Professional Documents
Culture Documents
การสํารวจด้วยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห
การสํารวจด้วยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห
(Refraction Seismic Survey)
6.1 บทนํา
การสํารวจดัวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเหในปจจุบันสวนใหญยังเปนที่นิยมทํากันมากใน
ระดับตื้น อยางไรก็ดียังมีบางสวนประยุกตสํารวจในระดับลึก ตัวอยางของการสํารวจระดับตื้น เชน งาน
ศึกษาธรณีวิทยาสําหรับงานวิศวกรรมฐานรากเพื่อการกอสรางของโครงการตางๆ งานสํารวจหาชั้น
กรวดในบริเวณพื้นที่ดินตะกอนเพื่อหาชั้นน้ําบาดาลจากชั้นกรวด หรืองานศึกษาชั้นเกลือหินเพื่อหา
ศักยภาพการพัฒนาน้ําบาดาลจืดในบริเวณที่มีชั้นเกลือหิน ตัวอยางในการสํารวจระดับลึก เชน งาน
ศึกษาความลึกของรอยตอระหวางเปลือกโลกและชั้นเนื้อโลก หรืองานศึกษาแกนของโลก เปนตน การ
สํารวจแบบหักเหสามารถทําไดรวดเร็ว ใหขอมูลใตผิวดินของชั้นดิน-หิน ที่คอนขางสมบูรณ แตการ
สํารวจแบบหักเหมีเงื่อนไขจํากัดอยูที่ชั้นดิน-หินชั้นที่อยูในลําดับลึกลงไปเรื่อยๆ จะตองมีคาความเร็ว
คลื่นสูงกวาชั้นดิน-หินที่อยูบนเสมอ หากสภาพความเร็วของชั้นดิน-หินไมเปนเชนนั้น จะไมสามารถ
ประยุกตสํารวจแบบหักเหได (อยางไรก็ดี สภาพของธรรมชาติโดยสวนใหญพบวาชั้นดิน-หิน ที่อยูลึก
ลงไปเรื่อยๆ มีความเร็วสูงขึ้น) แตถาหากพบกรณีชั้นดิน-หินชั้นลางมีความเร็วต่ํากวา สามารถทําการ
สํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบสะทอน ซึ่งจะกลาวในบทที่ 7 สวนขอเดน-ขอดอยของการสํารวจแบบ
หักเหและแบบสะทอนสรุปไวในตารางที่ 5.1 ของบทที่ 5
6.1.1 ประโยชนของการสํารวจแบบหักเห
ภาพโดยรวมสวนใหญของวัตถุประสงคของการสํารวจแบบหักเห คือ ตองทราบลักษณะการ
วางตัวของชั้นดิน-หิน ใตผิวดินของบริเวณที่ทําการสํารวจ เพื่อทําใหทราบลักษณะการวางตัว เชน
รอยตอของชั้นดิน-หินจะมีการวางตัวแบบราบหรือมีการเอียงเทดวยมุมกี่องศา หรือมีผิวขรุขระความลึก
422 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
6.1.2 ความเปนมาของการประยุกตสํารวจแบบหักเห
การสํารวจคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเหถูกนํามาประยุกตใชสํารวจใตผิวดิน เริ่มแรกในป ค.ศ
1909 โดย Andrija Mohorovicic พบรอยตอระหวางเปลือกโลกและชั้นเนื้อโลก ซึ่งพบเปนชั้นที่มี
ความเร็วสูงกวาชั้นเปลือกโลก (ความเร็วประมาณ 7,800-8,200 เมตรตอวินาที ขณะที่ความเร็วของ
เปลือกโลกเฉลี่ย ประมาณ 6,500 เมตรต อวิน าที) ตอมารอยต อนี้ ถูก เรี ย กวา "โมโฮโรวิซิก
(Mohorovicic)" หรือเรียกสั้นๆ วา "โมโฮ (Moho)" เพื่อเปนเกียรติแดผูคนพบ วิธีการที่ Andirja
424 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
6.2 ทฤษฎีและหลักการการสํารวจแบบหักเห
6.2.1 การหักเหของคลื่น
หลักของการสํารวจแบบหักเห อาศัยคุณสมบัติของคลื่นจากหนึ่งในสี่ประการคือ การหักเห
(คุณสมบัติสี่ประการของคลื่นไดแก การสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเลี้ยวเบน) จากนิยาม
ของการหักเหที่เราไดเรียนมาแลวในชั้นมัธยมกลาววา “การหักเห คือ ปรากฏการณที่คลื่นเคลื่อนผาน
รอยตอระหวางตัวกลางที่มีคุณสมบัติตางกัน ทําใหทิศทางการเคลื่อนที่ของคลื่นเปลี่ยนไป” โดยที่เรา
เรียกคลื่นที่ผานรอยตอระหวางตัวกลางแรกวา “คลื่นหักเห (refracted wave)” และคลื่นที่เคลื่อนออก
จากตัวกลางแรกวา “คลื่นตกกระทบ (incident wave)” มีกฎของสเนลล (Snell’s law) อธิบาย
ปรากฏการณการหักเหเชิงปริมาณของคลื่น (รูปที่ 6.3) โดยกลาววา “อัตราสวนของคาไซนของมุมตก
กระทบกับคาไซนของมุมหักเห มีคาเทากับอัตราสวนระหวางความเร็วคลื่นในตัวกลางที่คลื่นตกกระทบ
กับความเร็วคลื่นในตัวกลางที่คลื่นหักเห” หรือกลาวงายๆ จนติดปากก็คือ
sin i V1
=
sin r V2
กฎของสเนลลสามารถพิสูจนไดดังแสดงมาแลวในบทที่ 5 ในการคํานวณหาเวลาการเดินทาง
ของคลื่นหักเห จะนิยมวิเคราะหรังสีคลื่นแทนการวิเคราะหหนาคลื่น (รังสีคลื่น คือ เสนที่ลากตั้งฉากกับ
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 425
6.2.2.รูปแบบทางเดินรังสีหักเหเชิงเรขาคณิตของระนาบ
6.2.2.1.การหาโครงสรางใตผิวดินหนึ่งชั้นไมมีการเอียงเท
การหาโครงสรางใตผิวดินหนึ่งชั้นไมมีการเอียงเท ชั้นดิน-หินมีลักษณะเปนแบบเนื้อเดียว
(homogeneous) นั่นคือ มีความเร็วคลื่นมีคาเทากันตลอด และความหนาไมมีที่สิ้นสุดหรือไมกําหนด
(กรณีที่กลาวมานี้แทบจะไมปรากฏในธรรมชาติ แตเมื่อเขาใจจากสิ่งที่งายแลว การประยุกตเขาหาสิ่งที่มี
ความซับซอนก็จะงายตามไปดวย) ดังแสดงในรูปที่ 6.6 โดยที่เสนทางเดินคลื่นและกราฟของระยะทาง
และเวลาที่คลื่นใชในการเดินทาง แสดงในรูปที่ 6.6 (ก) และลักษณะทางธรณีวิทยาใตผิวดินแสดงในรูป
ที่ 6.6 (ข)
x
t= (6.1)
V
dt 1
=
dx V
1
slope =
V
6.2.2.2 การหาโครงสรางใตผิวดินของระนาบสองชั้นไมมีการเอียงเท
ลําดับตอไปเราพิจารณาทางเดินคลื่นที่ผานตัวกลางสองตัวกลางที่เกิดการหักเหเปนไปตามกฎ
ของสเนลล โดยสมมุติใหใตผิวดินมีชั้นหินสองชั้นวางตัวในแนวราบ มีความเร็วคลื่นของชั้นดิน-หินคง
ตัวในแตละชั้น (ความเร็วคลื่นไมวาเดินทางในแนวดิ่ง หรือแนวนอน หรือแนวอื่นๆ จะมีความเร็วเทา
เดิมตลอด) และความเร็วของชั้นที่อยูลึกกวาจะตองมีความเร็วคลื่นที่มากกวาชั้นบนเสมอ ดังแสดงในรูป
ที่ 6.7 เมื่อเราทําการสํารวจแบบหักเห
430 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
เราจะทําการสงคลื่นสัญญาณเคลื่อนออกจากตัวกําเนิดคลื่นไปสูรอยตอระหวางชั้นที่หนึ่งและ
ชั้นที่สอง เมื่อคลื่นตกกระทบทํามุมวิกฤต จะเกิดคลื่นหักเหกลับหรือคลื่นเฮดที่วิ่งขนานไปกับรอยตอ
และวิ่งกลับสูผิวดินเขาสูตัวรับคลื่น ดวยมุมเดียวกันกับมุมวิกฤต (รูปที่ 6.7)
AB BC CD
T = t AB + t BC + tCD = + +
V1 V2 V1
จากลักษณะรูปทรงทางเรขาคณิตเราทราบวา
h
t AB = tCD =
V1 cos i
x − 2h tan i
t BC =
V2
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 431
แทนคา
h x − 2h tan i h
T= + +
V1 cos i1 V2 V1 cos i
2h x − 2h tan i
T= +
V1 cos i1 V2
x 2hV2 − 2hV1 tan i cos i
T= +
V2 V1V2 cos i
x 2h(V2 − V1 sin i )
T= +
V2 V1V2 cos i
x 2h ⎛ V1 ⎞
T= + ⎜1 − sin i ⎟
V2 V1 cos i ⎝ V2 ⎠
V1
sin i =
V2
V12
cos 2 i = 1 −
V22
ดังนั้น
x 2h ⎛ V12 ⎞
T= + ⎜1 − ⎟
V2 V1 cos i ⎝ V12 ⎠
x 2h
T= + cos 2 i
V2 V1 cos i
x 2h cos i
T= +
V2 V1
และเพราะวา
V22 − V12
cos i =
V2
432 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
แทนคา จะได
x 2h V2 − V1
2 2
T= + (6.2)
V2 V1V2
dT 1
=
dx V2
tiV1V2
h= (6.3)
2 V22 − V12
หรือเราสามารถหาความลึกไดจากจุดตัดของเสนทางเดินคลื่นของคลื่นตรงและคลื่นหักเหที่เดินทางเขา
สูตัวรับคลื่นที่เวลาเทากันพอดี ซึ่งจุดตัดนี้เรียกวา Xcrossover หรือเรียกสั้นๆ วา Xcross การวิเคราะหหา
สมการเพื่อหาความลึกจากคา Xcross ทําไดดังนี้
X cross X cross 2h V2 − V1
2 2
= +
V1 V2 V1V2
X cross (V2 − V1 ) 2h V2 − V1
2 2
=
V1V2 V2V1
2h V22 − V12
X cross =
V2 − V1
V2 + V1
X corss = 2h
V2 − V1
X corss V2 − V1
h= (6.4)
2 V2 + V1
นอกจากนี้เรายังสามารถหาความลึกไดโดยการพิจารณาตําแหนงที่เกิดการหักเหพอดี เรียกวา
ระยะวิกฤต (Xcritical หรือ Xcrit) ดังแสดงในรูปที่ 6.9 ซึ่งเราจะไดระยะทางวิกฤตดังสมการ
X crit
tan i =
2h
436 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
เพราะวา
V1
sin i =
V2
แทนคา และยายขางสมการจะได
⎛ V ⎞ X
tan ⎜ sin −1 1 ⎟ = crit
⎝ V2 ⎠ 2h
⎛ V ⎞
X crit = 2h tan ⎜ sin −1 1 ⎟
⎝ V2 ⎠
2h
X crit =
V22
−1
V12
X crit V22
h= −1 (6.5)
2 V12
ดังนั้น กลาวโดยสรุปเราสามารถหาความลึกไดจากราฟที่เขียนระหวางระยะทางและเวลาของ
แนวทางคลื่นแรก ที่วิ่งเขาสูตัวรับคลื่นในตําแหนงตางๆ ได 3 วิธี คือ (1) พิจารณาที่เวลาอินเตอรเซพท
คํานวณไดโดยใชสมการที่ 6.3 (2) พิจารณาที่คา Xcross คํานวณไดโดยใชสมการที่ 6.4 (3) พิจารณาจาก
ระยะวิกฤต คํานวณไดโดยใชสมการที่ 6.5 การหาความลึกทั้งสามวิธีในทางทฤษฎีจะตองไดคาความลึก
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 437
tiV1V2
h=
2 V22 − V12
42.29 × 800 ×1,500
h=
2 15002 − 8002
h = 20 เมตร
X cross V2 − V1
h= (
2 V2 + V1
72.5 1,500 − 800
h=
2 1,500 + 800
h = 20 เมตร
จะเห็นวาทั้งสองสมการสามารถคํานวณไดความลึกเทากัน เพราะขอมูลที่ไดจากกราฟเปน
ขอมูลที่สรางจากรูปจําลอง แตถาเปนขอมูลที่ไดจากการสํารวจในสนามจะพบวาคาความลึกแตกตางกัน
ทั้งนี้เกิดจากความไมละเอียดของการเก็บขอมูล เพราะในการสํารวจจะเก็บขอมูลเปนชวงๆ อีกทั้งมีคลื่น
รบกวน และความไมชัดเจนของคลื่นที่วิ่งเขาสูตัวรับคลื่นในตําแหนงตางๆ นอกจากนี้คลื่นหักเหกลับ
ไมไดเคลื่อนถึงจุดกําเนิดคลื่น ti เราจะตองตอเสนตรงของคลื่นหักเหกลับหรือคลื่นเฮด ตามความลาด
เอียงของเสนกราฟไปตัดกับเสนตรงของแกนเวลาที่มีระยะทางเปนศูนย (x=0) รูปที่ 6.10 แสดงกราฟ
ของระยะทางและเวลา แสดงการเปรียบเทียบลักษณะชั้นดินที่มีความเร็วเทากันแตหนาตางกัน เสนเวลา
ของทางเดินคลื่นจะตางกัน แตคาความลาดชันจะเทากัน คา ti และ Xcross จะตางกัน (เปรียบเทียบรูปที่
438 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
AB BC CD DE EF
T = t AB + t BC + tCD + t DE + t EF =
+ + + +
V1 V2 V3 V2 V 1
2h1 2h2 x − 2h tan i1 − 2h2 tan i 2
T= + +
V1 cos i1 V2 cos i2 V3
440 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
ดังนั้นจะได
x 2 n −1
(Vn2 − Vi 2 )1/ 2
T= +
Vn Vn
∑ hi
i =1 Vi
(6.7)
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 441
⎡ sin i1 ⎤ sin i2
X crit = 2 ⎢ h1 ⎥ + h2
⎢⎣ 1 − sin 2 i1 ⎥⎦ 1 − sin 2 i2
444 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
⎡ V1 V2 ⎤
X crit = 2 ⎢ h1 + h2 ⎥ (6.9)
⎢⎣ V32 − V12 V32 − V22 ⎥⎦
6.2.2.4 การหาโครงสรางใตผิวดินระนาบสองชั้นแบบมีการเอียงเท
การหาโครงสรางใตผิวดินสองชั้นแบบมีการเอียงเท (รูปที่ 6.16) เงื่อนไขหรือขอกําหนดคลาย
กับแบบไมมีการเอียงเทคือ คาความเร็วคลื่นของแตละชั้นตองมีคาคงตัว และจะตองมีการเอียงเทในแนว
ระนาบ (plane) ไปดานใดดานหนึ่ง โดยที่คาความเร็วคลื่นของชั้นที่อยูลึกจะตองมีคาความเร็วคลื่น
มากกวาชั้นที่อยูตื้นกวาเสมอ
SP + QG PQ
T = tSP + t PQ + tQG = +
V1 V2
แตเราทราบวา
z d + zu
tSP + tQG =
V1 cos i
x cos φ − ( zd + zu ) tan i
t PQ =
V2
ดังนั้น แทนคาจะได
446 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
zd + zu x cos φ − ( zd − zu ) tan i
T= +
V1 cos i V2
x cos φ zd + zu ⎛ V1 ⎞
T= + ⎜1 − tan i ⎟
V2 V 1 cos i ⎝ V2 ⎠
x cos φ ( zd + zu ) cos i
T= +
V2 V1
ดังนั้น Td จะได
x 2 z cos i
Td = sin(i + φ ) + d (6.10)
V1 V1
ทํานองเดียวกันกับ Tu จะได
x 2 z cos i
Tu = sin(i − φ ) + u (6.11)
V1 V1
จากสมการที่ 6.10 และ 6.11 คาขอ 2zucosi/V1 และ 2zdcosi/V1 คือ คาเวลาอินเตอรเซพทเมื่อมีความลาด
ชันขึ้น (intercept time up dip, tiu) และเวลาอินเตอรเซพทเมื่อมีความลาดชันลง (intercept time down
dip, tid) เขียนใหมใหมีรูปแบบงายขึ้น ไดดังนี้
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 447
x
Td = + tid
Vd
x
Tu = + tiu
Vu
V1
Vd = , Vu = V1
sin(i + φ ) sin(i − φ )
1 1⎛ 1 1 ⎞
≈ ⎜ + ⎟ (6.12)
V2 2 ⎝ Vd Vu ⎠
1⎛ V V ⎞
φ = ⎜ sin −1 1 − sin −1 1 ⎟ (6.13)
2⎝ Vd Vu ⎠
2 zu cos i
tiu = (6.14)
V1
2 z cos i
tid = d (6.15)
V1
1⎛ V V ⎞
i = ⎜ sin −1 1 + sin −1 1 ⎟ (6.16)
2⎝ Vd Vu ⎠
ดังนั้น ความลึกหาไดจาก
zd
hd = (6.17)
cos φ
z
hu = u (6.18)
cos φ
สามารถบงบอกไดวาใตผิวดินมีชั้นดิน-หินวางตัวในแนวราบ หรือถาเราเห็นเสนทางเดินคลื่นที่สวนทาง
กันมีลักษณะไมสมมาตร (รูปที่ 6.18 (ค)) เราสามารถบงบอกไดวาใตผิวดินมีชั้นดิน-หินวางตัวแบบมีมุม
เท และสามารถคํานวณหามุมเทของชั้นดิน-หินไดดังสมการที่กลาวมาแลว และจากรูปที่ 6.18 (ค)
นอกจากนี้เรายังสรุปไดอีกวา ถาเปนการวางตัวกําเนิดคลื่นและตัวรับคลื่นไปทางดานที่เอียงเท
ลง จะไดความเร็วที่คํานวณไดนอยกวาปกติ ทําใหความลึกที่คํานวณไดมากกวา แตถาตัวกําเนิดคลื่นวาง
ในแนวที่มีความเอียงเทขึ้น ความเร็วที่คํานวณไดจะมากกวาปกติและทําใหความลึกที่คํานวณไดจะนอย
กวา ดังนั้นในการสํารวจดวยคลื่นหักเห จึงควรจะมีการวางตัวกําเนิดคลื่นที่ปลายทั้งสองขางของแนว
ตัวรับคลื่น เสมือนใหคลื่นวิ่งแบบไปและกลับสวนทางกันนั่นเอง”
กลาวโดยสรุปวิธีการหาความลึก การเอียงเท และหาความเร็วชั้นดิน-หิน ในกราฟเสนทางเดิน
คลื่นของรูปที่ 6.17 (ก) ทําไดดังนี้
(1) หาความเร็วไดจากคาความลาดชันของเสนตรงที่ปรากฏในกราฟ
(2) ความเร็วของคลื่นตรงคือความเร็วคลื่นของชั้นแรก
(3) ความเร็วคลื่นของชั้นที่สองหาไดจากสวนกับของคาเฉลี่ยของความเร็วคลื่นที่คิดจากสวน
กลับคาความลาดชันลงและลาดชันขึ้น ดังสมการที่ 6.12
(4) การหาความลาดชันคํานวณไดจากสมการที่ 6.13 และหากเสนเวลาของทางเดินคลื่นไม
สมมาตรสามารถบงบอกวาใตผิวดินมีความเอียงเทไปทางดานใด โดยสังเกตจากเวลาที่เกิด
จากเสนที่ลากขนานกับเสนเวลาของทางเดินคลื่นหักเห ไปตัดแกนเวลาที่มีระยะทางอยูที่
จุดกําเนิดคลื่น ถาดานใดใชเวลานอยกวา ความลึกยอมนอยกวาอีกดาน ดังนั้นมุมเทเอียง
ไปทางดานตรงกันขาม
(5) การหาความลึก หาโดยการลากเสนตรงตอคลื่นหักเห (ดังแสดงดวยเสนประในรูปที่ 6.17
(ก) ออกไปตัดกับแกนเวลาที่จุดกําเนิดคลื่น x=0 อานคา tiu และ tid แลวแทนคาหาความลึก
ตั้งฉากจากสมการที่ 6.14 และ 6.15 จากนั้นนําความลึกตั้งฉากไปแทนคาหาความลึกใตจุด
กําเนิดคลื่นในแนวดิ่ง ในสมการที่ 6.17 และ 6.18 และ
(6) แปลความหมายทางธรณี วิ ท ยาของชั้ น ดิ น -หิ น โดยเปรี ย บเที ย บความน า จะเป น ของ
ความเร็วคลื่นที่วัดไดวาควรเปนความเร็วคลื่นของชั้นดิน-หิน ประเภทใด
รูปที่ 6.19 (ก), (ข) และ (ค) เปนตัวอยางของกราฟเสนทางเดินคลื่นที่มีการเอียงเทดวยมุม 5°,
10° และ 15° ตามลําดับ โดยมีคาเร็ว V1 = 500 เมตรตอวินาที และ V2 = 2,500 เมตรตอวินาที ระยะ Zd =
20 เมตร แนวสํารวจครอบคลุมระยะทาง 250 เมตร จากรูปสรุปไดวา Vu มีคาความเร็วมากขึ้นเมื่อมุมเท
มาก ตรงกันขามกับ Vd มีคาความเร็วนอยเมื่อมุมเทมากขึ้น สังเกตที่ปลายทั้งสองขางของกราฟที่ไปและ
กลับ ซึ่งกรณีใตผิวดินเปนระนาบตรง ไมมีการเอียงเท รูปกราฟจะสมมาตรกัน สวนกรณีที่มีการเอียงเท
เวลาที่ปลายสุดทาย ในกรณีมุมเท 5° หรือ 10° มีคาใกลเคียงกัน แตกตางจากกรณีของมุมเท 15° ที่
452 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
ปลายสุ ด ท า ยค า เวลาไม เ ท า กั น อยา งชัด เจน คา เวลาที่ป ลายสุ ด ท า ยของแนวกราฟที่ ทํา ไปข า งหน า
(forward) และทํายอนกลับ (reverse) เรียกวา reciprocal time ซึ่งจะกลาวรายละเอียดอีกครั้งกรณีระนาบ
เปนผิวขรุขระ
x sin ui n −1 zdi
Td = + ∑ (cos di + cos ui )
Vi i =1 Vi
x sin d i n −1 zui
Tu = + ∑ (cos di + cos ui )
Vi i =1 Vi
V1
sin(i12 − φ1 ) =
V2 B
V
sin(i12 + φ1 ) = 1
V2 A
V1
sin i12 =
V2
(3) ความเร็วของชั้นที่สามหาไดจาก
V1
sin(α13 − φ1 ) =
V3 B
V
sin( β13 + φ1 ) = 1
V3 A
sin α13
sin [i23 − (φ2 − φ1 )] =
sin i12
sin β13
sin [i23 + (φ2 − φ1 ) ] =
sin i12
V2
sin i23 =
V3
V1
sin(α14 − φ1 ) =
V4 B
V
sin( β14 + φ1 ) = 1
V4 A
sin α14
sin [α 24 − (φ2 − φ1 ) ] =
sin i12
sin β14
sin [ β 24 + (φ2 − φ1 ) ] =
sin i12
sin α 24
sin [i34 − (φ3 − φ2 )] =
sin i23
sin β 24
sin [i34 + (φ3 − φ2 ) ] =
sin i23
V3
sin i34 =
V4
t1 AV1
z1 A =
2 cos i12
t V
z1B = 1B 1
2 cos i12
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 457
(2) กรณีของชั้นที่สองหาไดจากสมการ
V2
z2 A = [t2 A + z1 A (cos α13 + cos β13 ) / V1 ]
2 cos i23
V2
z2 B = [t2 B + z1B (cos α13 + cos β13 ) / V1 ]
2 cos i23
(3) กรณีของชั้นที่สามหาไดจากสมการ
จากสมการต างๆ ที่ ก ล า วมาแลว ดู เ หมื อ นจะยุ ง ยากแตความจริง ไม เ ป น เชน นั้น หากเราได
เสนกราฟทางเดินของคลื่นแรกที่เขามายังตัวรับคลื่น สิ่งที่ตองทําคือหาคาของความเร็วที่ไดจากสวน
กลับของความลาดชันตางๆ ดังรูปที่ 6.21 (ก) พรอมทั้งคาเวลาอินเตอรเซพทตางๆ จากนั้นนํามาแทนคา
ในสมการที่กลาวมาแลวไปทีละขั้นตอน ก็จะสามารถแปลความหาความลึกและการเอียงเทของชั้นดิน-
หินไดโดยงาย
6.2.3 รูปแบบทางเดินรังสีหักเหเชิงเรขาคณิตของชั้นรอยตอผิวขรุขระ
การหาโครงสรางใตผิวดินกรณีชั้นหินผิวขรุขระ ถาหากพบวารูปกราฟของเสนเวลาของ
ทางเดินรังสีหักเหไมเปนเสนตรง เหมือนกับที่กลาวมาแลวในหัวขอที่ 6.2.2 และสาเหตุที่ไมเปน
เส น ตรงไม ใ ช สาเหตุ ม าจากความสู ง-ต่ํ า ของพื้ น ผิ ว ที่แ ตกต า งกั น ของตํ า แหน ง ตั ว รับ คลื่ น นั่ น เป น
หลักฐานที่แสดงวารอยตอของชั้นดิน-หินในบริเวณนั้นไมเปนแนวระนาบ ที่จะสามารถทําการวิเคราะห
ดวยวิธีที่กลาวมาแลวในหัวขอที่ 6.2.2 ได ดังนั้นการที่จะหาโครงสรางใตผิวดินจากการหาคาของ
458 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
ความเร็วจากสวนกลับของความลาดชันของเสนตรง และหาความลึกจากการอานคาเวลาอินเตอรเซพท
จะทําใหการแปลความหมายของขอมูลไดไมถูกตอง เมื่อพบลักษณะทางเดินของคลื่นหักเหกลับขึ้นมา
ไมเปนเสนตรง จะตองเลือกวิธีคํานวณหาความเร็วและความลึกของชั้นดิน-หินแบบรอยตอผิวขรุขระ
วิธีที่ใชหาความหนาของชั้นดิน-หินผิวขรุขระมีอยูหลายวิธี ในที่นี้จะกลาวเพียงบางสวนที่ยัง
เปนที่นิยมใชกันในปจจุบัน คือ (1) วิธีดีเลยไทม (delay time method) (2) วิธีวิเคราะหหนาคลื่น
(wavefront method) (3) วิธีสรางรูปจําลองเพื่อทํานายเปรียบเทียบทางเดินรังสีคลื่น (ray tracing
method) และ (4) วิธีเจลเนอรอลไลดรีเซพทโพรคอลไทม (generalized reciprocal time method)
dt = TAB − TBC
AB BC
dt = −
V1 V2
h h tan i
dt = −
cos iV1 V2
ดังนั้น
⎛ 1 sin i ⎞
dt = h ⎜ − ⎟
⎝ V1 cos i V2 cos i ⎠
⎛ 1 sin 2 i ⎞
dt = h ⎜ − ⎟
⎝ V1 cos i V1 cos i ⎠
sin 2 i
คาของ นั้นถูกตอง และเพราะวา sin 2 i + cos 2 i = 1 จะได
V1 cos i
h cos i h V2 − V1
2 2
dt = =
V1 V1V2
dtV1V2
h= (6.19)
V22 − V12
x
t= + dtS + dtG
V2
1
dtS = dtG = ti
2
หรือกรณีที่เปนระนาบเอียงดังแสดงรูปที่ 6.23
x′
t= + dtS + dtG
V2
เมื่อ
dtS = t AB − t BC
dtG = t DE − t DF
l
TS 1S 2 = + dtS1 + dtS 2
V2
x
TS 1D = + dtS1 + d tD (6.20)
V2
l−x
TS 2 D = + d tS 2 + dtD (6.21)
V2
l
TS 1D + TS 2 D = + dtS1 + dtS 2 + 2dtD
V2
TS 1D + TS 2 D = TS 1S 2 + 2dtD
462 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
1
dtD = (TS 1D + TS 2 D − TS 1S 2 ) (6.22)
2
h cos i
dtD =
V1
2x l
TS 1D − TS 2 D = − + dtS1 − dtS 2 (6.24)
V2 V2
1
h = V1 (TS 1D + TS 2 D − TS1S 2 ) (6.25)
2
เพื่อทบทวนความเขาใจในหัวขอที่กลาวมาแลว ควรพลิกไปทําแบบฝกหัดทายบทขอที่ 12
กอนที่ศึกษาในลําดับตอไป
สรุปวิธีดีเลยไทมเปนวิธีที่คํานวณไดงาย ใชในกรณีที่มีผิวรอยตอระหวางชั้นที่เปนผิวขรุขระ
ซึ่งวิธีนี้ตองการขอมูลเก็บแบบรีเซพทโพรคอลไทม คือเก็บขอมูลใหคลื่นเดินทางสวนกัน โดยที่ตาม
ทฤษฎีคาของ TS1S2 =TS2S1 แตในทางปฏิบัติอาจจะแตกตางกันได วิธีทําคือควรหาคาเฉลี่ย ขอจํากัดของ
วิธีนี้คือคาของความแตกตางทางความสูง-ต่ําหรือความขรุขระของผิวรอยตอตองมีมุมไมเกิน 10 °
466 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
การหาดวยวิธีดีเลยไทมหากชั้นดิน-หินที่สนใจเพียงสองชั้นนั้นไมมีปญหาในการวิเคราะหมาก
นัก แตถาหากเปนกรณีสามชั้น คอนขางจะมีขีดจํากัด ดังตัวอยางที่จะแสดงในลําดับตอไป ซึ่งตัวอยางนี้
คัดลอกขอมูล จาก Redpath (1973) ขอมูลแสดงในตารางที่ 6.5 กราฟของขอมูลแสดงในรูปที่ 6.30 ซึ่ง
จากลักษณะของเสนกราฟ จะเห็นวาสภาพใตผิวดินมีลักษณะผิวขรุขระ
468 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
2 × 1, 230 × 1,920
V2 = = 1,500 เมตรตอวินาที
1, 230 + 1,920
ดานขวาจะได
6.2.3.3 วิธีสรางรูปจําลองเพื่อทํานายและเปรียบเทียบทางเดินรังสี
วิธีสรางรูปจําลองเพื่อทํานายและเปรียบเทียบทางเดินรังสี (Ray Tracing Method) วิธีนี้เปนวิธี
ที่ตองอาศัยคอมพิวเตอร หลักการคือสรางรูปจําลองเพื่อทํานายคาของเวลาของคลื่นที่จะเกิดขึ้นเพื่อ
นํามาเปรียบเทียบเวลาของคลื่นจริงที่วัดไดในสนาม ซึ่งจะทําการเปรียบเทียบคาของเวลาใหมีความ
ใกลเคียงมากที่สุด (รูปที่ 6.36) โดยการปรับเปลี่ยนรูปจําลองทางธรรมชาติแบบลองผิดลองถูก
ขอเสียของการทําดวยวิธีนี้คือ จะไดรูปจําลองที่สามารถทํานายเวลาไดใกลเคียงกับคาที่วัดได
ในสนามมากกวาหนึ่งรูป แตละรูปสามารถทํานายไดเวลาใกลเคียงกับเวลาจริงที่วัดไดสนามเหมือนๆ
กัน วิธีแกคือควรตองทราบลักษณะทางธรณีวิทยาของพื้นที่ เพื่อจะไดนํามาสรางเงื่อนไขของรูปจําลอง
ใหสอดคลองกับธรณีวิทยา ซึ่งจะชวยทําใหสามารถเลือกผลการแปลความที่ไดจากรูปจําลองไดถูกตอง
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 475
แมนยํา ตัวอยางของการวิเคราะหรูปจําลองเพื่อทํานายและเปรียบเทียบทางเดินรังสีจากรูปจําลองและ
จากคาจริงที่สํารวจไดในสนามแสดงในรูปที่ 6.2 และ 6.36
เพื่อทบทวนความเขาใจในหัวขอที่กลาวมาแลว ควรพลิกไปทําแบบฝกหัดทายบทขอที่ 13
กอนที่ศึกษาในลําดับตอไป
รูปที่ 6.37 เปรียบเทียบ (ก) `ผิวหักเหรวม (common surface) และ(ข) จุดหักเหรวม (common refractor point)
จากหลักการแปลความหมายและคํานวณหาความลึกของวิธีดีเลยไทมและรีเซพทโพรคอลไทม
z E tan i zE
tCE = −
V2 V1 cos i
sin 2 i − 1
tCE = zE
V1 cos i
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 477
V22 − V12
tCE = z E
V1V2
ถาคิดทั้งตัวรับคลื่นและจุดกําเนิดคลื่นจะได
V22 − V12
tele = ( z E + zG )
V1V2
hw V22 − V12
tweathering =
V2Vweathering
ดังนั้น สมการการแกคาของความสูงต่ําและชั้นหินผุคือ
ttotal = ( z E + zG ) +
V1V2 V2Vweathering
6.3 คาความผิดปกติทางธรณีฟสิกสเพื่อการสํารวจ
คาความผิดปกติของการสํารวจคลื่นสั่นสะเทือน คื อ คาความแตกตางของความเร็ว คลื่น ที่
เคลื่อนที่ผานชั้นดิน-หิน เนื้อหาในหัวขอนี้ไดกลาวไวแลวในบทที่ 5 ดังนั้นขอใหทบทวนบทที่ 5 ใน
หัวขอของ ความเร็วคลื่นของหิน
6.4 เครื่องมือการสํารวจ
เครื่องมือการสํารวจที่สําคัญ จะประกอบดวย ตัวกําเนิดคลื่น ตัวรับคลื่น และเครื่องบันทึกคลื่น
จากตัวรับคลื่น รายละเอียดของเครื่องมือการสํารวจไดกลาวไวแลวอีกเชนกัน ในบทที่ 5 ดังนั้นขอให
ทบทวนบทที่ 5 ในหัวขอของ เครื่องมือการสํารวจ
6.5 วิธีการสํารวจ
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห สิ่งที่ตองการพิจารณาเริ่มแรกคือ เครื่องมือที่จะ
นํามาใชในการสํารวจ ซึ่งประกอบดวย (1) ตัวกําเนิดคลื่น อาจจะใช ฆอน ระเบิด รถกระแทก หรืออื่นๆ
(2) ตัวรับคลื่นจะใชจํานวนเทาไร และจะเลือกใชความถี่ธรรมชาติ (natural frequency) อยางไร (3)
เครื่องบัน ทึกขอมูล เชนจะใช เครื่องบั นทึกไดกี่ชองสัญญาณ (channel) เปนตน จากนั้นจะตอง
กําหนดการวางเสนทางการสํารวจ ระยะหางของตัวรับคลื่นแตละตัว ระยะหางของตัวกําเนิดคลื่นจากจุด
รับคลื่นตัวแรก และจํานวนขอมูลที่ตองการเก็บ
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 479
V2 + V1
xcross = 2h
V2 − V1
2500 + 500
xcross = 2 × 20 = 49 เมตร
2500 − 500
พอสมควร กอหญ า หรื อ ต น ไม ที่ ไ หวตั ว ได ไ ปมาทํ า ให เ กิ ด คลื่ น รบกวนเข า มาในตั ว รั บ คลื่ น ควร
หลีกเลี่ยงหากสามารถทําได รูปที่ 6.40 แสดงการวางแนวสํารวจในลักษณะพิเศษ
6.6 การแปลความหมาย
การแปลความหมายจากขอมูลที่บันทึกได สรุปไดเปนขอๆ ไดดังนี้
(1) เลือกและอานคาเวลาของคลื่นที่เขามาคลื่นแรกสุดที่เห็นจากตัวรับคลื่น
(2) นําเอาคาเวลาที่อานไดจากตัวรับคลื่นและระยะทางของตัวรับคลื่นมาเขียนกราฟ แกนนอน
เปนระยะทาง และแกนตั้งเปนเวลา
(3) ลากแนวเสนตรงและหาความลาดเอียงของเสนตรงที่ลาก
(4) คํานวณหาความเร็วจากแนวเสนตรงที่ลากนั้น นั่นคือ ความลาดเอียงเทากับ 1/V
(5) หาคาของเวลาที่จุดตัดกับแกนเวลาที่ระยะทางเทากับศูนยหรือจุดที่เปนจุดกําเนิดคลื่น กรณี
ที่ใชเวลาอินเตอรเซพทไมไดใหพิจารณาเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งของการแปลความหากเปน
แบบผิวขรุขระ (กรอบสรุปที่ 6.2)
(6) คํานวณหาความลึกของชั้นตางๆ
(7) แปลความใหสอดคลองกับธรณีวิทยา ดังตัวอยางสรุปที่พบโดยทั่วไปแสดงในรูปที่ 6.41
การบอกชื่อชั้นดิน-หินพิจารณาจากความเร็วของแตละชั้นที่วัดได
6.7 ขีดจํากัดและเงื่อนไขของการสํารวจแบบหักเห
ขีดจํากัดและเงื่อนไขที่สําคัญของการสํารวจแบบหักเห คือ คาความเร็วของชั้นที่อยูลึกลงไป
ตองมีความเร็วสูงกวาชั้นที่อยูตื้นกวา จึงจะทําใหเกิดคลื่นเฮดที่จะหักเหกลับขึ้นสูผิวดิน หากไมเปนไป
ตามเงื่อนไขจะไมสามารถหาความลึกของชั้นดิน-หิน ที่อยูใตผิวดินได นอกจากนี้ยังมีขอจํากัดอื่นๆ เชน
ในกรณีที่กําหนดใหชั้นดิน-หิน วางตัวแบบระนาบจะตองมีคาความเร็วระหวางชั้นคงที่ และชั้นดิน-หิน
ใตผิวดินประกอบกันเปนชั้นๆ ซึ่งหากไมเปนไปตามขอกําหนดก็จะทําใหการแปลความผิดพลาดได
ดังนั้นในหัวขอนี้จะกลาวสรุปถึงขีดจํากัดที่ตองพึงระวัง ขณะที่ทําการแปลความหมายดังตอไปนี้
(1) กรณีคาความเร็วคลื่นเปลี่ยนแปลงทางดานขาง (Laterally Varying Velocity) จาก
ขอกําหนดที่ก ลาวมาแลว คือ กําหนดใหความเร็วในแนวระนาบคงตั ว ถ าหากลัก ษณะ
ธรณีวิทยาไมเปนดังที่กําหนด การนําเอาวิธีการแปลความหมายของที่กลาวมาขางตนมาใช
ยอมทําใหผิด และไมไดผลที่สอดคลองกับความเปนจริงของธรรมชาติ
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 483
♦กอนที่จะแปลความหมายตองเขาในภาพพื้นฐานของแนวทางเดินอยางงาย ดังตัวอยางที่แสดงจากรูป
ขางบนที่เปนแนวระนาบ และมีอีกหลายตัวอยางที่แสดงอยางคราวๆ ในรูปที่ 6.41
♦การแปลความหมายเมื่อพบกราฟทางเดินคลื่นเปนเสนตรง ควรตรวจสอบกราฟจากตัวกําเนิดคลื่นทั้ง
ไปและกลับ (forward shot and reverse shot) หากสมมาตรกันแสดงวาชัน้ ดิน-หิน วางตัวในแนวราบ
หากไมสมมาตรแสดงวามีการเอียงเท แปลความหมายแบบเอียงเท
♦หากพบเปนแนวทางเดินที่ขรุขระ ตองตรวจสอบลักษณะของภูมิประเทศ หากภูมิประเทศเปน
แนวราบ แสดงวาเกิดจากโครงสรางของชั้นดิน-หิน มีผวิ ขรุขระ
♦หากภูมิประเทศไมราบเรียบตองปรับแกกอน ที่จะแปลความใตผิวดิน เมื่อพบวามีผิวขรุขระการแปล
อยางงายคือ ใชวิธีดีเลยไทม หรือเอบีซีที่สามารถทําไดรวดเร็วหากความเร็วของชั้นทีห่ นึ่งและชั้นทีส่ อง
แตกตางกันมาก
484 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
(t i 2 − t i 1 )V 2V 1
z =
(V 22 −V 12 ) 1 / 2
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 489
6.8 การประยุกตสํารวจธรณีวิทยาดวยคลื่นสั่นสะเทือน
ในหัวขอนี้ไดกลาวมาแลวบางในสวนที่เปนบทนํา และไดยกตัวอยางรูปที่ 6.1และ 6.2 เหตุผลที่
ผูเขียนเลือกตัวอยางการประยุกตสํารวจธรณีวิทยาระดับตื้น (รูปที่ 6.1) และระดับลึก (รูปที่ 6.2) ซึ่งใน
ความหมายของผูเขียน การสํารวจคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเหระดับตื้นในที่นี้ผูเขียนหมายถึงระดับ
ตั้งแตเปลือกโลกชั้นบน (upper crust) ขึ้นไป นั่นคือ ความลึกไมเกิน 10 กิโลเมตรจากผิวดิน
ความสามารถของการเจาะหลุมสํารวจยังสามารถเจาะสํารวจได โดยไมตองอาศัยเทคนิคพิเศษมากนัก
สวนระดับลึก ผูเขียนหมายถึง ระดับจากเปลือกโลกชั้นกลาง (middle crust) ลงไปจนถึงแกนโลก ดังนั้น
จึงไดแสดงเปรียบเทียบทั้งระดับตื้น และระดับลึก ในสวนของหัวขอนี้ จะยกตัวอยางเฉพาะการสํารวจ
490 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
การสํารวจแบบหักเห เราสามารถที่จะประยุกตสํารวจเพื่อใหไดสภาพธรณีวิทยาใตผิวดินแบบ
สามมิติ นั่นคือ แสดงความลึกของชั้นดิน-หินในรูปของแผนที่เสนชั้นความลึก ดังตัวอยางที่แสดงในรูป
ที่ 6.48 และ 6.49 ตัวอยางของกราฟเสนทางเดินคลื่นและการแปลความหมายแสดงภาพตัดขวาง (2มิติ)
ของรูปที่ 6.48 ไดแสดงในรูปที่ 6.47 สวนลักษณะของขอมูล (short record) บางสวนของรูปที่ 6.49 ได
แสดงในรูปที่ 6.5 ซึ่งจะเห็นการปรากฏของคลื่นหักเหที่มาจากเกลือหินชัดเจนมาก การวางแนวสํารวจ
492 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
6.9 บทสรุป
การประยุกตสํารวจใตผิวดินดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเหอาศัยคุณสมบัติการหักเหของคลื่น
โดยมีเงื่อนไขวาชั้นดิน-หินที่อยูลึกลงไปจะตองมีความเร็วคลื่นที่สูงกวาชั้นดิน-หินที่อยูตื้นจึงจะทําการ
สํารวจแบบหักเหได วิธีการสํารวจจะมีตัวกําเนิดคลื่นสงคลื่นสัญญาณลงสูใตผิวดิน เมื่อคลื่นกระทบกับ
รอยตอระหวางชั้นดิน-หินที่มีความเร็วคลื่นแตกตางกัน จะเกิดการหักเหลงไปในชั้นที่อยูลึกกวา แตเมื่อ
494 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
คลื่นสัญญาณทํามุมวิกฤตกับเสนแนวฉากจะเกิดคลื่นเฮดวิ่งที่ระนาบรอยตอและหักเหกลับสูผิวดิน คลื่น
หักเหที่คลื่นกลับสูผิวดินจะถูกบันทึกดวยตัวรับคลื่นที่วางอยูบนผิวดิน ขอมูลที่บันทึกเปนขอมูลของ
เวลาที่คลื่นใชเดินทางตั้งแตเวลาเริ่มตนที่ปลอยคลื่นสัญญาณถึงเวลาที่รับได ที่ตําแหนงตางๆ ของตัวรับ
คลื่น และคาของแอมพลิจูด การสํารวจแบบหักเหสนใจเฉพาะคลื่นตัวแรกที่วิ่งเขามาสูตัวรับคลื่น
เมื่อทราบระยะทางและเวลาของคลื่นตัวแรกที่เขามาสูตัวรับคลื่นที่ตําแหนงตางๆ จะเขียน
ออกมาในรูปของกราฟระหวางระยะทางและเวลา เพื่อนํามาแปลความหมาย การแปลความหมายของ
คลื่นหักเห แบงออกเปนสองประเภทใหญๆ คือ (1) กรณีที่ชั้นดิน-หินวางตัวเปนแนวระนาบ จะทําการ
แปลความหมายดวยวิธีเวลาอินเตอรเซพท และ (2) กรณีชั้นดิน-หิน มีผิวขรุขระ จะทําการแปล
ความหมายดวยวิธีแบบผิวขรุขระ การที่จะพิจารณาเลือกแปลความหมายดวยวิธีใด ขึ้นอยูกับการสังเกต
จากกราฟเสนทางเดินคลื่น หากพบเปนเสนตรง ก็สามารถแปลความแบบระนาบ แตหากพบแบบโคง
ไปมา จะตองตรวจดูลักษณะของความสูง-ต่ําของภูมิประเทศเปนอันดับแรกกอน หากมีสาเหตุจากความ
สูง-ต่ําของภูมิประเทศตองทําการปรับแก เมื่อปรับแกคาความสูง-ต่ําของภูมิประเทศแลวยังพบวาเปน
เสนโคงไปมา นั่นแสดงถึงรอยตอระหวางชั้นดิน-หินมีลักษณะเปนผิวขรุขระ การแปลความหมายใตผวิ
ดินจะตองหาความเร็วคลื่น และความลึก จากนั้นจึงประยุกตถึงลักษณะทางธรณีวิทยา เชนเปนชั้นดิน-
หิน ประเภทใด จึงจะถือวาสมบูรณ
เงื่อนไขสําคัญที่ควรพิจารณาเมื่อทําการสํารวจแบบหักเห ไดแก (1) การสํารวจนี้สามารถนําไป
ประยุกตใชไดในกรณีความเร็วคลื่นของชั้นดิน-หิน ที่ลึกลงไปมีคาสูงกวาชั้นที่อยูตื้นกวาเทานั้น (2)
ความยาวของระยะหางระหวางตัวรับคลื่นและความกําเนิดคลื่นจะเปนตัวกําหนดความลึกของชั้นดิน-
หิน ที่ทําการสํารวจ หากระยะหางมากแสดงวาสํารวจไดลึก (3) หากตองการสํารวจชั้นดิน-หิน ชั้นใด
ชั้นหนึ่งจะตองโฟกัสไปที่เปาหมายนั้นและนํามาวางแผน ออกแบบการสํารวจ (4) เปนไปไมไดที่จะ
กลาววาสํารวจไดความเร็วจริงของชั้นหักเหเมื่อทําการสํารวจเพียงจุดเดียว ควรจะตองทําการสํารวจ
อยางนอยสองจุดสํารวจที่ปลายหัว-ทาย จึงจะบงบอกความเร็วคลื่นของชั้นหักเหได และ (5) เมื่อเกิดมุม
วิกฤตเทานั้นที่จะเกิดคลื่นเฮดและไดคลื่นหักเหกลับสูผิวดิน คลื่นแรกที่เขามากอนที่จะถึงมุมวิกฤตเปน
คลื่นตรง การแปลความหาความลึกตองแปลในบริเวณที่ผานมุมวิกฤตแลวเทานั้น ทํานองเดียวกันกับชั้น
ที่อยูลึกลงไป ก็จะตองแปลความหมายเมื่อผานมุมวิกฤตไปแลวเชนกัน
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 495
แบบฝกหัดทายบทที่ 6
0 0 63.80 87.40
5 19.20 62.60 85.80
10 33.20 60.00 84.40
15 43.80 59.60 79.60
20 46.60 56.60 76.60
25 51.40 52.60 75.00
30 53.60 51.20 73.60
34 56.80 47.60 72.40
40 60.20 48.60 74.00
45 63.40 43.00 70.40
50 65.40 27.80 69.00
55 68.40 11.40 67.60
60 69.80 18.40 63.20
65 72.20 36.00 61.00
70 71.40 45.20 60.20
75 74.00 48.60 60.00
80 75.20 51.60 58.60
85 79.20 54.80 57.40
90 80.20 57.20 56.60
95 81.00 58.60 53.80
100 82.60 59.20 40.00
105 83.40 60.60 32.80
110 84.40 61.80 20.80
115 85.80 63.80 0
498 ธรณีฟส ิกสเพื่อการสํารวจใตผิวดิน
0 0 55 79
5 12 53 76
10 22 51 74
15 25 48 72
20 28 45 70
25 34 43 67
30 35 42 66
34 39 41 65
40 43 40 64
45 46 34 63
50 49 22 60
55 50 10 59
60 53 11 57
65 55 23 55
70 58 36 50
75 59 38 46
80 62 41 45
85 64 44 43
90 66 49 40
95 67 51 40
100 69 53 37
105 72 55 33
110 75 56 15
115 77 57 0
การสํารวจดวยคลื่นสั่นสะเทือนแบบหักเห 499