Professional Documents
Culture Documents
Intro
Intro
Intro
วิชาเศรษฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์ (Economics) คือ ศาสตร์ ที/ศึกษาเกี/ยวกับการเลือกหนทางในการใช้
ทรัพยากรการผลิตที/มีอยูอ่ ย่างจํากัด เพื/อการผลิตสิ นค้าและบริ การให้เกิดประโยชน์
สู ง สุ ด สามารถตอบสนองความต้อ งการที/ ไ ม่ จ ํา กัด ของบุ ค คลในสั ง คม โดย
เศรษฐศาสตร์มีความเกี/ยวข้องกับ 3 ประเด็น คือ
การเมือง สังคม
กฎว่ าด้ วยการมีจาํ กัด (Law of scarcity) ระบุวา่ เนื;องจาก
ทรั พยากรมี จาํ นวนจํากัดและในระยะสัFนไม่สามารถเพิ;มจํานวน
ทรัพยากรได้ ดังนัFนเมื;อระบบเศรษฐกิจมีการใช้ทรัพยากรทัFงหมด
อย่างเต็มที;แล้ว การเพิ;มผลผลิตของสิ นค้าชนิ ดหนึ; งจะเป็ นไปได้ก็
ต่อเมื;อลดการผลิตสิ นค้าชนิดอื;นลง
ค่ าเสี ยโอกาส (Opportunity cost) คือ ผลตอบแทนของ
ทางเลือกที;ดีที;สุดที;ไม่ถูกเลือก
ที#มา: boycewire.com
2. บัญชีรายได้ ประชาชาติ
บัญชี รายได้ประชาชาติ เป็ นข้อมูลที/สําคัญยิ/งในการวิเคราะห์สถานการณ์ทาง
เศรษฐกิจของประเทศ และการวางนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐบาลและภาคเอกชน
ASEAN Economies (1960-
2024) : Nominal GDP
ที#มารูปภาพ: aseanbriefing.com
กระแสหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ
เป็ นการศึกษาการหมุนเวียนของการใช้จ่ายและการผลิตสิ นค้าและบริ การใน
ระบบเศรษฐกิจ ซึ/งมีโครงสร้างโดยทัว/ ไปที/ประกอบด้วย
หน่ วยเศรษฐกิจ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ ภาคเศรษฐกิจ
บุคคลหรื อสถาบันหนึ/งที/ กิจกรรมที/เกี/ยวกับการผลิต หน่วยเศรษฐกิจที#ทาํ หน้าที#เหมือนกันหรื อมีเป้าหมาย
ดําเนินกิจกรรมทาง การบริ โภค การแลกเปลี/ยน เดียวกันรวมเข้าด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็ น
• ภาคครัวเรื อน (Household sector) เป็ นทัBง
เศรษฐกิจเพื/อให้บรรลุ และการจําหน่ายสิ นค้าและ เจ้าของปั จจัยการผลิตและผูบ้ ริ โภค
เป้าหมายที/ตอ้ งการ บริ การ • ภาคธุรกิจ (Business sector) เป็ นผูผ้ ลิต
• ภาครัฐบาล (Public or Government sector)
เข้ามาแทรกแซงระบบเศรษฐกิจเพื#อให้การ
ดําเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็ นไปอย่างมี
ระบบ โดยเป็ นทัBงผูบ้ ริ โภคและผูล้ ิต
• ภาคต่างประเทศ (Foreign sector) เข้ามามี
ส่ วนเกี#ยวข้องในการแลกเปลี#ยนสิ นค้าและ
บริ การระหว่างประเทศ
แบบจําลองกระแสหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ
1. แบบจําลองแสดง 2 ภาคเศรษฐกิจ
2. แบบจําลองแสดง 3 ภาคเศรษฐกิจ
3. แบบจําลองแสดง 4 ภาคเศรษฐกิจ
แบบจําลองแสดง 2 ภาคเศรษฐกิจ
ประกอบด้วยภาคครัวเรื อน (Household) และภาคธุรกิจ (Firm) โดยมีขอ้ สมมติ ดังนีL
1. เป็ นระบบเศรษฐกิจแบบปิ ด คือ ไม่มีภาคต่างประเทศและภาครัฐบาลเข้ามาเกี/ยวข้อง
2. ภาคครัวเรื อนนํารายได้จากการขายปัจจัยการผลิตทัLงหมดไปซืLอสิ นค้าและบริ การจากภาคธุรกิจ
3. ภาคธุรกิจสามารถขายสิ นค้าและบริ การที/ผลิตขึLนมาได้ทL งั หมด
4. ภาคธุ ร กิ จ นํา เงิ น ที/ ไ ด้จ ากการขายสิ น ค้า และบริ การทัLง หมดจ่ า ยเป็ นค่ า ตอบแทนให้ แ ก่
ภาคครัวเรื อนเพื/อซืLอปั จจัยการผลิต
5. ไม่มีการลงทุนและการสึ กหรอของสิ นค้าทุน
แบบจําลองแสดง 2 ภาคเศรษฐกิจ
3) ค่าใช้จ่ายในการซืDอสินค้าและบริการ
4) สินค้าและบริการ
ค่าใช้จ่ายในการซื@อสินค้าและบริการ
Y = C+I+G
สินค้าและบริการ
C+S+T = C+I+G
S+T = I+G
เงินออม (Saving) เงินกู/้ ลงทุน (I)
ภาคครัวเรือน สถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ ส่ วนรั'วไหล = ส่ วนอัดฉี ด
ค่าตอบแทน (ค่าจ้าง ค่าเช่า ดอกเบี@ย และกําไร)
ปัจจัยการผลิต
ค่าตอบแทน/ช่วยเหลือ/ส่งเสริม ค่าตอบแทน/ช่วยเหลือ/ส่งเสริม
รัฐบาล
ภาษี (T) ภาษี (T)
แบบจําลองแสดง 4 ภาคเศรษฐกิจ
แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ภาคครัวเรื อน (Household) ภาคธุรกิจ (Firm) และภาครัฐบาล
(Government) และภาคต่างประเทศ (Foreign)
โดยมีสมมติฐานดังนีV
1. เป็ นระบบเศรษฐกิจแบบเปิ ด คือ มีการติดต่อกับภาคต่างประเทศ
2. ภาคการผลิตเป็ นทัVงอุปสงค์และอุปทานของผลผลิต
3. ภาครัฐบาลไม่มีการติดต่อกับภาคต่างประเทศ
แบบจําลองแสดง 4 ภาคเศรษฐกิจ
ภาคต่างประเทศ
ค่าใช้จ่ายในการซื@อสินค้าและบริการ
สินค้าและบริการ
ส่ วนรั/วไหล = ส่ วนอัดฉี ด
เงินออม (Saving) เงินกู/้ ลงทุน (I) S+T+M = I+G+X
ภาคครัวเรือน สถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ
(S-I)+(T-G) = X-M
ค่าตอบแทน (ค่าจ้าง ค่าเช่า ดอกเบี@ย และกําไร) หรื อ
ปัจจัยการผลิต รายได้ = รายจ่าย
ค่าตอบแทน/ช่วยเหลือ/ส่งเสริม ค่าตอบแทน/ช่วยเหลือ/ส่งเสริม Y = C + I + G + (X - M)
รัฐบาล
ภาษี (T) ภาษี (T)
นิยามของรายได้ ประชาชาติและความสั มพันธ์ ระหว่ างกัน
1. ผลิตภัณฑ์ ภายในประเทศเบืAองต้ น ณ ราคา 2. ผลิตภัณฑ์ ประชาชาติเบืAองต้ น ณ ราคาตลาด
ตลาด (Gross Domestic Product at market (Gross National Product at market price :
price : GDP) คือ มูลค่ารวมของสิ นค้าและบริ การ GNP)
ขัLนสุ ดท้ายทัLงหมด ณ ราคาตลาด ที/ผลิตขึLนใหม่
GNP = GDP + รายได้สุทธิของปั จจัย
ภายใต้อาณาเขตของประเทศนัLนๆ ภายใน
ระยะเวลา 1 ปี โดยไม่คาํ นึงว่าผูผ้ ลิตจะเป็ น การผลิตต่างประเทศ
พลเมืองของประเทศนัLนหรื อไม่
ไทย
ญีป
่ น
ุ่
ญีป
่ น
ุ่
-
4. รายได้ ประชาชาติ (National Income : NI) 5. รายได้ ส่วนบุคคล (Personal Income : PI)
หมายถึง รายได้ที/เกิดขึLนจริ งจากการผลิตหรื อรายได้ที/เป็ น คือ รายได้ทL งั หมดที/แต่ละบุคคลได้รับก่อน
ผลตอบแทนจากการเป็ นเจ้าของปัจจัยการผลิต หักภาษี
NI = NNP – ภาษีทางอ้อมทางธุรกิจ
หรื อ NI = R + W + I + CP + PRI
โดยที/ R = ค่าเช่า (Rent) 6. รายได้ ทใี' ช้ จ่ายได้ จริงหรื อรายได้ พงึ ใช้ จ่าย
W = ค่าจ้าง (Wage) (Disposable Income : DI)
I = อัตราดอกเบีLย (Interest rate) เป็ นรายได้ที/แสดงถึงอํานาจซืLอที/แท้จริ งของ
CP = กําไร (Corporate profit) ประชาชน รวมทัLงความสามารถในการออม
PRI = รายได้จากการประกอบอาชีพอิสระหรื อ DI = PI – ภาษีเงินได้ส่วนบุคคล
ธุรกิจส่ วนตัว (Proprietor’s income)
- ภาษีเงินได้ของบริษัท
- กําไรทีCยังไม่ได้จัดสรร
การลงทุน ค่าเสืCอม - เงินปันผล
ของภาคธุรกิจ - ภาษีประกันสังคม
ทั1งหมด (I) การลงทุน (I) ภาษีทางอ้อม ภาษีทางอ้อม
รายได้กําไร
รายจ่ายของ รายจ่ายของ
ของบริษัท
รัฐบาล (G) รัฐบาล (G) ภาษีเงินได้ส่วนบุคคล
รายได้ผู้ รายได้ผู้
การส่งออก การส่งออก ประกอบ ประกอบ
สุทธิ (X-M) สุทธิ (X-M) อาชีพอิสระ อาชีพอิสระ
การออม (S)
ค่าใช้จ่ายใน ค่าใช้จ่ายใน ดอกเบี1ย ดอกเบี1ย รายได้ส่วน
บุคคลทีCจ่าย
การบริโภค การบริโภค
ค่าจ้าง ค่าจ้าง ได้จริง การบริโภค
ของครัวเรือน ของครัวเรือน
(C) (C) ค่าเช่า ค่าเช่า (C)
Real GDP = ∑ P0 Qn
ประโยชน์ ของบัญชีรายได้ ประชาชาติ
1. เป็ นสิ/ งที/แสดงสถานภาพทางเศรษฐกิจในรอบปี
2. เป็ นดัชนีที/ใช้วดั และเปรี ยบเทียบฐานะทางเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา
3. ใช้เป็ นหลักในการกําหนดเป้าหมายทางเศรษฐกิจ และเป็ นเครื/ องวัดระดับความสําเร็ จ
ของนโยบายและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล
4. ใช้ในการเปรี ยบเทียบ GNP ระหว่างประเทศ โดยใช้อตั ราแลกเปลี/ยนเงินตราระหว่าง
ประเทศเป็ นตัวปรับ
5. ใช้เป็ นข้อมูลพืVนฐานในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ข้ อพึงระวังในการใช้ ผลิตภัณฑ์ ประชาชาติเพื;อการวิเคราะห์ ภาวะเศรษฐกิจ
100
เส้นการกระจาย
80 รายได้ที/เท่าเทียม
B
60 เส้นการกระจายราย
ได้ที/ไม่เท่าเทียม
40 (Lorenz Curve)
20 A
0 %ประชากร
20 40 60 80 100
สั มประสิ ทธิTจนี ี (Gini)
คือ เครื/ องมือที/ได้จากเส้นลอเรนซ์ ซึ/งนิยมใช้ในการวัดความเหลื/อมลํVาของการ
กระจายรายได้ คือ ค่าสัมประสิ ทธิaจีนี (Gini)
A
Gini =
A+B
0
Lorenz Curve • ถ้ า A = 0 → Gini = 0 + B = 0 แสดง
ให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันของรายได้ ซึ/ง
A เส้นลอเรนซ์จะเป็ นเส้นเดียวกันกับเส้น
ทแยงมุม
B A
• ถ้า B = 0 → Gini = A + 0 = 1 แสดงให้
เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันของรายได้
1. ออกธนบัตร
2. เป็ นนายธนาคารของรัฐบาล
3. เป็ นนายธนาคารของธนาคารพาณิ ชย์
4. เป็ นผูร้ ักษาเงินทุนสํารองระหว่างประเทศ
5. เป็ นผูใ้ ห้กยู้ มื แหล่งสุ ดท้าย
6. เป็ นผูค้ วบคุมปริ มาณเงินและเครดิต เป็ นหน้าที/ที/สาํ คัญที/สุด
7. เป็ นผูค้ วบคุมธนาคารพาณิ ชย์
นโยบายการเงิน (Monetary Policy)
คือ การดูแลปริ มาณเงินและสิ นเชื/อโดยธนาคารกลางเพื/อให้บรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ
ประการใดประการหนึ/งหรื อหลายประการ อันได้แก่ การรักษาเสถียรภาพของราคา การ
รักษาอัตราการเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจ การส่ งเสริ มให้มีการจ้างงานเพิ/มขึVน การรักษา
ดุลยภาพของดุลการชําระเงินระหว่างประเทศ และการกระจายรายได้ที/เป็ นธรรม
ประเภทของนโยบายการเงิน
โครงสร้ างอัตราภาษี
1. อัตราภาษีแบบก้าวหน้า คือ อัตราภาษีส่วนเพิ/มมีค่ามากกว่าอัตราภาษีเฉลี/ย เมื/อฐานภาษี
ใหญ่ขV ึน
2. อัตราภาษีแบบคงที/ คือ อัตราภาษีส่วนเพิ/มมีค่าเท่ากับอัตราภาษีเฉลี/ย ไม่วา่ ฐานภาษีจะ
เพิ/มขึVนหรื อลดลง
3. อัตราภาษีแบบถดถอย คือ อัตราภาษีส่วนเพิ/มมีค่าน้อยกว่าอัตราภาษีเฉลี/ย เมื/อฐานภาษี
ใหญ่ขV ึน
ตัวอย่ างโครงสร้ างอัตราภาษี
โครงสร้ าง ฐานภาษี อัตราภาษี จํานวนภาษี อัตราภาษีเฉลียC อัตราภาษีส่วนเพิมC
อัตราภาษี (Y) (T) (T/Y) (∆T/∆Y)
อัตราภาษี 1,000 7 70 0.07 -
แบบ 2,000 10 200 0.10 0.13
ก้าวหน้า 3,000 15 450 0.15 0.25
อัตราภาษี 1,000 7 70 0.07 -
แบบคงที/ 2,000 7 140 0.07 0.07
3,000 7 210 0.07 0.07
อัตราภาษี 1,000 15 150 0.15 -
แบบ 2,000 10 200 0.10 0.05
ถดถอย 3,000 7 210 0.07 0.01
3. หนีสY าธารณะ ในกรณี ทวั/ ไปที/งบประมาณแผ่นดินขาดดุล รัฐบาลจะต้องจัดหาเงิน
มาเพิ/มเข้าไปในส่ วนที/ขาดดุล โดยการก่อหนีVสาธารณะ สามารถจําแนกตามแหล่งที/มา
ของเงินกูไ้ ด้เป็ นหนีVภายในประเทศ และหนีVต่างประเทศ
วัตถุประสงค์ ของการก่ อหนีสY าธารณะ
แบบขยายตัว แบบหดตัว
เครืQ องมือของนโยบายการคลัง
แบบตั7งใจ แบบอัตโนมัติ
แบบขยายตัว แบบหดตัว
งบประมาณ ขาดดุล งบประมาณ เกินดุล
G>T G<T ภาษีอตั รา เงินช่ วยเหลือผู้
Gเพิ/ม และ Tลด Gลด และ Tเพิ/ม ก้ าวหน้ า ว่ างงาน
เครืQ องมือของนโยบายการคลัง
แบบตั7งใจ
ใช้ ในช่ วงเศรษฐกิจตกตํ4า
เครื; องมือของนโยบายการคลัง
แบบอัตโนมัติ
• เครื/ องมือที/สามารถปรับตัวเพื/อให้เกิดเสถียรภาพหรื อลดความผันผวนได้โดยอัตโนมัติ
มาตรการที/สาํ คัญ
• การจัดเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า
• การจ่ายเงินช่วยเหลือผูว้ า่ งงาน
• การจ่ายเงินพยุงราคาสิ นค้าเกษตรกรรม
การจัดเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า
รายได้ อัตราภาษี (ร้อยละ)
ตํ9ากว่า 20,000 10
20,001 - 50,000 40
เดิม รายได้ 30,000 บาท
เสี ยภาษี 2,000 + 4,000 = 6,000 บาท ดังนัBน รายได้สุทธิ 24,000 บาท
ถ้า เศรษฐกิจดี ทําให้ รายได้ เพิ9มเป็ น 50,000 บาท
เสี ยภาษี 2,000 + 12,000 = 14,000 บาท ดังนัBน รายได้สุทธิ 36,000 บาท
รายได้เพิ9มจากเดิม 20,000 บาท และรายได้สุทธิเพิ9มจากเดิม 12,000 บาท
ถ้า เศรษฐกิจแย่ ทําให้ รายได้ ลดเป็ น 20,000 บาท
เสี ยภาษี 2,000 บาท ดังนัBน รายได้สุทธิ 18,000 บาท
รายได้ลดจากเดิม 10,000 บาท และรายได้สุทธิลดจากเดิม 6,000 บาท
การจ่ายเงินช่วยเหลือผูว้ า่ งงาน
เศรษฐกิจตกตํ;า ว่างงานมาก
• ไม่มีการจ่ายเงินช่วยเหลือผูว้ า่ งงาน ศก.แย่ลงมาก
รายได้ C I Y
• มีการจ่ายเงินช่วยเหลือผูว้ า่ งงาน ศก.แย่ลงไม่มากเท่ากรณี แรก
รายได้ C I Y
การจ่ายเงินช่วยเหลือผูว้ า่ งงาน
เศรษฐกิจรุ่ งเรื องมาก ว่างงานน้อย
• ไม่มีการจ่ายเงินช่วยเหลือผูว้ า่ งงาน ศก.ร้อนแรงเกินไป
รายได้ C I Y
• มีการจ่ายเงินช่วยเหลือผูว้ า่ งงาน ศก.ไม่ร้องแรงเกินไป
รายได้ C I Y
76
2. นโยบายการคลังจําแนกตามลักษณะปัญหาเศรษฐกิจทีตC ้ องแก้ ไข แบ่งเป็ น
2.1 นโยบายการคลังแบบขยายตัว คือ นโยบายการคลังที/เพิ/มงบประมาณ
รายจ่ายและลดภาษี เป็ นการใช้งบประมาณขาดดุล เพื/อเพิ/มระดับการใช้จ่ายมวลรวมของ
ประเทศ จะใช้ตอนภาวะเศรษฐกิจตกตํ/า
2.2 นโยบายการคลังแบบหดตัว คือ นโยบายการคลังที/ลดงบประมาณรายจ่าย
และเพิ/มภาษีหรื อการจัดทํางบประมาณแบบเกินดุล เพื/อให้ระดับการใช้จ่ายมวลรวม
ลดลง จะใช้ในช่วงที/เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป
เศรษฐกิจขยายตัวมาก เศรษฐกิจตกตําC
นโยบายการคลังแบบหดตัว นโยบายการคลังแบบขยายตัว
ลดรายจ่าย เพิ/มรายจ่าย
เพิ/มรายได้ (ภาษี) ลดรายได้ (ภาษี)
งบประมาณแบบเกินดุล งบประมาณแบบขาดดุล
Q&A