Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 12

กรณีศึกษาที่ 1 พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์

คำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 11047/2551 นำงสำวปองศิริ คุณงำม โจทก์


บริษัทเมกกะ โปรดักส์ จำกัดหรือ
บริษัทเมก้ำ ไลฟ์ ไซแอ็นซ์ พีทีวำย จำกัด กับ
จำเลย
พวก

ป.พ.พ. มำตรำ 18
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มำตรำ 4, 6, 74

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่ำ จำเลยทั้งหกร่วมกันตีพิมพ์บทควำมเรื่อง “Vitamin E วิธีง่ำย ๆ สู่ผิว


สวยใส ไร้ริ้วรอยก่อนวัย ” ในนิตยสำรเพื่อโฆษณำประชำสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เสริมอำหำรและวิตำมินตรำเมดิ
ครำฟท์ บทควำมดังกล่ำวดัดแปลงมำจำกงำนอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์โดยไม่ ได้รับอนุญำต และจำเลยทั้งหก
ร่วมกันเพิ่มเติมข้อควำมบำงส่วนในบทควำม และใช้บทควำมที่ทำกำรเพิ่มเติมดังกล่ำวเพื่อแสวงหำประโยชน์
ในทำงกำรค้ำของจำเลยทั้งหก โดยตีพิมพ์ในนิตยสำรรวม 3 ฉบับ กำรแก้ไขดังกล่ำวไม่ได้ตรวจสอบควำม
ถูกต้องแท้จริง กำรกระทำดังกล่ำวเป็นกำรละเมิด สิทธิและลิขสิทธิ์ของโจทก์ เป็นกำรทำซ้ำ ดัดแปลง และ
เผยแพร่ต่อสำธำรณชนแก่งำนอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ โดยไม่ได้รับอนุญำต ทำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อ
ชื่อเสียง โจทก์แจ้งให้ชำระค่ำเสียหำยและบรรเทำควำมเสียหำยแล้ว แต่จำเลยทั้งหกเพิกเฉย ขอให้บังคับ
จำเลยทั้งหกร่วมกันชำระค่ำเสียหำย 2,009,041.09 บำท พร้อมดอกเบี้ย นับถัดจำกวันฟ้องจนกว่ำจะชำระ
เสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งหกให้กำรว่ำ โจทก์มิใช่ผู้สร้ำงสรรค์บทควำมที่กล่ำวอ้ำงตำมฟ้อง บทควำมดังกล่ำวไม่มีผู้ใด
เป็นเจ้ำของลิขสิทธิ์ เป็นเพียงข่ำวสำรเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของวิตำมินที่มี อยู่ทั่ว ไป แหล่งที่มำของข้อมูล
ประกอบกำรเรียบเรียงบทควำมได้แสดงไว้อย่ำงชัดเจนในส่วนท้ำยของบทควำม ข้อมูลข่ำวสำรเกี่ยวกับวิตำมิน
อี มีเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตอย่ำงแพร่หลำย ข่ำวสำรดังกล่ำวไม่ใช่งำนในแผนกวรรณกรรม แผนกวิทยำศำสตร์
หรือแผนกศิลปะ ไม่ถือว่ำเป็นงำนอันมีลิ ขสิทธิ์ โจทก์ไม่มีอำนำจฟ้อง บทควำมเรื่อง “Vitamin E วิธีง่ำย ๆ สู่
ผิวสวยใส ไร้ริ้วรอยก่อนวัย” มิได้เป็นกำรดัดแปลงงำนอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ เป็นแต่เพียงกำรนำเอำข่ำวสำร
อันเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของวิตำมินที่มีอยู่ทั่วไปมำเรียบเรียงให้ประชำชนทั่วไปเข้ำใจประโยชน์ และทรำบ
คุณสมบัติของวิตำมินไม่ได้เป็นกำรทำขึ้นเพื่อหำกำไร กำรตีพิมพ์บทควำมไม่ได้ทำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย
จำเลยที่ 1 ตอบแทนโจทก์ในกำรเป็นผู้ตรวจทำนบทควำมที่ฝ่ำยจำเลยจัดหำและเรียบเรียง จึงไม่ใช่กำรกระทำ
โดยไม่ได้รับอนุญำตดังที่โจทก์กล่ำวอ้ำง จำเลยที่ 2 ถึง ที่ 6 เป็นกรรมกำรซึ่งกระทำกำรแทนจำเลยที่ 1 ไม่ต้อง
รับผิดต่อโจทก์ในฐำนะส่วนตัว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่เคยบอกกล่ำวทวงถำมให้จำเลยทั้งหกบรรเทำ
ควำมเสียหำยหรือให้เจรจำชำระค่ำเสียหำยค่ำเสียหำยที่อ้ำงมำเคลือบคลุมและสูงเกินส่วน หำกเสียหำยจริงไม่
เกิน 5,000 บำท ขอให้ยกฟ้อง
ศำลทรั พย์ สิ น ทำงปั ญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิพำกษำให้ จำเลยทั้งหกร่วมกันช ำระ
ค่ำเสียหำยเป็นเงิน 500,000 บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่ำวนับแต่วันฟ้อง
จนกว่ ำ จะช ำระเสร็ จ แก่ โ จทก์ ให้ จ ำเลยทั้ ง หกร่ ว มกั น ช ำระค่ ำ ฤชำธรรมเนี ยมแทนโจทก์ โดยก ำหนดค่ำ
ทนำยควำมเป็นเงิน 30,000 บำท
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 อุทธรณ์ต่อศำลฎีกำ
ศำลฎีกำแผนกคดีทรั พย์ สิ น ทำงปั ญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศวินิจ ฉัยว่ำ “...พิเครำะห์ แล้ ว
ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่ำ จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัท จำกัด ช่วงเกิดเหตุมีจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็น
กรรมกำรผู้มีอำนำจกระทำกำรแทน โจทก์เป็นแพทย์เฉพำะทำงด้ำนผิวหนัง และเป็นอำจำรย์พิเศษสอนวิชำ
แพทยศำสตร์ สำขำผิวหนังเฉพำะทำงด้ำนศัลยกรรมผิวหนัง จำเลยที่ 1 ประกอบกิจกำรจำหน่ำยและส่งออก
สินค้ำเวชภัณฑ์และอำหำรเสริมสุขภำพ ประเภทอำหำรเสริ มสำหรับบำรุงผิวผลิตภัณฑ์อำหำรเสริมสำหรับ
กระชับสัดส่วน วิตำมินและเกลือแร่ต่ำง ๆ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตำมิน อี ตรำเมดิครำฟท์ จำเลย
ที่ 1 ติดต่อกับโจทก์ และต่อมำมีกำรจัดทำบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.9 ขึ้น แล้วจำเลยที่ 1 ได้ลงตีพิมพ์
บทควำมเรื่อง “Vitamin E วิธีง่ำย ๆ สู่ผิวสวยใส ไร้ริ้วรอยก่อนวัย” เพื่อโฆษณำประชำสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เสริม
อำหำรและวิตำมิน ตรำเมดิครำฟท์ โดยระบุชื่อ “พญ.ปองศิริแพทย์ผู้เชี่ยวชำญด้ำนผิวหนัง” ไว้ด้วย
ปัญหำที่ต้องวินิจฉัยตำมอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ประกำรแรกมีว่ำ โจทก์เป็นเจ้าของ
ลิขสิทธิ์ในบทความเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.6 หรือไม่ ซึ่งปัญหำนี้ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศเห็นควรวินิจฉัยเสียก่อนว่ำ บทความเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.6 เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์
หรือไม่ เห็นว่ำ บทควำมดังกล่ำวได้จัดทำขึ้นด้วยกำรใช้ข้อควำมที่แตกต่ำงกันแม้จะประกอบด้วยข้อมูลเพียง 3
ถึง 5 ย่อหน้ำสั้นๆ แต่บทควำมดังกล่ำวก็แสดงให้เห็นว่ำเป็นกำรเรียบเรียงขึ้นโดยอำศัยข้อมูลเกี่ยวกับวิตำมิน อี
ไม่ได้มีลั กษณะเป็ น เพีย งกำรรวบรวม (Compilation) ข้อมูล หรือเป็นกำรแปล (Translation) ข้อมูล จำก
บทควำมอื่น เช่น เอกสำรหมำย ล.1 ถึง ล.5 โดยตรง ในทำงตรงข้ำมบทควำมดังกล่ำวแสดงให้เห็นถึงทักษะ
กำรตัดสินใจ และควำมวิริยะอุตสำหะ (Skill, judgment and effort) ในกำรนำข้อมูลที่มีอยู่มำเรียบเรียงเป็น
บทควำมจึงเป็นงำนสร้ำงสรรค์ (Originality) และถือได้ว่ำบทควำมดังกล่ำวเป็นงำนวรรณกรรม (Literary
work) อันมีลิขสิทธิ์ตำมกฎหมำย
ปัญหำที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่ำ โจทก์เป็นผู้สร้างสรรค์บทความเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.6 หรือไม่ ใน
ประเด็นนี้โจทก์มีตัวโจทก์และนำงสำวปนิดำมำเป็นพยำนเบิกควำมประกอบเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 ยืนยัน
ว่ำ โจทก์เป็นผู้สร้ำงสรรค์บทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 และมอบให้นำงสำวปนิดำ พนักงำนของจำเลยที่
1 ในขณะนั้นไปส่งมอบให้จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 ไม่พอใจเนื้อหำในบทควำมดังกล่ำว เพรำะเห็นว่ำเป็น
บทควำมที่มีเนื้อหำทำงด้ำนวิชำกำร ไม่ได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ข องจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องกำรตีพิมพ์บทควำม
ดังกล่ำว และได้แจ้งให้โจทก์ทรำบเรื่องนี้แล้ว ส่วนฝ่ำยจำเลยมีนำงสำววิชชุลดำพนักงำนของจำเลยที่ 1 เป็น
พยำนเบิกควำมว่ำ จำเลยที่ 1 ได้ส่งตัวอย่ำงบทควำมที่เภสัชกรของจำเลยที่ 1 เรียบเรียงไว้แล้วพร้อมเอกสำร
ประกอบไปให้โจทก์ตรวจทำนโดยทำเป็น 2 ชุด ชุดแรกเป็นบทควำมตำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 และชุดที่
2 เป็นบทควำมตำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 เมื่อโจทก์ตรวจทำนทั้งสองชุดแล้ว จำเลยที่ 1 จึงนำบทควำม
เอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 มำตีพิมพ์ตำมที่โ จทก์ตรวจทำน เห็ นว่ำ โจทก์เบิกควำมยืนยันว่ำ โจทก์เป็นผู้
สร้ำงสรรค์บทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 เอง โดยมีนำงสำวปนิดำเบิกควำมสนับสนุน พยำนของโจทก์ทั้ง
สองปำกเป็นผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดในกำรติดต่อจัดทำบทควำมนี้ ในขณะที่ฝ่ำยจำเลยอ้ำงว่ำ เภสัชกรของจำเลยที่ 1
เป็นผู้จัดทำบทควำมและส่งไปให้โจทก์ตรวจแทน แต่กลับไม่ได้นำเภสั ชกรหรือบุคคลที่รู้เห็นเกี่ยวกับกำรจัดทำ
บทควำมตำมที่ฝ่ำยจำเลยกล่ำวอ้ำงมำเบิกควำมสนับสนุน นำงสำววิชชุลดำเองก็เบิกคำวำมตอบทนำยโจทก์
ถำมค้ำนว่ำ พยำนไม่ได้ติดต่อกับโจทก์โดยตรง คำเบิกควำมของนำงสำววิชชุลดำจึงเป็นเพียงพยำนบอกเล่ำ
นอกจำกนี้ลักษณะของกำรนำเสนอข้อมูลในบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 กับเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9
ก็มีควำมคล้ำยคลึงกัน ซึ่งไม่มีควำมจำเป็นที่จะต้องจัดทำขึ้นหลำยชุดเพื่อให้โจทก์ตรวจทำนตำมที่ฝ่ำยจำเลย
กล่ำวอ้ำง เมื่อพยำนโจทก์เบิกควำมโดยไม่ปรำกฏข้อพิรุธน่ำสงสัย ย่อมมีน้ำหนักน่ำเชื่อถือกว่ำพยำนหลักฐำน
ของฝ่ำยจำเลยที่นำสืบมำ คดีเป็นอันรับฟังว่ำ โจทก์เป็นผู้สร้ำงสรรค์บทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6
ปัญหำที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่ำ บทความเอกสารหมาย จ.4 ถึง จ.6 เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์
หรือไม่ เห็นว่ำ โจทก์มีตัวโจทก์และนำงสำวปนิดำมำเบิกควำมเกี่ยวกับกำรติดต่อให้โจทก์จัดทำบทควำม
เอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 ซึ่งข้อเท็จจริงตำมที่ปรำกฏนั้น ยังไม่ถึงขนำดที่จะเกิดสัญญำจ้ำงให้ทำบทควำม
ดังกล่ำว โดยโจทก์ได้เบิกควำมตอบทนำยจำเลยทั้งหกถำมค้ำนด้วยว่ำโจทก์ไม่ได้ค่ำตอบแทนใด ๆ จำกฝ่ำย
จำเลย ซึ่งฝ่ำยจำเลยเองก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นในทำนองว่ำ จำเลยที่ 1 ว่ำจ้ำงให้โจทก์สร้ำงสรรค์บทควำมนั้น หรือ
นำสืบโต้แย้งเป็นอย่ำงอื่น พฤติกำรณ์จึงยังไม่พอฟังว่ำโจทก์รับจ้ำงจำเลยที่ 1 ในกำรสร้ำงสรรค์บทควำมของ
โจทก์ หรือมีข้อตกลงใด ๆ ที่จะให้ลิขสิทธิ์ในบทควำมดังกล่ำวตกเป็นของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่ำโจทก์ในฐำนะผู้
สร้ำงสรรค์บทควำมเป็นเจ้ำของลิขสิทธิ์ในบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 ดังนั้นที่ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงวินิจฉัยมำจึงชอบแล้ว ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหำที่ต้องวินิจฉัยตำมอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ประกำรต่อไปมีว่ำ การกระทาของ
จาเลยที่ 1 เป็นการละเมิดสิทธิและลิขสิทธิ์ของโจทก์หรือไม่ ซึ่งศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและ
กำรค้ำระหว่ำงประเทศเห็นควรวินิจฉัยเสียก่อนว่ำ บทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 เป็นกำรทำซ้ำหรือ
ดัดแปลงบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 หรือไม่ เห็นว่ำ บทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 มีเนื้อหำ
ทำนองเดียวกัน แต่นำเสนอด้วยข้อควำมที่แตกต่ำงกัน ในขณะที่บทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 เป็น
เอกสำรชุดเดียวกัน และเป็นกำรนำเสนอเนื้อหำเกี่ยวกั บวิตำมิน อี เช่นเดียวกับบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง
จ.6 แต่ข้อควำมในบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 แตกต่ำงจำกบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 อย่ำง
เห็นได้ชัดว่ำไม่ได้เป็นกำรทำซ้ำ (Copy) ส่วนจะเป็นกำรดัดแปลง (Adaptation) หรือไม่นั้น เห็นว่ำ กฎหมำย
ลิ ข สิ ท ธิ์ มุ่ ง ประสงค์ ที่ จ ะให้ ค วำมคุ้ ม ครองกำรแสดงออก (Expression) ไม่ ไ ด้ ใ ห้ ค วำมคุ้ ม ครองควำมคิ ด
(ldea) ดังนั้น แม้บทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 จะมีเนื้อหำเกี่ยวกับวิตำมิน อี แต่ฝ่ำยจำเลยก็นำสืบถึง
เอกสำรหมำย ล.1 ถึง ล.5 ว่ำแนวคิดเกี่ยวกับกำรนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวิตำมิน อี มีอยู่ แล้วในบทควำมต่ำง ๆ
นอกจำกนี้ ข้อมูลดังกล่ำวยังมีปรำกฏเป็นที่รู้จักอย่ำงแพร่หลำยทั่วไป ไม่ว่ำจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับอนุมูลอิสระ
(Free radical) หรือโรคร้ำยและผลเสียที่เกิดขึ้น หรือสำรต้ำนอนุมูลอิสระ (Antioxidant) หรือแหล่งอำหำรที่มี
วิตำมิน อี หรือประโยชน์ของวิ ตำมิน อี รวมทั้งปริมำณของวิตำมิน อี ที่ควรได้รับในแต่ละวัน เป็นต้น ข้อมูล
ดังกล่ำวจึงไม่จำเป็นต้องนำมำจำกบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 ทั้งบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9
ได้มีกำรระบุถึงแหล่งที่มำของบทควำมอ้ำงอิงไว้ด้วย เมื่อเปรียบเทียบบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 กับ
บทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึ ง จ.6 แล้ ว ไม่ ป รำกฏว่ ำ มี ก ำรน ำข้ อ ควำมที่ เ ป็ น สำระส ำคั ญ ในเนื้ อ หำ
(Substantial part) ของบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 มำใช้โดยตรงหรือเป็นกำรดัดแปลงบทควำม
เอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 เพียงเล็กน้อยหรือในส่วนที่ไม่สำคัญ (Slavish imitation) จึงไม่อำจถือว่ำบทควำม
เอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 ดัดแปลงมำจำกบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 และไม่อำจรับฟังต่อไปว่ำ จำเลย
ที่ 1 ละเมิดลิขสิทธิ์ในบทควำมเอกสำรหมำย จ.4 ถึง จ.6 ของโจทก์
อย่ำงไรก็ตำม โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ จำเลยทั้งหกร่วมกันละเมิดสิทธิและลิขสิทธิ์ของโจทก์ โดยกำร
ดัดแปลงบทควำมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์ และนำไปตีพิมพ์ในนิตยสำร 3 ฉบับ เท่ำกับว่ำโจทก์ได้บรรยำยฟ้อง
แล้วว่ำ กำรที่จำเลยที่ 1 ตีพิมพ์บทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 ในนิตยสำรเป็นกำรละเมิดสิทธิของโจทก์
ด้วย เมื่อบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 มีข้อควำมว่ำ “พ.ญ.ปองศิริแพทย์ผู้เชี่ยวชำญด้ำนผิวหนัง ” ซึ่ง
หมำยถึงโจทก์ปรำกฏอยู่ และคดีเป็นอันรับฟังแล้วว่ำบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 ไม่ใช่บทควำมที่โจทก์
ได้จัดทำขึ้น ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศเห็นควรพิจำรณำต่อไปว่ำกำรใช้
ชื่อโจทก์ในบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 เป็นกำรละเมิดสิทธิของโจทก์หรือไม่ ซึ่งฝ่ำยจำเลยนำสืบรับว่ำ
มีกำรลงชื่อของโจทก์ในบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 จริง แต่ฝ่ำยจำเลยอ้ำงว่ำได้ตกลงให้โจทก์มีชื่ออยู่ใต้
บทควำมที่จะโฆษณำเพรำะต้องกำรให้โจทก์มีชื่อเสียงในกำรโฆษณำดังกล่ำวด้วย ส่วนโจทก์ ยืนยันว่ำ โจทก์ไม่
ทรำบเรื่องและไม่ได้อนุญำตให้ตีพิมพ์บทควำมดังกล่ำว เห็นว่ำ ตำมประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ
18 บุคคลย่อมมีสิทธิในกำรใช้ชื่อของตนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้ำของชื่อเบิกควำมยืนยันว่ำ ไม่เคยอนุญำตให้นำชื่อของ
ตนไปใช้ ส่ ว นฝ่ ำ ยจ ำเลยไม่ มี ห ลั ก ฐำนใด ๆ ที่ เ กี่ ย วข้ อ งโดยตรงมำแสดงว่ ำ โจทก์ ใ ห้ ค วำมยิ น ยอมแล้ ว
พยำนหลักฐำนของโจทก์มีน้ำหนักน่ำเชื่อถือมำกกว่ำฝ่ำยจำเลย ดังนั้น กำรที่จำเลยที่ 1 ใช้ชื่อโจทก์ในบทควำม
เอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 โดยไม่ได้รับอนุญำตย่อมเป็นกำรละเมิดต่อสิทธิในชื่อของโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้อง
รับผิดต่อโจทก์ ที่ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงวินิจฉัยมำนั้น ศำลฎีกำแผนกคดี
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของ่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ใน
ข้อนี้ฟังขึ้นบำงส่วน
ปัญหำที่ต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่ำ จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงใด เห็นว่ำ ตำมประมวลกฎหมำย
แพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 438 นั้น ศำลอำจกำหนดค่ำสินไหมทดแทนให้ตำมควรแก่พฤติกำรณ์และควำม
ร้ำยแรงแห่งละเมิด เมื่อข้อเท็จจริงปรำกฏว่ำ โจทก์เป็นแพทย์เฉพำะทำงด้ำนผิวหนัง และเป็นอำจำรย์พิเศษ
สอนวิชำแพทยศำสตร์ สำขำผิวหนังเฉพำะทำงด้ำนศัลยกรรมผิวหนัง เท่ำกับว่ำโจทก์เป็นบุคคลที่มีควำมรู้ควำม
เชี่ยวชำญเป็นที่ยอมรับในสำขำอำชีพของตน กำรตีพิมพ์บทควำมซึ่งมีชื่อของโจทก์แต่มีข้อควำมที่โจทก์ไม่เห็น
ด้วย เช่น กำรระบุเน้นถึง ดี-แอลฟำ-โทโคเฟอริล อะซิเตต (d-alpha-tocopheryl acetate) ซึ่งมีลักษณะเป็น
กำรสนับสนุนผลิตภัณฑ์วิตำมิน อี ของจำเลยที่ 1 และอำจทำให้บุคคลทั่วไปเข้ำใจผิดในคุณสมบัติของวิตำมิน
อี จำกธรรมชำติ รวมทั้งกำรใช้ชื่อของโจทก์ในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับกำรประชำสัมพันธ์สินค้ำของจำเลยที่ 1
ย่อมทำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำยต่อชื่อเสียงตำแหน่งหน้ำที่ ตลอดจนสถำนภำพในสังคมของโจทก์ และกำรที่
จำเลยที่ 1 ตีพิมพ์บทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 ในนิตยสำรจำนวน 3 ฉบับ น่ำจะทำให้บทควำมดังกล่ำว
แพร่หลำยทั่วไปในสังคม ถือได้ว่ำกำรกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ได้สร้ำงควำมเสียหำยให้แก่โจทก์ นอกจำกนี้
กำรที่จำเลยที่ 1 ติดต่อให้โจทก์จัดทำบทควำมให้ แต่จำเลยที่ 1 กลับใช้ชื่อของโจทก์ในบทควำมของตนเองเพื่อ
ใช้ในกำรโฆษณำเผยแพร่สินค้ำของจำเลยที่ 1 ย่อมจะทำให้โจทก์ขำดประโยชน์อันพึงได้รับจำกกำรสร้ำงสรรค์
บทควำมของโจทก์ด้วย อย่ำงไรก็ดี โจทก์ไม่ได้นำสื บให้ ปรำกฏชัดถึงควำมเสียหำยเหล่ำนี้ที่เ กิดขึ้นจริง ใน
ลักษณะที่เป็นตัวเงิน ทั้งข้อมูลในบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 ไม่ปรำกฏชัดว่ำมีข้อผิดพลำดหรือไม่
ถูกต้องเช่นใด รวมถึงข้อนำสืบของโจทก์ในทำนองที่ว่ำ โจทก์อำจต้องรับผิดชอบในกำรนำเสนอข้อมูลหรือ
บทควำมที่ไม่ถูกต้อง สำธำรณชนอำจจะไม่เชื่อถือในควำมรู้ของโจทก์ และกำรนำเสนอข้อมูลหรือบทควำม
เช่นนี้ขัดกับระเบียบของแพทยสภำนั้น ก็ไม่ปรำกฏชัดว่ำควำมเสียหำยดังกล่ำวเกิดขึ้นต่อโจทก์แล้วหรือไม่
เพียงใด ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศจึงเห็นสมควรกำหนดให้ตำมควำม
เหมำะสมเป็นเงินจำนวน 200,000 บำท อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ในข้อนี้ฟังขึ้นบำงส่วน
ปัญหำที่ต้องวินิจฉัยตำมอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 เป็นประกำรสุดท้ำยมีว่ำ จำเลยอื่น
ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์หรือไม่ โดยฝ่ำยจำเลยอุทธรณ์ในทำนองว่ำ กำรที่ศำลทรัพย์สินทำง
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงนำพระรำชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มำตรำ 74 มำพิจำรณำเป็นข้อ
สันนิษฐำนว่ำ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ในฐำนะกรรมกำรของจำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติ
บุคคลด้วย เว้นแต่ฝ่ำยจำเลยจะนำสืบให้เห็นเป็นอย่ำงอื่นนั้นไม่ถูกต้อง เห็นว่ำ เมื่อคดีเป็นอันรับฟังว่ำ จำเลยที่
1 ละเมิดสิทธิในชื่อของโจทก์ หำได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์แล้ว กรณีย่อมไม่จำต้องพิจำรณำว่ำจะน ำข้ อ
สันนิษฐำนตำมพระรำชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มำตรำ 74 มำใช้แก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 หรือไม่อีกต่อไปเมื่อ
ไม่ได้รับประโยชน์จำกข้อสั นนิษฐำนของกฎหมำยแล้ว โจทก์จะต้องนำสืบตำมข้อกล่ำวอ้ำงของตนให้เห็นว่ำ
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในกำรละเมิดสิทธิของโจทก์เช่นใด ซึ่งในประเด็นนี้โจทก์มีตัวโจทก์มำเบิก
ควำมเพียงว่ำ จำเลยทั้งหกร่วมกันละเมิดสิทธิของโจทก์ โดยไม่ปรำกฏว่ำจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 กระทำกำรใดอันมี
ลักษณะเป็นกำรร่วมกับจำเลยที่ 1 ละเมิดสิทธิของโจทก์ ในขณะที่ฝ่ำยจำเลยมีนำงสำววิชชุลดำมำเบิกควำมใน
ทำนองว่ำ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ดำเนินกำรเกี่ยวกับบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 โดยไม่ปรำกฏว่ำจำเลยที่ 2
ถึงที่ 6 โดยส่วนตัวได้เกี่ยวข้องในกำรนำบทควำมเอกสำรหมำย จ.7 ถึง จ.9 ตีพิมพ์อย่ำงไร พยำนหลักฐำนของ
โจทก์จึงมีน้ำหนักน้อย ไม่พอรับฟังว่ำจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในกำรละเมิดสิทธิของโจทก์ ที่
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงวินิจฉัยมำนั้น ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำงปัญญำ
และกำรค้ำระหว่ำงประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ถึงที่ 5 ในข้อนี้ฟังขึ้น กรณีเกี่ยว
ด้วยกำรชำระหนี้อันไม่อำจแบ่งแยกได้ จึงมีผลถึงจำเลยที่ 2 และที่ 6 ซึ่งไม่ได้อุทธรณ์ด้วย ตำมพระรำชบัญญัติ
จัดตั้งศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศและวิธี พิจำรณำคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำ
ระหว่ำงประเทศ พ.ศ.2539 มำตรำ 45 ประกอบประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมแพ่ง มำตรำ 245 (1)”
พิพำกษำแก้เป็นว่ำ ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 200,000 บำท พร้อมดอกเบี้ยอัตรำร้อยละ 7.5 ต่อ
ปี นับถัดจำกวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 8 กันยำยน 2547) เป็นต้นไป จนกว่ำจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ใช้
ค่ำฤชำธรรมเนียมทั้งสองศำลแทนโจทก์โดยกำหนดค่ำทนำยควำมรวม 45,000 บำท เฉพำะค่ำขึ้นศำลให้ใช้
แทนเพียงเท่ำทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ค่ำฤชำธรรมเนียม
ระหว่ำงโจทก์และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ทั้งสองศำลให้เป็นพับ
กรณีศึกษาที่ 2 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า
คำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 8151 - 8152/2554 ซำโนฟี พลำสเตอร์ โจทก์
กรมทรัพย์สินทำงปัญญำ จำเลย

พ.ร.บ.เครื่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ.2534 มำตรำ 6(3), 13

โจทก์ฟ้องขอให้พิพำกษำว่ำ เครื่องหมำยกำรค้ำ คำว่ำ “HEXAXIM” ตำมคำขอเลขที่ 636482 ของ


โจทก์ไม่เหมือนหรือคล้ำยกับเครื่องหมำยกำรค้ำ คำว่ำ “EXAZYM” ตำมทะเบียนเลขที่ ค 234448 จนทำให้
สำธำรณชนสับสนหลงผิดในควำมเป็นเจ้ำของสินค้ำหรือแหล่งกำเนิดของสินค้ำ และมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของนำย
ทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำและคำวินิจฉัยของคณะกรรมกำรเครื่องหมำยกำรค้ำที่ 90/2551 และรับจดทะเบียน
เครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ดังกล่ำวต่อไป
จำเลยให้กำรขอให้ยกฟ้อง
ศำลทรัพ ย์สิน ทำงปัญ ญำและกำรค้ำ ระหว่ำ งประเทศกลำงพิพ ำกษำให้เ พิก ถอนคำสั่ง ของนำย
ทะเบีย นเครื่องหมำยกำรค้ำตำมหนังสือ ของกรมทรัพย์สิน ทำงปัญญำที่ พณ.0704/3977 และคำวินิจฉัย
อุ ทธรณ์ ของคณะกรรมกำรเครื่ องหมำยกำรค้ ำที่ 90/2551 ที่ ปฏิ เสธไม่ รั บจดทะเบี ยนเครื่ อ งหมำยกำรค้ ำ ค ำ
ว่ำ “HEXAXIM” ของโจทก์ตำมคำขอเลขที่ 636482 ให้นำยทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำดำเนินกำรเกี่ยวกับกำรจด
ทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำดังกล่ำวต่อไป ค่ำฤชำธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์ต่อศำลฎีกำ
จำเลยยื่นคำร้องขอทุเลำกำรบังคับคดีพร้อมอุทธรณ์ ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำง
ประเทศกลำงมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอทุเลำกำรบังคับคดี
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำร้องขอทุเลำกำรบังคับคดี
ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สิน ทำงปั ญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศวินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงฟัง ได้ว่ำ
เครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ขอจดทะเบียนในสินค้ำจำพวกที่ 5 คือ ยำ เช่นเดียวกับเครื่องหมำยกำรค้ำ ของคำ
วิดิ เทค เอบี แต่สิน ค้ำของโจทก์เป็น รำยกำรสินค้ำ วัคซีน ส่ว นสินค้ำของคำวิดิ เทค เอบี เป็น รำยกำร
สินค้ำ สำรที่เตรียมขึ้น ใช้ในกำรวินิ จ ฉัย โรค ใช้ในทำงกำรแพทย์ ที่เกี่ยวกั บ ไวรัส และโรคที่เกิดจำกไวรัส แม้
จะเป็นสินค้ำจำพวกยำเหมือนกัน แต่มีลักษณะกำรใช้แตกต่ำงกัน โดยได้ควำมจำกนำยจุ ม พล พยำนโจทก์ ซึ่ ง
เป็น เภสัช กรและเป็น ผู ้อำนวยกำรฝ่ำ ยบริห ำรและกำรเงิน และกรรมกำร ผู ้มีอำนำจของโจทก์ส ำขำ
ประเทศไทยว่ำ สิน ค้ำ วัค ซีน ของโจทก์ดัง กล่ำ วเป็น วัค ซีน ใช้ฉีด ส ำหรับ เด็ก เพื่อป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน
บำดทะยัก สมองอักเสบ โปลิโอ และตับอักเสบบี เป็นสินค้ำที่ไม่ได้จำหน่ำยแก่ร้ำนค้ำหรือร้ำนขำยยำทั่วไป แต่จะ
ขำยให้แก่ตัวแทนจำหน่ำยเพียงแห่งเดียว คือ ชิลลิค ฟำร์มำ จำกนั้นตัวแทนจำหน่ำยจะนำสินค้ำไปกระจำย
ให้แก่โรงพยำบำลหรือผู้มีใบอนุญำตประกอบโรคศิลป์ วัคซีนนี้ ต้อ งเก็บ ไว้ใ นตู้เ ย็น บนกล่อ งระบุชัด เจนว่ำ
เป็น ยำอัน ตรำย ผู้ใ ช้ คือ แพทย์ เภสัช กร หรือ พยำบำลส่วนสินค้ำเครื่องหมำยกำรค้ำ “EXAZYM” ที่จด
ทะเบียนแล้วซึ่งเป็นสำรที่เตรียมขึ้นใช้ในกำรวินิจฉัยโรค ใช้ในทำงกำรแพทย์นั้นได้ควำมจำก ดร.สุพันธิตรำ พยำน
โจทก์ซึ่งเป็นอำจำรย์ประจำภำควิชำจุลทรรศน์ศำสตร์ คลินิก คณะสหเวชศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัยว่ำ กลุ่มผู้ใช้สินค้ำ
คือนักเทคนิคกำรแพทย์ และนักวิทยำศำสตร์กำรแพทย์ ที่ทำงำนในห้องปฏิบัติกำรทำงกำรแพทย์ โดยใช้สำรในกำร
วินิจฉัยโรคจำกสิ่งที่ส่งตรวจ เช่น เลือด ปัสสำวะ อุจจำระ น้ำไขสันหลัง และไขกระดูก เป็นต้น สินค้ำสำรที่ใช้ในกำร
วินิจฉัยโรคจะไม่มีวำงจำหน่ำยตำมร้ำนขำยยำและร้ำนค้ำทั่วไป ต้องซื้อจำกตัวแทนจำหน่ำยของบริษัทผู้ผลิตโดย
ตัวแทนจะติดต่อกับห้องปฏิบัติกำรทำงกำรแพทย์โดยตรง และสินค้ำนี้มีรำคำสูงประมำณ 10,000 บำท ถึง 20,000
บำท ส่วนวัคซีนตัวแทนจำหน่ำยจะติดต่อกับแพทย์ในโรงพยำบำลซึ่งจะเป็นคนละส่วนกัน จึงเห็นได้ว่ำ ผู้ใช้สินค้ำ
ภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำ “HEXAXIM” กับผู้ใช้สินค้ำภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำ “EXAZYM” เป็นคนละกลุ่มกัน
และผู้ใช้สินค้ำแต่ละกลุ่มต่ำงก็เป็นผู้มีวิชำชีพ มีควำมรู้ควำมเชี่ยวชำญและควำมชำนำญเฉพำะทำง ย่อมสำมำรถ
แยกแยะสินค้ำทั้งสองดังกล่ำวได้โดยไม่สับสนหรือหลงผิด นอกจำกนั้น ช่องทำงในกำรจำหน่ำยสินค้ำก็แตกต่ำง
กัน ทั้งไม่ได้วำงจำหน่ำยในร้ำนขำยยำหรือร้ำนค้ำทั่วไป ที่จำเลยอ้ำงในอุทธรณ์ว่ำนำยจุมพลเบิกควำมว่ำ ร้ำน
ขำยยำที่มีใบอนุญำตขำยยำอันตรำยมีวัคซีนดังกล่ำวขำยได้ สำธำรณชนย่อมมีโอกำสซื้อทำให้อำจสับสนหรือ
หลงผิดนั้น เห็นว่ำ นำยจุมพลก็เบิกควำมด้วยว่ำร้ำนขำยยำอันตรำยดังกล่ำวจะขำยยำให้ตำมใบสั่ง แพทย์
เท่ำนั้น ไม่สำมำรถซื้อเองโดยปรำศจำกใบสั่งแพทย์ ผู้ป่วยส่วนมำกแม้จะซื้อมำแล้วก็จะไม่ฉีดเอง แต่ จะให้
แพทย์หรือพยำบำลในโรงพยำบำลหรือสถำนพยำบำลฉีดให้ ดังนั้น แม้เครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสองจะมีเสียงเรียก
ขำนคล้ำ ยกัน แต่ก ็ไ ม่ถ ึง ขนำดที ่จ ะท ำให้ส ำธำรณชนผู ้ใ ช้ส ิน ค้ำ สับ สนหรือ หลงผิด ว่ำ สิน ค้ำ วัค ซีน ที่ใ ช้
เครื่องหมำยกำรค้ำ “HEXAXIM” ของโจทก์เป็นสินค้ำที่เตรียมขึ้นใช้ ในกำรวินิจฉัยโรค ใช้ในทำงกำรแพทย์ที่
เกี ่ย วกับ ไวรัส และโรคที ่เ กิด จำกไวรัส ซึ ่ง ใช้เ ครื ่อ งหมำยกำรค้ำ “EXAZYM” ของ คำวิดิ เทค เอบี หรือมี
แหล่งกำเนิดจำกบริษัทดังกล่ำว ฉะนั้นเครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์จึงเป็นเครื่องหมำยกำรค้ำอันพึงรับจดทะเบียนได้ตำม
มำตรำ 6 (3) และมำตรำ 13 แห่งพระรำชบัญญัติเครื่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ.2534 ที่จำเลยอ้ำงมำในอุทธรณ์ด้วยว่ำ
โจทก์ไม่ได้นำเสนอสัญญำระหว่ำงโจทก์กับคำวิดิ เทค เอบี ต่อคณะกรรมกำรเครื่องหมำยกำรค้ำพิจำรณำประกอบ
อุทธรณ์จึงไม่ทำให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมกำรเครื่องหมำยกำรค้ำ ไม่ชอบด้วยกฎหมำยนั้น ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะ
น ำมำอ้ ำงเพื่ อให้ ค ำวิ นิ จฉั ยของคณะกรรมกำรเครื่ องหมำยกำรค้ ำ ดั งกล่ ำวถู กต้ อง ค ำสั่ งของนำยทะเบี ยน
เครื่องหมำยกำรค้ำที่ไม่รับจดทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมกำร
เครื่องหมำยกำรค้ำที่ยืนตำมคำสั่งปฏิเสธของนำยทะเบียนเครื่อ งหมำยกำรค้ำ จึงไม่ช อบดังที่ศำลทรัพย์สิน ทำง
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงวินิจฉัย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพำกษำยืน และยกอุทธรณ์คำสั่ง ที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำร้องขอทุเลำกำรบังคับคดี คืนค่ำ
ขึ้นศำลชั้นอุทธรณ์ในส่วนอุทธรณ์คำสั่งดังกล่ำวทั้งหมดแก่จำเลย ค่ำฤชำธรรมเนียมนอกจำกที่สั่งคืนให้เป็นพับ
กรณีศึกษาที่ 3 พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า
คำพิพำกษำศำลฎีกำที่ 2767/2559
พ.ร.บ.เครื่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ.2534 มำตรำ 6 (3), 13
เครื่ องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID - COMBID" ของโจทก์ประกอบด้ว ยอักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่
จำนวน 6 ตัว อ่ำนออกเสียงว่ำ คอมบิด ในขณะที่เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF Combif" ประกอบด้วย
ตัวพิมพ์ใหญ่ 1 ตัว และตัวพิมพ์เล็กอีกจำนวน 5 ตัว อ่ำนออกเสียงว่ำ คอมบิฟ แม้เครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสอง
จะมีเสียงเรียกขำนคล้ำยกัน ประกอบด้วยตัวอักษรโรมันจำนวน 6 ตัว เช่นเดียวกัน และเป็นอักษรโรมันที่
เหมือนกัน เกือบทั้งหมดโดยมีควำมแตกต่ำ งกัน ที่ตัว อัก ษรตัว สุ ดท้ ำยของเครื่ องหมำยกำรค้ำ ทั้งสอง โดย
เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID" ของโจทก์เป็นตัวอักษร "D" แต่เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" เป็น
ตัวอักษร "F" ก็ตำม แต่เมื่อพิจำรณำจำกรูปลักษณ์ของเครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสองแล้ว พบว่ำมีควำมแตกต่ำงที่
สำมำรถสั งเกตเห็ น ได้ชัดเจน เนื่ องจำกเครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์เป็นอักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
ในขณะที่เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF Combif" คำที่ 2 มีเพียงตัวอักษรตัวแรก คืออักษร "C" เท่ำนั้นที่
เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ส่วนตัวอักษรที่เหลื อทั้งหมดเป็นตัว พิมพ์เล็ ก นอกจำกนี้เครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสองแม้จด
ทะเบี ย นใช้กับ สิ น ค้ำจ ำพวกเดีย วกัน คือ จำพวกที่ 5 แต่รำยกำรสิ นค้ำที่จดทะเบียนนั้ นแตกต่ำงกัน โดย
เครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์จดทะเบียนใช้กับรำยกำรสินค้ำยำที่เตรียมขึ้นเพื่อใช้ต่อต้ำนหรือทำลำยเชื้อไวรัส
ส่วนเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF Combif" ขอจดทะเบียนใช้กับรำยกำรสินค้ำอำหำรเสริมใช้ในทำง
กำรแพทย์ช่วยย่อยอำหำรและป้องกันท้องผูก ซึ่งเป็นสิ นค้ำคนละประเภทกัน โอกำสที่ผู้บริโภคจะสับสนหลง
หรือผิดจึงเป็นไปได้น้อย แม้จะเป็นสินค้ำจำพวกยำเหมือนกัน แต่มีวัตถุประสงค์ในกำรใช้ที่แตกต่ำงกันอย่ำง
ชัดเจน อีกทั้งกลุ่มผู้ใช้สินค้ำของยำทั้งสองก็แตกต่ำงกัน สินค้ำยำตำมเครื่องหมำยกำรค้ำ "COMBID" ของโจทก์
ผู้ใช้คือผู้ป่วยโรคเอดส์ ซึ่งไม่สำมำรถซื้อใช้เองได้โดยตรง แต่ต้องมีใบสั่งจำกแพทย์เท่ำนั้น ในขณะที่ผู้ใช้สินค้ำ
ภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำ "COMBIF" เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่กว้ำงกว่ำ ไม่จำกัดเฉพำะผู้ป่วยโรคเอดส์ ดังนั้น แม้
เครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสองจะมีเสียงเรียกขำนใกล้เคียงกันก็ตำม แต่เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" ที่ขอ
จดทะเบี ย นจึ ง เป็ น เครื่ อ งหมำยกำรค้ ำ อั น พึ ง รั บ จดทะเบี ย นได้ ต ำมมำตรำ 6 (3) และมำตรำ 13 แห่ ง
พระรำชบัญญัติเครื่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ.2534
___________________________
โจทก์ฟ้องขอให้ เพิกถอนคำสั่ งของทะเบี ย นเครื่องหมำยกำรค้ำ ที่ 106/2553 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ
คณะกรรมกำรเครื่องหมำยกำรค้ำที่ 581/2556 และให้จำเลยที่ 1 ระงับกำรดำเนินกำรจดทะเบียนเครื่องหมำย
กำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" ตำมคำขอเลขที่ 717440
จำเลยทั้งสิบให้กำรขอให้ยกฟ้อง
ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำงพิพำกษำยกฟ้อง ค่ำฤชำธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศำลฎีกำ
ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศวินิจฉัยว่ำ ข้อเท็จจริงที่โจทก์และจำเลยทั้ง
สิบไม่โต้แย้งกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังได้ว่ำ โจทก์เป็ นเจ้ำของเครื่องหมำยคำประดิษฐ์คำว่ำ "COMBID COMBID"
(อ่ำนว่ำ คอม-บิด) โดยได้รับโอนสิทธิทำงทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำดังกล่ำวมำจำก แกล็กโซ กรุ๊พ ลิมิเต็ด
เครื่องหมำยกำรค้ำดังกล่ำวได้จดทะเบียนไว้ในประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยเพื่อใช้กับสินค้ำใน
จำพวก 5 รำยกำรสินค้ำ ยำที่เตรียมขึ้นเพื่อใช้ต่อต้ำนหรือทำลำยเชื้อไวรัส ตำมคำขอเลขที่ 351156 ทะเบียน
เลขที่ ค 80914 เมื่อวัน ที่ 18 ธัน วำคม 2551 เมดดิโ นวำ เอจี ซึ่งเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยของประเทศ
สมำพันธรัฐสวิต ได้ยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำคำประดิษฐ์ว่ำ "COMBIF Combif" (อ่ำนว่ำ คอม-บิฟ)
เพื่อใช้กับสินค้ำในจำพวก 5 รำยกำรสินค้ำ อำหำรเสริมใช้ในทำงกำรแพทย์ช่วยย่อยอำหำรและป้องกันท้องผูก
ตำมคำขอจดทะเบียนเลขที่ 717440 แกล็กโซ กรุ๊พ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นเจ้ำของเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID"
ในขณะนั้นเห็นว่ำเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" ตำมคำขอเลขที่ 717440 เป็นเครื่องหมำยกำรค้ำที่
ต้องห้ำมรับจดทะเบียนตำมมำตรำ 8 (9) แห่งพระรำชบัญญัติเครื่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ. 2534 เนื่องจำกเป็น
เครื่องหมำยที่ลอกเลียนมำจำกเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID" ที่ได้ใช้จนเป็นที่รู้จักแพร่หลำยและได้จด
ทะเบียนไว้ก่อนแล้ว จึงได้ยื่นคำคัดค้ำนคำขอจดทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" นำยทะเบียน
เครื่ องหมำยกำรค้ำมีคำวินิ จ ฉัย ว่ำ แม้เครื่ องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID" และเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ
"COMBIF" จะมีรูปลักษณะคล้ำยกันและมีเสียงเรียกขำนใกล้เคียงกัน แต่รำยกำรสินค้ ำภำยใต้เครื่องหมำย
กำรค้ำของทั้งสองฝ่ำยไม่มีลักษณะอย่ำงเดียวกัน ไม่อำจทำให้สำธำรณชนสันสนหลงผิดในควำมเป็นเจ้ำของ
ของสินค้ำหรือแหล่งกำเนิดของสินค้ำได้ เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" จึงชอบที่จะรับจดทะเบียนได้ ไม่
ต้องห้ำมตำมมำตรำ 8 (9) และมำตรำ 13 แห่งพระรำชบัญญัติเครื่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ.2534 ยกคำคัดค้ำน
คณะกรรมกำรเครื่องหมำยกำรค้ำวินิจฉัยแล้วมีคำสั่งยืนตำมคำสั่งนำยทะเบียนเครื่องหมำยกำรค้ำ สำหรับ
ปัญหำตำมมำตรำ 8 (9) แห่งพระรำชบัญญัติดังกล่ำวไม่มีคู่ควำมฝ่ำยใดอุทธรณ์ จึงยุติไปตำมคำพิพำกษำศำล
ทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
คดีมีปัญหำที่ต้องวินิจฉัยตำมอุทธรณ์ของโจทก์ว่ำ เครื่องหมำยกำรค้ำ"COMBIF Combif" ไม่เหมือนหรือคล้ำย
กับเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID - COMBID" ของโจทก์ จนทำให้สำธำรณชนสับสนหรือหลงผิดในควำม
เป็นเจ้ำของของสินค้ำหรือแหล่งกำเนิดของสินค้ำอันไม่ต้องห้ำมรับจดทะเบียนตำมมำตรำ 8 (9) และมำตรำ
13 แห่ งพระรำชบั ญญัติเครื่ องหมำยกำรค้ำ พ.ศ.2534 ดังที่ศำลทรัพย์สิ นทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ ำ ง
ประเทศกลำงวินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่ำ เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID - COMBID" ของโจทก์ประกอบด้วย
อักษรโรมันตัวพิมพ์ใหญ่จำนวน 6 ตัว อ่ำนออกเสียงว่ำ คอมบิด ในขณะที่เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF
Combif" ประกอบด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ 1 ตัว และตัวพิมพ์เล็กอีกจำนวน 5 ตัว อ่ำนออกเสียงว่ำ คอมบิฟ แม้
เครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสอง จะมีเสียงเรียกขำนคล้ำยกัน ประกอบด้วยตัวอักษรโรมันจำนวน 6 ตัว เช่นเดียวกัน
และเป็นอักษรโรมันที่เหมือนกันเกือบทั้งหมดโดยมีควำมแตกต่ำงกันที่ตัวอักษรตัวสุดท้ำยของเครื่องหมำย
กำรค้ำทั้งสอง โดยเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID" ของโจทก์เป็นตัวอักษร "D" แต่เครื่องหมำยกำรค้ำคำ
ว่ำ "COMBIF" เป็นตัวอักษร "F" ก็ตำม แต่เมื่อพิจำรณำจำกรูปลักษณ์ของเครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสองแล้ว พบว่ำ
มีควำมแตกต่ำงที่สำมำรถสังเกตเห็นได้ชัดเจน เนื่องจำกเครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์เป็นอักษรโรมันตัวพิมพ์
ใหญ่ทั้งหมด ในขณะที่เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF Combif" คำที่ 2 มีเพียงตัวอักษรตัวแรก คืออักษร
"C" เท่ำนั้นที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ส่วนตัวอักษรที่เหลือทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์เล็ก นอกจำกนี้เครื่องหมำยกำรค้ำทั้ง
สองแม้จดทะเบียนใช้กับสินค้ำจำพวกเดียวกัน คือ จำพวกที่ 5 แต่รำยกำรสินค้ำที่จดทะเบียนนั้นแตกต่ำงกัน
โดยเครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์จดทะเบียนใช้กับรำยกำรสินค้ำยำที่เตรียมขึ้นเพื่อใช้ต่อต้ำนหรือทำลำยเชื้อ
ไวรัส ส่วนเครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF Combif" ขอจดทะเบียนใช้กับรำยกำรสินค้ำอำหำรเสริมใช้
ในทำงกำรแพทย์ช่วยย่อยอำหำรและป้องกันท้องผูก ซึ่งเป็นสินค้ำคนละประเภทกัน โอกำสที่ผู้บริโภคจะสั บสน
หลงหรื อ ผิ ด จึ ง เป็ น ไปได้ น้ อ ย ที่ โ จทก์ อุ ท ธรณ์ ว่ ำ สิ น ค้ ำ ของโจทก์ กั บ สิ น ค้ ำ ที่ ใ ช้ เ ครื่ อ งหมำยกำรค้ ำคำว่ำ
"COMBIF Combif" เป็ น สิ น ค้ำที่เกี่ย วข้องใกล้ ชิดกัน อีกทั้งสิ นค้ำที่ใช้เครื่องหมำยกำรค้ำค ำว่ำ "COMBIF
Combif" มิใช่อำหำรเสริมทั่วไป แต่เป็นอำหำรเสริมที่ใช้ในทำงกำรแพทย์ จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสินค้ำจำพวกที่
5 เช่นเดียวกับสินค้ำของโจทก์ ตำมประกำศกระทรวงพำณิชย์ ผู้บริโภคที่ใช้สินค้ำทั้งสองประเภทจึงอำจเป็น
ผู้บริโภคกลุ่มเดียวกันและอำจทำให้เกิดควำมสับสนหรือหลงผิดได้ เนื่องจำกสินค้ำทั้งสองประเภทนี้ต่ำงมีใช้
หรือจำหน่ำยให้แก่คนไข้ในโรงพยำบำลเหมือนกัน อำจเกิดควำมผิดพลำดในกำรสั่งจ่ำย (prescribe) หรือใน
กำรจ่ำย (dispense) อันเนื่องมำจำกชื่อเครื่องหมำยกำรค้ำของสินค้ำที่มีควำมใกล้เคียงได้ นั้น เห็นว่ำ สินค้ำ
ภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์เป็นสินค้ำยำที่เตรียมขึ้นเพื่อต่อต้ำ นหรือทำลำยเชื้อไวรัสและเป็นยำที่ใช้
รักษำเฉพำะโรคเอดส์ ในขณะที่สินค้ำภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF Combif" ของผู้ขอจดทะเบียน
ใช้กับสินค้ำอำหำรเสริมใช้ในทำงกำรแพทย์ช่วยย่อยอำหำรและป้องกันท้องผูกที่ผู้บริโภคสำมำรถเลือกซื้อได้
เอง แม้จะเป็นสินค้ำจำพวกยำเหมือนกัน แต่มีวัตถุประสงค์ในกำรใช้ที่แตกต่ำงกันอย่ำงชัดเจน อีกทั้งกลุ่มผู้ใช้
สินค้ำของยำทั้งสองก็แตกต่ำงกัน สินค้ำยำตำมเครื่องหมำยกำรค้ำ "COMBID" ของโจทก์ ผู้ใช้คือผู้ป่วยโรค
เอดส์ ซึ่งไม่สำมำรถซื้อใช้เองได้โดยตรง แต่ต้องมีใบสั่งจำกแพทย์เท่ำนั้น ในขณะที่ผู้ใช้สินค้ำภำยใต้เครื่องหมำย
กำรค้ำ "COMBIF" เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่กว้ำงกว่ำ ไม่จำกัดเฉพำะผู้ป่วยโรคเอดส์ โอกำสที่ผู้บริโภคจะสับสนหรือ
หลงผิดจึงมีควำมเป็นไปได้น้อย แม้ว่ำเครื่องหมำยกำรค้ำทั้งสองจะมีเสียงเรียกขำนใกล้เคียงกันก็ตำม และที่
โจทก์อ้ำงว่ำอำจจะเกิดควำมผิ ดพลำดในกำรสั่ งจ่ำยซึ่งเกิดขึ้นได้จำกกำรปฏิบัติงำนของบุคลำกรในวงกำร
สำธำรณสุขนั้น ก็ปรำกฏจำกคำเบิกควำมของนำงปำนียำ ซึ่งเป็นแพทย์และเป็นพยำนโจทก์ที่เบิกควำมตอบ
คำถำมศำลรับว่ำ แพทย์ไม่น่ำจะสับสนเพรำะยำทั้งสองประเภทใช้ในกำรรักษำที่แตกต่ำงกัน แม้พยำนปำกนี้จะ
เบิกควำมต่อไปว่ำอำจมีควำมสับสนในขั้นตอนของกำรจ่ำยยำได้ก็ตำม แต่เนื่องจำกยำที่ใช้รักษำโรคเอดส์กับ
อำหำรเสริมนั้นมีวัตถุประสงค์ในกำรใช้ที่แตกต่ำงกันมำก โอกำสที่บุคลำกรทำงกำรแพทย์หรือเภสัชกรผู้จ่ำยยำ
ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ที่มีควำมเชี่ยวชำญเฉพำะด้ำนในเรื่องนี้จะสับสนและจ่ำยยำผิดพลำดย่อมเป็นไปได้ยำก อีกทั้ง
โจทก์มิได้มีพยำนหลักฐำนใด ๆ มำแสดงให้เห็นว่ำมีแพทย์ซึ่งเกิดควำมสับสนและผิดพลำดจำกกำรจ่ำยยำทั้ง
สองประเภทนี้แต่อย่ำงใด คงมีเพียงเอกสำรเผยแพร่ทำงเว็บไซต์ชื่อ "ควำมคลำดเคลื่อนในกำรจ่ำยยำผู้ป่วยใน"
และเอกสำรทำงวิชำกำรชื่อ "กำรป้องกันควำมคลำดเคลื่อนทำงยำเพื่อควำมปลอดภัยของผู้ป่วย" ระบุสำเหตุ
ควำมคลำดเคลื่อนในกำรจ่ำยยำผิดบำงประกำรไว้ว่ำ อำจเกิดจำกกำรจ่ำยยำผิดชนิดและยกตัวอย่ำงยำที่มีชื่อ
ออกเสียงคล้ำยกันหรือสะกดคล้ำยกันว่ำเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งเสริมควำมคลำดเคลื่ อนในกำรจ่ำยยำ แต่ไ ม่มี
ข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้ว่ำมีกำรจ่ำยยำผิดพลำดขึ้นสำหรับยำประเภทใดบ้ำง รวมถึงยำที่เป็นสินค้ำของโจทก์กับ
ยำที่เป็นสินค้ำของผู้จดทะเบียนเครื่องกำรค้ำในคดีนี้แต่อย่ำงใด ข้อกล่ำวอ้ำงของโจทก์เกี่ยวกับกำรสับสนหลง
ผิดในกำรจ่ำยยำทั้งสองประเภทดังกล่ำวจึงเป็นเพียงกำรคำดคะเนของโจทก์ ข้อเท็จจริงยังรับฟังไม่ได้ว่ำมีควำม
ผิดพลำดจำกกำรสั่งจ่ำยอำหำรเสริมที่ใช้เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" ของผู้ขอจดทะเบียนกับยำต้ำน
ไวรัสเอดส์ภำยใต้เครื่องหมำยกำรค้ำของโจทก์คำว่ำ "COMBID" อันเนื่องจำกควำมคล้ำยกันของเครื่องหมำย
กำรค้ำทั้งสองจนทำให้สับสนหรือหลงผิดตำมที่โจทก์กล่ำวอ้ำง ดังนั้น เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBIF" ที่
ขอจดทะเบี ย นจึ ง เป็ น เครื่ อ งหมำยกำรค้ ำ อั น พึ ง รับ จดทะเบีย นได้ ต ำมมำตรำ 6 (3) และมำตรำ 13 แห่ ง
พระรำชบัญญัติเครื่องหมำยกำรค้ำ พ.ศ.2534 ที่ศำลทรัพย์สินทำงปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศกลำง
วินิจฉัยว่ำสินค้ำที่ใช้เครื่องหมำยกำรค้ำคำว่ำ "COMBID" ของโจทก์กับสินค้ำที่ใช้เครื่องหมำยกำรค้ำ คำว่ำ
"COMBIF" ที่ขอจดทะเบียนนั้นมีควำมแตกต่ำงกัน ไม่อำจทำให้สำธำรณชนสับสนหรือหลงผิดในควำมเป็น
เจ้ำของของสินค้ำหรือแหล่งกำหนดของสินค้ำได้และพิพำกษำยกฟ้องโจทก์นั้น ศำลฎีกำแผนกคดีทรัพย์สินทำง
ปัญญำและกำรค้ำระหว่ำงประเทศเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพำกษำยืน ค่ำฤชำธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

You might also like