัดฟัน ตัดสินใจว่าจะเข้าไปทะลุทะลวงพวกมันเสียบ้าง
ไม่ว่าจะตัวเองต้องบาดเจ็บมากเพียงใด แต่เขาคิดว่า
อย่างไรก็จะต้องส่งพวกมันสักคนหนึง่ ให้จากโลกนี้ไป
เสีย

‘เวลาเราจะรับมือต่อการโจมตีของอีกฝ่ายหนึ่ง ให้มอง
เท้า มองท่วงทานองการเดินของมัน’

อันฮยอนทาตามที่คมิ ซูฮยอนเคยสอนไว้ ด้วยการจ้อง


มองท่วงทานองการก้าวย่างของผูช้ ายที่เดินออกมาหน้า
สุด
ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา ซ้าย!
เมื่อไม่มีท่วงทานองการเดินเกิดขึ้นอีกต่อไป อันฮยอนจึง
ได้ยินเสียงราวกับสายลมขาดแยกออกจากกันดังแว่วเข้า
มาในหู อันฮยอนใช้พละกาลังที่มีอยู่ทั้งหมดแทงหอกเข้า
ไปในทันที ซึง่ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จึงบังเกิดแสง
จางๆ ลักษณะเป็นวงกลมบางอย่างขึน้ มาปรากฏอยู่บน
ร่างกายของเขา
เฟี้ยว!
หอกของแต่ละคนต่างตัดผ่านกันอย่างน่าเสียวไส้ อีกทั้ง
ยังเกือบแทงเข้าไปได้แทบจะพร้อมๆ กันอีกด้วย
แต่หากว่าด้วยเรื่องของความเร็วแล้วนั้น หอกของพวก
เร่ร่อนเร็วกว่ามาก เป้าหมายของพวกมันคือ ศีรษะของ
อันฮยอน...
ฟิ้ว!
แค่เฉียดผ่านเลยไปก็เท่านัน้
แสงจางๆ ที่เคยปกป้องคุ้มกันทั่วร่างได้แตกสลายไป
แล้วก็จริง แต่ทว่าศีรษะของเขายังคงปลอดภัยดี ความ
มุ่งมั่นอันแรงกล้าในการปกป้องร่างกายจากอันตราย
ภายนอก ซึ่งเป็นความสามารถลับของอันฮยอนนัน้ ได้
ช่วยสกัดกั้นเส้นทางที่หอกพุ่งเข้ามาได้ ด้วยเหตุนี้อันฮ
ยอนจึงไม่รอช้า เล็งหอกในมือตัวเองไปที่หน้าอกของ
พวกเร่ร่อนทันที
ทว่าวินาทีนั้นเอง บังเกิดมีสายลมเย็นพัดผ่านหน้าอก
ของพวกเร่ร่อนไปเสียได้ เขาเอาแต่คิดว่าพวกมันก็แค่
ลูกเจีย๊ บตัวน้อย ตัวหนึง่ เท่านัน้ แต่พอได้มาประจันหน้า
ต่อสู้กันอย่างไม่คาดคิดมาก่อนในครั้งนี้ ทาเอาเหงื่อไหล
เต็มหน้าผากเลย
ในตอนนัน้ เอง
พลั่ก!
จังหวะทีป่ ลายหอกกาลังจะเสียบทะลุเข้าไปในหน้าอก
นั้น กลับมีอะไรบางอย่างส่องแสงวูบวาบอยู่ตรงหน้า
อันฮยอน ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้ร่างของเขาเสียท่า เอนไป
ฝั่งซ้ายมืออย่างเสียมิได้ และในพริบตาเดียวเท่านัน้
หอกที่เฉียดผ่านไปจึงได้กระทบเข้ามาทีศ่ ีรษะอย่างจัง
ในครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่ใช้ฝีมือเงอะๆ เงิน่ ๆ ของตัวเอง
ในการต่อสู้กบั อีกฝ่าย ผู้ซึ่งมีความสามารถล้นเหลือ ซึ่ง
เป็นการเลือกที่พอใช้ได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้อนั ฮยอนจะ
เป็นถึงระดับคลาสหายาก อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงเป็น
ผู้เล่นปีทศี่ ูนย์ ซึ่งยังสามารถพัฒนาฝีมือตัวเองให้ก้าว
ไกลไปได้อีกมาก
และด้วยความที่อกี ฝ่ายคือ พวกเร่ร่อน พวกเร่ร่อนที่มี
ความชานาญมากจนถึงขนาดได้รับการยอมรับว่าอยู่ใน
ผู้บริหารระดับกลาง มิหนาซ้ายังผ่านร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้า
มานับครั้งไม่ถว้ น เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นที่เขาแอบ
รู้สึกว่าตัวเองกาลังเผชิญหน้าอยูก่ บั สภาวะวิกฤติ แต่
แล้วก็ได้ตอบโต้กับพวกมันไปอย่างสุขมุ เยือกเย็นมาก
ที่สุดแล้ว วินาทีที่หอกเข้ามาปะทะกับร่าง ชัยชนะจึงได้
ถูกกาหนดให้เป็นของพวกเร่ร่อนไปเสียแล้ว
“อั้ก...”
ด้วยแรงกระทบกระเทือนที่แล่นเข้ามาจึงทาให้อันฮยอน
ถึงกับปริปากส่งเสียง คงเป็นเพราะแรงกระเทือนที่หัว
นั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงทาให้เขาเสียศูนย์ แล้วล้ม
ตัวลงไปในที่สุด ทั้งมึนหัวและได้ยินเสียงอื้ออึงดังอยู่ในหู
ไปมาไม่ขาดสาย แต่อนั ฮยอนก็ยังจับหอกไว้แน่น แล้ว
เล็งเป้าไปตรงทิศทางหนึ่งอีกครั้ง
“เทพเจ้าแห่งหอก...ยิง!”
พวกเร่ร่อนมองภาพที่อนั ฮยอนล้มตึงลงไป พลางถอน
หายใจโล่งอก แต่แล้วมันก็กลับมากลั้นลมหายใจอย่าง
รวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง
พลั่ก พลัก่ !
“แค่ก!”
หอกสี่สายแล่นฉิวโจมตีเข้าที่อกอย่างไม่ทันได้ตงั้ ตัว ไม่
เพียงเท่านั้น
“เฮือก!”
ยังไม่ทันเก็บหอกเสร็จสิน้ ดี อียจู องที่อยูด่ ้านหลังอันฮ
ยอนจึงได้วิ่งดาหน้าเข้ามาทันทีทันใด
พวกเร่ร่อนชายเอี้ยวตัวหลบไปอย่างรวดเร็วก็จริง ทว่าอี
ยูจองกลับเอี้ยวตัวได้อย่างคล่องแคล่วมากยิง่ กว่า หล่อน
กวัดแกว่งมีดสั้นในมือทั้งสองข้างอย่างชานาญ แล้วจึง
วิ่งไล่ตามติดชายผู้นนั้ ราวกับว่าชะตาของมันกาลังจะ
หมดสิ้นแล้วเร็ววันนี้
“อ...เอ๋?”
และจังหวะที่กาลังจะใช้มีดสั้นกรีดเป็นรูปตัวเอ็กซ์บน
หน้าอกของมันนั่นเอง
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
พลั่ก!
พวกเร่ร่อนหญิงเข้ามาทางด้านข้างพร้อมเอื้อนเอ่ย
ออกมาด้วยน้าเสียงแสนเย็นยะเยือก จากนัน้ เตะเข้าไปที่
สีข้างของอียูจองอย่างเต็มแรง หล่อนถึงกับเลือดพุ่ง
กระฉูดราวกับน้าพุ ส่งเสียงโอดครวญออกมา แล้วไถล
ไปกับผืนดิน
“เฮือก”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 15
_______________________________________
ในตอนนัน้ เอง ผู้ชายทีถ่ ือหอกจึงได้ผ่อนลมหายใจทีก่ ลั้น
ไว้เมื่อครู่ บนหน้าอกของมันมีเสื้อเกราะยับยู่ยี่กบั
แผลเป็นจานวนมากทีข่ ดู เนื้อเป็นทางยาว
“แก ติดหนี้ฉนั แล้วอย่างหนึ่ง”
“ฮะ...ฮ่าๆๆ เฮอะ”
“ว้าว เกือบจะโดนเจ้าลูกเจีย๊ บนัน่ เล่นงานเสียแล้วหรือ
นี”่
“นี่ เกือบตายแล้วไหมล่ะ แล้วเมื่อไหร่จะได้มาอวด
ชาวบ้านเขาสักทีนะ ว่าตัวเองจัดการไปได้เท่าไหร่ แม่
งเกือบตายเพราะพวกลูกเจีย๊ บนัน่ แล้วไหมล่ะ”
เสียงล้อเลียน เย้ยหยันของพวกเร่ร่อนดังออกมาจากทั้ง
สองฟากฝั่ง พวกมันคงเฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งหมด
พวกเร่ร่อนที่ชื่อจองฮันหันหน้าไปมองด้วยใบหน้าอัน
แสนโกรธเกรี้ยว แต่กระนั้นก็ยังไม่พูดอะไรออกไป ชีวิต
ของราชินีแห่งดาบ, อันซล และผู้เล่นคนอืน่ ๆ อยู่ในกา
มือของเขาแล้ว อยู่ทวี่ ่าจะจัดการเมื่อไหร่ก็เท่านั้น
ใบหน้าของเขาจึงแปรเปลี่ยนมาเป็นหน้าดาคร่าเครียด
เสียแทน
“โว้ย!”
จองฮันสบถออกมา แล้วจึงขึน้ ไปยืนค้าอยู่บนร่างของ
อันฮยอนกับอียจู องทีน่ อนอยู่ตรงผืนดิน ทันทีที่เขาบด
ขยี้เข้าไปที่หน้าท้อง เลือดจึงไหลทะลักออกมาจากปาก
หล่อนไม่ขาดสาย เขายกหอกที่อยู่ในมือขึ้นมา
“ไอ้พวกXXX…”
“เฮ้ย เดีย๋ วก่อน บอกแล้วไงว่าอย่าฆ่ามัน”
“อะไรนะอีก”
แต่แล้วก็มีหญิงสาวคนหนึ่งร้องห้ามปรามออกมา เขาจึง
ถามกลับไปด้วยอารมณ์โมโห
“ค่อยใช้ฝีมือประหลาดๆ ของแกในตอนท้ายๆ เถอะ แก
จะยิงอะไรเข้าไปอีกล่ะ เท่าที่ดู อุปกรณ์ของมันก็ดู
เหมือนจะดีอยู่นะ แกรูอ้ ะไรหรือเปล่า อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับ
คลาสต่างๆ อาจจะออกมาก็ได้"
“แล้วอันนัน้ น่ะจะให้ใช้ตอนนีเ้ ลยหรือไง”
“ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วจะใช้เมื่อไหร่ล่ะ ดูนั่นสิ ดูเหมือนไม่
จาเป็นที่จะต้องรวมกลุม่ กันแล้วล่ะมั้งเนี่ย”
“ไอ้บ้าเอ๊ย แล้วเมื่อไหร่จะให้รวมกลุม่ กันสักทีละ่ วะ”
“ใจเย็นๆ สิ”
ชายผูน้ ั้นเงียบปากลงอีกครั้ง แล้วจึงหันหน้าไปมอง
ข้างๆ
ตอนนีร้ าชินีแห่งดาบกาลังปะทะอยู่กบั คนระดับสูงและ
คนระดับกลางจานวนสิบหกคน ช่างเป็นการต่อสู้ที่
เสียเปรียบมากจริงๆ ในช่วงแรกดูเหมือนหล่อนจะคุม
ความได้เปรียบไว้ทั้งหมด แต่แล้วพวกเร่ร่อนกลับ
หลีกเลี่ยงทีจ่ ะปะทะกันอย่างรุนแรง โดยการเปลี่ยนตัว
กาลังพลออกมาต่อสู้เรือ่ ยๆ
ด้วยสาเหตุนจี้ ึงทาให้สถานการณ์ในขณะนี้พลิกผันไป
โดยสิ้นเชิง หลักฐานก็คอื พวกเร่ร่อนยังคงอยู่ไม่ล้มลุก
คลุกคลานเลยแม้แต่ครัง้ เดียว
“เฮ้ย เอาเท้าแกออกไป”
หลังจากบอกว่าให้เอาเท้าออกไปเสียก่อนนัน้ พวก
เร่ร่อนจึงได้ก้มลงมองทีอ่ กหนึ่งครัง้ หลังจากนั้นจึงค่อย
ยกเท้าซ้ายขึน้ มา เขาลอบมองหญิงสาวที่กาลังนอนงอ
ตัวอยู่ ก่อนทีจ่ ะเลื่อนสายตาไปมองด้านขวามือ อียูจอง
เองก็เงยหน้าขึน้ มามองด้วยสายตาอันแสนดุรา้ ย
“มองอะไร ยัยXX แกเห็นฉันเป็นตัวตลกงั้นเหรอ”
“แค่ก!”
จองฮันคงไม่พอใจกับสายตาที่สง่ มาเช่นนัน้ จึงใช้เท้า
ซ้ายเหยียบไปที่อกของอียูจองอย่างแรง เขาค่อยๆ ใช้
เท้าบดขยี้อย่างต่อเนื่อง แล้วส่งเสียงข่มขู่ออกมา
“ดูตาแกสิ ฉันคงจะได้ฆ่าใครสักคนจริงๆ แล้วล่ะ ฉันฆ่า
แกแน่”
“เฮือก! ฮ...อึก!”
หอกอันถูกปลุกปัน่ พลังเวทขึน้ มานัน้ ค่อยๆ ไล้ตามหน้า
ท้องของอียจู องขึ้นไป จึงทาให้เสื้อผ้าของหล่อนฉีกขาด
ออกจากกัน และบังเกิดรอยแผลจางๆ สลักยาวอยู่บน
หนังกาพร้าของหล่อน ปลายหอกอันแหลมคมหยุดตรง
บริเวณลาคอของหล่อน
“ลองดูหน่อยไหมล่ะ พอดีฉันไม่ค่อยพอใจกับสิง่ ที่
เกิดขึน้ เท่าไหร่นัก”
“หา? เฮ้ย! อย่านะ! ก็บอกแล้วไงว่านี่มนั ของฉัน!”
พวกเร่ร่อนที่วิ่งเข้ามาจากด้านข้างตะโกนออกมา แต่
ทว่าวินาทีที่จองฮันกาลังใช้พละกาลังทั้งหมดทัง้ มวลใน
การทีจ่ ะแทงหอกลงไปที่ลาคอนั่นเอง
“กัสท์ออฟวินด์!”
ฟิ้ว!
สายลมโหมกระหน่าเข้าพัดปกคลุมพวกเร่ร่อน
สายลมเหล่านั้นถือกาเนิดออกมาจากปลายนิ้วของชินซัง
ยงผู้ซึ่งสามารถร่ายเวทมนตร์ออกมาได้อย่างหวุดหวิด
ในเวลาต่อมาสายลมก็พัดเข้าปกคลุมพรรคพวกเร่ร่อน
ส่วนเจ้าคนที่กาลังยืนค้าตัวอียจู องอยู่นนั้ ก็ได้หงายท้อง
ล้มตึงไปเช่นเดียวกัน
แต่ก็ได้แค่นั้น เพราะร่ายเวทช้าไปมาก มิหนาซ้า
พละกาลังยังลดลงไปตัง้ ครึง่ หนึง่ ของเวลาปกติ จนคาบ
เกี่ยวอยู่ที่จุดอันตรายต่อชีวิต
พูดง่ายๆ ก็คือ เราทาได้แค่ปลุกไฟในตัวพวกเร่ร่อนให้
ลุกโชนมากกว่าเดิมก็เท่านัน้
ถึงอย่างนัน้ ก็ตกใจได้แค่เพียงชั่วครู่ พวกเร่ร่อนที่ล้มลง
ไปนัน้ เดือดดาล หน้าแดงก่าไปด้วยความโกรธ จากนัน้
พวกมันจึงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทัง้ ๆ ที่เลือดยังไหลซึม
อยู่ทั่วแผ่นอก
ความหวังของชินซังยงพังทลายลงไปเสียแล้ว เขารู้ดี
ตั้งแต่ต้นว่าทุกอย่างมันจะต้องจบลงแบบนี้ แต่ทว่าพอ
เจอเข้าจริงๆ และได้เห็นกับตาตัวเอง เขาก็รู้สกึ ว่า
หนทางข้างหน้าช่างมืดมนไร้ซึ่งความหวังทั้งหมดทั้ง
ปวง
ในช่วงเวลาความวุ่นวายเหล่านั้น ชินซังยงมองไปที่
อันซลที่กาลังตัวสั่นเทาพร้อมกับตะโกนออกไปเสียงดัง
ว่า
“เฮ้ย! อันซล! น...หนีไป!”
“ไปไหน?”
พลั่ก!
ตอนนัน้ เองมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้ามาที่ใบหน้า
อย่างจัง ชินซังยงล้มคว่าหงายท้อง พลางร้องเสียงหลง
“ถ้าโง่แบบนี้ ก็ควรโง่อย่างเงียบๆ สิวะ ไม่ก็หนีไปให้ได้สิ
ตอนเขาสูก้ ันจะเป็นจะตาย แกก็อยู่เงียบๆ มาตลอด
ตอนนีจ้ ะมาไม้ไหนอีกล่ะ”
ชินซังยงยังไม่ทนั จะทรงตัวได้สาเร็จ จองฮันก็เตะเข้าไป
อย่างต่อเนื่องทันที
พลั่ก!
จองฮันเตะอัดชินซังยงอย่างต่อเนื่อง คงอยากจะระบาย
อารมณ์โกรธให้หายไป แม้ชินซังยงจะพยายามงอตัว
ป้องกันตัวเองให้ได้มากที่สุดก็ตาม แต่แล้ววินาทีที่ฝีเท้า
ของจองฮันสัมผัสโดนกับขาอ่อนทีก่ าลังบาดเจ็บอยู่ จึง
ทาให้เขากรีดร้องออกมาปนเปกับเสียงร้องไห้
ลูกเตะที่อัดเข้ามาไม่ยงั้ หยุดนิ่งไปชั่วครู่ แต่แล้วพวก
เร่ร่อนยังคงคลายความโกรธลงไม่ได้ พวกมันจึงหยิบ
หอกขึน้ มา แล้วพูดกับชินซังยงด้วยน้าเสียงเย็นชา
“เคยดูหนังเปล่า เรื่องเซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอัน ฝ่าสมรภูมิ
นรกน่ะ แกรูจ้ ักอัพฮัมไหม”
“อึก...”
“ฉันโคตรเกลียดคนอย่างแกที่สุดเลยว่ะ อย่าหาว่างู้นงี้
เลยนะ แต่คนโง่ๆ แบบแก ฉันโคตรเกลียดเลยแหละ
เฮ้ย แกน่ะ ตายๆ ไปเสียเถอะ ฉันจะทาให้แกจากโลกนี้
ไปเอง”
“อย่านะ!”
เปรีย๊ ะ!
ตอนนัน้ เอง อันซลได้วงิ่ เข้ามาพร้อมกับดอกไม้ไฟที่
กระจายขึ้นมาโดยรอบ หล่อนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แล้วกอดชินซังยงเอาไว้ ลูกแก้วสีขาวนวลปรากฏขึน้
รอบกายของอันซล และเจ้าสิง่ นัน้ ก็คือ ‘โล่กาบังรุ่น
ปรับปรุงใหม่’
จองฮันก้มลงไปเก็บหอก
“เฮอะ ทาอะไรได้หลายอย่างเลยนี่หว่า เอาสิ มาลองกัน
สักตั้งหน่อยเป็นไง”
จองฮันแค่นหัวเราะออกมา แล้วจึงเริ่มเคาะโล่กาบัง
อย่างเพลิดเพลินบันเทิงใจ
พลั่ก! พลัก่ พลั่ก!
ฮึม! ฮึม!
“ฮึก! ฮืออ”
เสียงดอกไม้ไฟดังสนัน่ ไปทั่วจนอันซลร้องไห้ออกมาเสียง
ดังลั่น หล่อนไม่คิดทีจ่ ะลงมือทาสิ่งใดเลย ได้แต่ร้องไห้
น้าตาไหลเป็นสายอยู่แบบนัน้
ชินซังยงถึงกับสติหลุดไปสักพัก แต่แล้วความเจ็บปวดที่
เคยได้รบั เริม่ ทุเลาเบาลงบ้างแล้ว เขาจึงตั้งสติแล้วเงย
หน้าขึน้ ทันที
พลั่ก! พลัก่ พลั่ก! พลัก่ พลัก่ พลั่ก พลัก่ !
ทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์หลายๆ อย่างก็เข้ามาสู่สายตา
ของเขาจากภายนอกจากม่านกาบังที่ดูเหมือนจะ
พังทลายลงเร็วๆ นี้

‘แหะๆ พี่ครับ ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ’


อันฮยอนที่กาลังคัดแยกอุปกรณ์ทีละชิน้ ทีละชิน้

‘ปกติฉนั ไม่ใช่คนแบบนีห้ รอกนะ แต่ฉันใจกว้างให้ได้แค่


ครั้งนี้ ครัง้ เดียวพอนะ เอาล่ะ คุณพี่ซงั ยงขา~ ลองทาดู
ซี’่
อียจู อง ผู้ซึ่งจ้องพวกเร่ร่อนที่กาลังเข้ามาทะลุทะลวง
ร่างกายของเขาอย่างไม่ละสายตา

‘อ...เอื๊อก? ถ้าให้ยานัน่ กับฉัน แล้วฉันจะทายังไงล่ะคะ!


แงงง!’
อันซลที่กาลังร้องห่มร้องไห้ กอดร่างกายของตัวเขาเอง

พลั่ก! พลัก่ ! พลั่ก! พลั่ก!


แรงสัน่ สะเทือนของม่านกาบังเริ่มทวีคณ ู ความรุนแรง
มากยิง่ ขึน้ ในสถานการณ์เข้าตาจนเฉกเช่นนี้ ชินซังยง
รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เขาตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถทา
อะไรได้เลย ยิ่งไปกว่านัน้ ยังได้รบั การปกป้องจากคนรอบ
ข้างอย่างน่าอดสูเสียอีก เขาคิดทบทวนเช่นนั้น ซ้าไปซ้า
มาอยู่หลายครั้ง จนเกิดความอาฆาตแค้นขึ้นมาในจิตใจ
จนแทบคลัง่
พลั่ก! เปรี๊ยะ! พลั่ก! เปรี๊ยะ!
“ท่านพี่! ท่านพี่ซูฮยอนขา!”
เสียงร้องไห้ของอันซลเพิ่มระดับความดังมากขึน้ เรื่อยๆ
มือเรียวบางที่กาลังโอบกอดชินซังยงก็รัดแน่นขึน้ ด้วย
ตามลาดับ รัดแน่นมากเสียจนความสับสนวุ่นวายที่ชนิ
ซังยงมีอยูม่ ลายหายไปจนหมดสิ้น
มาถึงขนาดนี้แล้ว ตัวเราคงต้องทาอะไรสักอย่าง แต่
จะต้องทาอย่างไรดี
ไม่เช่นนัน้ ...ต้องตายไปทั้งอย่างนี้หรอก
ในตอนนัน้ เอง
ความทรงจาหนึ่งจึงแวบขึน้ มาในหัวสมองของเขา

‘หนีไปไหมล่ะ’
‘แกมันโง่ ไอ้โง่ ตายๆ ไปซะ’
วินาทีทคี่ าพูดเหล่านัน้ ผุดขึ้นมา ภายในใจที่ไร้ซึ่ง
ความหวัง ในใจที่มีแต่ความมืดมนของชินซังยง จึงได้
เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พองตัวอัดแน่น เขาใช้มือเช็ด
เลือดบริเวณริมฝีปากทิง้ ไป
และนั่นก็คือ เวทที่แผ่ซ่านออกมาโดยอัตโนมัติ
แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังไม่เคยประสบความสาเร็จเลยสัก
ครั้งเดียว ซ้าร้ายสถานการณ์ในขณะนี้ยงั เลวร้าย แต่
กระนัน้ ก็ยังคงมีวิธีอยู่ วิธีที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของ
ชินซังยง ณ ตอนนี้

‘หากนักเวทถือเป็นดอกไม้ประดับสงคราม คลาสลับกับ
คลาสหายากก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวติ ที่สามารถตัดสิน
ผลลัพธ์ที่ได้จากสงครามนัน้ แม้สงครามที่เกิดขึ้นนัน้ เรา
จะเสียเปรียบ แต่ถงึ อย่างนัน้ ก็ยังคงสามารถพลิกแพลง
สถานการณ์ได้ภายในคราเดียว’
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 16
_______________________________________
ชินซังยงร่ายเวทออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลา
เดียวกันนัน้ ในหัวของเขาพลางเกิดความคิดอะไร
มากมายเต็มไปหมด

‘รู้ไหมว่าทาไมนายถึงล้มเหลวมาตลอด’
‘การอัญเชิญกลลวงน่ะ แม้เวทที่รา่ ยนั้นมันจะ
สร้างสรรค์ เนรมิตได้ดังใจก็จริง แต่ว่าสิง่ ที่สาคัญที่สุด
คือ การสัญญาต่างหาก การสัญญาน่ะ’
‘พวกกลลวงน่ะ ความสามารถมันแข็งแกร่งก็จริง แต่
ความหยิ่งทนงในศักดิศ์ รีของตัวเองก็รุนแรงไม่แพ้กนั ’
‘ตอนแรกฉันก็กลัวพวกกลลวงเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้กลัว
แบบจริงจังขนาดนัน้ หรอกนะ ไม่ใช่สิ! ก่อนหน้านีก้ ็ไม่ได้
อาศัยสัญญาอะไรแบบนั้นมากมาย แต่เวทก็ออกมาใช่
ไหมล่ะ ว่าไง?’

ในตอนนัน้ ความคิดต่างๆ เกิดการหยุดชะงักไป พร้อม


กับการร่ายเวทที่สนิ้ สุดลง
“จงมา!”
ชินซังยงลืมตาโพลง แล้วชูมือขวาขึน้ มาทันที
“...”
แต่ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เห็นเพียงแค่ม่าน
กาบังที่ใกล้จะแตกเหมือนเปลือกไข่อยูร่ อมร่อตรงเบื้อง
หน้า
เปรีย๊ ะ! เพล้ง!
ไม่สิ ไม่ใช่ใกล้จะแตก เพราะมันได้แตกกระจายเป็นที่
เรียบร้อยแล้ว
“จุดจบของแกมาถึงแล้ว ไปสู่สุคติซะนะ ไอ้หน้าโง่”
ชายผูน้ ั้นยกหอกที่อยูใ่ นมือขึน้ สูง
“จงมา! จงมาสิ!”
“อะไรมา?”
ก่อนที่หอกจะลงมาเสียบทะลุร่างนัน้ เจ้าหอกทีช่ ูขนึ้ สูง
จู่ๆ ก็ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ
ในเวลานั้น ความรู้สกึ ต่างๆ แล่นฉิวไปทั่วร่างของชินซัง
ยง เขาคิดว่าตอนนีค้ งถึงจุดจบของชีวติ แล้วจริงๆ จึงได้
เค้นพลังเวทที่มีทั้งหมดในตัวออกมาในคราเดียว
และเขายังใส่ความจริงใจลงไปด้วย ด้วยเหตุนจี้ ึงตะโกน
ออกมาเสียงดังฟังชัดอย่างที่ไม่เคยทามาก่อน
“จงมา! ขอร้องล่ะ จงมา! อิมพรีซัน!”
เปรีย๊ ะ! เปรี๊ยะ!
ในตอนนัน้ นั่นเอง แม้เวทที่ร่ายอาจมีผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่
กระนัน้ ก็มีเวทคาถาหนึง่ ได้บงั เกิดขึน้ มาอยู่ ณ ฟากฟ้า
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง
“ผู้ควบคุมผู้แข็งแกร่งซึง่ ครอบครองกองบัญชาการที่
49!”
พรึบ่ !
ในที่สุดเวทที่แม้จะร่ายผิดเพี้ยนไปบ้างนั้น ก็ได้
ตอบสนองออกมาด้วยการส่งโซ่เหล็กสีมืดดา จานวน
หลายสิบเส้นกระจายออกมาทั่วทุกหนแห่ง
พรึบ่ บบ!
โซ่เหล่านัน้ ได้สง่ เสียงกระเทือนดังกึกก้องไปทั่วทุกพืน้ ที่
โซ่ที่เกิดมาจากเวทมนตร์คาถานัน้ ได้ว่ายวนขึน้ ไปปก
คลุมทั่วท้องฟ้าในชั่วพริบตา หลังจากนั้นด้วยพละกาลัง
อันมหาศาล จึงทาให้มนั ยกสูงขึน้ แล้วฟาดลงไปที่พวก
เร่ร่อนโดยทันที
“อ...เอ๋?”
ความสามารถเหล่านัน้ จู่ๆ ก็ปรากฏออกมาให้เห็นกับตา
เข้าอย่างจัง จองฮันถึงกับสับสนไปเลยทีเดียว นั่นเป็น
ความสามารถที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน ระฆัง
เตือนภัยที่อารมณ์ส่งสารมานัน้ บอกให้หนีไปอย่างเร็ว
ที่สุดก็จริง แต่ทว่าเสี้ยวนาทีที่เขาเกิดผวานัน้ ทาให้โซ่
ตรวนเข้ามาพันรอบทั่วทั้งร่างกาย โซ่เหล่านัน้ พันรอบ
รัดแน่นจนเหมือนรังไหม แล้วจึงลากตัวพวกเร่ร่อนขึ้น
ไปกลางอากาศ
ชินซังยงมองพวกเร่ร่อนที่ถูกลากตัวขึ้นไปบนอากาศ
อย่างเหม่อลอย แล้วจึงค่อยยันกายลุกขึน้ มา เขาคิด
อะไรอย่างอืน่ ไม่ออกแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถอัญเชิญ
กลลวงออกมาได้สาเร็จ ความดีใจและความหวาดกลัว
ต่อความตายที่อยู่ตรงหน้า บัดนี้สิ่งเหล่านั้นได้อนั ตรธาน
หายไปจนหมดสิน้ แล้ว
เหลือเพียงสิ่งเดียว คือปณิธานของมนุษย์ก่อนที่ตัวเอง
จะได้ลาลับจากโลกนี้ ทีม่ ีแทรกซึมอยู่ทวั่ ทุกอณูของ
จิตใจ ซึ่งเรายังคงต้องค้นหามันต่อไป ชินซังยงจึงตะโกน
ออกไปสุดเสียงตามปณิธานเหล่านัน้
“อิมพรีซนั !”
ครืนนน!
ไม่รู้วา่ เป็นเพราะภายในจิตใจของชินซังยงได้ถูก
ถ่ายทอดออกมาด้วยหรือไม่ จึงทาให้อิมพรีซนั มี
ปฏิกริ ิยาที่ตอบสนองรุนแรงออกมา ดูเหมือนว่าโซ่ตรวน
ที่พันธนาการร่างเหล่านั้นจะรัดแน่นมากขึน้ ในชั่ว
พริบตา จึงทาให้เลือดไหลออกมาดัง่ สายน้า ร่างกายของ
พวกเร่ร่อนบิดเป็นเกลียวน็อต
ครืนนน!
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นออกมาจากกองโซ่ตรวนที่
รัดร่างแน่นหนาจนเหมือนรังไหม โซ่เหล็กสีดามืดที่มี
พลังเวทแฝงอยู่ในนัน้ ได้บดขยี้ ฉีกร่างกายของพวก
เร่ร่อนจนแหลกเป็นชิ้นๆ จากนัน้ โซ่ตรวนจึงค่อยๆ
คลายออกมา จนเผยให้เห็นถึงภาพที่อยู่ภายใน
ตุ้บ!
เลือดสีแดงฉานไหลโทรมไปทั่วทั้งร่าง เนื้อหนังมังสา
แปรเปลี่ยนมาเป็นเพียงกองเศษซากเนื้อ ราวกับผ้าขีร้ ิ้ว
ก็ไม่ปาน และแล้วกองชิ้นเนื้อเหล่านัน้ ก็ได้หล่นลงมายัง
ผืนดิน
“จองฮัน!”
“อะ อะไรน่ะ”
พวกเร่ร่อนคงรับรู้ได้ถึงลางสังหรณ์แปลกๆ แล้ว พวก
มันจึงตะโกนร้องเรียกเสียงดังเสียจนแสบแก้วหู ชินซัง
ยงเงยหน้าขึน้ มาทันที แล้วเขาก็ได้เห็นอันฮยอนที่กาลัง
นอนแน่นงิ่ ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ และอียูจองทีน่ อนแผ่
เพราะถูกพวกมันทรมาน
วินาทีนนั้ เอง ตัวเขาที่เคยอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ไม่สุงสิง
กับใครมาตลอด จึงเกิดพลังรุนแรงปะทุขนึ้ มาในแววตา
คู่นนั้
ชินซังยงสะบัดมือตัวเองอย่างรุนแรงบ้าคลั่ง
ฟึ่บ! ฟึบ่ !
ทันใดนั้น โซ่ตรวนจานวนหลายสิบเส้น ไม่สิ จานวน
มากถึงหลายร้อยเส้นได้กระจายตัวไปทัว่ ทั้งสามทิศทาง
แล้วจึงฟาดทะลุทะลวงเข้าไปอย่างรุนแรง พวกเร่ร่อน
สามคนเห็นดังนัน้ จึงกรีดร้อง จนเป็นลมหมดสติไปใน
ที่สุด
หญิงสาวทีน่ ั่งอยูบ่ นร่างอันฮยอนก็รบี ผุดกายขึน้ มา แล้ว
กาลังจะหนีโซ่ตรวนเหล่านัน้ ไปเสียให้พน้ แต่หล่อนกลับ
เลือกวิธีผิดมหันต์ โซ่ตรวนเหล่านัน้ ราวกับเป็นสิ่งมีชวี ิต
เพราะมันได้แปรเปลี่ยนวงโคจรมาสอดรับกับการกระทา
ของหญิงสาว โซ่ตรวนเหล่านัน้ เข้าไปพันรอบร่างกาย
ของหล่อน มันแผ่ขยายออกไปยังทิศเบื้องหน้า ไม่ให้
โอกาสในการหลบหนีไปเลยแม้แต่น้อย
“อึ้ก!”
โซ่ตรวนบีบรัดแน่นอย่างสุดกาลัง หล่อนเริ่มหน้าแดงจัด
เพราะแรงมหาศาลที่เข้ามารัดร่าง
สภาพของชายผู้เฝ้ามองอุปกรณ์อยู่ด้านข้างเองก็ไม่
ต่างกันสักเท่าไหร่ ด้วยความที่ชายผู้นนั้ ยืนอยู่ จึงทาให้
โซ่ตรวนที่บกุ เข้ามาจากข้างหน้า ตั้งใจจะกวาดให้ล้มทั้ง
ยืน แต่ชายผู้นนั้ กลับเบีย่ งไปทางซ้ายที ขวาที จนกระทั่ง
ในตอนท้ายต้องมาเสียท่า เพราะโซ่ตรวนที่เลือ้ ยเข้ามา
ได้ฟาดไปที่สขี ้างอย่างจัง ซี่โครงทั้งสองข้างโดนฟาด
ด้วยแรงมหาศาล ทาให้เขารู้สึกเจ็บปวด จากการที่
กระดูกแตกร้าว แล้วจึงหมดสติลงไปในทันที
“นะ นี่มนั อะไรเนี่ย”
ชายที่ทบั ร่างอียจู องกวัดแกว่งขวานที่อยูใ่ นมือไปมาราว
กับกังหัน แล้วส่งเสียงกรีดร้องออกมา การร่ายราของมี
คมในมือของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ เห็นทีคงมี
ความสามารถไม่ใช่เล่น แต่ทว่ามือทีก่ าลังปัดโซ่ตรวน
นั้น กาลังเพิ่มระดับความสับสนวุน่ วายมากยิ่งขึน้
วินาทีนนั้ ชินซังยงจึงกาหมัดแน่น ทันใดนั้นเอง โซ่
ตรวนที่เลื้อยไหลเข้ามาจากทิศทางใดทิศทางหนึ่งจึงได้
เริ่มเผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงทีละส่วน บางเส้นเข้า
ไปมัดขวานในเวลาพร้อมๆ กัน ส่วนเส้นที่เหลือนั้น ได้
แล่นตัดผ่านกันเป็นรูปกากบาท แล้วจึงถักทอออกมา
เป็นตาข่ายหนึ่งผืน
ตาข่ายอันถูกสร้างจากโซ่ตรวนดังกล่าวบุกเข้าไปหาชาย
ผู้นั้น
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”
แม้จะสู้ยนื หยัดแค่ไหน แต่แล้วเขาก็เข้าใจว่ามันไร้
ประโยชน์จริงๆ เขาจึงสบถออกมา พร้อมวางขวานใน
มือ ซึ่งในช่วงที่เขาตัง้ ใจจะยันกายขึ้นแล้วหนีไป
ร่างกายกลับโอนเอนซวนเซ เขาประหลาดใจอย่างมาก
แล้วจึงก้มมองด้านล่าง อียูจองเหยียดแขนขึ้นมาจากบน
พื้น พลางส่งสายตาชั่วร้าย หล่อนกาลังจับข้อเท้าของ
ชายผูน้ ั้นไว้อย่างแน่นหนา ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้เขาเริ่มมี
น้าโห
“ยัยบ้านี่!”
ยังไม่ทันจะพูดจบดี อียจู องก็ได้กระชากข้อเท้าของเขา
อย่างแรง ตาข่ายโซ่ตรวนจึงมาเข้ากระทบกับร่างชายผู้
นั้นอย่างจัง
พลั่ก!
“อ๊าก!”
สถานการณ์พลิกผันไปในชัว่ พริบตา
ชายผูน้ ั้นลืน่ ไถลไป และในเวลาเดียวกันนั้น อียูจองก็
หยิบมีดสัน้ ได้สาเร็จ แล้วหล่อนจึงได้แสดง
ความสามารถพิเศษออกมา นัน่ ก็คือ การยืดหยุ่น
ร่างกายได้ดีเหมือนแมว หล่อนรีบขึ้นไปคร่อมร่างชายผู้
นั้นทันที มือทีจ่ ับมีดสัน้ อยู่นนั้ ออกแรงเหวี่ยงไปข้างหลัง
“ไอ้ XX!”
“ชะ ช่วยด้วย...อึ้ก!”
เขายังพูดไม่ทันจบประโยคดี อียูจองก็ไม่รอช้า รีบใช้มดี
แทงกระซวกเข้าไปทันที เลือดทะลักออกมาเลอะมุมปาก
ทว่ากลับไม่ได้สิ้นสุดอยูแ่ ค่ครัง้ นี้ หล่อนคงตัง้ ใจที่จะ
ส่งคืนความยากลาบากที่ตัวเองได้รับมาตลอดจนถึง
ตอนนีใ้ ห้แก่ชายผูน้ ั้น จึงใช้ ‘ดาบเวทสครูเรพฟ์’ ในมือ
แทงจ้วงลงไปอย่างไม่หยั่งมือ
สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ! สวบ!
“อึ๊ก! ฮึก!”
ร่างของชายผูน้ ั้นกระตุกขึน้ ทุกครั้งที่แสงสีแดงส่อง
ประกายวูบวาบออกมา
หล่อนแทงลงไปซ้าๆ อยู่เช่นนัน้ ประมาณสิบครั้งเห็นจะ
ได้ เท้าที่เคยเหยียดตรงในตอนแรก บัดนีก้ ลับอ่อนเพลีย
ไร้ซึ่งกาลังไปเสียแล้ว แต่กระนั้นการจ้วงแทงด้วยมีดสัน้
ของหล่อน กลับดูไม่มีทที ่าว่าจะสิ้นสุดแต่อย่างใด และ
เมื่อมีบาดแผลฉกรรจ์ขนึ้ เหวอะหวะอยู่เต็มใบหน้าของ
ชายผูน้ ั้น หล่อนจึงสามารถสงบสติอารมณ์ได้อกี ครั้ง
หนึ่ง ข้างกันนัน้ ก็ได้ยนิ เสียงโซ่เคล้าคลอกับเสียงกรีด
ร้องอันน่าอนาถใจดังขึน้
และในตอนนัน้ หล่อนจึงได้เบนสายตาไปมองการปะทะ
กันระหว่างราชินีแห่งดาบกับพวกเร่ร่อน เสียงกลืน
น้าลายดังเอื๊อกขึ้นมาพร้อมเพรียงกัน พวกเร่รอ่ นทั้งสี่
คน ผู้ซึ่งเคยวิ่งได้อย่างแข็งแรงนัน้ บัดนี้กลับนอนล้ม
ระเนระนาด กระจัดกระจายไปทั่ว
พวกเร่ร่อนพอได้เห็นการตายของเพื่อน จึงได้หนั ไปมอง
ชินซังยงในทันที ด้วยเหตุนั้นจึงทาให้เขากลายเป็น
เป้าหมาย และได้รบั ความสนใจเป็นครั้งแรก
ความจริงแล้ว หากดูเพียงแค่คา่ พลังของเขา จะเห็นได้
ว่าเขาไม่ใช่ผู้เล่นที่อ่อนแอแต่อย่างใดเลย มาตรฐานใน
การจัดลาดับนักเวทนัน้ แน่นอนว่าต้องวัดกันด้วย
คะแนนพลังเวท เมื่อคราวที่ได้เจอคิมซูฮยอนเป็นครัง้
แรกนัน้ คะแนนอยู่ที่แปดสิบห้าพอยต์ แล้วหลังจากนัน้
จึงได้เริ่มเก็บสะสมมาเรือ่ ยๆ จนกระทั่งบัดนี้ คะแนน
ของเขาถือว่าดูดีไม่น้อยเลย ความสามารถอย่างใหม่ก็ได้
ถือบังเกิด อีกทั้งยังมีพฒั นาการอีกด้วย ถือว่าเขา
สามารถถ่ายทอดความเป็นคลาสลับออกมาได้ดีเลย
ทีเดียว
ผลลัพธ์ที่ได้จากการจู่โจมในครั้งนี้คือ เขาสามารถ
อัญเชิญกลลวงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังจัดการ
กวาดล้างพวกเร่ร่อนทั้งสี่คนได้อีกด้วย ตอนนี้ชนิ ซังยง
ถือเป็น ‘คนแข็งแกร่ง’ คนหนึ่งเลยทีเดียว ถึงเขาจะไม่
ถึงขัน้ สามารถรวบยอด และพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้
ได้เหมือนคิมซูฮยอน แต่อย่างน้อยในสงครามขนาดเล็ก
เช่นนี้ เขาก็ยงั สามารถจัดการล้มกระดานได้อย่างดีเยี่ยม
จนก่อให้เกิดผลกระทบขึ้นได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“แฮ่ก แฮ่ก...”
ชินซังยงหอบหายใจอย่างหนักเป็นเวลาต่อเนื่อง ทั้งยัง
รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจยังคงเต้นโครมคราม สัน่ สะท้านไปทัว่ ทั้งร่าง แต่
เขากลับรู้สกึ สดชื่นอย่างบอกไม่ถกู คงเป็นความรู้สึก
เหมือนยกภูเขาออกจากอกล่ะมั้ง แม้มนั จะเป็นเพียงแค่
การอัญเชิญกลลวงแสนธรรมดา แต่ทว่าภายในจิตใจ
ของชินซังยงกลับเกิดความรู้สึกบางอย่างที่แปลกและ
แตกต่างไปจากแต่ก่อน
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 17
_______________________________________
มือที่เคยยืน่ เหยียดออกไป ค่อยๆ ลดลงมาสู่เบือ้ งล่าง
ช้าๆ ทันใดนัน้ โซ่ตรวนจานวนมากจึงค่อยๆ คืนกลับมา
ราวกับทาตามคาสั่งของชินซังยงเป็นอย่างดี แล้วจึงได้
ร่วงหล่นลงมาปกคลุมทัว่ ทั้งพืน้ ที่ราวกับป่าอันหนาทึบ
ด้านกลลวงที่ทะยานขึน้ สู่ท้องฟ้านัน้ ได้เข้าไปฉุด
กระชากให้พวกเร่ร่อนทีห่ ยุดการเคลื่อนไหวอยูด่ ้านบน
ลงมาสูด่ ้านล่าง
“นั่นมัน...อะไรอีก”
อีคังซานถอยหลังไปก้าวสองก้าวโดยไม่รู้ตัว แล้วบ่น
งึมงาออกมา เขาแทบจะหายใจไม่ออก เหมือนจมูกถูก
อุดเอาไว้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้โดนจับตัว แต่กพ็ ูดไม่ได้ว่า
ตัวเองได้เปรียบอยู่ เพราะสถานการณ์การต่อสูใ้ นขณะนี้
พวกมันกาลังได้เปรียบมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าพวกลูกเจีย๊ บ
ด้านซ้ายมือนั่น เขาไม่ได้ให้ความสนใจในตัวพวกมันเลย
แต่แล้วพวกมันกลับเติบโตขึ้นมา จนกลายเป็นสิ่งมีชีวติ
ที่เขาไม่สามารถดูถกู ดูแคลนอะไรได้อีกเสียแล้ว แน่นอน
ว่าเขาไม่ได้รู้สกึ ถึงขัน้ หมดหวังมากขนาดนั้น แต่...
อีคังซานเหลือบมองราชินีแห่งดาบ แม้หล่อนจะกาลัง
หอบหายใจอย่างอ่อนล้า แต่กระนัน้ ก็ยังไม่คลายความ
น่าเกรงขาม หากเจ้าสองคนนัน้ เกิดรวมพลังขึน้ มาล่ะก็
สถานการณ์คงวุ่นวายมากขึน้ อย่างแน่นอน
เคร้ง!
ชินซังยงเองก็คงคิดเหมือนๆ กัน หลังจากนั้นจึงบังเกิด
เสียงโลหะหนักเสียดสีเข้ากับอะไรบางอย่าง จนส่งเสียง
ดังสนัน่ ไปทั่วทุกสารทิศ
พวกเร่ร่อนถอยหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว พร้อม
ระมัดระวังตัวเองกันอย่างเต็มที่ แต่แล้วโซ่ตรวนที่แผ่
ออกมานั้น กลับแล่นผ่านพวกมันไป แล้วเลื้อยคดไปหา
ราชินีแห่งดาบ อันฮยอนและอียูจองแทน วินาทีที่โซ่
เหล่านัน้ พันธนาการร่างของพวกเขาได้สาเร็จ มันจึงยก
ร่างของทั้งสามคนขึน้ ไปกลางอากาศ อีคังซานเห็น
ดังนัน้ จึงเบิกตาโพลง
“หยุดมันไว้!”
“หอกแห่งน้าแข็ง!”
ตอนนัน้ เอง มีพวกเร่ร่อนหนึ่งคนได้ใช้หอกแห่งน้าแข็ง
เล็งไปยังราชินีแห่งดาบที่อยู่กลางอากาศ
ในตอนนัน้ นั่นเอง
“โฮลด์!”
ทว่าก่อนหอกแห่งน้าแข็งจะได้ทะลุร่างราชินีแห่งดาบไป
นั้น กลับมีแสงสีขาวบางอย่างบินร่อนเข้ามาโอบล้อมไป
เสียได้ ด้วยเหตุนนั้ จึงทาให้หอกค้างอยูก่ ลางอากาศ
อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาอย่างไร้
เรี่ยวแรง ด้านสามคนนัน้ ได้แยกออกจากกัน ก่อนที่จะตี
วนเป็นวงกลม แล้วโผร่างบินออกไป
“ปะ เป็นไปไม่ได้!”
พอได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ยากจะเชื่อปรากฏอยู่ตรงหน้า
จึงทาให้พวกเร่ร่อน ผูป้ ลุกพลังเวทนัน้ ถึงกับแผดเสียงดัง
ลัน่
สาหรับตัวผู้เล่นแล้วนัน้ ทุกคนต่างมีคลื่นพลังเวทอัน
เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป และกฏขั้น
พื้นฐานก็คือ ต่างคนต่างไม่สามารถผสมผสานพลังเวท
ด้วยกันได้ ด้วยสาเหตุนี้ จึงมักเกิดเหตุการณ์ใหญ่
อย่างเช่น การระเบิด เมื่อพลังเวทของแต่ละคนได้ปะทะ
พุ่งชนกันนัน่ เอง
เมื่อครู่ก่อนหน้านี้เอง ตามความเป็นจริงแล้ว หอกแห่ง
น้าแข็งควรจะต้องเจาะทะลุผ่านโฮลด์ได้ ไม่สิ จริงๆ
แล้ว หอกแห่งน้าแข็งควรจะต้องทาให้โฮลด์นนั้ ไม่
สามารถแสดงพลังที่แท้จริงของมันออกมาได้เสีย
มากกว่า
แต่ทว่าเวทมนตร์โฮลด์ที่ชินซังยงปลุกขึน้ มานัน้ ก็ไม่ได้
สูญเสียความสามารถแต่อย่างใด สาเหตุก็เพราะ ‘จัตุรัส
กลแห่งความกลมกลืน’ อันเป็นความสามารถพิเศษของ
เขานั่นเอง
ชินซังยง ผู้ซึ่งปลุกพลังเหล่านัน้ ขึน้ มาสามารถทาให้คลืน่
พลังเวทของอีกฝ่ายผสมผสานกลมกลืนกับคลืน่ พลังเวท
ของตนได้ เพราะฉะนัน้ อิทธิพลจากโฮลด์จึงไม่ได้เสื่อม
คลายไปไหน ซ้ายังส่งอิทธิพลเช่นเดิมออกมาอยู่ดี
“ฟู่ว”
ชินซังยงค่อยๆ ลดคทาลงมาแนบข้างกาย พร้อมกลัน้
ลมหายใจไปพลาง แม้เขาจะกังวลว่าตัวเองออกตัวช้า
ไปหน่อยไหม แต่สุดท้ายก็คิดถูกต้องที่สุดแล้ว ที่ได้
เตรียมการเผื่อเอาไว้ลว่ งหน้า
ภายใต้การคุ้มครองของโซ่ตรวนกลุม่ นัน้ จึงทาให้ราชินี
แห่งดาบมาถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย อีคงั ซานเห็น
แล้วจึงขบฟันแน่น
“จัดการยัยนัน่ ซะ!”
เขาคิดว่าจะต้องจัดการสถานการณ์ที่พวกมันกาลัง
ได้เปรียบอยู่ในขณะนี้ออกไปให้ได้เสียก่อน อีคงั ซานจึง
ออกคาสั่ง แล้ววิ่งฉิวออกไปทันทีอย่างกับสายลม คาสั่ง
ของเขาแสดงออกมาชัดเจนมากว่า ราชินีแห่งดาบทีค่ ิด
มาตลอดว่าเขาจะสามารถจับตัวหล่อนมาได้ กลับ
ลอยนวลออกไปต่อหน้าต่อตาเสียอย่างนัน้ เขาไม่ได้
คิดถึงความพ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย
พวกเร่ร่อนวิ่งบุกเข้ามาด้วยพละกาลังมหาศาล ชินซังยง
เห็นดังนัน้ จึงปลุกความสามารถลับขึ้นมาทันที
“สร้างปราการเวทมนตร์!”
หวืด!
ทันใดนั้นจึงบังเกิดแสงสว่างออกมาเป็นรูปสีเ่ หลี่ยม
จัตุรสั แล้วเวทที่อยู่ตรงมุมทั้งสี่มุมนัน้ ก็ลอยขึน้ และเริ่ม
เปล่งแสงสว่างออกมา
จากจุดเริ่มต้นนี้ จึงทาให้การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกับพวก
เร่ร่อนครั้งที่สองได้ถือกาเนิดขึน้
เคร้ง!
ชินซังยงชูมือขึ้นอีกครั้ง โซ่ตรวนจานวนครึ่งหนึ่งจึงได้
เริ่มคุ้มกันไปทั่วอาณาบริเวณ ส่วนโซ่ที่เหลืออีกครึ่งนัน้
ได้ฝ่าทะลุทะลวงเข้าไปหาพวกเร่ร่อนที่กาลังดาหน้าเข้า
มา ทว่าในครั้งนี้พวกเร่ร่อนกลับไหวตัวได้ทัน ไม่ยอมติด
กับดักง่ายๆ พวกมันได้ไล่ตัดโซ่ตรวนที่ไหลเข้าตามมุม
ต่างๆ ราวกับได้เตรียมการไว้แล้วอย่างดี หลังจากนัน้
พวกมันจึงเดินหน้าเข้ามา พลางกระจายตัวอยูท่ ั่วทุก
สารทิศ
ทว่าชินซังยงก็ไม่ได้ไหวหวั่นแต่อย่างใด เมื่อครูก่ ่อนนี้นนั้
เขาได้รบั ผลสาเร็จดีๆ จากการจู่โจมมาแล้ว แต่ในตอนนี้
เขารู้ตัวดีว่ามันคงไม่สามารถเป็นเช่นนัน้ ได้อกี ดังนัน้ เขา
จึงฉวยโอกาสตอนที่พวกเร่ร่อนหยุดการเคลื่อนไหวไป
ชั่วครู่ โดยการนาตัวราชินีแห่งดาบออกมา หากตัวเขา
สามารถสร้างช่องว่างและพื้นทีว่ ่างได้สาเร็จ อย่างไร
หล่อนก็สามารถกระทาอะไรได้อย่างคล่องตัวมากยิง่ ขึน้
อย่างแน่นอน
ชินซังยงทีค่ ิดได้เช่นนัน้ จึงคิดต่อมาว่าในคราวนี้ เขาจะ
เปิดการต่อสู้สนับสนุนการคุม้ กันราชินีแห่งดาบ
การต่อสู้ที่ต่อเนื่องลากยาวมานี้ กลายเป็นว่าความกังวล
มาตกอยู่ที่อีคังซาน และในที่สุดการคาดคะเนของชินซัง
ยงจึงได้กลายเป็นความจริงจนได้
ชินซังยงได้ใช้โซ่ตรวนกวาดไปทั่วทุกหนแห่งโดยใช้
ข้อมูล ‘สร้างปราการเวทมนตร์’ มาเป็นข้อมูลพื้นฐาน
และขวางกัน้ ข้าศึกที่รุกคืบเข้ามาใกล้ โดยโซ่เหล่านัน้
ไม่ได้ใช้ขวางกั้นตรงเบือ้ งหน้าแต่อย่างใด กลับใช้ปิดกัน้
เส้นทางที่บกุ เข้ามาจากด้านหลังเสียมากกว่า โซ่
เหล่านัน้ ได้เข้าไปรัดข้อเท้าของพวกมัน จึงทาให้พวกมัน
เสียศูนย์ ล้มตัวลงไปในที่สุด ส่วนนักเวททั้งหลายที่บกุ
เข้ามาจากไกลๆ นัน่ ก็ใช้เจ้าโซ่ตรวนนีฟ่ าดลงไป หาก
สบโอกาส โซ่ตรวนต่างๆ ก็จะเข้าไปรัดข้อเท้าของพวก
เร่ร่อนทันที โดยไม่ทงิ้ ช่องว่างอย่างแน่นอน
ด้วยความที่ชนิ ซังยงสามารถทาตัวเองให้เป็นอนัตตาได้
สาเร็จ เขาจึงสามารถใช้อิมพรีซนั ได้อย่างเกิดประโยชน์
มากที่สุด แม้กระทั่งพละกาลังที่อยู่ลกึ ก็ยังสามารถคัด
สรรออกมาใช้การได้ หากทลายเขื่อนอันแข็งกล้าให้แตก
กระจายไปได้แล้วครั้งหนึ่ง อะไรก็ไม่ใช่อปุ สรรคขัดขวาง
อีกต่อไป
พลังเวทที่คัดสรรออกมานัน้ จะสามารถวนเวียนและ
ไหลย้อนกลับได้อย่างราบรืน่ อีกทั้งเวทมนตร์ไหล
ย้อนกลับทีค่ อยต้านทานสิ่งเหล่านัน้ ก็จะอยูใ่ นสภาพที่
ร้อนแผดเผาราวกับไฟด้วย
ในสถานการณ์วนุ่ วายเช่นนัน้ บุคคลที่นา่ ประหลาดใจ
มากที่สุดกลับเป็นราชินแี ห่งดาบ ในตอนแรกนัน้ หล่อน
ใจร้อนและโมโหเป็นอย่างมาก จึงได้วิ่งทะลวงไปเช่นนั้น
แต่ในเวลาต่อมา เมื่อตัวเองอยูใ่ นการคุ้มครองบ้าง
หล่อนกลับรู้สึกเสียดายที่ตัวเองขาดสติ ทาอะไรไม่ยั้งคิด
เช่นนัน้ แต่พอหล่อนได้รับความช่วยเหลือจากคลาสหา
ยาก หล่อนก็รู้สกึ โล่งใจขึ้นมาทันที ท้ายที่สุดเขาได้เริม่
แสดงความสามารถของตัวเองออกมาบ้างแล้ว
ในทางกลับกัน พวกเร่รอ่ นกลับได้ลมิ้ รสกับความตาย
เข้าทุกขณะ แม้โซ่ตรวนจะไม่ได้เข้าไปคุกคามทีละคน ที
ละคน แต่ทว่าเจ้าโซ่ตรวนจานวนมากนั้นก็ได้พุ่งทะลวง
เข้าไปอย่างไม่มีลดละ ดังนัน้ สิ่งที่เกิดในครั้งนีค้ งจะบาด
จิต บาดใจ ทาลายอารมณ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว หากมัน
สามารถฝ่าทะลวงสิ่งเหล่านัน้ เข้ามาได้ ในครัง้ นี้คงได้
เห็นราชินีแห่งดาบยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่ท่ามกลางโซ่
ตรวนที่พนั เกี่ยวเลี้ยวคดอยู่โดยรอบ
แม้ตัวเองจะครอบครองตาแหน่งที่ดใี นสนามรบ แต่
ราชินีแห่งดาบก็ไม่สามารถพิชิตศัตรูได้ง่ายดายนัก เวลา
ที่อยู่ตัวคนเดียว แม้จะทุ่มเทความสนใจและตัง้ ใจต่อสู้
มากเพียงใด แต่กลับได้ผลดีบ้าง ไม่ดบี ้าง ตอนนี้อย่าว่า
แต่เรื่องพยายามทุม่ ความสนใจเลย แม้แต่จะพลิก
สถานการณ์ก็ยงั ทาไม่ได้
และในตอนนีก้ ็ไม่ได้มเี พียงแค่สองคนเท่านัน้ ทีจ่ ้องจะ
เล่นงานฝ่ายตรงข้าม ยังมีอียูจองที่ได้รบั การคุม้ กันจาก
ชินซังยงอีกด้วย หล่อนกาลังเฝ้าหาโอกาสทีจ่ ะเล่นงาน
อีกฝ่าย โดยที่ไม่รตู้ ัวเลยว่าพวกเร่ร่อนก็กาลังนึกราคาญ
จ้องจะเล่นงานหล่อนด้วยเช่นกัน
“อ๊ากกก!”
ในช่วงที่เสียงกรีดร้องครั้งที่หนึง่ ดังลัน่ ออกมาจากที่ไหน
สักที่ อีคงั ซานได้ยนิ เช่นนัน้ จึงเข้าใจสถานการณ์
ในทันที การป้องกันของอีกฝ่ายคงจะยังเหมือนเดิม
ต่อไปเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนแปลง สงครามในครั้งนีค้ งกิน
เวลายืดเยื้อพอสมควร เขาคานึงถึงเรื่องนี้ซ้าไปซ้ามา
มากกว่าการกุมชัยชนะในศึกนี้เสียอีก
มิหนาซ้าเขายังคิดว่า ฝ่ายของเขาไม่ว่าจะลงมือทาอะไร
ก็มีโอกาสที่จะแพ้ย่อยยับได้ทุกเมื่อ
แม้จะช้าไปเสียหน่อย แต่ความรูส้ ึกเสียดายก็กอ่ ตัว
ขึ้นมาในใจอีคงั ซานแล้ว เขาไม่ได้เสียดายทีบ่ มุ่ บ่ามบุก
เข้าไป แต่เขาคิดว่า หากตัวเองสามารถผสมผสานเวท
มนตร์ได้บ้างล่ะก็...ทว่าความคิดนัน้ ก็มีอยู่ชวั่ ครู่เดียว
สงครามที่ตา่ งฝ่ายต่างยืดเยื้อต่างหาก เป็นสิง่ ทีช่ ัดเจน
ที่สุดในขณะนี้ อีคงั ซานจึงตะเบ็งเสียงออกมาทันที
“โธ่โว้ย! ถอยกลับมาก่อน!”
พวกเร่ร่อนเองก็รู้สกึ ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จู่ๆ ก็ทวีคูณ
ความยากขึน้ มากกว่าเดิมอย่างกะทันหัน ดังนัน้ พวกมัน
จึงหยุดการเคลื่อนไหวในกองโซ่ตรวน แล้วถอยออกมา
ทันที
“ไม่ง่ายเลย จะทาอย่างไรต่อไปดีครับ”
“ฮึ...”
หลังจากเว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายได้ประมาณหนึ่ง พวก
เร่ร่อนก็ถอนหายใจพลางถามอีคงั ซานไป อีคงั ซานได้ยิน
ดังนัน้ กลับตอบได้แค่เสียงฮึดฮัด
ไม่มีอะไรดีสกั อย่างเลยแม้แต่น้อย หากเวลายังคงยืดเยื้อ
ต่อไปเช่นนี้ การกระทาของไซม่อนที่ตั้งใจจะใช้พวกเขา
เป็นเพียงโล่กาบังนัน้ ทาให้ความสัมพันธ์ระหว่างทวีป
เป็นอันต้องหมองเมินกันไปชั่วคราว และต่อให้ไม่เกิด
เหตุการณ์เช่นนัน้ ตอนนี้คงต้องได้เวลาทีก่ องกาลังเสริม
จากทิศตะวันออกเดินทางมาถึงได้แล้ว ในระยะเวลาที่
ผ่านมา เขารูส้ ึกเสียดายอย่างมากทีพ่ ลาดตัวราชินีแห่ง
ดาบไป แต่ถึงอย่างนั้นการทีย่ ืดเวลาออกไปเช่นนี้
อาจจะทาให้แผนแตกเข้าสักวันก็ได้ใครจะรู้
อีคังซานคิดได้เช่นนัน้ แต่ก็ยังคาใจอยู่ จึงจ้องไปที่ราชินี
แห่งดาบ หล่อนกาลังยืนตัวตรงอยู่ท่ามกลางหมู่โซ่ตรวน
พลางใช้สายตาจดจ้องพวกเร่ร่อน
พวกเร่ร่อนจึงเร่งเขาอีกครั้งหนึ่ง
“ผมรู้ความประสงค์ของท่านดี แต่สถานการณ์ตอนนีม้ ัน
ฉุกละหุกไปหน่อยนะครับ”
“...”
อีคังซานไม่ปริปากสักคา การเงียบของเขาแทบไม่ตา่ ง
อะไรกับการยอมรับกลายๆ เลย
ในตอนนัน้ เอง จู่ๆ อีคงั ซานก็ได้หันหน้าไป แล้วจดจ้อง
อยู่ทิศใดทิศหนึ่ง แล้วทาสีหน้าไม่สู้ดนี ัก ก่อนจะพูด
ออกมาด้วยน้าเสียงร้อนรน
“XX! รู้ดีเหลือเกิน? ทุกคนไปเร็ว! ปล่อยแม่งไว้แบบนี้
รีบหนีไปได้แล้ว!”
หลังจากนั้นพวกเร่ร่อนจึงได้เริ่มถอยทัพออกไปบ้าง
พวกมันค่อยๆ ถอยหลังไปก้าวสองก้าว แล้วหันหลัง วิ่ง
ออกไปทันที ชินซังยงเห็นเช่นนั้น จึงนึกโล่งใจ
ส่วนราชินีแห่งดาบได้แต่เอียงคอสงสัยกับเหตุการณ์ที่
เกิดขึน้
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 18
_______________________________________
ในเวลาต่อมา เมื่อพวกเร่ร่อนเริม่ หายลับไปไกลหูไกลตา
แล้ว ชินซังยงจึงได้ล้มตัวนั่งลง พร้อมกันนัน้ ก็กร็ ู้สึกได้
ถึงอาการที่ยังหลงเหลือจากสงครามได้เข้ามาโอบล้อม
ทั่วร่างกาย
“แฮ่ก แฮ่ก!”
ชั่วขณะหนึง่ ภาพที่เห็นตรงหน้าเกิดหมุนวนไปเวียนมา
พอการสูร้ บสิ้นสุดลง ในหัวของเขาก็ว่างเปล่าทันที หัว
ใจเต้นแรงเหมือนกับมีไม้ตีเข้าที่อก ชินซังยงเกิดอาการ
วิงเวียนศีรษะเล็กน้อย จึงได้ข่มพลังเวทมนตร์ไหล
ย้อนกลับ และปลดปล่อยพลังอัญเชิญออกไป
“ค...แค่ก ค...แค่ก”
ทันทีที่ภายในพักฟื้น ระบบหมุนเวียนพลังเวทที่ถูกทาให้
ร้อนขึ้นก็เริ่มทาให้ร่างกายร้อนผ่าวขึน้ เช่นกัน
“ฟู่ว ฟู่ว”
ชินซังยงค่อยๆ ปรับลมหายใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ภายในของเขารู้สกึ โล่ง ว่างเปล่ามาก แต่ว่า...ถึงอย่าง
นั้นก็รู้สกึ ไม่เลวเลย
พอชินซังยงสามารถปรับลมหายใจให้สม่าเสมอได้แล้ว
เขาจึงกวาดตามองรอบๆ
อันฮยอนนอนหมดสติ มีเลือดไหลที่ศรี ษะ แต่เขายังมี
ชีวิตอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โชคดีมาก
อียูจองทาบมือไว้บนอกและสีข้างของหล่อน หล่อนมีสี
หน้าเจ็บปวดก็จริง แต่ก็ยังมีชีวติ อยู่เหมือนเดิม
ด้านอันซลก็งตัวสั่นงกๆ อยู่เช่นเดิม แต่ดูแล้วก็ไม่ได้รับ
บาดเจ็บร้ายแรงอะไรนัก
พอชินซังยงรูว้ ่าทุกคนยังมีชวี ิตอยู่ เขาก็พลันสงบจิต
สงบใจไปได้บ้างเล็กน้อย
“นี่ อันซล”
“ค...คะ?”
“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“ไม่ค่า ตะกี้ใจมันเต้นตุม๊ ๆ ต่อมๆ ตลอด จนตัวสั่นไป
หมดเลยค่า ขอโทษด้วยนะคะ”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ ตะ ตอนนี้พวกศัตรูมนั ถอยไป
หมดแล้วนะ เพราะงัน้ รีบรักษา...”
ชินซังยงพยายามจะพูดต่อไป แต่แล้วกลับรู้สึกเหนื่อย
พิกล จึงได้จ้องไปที่อันฮยอนแทน อันซลได้ยนิ เช่นนัน้ ก็
เข้าใจในความหมายทันที หล่อนจึงพยักหน้าให้
หลังจากนั้นจึงเดินต้วมเตี้ยมไปทางอันฮยอน
ชินซังยงทิ้งตัวนอนแผ่กับผืนดิน เขารูด้ ีว่าสถานที่นคี้ ือ
ใจกลางของสมรภูมริ บ แต่ตอนนี้เขาแค่อยากจะพักผ่อน
สักหน่อยก็เท่านัน้ ร่างกายเขาแทบไม่หลงเหลือพลังงาน
ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว
หลังจากนั้น ชินซังยงตัง้ ใจทีจ่ ะเอนตัวลงนอน แต่แล้ว
กลับรู้สกึ ได้ถงึ อะไรสักอย่างนุ่มหยุน่ อยูบ่ ริเวณลาคอ
ด้วยความตกใจ เขาจึงเงยหน้าขึน้ มามอง แล้วก็ได้พบ
กับอียจู องทีก่ าลังยืนกัดริมฝีปากอยู่
“พี่”
“อ...อียูจอง?”
“ขอบคุณนะ”
“...”
คาขอบคุณของหล่อนทาเอาชินซังยงถึงกับหลงลืม
ประโยคที่จะพูดต่อไปเลยทีเดียว เขารูส้ ึกหน้าร้อนผ่าว
ภายในกาลังคุกรุ่นแปลกๆ อย่างไรชอบกล
“ฉันเพิง่ เคยเห็นพี่มมุ นี้เป็นครัง้ แรกเลย เท่มากๆ เลยล่ะ
น่าจะโชว์ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”
“ฮ่าๆ”
คาตาหนิทฟี่ ังดูแล้วเหมือนไม่ตาหนิของอียจู อง ทาเอา
ชินซังยงได้แต่หวั เราะเจื่อนๆ พลางพยักหน้าตอบรับ
หล่อน
“...โชคดีแล้วนะครับ ทีย่ ังมีชวี ิตอยู่”
หลังจากประโยคนัน้ สิน้ สุดลง อียจู องจึงเผยรอยยิ้ม
ออกมาครัง้ แรก หลังจากที่ได้หวนกลับมาพบเจอกันอีก
ครั้งหนึ่ง
ในตอนนัน้ เอง
“ลุกขึ้นเถอะ”
เสียงอันแสนเย็นชาดังขึน้ มากะทันหัน ชินซังยงจึงเผลอ
ลุกขึน้ มาทันทีอย่างไม่รตู้ ัว ทันใดนั้นเขาก็พบเข้ากับ
ราชินีแห่งดาบ สีหน้าหล่อนดูเหนื่อยล้าอย่างมาก หล่อน
มายืนอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ยังไม่จบสิน้ ดีหรอกค่ะ แค่พวกศัตรูมันแค่ถอยทัพ
กลับไปก็เท่านั้น”
“อ้อ...นะ นัน่ น่ะสิครับ แต่ตอนนี้สถานการณ์มนั เป็น
เช่นนี้แล้ว ศัตรูก็ไม่โผล่ให้เห็นแล้วด้วย เพราะฉะนั้นถ้า
เราจะพักกันสักหน่อย...”
“ไม่ได้ค่ะ”
จริงๆ แล้วคาพูดของชินซังยงก็ฟังดูมีเหตุมีผล
เช่นเดียวกัน แต่ราชินีแห่งดาบกลับปฏิเสธเสียดื้อๆ
“ก่อนหน้านี้...หากพวกมันยังดื้อด้านจะเข้ามาไล่ต้อนให้
ได้จนถึงที่สดุ ล่ะก็ มันอาจจะแพ้ก็ได้ อีคงั ซานก็เลยเลือก
ที่จะถอยทัพออกไปก่อน รูส้ ึกไม่ดีอย่างไรก็ไม่รู้ ก่อนอืน่
เรารีบไปปลุกผู้ชายคนนั้นขึน้ มา ทาการรักษาเบื้องต้น
ให้เขา แล้วค่อยออกไปกัน แบบนี้ดูทา่ ว่าจะดีกว่านะ
คะ”
“อ้อ รับทราบครับ”
คาพูดของราชินีแห่งดาบนัน้ ฟังดูแล้วอาจจะไม่ยินดียิน
ร้ายไปเสียบ้าง แต่มันก็เป็นความจริง ชินซังยงพยักหน้า
รับ พลางรู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกตาไปเล็กน้อย เมื่อครู่
นี้ต่างคนต่างไม่ได้ประสานสายตากันเลย แต่ตอนนี้
หล่อนกาลังพูด พลางก้มมองลงมาที่ตัวเขาเอง
หลังจากนั้นชินซังยงจึงออกแรงยันกายลุกขึน้ ยืน ราชินี
แห่งดาบเห็นดังนัน้ จึงหมุนกายเพื่อจะสังเกตบริเวณรอบ
ข้าง ในตอนนัน้ เอง ขาของหล่อนก็บิดเบี้ยว
“อึ๊ก!”
“ม...ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
ชินซังยงตกใจจะเข้าไปประคองหล่อน แต่ราชินีแห่ง
ดาบกลับส่ายหน้า ยกมือปฏิเสธพัลวัน
“...ไม่โอเคหรอกค่ะ”
“งะ งั้นรีบไปรักษา...”
“ฉันฟืน้ สภาพด้วยการรักษาไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็น
ผลร้ายที่เกิดจากฉันตะบี้ตะบันใช้ความสามารถ
เฉพาะตัวมากเกินไปต่างหาก”
“ความสามารถเฉพาะตัวหรือครับ อ้อ อย่างไรก็ตาม ถ้า
คุณจะไม่รบั การรักษา ก็ควร...”
“มันเป็นความสามารถที่ช่วยนาประสาทสัมผัสของ
ร่างกายออกมาได้อย่างรวดเร็วน่ะค่ะ นอกจากนี้ยังช่วย
เสริมให้ความสามารถแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย หากใช้
มันแค่แป๊บเดียวคงไม่เป็นไร แต่หากปลุกพลังขึ้นมาใช้
เป็นระยะเวลานานๆ แล้วล่ะก็ มันจะเป็นการหักโหม
ร่างกายเอาน่ะค่ะ”
สิ่งนัน้ คือความสามารถที่เคยเห็นแวบหนึ่ง ตอนที่
เผชิญหน้ากับคิมซูฮยอน ราชินีแห่งดาบแสดงสีหน้าเบื่อ
หน่ายออกมาก็จริง แต่ก็ยังให้คาอธิบายละเอียด
ครบถ้วน หล่อนเหลือบมองชินซังยง
“ตอนนี้ฉนั ก็เป็นอย่างทีว่ ่านัน่ แหละค่ะ คุณเองก็เป็น
เหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ”
ชินซังยงพยักหน้าตอบรับในทันที คงเข้าใจในสิ่งที่หล่อน
อธิบายทั้งหมดแล้ว สีหน้าของเขาที่เคยดูเบาใจ บัดนี้
กลับมีกลุ่มเงามืดบางอย่างเข้ามาปกคลุมเสียได้ เขาคง
ใช้พลังที่มีอยู่แทบทั้งหมดในการต่อสู้ทจี่ บไปเมื่อครู่ ด้วย
สาเหตุนจี้ ึงทาให้เขาแทบไม่มพี ลังหลงเหลืออยูใ่ น
ร่างกายเลย อย่างมากที่สุดได้แค่เดินก้าวสองก้าวเท่านัน้
แต่หากเขาตกอยู่ในสภาพเหมือนกับราชินีแห่งดาบแล้ว
ล่ะก็...
“อ้า แล้วจะทาอย่างไรต่อไปดีล่ะครับ วงล้อมตอนนีม้ ัน
เป็นอย่างไรแล้วบ้า...”
“...ไม่รู้สิคะ”
“อะ...อะไรนะ”
วินาทีนนั้ มีความคิดหนึง่ แล่นผ่านหัวสมองและห้วง
ความทรงจาของชินซังยง
“หรือว่าคุณปลุกพลังความสามารถนัน่ ขึน้ มา ตั้งแต่
ก่อนทีจ่ ะได้พบกับพวกเราอีกหรือครับ”
“ฉันคงจะปลุกมันขึ้นมาไม่ได้ไปอีกสักระยะหนึง่ ไม่สิ ฉัน
ต้องระมัดระวังในการใช้พลังเวทมากกว่านี้”
ฟังดูแล้วเหมือนเป็นการถามอย่าง ตอบอย่าง แต่เท่านีก้ ็
แทบไม่ต่างอะไรกับการยอมรับกลายๆ ชินซังยงถอน
หายใจออกมา เขาเข้าใจความสามารถในการรับรูถ้ ึงสิง่
ต่างๆ ทีร่ าชินีแห่งดาบมองว่าเป็นของประหลาด
หมดแล้ว ทว่าก็ยงั เกิดความกังวลลึกๆ เขาคิดว่าตอนนี้
เขาสามารถข้ามภูเขาลูกหนึ่งมาได้อย่างหวุดหวิด แต่
แล้วกลับต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่เข้าอีกครั้ง
ความคิดด้านมืดวนเวียนอยู่ในหัวเต็มไปหมด ชินซังยง
จึงรีบสะบัดความคิดเหล่านัน้ ทิ้งไปทันที หลังจากนั้นจึง
มองไปยังอันซล หล่อนร่ายเวทสาหรับรักษาอาการ
บาดเจ็บมาสักพักหนึ่งแล้ว
หล่อนได้รกั ษาอันฮยอนกับอียจู องแล้ว ซึ่งเรื่องพวกนัน้
ล้วนเป็นเรื่องลาดับแรกสุดที่จะต้องลงมือทาทันที
แต่อย่างที่ราชินีแห่งดาบได้วา่ ไว้ ตอนนี้เราไม่มเี วลาว่าง
ให้มาพักผ่อนสบายใจเฉิบแล้ว ชินซังยงจึงลุกขึ้น
นั่งขัดสมาธิ พร้อมกับมองไปที่ราชินีแห่งดาบ แม้จะเห็น
เพียงแค่แผ่นหลัง แต่เขาเห็นได้ว่าท่อนขาของหล่อนที่
อยู่บนผืนดินนัน้ กาลังสัน่ อยูน่ ้อยๆ
“อื้อ”
ในตอนนัน้ ชินซังยงได้ยนิ เสียงครวญครางเบาๆ ดังแว่ว
เข้ามาในหู เขาจึงหันหน้าไปมองทันที ด้วยความดีใจ
อย่างยิง่ แล้วจึงพบเข้ากับอันฮยอนที่กาลังขมวดคิว้ นิว่
หน้า แล้วจึงค่อยๆ ลืมตาขึน้ มาช้าๆ ส่วนอันซลนั้น
หล่อนได้ถอนหายใจโล่งอก แสดงหน้าท่าทางว่า ‘โชคดี
แล้ว’ ออกมาให้เห็น ดูท่าว่าการตื่นขึน้ มาอีกครั้งของเขา
จะราบรื่นดี ไม่มีอะไรขัดข้อง
อันฮยอนลืมตาขึ้นมาได้ในที่สุด แล้วจึงกวาดมองบริเวณ
โดยรอบอย่างช้าๆ และเปิดปากพูดออกมาทันทีว่า
“อะ อะไรเนี่ย ทาไมถึง...เอ๋? แล้วอุปกรณ์ฉนั ล่ะ”
“นี่ อุปกรณ์ของนายอยูต่ รงโน้น รู้แล้วก็ช่วยเขยิบตัว
ออกไปหน่อยแล้วกัน ตาฉันเข้าไปรักษาแล้ว”
“อุปกรณ์...อุปกรณ์ทพี่ ใี่ ห้...”
“ฮ่าๆ ดะ เดีย๋ วผมไปเอามาให้เองครับ”
อันฮยอนตืน่ ขึน้ มาก็ถามหาอุปกรณ์ตัวเองเลยทันที ชิน
ซังยงเห็นดังนั้นจึงหัวเราะร่วน แล้วค่อยลุกขึ้นยืน เขา
เดินไปข้างหน้า แล้วจึงได้เห็นหมวกเหล็ก หอก กับเสื้อ
เกราะ วางอยูข่ ้างศพไร้ศีรษะ
เขาคิดว่าก่อนอื่นควรจะเคลื่อนย้ายมันทีละชิ้นเสียก่อน
จึงได้ก้มตัว เตรียมจะไปหยิบหมวกเหล็ก ในตอนนัน้ เอง
เขาจึงได้เห็นมือเรียวบางที่กาลังหยิบเสื้อเกราะขึ้นมา
ด้วยมือทั้งสองข้างจากอีกฝั่งหนึ่ง ชินซังยงเงยหน้า
ขึ้นมามองอีกฝ่าย คนตรงหน้าคือ ราชินีแห่งดาบที่กาลัง
มองตัวเองกลับมาเหมือนกัน เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย
พลางหยิบหอกขึน้ มาด้วย ซึ่งในวินาทีที่เขากาลังจะลุก
ขึ้นมานั้น
ตึ่ก ตึก่
“หือ ทาไมตรงนี้เหมือนจะไม่มีคนอยูเ่ ลยสักคนล่ะเนี่ย
...”
ตอนที่ชนิ ซังยงกับราชินีแห่งดาบกาลังจะลุกขึน้ มา แต่
แล้วพวกเขาก็หยุดการเคลื่อนไหวไป
“นี่มัน...ศพของไอ้พวกเร่ร่อนเมื่อกี้นนี้ ี่ เหตุการณ์ไม่คิด
ไม่ฝันมาก่อนเลยนะเนีย่ ”
ชั่วขณะที่โล่งใจได้แค่แป๊บเดียว กลับมีเสียงดังไล่หลังมา
อย่างต่อเนื่อง
“ดูแล้ว...ไม่มีกองทัพของพวกเราเลยนะเนี่ย”
ฟิ้ว!
อะไรบางอย่างฝ่าทะลุสายลมเข้ามาฟาดอย่างแรง
พลั่ก!
“อั้ก!”
“แค่ก!”
ทั้งสองคนส่งเสียงร้องออกมาพร้อมกัน
ร่างกายของชินซังยงเริม่ สั่นสะท้านขึน้ มาทันทีอย่าง
ไม่ได้ตั้งใจ เขาค่อยๆ ก้มหัวลงอย่างช้าๆ พอเบนสายตา
ลงไปมองได้สาเร็จ เขาจึงเห็นแส้เส้นหนึง่ ที่ทั้งหนาและ
มีหนามกระแทกเข้าที่หน้าท้องตัวเอง ในตอนนัน้ เจ้าแส้
ดูเหมือนจะห่างไกลจากสายตาไปแล้ว ทว่ามันก็ได้กลับ
เข้ามาให้เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาเข้าอีกครั้งหนึง่
พลั่ก!
“อึ้ก!”
วินาทีทรี่ ่างกายสัมผัสเข้ากับผืนดินเบื้องล่างอีกครั้งนั้น
ลาคอของชินซังยงก็ได้ถูกบิดไปมาอย่างรุนแรง ซึ่งมัน
ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ครัง้ เดียวเท่านั้น
พลั่ก!
ครั้งที่สอง
พลั่ก! กร็อบ!
พอครั้งที่สามจบสิน้ ไป เขาพยายามบิดเอาแส้ที่ติดอยู่กบั
ร่างออกไปให้พน้ ทาง พอดึงออกมาได้สาเร็จ เขาจึงเขวี้
ยงมันออกไปข้างหน้าด้วยแรงที่มีอยู่น้อยนิด
“พ...พี?่ ”
“พี่คะ!”
ทั้งหายใจไม่ออก ทั้งปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าท้อง
จนลามไปถึงทั่วทั้งร่างกาย
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 19
_______________________________________
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงแค่เสีย้ ววินาทีเท่านัน้ เขารู้สึก
ว่าพวกเด็กๆ กาลังวิง่ เข้ามาหา แต่มนั สายไปเสียแล้ว
ทั้งร่างกายและสติของชินซังยงกาลังหมุนวนไปเวียนมา
ไม่รู้จกั จบจักสิ้น ความเจ็บปวดทรมานทีจ่ ู่โจมเข้ามา
กะทันหันนัน้ ทาให้เขาได้แต่ส่งเสียงลมหายใจฟึดฟัด
ออกมา แทบจะไม่สามารถผ่อนปรนลมหายใจออกมาได้
เลย
ในสถานการณ์เช่นนั้น ชินซังยงพยายามอดทนอดกลัน้
จนสามารถลืมตาขึน้ มาได้สาเร็จ พอเงยหน้าขึน้ มาได้
เขาจึงได้เห็นว่าพวกเด็กๆ กาลังวิ่งเข้ามาหาตัวเอง แต่
เขาก็รบี เงยหน้าไปมองอีกฝั่งหนึ่งอัตโนมัติ ทันใดนัน้ จึง
ได้พบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชี้มาทางเด็กๆ ในมือของ
หล่อนกาลังถือแส้เส้นหนึ่ง แส้เส้นนัน้ มีเลือดและเนื้อ
หนังติดอยูเ่ ป็นดวงๆ มันคือแส้ที่ใช้ฟาดเข้าที่หน้าท้อง
ของเขาอย่างแน่นอน
เฟี้ยว!
แส้เส้นนั้นกวัดแกว่งไปมา ไม่มเี วลาให้พูดสิ่งใดเลย
แม้แต่น้อย และวินาทีนนั้ ดวงตาของชินซังยงจึงได้เบิก
กว้างมากยิ่งขึน้ แม้เขาจะไม่มีแรงหลงเหลืออยูแ่ ล้ว แต่
เขาก็สามารถยันผืนดินด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วลุกขึ้นมา
ได้ในที่สุด
ชินซังยงกางแขนทัง้ สองข้างออก พลางใช้สายตาจับ
จ้องไปที่เบื้องหน้า
เขาเห็นอันฮยอน อันซล อียูจอง และ...
เพียะ!
“เอ๊ะ?”
แส้เส้นนั้นตวัดมาที่หลังอีกครั้งจนรู้สึกแสบๆ ร้อนๆ
พร้อมกันนัน้ เลือดสีแดงฉานก็กระฉูดขึน้ ไปแต่งแต้มบน
ท้องฟ้าสีคราม
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง เบื้องหน้าของชินซังยงจึงได้
แปรเปลี่ยนมาเป็นความมืดมิด
พวกเด็กๆ ต่างร้องเรียกเขา แต่เขากลับไม่ได้ยนิ อะไร
เลย เขาได้ยินแต่เสียงกร็อบแกร็บเบาๆ ดังแว่วเข้ามาใน
หูเท่านัน้
“...”
ในเวลาต่อมา ชินซังยงลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วจึงเห็น
ท้องฟ้าปรากฏอยู่ตรงเบื้องหน้า เขาเริ่มโลดแล่น ผจญ
ภัยไปในท้องฟ้าผืนนัน้ ระดับความเร็วในการเดินทาง
เรียกได้วา่ ช้ามากๆ ช้าจนสามารถนับก้อนเมฆที่อยู่บน
ท้องฟ้าแห่งนี้ได้เลย เวลาเดินผ่านไปอย่างเชื่องช้าราว
กับกาลังจะหยุดนิ่งลง
ท้องฟ้าที่เขากาลังโลดแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ นี้ ค่อยๆ
เริ่มปรากฏให้เห็นถึงแสงสว่างอยู่ราไร จนทาให้ทัศน
วิสัยของชินซังยงขาวโพลน
ก่อนที่สติของเขาจะหลุดลอยไป ชินซังยงคิดขึน้ มาว่า
บางทีสงิ่ เหล่านี้อาจจะเป็นภาพในอดีตที่ฉายให้มนุษย์
เห็น ก่อนที่มนุษย์คนนัน้ จะสิน้ ลมหายใจ โบกมือลาลับ
จากโลกนี้กเ็ ป็นได้
ความทรงจามากมายไหลเวียนมาปรากฏอยู่ตรงหน้า
ราวกับเป็นภาพพาโนรามา ชินซังยงค่อยๆ หลับตาลง
ช้าๆ

ฤดูหนาวเมื่อปีนั้นช่างหนาวจับใจ หนาวมากเป็นพิเศษ
จนผิดวิสัย
วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ วี้หว่อ
กองเพลิงร้อนแรงลุกโชนขึน้ มาอย่างต่อเนื่อง ณ ที่แห่ง
นั้น ที่ที่เต็มไปด้วยรอยเลือดกับเปลวไฟที่กาลังโหม
กระหน่า
ต้นตอของกองเพลิงในครั้งนีค้ ือ รถยนต์สภาพพังยับเยิน
ที่จอดแน่นิ่งอยูก่ ลางทาง รถคันดังกล่าวถูกโอบล้อมไป
ด้วยเปลวเพลิง เปลวไฟที่ว่าค่อยๆ สุมขึน้ มาเรื่อยๆ ไม่มี
ลดละ ลุกโชนอยู่ท่ามกลางยามราตรีนี้
ภายในรถยนต์คนั นั้นมีผู้ใหญ่สองคนกาลังคู้ตัว โอบกอด
ปกป้องเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ เด็กคนนัน้ มองดูผู้ใหญ่ที่
กาลังปกป้องตัวเองด้วยดวงตาอันสั่นไหว ทั้งสองคนจึง
ได้สบตากันในเวลาต่อมา ผู้ใหญ่คนหนึ่งค่อยๆ ยกมือที่
เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ลูบหัวของเด็กคนนัน้ อย่าง
อ่อนโยน หลังจากนัน้ จึงพูดออกมาว่า
‘ซังยง มีชีวติ อยู่ต่อไปให้ได้นะ ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่
ลูกต้องอยูต่ ่อไปให้ได้นะ’
เด็กชายตัวน้อยน้าตาคลอหน่วย พลางพยักหน้าตอบ
รับ
ในเวลาต่อมา รอบกายของเด็กชายคนนัน้ ก็ได้เปลี่ยนไป
“อินอังองไอ้อนอิดอ่าง ติดอ่าง! ไอ้คนติดอ่าง”
เด็กกลุ่มหนึง่ กาลังรุมล้อมแกล้งเด็กชายตัวน้อยคนนัน้
เด็กชายที่ยนื อยู่ตรงกลางทาหน้างงงวย ได้แต่มองสลับ
ไปสลับมา
คุณปู่ที่นั่งมองเด็กชายคนนัน้ มาสักพักหนึ่ง จึงได้พูด
ประโยคหนึง่ ออกมาว่า
“สงบปากสงบคาซะ”
เด็กชายจาประโยคของคุณปู่เรื่อยมา เขาคิดว่าคงไม่มวี ิธี
อื่นใด นอกจากวิธนี ี้แล้ว เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่
พยายามมากเพียงใด นิสัยของตัวเองก็ยงั แก้ไม่หายอยู่
ดี
เด็กชายคนนัน้ คือ ชินซังยง
ความทรงจาที่อยูใ่ นหัวสมองของชินซังยง ค่อยๆ เริม่
ผ่านไปทีละเหตุการณ์ ทีละเหตุการณ์ เริ่มตัง้ แต่ตอนที่
เขาจาความได้
เวลาผ่านไปอีกครัง้
ชินซังยงสงบปากสงบคามาโดยตลอด ทว่าด้วยนิสัยทีข่ ี้
กลัวมาแต่ไหนแต่ไรของเขากับความเงียบขรึมเช่นนี้ จึง
ทาให้เขาว้าเหว่ เขาดาเนินชีวิตเช่นนี้มาตลอด เหมือนมี
ตัวตนบ้าง เหมือนไม่มตี ัวตนบ้าง ด้วยสาเหตุนี้จงึ ทาให้
ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคนเดียว อย่างร้ายแรงมากที่สดุ
ก็คือ เคยโดนแกล้งให้อยู่ตัวคนเดียว ไม่มคี นยอมรับเข้า
กลุ่มด้วย
แต่ก็ไม่เป็นไร เขาชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้เสียแล้ว เขา
ไม่ได้ใช้ชีวติ แบบนี้อยู่คนเดียวเสียเมื่อไหร่
จนในสุดท้าย เขาคิดว่าตัวเอง...จะเป็นแบบนี้ตอ่ ไปไม่ได้
แล้ว
แต่ชินซังยงก็มีสิ่งหนึ่ง เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทาใจอดทน
ต่อมันได้ นัน่ ก็คือ ความว้าเหว่และเดียวดายทีก่ ่อตัว
ขึ้นมา หลังจากที่คณ ุ ปูเ่ สียชีวติ จากโลกใบนี้ไป เขาไม่มีที่
พึ่งเลยแม้แต่ที่เดียว ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้รอบกายเขาทั้ง
มืดหม่นและเยือกเย็นเสมอมา เหมือนกับฤดูหนาว
ฤดูที่เกิดขึน้ บนโลกนี้ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่
ทว่าฤดูของชินซังยงกลับหยุดสนิทอยู่ที่ปนี นั้ ไม่ว่า
เมื่อไหร่กย็ ังคงเป็นเหมือนฤดูหนาวเสมอมา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดิ้นรน ต่อสู้กับมัน
อายุเพิ่มขึน้ เรียนจบมหาวิทยาลัย ออกไปใช้ชวี ิตใน
สังคมใหม่ จึงทาให้อะไรหลายๆ อย่างดีขนึ้ ทั้งประสบ
ความสาเร็จตามที่ตวั เองหวังไว้ แต่นสิ ัยเดิมๆ ก็ไม่ยอม
เปลี่ยนแปลงไปเสียที เขายังคงเป็นชินซังยงทีพ่ ูด
ตะกุกตะกักเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้เป็นหนักเท่าตอนเด็ก
แต่เพราะสาเหตุนจี้ ึงทาให้เขาโดนดูถูกดูแคลนบ้าง
เช่นกัน และด้วยนิสยั ขีก้ ลัวของเขา ก็มีหลายต่อหลาย
ครั้งที่ต้องมาเผชิญหน้าต่อหายนะต่างๆ
แต่เขาก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะตัวเองก็อยู่แบบนัน้ คน
เดียวมาตลอดแต่ไหนแต่ไรแล้ว
และหลังจากที่ได้เข้ามายังฮอลล์เพลน
พอชินซังยงผ่านพิธกี ารเปลี่ยนสภาวะมาได้สาเร็จ เขาก็
ไม่สบายไปเกือบอาทิตย์หนึ่ง ในช่วงแรกๆ เขาแค้นใจ
กับโลกใบใหม่นี้มาก ไม่เข้าใจว่าทาไมถึงถูกพาตัวมาที่
แห่งนี้
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากลุกขึน้ มาได้อกี ครั้ง คือ
ฮอลล์เพลนไม่ใช่โลกที่เขาจะสามารถใช้ชวี ิตอยู่ตัวคน
เดียวได้แน่ๆ ชินซังยง ผู้ซึ่งเคยยึดติดกับการใช้ชวี ิตอัน
แสนพิสดารเช่นนั้นมาตลอด คิดได้ว่าวิธีที่จะอยูร่ อด ณ
ที่แห่งนี้คือ การปรับตัวเข้าหา เพราะฉะนัน้ หากต้องการ
ที่จะปรับตัวให้กบั โลกใบนี้แล้วล่ะก็ ประเด็นแรกที่
จะต้องลงมือทาก่อนใครเพื่อน คือ เปลีย่ นแปลงทุกสิ่ง
ทุกอย่างของตัวเองเสียก่อน
แต่ถึงอย่างนัน้ ชีวิตความเป็นอยูข่ องชินซังยงก็ยังคง
เหมือนเดิม แม้จะเข้ามาอยู่ในฮอลล์เพลนแล้วก็ตาม
เขาลองมาหมดแล้ว ทั้งตั้งใจทางานราษฎร์ งานหลวง
อย่างเต็มที่ ทั้งยังยอมขจัดความหวาดกลัว จนได้ออกไป
สารวจสถานที่ต่างๆ
แต่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มอี ะไรเปลีย่ นแปลง
‘หมอนั่นไม่ทาเกินไปหรอกเหรอ ถึงจะเป็นนักเวทก็เถอะ
แต่มันมากเกินไปแล้วนะ ไม่สิ เขาจะเข้าร่วมคาราวาน
ทาไม ถ้าจะยังทาตัวแบบนัน้ อยู่’
‘ถึงจะพูดอึกอักยังไง ก็ต้องร่ายเวทให้ได้ด้วยสิ เกือบ
ตายแล้วไหมล่ะ’
‘พวกเราไม่รบั นักเวทเล่นแร่แปรธาตุครับ’
‘วิเคราะห์ภาษาโบราณงั้นเหรอ พอดีฉนั ไม่ค่อยสนใจ
เรื่องนี้เท่าไหร่นกั ยังไงก็...ถ้าขุดเจอโบราณวัตถุอะไร จะ
ลองติดต่อไปอีกทีแล้วกัน’

หนึ่งปีผ่านไป
เมื่อถึงคราวเขาควบคุมจิตใจได้แล้ว รอบกายชินซังยงก็
ไม่มีผู้ใดยืนเคียงข้างเลยแม้แต่คนเดียว เขาคิดว่าจะ
พยายามต่อไปเรื่อยๆ ในแบบของตัวเอง และยังคิดอีก
ว่าหากอดทนและเฝ้ารอต่อไป บางทีฤดูใบไม้ผลิอาจจะ
มาหาในเร็ววันก็ได้ ทว่าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
ผลลัพธ์ที่ได้แทบไม่ต่างอะไรกับในโลกปัจจุบันเลย
จนในที่สุด ชินซังยงก็ยงั อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม ไม่วา่
จะในโลกปัจจุบันหรือในฮอลล์เพลน ฤดูของชินซังยงก็
ยังเป็นฤดูหนาวอยูว่ นั ยังค่า
จึงทาให้เขาเกิดความคิดขึ้นมาว่า
ถ้าเป็นแบบนี้ หมายความว่าเขาเอาแต่เฝ้ารอการมา
เยือนของฤดูใบไม้ผลิอยู่เฉยๆ เช่นนี้อย่างเดียวเหรอ
สิ่งที่เขาเคยคิด เคยคุน้ เคยมาตั้งแต่เด็ก มันกลายเป็นตัว
ขัดขวางไม่ให้ฤดูหนาวนั่นเลือนหายไปจากใจหรือเปล่า
...เขาคิดเช่นนัน้
แต่เมื่อครั้งที่เขาเข้าใจถึงสิ่งเหล่านัน้ ได้สาเร็จ ทุกอย่าง
มันกลับสายไปหมดเสียแล้ว ณ ฮอลล์เพลนแห่งนี้ เขาได้
กลายมาเป็นกลุ่มผูค้ ัดค้านกระแสหลักและอยูต่ วั คน
เดียวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นสิ่งมีชวี ิตที่ไม่ได้รบั
การต้อนรับจากโลกที่คานึงถึง ‘ข้อมูลผู้เล่น’ เป็นอันดับ
แรก
เขากังวลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จนในที่สุดก็ตดั สินใจครั้ง
ยิ่งใหญ่ ครัง้ นีจ้ ะเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายที่เขาจะ
ลองก้าวออกไปเผชิญโลกภายนอก
ในการออกสารวจที่เกือบจะเอาชีวิตรอดกลับมาไม่ได้นั้น
เขาได้เจอผู้เล่นคนหนึ่ง
ผู้เล่นคนนั้น เป็นมนุษย์ที่ต่างกับเขาราวฟ้ากับเหว ไม่วา่
เขาจะลงมือทาอะไรก็จะมีความเป็นผูน้ าติดตัวไปด้วย
เสมอ อีกทัง้ ยังได้รบั ความเชื่อถือ ศรัทธาจากคนรอบ
ข้างอีกด้วย
นั่นสินะ ผู้เล่นคนนั้นเหมือนดวงอาทิตย์ไม่มีผิดเลยล่ะ
ชินซังยงคิดว่า หากเขาอยู่เคียงข้างดวงอาทิตย์ดวงนี้
ต่อไปเรื่อยๆ ฤดูหนาวของตัวเองจะละลายไปได้หรือไม่
นะ
ชินซังยงเสี่ยงทุกสิ่งอย่าง และยอมติดสอยห้อยตามไป
ด้วยเป็นครั้งแรก ชินซังยง ผู้เคยพยายามปรับตัวครั้ง
แล้ว ครั้งเล่า เคยแต่ถอยหลังไม่ยอมเสี่ยง บัดนีเ้ ขาได้
ลองเสี่ยงกับตัวเองเป็นครั้งแรกแล้ว
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้น
‘ดีครับ’
‘ค...ครับ?’
‘ยินดีต้อนรับครับ คุณผูเ้ ล่นชินซังยง’
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 20
_______________________________________
สภาพในปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง
น้้าแข็งแห่งฤดูหนาวที่เฝ้ารอว่าจะเลือนหายไปเมื่อใดนั้น
ค่อยๆ เริ่มละลายลงอย่างช้าๆ
การใช้ชีวิตของชินซังยงที่ไร้ซึ่งชีวิตชีวาเช่นนัน้ ในที่สุด
ก็ได้พบเข้ากับจุดเปลีย่ นแปลงครั้งใหม่
การเปลี่ยนแปลงทีว่ ่านัน่ เริ่มตั้งแต่รอบกายของเขาเลย
ทีเดียว
‘ผู้เล่นชินซังยง หากคุณหักโหมมากไปจะไม่ดนี ะครับ’
‘ฮ่าๆ ดูไม่เหมือนค้าทีน่ า่ จะหลุดออกมาจากปากหัวหน้า
เลยนะครับ’
‘ฮ่าๆ! อย่างนัน้ หรือครับ’
รอบกายของตัวเองที่ไม่เคยมีใครเข้าหาเลยจนกระทั่ง
เดี๋ยวนี้
‘โหๆ ดูสิ ดูสิ! ชินซังยง! ท่านอาจารย์คนนีบ้ อกแล้วไง
ในที่สุดก็จะได้ทา้ หน้าทีส่ ้าคัญแล้วนะ’
‘ค...ครับ? หน้าที่ส้าคัญหรือครับ’
‘ใช่ หน้าที่ส้าคัญไงล่ะ คิมซูฮยอนขอร้องมา เจ้าตัว
ขอร้องเองเลยด้วย! จะช่วยใช่ไหมล่ะ’
ทีละคน
‘พี่ครับ! ขอบคุณที่ช่วยเมื่อคราวก่อนนะครับ! พี่เข้ากับ
พวกเราได้ดีมากเลยเนอะ’
‘เฮ้อ พี่ก็ท้าให้หมดเลย พวกเราเคยตัวแล้วเนี่ย’
‘เห็นด้วยค่า’
ค่อย ๆ เพิ่มทีละคน
ชินซังยงคิดว่า ในที่สุดตัวเองก็คน้ พบที่ที่ใช่แล้ว ไม่สิ
เป็นที่ที่อยู่ในตอนนี้ อยูไ่ ปก็มคี วามสุขได้ เขาดีใจมาก
แต่ก็ไม่รวู้ ่าจะมีเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจขึน้ มาอีก
เมื่อไหร่
‘ในการคัดเลือกคราวนี้ เราขอยกเว้นคุณผู้เล่นชินซังยง
นะครับ’
‘การทีค่ ุณเป็นผู้เล่นฝ่ายบุน๊ ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไรหรอก
ครับ’
มีสมาชิกเผ่าคนหนึ่งที่โดดเด่นเรื่องเวทมากกว่าตัวเขา
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเล่นแร่แปรธาตุ เขาคนนัน้ ดีกว่าเห็นๆ
หรือว่าเราจะต้องอยู่อย่างไร้ประโยชน์เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เขาคิดว่าบางทีตวั เองอาจจะกลับไปเป็นแบบเดิมอีกครั้ง
หนึ่งก็ได้ใครจะรู้ ดังนัน้ ชินซังยงจึงตัดสินใจเข้าร่วมใน
ศึกสงครามด้วย โดยมีความคิดที่ว่า จะพิสจู น์ในทุกคน
ได้เห็นถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา
และผลลัพธ์ที่ได้...
เอ๊ะ?
เสียงอะไรบางอย่างดังขึน้ มากะทันหัน ชินซังยงจึงผงก
หัวขึ้นมา พลางขยี้ตาไปด้วย ที่แห่งนีเ้ ป็นพื้นที่ขาวโล่ง
ไม่มีอะไรเลย แต่แล้วก็ได้เห็นสมาชิกเผ่าเมอร์เซนต์นารี่
ยืนอยู่ตงั้ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ชินซังยงเห็นดังนัน้ จึงจะเดินไปหาโดยอัตโนมัติ แต่แล้ว
เขากลับหยุดการเคลื่อนไหวไปเสียดื้อๆ
ยังพอมีที่ที่จะให้ฉนั กลับไปอยู่ใช่ไหม
วินาทีนนั้ ความทรงจ้าต่างๆ จึงได้โลดแล่นเข้ามาดัง่
ภาพพาโนรามาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อครั้งกินข้าวด้วยกัน
เมื่อครั้งยืนเฝ้าเวรยามด้วยกัน
เมื่อคราวที่ได้ไปส้ารวจโบราณสถาน
เมื่อคราวที่ได้เสี่ยงชีวติ ต่อสู้กบั ศัตรู
เมื่อครั้นที่ตวั เองได้เข้าไปยังแคลนเฮาส์
เมื่อคราที่ได้เพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงทีจ่ ัดขึ้นในสวน
ชินซังยงเหม่อลอย ได้แต่จ้องความทรงจ้าต่างๆ ตรง
เบื้องหน้า และตอนนั้นก็มีบคุ คลคนหนึง่ ก้าลังค่อยๆ ยืน
หันหลังอย่างช้าๆ ชายผู้นั้นหัวเราะน้อยๆ พลางเขยิบ
ตัวสละต้าแหน่งให้ ซึง่ ในเวลาเดียวกันนั้นนัน่ เอง
สมาชิกเผ่าทุกคนจึงได้หันหน้าไปมองชายผู้นนั้
ท่าทางของเขาราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามา ชินซังยงจึงเดิน
ไปทางทีว่ ่าทันที
และ ณ วินาทีที่เข้าไปด้านในได้สา้ เร็จ
“ยินดีต้อนรับครับ คุณผู้เล่นชินซังยง”
ทัศนวิสัยของเขาเริ่มแปรเปลีย่ นเป็นสีขาวโพลนอีกครัง้
“...”
ร่างกายในขณะนี้ ไม่มปี ระสาทสัมผัสหลงเหลืออยู่เลย
สิ่งที่เห็นอยูต่ อนนี้คือความจริง หรือความฝัน เขาแยกไม่
ออกเลย
หลังจากนั้นทัศนวิสัยเขาจึงเริ่มสั่นไหวอย่างช้าๆ ซึ่งใน
การสั่นไหวครั้งนี้ท้าให้เขาได้เห็นใบหน้าของคนสามคน
ที่แสนจะคุน้ เคย
“พะ พี่! พี่ครับ!
“พี่คะ! พี่! ตอบหน่อย! ตอบหน่อยซี่!”
“รักษาเร็ว!”
อันฮยอนตะโกนเสียงดัง
อียูจองเขย่าตัวเขาไปมาอย่างบ้าคลัง่
อันซลที่กา้ ลังร่ายเวทอย่างลนลาน
“พี่ต้องอยู่ต่อนะครับ ต้องอยู่ต่อนะ!”
“อดทนหน่อยนะ! ตอนนี้กา้ ลังรักษาให้อยู่! เอ๋?”
อยู่ต่อหรือ
ประโยคหนึง่ ดังแว่วเข้ามาในหู ชินซังยงจึงค่อยๆ เปิด
ปากพูดออกมาช้าๆ ว่า
“โชคดี...”
“อะ เอ๊ะ? โชคดี! ใช่สิ! โชคดีใช่ไหมล่ะ! หืม?”
ชินซังยงหัวเราะเจื่อนๆ ให้กบั เสียงตะโกนนัน่
ยังมีอะไรทีจ่ ะต้องท้าต่ออยู่อีกมาก เขายังอยากท้าอะไร
อีกเยอะแยะเลย
อยากขอโทษเด็กๆ พวกนี้ดว้ ย
อยากอวดท่านอาจารย์ว่า เขาสามารถอัญเชิญกลลวงได้
แล้วนะ
เขาคิดว่าหากเขาสามารถช่วยอะไรในตอนนี้ได้ เขาก็
อยากท้า
ทว่ามันกลับตรงกันข้ามกับหัวใจ เขารูส้ ึกว่าร่างกาย
ตัวเองก้าลังเย็นขึน้ เรื่อยๆ
ในอารมณ์และความรูส้ กึ ที่ตีกนั อยู่เช่นนัน้ เขาควร
จะต้องพูดอะไรออกไปดี
ชินซังยงมองทั้งสามคนที่ก้าลังก้มมองตัวเอง
“ขอโทษ...”
ขอโทษนะ
“ขอ...บ...คุ...มาก...”
ขอบคุณมากนะ
ชินซังยงหัวเราะ แล้วร้องไห้ออกมา ร้องไห้ทั้งๆ ที่
หัวเราะอยูเ่ ช่นนั้น
จู่ๆ ในหัวสมองได้บังเกิดความมืดหม่นขึ้นมากะทันหัน
ความจริงแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองสติเลื่อนลอยมาตั้งแต่
เมื่อครู่นี้แล้ว
ดังนัน้ ชินซังยงจึงคิดว่า เห็นทีตัวเองคงจะต้องหลับตาลง
ครู่หนึ่ง
“แป๊บหนึง่ ...”
“พี่ ท้าไมเป็นแบบนี้ไปล่ะ ท้าไมจู่ๆ ถึงหลับตาไปล่ะ
หืม?”
ชินซังยงรู้สึกเบาใจอย่างบอกไม่ถกู เขาจึงเอื้อนเอ่ยบท
กลอนออกมาอย่างแผ่วเบา
“หากพ้นหน้าหนาวนี้ไป...ความอบอุน่ แห่งฤดูใบไม้ผลิ
จะผ่านมา...”
วินาทีนนั้ เขารู้สึกได้ว่าเหมือนอะไรบางอย่างถูกตัดจน
ขาดสะบั้นลง
“พี่....พีค่ รับ? พี่!”
ก่อนทีจ่ ะหลับตาลง ชินซังยงได้คิดขึน้ มาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม หากเราสามารถลืมตาขึ้นมาได้อกี ครั้งล่ะก็
...
“พี่คะ...?”
ตอนนีค้ งจะต้องเตรียมต้อนรับฤดูใบไม้ผลิอนั แสนอบอุ่น
ได้แล้วนะ
ดวงตาของชินซังยงปิดสนิท พร้อมกับน้า้ ตาที่เอ่อล้นอยู่
บริเวณขอบตา ไหลรินลงมาอาบข้างพวงแก้ม
อันฮยอนกับอียจู องร้องไห้คร่้าครวญจนแทบเจียนตาย
ในขณะที่อันซลก้าลังร่ายเวทเพื่อช่วยรักษาอยู่เช่นเดิม
แล้วหล่อนก็ได้วางมือทีก่ ้าลังสั่นน้อยๆ ทาบลงบริเวณ
อกข้างซ้าย หัวใจหยุดเต้นไปแล้วเรียบร้อย ไร้ซึ่งการ
ตอบสนองต่อสิง่ ใด หล่อนรู้สกึ ได้แค่เพียงอุณหภูมิของ
ร่างกายทีเ่ ย็นลงไปแล้วเท่านัน้
อันซลค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองช้าๆ เสื้อคลุมของ
หล่อนเปียกชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงฉานที่ไหลซึมออกมา
จากหน้าท้องของเขา แต่กระนั้นสีหน้าของชินซังยงก็ยัง
ดูผ่อนคลายเหมือนอย่างเคย แม้เลือดจะไหลรินออกมา
มากเท่าใด ริมฝีปากเขาก็ยงั คงยกยิม้ น้อยๆ ให้เห็นอยู่
เสมอ
อันซลจึงค่อยๆ ปริปากพูดออกมาว่า
“พี่คะ...?”
ไร้ซึ่งการตอบกลับใดๆ
และในช่วงที่อนั ซลก้าลังจะเปิดปากพูดอีกครั้งนั่นเอง
“พ...”
ตุบ้
ก่อนที่อนั ซลจะพูดค้านัน้ จบ ศีรษะของชินซังยงกลับตก
ลงอย่างไร้เรี่ยวแรง
ตึกตัก!
ในตอนนัน้
ตึกตัก ตึกตัก!
หัวใจของอันซลก็เริ่มเต้นแรงมากขึน้
ฟิ้ว! เพียะ!
“ฮึก!”
แส้ตวัดเข้ามาพลางกลับเข้าไปอยู่ในมือเจ้าของอีกครั้ง
พร้อมกับราชินีแห่งดาบที่ส่งเสียงครวญครางออกมา
อย่างแผ่วเบา และหล่อนจึงคิดได้ว่าบัดนี้ถงึ คราวสิน้ สุด
กันเสียทีแล้ว
“ว้าว สุดยอดเลยนะเนีย่ มีแผลใหญ่ขนาดนัน้ ใช่คลา
สลับหรือเปล่าเนี่ย”
แม้หญิงสาวผูถ้ ือแส้อยู่ในมือจะเรียกร้องความสนใจมาก
ขนาดไหน แต่ตอนนีร้ าชินีแห่งดาบก็ไม่มีแรงมาก
พอที่จะไปโต้แย้งกับหล่อนด้วยแล้ว เรี่ยวแรงของหล่อน
ลดฮวบฮาบลง หลังจากผ่านการต่อสูก้ ับพวกเร่ร่อนมา
ก่อนหน้านี้ และเพราะไร้พลังขนาดนี้ ซ้้าร้ายยังโดน
โจมตีเข้าที่ท้องโดยไม่ทนั ตั้งตัวอีกด้วย จึงท้าให้หล่อน
ล้มเกลือกกลิง้ อยู่กบั พื้น แม้จะปลุกกระตุน้ พลังอย่างไร
ทว่าความทนทานนัน้ กลับถดถอยไปอย่างน่าใจหายเลย
ทีเดียว
สภาพการณ์ของราชินแี ห่งดาบในขณะนี้ ถือว่าเข้าขัน้
วิกฤติหนัก
หากหล่อนสามารถสู้กบั อีกฝ่ายได้อย่างตัวคนเดียว ก็
เรียกได้วา่ แทบจะเป็นอภินิหารเลยก็ว่าได้
ราชินีแห่งดาบค่อย ๆ ควบคุมสติของตัวเองทีก่ ้าลังจะ
เลื่อนลอยไปไกล แล้วจึงมองอีกฝ่ายด้วยหางตา จากนัน้
จึงคิดต่อมาว่า หากหล่อนได้รบั ความช่วยเหลือเหมือน
ครูก่ ่อนหน้านี้ บางทีอาจจะมองเห็นหนทางที่อยู่เบื้อง
หน้าก็ได้ ทว่าสิ่งทีป่ รากฏอยู่ตรงหน้าของหล่อน ณ
ขณะนี้ กลับมีเพียงแค่คนสามคนที่ก้าลังร้องไห้คร่้า
ครวญอยูข่ ้างกายชายทีน่ อนราบไปกับพื้นคนนัน้
เมื่อแน่ใจว่าความหวังสุดท้ายจางหายไปเสียแล้ว ความ
มืดมน สิ้นหวัง ไร้หนทางฉายผ่านอยู่ในแววตาของ
ราชินีแห่งดาบ และในตอนนัน้ เอง
“ถ้าเหม่อระหว่างที่ต่อสู้กันอยู่ จะท้ายังไงล่ะ”
พลั่ก!
“อึ้ก!”
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในชั่วพริบตา หญิงสาวผูน้ นั้ ที่ก้าลัง
จดจ้องราชินีแห่งดาบผูซ้ ึ่งก้าลังท้อแท้ใจ จึงวางท่าจะ
ฟาดแส้ใส่อีกฝ่าย ราชินีแห่งดาบเห็นดังนั้นจึงเอี้ยวตัว
กะจะหลบ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจเบีย่ งไหล่หลบพ้นเจ้าแส้
เส้นนั้นไปได้ ดาบซอลอาหลุดมือไป พลางส่งเสียงกรีด
ร้องสัน้ ๆ หลังจากนัน้ จึงล้มกายลงไป
ฟิ้ว! พลั่ก!
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 21
_______________________________________
หญิงสาวผูน้ ั้นเก็บแส้กลับคืนไปอีกครัง้ หญิงผูน้ ี้ไม่ใช่ใคร
อื่น หล่อนคือยูรนิ ะนี่เอง ยูรนิ ะสะบัดมือเล็กน้อย พลาง
ใช้สายตากวาดมองบริเวณโดยรอบ หล่อนเห็นร่างอันไร้
วิญญาณอยู่ทั้งหมดห้าร่าง แต่เจ้าพวกเร่ร่อนที่วิ่งหนี
ออกไปก่อนนัน้ คงมีกาลังพลมากถึงสีเ่ ท่าเห็นจะได้ จะ
ให้มองว่าหนีเหล่าผู้เล่นที่อยู่ตรงหน้าก็คงจะไม่ใช่ ดู
ท่าทางแล้วเหมือนกับว่าวิ่งไล่ตามใครสักคนออกไป
อย่างรวดเร็วเท่านัน้ เอง
“ไซม่อนสั่งให้มาดูลาดเลาละแวกนี้สนิ ะ”
อย่างไรก็ตาม หล่อนคิดว่าจะต้องทาเช่นนัน้ ให้ได้ ยูรนิ ะ
จึงเคลื่อนตัวไปหาอีกสามคนที่เหลืออยู่ พวกเขาทั้งสาม
คนกาลังสะอึกสะอืน้ สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
พลางโอบกอดร่างของชายคนหนึ่งเอาไว้ หล่อนเห็น
ดังนัน้ จึงเอียงคอสงสัยเล็กน้อย แล้วจึงหยุดการ
เคลื่อนไหว เว้นระยะห่างพวกเขาไว้พอประมาณ
หลังจากนั้นจึงก้มตัว ใช้มือซ้ายค้าเข่าไว้ พลางพูด
ออกไปว่า
“ขอรบกวนหน่อย มีอะไรอยากจะถามสักหน่อยน่ะ ไม่
ทราบว่ามีผู้ชายอวบๆ อ้วนๆ มาแถวนีบ้ ้างหรือเปล่า”
ชายอวบๆ อ้วนๆ ที่ยรู นิ ะพูดถึงนั้น คืออีคังซานนัน่ เอง
และแน่นอนว่าหล่อนไม่ได้รบั คาตอบใดๆ กลับมา จะ
บอกว่าพวกเขาฟังไม่เข้าใจก็คงจะไม่ได้ เพราะอันฮยอน
ที่พอควบคุมสติได้ประมาณหนึ่ง ได้หนั กลับมามองข้าง
หลังด้วยใบหน้าที่แสนโกรธเกรี้ยว
ยูรินะถอนหายใจ ในขณะที่อันฮยอนกาลังจะหยิบหอก
ขึ้นมานั่นเอง หล่อนจึงได้ฟาดแส้เข้าไปหาอีกฝ่ายอย่าง
ไม่รีรอ
เพียะ
อันฮยอนอยูใ่ นสภาพที่ไม่ได้ป้องกันตัวเอง จึงทาให้แส้
เส้นนั้นตวัดเข้ามาอยูบ่ ริเวณหน้าอก เลือดไหลทะลัก
พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังลั่น หล่อนเก็บแส้กลับเข้าที่
ด้วยสีหน้าอันแสนเย็นชา บริเวณแส้นั้นมีหนามอยู่ ซึ่ง
แน่นอนว่าหนามพวกนัน้ มีเลือดและหนังกาพร้าติดเข้า
มาด้วย อันฮยอนผู้ถือหอกอยู่นนั้ จึงล้มลงไป
“อะ อันฮยอน? ยัยXX…!”
ในตอนนัน้ ยูรนิ ะจึงตวัดแส้ในมืออีกครั้งหนึ่ง
เพียะ
อียูจองตัง้ ใจจะลุกขึน้ มา แต่แล้วหล่อนกลับจาต้องหยุด
การเคลื่อนไหวไป ปรากฏลาแสงหนึ่งสว่างวาบเข้าที่
ใบหน้าอยูช่ ั่วครู่หนึ่ง หลังจากนั้นหล่อนจึงค่อยๆ ก้ม
หน้ามองสีขา้ งตัว บาดแผลตอนนัน้ ปริขาดออกจากกัน
เสียแล้ว มิหนาซ้ายังมีอะไรบางอย่างทิ่มแทงอยู่ระหว่าง
บาดแผลนั่นด้วย
อียูจองปริปากพูดด้วยสีหน้าตืน่ กลัว
“อันซล...หนีไป...”
ตึง!
อียูจองล้มลงไปนอนกับพื้น อันซลเห็นดังนัน้ จึงหยุด
หายใจไปชั่วขณะ ในหัวของหล่อนเกิดเลอะเลือน ว่าง
เปล่าเหมือนคนสติหลุดลอยไปชั่วขณะ ในเวลาต่อมาก็
รู้สึกได้ว่าจู่ๆ ร่างกายก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ขาอ่อนยวบยาบ
จนแทบก้าวไม่ไหว นัยน์ตาที่เคยเปล่งประกายสดใส
ตลอดเวลา บัดนี้กลับค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
ราวกับไร้ชีวิต
ตึกตัก ตึกตัก! ตึกตัก ตึกตัก!
ภายในอันแสนว่างเปล่าของอันซล กลับมีเพียงแค่หัวใจ
เท่านัน้ ที่ยังคงเต้นรัวมาตั้งแต่เมื่อครูน่ ี้
แต่กระนัน้ ยูรนิ ะก็หาได้สนใจไม่ หล่อนเดินปราดเข้ามา
พลางถามอันซลด้วยความอ่อนโยนอีกครั้งหนึ่ง
“ไม่เห็นผู้ชายคนนัน้ เหรอ เขามาที่นี่ใช่ไหม”
“มะ...”
“ศพของพวกเร่ร่อนนี่ พวกเธอจัดการกันเองหมดเลย
หรือ พอจะจาได้ไหมว่าพวกเขาไปทางไหน”
“ไม่...”
ยูรินะได้รบั คาตอบที่ไร้ซึ่งความหมายกลับมา จึงทาให้ได้
แต่ถอนหายใจเบาๆ หล่อนคิดว่าเห็นทีคงจะต้องกลับไป
เสียแล้ว จึงยกมือขวา แล้วส่ายไปมาครั้งสองครั้ง แส้
เส้นนั้นตวัดเป็นรูปตัวเอส แล้วจึงกระทบเข้ากับผืนดิน
จนได้ยินเสียงเพียะดังออกมา ปลายแส้กระเด้งกลับคืน
มาเหมือนงูไม่มีผิด
ในตอนนัน้ ลูกแก้วที่เกิดรอยร้าวปรากฏตัวแทรกขึ้นมา
ระหว่างเส้นทางของแส้เส้นนั้นอย่างกะทันหัน
ฟิ้ว! เปรี๊ยะ!
“เอ๊ะ?”
ยูรินะขมวดคิว้ ให้กบั ภาพตรงหน้า หล่อนเล็งแส้ไปที่
ลาคอของอีกฝ่ายแล้วแท้ๆ แต่ทว่าเจ้าแส้นั่นกลับไม่
เฉียดโดนตัวอันซลเลยแม้แต่น้อย
ตัวตนที่แท้จริงของลูกแก้วนั่น คือ โล่กาบังรุน่ ปรับปรุง
ใหม่นนั่ เอง แม้ม่านกาบังจะถูกพวกเร่ร่อนโจมตีจนแตก
ไปแล้วก็จริง แต่ทว่าธาตุแท้ของลูกแก้วก็ไม่ได้ถูกทาลาย
ไปอย่างใด วินาทีที่รบั รูว้ ่าอันซล เจ้าของของตัวเองตก
อยู่ในอันตราย มันจึงได้โผล่ออกมาทั้งที่อยูใ่ นสภาพไม่
สมบูรณ์
ม่านกาบังเมื่อครู่ก่อนหน้า อาจยังมีพลังเฮือกสุดท้ายอยู่
จึงทาให้ลูกแก้วที่เหลือเพียงเสี้ยวพลังบางส่วนได้กลิ้งตก
กับผืนดิน เศษเล็กเศษน้อยที่แตกกระจายลงไปนัน้ ได้
อันตรธานโผขึ้นฟ้าเบื้องบนอย่างน่าใจหาย
“ไม่มี...”
อันซล ผู้ซึ่งอยูใ่ นเศษเสีย้ วของชิน้ ส่วนที่กาลังโต้ลมอยู่
นั้น จึงได้เริ่มร่ายเวทออกมา
“อะไรเนี่ย”
ยูรินะเอียงคอสงสัย แต่แล้วพอหล่อนได้เห็นลูกแก้วที่
แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เช่นนัน้ จึงได้รบี จับแส้ไว้ในมือ
ทันที ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้หางของแส้ลตู่ กเป็นทางยาว
สัมผัสเข้ากับผืนดินเบื้องล่าง หลังจากนัน้ หล่อนจึงส่ง
พลังบางอย่างเข้าไปที่มอื ที่กาลังถือแส้อยู่
อันซลพูดขึน้ มาอีกครั้งว่า
“ไม่มีทาง…!”
ตอนนัน้ เอง
ในช่วงทีช่ ีพจรของอันซลกาลังพุง่ ทะยานมากขึน้ มาก
ขึ้น และกาลังจะทวีคูณขึ้นไปสูข่ ั้นสูงสุด
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนหยุดนิ่ง ชะงักงันเหมือนโกหก
หัวใจที่เต้นตึกตักมาตลอดก็หยุดแน่นิ่ง ความ
สั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็จางหายไปเช่นกัน
หล่อนเหมือนตุ๊กตาที่ขา้ งในแสนว่างเปล่า ไม่สามารถ
ควบคุมร่างกายของตัวเองได้ มิหนาซ้ายังไม่รู้สกึ ถึงอะไร
อีกต่างหาก
“ลาก่อน”
ฟิ้ว!
ศีรษะของอันซลร่วงหล่นลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อม
กันนั้น เจ้าแส้ที่อยู่ในมือยูรินะก็เลื้อยเข้ามาปะทะเป็น
เส้นตรง เจ้าแส้เส้นนัน้ แล่นทะลุผ่านหน้าท้องของอีก
ฝ่ายไปอย่างนุ่มนวล ไร้ซึ่งอุปสรรคขวางกัน้
ความรู้สกึ ที่ได้จากการที่หน้าท้องถูกทาร้ายนัน้ ผันแปร
มาเป็นความเจ็บปวด หล่อนกาลังจะส่งเสียงกรีดร้อง
เพราะพิษความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทัว่ ทั้งร่างกาย ใน
ตอนนัน้ เอง เวลาจึงได้เริ่มเดินผ่านเลยไปอย่างเชื่องช้า
อันซลเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึน้ โดยรอบ
เห็นราชินีแห่งดาบกาลังนอนแน่นิ่ง เหมือนกับสิ้นใจไป
แล้วอยู่ไกลๆ
เห็นอันฮยอนกับอียจู องที่กาลังนอนจมกองเลือด
และเห็นชินซังยงที่กาลังเผยรอยยิ้มจางๆ ทั้งๆ ที่
ร่างกายเย็นซีดเซียว ไร้ซึ่งชีวติ ชีวา
ทุกคนล้วนนอนหลับไหลแน่นงิ่ สถานการณ์ในขณะนี้ ไม่
มีใครสามารถช่วยหล่อนได้เลยสักคนเดียว
ภาพเหตุการณ์ตา่ งๆ เลือ่ นลอยผ่านไปอย่างช้าๆ
และแล้วก็ถึงจุดจบ ทุกอย่างล้วนกลับคืนสู่สภาพปกติ
ร่างกายของอันซลที่คา้ งเติ่งอยูเ่ ช่นนัน้ จึงสามารถเริ่ม
ผงกศีรษะได้อีกครัง้ หนึง่
ส่วนชีพจรที่หยุดเต้นไปชั่วขณะนัน้
ตึกตัก!
การสั่นไหวต่างๆ ที่หยุดแน่นงิ่ ไปเพียงชัว่ ครู่
ตึกตัก!
“ไม่มีทางงง!”
ณ ช่วงเวลาที่อนั ซลเปล่งเสียงดังกึกก้องออกมานัน่ เอง
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนปะทุออกมาให้เห็นเด่นชัดได้ภายใน
คราเดียว

[สถานะความสามารถของคุณเป็นที่นา่ พอใจ เราขอ


ตอบแทนการมุ่งมัน่ ตัง้ จิตอธิษฐาน ภาวนาของท่านใน
ครั้งนี้ ด้วยการให้สบื ทอดความเป็น ‘นักบวชแห่งความ
รุ่งโรจน์’]

ฮึมมม!
ในเวลาเดียวกันนัน้ ทั่วทั้งร่างของอันซลจึงอาบไล้ไป
ด้วยแสงสีขาวโพลน

***

“ซูฮยอน รอแป๊บหนึง่ ค่ะ”


ในระหว่างที่ผมกาลังวิ่งข้ามผ่านทุ่งกว้างแห่งนีอ้ ยู่นนั้
เสียงเรียกจากโกยอนจูก็ดังขึ้นรั้งตัวผมไว้ ผมจึงหันหน้า
ไปมองในขณะที่กาลังวิง่ อยู่ หล่อนกาลังใช้สายตาอัน
เฉียบแหลมไล่มองทัว่ อาณาบริเวณนี้
“ไม่คิดว่ามันแปลกหน่อยเหรอคะ จู่ๆ จานวนของเหล่า
ผู้เล่นหรือไม่กพ็ วกศัตรูมันลดฮวบลงแบบนี้ ไม่สิ คือมัน
แทบจะไม่มเี ลยต่างหาก”
“หืม”
ผมได้ยินดังนัน้ จึงใช้พลังเวทในการสังเกตรู้ จับสัญญาณ
ของมนุษย์ที่อยู่ละแวกนี้
เป็นเช่นนั้นจริงๆ เสียด้วย เมื่อครัน้ หาตัวจองฮายอน
ชินแจรยง หรือแม้แต่เมือ่ คราวของคิมฮันบยอลกับ
สมาชิกเผ่าแฮมิลก็ด้วย รู้สึกว่าจะได้ต่อสู้และหลบหนี
จากพวกศัตรูที่มจี านวนมากไม่ใช่เล่นๆ แต่ทว่าหลังจาก
พบตัวโกยอนจูแล้วนัน้ จู่ๆ พวกศัตรูก็ไม่ค่อยปรากฏ
กายออกมาให้เห็นเหมือนแต่ก่อนเลย
ผมจมอยู่ในห้วงความคิดชั่วขณะ แล้วจึงตอบออกไปว่า
“หากลองคิดถึงเป้าหมายของพวกศัตรู บางทีอาจจะมี
มุมอับ ทีเ่ รามองไม่เห็นก็ได้นะครับ”
“มุมอับเหรอคะ”
มันเป็นกลวิธีที่ให้กองทหารส่วนหน้าเดินนาทัพเปิดทาง
มาก่อน หลังจากนั้นจึงให้พวกแกนนาเดินตามต่อท้าย
“ถ้าอย่างนัน้ ...”
ด้วยความที่โกยอนจูเป็นคนหัวไว หล่อนจึงเข้าใจคาพูด
ของผมได้ในทันที แต่แล้วหล่อนกลับดูมีทีท่าลังเลใจ
อะไรบางอย่าง แล้วหน้าก็ซีดเผือดลง
“ถ้ากลัวก็กลับไปได้นะครับ”
“อย่าพูดอะไรไร้สาระสิคะ”
โกยอนจูปรายตามองผมอยู่แวบหนึ่ง จริงๆ แล้วหล่อน
เป็นคนที่ตามมาแล้วอย่างไรก็สามารถช่วยผมได้อย่าง
แน่นอน เพราะฉะนัน้ หล่อนคงไม่คดิ ที่จะทิ้งผมไว้ตัวคน
เดียว แล้วปล่อยให้ผมฉายเดีย่ วออกไปเองหรอก อีกทั้ง
ผมคาดหวังไว้มากว่าระดับ ‘ราชินีแห่งเงามืด’ คงจะ
ช่วยอะไรผมได้มากพอสมควร จึงยินยอมให้หล่อน
ตามมาด้วยอย่างไม่อิดออด
อย่างไรก็ตาม สาหรับตัวผมแล้วนัน้ ถือว่าสถานการณ์
เป็นใจอย่างมาก เพราะหากผมยังคงเฝ้าติดตามค้นหา
ตัวกาลังพลที่เหลืออยู่ตอ่ ไปเรื่อยๆ แล้วล่ะก็ บางที
อาจจะจับตัวแกนนาสาคัญบางคนเอาไว้ได้ก็ได้ใครจะรู้
นี่แหละคือจุดประสงค์ดงั้ เดิมของผมเลย ส่วนเรือ่ งการ
ส่งตัวคนของเราไปนั้น ผมวางแผนไว้วา่ จะให้โกยอนจู
รับผิดชอบหน้าทีน่ ี้
กาลังพลที่เหลืออยู่ในขณะนี้คือ อันฮยอน, อันซล, อียู
จองและชินซังยง ทั้งสีค่ นคงกาลังรวมตัวกันอยู่ใน
สถานที่ที่ใกล้เคียงกันมากๆ จนถึงขนาดพูดได้เลยว่า
อาจจะจับกลุม่ รวมตัวกันอยู่เลยทีเดียว ผมลอง
คาดคะเนคร่าวๆ และหากรักษาระดับความเร็วเช่นนี้ไว้
ได้ คงจะสามารถถึงที่หมายได้ทนั ท่วงทีแน่นอน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นคนที่อยู่ด้วยกันกับผมมาเนิ่น
นานที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใด หากผมสูญเสียอันซลไปล่ะ
ก็คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต ผมคิดขึน้ ทันใดว่าจะต้อง
ค้นหาตัวให้ได้เร็วที่สุด จึงรีบถีบตัวเองให้เร็วขึน้ ไปอีก
และในตอนนัน้ นัน่ เอง
[อัปเดตข้อมูลของผู้เล่นชินซังยง]
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 22
_______________________________________
จู่ๆ ก็มีข้อความปรากฏขึ้นมา ผมจึงรีบยืนยันข้อมูลทันที
เอ๊ะ?
แต่กลับไม่มีข้อมูลใดๆ ปรากฏขึ้นมาอีกเลย ทัง้ ที่ข้อมูลที่
พรคุ้มครองแห่งสงครามแจ้งให้ทราบนัน้ มีทั้งตาแหน่ง
ที่ตั้งของกองพลที่ตกอยูใ่ นสภาวะฉุกเฉิน และข้อมูลของ
คนอืน่ ๆ ก็ยังคงเดิม แต่ข้อมูลของชินซังยงกลับหายไป
ความคิดไม่สบายใจบางอย่างเฉียดเข้ามาในหัว และใน
ตอนนัน้ เอง
วาบบบ!
บังเกิดลาแสงขนาดมหึมายิงทะลุขึ้นสู่ท้องฟ้าอยู่ไกลๆ
เจ้าลาแสงนั่นบรรจงวาดวงรีบนฟากฟ้า แล้วในวงรีวง
นั้น ปรากฏภาพสตรีผู้เลอโฉม ดูอานาจยิ่งใหญ่เกรียง
ไกรอยูน่ างหนึง่ รูปพรรณสันฐานของหล่อนถูกฉาย
ออกมาให้เห็นด้วยแสงสีขาวเจิดจ้า หล่อนกาลังหลับตา
พริ้ม ผมเห็นดังนั้นแล้วรู้สึกได้ทนั ทีวา่ หล่อนคือทูต
สวรรค์อย่างแน่นอน
ครืดดด...
วินาทีนนั้ จู่ๆ ผมก็หยุดการเคลื่อนไหวไปอย่างไม่รู้ตัว
ทูตสวรรค์ที่ฉายภาพออกมาบนฟากฟ้าอย่างกะทันหัน
งั้นหรือ ไม่ผิดแน่ สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้านี้เหมือนกับ
ความทรงจาที่เคยได้พบเจอเมื่อรอบที่หนึ่งไม่มีผิด
ใช่แล้ว สิ่งนี้คือ...

[ระดับคลาสลับ นักบวชแห่งความรุ่งโรจน์เปิดเผยตัว!]
[ยืนยันปาฏิหาริย์เริ่มทางาน!]
ปาฏิหาริย์!
ในตอนนัน้ ทูตสวรรค์ที่หลับตาพริ้มจึงได้ค่อยๆ ลืมตา
ขึ้นมาอย่างช้าๆ
วาบบบ!
ในช่วงที่ทูตสวรรค์กาลังลืมตาขึน้ มา ลาแสงขาวสว่างได้
ส่องประกายแยงตาออกมาจากทั่วทั้งร่าง
ลาแสงที่สาดส่องลงมานั้นทั้งเจิดจ้าและแข็งแกร่งมาก
จนสามารถปกคลุมทั่วทั้งพืน้ ที่ได้เลย ดังนั้นจึงทาให้ผม
จาต้องหลับตาลงอย่างอัตโนมัติ
เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วเนีย่
ทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหนึง่ นัน้ จึงได้พบกับภาพ
เหตุการณ์ที่ซึมซับไปด้วยเจ้าลาแสงนั้น และแล้วจึง
ปรากฏข้อความใหม่ขนึ้ มากลางอากาศอีกครัง้
[ความแข็งแกร่งทุกประการ กลับคืนสูส่ ภาพเดิม!]
[พลังเวททุกประการ กลับคืนสู่สภาพเดิม!]
[สถานะทุกประการ กลับคืนสู่สภาพเดิม!]

สภาพร่างกายกลับคืนสูส่ ภาพเดิมทุกประการในชัว่
พริบตาเดียว คงจะวุ่นวายกับสมรภูมิเบื้องล่าง จึงทาให้
มีการเหนื่อยล้านิดๆ หน่อยๆ ไปบ้าง แต่สุดท้ายก็
กลับคืนสู่สภาพเดิมได้
ไม่สิ ไม่ใช่สภาพเดิม เพราะหลังจากที่ผมได้รบั ฮวาจอง
มาแล้ว พลังชีวิตที่ผมไม่เคยรู้สึกถึงมันมาก่อนเลยแม้แต่
ครั้งเดียว ก็พลันรูส้ ึกได้ว่ามันเริ่มไหลเวียนไปทัว่ ร่างกาย
ของผม พลังทีว่ ่านั้นเวียนวนขึ้นสูจ่ ุดสูงสุดของร่างกาย
ผม ถึงขนาดรูส้ ึกได้ว่าเป็นเหมือนปรากฏการณ์น้าขึน้ น้า
ลงเลยจริงๆ
“เอ๊ะ?”
โกยอนจูร้องเสียงหลง ทั้งสีหน้าที่ดงู งงวยเล็กน้อยกับ
แขนที่ขยุกขยิกไปมานัน่ ดูเหมือนหล่อนคงคิดแบบ
เดียวกับผม
ความสามารถเฉพาะตัวของนักบวชแห่งความรุง่ โรจน์
และปาฏิหาริย์
เสียงที่กาลังเริ่มทางานอยู่ ณ ตอนนี้คือ...
“ซูฮยอน!”
ตอนนัน้ เองผมจึงไม่รอช้า ออกตัววิ่งไปอีกครัง้ โดย
สามารถวิ่งข้ามผ่านบริเวณรอบข้างไปได้อย่างรวดเร็ว
การที่อนั ซลสามารถผันตัวมาเป็นนักบวชแห่งความ
รุ่งโรจน์ได้สาเร็จนั้น ถือเป็นเรื่องที่นา่ ยินดีอย่างยิ่ง
เพราะแผนการต่างๆ ทีผ่ มคิดเอาไว้จะร่นเวลาจัดการ
เข้ามาเร็วขึ้นสองเท่า ไม่สิ สามเท่าเลยก็ว่าได้
แต่แล้วทาไมผมถึงรูส้ ึกไม่สบายใจ อึดอัดคับแน่นอยู่ใน
อกอย่างบอกไม่ถกู กันล่ะ
แล้วผมจึงรู้คาตอบของคาถามข้อนี้ได้ในทันที นั่นก็คือ
ผมรู้สึกได้ถึงสัญญาณของพวกเขาที่กาลังใกล้เข้ามา
เรื่อยๆ ในช่วงที่ระยะทางเริม่ สัน้ ลง สั้นลง จนขนาด
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ผมจึงส่งเสียงพึมพา
เบาๆ กับตัวเอง
สิ่งแรกที่ผมเห็นคือ ราชินีแห่งดาบกาลังนอนฟุบอยู่กบั
พื้น ทว่าหล่อนไม่ใช่ปญั หาแต่อย่างใด ละแวกเดียวกัน
นั้นมีอันฮยอน อียูยองและชินซังยงกาลังนอนจมกอง
เลือดอยู่
ผมรู้สึกว่าตัวเองเกิดเลอะเลือนไปชัว่ ขณะแล้วจึงได้พบ
เข้ากับหญิงสาวผู้หนึ่งทีก่ าลังพยุงตัวลุกขึ้น ดูทา่ ว่าจะ
เป็นตัวการในครั้งนี้อย่างแน่นอน หล่อนกาลังถือแส้ที่มี
หนามปักติดอยู่เต็มไปหมด
“เฮ้อ วุน่ วายไปหมด ทีแ่ ท้ก็ซ่อนพลังอันน่ากลัวไว้
นี่เอง”
หล่อนบ่นงึมงาอยู่คนเดียว และเบื้องหน้าของหล่อนนัน้
คือ อันซลที่กาลังนัง่ หลับตา ปีกสีขาวกลางหลังกาลัง
สะบัดไหวๆ ไปมา
หลังจากนั้นหล่อนจึงยกแส้ในมือชูขนึ้ สูง ระยะทางนัน้
ห่างกันอยู่เล็กน้อย
ผมเห็นดังนัน้ จึงไม่รอช้า คว้าเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย
แล้วจึงพุ่งตัวไปหาหล่อนทันที
พรึบ่ !
“หืม?”
วินาทีนนั้ ผมสบตากับหล่อน แล้วจึงเริ่มใช้การโบยบิน
สามระดับ
ตึก! พรึบ่ ! ฟึบ่ !
หลังจากผ่านการก้าวกระโดด, วิชาการเคลื่อนย้ายร่าง
ในพริบตาและการวิ่งดีดตัวไปข้างหน้าได้สาเร็จ ผมจึง
ลืมตาขึ้นมา แล้วจึงพบว่าดาบที่ถือในมือนัน้ กระทบเข้า
ไปที่เจ้าหล่อนอย่างจัง
เชร้ง!
“กรี๊ด!”
“ทะ ท่านพี?่ ”
ในช่วงที่ผมได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึน้ พร้อมกับ
เสียงดาบจากทางด้านข้างนัน่ เอง น้าเสียงอันแสนแผ่ว
เบาจึงได้ดังขึ้นมารัง้ สติผมไว้ ผมหันหน้าไปมองช้าๆ
แล้วจึงเห็นอันซลที่กาลังเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมจึง
พยักหน้าให้น้อยๆ
“ทาไม...ทาไมถึงช้าแบบนี้...ทุกคน...เขา...”
ไม่รู้เรื่องที่ตัวเองทาลงไปหรอกหรือนี่ น้าเสียงแหบแห้ง
ของอันซลดังแว่วเข้ามาในหู
ผมจึงรีบใช้ดวงตาที่สามในการยืนยันสภาพแวดล้อม
โดยรอบเป็นอันดับแรก พลางหยิบอีลิกเซอร์ทซี่ ่อนไว้ใน
อกออกมาด้วย

[ผู้เล่นนัมดาอึน (ปกติ)]
[ผู้เล่นอันฮยอน (ปกติ)]
[ผู้เล่นอียจู อง (ปกติ)]

แต่ทว่าผู้ที่ดวงตาที่สามที่ยืนยันว่ามีชวี ิตอยูน่ นั้ กลับมีแค่


สามคนเท่านัน้ ผมถอนหายใจโล่งอก พวกเขานอนฟุบ
แน่นิ่งอยู่กบั พื้นก็จริง แต่ทว่าพวกเขาได้รบั พลังจาก
ปาฏิหาริยค์ รัง้ นัน้ อย่างแน่นอน ในระหว่างทีก่ าลังเร่งรีบ
อยู่นนั่ เอง ผมก็ค่อยๆ ลูบหน้าอกขึ้นลง พลางมองไปอีก
ที่หนึ่งที่ยังมีอกี คนนอนอยู่
[ผู้เล่นชินซังยง (เสียชีวติ )]

“...”
แต่ชินซังยงเสียชีวิต
ตอนนัน้ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอก จึงได้สาวเท้าไป
หา แล้วคุกเข่าอยูต่ รงเบื้องหน้าชินซังยง ร่างกายของ
เขามีรขู นาดใหญ่ปรากฏขึ้น ซึง่ เป็นฝีมือของหญิงสาวผู้
ถือแส้เส้นนัน้ อย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย บาดแผล
ฉกรรจ์เช่นนีค้ งเจ็บมากน่าดู แต่ทว่าใบหน้าของเขากลับ
แสดงให้เห็นถึงความสงบ ไม่แสดงอาการเจ็บปวดเลย
แม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีรอยยิ้มน้อยๆ แต่งแต้มอยู่บน
ใบหน้าอีกด้วย เหมือนอย่างที่เขาเคยเป็นเสมอมา
ผมจ้องชินซังยงอย่างเงียบๆ
“...”
ผมไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรผมก็คาดไว้
อยู่แล้วว่าจะต้องมีหนึง่ คนหรือสองคนที่อาจจะตาย ซึ่ง
หากเป็นโกยอนจูหรืออันซล ผมคงจะเสียใจเป็นอย่าง
มาก แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีวิเวียนที่เป็น ‘นักเล่นแร่แปร
ธาตุคิเมร่า’ อยู่ดี
ไม่อะไรเลยจริงๆ ผมรู้สกึ นิ่งและเฉยชากับสิง่ นี้ ไม่ใช่ครัง้
สองครั้งสักหน่อยที่ผมต้องสูญเสียคนรูจ้ ักไป ผมชินชา
เสียแล้วล่ะ
แม้การเสียชีวิตของชินซังยงจะถูกยืนยันแน่ชัดออกมา
เช่นนี้แล้ว ผมก็ไม่รู้สกึ อะไร
ไม่ได้รู้สกึ อะไรเลยจริงๆ
“...”
ไม่ใช่
ผมไม่รู้สึกถึงอะไรอีกต่อไปแล้วต่างหาก
***

ข้อความจานวนมากเด้งขึน้ มาอยูก่ ลางอากาศและอยู่


ตรงเบื้องหน้าของอันซล แต่ทว่าสิง่ ที่หล่อนเห็น ณ
ขณะนีก้ ลับมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นัน่ ก็คือ คิมซูฮยอน
“ท่านพี่...”
อันซลจ้องแผ่นหลังของคิมซูฮยอน หล่อนหลงลืมคาทีจ่ ะ
พูดออกไปเสียสนิท แม้จะไม่มบี าดแผลปรากฏให้เห็น
เด่นชัด แต่สภาพแผ่นหลังของเขาช่างน่าเวทนาเกินทน
รอยเลือดเลอะเป็นดวงๆ ไล่ตั้งเสื้อคลุมแห่งมังกรน้าเงิน
ที่ขาดวิน่ เป็นชิน้ เล็กชิน้ น้อย ที่ผ่านมาเขาคงต้อง
เผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ มากมายอย่างแน่นอน สภาพ
ภายนอกตอนนี้แสดงให้เห็นจนรู้แจ้งหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้
จึงทาให้อันซลรู้สึกกระดากอายขึน้ มา และในช่วงที่
หล่อนกาลังจะยื่นมือออกไปอย่างระมัดระวังนั่นเอง
“เฮ้อ...”
คิมซูฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมยันกายลุกขึน้
ยืน และในตอนนัน้ นั้นเองที่รู้สึกว่าบรรยากาศรอบข้าง
ต่างเงียบสงบลงไปทันตา
อันซลเกิดหายใจติดขัดขึ้นมา จึงทาให้หล่อนจาต้องลด
มือลงอย่างกะทันหัน เพราะเรื่องทีจ่ ะต้องเผชิญในภาย
ภาคหน้าหรือเปล่า ทาให้ร่างกายแสดงปฏิกิรยิ า
ตอบสนองออกมาเสียก่อน ร่างกายของหล่อนในแต่ละ
ส่วนเริ่มสัน่ เทาด้วยความหวาดกลัวที่ก่อตัวภายในใจ
โฟ่ว! โฟ่ว!
คิมซูฮยอนที่กาลังเงยหน้าขึ้นมาจึงได้เห็นกับดอกไม้ไฟ
พุ่งทะยานขึ้นสูฟ่ ้า และในเวลาเดียวกัน พลังอันน่า
สยดสยองบางอย่างก็ได้เทลงมาเหมือนน้าท่วม ราวกับ
ว่าจะเข้ามากลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าให้สูญสิ้น
พลังที่วา่ นั่นเข้าครอบครองพื้นที่ได้ภายในพริบตาเดียว
เท่านัน้ ไม่ว่าคนใดที่อยูใ่ นวงแห่งขุมพลังนี้ คงไม่คิดที่จะ
ขยับเขยื้อนตัวตามใจชอบแน่นอน เพราะขุมพลังนัน้ ต่าง
อัดแน่นแออัดไปด้วยความกระหายเลือดอย่างชัดเจน
ตึ่ก ตึก่
คิมซูฮยอนเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วจึงหยิบ
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่ร่วงหล่นลงพืน้ ขึน้ มาอีกครั้ง ยูริ
นะลอบกลืนน้าลาย แต่ไม่วายวางท่าทีเย็นชา แม้การ
กระทาดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนของเขามา
ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่กระนัน้ หล่อนก็ไม่ได้ไหวหวัน่ แต่อย่าง
ใด ไม่สิ หวั่นไหวไม่ได้เลยต่างหาก เพราะหล่อนรู้โดย
สัญชาตญาณดีวา่ ขืนหล่อนย่างก้าวออกไปเพียงแค่กา้ ว
เดียวล่ะก็คงต้องถึงคราวตายของตัวเองเป็นแน่
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 23
_______________________________________
ข้อความจานวนมากเด้งขึน้ มาอยูก่ ลางอากาศและอยู่
ตรงเบื้องหน้าของอันซล แต่ทว่าสิง่ ที่หล่อนเห็น ณ
ขณะนีก้ ลับมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น นัน่ ก็คือ คิมซูฮยอน
“ท่านพี่...”
อันซลจ้องแผ่นหลังของคิมซูฮยอน หล่อนหลงลืมคาทีจ่ ะ
พูดออกไปเสียสนิท แม้จะไม่มบี าดแผลปรากฏให้เห็น
เด่นชัด แต่สภาพแผ่นหลังของเขาช่างน่าเวทนาเกินทน
รอยเลือดเลอะเป็นดวงๆ ไล่ตั้งเสื้อคลุมแห่งมังกรน้าเงิน
ที่ขาดวิน่ เป็นชิน้ เล็กชิน้ น้อย ที่ผ่านมาเขาคงต้อง
เผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ มากมายอย่างแน่นอน สภาพ
ภายนอกตอนนี้แสดงให้เห็นจนรู้แจ้งหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้
จึงทาให้อันซลรู้สึกกระดากอายขึน้ มา และในช่วงที่
หล่อนกาลังจะยื่นมือออกไปอย่างระมัดระวังนั่นเอง
“เฮ้อ...”
คิมซูฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมยันกายลุกขึน้
ยืน และในตอนนัน้ นั้นเองที่รู้สึกว่าบรรยากาศรอบข้าง
ต่างเงียบสงบลงไปทันตา
อันซลเกิดหายใจติดขัดขึ้นมา จึงทาให้หล่อนจาต้องลด
มือลงอย่างกะทันหัน เพราะเรื่องทีจ่ ะต้องเผชิญในภาย
ภาคหน้าหรือเปล่า ทาให้ร่างกายแสดงปฏิกิรยิ า
ตอบสนองออกมาเสียก่อน ร่างกายของหล่อนในแต่ละ
ส่วนเริ่มสัน่ เทาด้วยความหวาดกลัวที่ก่อตัวภายในใจ
โฟ่ว! โฟ่ว!
คิมซูฮยอนที่กาลังเงยหน้าขึ้นมาจึงได้เห็นกับดอกไม้ไฟ
พุ่งทะยานขึ้นสูฟ่ ้า และในเวลาเดียวกัน พลังอันน่า
สยดสยองบางอย่างก็ได้เทลงมาเหมือนน้าท่วม ราวกับ
ว่าจะเข้ามากลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าให้สูญสิ้น
พลังที่วา่ นั่นเข้าครอบครองพื้นที่ได้ภายในพริบตาเดียว
เท่านัน้ ไม่ว่าคนใดที่อยูใ่ นวงแห่งขุมพลังนี้ คงไม่คิดที่จะ
ขยับเขยื้อนตัวตามใจชอบแน่นอน เพราะขุมพลังนัน้ ต่าง
อัดแน่นแออัดไปด้วยความกระหายเลือดอย่างชัดเจน
ตึ่ก ตึก่
คิมซูฮยอนเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วจึงหยิบ
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่ร่วงหล่นลงพืน้ ขึน้ มาอีกครั้ง ยูริ
นะลอบกลืนน้าลาย แต่ไม่วายวางท่าทีเย็นชา แม้การ
กระทาดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนของเขามา
ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่กระนัน้ หล่อนก็ไม่ได้ไหวหวัน่ แต่อย่าง
ใด ไม่สิ หวั่นไหวไม่ได้เลยต่างหาก เพราะหล่อนรู้โดย
สัญชาตญาณดีวา่ ขืนหล่อนย่างก้าวออกไปเพียงแค่กา้ ว
เดียวล่ะก็คงต้องถึงคราวตายของตัวเองเป็นแน่
***

รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเฉียดเข้ามาใกล้ลาคอ
จู่ๆ เส้นผมก็เริ่มปลิวไสวอย่างรุนแรงโดยไม่มสี าเหตุ
หลังจากนั้นผมจึงหมุนกายเข้าไปหาศัตรูที่ยืนแน่นิ่ง ไม่
ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่นอ้ ย
“โนแอล ยูรนิ ะ”
ผมเรียกชื่อของอีกฝ่าย ยูรินะได้ยินดังนั้น จึงออกอาการ
ตัวสั่น
“ร...รูจ้ ักฉันด้วยเหรอ”
รู้เสียยิง่ กว่ารู้
ความสับสนงุนงงปรากฏบนใบหน้าของอีกฝ่าย ผมถือ
ดาบขึน้ มาแทนคาตอบ แล้วจึงบิดข้อมือเล็กน้อย เพื่อตั้ง
ให้เกียรติยศแห่งวิคตอเรียขึน้
ผมได้ยกประเด็นนี้มาพูดในทีป่ ระชุมหลายครั้งแล้ว ทั้ง
ยังได้ยนื ยันข้อมูลที่สามอีกด้วย และเหนือสิง่ อืน่ ใด ผม
เรียกหล่อนมาตั้งแต่ในรอบแรกว่าเป็น ‘นางมารร้าย’
และก็หล่อนอีกนี่แหละ ที่เป็นคนที่ทางานใกล้ชดิ กับไซ
ม่อนที่สุด ผู้หญิงคนนีน้ แี่ หละ ไม่สิ ยัยศัตรูตัวร้ายคน
นี้น่ะ
แต่กระนัน้ การที่ผมรูจ้ ักยูรินะก็ไม่ได้สลักสาคัญอะไรมาก
นัก ต่อให้รจู้ ัก หรือไม่รจู้ ัก อย่างไรก็ถือว่าเป็นหนึ่งใน
ศัตรูจานวนมากที่ผมต้องฆ่าให้ตายก็เท่านั้น
ข้อสรุปที่วา่ จะต้องฆ่าศัตรูให้ได้นั้น ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ไม่เปลีย่ นแปลง
ผมคิดเช่นนั้น แล้วจึงเริม่ โค้งตัวเหมือนคันธนู
“นายเป็นใคร แล้วรูจ้ ักฉันได้ยงั ไง ตอบ!”
ผมปลุกพลังเวทขึ้นมาภายในคราเดียว พร้อมกันนั้นก็
พุ่งตัวไปข้างหน้าโดยใช้ทฤษฏีดีดตัวเหมือนอย่างเคย
เสี้ยววินาทีนนั้ ดวงหน้าของยูรนิ ะจึงได้ปรากฏความสิ้น
หวังออกมาให้เห็น
คาถามที่ไม่จาเป็นต้องตอบ และในตอนนัน้ เอง
ระยะทางก็เริ่มกระชั้นชิดเข้ามามากยิง่ ขึน้ ยูรนิ ะเห็น
ดังนัน้ จึงเริ่มขยับมือ แล้วชูแส้ในมือขึน้ มาด้วยท่าทีเรียบ
เฉย
ฟิ้ววว!
เสี้ยววินาทีที่เกียรติยศแห่งวิคตอเรียเปล่งเสียงอันแสน
คมกริบขึน้ นัน้ เจ้าแส้ที่ยื่นเหยียดออกมาก็ได้สมั ผัสโดน
เข้าทีป่ ลายดาบอย่างพอดิบพอดี หลังจากนั้นมันจึงวาด
ทางคดเคี้ยวเหมือนงูเลือ้ ย แล้วจึงเลื้อยแล่นเข้ามาอย่าง
รวดเร็ว ในชัว่ พริบตาเดียว มันก็สามารถเลื้อยพันเข้ามา
ได้ถึงครึ่งลาของดาบแล้ว หล่อนจึงมีสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไป
ด้วยความหวัง
และในตอนนัน้ ผมจึงตัดสินใจล้มเลิก แล้ววางดาบลง
“อะไรกัน”
สายตาทีเ่ อาแต่จดจ้องอยู่กับดาบแปรเปลี่ยนเป็นความ
ประหลาดใจในทันที แต่ก่อนที่หล่อนจะเบนสายตา
กลับมาอีกครั้ง ผมจึงฝ่าเข้าไปด้านใน แล้วสอดแขนซ้าย
เข้าไปยังบริเวณศีรษะและส่วนลาตัวอันคอดกิว่ ของ
หล่อน
“อ๊ะ!”
ณ วินาทีที่ฝ่ามือรู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุน่ ของเนือ้ หนังมัง
สา ผมจึงไม่รอช้า รีบลากสิ่งที่อยูใ่ นเงื้อมมือตัวเองลงสู่
เบื้องล่างทันทีทันใด
ฟึ่บ!
ร่างกายท่อนบนของยูรนิ ะเกิดการโค้งงอ
ศีรษะของก็โน้มลงมาเช่นกัน ผมจึงใช้เท้าซ้ายเตะเข้าไป
เต็มแรง แล้วจึงยกหัวเข่าขึ้นกระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่าง
จัง
พลั่ก!
หัวเข่าของผมเหมือนกับสัน่ สะเทือนอย่างรุนแรง ทว่านี่
ยังไม่ถงึ จุดจบแต่อย่างใด
ในลาดับสุดท้าย ผมจึงคว้ามือของหล่อนมากอบกุมไว้
อย่างแน่นหนา
เสียงเนื้อมนุษย์ฉกี ขาดดังลั่นกับผมที่รู้สกึ เหมือนกอบกุม
กระดูกและหนังกาพร้าอยู่ในกามือ ศัตรูที่กระเด็น
กระดอนออกไปอีกฟากฝั่งนั้น มีรอยบุม๋ อยู่ตรงกลางดวง
หน้า ส่วนบริเวณลาคอที่เกิดการฉีกขาดอย่างสาหัสนัน้ ก็
มีเลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมา
ตุ้บ!
ด้วยสาเหตุนี้ จึงทาให้ศตั รูผู้นนั้ จาต้องล้มตึงลงไป ซึ่ง
อาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นได้ เพราะร่างกายของมันเกิด
การกระตุกขึน้ มา แต่สดุ ท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความ
เจ็บปวดที่ผมมอบให้ จนอ่อนแรงไร้ซึ่งพลังไปในที่สุด
ผมถอนหายใจเบาๆ พอมาถึงตอนนี้แล้ว กลุม่ คนที่ผม
รู้จกั นัน้ ...
ส่วนใหญ่กถ็ ูกตามหาตัวจนพบแล้ว
ทว่าการต่อสูย้ ังไม่จบลงแต่อย่างใด และยังขาดอะไร
บางอย่างไปอีกด้วย ทั้งที่ผมได้แก้แค้นศัตรูพวกนั้นไป
อย่างสาสมแล้วก็ตาม แต่ทว่าความกระหายอยากจะ
สังหารคนก็ยงั ไม่เลือนหายไปเสียที
ผมปราดตามองศพอย่างเฉยชา แล้วจึงเปิดปากพูด
ออกมาอย่างแผ่วเบาว่า
“ผู้เล่นโกยอนจู”
“...”
หล่อนไม่ได้ตอบรับกลับมาในทันที ผมจึงหันไปมองโก
ยอนจูครั้งหนึง่ หล่อนกาลังก้มมองพืน้ เบื้องล่างด้วยสี
หน้าเหม่อลอย
“ในฐานะแคลนลอร์ด ผมขอสั่งให้คุณพากาลังพลของ
เราที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ออกไปให้พน้ จากการต่อสูค้ รั้งนี้
ทันที ตอนนี้เลย”
“อ้า”
โกยอนจูหนั กลับมามองอย่างรวดเร็ว คงรู้ได้ถึงสายตาที่
ผมส่งไปให้ แล้วหล่อนจึงพยักหน้าตอบรับ
“น...น้อมรับคาสั่งของท่านแคลนลอร์ดค่ะ”
หล่อนพยักหน้าให้หนึ่งครั้ง ผมเห็นดังนั้นจึงหันไปมอง
ศพอีกครั้งหนึ่ง ศพที่อยูต่ รงหน้านี้คือ นางมารร้ายโน
แอล ยูรนิ ะ คนสนิทชิดเชื้อของไซม่อน ผู้ปกครองแห่ง
ทวีปตะวันตก เพราะฉะนั้นการที่หล่อนมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้
ได้ หมายความว่า...
ผมหันไปมองด้านซ้ายมือครู่หนึ่ง
ไซม่อนผ่านไปหรือยังนะ
และก็หันไปมองขวามือ
ไม่งั้นก็กาลังเดินทางมาหรือเปล่า
ในตอนนัน้ เอง
“ท่านพี่...”
ในช่วงที่ผมกาลังก้าวเดินออกไปอยูน่ ั้นเอง ผมรูส้ ึกได้วา่
มีใครบางคนกาลังร้องเรียกผมด้วยน้าเสียงเศร้าสร้อย
พลางจับชายเสื้อของผมไว้แน่น ผมจึงหันไปมองอย่าง
เย็นชา แล้วจึงพบเข้ากับอันซล หล่อนเงยหน้ามองผม
น้าตาคลอหน่วยใกล้จะไหลรินเต็มที ไหล่ของหล่อนสัน่
สะท้านน้อยๆ ริมฝีปากเองก็สนั่ เทิ้มเบาๆ ไม่แพ้กนั
“จะไป...จะไปแล้วหรือคะ”
“ปล่อย...”
ผมคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หล่อนคงจะมาทาตัว
เหมือนเด็กๆ เหมือนอย่างเคย จึงได้ตงั้ ใจว่าจะสะบัด
การฉุดรัง้ หนีออกไป
อันซลค่อยๆ ชูแขนซ้ายขึน้ มา การกระทาของหล่อนใน
คราวนี้ ทาเอาผมปิดปากเงียบ ไม่พูดอะไรออกไป
“ตรงนี้...”
ผมเลื่อนสายตา มองตามปลายแขนของอันซลไป หล่อน
กาลังชี้ไปยังทิศทางหนึง่ ที่มีพลังงานบางอย่างกาลังปะทุ
อยู่ ไม่ผิดแน่ เพราะจุดนั้นคือจุดที่ผมกาลังจะเคลื่อนตัว
ไปอย่างพอดิบพอดี
“ทางนี้ค่ะ!”
“เธอ...?”
“ช่วย...ตักเตือนหนูดว้ ยนะคะ”
ทันใดนั้น ผมจึงลอบพิจารณาดูถงึ สภาพร่างกายของ
อันซลได้ในทันที แม้นาเสี
้ ยงของหล่อน ฟังดูแล้วอาจจะ
มีเสียงร้องไห้งอแงปะปนออกมาอยูบ่ ้าง แต่ทว่าแววตา
ของหล่อนนี่สิ กลับฉายประกายความสดใสวิบวับออก
มาไม่เคยเปลี่ยน
ผมเหม่อมองอันซล แล้วจึงเอื้อมมือเข้าไปลูบหัวหล่อน
หนึ่งครั้ง อันซลจึงลดแขนลงอย่างว่าง่ายในเวลาต่อมา
และผมก็ได้ละมือออกจากศีรษะของอันซล
หลังจากนั้น จึงเริ่มวิ่งออกไปทันที โดยไม่หันกลับมามอง
ข้างหลังแต่อย่างใด
ตึ่ก ตึก่ ตึก่ !
ณ ทิศทางที่อันซลช่วยชี้แนะมาให้นนั้ ผมได้กลิ่นเหม็น
คาวเลือดลอยมาพร้อมกับสายลม ผมไม่รู้ว่าตรงหน้าผม
นี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือมีใครอยู่ตรงนั้นบ้างกันแน่ ผม
ไม่รู้เลย ผมได้แต่เพียงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งข้ามผ่านทุ่งกว้าง
ทีม่ ีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งก็เท่านัน้ เอง
ชินซังยง
ผมคิดถึงชินซังยง ตั้งแต่แรกเจอ จนกระทั่งความทรงจา
ในสมรภูมริ บ
ไม่ว่าเขาจะอยู่ หรือไม่อยู่ ชินซังยงก็ยงั เป็นคนเงียบๆ
เสมอมา แม้การมีตวั ตนของเขาจะค่อนข้างจืดจางไป
เสียบ้าง แต่ถึงอย่างนัน้ เขาก็เป็นคนที่ทางานทุกอย่างได้
อย่างเรียบร้อย ไม่ต้องพูดจาอะไรมาก
เมื่อครั้งได้ออกสารวจสถาบันวิจยั ร้าง แล้วมีการค้นพบ
ทรัพย์สมบัตินนั่ เอง ชินซังยงสมัครใจขอรับหน้าที่เฝ้า
ระวังทรัพย์สินเหล่านั้น
เมื่อครั้งที่เปิดการเดินขบวน ณ ถ้าแห่งการคร่าครวญ
ชินซังยงก็ยังสมัครใจรับหน้าที่เฝ้าเวรยามตอนกลางคืน
ให้พวกเรา
เมื่อครั้งที่ผมมอบพลังเวทโพชั่นพิเศษให้เป็นสิง่ ตอบ
แทน ชินซังยงก็ไม่ขอรับไว้ และมอบให้อนั ซลไว้แทน
นั่นแหละ ชินซังยงเป็นคนเช่นนัน้ ตั้งแต่แรกที่เราได้เจอ
กันแล้ว เขาไม่ธรรมดาอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นคนที่รู้เท่า
ทันคนรอบข้างได้ดี การกระทาของเขาแต่ละอย่างนัน้
ล้วนแสดงให้เห็นว่า เขาไม่อยากจะก่อความเสียหาย
ให้แก่คนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย ผมเห็นเช่นนัน้ แล้วจึง
เคยมีแอบคิดว่า เขาช่างคล้ายกับผมเมื่อรอบที่หนึ่งเสีย
เหลือเกิน
หากเรามาเร็วกว่านี…

MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 24
_______________________________________
ผมไม่ได้อยู่ดูการจากไปของชินซังยง ผมจึงไม่รวู้ ่าขณะที่
เขากาลังจะลาลับจากโลกนี้ไป เขาคิดอะไรอยู่
แค้นอกแค้นใจ? หรือเสียใจ?
ความคิดวุ่นวายวนเวียนอยู่ในหัว แล้วจึงค่อยๆ ทุเลาลง
ได้ในชั่วพริบตา
ระหว่างนัน้ ผมได้ออกวิง่ ไปข้างหน้า ตามทิศทางที่อันซล
ชี้แนะ
สายลมยังคงพัดมาเช่นเดิม แต่ผมกลับรู้สึกได้วา่ ยิ่งวิง่
เข้าไปเท่าไหร่ กลิ่นคาวเลือดจากที่เคยส่งกลิน่ คละคลุ้ง
เล็กน้อย บัดนี้กลับได้เริม่ ส่งกลิน่ แรงมากขึน้
หลังจากนั้นผมจึงจับสัญญาณได้อกี ครั้งว่ามีกลุ่มคน
กาลังรวมตัวกันอยู่เป็นหย่อมๆ ณ ที่แห่งหนึ่ง
บางทีมันอาจจะมาทีน่ ี่กอ่ นแล้วครั้งหนึ่ง แล้วค่อยผ่าน
ไปหรือเปล่า ผมรูส้ ึกได้ถึงของเหลวอันแสนเหนียว
เหนอะหนะอยู่ใต้ฝา่ เท้า เพราะผมวิง่ เหยียบย่าทุ่งกว้างสี
แดงด้วยเลือดมาตลอดทาง
“การควบคุมพลังเวทถูกปลดออกไปแล้ว!”
“จะ...จู่ๆ มันเป็นแบบนี้ได้ยงั ไง! ทาไมจู่ๆ ถึงดูสดชืน่
ขึ้นมาได้ล่ะ”
ผมได้ยินเสียงร้องตะโกนจากใครหลายๆ คนอยู่ตรงเบื้อง
หน้า ดังกระหึ่มจนได้ยนิ ไปทัว่
ผมจึงเงยหน้าขึน้
กะแล้วเชียว
ผมเริ่มเห็นศัตรูมากที่ไกลๆ แล้ว อย่างทีค่ ิดไว้ไม่มีผิด ดู
ท่าว่าพวกมันคงจะมารวมตัวอยู่ ณ ที่แห่งนี้มากที่สุด
ผมจับความรูส้ ึกได้ว่าจานวนคนคงจะมีมากโข จนมอง
ให้ครบไม่หวาดไม่ไหว อีกทั้งยังเห็นภาพเหตุการณ์การ
ต่อสู้อย่างรุนแรงอยู่ทั่วทุกหนแห่งอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปาฏิหาริย์ อันเป็นความสามารถ
เฉพาะตัวของนักบวชแห่งความรุง่ โรจน์นนั้ ได้ส่ง
อิทธิพลให้กาลังพลของพวกเรา ไม่ใช่แค่ผมเพียงคน
เดียว เพราะเหล่าผู้เล่นจากทิศตะวันออกนัน้ กาลังต่อสู้
กันอย่างดุเดือด ไม่ใด้เป็นการสังหารอย่างโหดเ**้ยมอยู่
ฝ่ายเดียวเหมือนคราวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
อาวุธของแต่ละฝ่ายต่างกระทบกระทั่งกัน จนเกิดเสียง
ดังน่าหนวกหู เสียงกรีดร้องโอดครวญดังสนัน่ ทัว่ ทุกหน
แห่ง ลูกธนูถูกยิงออกมาทั้งสี่ทิศ ไหนจะระเบิดที่ปะทุ
ขึ้นมาจากตรงนัน้ ที ตรงนี้ที คงจะเป็นเวทมนตร์ที่
หลงเหลืออยู่ก็เป็นได้
ความคิดเรื่องชินซังยงที่ผุดขึ้นมาเมื่อครูก่ ่อนหน้านั้นเริ่ม
ทุเลาลงไปบ้างเล็กน้อยแล้วก็จริง แต่พอผมได้เห็นฉาก
การต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้านีด้ ้วยตาตัวเองแล้วนั้น ในอกก็
เกิดความร้อนรุ่มขึน้ มาทันที พลางรู้สึกได้ว่าความ
กระหายที่หลงลืมไปได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครัง้
ก่อนที่ผมจะย่างก้าวเข้าไปในขุมนรกตรงหน้า ผมก็ได้
กวัดแกว่งเกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่อยู่ในมือ ดาบที่เปี่ยม
ไปด้วยพลังเวทเล่มนี้ได้ส่องแสงสว่างโชติช่วง ลาแสงนี้
ได้ส่องสว่างไปจนถึงสนามรบที่อาบย้อมไปด้วยเลือด
“มีคนบุก!”
ตอนนัน้ ศัตรูที่อยู่หลังสุดได้หันหลังกลับมา แล้ววิ่งเข้ามา
ผมในทันที ผมเอี้ยวตัวหลบหลีกหอกทีพ่ ุ่งเข้าจาก
ด้านข้าง แล้วจึงฟาดดาบซ้ายทีขวาทีอย่างทันใด
สวบ!
เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกมาเป็นรูปตัวเอ็กซ์อยู่ตรง
เบื้องหน้าผม อีกทั้งยังมีกระเซ็นโดนตาอีกด้วย
พรวด!
“อ๊ากกก!”
ในตอนนัน้ มีชายผู้หนึ่งกระโดดพุ่งออกมาจากทาง
ด้านหน้า เขาชูแขนทั้งสองข้าง พลางส่งเสียงคารามน่า
กลัวออกมา ในวินาทีทแี่ สงแดดสะท้อนเข้าทีค่ มมีดของ
มันนั้น ผมจึงได้ฟนั เข้าไปที่ร่างของมันด้วยความว่องไว
ฉัวะ! พลัก่ !
คลื่นพลังที่อยู่กลางท้องฟ้านั้นได้ส่งกระแสรุนแรงจน
กระแทกเข้ามายังศีรษะของมันทันที ร่างกายของมันที่
กาลังโบยบินอยูบ่ นท้องฟ้า บัดนี้ได้กลายเป็นเพียงชิน้
เล็กชิน้ น้อยกระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
พวกศัตรูที่เฝ้าดูผมจากทิศทางอืน่ เห็นภาพเหตุการณ์
เหล่านัน้ จึงหยุดการเคลื่อนไหวไปเสียดื้อๆ
อะไรที่เข้ามาวุน่ วาย กวนใจฉัน ฉันจะฆ่ามันให้หมด
สถานการณ์ ณ ขณะนี้ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะมุง่ ตรงไป
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึน้ ก็ตาม อย่างน้อยผมก็จะยืน่ เจรจา
กับพวกมันดู ทั้งนี้กเ็ พื่อชินซังยงเท่านัน้
ในตอนนัน้ เอง
“ในที่สุดก็เจอจนได้ ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่”
เสียงของใครบางคนดังขึ้น ซึ่งเสียงคุน้ ๆ เหมือนผมเคย
ได้ยินที่ไหนมาก่อน กับรู้สึกได้ว่าใครบางคนกาลังย่าง
กรายเข้ามาอยู่ขา้ งๆ ผม ความเร็วของเขาถือว่ารวดเร็ว
ใช่ย่อย ผมหายใจเข้าลึกๆ หนึง่ เฮือก ก่อนทีจ่ ะหันหน้า
ไปมอง บุคคลปริศนาคนนัน้ ได้เข้ามาอยูใ่ กล้ผมแล้วเป็น
ที่เรียบร้อย
เพราะฉะนัน้ จึงหมายความว่าพวกมันได้เข้ามาอยู่ทั่วทั้ง
สี่ทิศรอบกายผมแล้วอย่างแน่นอน ผมจึงหยิบเกียรติยศ
แห่งวิคตอเรีย แล้วจึงตัง้ ให้เอียงเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ยกขึน้ ฟาดฟันไปที่แผ่นอกด้านขวามือ
เปรีย๊ ะ!
บังเกิดสะเก็ดไฟสีแดงเพลิงสะท้อนออกมา อาวุธที่เฉียด
กรายเข้ามานัน้ คือหอกแน่นอน ปลายดาบได้กระทบเข้า
กับปลายหอกพอดี จึงทาให้หอกนัน้ พุ่งทะยานขึน้ ไป
เบื้องบนในทันที แต่กระนั้นพวกศัตรูกย็ ังไม่หยุดเคลื่อน
ตัวมาหาผมแต่อย่างใด
“...?”
หลังจากนั้นผมจึงรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกาลังจับไหล่ผม
ไว้ พร้อมกันนัน้ ยังได้ยนิ เสียงทุ้มต่าดังแว่วเข้ามาอีกด้วย
“สุดยอดจริงๆ สมกับทีแ่ พคซอยอนยอมศิโรราบ”
พวกเร่ร่อนเหรอ
การเคลื่อนตัวเข้ามาของหอกนัน้ เกิดการเปลีย่ นแปลงไป
อย่างพิลึกพิลนั่ มันได้หมุนไปมาอยู่กลางอากาศ ราวกับ
ว่าได้คาดไว้แล้วว่าจะใช้ป้องกัน หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ตี
โต้เป็นวงล้อพุง่ เข้ามาทันที หอกด้ามนั้นได้ปลุกปั่นให้
เกิดพลังลมอันน่าเสียวซ่านไปทั่วทั้งร่างกาย และ
แน่นอนว่ามันได้เล็งเข้ามาหาผมจากมุมเสย
“ก่อนอื่นก็ขอเจาะหน่อยสักรูนะ แล้วค่อยคุยกัน
หลังจากนี”้
หากเป็นแต่ก่อน ผมคงชื่นชมอยูใ่ นใจแล้วล่ะว่า พวกมัน
รอบคอบ กระจายความสนใจได้อย่างทัว่ ถึง จนสามารถ
บุกเข้ามาตีได้อยู่เรื่อยๆ ทว่าตอนนีก้ ลับไม่เป็นเช่นนัน้
การขัดขวางนี่เอง
พอผมคิดได้ว่ามันคือการขัดขวาง จึงได้ลอบกัดริมฝีปาก
เบาๆ แล้วจึงค่อยปลุกปั่นพลังที่แฝงอยู่ในใจขึน้ มาอย่าง
เต็มที่
โฟ่ว โฟ่ว!
พลังของฮวาจองได้แผ่ซ่านออกมาจากทรวงอก ดอกไม้
ไฟอันเจิดจ้าจึงไม่รอช้า รีบกลืนกินเจ้าหอกพวกนัน้ ไป
และตามที่ผมคิดไว้ไม่มผี ิด หอกของพวกมันได้ถูกเผา
วอดวายไปจนหมดสิน้
หลังจากนั้น ท้องฟ้าเบือ้ งบนจึงว่างเปล่าราวกับว่าไม่
เคยมีหอกใดเฉียดกรายเข้ามาได้เลย
ผมรู้สึกถึงพลังอันน่าสยดสยองเล็กๆ จากฝ่ามือที่กาลัง
จับไหล่ผมอยู่ ณ ตอนนี้
“ปล่อยมือ และไสหัวไปซะ”
ผมเปิดปากพูดในทีส่ ุดและชูเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย
ขึ้นมาด้วย
“แค่ก!”
เสียงโอดครวญดังขึน้ และรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างได้
ระเบิดกระจายออกไป ผมจึงปัดป่ายดาบไปยังทิศ
ข้างหน้าอย่างแรง เหมือนกับแค่สะบัดมือไปมาเท่านั้น
ทันใดนั้นจึงได้เห็นว่ามีชายผู้หนึง่ กาลังแลบลิน้ แล้วจึง
หงายหลังล้มไปบนพืน้
ฮยอนงั้นเหรอ เขาเคยสนทนากับผมเมื่อครัง้ ที่อยู่ ณ
ป้อมปราการก่อนจะมีการต่อสูเ้ กิดขึ้น
ผมไม่รู้หรอกว่าพวกมันจะป้องกันตัวอย่างไร แต่หมอนัน่
ยังไม่ตาย หลักฐานก็คือ มันยืน่ มือออกมา ค้ายันกับพื้น
ไว้ ผมจึงวิ่งเข้าไปหาเจ้าหมอนัน่ ทันที แล้วจึงฟันมีดลง
ไป พลางเขีย่ มือที่กาลังค้ายันอยูก่ ับพืน้ ด้วย จากนัน้ เตะ
เข้าไปที่หน้าท้องของมันด้วยฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยพลังเวท
มากมาย
พลั่ก!
“อั้ก!”
เจ้าหมอนัน่ กลิง้ หลุนๆ ไปกับผืนดินอีกครั้ง พลางร้อง
โอดครวญอย่างน่าสังเวชใจออกมาด้วย
ผมเข้าไปหามันอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้เตะเข้าที่ท้อง
กลับเตะไปที่ใบหน้าของมันแทน เหมือนกับเตะลูกบอล
ลูกหนึ่ง เตะจนแน่ใจแล้วว่าศีรษะของมันคงใกล้เหมือน
แตงโมระเบิดเต็มที เพราะมันกรีดร้องโหยหวนออกมาไม่
หยุดหย่อน ผมมองเจ้าหมอนี่ที่นอนอ่อนเปลี้ยตรงหน้า
ก่อนทีจ่ ะสูดลมหายใจ แล้วเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“...”
“...”
พวกศัตรูไม่ได้เข้ามาจู่โจมแต่อย่างทันใด พวกมัน
กระจายตัวล้อมรอบทัง้ สี่ทิศก็จริง แต่กย็ ังมีบางส่วนที่
กาลังจ้องผมอย่างไม่ลดละ แม้เหล่าผู้เล่นฝั่งทวีป
ตะวันตกจะมีความนิยมชมชอบในสงคราม ทว่า ณ
ขณะนี้ พวกนัน้ กลับมีทา่ ทีลังเล ได้แต่มองผมสลับกับ
พื้นทีบ่ ริเวณนี้ไปมาอย่างเดียวเท่านั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมจึงก้าวออกไปหนึง่ ก้าว พวก
ศัตรูเห็นดังนัน้ จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวเช่นกัน
ผมรู้สึกได้ว่ามีของเหลวอุ่นๆ ไหลอยูบ่ ริเวณเส้นผมและ
ข้างแก้ม ผมสัมผัสถึงสิง่ นัน้ ได้ แล้วจึงเกิดความกระหาย
ขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ อาการคอแห้งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่
ก่อนหน้านี้กาลังเริ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทาไม หากผมฆ่าพวกมันที่ยืน
ประจันหน้าให้สนิ้ ซากไปได้ คงจะหายห่วงไปได้บ้าง เมื่อ
ครั้งที่ได้สังหารพวกเร่รอ่ นไปก่อนหน้านี้ ผมก็รสู้ ึกแบบ
นั้นอยู่ครู่หนึ่ง ลาคอที่เคยเร่าร้อนเหมือนมีไฟมาแผดเผา
ก็สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นความสดชื่นได้ในชั่วพริบตา
โอเค ถ้าไม่เข้ามา งัน้ ฉันจะเข้าไปแล้วกัน
ผมคิดได้เช่นนัน้ ขณะทีผ่ มกาลังโค้งตัว ลูกธนูบางส่วนก็
ได้ยิงพุ่งเข้ามาหาผม ผมรีบไถลตัวไปด้านหน้า จน
สามารถหลุดพ้นจากการระดมยิงลูกธนูได้สาเร็จ พลันได้
เสียงธนูปกั ลงพื้นไล่หลังดังขึน้ มาอีกด้วย
“โธ่เว้ย!”
จากที่เคยบินเหินขึน้ สู่ทอ้ งฟ้าในระดับที่ไม่ได้สูงมาก
บัดนี้เท้าของผมกาลังใกล้แตะผืนดินเข้าเต็มที ซึ่งในตอน
นั้นเอง พวกมันที่เอาแต่จ้องมองผมมาตัง้ แต่เมือ่ กี้ ก็ได้
วิ่งกรูกนั เข้ามา
ผมรีบตัง้ ดาบขึ้นมาในแนวเฉียง แล้วเริ่มบุกเข้าไปหา
พวกมัน หลังจากนัน้ จึงก้มตัวลง พลางใช้พละกาลังที่มี
อยู่ทั้งหมดในการลืน่ ไถลเข้าไปทันที
ผมหลุดพ้นวงโคจรของอาวุธจานวนมากมายที่
เตรียมพร้อมฟาดฟันได้สาเร็จ พลางตวัดดาบหนึ่งครั้ง
เหมือนกับจะเก็บดาบเข้าใส่ด้านในดังเดิม ทันใดนัน้ ผม
จึงรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างกาลังเดินเอื่อยๆ เข้ามาหา
และในตอนที่ผมสามารถพ้นออกมาจากตาแหน่งนั้นได้
นั้นเอง
“อ๊าก! อ๊ากกก!”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 25
_______________________________________
พอผมเห็นว่าพวกมันพร้อมใจกันล้มกองไปอยูก่ ับพืน้
ผมจึงยันกายลุกขึน้ ทันที ส่วนอีกคนที่กาลังยืนเหม่ออยู่
นั้นได้มองมาทางผม เจ้าหมอนัน่ กาลังอ้าปากหวออยู่
เลย
ผมเห็นดังนัน้ จึงไถตัวผ่านด้านข้างของมัน และสามารถ
ฟันเข้าที่เอวเจ้าหมอนัน่ ได้ภายในคราเดียว แม้เจ้าหมอ
นั่นจะใส่เสื้อเกราะอยูก่ ต็ าม แต่ดาบของผมก็ยงั สามารถ
เฉือนเหล็กกล้านัน่ ไปได้อย่างสบายหายห่วง
มันส่งเสียงกรีดร้องโอดครวญ แล้วบิดเอวทันที ผมจึงรีบ
คว้าศีรษะของมันขึ้นมา แล้วกระโดดตัวลอยขึน้ ไป
ด้านบน ผมเตะเข้าไปทีแ่ ผ่นหลังของพวกมัน ก่อนที่จะ
เริ่มออกวิ่งโผบินสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
ในพริบตาเดียวเท่านั้น ผืนดินเบื้องล่างก็อยู่ห่างไกลจาก
สายตา อีกทั้งยังได้เห็นฉากการต่อสู้อนั แสนดุเดือดตรง
เบื้องล่างอีกด้วย
บางคนก็กาลังต่อสู้กนั อย่างแข็งขัน บางคนก็ร้องโอด
ครวญที่ข้อเท้าถูกเฉือนไปจากร่างกาย บ้างก็ลม้ ตายไป
เพราะทนพิษความเจ็บปวดที่ได้เจอก่อนหน้าไม่ไหว
และแน่นอนว่ามีบางคนที่กาลังรวมตัวกัน เพื่อจับกุมตัว
ผมอีกด้วย
ผมโผบินอยูก่ ลางอากาศ และบริเวณที่ผมจะลงจอดสู่ผนื
ดินนัน้ เอง มีพวกศัตรูและเหล่าผู้เล่นจานวนมากกาลัง
เปิดฉากปะทะกันอย่างไม่รู้จกั จบจักสิ้น จานวนคนเยอะ
มากจนถึงขนาดไม่มีที่วา่ งให้ผมเอาเท้าแตะพืน้ ได้เลย
ทว่าก่อนที่ผมจะเริ่มแล่นลงสู่ผนื ดินอีกครั้งหนึ่งนั้น ผมก็
เหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง ทีค่ ุ้นหน้าคุ้นตากันมาก่อน
เขากาลังเงยหน้าขึน้ สู่ทอ้ งฟ้าเช่นกัน ณ วินาทีที่เราสอง
คนได้สบตากันนั้นเอง ชายผูน้ ั่นก็ทาหน้าบิดเบีย้ ว ไม่
ชอบใจขึ้นมาทันที หลังจากนัน้ มันจึงพุง่ ตัวมาบริเวณที่
ผมจะร่อนลงพื้น แล้วจึงยื่นมือออกมา พลางตะโกน
อะไรบางอย่างออกมาเสียงดังลัน่ อีกด้วย
บึ้ม!
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นมา ผืนดินสีแดง
เข้มเกิดการฟุ้งกระจายไปทั่ว กลุ่มควันสีดาพวยพุ่ง
ขึ้นมาจากผืนดิน จนเข้าปกคลุมพวกศัตรูได้จนหมด
พวกศัตรูที่สัมผัสกลุ่มควันเหล่านัน้ จู่ๆ ก็เกิดอาการตัว
ไหม้พอง พวกมันส่งเสียงหวีดร้องอันน่าสยดสยอง
ในขณะที่ร่างกายก็กาลังละลายเหลวแหลกลงไปอีกด้วย
วินาทีที่ผมเริ่มจะแล่นลงสู่เบื้องล่างนัน่ เอง กลุม่ ควัน
เหล่านัน้ ก็ได้สลายหายไปในพริบตา พืน้ ที่ที่ปรากฏอยู่
ตรงหน้านี้ คือ พืน้ ที่เดียวกับที่พวกศัตรูถูกหลอมละลาย
ไป
ผมเอียงคอสงสัยอยู่ครูห่ นึ่ง แต่ก็ดีแล้วแหละ หลังจาก
นั้นผมจึงได้ส่งพลังเวทไปยังเกียรติยศแห่งวิคตอเรีย
พลางชูขึ้นสูงสู่เบื้องบนโดยทันที ผมร่ายราดาบในมือ
กลางอากาศ แล้วจึงค่อยลดแขนลงมาอีกครัง้
ร่องรอยที่เกิดจากการหมุนวนของดาบนั้น ได้ทงิ้ ภาพ
ความประทับใจไว้ให้เห็น ณ วินาทีที่ผมกาลังจะลงสู่ผืน
ดินอย่างปลอดภัยอีกครัง้ หนึ่งนั้นเอง ก็บงั เกิด
สภาพการณ์บางอย่างที่คล้ายกับลมมรสุมปกคลุม
ตุ้บ!
พอผมสามารถแล่นลงสูผ่ ืนดินได้สาเร็จ ร่องรอยอันเกิด
จากการร่ายราดาบเมื่อครูก่ ็ได้เริ่มเลือนหายไป ผมจึงใช้
มือซ้ายที่ยนื่ ออกมา ชูดาบขึ้นกลางอากาศ แล้วฟาดฟัน
ลงมาทันที
บึ้ม!
ทันใดนั้น พลังเวทที่ยงั หลงเหลืออยู่ในร่องรอยเหล่านัน้
จึงได้แปรเปลีย่ นมาเป็นคมมีดอันแสนเฉียบคม ก่อนทีจ่ ะ
ค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วอาณาบริเวณกว้างขวาง
มรสุมแห่งคมมีดได้โหมกระหน่าเวียนวนเหมือนลมพายุ
ร่างของพวกศัตรูละแวกนัน้ ขาดท่อนๆ อย่างไร้ซึ่งความ
ปรานี
เสียงกรีดร้องอันแสนน่าเวทนาดังขึน้ เศษเนื้อหนังของ
มนุษย์ได้ปลิวกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ร่างกายผมจึงเปียกปอนไปด้วย
เลือดอุ่นๆ ทีเ่ ทกระหน่าลงมาเหมือนสายฝนก็ไม่ปาน
ผมหลับตาอยู่ชวั่ ขณะหนึ่ง แล้วจึงลืมตาขึน้ มาอีกครั้ง
ทาให้ได้เห็นเหล่าผู้เล่นจานวนมากที่กาลังจดจ้องมาทาง
ผม ผู้ซึ่งสามารถจัดการต่อสู้กบั พวกมันเมื่อครู่ได้อย่าง
หวุดหวิด และในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้น ผมเห็นคังแท
อุก ‘หมอศาสตร์มืด’ อีกด้วย
อย่างนีน้ ี่เอง อดทนได้ดกี ว่าทีค่ ิด
บางทีมันคงจะได้เห็นการประทานลูกเตะของผมเมื่อครู่
ก่อนหน้า เพราะมันได้แสดงไหวพริบให้เห็นออกมาทีละ
นิดแล้ว
ผมก้าวเดินออกไปข้างหน้าช้าๆ มีเจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่
ในกองซากศพ ส่งสายตาจดจ้องมาที่กา้ วย่างของผมที
ละก้าว ทีละก้าว
และในตอนที่ผมกาลังจะค่อยๆ ปล่อยแท่งดาบลงมา
นั่นเอง
“อันตราย!”
“ตายซะ! อั้ก!”
เจ้าคนที่อยู่ในกองซากศพนัน่ ได้วงิ่ พรวดออกมาทันที
แต่แล้วมันก็ถกู หักคอไป ทาให้ต้องล้มกายลงไปสู่เบื้อง
ล่างอีกครัง้
ทันทีที่ผมหันไปมอง ก็ได้เห็นบุคคลหนึง่ ผู้ซึ่งคุน้ หน้าค่า
ตาเป็นอย่างดี
“ละ...ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
ใช่อีชานฮี มือสังหารส่งวิญญาณหรือเปล่า เขาวกกลับ
ไปเก็บมีดสั้นที่เพิ่งขว้างออกไปเมื่อกีน้ ี้ แล้วจึงวิง่ เข้ามา
หาผมในทันที
ในตอนนัน้ เอง

[นัยน์ตาปีศาจ, ดวงตาแห่งมารร้ายกาลังจดจ้องท่าน
อยู่!]
[ตอบสนองด้วยดวงตาที่สาม มองเห็นได้อย่างทะลุปรุ
โปร่งแล้ว! ขอยืนยันว่าเป็นไซม่อน ไครมส์ ผู้เล่นของ
ดวงตาแห่งมารร้าย ตาแหน่งคือ...]

วินาทีนนั้ ผมรู้สกึ ว่ามีพลังบางอย่างปะทุอยู่ในแววตา


“คุณพอจะทราบไหมครับว่า ท่านราชินีแห่งเงามืดอยู่ที่
แห่งไหน”
ผมชี้ไปยังทิศหนึ่ง แล้วจึงค่อยผลักเขาออกไปเสีย ก่อนที่
จะเริ่มวิ่งไปอีกครัง้
“ละ...ลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่! ตรงไหนหรื…!”
เสียงเรียกของเขาน่ะ ผมได้ยินเต็มสองหู แต่ก็ไม่สนใจ
และออกวิ่งไปเรื่อยๆ
ในตอนนี้ ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทาไมอันซลถึงให้มา
ทางนี้
ไซม่อน ไครมส์
ผมเข้าร่วมสมรภูมิรบในครั้งนี้ก็เพื่อฆ่ามันคนเดียว
อันซลได้ช่วยชี้แนะให้ในสิ่งที่ผมปราถนาไว้แล้วล่ะ

***
“วิเวียน? ตอนนี้ไม่เห็นพวกศัตรูเลยนะคะ เราค่อยๆ
เคลื่อนตัวไปไม่ได้เหรอ ฉันเป็นห่วงแคลนลอร์ดยังไงก็ไม่
รู้ค่ะ”
“...”
“วิเวียน?”
วิเวียนมีสีหน้าเหม่อลอย ก่อนที่จะกะพริบตาถีๆ่ ให้กบั
คาถามของอิมฮันนา หล่อนถอนหายใจออกมา พลาง
พยักหน้าตอบรับ
“อ้า...อื้ม นัน่ สินะ”
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือว่าเหนื่อยคะ...”
อิมฮันนายังคงพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่วิเวียนก็ได้แต่
ส่ายหัวปฏิเสธไป
“มะ...ไม่หรอก ร่างกายฉันปกติดี พอได้โดนแสงเมื่อกีน้ ี้ก็
เหมือนได้เติมเต็มพลังเวทเข้าให้น่ะ คงจะอัญเชิญมา
ใช้ได้อกี ครั้งสองครั้งล่ะมั้ง แต่...”
“ข่าวดีนี่คะ! แต่อะไรล่ะ...?”
วิเวียนเอียงคออยู่ชวั่ ขณะหนึ่ง ก่อนทีจ่ ะจดจ้องไปยังทิศ
ใดทิศหนึง่ แล้วจึงปริปากพูดออกมาว่า
“ก็แค่รู้สกึ แปลกๆ นิดหน่อยมาตั้งแต่เมื่อกีน้ ี้แล้ว ทาไม
จู่ๆ ถึงรู้สกึ เศร้าแบบนีก้ ไ็ ม่รู้”
เชร้ง!
อาวุธฟาดฟันกับอาวุธอย่างหนักหน่วง เสียงโลหะ
กระทบกระทั่งดังขึน้ ทั่วทุกหนแห่ง และแน่นอนว่าเสียง
นั่น ไม่ได้ดงั ขึน้ จากตาแหน่งเพียงตาแหน่งเดียวเท่านัน้
การสั่นสะท้านอย่างรุนแรงที่ปะทุขนึ้ จากที่ต่างๆ นี้
ค่อยๆ ดังกระหึ่มจนพืน้ สั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน ทาให้
สามารถคาดเดาได้ถึงความดุเดือดของสงครามครั้งนี้ได้
และเสียงที่ดังต่อเนื่องออกมานั้นก็แตกต่างกันออกไป
ด้วย
ทั้งการแผดเสียง ร้องคาราม เสียงกรีดร้องที่เกิดจาก
ความเจ็บปวด เสียงตะโกนโห่ร้องที่มคี าด่าปะปน เสียง
คนดิน้ รน วิงวอนร้องขอชีวิต
ทั้งเปลวไฟและระเบิดที่ปะทุขนึ้ จากทั่วทุกสารทิศนี้ทาให้
ดินทรายในละแวกนี้เกิดการฟุง้ กระจาย ซึ่งแน่นอนว่ามี
เนื้อหนังมังสาของมนุษย์ และเลือดสีแดงฉานสาด
กระเซ็นตกลงสู่ผืนดินอีกด้วย ช่างเป็นการต่อสูท้ ี่ไม่
สามารถคาดเดาอะไรได้เลย ในขณะนี้ทั้งพวกตะวันออก
กับพวกตะวันตกก็เอาแต่เปิดฉากต่อสู้ วุน่ วายไปหมด
จนไม่อาจแยกได้เลยว่าฝ่ายใดคือศัตรู ฝ่ายใดคือกาลัง
พลที่แท้จริง
“ไอ้บ้าเอ๊ย! รักษาระยะไว้! อย่าหนีสิวะ อยู่กบั ที่!”
สวบ!
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังผ่าอากาศขึน้ มา ร่างของพวก
เร่ร่อนที่ล้มตึงลงไป ดูทา่ คงจะถูกฟันจนเนื้อขาด เจ้านัน่
กลายเป็นศพที่มีลาคอและศีรษะแยกออกจากกัน ชายผู้
หนึ่งเห็นภาพนัน้ จึงระเบิดเสียงหัวเราะดังออกมาทันที
“ฮ่าๆ! เข้ามาสิวะ เข้ามาเลย! มาสูก้ ับท่านคิมด็อกพิล
นักฆ่าพวกเร่ร่อนหน่อยเป็นไง!”
ตัวเอกในครัง้ นีค้ ือ ‘นักฆ่าพวกเร่ร่อน’ คิมด็อกพิล
นั่นเอง เบื้องหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยคอจากซากศพ
ของผู้ที่คิดจะหนีไป มีอยู่มากมายหลายสิบเลยก็ว่าได้
เขากะพริบตา ในขณะที่มือกาลังถือคอทีม่ ีเลือดกาลังพุง่
กระฉูดออกมา ศัตรูบางคนที่เห็นเช่นนั้น จึงออกอาการ
ตัวสั่นในทันที
“โห่ววว!”
แต่แล้วก็ได้ยนิ เสียงโห่รอ้ งตะโกนของกาลังพลที่ดังไล่
หลังขึน้ มา พวกเขาคงมีแรงให้ต่อสู้อยู่อีก จึงได้เริ่มก้าว
เท้าเข้ามาประจันหน้ากันอีกครัง้
การต่อสู้ในขณะนี้ จะเห็นได้วา่ พวกทวีปตะวันตกกับ
พวกเร่ร่อน ทหารพันธมิตรกาลังกอบกุมความได้เปรียบ
อยู่เห็นๆ ซึง่ ในความจริงก็ต้องเป็นเช่นนัน้ อยู่แล้ว
เพราะปัจจัยหลากหลายอย่างที่อยูเ่ หนือกว่า ไม่ว่าจะ
เป็นพละกาลังหรือจานวนคน เพราะฉะนั้นการที่เหล่าผู้
เล่นฝ่ายตะวันออกยังสามารถยืดหยัดต่อสูก้ ับพวกมันได้
จนกระทั่งป่านนี้ ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับปาฏิหาริย์เลย
แม้แต่น้อย
ไม่สิ จริงๆ แล้วก็เป็นปาฏิหาริยน์ นั่ แหละ
ในช่วงแรกๆ คิมซูฮยอนได้ถว่ ง เก็บเกีย่ วเวลาไว้ให้ได้
มากที่สุดแล้ว ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้ฝ่ายตะวันออกสามารถ
บริหารจัดการได้บา้ งบางส่วน และปาฏิหาริย์อนั เป็น
ความสามารถเฉพาะตัวของอันซลก็ได้ส่งอิทธิพล
มากมายต่อสมรภูมริ บครั้งนี้อีกด้วย สภาพของกองพล
ได้ถูกชักนาไปอย่างถึงทีส่ ุดแล้ว แม้กระทั่งกระสุนปีศาจ
ที่เคยหลงเหลืออยู่ในสนามรบนี้ ยังถูกกาจัดออกไปจน
หมดสิ้นอีกด้วย
ถึงกระนัน้ แม้จะบอกว่าตอนนีพ้ วกมันกาลังได้เปรียบ
ทว่ายิ่งเวลาผ่านเลยไปมากเท่าใด ฝั่งทหารพันธมิตรเอง
ก็จะยิ่งเกิดความร้อนอกร้อนใจมากขึน้ เช่นเดียวกัน ดู
จากที่พวกมันแทบจะบุกทะลวงเข้ามาได้นั้น ท้ายที่สุด
แล้วการต่อต้านของฝ่ายตะวันออกก็ยิ่งทวีคูณความหนัก
หน่วงมากยิ่งขึ้น
สิ่งเหล่านั้นเกิดขึน้ โดยไม่ทันตั้งตัวจริงๆ กะทันหันมาก
ด้วย
ในท้ายที่สดุ แล้ว แผนของทหารพันธมิตรที่ตั้งใจว่าจะฝ่า
ทะลุกองทหารฝั่งประตูทางตะวันตกนัน้ ตอนนีแ้ ทบจะ
เรียกได้วา่ ล้มเหลวไม่เป็นท่าก็ว่าได้ และการสะกัดเอาไว้
ให้ได้จนกว่ากองกาลังเสริมจะเดินทางมาถึงนัน้ ปัญหา
อยู่แค่เวลาเท่านัน้
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 26
_______________________________________
“ฝ่าเข้าไปเลย! ฝ่าเข้าไปให้ได้! ถ้าไม่ได้ก็ต้องผ่านมันไป
เสีย!”
“แม่งเอ๊ย”
พวกศัตรูรวมตัวกันเสมือนคลืน่ ยักษ์อีกครัง้ หนึง่ คิมด็
อกพิลเห็นดังนัน้ จึงสบถคาหยาบออกมาทันที หลังจาก
นั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องไปยังฝั่งตรงข้ามที่พวก
ศัตรูกาลังรวมตัวกันอยู่ แววตาของเขานัน้ เต็มไปด้วย
ความบ้าคลัง่ แต่กระนัน้ ก็ยงั มีแววตาอันจริงจังที่
คาดหวังความช่วยเหลืออยู่บ้าง
เขาจับลาคอที่มีเลือดสีแดงฉานไว้แน่น พลางรวบรวม
แรงกายแรงใจ ตะโกนออกไปด้วยน้าเสียงอันแสนเย็นชา
ว่า
“รวมตัวกันไว้! อดทนให้ได้! อดทนต่อไปอีกหน่อยเดียว
เดี๋ยวพวกกองกาลังเสริมก็มาแล้ว!”
แม้จะไม่รู้แน่ชดั ว่าจะต้องอดทนต่อไปอีกเท่าไหร่ แต่
เรื่องนี้นี่แหละ ที่เป็นความปรารถนาหนึ่งเดียวที่เหล่าผู้
เล่นตะวันออกต่างถวิลหา
ในเวลาต่อมา เหล่าผู้เล่นฝ่ายตะวันออกจึงได้เริม่ ส่งเสียง
ดังออกมาบ้าง เสียงตะโกนโห่ร้องของแต่ละฝ่ายดัง
ขึ้นมาปะทะกันอย่างไม่ยอมแพ้
และในระหว่างนั้นเอง การเปลี่ยนแปลงทีน่ าไปสู่
สภาพการณ์ใหม่ๆ กาลังคืบคลานเข้ามาใกล้โดยไม่มีใคร
รู้ตัว

ณ สมรภูมิรบอันแสนดุเดือดครัง้ นี้ เสียงดังลัน่ ไปด้วย


เสียงฝีเท้าของกองพลจานวนมาก จนไม่สามารถ
คาดคะเนจานวนคนได้ถูกเลย
เสียงฝีเท้านั่นค่อยๆ ผ่านเลยไป ทิง้ ไว้เพียงรอยเท้า
จานวนนับพันบนผืนดินที่ชุ่มโชกไปด้วยน้า
“เร็วกว่านี”้
เสียงหนึง่ ดังขึน้ แทรกมา จึงทาให้กาลังพลเหล่านัน้ สับ
ฝีเท้าเร็วมากขึน้ ความเร็วในการเดินขบวนถือว่าเร็วขึ้น
เป็นสองเท่าเลยทีเดียว
จากที่ผมเห็น จานวนของเหล่าผู้เล่นที่กาลังเดินทัพไป
อย่างพร้อมเพรียงกันนี้ มีอยู่ประมาณหกพันคนเห็นจะ
ได้
นั่นแหละ เหล่าผู้เล่นที่เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ
เรียบร้อยและกาลังเดินทัพสู่สมรภูมิรบที่กาลังจะถึงนี้
จากที่ผมเห็นน่าจะเป็นเหล่าผู้เล่นทีร่ ับหน้าที่ฝั่งประตูทศิ
ใต้กบั ประตูทิศเหนือ พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ ณ
ขณะนี้ได้อย่างดีเยีย่ ม และกองกาลังเสริมทีถ่ ูกบริหาร
จัดการไว้เป็นอย่างดีก็เดินทางมาถึงได้ในที่สุด
“เฮ้อ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะครับ วุน่ วาย
เละเทะสุดๆ ไปเลย”
“อืม”
มีผู้เล่นคนหนึ่งพูดขึน้ จึงทาให้ชายผู้นนั้ พยักหน้าตอบ
รับ แม้เขาจะเห็นสงครามอยู่ไกลๆ ไม่ได้เห็นชัดเจนมาก
นัก แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าสภาพสงครามในขณะนีก้ าลังน่า
อกสั่นขวัญหายอยู่ไม่นอ้ ย
ชายผูน้ ั้นจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถ้ายังโอเคอยู่ ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ”
“แคลนลอร์ดครับ กองพลฝั่งประตูตะวันออกติดต่อเข้า
มาครับ เขาบอกว่าจับจองตาแหน่งไว้แล้ว แต่...มีคนรอ
อยู่เยอะเลยล่ะครับ”
“ฉันไม่ใช่แคลนลอร์ด แต่เป็นผู้บัญชาการต่างหาก”
ชายผูน้ ั้นพูดออกมาเพียงหนึ่งประโยค หลังจากนัน้ จึง
ค่อยเพิ่มระดับเสียงพูดขึ้นมาอีกครัง้
“ก่อนจะโจมตี...ต้องบอกให้อีกฝ่ายรูก้ ่อนว่าพวกเรา
มาถึงแล้ว เพราะฉะนัน้ ขอให้ตะโกนเสียงดังๆ บอกพวก
มันด้วย”
เหล่าผู้เล่นได้แต่มองหน้ากันไปมา หลังจากได้รบั คาสั่งที่
ไม่คาดคิด แต่แล้วชายผู้นั้นก็ได้ออกมานาหน้า แล้วเริม่
วิ่งออกไปทันที ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้พวกเขาเร่งฝีเท้าเร็ว
ขึ้นตามไปด้วย
การเดินขบวนของกาลังพลในขณะนี้ มีลกั ษณะเป็นรูป
สี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่หลังจากสิ้นเสียงคาสัง่ เมื่อครู่ จึงทาให้
กาลังพลที่อยูก่ ึ่งกลางในการเดินขบวน เริ่มที่จะวิ่งพุง่ ตัว
ออกไปด้านหน้าทีละน้อย โดยกลุ่มหัวหน้า รวมถึงชายผู้
นั้นที่ออกคาสั่งจะเดินนาอยู่หน้าสุด หลังจากนัน้ จึงเป็น
คลาสระยะประชิด และคลาสระยะไกล ตามลาดับ
การเดินทัพของเหล่าผู้เล่นจานวนมากถึงหกพันคน
ค่อยๆ สับฝีเท้าอย่างรวดเร็วมากขึน้ เรื่อยๆ
ยิ่งระยะทางสั้นเข้าไปมากเท่าใด ใบหน้าของทุกคนต่างก็
ตึงเครียด หัวใจเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะ
บัดนี้ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นการวิง่ อย่างเต็มรูปแบบ ชายผู้
นั้นคิดได้ว่าระยะทางราวๆ นีค้ งจะได้การในระดับหนึง่
แล้ว เขาจึงคว้าดาบออกมา แล้วตะโกนออกไปเสียงดัง
“เริ่มปฏิบัตกิ ารช่วยเหลือกองพลฝั่งประตูตะวันตก
ทหาร! พร้อม!”
ชายผูน้ ั้นตะเบ็งเสียงออกมา เหล่ากาลังพลทัว่ ทุกนายก็
ชูอาวุธในมือขึน้ มาอย่างพร้อมเพรียงกัน อีกทั้งยังได้ยนิ
เสียงร่ายเวทดังขึ้นมาพร้อมๆ กันอีกด้วย
และในช่วงที่เคลื่อนทัพเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนสามารถ
เห็นสภาพสงครามได้อย่างชัดเจนกับตาแล้วนัน่ เอง
วินาทีนนั้ เขาจึงลดดาบในมือลง พร้อมตะโกนออกไป
ด้วยเสียงที่ดังกึกก้องทีส่ ุดเท่าที่ตัวเองจะทาได้
“บุก!”
“เฮฮฮ!”
ในเวลาเดียวกันนัน้ กองพลฝั่งประตูทางใต้และทาง
เหนือต่างพร้อมใจกันตะโกนโห่ร้องออกมา แล้วจึงเริ่มวิ่ง
ตัดทุ่งกว้างเข้ามาในที่สดุ
หลังจากนั้น เหล่าผู้เล่นจานวนหกพันคนที่ได้วงิ่ ผ่านทะลุ
กองศพออกมา จึงได้บกุ เข้าไปราวกับคลื่นลูกใหญ่
อีกด้านหนึง่ ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง
เฮฮฮ!
เสียงตะโกนโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วทุ่งกว้าง วินาทีที่ได้ยิน
เสียงเช่นนัน้ ซองฮยอนมินจึงได้ยนั กายลุกขึ้นช้าๆ แล้ว
รีบลุกออกไปข้างหน้าในทันที โดยมีบุคคลหนึง่ รีบตาม
ประกบมาด้วย
“แคลนลอร์ดฮันคะ ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มมากันแล้ว
นะคะ”
“ใช่ ดูท่าว่าพอเราติดต่อไปหา เขาก็เริ่มเคลื่อนขบวน
เข้ามาทันที เร็วใช้ได้ ฮ่าๆ”
ซองฮยอนมินหัวเราะร่วนอย่างไม่นกึ กระดากอาย สตรีผู้
หนึ่งปรายตามองเขา แล้วทาหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“จะไม่เสียใจที่หลังหรือคะ”
“เสียใจเหรอ”
คาถามที่ซองฮยองมินถามย้อนกลับมา ทาให้หล่อน
ถึงกับปิดปากฉับ
ก่อให้เกิดความเงียบระหว่างคนทั้งสองไปชัว่ ขณะหนึ่ง
แล้วซองฮยองมินจึงได้พูดออกมาอีกครั้ง
“ผมทาตามความเชื่อมัน่ และศรัทธาของตัวเอง และแค่
ทาตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ก็เท่านัน้ เอง”
“อย่างไรก็ตาม...”
“เพราะฉะนั้น คาตอบของผมก็คือ... ใช่ ไม่เสียใจเลย
ครับ”
หลังจากพูดประโยคเหล่านัน้ จบ ซองฮยองมินจึงได้
กวาดตามองอาณาบริเวณด้วยสายตาอันแสนสบาย
อารมณ์
ทหารของกองพลฝั่งประตูตะวันออกในปัจจุบนั อยู่ที่
ราวๆ สามพันห้าร้อยคน และพวกเขากาลังเข้าแถว
รวมตัวกัน เหมือนกาลังยืนรอใครสักคนก็มปิ าน
ความจริงแล้ว ตั้งแต่เขาเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
มาก่อนหน้านี้ ซองฮยอนมินก็สามารถจับพิรุธแปลกๆ
ได้ดีขนึ้ หลังจากป้อมปราการพังทลายลง พวกศัตรูตา่ ง
ก็วิ่งหนีกรูกนั ออกมาอยูบ่ ริเวณประตูทางตะวันตก พอ
เขาสามารถยืนยันข้อมูลในจุดนี้ได้สาเร็จ เขาก็เริ่มมัน่ ใจ
ในการสังเกตของตัวเองมากยิ่งขึ้น
แต่ซองฮยอนมินกลับไม่เลือกที่จะออกไปช่วยเหลือสาม
พันห้าร้อยคนนัน่ ทันที เขากลับเลือกเส้นทางทีแ่ ปลก
แตกต่างออกไปสักเล็กน้อย โดยเขาส่งข่าวคราวไปหา
กองพลฝั่งประตูทางใต้กับทางเหนือให้ได้รบั รู้ ส่วนทาง
ฝั่งตัวเองก็อ้อมสมรภูมริ บออกไป แล้วจึงไปตั้งฐานทัพ
ใหม่บริเวณที่พวกศัตรูจะเลี้ยววนกลับมา
การกระทาเช่นนี้ไม่ได้สวนทางไปจากยุทธศาสตร์การรบ
ที่วางไว้กจ็ ริง แต่กย็ ังมีช่องว่างที่ทาให้เกิดการโต้แย้งอยู่
บ้าง แต่ซองฮยอนมินก็ยังทาตามประสงค์ของตัวเอง
ต่อไป มีแต่เขาเพียงผู้เดียวเท่านัน้ ที่รู้วา่ เป้าหมายที่ซ่อน
เร้นอยู่นนั่ คืออะไร
หลังจากนั้นแกนโลกตรงเบื้องล่างค่อยๆ เริม่ สัน่ สะเทือน
ทีละนิด ทีละนิด ซองฮยอนมินที่จดจ้องอยู่ตรงเบื้องหน้า
มาได้สกั ระยะ จึงได้เปิดปากพูดออกมาด้วยท่าทีเรียบ
เฉย
“ดูท่าว่าจะมาจนได้แล้วสินะ”
“จะชนะได้ไหมคะ เพราะจานวนคนมีเยอะกว่าพวกเรา
อยู่มากทีเดียว”
“พวกเราตอนนี้สามารถชนะได้สบายๆ”
ซองฮยอนมินพูดเช่นนัน้ พร้อมความมัน่ อกมัน่ ใจที่เปีย่ ม
ล้นอยู่ในแววตา ความมั่นใจของเขา ทาเอาสตรีที่มอง
เขาอยูน่ นั้ ถึงกับถอนหายใจ แล้วจึงค่อยเพิ่มระดับเสียง
ในการร่ายเวทขึ้นทีละน้อย
ใบหน้าของเหล่าผู้เล่นที่กาลังรอโอกาสอยู่ละแวกนี้ล้วน
แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล ผู้เล่นบางคนมีสี
หน้าคับแค้นใจ บางคนก็ทาหน้าเหมือนสงสัยอะไร
บางอย่าง
แม้จะยังไม่ได้เปิดฉากปะทะกับพวกศัตรูมาจวบจนถึง
บัดนี้ แต่กองพลฝั่งประตูตะวันตกต่างรูต้ ัวดีว่าพวกเขา
กาลังจะได้ต่อสู้อย่างสุดกาลังแล้วเร็วๆ นี้
ซองฮยอนมินมองสอดส่องพวกนั้นอย่างว่องไว แล้วจึง
พูดออกมาด้วยน้าเสียงแผ่วเบาว่า
“พวกศัตรูกาลังมา”
บรรยากาศรอบกายที่เคยเงียบสงัด บัดนีก้ ลับเริม่ เผยให้
เห็นถึงความตึงเครียดขึน้ มาเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะพวกเราเตรียมการไว้อย่างดี
แล้ว ทุกคนต่างเคยออกสารวจกันมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ
ขอแค่ทาตามเหมือนที่เคยทามาอยู่ตลอดๆ ก็โอเคแล้ว”
ซองฮยอนมินพูดด้วยน้าเสียงติดตลก แต่กลับไม่มีผู้เล่น
คนใดหัวเราะให้กบั คาพูดของเขาเลย ในระหว่างนั้น
แกนโลกเบื้องล่างเริ่มสัน่ สะเทือนรุนแรงมากขึน้ เรื่อยๆ
การเคลื่อนไหวบางอย่างที่เห็นอยู่ไกลลิบ ก็เริ่มเห็นได้
อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดจึงได้ค่อยๆ เริ่มเห็น
กองพลส่วนหน้าของทหารพันธมิตร ผู้ซึ่งกาลังบุกฝ่า
ทะลวงสมรภูมิรบในครัง้ นี้
ในสถานการณ์เช่นนั้น ซองฮยอนมินก็ไม่ได้นงิ่ เฉยไปเสีย
ทีเดียว ทางเลือกของเขามีอยู่สองทาง คือ ให้พวกศัตรู
วนซ้าย วนขวาไปเรื่อยๆ แล้วจึงหนีออกไป หรือไม่ก็บกุ
เข้าไปทั้งอย่างนี้มนั เสียเลย
ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย สิง่ ที่เป็นงาน
เร่งด่วนของกองพลฝั่งประตูตะวันออกนัน้ ก็คอื พวก
ทหารพันธมิตร ส่วนฝั่งของตัวเองก็ได้เตรียมตัวมาอย่าง
สมบูรณ์แบบที่สดุ แล้ว เพราะฉะนัน้ จึงไม่จาเป็นที่จะต้อง
บุ่มบ่าม เข้าไปรบราฆ่าฟันกับพวกมันให้เสียเลือดไป
มากกว่านี้ เพราะพวกเขาสามารถต่อสู้ รับมือกับพวก
มันได้อย่างดีเยี่ยมแน่นอน เหล่าผู้เล่นที่ภาคภูมิใจใน
ทวีปเหนือต่างก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ยังคง
เหมือนเดิม ไม่เปลีย่ นแปลง ซึง่ ก็แน่นอนแหละว่า ต่าง
คนต่างมีการคาดคะเนกันเอาไว้อยู่สว่ นตัวแล้ว แต่ว่า...
ซองฮยอนมินที่คิดอะไรสักพัก จึงได้เผยรอยยิ้มอันแสน
เย็นยะเยือกออกมาให้เห็น
“เอาล่ะ ถึงเวลาล้างแค้นที่เรารอคอยกันมานานแสน
นานแล้ว มีคนมาร่วมรบในครั้งนี้เยอะมาก ขอให้ทุกคน
เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ”
เขาเริ่มยืนยันได้ว่า พวกศัตรูส่วนหน้าเริ่มรุกฆาตเข้ามา
อย่างช้าๆ แล้ว ดังนัน้ เขาจึงไม่รอช้า รีบตะเบ็งเสียง
ออกมาทันที
ฟิ้ว ฟิว้ !
ทันใดนั้น เหล่านักธนูจงึ ได้ยิงธนูออกมาอย่างพร้อม
เพรียงกัน นักเวทร่ายเวทดังกระหึ่มไปทั่วทุกสารทิศ
ส่วนเหล่าผู้เล่นที่มีนสิ ัยใจร้อนก็ตั้งท่าจะยิงขูพ่ วกมัน
ออกไปด้วย
“รอเวลาอีกหน่อย”
แต่แล้วซองฮยอนมินกลับส่งสัญญาณห้ามปรามออกมา
ทันที เขาจ้องไปยังทิศเบื้องหน้าด้วยสายตาอันเฉียบ
แหลม
ดูเหมือนพวกทหารพันธมิตรจะรู้แล้วว่ากองพลฝั่งประตู
ตะวันออกได้ตั้งฐานไว้บริเวณเส้นนี้ จึงทาให้พวกมัน
หยุดการเคลื่อนขบวนไปชัว่ ครู่ แต่แล้วพวกมันกลับเริ่ม
วิ่งเข้ามาข้างหน้าอีกครัง้ ราวกับกาลังวิ่งหนีอะไร
บางอย่าง
ซองฮยอนมินมองพวกศัตรู พลางคิดในหัวว่าพวกมัน
ช่างโง่เขลาเบาปัญญาเสียจริง ทว่าเขาก็ไม่ประมาทแต่
อย่างใด เพราะการที่จะจู่โจมเช่นนั้นได้จะต้อง
หมายความว่ายังมีพวกศัตรูที่อยูใ่ นที่ที่มองไม่เห็นอยู่
ด้วยแน่ๆ
“รอ รอเวลาก่อน”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 27
_______________________________________
การคาดคะเนของซองฮยอนมินเห็นทีจะถูกต้องเป็นแน่
แท้ เพราะทหารพันธมิตรส่วนหน้าจานวนมากค่อยๆ
เริ่มปรากฏโฉมให้เห็นเข้าทุกที แม้จะพินจิ พิเคราะห์ดู
เช่นไร จานวนของพวกเขาก็มีอยู่มากกว่ากองพลฝั่ง
ประตูตะวันออกถึงเท่าตัวเลยทีเดียว
แม้การบุกวิ่งเข้ามาของมันจะดูเป็นการกระทาที่บุ่มบ่าม
ก็จริง แต่ทว่าท่าทีของพวกมันนัน้ เหมือนพยายาม
คุกคาม ข่มขู่อีกฝ่ายอย่างไรชอบกล
ด้วยเหตุนี้ จึงทาให้เหล่าผู้เล่นบางส่วนเริ่มออกอาการ
สั่นให้เห็น มือทีจ่ ับคันธนูก็เกิดสัน่ สะท้าน เสียงที่กาลัง
ร่ายเวทอยูน่ ั้น จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างติดขัดเข้าที่ลาคอ
“ไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย พวกเราสามารถชนะได้อยู่
แล้ว เราจะเป็นวีรบุรุษในสมรภูมริ บครัง้ นี้!”
และแล้วเหล่าศัตรูดา้ นหน้าจึงได้เผยโฉมออกมาให้เห็น
ในที่สุด
“เฮฮฮ!”
วินาทีทพี่ วกมันเข้ามาอยู่ในขอบเขตได้สาเร็จ ซองฮยอน
มินจึงไม่รอช้า รีบตะโกนออกมาสุดเสียงเลยทันที
“ไม่ว่าใครหน้าไหนที่บกุ เข้ามา ก็อย่าปล่อยให้มันพลาด
ออกไปแม้แต่คนเดียว! ทุกคนบุก!”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ลูกธนูที่ถกู เตรียมพร้อมไว้แต่
แรกจึงได้ถูกยิงขึน้ ทะลุฟ้า หลังจากนัน้ ลูกธนูทวี่ ่าก็ได้
วาดตัวเป็นเส้นโค้ง แล้วจึงร่วงหล่นลงมาตกใส่พวกศัตรู
ที่กาลังโหมกระหน่าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
***

นั่นอะไรน่ะ
ในระหว่างที่ผมกาลังออกแรงวิ่งอยูน่ ั้น จู่ๆ ก็เกิดคาถาม
เกี่ยวกับจานวนศพที่เพิม่ ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทั่วทุก
สารทิศมีแต่ลูกธนูและเวทมนตร์กระจายอยูใ่ ห้ว่อน ผืน
ดินเบื้องล่างร้าวแยกออกจากกัน ส่วนศพที่เห็นอยู่ตรง
เบื้องหน้านี้ แทบจะเป็นทหารพันธมิตรไปเสียหมด
ความจริงแล้วผมตั้งใจว่าจะไล่ล่าไซม่อน แต่แล้ว
สถานที่ที่ผมกาลังวิง่ ผ่านอยู่ในขณะนี้ กลับกลายมาเป็น
อุปสรรคขวางกั้นไปเสียได้ แม้ผมจะสามารถวิ่งผ่านไป
ได้อย่างรวดเร็วเหมือนวิ่งทางตรงเฉยๆ ก็ตาม แต่แล้ว
ผมก็คิดว่ายิง่ วิ่งออกไปข้างหน้ามากเท่าใด พวกศัตรูที่รอ
ผมวิ่งผ่านอยู่เบื้องหน้าก็ยิ่งมีมากขึน้ ไปอีก กาลังพลของ
เราตอนนี้ยิ่งลดน้อยถอยลงไปอยู่ด้วย
ทว่าผมก็มองไม่เห็นพวกศัตรูแต่อย่างใด หมายความว่า
...
อ๋อ
พอผมสามารถวิง่ ฝ่าทะลุกองศพออกมาได้สาเร็จ ผมก็
พอจะรู้คาตอบที่แท้จริงแล้วล่ะ เพราะผมเห็นภาพ
เหตุการณ์การต่อสู้อยู่ไกลๆ ด้วยตาของตัวเอง ภาพที่
เหล่าผู้เล่นกับทหารพันธมิตรฟาดฟันกันจนแยกไม่ออก
ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนกาลังบอกให้ผมรู้วา่ กองกาลัง
เสริมได้เดินทางมาถึงแล้วนัน่ เอง
จริงๆ ก็มาถึงได้แล้วนี่ แต่...
ถ้าอย่างนั้นกองทหารที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ จะใช้กองกาลัง
สนับสนุนหรือเปล่า หรือว่าเส้นทางของพวกเร่ร่อนถูก
ตัดขาดไปแล้วเรียบร้อยกันแน่
แม้ผมจะยังสงสัยอยูบ่ ้าง แต่แล้วเสียงอาวุธของแต่ละ
ฝ่ายที่กระทบกระทั่งเข้าหากันก็ได้ดงั ใกล้ตัวมากขึน้
เรื่อยๆ ผมจึงรีบสะบัดหัวตัวเองอย่างว่องไว
อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ เหล่าผู้เล่นของกองพลฝั่ง
ประตูตะวันตกอาจจะคิดว่าผมไร้นาใจก็ ้ ได้ แต่สาหรับ
ผมแล้วนัน้ สถานการณ์ในขณะนีเ้ ราไม่จาเป็นทีจ่ ะต้อง
ทาดีใส่กนั ต่อไปอีกแล้ว
ไหนจะไซม่อนที่หางโผล่ จนต้องวิ่งหางจุกตูดหนีไป
ส่วนเหล่าศัตรูก็กาลังชุลมุนวุน่ วาย วิ่งขัดขวางไปทั่วทุก
หนแห่งในสมรภูมินี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้แล้ว มันก็ยังจะพอ
มีที่ที่จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของพวกศัตรูอยู่ โดยที่
แห่งนี้นนั้ จะไม่ต้องพบเจอกับอุปสรรคขวางกัน้ ใดๆ อีก
ทั้งยังสามารถบุกเข้าไปได้เลยด้วยซ้า
ผมกังวลอยู่ชวั่ ครู่วา่ จะต้องทาอย่างไรต่อไป แต่แล้วผมก็
ตัดสินใจว่าจะบุกสมรภูมิรบเข้าไปทัง้ อย่างนีน้ ี่แหละ
แม้การมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งจะยังคงทางานอยู่
ตลอดจนกระทั่งเมื่อครู่ แต่แล้วนัยน์ตาปีศาจของไซม่อน
ก็ยังคงจ้องมองมาทางผมเหมือนเดิม ไม่มเี สื่อมคลาย
ท่าทางดูเหมือนกับว่าเขารู้ดีอยู่แล้ว ว่าอย่างไรผมก็
จะต้องโดนฆ่าตายอย่างแน่นอน
แต่เท่าที่ผมจาได้นนั้ ไซม่อนไม่ใช่นักสูร้ ะยะประชิดแต่
อย่างใด หากจะแจกแจงให้ชัดเจน ก็เรียกได้ว่าใกล้เคียง
กับคลาสนักเวทล่ะมัง้ หากไม่มกี ารขวางกัน้ ของพวก
ศัตรูทวี่ ิ่งกรูเข้ามาเหมือนผีเสื้อบินหึ่ง ผมก็มนั่ ใจว่าจะ
สามารถจับตัวมันได้ภายในเวลาสิบนาทีอย่างแน่นอน
พายุฝนุ่ ละอองก่อตัวหนาทึบอยู่ตรงเบื้องหน้า ผืนดินที่
ผมกาลังเหยียบย่าอยู่ในขณะนี้ ช่างเหือดแห้ง ไม่มีความ
เปียกชืน้ ใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ในพายุฝนุ่ ละอองเช่นนี้ มีการต่อสู้อนั แสนดุเดือดซุกอยู่
ข้างใน ผมจึงไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปทันที
ทั้งนี้ก็เพื่อประวิงเวลาสองปีที่กว่า
ผมฝ่าตัวเองเข้าไปในพายุฝุ่นหนาทึบตรงหน้า พอ
ออกมาได้สาเร็จ จึงพบกับภาพเหตุการณ์การต่อสู้อัน
แสนชุลมุนวุ่นวายปรากฏอยู่เต็มสองตา ที่บอกว่าเป็น
การต่อสู้อันแสนชุลมุนวุ่นวายก็เพราะว่า สมรภูมิรบแห่ง
นี้ต่างเต็มไปด้วยคลาสนักสูร้ ะยะประชิด เสียงโลหะ
กระทบกระทั่งซึง่ กันและกันดังขึน้ ไปทัว่ ทุกหนแห่ง ไหน
จะประกายไฟจานวนมากที่พวยพุ่งออกมาให้เห็นอยู่
แทบทุกวินาที
สภาพสมรภูมริ บนัน้ ดูคล้ายคลึงกันไปหมด แม้จะมองแค่
แวบเดียวก็ตาม
ด้วยความที่ทหารพันธมิตรมีทั้งจานวนกาลังพลและมี
พละกาลังเหนือชัน้ มากกว่า จึงทาให้พวกเขากาลังอยู่
ในช่วงที่เริ่มผลักดันรุดหน้าต่อไป ทว่าพวกเขาก็ไม่
สามารถทีจ่ ะข้ามผ่านสนามนี้ไปได้อย่างง่ายดายเหมือน
ดังเช่นที่ได้ข้ามผ่านทุ่งกว้างมาเมื่อสักครูน่ ี้ เพราะเมื่อนา
เหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกมาเทียบกับทหารพันธมิตรที่
บุ่มบ่ามวิ่งเข้าไปไม่ยั้งคิดเช่นนัน้ จะเห็นได้ชัดเจนว่า
เหล่าผู้เล่นฝั่งตะวันออกนัน้ ดูมนั่ คงมากกว่า อีกทั้งยัง
สามารถตอบโต้ รับมือได้มีประสิทธิภาพมากกว่าอีก
ด้วย
จากการที่ได้ดูสภาพสมรภูมิรบในตอนนีจ้ ะเห็นได้ว่ามี
เพียงแค่จานวนกาลังพลเท่านัน้ ที่มคี วามแตกต่างให้เห็น
อย่างชัดเจน หากลองคิดถึงศพของพวกทหาร
สัมพันธมิตรที่เห็นจากสถานที่ที่วิ่งผ่านมานั้น แม้ฝั่ง
ตะวันออกจะรับปากว่าจะยื่นมือมาช่วย ก็คงไม่เสียหาย
อะไร
อย่างไรก็ตาม ผมจาต้องหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้
ผมตั้งดาบให้กลับมาตรงอีกครั้ง และใช้สายตา สมาธิจด
จ้องไปตรงหน้า พวกศัตรูเฉียดกรายเข้ามาใกล้ตั้งแต่
เมื่อไหร่ไม่รู้ จากที่ผมเคยเห็นพวกมันอยู่ไกลๆ บัดนี้ยิ่ง
ระยะทางเข้าใกล้ไปมากเท่าไหร่ ภาพตรงหน้าก็ปรากฏ
ให้เห็นเด่นชัดมากยิ่งขึน้ หนึง่ คนที่อยู่ในนั้นพลันมีสีหน้า
ปั้นปึ่งขึน้ มาทันที คงเพราะเห็นผมเข้าแล้วสินะ
“พวกเร่ร่อนมันไปอยู่ไหนกันหมด!”
ฉับ!
ผมวิ่งผ่านร่างเจ้าหมอนั่นไป พลางใช้ดาบที่อยู่ในมือ
เฉือนคอของมันเสีย ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้ศรี ษะของมัน
ทะยานสูงขึน้ สูฟ่ ้าทันที เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่มนั เกิดความ
สับสนงุนงง ดูท่าว่าจะเข้าใจผิด คิดว่าผมเป็นพวก
เร่ร่อนเสียแล้ว
ในตอนนัน้ เอง
โฮกกก!
เสียงแผดร้องคาราม ราวกับสัตว์ประหลาดกรีดร้อง ดัง
สนั่นหวั่นไหวไปทัว่ ทุกมุมของสมรภูมิรบ ผมได้ยิน
เช่นนัน้ จึงหันหน้าไปยังต้นเสียงทันที แล้วจึงพบกับภาพ
เหตุการณ์ประหลาดเข้าอย่างจัง
ขบวนแถวของฝั่งตะวันออก จากที่เคยแออัดไปด้วย
กาลังพล บัดนีก้ ลับเปลีย่ นแปลงไปเสียแล้ว และ
จุดสาคัญที่ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึน้ ได้ก็คอื มี ‘สัตว์
ประหลาด’ ยืนอยูจ่ ริงๆ เข้าให้แล้ว
สูงประมาณห้าเมตรเห็นจะได้ รูปพรรณสันฐานของมัน
เหมือนกับจิ้งเหลน มีเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยปกคลุมไปทั่ว
ทั้งตัว และตอนนีม้ ันกาลังอาละวาดอย่างบ้าระห่า
มันใช้เล็บยาวๆ ของมันกวาดกาลังพลส่วนหน้าทุกหมู่
เหล่า ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้ขบวนแถวที่แออัดไปด้วยกาลัง
พลเกิดช่องโหว่ใหญ่ๆ ขึ้นมา
แม้เจ้าจิ้งเหลนประหลาดนั่นจะนาทัพมา จนเกิดรูโหว่
ขนาดใหญ่ แต่แล้วพวกศัตรูก็ไม่กลัวตาย วิง่ ฝ่าเข้ามา
ทันทีอย่างไม่คิดชีวติ
เจ้าสัตว์ประหลาดนัน่ ออกอาละวาดเหมือนหมูป่าคลุ้ม
คลั่ง โดยไม่สนว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ ด้วยเหตุนี้
จึงทาให้ขบวนแถวของฝั่งตะวันออกค่อยๆ แยกออกไป
เป็นครึ่งต่อครึง่
ผมได้ยินเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องโหยหวนผสม
ปนเปกันไปหมด เส้นผมโบกสะบัดไปกับสายลม
ณ วินาทีนั้น มีความคิดบางอย่างเฉียดผ่านเข้ามาในหัว
ของผม จึงได้เริ่มหันเหทิศทาง แล้วออกวิ่งไปอย่าง
สุดกาลัง
“นักบวช! นักบวชอยู่ไหน!”
“ระดมยิง! ระดมยิงไอ้สตั ว์ประหลาดนัน่ ซะ!”
ระยะทางของเจ้าอสูรกายร้ายนั่น อยู่ที่สี่สบิ เมตร ผมเห็น
ชายคุ้นหน้าคุน้ ตาคนหนึ่ง ยืนอยูบ่ ริเวณที่มันกาลังออก
อาละวาด เขากาลังกุมท้อง พลางล้มกระแทกตัวไปกับ
พื้น ไม่ผิดแน่ เขาคือซองฮยอนมิน
ฟิ้ว ฟิว้ !
โฮกกก! โฮกกก!
ลูกธนูจานวนมายิงเข้าไปปะทะเข้ากับเกล็ดของอสูรกาย
ร้าย แต่ก็ยงั ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งมันเอาไว้ได้ เจ้า
จิ้งเหลนคงจะรู้สึกระคายผิวเล็กน้อยเข้าให้แล้ว มันจึง
แผดเสียงคารามออกมาดังขึน้ อีก พลางสะบัดเท้าไปมา
ดินในทุ่งกว้างแห่งนีฟ้ ุ้งกระจายขึ้นสูงในชัว่ พริบตา แกน
โลกถึงกับสัน่ สะเทือน ราวกับเกิดแผ่นดินไหวน้อยๆ การ
กระทาเช่นนี้ ส่งผลให้เหล่าผู้เล่นในละแวกนัน้ ต่างเสีย
สมดุล ล้มลงไปในที่สุด เจ้าอสูรกายร้ายเห็นเข้าดังนัน้
จึงรีบยืน่ มือเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“แม่จ๋าาา!”
เสียงกรีดร้องของคนวัยละอ่อนดังขึ้นกลางอากาศ
ผู้หญิงคนหนึ่งถูกมันจับตัวเข้าจนได้ มันจึงยกตัวหล่อน
ขึ้นสูงเฉียดฟ้า หลังจากนั้นจึงกระชากหล่อนลงมาที่ผืน
ดินทันที ผมดูแล้วยังหวาดเสียวไม่หาย
พลั่ก!
เสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างแตกหักดังสนัน่ เลือดสีแดง
ฉานพุ่งกระฉูดขึน้ มาราวกับน้าพุ ภาพที่ปรากฏตรงหน้า
นี้ชา่ งน่าเวทนาเหลือเกิน ศีรษะของเจ้าหล่อนแตก
ละเอียด สมองระเบิดสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่ง
และในตอนที่เจ้าอสูรกายร้ายนัน่ เริ่มจ้องหาของเล่นชิ้น
ต่อไปนั้นเอง
ก็เป็นตอนเดียวกับที่ผมเดินมาถึงพอดี
ตรงนี้นเี่ อง
ผมมองข้ามเจ้าอสูรกายร้ายนี่ไป พลางจดจ้องไปที่
สถานที่ที่แยกห่างออกจากกัน หลังจากนั้นผมจึงใช้มือ
ทั้งสองข้างจับเกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้แน่น ก่อนที่จะชู
ขึ้นเหนือหัว ผมใส่พลังเวทเข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม แล้วจึง
กระทืบเท้าอย่างรุนแรง ก่อนทีจ่ ะออกแรงทะยานขึ้นสู่
เบื้องบนในทันที
ฮึบ!
ร่างกายทะยานขึน้ มาสูเ่ บื้องบนแล้ว พอผมก้มหน้ามอง
ลงไป ก็เห็นเข้ากับอสูรกายร้ายได้อย่างชัดเจน เมื่อผม
กระโดดขึ้นมาได้สูงระดับที่จะสูงไปมากกว่านี้ไม่ได้อีก
แล้ว จังหวะนัน้ เองศีรษะอันมีเกล็ดเงาเลื่อมก็เงยขึน้ มา
มอง ผมจึงรีบเหวี่ยงแขนไปด้านหลังให้ได้มากที่สุด และ
จึงเริ่มร่อนตัวลงสู่ผนื ดิน พร้อมใช้ดาบกรีดร่างของมัน
อย่างสุดกาลัง
ซวกกก!
ปลายดาบอันแหลมคมที่ส่องแสงประกายออกมาให้เห็น
ได้บรรจงวาดเส้นสีขาวตามวิถีดาบ
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 28
_______________________________________
ผมเหลือบเห็นความหวัน่ วิตกปะทุอยูใ่ นแววตาของมัน
ชั่วขณะหนึง่ แต่แล้วมันคงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ จึง
รีบขยับเขยื้อนร่างกายทันที ทาท่าเหมือนกับจะหนีให้ได้
เสียอย่างนัน้
ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ เจ้าจิ้งเหลนตัวนี้ชา่ งเร็วเสีย
จริง อีกทั้งยังคล่องแคล่วอีกด้วย แต่ไอ้คาว่า
‘คล่องแคล่ว’ ที่มีอยู่สองพยางค์นี่แหละ มันไม่สามารถ
นามาเทียบกับตัวผมได้เลยสักนิด
พรึบ่ !
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง เมือ่ ผมปลุกวิชาการเคลื่อนย้ายร่าง
ในพริบตาขึน้ มา ศีรษะที่เต็มไปด้วยเกล็ดเงาเลือ่ มของ
มันก็ปรากฏให้เห็นใกล้ๆ อยู่ตรงเบื้องหน้าทันที และ
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่ได้กรีดเนื้อของมันไปแล้วก่อน
หน้านี้กาลังค่อยๆ แทงเข้าไปกลางกระหม่อมของมัน
ช้าๆ
ผมรู้สึกเหมือนตัดโซ่ตรวนอยูเ่ ลย
ผมร่อนลงสู่เบื้องล่างเหมือนโดยสารด้วยลิฟต์ ในทุกๆ
ครั้งที่ผมไล้สายตามองลงก็จะได้เห็นเข้ากับผิวหนังเนื้อ
ในสีแดงทีป่ ริแยกออกจากกัน
และเมื่อเท้าแตะสู่ผืนดินได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็จงึ เห็น
ว่าร่างของเจ้าอสูรกายร้ายได้แบ่งออกเป็นสองส่วนอย่าง
งดงาม ร่างกายของมันปริแยกออกจากกัน แล้วจึงล้มตึง
ไปในที่สุด
ของแถมที่ได้มาคือ ของเหลวอุน่ ๆ ที่ไหลเฉอะแฉะลงมา
ราวกับสายฝนที่ทาให้เปียกปอนไปทั่วร่าง
ผมกะพริบตาอีกครัง้ หนึง่ หลังจากนัน้ ศพของเจ้าอสูร
กายร้าย จึงได้แปรเปลีย่ นมาเป็นเพียงเศษขี้เถ้า ก่อนที่
จะถูกสายลมหนึ่งพัดปลิวมลายหายไป เรือนร่างอัน
ใหญ่โตมโหฬารหายวับไปในพริบตา หลงเหลือไว้เพียง
ร่างอันไร้วิญญาณของบุคคลหนึง่ ที่รา่ งกายถูกฉีกขาด
ผู้เล่นครึ่งคนครึง่ สัตว์หรือเนีย่ เท่าทีจ่ าได้...
“หยุด! อย่าโจมตี! พวกเราเอง!”
ในตอนนัน้ นั่นเอง จู่ๆ ผมก็ได้ยนิ เสียงหนึง่ ดังขึน้ มา
กะทันหัน พอหันหน้าไปมอง ก็พบว่าเหล่าผู้เล่นมากมาย
กาลังเล็งอาวุธ พร้อมทั้งห้อมล้อมรอบกายผมอยู่ ผม
รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่แล้วก็มีชายผู้หนึง่ เดินเข้า
มาหาผม ซองฮยอนมินนั่นเอง
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่! ใช่แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์
นารี่ไหมครับ”
ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่เขากลับมีฝ่ามืออันแสนนุ่มนิ่ม
เขาใช้ฝ่ามือนัน่ เข้ามาลูบไล้ใบหน้าของผม ก่อนที่ผมจะ
พยักหน้าตอบรับเสียอีก นัยน์ตาสีแดงเข้มค่อยๆ
กลับคืนมาสูส่ ภาพปกติอีกครั้งหนึง่
“ชะ ใช่จริงด้วย เฮ้อ สุดยอดมากๆ เลยครับ! คุณ
สามารถจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดนัน่ ได้ภายในครา...”
“แคลนลอร์ฮนั ครับ ไม่ทราบว่าไซม่อนได้หนีมาทางนี้
หรือเปล่าครับ”
“ครับ?”
ซองฮยอนมินมีสีหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็ปริปาก
พูดออกมา ด้วยสีหน้าคับแค้นใจ
“อ๋อ ไซม่อนหรือ ถ้าพูดถึงผู้ปกครองแห่งทวีปตะวันตก
ล่ะก็...ดูเหมือนเราจะพลาด จนมันหนีออกไปได้ครับ ผม
เองก็เฝ้าจับตามองอยู่แท้ๆ แต่กลับมีตัวแปรบางอย่างที่
เข้ามาโดยไม่ทันคาดคิด...”
“ไซม่อนไปทางนี้หรือเปล่าครับ”
ผมพูดตัดบท แล้วถามกลับไปอีกครั้ง ซองฮยอนมินจึง
ปิดปากฉับชั่วครู่หนึ่ง แล้วเขาจึงจ้องหน้าผม พลางพยัก
หน้าตอบรับ
“จริงๆ ก็ไม่ชัวร์หรอกครับว่าใช่ไซม่อนหรือเปล่า ก่อนที่
จะจับตัวมาได้ จู่ๆ ก็มีเจ้าหนุ่มคนหนึง่ แปลงกายเป็น
สัตว์ประหลาด แล้วก็มผี ู้เล่นอีกคนหนึ่งที่ได้รบั การคุ้ม
กันจากพรรคพวกของมัน มันเลยฉวยโอกาสหนี
ออกไป”
“ทราบแล้วครับ ถ้างั้น...”
“หากคุณคิดจะไล่ล่ามันล่ะก็ รอให้กองกาลังเสริม... คะ
แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
“ไม่จาเป็นครับ”
การต่อสู้ในขณะนีก้ าลังอยู่ในช่วงจุดพีคก็จริง อีกทั้ง
ซองฮยอนมินยังได้รบั บาดเจ็บอีกด้วย ผมผลักนักบวชที่
มุ่งตรงเข้ามาหาไปอย่างเบาๆ และจึงไม่รอช้า เริ่มวิง่
ออกไปยังเส้นทางที่แยกออกจากกัน และตอนนี้กาลังจะ
กลับมาเชื่อมติดอีกครั้ง
เป็นที่ยืนยันแน่นอนแล้วว่า มันสามารถหนีรอดออกไป
ได้ เพราะฉะนั้นหากผมสามารถหลุดพ้นเส้นทางนี้
ออกไปได้ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้ ก็จะมีเพียงแค่การ
ไล่ล่าตามหาตัวมัน อย่างที่ไม่มีใครสามารถขวางกั้นได้
เสียงร้องเรียกของซองฮยอนมินที่ดงั ไล่หลังมา ค่อยๆ
แผ่วเบาลงไปตามลาดับ

***

ตึก ตึก ตึก! ตึก ตึก ตึก!


เหล่าผู้เล่นกลุ่มหนึ่งกาลังวิ่งอยู่ในป่าใหญ่ จานวนคน
น่าจะประมาณร้อยกว่าคนเห็นจะได้ ทั่วทั้งร่างกายของ
พวกเขาต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน พวกเขา
กาลังออกแรงวิ่งออกไปเรื่อยๆ พลางใช้สายตาอันเฉียบ
แหลมสอดส่องไปทั่วทุกสารทิศ แต่ทว่าก็ไม่ได้วิ่งเร็ว
อะไรมากมายนัก เพราะต้องคุ้มกันเจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่วิ่ง
กระหืดกระหอบอยูต่ รงกึ่งกลาง
“แฮ่ก แฮ่ก! ดะ เดี๋ยวก่อนครับ!”
เจ้าหนุ่มนั่นเอื้อนเอ่ยประโยคข้างต้นออกไป ทาให้คนที่
เหลือหยุดการเคลื่อนไหวในพริบตา
“แฮ่ก! วิ่งต่อไป แฮ่ก แฮ่ก! วิง่ ต่อไปไม่ไหวแล้วครับ
หยุดรออยู่ทนี่ ี่ก่อนได้ไหมครับ”
“หยุดรอเหรอครับ”
ชายผู้หนึง่ ถามกลับไป เจ้าหนุ่มนัน่ หอบแฮกๆ แล้วส่ง
ยิ้มไปให้ พร้อมตอบกลับมาว่า
“อ้า ครับ บางทีอาจจะมีเพื่อนๆ ที่หลุดออกมาอีกก็ได้นี่
ครับ ฝั่งเราจะได้อยูร่ อฟื้นฟูความแข็งแกร่งด้วยเลยไง
ครับ”
ชายผูน้ ั้นพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ คลาสนักเวทนั้นขาด
แคลนความแข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และถ้ายังมี
สหายที่วิ่งตามไล่หลังมาอีก บางทีกาลังของฝ่ายตัวเอง
อาจจะเพิม่ ขึน้ อีกนิดก็ได้
“ขอให้ทุกคนพักผ่อนกันตามสบาย เพราะการวิ่งหนีมนั
ยังไม่จบอยู่เพียงเท่านี้หรอกครับ ฮ่าๆ”
เจ้าหนุ่มนั่นเอ่ยด้วยน้าเสียงอันแสนอ่อนโยน เหล่าผู้เล่น
ที่ได้ยินดังนัน้ จึงได้แต่มองตากันปริบๆ ก่อนที่จะเริ่มนั่ง
ลงกับพืน้ พวกเขาถอนหายใจหนักๆ ออกมาอย่างพร้อม
เพรียงกัน ความทุกข์ใจปรากฏให้เห็นเด่นชัดอยู่บน
ใบหน้า
ในตอนนัน้ ชายคนเมื่อครูก่ ็ได้ยนั กายลุกขึน้ ก่อนที่จะ
สาวเท้าเข้ามาหาเจ้าหนุ่มน้อย
“ไซม่อน ตอนนีจ้ ะทาอย่างไรต่อไปล่ะครับ”
ถูกต้องแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของหนุ่มน้อยคนนัน้ คือ ไซ
ม่อน ไครมส์ ผู้สามารถฝ่าวงล้อมที่ซองฮยอนมินสร้าง
ขึ้นมาได้อย่างหวุดหวิด
“นั่นน่ะสิ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะกลายมาเป็น
แบบนี้ไปซะได้ พวกเขาคิดจะปิดกัน้ เส้นทางถอยทัพของ
สงครามในครัง้ นีจ้ ริงๆ...”
ไซม่อนเลียริมฝีปาก ก่อนที่จะหยุดพูดประโยคท้ายไป
เสียดื้อๆ
มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน แค่ตีกาแพงมันให้แตกแล้ว
หนีรอดออกมาได้ เท่านีก้ ็โอเคแล้ว แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่
สถานการณ์ทางสงครามกลับค่อยๆ แปลกขึน้ เรื่อยๆ
และ ณ วินาทีที่กองกาลังเสริมเดินทางมาถึง
สถานการณ์สงครามยิ่งพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เลยทีเดียว
ความจริงแล้ว พวกทหารพันธมิตรคงนึกว่าตัวเอง
สามารถวิ่งผ่านจุดต่างๆ เข้ามาได้แล้ว แต่พวกเขาคงไม่
คิดไม่ฝันว่าจะมีการปิดกั้นเส้นทางไม่ให้ถอยทัพกลับ
แบบนี้อยู่ดว้ ย
ถึงจะบอกว่าสามารถฝ่าฟัน หลุดรอดมาได้กจ็ ริง ทว่า
ความเสียหายที่เกิดขึน้ นั้นมันยิง่ ใหญ่มากๆ ในช่วงแรก
นั้น ทหารพันธมิตรมีจานวนมากถึงห้าพันคนเลยทีเดียว
แต่แล้วกลับลดลงเหลือเพียงแค่หนึง่ ร้อยคนเท่านัน้ เอง
แน่นอนว่าที่เหลืออยู่หนึ่งร้อยคนก็มไม่ได้มีชีวติ อยู่รอด
แต่อย่างใด เพราะระหว่างการต่อสูน้ ั้น พวกเขาต่าง
จาต้องขวนขวายหาหนทางรอดชีวติ กันเอาเอง จึงได้
แตกกลุ่มกระจายกันออกไป ในท้ายที่สุดแล้วจะมีคน
เดินทางกลับทวีปตะวันตกอย่างอยูป่ ลอดภัยสักกี่คนกัน
แม้จะต่างคนต่างคิด แต่พวกเขาคงรูส้ ึกได้แต่ผลด้านลบ
จึงทาให้เหล่าผู้เล่นทวีปตะวันตกเริม่ หน้าดาคร่าเครียด
ความเงียบสงัดปกคลุมทั่วอาณาบริเวณนัน้ ไปชั่วขณะ
ไม่มีใครสักคนปริปากพูดเลยแม้แต่คนเดียว
“เอาล่ะ เริ่มลุกแล้วไปต่อกันเลยดีไหมครับ”
ในตอนนัน้ เสียงอันแสนสบายอุราก็ได้ดังขึน้ ไปทั่วอาณา
บริเวณ น้าเสียงของเขาฟังแล้วช่างสบายอกสบายใจ
เสียจริง อีกทั้งเขายังพูดออกมาอารมณ์ประมาณว่า
อาจจะยังมีพวกเราซ่อนตัวอยู่ก็ได้ เพราะฉะนัน้ ก็อย่า
กังวลมากไปให้คนอื่นๆ ได้ยินอีกด้วย
“พอจะออกวิ่งต่อไปได้อีกครั้งไหมครับ”
ชายผูน้ ั้นได้รบั กาลังใจอย่างเปี่ยมล้น จึงได้ลุกขึ้น ยัน
กายตรงขึ้นมาทันที แล้วจึงส่งยิ้มน้อยๆ ไปให้ไซม่อน
“อ๋อ มีแขกที่ทุกคนเฝ้ารอมาแน่ครับ จริงๆ ก็อยากจะ
พักต่ออีกสักหน่อยนะ แต่ดูเหมือนเขาจะมาถึงพอดี ไหน
ดูหน่อยซิ”
ชั่วขณะนัน้ ลูกตาของไซม่อนจึงได้แปรเปลีย่ นมาเป็นสี
แดงเพลิง ไม่รู้วา่ เขากาลังจดจ้องกับสิ่งใดอยู่ ถึงทาให้รู
ม่านตาสีดาหรี่ลงเสียขนาดนี้
เปรีย๊ ะ!
“อึก”
แต่แล้วไซม่อนกลับรีบก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว เขาขยี้ตา
แรงๆ ก่อนทีจ่ ะมีสีหน้าเจื่อนๆ ลูกตากลับคืนมาเป็นสี
ดั้งเดิมได้อกี ครั้งตัง้ แต่เมื่อใดไม่รู้
“แขกที่ทุกคนเฝ้ารอหรือครับ หรือว่าจะเป็นสหาย...”
“ไม่ครับ เป็นสัตว์ประหลาด”
คาตอบที่ตอบกลับไป ทาเอาชายผูน้ ั้นหน้านิ่วคิว้ ขมวด
เพราะไม่เข้าใจในคาตอบนัน้
ในตอนนัน้ เอง
ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงดังลัน่ สนั่นป่า
ใหญ่อันเงียบสงบ ทุกคนที่อยู่ตรงนัน้ คงได้ยินเสียง
ดังกล่าว จึงทาให้จากสีหน้าที่ดูผ่อนคลาย จาต้อง
แปรเปลี่ยนมาเป็นความหวาดระแวงเสียแทน
“ระวัง!”
กาลังพลจานวนหนึ่งร้อยนายลุกขึ้นมาทันทีทันใด
ช่วงเวลาเดียวกันนัน้ เองร่างของชายหัวดาผู้หนึ่งค่อยๆ
ปรากฏกายออกมาให้เห็น เหล่าผู้เล่นเห็นดังนัน้ จึงเริ่ม
ส่งเสียงฮึมฮัมออกมาอย่างแผ่วเบา
ผู้ชายคนดังกล่าวก็คือ มนุษย์เลือดนัน่ เอง ไม่ได้เลอะ
เลือดเป็นดวงๆ แต่อย่างใด เพราะตั้งแต่ศีรษะจรดปลาย
เท้าของเขานัน้ ต่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด ดูเหมือนเพิ่งไป
แหวกว่ายอยู่ในทะเลแห่งสายเลือด แล้วจึงค่อยออกมา
พบปะผู้คน
ท่วงทานองการก้าวเดินเข้ามาอย่างต่อเนื่องของชายผู้
นั้น สุดท้ายแล้วก็มาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของเหล่าผู้
เล่นหนึ่งร้อยคน
ไม่ว่าจะมองอย่างไร เหล่าผู้เล่นทวีปตะวันตกต่างคิดว่า
ชายผูน้ ี้คงไม่ใช่พรรคพวกตัวเองแต่อย่างใด พวกเขาจึง
ได้คว้าอาวุธมาถือไว้ในมือ พลางมีสีหน้าเคร่งเครียด
และในห้วงเวลาที่กาลังรอคาบัญชาจากผู้ปกครองแห่ง
ทวีปอยูน่ นั่ เอง จู่ๆ ไซม่อนก็โผล่พรวด ออกมายืนอยู่
ข้างหน้า
“ทุกคนหยุด”
“ไซม่อน ไครมส์?”
“ชายตรงหน้าคือสัตว์ประหลาดครับ พวกคุณไม่
สามารถต่อสู้กบั เขาคนนี้ได้หรอก ลองกระโจนเข้าใส่เขา
ดูสิ ได้ตายแน่ๆ ครับ”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 29
_______________________________________
หากเป็นช่วงเวลาปกติทั่วไป เขาคงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง
เหลือเชื่อไปแล้ว แต่ชายผู้นั้นกลับยอมพยักหน้าเข้าใจ
ชายหนุ่มตรงหน้านี้ รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูทั่วๆ ไป ทว่า
พลังที่แผ่ซ่านออกมานีส่ ิ กลับดูน่ากลัวจนขนหัวลุก
อย่างบอกไม่ถูก รู้สกึ เหมือนหมาจนตรอกอย่างไรชอบ
กล
“ถะ ถ้างัน้ ทาอย่างไรดี...”
“ทาไงได้ล่ะครับ ผมได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกครองทวีปทั้งที ก็
ต้องต่อสู้กบั เขาเองสิครับ เป้าหมายของเจ้าสัตว์
ประหลาดนีก่ ็คือตัวผมเองนี่แหละ”
“ไซม่อน? นี่คุณกาลังจะบอกว่าจะต่อสู้กบั มันคนเดียว
งั้นเหรอ”
“แหงอยู่แล้วสิครับ แต่ยังไงผมก็คิดว่าคงจะขอความ
ช่วยเหลือจากพวกคุณบ้าง เพราะฉะนัน้ ...”
ไซม่อนหยุดพูดไปชัว่ ขณะ เขายกมือซ้ายขึน้ มา แล้วจึง
พูดต่อเนื่องออกมาด้วยสีหน้ายิม้ เยาะ
“ขอให้ช่วยตายไปสักทีครับ”
“ครับ? คุณพูดอะ...”
“ไม่ต้องเครียดไปครับ คุณจะไม่ได้ตายอย่างอเนจอนาถ
หรอก เพราะการตายของคุณในครัง้ นี้ ผมจะทาให้มันดูมี
คุณค่าขึน้ มาสักหน่อย”
ประโยคที่ไม่มใี ครคาดคิดคาดฝันจากไซม่อน ทาเอาชาย
ผู้นั้นถามกลับไปด้วยความสงสัยเคลือบแคลง
แต่ชายผูน้ ั้นยังไม่ทนั ได้พูดอะไร มือซ้ายของไซม่อนก็
เริ่มเปล่งประกายแสงสีแดงเข้มปะทุออกมาเสียแล้ว และ
เจ้าแสงสีแดงเข้มนั้นก็ได้พวยพุง่ เข้าไปปกคลุมเหล่าผู้
เล่น รวมถึงชายหนุ่มผูน้ ั้นในพริบตาเดียว แสงนั่นค่อยๆ
เลื้อยแล่นพันรอบกายเหล่าผู้เล่น หลังจากนัน้ จึง
เปล่งแสงออกมาหลากสีสัน
“เอ๊ะ? อะไรเนี่ย”
แล้วการเปลี่ยนแปลงของอะไรบางอย่างก็เริม่ ต้นขึน้
ฮึม! ฮึมมม!
เหตุการณ์ดงั กล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาแสนสั้น ร่างกาย
ของเหล่าผู้เล่นที่โดนแสงร้ายนัน่ พันรอบ เริม่ นิม่ เละ
เป็นเพียงเนื้อเหลวๆ หลังจากนั้น ทั่วทั้งร่างกายของ
พวกเขาจึงได้เริ่มหลอมละลายลงไปเหมือนน้าไหล
“อ๊ากกก! ฮึก อ๊ากกก!”
ป่าทึบอันแสนเงียบงัน บัดนี้กลับมีเสียงกรีดร้องดังลัน่
กึกก้องไปทัว่ ทุกสารทิศ เนื้อหนังที่ถกู หลอมละลายได้
ไหลปะปนกับเลือดสีแดงฉาน หลังจากนัน้ จึงค่อยๆ ถูก
แสงสีแดงเข้มดูดซึมเข้าไป เหล่าผู้เล่นทีม่ ีอยู่เกือบร้อย
กว่าคน บัดนีก้ ลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
และในตอนนัน้ เอง แสงสีแดงเข้มที่พวยพุง่ ไปทั่วทั้งสี่ทิศ
จึงได้คืนกลับมาหาไซม่อนอีกครั้งหนึ่ง แล้วแสงนัน่ ก็
ค่อยๆ ก่อเป็นรูปเป็นร่างของอะไรบางอย่างขึ้นมา
หนังสือเล่มหนึ่งในมือซ้ายของเขาร่วงหล่นสู่เบือ้ งล่าง
ในทันที หนังสือที่ว่านั่นเกิดขึน้ มาได้จากการหลอมรวม
ของเลือดเนื้อของเหล่าผู้เล่นเมื่อครู่
บัดนี้เหลืออยู่เพียงสองคนเท่านัน้ นัน่ ก็คือ ไซม่อนกับ
ชายหนุ่ม
“อ้า ไม่ได้ตายอย่างสง่าผ่าเผยเท่าไหร่เลยแฮะ สงสัยคง
จะไม่ได้ต่อต้านขัดขืนอะไรเลยมัง้ นัน่ ”
“...”
“ฮ่าๆ คุณรูง้ อะไรไหมครับ รู้หรือเปล่าว่าคุณโคตรน่า
ราคาญมากแค่ไหน คุณแม่งทาลายแผนทุกอย่างที่ผม
วางไว้หมด ไหนจะยังตามจองล้าง จองผลาญกันแบบนี้
คนรับใช้ที่ผมโคตรรัก โคตรหวงก็ยัง...”
“...”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ไม่พดู ไม่จาเหมือนเคย แต่สายตาของ
เขาดูแปลกๆ อย่างไรชอบกล สายตาเหมือนกาลังบ่ง
บอกว่าเขากาลังนัง่ ดูละครสัตว์
“อะไรกันครับ สายตาแบบนัน้ น่ะ”
ในตอนนัน้ ชายหนุ่มจึงได้กะพริบตาครั้งหนึ่ง ไซม่อน
เห็นดังนัน้ จึงรีบถอยห่างเลยทันที เขายังไม่ได้เริ่มลงมือ
ทาอะไรเลยแท้ๆ แต่จู่ๆ กลับรู้สกึ หัวเสียขึน้ มาจนได้ ดู
เหมือนเจ้าหนุ่มนี่จะคอยตามติด สืบค้นทุกอย่างที่
เกี่ยวข้องกับตัวเขามาตลอด
ตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่มผู้นกี้ ็คือ...คิมซูฮยอน
ความจริงแล้ว หลังจากที่เขาสามารถหลุดพ้นออกจาก
วงล้อมของซองฮยอนมินได้สาเร็จนั้น ทัง้ ไซม่อนและคิม
ซูฮยอนต่างก็ต้องหลีกหนีจากสงครามขนาดย่อมๆ ที่
เกิดขึน้ ไม่รจู้ บด้วย และด้วยสถานการณ์เช่นนั้น จึงทา
ให้คิมซูฮยอนได้เปรียบ เขาไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคใดๆ
เลย แถมยังไม่ต้องมาตามไล่ล่าคลาสนักเวทอีกด้วย
“อย่างที่คิดไว้เลยนะ”
ตึก ตึก ตึก
คิมซูฮยอนพูดออกมาเพียงหนึ่งประโยค แล้วจึงเริ่มย่าง
ก้าวเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง
แต่กระนัน้ ไซม่อนก็ยังคงทาหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ สบาย
อารมณ์ตลอดเวลา สีหน้าเหนื่อยอ่อนเมื่อครู่หายไปไหน
แล้วก็ไม่รู้ คงเพราะเหล่าผู้เล่นจานวนร้อยกว่าคนที่ถกู
ดูดกลืนไปเมื่อครู่ กลายมาเป็นความมัน่ ใจอันเต็มเปีย่ ม
ในตัวเองเสียแทน
ในขณะนี้ คิมซูฮยอนอยู่ห่างเพียงแค่สบิ เมตรเท่านัน้ ไซ
ม่อนเห็นดังนั้น จึงทาให้ปประกายแสงสีเลือดเข้มปะทุ
ขึ้นมาในแววตาทันที
หนังสือที่ถกู อัญเชิญเริม่ เปิดไล่หน้าไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไซ
ม่อนไม่ได้ยื่นมือเข้าไปแตะต้องเลย หากเห็นหนังสือที่มี
แสนยาอานุภาพแข็งแกร่งเพียงนี้ คนทัว่ ไปก็คงจะหยุด
เคลื่อนไหวไปแล้ว แต่คมิ ซูฮยอนก็ไม่ได้ทาเช่นนั้น เขา
ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ไซม่อนเห็นแล้วจึงแค่นหัวเราะ
ออกมา
แล้วชั่วขณะหนึ่ง หน้าหนังสือที่เปิดไปเรื่อยๆ นั้นก็ได้
หยุดการเคลื่อนไหวไป
วินาทีนนั้ ในบริเวณที่ไซม่อนยืนอยู่ ก็ได้บังเกิดชายที่
กาลังยืนกาหมัดแน่นขึน้ มา มีอยูป่ ระมาณสิบกว่าคนเห็น
จะได้ ร่างกายของพวกมันต่างถูกแต่งแต้มไปด้วยสีแดง
เลือดนก
“เทพวัลแคลแห่งเลือด”
ณ วินาทีที่ไซม่อนปริปากพูดออกมา เจ้ามนุษย์สีเลือด
กลุ่มนั้นก็ได้พุ่งตัวเข้ามาหาชายหนุม่ โดยทันที
มนุษย์สเี ลือดทีพ่ ุ่งตัวเข้ามาราวกับลูกปืนใหญ่ ได้เข้ามา
ล้อมรอบกายชายผู้นนั้ ในพริบตาเดียว และในตอน
นั้นเอง ไซม่อนได้คาดไว้แล้วว่าควันจากระเบิดจะปะทุ
ขึ้นมา เขาจึงเผยรอยยิม้ อันแสนเย็นชาออกมาให้เห็น
ทว่าสิ่งที่ไซม่อนคาดหวังก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาแต่อย่างใด
ฟิ้ววว!
เจ้ามนุษย์สีเลือดนัน้ ได้ปลิวกระเด็นขึ้นสู่ท้องฟ้าทันทีใน
ชั่วพริบตา พวกมันกระจายตัวเป็นกลุ่มเล็กกลุม่ น้อย
เหมือนเป็นเพียงหยาดเลือดในสายน้าเท่านัน้
“อะไรเนี่ย”
ไซม่อนขมวดคิ้วไม่ชอบใจ
ตึก ตึก ตึก
คิมซูฮยอนเดินเข้ามาอย่างเคร่งขรึม โดยที่ไม่ได้รับ
บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย
“หะ หอกแห่งเลือด!”
ไซม่อนพยายามตะโกนดิ้นรนอย่างสุดชีวติ ทันใดนัน้ จึง
บังเกิดหอกสีเลือดด้ามยาวประมาณสามสิบด้ามขึ้นมา
และแน่นอนว่าเจ้าหอกพวกนัน้ ได้พุ่งเข้าไปหาคิมซูฮ
ยอนทันที
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
คราวนี้แตกต่างไปจากคราวก่อนหน้าเล็กน้อย เจ้าหอกที่
พวยพุ่งเข้ามานัน้ ปักเข้ามาทั่วบริเวณโดยรอบเหมือนขน
เม่น ช่างแตกต่างจากมนุษย์สีเลือดที่วายวอดหายไปได้
อย่างง่ายดาย ดูทา่ ว่าพวกมันจะฝ่าเวทต้านทานเข้ามา
จึงทาให้บริเวณปลายหอกสั่นระริกไม่หยุด
เปรีย๊ ะ!
บริเวณจุดใดจุดหนึ่งได้เริ่มเกิดรอยร้าวเล็กๆ ขึน้ มา คิม
ซูฮยอนหยุดเคลื่อนไหวไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ไซม่อนเห็น
ดังนัน้ จึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
ในตอนนัน้ เอง
“หืม”
คิมซูฮยอนทาเสียงขึน้ จมูกหน่อยๆ หลังจากนัน้ จึงกวัด
แกว่งเกียรติยศแห่งวิคตอเรียที่อยูใ่ นมือขวา
ด้านบน หนึง่ ครั้ง
ชิ้ง!
ด้านขวา หนึง่ ครั้ง
ชิ้ง!
ด้านซ้าย หนึ่งครั้ง
ชิ้ง!
การกระทาของเขาเช่นนั้น จึงทาให้กลุ่มหอกทีว่ ่าถูกตัด
ขาดไปอย่างไม่มีชนิ้ ดี หลังจากนั้นจึงค่อยๆ กระจายขึ้น
สู่ท้องฟ้าเบื้องบนตามมนุษย์สีเลือดก่อนหน้า
คิมซูฮยอนเริ่มย่างก้าวเข้ามาอีกครัง้ ทาเหมือนไม่มีอะไร
เกิดขึน้ เขาสามารถหลุดพ้นออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ไซ
ม่อนเห็นเช่นนั้นจึงประหลาดใจอย่างมาก วิธกี ารต่างๆ
ที่ทั้งน่าเหลือเชื่อและยากที่จะเข้าใจได้นั้นถูกอีกฝ่าย
จัดการไปได้อย่างดีเยี่ยม ไซม่อนที่ได้แต่วางหน้าเคร่ง
ขรึมมาตลอด บัดนีก้ ็เริม่ มีนาโหขึ
้ น้ มาบ้างแล้ว
“ปะ เป็นไปไม่ได้! ถะ ถึงแกจะมีพลังต้านทานเวทสูงแค่
ไหนก็เถอะ! ตะ แต่แกเห็นไอ้ร้อยคนนัน่ ที่เป็นเครื่องเซ่น
ไหว้บชู าบ้างไหม!”
ไซม่อนถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วคิมซูฮยอนก็
สาวเท้าเข้ามาเร็วมากขึน้
“เฮ้อ นายนี่ทาฉันลาบากจริงๆ”
คิมซูฮยอนยืนประจันหน้ากับไซม่อนได้สาเร็จ เขายืน่ มือ
ซ้ายออกมาช้าๆ และคว้าหนังสือที่ลอยล่องอยูก่ ลาง
อากาศเล่มนัน้ มา ไซม่อนจึงรีบไขว่คว้าหนังสือเล่มนัน้
โดยอัตโนมัติ แต่เขาไม่สามารถต้านทานพลังของอีกฝ่าย
ได้ จึงทาให้ถกู ช่วงชิงหนังสือเล่มนัน้ ไปอย่างเสียมิได้
คิมซูฮยอนสามารถช่วงชิงหนังสือเล่มดังกล่าวมาได้
สาเร็จ เขาจึงพลิกหน้าพลิกหลัง สอดส่องด้วยสายตา
แสนเพลิดเพลิน เขาระพริบตาครั้งหนึง่ แล้วจึงปริปาก
พูดออกมาว่า
“คลาสลับเหรอเนี่ย เป็นผลลัพธ์ที่ฉนั ไม่คาดคิดคาดฝัน
มาก่อนเลยล่ะ”
คิมซูฮยอนนาหนังสือเล่มนัน้ ซุกเข้าในอ้อมอกอย่างหวง
แหน ไซม่อนเห็นดังนัน้ จึงได้แต่ตกตะลึง ชายหนุ่ม
ตรงหน้านี้ทาท่าทีเหมือนไม่ได้มองเขาอยูใ่ นสายตามาแต่
ไหนแต่ไรแล้ว
สายตาของไอ้หมอนี่ทาเหมือนไม่ได้จะมาสู้กบั เขา
อย่างไรก็ไม่รู้ ไซม่อนคิดได้เช่นนั้น ก็เกิดความรู้สึกคับ
แค้นใจแล่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ในตอนนัน้ เขาชูมือซ้ายขึน้ มา เพื่อทีจ่ ะอัญเชิญหนังสือ
กลับมาอีกครั้ง แต่แล้วคิมซูฮยอนกลับขยับมือรวดเร็ว
ปานสายฟ้าแลบ
โฟ่ว โฟ่ววว!
“อ๊ากกก!”
จู่ๆ มือซ้ายของไซม่อนก็เกิดรู้สกึ ร้อนอย่างไรชอบกล
เขาจึงกรีดร้องดังลัน่ ออกมา
“มะ มือฉัน ! มือฉัน!”
มือซ้ายของไซม่อนถูกคิมซูฮยอนกอบกุมไปได้ตงั้ แต่
เมื่อใดไม่รู้ หลังจากนั้นเขาจึงปล่อยมือ พลางมองดู
ท้องฟ้าเบื้องบนที่อยู่เหนือข้อมือ มือซ้ายของไซม่อน
กาลังถูกไฟเผาอย่างไม่มีชิ้นดี
เมื่อคิมซูฮยอนปล่อยมือออกจากมือซ้ายของอีกฝ่าย เขา
ก็วางมือลงบนศีรษะของไซม่อน เขาขยุ้มหัวอีกฝ่าย
แล้วจึงฉุดกระชากขึ้นด้านบนทันที ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้
ร่างกายของเขาลอยละล่องขึน้ ไปกลางอากาศ
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 30
_______________________________________
คิมซูฮยอนเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายอีกครัง้ แล้วจึงไปหยุด
ยืนอยู่ที่ตน้ ไม้ในป่าใหญ่ เขายันลาตัวอีกฝ่ายให้จนชิด
กับต้นไม้ หลังจากนัน้ จึงใช้ดาบแทงเข้าไปยังหน้าท้อง
ของไซม่อน
“แค่ก! อึ้ก!”
ร่างกายของเขาอิดโรยลงไปทุกขณะ เลือดไหลทะลัก
ออกมาจากริมฝีปากไม่ขาดสาย แต่คิมซูฮยอนก็ไม่ได้
แยแส เขาสะบัดมือสองข้างไปมา พลางถอนหายใจ
ออกมาเบาๆ
“ยืนยันไปหมดทุกอย่างแล้วแท้ๆ... แล้วต้องทาไงถึงจะ
ดึงออกมาได้ล่ะเนี่ย”
แค่ก แค่ก!
“แล้วนี่จะคุยกันรู้เรื่องไหม รู้งนี้ ่าจะเรียนภาษาอังกฤษ
สักหน่อยนะ”
“กะ...แก...!”
ในระหว่างนัน้ ไซม่อนดึงสติกลับมาได้สาเร็จ เขาจึงเงย
หน้าขึน้ มา นัยน์ตาของเขาแดงเถือก จนไม่สามารถมอง
หาตาขาวเหมือนมนุษย์ปกติได้...นัยน์ตาเหมือนปิศาจ
คิมซูฮยอนนิ่งเงียบ ไม่พูดจา เขามองดูสายตานั้นแล้ว
พูดว่า
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนัน้ ”
“ปล่อยหนังสือนัน่ ซะ! ฉันจะฆ่าแก! ฉันจะฆ่าแก!”
“แค่ฉันมองนัยน์ตาปิศาจของนาย ฉันก็กลัวขนลุกขน
พองแล้วเนีย่ ”
คิมซูฮยอนพูดจบ ก็ยนื่ มือทั้งสองข้างออกมาทันที โดย
มือที่ยื่นออกมานั้น ได้ยกนิว้ โป้งขึน้ มาให้เห็นอีกด้วย
หลังจากนั้น เขาจึงใช้นวิ้ โป้งที่ว่าจิ้มเข้าไปที่ดวงตาทั้ง
สองข้างของไซม่อนทันทีทันใด
“อ๊าก! อ๊ากกก!”
ดวงตาของไซม่อนถูกบดขยี้อย่างแรง ไซม่อนทาได้แค่
ตะโกนออกมาสุดเสียงอีกครั้งเท่านัน้
คิมซูฮยอนถอนนิ้วมือออกมา สายเลือดสีแดงฉานค่อยๆ
ไหลรินตามลงมาด้วย บริเวณเบ้าตาทีถ่ ูกบดขยี้นนั้ มีทั้ง
เลือดไหลผสมปนเปมาพร้อมกับน้าตา ตอนนี้ไซม่อนคอ
พับไปเสียแล้ว
“ถ้าจะให้นายถูกฆ่าตายไปทั้งอย่างนี้ ฉันคงอึดอัดน่าดู
ค่อยๆ ดึงออกทีละส่วน ทีละส่วนดีไหม”
คิมซูฮยอนเอียงคออยู่ชวั่ ครู่หนึ่ง คราวนีจ้ ับแขนทั้งสอง
ข้างของไซม่อนเอาไว้ ไซม่อนถึงกับตัวสั่นเทา แม้ดวงตา
ทั้งสองข้างของไซม่อนจะมองไม่เห็น แต่ก็รู้สกึ ได้ว่าแขน
ตัวเองกาลังถูกจับตรึงไว้อยู่ ลางสังหรณ์ของเขากาลัง
บอกว่าคราวนี้คงจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ
“อ...อย่า! อย่านะเว้ย!”
ไซม่อนรีบส่ายหน้าจ้าละหวั่น แต่คมิ ซูฮยอนก็ได้ใช้พลัง
ทั้งหมด ในการฉุดกระชากแขนของอีกฝ่ายไปทางซ้ายที
ขวาทีอย่างรุนแรง
“อ...อ๊ากก!”
ทันใดนั้นแขนทีถ่ ูกอีกฝ่ายกระชากก็ได้เริม่ ปริออกจาก
ร่าง
ทั้งเนื้อในและกระดูกเผยออกมาให้เห็นเต็มสองตา
ร่างกายของไซม่อนเริ่มฉีกขาด
“อ๊ากกก”
เสียงกรีดร้องของไซม่อนดังลัน่ สนั่นป่าทึบ
ดวงตาที่ถูกบดบี้ แขนทีฉ่ ีกขาด หน้าท้องที่โดนแทง
ความเจ็บปวดนี้ทาให้ไซม่อนไม่สามารถควบคุมสติต่อไป
ได้อีกแล้ว ใบหน้าที่เคยสุขุม เย็นชาเสมอมา บัดนี้กลับ
บิดเบี้ยวจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ริมฝีปากที่เอาแต่ยิ้ม
เยาะเรื่อยมา บัดนีก้ ็มฟี องฟอดสีขาวไหลรินออกมาไม่
หยุดหย่อน และบัดนี้เขาได้หยุดนิ่ง คงเป็นเพราะที่ผ่าน
มาเอาแต่กรีดร้องจนแทบจะหมดหายใจ
“อึ้ก...”
ไซม่อนกาลังเสียใจ
เขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาด แต่กระนัน้ ก็
ยังคงมั่นอกมัน่ ใจ เพราะเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์
ประหลาดเช่นเดียวกัน
แต่...เขาไม่นกึ ว่ามันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ ความอิดโรย ไร้
ซึ่งพละกาลัง พร้อมทีจ่ ะถูกทาลายได้ทุกเมื่อ
‘ระดับ’ ช่างแตกต่างเสียจริง
ตอนที่เขายอมรับกับสิ่งนั้นได้ ภายในร่างกายของไซม่อน
ก็พลันเกิดความรู้สกึ ผสมผสานกันระหว่างสิ่งสองสิ่ง
อย่างไรก็ชนะไม่ได้อยู่แล้ว
กลัว
ขายขี้หน้าชะมัด
ฉันอยากอยู่ต่อ
หมดกาลังใจแล้ว กลัวไปหมด เสียศักดิ์ศรีที่สุด ฉันยัง
อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร...ได้อย่างไรกัน
ณ วินาทีที่เขาเกิดความคิดเช่นนัน้ เอง
“โอ๊ยยย”
ความรู้สกึ ปวดแสบปวดร้อนพลันก่อตัวขึ้นบริเวณ
ท้องน้อย
[ยังไงก็...เวลาแห่งการเจรจาคงมาถึงอีกครั้งแล้วล่ะ]
เสียงอันแสนแผ่วเบาดังขึ้นมา จึงทาให้ความคิดของไซ
ม่อนชะงักลง
ไซม่อนจึงถามกลับไป
“วะ...เวลาแห่งการเจรจาหรือ?”
[คิกๆ! ใช่ งัน้ ขอถามอะไรสักอย่างสิ ไซม่อน ไครมส์]
อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า ขอถามอะไรสักอย่างดู ด้วยเหตุนี้
จึงทาให้ไซม่อนเงี่ยหูตั้งใจฟังอย่างไม่รู้ตัว
เสียงที่ได้ยนิ เมื่อสักครูน่ ี้ ทั้งทุ้ม ทั้งต่าก็จริง แต่กระนัน้ ก็
ยังหวานจับใจ และแล้วเสียงทีว่ ่าก็ได้ดังขึน้ มาภายในอีก
ครั้ง
[อยากได้พลังไหมเล่า]
“พลัง...งัน้ เหรอ”
[ก็พลังที่จะช่วยพลิกสถานการณ์ที่นายกาลังเผชิญหน้า
อยู่ตอนนี้ไงเล่า!]
ไซม่อนพยักหน้าตอบรับ

***

บัดนี้ไซม่อนห้อยศีรษะลงไม่รบั รู้สิ่งใดแล้ว ไม่รวู้ ่าท่าที


อันสง่าผ่าเผยเมื่อครูก่ ่อนๆ หายไปไหนเสียหมด ผม
มองดูเขาในสภาพเช่นนั้น แล้วจึงเงยหน้ามองท้องฟ้าชั่ว
ครู่ พลังดวงตาที่สามนัน้ ยังคงเปิดใช้งานมาตัง้ แต่ตอน
เริ่มสงครามแล้ว

ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)


1.ชื่อ (Name) : Simon (ปีที่ 6)
2.คลาส (Class) : ราชาแห่งเลือด (Secret, Monarch
Of Blood, Master)
3.ถิ่นกาเนิด (Nation) : เนบิวล่า (Nebula)
4.ชนเผ่า (Clan) : ไทแรนต์ (Tyrant)
5.นามแท้ · สัญชาติ : กษัตริย์ทรราชผู้บ้าคลั่งเลือด,
ผู้รับเมล็ดพันธุจ์ ากซาตาน · สหรัฐอเมริกา
6.เพศ (Sex) : ชาย (22)
7.ส่วนสูง · น้าหนัก : 174.4 ซม. · 62.3 กก.
8.อุปนิสัย : ชั่ว · ไม่มีระเบียบ (Evil · Chaos)
[พละกาลัง 31] [ความทนทาน 32] [ความคล่องแคล่ว
64] [ความแข็งแกร่ง 43] [พลังเวท 94] [โชค 77]
(คะแนนพลังเหลือ 0 คะแนน)
ได้รบั การเนรมิตหนที่หนึ่งจากบีเอลซีบบั
(Beelzebub)[1] หรือปิศาจแห่งการทาลายล้าง, ได้รบั
เมล็ดพันธุข์ องเทพเนอร์กัล[2]

ผู้รับเมล็ดพันธุจ์ ากซาตาน
วัตถุประสงค์ที่ทาให้ผมยอมเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ คือ
เพื่อมาลงโทษไซม่อน ผูเ้ ล่นที่กาลังจะเข้ายึดครองทวีป
ตะวันตกในอนาคต ส่วนเหตุผลน่ะอยูใ่ นชื่อเสียงอันเลื่อง
ลือของมันแล้วไงล่ะ ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุจ์ ากซาตาน’
น่ะ
สมัยรอบที่หนึง่ นัน้ ไซม่อนได้พ่ายแพ้ในสงครามที่เปิด
ฉากกับฝ่ายตะวันออกในครั้งที่สอง ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้
เขาต้องระหกระเหินกลับทวีปตะวันตกไป หลังจากนัน้
ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทาให้เขาได้รบั การตื่นรูจ้ าก
‘เทพเนอร์กลั แห่งสายลับ’ ซึ่งความจริงในจุดนีด้ ูเหมือน
จะถูกเปิดเผยออกมาช้าไปเสียหน่อย
และเนอร์กัลผู้ตื่นรู้ผู้นนั้ ได้ใช้ชีวติ มาอย่างเงียบสงบมา
ตลอด แต่แล้วก็เขาผู้นอี้ ีกนี่แหละ ที่เป็นตัวการสาคัญ
คอยก่อเรื่องชุลมุนวุน่ วายไปทัว่ ทั้งทวีป โดยเริม่ จาก
ทวีปตะวันตกเป็นที่แรก
โดยส่วนตัวผมคิดว่า เขาเป็นเพียงผลิตผลที่เกิดขึ้นมา
จากความบังเอิญ เมื่อครั้นที่เบลเฟกอร์ถกู อัญเชิญเข้า
มาก็เท่านัน้ เรียกว่าเป็นความหายนะที่เกิดขึน้ เพราะ
ความไม่ตั้งใจ และความโลภมากของพลเมืองสมัย
โบราณได้ไหมเล่าเนี่ย
ทว่าเนอร์กัลนัน้ ไม่สามารถนาไปเปรียบเทียบกับกรณี
ของเบลเฟกอร์ได้เลยแม้แต่น้อย หลักฐานก็ชัดเจนอยู่
แล้ว ชื่อ ‘ผู้รับเมล็ดพันธุ์จากซาตาน’ อย่างไรล่ะ การที่
ทวยเทพถูกอัญเชิญลงมาด้วยความไม่ตั้งใจ กับการ
เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งซาตาน จนมันเติบโตและเข้า
ครอบครองร่างกายได้สาเร็จในภายหลังนัน้ ไม่ว่าจะมอง
ให้เหมือนกันอย่างไร สุดท้ายมันก็ยงั มีข้อแตกต่างอยูว่ ัน
ยังค่า
การฆ่ามันให้ตายๆ ไป จริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรมากนัก
แต่...
ถ้าผมทาแบบนัน้ วินาทีที่เจ้าของร่างกายตายไป
ประสิทธิภาพของเมล็ดพันธุ์ที่อยูใ่ นเจ้าของร่างก็จะสูญ
สิ้นไปด้วย จะเห็นได้ว่ามันทาหน้านี่เชื่อมสายสัมพันธ์กนั
ไว้อยู่ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เมล็ดพันธุน์ ั่นจะ
เป็นต้นกาเนิดแห่งทวยเทพแต่อย่างใด เมื่อผ่านขั้นตอน
การเพาะเมล็ดพันธุ์มา จนสามารถเข้าครอบครองร่างได้
สาเร็จ ตอนนั้นแหละทีต่ ้นกาเนิดที่แท้จริงของมันจึงจะ
ยอมปรากฏตัวให้ชาวโลกได้เห็น
“อือ...อือ...”
เสียงครวญครางดังแว่วเข้ามาในหู ผมจึงเหลือบสายตา
ไปมอง
ไซม่อนกาลังหายใจครืดคราดๆ เหมือนจะล้มลงให้ได้
เสียในตอนนี้ ผมเห็นเขาในสภาพเช่นนั้น แล้วจึงเกิด
ความกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย
“อือออ...”
ในตอนนัน้ เอง จู่ๆ ไซม่อนก็เงยหน้าขึน้ มา เมื่อผมได้
สบตากับเจ้าหมอนั่น จึงสัมผัสได้ถงึ ลางสังหรณ์แปลกๆ
บางอย่างทีก่ าลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ ผมกาลังจะขยี้ตา
อยู่แล้วเชียว แต่แล้วก็ได้เห็นนัยน์ตาสีแดงคล้าที่กาลัง
ปะทุอยู่ในแววตาของเขา
หรือว่า...จะเริม่ แล้วเหรอ
ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมา ประจวบเหมาะกับร่างกาย
ของไซม่อนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างพอดิบพอดี
ผิวขาวๆ ของเขาเริ่มมีรอยด่างสีแดงเข้มแต่งแต้มทั่วทุก
จุด เมื่อรอยด่างนัน่ บังเกิดขึน้ ทั่วทั้งร่าง มันจึงได้ปกคลุม
ร่างกายของเขาจนมืดสนิท และในเวลาเดียวกันนัน้ เอง
ผิวหนังของเขาจึงเริ่มพองตัวขึ้น
“อ๊ากกก!”
เสียงร้องดังลั่นขึ้นมา เสียงที่ผมได้ยนิ นัน้ ทัง้ ดุดันและ
โหดร้าย เหมือนกับไม่ใช่เสียงของไซม่อนเลยแม้แต่น้อย
ร่างกายทีพ่ องขึน้ นัน้ พองตัวมากต่อไปเรื่อยๆ ทุกขณะ
เหมือนกับลูกโป่งไม่มีผดิ ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้ผิวหนังของ
เขาเริ่มฉีกขาดออกจากกัน ภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
สยดสยอง น่าขยะแขยงสิ้นดี หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป
คงไม่กล้ามายืนดูอะไรแบบนี้แน่ๆ
หลังจากนั้นจึงบังเกิดควันสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาจาก
ผิวหนังที่เกิดการฉีกขาด ผมเห็นเช่นนัน้ แล้วรูส้ ึกอึดอัด
ใจ จึงได้จบั เกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้แน่น และในตอน
นั้นเอง
เปรีย๊ ะ!
ตูม!

[1] บีเอลซีบับ พญาแมลงวัน หรือราชาแห่งแมลงวัน


เป็นตัวแทนของบาปตะกละ
[2] เนอร์กัล เทพแห่งปรโลกตามความเชื่อเมื่อสมัยเมโส
โปเตเมีย
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 31
_______________________________________
ร่างกายของอีกฝ่ายเป็นลมล้มพับไปกับพื้น อีกทั้ง
ผิวหนังยังพุพอง ฉีกขาดไปทั่วทั้งร่าง จนในท้ายที่สุด
ร่างกายของไซม่อนจึงระเบิดเป็นจุลในชั่วพริบตาเดียว
เนื้อหนังมังสาของเขากลายเป็นเพียงเศษเนื้อชิน้ เล็กชิน้
น้อย ก่อนทีจ่ ะกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศ ควันสีดามืด
เข้าปกคลุมทัว่ อาณาบริเวณทันที และแน่นอน ผมเองก็
ถูกควันดาที่วา่ ปกคลุมด้วยเช่นกัน ผมจึงรีบถลึงตาแล้ว
จ้องไปที่ต้นไม้ตน้ หนึ่งทันที
“...”
ผ่านไปพักหนึง่ ควันดาที่ได้ปกคลุมทั่วอาณาบริเวณนัน้
จึงได้เริ่มสลายไป ผมเห็นถึงแววตาสีแดงเข้มทีก่ าลังส่อง
ประกายอยู่อย่างไม่หยุดหย่อน จึงไม่รอช้า รีบกวัดแกว่ง
เกียรติยศแห่งวิคตอเรียในมือทันที
ควันดาที่ยงั หลงเหลืออยู่ในชั้นบรรยากาศ ถูกดาบฟัน
จนกระจายตัวออกจากกันได้ในคราเดียว ทว่าผมรู้สึกได้
ว่าปลายดาบกลับไม่ได้ตวัดโดนอะไรมาเลยแม้แต่น้อย
เลยยืนสงสัยอยู่ชวั่ ครู่หนึ่ง และในตอนนัน้ เอง ผมก็ได้ยนิ
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยอันแสนน่าราคาญใจของใครบาง
คนดังมาจากท้องฟ้า
“คิกๆ! คิกๆ! ในที่สุดข้าก็ได้ปรากฏตัวกับเขาเสียที!
คิกๆๆ!”
ผมรีบเงยหน้ามองทันที ควันดาทีพ่ วยพุง่ ขึน้ ไปบนชัน้
บรรยากาศนั้น จู่ๆ ก็ถกู สูบเข้าไปที่ใดสักที่หนึ่งอย่าง
รวดเร็ว แล้วมันจึงค่อยๆ สลายไปอย่างช้าๆ จึงได้เห็น
ไซม่อนกาลังอยู่ท่ามกลางกลุม่ ควันดังกล่าว
ไม่สิ นัน่ ไม่ใช่ไซม่อน
สูงประมาณสองเมตรเห็นจะได้ ร่างกายของมันเต็มไป
ด้วยมัดกล้าม สีดามันเงา บริเวณแผ่นหลังมีปกี
บางอย่างที่ดคู ล้ายกับปีกค้างคาวอยู่ บนศีรษะมีเขางอก
อยู่สองเขา ใช่แล้ว เจ้านี่คือ...
“แต่ว่าก็วา่ เถอะ ได้ออกมาชมโลกกับเขาเสียที กลับโดน
มีดแทงเข้าให้ สามหาวนักนะ ไอ้พวกเหลือขอ! ฮ่าๆ!”
เทพเนอร์กัล
“ฮ่าๆ เดิมทีแกต้องโดนโทษทัณฑ์ แล้วค่อยเจอข้าฉีก
เนื้อให้ขาดเป็นชิน้ ๆ แต่ข้าจะยกโทษให้เป็นพิเศษสักครั้ง
หนึ่งก็แล้วกัน ข้าไม่ค่อยเผยตัวให้ใครเห็นง่ายๆ หรอก
แต่แก...”
“ไม่เจอกันนานเลยนะ เนอร์กัล”
“วะ ว่าไงนะ”
ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายไป ทันใดนั้นแสงสีแดงเข้มทีห่ ล่อเลี้ยง
อยู่ในดวงตาของเนอร์กลั จึงเกิดการวูบไหวในทันที
“...รู้จักชื่อข้าได้อย่างไร เจ้ามนุษย์?”
“รู้ก็คือรู”้
ผมตอบกลับไปสัน้ ๆ แล้วจึงค่อยๆ คุกเข่าลง
“ตอบ! ไอ้พวกแมลงหวี!่ ”
“ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่าฉันจะมาฆ่าเทพชั้นต่าอย่าง...แก!”
ผมรีบกระทืบผืนดิน แล้วโผตัวขึน้ กลางอากาศทันทีที่สิ้น
เสียงคาว่า ‘แก!’
“อะไรนะ...!”
เนอร์กัลพูดประโยคดังกล่าวออกมา พลางเคลือ่ นไหว
ตัวอย่างรวดเร็ว ในตอนนัน้ เองผมก็ได้เห็นว่ามันกาลังกา
หมัดแน่น ด้วยเหตุนจี้ ึงทาให้กลุ่มควันที่เคยปกคลุมทั่ว
บริเวณเมื่อครู่ถาโถมมาหาผมในชั่วพริบตา
ถึงผมจะต้องมาเผชิญหน้าต่อการจู่โจมอย่างกะทันหัน
เช่นนี้ แต่ผมก็ยังเชื่อใจพลังเวทต้านทานของตัวเอง
ความจริงแล้ว ต่อให้จะโดนทาลายก็คงไม่เกีย่ วข้องอะไร
กัน เพราะเจ้าต้นตอได้เผยตัวออกมาให้เห็นแล้ว ซึ่ง
ก่อนที่มนั จะฟืน้ พลังกลับคืนมาได้ดังเดิมนั้น ผมจะต้อง
ฆ่ามันให้ไวที่สดุ เท่าที่จะทาได้ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผล
กาไรในการต่อสูค้ รัง้ นี้ ดังนัน้ ผมจาต้องมีความรอบคอบ
และระมัดระวังต่อการโจมตีของมัน
กลุ่มควันดาพุ่งเข้ามาหาเหมือนกับจะพันล้อมรอบกาย
ผม
แต่แล้วพอมันเริ่มพุ่งมาใกล้ผม จู่ๆ มันก็หยุดการ
เคลื่อนไหวไป บางส่วนก็มลายหายไป บางส่วนก็เริ่ม
ถดถอย ไหลวนเวียนไปบริเวณโดยรอบแทน พลังเวท
ต้านทานได้กาจัดกลุ่มควันที่เข้ามาประชิดตัวผมนัน่ เอง
ในเวลาเดียวกันนัน้ ผมจึงได้เห็นเนอร์กัลอยู่ตรงหน้าใน
ชั่วพริบตา ผมจึงปลุกพลังเวทขึ้นมา พลางจดจ่อสมาธิ
ไปที่เกียรติยศแห่งวิคตอเรีย วินาทีที่ผมสบตาเข้ากับ
นัยน์ตาสีแดงเข้มของมัน ผมจึงได้ฟาดดาบเข้าไปเจาะ
กลางกระหม่อมของมันในทันที
สวบ!
ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างถูกเฉือนไป แล้วจึงได้เห็น
ว่าแขนขวาของเนอร์กลั ไปลอยละล่องไปอยู่กลางอากาศ
เสียแล้ว
จิ๊
ผมเดาะลิ้น ดาบในมือสามารถฟาดฟันในตาแหน่งที่
ถูกต้องก็จริง แต่ทว่าหมอกควันทีก่ าลังลอยวนอยู่
บริเวณนี้ตา่ งหากที่ดันเข้ามาขวางกัน้ เส้นทางไว้เสียได้
ไม่เพียงเท่านัน้ บางส่วนของเจ้าหมอกที่หลงเหลืออยู่ ได้
รั้งเท้าของผมไว้ก่อนที่จะหลบหนีหายไปในชั่วพริบตา
เมื่อเหตุการณ์ทั้งสองได้มาเจอะเจอกันเช่นนัน้ ผลลัพธ์ที่
ได้ก็คือ เกียรติยศแห่งวิคตอเรียไม่ได้เฉือนกระหม่อมของ
มันไป แต่เป็นแขนของมันแทน
ตุ้บ!
“โอ๊ยยย!”
ในเวลาต่อมา เนอร์กัลจึงร่วงตกสู่ผนื ดินเบื้องล่าง พลาง
ส่งเสียงกรีดร้องอันน่าหวาดกลัวดังลั่น
เมื่อเท้าผมสัมผัสกับผืนดินอีกครัง้ หนึง่ นัน้ ใบหน้าของ
มันที่ผมเห็นช่างน่าเกลียด ไม่ชวนมองเอาเสียเลย
หน้าตาของมันดูโกรธเคืองมาก ดูไม่ได้เจ็บปวดที่แขนถูก
ตัดไปเลยแม้แต่น้อย บางทีอารมณ์บนสีหน้าที่ผมเห็น
อาจจะเป็นความโอหังและรักในศักดิศ์ รี ซึง่ นี่แหละที่เป็น
เอกลักษณ์เฉพาะเผ่าพันธุ์ของมัน
“ขะ แขนข้า! แก! กล้าเล่นตุกติกกับข้างั้นเหรอ!”
เนอร์กัลวิง่ ทุลักทุเลเข้ามาหา ผมเห็นดังนัน้ จึงรีบเล็ง
ดาบเข้าไปที่ตวั มันทันที
ทวยเทพทีป่ รากฏกายลงมายังโลกใบนีน้ ั้น สามารถ
ปล่อยพลังในการกาจัดได้ถึงร้อยละเจ็ดสิบเลยทีเดียว
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยพลังร้อยละเจ็ดสิบ
ออกมาได้เลยทันทีที่ปรากฏตัว ต้องค่อยๆ ฟืน้ พลัง
ขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มตั้งแต่ร้อยละยี่สิบ
ถึงร้อยละสามสิบ ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ตน
กล่าวคือ วินาทีที่ทวยเทพปรากฏกายลงมานั้น ทวยเทพ
ตนดังกล่าวจะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุดนัน่ เอง
และนี่คือเหตุผลที่ทาให้ผมยอมฝ่าภัยอันตรายต่างๆ และ
มาเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะ
เนอร์กัลผู้ปรากฏกายมาพร้อมกับเบลเฟกอร์นแี่ หละ ถือ
ว่าสามารถกาจัดได้งา่ ยดายมากที่สุดแล้ว
“ไอ้พวกมนุษย์ชนั้ ต่า! บังอาจ บังอาจนักนะ!”
เนอร์กัลสบถออกมายืดยาวด้วยความโกรธขัน้ สุด
สาหรับผมก็ถือว่าโชคดีแล้ว เพราะหาก ‘ปิศาจแห่ง
สายลับ’ ตนนี้ได้หนีไปพร้อมพลังกายและพลังใจอันเต็ม
เปี่ยมล่ะก็ ผมคงลาบากน่าดู
“หนวกหู”
“แกว่าอะไรนะ”
“เหมือนท่านเทพกาลังสู้กับผมโดยใช้แต่ฝีปากเพียง
อย่างเดียวเลยนะครับ”
“ฮ่าๆ! เฮอะ! ตอนนี้แกกล้าเล่นหัวข้าแล้วเหรอ! ไอ้
สวะ!”
เจ้าหมอนี่เล่ห์เหลีย่ มเยอะอย่างที่คิดไว้จริงๆ เนอร์กัลคง
วิเคราะห์ความตั้งใจของผมได้ มันจึงรีบเปลี่ยนท่าที
แล้วพุ่งตัวเข้ามาหาผม
ทว่าผมกลับส่งยิ้มให้มนั เพราะรูด้ ีอยู่แล้วว่านี่คอื วิธีที่
แน่นอนมากที่สุด ในการยั่วยุเทพที่ดีแต่ปาก
“กาลังเล่นอะไรอยู่หรือ ท่านนี่เป็นได้แค่เทพเนรมิตทีบ่ ี
เอลซีบบั สร้างขึ้นมาจริงๆ”
“...!”
“ในหัวคงคิดแต่เรื่องการทาลายล้างอยู่อย่างเดียวล่ะสิ
โง่เง่าเหมือนเจ้านายไม่มีผิด ฮ่าๆ!”
“เจ้ามนุษย์ แกรูช้ ื่อของกษัตริย์ขา้ ได้อย่าง...เอ่อ ไม่สิ
แกว่าอะไรนะ”
“แกมันโง่ เจ้านายแกก็โง่ไม่แพ้กัน เทพกะโหลกกะลา”
ณ วินาทีนั้น บรรยากาศรอบกายเนอร์กัลจึงได้คลายตัว
ลง
“...”
ผมรู้สึกได้ว่าแววตาของมันทีจ่ ดจ้องเข้ามานัน้ ดูผ่อน
คลายลงไปไม่ใช่น้อย ช่างเหมือนกับคราวของเบลเฟ
กอร์เมื่อสมัยก่อนจริงๆ เทพเนรมิตต่างมีความจงรักภักดี
ต่อเทพผู้สร้าง ถึงขนาดยอมตายถวายชีวิตได้
เวลาผ่านไปประมาณสิบห้าวินาที
“อ๊ากกก!”
เนอร์กัลแผดเสียงคารามโหดเ**้ยมออกมาครั้งหนึ่ง
ก่อนทีจ่ ะเปิดปากพูดประโยคต่อมา พลางมีสายตาแข็ง
กร้าว
“...ดี”
“อะไรดี?”
“อย่ามาเล่นลิน้ ข้าไม่รหู้ รอกว่าแกชานาญอะไร แล้วรู้
อะไรมาบ้าง แต่...”
เนอร์กัลหยุดพูดไปชั่วขณะ ควันดาเริม่ กลับมาไหลวน
เวียนทั่วอาณาบริเวณอย่างรวดเร็ว คราวนี้มนั พัดโหม
กระหน่าแรงมาก จนแทบจะอาพรางร่างทั้งร่างของมัน
ได้เลย และแล้วลมหมอกควันที่วา่ นัน่ จึงได้แปรเปลี่ยน
มาเป็นแสงสีแดงเข้ม
เนอร์กัลพูดต่อมาว่า
“แล้วแกจะเสียใจทีพ่ ูดไปเมื่อกี้!”
ครืนนน!
เพลิงสีแดงเข้มเริ่มฝ่าทะลุลมกรรโชกเข้ามา พอผมลอบ
พิจารณาอย่างละเอียดแล้ว จึงพบว่าร่างกายของเนอร์
กัลกาลังเกิดไฟลุกท่วม เพลิงทีว่ ่าได้หมุนวนตามลมพัด
พา จนวาดตัวออกมาเป็นวงกลม แล้วมันจึงค่อยๆ ยิงไป
ทั่วทุกสารทิศในชั่วพริบตาเดียว มองดูเหมือนพายุเปลว
เพลิง
ภายในร่างกายของผมพลันรู้สกึ ได้ถงึ ลมร้อนๆ กาลัง
ไหลเวียน อากาศที่สูดเข้าไปเต็มปอดนั้น มีทั้งกลิ่นคาว
เลือด ผสมปนเปกับกลิน่ เหม็นเน่าจากอะไรบางอย่าง
ผมมองไปทีก่ องเพลิงทีก่ าลังลุกโชนอยู่ตลอดเวลานั้น
แล้วเหลียวมองอากาศที่สูดไปเมื่อครูน่ ี้ จึงนิ่วหน้า
ขึ้นมา
เนอร์กัลเห็นปฏิกิรยิ าตอบสนองของผมเช่นนั้น คงจะเกิด
อาการละเมอเพ้อพกไปเอง มันจึงได้หัวเราะเยาะเย้ย
ออกมาด้วยน้าเสียงสบายอารมณ์
“ฮ่าๆ! ทาไมเป็นงัน้ ไปเล่า ทาหน้าแบบนัน้ ทาไมกัน”
“นี่มัน...ไฟ?”
“แหงอยู่แล้วสิ นีค่ ืออานาจและพลังของท่านบีเอลซีบบั
พายุสีแดง! ตอนนีร้ ู้สกึ เสียใจขึน้ มาบ้างหรือยังเล่า ฮ่าๆ!
พายุสีแดง?
“อ้อ”
ณ วินาทีที่ผมได้ยนิ คานั้น ความคิดหนึง่ จึงเฉียดเข้ามา
ในหัวสมอง
ผมหายใจเข้าลึกๆ พลางดูสภาพร่างกายของตัวเอง
ทั้งนี้ก็ต้องขอบคุณปาฏิหาริยจ์ ากอันซล ผมจึงรีบปลุก
พลังในหัวใจให้ทางานขึ้นมาเต็มกาลังทันที
คงจะเป็นวิธีในยุคดึกดาบรรพ์สนิ ะ
โฟ่ว! โฟ่ว!
กระแสลมร้อนแห่งดวงไฟได้เริ่มพวยพุ่งมาจากทั่วทั้ง
ร่างกายของมัน
“แกคิดจะเล่นตุกติกอะไรอีกล่ะ!”
เนอร์กัลตะโกนออกมาเสียงดัง ผมเห็นดังนัน้ จึงชูมือซ้าย
ขึ้นมา พลางตอบกลับไปว่า
“ประกาศอาณาเขต”
โฟ่ววว!
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 32
_______________________________________
วินาทีที่ผมตะโกนคาว่า ‘ประกาศอาณาเขต’ ดอกไม้ไฟ
อันโชติช่วงจนถึงขัน้ แสบตาจึงได้เข้าปกคลุมทัว่ ท้องฟ้า
เบื้องบน แม้ผมจะปลุกระดมพลังในการมองเห็นด้วย
พลังเวทแล้วก็ตาม แต่แล้วสิ่งที่เห็นมันกลับห่างไกล
ออกไป
ผมเห็นดังนัน้ จึงขมวดคิว้ โดยอัตโนมัติ แต่แล้วเจ้าแสง
ที่ว่านัน่ ก็ค่อยๆ เลือนรางจางลงทุกขณะ และในตอน
นั้นเอง ผมจึงสามารถยืนยันสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
อย่างหวุดหวิด
จู่ๆ อาทิตย์อัสดงสีแดงเข้มก็ได้ปรากฏโฉมให้เห็นอยู่
กลางฟากฟ้า รู้สกึ ได้ถงึ จังหวะเบาๆ ราวกับกระแสน้า
ค่อยๆ ไหลเวียนวนไปมาอย่างช้าๆ
ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านีค้ ือ พลังของเปลวไฟทีก่ าลัง
ไหลวนไปมาอย่างสมบูรณ์แบบ
“ไอ้บ้านี่! แกจะมาไม้ไหนอีก!”
ผมได้ยินเสียงเนอร์กัลตะโกนโหวกเหวกโวยวายขึน้ มา
เจ้าหมอนัน่ คงรู้สกึ ได้ถงึ ความผิดปกติในขณะนี้เช่นกัน
ทว่าดูเหมือนมันจะรู้ตัวช้าเกินไป เพราะพลังของฮวา
จองได้เริ่มแสดงศักยภาพในขัน้ ต่อไปให้เห็นแล้ว รัศมีที่
กาลังส่องประกายเป็นลูกคลืน่ อยูก่ ลางอากาศนัน้ ได้แผ่
ออกมาเป็นวงกลม หลังจากนั้นจึงค่อยๆ ลดตัวต่าลงมา
แล้วเริ่มก่อรูปก่อร่างขึน้ มาเป็นม่านกาบังชนิดหนึ่ง
ท้องฟ้าสีแดงเพลิงค่อยๆ คล้อยต่าลงมาแล้ว เนอร์กัล
เห็นเช่นนั้น จึงรีบตะโกนดังลัน่ ออกมาอย่างร้อนรน
“พายุสีแดง!”
ครืนนน!
พายุแห่งเปลวไฟที่คอยไล้ตามร่างกายของเนอร์กัล จู่ๆ
ก็แข็งแกร่งขึน้ มา มันเริม่ สั่นสะท้านอย่างรุนแรงมากขึน้
เรื่อยๆ ระดับในการหมุนก็รวดเร็วมากขึน้ กว่าเดิม พายุ
แห่งเปลวไฟของมันช่างแข็งแกร่งมากเสียจนเหมือน
กาลังจะปะทุพวยพุ่งออกมาให้เห็นได้ในไม่ช้า
ในตอนนัน้ เอง
ตูม!
แสงไฟอันสุกสว่างจู่ๆ ก็ร่วงไถลลงมาเหมือนกระแสน้า
แล้วจึงค่อยปักลงสู่ผืนดินในที่สุด ผมกับเนอร์กลั เงยหน้า
ขึ้นมาพร้อมกัน แล้วก็ได้เห็นจนได้
การประกาศอาณาเขตที่เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วนัน้ ทาให้
แสงไฟสีแดงอ่อนค่อยๆ กลับหัวพลิกลงมาเหมือนเป็น
เพียงชามแก้วใบหนึ่ง และ...
“อะ อะไรน่ะ”
ผมได้ยินเสียงเนอร์กัลทีพ่ ูดออกมางุนงงกับสิ่งทีเ่ กิดขึน้
จึงได้เหลือบตามองเจ้าหมอนั่น สีหน้าของมันยังดูไม่
อยากจะเชื่อกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้เหมือนเดิม และ
แล้วพายุแห่งเปลวไฟของมันจึงได้หยุดการเคลือ่ นไหว
ไปเช่นนั้น
“พายุสีแดง!”
“...”
“พายุสีแดง! พายุสีแดง!”
“.........”
“พะ พายุสีแดง!”
เจ้าหมอนัน่ รีบสะบัดมือร่ายเวทไปมาอย่างร้อนรน
ตอนนี้ผมไม่รู้สกึ ตลกทีม่ ันกระทาเช่นนัน้ แล้ว กลับรู้สกึ
สงสารและเห็นใจเสียมากกว่า เพราะผมเองก็ยงั อยากจะ
อยู่ดูให้เห็นกับตามากกว่านี้ แต่กระนัน้ ผมก็รบี ยกมือ
ซ้ายขึน้ มาทันที
การประกาศอาณาเขตนั้นเป็นความสามารถชนิดหนึง่ ที่
ถือได้วา่ เป็นภาระต่อร่างกายอย่างมาก ต่อให้ได้รับ
‘ปาฏิหาริย์’ มาแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องจดจาไว้ให้ดีว่า
ภาระอันยิ่งใหญ่กาลังจะเข้าหาตัวอยู่ในไม่ช้านี้
เพราะฉะนัน้ ยิ่งถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อออกไปมากเท่าไหร่
มันก็ไม่ได้ทาให้ผมได้เปรียบอีกฝ่ายเลยแม้แต่นอ้ ย
ต้องทำตำมควำมตั้งใจของเรำแล้วล่ะ
“อะ ไอ้เศษเดนมนุษย์ ไอ้พวกขีข้ ลาดตาขาว! ยังไม่รบี
แก้อีก!”
“ประสาท”
ผมตอบกลับไปสัน้ ๆ แล้วจึงใช้มือซ้ายที่ยกขึน้ มาเล็งเป้า
ไปที่เนอร์กลั หลังจากนัน้ ก็พูดออกมาด้วยน้าเสียงแผ่ว
เบาว่า
“จงย้อม”
โฟ่ว! โฟ่ววว!
ทันใดนั้น สีของเปลวเพลิงแดงเข้มที่ได้โอบล้อมอยู่ทั่ว
ร่างของเนอร์กัล จึงได้รว่ งหล่นลงมาตามคาสั่งของผม
และก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในชั่วพริบตาเดียว โดย
มันได้เปลีย่ นแปลงมาเป็นสีแห่งพลังเปลวเพลิงอัน
สุกสว่าง
ผมเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงรีบพูดต่อเนื่องออกมาทันทีว่า
“จงระเบิด”
ณ วินาทีนั้น
ตูม!
พายุแห่งเปลวเพลิงที่หยุดแน่นิ่งกับทีน่ ั้นจึงได้เกิดการ
ระเบิดขึน้ มาอย่างรุนแรง
ระเบิดดังกล่าวนัน้ มีพลังรุนแรงมหาศาลมาก ไหนเสียงที่
ดังลั่นจนแทบจะหูหนวก ผมได้แต่ทาหน้านิ่วคิว้ ขมวด
แต่ถึงอย่างนัน้ ก็ไม่ได้หนั กลับไปมองแต่อย่างใด และ
เหตุการณ์ที่ได้เห็นต่อเนือ่ งมานี้ ทาเอาผมไม่สามารถ
ยับยัง้ ความตกใจที่ก่อตัวขึน้ ภายในอกได้เลย
อย่างมากที่สุดก็ได้แค่สบถคาสองคาเท่านั้น
ทว่าเปลวไฟอันแสนเจิดจ้าที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้านี้ กาลัง
ปะทุพวยพุง่ ขึน้ มาสูงราวยี่สบิ เมตรกว่าๆ เห็นจะได้
ไม่เพียงเท่านัน้ ผืนดินทีเ่ นอร์กัลเคยเหยียบย่าอยู่ บัดนี้
ผมกลับเห็นหลุมขนาดใหญ่อันเกิดจากแรงระเบิดเมื่อ
สักครู่ ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้ดินทรายบริเวณนั้นกระจัด
กระจายขึ้นสูงอยูบ่ นอากาศ ส่วนเปลวไฟก่อนหน้าที่ได้
เข้าครอบคลุมอยู่ทั่วทัง้ สี่ทิศ บัดนีก้ ลับสลายหายไปอย่าง
ไร้ร่องรอย
เนอร์กัลล่ะ ผมไม่เห็นเงาเจ้าหมอนัน่ แม้แต่น้อย อย่าว่า
แต่ได้ยินเสียงกรีดร้องของมันเลย แม้แต่รอยเลือดก็ยังไม่
เห็น
แรงระเบิดก่อนหน้าคงจะรุนแรงสาหัสมากจริงๆ แต่ถึง
อย่างนั้นพลังฮวาจองของผมก็ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่
ตามท้องฟ้าบ้าง ราวกับโอ้อวดการมีตัวตนของตนเอง
เวลาผ่านไปเช่นนั้นประมาณห้าวินาที เมื่ออาทิตย์อัสดง
สีแดงเข้มได้เข้ามาเยือนท้องฟ้าที่ถกู อาบย้อมไปด้วยสี
แดงเพลิง ผมจึงได้เห็นควันดาทีก่ าลังปะทุขนึ้ มาอยู่
น้อยๆ
ผมเห็นเช่นนั้นแล้วจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ พลาง
ยกเลิกการใช้การประกาศอาณาเขตในทันที ทันใดนั้น
ม่านกาบังกึ่งโปร่งแสงเมื่อครูก่ ่อนหน้าจึงได้สลายแตกตัว
ออกไป พลังของฮวาจองที่กาลังลุกโชนอยู่ตรงหน้าก็ได้
เลือนหายลับไปในพริบตาเช่นเดียวกัน
“...”
ตาแหน่งที่เนอร์กัลเคยยืนอยู่ บัดนีก้ ลับไม่มีผู้ใดหลง
เหลืออยู่เลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงแค่ผืนดินทีค่ อ่ ยๆ
หลอมละลายกับดินทรายที่ฟุ้งกระจายเพราะแรงระเบิด
เมื่อสักครู่
เจ้าหมอนัน่ ไม่ได้สง่ เสียงออกมาให้ได้ยนิ อีกเลยแม้แต่นิด
เดียว
ผมได้กะเวลาช่วงที่เนอร์กัลจะอ่อนกาลังมากทีส่ ุดเอาไว้
ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเช่นนี้ ทาเอาผมถึงกับอึง้ ไปเลย
ทีเดียว
หำกเรำเพิม่ ควำมแข็งแกร่งให้ได้ถึงหนึ่งร้อยเอ็ดพ้อยต์
จะยังสำมำรถใช้พลังแห่งฮวำจองได้สำเร็จไหมนะ
ผมคิดว่าหากกลับไปแล้ว คงจะต้องมานั่งขบคิดเกี่ยวกับ
ปัญหาข้อนี้อย่างจริงจังเสียที พลางค่อยๆ ย่างก้าวไป
ข้างหน้าอย่างช้าๆ เพราะการต่อสู้ยงั ไม่สนิ้ สุดลงแต่โดย
ดี
โดยทั่วไปแล้ว ทวยเทพ (หรือปิศาจ) จะมีอยู่สองชีวติ
เหมือนคราวที่ผมได้พบเจอมาก่อนเมื่อสมัยต่อสู้กับเบล
เฟกอร์ เมื่อรอบที่หนึง่ นัน้ ผมไม่รู้ความจริงในข้อนี้ จึง
ทาให้พลาดพลั้งปล่อยให้ปิศาจที่โดนฆ่าตายไปหนึ่งครั้ง
กลับมามีชีวิตได้ดังเดิม
และหากอิงตามข้อมูลนัน้ หมายความว่าเนอร์กลั
สามารถฟืน้ คืนกลับมาได้อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง
แต่ผมก็ได้ใช้ดวงตาที่สามในการยืนยันข้อมูลการ
เสียชีวิตของเนอร์กัลแล้ว ทว่าไม่มขี ้อมูลใดๆ ปรากฏ
ออกมาให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว กล่าวคือ เจ้าหมอนัน่
คงตายไปจากแรงระเบิดของพลังแห่งฮวาจองเมื่อครู่ไป
แล้ว
มีอยู่สองวิธีดว้ ยกันทีจ่ ะใช้กาจัดพวกปิศาจให้ตายสิน้
ซากไปได้
วิธีที่หนึ่งคือ ฆ่ามันทัง้ สองครัง้ เพราะพวกมันมีสองชีวติ
ซึ่งถือเป็นวิธีที่ยุ่งยากเอาเรื่อง
วิธีที่สองคือ เมื่อกาจัดมันได้ในหนที่หนึ่งแล้ว ในการฆ่า
มันหนที่สอง เราจาเป็นที่จะต้องโจมตีมนั เข้าไปอย่าง
รุนแรงมากที่สุด เท่าที่จะส่งมันลงนรกได้ในคราเดียว
ผมเลือกวิธีที่สอง ด้วยเหตุนี้จงึ ทาให้ผมไม่ยอมพูด ‘จง
ระเบิด’ ในหนแรก แต่ยอมพูด ‘จงย้อม’ ขึ้นมาก่อน
ความปรารถนาของผมที่ต้องการจะกาจัดมันให้ได้เร็ว
ที่สุดได้ผนึกกาลังรวมเข้ากับพลังแห่งฮวาจอง จึงทาให้
สามารถระเบิดทาลายเนอร์กัลได้ในพริบตา ซึ่งผลลัพธ์ก็
ออกมาแล้วว่า ชีวิตที่สองของมันได้ถูกฆ่าตายลงไปได้
ภายในหนเดียวเท่านัน้
อย่างไรก็ตาม เนอร์กัลได้ตายไปแล้ว ผมได้ใช้ดวงตาที่
สามในการยืนยันข้อมูลจุดนีไ้ ปแล้วด้วย เพราะฉะนั้น
การตายของมันจึงเป็นความจริงที่ไม่ต้องมีเหตุให้สงสัย
อีกต่อไปแล้ว
ในตอนนัน้ ความคิดบางอย่างก็แวบขึน้ มา
ถ้ำบีเอลซีบบั รู้เรื่องนีเ้ ข้ำ จะเป็นอย่ำงไรกัน
ผมไม่รู้หรอกว่าไซม่อนต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึง
จุดนีไ้ ด้ ทาไมเขาถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ แล้วเขารับ
‘เมล็ดพันธุจ์ ากซาตาน’ ได้อย่างไร เขาคงไม่ได้ได้มา
ตั้งแต่ผ่านพิธีเปลี่ยนสภาวะหรอกนะ
ถึงอย่างนัน้ สิง่ ที่ชัดเจนข้อหนึ่งคือ มีความเป็นไปได้สงู
มากว่าปิศาจจาพวกเนอร์กัล ถือเป็นกระบวนการหนึ่งที่
ได้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งต่างจากเบลเฟกอร์ที่ถูก
อัญเชิญมาโดยบังเอิญอย่างลิบลับ
ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะต้องใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ จึง
จะได้มา แต่อย่างไรผมก็ได้ขวางกัน้ มันได้แล้วใน
สงครามครัง้ นี้ ดังนั้นผมชักจะเริม่ เกิดความสงสัยขึน้ มา
เสียแล้วสิว่า หากพวกปิศาจระดับชนชั้นปกครองได้รู้
ความจริงเรื่องนี้เข้า พวกมันจะมีปฏิกิริยาแบบไหนกัน
“เฮ้อ...”
ผมถอนหายใจน้อยๆ พลางเงยหน้าขึน้ มอง
ท้องฟ้าสีแดงเพลิงเมื่อครูก่ ่อนหน้า บัดนี้กลับแต่งแต้มไป
ด้วยสีฟ้าครามอีกครัง้
ผมยืนเหม่อลอย มองก้อนเมฆทีค่ ่อยๆ เคลื่อนไหว
เอื่อยๆ อยูบ่ นฟากฟ้า จนเกิดอาการมึนหัวตามมา
ในช่วงเวลายุ่งเหยิงเช่นนั้น ผมได้แต่หัวเราะเจือ่ นๆ
ให้กับตัวเอง แม้จะบอกว่าร่างกายของตัวเองยอดเยี่ยม
เปี่ยมไปด้วยพละกาลังมากเพียงใด แต่สุดท้ายก็ดูเหมือน
จะไม่สามารถต้านทานภาระแสนหนักอึง้ อันเกิดจากการ
ประกาศอาณาเขตอย่างที่เคยว่าไว้จริง ๆ
ผมปักเกียรติยศแห่งวิคตอเรียไว้กบั ผืนดิน ก่อนที่จะยืน
ประคองร่างกายตัวเอง ผมเองก็อยากจะนัง่ ลงพักผ่อน
นอนอยู่กบั พืน้ ให้ได้ดั่งใจอยาก แต่กระนั้นก็ยังพยายาม
ประคับประคองร่างกายไม่ได้ล้มตึงไปเสียก่อน และจึง
ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าปอดด้วยท่าทีสขุ ุม
หากเป็นเมื่อก่อนผมคงต้องทาใจยอมรับสภาพอย่าง
เดียว แต่คราวนี้ไม่รู้วา่ เป็นเพราะผมได้เตรียมการเผื่อไว้
ล่วงหน้าหรืออย่างไร จึงทาให้สามารถอดทนแบกรับ
ความยากลาบากนี้ไว้ได้ดีกว่าเมื่อก่อน ถือเป็นความโชค
ดีในความโชคร้าย
เพราะอย่างที่ผมเคยพูดไว้ข้างต้น การต่อสู้มนั ยังไม่เสร็จ
สิ้นดี
กรอบแกรบ!
ในขณะที่ผมกาลังสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด พลางค่อยๆ
ปลุกพลังที่มีอยู่ให้ลกุ โชน จู่ๆ ก็ได้ยนิ เสียงอะไรดังกรอบ
แกรบ ผมได้แต่สบถด่าอยู่ในใจ แต่ยังนึกขึ้นได้ว่าตัวเอง
จะต้องเริ่มวางหมากไว้เสียก่อน จึงได้เอื้อนเอ่ยออกมา
เบาๆ ว่า
“ออกมา”
“...”
“...ออกมา(Out)”
กรอบแกรบ กรอบแกรบ กรอบแกรบ!
ชั่ววูบหนึ่ง ผมเกิดความกังวลขึน้ มาเสียดื้อๆ แต่พอได้
ยินเสียงฝีเท้าเหยียบย่าใบไม้แห้งเช่นนี้แล้ว อย่างน้อยก็
ยังดีที่ได้รวู้ ่ามันส่งสัญญาณย่างกรายเข้ามาหา
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 33
_______________________________________
และแล้วก็มีสตรีนางหนึง่ ปรากฏออกมาให้เห็นอยู่ตรง
เบื้องหน้า ผมปลุกพลังที่มีอยู่ในตัวให้ลกุ โชน แล้วเล็ง
ดาบเข้าไปที่หล่อนในทันที
แต่แล้วสตรีผนู้ ั้นกลับยกแขนทั้งสองข้างขึน้ พลางพูด
ออกมาว่า
“เดี๋ยวก่อน ฉันขอยอมแพ้ ฉันไม่ได้ตงั้ ใจจะมาสู้รบ
ปรบมือกับคุณในเวลานี้”
หล่อนรัวภาษาเกาหลีออกมาอย่างชานาญการ ทาเอา
ผมลอบกลืนน้าลายชั่วครู่หนึ่ง แต่กระนั้นหล่อนก็ยงั พยัก
หน้ามาให้ ดูเหมือนหล่อนจะเป็นจอมเวทย์ และคงใช้
เวทในการแปลภาษานัน่ เอง
“ยอมแพ้หรือ?”
“ใช่แล้ว”
หล่อนพยักหน้าเบาๆ ให้อีกครัง้ ผมจึงจดจ้องหล่อนอยู่
เช่นนัน้ ชัว่ ครู่หนึง่
ถึงจะออกปากบอกว่าขอยอมแพ้ แต่กระนั้นอากัปกิริยา
ท่าทีของหล่อนก็ยงั คงดูสง่าผ่าเผย ไร้ซึ่งความหวาดกลัว
อีกทั้งยังดูเป็นสตรีผู้งดงามในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ผมเป็นลอนมีเสน่ห์นา่ ดึงดูด ราวกับได้ละลายทองคามา
บรรจงสร้างสรรค์อย่างประณีต ผิวขาวอันเป็น
เอกลักษณ์ของชาวยุโรป ดวงตาสีส้มสุกสว่างราวกับมี
พระอาทิตย์โชนแสงอยูภ่ ายใน ริมฝีปากแต่งแต้มไปด้วย
สีแดงราวกับผลเชอร์รี่สกุ
แม้ทั่วร่างของหล่อนจะมีเลือดเปรอะเปื้อนอยูบ่ า้ ง ถึง
อย่างนั้นก็ไม่ได้บดบังความงดงามเลยแม้แต่นอ้ ย ช่าง
เป็นหญิงสาวที่มรี ูปลักษณ์สวยงาม ชวนน่าพิศวงเสีย
จริง
ผมมองดวงหน้าของหล่อนพักหนึง่ พลางถ่วงเวลา
ออกไป เพื่อทีจ่ ะได้เก็บสะสมพลังในการกวัดแกว่งดาบ
อีกครั้ง
“มาแอบอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ความจริงแล้ว ช่วงที่ผมรู้สึกตัวได้ก็คือ ช่วงทีก่ าร
ประกาศอาณาเขตได้แสดงพลังของมันออกมา หล่อน
กะพริบตาให้กบั คาถามของผม แล้วจึงตอบออกมาด้วย
น้าเสียงอันแสนราบเรียบ
“ตอนที่ฝ่าวงล้อมมาได้อย่างหวุดหวิดนั้น ฉันก็ไม่ได้เห็น
ผู้บัญชาการอีกเลย ก็เลยลองไล่ติดตามมาดู เลยเห็นว่า
ร่างของเขาติดอยูก่ ับต้นไม้”
“ถ้างั้นก็เห็นมาตัง้ แต่ตอนนัน้ น่ะสิ”
“ใช่แล้ว”
“ตลกดี ยืนมองเจ้านายตัวเองกาลังถูกโขกสับอยู่ท่า
เดียว พอทุกอย่างมันจบ ถึงได้ยอมออกมา พูดว่าขอ
ยอมแพ้”
ผมพูดยัว่ ยุ เย้าแหย่อารมณ์ของอีกฝ่าย แต่หล่อนกลับ
ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ไม่ ฉันตัง้ ใจจะออกไปอยู่แล้ว แต่ตอนที่กาลังจะก้าว
เท้าออกไป จู่ๆ ผู้บัญชาการก็เริ่มเปลีย่ นไป ตอนที่สัตว์
ประหลาดนัน่ เผยตัวให้เห็น ฉันตกใจจนแทบเก็บไว้ไม่อยู่
แล้วเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นคืออะไรเหรอ ใช่ปิศาจที่อยู่ใน
เทพนิยายหรือเปล่า”
“ถ้าอย่างนัน้ ...?”
วินาทีที่หล่อนกาลังจะพูดต่อเนื่องกันมา จู่ๆ ผมก็พูดตัด
บทขึน้ มาทันที
ก็เลยแอบซุ่มอยู่อย่างนัน้ สินะ
“และ...”
ทันใดนั้นหล่อนก็มองผม พลางพูดออกมาด้วยท่าทีสงบ
เสงี่ยมว่า
“ไม่ทราบว่าคุณ...ใช่สตั ว์ประหลาดเมื่อตอนนัน้ หรือ
เปล่า”
“สัตว์ประหลาด?”
“ในช่วงสงครามปิดล้อม...เคยมีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
สกัดกัน้ พลังลมหายใจแห่งวิญญาณที่ฉนั ปลุกขึน้ มา ฉัน
เลยคาดเดาจากภาพที่ได้เห็นตรงหน้า เลยคิดสงสัยว่า
คุณใช่สัตว์ประหลาดเมือ่ ตอนนัน้ หรือเปล่า”
“ลมหายใจแห่งวิญญาณ? ที่เธอปลุก?”
ผมได้แต่เอียงคอสงสัยให้กับคาศัพท์ที่ไม่รู้ความหมาย
บางอย่าง แต่ถงึ อย่างนัน้ ก็มคี วามคิดหนึง่ แล่นเข้ามาใน
หัว จึงใช้ดวงตาที่สามในการตรวจดูข้อมูลผู้เล่นของเจ้า
หล่อนอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลผู้เล่น (Player Status)
1.ชื่อ (Name) : Marcia Yesica (ปีที่ 4)
2.คลาส (Class) : ผู้ปลุกวิญญาณแห่งเปลวเพลิง
(Secret, Elemental Shaman Of Fire, Master)
3.ถิ่นกาเนิด(Nation) : เนบิวล่า (Nebula)
4.ชนเผ่า(Clan) : ไทแรนต์ (Tyrant)
5.นามแท้ · สัญชาติ : ผู้ได้รับพรจากมังกร ·
สหรัฐอเมริกา
6.เพศ (Sex) : หญิง (25)
7.ส่วนสูง · น้าหนัก : 171.2 ซม. · 54.7 กก.
8.อุปนิสัย : เที่ยงธรรม · เชื่อมัน่ และศรัทธา (Neutral ·
Belief)
[พละกาลัง 26] [ความทนทาน 38] [ความคล่องแคล่ว
42] [ความแข็งแกร่ง 37] [พลังเวท 92(+2)] [โชค
87]
(คะแนนพลังเหลือ 0 คะแนน)
จากการใช้พลังเวทมากจนเกินพอดี จึงทาให้เริม่ เข้าสู่
สภาวะอ่อนเพลีย ณ ปัจจุบนั หากยังคงหักโหม ฝืนใช้
เช่นนี้ต่อไป อาจทาให้เกิดผลร้ายตามมา ซึ่งก็คือค่า
ความสามารถจะลดลงไปอีก จาเป็นต้องฟืน้ คืนพลังให้
พอเพียง

อ๋อ
ผมอุทานในใจ และเมื่อได้เห็นข้อมูลผู้เล่นของหล่อน
แล้ว ทั้งความคิดและหัวของผมจึงได้เริม่ หมุนใช้งาน
ขึ้นมาอีกครัง้
ทาไมตอนนัน้ เราเห็นผู้ควบคุมเปลวไฟมังกร แล้วถึงนึก
ไม่ออกกันนะ คงเพราะการตื่นรู้ของฮวาจองเลยลืมไป
เสียสนิทล่ะมั้งเนี่ย
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ... จู่ๆ ก็มาพูดว่าขอยอมแพ้
เองเสียได้ ฉันมองว่ามันเป็นไปได้ยากสักหน่อยนะ”
“ฉันเข้าใจ แต่ตอนฉันหลุดพ้นออกมาได้ สหายของฉันก็
กระจัดกระจายกันออกไปเกือบหมด แล้วก็ได้เห็นภาพที่
ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองด้วย... ตอนนี้ฉนั สับสนมาก
ทุกอย่างตีกนั มั่วไปหมดอยู่ในหัว อยากได้เวลาคิดอะไร
สักหน่อย จะให้คอยเอาแต่วิ่งหนีไปสุดขอบโลกมันก็คง
ไม่ใช่ ฉันคิดว่ายอมแพ้ แล้วค่อยเสนอตัวเป็นเชลยจะยัง
ดีเสียกว่า”
“...”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณจะมองการขอยอมแพ้ก่อนในครั้งนี้
ของฉัน เป็นการกระทาที่หน้าด้าน ไร้ยางอายหรือไม่ แต่
ในฐานะที่คุณคือผู้กอบกุมชัยชนะในครั้งนี้ ฉันหวังเพียง
แค่ว่าคุณจะเมตตา เข้าใจฉันด้วย ไม่ว่าคุณจะลงโทษ
ทัณฑ์อย่างไร ฉันก็จะขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว”
ความสละสลวยในการแปลภาษาออกจะแปร่งๆ ไปเสีย
บ้าง อาจเป็นเพราะเวทแปลภาษาแปลได้ไม่สมบูรณ์
แบบมากเท่าใดนัก แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ ไม่ติดขัดอะไร
ในเวลาต่อมา หลังจากผมได้คิดคานวณอย่างถีถ่ ้วนแล้ว
จึงได้จ้องไปที่หญิงสาวผู้นั้นอีกครั้งหนึง่ หล่อนกาลังชู
แขนทั้งสองข้างขึ้นสูง พลางใช้ดวงตาสีทองประกาย
สวยงามจดจ้องมาที่ผมเช่นเดียวกัน
ในตอนนัน้ เอง

[ความแข็งแกร่งของผู้เล่นต่ากว่า 30% ความสามารถ


ลับ, ความโกรธเคืองถูกกระตุน้ ]
[พละกาลัง, ความแข็งแกร่ง, ความทนทาน, ความ
คล่องแคล่ว เพิ่มขึน้ เล็กน้อย!]

ความสามารถถูกปลุกขึน้ มาได้จงั หวะพอดิบพอดี ทาให้


ผมรู้สึกได้ว่ามีพลังงานบางอย่างปะทุขนึ้ ในแววตา
ดังนัน้ ผมจึงค่อยๆ ลดดาบในมือลงช้าๆ หลังจากนั้นจึง
นาเก็บเข้าไปในปลอกดาบ ก่อนทีจ่ ะพูดออกไปด้วย
ความสุภาพ
“ไม่ทราบว่าบริเวณนี้ยงั มีสหายทีค่ ล้ายๆ กับคุณอยู่อีก
ไหม คนที่ตั้งใจจะยอมแพ้แต่แรกน่ะ”
หล่อนคงเห็นว่าผมมีทา่ ทีตอบรับไปในทางบวก จึงมีสี
หน้าสดใสขึน้ มาทันตา และในช่วงเวลาเหล่านัน้ ผมก็ได้
ใช้ดวงตาที่สามในการสืบค้นความจริงเกี่ยวกับตัวของ
หล่อนอยู่ตลอดเวลา พลางย่างก้าวเข้าไปหา
“ไม่ ไม่มีเลย สหายทีร่ ่วมหนีออกมาด้วยกันก็มอี ยู่ไม่กี่
คน พวกเขาต่างกระจัดกระจายกันออกไป บางคนพอ
เจอสัตว์ประหลาดก็มีหนีไปบ้างเหมือนกัน”
“อย่างนีน้ ี่เอง โอเค ถ้างั้นเอามือลงได้แล้วล่ะ”
หล่อนได้ยนิ เช่นนัน้ จึงถอนหายใจโล่งอก และลดมือลง
ในที่สุด หลังจากนัน้ จึงมองผมที่กาลังเดินเข้ามาหาใกล้ๆ
ส่งรอยยิ้มให้บางๆ พลางยืน่ มือน้อยๆ ออกมา
“ขอบใจ ชื่อของข้าชื่อ มาร์เซีย เยสิก้า แม้สถานการณ์
จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยนิ ดีที่ได้พบคุณ ขอขอบใจอีกครั้งที่
ช่วยรับคายินยอมจากฉัน”
ผมยื่นมือออกไป พลางปลุกพลังเวทขึ้นมาพร้อมๆ กัน
หลังจากนั้นจึงตอบกลับไปด้วยน้าเสียงนุ่มนวลว่า
“ฉันคิมซูฮยอน”
“อย่างนีน้ ี่เอง ฉันสงสัยมาตั้งแต่วันนัน้ แล้วว่า ใครคือผู้
ขวางกัน้ ความสามารถของฉ...!”
มือที่ยื่นออกไปนัน้ ไม่ได้ตรงเข้าไปจับมือหล่อนแต่อย่าง
ใด ผมยืน่ ผ่านมือของมาร์เซีย เยสิก้าไป แล้วจึงวางมือ
ประทับลงบนอกด้านขวาของเจ้าหล่อน
ตุ้บ!
หลังจากนั้น ผมพลันรูส้ กึ ได้ถงึ ผิวหนังอันอ่อนนุม่ ปะทะ
เข้ากับฝ่ามือของตัวเอง
“อ๊ะ...?”
มาร์เซีย เยสิก้ามองผมด้วยสีหน้าสงสัยเต็มที่ ผมสะบัด
มือครัง้ หนึ่ง แล้วจึงกระซิบเข้าที่ขา้ งหูของเจ้าหล่อน
“ยอมแพ้? คิดว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง”
แล้วจึงควักลูกแก้วทีจ่ ับได้ในมือออกมาทันที
พรึบ่ !
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องดังขึน้ มาพร้อมเลือดพุ่งกระฉูด หล่อนปราย
ตามองผมด้วยสายตาที่ไม่อยากเชื่อ ณ วินาทีนนั้ ผมจึง
ได้มุ่งเป้าหมายไปที่ศรี ษะของมาร์เซีย และสะบัดมือซ้าย
เต็มแรงทันทีอย่างไม่รีรอ
โพละ!
ศีรษะของมาร์เซียแตกทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่รู้วา่
เป็นเพราะผมใช้พลังจนหยดสุดท้ายหรือไม่อย่างไรก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ จึงทาให้ของเสียในร่างกาย ทัง้ เลือดแดงฉาน
พุ่งกระฉูดไหลรวมผสมปนเปกับน้าในสมอง จากนั้น
ค่อยๆ เริ่มไหลรินลงมาเลอะเส้นผมอันเงางามของ
หล่อน
สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่มีเพียงแค่ศพ ที่ซีกครึ่งหนึง่ ของหน้า
ได้ตายจากไปแล้ว ผมจึงปล่อยให้ศพที่ยังตัวอุน่ ๆ ร่วง
หล่นไปกับพืน้ ทั้งอย่างนั้น
ตุ้บ!
ดวงตาของมาร์เซียอีกข้างหนึง่ นัน้ ยังคงเบิกกว้างดังเดิม
ผมสูดลมหายใจเข้าช้าๆ พลางเบนสายตาไป

[ผลึกอัคคี]

ลูกแก้วในมือเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แล้วจึง
ทอดสายตามอง พลางจดจ้องไปที่ผลึกอัคคีดังกล่าว
ก่อนที่ค่อยๆ เก็บเข้าสู่ออ้ มอกอย่างทะนุถนอม
ผลพวงที่ได้รบั จากสงครามครัง้ นีค้ ือสามคลาสลับ
ไม่ว่าจะมองอย่างไร สงครามในคราวนีถ้ ือว่าดีใช้ได้
เพราะได้อะไรกลับมาเยอะนี่แหละ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมี
ความเศร้าแฝงอยูบ่ า้ ง เพราะผมได้สูญเสียใครบางคน
ไป
“…”
สถานการณ์ทุกอย่างจบสิ้นลงเพราะแบบนี้ เมื่อสงคราม
เดินทางมาถึงจุดสิน้ สุด ผมเองก็ต้องกลับไปดูทสี่ นามรบ
อีกครั้ง แต่สาหรับผมนัน้ ผมถือว่าตัวเองได้ลงมือทาทุก
อย่างตามที่ปรารถนาไว้หมดแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ ผมจะต้องกลับไปเผชิญหน้าต่อความจริง
ที่ไม่อยากยอมรับอีกครัง้ หนึ่งแล้ว
พอเถอะ... กลับดีกว่า
หลังจากนั้น จึงได้หันตัวไปตามทางที่ได้เดินมา แล้วจึง
เริ่มเดินออกไปช้าๆ
เงาดาบางอย่างฉายเข้ามาอย่างชัดเจน ณ ป่าทึบที่ชุ่ม
โชกไปด้วยเลือด
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 34
_______________________________________
ตึง!
เส้นผมสีดำมันเงำกระจัดกระจำยอยู่ทั่วผืนแผ่นดิน
โดยภำยใต้เส้นผมที่พนั กันอย่ำงยุง่ เหยิงนัน้ มีเลือดสีแดง
สดไหลเจิงนองออกมำไม่หยุด
“แฮ่ก...แฮ่ก”
ชำยผูน้ ั้นหำยใจหอบหนัก รำวกับจะสิ้นใจจำกโลกนี้ไป
ในไม่ช้ำ หยดเลือดไหลรินออกมำจำกมุมปำกทุกครั้งที่
หำยใจเข้ำออก
หลังจำกนั้น ริมฝีปำกอันแสนซีดเซียวจึงค่อยๆ เอื้อน
เอ่ยออกมำอย่ำงยำกลำบำกว่ำ
“ซูฮยอน จำคำทีพ่ ี่เคยพูดไว้เมื่อก่อนได้ใช่ไหม ว่ำ...ยะ
...อย่ำช่วยพี”่
“พี่...?”
“ไม่ว่ำยังไง นะ...นำยจะต้องอยู่ต่อไป ไม่วำ่ จะเกิดอะไร
ขึ้น นำยต้องอยู่ต่อ...จงไปให้สุดทำง...”
“พะ...”
ก่อนทีช่ ำยหนุ่มผู้นนั้ จะพูดอะไรออกมำอีกครั้งหนึ่ง จู่ๆ
มือที่กำลังกอบกุมอยู่ก็ได้หยุดสั่นสะท้ำนไป
กระแสไฟสีเหลืองที่เกิดขึ้นบนร่ำงกำย ค่อยๆ เลือนลับ
หำยไปอย่ำงช้ำๆ
นัยน์ตำที่เคยไหวหวั่น มีน้ำหล่อเลี้ยงกลับดูไร้ซึ่งพลัง ไร้
ซึ่งแสงใดๆ ในชั่วพริบตำ
ตุ้บ!
ศีรษะและมือไร้ซึ่งพลังใดๆ ตกลงมำสู่ผนื ดินเบือ้ งล่ำง
และในตอนนัน้
“อ๊ำกกก ไม่!”
เสียงกรีดร้องแห่งควำมคับแค้นใจ ควำมเศร้ำโศกำได้ดัง
ลั่นสนั่นจนฟ้ำแทบจะถล่ม

***

ทุกอย่ำงจบสิ้นหมดแล้ว
อะไรบำงอย่ำงที่เคยอัดแน่นอยูเ่ ต็มหัวมำตลอดจนถึงเมื่อ
ครู่ บัดนี้ผมรูส้ ึกได้ว่ำมันได้หำยวับไปจนหมดแล้ว
ผมถอนหำยใจออกมำอย่ำงไม่เข้ำใจตัวเอง ก่อนที่จะเงย
หน้ำมองท้องฟ้ำเบื้องบน
บัดนี้ดวงอำทิตย์ได้ลอยอยู่กลำงท้องฟ้ำแล้ว หำกมีสำย
ฝนสดชืน่ ตกโปรยปรำยลงมำคงดีไม่น้อย แต่ถงึ อย่ำงนั้น
ท้องฟ้ำยำมเทีย่ งก็ช่ำงแจ่มใส เจิดจ้ำมำกเกินคำบรรยำย
ผมได้แต่เดินเหม่อมองท้องฟ้ำไปเช่นนัน้ เรื่อยๆ แล้วจู่ๆ
ก็มีข้อควำมหลำยข้อควำมปรำกฏออกมำให้เห็นอยู่
กลำงอำกำศ

[ผู้เล่นคิมซูฮยอนกำจัด ‘เทพเนอร์กลั แห่งสำยลับ’ ได้


สำเร็จ!
เทพเนอร์กัลแห่งสำยลับ ถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนกำรที่บี
เอลซีบบั ที่รำชำแห่งปิศำจพยำยำมมำเนิน่ นำน หำกไซ
ม่อน ไครมส์กลับไปในสภำพเฉกเช่นนี้ บำงทีทวีปของ
ฮอลล์เพลนคงได้ประสบพบเจอแต่ควำมอลหม่ำน
วุ่นวำยจนไม่สำมำรถหยุดยั้งกำรกระทำเช่นนัน้ ได้เลย
ทว่ำผู้เล่นคิมซูฮยอนสำมำรถสังหำรผู้ตนื่ รู้ที่ได้รบั ‘เมล็ด
พันธุจ์ ำกซำตำน’ ได้สำเร็จ ดังนั้นกำรที่ท่ำนสำมำรถ
ขัดขวำงแผนกำรร้ำยของพวกปิศำจได้สำเร็จ จึงถือว่ำ
เป็นกำรสร้ำงคุณงำมควำมดีครัง้ ยิ่งใหญ่
เรำได้พจิ ำรณำจำกประเด็นนี้ เพรำะฉะนัน้ จึงขอมอบ
คะแนน 500,000 โกลเด้นพอยต์ (Golden Point)
ให้แก่ผู้เล่นคิมซูฮยอน!]

“...”
ห้าแสนพอยต์เหรอ
ผมยืนมองข้อควำมเหล่ำนัน้ ด้วยควำมรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ก่อนทีจ่ ะค่อยๆ หลับตำลงชัว่ ครู่
ห้ำแสนโกลเด้นพอยต์
โกลเด้นพอยต์ที่มอบให้นั้นถือว่ำมำกมำยพอสมควร
สำหรับกำรจับปิศำจได้หนึ่งตน เพรำะฉะนัน้ จึง
หมำยควำมว่ำกำรคำดกำรณ์ของผมถูกต้องหมดทุก
อย่ำง ผมได้คำดกำรณ์ไว้ว่ำ หำกเบลเฟกอร์เป็นผลิตผล
ที่ถูกอัญเชิญเข้ำมำด้วยควำมบังเอิญ เนอร์กัลก็คือว่ำ
เป็นปัจจัยส่วนหนึ่งในแผนด้วย บำงทีเขำอำจจะอ้ำงอิง
จำกจุดนี้ จึงมอบพอยต์ให้ผมก็ก็ได้
แต่ถึงอย่ำงนัน้ ผมก็ไม่ได้ให้ควำมสนใจอะไรเป็นพิเศษ มี
ครั้งหนึ่งผมเคยได้รบั คะแนนจีพมี ำกมำยจนนับไม่หวำด
ไม่ไหว ไม่รู้วำ่ เพรำะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ จึงทำให้ผมไม่ได้
รู้สึกตกตะลึงกับห้ำแสนโกลเด้นพอยต์เลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้วำ่ นัน่ จะเป็นคะแนนที่มำกมำยเอำเรื่องเลยก็ตำม
ผมหลุดพ้นออกมำจำกป่ำทึบของทุ่งกว้ำงนัน้ ได้โดยไม่
รู้ตัว แล้วจึงเริ่มรูส้ ึกได้ถึงเสียงโหวกเหวกโวยวำยของ
ผู้คนจำนวนมำกอยู่ตรงหน้ำทำงทีก่ ำลังเดินก้ำวเท้ำเข้ำ
ไป
ผมลืมตำขึ้นอีกครั้ง ข้อควำมที่ค้ำงเติ่งอยู่บนกลำง
อำกำศนัน้ ค่อยๆ หำยไป ทันใดนั้น ผมจึงได้เห็นกำรต่อสู้
ปะทะที่ตัวเองได้เดินผ่ำนมำก่อนอยู่ไกลลิบๆ
ไม่สิ ตอนนีค้ งจะเรียกว่ำเป็นกำรต่อสู้อีกต่อไปไม่ได้
แล้ว
ผมมองผู้คนจำนวนมำก พลำงก้ำวเท้ำกลับเข้ำไปอีกครั้ง
หนึ่ง แต่ทว่ำควำมดุเดือดรุนแรงอย่ำงที่เคยรูส้ กึ มำตัง้ แต่
ครำวก่อนนั้น บัดนี้ผมกลับไม่รู้สึกเช่นนัน้ อีกต่อไปแล้ว
ดังนัน้ ผมจึงย่ำเท้ำเดินเข้ำไปต่อเรื่อยๆ เดิน เดิน และ
เดินเข้ำไปยังสถำนที่ที่มผี ู้คนยืนอยู่ และได้เดินผ่ำนผู้คน
เหล่ำนัน้ ไปเฉยๆ
ดวงอำทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่กลำงท้องฟ้ำอันแจ่มใส กำลัง
ส่องแสงเจิดจ้ำลงมำสู่ทงุ่ กว้ำงเบื้องล่ำงให้สกุ สว่ำง
มองเห็นได้อย่ำงชัดเจน
อำกำศดีๆ เช่นนีช้ ่ำงไม่เหมำะกับภำพทิวทัศน์ที่มีแต่ศพ
นอนเกลื่อนกลำดและเลือดไหลเจิง่ นองเลยแม้แต่นิด
เดียว
แสงแดดที่ส่องลงมำนั้นช่ำงเจิดจ้ำเสียเหลือเกิน จนทำ
ให้ผมเริ่มรู้สึกร้อนๆ บริเวณท้ำยทอย และพอผม
ตระหนักได้ถงึ สิ่งนั้น ก็ทำให้รู้วำ่ ตอนนี้ตวั เองกำลังเดิน
อยู่ตรงใจกลำงของทุ่งกว้ำงผืนนี้เสียแล้ว
หลังจำกนั้น ผมจึงค่อยๆ เดินผ่ำนผู้คนไป พลำงกับได้
ยินเสียงจำกใครบำงคน ณ บริเวณนัน้ ดังแว่วเข้ำมำใน
หู
“ซูยอน! ซูยอน! ตอบสิ! ซูยอน!”
“ใครก็ได้ชว่ ยด้วย! ท่ำนนักบวชช่วยมำตรงนีด้ ้วย!”
กลุ่มคนกำลังตำมหำใครสักคนอย่ำงร้อนอกร้อนใจ และ
กลุ่มคนที่กำลังวิงวอนร้องขอควำมช่วยเหลือ
“โชคดีจริงๆ ที่รอดมำได้ โชคดีแล้วนะ พวกเรำรอดตำย
แล้ว!”
“ฮึก ฮือออ...”
กลุ่มคนที่ทั้งโล่งใจ และดีใจที่ตวั เองได้มีชวี ิตอยูต่ ่อ
“พี่! พี่! หลับตำทำไม! ลืมตำสิ ลืมตำ! เอ๋? พี?่ พี่!”
กลุ่มคนที่กำลังคร่ำครวญอยู่ตรงเบื้องหน้ำผู้เล่นที่สิ้นใจ
“ปล่อย! บอกให้ปล่อยไงวะ! ฉันจะฆ่ำแกไอ้พวกสวะ!”
“อดทนหน่อยนะ! อดทนไว้! พวกเรำเป็นเชลยที่ยอมแพ้
แล้วนะ! ตอนนีม้ ันจบลงแล้วไม่ใช่หรือไงเล่ำ!”
“ใครอนุญำตให้แกเป็นเชลยวะ! สงครำมมันยังไม่จบแค่
นี้หรอกเว้ย! ไอ้XX!”
กลุ่มคนที่กำลังเผชิญหน้ำต่อควำมตำย และกลุ่มคนที่
อำรมณ์กำลังเดือดดำล
“ท่ำนพี่! ท่ำนพี่! ไม่จริงใช่ไหม โกหกกันใช่ไหม โธ่โว้ย!
ท่ำนพี่!”
และกลุ่มคนที่กำลังโศกเศร้ำกับกำรจำกไปของคนรู้จกั ...
เอ๋?
ผมรู้สึงคุ้นเคยกับเสียงๆ หนึ่งที่ดังแว่วเข้ำมำในหูอย่ำง
ประหลำด จึงได้เผลอหยุดกำรเคลื่อนไหวไปโดยไม่รู้ตวั
แล้วจึงค่อยๆ หันหน้ำไปมอง จึงพบว่ำมีผู้คนหลำยสิบ
คนกำลังรวมตัวกันอยู่ ณ จุดใดจุดหนึง่ บนหน้ำอกของ
พวกเขำเหล่ำนัน้ ส่วนใหญ่แล้วมีลวดลำยที่แสดงให้เห็น
ว่ำเป็นสมำชิกเผ่ำโครยอปรำกฏอยูด่ ้วย
“โธ่เว้ย! ไหนว่ำสัญญำกันแล้วไงครับ สัญญำกันแล้ว
ไม่ใช่เหรอ ว่ำจะอยู่ด้วยกันจนนำทีสุดท้ำย! มะ...ไม่...
ต้องไม่ใช่ตอนนี้สิ นักบวชตรงนั้นน่ะ มัวทำอะไรอยู่! รีบ
มำร่ำยเวทรักษำเร็วเข้ำ!
“ผู้เล่นโจซองโฮ! แคลนลอร์ดโครยอเสียชีวิตแล้วครับ
ขอแสดงควำมเสียใจต่อกำรจำกไปครั้งนี้ด้วย ก่อนอืน่
ผมต้องขอให้คุณทำใจให้สงบ...”
ณ วินำทีที่ได้ยนิ ประโยคนัน้ ผมรู้สึกว่ำมีอะไรบำงอย่ำง
กำลังพุ่งเข้ำมำเตือนสติอยู่น้อยๆ
แคลนลอร์ดโครยอเสียชีวิต?
ถ้ำอย่ำงนั้นแล้วก็คงเสียชีวิตเหมือนครำวรอบที่แรก
กระมัง
…ผมไม่รู้วำ่ เขำตำยได้อย่ำงไร ถึงอย่ำงนัน้ เขำก็ไม่ได้ตำย
อย่ำงเสียเปล่ำ เพรำะคงได้รบั กำรประเมินดีๆ ต่อไปใน
ภำยหลัง ผมคิดได้เช่นนั้น
ผมถอนหำยใจเบำๆ ก่อนที่จะเดินผ่ำนผู้คนที่กำลัง
ร้องไห้คร่ำครวญไป
ยิ่งผ่ำนเลยไปเท่ำไหร่ ผมยิ่งรูส้ ึกได้ว่ำเสียงอันดังลั่นทั่ว
อำณำบริเวณก็ค่อยๆ ทุเลำลงไปมำกขึ้นเท่ำนั้น
และแล้วผมก็ได้มำถึงสถำนที่ต่อมำ นัน่ ก็คือ ทีท่ ี่ได้เจอ
กันเมื่อตอนช่วยเหลือพวกเด็กๆ ทั้งหลำยนั่นเอง
สถำนที่ที่อันซลได้บรรลุกำรตื่นรู้ และสถำนที่ที่ชินซังยง
ได้ลำจำกโลกใบนี้ไป
ไม่มีใครยืนอยู่ ณ ที่แห่งนัน้ เลยแม้แต่คนเดียว หลงเหลือ
เพียงแค่ศพหลำยศพ และร่องรอยต่ำงๆ ก็เท่ำนั้น ดู
เหมือนโกยอนจูจะทำตำมคำสั่งของผมเป็นอย่ำงดี
“...”
รอยเลือดที่เลอะเลือนเปรอะเปื้อนไปทัว่ อยู่ตรงหน้ำนี้ คง
จะมีเลือดของชินซังยงผสมปนเปอยู่ด้วย ผมทอดสำยตำ
จ้องมองไปยัง ณ ที่แห่งนั้นสักพักหนึ่ง ก่อนทีจ่ ะเริ่มเดิน
เข้ำไปอีกครัง้
หลังจำกนั้น สมรภูมิรบที่เคยเงียบสงัด พอยิง่ สำวเท้ำ
ก้ำวเข้ำไปเรื่อยๆ เท่ำไหร่ ก็กลับได้ยนิ เสียงดังเจี๊ยวจ๊ำว
ดังลั่นเข้ำมำในหู
ตึก ตึก ตึก
จังหวะกำรก้ำวย่ำงยังคงเชื่องช้ำเหมือนเดิม ผมก้ำวเท้ำ
ช้ำมำก รำวกับคนไม่มแี รง ช้ำจนแทบคิดไม่ถงึ เลยว่ำจะ
เป็นคนๆ เดียวกันกับทีว่ ิ่งเร็วฉิวในสงครำมเมือ่ ครูน่ ี้
เหมือนเดินไปเรื่อยๆ อย่ำงไร้จุดหมำยเลยมั้ง
ผมเดินข้ำมทุ่งกว้ำงผืนนั้นไปเท่ำไหร่แล้วนะ
จำกที่ตอนแรกผมเห็นอยู่ไกลๆ ตอนนี้กลับได้เห็นเหล่ำผู้
เล่นกำลังยืนรวมตัวกันอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งเข้ำเสียที และ
ณ วินำทีนั้น ผมจึงได้หยุดกำรเคลื่อนไหวไปโดยไม่รู้ตวั
เหล่ำผู้เล่นที่เห็นคือ สมำชิกเผ่ำเมอร์เซนต์นนี่ นั่ เอง
ในตอนแรก ผมเองก็ไม่รู้เช่นกันว่ำทำไมตัวเองถึงเดินช้ำ
แต่แล้วพอได้เห็นสมำชิกเผ่ำทั้งหลำย ควำมคิดหนึ่งก็ผุด
ขึ้นมำในหัวทันที และแล้วผมจึงได้พบกับคำตอบของ
คำถำมนั้นในที่สดุ
เมื่อสมัยก่อน ตอนที่เผ่ำเมอร์เซนต์นำรี่อยู่ในช่วงเพิง่
เริ่มต้นนัน้ จำได้วำ่ พอเรำเสร็จสิ้นกำรออกสำรวจและ
เดินทำงกลับกันนั้น เรำได้พบกับผู้เล่นกลุ่มหนึ่ง พวกเขำ
ก็เพิง่ เสร็จสิน้ ภำรกิจกำรออกสำรวจ และกำลังเดินทำง
กลับด้วยเช่นกัน พวกเรำต่ำงดีอกดีใจกันมำก เพรำะกำร
ออกสำรวจในครั้งนั้นประสบควำมสำเร็จด้วยดี แต่แล้ว
กลับจำได้ว่ำอีกเผ่ำบรรยำกำศเศร้ำสลด ซึ่งต่ำงจำก
อำรมณ์ของเผ่ำเรำโดยสิ้นเชิง เหตุผลช่ำงง่ำยแสนง่ำย
เพรำะภำรกิจกำรออกสำรวจก็ทำได้ไม่สำเร็จ และยัง
ต้องสูญเสียสหำยร่วมเดินทำงไปอีกด้วย
ตอนนัน้ พวกเด็กๆ ถึงกับหยุดคุยโม้โอ้อวด และทำได้แต่
เฝ้ำมองพวกเขำเหล่ำนัน้ ผมก็สงสัยเหมือนกันว่ำพวก
เด็กๆ กำลังคิดอะไรอยู่ในหัว พลำงให้คำมัน่ สัญญำกับ
ตัวเองไว้ด้วย ว่ำอย่ำงไรก็ต้องทำให้สำเร็จจงได้
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมำพบเจอกับเรื่องรำวแบบนัน้ จะต้อง
ทำทุกสิ่งทุกอย่ำงเพื่อไม่ให้เผ่ำเมอร์เซนต์นำรีต่ กอยู่ใน
บรรยำกำศแห่งควำมเศร้ำโศกเช่นนัน้
แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่ำ หำกมองในมุม
ของตัวเอง จะเห็นได้ว่ำผมได้บรรลุเป้ำหมำยสำเร็จ
หมดแล้ว แต่หำกมองในมุมมองของเผ่ำ... สมำชิกเผ่ำ
ทุกคนกลับต้องตกอยูใ่ นอันตรำย ซ้ำร้ำยยังต้องสูญเสีย
คนไปหนึง่ คนอีกด้วย
เมื่อครั้งที่คัดเลือกบุคคลที่เหมำะสมสำหรับไปสู้ศึกใน
สงครำม ชินซังยงได้ถกู ละเว้นไป ซึง่ ผมได้รบั กำรร้องขอ
เป็นกำรส่วนตัว เขำจึงสำมำรถเข้ำร่วมสงครำมครัง้ นี้ได้
แต่สิ่งที่ผมได้ตัดสินใจลงไปนั้น ทำให้รู้ว่ำตัวเองเลือกผิด
มหันต์ ผิดที่ยอมให้เขำเข้ำสงครำม ผิดจนไม่มคี ำใดจะ
แก้ตัว
น่าจะมาคนเดียวเสียตั้งแต่แรก
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 35
_______________________________________
ความคิดเหล่านั้นผุดขึ้นมา ในขณะที่ตัวผมกาลังยืน
แน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่เช่นนัน้ ตอนนี้สายตากาลังจด
จ้องไปที่สมาชิกเผ่า
ไม่รู้วา่ เพราะประสิทธิภาพจากปาฏิหาริย์ของอันซลหรือ
ไม่ จึงทาให้ทุกคนดูปลอดภัยดี ยกเว้นชินซังยงเพียงผู้
เดียว ผมเห็นเช่นนัน้ จึงรู้สึกเบาใจ ในขณะที่เกิดความ
กังวลขึน้ มาด้วย ความรู้สึกดังกล่าวนัน้ ไม่ได้ปะทุขึ้นมา
โดยตรง หากแต่คอยไหลเวียนวนในช่วงเผลอใจลอย แต่
ผมก็ยังรู้ดีวา่ ความรู้สึกที่ว่าเป็นเช่นไร
ผมคิดว่าอย่างไรก็จะต้องเดินไปต่อ จึงได้เริ่มยกเท้า
เตรียมก้าวออกไป แต่สดุ ท้ายกลับทรุดตัวลงสู่ผนื ดิน
เบื้องล่างอีกครั้ง และในช่วงที่ผมกาลังกัดปาก และเท้า
ยังไม่ทันแตะพืน้ ดีนนั้ เอง
“ซูฮยอน!”
…?
“ซูฮยอน! ซูฮยอน!”
จู่ๆ ก็ได้ยนิ เสียงหนึ่งดังขึ้นมากะทันหัน ผมจึงรีบหันไป
หาต้นเสียง แล้วก็ได้พบกับเงาของใครคนหนึ่งทีก่ าลังวิ่ง
ฉิวออกมาจากที่ๆ หนึ่ง พอผมได้เห็นเงานัน้ ชัดๆ จึงได้
ออกอาการจิป๊ ากเล็กน้อย
พี่ชายกาลังวิ่งมาหา
“ซูฮยอน! นาย...! เอ๋...?”
พี่วิ่งเข้ามาประชิดตัวผมในที่สุด และในวินาทีที่เราได้
สบตากันนัน้ เขาจึงเกิดการชะงักไปเล็กน้อย
“นาย...ไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไรอะไรล่ะ”
ผมถามกลับไป
ถึงคาพูดที่พูดออกไปจะดูไม่มีความหมายอะไร แต่หาก
ลองแยกแยะดูดีๆ แล้ว จะรู้ได้ว่าผมไม่เป็นไรเสียที่ไหน
กันล่ะ ผมไม่ได้รสู้ ึก ‘ขุน่ เคืองใจ’ แต่อย่างใด เพราะ
ตอนนีร้ ่างกายรูส้ ึกเหนือ่ ยล้าเหลือเกิน พออีกฝ่ายรับรูไ้ ด้
ถึงสิ่งนัน้ แววตาเขาจึงเกิดการไหววูบไปเสี้ยววินาที
“เอ่อ...”
“ซูฮยอน!”
ตึก
จู่ๆ ก็หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ตรงเกือบใจกลางของผืนดิน
พอผมหันหน้าไปมอง ก็พบเข้ากับพีช่ ายของตัวเอง ดูท่า
แล้วเขาคงเห็นผมล้มตัวลง จึงได้วิ่งเข้ามาหวังจะ
ประคองร่างผมไว้
“ตอนนีน้ าย...”
แล้วพีช่ ายจึงเปิดปากพูดในที่สุด แต่พอเขาเห็นหน้าผม
แล้ว ก็รีบปิดปากฉับลงอีกครั้ง จริงๆ แล้วเขาตัง้ ใจจะ
พูดว่าอะไรกันนะ
ในตอนนัน้ เอง
“ซูฮยอน!”
“แคลนลอร์ดเมอร์เซนต์นารี่!”
คงเป็นเพราะพี่ชายผมพูดเสียงดังมาก จึงทาให้สมาชิก
เผ่าที่ยืนหันหลังอยู่ ถึงกับเริ่มหันมามองช้าๆ ผมหลับตา
ครู่หนึ่ง ก่อนทีจ่ ะออกแรงยืนขึน้ อีกครั้ง
จู่ๆ ก็เกิดอวดเก่งอะไรไม่เข้าท่าขึน้ มาเสียได้ หากผม
หมดสติในตอนนี้ เห็นทีคงจะเซ็งเต็มแก่ และเหนือสิ่งอืน่
ใด ผมไม่ชอบเห็นตัวเองอ่อนแอเอาเสียเลย
“...”
พี่ชายผมไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย ซึง่ ผิดคาดเป็น
อย่างมาก เพียงแต่เข้ามาประคองผมอย่างเดียวเท่านั้น
เขาปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา พลางช่วยผมประคองตัว
เดิน
จนในที่สุด ระยะห่างระหว่างผมกับสมาชิกเผ่าก็ได้ใกล้
เข้ามาเรื่อยๆ ผมเห็นมีไม่กี่คนที่วิ่งเข้ามาหา แต่แล้ว
กลับได้ยกมือห้ามเขาไม่ให้วิ่งเข้ามา เป็นสัญญาณบ่ง
บอกว่าให้พวกเขาอยู่เฉยๆ เท่านั้นก็พอ
ยิ่งระยะทางร่นเข้ามามากขึน้ เท่าใด ความเศร้าเสียใจก็
ยิ่งฉายให้เห็นชัดมากขึน้ เท่านั้น สังเกตได้จากใบหน้า
ของสมาชิกเผ่าทั้งแปดคน
จานวนของสมาชิกเผ่าที่เหลืออยู่นนั้ มีอยู่แปดคน สี่คน
กาลังฟุบตัว ไม่กน็ อนคว่าอยู่ล้อมรอบชินซังยง ส่วนอีกสี่
คนที่เหลือก็กาลังยืนนิ่งเงียบ ดูริบหรี่ไร้ซงึ่ ความหวังเป็น
อย่างมาก
“ฮึก ฮือ...ฮือ... พีค่ รับ เพราะผม เพราะผม พี่ซงั ยงก็
เลย...”
ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้น ดูท่าว่าอันฮยอนจะอาการ
หนักสุด เจ้านั่นถึงกับทิง้ อุปกรณ์ทกุ ชิน้ ของตัวเอง และ
ได้แต่ฟบุ หน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจ
ข้างๆ กันนัน้ คือ อันซลกับอียูจองที่กาลังนัง่ ทรุดตัวลง
อย่างไร้เรีย่ วแรงเหมือนคนสติหลุด บริเวณแก้มของคน
ทั้งสองมีแต่รอยคราบน้าตา ดูแล้วคงจะผ่านการร้องไห้
มาอย่างหนัก
และสุดท้ายก็ได้เห็นวิเวียนที่นงั่ เหมือนคนอ่อนแรง
หล่อนไม่เหลียวตามองหลังเลย แม้ผมจะเดินมาถึงแล้วก็
ตาม หล่อนได้แต่จ้องมองชินซังยงอยู่อย่างเงียบๆ
“ซู ซูฮยอน?”
จู่ๆ ผมก็ได้ยนิ เสียงใครบางคนร้องเรียกผมดังขึน้ แต่
แล้วผมก็ผ่านเลยไป หาได้สนใจไม่ และในวินาทีที่ผม
กาลังจะแทรกตัวเข้าไปเพื่อสารวจร่างชินซังยงโดย
ละเอียดนัน่ เอง
ทันใดนั้น วิเวียนก็หนั มามองผมในที่สุด หยาดน้าตาไหล
รินลงมาจากดวงตาคู่สวยของหล่อน
“คิมซูฮยอน”
“...”
“ชินซังยงตายแล้ว”
“...”
ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป และได้ก้มมองชินซังยง ริม
ฝีปากของเขายังคงยกยิม้ น้อยๆ รอยยิ้มยังคงดูผ่อน
คลายเหมือนคราวก่อนไม่มีผิด
“เขาเป็นลูกศิษย์คนแรกของฉัน แต่... ฉันไม่นกึ เลยว่า
เราจะต้องมาจากกันแบบนี้....”
“...”
“ฉัน...ไม่ชอบอะไรแบบนี้เอาซะเลย...”
ประโยคสุดท้ายจากวิเวียนที่พดู ไปร่าไห้ไปถูกเปล่ง
ออกมา และประโยคเหล่านัน้ ได้จมดิง่ ลงในดวงจิตของ
ผม
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป สถานการณ์เช่นนี้ผมต้องพูด
อะไร และแบบไหนออกไปกัน?
“...”
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบชัว่ ครู่หนึง่
ในตอนนัน้
“ฉันรู้วิธีทจี่ ะทาให้เขากลับมามีชวี ิตได้อกี ครั้งหนึ่ง”
เสียงอันแสนแผ่วเบาดังแว่วเข้ามาในหู ทุกคนที่ได้ยินคา
นั้น จึงพร้อมใจรีบหันหน้าไปมองต้นเสียงในทันที
และในจุดที่สมาชิกเผ่าทุกคนต่างกาลังจดจ้องอยู่ นัน่ ก็
คือที่ที่คิมฮันบยอลยืนอยู่นนั่ เอง
“ฉันรู้มาว่าทีร่ ้านค้าสาหรับผู้เล่น มีรายการของที่ชื่อว่า
ความปราถนาอยู่ มันต้องใช้คะแนนโกลเด้นพอยต์เยอะ
มาก แต่ก็สามารถช่วยให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง
หนึ่ง....”
“คิมฮัน...!”
“วะ...ว่าไงนะ?”
“เรื่องจริงเหรอ”
อันฮยอนและอียจู องรีบปรี่เข้ามาหาคิมฮันบยอลอย่าง
รวดเร็ว โดยคิมฮันบยอลได้ตอบกลับไปว่า ‘เป็นเพียงแค่
เรื่องเล่าที่ได้ยนิ มาเท่านัน้ บางทีอาจจะไม่ใช่ก็ได้’ ผมได้
แต่ยืนขบฟันแน่น
แต่คาตอบของคิมฮันบยอลคงยังไม่ได้ข้อมูลมาก
เพียงพอ อันฮยอนจึงได้วิ่งเข้ามาหาผมทันที
“พี่! พี่! จริงใช่ไหมครับ มีความปราถนาอยู่จริงๆ ใช่ไหม
ครับ”
“...”
ผมหลับตาโดยอัตโนมัติ ความทรงจาที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา
ทาให้ภายในหัวตีกนั อย่างยุ่งเหยิง แต่สดุ ท้ายก็สามารถ
ค้นหาคาตอบได้อย่างหวุดหวิด
“พอก่อนเถอะ”
“พี่! ถ้าเราสะสมคะแนนโกลเด้นพอยต์แล้วเราจะช่วยให้
พี่ซังยงให้ฟนื้ กลับมาได้ใช่ไหมครับ ว่าไงครับ”
แม้จะบอกให้เลิกพูดเรื่องนี้ แต่อนั ฮยอนก็ยังคงตื๊อเอา
เป็นเอาตาย
ผมจึงจับลาคอที่สนั่ เทาของตนเองพลางเอ่ยปากพูด
“ฮยอน”
ทันทีที่ผมเรียกชื่อเขาไป อันฮยอนจึงเกิดอาการผงะ
ทันที
“ขอร้อง...ขอร้องล่ะ หยุดทีเถอะ เรื่องนั้น...ไว้ค่อยว่ากัน
ทีหลัง”
“พี่! อ๊ะ...พี่...?”
ผมไม่ตอบอะไรกลับไปอีก และรีบหันหน้าไปทันที แต่ใน
ตอนนัน้ ผมได้เห็นเปลวไฟที่กาลังปะทุอยู่ในแววตาของ
อันฮยอนที่จ้องมองผมมา
และไม่ใช่เพียงแค่อันฮยอนคนเดียวเท่านัน้ สมาชิกเผ่าที่
คอยเฝ้าดูมาตัง้ แต่ผมเจอพี่ชาย ต่างก็จ้องมองมาทางผม
ด้วยสายตาที่ทั้งกังวลและตกใจในคราวเดียวกัน
และในตอนนัน้ เองที่ผมได้เห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของตัวเอง
เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ตัวของผมอาบย้อม
ไปด้วยสีแดงเลือด จนแทบมองไม่เห็นสีเนื้อหนังเลย
แม้แต่จุดเดียว
ผมถอดเสื้อนอกออกด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่เสื้อนอกกลับ
อยู่ในสภาพยับเยินไม่ตา่ งกัน เป็นแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
บริเวณหลังก็ขาดวิ่น ไม่น่ามองเอาเสียเลย ผมจึงใช้มนั ถู
หน้าตัวเองแรงๆ ครั้งเดียวคงจะไม่พอ จึงได้ถูเพิ่มอีก
สองครั้ง สามครั้ง ในตอนนัน้ จึงได้รู้สึกว่าตรงหน้าตัวเอง
พลันดูสดใสมากขึน้ เล็กน้อย
ตั้งสติหน่อยสิ คิมซูฮยอน!
เมื่อในใจค่อยรู้สึกผ่อนคลายลง ผมจึงได้เค้นเสียงออกมา
พูดอีกครัง้
“ผู้เล่นโกยอนจู”
“คะ ค่ะ!”
“ขอให้คุณจัดการศพของผู้เล่นชินซังยงตอนนีเ้ ลยครับ
ส่วนผมจะเข้าไปจัดการสนามรบเองครับ”
“รับทราบค่ะ”
หลังจากนั้น ผมจึงชายตามองดูพชี่ าย พีย่ ังคงจ้องมอง
ผมอย่างนิ่งๆ ผมมองเขากลับไป และความทรงจา
บางอย่างก็ได้ผุดขึ้นมา
ชินซังยง? ความปรารถนา?
สามารถฟืน้ ขึน้ มาได้อีกครั้ง
สุดท้ายแล้ว การช่วยให้เขากลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึง่ นัน้
จะเป็นการเลือกที่ตัดสินใจถูกต้องหรือไม่?
ในภายภาคหน้า ก็คงจะ...
ไม่สิ ไม่ใช่คงจะ
สาเหตุที่ผมกลับมานัน้ ไม่ใช่เพื่ออยูด่ ีมีสขุ ที่ฮอลล์เพลน
แต่อย่างใด ผมกลับมาเพื่อพาพีช่ ายกับฮันโซยองกลับไป
ยังโลกมนุษย์ให้ได้ ‘อย่างปลอดภัย’ เท่านัน้ และนั่นคือ
อนาคตที่ผมได้คดิ วางแผน และตั้งใจจะทาให้สาเร็จจง
ได้
แต่ว่า
เมื่อช่วงเวลานั้นเดินทางมาถึง สุดท้ายแล้ว การช่วยให้
ชินซังยงกลับมามีชีวติ อีกครั้งหนึง่ นัน้ จะถือว่าเป็นการ
เลือกที่ถกู ต้องหรือไม่กนั เล่า?
ผมไม่สามารถหาคาตอบของคาถามข้อนี้ได้เลย
เพราะ...
แม้จะช่วยกูช้ ีวิตผู้เล่นทีเ่ สียชีวิตไปแล้วครั้งหนึง่ ได้ขนึ้ มา
อย่างไร แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถกลับไปยังโลก
มนุษย์ได้อยู่ดี
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 36
_______________________________________
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
ในที่สุด เซราฟทีป่ ิดปากเงียบสนิทมาสักระยะ จึงได้เริ่ม
เอื้อนเอ่ยออกมาอีกครั้ง ผมได้แต่ข่มความรู้สึกคับอกคับ
ใจบางอย่างเอาไว้ พลางคิดว่าตอนนีค้ งถึงจุดสิน้ สุดกัน
เสียที จึงได้เฝ้ารอคาพูดต่อมาของหล่อนอย่างเงียบๆ
เซราฟรอเวลาที่เหมาะสมกว่าจะได้พูดประโยคถัดมาสัก
ระยะหนึ่ง และแล้วจึงได้พูดออกมาด้วยน้าเสียง
ราบเรียบ
“ข้าไม่รวู้ ่าจะต้องเรียนให้ท่านทราบอย่างไร แต่...จะขอ
อธิบายก่อนก็แล้วกันค่ะ ผู้เล่นที่ถกู อัญเชิญมายังฮอลล์
เพลนนัน้ ถือเป็นสิง่ มีชวี ิต ผู้มีเนื้อแท้และจิตใจมั่นคง
แน่วแน่ และสามารถจาแนกดวงวิญญาณที่ลาลับโลกไป
ได้ หรือท่านจะมองว่าเป็นของแท้ดั้งเดิมก็ได้คะ่ ”
และคาตอบที่เซราฟพูดออกมานั้น ช่างสวนทางกับสิ่งที่
ผมปราถนาอยากจะให้ตอบโดยสิ้นเชิง ณ วินาทีนั้น ผม
รู้สึกได้ถึงความคับอกคับใจที่รู้สกึ มาตั้งแต่แรกๆ ค่อยๆ
ขยายตัวขึ้นช้าๆ กระนัน้ หล่อนก็ยังคงพูดต่อไป
“เนื้อแท้แห่งดวงวิญญาณนัน้ สามารถนิยามได้ตามแต่
ละความสงบของบุคคล เพราะฉะนัน้ การช่วยให้ผู้เล่นที่
เสียชีวิตไปแล้ว กลับมาฟื้นคืนชีพใหม่อกี ครั้งหนึ่งนั้น...
ไม่ใช่การฟืน้ คืนสู่เนื้อแท้ หรือไม่ใช่การก่อร่างสร้าง
วิญญาณขึน้ มาใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นการถือกาเนิด
เกิดใหม่อกี ครั้งค่ะ”
“เซราฟ คุณกาลังพูดเรือ่ งอะไรอยู่”
ไม่รู้วา่ ผมเผลอตัวหายใจแรงไปหรือไม่ น้าเสียงของอีก
ฝ่ายจึงได้สูงปรีด๊ ขึน้
เซราฟนิง่ ไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดสรุปออกมาโดยไม่ลังเล
เลยแม้แต่น้อย
“เนื้อแท้ของผู้เล่นตอนก่อนเสียชีวิตนั้น ถือว่ามี
คุณสมบัติเป็นพลเมืองโลก แต่พอเสียชีวิต ณ ที่ฮอลล์เพ
ลนแห่งนี้ เนื้อแท้ของผู้เล่นที่ได้คนื ชีพขึน้ มาครัง้ หนึ่งนั้น
จะไม่ใช่พลเมืองโลกอีกต่อไป แต่จะถือว่าเป็นเพียง
ชาวเมืองเท่านัน้ ค่ะ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ทัง้ สองสิ่งคือ
คุณสมบัติที่ไม่สามารถผสมผสานกลมกลืนกันได้ค่ะ”
“...”
“มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงค่ะ และด้วยความต่างนี้ จึง
ทาให้ไม่สามารถผนวกรวมกันได้ เหล่าผู้เล่นทีผ่ ู้เล่นคิม
ซูฮยอนเอ่ยถึงนัน้ คือ เหล่าผู้เล่นที่เสียชีวิต ณ ฮอลล์
ลน เพราะฉะนัน้ ข้าขอเรียนให้ท่านทราบว่า การที่ท่าน
ร้องขอให้ฟนื้ คืนชีวิตของพวกเขาเหล่านัน้ เป็นเรื่องที่ไม่
สามารถทาได้ค่ะ”
วินาทีที่ได้ยินคาสรุปเหล่านัน้ ในหัวผมจึงรู้สกึ โล่งโปร่ง
ไร้ซึ่งสิ่งใด หัวที่เอาแต่คิดฟุง้ ซ่าน มีแต่เรื่องนัน้ เรื่องนี้อยู่
เต็มไปหมด บัดนี้กลับมลายหายไปจนหมดสิน้ เหมือนมี
ค้อนใหญ่มาทุบเข้าที่ศรี ษะ
เมื่อครั้งได้ยนิ เรื่องนี้จากปากของแอสทารอธ เรื่องนี้แทบ
จะหาความจริงไม่ได้เลย เพราะมันไม่แน่นอนเลยสักนิด
แต่บัดนี้มันกลับกลายมาเป็นความจริงเสียแล้ว
“...ว่าไงนะ”
ในใจผมรูส้ ึกกังวล เริม่ มีอะไรบางอย่างกาลังเต้นตึกตัก
อยู่ข้างในอย่างบอกไม่ถกู
ในห้วงความสับสนเช่นนั้น ผมไม่ยอมรับความจริงเลย
สักนิด ไม่สิ ไม่ยอมรับคาพูดของเซราฟต่างหาก
ไม่ใช่แล้ว ไม่ใช่สิ แม้สิ่งที่หล่อนพูดจะถูกต้อง แต่สุดท้าย
แล้วมันจะไม่มวี ิธีอื่นเลยหรือไงกัน
ในห้วงอารมณ์ที่กาลังตีวุ่นวายกันไปมา ผมได้คว้าฟาง
แห่งความหวังเส้นสุดท้ายไว้อย่างแน่นหนา และก็ได้
ถามอีกฝ่ายออกไปด้วยน้าเสียงสัน่ พร่า
“ผมฟังผิดไปใช่ไหม”
“ขอเรียนให้ท่านทราบล่วงหน้านะคะ... ไม่ใช่ไม่ทา แต่
ทาไม่ได้ค่ะ”
“ไม่ พะ พูดอีกครัง้ สิ ไม่จริงใช่ไหม ผมฟังผิดไปเองใช่
ไหม”
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน...”
ทันใดนั้น เซราฟจึงค่อยๆ ลืมตาขึน้ มาอีกครั้ง แล้วมอง
ตรงมาที่ผม นัยน์ตาสีเขียวอ่อนดูเย็นยะเยือกและสุขุม
นุ่มลึกเหมือนอย่างเคย ในอกของผมเริ่มค่อยๆ บิดเบี้ยว
ไปทีละน้อย สายตาเช่นนั้นของหล่อนกาลังสื่อสาร
ออกมาว่า ‘ไม่ใช่เหตุที่นายต้องรู้’
ผมได้แต่ข่มความรู้สกึ ในใจที่กาลังจะระเบิดออกมาในไม่
ช้านี้ไว้ พร้อมกับค่อยๆ ปริปากพูดออกมา
ไม่สิ ในช่วงที่กาลังจะเปิดปากพูดออกมานัน้ เอง
“ผู้เล่นคิมซูฮยอนเข้าใจคาพูดของข้าแล้วนะคะ”
“คุณ...”
“ก่อนอื่น ข้าอยากจะเรียนให้ท่านสงบจิตสงบใจไว้
เสียก่อน สภาพจิตใจของผู้เล่นคิมซูฮยอน ณ ปัจจุบันนี้
กาลังอยู่ในสภาวะว้าวุน่ กระสับกระส่าย วางใจให้นงิ่
เฉยไม่ได้ ท่านควรจะทาความเข้าใจตามสิ่งทีข่ า้ ได้เรียน
ให้ทราบ แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ยอมรับสิ่งเหล่านั้น
เสียเลย...”
“ผมฟังผิดไปใช่ไหม”
เซราฟกาลังจะพูดประโยคสาคัญ แต่ผมก็ได้ตะโกนเสียง
ดังออกไป ก่อนที่หล่อนจะพูดจบเสียอีก
เซราฟจึงรีบปิดปากฉับ
ผมรู้สึกได้ว่าจู่ๆ คอก็แห้งผากขึน้ มาอย่างกะทันหัน ผม
ค่อยๆ ผ่อนปรนลมหายใจช้าๆ หลังจากนั้นจึงยื่น
ลูกแก้วซีโร่โค้ดในมือออกไปด้านหน้า
“คุณพูดอะไรของคุณ ผมไม่ได้จะใช้โกลเด้นพอยต์เสีย
หน่อย ไม่ได้พูดถึงเรื่องความปราถนาอะไรนั่นด้วย ผม
กาลังพูดถึงซีโร่โค้ดอยู่ เจ้าซีโร่โค้ดที่เปีย่ มไปพลังและ
ความสามารถรอบด้านนี้ต่างหาก”
“...”
“เซราฟ? ว่าไง?”
ปกติแล้ว ผมไม่เคยถึงขัน้ วิงวอนขอร้องให้ใครเห็นมา
ก่อน แต่ตอนนี้ผมกาลังอ้อนวอนต่อเซราฟ ไม่วา่ ใครจะ
ว่าอย่างไรก็ชา่ ง ตอนนีไ้ ม่ใช่เวลาทีจ่ ะต้องมาหยิ่งใน
ศักดิศ์ รี
ตอนนีเ้ ข้าสู่ชว่ งท้ายแล้ว และในท้ายที่สุด สิ่งทีผ่ มหวัง
ไว้ก็ใกล้สาเร็จอยูร่ อมร่อ ความปรารถนาในครัง้ นี้ ผมจะ
ไม่มีวนั ลืมมันเลย
ทว่าเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านัน้ ที่ทาให้ความตั้งใจของผม
ได้หยุดชะงักไป
ผมจ้องไปยังเซราฟด้วยความรู้สกึ ร้อนรุ่มอยู่ในอก
แต่
“...”
“เซราฟ!”
เซราฟก็ยังไม่ยอมตอบอะไรกลับมา หล่อนได้แต่จ้องมอง
ผมอย่างเย็นชาเช่นเดิม
ฉันยอมรับไม่ได้
โอเค แม้ผมจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เซราฟพูด แต่อย่างไรผม
ก็ไม่สามารถยอมรับกับความจริงเหล่านัน้ ได้ เพราะ
วินาทีทคี่ าพูดของหล่อนได้แปรเปลี่ยนมาเป็นความจริง
นั่น...
มันช่างเหมือนกับด้ายเส้นเล็กๆ ที่ผมพยายามยื้อมา
ตลอด แต่สุดท้ายมันกลับขาดไป จนแทบไม่มชี นิ้ ดี
ผมพยายามแล้ว พยายามเล่าทีจ่ ะทาให้ตวั เองสุขุมให้ได้
มากที่สุด พลางพูดออกไปด้วยน้าเสียงสงบเสงีย่ ม
“ถ้างั้นต้องทายังไงล่ะ ต้องทาอะไรอีก ถึงจะยอมให้คา
ขอร้องของผมกลายเป็นจริงกับเขาได้บา้ ง ตอนนี้ผมต้อง
ค้นหาเฟิร์สโค้ดใช่ไหม”
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน”
“โอเค พูดมา ผมจะตั้งใจฟัง”
“เฮ้อ...”
เซราฟถอนหายใจอยู่สกั พัก แล้วจึงค่อยๆ เผยอริม
ฝีปาก เปล่งคาพูดออกมาว่า
“คิมยูฮยอนกับฮันโซยองที่ท่านเอ่ยถึงเมื่อสักครู่ ผู้เล่น
ทั้งสองคนนีไ้ ด้เสียชีวติ ลงแล้วเรียบร้อย โดยสามารถใช้
ทุกกลวิธใี ดก็ได้ ในการให้พวกเขาฟื้นคืนชีพค่ะ จะใช้ซี
โร่โค้ดก็ได้ หรือจะใช้ความปรารถนาผ่านโกลเด้นพอยต์
ที่ท่านครอบครองก็ย่อมได้เช่นกันค่ะ แต่...”
“แต่? แต่อะไรอีก?”
“...ไม่ว่าจะมองอย่างไร การใช้ซีโร่โค้ดก็คือ การใช้
แลกเปลี่ยนต่อความปรารถนาระดับสูงๆ อยู่ดคี ่ะ
เพราะฉะนัน้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็เหมือนเดิมอยู่วนั ยังค่า อย่างที่
ข้าได้เรียนให้ทราบเมื่อครูค่ ่ะ ในกรณีที่ผู้เล่น ผูซ้ ึ่ง
เสียชีวิตไปแล้วหนึ่งครัง้ พอกลับมามีชวี ิตได้ดงั่ เดิม
อย่างไรก็จะถูกจัดให้เป็นเพียงชาวเมืองค่ะ ไม่ว่าจะใช้ซี
โร่โค้ด หรือความปรารถนา สุดท้ายต้นตอปัญหาเดิมก็
จะยังคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ”
ผมลองตั้งใจฟังอย่างเงียบเชียบแล้ว แต่เนื้อความที่
หล่อนพูดก็เหมือนเดิมกับเมื่อครูน่ ี้เลย การที่เซราฟพูด
ออกมาว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี
ประโยคนี้ แทบไม่ต่างอะไรไปจากคาพิพากษาประหาร
ชีวิตผมเลย
แขนที่ได้ยนื่ เหยียดออกไปข้างหน้า บัดนี้กลับอ่อนแรง
เซราฟคงจะเห็นท่าทีของผมเช่นนัน้ จึงได้พูดต่อเนื่อง
ออกมาทันที
“ผู้เล่นคิมซูฮยอนยังไม่เคยเสียชีวติ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะฉะนัน้ จึงไม่มีปญ ั หาอะไรค่ะ หากท่านจะหวนคืน
กลับสู่โลกมนุษย์”
“งั้น...ผมต้องกลับไปคนเดียวทั้งอย่างนี้น่ะหรือ...?”
“...ความทรงจาแห่งฮอลล์เพลนจะไม่มีให้หวนคิดถึง
ต่อไปค่ะ แต่เหล่าผู้เล่นก็ยังคงจะมีชวี ิต และดาเนินชีวิต
ต่อไปบนโลกมนุษย์เหมือนเดิมค่ะ คนเหล่านั้นถูกเรียกว่า
เป็นมนุษย์โคลนนิ่งค่ะ...”
ในตอนนัน้
ณ วินาทีนั้น ผมรู้สกึ ได้ว่าจิตใจภายในทีพ่ ยายามข่มแล้ว
ข่มเล่ามาตลอดจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ได้แตกกระจายไม่
เหลือซากในชั่วพริบตา
ฟึ่บ!
“ผู้เล่นคิมซูฮยอน?”
เซราฟเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ด้วยน้าเสียงที่แฝง
ไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
ผมตั้งสติ แล้วจึงได้เห็นว่าตัวเองชักดาบ เล็งเป้าไปยัง
เซราฟที่ยนื ประจันอยู่ตรงหน้า ดูเหมือนผมจะยอมรับ
กับเรื่องราวเช่นนั้นไม่ได้ จึงได้ชกั ดาบออกมา แล้วเล็ง
ไปที่อีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ ผมเห็นว่าปลายดาบกาลังสั่น
ไหวอยู่น้อยๆ กับทัศนวิสัยที่เริ่มจะขาวโพลนทีละน้อย ที
ละน้อย
ในเวลาเดียวกันนัน้ เอง ความทรงจาที่ผมไม่สามารถลืม
เลือนได้ก็เฉียดผ่านหัวของผมไป

‘สุดท้ายก็เป็นแบบนี้สนิ ะ เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ยังไงตอนนีก้ ็ทา


ใจให้ชอบซะเถอะ ขอแสดงความยินดีด้วยนะ ผู้เล่นคิม
ซูฮยอน อย่าเศร้าไปเลย’
‘พูดบ้า พูดบออะไรอีกล่ะ’
‘เดี๋ยวก็ได้รู้เอง ว่าสุดท้ายแล้ว นายเองทีจ่ ะกลายเป็น
ฝ่ายเสียเปรียบ และจะได้รู้วา่ เหล่าฑูตสวรรค์ก็เป็น
สิ่งมีชวี ิตเหมือนกับเราๆ ท่านๆ เหมือนกัน’
‘ไอ้บ้า พอจะได้ตาย ก็เอาแต่พูดไร้สาระไม่หยุดเลยนะ’
“ผู้เล่นคิมซูฮยอนคะ ข้าทราบดีว่าท่านคิดอะไรอยู่ ถึงได้
กระทาเช่นนี้ออกมา แต่การกระทาของท่าน ณ ขณะนี้
มันไม่สมควรเสียอย่างยิง่ เลยค่ะ แม้ท่านจะสังหารข้า แต่
สุดท้าย ข้อสรุปที่ได้ก็จะยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
อยู่ดีค่ะ”
“...เซราฟ ในเมื่อไม่จาเป็นแล้ว เพราะงัน้ ช่วยตอบอะไร
ผมสักข้อสิ”
MEMORIZE
[เล่ม19] ตอนที่ 37
_______________________________________
ผมพูดต่อเนื่องออกมาด้วยนา้ เสียงแผ่วเบา เสียงที่ได้ยิน
นัน ช่างฟังแล้วแสนรื่นหู ดูเหมือนคนสงบจิต สงบใจได้
แม้แต่ตัวผมเองที่ได้ยินเสียงเช่นนัน ยังรู้สกึ ตกใจเลย
น้าเสียงที่วา่ นันช่างเหมือนกับระเบิดเวลาเสียจริง อะไร
บางอย่างทีค่ บั อยู่ในอกใกล้จะระเบิดออกมาเต็มทีแล้ว
เซราฟหลับตาลง พลางถอนหายใจ หลังจากนันจึงได้
พยักหน้าให้หนึ่งครัง

‘หรือว่าจะเป็นอย่างนันกันนะ ฮึๆ’
‘ฉันไม่มเี วลาพูดล้อเล่นกับนายหรอกนะ แอสทารอธ’
‘งันหรือ ดูนนี่ ะ คิมซูฮยอน นายไม่สงสัยเลยหรือ ว่าซีโร่
โค้ดมันคืออะไรกันแน่ ท้าไมพวกนายถึงได้มาฮอลล์เพ
ลน แล้วต้องมาต่อสูก้ ับพวกเราเรื่องซีโร่โค้ดด้วย’
‘เรื่องนันมัน...’

“ผมน่ะได้รบั ซีโร่โค้ดมาแล้วนี่ แล้วก็บรรลุจุดประสงค์


ท้ายสุดของฮอลล์เพลนในฐานะผู้เล่นแล้วด้วย”
“ถูกต้อง เรื่องนันข้าไม่สงสัยอะไรเลย เป็นเรื่องจริงทุก
ประการค่ะ”
เมื่อได้ยนิ ค้าตอบนัน ผมก็เม้มปากทันที แต่แล้วผมก็ได้
แบมือซ้ายออกมา จึงท้าให้ลูกแก้วสีฟ้าที่อยูใ่ นมือ
ปรากฏโฉมออกมาให้อกี ฝ่ายได้เห็น
“งัน...เจ้านี่มนั คืออะไร”
“คะ...?”
“ท้าไมผม... ไม่สิ ท้าไมพวกเราต้องรับซีโร่โค้ดแทนพวก
เธอด้วยล่ะ เจ้าลูกแก้วนี่มีความหมายอะไรกับพวกเธอ
กันแน่”
“...!”
ณ วินาทีนัน ประกายความสับสนพาดผ่านใบหน้าของ
เซราเป็นครังแรก

***

ในระหว่างทีก่ ้าลังรอรอบของวาร์ปเกตอยู่นนั ผมได้เงย


หน้าขึนมองบนท้องฟ้า ยิ่งเวลาเลยผ่านไปมากเท่าใด
ดวงอาทิตย์ที่เคยลอยเด่นอยู่กลางฟากฟ้านัน บัดนี
ค่อยๆ ลาลับไปฝั่งทิศตะวันตกมากขึนทุกที แสงอาทิตย์
ยามอัสดงสีแดงเข้มเริ่มคืบคลานเข้ามาครอบง้าทั่วทัง
เมือง
ผมได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดจาไปพักหนึง่ แล้วจึงลองไล่นบั
แถวที่เหลืออยู่ เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงคิวของเมอร์
เซนต์นารี่แล้ว หลังจากนันผมจึงได้เหลียวกลับมามอง
พี่ชายที่ยนื เคียงข้าง
“พี่ ไว้แค่นก่ี อนแล้วกัน ผมไปล่ะ”
“หืม? อ้อๆ นัน่ สิ ดูเหมือนพวกเราจะได้ไปเกือบท้ายๆ
สุดเลย”
“ยังไงก็ต้องไปแล้วล่ะ แคลนลอร์ดไม่อยู่นานๆ มันจะไม่
ดีเอา”
“หืม นั่นก็ใช่”
พี่ค่อยๆ พยักหน้าให้ผมเบาๆ ก่อนที่จะถอยหลังไป แล้ว
จู่ๆ เขาก็เอือมมือมาจับไหล่ผมไว้ หลังจากนันจึงพูด
ออกมาด้วยน้าเสียงอบอุ่น
“ซูฮยอน”
“หืม?”
“ขอบใจนะ”
“...?”
ขอบใจอะไรกัน?
พี่ชายคงอ่านสีหน้าสงสัยของผมออก เขาจึงยิมร่า
ออกมา
“ฉันได้ยนิ มาจากพวกเด็กๆ น่ะ ทุกคนได้รบั การ
ช่วยเหลือจากนายคนเดียวทังนันเลย ปาฏิหาริย์แท้ๆ ที่
ท้าให้เผ่าแฮมิลของเราไม่ต้องสูญเสียสมาชิกคนใดคน
หนึ่งไป พวกเขาเอาแต่ขอบคุณนายอยู่ท่าเดียว”
“...ก็ดีแล้ว”
พวกเด็กๆ ที่พชี่ ายหมายถึง คงจะเป็นสมาชิกเผ่าแฮมิล
“อืม ฉันก็ไม่รจู้ ะพูดอะไรต่อแล้วล่ะ อยากฝากไว้แค่นี
แล้วก็...”
“...”
“ฉันจะรอการติดต่อจากนายนะ ถ้าจัดการกับตัวเองได้
แล้ว ก็ช่วยติดต่อมาหาฉันก่อนด้วยล่ะ ฉันจะรอนาย
เสมอ”
“...อืม”
ที่เขาพูดว่าจะรอการติดต่อจากผมนัน บางทีอาจจะพูด
ถึง ‘เรื่องนัน’ ก็เป็นได้ ผมจึงพยักหน้าตอบกลับไปอย่าง
รวดเร็ว จริงๆ แล้วผมตัดสินใจว่าจะพูดอะไรออกไปสัก
อย่าง แต่แล้วกลับฉุกคิดขึนมาว่า ตัวผมไม่มคี วามมัน่ ใจ
ที่จะพูดเรื่องนันเลยแม้แต่น้อย
พี่ชายเห็นผมพยักหน้าตอบรับเช่นนัน จึงได้ยนื่ มือเข้ามา
ตบไหล่ปุๆ แล้วบอกให้ผมสู้ต่อไปเป็นประโยคสุดท้าย
ก่อนทีจ่ ะหมุนตัวกลับไป
ผมมองด้านหลังของพีช่ ายทีก่ ้าลังค่อยๆ ห่างไกลออกไป
เรื่อยๆ พี่ไม่ค่อยได้พูดอะไรกับผมเลยจนกระทั่งเมื่อครู่นี
เขาได้แต่อยู่เงียบๆ เคียงข้างผมอย่างเดียวเท่านัน บางที
นี่อาจจะเป็นวิธีการดูแลเอาใจใส่ผมในแบบฉบับของเขา
ก็ได้
ผมได้แต่ลอบถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับจมอยูใ่ นห้วง
ความคิดของตัวเอง
สงครามได้เริ่มเปิดฉากขึนเมื่อตอนเช้ามืด และได้สินสุด
ลงในช่วงเวลากลางวัน หลังจากนันเวลาก็เดินต่อไป
เรื่อยๆ จึงท้าให้ในขณะนีเราก้าลังอยูใ่ นช่วงเวลา
ระหว่างพลบค่า้
ด้วยทักษะการสู้รบของทวีปตะวันตกที่เราไม่คาดคิดคาด
ฝันมาก่อน จึงท้าให้ต้องเผชิญหน้าต่อความเสียหายเป็น
จ้านวนมาก แต่ถึงอย่างนันหากสงครามครังนีได้สินสุด
ลงไปแล้ว สิ่งทีค่ วรจะท้าเป็นล้าดับแรกสุดก็คือ การ
จัดการกับสงคราม หรือการดูแลความเรียบร้อยใน
ช่วงเวลาก่อน-หลังสงครามนัน่ เอง ด้วยเหตุนจึี งท้าให้
เหล่าผู้เล่น ผู้ซึ่งก้าลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความ
เศร้าโศก จึงได้เริ่มขยับกาย เคลื่อนไหวกันอย่างขยัน
ขันแข็งขึนมาเล็กน้อย
ก่อนอืน่ เราได้ตดิ ต่อและแจ้งสถานการณ์ปัจจุบันให้
ภาคใต้กบั ภาคเหนือได้รบั รู้เสียก่อน พร้อมทังยังได้
ขอร้องให้ส่งก้าลังเสริมมาโดยเร็วที่สดุ อีกด้วย
โดยทังสองแห่งได้ส่งสารตอบกลับมาว่า จะรีบฟื้นฟู
เมืองที่ยึดคืนมาได้ และจะรีบส่งก้าลังเสริมมาให้โดยเร็ว
ที่สุด หากอ้างอิงตามนี บางทีพวกเขาอาจจะมาถึงในคืน
นี หรือไม่อย่างช้าสุดก็คงมาถึงเช้าวันพรุง่ นี
ความจริงแล้ว การที่เราร้องขอก้าลังเสริมไปนัน เป็น
เรื่องสุดวิสัยจริงๆ
ผมไม่ได้พูดถึงสภาพบ้านเมืองของบาร์บาร่า และไม่ได้
พูดถึงทุ่งกว้างที่มีซากศพเกลื่อนกลาดและมีเลือดสีแดง
ฉานไหลเลอะอยู่ทั่ว
ไม่เพียงเท่านัน พวกเราต้องจัดการกับเหล่าผู้เล่นทวีป
ตะวันตกที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยอีกด้วย ต้องรวบรวม
สภาพแวดล้อมที่เกิดความเสียหาย อีกทังยังต้องคอย
ดูแลเหล่าผู้เล่นที่ยังมีชวี ิตรอดอยู่ในบาร์บาร่าอีกด้วย
พูดสันๆ คือ งานท่วมหัว
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี บริเวณประตูฝั่งทิศตะวันตก
จ้าต้องใช้เวลาในการฟืน้ ฟูและเตรียมการอยู่หลายวัน
ซึ่งบริเวณประตูฝั่งทิศตะวันออก ใต้และเหนือไม่ได้เป็น
แบบนัน เพราะทางนีต้องเจอกับเหล่าผู้เล่นทวีป
ตะวันตกที่พากันหลั่งไหลประเดประดังเข้ามานัน่ เอง จึง
ท้าให้บริเวณนันได้รับความเสียหายมากกว่า ด้วยพลัง
ปาฏิหาริยจ์ ึงท้าให้สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายมากถึงขัน
นัน แต่อย่างไรมันก็ถือเป็นมาตรการในการดูแลอย่าง
หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าเผ่าเมอร์เซนต์นารีเ่ องก็ถูกจัด
ว่าอยูบ่ ริเวณนันด้วย และพวกเราต้องมายืนรอคิว
เพื่อที่จะเข้าใช้งานวาร์ปเกต ต่อให้เราไม่ได้เผชิญหน้า
ต่อสภาพการณ์เลวร้ายอะไร สุดท้ายแล้วเราก็จะไปอยูด่ ี
เพราะผมไม่มีเหตุจ้าเป็นที่จะต้องดันทุรังอยูใ่ นบาร์บาร่า
ต่อไปอีกแล้ว
ช่วงเวลาในการฟื้นฟูนนั อยู่ทรี่ าวๆ สามวัน ซึง่ จะรวม
วันนีเข้าไปด้วย คงจะได้เปิดการประชุมครังต่อไป
หลังจากสามวันนับจากวันนี เพราะต้องสะสางงานต่างๆ
ให้เสร็จสินไปในระดับหนึ่ง
“รอบต่อไป กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม”
ในที่สุดก็มาถึงรอบของพวกเราจนได้ ผมก้าลังคิดว่าจะ
เหลียวมองหลังดีไหม แต่แล้วก็ไม่ได้หันกลับไปมอง
สมาชิกเผ่าของเราส่วนใหญ่ต่างอยู่ในสภาวะนิง่ เงียบ ไม่
พูดจา การมาอยู่ ณ ที่แห่งนี ไม่ใช่อารมณ์ที่จะต้องมา
พูดคุยจ้ออะไรใส่กัน ยิ่งไปกว่านัน ด้วยระยะแถวที่ยัง
เหลืออยู่ยาวเหยียด จึงท้าให้พวกเขาต้องเคลื่อนไหว
ร่างกายให้ได้เร็วที่สุด
แม้เรื่องทีจ่ ะพูดคุยกันจะถูกยกยอดไปในคราวหลัง แต่
มันก็ไม่ได้สายอะไร
ใช่แล้ว ก่อนอื่นเรากลับแคลนเฮาส์กนั เสียก่อนเถอะ
ผมคิดได้เช่นนัน ก่อนทีเ่ คลื่อนตัวไปยังวาร์ปเกตที่ก้าลัง
มีแสงสีฟา้ กระเพื่อมไหวๆ ตรงหน้า
ผมอ้าลาพี่ชายเล็กน้อย ก่อนทีจ่ ะเข้าไปในวาร์ปเกต
พร้อมกับสมาชิกเผ่าคนอื่นๆ
และในที่สุด เราก็มายังโมนิกา้ เมืองทางใต้ได้สา้ เร็จ
ความจริงแล้ว ผมไม่ได้เห็นภาพทิวทัศน์ของโมนิกา้ มา
นานแล้ว แต่ถึงอย่างนันทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มี
อะไรแปลกแตกต่างไป ทว่าสมาชิกเผ่าคนอืน่ ๆ ต่าง
พร้อมใจกันมีสีหน้าแปลกประหลาดน้อยๆ สภาพ
บ้านเมืองที่ไม่ได้เห็นมานมนาน คงท้าให้พวกเขารู้สึก
คุ้นเคย พร้อมทังรู้สึกแปลกหูแปลกตาไปด้วย
ผมกวาดสายตาสอดส่องมองทั่วอาณาบริเวณอยู่
ชั่วขณะหนึง่ หลังจากนันจึงค่อยมุ่งตรงไปยังแคลนเฮาส์
ของเมอร์เซนต์นารี่
ตลอดทังการเดินทางกลับนี สมาชิกเผ่าทุกคนไม่ได้พูด
อะไรออกมาเลยแม้แต่คา้ เดียว ผมไม่รู้ว่าท้าไมความนิง่
เงียบเหล่านัน ถึงได้แฝงไปด้วยความอึดอัดใจอะไร
บางอย่าง ผมเองก็ไม่ทนั กับเรื่องอะไรแบบนีด้วยสิ
ผทได้แค่อดทน อดกลันกับสายตาที่มองตรงมาจากทาง
ด้านหลัง พลางถอนหายใจเบาๆ
ถ้าชินซังยงยังมีชวี ิตอยู่ แล้วได้กลับมาด้วยกันล่ะก็...
จะเป็นอย่างไรกันนะ พวกเราผ่านพ้นสงครามการสู้รบ
มาได้กจ็ ริง แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดหัวเราะเริงร่าอะไรเลย ถ้า
เขากลับมาด้วย อย่างน้อยก็คงจะรู้สึกดีกว่าที่รสู้ ึกอยู่
ตอนนี
ในขณะที่พวกเราต่างพากันนิง่ เงียบ จนเกิดความอึดอัด
ใจ จู่ๆ ผมก็รู้สกึ ได้วา่ มีใครบางคนก้าลังเดินเข้ามายืนอยู่
ข้างผม
ผมจึงค่อยๆ หันหน้าไปมองช้าๆ แล้วจึงพบกับจองฮา
ยอนที่กา้ ลังยืน่ แขนเข้ามา หล่อนเห็นผมมองกลับมา จึง
เกิดอาการผงะทันที ก่อนจะค่อยลดแขนลงข้างกาย
พลางพูดออกมาว่า
“ซูฮยอน มีคนติดต่อมาทางแคลนเฮาส์เมอร์เซนต์นารี่
เอาไว้ลว่ งหน้าน่ะค่ะ”
“อย่างนันเหรอครับ”
“...ค่ะ ตอนนีพวกเขาคงจะออกมารอพวกเราอยู่ก็ได้
และ...”
“...?”

You might also like