เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 เล่ม3

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 1153

ตอนที่ 201 พอไฟฟ้ าเข้ าแล้วก็โรแมนติกขึน้ เยอะเลย~

การวิเคราะห์ของพี่สะใภ้รองจ้าวก็สมเหตุสมผลมากเช่ นกัน
หล่ อนสนใจแผนชี วิตของพวกหล่ อ นมากกว่าจ้า วเหวิน เทา
และภรรยาของเขา เรื่ องเหล่านี้ หล่อนแอบนับอยู่เงียบ ๆ ไม่รู้
ตั้งกี่รอบแล้ว

หลี่เฟิ นเองได้ฟังก็รู้สึกสนใจเป็ นอย่างยิง่

ตอนที่ไฟฟ้ ายังเข้าไม่ถึง มันก็ไม่มีสื่อความบันเทิงใด ๆ การ


ซุ บซิ บนิ นทาในเรื่ องที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองจึงกลายเป็นความ
บันเทิงมากที่สุดของผูค้ น

หลังตั้งตารอดู ครั้ งแล้วครั้ งเล่า ในที่สุดไฟฟ้ าที่จา้ วเหวิน เทา


ต้องการก็เข้าถึงแล้ว!
หลังจากเก็บเกี่ ยวข้าวโพดเสร็ จและพืชผลแต่ ละอย่างถูกขน
กลับมาที่บา้ นจนหมดก็เป็ นช่วงหน้าหนาวแล้ว ทุกคนเริ่ มสวม
กางเกงบุนวมตัวบาง พร้อมกับเลขาประกาศผ่านลาโพง : คืนนี้
ใช้ไฟฟ้าได้แล้ว!

เมื่อประกาศข่าวนี้ ออกไป คนจากทั้งหมู่บา้ นก็กลับมาที่บา้ น


ตั้งแต่ยงั ไม่มืด ต่างก็นงั่ อยูใ่ ต้สายไฟ มองดูหลอดไฟเพื่อรอให้
ไฟฟ้าทาให้ไฟสว่างไสว

เด็ก ๆ เองก็นงั่ กันอย่างเชื่ อฟั ง สายตามองไปยังหลอดไฟด้วย


ความปรารถนา

การรอคอยไม่กี่นาทีมนั ช่างยาวนานเหลือเกิน

จ้าวเหวินเทาอุม้ เสี่ ยวไป๋ หยาง เขาชี้ ไปที่หลอดไฟให้ลูกชายดู


“เจ้าลูกชาย ลูกดูสิ สิ่ งนี้เรี ยกว่าหลอดไฟ อีกเดี๋ยวมันก็จะสว่าง
แล้วนะ”
เย่ฉูฉู่กาลังทาเสื้ อบุฝ้ายให้เสี่ ยวไป๋ หยาง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เขายังเด็กขนาดนั้น จะเข้าใจเหรอ?”

“ภรรยา คุณอย่าดูถูกลูกชายผมสิ ลูกชายผมฉลาดจะตาย ถึงจะ


ตัวเล็ก แต่เขาก็เข้าใจทุกอย่างนัน่ แหละ” จ้าวเหวินเทาใช้แก้ม
แนบแก้มลูกชาย ตอหนวดของเขาจึงทิ่มผิวนุ่ ม ๆ ทาเอาเสี่ ยว
ไป๋ หยางอดไม่ได้ที่จะผลักเขาออกไป

จ้าวเหวินเทายิม้ เขากล่าวกับภรรยาว่า “ภรรยา คุณอย่าเพิ่งทา


เลย รอให้ไฟฟ้ามาค่อยทาเถอะ เดี๋ยวก็ปวดตาหรอก”

“ฉันไม่ได้เย็บผ้าสักหน่ อย นี่ กาลังยัดฝ้ายอยู่ ไม่เป็นไรหรอก


ค่ะ” เย่ฉูฉู่ยดั ฝ้ายเข้าไปเล็กน้อยแล้วใช้มือกด เพราะความหนา
ยังไม่สม่าเสมอกัน

ลิงน้อยเห็นเข้าก็เข้ามาช่วยงาน อุง้ มือเล็ก ๆ ของมันช่วยกดไป


พร้อมกับนายหญิงของมันด้วย
ไม่รู้วา่ เสี่ ยวไป๋ หยางเห็นได้อย่างไร เขาจึงหัวเราะออกมา

จ้าวเหวินเทาเห็นก็มีความสุ ขมาก

เย่ฉูฉู่มองลู กชายและหันไปมองลิ ง เธอก็รู้สึกขบขัน ขณะที่


ก าลัง จะพู ด อะไรบางอย่า ง ในเวลานี้ หลอดไฟบนเพดานก็
สว่างจ้าอย่างฉับพลัน! ทั้งคนและลิงต่างชะงักงันไป

วินาทีต่อมา ลูกลิงก็ตกใจส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ แล้วย้ายไปหลบ


ด้านหลังเย่ฉูฉู่ มันใช้ใบหน้าแนบแผ่นหลังของเธอด้วยร่ างกาย
สัน่ เทา

เย่ฉูฉู่เองก็ตกใจเพราะลู กลิ งเช่ นกัน จึงรี บหันกลับไปปลอบ


ประโลม “ไฉไฉ ไม่ เป็ นไรนะ ไม่ เป็ นไร นี่ คือไฟฟ้ า ไฟฟ้ า
มาแล้ว!”

จ้า วเหวิน เทามองหลอดไฟด้ว ยดวงตาเป็ นประกาย “ไฟฟ้ า


มาแล้ว!”
เสี่ ยวไป๋ หยางมองหลอดไฟด้วยความอยากรู ้อยากเห็น

เมื่อเทียบตะเกียงน้ ามันที่อยูบ่ นโต๊ะกับไฟฟ้านี้ มันก็เหมือนกับ


หิ่ งห้อยและแสงจากพระจันทร์ เลย ไม่สิ สว่างกว่าแสงจันทร์
อีก สว่างจนทาให้ภายในใจของผูค้ นเกิดแสงสว่างในทันใด

บ้านคนอื่น ๆ ก็ส่งเสี ยงโห่ร้องเช่นเดียวกัน

“ไฟฟ้ามาแล้ว!”

“สว่างจัง!”

“นี่คือไฟฟ้าสิ นะ!”

“ดีจริ ง ๆ!”

“สว่างเหมือนกับตอนเช้าเลย อยากจะทาอะไรก็ทาได้!”

“นี่เป็ นของดีจริ ง ๆ นะ!”


คนเราเกิดมาต่างก็มองหาแสงสว่าง ไม่ได้ชื่นชมความมืดยาม
ราตรี เมื่อได้เห็นหลอดไฟสว่างแบบนี้ยอ่ มรู ้สึกดีใจ

พี่รองจ้าวมองหลอดไฟ ใบหน้าของเขาปรากฎแววมึนงงขณะ
พูด “ดีกว่าตะเกียงน้ ามันอีกนะเนี่ย”

พี่สะใภ้รองจ้าวก็มองหลอดไฟอยู่ รอยยิ้มที่ อยู่บนหน้า ของ


หล่อนกว้างจนควบคุมไม่ได้ หลอดไฟดวงนี้ไม่ได้ซ้ื อมาอย่าง
เปล่าประโยชน์แล้ว มันสว่างจริ ง ๆ!

ลูก ๆ ก็มีความจริ งใจมาก พวกเขากระโดดขึ้นลงบนเตียง ทั้ง


ยังส่ งเสี ยงโหวกเหวกว่าไฟฟ้ามาแล้ว!

พี่สามจ้าวแสร้งทาเป็ นเลือกถัว่ ด้วยท่าทางนิ่งสงบ ปากก็พูดว่า


“พวกคุณนี่ ไม่มีประสบการณ์สักนิ ดเลยจริ ง ๆ ก็แค่หลอดไฟ
ดวงเดียวมันจะไปน่าดูตรงไหน? รี บมาเลือกถัว่ เร็วเข้า!”
ทว่าสายตาก็เหลือบมองเป็ นครั้งคราว ภายในใจคิดว่า มีเจ้าสิ่ ง
นี้ อยากจะบดถัว่ ตอนไหนก็สามารถทาได้ ทาตอนค่ าก็ไม่มี
ปัญหาอะไร!

แต่ไม่รู้วา่ ค่าไฟจะคิดอย่างไรนี่สิ

พี่สะใภ้สามจ้าวและลู กทั้งสองคนไม่ ทราบความคิดของเขา


สามแม่ ลู ก ยัง คงหมกมุ่ น อยู่ก ับ การดู ห ลอดไฟ มองอยู่น าน
น้ าตาก็ไหลออกมา ทั้งยังทาท่าทางไม่เต็มใจที่จะหยุดมองด้วย

พี่สี่จา้ วคลี่ยมิ้ มองดูหลอดไฟพลางกล่าว “เจ้าสิ่ งนี้สว่างจริ ง ๆ!”

พี่สะใภ้สี่จา้ วเองก็ตอ้ งยอมรับเรื่ องนี้เช่นกัน แต่ปากกลับพูดไป


ว่า “สว่างแบบนี้ คงจ่ายเงินมากกว่าตะเกียงน้ ามันแน่นอน!”

“จ่ายมากกว่าแต่กส็ ว่างกว่าตะเกียงน้ ามันเหมือนกัน!” พี่สี่จา้ ว


มองหลอดไฟ เขาไม่คิดจะจุดตะเกียงน้ ามันอีกแล้ว!
คุณพ่อจ้าวถลกขากางเกงขึ้นเพื่อขึ้นไปนัง่ บนเตียง เขาพูดด้วย
ความพึงพอใจว่า “ชี วิตตอนนี้ ดีข้ ึนเรื่ อย ๆ เลยจริ ง ๆ มีไฟฟ้ า
เข้าถึงแล้ว ก่อนหน้านี้ ได้ยินคนพูดถึงกันว่าที่ต่างประเทศมี มี
ไฟฟ้ ามี โทรศัพท์ท้ งั ชั้นล่ างชั้นบนบ้านเลย ตอนนั้นยังคิ ดว่า
เป็ นเรื่ องเหลวไหล ดูสิ มันคือเรื่ องจริ งแล้ว”

คุณแม่จา้ วนัง่ อยูบ่ นเตียงเตา นางมองไฟพลางกล่าวด้วยรอยยิม้


“พวกเราต่างก็อยู่ใต้แสงของเหวินเทานะ ถ้าไม่ใช่ เพราะเขา
จัดการเรื่ องที่อยากให้ไฟฟ้ าเข้าถึง ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไรกว่า
จะมีไฟฟ้า!”

พูดถึงลูกชายคนเล็ก ภายในใจของคุณพ่อจ้าวก็รู้สึกภาคภูมิใจ
และมีความสุ ข ทว่าปากกลับพูดว่า “เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ เขา
เองก็ได้รับความสะดวกจากความเจริ ญรุ่ งเรื องและความมัน่ คง
ของบ้านเกิดนัน่ แหละ”
คุณแม่จา้ วตาหนิ ดว้ ยสายตาผ่านรอยยิม้ กล่าวว่า “คุณอย่าชัก
แม่น้ าทั้งห้าไปหน่อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเหวินเทาจะสร้างฟาร์ม
กระต่าย คุณคิดว่าจะได้ติดตั้งไฟฟ้านี้เหรอ?”

คุณพ่อจ้าวยิม้ แต่กย็ งั แอบเป็ นกังวล “ฟาร์มกระต่ายไม่ใช่เรื่ อง


ง่าย ๆ เลยนะ มีสัตว์เยอะแยะขนาดนั้น”

ครอบครัวชุยต้าก็มองดูหลอดไฟอย่างมีความสุ ขเช่นกัน

ชุยต้ามองหลอดไฟขณะพูดพึมพา “พี่หกพูดถูกจริ ง ๆ ไฟฟ้ านี้


สว่างกว่าตะเกียงน้ ามันอีก!”

แน่ นอนว่ายังมีครอบครัวตระหนี่ที่ทาใจไม่ได้ที่จะจ่ายเงิน จึง


ไม่ ได้ติดตั้งไฟฟ้ าเข้าบ้าน ตอนนี้ เมื่ อได้เห็นบ้านของคนอื่น
สว่างไสว ภายในใจก็เกิดความอิจฉา

แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า อย่ามองว่าตอนนี้ สว่างไสว รอจ่ายค่า


ไฟก็ไม่สว่างแล้ว!
เมิ่งต้ายังอยูใ่ นเพิงจึงไม่ได้ดึงไฟฟ้ าเข้ามา เขาได้แต่มองดูไฟที่
อยู่ภ ายในหมู่ บ้า น รอให้เ ขาสร้ า งบ้า นก่ อ นเถอะ ต้อ งเดิ น
สายไฟฟ้าเข้าบ้านให้ได้!

คืนนี้ผคู ้ นต่างก็ไม่ยอมนอนอยู่นาน จนกระทัง่ คิดได้ว่าการใช้


ไฟฟ้ า ต้อ งมี ค่ าไฟด้วยจึ ง รี บ ดับไฟทันที แต่ ถึ ง อย่า งนั้นก็ยงั
ตื่นเต้นอยูด่ ี ส่ วนพวกเด็ก ๆ ยิง่ เป็ นกังวลว่าพรุ่ งนี้จะมีไฟฟ้าอีก
หรื อไม่?

จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่ไม่ได้กลัวค่าไฟ พวกเขานอนดึ กกว่า


ปกติ ทั้งลูกและลิงหลับไปแล้ว ม่านถูกดึงมาปิ ดไว้ ก่อนที่ท้ งั
สองคนจะทาในเรื่ องที่ไม่อาจอธิบายได้อยูใ่ ต้แสงไฟที่สว่างจ้า

หลังจากเสร็ จกิจแล้วจ้าวเหวินเทาก็จูบภรรยา พูดว่า “ภรรยา


พวกเรารี บนอนกันเถอะ”
แม้ในตอนนี้ เย่ฉูฉู่จะรู ้สึกอาย แต่เธอเองก็เหนื่ อยจนไม่อยาก
ขยับแล้ว ดวงตาก็ไม่คิดแม้แต่ลืมขึ้น เพียงแค่ตอบ ‘อืม’ หนึ่ ง
เสี ยงเท่านั้น

จ้าวเหวินเทาเห็นเธอเป็ นเช่นนี้ ก็ดึงเธอเข้ามากอดด้วยรอยยิม้

ภรรยาของเขาสวยมากจริ ง ๆ มีความสามารถในการพรากชีวิต
ของเขาอย่างแท้จริ ง ทาไมถึงทาให้เขารู ้สึกหวงแหนขนาดนี้นะ

“ตาบ้า แย่ที่สุ ด เลย” เย่ฉู ฉู่ ที่ ถู ก สามี ก อดอยู่ใ นอ้อ มกอดบ่ น
พึมพา

“ผูช้ ายไม่แย่ ผูห้ ญิงก็ไม่รักสิ ภรรยาที่แสนดีของผม” จ้าวเหวินเทา


ยิม้

……

เมื่อมีไฟฟ้ าเข้าถึง คนในหมู่บา้ นก็เกิดความกระปรี้ กระเปร่ า


แตกต่างจากก่อนหน้านี้
ถึงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่มากขึ้น
โดยเฉพาะการเที ยบกับหมู่ บา้ นเหล่านั้นที่ไฟฟ้ ายังเข้าไม่ ถึง
และทีมใหญ่ที่สู้ไม่ได้ ความรู ้สึกเหนือกว่านั้นแตกต่างกันจริ ง

วันที่สองหลังจากไฟฟ้ าเข้าถึง จ้าวเหวินอู่กม็ าหาจ้าวเหวินเทา


หลังจากครั้งล่าสุ ดที่เอาของเก่ามาอวดโดยไม่มีประโยชน์ นาน
มากแล้วที่เขาไม่ได้มาหา นี่ เป็นครั้งแรกหลังจากที่หายไปใน
ครั้งนั้น

“ช่วงนี้ฉนั เหนื่อยแทบแย่เลย!” จ้าวเหวินอู่เข้ามาดื่มน้ าในบ้าน


พลางกล่าว

ตอนที่ ไ ฟฟ้ า เข้า ถึ ง สถานี ไ ฟฟ้ า ก็บอกให้ทุก คนสั ง เกตว่า มี


ปัญหาอะไรหรื อไม่ หากมีกใ็ ห้รีบแจ้งกลับไปทันที พวกเขาจะ
ได้มาตรวจสอบดู ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึงไม่ได้ขบั รถออกไป
ข้างนอก เรื่ องไฟฟ้าเป็ นสิ่ งที่อนั ตรายมากจนทาให้เขาไม่สบาย
ใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเหวินอู่จะมาที่นี่

“ยุ่ง จนรวยแล้ว สิ น ะ?” จ้า วเหวิ น เทาอุ ้ม ลู ก พลางกล่ า วด้ว ย


รอยยิม้

เย่ฉู ฉู่ จึ ง เดิ น มารั บ ลู ก ไปที่ ห้อ งฝั่ ง ตะวัน ตกเพื่ อ ทาชุ ด บุ ฝ้ า ย
ปล่อยให้พวกเขาสองพี่นอ้ งได้คุยกัน
ตอนที่ 202 ฟุ่ มเฟื อยอีกแล้ว

จ้าวเหวินอู่ถึงกับกลอกตามองบนใส่ จา้ วเหวินเทา “ฉันเองก็


อยากรวย แต่ถว้ ยแตก ๆ พวกนั้นมันจะทาให้รวยได้ไง?”

พูดไปหนึ่งประโยค เขาก็เปลี่ยนบทสนทนามาที่เรื่ องไฟฟ้า

จ้าวเหวินเทาเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย แม้วา่ เขาจะไม่รู้เรื่ อง


ตลาดวัตถุโบราณแบบเจาะจง แต่เขาก็ทราบได้ว่าของเหล่านี้
หากเป็ นของแท้กจ็ ะมีราคามาก

ลูกพี่ลูกน้องอย่างจ้าวเหวินอู่คนนี้ต่อให้ไม่ได้ร่ ารวย ก็น่าจะได้


เงินมาส่ วนหนึ่งแล้ว

“ทาไมเหรอ นายเองก็อยากเดิ นไฟฟ้ าเข้าบ้านเหมื อนกันงั้น


เหรอ?” จ้าวเหวินเทาคุยกับเขาเกี่ยวกับขั้นตอนการติดตั้งไฟฟ้ า
ไปรอบหนึ่ง แล้วเอ่ยถามขึ้น
“ทาไมจะไม่อยากล่ะ ตอนกลางคืนมืดตึ๊ดตื๋อออกขนาดนั้น ทา
อะไรก็ ไ ม่ ส ะดวก!” จ้า วเหวิ น อู่ ก ล่ า ว “แต่ ฉั น ไปถามที่
สานักงานการไฟฟ้ ามาแล้ว เขาบอกว่า ทางฝั่งพวกเรายังไม่มี
ก าหนดการชั่ว คราว นายฟั ง ดู สิ หมู่ บ้า นทางตะวัน ออกกับ
ตะวันตกของพวกเรา ห่ างกันแค่สองลี้เอง พวกนายก็ได้ติดตั้ง
ไปแล้ว แต่กลับไม่ติดตั้งให้พวกเรา มีเหตุผลแบบนี้ที่ไหนกัน
ล่ะ”

“แบบนั้นก็ไม่ เห็ นจะยากเลย พวกนายก็สร้ างฟาร์ มกระต่ าย


ขึ้นมาด้วยสิ คิดว่าก็คงติดตั้งให้เหมือนกันนัน่ แหละ” จ้าวเหวิ
นเทากล่าว ตอนนี้ไม่วา่ จะเจอใครเขาก็ส่งเสริ มการขายกระต่าย
ของเขาแล้ว

จ้าวเหวินอู่มีความสุ ข “เรื่ องเลี้ยงกระต่ายค่อยว่ากันเถอะ ที่ฉนั


มาหานายเพราะอยากคุยเรื่ องการค้าขายอย่างอื่น หมู่บา้ นของ
พวกนายไฟฟ้ าเข้าถึงแล้ว เรื่ องดี ๆ แบบนี้ จะไม่มาฉลองสั ก
หน่อยได้ไงล่ะ”

จ้าวเหวินเทาชะงัก “ฉลอง ฉลองยังไง?”

“ก็การแสดงภาพยนตร์ แล้วก็งิ้วไง นี่ ก็เก็บเกี่ยวช่ วงฤดู ใบไม้


ร่ วงเสร็ จแล้ว ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นแล้วด้วย พวกเราสองหมู่บา้ น
ออกเงินสักหน่ อย เหมาหนังสักสามสี่ รอบ หรื อเหมาคณะงิ้ว
สักสองสามรอบก็ได้เหมือนกันนะ” ก่อนที่จา้ วเหวินอู่จะมา
ที่นี่ เห็นได้ชดั ว่าคิดไว้อย่างดีแล้ว “การพัฒนาเศรษฐกิจกับการ
พัฒนาจิตวิญญาณผูค้ นต้องดาเนินไปด้วยกัน ในหนังสื อพิมพ์
ก็บอกไว้แล้ว”

จ้าวเหวินเทาเข้าใจแล้ว หมอนี่คิดจะมาเอาเปรี ยบเขานี่เอง การ


เหมาภาพยนตร์ ให้ท้ งั หมู่บา้ นดู เพียงฝ่ ายเดี ยวแน่ นอนว่าเป็ น
ภาระหนักกว่าการที่สองหมู่บา้ นออกเงินร่ วมกันอยูแ่ ล้ว
“ทีมใหญ่ของพวกเราไม่ได้เหมาภาพยนตร์มาหลายปี แล้วมั้ง?”
จ้าวเหวินเทาครุ่ นคิดครู่ หนึ่งพลางกล่าว

นี่ เป็ นเรื่ องส่ วนตัว ในเมื่ออยากแบ่งเบาภาระ เช่ นนั้นสู ้เรี ยก


ระดมพลทั้ง ที ม ใหญ่ ย งั จะดี เ สี ย กว่ า หนึ่ ง ที ม ใหญ่ จ ะมี 5-6
หมู่บา้ น ส่ วนแบ่งของแต่ละบ้านจึงน้อยลง ที่สาคัญคือได้ผล
ประโยชน์แบบส่ วนรวม

เขาเองก็ยอมรับว่าเขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อส่ งเสริ มกระต่าย


ของเขาด้วย

จ้าวเหวินอู่ไม่ทราบว่าจ้าวเหวินเทากาลังคิดอะไร เมื่อได้ฟังก็
ตอบว่า “ใช่ไง 5-6 ปี แล้วนะ!”

“งั้นทีมใหญ่ของพวกเราก็เหมาด้วยกันไปเลยสิ ” จ้าวเหวินเทา
ก็พูด “ไม่เพียงแค่เหมาภาพยนตร์ นะ พวกเราต้องเตรี ยมคณะ
งิ้วด้วย เตรี ยมไว้ให้ห มดเลย ถึ งจะเป็ นความครึ กครื้ น อย่า ง
แท้จริ ง นายว่าไง?”
จ้าวเหวินอู่หวั เราะพร้อมกับยกยอ “เอาสิ นายนี่สุดยอดเลย แค่
ลงมือก็ใจกว้างแล้ว!”

จ้าวเหวินเทากล่าว “เรื่ องนี้ ก็ตอ้ งรอให้เลขาอนุ มตั ิดว้ ยนะ ฉัน


ตัดสิ นใจเองไม่ได้ พวกเราไปถามดูก่อน ถ้าได้ พรุ่ งนี้ฉนั จะไป
ที่อาเภอ นายก็ไปด้วยกันเลย ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้ไปเชิญ
คนจากศูนย์วฒั นธรรมในอาเภอมาที่นี่”

จ้าวเหวินอู่พยักหน้ารัว ๆ “ตกลง งั้นพวกเราไปถามเลขากัน”

จ้าวเหวินเทาเองก็เป็ นคนคล่องแคล่ว หลังจากใส่ หมวกและ


สวมถุงมือ เขาจึงเดินไปบอกเย่ฉูฉู่ก่อน เย่ฉูฉู่ได้ยนิ ว่าจะไปทา
อะไร นางเองก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย ตอนนี้ บา้ นของนางถึงเวลา
ต้องหาเครื อข่ายแล้ว สถานที่ใหญ่ ๆ แบบนี้ถือว่าใช้ได้เลย

จ้าวเหวินเทาและจ้าวเหวินอู่จึงเดินทางไปที่ทีมใหญ่ดว้ ยกัน
เมื่อเลขาได้ยนิ ก็ถึงกับมึนงงไปหมด เพิ่งจะติดตั้งไฟฟ้าก็คิดจะ
เหมาภาพยนตร์ และคณะงิ้ วแล้ว ถึ ง จะฟุ่ มเฟื อยก็ไม่ ควรจะ
ฟุ่ มเฟื อยขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ?

แม้เขาจะชอบจ้าวเหวินเทามาก แต่เรื่ องนี้เลขากลับรู ้สึกว่าไม่มี


ความจาเป็ น นี่ตอ้ งจ่ายเงินเท่าไรกันเนี่ย?

“เลขา ฟุ่ มเฟื อยอะไรกัน การสร้ า งจิ ต วิ ญ ญาณของผู ้ค นมี


ความสาคัญมากนะ” จ้าวเหวินอู่กใ็ ช้วธิ ีน้ นั ของเขาอีกครั้ง

“อย่ามาโกหกฉัน! หมู่บา้ นของพวกนายทาได้หมู่บา้ นเดียวน่ะ


สิ เพราะไฟฟ้ ายังไม่เข้า ในมือก็ยงั มีเงินอยู่ แต่หมู่บา้ นพวกเรา
เพิ่งติดตั้งไฟฟ้า มีท้ งั ค่ามิเตอร์ไฟฟ้า ค่าสายไฟ ค่าหลอดไฟอีก
ใช้เงินไปไม่น้อยเลยด้วย จะไปมีเงินเหมาภาพยนตร์ ได้ไง!”
เลขาไม่ได้เล่นด้วย และปฏิเสธไปตรง ๆ

จ้าวเหวินอู่รีบพูด “เลขา นี่ไม่ใช่วา่ พวกเราไม่อยากติดตั้งไฟฟ้ า


หรอกนะ แต่สถานี การไฟฟ้ าไม่มาติดตั้งให้ ผมเองก็บอกไป
แล้ว ถ้าจะติดตั้งก็ติดตั้งด้วยกันเลย ทาอย่างกับพวกเราเป็นลูก
เมียน้อยไปได้”

เลขาเบิ กตาโต “ไอ้เด็กบ้า! หมู่ บา้ นตะวันออกของพวกนาย


อยากจะติ ดตั้งไฟฟ้ าก็ตอ้ งเลี้ ยงกระต่ าย สร้ างฟาร์ มกระต่ าย
ขึ้ นมาสิ ใครใช้ให้พวกนายไม่ เลี้ ยงกันล่ ะ พวกนายไม่ สร้ าง
ฟาร์มกระต่ายแล้วจะติดตั้งไฟฟ้ายังไง?”

จ้าวเหวินอู่ยอ่ มทะเลาะกับเลขาอยูแ่ ล้ว

จ้าวเหวินเทารอให้พวกเขาสองคนคุยกันเสร็จ จึงเอ่ยปากพูดว่า
“เลขา ที มใหญ่ ของพวกเรามี 5-6 หมู่ บา้ น ถ้าอยากจะจัดสัก
รอบจริ ง ๆ หารกันแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไร พวกเราไปถามที่
ศูนย์วฒั นธรรมก่อนดีไหมว่าถ้าเหมาสักสามสี่ รอบต้องใช้เงิน
เท่าไร แล้วค่อยมาว่ากันอีกที?”

“ฉันเกรงว่าต่อให้นอ้ ยกว่านี้คนในหมู่บา้ นก็ไม่ยอมจ่ายกันน่ ะ


สิ ” เลขาพูดพลางชี้หน้าจ้าวเหวินเทา “เป็ นเพราะนายทาเรื่ องดี
ๆ นี่ แหละ หมู่บา้ นของพวกเราถึงได้เกือบจะเป็นหนี้ กนั หมด
แล้วก็นายด้วยจ้าวเสี่ ยวลิ่ว นายนัน่ แหละติดหนี้มากที่สุด นาย
ยังคิดจะดูหนังฟังงิ้วอีก ทาไมจิตใจของนายถึงได้เพียรพยายาม
ขนาดนี้ ทาไมถึงกล้าขนาดนี้!”

จ้าวเหวินเทายิม้

เขาเองก็ทราบดีว่าเลขาเตือนเพราะหวังดี เขากล่าวด้วยรอยยิม้
ว่า “เลขา นี่ ก็เป็ นเพราะขาดแคลนเงินยิ่งต้องดู ภาพยนตร์ ฟัง
ละครเพลงไง สร้างอารยธรรมจิตวิญญาณขึ้นมาแล้ว ถึงจะมี
อารมณ์ไปทางานหาเงินเพื่อใช้หนี้ไง”

เลขายิ้มด้วยความโกรธ “ตรรกะผิดเพี้ยนของนายนี่ เยอะจริ ง


ๆ!”

จ้าวเหวินอู่หัวเราะร่ า “เหวินเทาพูดถูก ต้องสร้างอารยธรรม


ทางจิตวิญญาณให้ดีก่อนสิ ครั บ ถึงจะมีอารมณ์ไปทางานหา
เงินใช้หนี้!”
เลขาทนไม่ไหวกับการพันธนาการด้วยวิธีการต่าง ๆ ของคน
สองคนนี้ แต่อนั ที่จริ งเรื่ องนี้ ถา้ แบ่งเท่า ๆ กัน ก็ยงั รับไหวอยู่
สร้ างความครึ กครื้ นก็ไม่ เลวเลย จึ งพูดไปว่า “ฉันขอไปถาม
ดูก่อน ดูวา่ คนในหมู่บา้ นเห็นด้วยไหม”

เลขาจึงประกาศผ่านลาโพงทันที เขาแจ้งเรื่ องที่จะเหมาคณะงิ้ว


และภาพยนตร์ เมื่ อ ประกาศออกไปเช่ น นี้ ในหมู่ บ ้า นก็เ กิ ด
ความวุน่ วายขึ้น

พี่ ส ามจ้า วกลับ ไปขายเต้า หู ้ แ ล้ว วัน นี้ เขากลับ มาเร็ ว และ
ตัดสิ นใจว่าจะนาถัว่ ไปล้างและแช่ไว้แล้วค่อยไปพัก แต่เมื่อได้
ยินเรื่ องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะด่าว่า “เลขานี่กินยาผิดขวดแล้วมั้ง คิด
จะทาก็ทา ยังจะมาเหมางิ้วเหมาหนังอีก อยากทาก็ออกเงินเอง
สิ !”

มีใครไม่รู้บา้ งว่าเรื่ องแบบนี้ คนทั้งหมู่บา้ นต้องออกเงิน ไม่มี


ใครที่จะหาข้ออ้างได้ พี่สามจ้าวเห็นความสาคัญของเงินมาก
ขนาดนั้นก็ย่อมเสี ยดายอยู่แล้ว แต่ถา้ เสี ยดายเงินถึงขั้นคนอื่น
ออกเงินหมดยกเว้นเขาคนเดี ยว เขายังจะอยู่ในหมู่บา้ นต่อไป
ได้อีกเหรอ?

ดัง นั้น ถ้า ไม่ คิ ด จะจ่ า ยเงิ น ทั้ง หมู่ บ้า นก็ ต ้อ งไม่ จ่ า ยเงิ น ด้ว ย
ไม่เช่นนั้นก็หนีไม่พน้

ภรรยาของเหล่าหวังสามก็กลับมาจากทีมใหญ่พอดี หล่อนเดิน
ผ่านประตูบา้ นของพี่สามจ้าว ได้ยนิ คาพูดนี้กห็ วั เราะทั้งยังพูด
เสี ยงดังว่า “เหล่าจ้าวสาม นายอย่าเข้าใจเลขาผิดสิ คนที่อยากดู
หนังฟั งงิ้วก็คือจ้าวเสี่ ยวลิ่วของนายนัน่ แหละที่เสนอความคิด
นี้!”

พี่สามจ้าวได้ยินก็ด่าออกมา “ทาไมถึงเป็นไอ้หมอนัน่ อีกแล้ว


ไม่วงิ่ ออกไปขายของข้างนอกหรื อไง อยูใ่ นหมู่บา้ นว่าง ๆ ก็ไม่
ยอมทาเรื่ องดี ๆ!”
ภรรยาของเหล่าหวังสามพูดพลางเดินเข้ามา หล่อนมองไปที่
เสาไม้ใ ต้ก าแพง ก็พ บว่ า มี ผ กั กาดขาวที่ ถู ก ถัก ไว้ จึ ง พู ด ว่ า
“ผักกาดขาวนี้ ก็ถกั ไว้แล้ว เหล่าจ้าวสามนายนี่ ใช้ชีวิตเป็นจริ ง
ๆ นะ!”

ครั้ นมองไปรอบๆ ลานแห่ ง นี้ ก็พ บว่า ถู ก เก็บกวาดไว้อ ย่าง


สะอาดสะอ้าน จึงเดาะลิ้นกล่าวชม

เหล่ า จ้า วสามนอกจากทาเต้าหู ้อ ร่ อยแล้ว ยัง มี อี ก คุ ณ สมบัติ


ด้วย…คือโรคย้าคิดย้าทา!

ไม่ว่าจะเป็นของอะไรก็ตอ้ งวางเป็นระเบียบ ของอะไรวางไว้


ตรงไหนก็ตอ้ งสะอาดสะอ้าน ทั้งด้านนอกและด้านในบ้า น
บริ เวณรอบ ๆ ลานบ้านก็เป็ นแบบนี้ สกปรกแค่นิดเดียวต่อให้
นอนแล้ว ก็ต ้อ งลุ ก ขึ้ น มาจัด ให้เ รี ย บร้ อ ยถึ ง จะนอนหลับ ได้
ไม่เช่นนั้นคงนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน

ไม่รู้วา่ นี่เป็ นข้อดีหรื อข้อเสี ยกันแน่


ตอนที่ 203 เทียบกันจนเหนื่อยใจ

พี่สามจ้าวพูด “อันนั้นเมียฉันเป็นคนถักไว้ แต่เธอรู ้ได้ยงั ไงว่า


เจ้าหกเป็ นคนคิดอยากจะเหมาภาพยนตร์นนั่ ?”

เจ้าสามจ้าวไม่ได้ชอบภรรยาของเหล่าหวังสาม คนโดยทัว่ ไปก็


ไม่มีใครชอบพวกปากมากอยูแ่ ล้ว

แต่คนจานวนมากต่างก็หนี ไม่พน้ คนปากมาก เรื่ องนิ นทาเอย


ข่าวเอย โดยพื้นฐานแล้วจะไม่ให้มีคนปากมากก็ไม่ได้

“ฉันเพิ่งกลับมาจากทีมใหญ่ ก็เลยได้ยนิ จ้าวเสี่ ยวลิ่วคุยกับเลขา


แถมยัง มี จ ้า วเหวิ น อู่ จ ากตระกู ล ของนายที่ ม าจากหมู่ บ้า น
ตะวันออกด้วยนะ พวกเขาสองคนมาด้วยกัน พอสองคนนี้ไป
หาเลขาก็ป ระกาศเรื่ อ งที่ จ ะเหมาหนัง เหมางิ้ ว เลย นี่ ก็เ ป็ น
ความผิดของพวกเขาไม่ใช่ เหรอ?” ภรรยาของเหล่าหวังสาม
กล่าว

“ไม่แน่ เลขาอาจจะอยากดูเองก็ได้!” พี่สามจ้าวแค่นเสี ยงออก


จากลาคอ

“เลขาเป็ นคนยังไง คนในหมู่ บา้ นยังไม่ รู้จกั เขาดี อี กเหรอ?”


ภรรยาเหล่าหวังสามหัวเราะ จากนั้นก็เริ่ มหาเรื่ องอีกครั้ง “เจ้า
สามจ้าว ถ้าจะเหมาหนังมาดู นายจะออกเงินเท่าไรล่ะ?”

ครั้นเจ้าสามจ้าวได้ยนิ ว่าต้องจ่ายเงินก็นึกปวดใจขึ้นมาจริ ง ๆ

แค่ติดตั้งไฟฟ้าก็จ่ายเงินก้อนโตแล้ว เต้าหูเ้ พิ่งจะขายออกไป ยัง


ไม่ได้เงินกลับมาเลย นี่ยงั ต้องเอาเงินจ่ายออกไปอีก ยังอยากให้
เขามีชีวติ ต่อไปหรื อเปล่า?!
“ไม่มีเงิน แม้แต่เฟิ นเดียวก็ไม่จ่าย!” เจ้าสามจ้าวแค่นเสี ยงเย็น
เสร็ จก็เดินเข้าบ้านไป “เมียของฉันไม่อยูบ่ า้ น เธอก็ไม่ตอ้ งเข้า
มานะ กลับบ้านไปเถอะ”

เจ้าสามจ้าวไม่ได้เกรงใจภรรยาของเหล่าหวังสามเลย

ภรรยาของเหล่าหวังสามเบ้ปาก “น่ าไม่อาย!” ระหว่างที่พูดก็


เดินกอดอกออกไป

พี่รองจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าวขนฟื นกลับมาหนึ่งคันรถ และได้


ยินคนในหมู่บา้ นพูดว่าจะเหมาภาพยนตร์ และงิ้ว ทั้งยังทราบ
ว่าเป็ นเรื่ องที่จา้ วเหวินเทาเสนอ

หากมีเรื่ องอะไรเกิดขึ้น ใช้เวลาไม่กี่นาทีคนจากทั้งหมู่ บา้ นก็


ทราบแล้ว โดยเฉพาะเรื่ องไหนที่เกี่ยวกับจ้าวเหวินเทาก็จะยิ่ง
แพร่ กระจายอย่างรวดเร็ว
พี่ ร องจ้า วได้ยิ น ว่ า ทางหมู่ บ ้า นจะเหมาภาพยนตร์ แ ละงิ้ ว
ความรู ้สึกแรกคือเป็ นเรื่ องที่ดี

ทาไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าเขาชอบฟั งเพลง ภาพยนตร์กช็ อบดู


โดยเฉพาะหนังสงครามที่ใช้ปื น นี่ เป็ นหนึ่ งในงานอดิ เรกที่มี
ไม่มากของเขาเลยล่ะ

พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วก็ช อบเช่ น กัน ในปี นี้ ไม่ มี ใ ครไม่ ช อบดู สิ่ ง
เหล่านี้ แต่สิ่งแรกที่หล่อนนึกถึงคือเรื่ องเงิน

“แล้วแต่ละบ้านต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ ล่ะ?” พี่สะใภ้รองจ้าวถาม

คนในหมู่บา้ นไม่ได้ตอบ ตอนนี้ ยงั ไม่ทราบ นี่ ก็เห็นได้ชดั ว่า


ต้องไปถามศูนย์วฒั นธรรมในอาเภอก่อนถึงจะสามารถสรุ ปได้

“อันที่จริ งก็ไม่ใช่ความคิดที่จา้ วเสี่ ยวลิ่วคิดหรอก” มีคนพูดแก้


“แต่เป็ นจ้าวเหวินอู่ ในหมู่ บา้ นตะวันตกต่างหากล่ะ คนที่ขุด
วัตถุโบราณนัน่ แหละ”
“เขาเป็นคนเสนอแล้วมาที่หมู่บา้ นเราทาไม หมู่บา้ นตะวันตก
ของเขาอยากเหมาหนังกี่รอบก็เหมาไปสิ !” มีคนอดไม่ได้ที่จะ
พูด

“นัน่ น่ ะสิ ผลผลิตก็ยงั ไม่ได้ขายเลย ในมือไม่มีเงินแม้แต่เฟิ น


เดี ยว จะเอาที่ไหนไปเหมาหนังกับงิ้ว!” คนที่ทาใจไม่ ได้กบั
การต้องจ่ายเงินกล่าว

“พูดอย่างกับว่า เธอขายผลผลิ ตออกไปแล้ว จะมี เ งิ น ไม่ ขาด


แคลนเงินอย่างนั้นแหละ?” เพื่อนบ้านหัวเราะเยาะ

“ก็ใช่ไง ยังไม่ได้ใช้หนี้ความขัดสนนี้เลย จะมีเงินเอาไปดูหนัง


ฟังเพลงได้ยงั ไง เลขานี่หาเรื่ องชะมัด!” คนที่เป็ นหนี้กล่าว

ต้องขอบคุ ณจ้าวเหวินเทา ที่ทาให้หมู่บา้ นตะวันตกถึงขั้นขัด


สนกันไม่นอ้ ยเลยจริ ง ๆ
“จ้าวเหวินอู่ ขุดสุ สานโบราณไม่ ใช่ เหรอ ก็ตอ้ งมี เงิ นอยู่แล้ว
บอกให้เ ขาออกเงิ น สิ แล้ว ก็จ ้า วเสี่ ย วลิ่ ว อี ก คน เขาก็มี เ งิ น
เหมือนกัน พวกเขาสองคนพี่นอ้ งจ่ายเงินเองสิ ถึงยังไงพวกเขา
ก็อยากดูอยูแ่ ล้วนี่” มีคนอิจฉาตาร้อน

“เรี ยกจ้าวเสี่ ยวลิ่วได้ไง จ้าวเสี่ ยวลิ่วเป็นชื่อที่เลขาเรี ยกนะ เขา


ชื่อจ้าวเหวินเทา เธอยังจะไปเรี ยกตามเลขาอีก?” จู่ ๆ ก็มีคนพูด
ออกมา

ทุกคนถึงกับเงียบไปครู่ หนึ่ง

พี่สะใภ้รองจ้าวได้ยินก็แอบรู ้ สึกสับสน รู ้ ตวั อี กที น้องสามีก็


กลายเป็ นคนมีชื่อเสี ยงในหมู่บา้ นแล้ว ชื่อเล่นก็เรี ยกไม่ได้แล้ว
ต้องเรี ยกชื่อจริ งของเขา

สองสามีภรรยารี บขนฟื นหนึ่ ง คันรถกลับมาที่บา้ น เมื่อขนลง


จากรถ พี่รองจ้าวก็เห็นว่าภรรยาไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยถาม “คุ ณ
เป็ นอะไร?”
“เป็ นอะไรคืออะไรคะ?” พี่สะใภ้สามจ้าวก้มหน้ามองกองฟื น

“ทาไมไม่พูดอะไรเลย?” พี่รองจ้าวถามต่อ

“จะให้ พู ด อะไรล่ ะ คะ?” น้ าเสี ย งของพี่ ส ะใภ้ร องจ้า วฟั ง ดู


ฉุนเฉียวเล็กน้อย

“พูดอะไร คุณยังจะถามว่าพูดอะไรอีก ก็เรื่ องที่ดูหนังฟั งงิ้วไง


ต้องจ่ายเงินเท่าไร?” พี่รองจ้าวเอ่ย

“จ่ายเท่าไรเป็ นเรื่ องที่พวกเราตัดสิ นใจได้เหรอคะ?” น้ าเสี ยง


ของพี่สะใภ้รองจ้าวฟั งดูยา่ แย่ “เขาบอกให้เราจ่ายเท่าไรก็ตอ้ ง
จ่ายเท่านั้นแหละ!”

ปี นี้ขายกระต่ายออกไปได้ส่วนหนึ่ง อาหารก็เก็บได้มากกว่าปี
ที่แล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้ขายออกไป แต่กท็ ราบได้ว่าปี นี้ รายได้
คงมากกว่าก่อนหน้านี้แน่นอน
แต่จิตใจของพี่สะใภ้รองจ้าวกลับไม่มีความมัน่ คงเอาเสี ยเลย
โดยเฉพาะตอนที่ คิ ด ถึ ง ความขัด สนเหล่ า นั้น ท าให้ห ล่ อ น
ถึงกับนอนไม่หลับ

แปลกจริ ง ๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่พกั อยูใ่ นห้องผุ ๆ พัง ๆ มื้อก่อน


รั บประทานข้าวโพดบดหยาบ มื้ อต่ อไปรั บประทานเส้นผัก
ดองเค็ม ตอนค่าก็ยงั นอนหลับได้เป็ นอย่างดี ตอนนี้ได้อยูบ่ า้ น
ใหม่ แล้ว มี หลอดไฟแล้ว ได้รับประทานบะหมี่บกั วีตทามือ
และเนื้ อหมู ต๋ ุ นอี กนิ ดหน่ อ ยเป็ นครั้ งคราว ทาไมถึ งนอนไม่
หลับกันนะ?

เพราะขัดสนอย่างไรล่ะ!

พี่สะใภ้รองจ้าวสู ดลมหายใจเข้าและพูดความรู ้สึกที่อยู่ในใจ


ออกมา

พี่รองจ้าวกลับไม่เห็นด้วย “คุณยังเหนื่อยน้อยนะ คุณดูผมสิ หัว


ถึงหมอนก็หลับแล้ว”
“เพราะคุ ณไม่ มีหัวใจน่ ะสิ !” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดอย่างไม่สบ
อารมณ์ “ขัดสนออกขนาดนั้น ถึงขายอาหารไปแล้วก็ยงั จ่ าย
หนี้ ไม่ ห มด นี่ คิ ด จะเหมาหนัง อี ก เงิ น ทั้ง หมดที่ มี ก็ต ้อ งจ่ า ย
ออกไปหมด!”

พี่รองจ้าวใช้ไม้กวาดกวาดฟื นที่อยูบ่ นรถคันเล็กพลางกล่าว “ก็


เป็นเพราะคุณอยากสร้างบ้านนี้เอง ที่ขดั สนก็เป็นเพราะความ
ต้องการของคุณ จะมาพูดตอนนี้ให้มนั ได้อะไรขึ้นมา”

พี่สะใภ้รองจ้าวถึงกับสะอึก ไม่ได้พูดอะไรอีก

พี่รองจ้าวพูดถู ก หล่ อนเป็ นคนอยากสร้ างบ้านเอง ทั้งยังยืน


กรานว่าต้องสร้างให้ได้ นอกจากนี้ยงั คิดจะสร้างบ้านแบบน้อง
สามีคนเล็กอีก เทียบตลอดหนึ่ งปี มานี้ มนั ช่ างเหนื่ อยใจจริ ง ๆ
ที่สาคัญคือเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ า ยิง่ อยูก่ ย็ งิ่ ห่างไกลกันมากขึ้น
เรื่ อย ๆ!
“น้องหกไม่กงั วลว่าจะไม่มีปัญญาจ่ายคืนเลยหรื อไง? หรื อว่า
เขาคืนหมดแล้ว?” พี่สะใภ้รองดูราวกับผีเข้าอย่างไรอย่างนั้น
ถึงได้เอาแต่สนใจชีวติ ของจ้าวเหวินเทา

พี่รองจ้าวชิ นเสี ยแล้ว เขากล่าวเสี ยงเรี ยบ “ใครจะไปรู ้ล่ะ ไป


เถอะ นี่ยงั เช้าอยู่ พวกเรายังขนฟื นได้อีกสองสามรอบ”

พี่สะใภ้รองจ้าวถอนหายใจ ก่อนจะขึ้นรถ

พี่รองจ้าวก็รีบขับรถออกจากหมู่บา้ น

หลังจากขับผ่านประตูบา้ นของจ้าวเหวินเทา พี่สะใภ้รองจ้าวก็


เห็นเรื อนทั้งสองฝั่ งนั้น บ้านที่มุงหลังคากระเบื้องทั้งสู งและ
ใหญ่ได้กระตุน้ จิตวิญญาณของหล่อนอีกครั้ง

ไม่ ไ ด้ก ารแล้ว ทาไมหล่ อ นถึ ง ท าไม่ ไ ด้ หล่ อ นต้อ งมี ชี วิต ที่
ดีกว่าพวกเขาให้ได้
พี่สะใภ้สี่จา้ วทราบเรื่ องที่จะดูภาพยนตร์แล้ว จึงบ่นกับพี่สี่จา้ ว
“เงินของน้องหกไม่ใช่ ว่ามีเยอะเกินไปจนไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้
อะไรใช่ ไหม ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนก็เอามาให้พวกเราสิ จะ
เอาไปดูหนังฟังงิ้วเนี่ยนะ จะทาให้ได้เห็นเนื้อเยอะขึ้นหรื อไง!”

“คุณจะไม่จ่ายเงินก็ได้นะ” พี่สี่จา้ วกล่าว

“ไม่ จ่ายเงิ นแล้วคนในหมู่บา้ นจะมองพวกเรายังไง? อนาคต


พวกเขาจะมองลูกชายของเรายังไงคะ?” พี่สะใภ้สี่จา้ วกลับมา
ใช้ขอ้ อ้างเมื่อก่อนหน้านี้อีกครั้ง

พี่สี่จา้ วได้ยินจนเอือมระอาแล้ว จึงพูดอย่างหมดความอดทน


“อยากจะมองยังไงก็มองไปสิ ”

พี่สะใภ้สี่จา้ วเห็นท่าทางหมดความอดทนของสามี ก็อดไม่ได้


ที่จะเริ่ มเวทนาตัวเองอีกครั้ง
ท่ าทางของสามี ที่มีต่อหล่ อนในเวลานี้ ดูแย่ลงเรื่ อย ๆ เพราะ
เห็นว่าหล่อนไม่มีลูกชายสิ นะ? ชีวิตของหล่อนทาไมถึงได้ขม
ขื่นแบบนี้ ขมขื่นกว่าหวงเหลียน [1] เสี ยอีก รอให้หล่อนมีลูก
ชายก่อนเถอะ…

คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ วกลับคิดว่าปี นี้แบ่งที่ดินทางานกันเอง


แล้ว การเหมาเพื่อดูภาพยนตร์ ก็ไม่ใช่ เรื่ องใหญ่อะไร ไม่ตอ้ ง
เหมาเยอะ 1-2 วันก็ได้แล้ว นี่กไ็ ม่ได้ดูมานานหลายปี แล้วด้วย

“ฉัน จ าได้ว่า พวกเราเคยไปดู ห นัง ที่ ฉ ายตรงเสี่ ย วเหอตงใช่


ไหม?” คุณแม่จา้ วพูดกับคุณพ่อจ้าว

“ใช่ ม้ งั ผมเองก็ลืมแล้วว่าตอนไหน” คุณพ่อจ้าวกล่าว “แต่จา


ได้ว่าตอนกลางคืนน้ าที่นนั่ แรงมาก เกือบจะซัดพวกเราปลิ ว
เลย”

ถ้าจะไปเสี่ ยวเหอตงต้องข้ามแม่น้ าหนึ่ งสาย ตอนนั้นเป็ นฤดู


ร้อน ฤดูฝนเพิ่งจะผ่านพ้นไป น้ าจึงขึ้นสู งมาก สองสามีภรรยา
ข้ามแม่น้ าคลาทางท่ามกลางความมืด มีคนหนึ่งไม่ทนั ได้ระวัง
จึ งล้มหน้าคะมา ถ้าไม่ ใช่ เพราะในแม่น้ ามีตน้ ไม้ และจับได้
ทันเวลา คงถูกน้ าพัดหายไปแล้ว

“ใช่ ตกใจแทบตายเลย!” คุณแม่จา้ วพูดเคล้ารอยยิม้

“แต่นนั่ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคห้ามไม่ให้คุณไปดูนี่” คุณพ่อจ้าว


พูดด้วยความขบขัน

“ฉันชอบดูหนัง น่าเสี ยดายที่หลายปี มานี้หมู่บา้ นรอบ ๆ ไม่ได้


ฉายแล้ว” คุณแม่จา้ วกล่าวด้วยความเสี ยดาย

ความบัน เทิ ง ทางจิ ต วิ ญ ญาณไม่ ว่ า จะยุค สมัย ไหนก็ย งั เป็ น


สิ่ งจาเป็ น เพียงแต่ในยุคนี้ หาได้ยากมาก การได้ดูภาพยนตร์
และฟังงิ้ว นับว่าเป็ นเรื่ องที่หรู หรามากแล้ว
[1] หวงเหลียน (黄连) เป็นหนึ่ งในสมุนไพรแห้ง ที่มีฤทธิ์
เย็นและขมที่สุด ในทางการแพทย์แผนจีนมักใช้สาหรั บการ
รักษาไฟของตับและหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิง่ เมื่อเกิดไฟร้อนที่
ม้าม กระเพาะอาหาร และปอด มีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรี ย
ทาให้มีประโยชน์ในการรักษาการติดเชื้อในลาไส้
ตอนที่ 204 ผู้ชายทั้งแท่ ง

เย่ฉูฉู่เองก็ชอบดูภาพยนตร์เช่นกัน เพียงแต่เธอยังฟั งงิ้วไม่ค่อย


เข้าใจเท่าไรนัก

เป็ นเพราะโดยปกติ ค ณะงิ้ ว ที่ เ ชิ ญ มาจะแสดงร้ อ งเพลงโดย


ไม่ได้ใช้เครื่ องขยายเสี ยง เป็ นการร้องเพลงสด ๆ คนที่นั่งอยู่
ด้า นหน้า ยัง ดี สามารถได้ยิน อย่า งชัด เจน ส่ ว นคนที่ นั่ง อยู่
ด้านหลังกลับได้ยนิ เสี ยงที่ส่งไปไม่ชดั เจนเอาเสี ยเลย

ประกอบกับคนที่มานัง่ ดูก็ไม่ได้นงั่ เฉย ๆ ต่างก็นงั่ คุ ยโวแทะ


เมล็ดทานตะวันไปพลาง พวกเด็ก ๆ ก็โหวกเหวกโวยวาย จึง
ไม่ได้ยนิ อะไรทั้งนั้น

“ภาพยนตร์ ก็ดีนะคะ เสี ยงดัง ภาพคนก็ใหญ่ดว้ ย อยู่ห่างก็ยงั


เห็ น ได้อ ย่า งชัด เจน” เย่ฉู ฉู่ พู ด กับ จ้า วเหวิ น เทาด้ว ยรอยยิ้ม
“โดยเฉพาะหนังสงครามที่ใช้ปืน ฉันเคยดู หนังที่หมู่บา้ นอยู่
เรื่ องหนึ่ง เป็ นหนังสงครามใช้ปืน ไม่เลวเลยจริ ง ๆค่ะ”

ภาพยนตร์ ที่ฉายในตอนนี้ โดยปกติแล้วจะเป็ นธี มสงครามยิง


ปื นรักชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้จา้ วเหวินเทาก็เคยดูมาก่อน

แต่เขารู ้สึกว่ายังไม่ได้ติดงอมแงมขนาดนั้น เป็ นภาพยนตร์ บุก


โจมตีขา้ ศึก ทั้งเรื่ องก็บุก ๆ ๆ แล้วก็จบ เขาชอบภาพยนตร์ ที่
แสดงถึงความเก่งกาจของคน ซึ่งไม่รู้วา่ จะมีหรื อไม่

แต่เป็นเรื่ องยากที่ภรรยาจะชอบดู ถึงเวลานั้นเขาคงต้องเหมา


ภาพยนตร์หลาย ๆ รอบเสี ยหน่อยแล้ว

“ภรรยา คุณพูดมาอีกสิ นอกจากหนังสงครามยิงปื นแล้วคุณยัง


ชอบอะไรอีก?” จ้าวเหวินเทาจูบภรรยาพลางเอ่ยถาม

เย่ฉู ฉู่ ค รุ่ น คิ ด “งิ้ ว ล่ ะ มั้ง คะ ฉัน คิ ด ว่า คุ ณ พ่ อ กับคุ ณ แม่ น่ าจะ
อยากดู”
เขามองดู ภรรยาของตัวเอง ไม่ว่าจะตอนไหน ก็ยงั มีน้ าใจต่อ
พ่อแม่สามีเสมอ

จ้าวเหวินเทารู ้ สึกได้ถึงจุ ดนี้ ภรรยาของเขาดี กว่าพี่สะใภ้คน


อื่นๆ เสี ยอีก!

“แต่ก็นะภรรยา เรื่ องนี้ คุณพูดผิดแล้วล่ะ พ่อกับแม่ผมชอบดู


หนังสงครามใช้ปืนมากที่สุด” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิม้

เย่ฉูฉู่รู้สึกเหนือความคาดหมาย “จริ งเหรอคะ? พ่อกับแม่คุณก็


ชอบดูหนังสงครามใช้ปืนด้วย? ไม่ใช่ว่าคนแก่ ๆ ชอบดูงิ้วกัน
หรอกเหรอ?”

“พวกเขาก็ชอบดูงิว้ เหมือนกัน แต่ชอบดูหนังสงครามมากกว่า”


จ้าวเหวินเทากล่าว “รอให้ถึงตอนที่หนังฉายแล้ว ผมจะขับรถ
ไปรับพ่อตาแม่ยายให้มาดูดว้ ยกันนะ”
“แม่ของฉันคงมาไม่ได้ค่ะ พี่สะใภ้สามใกล้คลอดแล้ว แม่เลย
จะเตรี ย มตัว ไปอยู่ดู แ ลพี่ ส ะใภ้ส ามช่ ว งอยู่ไ ฟที่ นั่น ” เย่ฉู ฉู่
คานวณเวลา “อี กไม่ กี่วนั นี้ แหละ อันที่ จริ งแม่ บอกว่า จะไป
ล่ ว งหน้า สั ก สามสี่ ว นั แต่ เ ป็ นเพราะมัว แต่ ท าชุ ด บุ น วมของ
หลานก็เลยล่าช้าน่ะค่ะ”

จ้าวเหวินเทาชะงัก “พี่สะใภ้สามจะคลอดแล้ว เร็ วขนาดนี้ เลย


เหรอ?”

“คุ ณทางานจนลืมไปแล้วสิ นะคะ นี่ มนั ผ่านมากี่เดื อนแล้ว ?”


เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา

จ้าวเหวินเทายุง่ จนลืมจริ ง ๆ หนึ่งปี นี้มีเรื่ องมากมาย โดยเฉพาะ


เจ้าตัวเล็กที่เพิม่ มาอีกคน

“ไม่ได้ยงุ่ มากหรอก ไม่ง้ นั จะมีลูกชายได้ไงล่ะครับ!” จ้าวเหวินเทา


ยิม้ ให้ภรรยา
เย่ฉูฉู่ตาหนิเขาผ่านสายตาด้วยท่าทางน่ารัก…ช่างไม่เอาจริ งเอา
จังอยูเ่ รื่ อยเลย

จ้าวเหวินเทาทาให้เธอได้รู้ว่าอะไรคือการไม่เอาจริ งเอาจัง เขา


ขึ้ นไปบนเตี ยงโดยที่ ไฟยังเปิ ดอยู่ ภายใต้บรรยากาศที่ มีแสง
สว่างประหนึ่ งกลางวัน เขาก็ได้ทาเรื่ องไม่เอาจริ งเอาจังจนทา
ให้เธอขึ้นสวรรค์ทะยานลงสู่ ผนื ปฐพี

มัน เป็ นเรื่ อ งที่ ไ ม่ ส ามารถบรรยายได้ นอกจากนี้ ยัง มี ค าพู ด


เหล่านั้นของเขาที่ไม่สามารถบรรยายเป็ นคาพูดได้ดว้ ย เขาทา
ให้เย่ฉูฉู่ถึงกับเขินอาย ชีวิตของเธอแทบจะถูกคนๆ นี้พรากไป
จริ ง ๆ

ไม่ว่าคนอื่นจะมองเรื่ องดูหนังฟั งงิ้วว่าอย่างไร วันรุ่ งขึ้นจ้าวเห


วินเทาและจ้าวเหวินอู่กเ็ ดินทางมาที่อาเภอด้วยกันแล้ว

จ้าวเหวินเทาให้จา้ วเหวินอู่ไปที่ศูนย์วฒั นธรรมก่อน ส่ วนตัว


เองไปโทรศัพท์หาเย่หมิ งเป่ ย เขาบอกพี่ภรรยาสามว่าไฟฟ้ า
เข้าถึงที่บา้ นแล้ว พวกเขาสองคนคุยกันครู่ หนึ่ง หลังจากพูดถึง
เรื่ อ งที่ ภ รรยาของเขาเป็ นกัง วลเกี่ ย วกับ การตั้ง ครรภ์ ข อง
พี่สะใภ้สามแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงวางสายและมาหาจ้าวเหวินอู่
ที่ศูนย์วฒั นธรรม

ศูนย์วฒั นธรรมเป็ นตึกขนาดเล็กสองชั้น ชั้นแรกคือห้องโถง


การแสดง ด้านในนั้นมีเสี ยงร้องเพลงดังอยู่ จ้าวเหวินเทาจึงเข้า
ไปดู

ทันที ที่เข้ามาก็พบว่าจ้าวเหวินอู่ กาลังยื่นมองอยู่ตรงนั้นด้วย


ความตื่นเต้น เขาเองก็มองตามสายตาของอีกฝ่ ายด้วย

บนเวทีตรงหน้ามีหญิงสาวร่ างสู งกาลังยืนอยู่ หล่อนอยู่ในชุ ด


งิ้วพร้อมเครื่ องประดับบนศีรษะ กาลังกรี ดนิ้วขณะร้องเพลงคู่
กับเพื่อนร่ วมงาน เสี ยงของหล่อนทั้งกังวานและนุ่ มนวลราว
กับนกไนติงเกล

“ร้องได้ไม่เลวเลยนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
จ้าวเหวินอู่ที่กาลังจมอยู่กบั บทเพลงได้ยินถึงกับตกใจ เขาหัน
มาเห็นจ้าวเหวินเทา จึงหัวเราะเสี ยงทุม้ “สวยด้วย”

ใบหน้าที่ดูทะลึ่งนั้นทาให้จา้ วเหวินเทารู ้สึกขบขันมาก “ระวัง


เมียของนายมาได้ยนิ แล้วจะถูกจัดการนะ!”

“หล่อนไม่รู้สักหน่ อย!” จ้าวเหวินอู่ทาท่าทางราวกับไม่ได้ใส่


ใจ จากนั้นก็ต้ งั ใจฟังต่อไป

จ้าวเหวินเทากวาดตามองลานแห่ งนี้จนทัว่ แถวด้านหน้ามีคน


อยู่สี่ห้าคน ส่ วนเก้าอี้ตวั อื่น ๆ ยังว่างอยู่ ซึ่ งเขาแอบไม่เข้าใจ
เหมือนกัน ในเมื่อร้องเพลงเพราะแบบนี้ ทาไมถึงไม่มีคนเลย
ล่ะ? เมื่อคิด ๆ ดูแล้วจึงเดินตรงเข้าไป

จ้าวเหวินอู่เห็นว่าเขาเดินตรงเข้าไป ก็เดินตามไปด้วย ทั้งสอง


คนมาถึงแถวด้านหน้าสุ ด การแสดงก็สิ้นสุ ดลงพอดี จ้าวเหวินอู่
คือคนแรกที่ปรบมือ ทั้งยังผิวปากด้วย
“เยี่ยม ๆ ๆ น้องสาวร้องเพลงเพราะมากจริ ง ๆ!” จ้าวเหวินอู่
ตะโกนชมเสี ยงดัง

ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าคนๆ นั้นที่อยูบ่ นเวทีจะกระทืบเท้า ก่อนจะ


ไหวกายแล้วหันมาพูดกับจ้าวเหวินอู่อย่างไม่สบอารมณ์ “นาย
นี่ตาถัว่ ชะมัด ใครคือน้องสาว ฉันเป็ นผูช้ ายทั้งแท่งโว้ย!”

เมื่ อได้ยินเสี ยงทุ ม้ ห้าวนั้น จ้าวเหวินอู่ ก็ถึงกับอ้าปากค้างจน


สามารถยัดไข่ไก่เข้าไปได้ท้ งั ฟอง

“ฮ่า ๆๆ!” จ้าวเหวินเทาหัวเราะเสี ยงดังโดยไม่ได้รู้สึกอาย

คนเหล่านั้นที่อยูข่ า้ ง ๆ ก็หวั เราะเช่นกัน

ผูช้ ายทั้งแท่งคนนั้นเดินลงมาจากเวทีขณะที่พูด จากนั้นก็คุยกับ


คนเหล่านั้น “หัวหน้าศูนย์ พวกเขาเป็ นใครเนี่ย?”
จ้าวเหวินเทาหู ดี เมื่อได้ยินว่าหัวหน้าศูนย์ เขาก็รีบหันไปมอง
จึงพบกับชายชราร่ างเล็กคนนั้น เขารี บพูดอย่างกระตือรื อร้นว่า
“คุณคือหัวหน้าศูนย์ของศูนย์วฒั นธรรมสิ นะครับ?”

ชายชราคนนั้นชะงัก ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ใช่ ฉันเอง นาย


คือ?”

“ผมมาจากข้า วซานถุ น ชื่ อ จ้า วเหวิน เทา ส่ ว นนี่ จ ้า วเหวิน อู่


ลูกพี่ลูกน้องของผม” จ้าวเหวินเทาแนะนาตัวเองก่อน จากนั้นก็
พูดถึงวัตถุประสงค์ที่มาที่นี่

หัวหน้าศูนย์เข้าใจได้ ทว่ากลับพูดด้วยความลาบากใจ “แต่พวก


เราเตรี ยมตัวจะไปแสดงในจังหวัดแล้ว ไม่มีเวลาไปที่หมู่บา้ น
หรอก”

จ้าวเหวินอู่ไม่ได้สนใจความอายเมื่อสักครู่ เขาชะโงกหน้าเข้า
มาพูด “หัวหน้าศูนย์ ใช้เวลาไม่ กี่วนั คงไม่ ได้ทาให้งานของ
พวกคุณล่าช้าหรอก วันเดียวก็ได้นะครับ พวกเราสามารถเหมา
ภาพยนตร์ได้อีกสองสามรอบด้วย พนักงานฉายหนังมีเวลาใช่
ไหม”

หัวหน้าศูนย์ย่อมอยากได้เงิ นอยู่แล้ว เขาหยุดคิ ดแล้วถามว่า


“พนักงานฉายหนังมีเวลา พวกนายอยากเหมากี่วนั ล่ะ?”

จ้าวเหวินอู่หนั มามองจ้าวเหวินเทา

จ้าวเหวินเทาคิดแล้วตอบไปว่า “เจ็ดวันแล้วกันครับ”

ดวงตาของจ้าวเหวินอู่เป็ นประกายในทันที เจ็ดวัน นิ สัยของ


จ้าวเหวินเทาเมื่อได้ลงมือแล้วก็ใจกว้างจริ ง ๆ!

หลัง จากนั้ นจ้า วเหวิ น เทาก็ พู ด ถึ ง ราคาเกี่ ย วกับ การเหมา


ภาพยนตร์ กบั หัวหน้าศูนย์ ได้ความว่าการแสดงงิ้วเหมาสอง
รอบจะใช้เวลาสองวัน แบบนี้ ก็ไม่ทาให้ตารางการแสดงที่ใน
เมืองของพวกเขาล่าช้าด้วย
หลัง จากคุ ย กัน เสร็ จ แล้ว ทั้ง สองคนก็ เ ดิ น ออกมา พี่ ช าย
นักแสดงที่เป็ นชายทั้งแท่งคนนั้นก็เดิ นตามออกมาด้วย พวก
เขาจึงได้ทราบว่าการแสดงเมื่อสักครู่ เป็ นแค่การซักซ้อม

“ขอโทษด้วยนะครับ” จ้าวเหวินอู่ขอโทษด้วยรอยยิม้ ร่ าเริ ง

พี่ชายนักแสดงที่เป็นชายทั้งแท่งก็ไม่ได้ใส่ ใจ เขาโบกมือเพื่อ
แสดงออกว่าไม่ได้ถือสาอะไร

ตอนนี้เองก็มีนกั แสดงสวมชุดสาวใช้เดินออกมา แต่จา้ วเหวินอู่


ดันปากเสี ยพูดไปว่า “นี่คงเป็ นน้องสาวสิ นะ?”

ผลลัพธ์ที่ได้คือหญิงสาวคนนั้นพลันถลึงตา ทั้งยังพูดด้วยเสี ยง
แหลมสู ง แต่ เ ป็ นเสี ย งผู ช้ ายอย่า งไม่ ต ้อ งสงสั ย ว่ า “ฉัน เป็ น
ผูช้ าย!”

“เชี่ย!” จ้าวเหวินอู่อดไม่ได้ที่จะสบถคาหยาบออกมา
จ้าวเหวินเทาขาจนแทบตายอยูแ่ ล้ว หมอนี่ดูผดิ ไปสองครั้งแล้ว
สายตาไม่ดีเลยจริ ง ๆ!

“พวกพี่อย่าไปใส่ ใจเลย ลูกพี่ลูกน้องของฉันดูผิดแปลว่าพวกพี่


แต่งตัวได้เนียนมากไง!” จ้าวเหวินเทารี บอธิบายด้วยรอยยิม้

ทั้งสองคนจึงหัวเราะออกมา พวกเขาคือนักแสดงแต่งตัวข้าม
เพศ จึงถูกเข้าใจผิดเป็ นประจา และคุน้ ชินไปแล้ว

จ้าเหวินเทามองท้องฟ้ า กล่าวว่า “นี่ ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ให้ฉัน


เลี้ยงข้าวพวกพี่ดีไหม ถือว่าเป็ นการชดเชยความผิด”

จ้าวเหวินเทาไม่ได้มีงานอดิเรกในการเชิ ญคนอื่นรับประทาน
อาหารตามอ าเภอใจ เขาเห็ น ว่า ทั้ง สองคนนี้ แต่ ง ตัว เหมื อ น
ผูห้ ญิงขนาดนี้ จึงถือโอกาสตีสนิ ทให้มากขึ้น ถึงเวลานั้นค่อย
ถามดู ว่า สามารถเล่ น เรื่ อ งเทพธิ ด าฉางเอ๋ อ เหิ น สู่ จ ัน ทราได้
หรื อไม่ แบบนี้กช็ ่วยโฆษณาเรื่ องกระต่ายให้กบั เขาได้พอดีเลย
ในศูนย์มีโรงอาหาร แต่อาหารภายในโรงอาหารจะสู ้อาหารที่มี
คนเลี้ ย งได้อ ย่า งไร ทว่ า ถึ ง อย่า งนั้น ก็เ ป็ นการรั บ ประทาน
อาหารเปล่ า ๆ ท าให้ พ วกเขาทั้ งสองคนนึ ก เกรงใจอยู่
เหมือนกัน

จ้าวเหวินอู่กลับมาหน้าหนาอีกครั้ง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใน


เมื่อพวกพี่เป็ นผูช้ ายทั้งแท่ง แล้วจะเหนียมอายไปทาไม!”

ทั้งสองคนถูกกระตุน้ แบบนี้ จึงตอบตกลงทันที และให้อีกสอง


คนรอพวกเขาเปลี่ยนเสื้ อผ้าสักครู่ จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปด้าน
ใน

จ้าวเหวินอู่หวั เราะออกมา “คิดไม่ถึงเลยว่าผูช้ ายจะแต่งตัวเป็ น


ผูห้ ญิงได้เหมือนขนาดนี้!”

“พวกเขาอาศัยเรื่ องนี้ ในการประทังชี วิตนะ!” จ้าวเหวินเทา


หัวเราะ “ขืนแต่งไม่เหมือน ป่ านนี้คงไม่มีขา้ วให้กินแล้ว!”
เพียงไม่ นานทั้งสองคนก็เดิ นกลับมา เมื่ อผลัดเปลี่ ยนเสื้ อผ้า
และล้างเครื่ องสาอางออกแล้ว คนทั้งคู่ก็กลับมาอยู่ในสภาพ
เดิมของตัวเอง คนหนึ่งตัวสู งส่ วนอีกคนตัวเล็ก แถมทั้งสองคน
ต่างมีหน้าตาที่ดีมาก!
ตอนที่ 205 โจวหมิน่ คลอดลูกสาว

ขณะจ้า วเหวิน เทายุ่ง อยู่ก ับเรื่ อ งที่ จ ะน าภาพยนตร์ แ ละการ


แสดงงิ้วเข้าไปในหมู่บา้ น กล่าวทางเมืองหลวงฝั่งนี้ เย่หมิงเป่ ย
ก็กลับมาดูแลภรรยาของเขาหลังวางสายโทรศัพท์แล้ว

โจวหมิ่นกาลังประคองเอวเดินไปมาอยูด่ า้ นในลานบ้าน

ตอนนี้ครบเก้าเดือนกว่าแล้ว อีกไม่นานก็จะคลอด หล่อนจึงใช้


เวลานี้ เพื่อออกกาลังกาย เพื่อหวังว่าตอนที่ คลอดจะทรมาน
น้อยลงหน่อย

“ทาไมถึงกลับมาแล้วล่ะคะ?” โจวหมิ่นเห็นเขากลับมาแล้ว จึง


ทักด้วยรอยยิม้

เย่ห มิ ง เป่ ยยิ้ม ขณะตอบกลับ “ธุ ร ะเสร็ จ แล้ว ก็เ ลยกลับ มา


ก่อนน่ะครับ”
“คุณไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องในบ้านหรอกค่ะ ยังมีคุณน้าอยู่ท้ งั คน”
โจวหมิ่นเดินกลับมานัง่ ในบ้านพร้อมกับเขาพลางกล่าว

หล่ อ นท้ อ งแล้ ว แน่ น อนว่ า ต้ อ งจ้ า งคนให้ ม าช่ ว ยเหลื อ


ไม่ เ ช่ น นั้น คนที่ ไ ม่ มี ประสบการณ์ อ ย่า งหล่ อ นจะวางใจได้
อย่า งไร? หากมี ใ ครสั ก คนมาช่ ว ยก็ จ ะได้ช่ ว ยชี้ แนะได้สั ก
หน่อย

เย่หมิงเป่ ยกล่าว “ยังไงผมก็ตอ้ งกลับมาดูอยูด่ ี คุณดูสิ ตอนนี้นา้


เขาก็ไม่ได้อยูบ่ า้ น เหลือคุณแค่คนเดียว”

“คุ ณน้าออกไปซื้ อผักน่ ะค่ะ ก่อนที่จะออกจากบ้านก็บอกฉัน


แล้ว ” โจวหมิ่ น กลอกตาใส่ เ ขา พอหล่ อ นตั้ง ครรภ์ที เ ขาก็
ระมัดระวังยิง่ กว่าตัวหล่อนเสี ยอีก

แต่อย่าว่าอย่างนั้นเลย ความรู ้สึกที่ถูกสามีดูแลแบบนี้มนั ดีมาก


จริ ง ๆ และเป็ นเพราะการดู แ ลด้ว ยความรั ก ของเขาที่ มี ต่ อ
หล่ อ นในช่ ว งตั้ง ครรภ์ หล่ อ นก็ รู้ สึ ก มี ค วามสุ ข มากจริ ง ๆ
ภายในใจก็รู้สึกปลอดภัยมากด้วย

สามีคนนี้คือท่าเรื อของหล่อน เมื่อใดที่หล่อนต้องการ เขาก็จะ


ให้ที่พกั พิงและท่าเรื อไว้จอดตามที่หล่อนต้องการ

เย่หมิงเป่ ยพูดถึ งเรื่ องที่ น้องเขยโทรศัพท์มาหา รวมถึงความ


เป็ นห่วงเป็ นใยจากน้องสาว

“ฝากบอกเขาด้วยนะคะว่าฉันสบายดี แล้วก็ขา้ มปี นี้ ในหมู่บา้ น


ของเราก็คงจะสบายแล้ว ฉู ฉู่กบั คนอื่น ๆ ก็จะได้ขา้ มปี แบบ
สว่างไสวกันแล้ว” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิม้

เรื่ องที่ได้ติดตั้งไฟฟ้า หล่อนย่อมทราบอยูแ่ ล้ว

“รอพวกเรากลับไปคราวหน้า บ้านก็สว่างไสวแล้วล่ ะครับ”


เย่หมิงเป่ ยกล่าวด้วยรอยยิม้
“กลับไปครั้งหน้าก็พาลูกกลับไปให้คนในหมู่บา้ นดูดว้ ยสิ คะ
ให้พ วกเขาได้เ ห็ น ว่ า พวกเราสามคนใช้ชี วิ ต มี ค วามสุ ข กัน
ขนาดไหน ดูสิว่าจะกล้าหัวเราะเยาะเย้ยลับหลังว่าภรรยาของ
คุณหนีคุณไปอีกหรื อเปล่า!” โจวหมิ่นลูบท้องของหล่อนขณะ
แค่นเสี ยงเอ่ย

เย่หมิงเป่ ยยิม้ “อื้อ ถึงเวลานั้นถ้าพวกเราพาลูกกลับไปด้วย พ่อ


กับแม่ตอ้ งดีใจแน่นอน คนในหมู่บา้ นก็คงอิจฉาผมด้วย”

โจวหมิ่นทาให้เขาปวดหัวใจทั้งชีวิตในชาติที่แล้ว ดังนั้นหากมี
โอกาส หล่อนต้องชดเชยให้เขาให้ได้

เพิ่งพูดจบ ท้องของหล่อนก็เจ็บแปลบกะทันหัน ทาให้หล่อน


ส่ งเสี ยงร้อง ‘โอ๊ย’ อย่างห้ามไม่อยู่

เย่หมิงเป่ ยตกใจจนหน้าขาวซีด “เป็ นอะไรหรื อเปล่า?”


“หมิงเป่ ย ดูเหมือนว่าฉันจะคลอดแล้วค่ะ” โจวหมิ่นยิง่ พูดก็ยงิ่
รู ้สึกว่าท้องของหล่อนมีบางอย่างตกลงมาอย่างรุ นแรง

“หมินหมิ่น คุ ณอดทนไว้นะ ผมจะไปเรี ยกรถเดี๋ยวนี้ แหละ!”


เย่หมิงเป่ ยพูดรัวเร็ ว จากนั้นเขาก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ วปาน
ลมกรด

เรื่ องที่โจวหมิ่นจะคลอด เย่หมิงเป่ ยโทรบอกคนในบ้านเป็ น


อย่างแรกทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล

ตระกูลเย่ได้รับแจ้งข่าวจากทีมใหญ่ คุณพ่อเย่มีท่าทางแอบเป็ น
กังวล ส่ วนคุณแม่เย่เก็บของเสร็ จแล้วจึงรี บรุ ดมาที่เมืองหลวง
ทันที นางคิดว่าคงอีกหลายวันกว่าจะคลอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่า
จะปวดท้อ งคลอดเร็ ว ขนาดนี้ และก็ ไ ม่ รู้ ด้ว ยว่ า จะมาทัน
หรื อไม่

นางนึกถึงลูกชายที่คอยช่ วยภรรยาอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาไป


รับนางหรื อเปล่า ถ้าถึงที่นนั่ แล้วจะทาอย่างไร?
ตอนนี้การสื่ อสารคมนาคมก็ไม่สะดวก จึงทาได้เพียงแค่รีบไป

ส่ วนพ่อแม่ของโจวหมิ่นทางฝั่งนั้นไม่ได้ดีกบั หล่อนเท่าไรนัก
เพราะโจวหมิ่นคือลู กบุญธรรมของพวกเขา ตอนที่ไปอยู่ใน
ชนบทครั้งนั้น หล่อนก็ไปด้วยตัวเองไม่ได้ปรึ กษาใคร ดังนั้น
จึงไม่ได้ติดต่อพ่อแม่บุญธรรมมาหลายปี แล้ว เย่หมิงเป่ ยเองก็
ไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้

เย่หมิงเป่ ยทราบว่าแม่ของเขาเดินทางมาที่นี่แล้ว ภายในใจจึง


เกิดความมัน่ ใจ แต่ก็เป็นกังวลว่าแม่ของเขาออกจากบ้านครั้ง
แรก กลัวว่าจะนัง่ ผิดสถานี

โจวหมิ่นมีความเชื่ อใจแม่สามีของหล่อนมาก ตอนนี้ หล่อนก็


ไม่ได้ปวดท้องมากแล้ว และมีชีวติ ชีวาขึ้นมาบ้างแล้วด้วย

“แม่แข็งแกร่ งกว่าคุ ณเยอะเลยนะ คุ ณหาไม่เจอแต่แม่ตอ้ งหา


เจอแน่นอน” โจวหมิ่นกล่าว
เย่หมิงเป่ ยใช้ผา้ ขนหนู ชุบน้ าหมาด ๆ มาซับเหงื่อบนใบหน้า
ให้โจวหมิ่น “หมินหมิ่น คุณเข้าใจแม่ดีกว่าผมอีกนะ”

“แหงอยู่ แ ล้ ว คุ ณ แม่ เ ป็ นคนฉลาดและรู ้ ห นั ง สื อ แถมมี


ประสบการณ์ดว้ ย เก่งกว่าคุณเยอะเลย!” โจวหมิ่นพูดอย่างแง่
งอน

เย่หมิงเป่ ยยิม้ ก่อนหอมภรรยา “ใช่ ผมเป็ นคนโง่งม ภรรยาผม


ฉลาดก็ดีแล้ว หลังจากนี้ ให้ลูกเหมือนแม่ของเขาก็พอ ไม่ตอ้ ง
มาเหมือนพ่อแบบผมหรอก”

โจวหมิ่นไม่ได้พูดอะไร เพราะหล่อนรู ้สึกปวดท้องอีกแล้ว

หลังจากทรมานแบบนี้ ไปเจ็ดชัว่ โมงกว่า โจวหมิ่นก็คลอดลูก


สาวอวบอ้วนออกมาได้อย่างราบรื่ น!

เย่หมิงเป่ ยอุม้ ลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งคลอดด้วยความรู ้สึกอัศจรรย์


ใจอย่างมาก
ในตอนนี้ เขาเปลี่ ย นไปแล้ว เขารู ้ สึ ก ได้ว่ า ตัว เองเกิ ด การ
เปลี่ยนแปลง คล้ายกับว่าบนร่ างกายมีบางอย่างเพิ่มเข้ามา คาด
ว่าคงเป็ นพันธนาการทางสายเลือด

โจวหมิ่นมีร่างกายแข็งแรง เพราะเย่หมิงเป่ ยและน้าพี่เลี้ ย งก็


ดูแลหล่อนในช่วงที่ต้ งั ครรภ์เป็ นอย่างดี

หล่อนคลอดลูกได้อย่างราบรื่ น ตอนนี้ จึงดู มีชีวิตชี วาไม่นอ้ ย


เลย ครั้นมองเย่หมิงเป่ ยอุม้ ลูกด้วยท่าทางเงอะงะ ภายในใจก็
อ่อนยวบ

ชาติที่แล้วหล่อนเสี ยสามีคนนี้ ไป ไม่มีท้ งั ลูกชายและลูกสาว


แม้ตอนแก่ จะได้กลับมาเจอเขาอี กครั้ ง แต่ นั่นก็เป็ นช่ ว งบั้น
ปลายของชีวติ แล้ว

ตอนนี้ ไม่ เ หมื อ นกับ ตอนนั้น อี ก แล้ว เบื้ อ งบนได้ใ ห้โ อกาส
หล่อนอีกครั้ง ดังนั้นครั้งนี้หล่อนย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือ
หล่อนอยากใช้ชีวติ อย่างมีความสุ ขกับเย่หมิงเป่ ยจนกว่าชีวิตจะ
หาไม่

โจวหมิ่นพูดถูก แม่สามีของหล่อนเป็ นคนที่ฉลาดมากจริ ง ๆ

คุณแม่เย่มาถึงเมืองหลวงแล้ว นางไม่ได้ลงผิดสถานี จากนั้นก็


เรี ยกรถสามล้อถีบ(1)หนึ่งคัน

ในยุคหลังไม่มีรถสามล้อถีบให้เห็นแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีเยอะ
มาก เป็ นรถสามล้อ ที่ ใ ช้แ รงคน ผู โ้ ดยสารนั่ง อยู่ใ นเกวีย น
ด้านหน้า ส่ วนคนขับออกแรงปั่นจักรยานอยูด่ า้ นหลัง

จากนั้นรถสามล้อถีบก็พานางมาถึงสถานที่ที่เย่หมิงเป่ ยเช่าไว้

เย่หมิงเป่ ยบอกกับเพื่อนบ้านที่อยูใ่ นบ้านเดียวกันแล้วว่าภรรยา


ของเขาจะคลอดลูกและไปที่โรงพยาบาลไหน ถ้ามีคนมาถาม
ถึงพวกเขาก็ช่วยบอกให้ดว้ ย
ตอนนี้เพื่อนบ้านก็กระตือรื อร้นมาก เมื่อคุณแม่เย่มาถึงที่นี่และ
เอ่ยถาม พวกเขาก็บอกข้อมูลกับนางแล้ว

มี ลุ ง ใหญ่ ที่ มี น้ า ใจคนหนึ่ ง ช่ ว ยเป็ นธุ ร ะพาคุ ณ แม่ เ ย่ม าส่ ง ที่
โรงพยาบาล ตอนที่เย่หมิงเป่ ยได้ยนิ เสี ยงเคาะประตูและประตู
ห้องถูกเปิ ดออก ก็พบว่าคนที่มาถึงคือคุณแม่เย่

“แม่ มาได้ไงครับเนี่ย?” เย่หมิงเป่ ยเพิง่ ตื่น เขายกมือขึ้นมาขยี้ตา


ทั้งยังสงสัยมากว่าเขาฝันอยูห่ รื อไม่

คุ ณแม่ เย่เห็ นใบหน้าอิ ดโรยของลู กชาย นางจึ งตระหนัก ได้


อย่างดี กล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “ลุงจ้าวเพื่อนบ้านของแกพาแม่มา
ส่ งน่ ะสิ เขาเป็ นคนดี ที่มีความกระตือรื อร้นจริ ง ๆ เลย จริ งสิ
หมิ่นหมิ่นล่ะ? ลูกแกล่ะ?”

ระหว่างที่พูดคุณแม่เย่กด็ ึงเขาออกไป ก่อนจะเดินไปที่เตียงคน


ป่ วย
โจวหมิ่ น ก าลัง นอนหลับ ส่ ว นลู ก ก็น อนหลับ ปุ๋ ยอยู่ข ้า ง ๆ
หล่อน คุณแม่เย่ไม่ได้รบกวนลูกสะใภ้แต่อย่างใด ระหว่างนั้น
ก็มองดูหลานด้วยความระมัดระวัง

ทารกเพิง่ คลอดได้สองวัน หน้าตาจึงดูเหี่ยวย่นน่าเกลียด แต่คุณ


แม่เย่กลับรู ้สึกว่ามองอย่างไรก็ไม่เคยพอ

เย่หมิงเป่ ยทางฝั่ งนี้ ก็ตอ้ งไปขอบคุ ณลุงใหญ่ที่เป็ นเพื่อนบ้าน


ก่ อ นอยู่แ ล้ว หลัง จากส่ ง อี ก ฝ่ ายกลับไป จึ ง กระซิ บว่า “แม่
หมินหมิ่นบอกว่าแม่ตอ้ งหาเจอแน่นอน ผมยังไม่เชื่อเลย แต่แม่
กลับเจอจริ ง ๆ!”

คุณแม่เย่กลอกตาใส่ เขาด้วยรอยยิม้ “มีที่อยู่ ใต้จมูกก็ยงั มีปาก


จะไม่เจอได้ยงั ไง? หมินหมิ่นเป็ นยังไงบ้าง?”

“สบายดี คลอดลูกได้อย่างราบรื่ นมากเลยครับ” เย่หมิงเป่ ยริ น


น้ าร้อนให้แม่ของเขา กระซิ บว่า “พวกเราจ้างคุณน้าพี่เลี้ยงไว้
คนหนึ่งให้ช่วยดูลูกให้ หล่อนเพิ่งจะกลับไป ตอนนี้กไ็ ปซื้ อผัก
แล้ว ถ้าแม่มาช้าอีกนิดคงได้เจอกันที่บา้ นแล้ว”

คุณแม่เย่พยักหน้า “จ้างไว้สักคนก็ดีนะ พวกลูกจะได้สบายขึ้น


อีกหน่อยด้วย!”

นางทราบดีว่าลูกชายและลูกสะใภ้มีฐานะ ดังนั้นการจ้างคนมา
ก็ไม่ใช่เรื่ องไม่ดี

ระหว่างที่กาลังคุยกัน ทารกก็เริ่ มส่ งเสี ยงอ้อแอ้ จากนั้นจึงแผด


เสี ยงร้องออกมา

โจวหมิ่นเองก็ตื่นแล้ว ครั้นเห็นคุณแม่เย่กร็ ู ้สึกประหลาดใจอยู่


ครู่ หนึ่ง “คุณแม่มาถึงแล้วเหรอคะ?”

คุณแม่เย่ยมิ้ “แม่มาแล้ว คิดไม่ถึงสิ นะว่าจะมาเร็วขนาดนี้? เป็ น


ยังไงบ้าง?”
โจวหมิ่ น ยิ้ม “สบายดี ค่ ะ คลอดได้อ ย่า งราบรื่ น เลย ไม่ ไ ด้
ทรมานอะไร ลู ก ก็แ ข็ง แรงดี แถมยัง มี คุ ณ น้า คอยช่ ว ยดู แ ล
ตอนนี้คุณแม่มาแล้ว ยิง่ หมดห่ วงเลยค่ะ” ระหว่างที่พูด หล่อน
ก็เริ่ มป้อนนมลูก

คุณแม่เย่ได้ยินคาพูดที่ฟังดูเหมาะสมนี้ ของลูกสะใภ้ก็รู้สึกพึง
พอใจมาก นางมองหลานที่กาลังดื่มนมพลางกล่าวด้วยรอยยิม้
ว่า “น้ านมมีเยอะเลยนะ มีพอให้ลูกกินด้วย”

เย่หมิ งเป่ ยกล่ าวด้ว ยรอยยิ้ม “พออยู่แล้วครั บ ลู กกิ นไม่ ไหว


หรอก”

“ลูกสาวกระเพาะเล็กนิดเดียวเอง” โจวหมิ่นหัวเราะ ระหว่างที่


พูดก็ให้ความสนใจกับท่าทีของแม่สามีดว้ ย

………………………………………………………………
รถสามล้อที่ติดเกวียนไว้ดา้ นหน้าจักรยาน
ตอนที่ 206 เสื้ อนวมตัวน้ อย

โจวหมิ่ นไม่ ไ ด้สนใจว่าลู กของหล่ อนจะเป็ นลู กชายหรื อลูก


สาว ขอแค่ เป็ นลู กของหล่ อ นกับเย่หมิ ง เป่ ย หล่ อนขอแค่ คา
เดียวคือให้ร่างกายแข็งแรงก็พอแล้ว

อย่างอื่นไม่ได้สนใจอะไรมากมาย

นอกจากนี้หล่อนก็ปรึ กษากับเย่หมิงเป่ ยแล้วว่ามีลูกแค่คนนี้คน


เดียวพอ

แต่ถา้ บอกว่าต้องการแค่คนเดียว แม่สามีจะคิดอย่างไร?

เย่หมิงเป่ ยเองก็ลืมบอกว่าเป็ นลูกสาวหรื อลู กชาย คุ ณแม่เย่ก็


ไม่ได้ถาม นางไม่ได้เคร่ งครัดเกี่ยวกับการคลอดลูกชายและลูก
สาว ในยุคนี้ผคู ้ นต่างก็คลอดลูกเป็นโขยง คนนี้ไม่ใช่ลูกชายก็
ยังรอคนต่อไปได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ตอ้ งกังวลเรื่ องลูกชาย ในเมื่อ
เป็ นแบบนี้ยงั จะไปสนใจทาไม

“งั้นลูกก็ตอ้ งป้ อนนมเยอะ ๆ นะ ลูกสาวนับเป็ นเสื้ อนวมตัว


น้อย โตขึ้นทาให้อบอุ่นร่ างกายและอบอุ่นหัวใจ” คุณแม่เย่จบั
มือของทารกตัวน้อยด้วยรอยยิม้ นุ่มเสี ยจนใจละลาย

โจวหมิ่นเห็นว่าแม่สามีไม่ได้ใส่ ใจว่าจะเป็ นลูกชายหรื อลูกชาย


จึงสบายใจ และถามเรื่ องระหว่างทางที่มาที่นี่

“ระหว่ า งทางราบรื่ น มาก พี่ ใ หญ่ ข องเธอมาส่ ง แม่ ที่ ร ถไฟ


จากนั้นก็นงั่ มาถึงเมืองหลวง แม่ว่าที่นี่อบอุ่นกว่าบ้านพวกเรา
ทางฝั่งนูน้ อีกนะ” คุณแม่เย่กล่าว

“ทางนี้ มีตึกสู ง รถเยอะ คนเยอะ พวกเราทางฝั่ งนั้นมีคนน้อย


จึงต่างกันหลายขุมเลยค่ะ” โจวหมิ่นกล่าว

คุณน้าที่เป็ นพี่เลี้ยงกลับไปไม่นานก็ทาอาหารมาส่ งให้


คุณน้าคนนี้อายุยงั น้อย ประมาณสี่ สิบกว่า หล่อนเก็บกวาดทุก
อย่างได้สะอาดสะอ้านและคล่องแคล่ว

“นี่คือแม่ผมเองครับ” เย่หมิงเป่ ยแนะนา

น้าพี่เลี้ยงกล่าวทักทายคุณแม่เย่ดว้ ยรอยยิม้

“ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ คงทาให้เธอเป็นกังวลแย่เลยนะ” คุณแม่พูด


ด้วยความเกรงใจ

คุ ณน้ากล่ าวด้วยรอยยิ้ม “นี่ เป็ นเรื่ องที่ ฉันต้องทาอยู่แล้ว อี ก


อย่าง นี่ ก็เป็นผูใ้ หญ่ท้ งั นั้น เด็กก็เพิ่งคลอด ไม่มีอะไรต้องเป็ น
ห่วง ตอนนี้คุณมาแล้ว ฉันต่างหากล่ะคะที่หมดห่วง”

คุณน้าเป็ นคนปากไวใจถึง คุณแม่เย่กร็ ู ้สึกถูกชะตามาก

หลังจากนั้นสามวัน เมื่อโจวหมิ่นรู ้สึกว่าไม่มีอะไรแล้ว จึงออก


จากโรงพยาบาล
อยู่โรงพยาบาลทาอะไรก็ไม่สะดวก สู ้กลับไปอยู่ไฟที่บา้ นให้
สบาย ๆ ดีกว่า

ตอนขากลับไม่สามารถนัง่ รถสามล้อถีบได้ ต่อให้อุณหภูมิของ


เมืองหลวงจะสู ง แต่กไ็ ม่ได้อบอุ่นอยูด่ ี เพราะกลัวว่าเด็กจะถูก
ลมหนาว เย่หมิงเป่ ยจึงเรี ยกรถแท็กซี่เพื่อกลับไป

ตอนขามาไม่ ได้นาของมาเยอะ ขากลับกลับมี ของกองใหญ่


ทั้งหมดก็คือของของทารกตัวน้อย อย่ามองว่าคลอดแค่สามวัน
แต่ของใช้กลับมีเยอะจนตามผูใ้ หญ่ได้หลายปี ทีเดียว

คุ ณน้ากลับไปที่บา้ นก่อนแล้ว เพื่อทาความสะอาดเก็บกวาด


บ้านให้เรี ยบร้อย และยังเตรี ยมอาหารไว้แล้ว

ตอนที่คุณแม่เย่มานางก็ตม้ ไข่ไก่ไปหนึ่ งถุง นี่ เป็ นไข่ที่ไก่ใน


บ้านออกไข่ไว้ เป็ นเพราะไข่ดิบเก็บไว้ได้ไม่นาน นางจึงนาแต่
ไข่สุกแล้วมาให้ แต่ก็ไม่กล้าหยิบมามากนัก แม้อากาศตอนนี้
จะไม่ตอ้ งเป็ นกังวลเรื่ องเน่าเสี ย แต่หากได้รับประทานแบบสด
ใหม่กน็ ่าจะดีกว่าหน่อย

เมื่อปอกเปลือกไข่แล้วก็ใส่ ลงไปในหม้อโจ๊ก ซึ่ งโจ๊กถูกต้มไว้


เรี ยบร้อยแล้ว ครั้นไข่ไก่ร้อนดี คุณแม่เย่จึงยกมาให้โจวหมิ่น
รับประทาน ส่ วนน้าพี่เลี้ยงก็เป็ นคนทาอาหารส่ วนของพวกเขา

“ได้เลี้ยงแม่ไก่ไว้ที่บา้ นหรื อเปล่า เอามาตุ๋ นซุ ปให้หมินหมิ่น


กินสิ อย่าไปซื้ อไก่ของฟาร์มไก่นะ ไก่ของฟาร์มไก่ใช้เวลาไม่
นานไม่มีสารอาหารอะไร” คุณแม่เย่พูดกับลูกชาย

เย่ห มิ ง เป่ ยกล่ า ว “ตอนบ่ า ยผมจะไปที่ ห มู่ บ ้า นซื้ อ ไก่ เ ป็ น ๆ


กลับมาสักสามสี่ ตวั เอามาเลี้ยงไว้น่ะครับ เวลากินก็จะได้เชือด
แบบเป็ น ๆ เลย”

“ถูกต้อง ซื้ อไก่เป็น ๆ กลับมานะ ของที่แช่ แข็งในตูเ้ ย็นไม่ได้


อร่ อยอะไรเลย” อย่ามองว่าคุ ณแม่ เย่เป็ นคุ ณย่าอยู่ในชนบท
เพราะนางเองก็มีความรู ้ไม่นอ้ ย
โจวหมิ่นได้ยินก็พูดด้วยรอยยิม้ ว่า “แม่คะ ทาไมแม่ถึงรู ้ว่ามัน
ไม่ดีคะ? ตอนนี้คนในเมืองต่างก็ซ้ื อของมาแช่แข็งในตูเ้ ย็นกัน
ทั้งนั้นเลย”

คุณแม่เย่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “แม่ทาอาหารมาทั้งชีวติ ของแค่น้ ียงั


ไม่รู้อีกเหรอ? ในหมู่บา้ นของเราเวลาจะกินผักก็ตอ้ งกินแบบ
เก็บสด ๆ ผักที่ ถูกเก็บขึ้ นมาจากพื้นดิ น ล่ ว งหน้าหนึ่ ง วัน ก็มี
รสชาติ ไ ม่ เ หมื อ นเดิ ม แล้ว ดู อ ย่า งมัน ฝรั่ ง นั่น สิ ต้อ งเพิ่ ง ขุ ด
ออกมาจากใต้ดินถึงจะอร่ อย! เนื้ อสัตว์นนั่ ก็เหมือนกัน แม่ไม่
เคยใช้ตูเ้ ย็นแบบของพวกเธอหรอก แต่ เนื้ อในฤดู หนาวของ
บ้านเราก็ถูกแช่ แข็งไว้ขา้ งนอกทั้งนั้น เวลาได้กินก็ไม่ได้รู้สึก
อร่ อยเหมื อนเนื้ อจากสัตว์ที่เพิ่งเชื อดสด ๆ อยู่ดี นี่ แหละคื อ
เหตุผล!”
“แม่สุดยอดจริ ง ๆค่ะ!” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิม้ “แม่พูดถูก
ไม่ว่าจะของอะไรก็สู้ของสดใหม่ไม่ได้ แต่น่าเสี ยดายที่คนใน
เมืองตอนนี้ได้กินของสดใหม่นอ้ ยมาก”

น้าพี่เลี้ยงยกอาหารมาวางบนโต๊ะแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว ของกิน


ในเมืองหาที่สดใหม่ได้ยากมาก โดยเฉพาะผลไม้ที่เก็บไว้ต้ งั
หลายวัน ไม่ เหมื อนกับบ้า นพวกเรา อยากกิ นตอนไหนก็ไป
เก็บลงมาจากต้นได้เลย”

คุณแม่เย่กล่าว “ต่อให้เป็ นแบบนี้แต่คนก็ยงั อยากมาอยูใ่ นเมือง


ไม่มีใครอยากไปอยูช่ นบทหรอก”

“ในเมืองใช้ชีวิตดีกว่าหน่อย” น้าพี่เลี้ยงพูดเรื่ องจริ ง “ช่องทาง


ทาเงินก็เยอะ เฮ้อ ได้อย่างเสี ยอย่าง ย้อนแย้งจริ ง ๆ เลย”

ครอบครัวของหล่อนก็อยูใ่ นชนบท
“นัน่ น่ ะสิ ในชนบทล้าหลังแล้ว หมู่บา้ นที่อยู่ขา้ ง ๆ ของพวก
เราเพิ่งจะมีไฟฟ้ าข้าถึง หมู่บา้ นของเรายังไม่มีเลย เธอดู สิใน
เมืองมีไฟฟ้ าสว่างไสวแล้ว ตอนกลางคืนก็เหมือนกับตอนเช้า
ทาอะไรก็ได้หมดเลย” คุณแม่เย่กล่าว

“ถูกต้อง แบบนี้แหละ” น้าพี่เลี้ยงพยักหน้า

โจวหมิ่นและเย่หมิงเป่ ยฟังทั้งสองคนพูดคุยกัน ต่างก็พากันยิม้


แย้ม ทั้งสองคนดูเข้าขากันได้ดีเลย

หลัง จากรั บ ประทานอาหารเสร็ จ เย่ห มิ ง เป่ ยก็ไ ปซื้ อ ไก่ ใ ห้


โจวหมิ่น ซึ่ งคุณน้าแนะนาว่าถ้ามีไก่ดาก็ให้ซ้ื อไก่ดามาสักตัว
เพราะถ้านาไปตุ๋นซุปจะได้สารอาหารมากกว่า

คุ ณแม่ เย่คอยปลอบหลานให้ ตอนนี้ หลานเองก็กิน อิ่ ม นอน


หลับเต็มที่ ไม่ตอ้ งดูแลอะไร

ส่ วนคุณน้าก็ไปซักผ้าอ้อมให้เจ้าตัวน้อย
เป็ นเพราะในบ้านมี ค นคอยดู แลลู ก ให้ โจวหมิ่ น จึ ง ได้นอน
หลับแบบสงบ

คุ ณแม่เย่มาในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่โจวหมิ่นที่สงบ เย่หมิงเป่ ยก็


สงบมากเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ ต่อให้มีคุณน้าอยู่ดว้ ย แต่ก็ยงั รู ้สึกว่าเป็ นคนนอก


เขาเองก็เป็ นห่ วงโจวหมิ่นมาก ตอนนี้แม่มาที่นี่แล้ว เขาจึงรู ้สึก
สบายใจขึ้นเยอะ เขาจึงมีเวลาคิดถึงเรื่ องแฟชัน่ วีคแล้ว

การแข่งขันแฟชัน่ ครั้งใหญ่ครั้งนี้ ผลลัพธ์กค็ ือเสื้ อผ้าของเย่ฉูฉู่


ไม่ได้โดดเด่ นขนาดนั้น ได้รับแค่รางวัลน้องใหม่โดดเด่นมา
หนึ่ งรางวัล แต่ในฐานะของคนที่มาใหม่ในวงการก็ถือว่าไม่
เลวแล้ว

หลังจากนี้กค็ ือการเข้าร่ วมแฟชัน่ วีค


โจวหมิ่นพูดไว้แล้วว่าสิ่ งนี้ทาเพื่อให้สินค้าขายดีในช่ วงปี ใหม่
ถ้าสิ นค้าดังแบบพลุแตก ถึงเวลานั้นยอดสั่งตัดก็ไม่รู้ว่าจะมาก
ขนาดไหน

เย่หมิงเป่ ยเองก็ไม่ เคยมี ประสบการณ์ว่าอะไรคื อดังแบบพลุ


แตก และไม่ได้มีความคิดในเรื่ องทานองนี้ การแข่งขันแฟชัน่
ครั้ งใหญ่ ท าให้เ ขาได้เ ข้า ใจเรื่ อ งเหล่ า นี้ ขึ้ น มาบ้า ง แต่ ก็ไ ม่
สามารถชื่นชมมันได้จากใจจริ ง

เขารู ้สึกว่าเสื้ อผ้าเหล่านั้นไม่สามารถสวมใส่ ออกไปข้างนอก


ได้ และเขาก็มองไม่ออกว่าสวยตรงไหน แต่นอ้ งสาวของเขา
ออกแบบมาได้ดีหน่อย อย่างน้อย ๆ ก็สามารถใส่ ได้ ผลลัพธ์ที่
ได้กลับกลายเป็นว่าได้แค่รางวัลน้องใหม่ผโู ้ ดดเด่น ซึ่ งเขาไม่
เข้าใจเอาเสี ยเลย
โจวหมิ่นบอกว่ามันเป็ นแฟชัน่ แฟชัน่ ก็คือการใช้เงิน ดูดีแต่ใช้
ไม่ได้จริ ง หล่อนบอกเขาว่าไม่ตอ้ งเป็นกังวล หล่อนจะทาให้
เสื้ อผ้าที่ฉูฉู่ออกแบบขายดีเป็ นเทน้ าเทท่า

เย่หมิงเป่ ยไม่ได้ตรึ กตรองถึงเรื่ องขายดีเป็ นเทน้ าเทท่า ขั้นตอน


ทั้งหมดของการแข่ งขันแฟชั่นทาให้เขาเหนื่ อยสุ ด ๆ เขาไม่
อยากให้โจวหมิ่นเหนื่อยแบบนั้น นี่กก็ าลังอยูไ่ ฟ ถ้าเหนื่ อยจน
ป่ วยขึ้นมาจะทาอย่างไร?

เขาหวังว่าโจวหมิ่นจะได้รักษาร่ างกายให้ดี ๆ โชคดีที่ยงั เหลือ


เวลาอีกหนึ่งเดือนกว่า ๆ

คุ ณแม่เย่เดิ นทางมาถึ งเมื องหลวงโดยสวัสดิ ภาพ คุ ณพ่อเย่ที่


ได้รับสายจากลูกชายจึงสบายใจ จ้าวเหวินเทาเองก็วงิ่ มาที่บา้ น
พ่อตารอบหนึ่ งเหมือนกัน เพราะกังวลว่าแม่ยายมาถึงหรื อยัง
จะหลงทางหรื อไม่
โชคดี ที่ คุ ณ แม่ เ ย่ฉ ลาด เมื่ อ ทราบเรื่ อ งจากพ่ อ ตา เขาจึ ง รี บ
กลับมาบอกภรรยาทันที

แม้เย่ฉูฉู่จะทราบว่าแม่ของตนฉลาด แต่ถึงอย่างไรนี่กเ็ ป็นการ


เดินทางครั้งแรก แน่ นอนว่าเธอเองก็ตอ้ งเป็นกังวลเรื่ องแม่อยู่
แล้ว แต่โชคดีที่นางเดินทางไปถึงอย่างปลอดภัย

“คุณยายไปถึงเมืองหลวงแล้ว แถมยังช่ วยดูแลน้องให้ลุงสาม


ด้วย เสี่ ยวไป๋ หยาง คิดถึงคุ ณยายไหมเอ่ย?” เย่ฉูฉู่ลา้ งหน้าให้
ลูกชายพลางพูดคุยกับเขาไปด้วย

เธอใช้น้ านมล้างหน้าให้ลูกชายตัวน้อย เมื่อล้างแล้วผิวหน้าก็


จะขาวนุ่ม สวยมาก ๆ

เสี่ ยวไป๋ หยางยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนแม่ของเขา คิ้วและดวงตาดูราว


กับภาพวาด ดวงตาดาขลับทั้งแวววาวและเป็ นสี ดา ดู ๆ ไปแล้ว
แฝงด้วยความเฉลียวฉลาด
“อาๆ อือๆ” เสี่ ยวไป๋ หยางยกมือเล็ก ๆ ตอบรับแม่ของเขา

เย่ฉูฉู่ยิ้มพร้ อมกับหยอกลู กชาย “เสี่ ยวไป๋ หยางของพวกเรา


คิดถึงคุณยายแล้วสิ นะ รอให้คุณยายกลับมาจะเอาของอร่ อย ๆ
มาฝากนะ”

แค่พูดถึงของอร่ อย ลูกลิงก็กระโดดเข้ามา ทั้งยังส่ งเสี ยงร้ อง


เจี๊ยก ๆ ด้วย

ลู กลิ งได้กินดี นอนหลับเต็ม อิ่ ม เมื่ อทางานเป็ นบางครั้ งก็จ ะ


ได้รับรางวัลด้วย หลายเดือนมานี้ มนั จึงอ้วนฉุ ดวงตาเล็ก ๆ คู่
นั้นก็ยงิ่ ฉายแววความฉลาดออกมา

“ไฉไฉเองก็คิดถึงคุ ณยายแล้วสิ นะ” เย่ฉูฉู่ลูบหัวของลิ งน้อย


“ตอนที่ คุณยายกลับมาก็จะเอาของอร่ อยกลับมาฝากแกด้วย
นะ”

ลูกลิงพึงพอใจ มันพิงข้างตัวเย่ฉูฉู่พลางส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ


เย่ฉูฉู่รู้สึกได้วา่ ลูกลิงเห็นเธอเป็ นแม่ ไม่เช่นนั้นคงไม่พ่ งึ พิงเธอ
ขนาดนี้ ตั้งแต่วนั แรกที่เจอมันก็สนิทกับเธอแล้ว

“ภรรยาจ๋ า พวกคุณคุยกันสนุ กสนานเชี ยวนะ!” จ้าวเหวินเทา


เดินเข้ามาจากด้านนอก

“แอ๊ ๆ!” เมื่อเสี่ ยวไป๋ หยางเห็นพ่อของเขากลับมา จึงโบกไม้


โบกมือเล็ก ๆ เรี ยกเขา เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างเตะไปมาไม่หยุด
ท่าทางดูเหมือนว่าจะดีใจมากทีเดียว
ตอนที่ 207 จ่ ายเงินจนเข้ าเนื้อ

“ลูกชายของพ่อคิดถึงพ่อขนาดนี้เลยเหรอ!” จ้าวเหวินเทากล่าว
ด้วยรอยยิม้ เขาและลูกชายต่างสนิทกันจริ ง ๆ เมื่อเข้ามาก็ทาท่า
จะอุม้

เย่ฉูฉู่รีบพูด “รี บไปล้างหน้าล้างมือก่อนค่ะ ในหม้อมีน้ าร้อน


อยู”่

“เจ้าลูกชาย รอพ่ออาบน้ าเสร็ จแล้วจะมาอุม้ นะ” จ้าวเหวินเทา


ไปอาบน้ าแล้ว กลับมาจึงมาอุม้ ลูกชาย ช่ างเป็ นภาพที่งดงาม
นัก สองพ่อลูกต่างยิม้ กันอย่างมีความสุ ขทีเดียว

เย่ ฉู ฉู่ เ ห็ น ท่ า ทางแบบนั้น ของเขาก็ ท ราบได้ นี่ คื อ หั ว หน้า


ครอบครัวที่อยากได้ลูกชาย!
ก่อนหน้านี้ บอกว่าจะลูกชายหรื อลูกสาวก็ได้ท้ งั นั้น แล้วดูเขา
ประคบประหงมลูกชายสิ

แต่กอ็ ย่าพูดเลย ลูกชายของตัวเองน่ารักขนาดนี้ ใครเห็นก็ชอบ


กันทั้งนั้น ไม่แปลกใจที่พ่อของเขาจะรักขนาดนี้

ลูกลิงก็เข้าร่ วมความครึ กครื้ นนี้ดว้ ย จ้าวเหวินเทาจึงต้องปลอบ


ลิงสักหน่อยอย่างช่วยไม่ได้ เย่ฉูฉู่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“เสี่ ยวไป๋ หยาง แม่ ข องลู ก เห็ น พวกเราเป็ นตัว ตลกล่ ะ !”


จ้าวเหวินเทากล่าว

“เรื่ องเหมาภาพยนตร์ เป็ นยังไงบ้างคะ?” เย่ฉูฉู่เปลี่ยนประเด็น


สอบถามด้วยรอยยิม้

จ้า วเหวิ น เทาคลี่ ยิ้ม กล่ า ว “ภรรยา ขอแค่ ส ามี คุ ณ ลงมื อ มี


อะไรบ้างที่ไม่สาเร็จล่ะครับ?”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขาด้วยรอยยิ้ม คนคนนี้ มีโรคประจาตัว ยัง
ไม่ได้พูดก็อวดก่อนแล้ว “เลิกอวดได้แล้วค่ะ เล่ามา”

“อวดอะไรกัน เรื่ องใช้เงินใครก็สู้สามีคุณไม่ได้หรอกนะ” จ้าว


เหวินเทากล่าวด้วยรอยยิม้

คาพูดนี้ ก็เป็ นความจริ ง ไม่ เพียงแค่ ตนเองใช้เงิ นเก่ ง แถมยัง


ช่วยคนอื่นใช้เงินได้สุดยอดอีกด้วย

ระยะเวลาเพียงไม่กี่วนั ที่เขาวิ่งไปกลับ เขาก็คุยเสี ยจนทีมใหญ่


ของหมู่ บ ้า นใกล้เ คี ย งคล้อ ยตามและยิ น ดี ที่ จ ะร่ วมเหมา
ภาพยนตร์และงิ้ว

แต่ ล ะหมู่ บ ้ า นจะมี ก ารแสดงงิ้ ว ในช่ ว งเช้ า ตอนค่ า ฉาย


ภาพยนตร์ เป็ นเวลาสามวัน ห้าหมู่บา้ นรวมเข้าด้วยกันก็สิบห้า
วัน เริ่ มจากหมู่บา้ นตะวันออกก่อน
ก่อนหน้านี้ เดิมทีจองไว้เจ็ดวัน แต่ไปๆ มาๆ กลับเพิ่มขึ้นเป็ น
เท่าตัว

“คณะงิ้ ว ทางฝั่ ง นั้น เตรี ย มตัว กัน วัน นี้ พรุ่ ง นี้ ผมจะไปพามา
ส่ วนพรุ่ งนี้ ตอนค่ าก็ฉายหนังได้แล้ว วันนี้ ช่วงบ่ ายผมจะไป
เรี ยกชาวบ้านมาตั้งเวทีการแสดง ถึงเวลานั้นฝั่งนั้นมาก็แสดง
ได้เลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่ถามอย่างไม่เข้าใจ “คุ ณพูดยังไงพวกเขาถึงยอมล่ะคะ?


หมู่บา้ นอื่นไม่เป็ นไรหรอก แต่หมู่บา้ นเราคุยยากจะตายไป”

“ยากอะไรกันล่ะ คนส่ วนมากชอบดูหนังจะตายไป คนแก่ ๆ ก็


ชอบฟั งงิ้ว ทางานหนักมาทั้งปี แล้ว ยังไงก็ตอ้ งผ่อนคลายสัก
หน่ อย คนจานวนน้อยยอมก็กลายเป็ นคนจานวนมาก ก็เลย
ประสบความสาเร็ จ” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างสบาย ๆ อันที่จริ ง
มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนี้ อยู่แล้ว ทั้งยังต้องใช้ความพยายามนิ ด
หน่อยด้วย
“แล้วแต่ละบ้านออกเงินบ้านละเท่าไรเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“แต่ละหมู่บา้ นออกเงินสามร้อยหยวน หมู่บา้ นเรามีหนึ่ งร้ อย


กว่าครัวเรื อน นามาเฉลี่ยแล้วก็บา้ นละไม่ถึงสามหยวน” จ้าวเห
วินเทากล่าว

“แบบนั้นก็ไม่นอ้ ยอยูด่ ี” เย่ฉูฉู่กล่าว

อย่ามองว่ามันเป็ นเงินไม่ถึงสามหยวน คนอื่นแม้แต่เงินสาม


เหมาก็ยงั เสี ยดายที่จะใช้เลย เงินสามหยวนจึงไม่ใช่จานวนน้อย

“ก็ยงั ได้อยู่นะ เลี้ยงกระต่ายเพิ่มอีกสักหน่อยก็ได้เงินคืนแล้ว”


จ้าวเหวินเทาไม่ได้ใส่ ใจ

“ตอนนี้จะเปิ ดปากหรื อปิ ดปากก็มีแต่กระต่ายแล้วนะคะ” เย่ฉูฉู่


ยิม้
“เลี้ยงกระต่ายดีจะตาย ไม่เปลืองสมองไม่เปลืองแรงก็ได้เงิน
คืนกลับมาอย่างรวดเร็ วแล้ว มีอะไรไม่ดีล่ะ” จ้าวเหวินเทาพูด
ถึงตรงนี้ดวงตาก็เป็ นประกาย “ภรรยา ผมจะบอกอะไรให้ ครั้ง
ก่ อ นที่ ผ มเล่ า เรื่ องที่ จ ะให้ ค นจากคณะงิ้ ว สองคนนั้ นช่ ว ย
โฆษณาเรื่ องกระต่ายให้พวกเรา มันสาเร็จแล้วนะ!”

เย่ฉูฉู่รู้สึกเหนื อความคาดหมายมาก “พวกเขายอมแล้วเหรอ


คะ?”

“ยอมแล้ว ผมพูดกับพวกเขาแบบนี้ คนในชนบทต่างก็พ่ งึ พาทุ่ง


นาเพื่อขายผลผลิตเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้น แต่มนั ก็ยงั ไม่เพียงพอ
ต้อ งพัฒ นาอาชี พ เสริ ม ด้ว ย กระต่ า ยนี้ เลี้ ยงง่ า ย แถมยัง ได้
ประสบการณ์ดว้ ย ถ้าพวกนายช่วยโฆษณาเรื่ องเลี้ยงกระต่าย ก็
จะมีคนจานวนมากขึ้นที่เลี้ยงกระต่าย รายได้ก็จะมากขึ้นด้วย
หลังจากนี้กจ็ ะเชิญพวกนายให้มาแสดงละคร เงินก็สามารถให้
ได้เยอะขึ้นด้วย พอพวกเขาได้ยนิ ว่าสมเหตุสมผลก็ตอบตกลง
เลย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิม้

เย่ฉูฉู่เองก็มองเขาด้วยรอยยิม้

“แล้วหลังจากนี้ จะโฆษณายังไงคะ?” เย่ฉูฉู่ถามถึงเรื่ องสาคัญ


ว่าจะโฆษณาเรื่ องกระต่ายผ่านการแสดงงิ้วอย่างไร?

“ก็ฉางเอ๋ อเหิ นจันทราไง!” จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ หึ “ภรรยา


คุณไม่เคยได้ยนิ ละครนี้เหรอ?”

“เคยได้ยิน สิ ฉางเอ๋ อ เหิ น จัน ทรา ดัง มากเลยนะ แต่ เ รื่ อ งนี้
เกี่ยวกับกระต่ายยังไง…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่ฉูฉู่ก็ตระหนักขึ้น
ได้ “หรื อในตาหนักจันทรามีกระต่าย?”

“ถู ก ต้อ ง!” จ้า วเหวิ น เทากล่ า วด้ว ยรอยยิ้ม “ในต าหนัก จัน
ทรามีกระต่าย ถึงเวลานั้นก็ให้ฉางเอ๋ ออุม้ กระต่าย จากนั้นพูด
เกี่ยวกับกระต่ายสักสองสามประโยค แบบนั้นก็สามารถขาย
กระต่ายได้แล้วไมใช่เหรอ!”

“คุณจะให้พวกเขาอุม้ กระต่ายตัวเป็ น ๆ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“ไม่ถึงกับอุม้ กระต่ายตัวเป็น ๆ หรอก กระต่ายหนึ่ งตัวมีราคา


มากนะ ถ้ามันตกใจขึ้นมาจะทายังไง ถึงเวลานั้นก็ทากระต่าย
ปลอมขึ้นมาสักตัว ทาแบบที่ดูดีหน่อย ด้านบนก็สามารถเขียน
ตัวอักษรได้ดว้ ย จริ งสิ ภรรยา คุณวาดรู ปเสื้ อผ้าได้ไม่ใช่ เหรอ
แล้วคุณทากระต่ายตัวนั้นได้ไหม?” จ้าวเหวินเทาถาม

เย่ฉูฉู่แอบรู ้สึกขบขัน

ต่ า งอาชี พก็ห่ างดัง่ ขุน เขากั้น วาดเสื้ อ ผ้ากับวาดกระต่ ายมัน


เหมือนกันตรงไหน? แต่เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของสามี เธอก็
ทาใจปฏิเสธไม่ได้ ครุ่ นคิดแล้วตอบกลับไป “ฉันจะลองดูนะ
คะ”
“ตกลง ภรรยา ผมเชื่ อว่าคุณทาได้แน่ นอน!” จ้าวเหวินเทายิ้ม
ตาหยี

เย่ฉู ฉู่ โ บกมื อ “คุ ณ อย่า รี บ ให้น้ า แกงมึ น งงกับ ฉัน สิ จะวาด
ออกมาได้หรื อเปล่ามันคนละเรื่ องกันเลยนะ”

จ้าวเหวินเทาโอบภรรยาและหอมไปหนึ่งที “ภรรยา นี่ไม่ใช่น้ า


แกงมึนงงนะ มันคือคาพูดจริ ง ๆ ต่างหาก”

เย่ฉูฉู่ไม่เชื่ อเขาหรอก ตอนนี้ เขาออกไปวิ่งค้าขาย ได้เห็นโลก


ภายนอก ฝีปากนี้ของเขาก็มีแต่จะเก่งกาจขึ้นเรื่ อย ๆ

แต่ เรื่ องที่ให้วาดรู ปกระต่ายก็ยงั ต้องวาด เธอย่อมสนับสนุ น


เรื่ องงานของสามีอยูแ่ ล้ว

ด้วยในบ้านเลี้ยงกระต่าย เย่ฉูฉู่จึงวาดรู ปเป็ น การวาดออกมา


ไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งยาก แต่ ย ากตรงที่ จ ะท าออกมาอย่า งไร และท า
อย่างไรให้ดูดี เรื่ องนี้ตอ้ งคิดให้รอบคอบ
ส่ วนทางฝั่งพี่สะใภ้รองจ้าว หล่อนกาลังถามพี่รองจ้าวด้วยเสี ยง
สู ง “อะไรนะ บ้านละสามหยวน?!”

“ไม่ ใช่ สามหยวน สองหยวนกว่า ๆ” พี่รองจ้าวแก้คา “2.67


หยวน”

“แต่มนั ก็ยงั มากอยู่ดี!” พี่สะใภ้รองจ้าวไม่พอใจ “ฉันไม่เข้าใจ


เลย ติดหนี้ จนอดอยากปากแห้งแบบนี้ แล้ว ยังจะดู หนังอะไร
กัน คนพวกนี้ไม่มีสมองเลยหรื อไง?”

“คุ ณพูดอะไรของคุ ณ นี่ ก็ยุ่งมาทั้งปี แล้ว ดู หนังหน่ อยมันจะ


ทาไมกันเชี ยว? เงินสองหยวนกว่า ๆ เอง ไม่จ่ายก็ไม่ได้ทาให้
รวยขึ้น จ่ายไปก็ไม่ได้ทาให้จนลง” พี่รองจ้าวกล่าว

เขาชอบดู ภาพยนตร์ นี่ ก็หลายปี แล้วที่ไม่ได้ดู จึงอยากดู มาก


จริ ง ๆ
ตอนนี้ นอ้ งชายเป็นผูน้ าในการเหมาภาพยนตร์ แล้ว นี่ นบั เป็ น
เรื่ องที่ดีมาก เขาไม่อยากฟั งภรรยาบ่นเรื่ องเงินแล้ว ปี นี้ หล่อน
บ่ น จนเขาปวดหั ว ไปหมด ท าเอาเขารู ้ สึ ก ไม่ มี ป ระโยชน์
อย่างไรอย่างนั้น

พี่สะใภ้รองจ้าวกลับพูดด้วยความโมโห “ยังจะพูดอีกว่าสอง
หยวนกว่า ๆ ทาตัวอย่างกับคุณมีเงินเยอะเลยนะ ไม่ดูบา้ งเลยว่า
ชีวติ ของตัวเองเป็ นยังไง…”

พี่รองจ้าวทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงขึ้นเสี ยง “คุณไม่อยากจ่ายก็ไม่


ต้องจ่าย ไม่มีใครบังคับให้คุณไปดูสักหน่อย!”

พูดจบก็เดินออกไป

พี่สะใภ้รองจ้าวตกตะลึงจนหายโมโห เป็ นเพราะภาพยนตร์เน่า


ๆ เขาถึงกับตะคอกใส่ หล่อนแบบนี้ สามีหล่อนกินยาผิดขวด
หรื อเปล่าเนี่ย?
ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนที่ทะเลาะกัน

ทางพี่สามจ้าวก็โกรธมาก อยูด่ ี ๆ ก็ตอ้ งจ่ายเงินเกือบสามหยวน


นี่มนั อะไรกัน? เงินสามหยวนต้องขายเต้าหู อ้ ีกกี่กอ้ นกว่าจะหา
กลับมาได้?

แต่ พี่ ส ะใภ้ส ามจ้าวกลับ ร้ องเพลงแล้ว หล่ อ นชอบฟั ง งิ้ ว จึ ง


ไม่ ไ ด้สั ง เกตสี ห น้ า ของพี่ ส ามจ้า วในขณะที่ พู ด กับ ตัว เอง
“พรุ่ งนี้ฉนั จะกลับไปบ้านแม่ จะพาแม่แล้วก็พวกพี่สะใภ้มาที่นี่
จะได้ดูงิ้วด้วยกันสักวันสองวัน”

พี่สามจ้าวได้ยินก็โกรธมาก นี่ มนั อะไรกัน? เพิ่งจะจ่ายเงินไป


พ่อตาแม่ยายก็จะมาอีก หากพวกเขามาที่นี่กไ็ ม่สามารถใช้ชีวติ
แบบปกติได้แล้ว แค่ผกั ดองเค็มและข้าวโพดบดคงไม่พอ ไม่
ต้องพูดถึงอาหารสามสี่ ชนิด อย่างน้อย ๆ ก็ตอ้ งมีสักจาน ยิง่ ไม่
ต้องพูดถึงว่ามาที่นี่หนึ่ งวันเลย ถึงอย่างไรก็ไม่ได้มาหานาน
มากแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตอ้ งต้อนรั บดี ๆ แต่นั่นมันอะไรกัน
เงินทั้งนั้นเลยนะ!

พี่ ส ามจ้า วรู ้ สึ ก ว่ า การท าเต้า หู ้ ข องเขาในช่ ว งนี้ ช่ า งเปล่ า


ประโยชน์ ไม่เพียงแต่ทาโดยเปล่าประโยชน์แล้ว แต่ยงั เข้าเนื้อ
อีกไม่นอ้ ยเลยด้วย

“ผมกาลังคุยกับคุณอยูน่ ะ คุณไม่ได้ยนิ หรื อไง?” พี่สามจ้าวพูด


ด้วยน้ าเสี ยงไม่สบอารมณ์

“พูดอะไรเหรอ?” พี่สะใภ้สามจ้าวไม่ทนั ได้สังเกตจริ ง ๆ

“บ้านหนึ่งต้องจ่ายเงินเกือบสามหยวนเลยนะ!” พี่สามจ้าวเน้น
เสี ยงตรงคาว่าสามหยวน

พี่สะใภ้สามจ้าวไม่เข้าใจ “ฉันรู ้แล้ว คุณพูดตั้งหลายรอบแล้ว


นะ”
พี่สามจ้าวโกรธจนร่ างแทบระเบิดแล้ว “สามหยวนเลยนะ สาม
หยวน ต้องขายเต้าหู ้อีกกี่กอ้ นถึงจะได้มา คุ ณรู ้บา้ งหรื อเปล่า
ยัยผูห้ ญิงฟุ่ มเฟื อยเอ๊ย!”
ตอนที่ 209 ดูภาพยนตร์

ป้ า ใหญ่ จ ้า วมาถึ ง ที่ นี่ แ ล้ว ในฐานะของหลานสะใภ้ ไม่ ว่ า


อย่างไรก็ตอ้ งเชิ ญอีกฝ่ ายให้มารับประทานอาหารด้วยกันสัก
มื้อ มื้อนี้ ก็ตอ้ งทาอย่างดีดว้ ย ถ้าไม่ให้จ่ายเงินแล้วจะเป็นเรื่ อง
อะไรอีก

พี่สะใภ้สี่จา้ วและพี่สามจ้าวก็คิดเหมือนกัน ทั้งคู่ปวดใจที่ตอ้ ง


ใช้เงิน และที่สาคัญคือไม่มีเงินนี่สิ

การเหมาภาพยนตร์ และงิ้วต้องจ่ายเงินมัดจาไปก่อนครึ่ งหนึ่ ง


หลังจากเสร็จเรื่ องก็ตอ้ งจ่ายอีกครึ่ งหนึ่ง

เป็นเพราะห้าหมู่บา้ นเหมาร่ วมกัน คนที่จ่ายเงินครึ่ งนี้ ก่อนคือ


หมู่ บา้ นอื่ น ๆ ที่ เหลื ออี กครึ่ งหนึ่ งหลังจากทุ กอย่างเสร็ จ สิ้ น
แล้วก็ตอ้ งจ่ายอีกครั้ง ทุกคนจึงเริ่ มขายพืชผลทางการเกษตรกัน
แล้ว

ตอนนี้กเ็ ป็ นเวลาขายพืชผลทางการเกษตรพอดี

แต่การขายพืชผลไม่ได้ทาให้การดูภาพยนตร์และการแสดงงิ้ว
ล่าช้า คนที่สามารถไปขายพืชผลได้กจ็ ะเป็ นพวกคนหนุ่ มสาว
ที่สามารถแบกของและเคลื่อนย้ายของได้ พวกเขาต่างไม่อยาก
ดูงิ้วที่ส่งเสี ยงร้องแหลมเสี ยดหู ไม่ได้น่าสนใจอะไรเลย

การแสดงงิ้วเป็ นสิ่ งที่พวกคนสู งวัยชอบดู ส่ วนพวกคนหนุ่ ม


สาวชอบดูภาพยนตร์ ตอนเช้าเป็นการแสดงงิ้วพอดี เหล่าคน
สู งวัยที่ไม่ตอ้ งขายของจึงสามารถอยูบ่ า้ นเพื่อดูการแสดงงิ้วได้
เมื่อถึงตอนค่าที่มีการฉายภาพยนตร์ พวกคนหนุ่ มสาวก็ยงั มี
เวลาได้กลับมาดู

ช่ วงนี้ ทอ้ งฟ้ ามื ดเร็ ว ภาพยนตร์ สองเรื่ องถู กฉายรวมกันเป็ น


เวลาสี่ ชวั่ โมงกว่า หลังจากดูภาพยนตร์จบก็เป็ นเวลาห้าทุ่มกว่า
แล้ว กลับ ไปก็ถึ ง เวลานอนพอดี ไม่ ไ ด้ท าให้ก ารใช้ชีวิตใน
วันรุ่ งขึ้นล่าช้าแม้แต่นอ้ ย

ระหว่างช่ วงที่มีการฉายภาพยนตร์ น้ ี ยังไม่ทนั ได้รับประทาน


อาหารเย็น พวกเด็ก ๆ ก็ถือก้อนอิฐหรื อเก้าอี้ตวั เล็กไปจองที่นงั่
แล้ว

สถานที่ ฉายภาพยนตร์ คือประตู ใหญ่ ทางทิ ศตะวันออก และ


เป็ นด้านหน้าประตูโรงสี ของหมู่บา้ นด้วย

เป็นเพราะที่นี่คือโรงสี จึงทาให้บริ เวณข้าง ๆ มีพ้ืนที่โล่งแจ้ง


ขนาดใหญ่ ทั้งยังถูกกดจนกลายเป็นพื้นที่ราบ โดยปกติที่นี่จะ
เป็นสถานที่ไว้วิ่งเล่นของพวกเด็ก ๆ ในหมู่บา้ น เป็นสถานที่
นัง่ ตากแดดคุยโวโอ้อวดของผูใ้ หญ่ และเหมาะสมกับการฉาย
ภาพยนตร์ดว้ ย
ตอนนี้ม่านตรงกลางถูกดึงออกแล้ว มีกอ้ นหิ นสี่ หา้ ก้อนกดทับ
เชื อกไว้ กล่ องไม้สามสี่ กล่ องถู กวางอยู่ขา้ ง ๆ ข้างในมี มว้ น
ฟิ ล์มและเครื่ องฉายโปรเจกเตอร์ ซึ่งถูกล็อคไว้ท้ งั หมด

พวกเด็ก ๆ กระโดดหยองแหยงไปมาบนกล่อง ในมือยังถือไม้


แสดงท่าทางตื่นเต้นที่จะได้รับชมภาพยนตร์

ตอนนี้ พวกเด็กที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ โรงสี ต่างก็รู้สึกเหนื อกว่าคน


อื่ น ตรงที่ ห ลัง นั่ ง รั บ ประทานอาหารที่ บ้า นของตัว เองก็
สามารถดูภาพยนตร์ ที่หน้าประตูบา้ นได้แล้ว ยิ่งไม่ตอ้ งพูดถึง
เลยว่าเด็ก ๆ ที่อาศัยอยูใ่ นหมู่บา้ นเหล่านั้นน่าอิจฉาขนาดไหน

สิ่ ง ที่ ทาให้ค นอิ จ ฉายิ่ง กว่า ก็คื อ การที่ ค นฉายภาพยนตร์ ไ ป


รับประทานอาหารที่บา้ นใครสักบ้าน

พวกเด็กหนุ่ มแทบจะเดินรอบหมู่บา้ นแล้ว ทั้งยังเข้าไปพูดคุย


กับคนฉายภาพยนตร์ ดว้ ย คาถามเป็ นต้นว่าจะฉายภาพยนตร์
เรื่ องอะไร จากนั้นก็พูดถึงภาพยนตร์ที่ตนเองชอบดู หวังว่าอีก
ฝ่ ายจะเปิ ดภาพยนตร์ที่ตวั เองชอบให้ดูเยอะ ๆ

แต่ภาพยนตร์ที่แทบทุกคนชอบดูกค็ ือภาพยนต์สงครามใช้ปืน
และศิลปะการต่ อสู ้อะไรพวกนั้น ไม่ ได้ชอบดู ภาพยนตร์ รัก
โรแมนติ ก เลย ซึ่ ง ตอนนี้ ภาพยนตร์ ส่ ว นมากก็ จ ะเป็ นแนว
สงครามใช้ปืน ส่ วนภาพยนตร์แนวต่อสู ้กาลังภายในยังมีนอ้ ย

ครั้ นคนเหล่ านั้นได้รั บ คาตอบที่ น่ าพอใจ พวกเขาก็ก ลับไป


รับประทานอาหารที่บา้ นด้วยความพึงพอใจ

พวกคนสู งอายุชอบดูการแสดงงิ้ว เมื่อนึ กได้ว่าตอนเช้าจะได้


ฟังงิ้วก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว

นี่คือสิ่ งที่คนฉายภาพยนตร์ทุกคนต้องเผชิญ ซึ่งพวกเขาต่างคุน้


ชินไปแล้ว หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จท่ามกลางเด็กและ
ผู ใ้ หญ่ พวกเขาก็เ ดิ น มาปลดล็อ คกล่ อ งไม้ข นาดใหญ่ ด้ว ย
กุญแจ
จากนั้นจึงหยิบเครื่ องฉายโปรเจกเตอร์ และม้วนฟิ ล์มออกมา
จากกล่อง พวกเด็ก ๆ ตบก้นน้อย ๆ ของตนเองพร้อมกับเงย
หน้าส่ งเสี ยงร้อง “ฉายหนังแล้ว! ฉายหนังแล้ว!”

พวกผูใ้ หญ่ภายในหมู่บา้ นก็รีบคว้าอาหาร จากนั้นก็วงิ่ มาทางนี้


ถ้วยและตะเกียบที่ใช้รับประทานอาหารก็ไม่หยิบมาแล้ว ใส่
เสื้ อผ้าเสร็จก็วงิ่ ออกมาเลย

เหล่าคนที่เตรี ยมตัวพร้อมต่างคว้าถุงเมล็ดแตงคัว่ มาด้วย ขณะ


วิ่งจ้ าอ้าวมาทางนี้ ก็พูดกับคนที่กาลังเร่ งรี บ “รี บอะไรเนี่ ย ไอ้
พวกเด็กบ้าพวกนั้นก็โหวกเหวกโวยวายไปงั้นแหละ!”

ทุ กคนเห็ นด้วยแบบขอไปที แต่ ฝีเท้าของพวกเขากลับไม่ได้


แผ่วลงเลย

แต่จะโทษว่าพวกเขารี บร้อนไม่ได้ ภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้


รอบฉายภาพยนตร์ น้ ี ก็มีผูค้ นเข้ามานัง่ เบียดเสี ยดแน่ นขนัดไป
หมด ไม่มีที่ให้สาหรับพวกเขาแล้ว!
ท้องฟ้ ามืดแล้ว คนฉายภาพยนตร์ ก็เตรี ยมม้วนฟิ ล์มเรี ยบร้อย
เมื่อแสงสาดลงบนหน้าจอขนาดใหญ่ เสี ยงก็ดงั ขึ้น ครั้งนี้ไม่วา่
จะเด็กหรื อผูใ้ หญ่ต่างก็ตะโกนเสี ยงดัง “เริ่ มแล้ว เริ่ มแล้ว!”

ทุกคนทั้งนัง่ และยืนมองกันอย่างตั้งอกตั้งใจ

ในตอนนี้เองได้มีคนจากหมู่บา้ นข้าง ๆ หลัง่ ไหลเข้ามาอย่างไม่


ขาดสาย นอกจากนี้ยงั มีรถลาลากที่กาลังรี บบึ่งมา โดยด้านบน
รถมีพวกผูห้ ญิงนัง่ อยู่

พวกหล่อนสวมเสื้ อนวมตัวใหญ่ ไม่ได้ลงจากรถแต่นงั่ ดูจาก


ด้านบนรถ

พวกผูช้ ายที่วงิ่ ตามรถมาก็หาที่นงั่ ได้แล้ว หลังจากจอดรถแล้ว


ก็นากระสอบหญ้าแห้งมาวางตรงหน้าลาและบอกให้ม ันกิ น
ส่ วนตนเองก็รีบกระชับเสื้ อห่อลาตัวไว้และเข้าไปหาคนคุน้ เคย
ในกลุ่ม
ทุกคนต่างรู ้ดีวา่ การดูภาพยนตร์กเ็ ป็ นเหมือนเวทีพบปะสมาคม
ซึ่งกันและกัน

พวกคนหนุ่ มสาวที่หาที่นั่งไม่เจอก็ข้ ึนไปนั่งบนหลังคาโรงสี


และนัง่ ดูจากมุมมองอันกว้างขวางตรงนั้น แต่กร็ ู ้สึกได้วา่ หนาว
ไปหน่อย

ถึงอย่างนั้นการดูภาพยนตร์กท็ าให้ลืมความหนาวได้

นอกจากขึ้ นไปบนหลังคาก็ยงั มี ข้ ึ นไปบนกาแพง บนต้นไม้


ด้วย ถึงอย่างไรทุกคนก็มีความสามารถเป็ นของตนเอง เพื่อหา
ตาแหน่งที่ตนเองคิดว่าดี

จ้าวเหวินเทาเรี ยกเจ้าพวกต้านให้มาจองที่ไว้ก่อนหน้านี้ แล้ว


ห่ างจากด้านหน้าที่ฉายภาพยนตร์ ไม่ไกลนั้นมีเก้าอี้ตวั เล็ก ๆ
วางอยู่
เย่ฉูฉู่ย่อมไม่พลาดโอกาสครึ กครื้ นแบบนี้ เช่ นกัน เธออุม้ เสี่ ยว
ไป๋ หยางนัง่ ดูอยูท่ างฝั่งนั้น

ส่ วนลิงน้อยนั้นอยูใ่ นบ้าน ไม่ได้มาที่นี่ การมีคนมากเกินไปทา


ให้มนั รู ้สึกหวาดกลัว

คนที่ ม านั่ ง เป็ นเพื่ อ นเย่ ฉู ฉู่ คื อ คุ ณ แม่ จ ้า วและป้ า ใหญ่ จ ้า ว


นอกจากนี้ยงั มีพี่สะใภ้ท้ งั สามคน เป็ นผูห้ ญิงทั้งหมด

จ้าวเหวินเทาและพวกพี่ชายยืนกอดอกดูอยูข่ า้ ง ๆ ส่ วนคุณพ่อ
จ้าวไปนัง่ รวมกลุ่มกับผูอ้ าวุโสคนอื่น ๆ แล้ว

ส่ วนเจ้าพวกต้านไม่ได้อยูท่ ี่นี่ พวกเขาชอบดูภาพยนตร์ แต่สิ่งที่


ชอบมากกว่าคือทาอะไรบางอย่างภายในสถานที่รวมตัวเช่นนี้

เดี๋ ยวก็วิ่ง เดี๋ ยวก็กลับมา เดี๋ ยวก็ไปทะเลาะกับเด็กคนอื่ น ส่ ง


เสี ยงร้องดังเจี๊ยวจ๊าว โลกของเด็กผูช้ ายช่างยากที่จะเข้าใจจริ งๆ
ส่ ว นเจ้า พวกหยานั้นอยู่อ ย่างสงบจิ ต สงบใจ พวกเธอยืน อยู่
ด้านหน้าแม่ของตนเอง ไม่ได้วงิ่ เพ่นพ่านแต่ยนื ดูอย่างจริ งจัง

เสี ยงเพลงดังกระหึ่ม พร้อมกับตัวอักษรขนาดใหญ่สองสามตัว


ปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอ -地雷战 (สงครามทุ่นระเบิด)(1)!

“หนังรบกัน! นี่มนั หนังรบกัน!”

ทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกันมาก

“ลูกชาย รี บดูสิ หนังรบกันเลยนะ!” จ้าวเหวินเทารี บพูดกับลูก


ชาย

พี่สามจ้าวกล่าว “เขายังเล็กขนาดนั้นจะไปเข้าใจอะไร”

“ลูกชายของฉันต่อให้เด็กกว่านี้กเ็ ข้าใจ! จริ งไหม เจ้าลูกชาย!”


จ้าวเหวินเทาหยอกล้อเสี่ ยวไป๋ หยางต่อ

เย่ฉูฉู่ยกเสี่ ยวไป๋ หยางให้สูงขึ้นเพื่อให้เขาได้ดู


ตอนแรกเริ่ มเสี่ ยวไป๋ หยางได้เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
แต่เมื่อดูไปดูมาก็เริ่ มหาวและผล็อยหลับไป

คุ ณแม่ จา้ วยิ้ม “เด็กคนนี้ ไม่ ตอ้ งเป็ นห่ วงเลยจริ ง ๆ คนเยอะ
ขนาดนี้ วุน่ วายขนาดนี้ ยังไม่รบกวนเวลานอนของเขาเลย”

“เด็กเลี้ยงง่ายนี่แหละดี เราก็ไม่ตอ้ งเป็นห่ วงด้วย” ป้ าใหญ่จา้ ว


กล่าว

“เหมือนกับพ่อของเขาเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตรงที่


ไม่คิดอะไรมาก”

“ภรรยา ไม่เห็นต้องรังเกียจกันแบบนี้ เลย” จ้าวเหวินเทายิม้ ตา


หยี

“ไม่ ได้รังเกี ยจค่ ะ นี่ กาลังชม หลังจากนี้ ก็คงเหมื อนคุ ณที่ ทา


เรื่ องใหญ่โตไง” เย่ฉูฉู่ยมิ้ ให้เขา
ที่ทุกคนได้ดูภาพยนตร์และฟังการแสดงงิ้วก็เป็ นสิ่ งที่จา้ วเหวิน
เทาทาขึ้นมา

จ้าวเหวินเทาคลี่ยมิ้ ดูภรรยาคนนี้พูดเข้าสิ หวานไปถึงกลางใจ


เลย

ป้ าใหญ่จา้ วเองก็ชมว่าหลังจากนี้ เสี่ ยวไป๋ หยางจะเหมื อนพ่อ


ของเขา ต้องมีอนาคตแน่นอน

พี่สะใภ้สี่จา้ วเห็ นแล้วก็แอบอิ จฉา หล่ อนเองก็อุม้ ลู กมาด้วย


เหมือนกัน อู่หยานั้นยังไม่หลับ แต่กไ็ ม่ได้ดูภาพยนตร์ เธอมอง
คนที่อยู่รอบ ๆ ด้วยความสงสัย แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ
เหมือนกับเสี่ ยวไป๋ หยาง

สุ ดท้ายแล้วก็ไม่มีใครสนใจเด็กผูห้ ญิงอยูด่ ี!
คื น นี้ ฉายภาพยนตร์ ไ ปทั้ง หมดสองเรื่ อ ง เป็ นเรื่ อ งเกี่ ย วกับ
สงครามปื นทั้งหมด ทุกคนต่างก็ติดกันงอมแงม หลังจากแยก
ย้ายแล้ว ก็ยงั เดินไปพลางพูดคุยไปพลาง

“การรบกันด้วยปื นดีจริ ง ๆ เลยนะ!”

“ทุ่นระเบิดก็สุดยอดมาก โยนแค่ลูกเดียวตายเป็ นเบือเลย!”

“ถ้าฉันเกิดในยุคนั้น ฉันก็จะเข้าร่ วมสงครามเหมือนกัน!”

นี่ เป็ นคาพูดของพวกคนหนุ่ ม ส่ วนพวกคนแก่ ๆ ก็แค่นเสี ยง


จากลาคอ “พวกเด็กไม่รู้จกั ฟ้ าสู งดิ นต่าพวกนี้ คิดจะเข้าร่ วม
สงครามมันเป็ นเรื่ องดีตรงไหนกัน!”

คนแก่เหล่านี้แม้จะไม่เคยร่ วมสงครามมาก่อน แต่กเ็ คยผ่านยุค


นั้น มา นั่น ไม่ ใ ช่ ค วามทรงจ าที่ ดี อ ะไรเลย ไม่ อ ย่า งนั้น จะมี
ภาษิตหนึ่ งกล่าวไว้เหรอ ที่ว่า เป็นสุ นขั ในยามสงบดี กว่าเป็ น
มนุษย์ในยามโกลาหล น่ะ?
เห็นไหมว่าสงครามเหี้ยมโหดขนาดไหน

ขณะที่พวกคนสู งวัยทนดู ไม่ได้ พวกคนหนุ่ มก็เพิกเฉยไม่ได้


คิดอะไร ต่างคนต่างพูดคุยกันเอง มีใครบ้างที่ไม่เลือดร้อน?

………………………………………………………………

– ภาพยนตร์แนวดราม่า/แนวสงครามต่อต้านญี่ปุ่น เริ่ มฉายเมื่อ


ปี 1962 เนื้อเรื่ องกล่าวเกี่ยวกับชาวบ้านในหมู่บา้ นหนึ่งของจีน
ใช้กลยุทธฝังทุ่นระเบิดไว้ใต้ดินเพื่อต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น
ตอนที่ 210 อย่ าทาลายสุ นทรียภาพ

จ้าวเหวินเทาอุม้ ลูกชายกลับบ้านพร้อมกับภรรยา

เมื่อมาถึงบ้านก็เปิ ดไฟ ทั้งบ้านจึงสว่างจ้าทั้งหลัง

“มีไฟฟ้ าก็ดีเหมือนกันนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว “ก่อนหน้านี้ มืดจน


ต้องจุดไฟ คิด ๆ ดูแล้วก็น่าอึดอัดเหมือนกัน”

“แหงสิ มีไฟฟ้าใช้ทาอะไรก็สะดวกสบาย” จ้าวเหวินเทายืน่ ลูก


ชายให้ภรรยา “ผมจะไปดูกระต่ายหน่อย จะได้ไปเติมฟื นด้วย
เลย เตียงจะได้อุ่นไปถึงเช้า”

เป็ นเพราะในชนบทมีเตียงเตา ภายในบ้านจึงไม่ได้หนาวขนาด


นั้น เป็ นเพราะกลัวว่าอุ ณหภู มิภายในห้อ งร้ อนเกิ นไป แถม
อุณหภูมิที่อยูด่ า้ นนอกก็แตกต่างมาก จ้าวเหวินเทาจึงไม่ได้เปิ ด
เครื่ องทาความร้อน เพราะกลัวว่าลูกจะเป็ นหวัด
“เจี๊ยก ๆ!”

ลิงน้อยกระโดดลงมาจากคานบ้าน เจ้าตัวเล็กตัวนี้ ถา้ ไม่มีใคร


อยูใ่ นบ้านมันก็จะขึ้นไปนอนบนคาน

เย่ฉู ฉู่ ลู บหัว มัน “ไฉไฉ ไปปู ผ า้ ห่ ม หน่ อ ย น้อ งชายจะนอน


แล้ว”

ลูกลิงขึ้นไปบนเตียง มันใช้อุง้ เท้าหน้าและหลังปูผา้ ห่ มลงบน


เตียงตาแหน่งติดกับช่องระบายควัน จากนั้นเย่ฉูฉู่จึงวางลูกชาย
ไว้ดา้ นบน

เธอเป็ นกังวลว่าเตียงจะร้อนเกินไปจนอาจลวกผิวของลูกได้ จึง


วางไว้ในจุดที่อยู่ห่างจากจุดที่อยู่ตรงกลาง หลังจากกล่ อมลูก
นอนแล้ว ก็จะได้ให้นมลู กช่ วงกลางดึ ก ด้ว ย ส่ วนสามี น อน
ตาแหน่งใกล้ปากเตา
และเป็ นเพราะกลัวว่าเจ้าลิงน้อยจะข่วนเสี่ ยวไป๋ หยางตอนที่
มันฝั นกลางดึ ก มันจึงถูกจ้าวเหวินเทาเรี ยกให้ไปนอนกับเขา
ในเตียงอบอุ่น ซึ่งเจ้าลิงน้อยก็ไม่ได้คดั ค้าน

หลังจากดูกระต่ายเสร็ จและเติมฟื นแล้ว จ้าวเหวินเทาก็ใช้น้ าที่


ผ่ า นการต้ม ในหม้อ มาล้า งหน้ า และขึ้ นไปนอนบนเตี ย ง
“ภรรยา คุณติดงอมแงมเลยเหรอ?”

เย่ฉู ฉู่ ว างลู ก ลงแล้ว ก็ใ ช้น้ า ร้ อ นล้า งเนื้ อ ล้า งตัว ด้ว ยเช่ น กัน
“สนุ กมากเลยค่ะ คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงพริ บตาเดี ยวจะดูจบไป
สองเรื่ อง ฉันยังนึกว่าจะฉายอีกเรื่ องหนึ่งอยูเ่ ลย?”

“ตอนแรกกะจะฉายสามเรื่ องนัน่ แหละ แต่คนในหมู่บา้ นบอก


ว่าตอนเช้ายังต้องเอาของไปขาย ถ้าดึ กเกิ นไปจะตื่ นไม่ไหว
แถมยังทาให้การทางานล่าช้าด้วย ก็เลยฉายแค่วนั ละสองเรื่ อง
ตอนเช้ามี งิ้วช่ วงเช้าหนึ่ งรอบ ช่ วงบ่ ายหนึ่ งรอบ หนังก็ฉาย
ทั้ง หมดสองรอบเหมื อนกัน วัน พรุ่ ง นี้ ก็จ ะเป็ นการแสดงงิ้ว
เรื่ อง ดอกไม้สื่อกลาง”

“แสดงแค่เรื่ อง ดอกไม้สื่อกลาง เหรอ?” เย่ฉูฉู่เช็ดหน้าเสร็ จก็


ทาครี มพลางเอ่ยถาม

“ใช่ ตอนเช้ายังแสดงไม่เสร็ จ ก็เลยแบ่งแสดงเป็ นสองรอบ”


จ้าวเหวินเทาพูดถึงตรงนี้กแ็ อบเป็ นกังวล “วันมะรื นก็จะแสดง
ฉางเอ๋ อเหิ นสู่ จนั ทรา แล้ว ติดแค่ว่าพวกคนหนุุ่มสาวไม่ค่อย
ชอบฟั ง งิ้ ว ผมเลยไม่ รู้ ว่า ถึ ง เวลานั้น จะมี ค นมามากน้อ ยแค่
ไหน”

เย่ ฉู ฉู่ ยิ้ ม “คุ ณ เป็ นกัง วลว่ า จะมี ไ ม่ กี่ ค นที่ ไ ด้ เ ห็ น โฆษณา
กระต่ายสิ นะคะ?”

“ใช่ ไง คนแก่ๆ ดู ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก พวกเขาไม่


เลี้ยงอยู่แล้ว” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความรู ้สึกแตกสลาย “จะมี
สักกี่ คนที่ เหมื อนกับแม่ ของพวกเรา? พวกคนหนุ่ มสาวก็ไม่
ชอบดูอีก ยากจริ ง ๆ”

พวกคนแก่ ต่างอนุ รักษนิ ยมเกิ นไป ต่ อให้ได้เห็ นว่ากระต่ าย


สามารถขายได้เงิน และคิดว่าเป็ นเรื่ องที่สามารถทาได้จริ ง มาก
สุ ดก็แค่เลี้ยงไก่ คงไม่คิดจะพึ่งพาด้วยการเลี้ยงกระต่าย

เย่ฉูฉู่ทาครี มเสร็ จก็ถอดชุ ดแล้วเข้าไปซุ กใต้ผา้ ห่ มพลางกล่าว


“อันที่จริ งฉันคิดว่าการแสดงงิ้ว ฉางเอ๋ อเหิ นสู่ จนั ทรา มันสนุก
มากเลยนะ แต่ ก ลับ ถู ก โฆษณาของคุ ณ มาแฝงแบบไม่ ไ ด้มี
ความเข้ากัน ถือเป็ นการทาลายสุ นทรี ยภาพของมันไม่นอ้ ย”

จ้าวเหวินเทาชะงัก เขามองภรรยา “สุ นทรี ยภาพ?”

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ค่ ะ สุ นทรี ยภาพ นี่ เป็ นคาที่ ฉันเรี ยนมาจาก


พี่สะใภ้สาม”
จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “พี่สะใภ้สามของคุณนี่ขยันสร้างคาศัพท์
ใหม่ ๆ จังเลยนะ มีคาว่าสุ นทรี ยภาพอีก ทาไมผมถึงไม่ได้รู้สึก
ว่ามันสุ นทรี ยภาพอะไรขนาดนั้นล่ะ? ผมจาได้ว่าพี่สะใภ้ของ
คุณยังไม่รู้เรื่ องที่พวกเขาจะโฆษณากระต่ายเลยนะ?”

จ้าวเหวินเทาเองก็ไม่ชอบฟั งงิ้ว เรื่ องนี้เขาจึงสู ้เย่ฉูฉู่ไม่ได้ ขณะ


ที่เย่ฉูฉู่เองพอจะรู ้ได้ว่าการแสดงงิ้วมีความงดงามมาก แต่เขา
กลับไม่ได้รู้สึกแม้แต่นอ้ ย

เย่ฉูฉู่กล่าว “ค่ะ ยังไม่รู้ พี่สะใภ้บอกว่าเสื้ อผ้าต้องให้คนรู ้สึกได้


ถึ งความเป็ นหนึ่ งเดี ยวกัน ไม่ ใช่ โดดเด่ นเกิ นไป แบบนั้นจะ
เป็ นการทาลายสุ นทรี ยภาพ ตัวฉันคิดว่าการแสดงนั้นดีอยูแ่ ล้ว
แต่คุณกลับจะแทรกโฆษณาให้ได้ แบบนั้นคงไม่สนุกหรอก”

“แต่กระต่ายที่ภรรยาผมทามันดู ดีนะ!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วย


รอยยิม้
นี่เป็ นคาพูดที่จริ งใจของเขา กระต่ายที่ภรรยาของเขาทาออกมา
มัน ดู ดี ม ากจริ ง ๆ คนในคณะงิ้ ว ชอบจนวางไม่ ล งเลย การ
โฆษณาของจ้าวเหวินเทาที่จะเสนอออกมาจึงไม่ได้มีความรู ้สึก
ย้อนแย้งอะไร

เย่ฉูฉู่เองก็นึกขึ้นได้ในตอนที่ทากระต่ายว่าการแทรกโฆษณา
เข้าไปแบบทื่อ ๆ นั้นไม่ค่อยดี เท่าไรนัก ควรเปลี่ยนเป็ นวิธีที่
ดีกว่านี้สักหน่อย แต่จะเปลี่ยนเป็ นวิธีแบบไหนนั้นเธอเองก็ยงั
คิดไม่ออก

แต่เมื่อเธอพูดถึงความคิดนี้ออกมา จ้าวเหวินเทากลับเก็บมาใส่
ไว้ในใจแล้ว

เย่ฉูฉู่พูดอยู่พกั หนึ่ งก็ผล็อยหลับไป ต้องเลี้ยงดู ลูก ทั้งยังต้อง


ทางานบ้าน ต่อให้จา้ วเหวินเทาและลูกลิงช่วยดูแลก็ยงั เหนื่อย
มากอยูด่ ี
จ้าวเหวินเทาปิ ดไฟ เขาห่ มผ้าให้ภรรยา ภายในใจคิดทบทวน
ถึ ง ค าพู ด ของภรรยา เมื่ อ ได้คิ ด แบบเงี ย บ ๆ เขาก็คิ ด ว่า สิ่ งที่
ภรรยาพูดมีเหตุผลมาก แต่จะเปลี่ยนเป็ นวิธีไหนดีล่ะ?

ระหว่างที่คิดถึงปั ญหานี้ เขาก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตวั จนถึง


เช้า

เป็ นเพราะเช้า รุ่ ง ขึ้ น มี ก ารแสดงงิ้ ว พวกคนหนุ่ ม สาวจึ ง ไม่


สนใจ แต่ละคนต่างก็ยงุ่ อยูก่ บั การขายของขนฟื น ส่ วนพวกคน
แก่ต่างก็มีความสุ ข พวกเขารับประทานอาหารตั้งนานแล้ว ทั้ง
ยังย้ายเก้าอี้ตวั เล็กมานัง่ ดูงิว้

เวทีแสดงถูกตั้งอยู่ภายในลานที่ทาการของทีมใหญ่ เลขาเองก็
เป็ นคนหลงใหลในการแสดงงิ้ว เขาสามารถท่องบทได้สอง
สามบท ทั้งยังบอกว่าเคยขึ้นเวทีดว้ ย
การจัดเวทีแสดงไว้ภายในทีมใหญ่น้ นั สะดวกต่อคนในคณะ
ละคร ไม่ว่าจะกิน พักอาศัยหรื อแต่งหน้าก็อยู่ที่นี่ ทุกคนรู ้สึก
พึงพอใจเป็ นอย่างมาก

จ้าวเหวินเทาเดิ นทางมาถึงที่ทาการทีมใหญ่นานแล้ว ทั้งยังไป


หาสหายสองคนที่แต่งตัวข้ามเพศด้วย

พวกเขาและนักแสดงคนอื่น ๆ เพิ่งจะรับประทานอาหารเช้า
เสร็ จ กาลังนั่งแต่งหน้ากันอยู่ อีกครู่ หนึ่ งคนร่ างสู งก็ต ้องขึ้ น
เวที แล้ว จึ งกาลังนั่งแต่ งหน้า ส่ วนคนที่ ตวั เล็กกว่าแสดงวัน
พรุ่ งนี้จึงอยูช่ ่วยงาน

เมื่อเห็นจ้าวเหวินเทา เขาก็รู้สึกเหนื อความคาดหมาย “มาเร็ ว


ขนาดนี้เลยเหรอ?”

จ้าวเหวินเทายิม้ “ฉันมาหานายเพราะมีเรื่ องนิดหน่อยน่ะ”


คนที่ ต ัว เล็ ก กว่ า ชื่ อ ‘ฉิ น หมิ ง ’ เขานึ ก ว่ า เป็ นเรื่ อ งโฆษณา
กระต่ายจึงกล่าวว่า “วันนี้ แสดงเรื่ องดอกไม้สื่อรั กนะ ไม่ได้
แสดงเรื่ องฉางเอ๋ อเหินจันทรา”

“ฉันรู ้” จ้าวเหวินเทากล่าว “นายว่างไหม พวกเราไปหาที่เงียบ


ๆ คุยกันหน่อย ฉันมีเรื่ องอยากปรึ กษา”

คนแต่งตัวข้ามเพศที่ตวั สู งกว่าชื่อว่า ‘เกาเสี ยง’ เขายืนแต่งหน้า


อยูข่ า้ ง ๆ จึงพูดหยอกล้อ “นายไปเถอะ ไม่ตอ้ งกลัว เขากินนาย
ไม่ได้หรอก”

จ้าวเหวินเทาและฉินหมิงมองอีกฝ่ ายอย่างไม่สบอารมณ์ แต่คน


อื่น ๆ กลับหัวเราะออกมา

ฉิ นหมิงจึงพาจ้าวเหวินเทาไปที่ห้องที่เขาพักอยู่ แม้ว่าจะเป็น
ห้องพักแบบง่าย ๆ มีแค่เตียงเตาขนาดใหญ่และตูเ้ ก่า ๆ หนึ่งตู ้
แต่บนเตียงก็อุ่นมาก
“คุยที่นี่แล้วกัน” ฉินหมิงกล่าว

จ้า วเหวิ น เทาจึ ง พู ด อย่า งไม่ อ ้อ มค้อ มเกี่ ย วกับ การโฆษณา


กระต่ายที่ดูเหมือนโดดเด่นเกินไปจนทาให้บทละครไม่สนุก

ฉินหมิงขมวดคิ้ว “แล้วนายจะเอายังไง ทายังไงถึงจะสนุก?”

“นายช่ วยดูให้หน่ อยสิ ว่าสามารถแสดงละครเกี่ยวกับกระต่าย


ให้ฉนั แบบเดี่ยว ๆ ได้ไหม?” จ้าวเหวินเทาถาม

ในเมื่ อ การแทรกโฆษณาเข้า ไปแบบทื่ อ ๆ เป็ นการท าลาย


สุ นทรี ยภาพของเรื่ อง เช่นนั้นก็แสดงแยกเดี่ยวไปเลย แบบนั้น
ก็ไม่ทาลายสุ นทรี ยภาพแล้วไม่ใช่ เหรอ ไม่เพียงแค่ไม่ทาลาย
สุ นทรี ยภาพ แต่ยงั ทาให้รู้สึกถึงสุ นทรี ยภาพด้วย

ต้องยอมรับว่าจ้าวเหวินเทาช่างมีความคิดริ เริ่ มนัก

น่ าเสี ยดายที่ฉินหมิงไม่ได้ชื่นชมสิ่ งนี้ เขาหัวเราะอย่างโกรธ


เคือง “แสดงละครกระต่ายให้นายแบบเดี่ยว ๆ นายล้อกันเล่น
หรื อเปล่า นายคิดว่าแสดงละครสักฉากมันง่ายขนาดนั้นเหรอ?
เรื่ องนี้คงแสดงให้ไม่ได้หรอก!”

“เปล่า นายฟั งฉันก่อน จะให้การแสดงแบบดอกไม้สื่อรักแบบ


นั้นคงไม่ได้อยู่แล้ว ฉันเลยขอแบบง่าย ๆ แค่ครึ่ งชัว่ โมงก็พอ
ถ่ายทอดเกี่ยวกับเรื่ องการเลี้ยงกระต่ายของพวกเรา ฉันมัน่ ใจ
ว่าทุกคนต้องชอบดูแน่นอน!”

ฉิ นหมิงนึ กถึงเรื่ องการเลี้ยงกระต่ายที่จา้ วเหวินเทาพูดถึงตอน


ที่แสดงอยูบ่ นเวที จู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว

“ไม่ได้ แสดงไม่ได้หรอก!” ฉินหมิงปฏิเสธอีกครั้ง

“นายยังไม่ลองแล้วจะรู ้ได้ไงล่ะ?” จ้าวเหวินเทาพูดโน้มน้าวใจ


ด้วยความอดทน “ฉันจะบอกให้นายฟั ง มีเรื่ องเกิดขึ้นภายใน
หมู่บา้ นพวกเราตอนเราเลี้ยงกระต่ายเยอะแยะจะตายไป ไม่ได้
ด้อยไปกว่าการแสดงละครของพวกนายเลย อยากให้มีปมเรื่ อง
ก็มี อยากมีอะไรก็มีแบบนั้น! ถ้านายแสดงให้ฉนั จะเหมาค่าตัว
นายเอง!”

ฉิ นหมิงเห็นจ้าวเหวินเทายืนกรานเช่ นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะพูด
ไปว่า “ฉันไม่ เข้าใจเลย นักแสดงออกจะเยอะแยะขนาดนั้น
ทาไมนายถึงพุ่งเป้ามาที่พวกฉันเนี่ย?”

พวกฉันที่เขาหมายถึงก็คือตัวเขาและเกาเสี ยง เพราะเรื่ องที่จา้ ว


เหวินเทาจะโฆษณานั้นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากพวกเขา
ตอนที่ 211 ละครเวทีส้ั น!

“ก็เป็นเพราะตอนแรกฉันรู ้จกั พวกนายก่อนไง ฉันไม่ได้สนิท


กับ คนอื่ น สั ก หน่ อ ย จริ ง ไหม ฉิ น หมิ ง นายไม่ ต ้อ งห่ ว ง ฉัน
ไม่ได้ให้นายมาช่วยฟรี ๆ อยูแ่ ล้ว หลังจากจบเรื่ องนี้ ฉนั จะตุ๋น
กระต่ายให้นายกิน ฝีมือการทาอาหารของฉัน บอกเลยว่าทาให้
พวกนายลืมไม่ลงเลยล่ะ!”

ฉิ นหมิงถูกจ้าวเหวินเทาใช้คาพูดหยอกล้อจนหลุดขา “นายนี่
จริ ง ๆ เลยนะ เฮ้อ! ก็ได้ แต่ฉนั เขียนบทไม่เป็ นนะ เกาเสี ยงเอง
ก็ไม่ค่อยถนัดเหมือนกัน ละครที่พวกเราเล่นเป็ นละครเก่า นาย
ให้พวกเรามาแสดงเรื่ องใหม่ ระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้ ถา้ แสดง
ออกมาไม่ได้จะทายังไง? อีกอย่าง พรุ่ งนี้นายจะไม่ให้กระต่าย
ของนายขึ้นแสดงเรื่ องฉางเอ๋ อเหินจันทราแล้วเหรอ?”
“ไม่ เ ป็ นไร ฉัน จะช่ ว ยวางแผนให้เ อง พวกนายแค่ รับปากก็
พอแล้ว พรุ่ งนี้กระต่ายของฉันคงไม่ข้ ึนแสดงแล้ว รอให้ถึงบท
ของเราค่อยออกมา แล้วก็อะไรนะ กระต่ายของฉันที่เอาออกมา
แสดง หลังจากแสดงที่หมู่บา้ นพวกเราแล้ว ที่หมู่บา้ นอื่นก็ตอ้ ง
แสดงด้วยนะ” จ้าวเหวินเทาเตือน

“เรื่ องนี้นายต้องไปคุยกับหัวหน้าคณะพวกเรานะ ฉันตัดสิ นใจ


ไม่ได้” ฉินหมิงกล่าว

“ไม่มีปัญหา ตอนนี้พวกเรามาคุยเรื่ องเลี้ยงกระต่ายของพวกเรา


กัน นายฟั งดูแล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะแสดงยังไง” จ้าวเหวินเทา
กล่าว

ฉินหมิงชะงัก พูดขนาดนี้แล้ว เอาเถอะ ฟังก็ฟัง

จ้าวเหวินเทาจึงเริ่ มเล่าเรื่ อง เป็นเพราะนี่ คือประสบการณ์จาก


ตัว เขาเอง เมื่ อ เล่ า ให้ฟั ง จึ ง ไม่ ติ ด ขัด อะไรเลย เขาเป็ นคนมี
วาทศิ ล ป์ จึ ง เล่ า จนการแสดงช่ ว งเช้า จบลง และเกาเสี ย งก็
กลับมาจากการแสดง

“ฮ่า ๆๆ!”

ฉินหมิงถึงกับหลุดหัวเราะกับเรื่ องที่จา้ วเหวินเทาเล่าให้ฟัง เกา


เสี ยงเข้ามาจึงได้ยนิ เสี ยงของฉินหมิงที่กาลังหัวเราะพอดี

“พวกนายก าลังคุ ย อะไรกันอยู่ มี ค วามสุ ขขนาดนี้ เลย?” เกา


เสี ยงพูดด้วยความสงสัย

จ้าวเหวินเทาหันกลับมามองเกาเสี ยง ขนาดเจ้าหมอนี่ แค่ถอด


เสื้ อผ้าแต่ ยงั ไม่ ได้ลา้ งเครื่ องสาอางออกก็ยงั มีใบหน้างดงาม
ขนาดนั้น ผูช้ ายที่มีรูปร่ างหน้าตางามล่มบ้านล่มเมืองแบบนี้จะ
ให้พวกผูห้ ญิงเหล่านั้นอยูก่ นั อย่างไรเนี่ย?

“ฉันจะบอกอะไรให้นะสหายเกา นายเหมื อนกับตัวละครที่


นายก าลัง แสดงอยู่ เ ลย เป็ นความงามตามธรรมชาติ อ ัน ไร้
เทียบเทียมจริ งๆ” จ้าวเหวินเทาพูดหยอกล้ออีกฝ่ ายด้วยรอยยิม้
หนึ่งประโยค

เกาเสี ยงกลอกตาใส่ เขา แต่ ไม่ ว่าจะมองอย่างไรก็ดูคล้ายกับ


กาลังขยิบตา “สรุ ปพวกนายคุยอะไรกันอยูล่ ่ะ?”

ฉินหมิงจึงรี บพูดเรื่ องนี้หนึ่งรอบ

เกาเสี ยงชะงักกับการถ่ายละครเรื่ องใหม่ เขาเหล่ตามองจ้าวเห


วินเทา “นายเข้าใจเรื่ องละครด้วยเหรอ?”

“ไม่เข้าใจ!” จ้าวเหวินเทารี บส่ ายหน้า

“ไม่เข้าใจแล้วนายจะทาอะไรได้เนี่ย?” เกาเสี ยงรู ้สึกหมดคาพูด

“แต่ฉนั เข้าใจเรื่ องกระต่ายไง” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างมัน่ ใจ

ไม่ เ พี ย งแค่ ฉิ น หมิ ง เกาเสี ย งก็อ ดไม่ ไ ด้ที่จ ะหัว เราะออกมา


เช่นกัน
“นายนี่น่าสนใจจริ ง ๆ เลยนะ นายเข้าใจเรื่ องกระต่ายแล้วเกี่ยว
อะไรกับละคร?” เกาเสี ยงหัวเราะอยูค่ รึ่ งค่อนวัน

“ก็เรื่ องที่ฉนั ถ่ายคือละครกระต่ายไง ทาไมจะไม่เกี่ยวล่ะ?” จ้าว


เหวินเทากล่ าว “อี กอย่าง ละครเก่ าก็เป็ นเรื่ องเล่ าเหมื อนกัน
ไม่ใช่เหรอ ละครใหม่กเ็ ป็ นเรื่ องเล่า ไม่เหมือนกันตรงไหน?”

“แล้วบทร้องล่ะ?” เกาเสี ยงย้อนถาม

“บทร้องคิดไม่ออกก็ร้องให้มนั น้อย ๆ ก็ได้ ใช้วิธีพูดแทนสิ ”


จ้าวเหวินเทากล่าว

ฉินหมิงตบหน้าขา “ฉันรู ้แล้ว นายก็ถ่ายแบบแสดงสลับร้องได้


นี่นา!”

“แสดงสลับร้องคนน้อยเกินไป ไม่สนุ กหรอก” จ้าวเหวินเทา


ค้าน
เขารู ้วิธีแสดงสลับร้อง และเคยดูมาก่อน แต่รู้สึกว่าวิธีน้ ีไม่ได้
เข้ากับสิ่ งที่ตนเองต้องการ

“พวกนายอยู่ในกรอบมากเกินไป ถ้าร้องได้ก็ร้อง ร้องไม่ได้ก็


พูด แสดงเรื่ องเลี้ยงกระต่ายแล้วทาให้ร่ ารวยได้ ใช้วิธีที่สนุ ก
แสดงออกมาก็พอแล้ว!” จ้าวเหวินเทาพูดได้ชดั เจนมาก

หากเปลี่ยนเป็ นอีกสามสี่ ปีให้หลัง ทุกคนก็จะเข้าใจแล้วว่าต้อง


แสดงออกอย่างไร การแสดงละครเวทีส้ นั อย่างไรล่ะ!

แต่นี่ไม่ใช่สามสี่ ปีให้หลัง ผูค้ นในตอนนี้จึงยังไม่รู้ว่าอะไรคือ


การแสดงละครเวทีแบบสั้น ๆ แต่ที่รู้ก็คือการแสดงตลกและ
ละครนั้นแตกต่างกัน เกาเสี ยงและฉินหมิงยังยากที่จะทาได้

ยังดีที่ผูค้ นไม่รู้ว่าอะไรคือการแสดงละครเวทีส้ ัน จึงไม่มีการ


เปรี ย บเที ย บ ทั้ง สองจึ ง กล้า ท าโดยที่ ไ ม่ มี ค วามรู ้ ผู ช้ มก็ไ ม่
จับผิดด้วย หลังจากทะเลาะกันอยู่ครึ่ งค่อนวัน ก็แต่งบทละคร
ขึ้นมาได้หนึ่งเรื่ อง…กระต่ายสื่ อรัก
ชื่อนี้ไม่ได้หวือหวาอะไร จ้าวเหวินเทาเองก็ไม่ได้รู้สึกพึงพอใจ
เท่าไรนัก

แต่ท้ งั สองคนบอกว่าเข้ากับเนื้อเรื่ อง จึงตั้งชื่อแบบนี้ จ้าวเหวิน


เทาก็ทาได้เพียงแค่ตอบตกลง ทั้งสองคนจึงเริ่ มซักซ้อม

เนื้ อเรื่ องไม่ได้มีความซับซ้อน นอกจากพวกเขาสองคนที่เป็ น


นักแสดงหลัก เพิม่ นักแสดงแต่งตัวข้ามเพศอีกสองคนก็ได้แล้ว

จ้าวเหวินเทาดู พวกเขาซ้อมกันสองรอบ ตอนแรกเริ่ มก็ยงั ดี


น่ าสนใจมาก แต่ เขาไม่ ได้มีความอดทนมากพอที่ จะดู ซ้ า ๆ
หลายรอบ จึงลุกขึ้นขอตัวกลับบ้าน

เย่ฉูฉู่กาลังอุม้ ลูกน้อยดูงิ้วอยู่ พี่สะใภ้ท้ งั สองของตระกูลเย่กม็ า


ด้วย เธอจึงเรี ยกให้ไปนัง่ ที่บา้ น

คุณพ่อเย่และพี่ชายทั้งสองคนขึ้นไปเก็บฟื นแล้ว บอกว่าช่วงค่า


ค่อยมาดูภาพยนตร์
“เมื่อคืนทาไมถึงไม่มาล่ะคะ?” เย่ฉูฉู่เดิ นเข้ามาในบ้านพร้อม
กับริ นน้ าและนาผลไม้แห้งออกมา

“ไม่มีอะไรต้องทาแล้ว ฉูฉู่ พวกเราอยากมาดูงิ้ว ก็เลยแวะเวียน


มาหาเธอด้วย” พี่สะใภ้ใหญ่เย่กล่าว

“นั่นสิ เธอสร้างบ้านใหม่พวกเรายังไม่เคยมาเยี่ยมเยียนเลย”
พี่สะใภ้รองเย่ที่อยู่ขา้ ง ๆ กล่าวพลางกวาดสารวจบ้าน “ยุ่งทั้ง
วัน ไม่มีเวลาเลย บ้านหลังนี้ของเธอดีจริ ง ๆ!”

พี่สะใภ้ท้ งั สองมีที่ดินเยอะ สร้างบ้าน ทั้งยังมีลูกอีก ทั้งปี นี้ จึง


ยุง่ จนไม่มีเวลาได้สนใจอะไร

“ดีน่ะมันก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่ก็ติดหนี้ กอ้ นโตอยู่เหมือนกัน ดื่ม


น้ าอุ่นทาร่ างกายให้อุ่นก่อนแล้วค่อยไปนะคะ ใช้เวลาไม่นาน
หรอก” เย่ฉู ฉู่ อุ ้ม ลู ก มานั่ง บนเตี ย งเตา เธอกล่ า วด้ว ยรอยยิ้ม
“ตอนเที่ยงพวกพี่อยูก่ ินข้าวด้วยกันที่นี่สิคะ”
“ครั้ งนี้ ไว้ก่ อ นน่ ะ ออกจากบ้า นนานไม่ ได้” พี่ ส ะใภ้ใ หญ่ เย่
กล่าว “ทั้งลูกทั้งผูใ้ หญ่ ไหนจะสัตว์ที่เลี้ยงไว้ก็ตอ้ งกลับไปดู
อีก”

“ช่ วงบ่ายพวกเราจะกลับมาใหม่ ที่นี่อยู่ไม่ไกล เดินไม่กี่กา้ วก็


ถึงแล้ว” พี่สะใภ้รองเย่กล่าว

เย่ฉูฉู่เองก็ไม่ได้โน้มน้าวใจพวกเธออีก เธอทราบดี ว่าที่ บา้ น


ของพี่สะใภ้สองคนเลี้ยงหมูและไก่ดว้ ย

พี่ชายขึ้นเขาไปขนฟื นกลับมาก็เหนื่อยมากแล้ว จึงไม่สะดวกที่


จะทาอาหารเอง ไหนจะมีลูกและคุณพ่อเย่อีก คุณแม่เย่กไ็ ม่ได้
อยู่ บ ้า น เรื่ อ งทั้ง หมดจึ ง ตกเป็ นของพี่ ส ะใภ้ท้ ัง สองที่ ต ้อ ง
ช่วยกันดูแล

ผูห้ ญิงภายในชนบทหากแต่งงานแล้ว ร่ างกายก็จะผูกติดอยูใ่ น


บ้านจริ ง ๆ ไม่มีเวลาเป็ นของตัวเองเลย
หลังจากดื่มถังสุ่ ยไปสองถ้วย พี่สะใภ้ท้ งั สองคนก็ไปดูงิ้ว

เย่ฉู ฉู่ คิ ด ว่า กว่าพี่ สะใภ้จ ะได้มา ต่ อ ให้ไ ม่ ได้อยู่รั บประทาน


อาหารด้วยกัน แต่กค็ วรทาอะไรให้พวกพี่สะใภ้นาติดไม้ติดมือ
กลับไปสักหน่อย จึงไม่ได้ตามไปด้วย

เธอวางลู ก ไว้บนรถเข็น เด็ก จากนั้น ก็ว างในต าแหน่ ง ที่ เ ธอ


มองเห็นและเริ่ มทาอาหาร

รถเข็นนี้เด็กจ้าวเหวินเทาเป็ นคนไปซื้ อมาจากในเมือง ของชิ้น


นี้ไม่เลวเลย ออกไปเดินข้างนอกก็แค่วางลูกไว้ในรถแล้วเข็นก็
ได้แล้ว ไม่ตอ้ งอุม้ ให้ปวดแขนปวดเอวด้วย

ปรากฏว่าของชิ้นนี้ ช่างยอดเยี่ยมจริ ง ๆ ทั้งสามารถจับตาดูลูก


ได้ตลอดเวลา และทางานด้วยมือที่ว่างทั้งสองข้างได้ดว้ ย แถม
ลูกก็ไม่ได้ร้องไห้งอแง
เย่ฉูฉู่ครุ่ นคิด เธออบแป้งทอดหวานน้ าตาลห้าหกชิ้นให้พี่สะใภ้
เอากลับไป พวกเธอกลับไปต้มโจ๊กกินคู่ผกั ดองเค็มก็ได้แล้ว
ประหยัดเวลาทางานด้วย

จ้าวเหวินเทากลับมา เย่ฉูฉู่กน็ าแป้งทอดหวานออกมาแล้ว

“ภรรยา ตอนเที่ยงกินแป้ งทอดหวานเหรอ?” จ้าวเหวินเทาล้าง


มือก่อน จากนั้นก็เดินไปอุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางขึ้นมาจากรถเข็นและ
ยกขึ้นสู งพลางเอ่ยถาม

“พี่สะใภ้ใหญ่กบั พี่สะใภ้รองของฉันมาดูงิว้ พวกพี่สะใภ้ไม่วา่ ง


มานัง่ กินข้าวที่นี่ ฉันก็เลยอบแป้ งทอดหวานไว้หา้ หกชิ้นว่าจะ
ให้พ วกหล่ อ นเอากลับไป คุ ณ กลับมาพอดี เ ลย ช่ ว ยดู ลู ก ให้
หน่อยนะคะ ฉันจะเอาไปให้พี่สะใภ้ก่อน ฉันกลัวว่าถ้าไปสาย
กว่านี้พวกพี่สะใภ้อาจจะกลับบ้านไปแล้ว” เย่ฉูฉู่พูดพลางหยิบ
จัดแป้งทอดหวาน
“ได้ คุณไปเถอะ เดี๋ยวผมดูลูกเอง เสี่ ยวไป๋ หยาง คิดถึงพ่อไหม
ลูก?” จ้าวเหวินเทาหอมเจ้าลูกชายทีหนึ่ง

เสี่ ยวไป๋ หยางยิม้ พร้อมกับโบกแขนน้อย ๆ ของเขา

เด็ก คนนี้ ไม่ มี อ ะไรต้อ งเป็ นกัง วลเลย เพราะเขาแทบจะไม่


ร้องไห้ แต่เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่เดินออกไปพร้อมกับแป้ งทอดหวาน ก็
ยกนิ้วน้อยๆ ขึ้นมาชี้พลางส่ งเสี ยงร้องอ้อแอ้
ตอนที่ 212 จ้ าวเหวินเทาผู้เป็ นมิตร

“แม่เอาแป้งทอดหวานไปส่ งให้ป้า ๆ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”

จ้าวเหวินเทาพูดกับลูกชาย เมื่อดูเวลาก็พบว่าถึงเวลาทาอาหาร
เที่ยงแล้ว เขาจึงวางลูกไว้ในรถเข็นและถลกแขนเสื้ อขึ้น

ที่ครัวยังมีแป้ งเหลืออยู่ แต่การทาเล่าปิ่ งนั้นยุ่งยากเกินไป เขา


จึงนวดแป้ งทาบะหมี่น้ าพะโล้ใส่ ไข่และต้นหอม หยิบแตงกวา
ออกมาสองผลจากห้องใต้ดิน ใส่ เครื่ องปรุ งรสและกระเที ยม
สับ จากนั้นก็หนั่ ผักกาดดองฝอยหนึ่งจาน

จนกระทัง่ เย่ฉูฉู่กลับมา อาหารก็ทาเสร็จแล้ว

“คุณทาเร็วมากเลยนะคะเนี่ย” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้
“แน่นอน ดูซะก่อนว่าสามีของคุณเป็ นใคร” จ้าวเหวินเทากล่าว
เคล้า รอยยิ้ม “ภรรยา หิ ว แล้ว ใช่ ไ หม รี บ กิ น สิ พี่ ส ะใภ้คุ ณ
กลับไปแล้วเหรอ”

“ตอนที่ฉนั ไปถึง พวกพี่สะใภ้กก็ าลังจะกลับพอดี ก็เลยถือแป้ง


ทอดหวานกลับไปแล้ว ไม่มีเวลาแม้แต่จะดูงิ้วเลยจริ ง ๆ” เย่ฉูฉู่
อุม้ ลูกขึ้นมาให้นม “พวกพี่สะใภ้บอกว่าจะมาใหม่ตอนบ่าย ไม่
รู ้วา่ จะได้มาหรื อเปล่า ตอนนี้ยงุ่ อยูก่ บั การขนฟื นเพื่อใช้ช่วงฤดู
หนาวน่ะค่ะ”

จ้าวเหวินเทาถาม “ที่ ดินของพี่ชายคุ ณ ก็มีต้ งั เยอะแยะไม่ ใ ช่


เหรอ ฟางข้าวไม่พอเผาเหรอ? มีเตียงเตาหนึ่งเตียงจะใช้ฟืนสัก
เท่าไรกันเชียว?”

“ต่อให้มีฟางข้าวเพียงพอ แต่มีฟืนมากสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
นะ” เย่ฉูฉู่กล่าว “ถึงเวลานั้นจะได้ไม่ตอ้ งไปหยิบยืมฟื นจาก
คนอื่นมาเผา แบบนั้นคงรู ้สึกไม่ดีแย่เลย”
“รู ้สึกไม่ดีอะไรกัน ถึงเวลาก็คืนไปสิ ” จ้าวเหวินเทาไม่อายมา
แต่ไหนแต่ไรแล้ว

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา “ถ้าไม่ยืมได้ก็ไม่ตอ้ งยืม ยืมแล้วเดี๋ ยวก็


เป็ นหนี้บุญคุณกันอีก”

“ภรรยา เรื่ อ งนี้ คุ ณ พู ด ไม่ ถู ก นะ สิ่ ง ที่ ต ้อ งการก็คื อ บุ ญ คุ ณ นี่


แหละ เป็นเพราะแบบนี้ ถึงจะมีความสัมพันธ์ต่อกันไง มันก็มี
คาพูดหนึ่ งไม่ใช่ เหรอที่บอกว่าญาติพี่น้องต้องไปมาหาสู่ กนั
บ่อย ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะห่ างเหิ นต่อกัน แต่จะไปมาหาสู่ ยงั ไงล่ะ
ก็ตอ้ งหยิบยืมและใช้คืนนี่ แหละ ชดเชยหนี้ บุญคุณต่อกันไง!”
จ้าวเหวินเทากล่าว

เขาเองก็ทาแบบนี้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะอ้าปากขอร้องคนอื่น
เมื่อเป็ นหนี้บุญคุณแล้ว จากนั้นเขาก็จะคืนหนี้บุญคุณนี้ แบบนี้
การไปมาหาสู่ กนั ของทั้งสองฝั่งก็จะเกิดความคุน้ เคยด้วย
จากนั้ นก็ จ ะกลายเป็ นเพื่ อ นกัน ช่ ว ยเหลื อ ซึ่ งกัน และกัน
แบ่งปันข้อมูลข่าวสารและร่ ารวยไปด้วยกัน

ดังนั้นในสายตาของจ้าวเหวินเทา หนี้บุญคุณสามารถขยายเป็ น
วงกว้างกลายเป็ นเครื อข่ายของตนเองได้ เป็ นวิธีการใช้ชีวิตที่ดี
ที่สุด

เย่ฉูฉู่คิดว่าสิ่ งที่เขาพูดมีเหตุผล นางกล่าวด้วยรอยยิม้ “ไม่ใช่


ทุกคนที่จะเป็ นแบบคุณหรอกนะคะ มีคนส่ วนหนึ่งเหมือนกัน
ที่คิดว่าการเป็ นหนี้บุญคุณคนอื่นถือเป็ นภาระ” สามีเธอเป็ นคน
ใจถึงและเป็ นมิตร จึงทาให้เขาไม่ได้ผกู มัดอยูก่ บั อะไรอย่างใด
อย่างหนึ่ ง จากนั้นเธอจึงถามว่า “แล้วตอนเช้าคุ ณไปไหนมา
เหรอคะ? ไม่เห็นคุณเลย”

“ผมไปหาพวกเขาเพื่อคุยเรื่ องโฆษณากระต่ายมา” จ้าวเหวินเทา


พูดถึงเรื่ องกระต่ายสื่ อรัก
เย่ฉูฉู่อดไม่ได้ที่จะขาพรื ดออกมา “กระต่ายสื่ อรัก? ทาไมถึงคิด
ชื่อนี้ออกมาได้คะเนี่ย?”

“ผมไม่ได้เป็นคนคิดชื่ อนี้ มันเป็นชื่ อที่สองคนนั้นคิดต่างหาก


ล่ะ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยท่าทางหดหู่ “ผมบอกให้เปลี่ยนชื่ อ
ใหม่ พวกเขาก็บอกว่าชื่อนี้เหมาะกับเนื้อเรื่ องแล้ว ก็เลยใช้ชื่อนี้
ผมเลยคิดว่าอยากจะใช้กใ็ ช้ไปเถอะ ถึงยังไงก็เป็ นแค่ชื่อ ขืนยัง
ฝื นเปลี่ยนชื่อเรื่ องคงทาให้พวกเขาหมดความกระตือรื อร้น”

เย่ฉูฉู่จึงรี บถามว่าเป็ นเรื่ องราวของอะไร จ้าวเหวินเทาจึงพูดให้


เธอฟังแบบง่าย ๆ

“ความหมายก็ประมาณนี้ แหละ แต่ก็ยงั ต้องเสริ มเติมแต่ งอี ก


ต้องมีจุดพีคของเรื่ องอะไรพวกนั้นด้วย ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจ
เหมือนกัน รอพวกเขาแต่งเสร็ จผมค่อยไปดู ถ้าไม่ดีก็ให้พวก
เขาเปลี่ยน”

“แสดงพรุ่ งนี้เหรอคะ? จะทันไหม?” เย่ฉูฉู่ถาม


“ไม่ได้แสดงพรุ่ งนี้หรอก หลังจากการแสดงของหมู่บา้ นเราจบ
ลงถึงจะเพิม่ การแสดงเข้ามาอีกหนึ่งเรื่ อง” จ้าวเหวินเทากล่าว

“แบบนั้นก็ดีนะคะ ถึงตอนนั้นทุกคนก็ขายพืชผลเสร็ จแล้ว คน


ที่มาดูกเ็ ยอะขึ้นด้วย ถ้าพวกคุณแสดงได้ดี คิดว่าผลลัพธ์คงไม่
เลวเลย” เย่ฉูฉู่กล่ าว เมื่ อเห็ นว่าลู กหลับแล้วจึ ง ปล่ อยให้เ ขา
นอน และเดินมารับประทานอาหาร

“ผมเองก็คิดแบบนี้ เหมือนกัน” จ้าวเหวินเทานาบะหมี่ มาให้


เธอ เขาราดน้ าพะโล้ลงไปพลางกล่าว

“อื ม ฝี มื อ ดี ข้ ึ นเรื่ อย ๆ เลยนะคะ ถื อ ว่ า อร่ อยเลย” เย่ ฉู ฉู่


รับประทานไปหนึ่งคา ก็ชื่นชมโดยไม่ได้รู้สึกตระหนี่ถี่เหนียว
แต่อย่างใด

จ้าวเหวินเทาคลี่ยมิ้ อย่างมีความสุ ข “ภรรยาชอบกินก็ดีแล้ว กิน


เยอะ ๆ นะ ตอนบ่ายคุณไปดูงิว้ สิ เดี๋ยวผมดูลูกให้เอง”
“ตอนบ่ายคุณไม่ไปดูพวกเขาซ้อมเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“ไม่ ไปแล้ว การซ้อมไม่ ได้น่าสนใจอะไรเลย ซ้อมซ้ า ๆ ไม่


หยุด ผมดูไปสองรอบก็เบื่อแล้ว” จ้าวเหวินเทากัดแตงกวาหนึ่ง
คา “ผมค้นพบแล้วล่ะว่าตัวเองคงทาได้แค่วงิ่ ออกไปค้าขาย ให้
ผมทาอย่างอื่นคงทาไม่ได้จริ ง ๆ ผมไม่ได้มีความอดทนขนาด
นั้น เกาเสี ยงบอกว่า เวลาพวกเขาแสดงละครต้องทาซ้ า ๆ ไม่
หยุดเลย แถมยังต้องทาซ้ า ๆ ทุกวันด้วย สิ บปี เหมือนหนึ่ งวัน
ผมได้ยินแล้วก็ปวดหัวไปหมด ถ้าผมทาแบบนั้นคงได้เป็ นบ้า
แน่”

เย่ฉูฉู่หวั เราะ “คุณก็คา้ ขายสิ บปี เหมือนหนึ่งวันไม่ใช่เหรอคะ?


ตื่นเช้ากลับดึก คุณเองก็มีความอดทนมากเหมือนกัน อันที่จริ ง
มันอยู่ที่ว่าคุณชอบหรื อเปล่า ถ้าชอบไม่ว่าจะทาอะไรก็สาเร็ จ
ทั้ง นั้ นแหละ แต่ ถ ้า ไม่ ช อบไม่ ว่ า จะท าอะไรก็ ไ ม่ ป ระสบ
ความสาเร็จ”
จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ภรรยา คุณพูดมีเหตุผลนะ แต่ผมไม่ได้
สิ บปี เหมือนหนึ่งวันสักหน่อย ผมค้าขายได้แค่ปีเดียวเอง”

“ฉันแค่เปรี ยบเปรย ไม่ตอ้ งไปสนใจรายละเอียดพวกนั้นหรอก


ค่ะ” เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา

จ้าวเหวินเทายิม้ “ภรรยา ผมผิดไปแล้ว มา กินแตงกวาดับความ


โกรธนะ”

เย่ฉูฉู่ตาหนิเขาด้วยสายตา…จริ ง ๆ เลย

จ้าวเหวินเทายิม้ “ผมเข้าใจความหมายคุณนะ พวกเขาชอบถึง


ได้มีความอดทนแบบนั้น แต่เป็ นเพราะผมไม่ชอบก็เลยไม่ มี
ความอดทน”

“คนเราขอแค่ ชอบ ไม่ ว่าจะทาอะไรก็ไม่ รู้สึกเบื่ อหรอกค่ ะ ”


เย่ฉูฉู่ นึกถึ งตอนที่ ตนวาดภาพ เธอเองก็วาดมานานแล้วแต่ก็
ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย
จ้าวเหวินเทาครุ่ นคิดแล้วพูด “ภรรยา อันที่จริ งผมคิดว่าตัวเองก็
ไม่ ได้ชอบค้าขายหรอก ผมชอบค้าขายเพราะได้เงิ นเร็ ว ผม
ชอบอะไรที่เร็ ว ๆ ผมเป็ นคนใจร้อนมาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่ว่าจะ
เรื่ องอะไรก็อยากทาให้เสร็ จเร็ว ๆ หาเงินก็เหมือนกัน นอกจาก
ค้าขายแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะทาเงินได้เร็วไปกว่านี้แล้ว”

“ทาไมจะไม่มีล่ะคะ อย่างเช่นเล่นพนันไง?” เย่ฉูฉู่มองไปที่เขา

จ้าวเหวินเทานึ กถึงประสบการณ์ที่เขาไปเล่นพนันปี ที่แล้ว ก็


รี บส่ ายหน้า “สถานที่แบบนั้นทุบตีให้ตายผมก็ไม่ไปแล้ว น่ า
รังเกียจจะตาย!”

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยูใ่ นบ้านหลังเล็ก ๆ ซอมซ่ อ เขาคิดว่าบ้าน


สาหรับใช้เล่นพนันที่หม่าเสี่ ยวลิ่วพาไปนั้นช่างสกปรกนัก ยิง่
ไม่ตอ้ งพูดถึงตอนนี้ที่ได้มาอยูบ่ า้ นใหม่ แค่คิดก็รู้สึกรับไม่ไหว
แล้ว
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วถ้าเป็ นสถานที่ ที่สะอาดสะอ้าน
ล่ะ?”

“ก็ไม่ไปอยู่ดี ผมไม่ได้สนใจเรื่ องพวกนั้น” จ้าวเหวินเทาพูด


เด็ดขาดทันที

เย่ฉูฉู่รู้สึกพึงพอใจ ถึงอย่างไรก็ตอ้ งเคาะ ๆ สักหน่อย

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เย่ฉูฉู่กไ็ ปดูงิ้ว ผ่านไปครู่ หนึ่ง


ก็กลับมาให้นมลูกอีกครั้ง

จ้าวเหวินเทาอยูบ่ า้ นเลี้ยงเสี่ ยวไป๋ หยาง ระหว่างนั้นก็เก็บกวาด


รังกระต่ายและทาความสะอาดบ้านไปด้วย โดยเสี่ ยวไป๋ หยาง
มองเขาทางานอยูต่ รงนั้น และยังมีลิงน้อยที่นงั่ ยอง ๆ มองจาก
ทางนั้นด้วย

หนึ่งคนและหนึ่งลิง สองผูค้ ุมตัวน้อย!


ตอนบ่ายพี่สะใภ้ท้ งั สองคนของตระกูลเย่ไม่ได้มา ช่วงค่าถึงจะ
มาดู ภาพยนตร์ พร้อมกับคุ ณพ่อเย่และพี่ชายทั้งสองคน เย่ฉูฉู่
ถามไถ่แล้วจึงทราบว่ายุง่ อยูก่ บั การขนฟื น

ในแต่ละวันผูช้ ายตระกูลเย่ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบคลุมเครื อแม้แต่


น้อย ไม่วา่ จะงานอะไรก็ทาหมดทุกอย่าง

“นี่ถา้ ฉายภาพยนตร์ตอนฤดูร้อนก็คงจะดีนะ” พี่สะใภ้รองเย่นงั่


ลงแล้วจึงพูดขึ้น “อากาศตอนนี้หนาวไปหน่อย”

พี่สะใภ้รองจ้าวที่นงั่ อยู่ขา้ ง ๆ กล่าว “ฤดูร้อนจะไปมีเวลาดู ที่


ไหนกัน ต่างก็ยงุ่ อยูก่ บั การทาไร่ ทาสวนกันทั้งนั้น”

“ก็จริ ง คนที่ทาไร่ ทาสวนมีเวลาว่างแค่ไม่กี่วนั ต่อปี หรอก นี่ ดู


จบก็ตอ้ งไปแปรรู ปอาหารอี ก แถมยังต้องไปนึ่ งอาหารแห้ง
ด้วย” คุณแม่จา้ วกล่าว ทั้งยังแอบรู ้สึกเสี ยดาย “น่าเสี ยดายที่แม่
ยายไปเมืองหลวงแล้ว ไม่ง้ นั ฉันคงไปชวนให้เธอมาดูดว้ ยกัน
แล้วล่ะ”
ตอนที่ 213 กระต่ ายของข้ าวซานถุน

เย่ฉูฉู่ได้ยนิ ถึงกับหัวเราะ “หลังจากนี้กย็ งั มีโอกาสนะคะ”

คุณแม่จา้ วพยักหน้า

ป้ า ใหญ่ จ ้า วกล่ า ว “คนท าไร่ ท าสวนน่ ะ ไม่ มี ใ ครมี เ วลาว่า ง


หรอก พรุ่ ง นี้ ฉัน ก็ก ลับแล้ว ในบ้า นยัง มี เ รื่ อ งให้ทาอี กเยอะ
เลย!”

คุณแม่จา้ วพูดอย่างไม่พอใจ “พี่ยงั คิดถึงไอ้บา้ นัน่ อีกเหรอคะ พี่


ให้มนั ทากับข้าวกินเองสักสองสามวันจะเป็ นไรไป ให้มนั ได้รู้
ซะบ้างว่าพี่สาคัญขนาดไหน!”

“แบบนั้นไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะช้าหรื อเร็ วก็ตอ้ งกลับไป ยังไงก็


ยังต้องใช้ชีวติ ต่อนะ!” ป้าใหญ่จา้ วพูดช้า ๆ ทีละคา

เย่ฉูฉู่และพี่สะใภ้คนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะส่ ายหน้า


ป้าใหญ่จา้ วคนนี้เกินเยียวยาแล้วจริ ง ๆ มีคาพูดหนึ่งพูดไว้ดีเลย
‘คนน่าสงสารย่อมต้องมีจุดหนึ่งที่ทาให้คนเกลียดชัง’ คาพูดนี้
ตรงกับคนแบบป้าใหญ่จา้ วเชียวล่ะ

การฉายภาพยนตร์ และการแสดงงิ้วสามวันได้สิ้นสุ ดในเวลา


อันรวดเร็ ว แม้ป้าใหญ่จา้ วจะโวยวายอยากกลับบ้าน แต่คุณแม่
จ้าวก็ยงั รั้งให้ดูจนจบถึงจะให้กลับ

หญิงชราคนนี้ มีเท้าไม่ใหญ่ แต่กลับพยายามเร่ งฝี เท้าเพื่อกลับ


บ้าน ทาให้คุณแม่จา้ วเห็นแล้วรู ้สึกปวดใจ ทั้งยังพูดว่ากลับไป
ก็อย่าทะเลาะกัน

คุ ณพ่อจ้าวแค่ นเสี ยงจากลาคอ “ถ้าทะเลาะกันก็สมควรแล้ว


แหละ!”

ครั้งก่อนป้ าใหญ่จา้ วถูกสามีทุบตีจนหัวแตกเลือดอาบหน้า คน


อายุเกื อบหกสิ บแล้ว ยังจะทุ บตี กนั แบบนี้ นี่ มนั ไม่ ใช่ มนุ ษ ย์
แล้ว!
คุณแม่จา้ วจาใจให้ป้าใหญ่จา้ วกลับบ้านแต่โดยดี

อายุปูนนี้แล้วคงไม่ตอ้ งหย่าแล้วล่ะ ลูกก็เป็ นฝั่งเป็ นฝามีงานทา


แล้ว กลับบ้านเกิดเพื่อใช้บ้ นั ปลายชีวติ ในบ้านก็ยงั เลี้ยงไหว

อีกอย่างนี่ ก็ไม่ใช่ ตวั อย่างแรก หญิงชราที่กลับไปอยู่บา้ นเกิด


ตัวเอง ก็เคยมีประสบการณ์ให้เห็น

แต่ป้าใหญ่จา้ วไม่ยินดีที่จะทาแบบนั้น บอกว่าตนเป็นคนของ


ตระกูลหลิว ต่อให้ตายก็ตอ้ งเป็ นผีตระกูลหลิว นางยังอยากให้
ลูกหลานตระกูลหลิวจุดธูปไหว้อยู่

หากกลับมาที่ตระกูลจ้าว อนาคตเมื่อตายไปก็จะเข้าสุ สานของ


ตระกูลหลิวไม่ได้แล้ว ไม่สามารถอยู่คู่กบั กระดู กของสามี จะ
ทาอย่างไร? ถึงอย่างไรนางก็เป็ นคนหัวโบราณด้วย

คุณแม่จา้ วโกรธจนคร้านจะสนใจแล้ว
การแสดงภาพยนตร์ และงิ้วของหมู่ บา้ นตะวันออกสิ้ นสุ ดลง
แล้ว หลังจากนี้กจ็ ะเปลี่ยนไปหมู่บา้ นถัดไป ทุกคนที่ยงั อยากดู
อีกก็แค่ตามไปดู

ในวันที่การแสดงสิ้ นสุ ดลง ทีมใหญ่กป็ ระกาศว่าจะมีการแสดง


เพิ่มอีกหนึ่งเรื่ อง

ตอนค่าค่อยส่ งคณะละครออกจากหมู่บา้ น

ทุกคนได้ยนิ ก็รีบถามว่ามีภาพยนตร์เพิ่มหรื อไม่ เลขาแค่นเสี ยง


จากลาคอ มีละครเพิ่มเข้ามาหนึ่ งเรื่ องก็ไม่เลวแล้ว พวกเธอยัง
อยากจะให้เพิ่มภาพยนตร์ อีกหรื อ อย่างนั้นพวกเธอก็ออกเงิน
เองสิ ?

ทุกคนต่างก็โศกเศร้าเสี ยใจ แต่เมื่อนึกได้วา่ ได้ดูละครฟรี ๆ อีก


หนึ่ งเรื่ องก็ถือว่าไม่เลวแล้ว คนที่มาดูจึงมีจานวนมาก รวมถึง
พวกคนหนุ่มสาวด้วย
เป็ นการใช้ประโยชน์จากจิตวิทยาของทุกคน

วันนี้ คนแก่มีความสุ ขมาก เพราะไม่มีลม อากาศเลยไม่หนาว


เพิ่งจะรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จก็รู้สึกอบอุ่นมาก

บนเวทีแสดงมีเกาเสี ยงที่แต่งตัวด้วยเสื้ อผ้าผูห้ ญิงสมัยใหม่และ


เด็กที่สวมใส่ ดว้ ยเสื้ อผ้าของเด็กผูช้ าย พวกเขาเดิ นออกมาจาก
ด้านหลังเวที ครั้ นทุ กคนได้เห็นก็ส่งเสี ยง โอ้โห นี่ มนั ละคร
สมัยใหม่นี่นา!

ไม่รู้วา่ ละครสมัยใหม่เรื่ องนี้จะเป็ นอย่างไร

ด้วยความที่อากาศหนาว เกาเสี ยงจึงไม่สามารถสวมใส่ ดว้ ยชุด


กระโปรงได้ เขาจึงใส่ กางเกงขาบานคู่กบั รองเท้าส้นสู งแทน
นอกจากนี้ ยงั มีวิกผมยาวดัดลอน ก่อนเดินนวยนาดกรี ดกราย
ขึ้นมาบนเวที
ทุกคนมองตั้งแต่เริ่ มจนถึงตอนนี้ ก็ยงั ไม่รู้ว่าเขาคือผูช้ าย ต่างก็
คิดว่าเป็ นผูห้ ญิงกันทั้งนั้น ส่ วนด้านล่างเวทีก็กาลังพูดคุ ยกัน
ต่างคนต่างคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้เมื่อลบเครื่ องสาอางแล้วก็
มีใบหน้าหล่อเหลาเช่นกัน!

เสี ยงดังมากจนเกาเสี ยงได้ยนิ ชัดเจนเต็มสองหู แต่กไ็ ม่ได้ใส่ ใจ


อะไร เขาเพียงแค่แสดงบทบาทของตนเอง

“แม่ครับ ร้านอาหารร้านนี้สุดยอดเลย มีเนื้อกระต่ายผัดน้ าแดง


ด้วย!” เด็กที่แต่งตัวเป็นลูกชายชี้ ไปยังแผ่นป้ ายโลหะที่ติดอยู่
บนฉากชัว่ คราวบนเวที

เกาเสี ยงหันไปมอง เขาสะบัดลอนผมพลางกล่าว “งั้นก็ร้านนี้


แล้วกัน แม่ชอบกินเนื้อกระต่ายที่สุด!”

“ผมเองก็ช อบเหมื อ นกัน เนื้ อ กระต่ า ยอร๊ อ ยอร่ อ ย!” เด็ ก ที่
แต่งตัวเป็ นเด็กผูช้ ายกล่าว
ทั้งสองคนแสร้งทาเป็ นเดินเข้ามาในร้าน ฉินหมิงที่สวมใส่ ดว้ ย
กางเกงและเสื้ อผ้าลายดอกไม้เล็ก ๆ เดินบิดสะโพกออกมา

“ยินดี ตอ้ นรั บ ลู กค้าอยากรั บประทานอะไรดี ?” ฉิ นหมิ งพูด


ด้วยความกระตือรื อร้น

“น้องสาวคะ ที่นี่มีอะไรบ้าง?” เกาเสี ยงนัง่ ตัวตรงอยูบ่ นเก้าอี้

“เฮ้ เรี ยกใครน้องสาวเนี่ย ฉันเป็ นผูช้ ายทั้งแท่ง!” ฉินหมิงรี บแก้


ด้วยความตื่นเต้น

จากนั้นก็ถึงเวลาร้ องเพลงแล้ว โดยเนื้ อหาหลักก็เ ป็ นพู ด ถึ ง


ความเข้าใจผิดคิ ดว่าฉิ น หมิ งเป็ นผูห้ ญิ ง แต่ ยงั ไม่ ทนั ได้ร้ อ ง
เพลง คนที่อยู่ดา้ นล่างก็หัวเราะร่ าออกมา ทั้งยังมีคนโห่ ฮาใส่
ด้วย

“ผูช้ ายทั้งแท่งเหรอ? ไม่เชื่อหรอก ถอดกางเกงพิสูจน์หน่อย!”


“ผูช้ ายจริ งเหรอเนี่ย? สวรรค์ เหมือนผูห้ ญิงเกินไปแล้วมั้ง? เมื่อ
กี้ฉนั เองก็นึกว่าเป็ นสาวน้อยนะ!”

“รู ปร่ างหน้าตาก็เหมือนผูห้ ญิง เป็ นผูช้ ายได้ไงเนี่ย?”

“ไม่ใช่วา่ มีอะไรผิดพลาดหรอกนะ?”

“ผูช้ ายเหรอ?”

“ถอดกางเกงดิ!”

ฉิ นหมิงโกรธจนอยากจะสะบัดแขนเสื้ อไม่แสดงแล้ว จ้าวเห


วินเทา ไอ้หมอนี่หลอกเขา!

เขาเองก็ไม่ได้คิดเลย จ้าวเหวินเทาแค่ให้ประเด็นมา ส่ วนการ


แสดงจะเป็ นอย่างไรขึ้นอยูก่ บั การตัดสิ นใจของพวกเขา เขาแค่
คิดไม่ถึงว่าผูช้ มในชนบทจะทาตามอาเภอใจแบบนี้ ก่อนหน้า
นี้ในอาเภอก็ไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน
ฉิ น หมิ ง ลื ม ไปแล้ว ว่า เสื้ อ ที่ เ ขาสวมใส่ เ พื่อ แสดงตอนอยู่ใน
อาเภอจะมองเป็ นชายหรื อหญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ ไม่ได้ใส่ เสื้ อผ้า
การแสดงแล้ว

จ้าวเหวินเทาที่ นั่งอยู่ล่างเวที ก็มีความสุ ข เจ้าหมอนี่ ต้ งั ใจทา


แบบนี้เอง ยังจะมาโทษคนอื่นอีกเหรอ!

ท้ายที่ สุดฉิ นหมิ งก็ไม่ได้ยอมแพ้ เขายังคงแสดงละครต่อไป


และเริ่ มร้องเพลง

หลังจากร้องจบก็เป็นการร้องเพลงของเกาเสี ยง เป็นการตอบ
กลับด้วยการขอโทษ

บทเพลงสั้นมาก ส่ วนใหญ่จะเป็ นการใช้บทสนทนาพูดคุยกัน


เสี ยมากกว่า เพราะเวลาที่ ส้ ัน ทั้งยังเป็ นการโฆษณาเพื่อขาย
กระต่าย ทาให้คิดบทออกมาได้ไม่มาก ดังนั้นจึงใช้บทสนทนา
แทน
หลังจากร้องจบแล้วเกาเสี ยงก็สั่งอาหาร ซึ่งก็คือเมนูกระต่ายผัด
น้ าแดง

จากนั้นก็มีลูกค้าเข้ามาอีกหนึ่ งคน ทว่ากลับจ้องจับผิดบอกว่า


เนื้อกระต่ายไม่สด ต้องการให้จ่ายเงินชดเชย และเริ่ มร้องเพลง
ออกมา

จากนั้นฉิ นหมิงก็หยิบกรงออกมา ในกรงมีกระต่ายที่เย่ฉูฉู่เป็ น


คนเย็บ มัน มี ล าตัว สี ข าวเทา ขนดกปุ ก ปุ ย เมื่ อ วางบนเวที
นอกจากเรื่ องที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ภายนอกของมัน
ก็ดูเหมือนจริ งมาก!

ทุกคนถึงกับตกตะลึง ก่อนจะเกิดการสนทนาขึ้นระลอกหนึ่ง

“นัน่ กระต่ายจริ งไหม?”

“ของปลอมมั้ง? มันวิง่ ไม่ได้นะ”

“อยูใ่ นกรงจะให้วงิ่ ไปไหน!”


ทุกคนต่างก็เรี ยกร้องให้ปล่อยกระต่ายออกมา ปล่อยออกมาก็
จะสอดคล้องกับโครงเรื่ องด้วย

ฉิ น หมิ ง จึ ง ปล่ อ ยกระต่ า ยออกมา เขาพู ด กับ ลู ก ค้า คนนั้น ว่า


ภายในร้านเป็ นกระต่ายมีชีวิต ฆ่ าและใช้เนื้ อตอนนั้นเลย อีก
อย่างนี่ ก็เป็ นกระต่ ายที่ นาเข้าจากฟาร์ มกระต่ ายของหมู่บา้ น
ข้าวซานถุนที่ดีที่สุด ไม่เชื่ อก็ลองไปถามดูได้ มีกระต่ายจากที่
ไหนที่จะดีกว่ากระต่ายของฟาร์มกระต่ายข้าวซานถุนอีกไหม?

เมื่อทุกคนได้ยนิ ก็ตกตะลึง ตอนนี้ละครโทรทัศน์ยงั ไม่ได้เป็น


สากล ผูค้ นจึงไม่ได้มีความคิดเรื่ องโฆษณา เมื่อได้ยินก็คิดว่า
กระต่ายของข้าวซานถุนมีชื่อเสี ยงไปถึงในอาเภอจริ ง ๆ

ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ ายจะพูดแบบนี้เหรอ?

“กระต่ายของหมู่บา้ นเราเป็ นที่นิยมขนาดนี้ เลยเหรอ?” มีคน


กระซิบถามจ้าวเหวินเทา
จ้าวเหวินเทากล่าว “เรื่ องนี้ ยงั ต้องพูดอีกเหรอ? กระต่ายของ
พวกเรามีไม่พอต่อความต้องการด้วย ในเมืองเป็นที่นิยมมาก
เลยนะ!”

“มีชื่อเสี ยงขนาดนั้นเลยเหรอ ทาไมฉันไม่เห็นรู ้เรื่ องเลย?” พี่


สามจ้าวแอบสงสัย

เขาเองก็เป็ นขาประจาในอาเภอ ตอนขายเต้าหู ้ก็ได้พูดคุ ยกับ


ร้านอาหารบางส่ วนเช่ นกัน แต่ก็ไม่เคยได้ยินว่ากระต่ายของ
ข้าวซานถุนมีชื่อเสี ยงขนาดนี้?

“เป็ นเพราะพี่ไม่สนใจนัน่ แหละ ครั้งหน้าถ้าพี่ไปอีกรอบ ลอง


สังเกตดูหน่ อยก็รู้แล้วว่ามีชื่อเสี ยงขนาดไหน” จ้าวเหวินเทาก
ล่าว

ละครเรื่ อ งนี้ เมื่ อ ปรากฏออกมาแล้ว ต่ อ ให้ไ ม่ มี ชื่ อ เสี ย งก็มี


ชื่อเสี ยงได้!
พี่สามจ้าวยังคิดเรื่ องนี้ ไม่ออก แต่ภายในใจกลับคิดว่าจะเลี้ยง
เพิม่ อีกสักสี่ หา้ ตัวดีไหมนะ?

ไม่ได้มีแค่เขาเท่านั้นที่มีความคิดนี้ คนอื่น ๆ ก็เริ่ มเกิดความคิด


ว่าตัวเองเลี้ยงน้อยไปไหม?

ด้านบนเวทียงั คงเอ่ยชมกระต่ายของข้าวซานถุ น แน่ นอนว่า


ไม่ได้พูดถึงจ้าวเหวินเทา ถ้าเป็นแบบนั้นคงดูปลอมไปหน่ อย
จ้าวเหวินเทาอยากให้กระต่ายมีชื่อเสี ยง ไม่ได้ตอ้ งการให้ตวั
เขามีชื่อเสี ยง

สิ่ งที่เขาต้องการมีแค่ความร่ ารวย

ละครบนเวทีได้ดาเนิ นมาถึงจุดหักเห เมื่อบทสรุ ปถูกเปิ ดเผย


คนที่มาจับผิดไม่ยอมหยุดจึงคอตกถอยออกไป ขั้นตอนนี้มีท้ งั
พูดและร้องเพลงไปด้วย จุดหยอดมุกตลกก็มีอย่างต่อเนื่อง ทา
เอาทุกคนถึงกับส่ งเสี ยงหัวเราะกันไม่หยุด
กระต่ า ยของข้า วซานถุ น ได้เ ข้าไปอยู่ใ นใจของทุ ก คนอย่าง
เงียบๆ แล้ว เพียงแต่ไม่มีใครตระหนักได้กเ็ ท่านั้น
ตอนที่ 214 ก้าวแรกสู่ วงการภาพยนตร์

ละครเป็ นละครสั้น ใช้เวลาแค่หนึ่ งชั่วโมงกว่า มี เนื้ อหาการ


แสดงเป็ นไปอย่ า งลวกๆ เพราะมี เ วลาน้ อ ยเกิ น ไปจึ ง ไม่
สามารถลงรายละเอียดได้ เพียงแต่คนในหมู่บา้ นมองไม่ออก
ถึงจุดนี้ ถึงอย่างนั้นก็ทาให้มีความสุ ขแล้ว

ทุกคนต่างก็ชอบมาก พวกเด็กหนุ่มสาวคิดว่าละครเรื่ องนี้สนุก


กว่าละครเพลงเมื่อสองสามวันก่อนเสี ยอีก มีความน่าสนใจจน
ต้องปรบมือเสี ยแดงเถือกไปหมด ทั้งยังส่ งเสี ยงกรี๊ ดเพื่อขออีก
สักรอบ!

เกาเสี ยงคิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะดีขนาดนี้ เขาก้าวเท้ามาด้านหน้า


และใช้เสี ยงผูช้ ายพูด “ถ้าขออีกฉันจะบอกให้กไ็ ด้ ฉันเองก็เป็ น
ผูช้ ายทั้งแท่งเหมือนกัน!” ระหว่างที่พูดก็ถอดวิกผมปลอมออก
เผยให้เห็นผมสั้นกุดของเขา
ด้านล่างเวทีถึงกับตกตะลึง ต่างชี้ มือชี้ ไม้ไปที่เกาเสี ยงแต่กลับ
พูดไม่ออก

จ้า วเหวิน เทาหัว เราะพรื ด ทุ ก คนดู เ หมื อ นว่ า เพิ่ ง จะหาทาง


ระบายได้จึงหัวเราะร่ าออกมา

การแสดงทั้ง หมดเป็ นอัน สิ้ น สุ ด ลงด้ว ยเสี ย งหัวเราะอย่างมี


ความสุ ข

ท้ายที่สุด ทุกคนก็พูดถึงเรื่ องความเป็ นชายทั้งแท่งของเกาเสี ยง


และฉิ น หมิ ง ราวกับ ว่ า การโฆษณากระต่ า ยไม่ ไ ด้เ กิ ด ผล
กระทบอะไรเลย แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วนั ก็มีคนมาหาจ้าว
เหวินเทาเพื่อซื้อกระต่ายมากขึ้น

คนเหล่านี้ส่วนมากเป็ นคนที่มาจากนอกหมู่บา้ น จ้าวเหวินเทา


จึงทราบได้วา่ การโฆษณาเกิดผลแล้ว
เขาเดาถู กเผง หลังจากการแสดงที่ หมู่ บา้ นอื่ นสิ้ นสุ ดลง เกา
เสี ยงและฉิ นหมิงก็แสดงละครกระต่ายนี้เสริ มเข้าไปด้วย พวก
เขามีการปรับแต่งเรื่ องราวนิดหน่อย จึงทาให้คนรู ้สึกชอบมาก
ขึ้น ดังนั้นจึงมีคนมาหาจ้าวเหวินเทาเพื่อซื้ อกระต่าย

ตอนที่การแสดงทั้งห้าหมู่บา้ นสิ้ นสุ ดลง กระต่ายของจ้าวเหวิน


เทาก็ถูกขายไปครึ่ งหนึ่ง แต่กย็ งั ไม่จบลงแค่น้ นั

คณะละครของอาเภอเมื่อแสดงภายในหมู่บา้ นเสร็ จก็กลับไปที่


อาเภอ เป็ นเพราะกระแสตอบรับจากการแสดงค่อนข้างดี ตอน
ที่กลับมาหัวหน้าคณะจึงตัดสิ นใจแสดงในอาเภอด้วย ผลลัพธ์
ที่ได้ถึงกับดังเป็ นพลุแตกเลย

ตัว๋ หนึ่งใบใช้เงินไปห้าเหมา ต้องทราบก่อนว่าการไปดูละครที่


โรงละครในอ าเภอยุค นั้น ก็ใ ช้เ งิ น หลายเฟิ นแล้ว โดยที่ ต ั๋ว
ภาพยนตร์ มีราคา 1-2 เหมา แต่ขนาดเงินห้าเหมานี้ ก็ยงั มีคนที่
ไม่มีปัญญาซื้อ
เกาเสี ย งและฉิ น หมิ ง ยิ่ง ไม่ ต ้อ งพู ด ถึ ง พวกเขาได้กลายเป็ น
นัก แสดงแถวหน้าของคณะแล้ว แม้ว่า พวกเขาจะเกิ ดความ
กัง ขาเกี่ ย วกับ ปรากฏการณ์ น้ ี ก็ต าม ละครนี้ ดี ข นาดนั้น เลย
เหรอ?

ต่อให้มีการปรับแต่งเนื้ อเรื่ องบ้าง แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นเป็นที่นิยม


ขนาดนี้กระมัง?

นี่เป็ นเหตุการณ์ที่พวกเขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน ภายใน


ใจจึงไม่ได้รู้สึกมัน่ ใจเลย เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้วจึงต้องไปถามจ้าว
เหวินเทาดู ถึงอย่างไรเขาก็เป็ นคนทาให้ละครนี้ปรากฏออกมา

จ้าวเหวินเทานั้นหาตัวได้ง่ายมาก โดยปกติแล้วเขาจะไปที่ร้าน
เกี๊ ย วของจงย่ง ที่ มี ชื่ อ เสี ย งในถนนการค้า ในอ าเภอเพื่ อ ขาย
วัตถุดิบ

ทั้งสองคนหาโอกาสจากวันหยุดเพื่อมาหาจ้าวเหวินเทา และ
หาอะไรรับประทานด้วย จึงนัง่ พูดคุยกันในร้านของจงย่ง
จ้า วเหวิ น เทาฟั ง ที่ พ วกเขาพู ด จบก็ แ อบรู ้ สึกเหนื อ ความ
คาดหมาย เขาก าลัง คิ ด ว่า กระต่ า ยของเขาขายได้เ ยอะ การ
โฆษณากระต่ายก็ไม่เลว คิดไม่ถึงเลยว่าบทละครนี้ จะโด่ งดัง
ด้วย

เขากะพริ บตาปริ บ ๆ ทาไมคนถึงชอบ เขาไม่เข้าใจเลย และเขา


ก็ไม่เข้าใจเรื่ องละครด้วย!

เพียงแต่ว่า ต่อให้ไม่เข้าใจละครแต่เข้าใจการหลอกล่อคน นี่ ก็


เพียงพอแล้ว

“พวกนายสองคนนี่นะ เรื่ องนี้ง่ายมากเลย แต่พวกนายกลับไม่


รู ้?” จ้าวเหวินเทาเป็ นผูร้ ิ เริ่ มก่อน

ง่ายเหรอ?

ง่ายตรงไหนเนี่ย?

ทั้งสองคนรี บขอคาแนะนาของอีกฝ่ าย
จ้า วเหวิน เทาคี บ อาหารใส่ ป ากพลางกล่ า ว “ที่ ล ะครเรื่ อ งนี้
กลายเป็ นที่ นิ ย มของคนขนาดนี้ ก็มี แ ค่ ส องค า คื อ ‘แปลก
ใหม่’!”

ทั้งสองคนชะงัก ‘แปลกใหม่’?

จ้าวเหวินเทาพูดหลอกล่อต่อไป “ก็ลองเทียบดูสิ นายซื้ อผักซื้อ


เนื้อ นายอยากซื้อแบบอะไรก็ได้หรื ออยากซื้อแบบสดใหม่ล่ะ?
เหตุผลนี้ ก็เหมือนกับละครนั่นแหละ ก่อนหน้านี้ เพลงที่พวก
นายร้องก็เป็ นการเล่นแบบดั้งเดิ ม มันก็เพราะอยู่หรอก อันนี้
ฉันไม่ปฏิเสธ แต่พอฟั งมากเกินไปก็เบื่อได้เหมือนกัน…พวก
นายไม่ ต ้อ งร้ อ นใจนะ ฟั ง ฉัน พู ด ก่ อ น…โดยเฉพาะคนที่ ไม่
เข้าใจเรื่ องสุ นทรี ยภาพในละคร อย่างเช่นคนแบบฉันน่ะ ดูไม่
เข้าใจ ฟังไม่ออกหรอกว่าเพราะหรื อไม่เพราะ ซึ่งคนแบบฉันมี
เยอะมาก ถ้า จะให้พู ด แบบไม่ ค่ อ ยน่ า ฟั ง เท่ า ไรก็คื อ คนใน
ชนบทโดยทัว่ ไปเป็นคนแบบนี้ ท้ งั นั้นแหละ คนแก่เหล่านั้นที่
ชอบฟังละครก็ไม่ได้เห็นคุณค่ามากมายอะไรหรอก แต่จู่ ๆ ก็มี
ละครที่ มี มุ ก ตลกโผล่ อ อกมา บทพู ด ดี ก ว่ า บทร้ อ งตั้ง เยอะ
แปลกใหม่กว่ามาก แถมยังสนุ กกว่าด้วย พวกนายคิดว่าพวก
เขาจะไม่ชอบเหรอ!”

“แต่นี่เป็นละครชี วิตจริ ง…” เกาเสี ยงรู ้สึกว่าเป็นเรื่ องยากที่จะ


อธิบายออกมาเป็ นคาพูดสั้น ๆ ได้

สิ่ งนี้ ไม่ถือว่าเป็นละคร ถ้าพูดว่าเป็นละครก็ดูเหมือนจะยกให้


สู งส่ งไปหน่ อย แต่กลับทาให้พวกเขาประสบความสาเร็ จ ทั้ง
ยังทารายได้ให้กบั คณะละครด้วย ทาเอาพวกเขาทั้งสองคน
สับสนไปหมด

หรื อว่าก่อนหน้านี้ หลักการด้านงานศิลป์ ที่พวกเขายืนหยัดจะ


รักษามันผิดทั้งหมด?

จ้าวเหวินเทากลับไม่ได้คิดมากมายเหมือนกับพวกเขา เมื่อเห็น
พวกเขารู ้สึกขมขื่นมาก ภายในใจก็คิดว่าคนที่ทางานศิลป์ แบบ
นี้ไม่ปกติเลยจริ ง ๆ ละครดังแล้ว ได้เงินแล้ว แต่กลับไม่ดีใจ นี่
ไม่เท่ากับเป็ นการหาเรื่ องใส่ ตวั เหรอ?

“ละครเรื่ องนี้ พวกนายก็แสดงได้เป็นอย่างดี แต่ฉันไม่แนะนา


ให้พวกนายเปลี่ยนแล้วนะ ทุกคนต่างก็ได้ดูไปแล้ว ถ้าพวกนาย
เปลี่ยนเป็ นละครโบราณพวกนั้นอีก จนกลายเป็ นละครแบบ
จริ งๆ จังๆ คาดว่าคงไม่มีใครดู แล้ว” จ้าวเหวินเทาเตือนด้วย
ความหวังดี

ทั้งสองคนพยักหน้า เรื่ องนี้พวกเขาต่างก็นึกขึ้นได้แล้ว

อันที่จริ งต่อให้เปลี่ยนพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเปลี่ยนอย่างไร
ถึงอย่างไรตัวตั้งตัวตีกเ็ ป็ นจ้าวเหวินเทา

“อีกอย่างนะ ฉันขอแนะนาพวกนายหน่ อย ถ้าพวกนายคิดว่า


การแสดงเรื่ องนี้ ยากและทรมาน นายจะถ่ายทาเป็ นหนังก็ได้
แล้วก็เอาออกไปขาย ยังไงก็ขายได้เงิน พวกนายก็จะได้ไม่ตอ้ ง
ไปพัว พัน กับ มัน ขนาดนั้น ด้ว ย” จ้า วเหวิ น เทารั บ ประทาน
อาหารพลางกล่าว

ทั้งสองคนถึงกับเหม่อลอย ทาเป็ นภาพยนตร์?

สมองของคนๆ นี้ คิดอะไรอยู่ แค่ แป๊ บเดี ยวก็คิดจะผลิ ตเป็ น


ภาพยนตร์เอาออกไปขายแล้ว?

“นายบอกว่าให้ทาเป็ นหนังแล้วขายออกไปเหรอ?” ฉินหมิงพึมพา

“ทาไมจะไม่ได้ล่ะ นายดูอย่างดอกไม้สื่อรักสิ ใช่ ไหมล่ะ ก็ทา


ออกมาเป็ นภาพยนตร์ได้แล้ว ทุกคนต่างก็ชอบดูมาก ทาออกมา
ให้ดีกพ็ อ อีกอย่าง พวกนายก็ตอ้ งรี บใช้เวลาตอนที่ทุกคนชอบ
ดูผลิตออกมานะ ขืนรอให้ทุกคนได้ดูจนครบแล้วค่อยทา คงไม่
มีใครซื้อ”

เรื่ อ งนี้ ก็เ หมื อ นการท าธุ ร กิ จ สิ่ ง ที่ ต ้อ งการก็คื อ โอกาสทาง
การค้านั้นที่อาจจะหายวับไปกับตาเมื่อใดก็ได้
จ้าวเหวินเทาพูดต่อ “ตอนนี้ พวกนายก็กลับไปคุ ยกับหัวหน้า
ของพวกนายดูนะ พวกเขาน่าจะรู ้วา่ ควรทาหนังออกมายังไง”

ใครจะไปรู ้ว่าทั้งสองคนจะรี บส่ ายหน้าโดยพลัน จากนั้นก็มอง


มาที่จา้ วเหวินเทาเป็ นตาเดียว

“พวกนายมองฉั น ท าไมเนี่ ย ฉั น ท าหนัง ไม่ เ ป็ นหรอกนะ”


จ้าวเหวินเทารี บกล่าว

“ถึงนายจะไม่เข้าใจเรื่ องทาหนัง แต่นายเข้าใจการขายไง” เกา


เสี ยงพูดด้วยดวงตาเป็ นประกาย

ฉิ น หมิ ง กล่ า ว “นายขายผัก ได้ก็ต ้อ งขายหนัง ได้เ หมื อ นกัน


นายกลับไปคุยเรื่ องนี้กบั หัวหน้าพร้อมกับพวกเราเลย ฉันรู ้สึก
ได้ว่าเวลานายพูด การขายหนังคงง่ายเหมือนกับที่นายค้าขาย
นัน่ แหละ”
เกาเสี ยงพยักหน้า “ถู กต้อง พวกเราทาเป็ นแค่ ร้อ งเพลงเล่ น
ละคร ไม่ เข้าใจด้านนี้ หรอก นายนั่นแหละไปคุ ยกับหัวหน้า
พวกเรา นายไม่ตอ้ งห่ วง ถ้าทาหนังออกมาสาเร็ จ หลังจากขาย
ออกไปแล้ว ส่ วนแบ่งของฉันฉันให้นายหมดเลย”

“ฉันก็จะให้ส่วนแบ่งของฉันทั้งหมดด้วย!” ฉินหมิงรี บกล่าว

จ้าวเหวินเทาแอบกลอกตา เขาเป็นคนชักชวน แต่ยงั จะให้เขา


ไปพูดอะไรอีก จะพูดยังไงเนี่ย?

จ้าวเหวินเทาทาท่าจะปฏิเสธโดยไม่หยุดไม่คิด

เพียงแต่เมื่อย้อนนึกแล้ว ละครนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็ นสิ่ งที่


เขาคิดออกมา หากสามารถทาเป็ นภาพยนตร์ได้จริ ง ๆ ก็ไม่เลว
เลย

ส่ วนจะนาภาพยนตร์น้ ีออกไปขายได้อย่างไร และจะทาออกมา


เป็นภาพยนตร์ อย่างไร จะต้องจ่ายเงินเยอะหรื อไม่ นี่ เป็นสิ่ งที่
ค่อยมาแก้ไขหลังจากนี้ ตอนนี้ สิ่งที่ตอ้ งแก้ปัญหาก็คือพูดให้
หัวหน้าทีมคณะละครสนับสนุน

อย่ามองว่าภายในใจของจ้าวเหวินเทาเกิดประกายความคิดมาก
ขนาดนี้ แต่ปากก็ไม่ได้พูดคลุมเครื อ เขาพูดอย่างใจถึงว่า “พวก
เรามีมิตรภาพต่อกันขนาดนี้ ยงั จะพูดเป็นคนอื่นคนไกลไปได้
ฉันจะไปกับพวกนาย ไปคุยกับหัวหน้าของพวกนายเอง แล้ว
ค่อยมาดูกนั ว่าต้องการอะไรบ้าง อย่างอื่นค่อยมาว่ากัน!”

จ้าวเหวินเทาไม่อยากตากแดดตากลมแบบนี้ ไปตลอดทั้งชี วิต


เขาอยากก้าวเท้าเดินไปด้านหน้า อย่าคิดว่าทาไม่ได้ ธุ รกิจขาย
กระต่ายของเขาก็ออกมาให้เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?

การผลิตภาพยนตร์สักเรื่ องหนึ่งก็ใช่วา่ จะเป็ นไปไม่ได้

เจ้าหมอนี่ คือคนใจกล้าคนหนึ่งเลย!
ตอนที่ 215 หลอกสาเร็จ

หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จ จ้าวเหวินเทาก็ไปหาหัวหน้า
คณะละครพร้ อ มกับ เกาเสี ย งและฉิ นหมิ ง นับ ว่า เป็ นคนที่ มี
ความสามารถ

จากนั้น ภายใต้พยานรู ้เห็นอย่างเกาเสี ยงและฉิ นหมิง เขาก็เริ่ ม


กระทางานถนัดของเขา…การหลอกล่อ

อย่ามองว่าจ้าวเหวินเทาไม่เข้าใจเรื่ องละคร แต่เมื่อพูดถึงละคร


ที่ผคู ้ นชอบดูกพ็ ูดได้อย่างเป็ นระเบียบแบบแผน

ประกอบกับฝี ปากที่ดี ทาให้หวั หน้าถึงกับพยักหน้าอย่างอดใจ


ไม่ได้

ภายในใจกาลังคิดว่า เสี่ ยวจ้าวคนนี้พูดได้มีเหตุผลจริ ง ๆ


“…หัวหน้าคณะ แม้ว่าละครเก่ าจะดี แต่ เราก็ไม่ สามารถพึ่ ง
ละครเก่าทั้งหมดได้ พวกเราเองก็ตอ้ งมีหนังใหม่สักหน่อยด้วย
คนแก่ ๆ ก็ตอ้ งให้วยั รุ่ นเข้ามารับช่วงต่อไม่ใช่เหรอครับ?” จ้าว
เหวินเทาพูดด้วยความจริ งใจ “อีกอย่าง หัวหน้าคณะ คุณเองก็
เห็ นแล้ว คนชอบดู หนังมากกว่า ทาไมน่ ะเหรอ ก็เพราะมัน
แปลกใหม่ไง!”

“การแสดงละครบนเวทีคนดูมาตั้งกี่ปีแล้ว แต่หนังล่ะ เพิ่งได้ดู


แค่ กี่ปีเอง? เปลี่ ยนรู ปแบบใหม่ ทุ กคนยิ่งชอบ อี กอย่างสิ่ งที่
สาคัญที่สุดก็คือ การทาหนังออกมา ผลิตฟิ ล์มออกมาให้มาก
หน่ อย ฉายพร้อมกันทัว่ ทั้งอาเภอก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่
ถ้าร้องบนเวที แบบนั้นนักแสดงคงเหนื่ อยตายเลย ฟิ ล์มหนัง
ดีกว่าตั้งเยอะ เอาออกไปขายข้างนอก แค่คณะละครนัง่ บนเตียง
อุ่นก็ได้เงินมาแล้ว!”
“เสี่ ยวจ้าวนายพูดถูก แต่กน็ ะ ในฐานะที่เป็ นคณะการแสดงใน
อาเภอ พวกเราก็ยงั ต้องพัฒนาศิล ปะการแสดงต่ อไป เราจะ
แอบขี้ เกี ย จได้ย ัง ไง อี ก อย่ า งเรื่ องหาเงิ น จะน ามาท าเป็ น
เป้ าหมายในคณะไม่ได้หรอกนะ” หัวหน้าคณะกล่าวอย่างเป็ น
ทางการ

จ้าวเหวินเทากล่าวเยินยอด้วยท่าทางผ่อนคลาย “หัวหน้าคณะ
เป็ นคนมีจิตสานึ กสู ง! เรื่ องนี้ ผมยังนึ กไม่ถึงเลย ผมแค่คิดว่า
นักแสดงของพวกเราขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีท่ามกลางอากาศ
หนาวทั้งวัน ฤดูร้อนอาการร้อนขนาดนั้น ยังต้องใส่ เสื้ อผ้าหนา
ๆ แบบนั้น อี ก ล าบากเกิ น ไปแล้ว นี่ ถ ้า ท าเป็ นภาพยนตร์ ได้
แบบนั้นก็ผ่อนคลายได้แล้ว คุ ณอย่าหัวเราะเลยนะ ผมไม่ มี
ประสบการณ์อะไรเลย ก็แค่พูดสิ่ งที่อยูใ่ นใจก็เท่านั้น”

นี่คือคาพูดที่อยูใ่ นใจที่ถูกพูดออกมาตรง ๆ ไม่ว่าหัวหน้าคณะ


เกาเสี ยงหรื อฉินหมิงก็รู้สึกอบอุ่นภายในใจ
หัวหน้าคณะมี ความสุ ข “เสี่ ยวจ้าว ถ้าแบบนายเรี ย กว่ า ไม่ มี
ประสบการณ์ แบบไหนถึงจะเรี ยกว่ามีประสบการณ์? นายพูด
ถูก การทาหนังปล่อยออกมาให้ประชาชนได้ดู ไม่ว่าจะด้าน
ไหนก็มีประโยชน์กบั คณะทั้งนั้น อย่างน้อย ๆ พวกเราก็มีเวลา
ว่างมากขึ้นที่จะถ่ายละครให้ดียงิ่ ขึ้น แถมยังได้ศึกษาการแสดง
ให้ดีข้ ึนด้วย!”

จ้าวเหวินเทามองหัวหน้าคณะด้วยความชื่นชม “หัวหน้าคณะ
ผมไม่รู้ว่าควรพูดยังไงดี มีหัวหน้าคณะที่มองการณ์ไกลแบบ
คุ ณ เป็ นผู น้ า คณะละครในอ าเภอของเราต้อ งดี ข้ ึ น เรื่ อ ย ๆ
แน่ นอน ประชาชนตัวเล็ก ๆ อย่างพวกเราก็จะได้ดูละครดี ๆ
ได้มากขึ้นด้วย ถ้าผมเอาเรื่ องนี้ ไปบอกคนในชนบท พวกเขา
ต้องดีใจมากแน่ ๆ!”

“จริ งเหรอ? ชาวบ้านชอบดูละครขนาดนั้นเลย?” หัวหน้าคณะ


ไม่รู้วา่ ตั้งใจหรื อไม่ ถึงได้พูดออกมาแบบนี้
จ้า วเหวิ น เทารี บ ระบาย “หัว หน้า คณะ คุ ณ คงไม่ รู้ สิ น ะ ใน
ชนบทไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แต่ละวันรู ้แค่ว่าต้องทางาน ตอน
ค่ า หัว ถึ ง หมอนก็น อนแล้ว คุ ณ คิ ด ว่า ชี วิต แบบนี้ มัน จะไปมี
ความหมายอะไร? เมื่ อ ไม่ กี่ ปี ก่ อ นมี ห มู่ บ้า นที่ มี ค ณะละคร
ขนาดใหญ่อยู่ห่างจากหมู่บา้ นของพวกเรายี่สิบกว่าลี้ อากาศ
อย่างร้อนระอุ แต่คนจากทั้งหมู่บา้ นก็ยงั ไปดู ตอนค่าเหนื่ อย
แทบแย่ ตอนนั้นต่างก็คิดกันว่า ถ้าได้ดูละครในหมู่บา้ นของเรา
ก็คงจะดี มาก ๆ เลย จนกระทัง่ วันนี้ ที่ละครได้มาแสดงให้ถึง
หมู่บา้ น”

“หัวหน้าคณะ คุ ณคงไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็ นผูใ้ หญ่หรื อว่าเด็ก ทุกคน


ต่างก็ชอบดูกนั ทั้งนั้นแหละ ถ้าคุณไม่เชื่อ ถามเกาเสี ยงกับฉินหมิง
ดูกไ็ ด้ พวกเขาเองก็ไปแสดงกันมา รู ้ทุกอย่างเลย”

ฉิ นหมิงและเกาเสี ยงพยักหน้า “หัวหน้าคณะ เป็ นแบบนี้จริ ง ๆ


พวกชาวบ้านต่ างก็ต ้อนรั บพวกเราเป็ นอย่างดี เลย ได้แ สดง
หมู่บา้ นหนึ่ง คนจากหมู่บา้ นข้าง ๆ ก็มาดูดว้ ย แถมยังมากันทั้ง
ครอบครัวเลยครับ”

นี่ คือเรื่ องจริ ง พวกเขาไม่ได้พูดโกหก หัวหน้าคณะก็ได้ยนิ มา


จากนักแสดงคนอื่น ๆ แล้ว จึงเชื่อคาพูดนี้ อีกอย่างเขาก็แค่ถาม
ไปงั้น ๆ

“ฮ่ า ๆ! งั้นก็ดีเลย ถ้าทุ กคนชอบดู ง้ นั พวกเราก็ทา!” หัวหน้า


คณะกล่าวประโยคสุ ดท้าย

หลังจากออกมาจากพูดคุยกับหัวหน้าคณะ เกาเสี ยงและฉิ นหมิง


ก็ยงั มึนงงอยู่ นี่สาเร็จแล้วเหรอ?

จ้าวเหวินเทาได้ยินพวกเขาถาม ก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ จะไม่


สาเร็จได้อย่างไรกัน?

ภาพยนตร์ได้รับความสนใจจากคนจานวนมากและทุกคนก็ได้
ประจักษ์แล้ว หัวหน้าคณะไม่ใช่คนโง่ เขาจะมองไม่เห็นเหรอ?
อีกอย่าง ต่อให้ไม่ได้ทาเพื่อเงิน แต่ก็ทาเพื่อชื่ อเสี ยงหรื อไม่ก็
เพื่อความอยู่รอดของคณะละครที่ ดียิ่งขึ้ น หัวหน้าคณะย่อม
ตอบตกลง

แน่นอนว่าคาพูดนี้ไม่อาจพูดกับสองคนนี้ให้ชดั เจนได้ พวกเขา


ยังไม่ได้สนิ ทกันขนาดนั้น จ้าวเหวินเทาจึงทาได้เพียงแค่ พูด
เยิน ยอหัว หน้า ที่ เ ป็ นผูอ้ ุ ทิศ ตนเพื่ อ ประชาชนและนัก แสดง
ต่อไป จึงยอมตอบตกลง

เขาเดาได้ถูกต้องเลย ที่หัวหน้าคณะยอมตกลงก็เป็ นเพราะมี


ความคิ ด อยากจะพัฒ นาคณะละคร อี ก อย่ า งการพัฒ นาก็
จาเป็ นต้องมีรายได้ แม้ว่าภายนอกคณะละครจะดู ไม่เลว แต่
แท้จ ริ งแล้ว หั ว หน้ า คณะก็ สั ง เกตเห็ น ถึ ง การพัฒ นาของ
ภาพยนตร์ ที่รวดเร็ ว หากไม่มองหาทางออก ไม่ช้าก็เร็ วคณะ
ละครคงถูกภาพยนตร์โค่นล้ม
อีกอย่างละครใหม่ที่จา้ วเหวินเทาเป็ นคนคิดค้นก็ได้รับความ
นิยมมากจริ ง ๆ จึงตอบตกลง

หลังจากจ้าวเหวินเทากลับไปแล้ว เกาเสี ยงก็ยงั รู ้สึกราวกับว่าที่


เกิดขึ้นยังไม่ใช่ เรื่ องจริ ง ส่ วนฉิ นหมิงนั้นได้สติ กลับมาก่ อน
“หมอนี่ไม่ธรรมดาเลย!”

“หมายความว่าไง?” เกาเสี ยงถาม

ฉินหมิง “นายลืมแล้วเหรอ เขาขายกระต่ายนะ”

“หา?” เกาเสี ยงยังคงไม่เข้าใจ

“ละครนี้ถา้ ทาออกมาเป็ นภาพยนตร์ กระต่ายของเขาก็จะดังไป


พร้อมกั บ ภาพยนตร์ ด้ ว ย!” ฉิ งหมิ ง ชื่ นชม “หมอนี่ มี
ความสามารถด้านการค้าขายจริ ง ๆ!”
เกาเสี ยงเข้าใจแล้ว จึงพูดด้วยความตกตะลึง “เขามาหาพวกเรา
เพื่อช่วยถ่ายละครกระต่ายให้เขา และคิดถึงเรื่ องพวกนี้แล้วงั้น
เหรอ?”

“ไม่รู้สิ แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงผลลัพธ์ก็เป็นแบบนี้ ” ฉิ นหมิงส่ าย


หน้าทั้งยังแสดงอารมณ์ออกมา

พวกเขาคิดเยอะเกินไปแล้ว จ้าวเหวินเทาไม่ใช่ เทพเซี ย นสัก


หน่ อ ย เขาจะไปคิ ด ไตร่ ต รองไกลถึ ง ขนาดนี้ เลยเหรอ ก็แ ค่
สาเร็จไปทีละก้าวก็เท่านั้นเอง

ก่อนที่จะกลับบ้าน จ้าวเหวินเทาได้โทรศัพท์ไปหาเย่หมิงเป่ ย
ตอนนี้ เขาชอบโทรศัพท์มาก ของชิ้ นนี้ ดีเกินไปแล้ว มีขอ้ มูล
อะไรก็สามารถแจ้งได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทาให้ล่าช้าเลยสักนิด!

ตอนนี้เขาคิดว่าสักวันหนึ่งจะลองไปถามดูว่าสามารถติดตั้งสิ่ ง
นี้ในบ้านได้หรื อไม่ ถึงเวลานั้นจะได้นอนโทรศัพท์อยูบ่ นเตียง
แบบนั้นคงดีมากเลย!
ต้อ งยอมรั บ ว่ า จ้า วเหวิ น เทาเป็ นคนมี พ รสวรรค์ใ นการทา
การค้า ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อ่อนไหวกับการส่ งข้อมูลขนาดนี้

เย่หมิงเป่ ยได้ยินเสี ยงของจ้าวเหวินเทา ภายในใจก็ไม่รู้ว่าจะ


รู ้ สึ ก ดี อ ย่า งไรแล้ว ได้ดู ล ะครแถมยัง สามารถขายกระต่ า ย
ออกไปได้ดว้ ย นอกจากนี้ ยงั จะทาภาพยนตร์ อีก ทาไมหมอนี่
ถึงได้สมองดีขนาดนี้นะ

หลังจากกลับมาเล่าให้โจวหมิ่นฟั ง โจวหมิ่นก็ถึงกับชะงัก คุณ


แม่เย่ที่นงั่ อยูข่ า้ ง ๆ ได้ยนิ ก็หวั เราะ

“เด็กคนนี้ไม่น่าแปลกใจหรอกที่ใครๆ พูดว่าเขาเป็ นคนโชคดี


จริ ง ๆ เลย! ดูละครก็สามารถขายกระต่ายออกไปได้ต้ งั หลาย
ตัว แถมยังทาภาพยนตร์ อีก ใครจะโชคดีเหมือนกับเขา!” คุณ
แม่เย่เห็นคุ ณน้าพี่เลี้ยงไม่เข้าใจ นางจึงพูดไปว่า “ฉันจะบอก
อะไรให้นะ ลูกเขยคนนั้นของฉัน โชคดี ถึงขั้นที่ไม่เคยมีใคร
โชคดีเท่ากับเขามาก่อนเลยล่ะ!”
จากนั้นนางก็เล่าให้ฟังไปอีกหนึ่งรอบ

เย่หมิงเป่ ยคุ น้ ชิ นกับการที่แม่ของเขาพูดเยินยอจ้าวเหวิน เทา


แล้ว เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่นงั่ คุยกับโจวหมิ่นที่ขา้ ง ๆ
เตียง

“ตอนนี้เหวินเทาฝี ปากดีข้ ึนเรื่ อย ๆ เลย เก่งกว่าก่อนที่ฉนั จะมา


ที่ นี่อีก หัวหน้าคณะคนนั้นคงต้อ งถู ก หลอกแน่ น อนเลย ทา
ภาพยนตร์ เขาคิ ด ออกมาได้ ไ งเนี่ ย ?” เย่ ห มิ ง เป่ ยเห็ น ว่ า
โจวหมิ่ นไม่ ได้โต้ตอบอะไรอยู่นาน เมื่ อเห็ นท่ าทางครุ่ นคิด
ของภรรยาจึ ง รี บ พูดว่า “หมิ น หมิ่ น เป็ นอะไรหรื อ เปล่ า ไม่
สบายเหรอ?”

โจวหมิ่ นชะงัก หล่ อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เปล่ าค่ ะ ฉันกาลังคิด


เรื่ องที่เหวินเทาบอกว่าจะทาหนังอยู่น่ะ เขาบอกว่าละครเรื่ อง
นั้นเป็ นการโฆษณากระต่ายให้เขา งั้นถ้าละครนี้ทาเป็ นหนังได้
ขึ้นมา กระต่ายของเขาต้องมีชื่อเสี ยงแน่นอนเลย!”
ตอนที่ 216 ความคิดลา้ ยุค

เย่หมิงเป่ ยกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ที่วา่ มีเหตุผลมันก็มีอยู่


แหละ แต่ทาหนังมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรื อเปล่าครับ?”

โจวหมิ่ นยิ้ม “ยากตรงไหนกัน คะ ไม่ ตอ้ งทาให้เ ป็ นเหมื อ น


หนังที่พวกเราดู แบบนั้นก็ได้ ทาฉากหลังแบบง่าย ๆ หาช่ าง
ถ่ายวิดีโอมาสักคน อัดลงม้วนฟิ ล์มก็ส่งขายออกไปข้างนอกได้
แล้ว อีกอย่างนี่กท็ าในอาเภอด้วย พวกเขามีทรัพยากรพร้อม เห
วินเทาไม่ตอ้ งจ่ายอะไรก็สามารถโฆษณากระต่ายเขาได้แบบ
ฟรี ๆ เลย”

“ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” เย่หมิงเป่ ยไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ


“มันจะยากอะไรกันคะ หลังจากนี้จะง่ายกว่านี้อีก” โจวหมิ่นคิด
คานวณเวลา อีกประมาณสิ บปี ให้หลัง ก็จะกลายเป็ นแผ่นซี ดี
แล้ว ถึงเวลานั้นยิง่ ง่ายเข้าไปใหญ่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ โจวหมิ่นจึงกล่าวด้วยรอยยิม้ “เหวินเทาเกิดมา


เพื่อทาธุ รกิจ คนที่เกิดอยูใ่ นชนบทตั้งแต่เล็ก แต่สามารถคิดถึง
เรื่ องการทาโฆษณาได้ นับว่าสุ ดยอดจริ ง ๆ”

เย่หมิงเป่ ยก็ยิ้ม “เขาเองก็โชคดี ดว้ ยนะ ถ้าหัวหน้าคณะละคร


คนนั้นไม่ฟังสิ่ งที่เขาหลอกล่อไว้จะทายังไง?”

“โชคมันก็เหมือนกับความแข็งแกร่ งนัน่ แหละ” โจวหมิ่นกล่าว


“ถ้าเขาคิดเรื่ องนี้ไม่ได้ ต่อให้โชคดีกว่านี้กเ็ ปล่าประโยชน์”

“มันก็จริ ง” เย่หมิงเป่ ยกล่าว

โจวหมิ่นกลอกตา “เหวินเทารู ้จกั โฆษณาเพื่อขายกระต่ายของ


เขา งั้นพวกเราก็ตอ้ งทาอะไรสักหน่อยนะคะ”
เย่หมิงเป่ ยไม่อยากรบกวนโจวหมิ่น เขารี บพูด “ตอนนี้ คุณยัง
อยูไ่ ฟอยูเ่ ลยนะ จะเจ็บป่ วยไม่ได้”

“เหลืออีกไม่กี่วนั แล้ว ไม่เป็ นไรหรอกค่ะ อีกอย่างฉันก็แค่ขยับ


ปาก คุณนัน่ แหละที่ออกไปทา” โจวหมิ่นกล่าว

เย่หมิ งเป่ ยไม่ มีทางเลื อก จึ งทาได้เพียงแค่ เออออตามภรรยา


“คุณว่ามาเถอะว่าอยากทาอะไร?”

โจวหมิ่นครุ่ นคิดอยู่พกั หนึ่ ง หล่อนพูดพลางมองไปยังเย่หมิง


เป่ ย “หานักข่าวมาสักสองคน สัมภาษณ์คนที่เล่นเรื่ องแฟชัน่
สักสามสี่ คน จ่ายเงินให้พวกหล่อนพูดถึงเสื้ อผ้าของพวกเรา
จากนั้นก็ไต่ข้ ึนไปอยูบ่ นนิตยสารแฟชัน่ แล้วก็หาหนังสื อพิมพ์
เกี่ยวกับแฟชัน่ พูดคุยถึงเสื้ อผ้าของพวกเราสักหน่อย แล้วก็ ทา
ข่าวเพิ่มอีกสักหน่อยด้วยก็ได้”

เย่หมิ งเป่ ยถู กมองจนแอบรู ้ สึกขนลุ ก “ภรรยา ทาไมมองผม


แบบนั้นล่ะ?”
โจวหมิ่นนึกถึงก็แอบเสี ยใจ สามีของหล่อนทาไม่ได้หรอก เขา
เป็ นคนซื่อตรงเกินไป ไม่เช่นนั้นก็จะเหมารวมสามีตนเป็นแรง
บันดาลใจให้ชาวชนบทที่ยากจนเดินทางมาที่เมืองหลวงแล้ว

เป็นเพราะต้องการเหมารวม คนที่ถูกเหมารวมก็ตอ้ งเสแสร้ง


แกล้ง ปั้ นเป็ นด้ว ย ก่ อ นอื่ น ต้อ งขายความน่ า สงสารและบี บ
น้ าตากับความยากจน จากนั้นค่อยตอบโต้ดว้ ยเรื่ องของแฟชัน่
ชั้นนา มาในภาพลักษณ์ของประธานที่น่ายาเกรง รับรองได้เลย
ว่า สาวน้อ ยเหล่ า นั้น ต้อ งส่ ง เสี ย งร้ อ งกรี๊ ด พุ่ ง ตัว เข้า มา แล้ว
อย่างไรต่อ ก็ซ้ือเสื้ อผ้าน่ะสิ

แต่ ก็เ ป็ นเพราะหล่ อ นเห็ นว่าสามี ของหล่ อนเป็ นคนซื่ อตรง


ไม่ใช่เหรอ?

“หมิงเป่ ย ฉันรักคุณจังค่ะ” โจวหมิ่นพูดด้วยความรู ้สึก หล่อน


ยื่นแขนออกไปกอดเย่หมิงเป่ ยด้วยท่าทางออดอ้อนและหอม
เขา
ผู ช้ ายแข็ง กระด้า งคนนี้ ท าให้ห ล่ อ นรั ก เขามากขนาดนี้ เลย
ทีเดียว!

เย่หมิงเป่ ยแอบสับสนนิดหน่อย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีคนพูดถึง


เรื่ อ งที่ ผูห้ ญิ ง หลัง จากคลอดลู กแล้ว จะกลายเป็ นคนอารมณ์
อ่อนไหวง่าย ภรรยาของเขาตอนนี้ อาจจะอยู่ในสถานการณ์น้ ี
จึงกอดตอบหล่อนเช่นกัน

“หมิ น หมิ่ น ผมเองก็รั ก คุ ณ เหมื อ นกัน ” เย่ห มิ ง เป่ ยพู ด ด้ว ย


ใบหน้าแดงระเรื่ อ หัวใจของเขาแอบเต้นแรง ทั้งยังเกิดอารมณ์
อ่อนไหวด้วย

คุณแม่เย่อยูข่ า้ งนอกกาลังคุยกับน้าพี่เลี้ยงเรื่ องลูกเขยอยู่ แต่เมื่อ


เหลือบมองเข้ามาในห้องโดยไม่ได้ต้ งั ใจ ก็พบว่าลูกชายและ
ลูกสะใภ้กาลังกอดกันอยู่ นางทั้งมีความสุ ขและทาอะไรไม่ถูก

ประตูยงั ไม่ปิดก็กอดกันเสี ยแล้ว ดีที่อยูใ่ นเมือง ถ้าอยูใ่ นชนบท


คงได้ถูกเพ่งเล็งตายเลย!
โจวหมิ่ นอิ งแอบอยู่ในอ้อมกอดของเย่หมิ งเป่ ย “ถึ งเวลานั้น
ค่อยหาคนที่รู้เรื่ องแฟชัน่ เข้ามาวิจารณ์เรื่ องที่เสื้ อผ้าของพวก
เราไม่ ดี จากนั้น ก็ใ ห้พ วกเขาทะเลาะกัน แบบนี้ ก็จ ะท าให้
ประชาชนเกิ ด การแสดงความคิ ด เห็ น และต้อ งเป็ นที่ นิ ย ม
ก่ อ นที่ จ ะถึ ง เทศกาลฤดู ใ บไม้ผ ลิ วิธี น้ ี ช่ ว ยสร้ า งแบรนด์ใ ห้
เสื้ อผ้าของเราได้แล้ว ถ้าแบรนด์ดังขึ้ นมา หลังจากนี้ ก็ทาได้
สบาย ๆ เลย”

เย่หมิงเป่ ยถึงกับตกใจ สร้างแบรนด์ดว้ ยวิธีแบบนี้กไ็ ด้เหรอ?

เขาเป็ นคนหัวโบราณ คิดมาโดยตลอดว่าแบรนด์จะรุ่ งโรจน์ได้


ก็มาจากขั้นตอนการผลิตไปจนถึงการขาย คิดไม่ถึงเลยว่าจะมี
การดาเนินการแบบนี้ดว้ ย

โจวหมิ่นได้ยินคาพูดของเขาก็หลุดขา “ของเหล่านั้นเป็นการ
หลอกลวง แต่จะพูดว่าหลอกลวงไม่ได้หรอก มันเป็นกลยุทธ์
การตลาด อัน ที่ จ ริ ง แบรนด์ก็คื อ การสร้ า งกระแสนั่น แหละ
จากนั้นขอแค่รักษาคุณภาพและความน่าเชื่อถือไว้ได้กส็ ามารถ
เป็ นแบรนด์อยู่ตลอด ถ้าไม่ สามารถรั กษาคุ ณภาพและความ
น่าเชื่อถือได้ ต่อให้เป็ นสิ นค้าแบรนด์กล็ ม้ อยูด่ ี”

เย่ห มิ ง เป่ ยได้รั บประสบการณ์ เ พิ่ ม อี ก ครั้ ง เมื่ อ ได้ยิน ค าพู ด


สุ ดท้ายของโจวหมิ่นจึงกล่าวอีกประโยคว่า “แบรนด์ของพวก
เรารักษาคุณภาพและความน่าเชื่อถือได้แน่นอน!”

โจวหมิ่ น เงยหน้า มองสามี หล่ อ นยื่น มื อ ออกไปลู บแก้มเขา


“แน่ น อนอยู่ แ ล้ว ขอแค่ มี คุ ณ อยู่ แบรนด์ ข องพวกเราจะ
แข็งแกร่ งตลอดไป!”

เย่หมิงเป่ ยรู ้สึกร้อนผ่าวภายในใจ เป็ นเรื่ องยากที่ภรรยาจะเชื่ อ


ใจเขาแบบนี้ เขาต้องทาให้ดี

ส่ วนภายในบ้านทางฝั่งนี้ จ้าวเหวินเทากลับถึงบ้านในตอนดึก
หลัง จากรั บ ประทานอาหารเขาก็คุ ย กับ เย่ฉู ฉู่ เ กี่ ย วกับ เรื่ อ ง
ภาพยนตร์
ไม่ตอ้ งพูดก็รู้ว่าเย่ฉูฉู่ถึงกับประหลาดใจ สามีของเธอใช้เวลา
ไม่ถึงหนึ่งวันก็ผลิตภาพยนตร์ได้แล้ว?

“ไม่ ใ ช่ ผ มที่ เ ป็ นคนทาหรอก คนที่ ท าคื อ คณะละครในอ าเภอ


ต่างหาก พวกเขาไม่มีทางที่จะไม่ให้เงินผมแม้แต่เฟิ นเดี ยว ถึง
ยังไงก็ตอ้ งให้สักหน่ อย แต่ไม่รู้ว่าจะให้เท่าไร ถ้าให้เยอะ ผมก็
สามารถนาไปเหมาฟาร์มกระต่ายตรงนั้นได้แล้ว” จ้าวเหวินเทา
กล่าว

เย่ฉูฉู่ทราบดี ว่าสามี ของเธอคิดถึงเรื่ องฟาร์ มกระต่ายภายใน


เมืองมาโดยตลอด จึงกล่าวว่า “ต่อให้พวกเขาไม่ให้เงินคุณ แต่
ถ้าคุณอยากเหมา ก็สามารถใช้เงินจากการออกแบบเสื้ อผ้าของ
ฉันไปเหมาได้นะคะ พี่สะใภ้สามบอกว่าสิ้ นปี นี้ จะโอนมาให้
ถึงเวลานั้นก็พอดีเลย”
จ้าวเหวินเทากลับเป็ นคนที่คิดว่าถ้าใช้เงินภรรยาก็เท่ากับว่าเขา
ไม่ใช่ ลูกผูช้ าย เขาคิดแค่ว่าเรื่ องเล็ก ๆ แบบนี้ ไม่คุม้ ค่าที่จะไป
ยุง่ กับเงินของภรรยา

เย่ฉูฉู่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็รู้สึกขบขัน “เรื่ องนี้ ยงั บอกว่าเป็ น


เรื่ องเล็กอีก ในสายตาของคุณอะไรคือเรื่ องใหญ่เหรอคะ?”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึๆ “ภรรยา ในสายตาของผมไม่เคยมีเรื่ อง


ใหญ่อยูแ่ ล้ว คุณอย่าเพิ่งรี บร้อน ฟาร์มกระต่ายในเมืองเป็ นของ
ภาครั ฐ ถ้า คิ ด จะซื้ อ จริ ง ๆ พนัก งานมากขนาดนั้น ไหนจะ
ครอบครัว ไหนจะสวัสดิการอีก พวกเขาคงได้เกิดการทะเลาะ
วิวาทแน่ ไม่ใช่ เรื่ องที่จะเหมากันได้ง่าย ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ
หรอก”

“หัวหน้าแผนกเซี่ ยคนนั้นบอกว่าสิ้ นปี จะมีจดหมายมาไม่ ใช่


เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“เขาพูดแบบนั้นก็จริ ง แต่เขาไม่สามารถตัดสิ นอะไรได้ ครั้งนี้
ที่ ผ มไปก็เ ปลี่ ย นอี ก แล้ว บอกว่า ราคายัง ไม่ ส รุ ป ผมว่า จาก
ประสิ ทธิ ภาพการจัดการเรื่ องนั้น ได้ผลสรุ ปในช่ วงฤดูใบไม้
ผลิกถ็ ือว่าไม่เลวแล้ว” จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า

ครั้งนี้ที่เขาไป เขาก็เห็นทะเลความคิดมหาศาลเหนือศีรษะของ
หัวหน้าแผนกเซี่ ย ไม่ตอ้ งถามถึงรายละเอียดก็พอจะทราบได้
ว่ามีปัญหามากขนาดไหน

“ผมคิดมาแล้ว พวกเราเหมาฟาร์มกระต่ายก็จริ ง แต่เราไม่ได้จะ


เหมาปั ญหา พวกเขาต้องแก้ปัญหาทั้งหมดให้เรี ยบร้อยก่อนถึง
จะดี ” จ้ า วเหวิ น เทาไปมาหลายครั้ ง เขาจึ ง พอจะเข้า ใจ
สถานการณ์บางส่ วน ความสัมพันธ์ภายในนั้นยุง่ เหยิงจนแค่คิด
ก็ปวดหัวแล้ว เขาไม่อยากจะเข้าไปยุง่ เกี่ยว

เย่ฉูฉู่ได้ยินเขาพูดเช่ นนี้ “ในเมื่ อเป็ นแบบนี้ งั้นไม่ ตอ้ งเหมา


ดีกว่าไหมคะ? ฉันว่าพวกเราเลี้ยงที่บา้ นก็ดีเหมือนกันนะ?”
จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิม้ “ภรรยา คุณคิดจริ ง ๆ เหรอว่า
ผมเห็นความสาคัญของฟาร์มกระต่ายของพวกเขา?”

เย่ฉูฉู่เห็นเขาที่คล้ายกับจิ้งจอกกินไก่ จึงกล่าวด้วยรอยยิม้ “ฉัน


รู ้ค่ะ สิ่ งที่คุณให้ความสาคัญก็คืออุปกรณ์เลี้ยงกระต่ายของพวก
เขา”

“ภรรยานี่ รู้ใจผมดีจงั เลย” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความพึงพอใจ


“แต่เรื่ องนี้กย็ งั เป็ นรองอยูด่ ี สิ่ งที่ผมต้องการที่จริ งแล้วคือที่ดิน
ต่างหากล่ะ”

เย่ฉูฉู่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

จ้าวเหวินเทากล่ าวด้วยความจริ งจัง “ภรรยา สถานที่ ภายใน


เมืองมีราคาสู งมาก ผมไปถามบ้านตรงนั้นมา ชาวบ้านเขาคิด
ตามตารางเมตร แม้ว่าฟาร์มกระต่ายจะไม่ได้อยูใ่ นเมือง แต่ใน
อนาคตถ้าที่ดินภายในเมืองมีไม่พอขึ้นมา ก็คงต้องสร้างบ้าน
กันนอกเมือง ถึงเวลานั้นสถานที่นอกเมืองก็จะมีราคา!”
เย่ฉูฉู่ถูกดึงดูดโดยความคิดที่น่าอัศจรรย์ของสามี “คนในเมือง
เยอะขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
ตอนที่ 217 ฉลาดเหมือนลิง

“ถึงตอนนี้ยงั ไม่เยอะ แต่อนาคตก็เยอะแล้ว คุณลองคิดดูสิ หนึ่ง


ครอบครัวมีลูกตั้งหลายคน พอลูก ๆ เติบโต ก็ตอ้ งแต่งงานมีลูก
พอมีลูกก็มีคนเพิ่มขึ้นมาอีกตั้งเยอะ หนึ่งครอบครัวเป็ นแบบนี้
สองครอบครัวเป็ นแบบนี้ ไม่สร้างบ้านแล้วจะให้นอนซ้อนกัน
เหรอ? ยังไงก็ตอ้ งสร้างบ้าน แล้วจะไปสร้างที่ไหนล่ะ ก็ทาได้
แค่สร้างนอกเมืองไง!”

เย่ฉูฉู่เองก็คิดว่าสิ่ งที่จา้ วเหวินเทาพูดมีเหตุผล

ตัวอย่างสาเร็จรู ปก็อยูต่ รงหน้าแล้ว ยกตัวอย่างเช่นเธอและสามี


ก็ออกมาสร้างบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ? ไหนจะพี่ชายพี่สะใภ้ของ
เธอก็ออกมาสร้างบ้านกันหมดแล้ว เมื่อคนชนบทออกมาสร้าง
บ้าน คนในเมืองก็ตอ้ งออกมาสร้างบ้านด้วยเหมือนกัน
ต้องยอมรับว่า ความคิดของทั้งสองคนมีตรรกะมากทีเดียว

ต่อให้มีการวางแผนครอบครัว ในเมืองก็ตอ้ งขยายออกไปข้าง


นอก สถานที่ที่อยู่นอกเมืองจะกลายเป็นขนมกลิ่นหอมหวาน
ในไม่ชา้ นี้

“ถ้าซื้อที่ดินตรงนั้น ต่อให้พวกเราไม่ไปเลี้ยงกระต่ายก็ทาอย่าง
อื่นได้ ตรงนั้นอยูห่ น้าเมืองเลยนะ ทาอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ได้
เงินแล้ว” จ้าวเหวินเทาวิเคราะห์ให้ภรรยาฟัง “ขนาดพวกเราอยู่
ห่ างจากอาเภอมาก แต่กย็ งั ทาเงินได้มากขนาดนี้ ยิง่ ไม่ตอ้ งพูด
ถึ ง ในจัง หวัด เลย คนในจัง หวัด เยอะกว่ า คนในอ าเภอมาก
กิ จวัตรประจาวันทัว่ ๆ ไปก็ตอ้ งใช้เงิ นทั้งนั้น ในนี้ ไม่ ว่าจะ
เรื่ องอะไรก็สามารถค้าขายได้ท้ งั หมด!”

เย่ฉูฉู่เห็นท่าทางของสามีที่กาลังพูดเรื่ องเหล่านี้ ร่ างกายของเขา


ก็ดูราวกับเกิดแสงสว่าง
สายตาของเธอเผยให้เห็นรอยยิม้ ทุกคนต่างก็บอกว่าเขาพึ่งดวง
จึ ง ท าให้ไ ด้กิ น และดื่ ม ของดี ๆ แต่ เ ธอกลับ คิ ด ว่ า เขาพึ่ ง พา
ความสามารถตัวเอง ต่อให้ไม่มีดวง วิสัยทัศน์และสายตานี้ของ
เขาก็ยงั ทาให้ได้กินและดื่มของดี ๆ ได้อยูด่ ี!

“งั้นก็ซ้ื อเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเท่าไรฉันก็จะสนับสนุนคุณ!” เย่ฉูฉู่


พยักหน้า

จ้าวเหวินเทาเห็นภรรยาเป็ นแบบนี้ เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปหอม


หนึ่งครั้ง “ภรรยา ไม่ตอ้ งรี บร้อนหรอก การไล่ตามไม่ใช่การค้า
ขาย รอไปก่อน อีกอย่างพวกเราก็ตอ้ งถามให้ดี ๆ ก่อนหน้านี้
บอกว่าขายกระต่ายรวมถึงที่ดินด้วย แต่หลังจากนั้นพอฉันไป
ถามจางหมิง เขาบอกว่าที่ดินภายในจังหวัดไม่สามารถเอาไป
ขายตามใจชอบได้ ยังต้องมีการถ่ายโอนกรรมสิ ทธิ์ เรื่ องพวกนี้
ก็ตอ้ งทาความเข้าใจด้วย จะปล่อยให้พวกเขาหลอกเราไม่ได้”
เย่ฉูฉู่มองลูกลิงที่นั่งอยู่ขา้ ง ๆ ด้วยรอยยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่
คุณจะพาลิงกลับมา เพราะคุณฉลาดเหมือนลิงไง!”

จ้าวเหวินเทาชะงักไปครู่ หนึ่ ง จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มชัว่ ร้าย


ออกมา “มาเถอะ ภรรยา ขอลิงฉลาดตัวนี้ได้กอดคุณสักหน่อย
สิ !” ระหว่างที่พูดก็กอดภรรยาและจูบเธอไปหนึ่งรอบ

ลู ก ลิ ง เห็ น ว่า นายหญิ ง ของมัน ถู ก รั ง แกอี ก แล้ว มัน จึ ง เข้า มา


ช่วยเหลือ ทาเอาจ้าวเหวินเทาถึงกับเตะมันไปข้าง ๆ ด้วยความ
ราคาญ

“ไอ้ลูกลิงนี่ ฉันจูบภรรยาของฉัน เกี่ยวอะไรกับแกไม่ทราบ!”

ลู กลิ งไม่ ยอม มันส่ งเสี ยงร้ องเจี๊ ยก ๆ ทาท่ าจะเข้ามาอี กครั้ ง
เสี่ ยวไป๋ หยางที่นอนอยูข่ า้ ง ๆ จึงร้องอุแว้ออกมา แสดงออกว่า
กาลังประท้วง เย่ฉูฉู่เห็นก็ถึงกับคลี่ยมิ้ อย่างมีความสุ ข
จ้าวเหวินเทาเองก็มีความสุ ข “เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนนี้ไม่มีมโน
ธรรมเลยนะ!”

ทั้งสองคนโวยวายกันครู่ หนึ่ง จู่ ๆ เย่ฉูฉู่กน็ ึกเรื่ องหนึ่งขึ้นมาได้


“จริ งสิ วันนี้มีคนมาดูกระต่ายอีกแล้วค่ะ พวกเขาบอกว่าพรุ่ งนี้
จะมาใหม่ บอกว่าอยากได้จานวนเยอะมาก ห้าสิ บตัวเลย”

จ้าวเหวินเทาชะงัก “มาจากหมู่บา้ นไหน?”

“บอกว่าคนจากเซี่ ยเตี้ยน” เย่ฉูฉู่ครุ่ นคิดก่อนจะพูด “พวกเขา


บอกว่าได้ดูละครก็เลยรู ้เรื่ องกระต่ายของคุณ การโฆษณาของ
คุณได้ผลขนาดนี้เลยเหรอคะ?”

“แน่ นอนอยู่แล้ว ของดี ถา้ ไม่ป่าวประกาศออกไปใครจะรู ้ล่ะ


จริ งไหม?” จ้าวเหวินเทาพูดเคล้ารอยยิม้
เขาลองคานวณดู แล้ว ตั้งแต่ การแสดงกระต่ ายเริ่ มต้นจนจบ
ช่ วงระยะเวลานี้ รวมตั้งแต่ตน้ จนถึ งช่ วงท้าย จากในหมู่บา้ น
และนอกหมู่บา้ น เขาขายกระต่ายไปร้อยกว่าตัวแล้ว

ถ้ารวมเข้ากับครั้งนี้ ก็น่าจะประมาณสองร้อยตัว

นี่ ยงั ไม่ขา้ มปี เลย ถ้าถึงช่ วงข้ามปี แล้ว คณะละครในอาเภอต่อ


ให้ไม่ ได้ทาละครกระต่ ายของเขาเพื่อโฆษณาก็ตอ้ งออกไป
แสดง แบบนั้นปริ มาณการขายของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย

ไม่ได้การล่ะ สองสามวันนี้ เขาต้องไปในจังหวัดอีกครั้ง เลือก


กระต่ายพันธุ์ดี ๆ มาสักครอกหนึ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่เพียงพอ!

ระหว่างนั้นก็จะได้ถามเรื่ องการซื้อขายที่ดินด้วย…

เย่ฉูฉู่เองก็ไม่เข้าใจเรื่ องโฆษณา แต่เมื่อเห็นได้อย่างชัดเจนว่า


การโฆษณามีประสิ ทธิ ผล จึงคิดว่าการโฆษณานี้ ดีจริ ง ๆ และ
อดไม่ได้ที่จะนึกถึงชุดที่ตนเองออกแบบ มันจะใช้ได้หรื อเปล่า
นะ?

ไม่เพียงแค่จา้ วเหวินเทาที่จะได้รับประโยชน์จากการโฆษณา
กระต่าย ทัว่ ทั้งหมู่บา้ นที่เลี้ยงกระต่ายก็ได้รับประโยชน์ด้วย
พวกเขาขายกระต่ายออกไปได้ไม่นอ้ ย คนที่ขายได้มากที่สุดก็
คือพี่สะใภ้รองจ้าว

พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่รองจ้าวใช้ชี วิตแบบไม่ ตอ้ งพูดถึ ง เลย


สัตว์เลี้ ยงทั้งหมดภายในบ้านพวกเขาต่ างดู แลด้วยใจ ดังนั้น
กระต่ายจึงเติบโตเป็ นอย่างดี ทั้งยังคลอดลูกออกมามากเป็ น
พิเศษ กระต่ายน้อยนี้ขายออกไปได้ไม่นอ้ ย ทั้งยังมีกระต่ายตัว
เมียอีกสามสี่ ตวั ถ้าไม่ใช่ เพราะพวกเขาไม่อยากขายก็คงมีคน
ซื้อไปแล้ว

ช่วงเวลานี้พวกเขาทาเงินได้ 30-40 หยวนเลยล่ะ!


พี่สะใภ้รองจ้าวดีใจจนหุ บยิม้ ไม่ได้ หากเป็นแบบนี้ ต่อไป ไม่
แน่สิ้นปี นี้อาจจะคืนหนี้ที่ใช้สร้างบ้านจนหมดก็ได้!

“พวกเราซื้ อกระต่ายเพิ่มอีกหน่ อยเถอะ” เมื่อเห็นเงิน พี่สะใภ้


รองจ้าวย่อมคิดว่าตนเองเลี้ยงกระต่ายน้อยเกินไป

พี่รองจ้าวเองก็มีความสุ ขมาก เขาพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วพวก


เราจะซื้อกี่ตวั ดีล่ะ?”

พี่สะใภ้รองจ้าวคิดอยากจะบอกตัวเลขที่หล่อนเพิ่งคิดได้ แต่
เมื่ อ คิ ด ๆ ดู แ ล้ว จึ ง พู ด ว่ า “คุ ณ ไปถามคนอื่ น ๆ ในหมู่ บ ้า น
หน่อย ดูวา่ พวกเขาซื้อกระต่ายไปกี่ตวั ”

“พวกเราก็ซ้ื อของพวกเราสิ จะไปดู ของคนอื่นทาไม” พี่รอง


จ้าวไม่เข้าใจ
“คุณจะถามให้มากมายไปทาไม ฉันบอกให้คุณไปถามคุณก็ไป
ถามสิ !” พี่สะใภ้รองจ้าวคิดว่าถามดูสักหน่อย จิตใจของหล่อน
จะได้สงบลงด้วย

ถ้าคนอื่นก็เลี้ยงไว้เยอะเหมือนกัน แบบนั้นพวกเขาก็เลี้ยงเยอะ
ๆ แต่ถา้ คนอื่นเลี้ยงน้อย พวกเขาก็เลี้ยงให้มนั น้อย ๆ ในด้าน
จิตวิทยาสิ่ งนี้เรี ยกว่าการกระจายความเสี่ ยง

แม้ว่าพี่สะใภ้รองจ้าวจะไม่เข้าใจเรื่ องจิตวิทยา นี่กไ็ ม่อาจหยุด


หล่อนจากการเลือกตามสัญชาตญาณได้

อีกด้านหนึ่ ง ทางฝั่งพี่สามจ้าวกลับไม่ได้เป็นแบบพี่สะใภ้รอง
จ้าว เขาเป็ นคนฉลาด

จ้า วเหวิ น เทาบอกว่า กระต่ า ยของข้า วซานถุ น โด่ ง ดัง ไปถึ ง


อาเภอ เขาจึงลองไปถามดู ตอนนั้นละครกระต่ายยังไม่ดงั แต่
กลับได้ยนิ ว่าในอาเภอกินเนื้อกระต่ายกันเยอะมาก ตอนนั้นเขา
จึงไปซื้อกระต่ายจากจ้าวเหวินเทาเพิ่มอีกสามสิ บตัว!
เขาซื้ อกระต่ ายมาได้ไม่ กี่วนั กระต่ ายข้าวซานถุ นก็มีชื่อเสี ยง
แล้ว มีคนนอกหมู่บา้ นเข้ามาซื้ อกระต่าย แต่มีจานวนมากที่ไป
ซื้ อกับจ้าวเหวินเทา ส่ วนของเขาก็ไม่ได้ขายในหมู่บา้ น แต่นา
กระต่ายไปขายที่หมู่บา้ นข้าง ๆ อาเภอ โดยบอกว่าตัวเองมีบา้ น
อยูท่ ี่ขา้ วซานถุน กระต่ายก็เป็ นกระต่ายของข้าวซานถุน ทั้งยัง
นาจดหมายแนะนาที่ได้มาจากในหมู่บา้ นให้คนอื่นได้ดูดว้ ย

อีกฝ่ ายได้เห็นว่าเป็ นของจริ งจึงซื้ อไว้ เขาย่อมไม่ได้ขายตาม


ราคามาตรฐานอยู่แล้ว เขาขายออกไปในราคาที่เพิ่มขึ้นหนึ่ ง
เท่าตัว และมันก็ขายออกไปได้จริ ง ๆ!

ไม่ตอ้ งพูดถึงเลยว่าพี่สามจ้าวมีความสุ ขขนาดไหน กระต่าย


จานวนสามสิ บตัวสามารถขายออกไปได้มากกว่าราคาปกติถึง
หนึ่ งเท่าเลยนะ เขาใช้เวลาเลี้ยงแค่ไม่กี่วนั แถมยังไม่มีตน้ ทุน
อะไรเลย!
ตอนที่กลับมาก็ซ้ื อกระต่ายจากจ้าวเหวินเทาเพิ่มอีกสามสิ บตัว
จากนั้นเขาก็นาออกไปขายอีก เขาทั้งขายเต้าหู แ้ ละกระต่ายไป
พร้ อม ๆ กัน ระยะเวลาหนึ่ งเดื อนจึ งได้เงิ นมาหนึ่ ง ร้ อ ยกว่า
หยวน

เยีย่ มไปเลย ได้กาไรเท่ากับรายได้เมื่อหลายปี ก่อนแล้ว

สิ่ งนี้ ทาให้พี่สามจ้าวคิ ดว่าการนาของไปขายได้เงิ นมากกว่า


การทานาหาเงิน ตอนนี้ เป้ าหมายของเขาจึงมีแค่การเลี้ยงและ
ขายกระต่าย เป็ นเพราะหยิบยืมชื่ อเสี ยงจากกระต่ายข้าวซาน
ถุน อย่างอื่นเขาไม่กล้าทาอะไรแล้ว ส่ วนเต้าหู ไ้ ม่นบั เพราะมัน
คือผลผลิต

เมื่ อ ได้เ งิ น เยอะแล้ว พี่ ส ามจ้า วจึ ง เปลี่ ย นอุ ป กรณ์ เดิ ม ที ใ ช้
แผ่นกระดาษเพื่อจดบัญชี ตอนนี้เขาเปลี่ยนมาใช้กระดาษสี ขาว
แทน กระดาษสี ขาวถูกตัดเข้าเล่มเป็ นหนังสื อเล่มเล็ก ๆ ขนาด
A6 แล้ว
ดินสอที่จากเดิมเคยใช้กเ็ ปลี่ยนเป็ นดินสอแท่งใหม่ ก่อนหน้านี้
เขาใช้ถุงขาด ๆ ที่ถูกปะมาใส่ เงิน แต่ตอนนี้เขายอมปวดใจซื้ อ
กระเป๋ าใบเล็กมาหนึ่งใบ

เสื้ อผ้าก็ยอมใส่ ชุดใหม่เพื่อข้ามปี

โดยปกติ แ ล้ว การใส่ ชุ ด ใหม่ จ ะเกิ ด ขึ้ นตอนข้า มปี เท่ า นั้น
หลังจากข้ามปี จบก็จะนาไปเก็บไว้ รอให้ขา้ มปี ต่อไปก็จะนามา
ใส่ ใ หม่ โดยปกติ ถ ้า ไปบ้า นญาติ ใ นช่ ว งส าคัญ ถึ ง จะหยิ บ
ออกมาใส่

เสื้ อ ผ้า ตอนที่ อ อกไปขายเต้า หู ้ก็เ หมื อ นกับพวกขอทาน แต่


ตอนนี้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว วันนี้ เขาซื้ อเนื้ อหมู่สามชั้นมา
สองชั่ง เป็ นครั้ งแรก ตอนกลับ มาก็บอกให้พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า ว
นาไปห่อเกี๊ยวไว้รับประทาน
ตอนที่ 218 อวดไม่ สาเร็จ

พี่สะใภ้สามจ้าวทาท่าทางราวกับเห็นมนุ ษย์ต่างดาว นี่ คือสามี


ของหล่อนเหรอ?

“ทาไมมองผมด้วยสายตาแบบนั้น?” พี่สามจ้าวเห็นก็เริ่ มรู ้สึก


ไม่สบอารมณ์ “ก่อนหน้านี้ผมไม่ซ้ื อเนื้ อให้ คุณก็เอาแต่บ่นว่า
ผมขี้งก ตอนนี้ ผมซื้ อเนื้ อกลับมาแล้ว คุ ณยังทาแบบนี้ อีก ไม่
กินก็ไม่ตอ้ งกิน พรุ่ งนี้ผมจะได้เอาไปขาย!”

“ใครบอกว่าไม่กินกันล่ะ!” พี่สะใภ้สามจ้าวหยิบเนื้อไปจัดการ

พวกลูก ๆ ก็มีความสุ ขมาก

พ่อของพวกเขาบอกว่าได้เงินมาโดยตลอด แต่ชีวติ ของพวกเขา


กลับไม่ดีข้ ึนเลย ไม่เพียงแต่จะไม่ดีข้ ึนแต่ยิ่งแย่ลงเรื่ อย ๆ ด้วย
ได้กินแต่ผกั เส้นดองเค็มและโจ๊กข้าวโพด การรับประทานโจ๊ก
ข้าวโพดติดต่อกันมันไม่ใช่เรื่ องง่ายเลย

พ่อบอกว่าไม่ตอ้ งกัดก้อนเกลือกิ นก็ดีถมเถแล้ว ยังคิ ดจะกิน


เนื้ออีก ฝันหวานกันเกินไปแล้ว!

ตอนนี้ กลับ ได้รั บ ประทานเนื้ อ ที่ พ่ อ ของพวกเขาซื้ อ กลับ


มาแล้ว!

“แม่ ใส่ เนื้ อเยอะ ๆ เลยนะ!” เอ้อร์ หยาและหม่าต้านเรี ยกร้อง


ด้วยพลังอันแรงกล้า

ได้ยนิ แบบนี้ภายในใจของพี่สะใภ้สามจ้าวก็ถึงกับรู ้สึกเจ็บปวด


ขึ้นมา หล่อนยกมีดขึ้นมาสับเนื้ อชิ้นใหญ่เพื่อแบ่งครึ่ ง ที่เหลือ
เก็บไว้ทากับกับข้าวมื้ออื่น ใครจะไปรู ้ว่าสามีของหล่อนจะซื้อ
เนื้อกลับมาครั้งหน้าอีกเมื่อใด
พี่สามจ้าวฮัมเพลงนัง่ อยู่บนขอบเตียง มือข้างหนึ่งถือสมุดเล่ม
เล็ก ส่ วนอีกข้างถือดินสอแท่งใหม่กาลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่บน
นั้นด้วยท่าทางอารมณ์ดี

พี่สะใภ้สามจ้าวสับไส้เกี๊ยว จากนั้นก็สับผักกาดขาวหัวใหญ่
สองหัว เพราะผักดองยังไม่เปรี้ ยว ท้ายที่สุดจึงใส่ ตน้ หอม ผักชี
แห้ง เกลื อ และผงพริ ก ฮวาเจี ย ว น ามาคลุ ก เคล้า ให้เ ข้า กัน
จากนั้น วางลงบนแผ่น นวดแป้ ง เพื่ อ เริ่ ม นวด ระหว่า งนั้น ก็
พูดคุยกับพี่สามจ้าวไปพลาง ๆ

“คุ ณ ได้เ งิ น มาเท่ า ไรเหรอคะ ถึ ง ได้ย อมซื้ อ เนื้ อ กลับ มา?”


พี่สะใภ้สามจ้าวถาม

พี่สามจ้าวก็เขียนเสร็ จแล้ว เขานาไปใส่ ไว้ในกระเป๋ าใบเล็ก


ด้วยท่าทางเคร่ งขรึ ม จากนั้นก็นากระเป๋ าใส่ เข้าไปในตูใ้ ต้เตียง
และล็ อ คไว้อ ย่ า งดี ก่ อ นจะน ากุ ญ แจมาแขวนไว้ที่ เ ข็ ม ขัด
กางเกงอีกครั้ง
กุญแจดอกนี้ไม่เคยอยูห่ ่างจากตัว ส่ วนเงินในตอนนี้เขาทาแบบ
เดียวกับจ้าวเหวินเทา คือนาเงินไปฝากในธนาคารแล้ว ในบ้าน
มีแค่สมุดบัญชี ถูกแบ่งไว้สองส่ วน คือฝากประจากับแบบออม
ทรัพย์

ส่ วนใหญ่เขาจะฝากแบบประจา ส่ วนแบบออมทรัพย์เขาเก็บ
ไว้เป็ นส่ วนน้อย สิ่ งที่จาเป็ นต้องจ่ายจะดึงเงินออกมาจากออม
ทรัพย์ ในบ้านจึงไม่มีการเก็บเงินไว้

หลัง จากท าเรื่ อ งเหล่ า นี้ เสร็ จ เขาก็ไ ปล้า งมื อ และเดิ น มานั่ง
ตรงหน้าแผ่นนวดแป้งเพื่อช่วยพี่สะใภ้สามจ้าวห่อเกี๊ยว

พี่สะใภ้สามจ้าวได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู ้สึก
ประหลาดใจ ได้เงินมาเท่าไรเนี่ย ทาไมถึงได้ทาตัวดีขนาดนี้!

หล่อนแอบสงสัยอยูใ่ นใจ แต่ไม่ได้แสดงออกทางสี หน้า รอให้


พี่ ส ามจ้ า วเอ่ ย ปากพู ด ด้ ว ยตนเอง มื อ ของหล่ อ นยัง คง
เคลื่ อนไหวอย่างไม่ หยุด เมื่ อนวดแป้ งจนได้ที่แล้วก็ตดั แบ่ ง
ออกเป็ นก้อน จากนั้นจึงเริ่ มรี ดแป้งให้เป็ นแผ่นบาง

แผ่นเกี๊ยวต้องทาจากแป้ งบักวีทอยูแ่ ล้ว แป้ งขาวเป็ นสิ่ งที่หาได้


ยากสาหรับครอบครัวนี้

พี่สามจ้าวหยิบแผ่นแป้ งมาห่ อเกี๊ ยวพลางพูดว่า “ผมรู ้แล้วว่า


ทาไมเจ้าหกถึงได้กินหรู อยูส่ บายได้ทุกวัน”

พี่สะใภ้สามจ้าวต่อบทสนทนา “ทาไมเหรอคะ?”

“ขายของพวกนี้ได้เงินเยอะมาก! นี่เพิ่งไม่กี่วนั ผมเอากระต่าย


เข้าไปขาย เจ้านั่นได้เงินดีมากเลยนะ พูดไปแล้วคงทาให้คุณ
ตกใจตายเลยแหละ!” พี่สามจ้าวหันไปมองลู ก ทั้งสองคนที่
กาลังฟั งเขาพูด จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ออกไปเล่นข้างนอก
กันก่ อน ถึ งเวลากิ นแล้วเดี๋ ยวจะไปเรี ยก ไปเล่ นกันก่ อน อี ก
เดี๋ยวจะได้กินเยอะ ๆ!”
เอ้อร์หยาและหม่าต้านรู ้สึกว่าที่พ่อพูดก็มีเหตุผล จึงออกไปวิ่ง
เล่น

พี่สะใภ้สามจ้าวรู ้ดีถึงเหตุผลที่พี่สามจ้าวให้พวกลูก ๆ ออกไป


จึงรอให้เขาพูดต่อ

“ตอนนี้ ฉัน ไปได้ยิน มาแล้ว ว่า กระต่ า ยของข้า วซานถุ น ขาย


ยังไง ที่เจ้าหกบอกเป็ นเรื่ องจริ งจริ ง ๆ ด้วย กระต่ายของข้าว
ซานถุนมีชื่อเสี ยงจริ ง ๆ รู ้แบบนี้ พวกเราคงได้เงินเยอะกว่านี้
อีก”

พี่สะใภ้สามจ้าวแอบเสี ยใจเล็กน้อย สามีเข้มงวดกับเรื่ องเงิน


มากจริ ง ๆ ไม่ยอมปริ ปากพูดเลย!

“ตอนนี้เลี้ยงให้เยอะ ๆ มันก็เหมือนกันนัน่ แหละ” พี่สะใภ้สาม


จ้าวกล่าว “ฉันได้ยนิ มาว่า หมู่บา้ นของเรามีหลายคนที่อยากจะ
เลี้ ย งให้เ ยอะ ๆ แต่ น้อ งหกบอกว่า เลี้ ย งที เ ยอะเกิ น ไปไม่ ได้
เพราะกลัวว่าจะป่ วย รอให้เลี้ยงอีกสักสองสามปี คุ น้ ชิ นแล้ว
ค่อยเลี้ยงให้เยอะขึ้น แต่กม็ ีคนไม่ค่อยพอใจเท่าไร”

“ก็ตอ้ งไม่ พอใจอยู่แล้ว คุ ณรู ้ ไหมว่าตอนนี้ กระต่ ายของข้า ว


ซานถุนราคาเท่าไร? 7-8 เหมาต่อตัวเลยนะ!” พี่สามจ้าวยกนิ้ว
ขึ้นมาประกอบพลางพูด

พี่สะใภ้สามจ้าวตกใจ “7-8 เหมาเหรอ ปกติ กระต่ ายหนึ่ งตัว


ราคา 5-6 เหมานะ!”

“ก็ใช่ ไง ตอนนี้ กระต่ ายตัว เป็ น ๆ ราคาสู งมาก!” พี่สามจ้าว


กล่าว “ถ้าเป็ นแบบนี้ต่อไป หมู่บา้ นของเราคงสามารถจ่ายเงิน
ที่คา้ งจ่ายตอนสร้างบ้านจนหมดเลยแหละ”

พี่สะใภ้สามจ้าวชะงักพลางพึมพา “แล้วน้องหกได้เงินมาเท่าไร
กันเนี่ย?”
พี่สามจ้าวแอบไม่พอใจ ภรรยาคนนี้ ทาไมถึงไม่ถามว่าเขาได้
เงินมาเท่าไร หรื อว่าตอนนี้ เขาไม่เหมือนกับคนที่ได้เงินเยอะ
เหรอ?

“หมอนัน่ จะได้เงินเท่าไรก็ไม่ให้คุณหรอก คุณจะไปสนใจให้


มากมายขนาดนั้นเพื่ออะไร!” พี่สามจ้าวพูดอย่างไม่พอใจ

พี่สะใภ้สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ เป็ นคุณไม่ใช่เหรอที่


สนใจมาโดยตลอด?

“คุ ณ รู ้ ไ หมว่า เดื อ นนี้ ผมได้เ งิ น เท่ า ไร?” พี่ ส ามจ้า วข่ ม ความ
โกรธไม่ไหวแล้ว หลังจากเงียบอยู่นานก็ควรทาให้ภรรยาของ
เขาได้รู้เสี ยบ้างว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน!

“คุณไม่บอกแล้วฉันจะรู ้เหรอ” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดอย่างไม่สบ


อารมณ์ “บ้านอื่นเขาให้ภรรยาดูแลเรื่ องเงินกันทั้งนั้น มีแต่คุณ
นัน่ แหละ อย่าว่าแต่ให้ฉันดูแลเงินเลย แม้กระทัง่ จะบอกกันก็
ไม่ยอมบอก!”
น้ าเสี ย งของพี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วเต็ ม ไปด้ว ยค าต าหนิ รายได้
ทั้งหมดในบ้านผ่านพี่สามจ้าวทั้งหมด หล่อนจึงไม่รู้อะไรสัก
อย่าง ถามไปก็ไม่บอก กุญแจก็เก็บไว้อย่างมิดชิด

แน่ นอน ถ้าหล่อนอยากจะขโมยกุญแจเปิ ดกล่องก็สามารถทา


ได้ แต่ ห ล่ อ นขี้ เ กี ย จที่ จ ะท าแบบนั้น ไม่ บ อกก็ไ ม่ ต ้อ งบอก
หล่อนเองก็ไม่ได้อยากรู ้เหมือนกัน!

“ที่ผมไม่บอกคุณก็เพราะคุณมันไม่มีสมองไง” พี่สามจ้าวแค่น
เสี ยงจากลาคอ “คุณมันโง่ ถ้าผมบอกคุณวันนี้ พรุ่ งนี้คนจากทั้ง
หมู่บา้ นคงรู ้กนั หมด!”

พี่สะใภ้สามจ้าวเริ่ มขุุ่นเคืองแล้ว แต่เมื่อเห็นไส้เกี๊ยวก็รู้สึกใจ


เย็นลง ไม่ใช่เรื่ องง่ายเลยที่จะได้รับประทานเกี๊ยวไส้เนื้อสักมื้อ
โกรธขึ้ นมาอี กเดี๋ ยวคงกิ นไม่ ลง “ใช่ ฉันมันโง่ ส่ วนคุ ณมัน
ฉลาด พอใจหรื อยัง”
พี่สามจ้าวรู ้สึกว่าทัศนคติของพี่สะใภ้สามจ้าวไม่เลว จึงไม่ได้
สนใจ ทั้งยังพูดด้วยน้ าเสี ยงภาคภูมิใจว่า “เดือนนี้ผมได้เงินมา
ร้อยกว่าหยวน!”

พี่สะใภ้สามจ้าวที่กาลังรี ดแป้ งถึงกับหยุดชะงัก เงยหน้าขึ้นมา


มองสามี

พี่สามจ้าวรู ้สึกดีจริ ง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะยืดตัวตรง

“ร้อยกว่าหยวน?” พี่สะใภ้สามจ้าวรู ้สึกว่าเสี ยงของตัวเองสั่น


นิด ๆ

คนอื่นได้เงินมาหนึ่งร้อยกว่าหยวนเธอเองก็ไม่เคยได้ยนิ ต่อให้
ในบ้านจะมีนอ้ งหกที่หาเงินเก่ง แต่กไ็ ม่เคยคิดว่าเรื่ องแบบนี้จะ
เกิดขึ้นกับตัวเอง

หนึ่งร้อยกว่าหยวนเลยนะ แถมยังใช้เวลาแค่เดือนเดียว เป็ นไป


ได้อย่างไรกัน!
“ใช่ หนึ่ งร้อยกว่าหยวน” พี่สามจ้าวยืนยัน “เมื่อกี้ผมบอกกับ
คุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ ขายของพวกนี้ทาเงินได้มากจริ ง ๆ!”

พี่สะใภ้สามจ้าวสติแอบหลุดลอย พึมพาอีกครั้ง “งั้นน้องหกก็


คงกลายเป็ นครัวเรื อนหมื่นหยวนจริ ง ๆ แล้วสิ ?”

สิ่ งนี้ทาให้พี่สามจ้าวโกรธ

ไม่ง่ายเลยที่จะได้โอ้อวด ผลลัพธ์ที่ได้คือภรรยาโง่ของเขากลับ
เอาน้ าเย็นมาสาดใส่ เขา!

พี่สามจ้าวถูกภรรยายัว่ โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว

ทางฝั่งพี่สี่จา้ วกลับสมปรารถนา กระต่ายของเขาก็ขายได้เงิน


เช่นกัน พี่สะใภ้สี่จา้ วดีใจจนหุ บยิม้ ไม่ได้ หล่อนได้ยนิ มาว่าคน
อื่น ๆ ก็ได้เงินกันประมาณนี้ ซึ่ งหมายความว่าพวกเขาก็ไม่ได้
ด้อยไปกว่าคนอื่นเลย!
“ถ้าจะพูดให้ละเอียด พวกเรายังได้เงินเยอะกว่าคนอื่นด้วยนะ
คะ” พี่สะใภ้สี่จา้ วเก็บเงินอย่างระมัดระวัง

“ทาไมถึงเยอะกว่าคนอื่นล่ะ?” พี่สี่จา้ วไม่เข้าใจ

“คุ ณอย่าลืมสิ คนที่เลี้ยงกระต่ายพวกนั้นต่างก็ขาดแคลนเงิน


กัน แต่พวกเราไม่ได้เป็ นแบบนั้นสักหน่อย!” พี่สะใภ้สี่จา้ วพึง
พอใจอย่างมาก

ประโยคนี้ พู ด ไปก็ไ ม่ ผิด หล่ อ นไม่ ไ ด้ส ร้ างบ้า น ส่ ว นเมล็ด


พันธุ์ถึงจะค้างชาระ ตอนที่ซ้ื อกระต่ายก็คา้ งชาระ แต่ตอนนี้
หลังจากขายพืชผลและกระต่ ายออกไปก็สามารถล้างหนี้ ได้
ทั้งหมด และไม่ได้ขาดแคลนเงินทองแม้แต่นอ้ ย
ตอนที่ 219 แม่ ของพีส่ ะใภ้ สี่จ้าว

พี่สี่จา้ วคิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกได้ว่าเป็ นเรื่ องจริ ง “แต่คนอื่นก็ได้อยู่


บ้านดี ๆ นะ”

พี่สะใภ้สี่จา้ วบุย้ ปาก “ได้อยู่บา้ นดี ๆ แล้วจะไปมีประโยชน์


อะไร ฉันได้ยินสะใภ้สามพูดว่า แต่ละวันของพวกเขากินผัก
ดองเค็มกับโจ๊กข้าวโพด กินจนท้องของหล่อนมีกรดเต็มท้อง
แล้ว นั่นก็ได้ไปอยู่บา้ นดี ๆ แล้ว แต่มีประโยชน์ตรงไหนล่ะ
คะ!”

“แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็ได้อยูบ่ า้ นใหม่นะ คุณไม่ได้อยูบ่ า้ นใหม่


แต่กย็ งั กินผักเส้นดองเค็มไม่ใช่เหรอ?” พี่สี่จา้ วพูดตามปกติ

ทาเอาพี่สะใภ้สี่จา้ วโกรธจนถลึงตามองเขา จู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่ อง


เป็ นการเป็ นงานขึ้นมา “พรุ่ งนี้ คุณเอาเงินไปฝากนะ เอาแบบ
ฝากประจาไปเลย! ตอนนี้ทางานช่วงฤดูใบไม้ร่วงเสร็จแล้ว แม่
ของฉันต้องมาแน่ ๆ ถ้ารู ้วา่ ขายกระต่ายได้เงินขนาดนี้คงเอาไป
หมด!”

พี่สี่จา้ วได้ยนิ ก็คิดว่านี่แหละคือเรื่ องใหญ่ เขาจาได้วา่ เมื่อสองปี


ก่อนแม่ยายของเขามายืมเงิน เขาบอกว่าไม่มี แม่ยายก็เริ่ มค้น
บ้า น ท้า ยที่ สุ ด ก็ห ยิบอ่ า งกับเสื้ อ ผ้า ไปอย่า งละหนึ่ ง ชิ้ น เขา
โกรธจนคิ ด อยากจะด่ า แม่ ย ายสั ก ที ส่ ว นพี่ ส ะใภ้สี่ จ ้าวนอน
ร้องไห้ฟูมฟายอยูบ่ นเตียง ทว่ากลับจนปัญญา

ตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้วก็เจ็บใจ ถึงอย่างไรในบ้านก็ไม่ได้มีอะไร


อยูแ่ ล้ว ถ้าเงินก้อนนี้ยงั ถูกแม่ยายเอาไปอีก ชีวติ ของพวกเขาจะ
ใช้กนั อย่างไร!

ไม่ได้ ไม่ตอ้ งรอพรุ่ งนี้หรอก ไปฝากตอนนี้นี่แหละ!

“ตอนนี้ ? นี่ มืดขนาดนี้ แล้ว คุณจะกลับมาตอนไหน?” พี่สะใภ้


สี่ จา้ วแอบเป็ นกังวล
“ไม่เป็ นไร!” พี่สี่จา้ วพูดจบก็เดินออกไป

“คุ ณ ไปยืม รถจัก รยานของน้อ งหกสิ จะได้เ ร็ ว ขึ้ น หน่ อ ย!”


พี่สะใภ้สี่จา้ วตะโกนเตือน

“เข้าใจแล้ว!” พี่สี่จา้ วเดินออกไปโดยไม่หนั กลับมา

พี่สี่จา้ วเป็นคนมองการณ์ไกล วันรุ่ งขึ้นแม่ยายของเขาก็มาหา


จริ งๆ

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วเป็ นหญิงชราอายุหา้ สิ บกว่าปี แต่ดู ๆ แล้ว


หน้าตาเหมือนคนอายุเจ็ดสิ บปี ทั้งผอมทั้งดา โหนกแก้มสู ง ริ ม
ฝีปากบาง เบ้าตาลึก ดวงตาก็ดูฝ้าฟาง

นางสวมด้วยเสื้ อคลุมสี ฟ้าเทา กางเกงสี ดา รองเท้าเป็ นรองเท้า


ที่ทาเอง ในมือถือถุงมาหนึ่ งใบ มือของนางหยาบกร้านเป็ นสี
น้ าตาลเข้ม ราวกับว่าต่อให้ลา้ งทั้งชาติกไ็ ม่มีวนั สะอาด
“แม่ มาทาอะไรคะเนี่ ย?” พี่สะใภ้สี่จา้ วเห็นแม่ของตนมาก็ไม่
ชอบและรู ้สึกไม่สบายใจมาก ไม่รู้ว่าแม่มาครั้งนี้ จะปล้นเอา
อะไรไปอีก

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วดูลูกสาว อืม อ้วนแล้ว สี หน้าก็ดูดี จากนั้น


ก็ดูอู่หยาที่ถูกอุม้ อยู่ ริ มฝี ปากแดงฟั นขาว อ้วนจ้ าม่า เห็นได้ชดั
ว่าชีวิตของลูกสาวผ่านไปได้ไม่เลวเลย จึงมีรอยยิม้ ปรากฏขึ้น
ทันใด

“แกคลอดลูกแล้ว แม่จะไม่มาดูได้ยงั ไงกัน แม่เอาข้าวมาให้นิด


หน่อย เป็ นข้าวใหม่ที่เพิ่งเก็บเมื่อสด ๆ ร้อน ๆ เลย เมื่อวานพ่อ
แกเพิ่งเป็นคนตา” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วเข้ามาในห้อง นางวาง
ถุงที่อยูใ่ นมือและขึ้นมานัง่ บนเตียง “ลูกเขยล่ะ?”

“ไปขนฟื นแล้ว ” พี่ ส ะใภ้สี่จ ้าวริ นน้ าให้แม่ ของหล่ อน “ฉัน


สบายดี แม่ไม่ตอ้ งเป็ นห่วงหรอกค่ะ”
“แกเป็ นก้อนเนื้อที่ออกมาจากร่ างกายของฉัน จะไม่ให้ฉนั เป็ น
ห่วงได้ยงั ไง!” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วพูดด้วยคาพูดที่ฟังดูดีมาก

พี่สะใภ้สี่จา้ วกลับไม่ได้รู้สึกซึ้ งใจแม้แต่นอ้ ย คาพูดนี้หล่อนได้


ฟั งมาตั้งแต่จาความได้ ฟั งมาหลายปี จนเบื่อเต็มทีแล้ว ที่สาคัญ
ก็คือหล่ อนไม่ เหมื อนกับก้อนเนื้ อที่ หล่ นออกมาจากร่ างกาย
ของแม่เลยสักนิด ที่นางเป็ นห่ วงไม่ใช่หล่อน แต่เป็ นทรัพย์สิน
ของหล่อนต่างหากล่ะ

แต่พวกพี่สาวน้องสาวทั้งหกคนก็ถูกดูแลแบบนี้เหมือนกัน แม่
เป็นห่ วงแค่สิ่งของแต่ไม่ได้เป็นห่ วงคน หล่อนไม่ได้สนใจมา
ตั้งนานแล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ

สองแม่ลูกพูดคุยเรื่ องสัพเพเหระอยู่สองสามประโยค จากนั้น


แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วก็เริ่ มเข้าประเด็น
“ฉันได้ยนิ มาว่าข้าวซานถุนของพวกแกขายกระต่ายร่ ารวยกัน
ใหญ่เลย?” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วจ้องมองลูกสาว “แกเองก็เลี้ยง
กระต่ายไว้เหมือนกันใช่ไหม? ขายได้เท่าไรล่ะ?”

หัวใจของพี่สะใภ้สี่จา้ วเต้นแรงขึ้นทันที ทว่าปากก็แสร้ งทา


เป็ นพูดแบบขอไปที “พวกเราเลี้ยงแค่สามสี่ ตวั แถมยังติดหนี้
ด้วย ขายได้กเ็ อาไปใช้หนี้แล้ว”

“ใช้หนี้แล้ว?” ดวงตาคู่น้ นั ของแม่พี่สะใภ้สี่จา้ วเขม็งมองทันที


“แกติ ดหนี้ กระต่ ายของน้องสามี หกไม่ ใช่ เหรอ? ผ่านไปสัก
สองปี ค่อยคืนจะเป็ นอะไรไป?”

พี่สะใภ้สี่จา้ วถอนหายใจ “เลิกพูดเถอะค่ะ เป็นเพราะน้องหก


ต้องสร้างบ้านก็เลยเป็ นหนี้ กอ้ นโต ตอนนั้นที่หมู่บา้ นเราซื้ อ
กระต่ายจากเขาก็คา้ งจ่ายกันทั้งนั้นแหละ ตอนนี้ขายกระต่ายได้
แล้วจะไม่ให้คืนเขาแล้วเขาจะเอาที่ไหนกิน”
แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วทาท่าทางไม่ เชื่ อถือคาพูดของพี่สะใภ้สี่
จ้าว “บ้านอะไรถึงได้ติดหนี้ มากขนาดนั้น! ตาแก่ซื่อเหล่านัน่
ในหมู่บา้ นของพวกเรา สองคนตายายก็สร้างบ้านใหม่ไม่เห็น
ต้องจ่ายสักเฟิ นเดี ยว ใช้กองโคลนสร้างขึ้นมาก็ได้แล้ว หมอ
นัน่ ก็บอกว่าอยูไ่ ด้ ฉันเห็นก็ไม่ได้แย่ไปกว่าบ้านของแกเลย”

พี่สะใภ้สี่จา้ วบุย้ ปาก แอบคิดในใจ บ้านที่สร้างด้วยโคลนจะ


เทียบกับบ้านที่สร้างขึ้นมาแบบจริ งจังได้อย่างไรกัน? นัน่ คือ
เพิงพักอาศัยต่างหากล่ะ!

แต่หล่อนรู ้ดีวา่ แม่ของตนอาจจะไม่เคยเห็นบ้านดี ๆ มาก่อน จึง


แยกแยะได้ไม่ชดั เจน

“แม่ พ่อสบายดีนะคะ?” พี่สะใภ้สี่จา้ วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกลับแค่ นเสี ยงจากลาคอ “แกไม่ตอ้ งมา


ป้ องกันฉันเหมือนกับป้ องกันขโมยหรอก แกคิดว่าฉันมาที่นี่
เพื่อเอาเงินค่ากระต่ายของแกเหรอ? คิดผิดแล้วล่ะ!”
พี่สะใภ้สี่จา้ วรู ้ สึกประหลาดใจมาก หากไม่ ได้มาเพราะเงิ น
พระอาทิ ต ย์ค งขึ้ น ทางทิ ศ ตะวัน ตกแล้ว ล่ ะ แต่ สิ่ ง นี้ ยิ่ง ท าให้
หล่อนไม่สบายใจ ถ้าไม่ได้มาเพราะเงินแล้วมาด้วยเรื่ องอะไร
หล่อนไม่เชื่อหรอกว่าแค่มาเยีย่ มเยียน

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วถอนหายใจออกมา “คือเรื่ องมันเป็ นแบบ


นี้ หมู่บา้ นของพวกแกมีฉายภาพยนตร์กบั แสดงงิ้วไม่ใช่เหรอ?
แกรู ้จกั เสี่ ยวหงไหม?”

“เสี่ ยวหงไหน?” พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้าวคิ ด ไม่ อ อกว่าเป็ นใครเป็ นชั่ว


ขณะหนึ่ง

“ก็ลูกของป้ าใหญ่ ตระกูลซุ นไง” แม่ ของพี่สะใภ้สี่จา้ วเตื อน


ด้วยความไม่พอใจ

พี่สะใภ้สี่จา้ วนึ กได้ในทันที หล่อนพยักหน้ารัว ๆ “จาได้แล้ว


เสี่ ยวหงเป็ นอะไรเหรอ?”
“เด็กนัน่ กับแม่มาดูงิ้วได้สองวันแล้ว แล้วก็คิดว่าหมู่บา้ นของ
พวกแกไม่เลวเลย วัยรุ่ นที่เกิดทีหลังก็มีเยอะแยะ เสี่ ยวหงปี นี้
อายุสิบเจ็ดแล้วนะ ถึงเวลาที่จะแต่งงานแล้วด้วย พอรู ้ว่าแกอยู่
หมู่บา้ นนี้ ก็เลยไหว้วานให้ฉนั มาถามแกหน่อยว่าสะดวกไหม
ฉันคิด ๆ ดูแล้ว ถ้าเสี่ ยวหงแต่งเข้ามาก็ได้เป็ นเพื่อนกับแกพอดี
เลย” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว

เมื่ อ มี ก ารฉายภาพยนตร์ แ ละการแสดงงิ้ ว ในหมู่ บ้า นหนึ่ ง


หมู่บา้ นอื่น ๆ ล้วนมาดู ได้ พวกคนหนุ่ มสาวจานวนมากต่ าง
เทียวไปเทียวมา มีหลายคนที่ถูกตาต้องใจกัน ตราบใดที่เป็ น
คนใช้ชี วิ ต จริ ง จัง ในบ้า น พ่ อ แม่ ก็ ยิ น ดี แ ละเต็ ม ใจที่ จ ะให้
ปรองดองกัน

เพียงแต่ไม่สามารถออกหน้าแบบตรง ๆ ได้ หากไม่ชอบกัน


ขึ้นมาคงขายหน้ามาก จึงต้องหาคนกลางเพื่อจับคู่ให้ บางคนก็
ใช้แม่สื่อ บางคนก็เป็ นญาติของญาติ โดยปกติแล้วจะเป็ นอย่าง
หลังเสี ยมากกว่า คนในหมู่บา้ นต่างก็ฉลาดปราดเปรื่ อง จึงไม่
ค่อยเชื่อปากของแม่สื่อเท่าไรนัก

พี่สะใภ้สี่จา้ วได้ยินก็สนใจขึ้นมา ขอแค่แม่ของตนไม่มาปล้น


ของในบ้าน เรื่ องอื่นก็ยอ่ มช่วยเหลือได้

“คนที่เหมาะสมมีต้ งั เยอะแยะ คนอายุมากหรื ออายุนอ้ ยก็มีหมด


แต่กต็ อ้ งดูวา่ หล่อนอยากได้คนแบบไหน” พี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว

“หาให้ได้แบบน้องหกแกสิ ” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วพูดตรง ๆ

“อะไรนะ? น้องหก?” พี่สะใภ้สี่จา้ วถึงกับชะงัก

“ใช่ สิ ป้ าใหญ่ของแกเคยเห็นน้องหกของแกมาก่อน แค่เห็นก็


ชอบเลย แต่เสี่ ยวหงอายุนอ้ ยเกินไป อีกอย่างน้องหกของแกก็
แต่งงานแล้วด้วย ก็เลยคิดว่ามีคนที่คล้าย ๆ กับน้องหกของแก
บ้างไหม คนที่ใช้ชีวิตเป็ น อายุไม่มาก ส่ วนเรื่ องอื่นอะไรก็ได้”
แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว
พี่สะใภ้สี่จา้ วยิม้ “ใช้ชีวติ เป็ น? น้องหกของฉันไม่ใช่คนใช้ชีวติ
เป็นสักหน่ อย ฉันก็บอกไปแล้วไง เขาสร้างบ้านจนกลายเป็น
หนี้กอ้ นโตเลย”

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกลับแค่นเสี ยงในลาคอ “แกกลัวว่าฉันจะ


มาขอเงินถึงได้พูดแบบนี้ มากกว่ามั้ง แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ?
น้องหกของแกแค่เห็นก็รู้แล้วว่าฉลาด มีเหรอจะโง่ยอมเป็ นหนี้
เพื่อสร้างบ้าน?”

“แม่ แม่คิดผิดแล้ว น้องหกเป็ นหนี้เพื่อสร้างบ้านจริ ง ๆ ไม่ได้มี


แค่เขานะ พวกคนหนุ่ มสาวส่ วนหนึ่ งในหมู่บา้ นเราก็เป็ นหนี้
เหมือนกัน ถ้าไม่เลี้ยงกระต่ายก็เอาไปซื้ อที่ดินสร้างบ้าน เรื่ อง
นี้ฉนั ต้องพูดให้ชดั เจน แม่เองก็อย่าไปปิ ดบังป้าใหญ่ล่ะ”
ตอนที่ 220 เอาแต่ ลาเอียงไปหาลูกชาย

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วชะงัก “เป็ นหนี้กนั หมด? แกอย่ามาหลอก


ฉันนะ!”

“ฉันไม่ได้หลอก อยูท่ ี่ว่าจะเป็ นหนี้มากหรื อน้อยนัน่ แหละ แม่


คิดว่าป้าใหญ่จะยอมเหรอ?”

“ในบ้านเป็นหนี้ ไม่ได้หรอกนะ!” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วรี บพูด


“อยากได้ที่ไม่เป็ นหนี้ สิน อายุไม่เกินสามสิ บก็พอ แก่เกินไป
ไม่ไหว อายุนอ้ ยเกินไปก็ไม่ดี ขอแบบฐานะทางบ้านดีหน่ อย
เสี่ ยวหงแต่งงานเข้ามาอยูท่ ี่นี่จะได้ไม่ตอ้ งทรมานเกินไป”

พี่สะใภ้สี่จา้ วยึดตามเงื่อนไขที่แม่บอก ซึ่ งหล่อนก็พอจะนึกได้


อีกหนึ่งคน น้องเขยของหลี่เฟิ น…จากตระกูลฉวี่
ถึ ง แม้ ว่ า รู ปร่ างน้ อ งเขยของหลี่ เ ฟิ นจะไม่ ไ ด้ สู งเท่ า กั บ
จ้าวเหวินเทา แต่กค็ ิ้วหนาตาโต หล่อเหลามาก ทางานก็ไม่เลว
ทางานหนักเอาเบาสู ้ พ่อและแม่ของเขาก็ยงั เป็ นคนที่ใช้ชีวิต
อย่างจริ งจัง ที่สาคัญก็คือ บ้านนี้เลี้ยงกระต่ายโดยไม่มีการค้าง
ชาระ ทั้งยังจ่ายแบบเงินสดด้วย

“ทาไมพวกเขาถึงไม่คา้ งจ่ายล่ะ ที่บา้ นมีสมบัติเหรอ?” แม่ของ


พี่สะใภ้สี่จา้ วถามด้วยความอยากรู ้

“เรื่ องนี้กไ็ ม่รู้เหมือนกัน แต่ฉนั ได้ยนิ แม่สามีบอกว่าตระกูลฉวี่


มี ชีวิตที่ ดีมาทั้งตระกูลเลยนะ ใส่ ท้ งั เงิ นทั้งทอง แม่ สามีของ
หลี่เฟิ นกับแม่สามีของฉันมาอยู่หมู่บา้ นนี้ ดว้ ยกัน ตอนนั้นแม่
สามี ฉันไม่ มีอะไรเลยสักอย่าง แต่ แม่ สามีของหลี่ เฟิ นกลับมี
เสื้ อใหม่ ใส่ ท้ งั ในและนอก ใส่ เครื่ องประดับเงิ นครบชุ ดเลย
ด้วย ต่อให้เป็ นช่วงพิเศษเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ก็ยงั มีต่างหู เงิน
ใส่ เลย! ฉันเลยเดาว่าคงมีสมบัตินิดหน่อยแหละ” พี่สะใภ้สี่จา้ ว
กล่าว

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วไตร่ ตรองอยู่ครู่ หนึ่ ง “งั้นเลือกเขาก็แล้ว


กัน ตอนนี้กไ็ ม่มีอะไรต้องทาอยูพ่ อดี แม่จะอยูท่ ี่นี่สักสองสาม
วัน เดี๋ยวแม่จะช่วยดูหลานให้ แล้วก็ไปดูบา้ นของพวกเขาด้วย”

พี่สะใภ้สี่จา้ วได้ยินว่าแม่ จะมาอยู่ที่นี่สองสามวันก็แอบรู ้สึก


ลาบากใจ ไม่ใช่วา่ หล่อนไม่อยากให้แม่อยูท่ ี่นี่ แต่แม่หล่อนพอ
มาอยูด่ ว้ ยก็มารื้ อบ้านหาของ ถ้าแม่เอาไปใช้เอง หล่อนก็คงจะ
แสดงความกตัญญู แต่แม่กลับเอาไปให้นอ้ งชาย

เอาของลูกสาวไปให้ลูกชาย แบบนี้ใครจะไปทนไหว?

อีกอย่างแม่ของหล่อนก็ชอบตะโกนโหวกเหวกโวยวายเวลาไม่
พอใจ บอกว่าหล่อนเป็ นลูกอกตัญญู บอกว่าหล่อนเกิดมาแล้ว
ไร้ประโยชน์ บ่นฉอด ๆ ไม่หยุด แทบจะทาให้คนเป็ นบ้าอยู่
แล้ว
แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ ท้ายที่สุดพี่สะใภ้สี่จา้ วก็ทาได้เพียง
แค่ตอบตกลงไปอย่างกล้ ากลืนฝืนทน

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วก็ขยันขันแข็งเสี ยเหลือเกิน เมื่อได้ยินลูก


สาวตอบตกลง ก็รีบรื้ อนู่นรื้ อนี่ดูทุกจุด แต่กลับพูดเสี ยดูดี บอก
ว่า ‘ตรวจสอบดูสักหน่อยว่าแกใช้ชีวติ เป็ นแบบไหน’

“ปี นี้พวกแกได้ขา้ วมาไม่นอ้ ยเลยนะ ข้าวเยอะแยะขนาดนี้พวก


แกสองคนกินไม่หมดหรอก” เมื่อมาถึงกองข้าว แม่ของหล่อน
ก็มองดูกระสอบอาหารพลางกล่าว

“เรายังมีลูกอีกสามคนนะคะ แค่ซานหยาซื่ อหยาก็กินเก่งแล้ว”


พี่สะใภ้สี่จา้ วอุม้ อู่หยาขณะกล่าวกับแม่

แม่บุย้ ปาก “พอเถอะ ยัยเด็กผูห้ ญิงสองคนนั้นจะกินสักเท่าไร


กันเชียว! น้องชายของแกมีลูกชายตั้งสามคน แบบนั้นต่างหาก
ล่ะที่ควรจะได้กิน! ข้าวของแกเยอะแยะขนาดนี้ กินไม่หมดก็
เสี ย เปล่ า เอาไปให้ น้อ งชายแกสั ก สามสี่ ก ระสอบแล้ว กัน
สมาชิกในบ้านของพวกเขามีต้ งั เยอะ”

พี่สะใภ้สี่จา้ วโกรธมาก เพราะอะไรถึงได้พูดว่าพวกหล่อนกิน


ไม่ ห มดแล้ว เสี ย เปล่ า กิ น ไม่ ห มดก็เ ก็บ ไว้ไ ด้อี ก ตั้ง 1-2 ปี ก็
ไม่ใช่ปัญหาอะไร จะเอาไปขายก็ได้ มีสิทธิ์ อะไรเอาไปให้คน
อื่น?

แม้ว่าคนอื่นที่พูดถึงจะเป็นน้องชายตัวเอง แต่นอ้ งชายก็ไม่ได้


อดมื้อกินมื้อ ทาไมต้องให้ดว้ ย

“นี่เป็ นข้าวของแม่สามีฉนั พวกเรามีแค่สองกระสอบ” พี่สะใภ้


สี่ จา้ วพูด “ข้าวของแม่สามีฉนั ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น”

“พวกแกแยกบ้านกันแล้วไม่ใช่เหรอ ข้าวของแม่สามีแกทาไม
ถึงมาวางที่นี่ล่ะ? โกหกฉันให้มนั น้อย ๆ หน่ อยเถอะ!” แม่ทา
ท่าทางไม่เชื่อ
“แยกบ้านกันแล้วก็จริ ง แต่ฉนั ก็ยงั อยูใ่ นบ้านหลังนี้ไม่ใช่เหรอ
แม่สามีฉนั เอาข้าวมาวางไว้ที่นี่เพราะที่หอ้ งไม่มีที่ให้วางแล้ว”

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วไม่ได้พูดอะไร นางแอบประหม่าเล็กน้อย


เมื่อได้ยนิ ถึงคุณแม่จา้ ว คุณแม่จา้ วเป็ นคนเก่ง ไม่ยอมใครหาก
ไม่มีเหตุผล คาพูดคาจานั้น ต่อให้มีแม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วสิ บคน
ก็ยงั ไม่ใช่คู่ต่อสู ้ของคุณแม่จา้ วอยูด่ ี อีกอย่างในฐานะตนที่เป็ น
แขกก็ไม่เหมาะที่จะสู ้รบปรบมือ ท้ายที่สุดจึงออกจากกองข้าว
ด้วยความเสี ยดาย

ในบ้านของพี่สะใภ้สี่จา้ วนอกจากกองข้าวแล้วก็ยงั มีรังกระต่าย


ที่ ส ะดุ ด ตาที่ สุ ด ตอนนี้ นอกจากกระต่ า ยที่ ข ายไป ยัง เหลื อ
กระต่ายอีกสองคู่ ยังไม่ทนั ที่แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วจะพูดว่าขอ
กระต่ายคู่หนึ่งไปให้ลูกชาย พี่สะใภ้สี่จา้ วก็พูดดักทางทันที “นี่
เป็ นกระต่ายของแม่สามี”
อันที่จริ งคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ วไม่ได้เลี้ยงกระต่ายไว้ พวก
เขาทั้งสองไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากมายอะไร อยู่ในหมู่บา้ นหาก
ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยจนต้องกินยา มีบา้ นให้อยู่ มีผลผลิตในที่ดินก็
เพียงพอที่จะใช้ชีวติ ได้แล้ว

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วไม่ทราบ จึงคิดว่าเป็ นกระต่ายที่คุณแม่จา้ ว


เลี้ยงไว้ จึงถอนหายใจอีกครั้ง “อายุมากขนาดนั้นแล้ว เลี้ยงของ
พวกนี้ไว้ทาไมเนี่ย”

“นี่ ก็ เ ป็ นเพราะน้ อ งหกเขากตัญ ญู ต่ อ แม่ ส ามี ข องฉั น ไง”


พี่สะใภ้สี่จา้ วพูดให้ฟังดูดีเป็ นพิเศษเมื่ออยูต่ ่อหน้าแม่ของเธอ

แต่น่าเสี ยดายที่แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วไม่ได้สนใจ นางยังคงค้น


ของต่ อไป ข้างนอกไม่ มีอะไรแล้ว จึ งกลับไปค้นในบ้านต่อ
พี่สะใภ้สี่จา้ วดีใจมากที่สามีนาเงินไปฝากแล้ว ไม่เช่นนั้นคงถูก
ค้นจนเจอ
“แม่ แม่ รู้ จ ัก แต่ ดู แ ลลู ก ชาย ตอนนี้ เขาก็ส ร้ า งบ้า นใหม่ แ ล้ว
ขณะที่บา้ นฉันไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ทาไมแม่ไม่คิดถึงฉันบ้าง
ล่ะ!” พี่สะใภ้สี่จา้ วรู ้สึกไม่มีความสุ ขที่เห็นแม่ของเธอรื้ อตูท้ ้ งั ตู ้
จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

แม่ของหล่อนกลอกตาใส่ “พูดอะไรของแก! ไม่คิดถึงอะไรกัน


คิ ด ถึ ง แกไปทาไม แกเลี้ ย งดู ฉัน ยามแก่ ไ ด้เ หรอ? แกก็รู้ นี่ ว่า
น้องชายแกสร้างบ้านแล้ว แกที่เป็ นพี่สาวยังไม่ช่วยเหลืออีก?”

พี่สะใภ้สี่จา้ วพูดด้วยความโกรธเคือง “หลายปี มานี้ ฉันยังไม่


ช่ วยเหลืออีกเหรอ ยังจะบอกให้ฉันไปช่ วยอะไรอีก? หรื อว่า
แม่จะให้ครอบครัวฉันไปขอข้าวกินเลยไหม?”

แม่ ข องพี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วพู ด อย่า งไม่ ส บอารมณ์ “ไปขอข้า วงั้น


เหรอ? ตอนนี้ชีวิตแกก็ดีมากแล้วไม่ใช่หรื อไง? รองเท้าพวกนี้
ให้นอ้ งชายเถอะ ขากลับฉันจะเอาไปด้วย”
พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วเห็ น แม่ ข องเธอรื้ อ จนเจอรองเท้า สองสามคู่ ที่
หล่ อ นท าให้พี่ จ ้า วสี่ เมื่ อ บอกว่ า จะเอากลับ ไปให้น้อ งชาย
หล่อนก็โมโหแทบบ้า ตอนที่กาลังจะอ้าปากพูด จู่ ๆ ก็ได้ยิน
เสี ยงเคลื่อนไหวดังจากข้างนอก คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ วขน
ฟื นกลับมากันแล้ว

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วรี บออกไป พูดด้วยรอยยิม้ “พ่อแม่ลูกเขย


พวกเธอไปขนฟื นกันเหรอเนี่ย!”

คุ ณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ วเห็นหน้านางก็แอบรู ้สึกไม่ตอ้ นรับ


เท่ า ไรนัก แต่ ก็ยิ้ม ตอบกลับ ไปอย่างสุ ภ าพ พู ด แบบขอไปที
เพียงไม่กี่ประโยค

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วเองก็ไม่ได้ใส่ ใจ นางช่วยขนฟื น ระหว่าง


นั้นก็พูดถึงเรื่ องที่กระต่ายของข้าวซานถุนมีชื่อเสี ยง เรื่ องที่ลูก
ชายของพวกเขาร่ ารวยอะไรพวกนั้น
“กระต่ายหนึ่ งตัวจะได้เงินสักเท่าไรกันเชี ยว ร่ ารวยอะไรกัน
คนเขาก็พูดไปเรื่ อย” คุณพ่อจ้าวกล่าว

คุณแม่จา้ วรับช่ วงต่อ “นัน่ น่ ะสิ คนเรานี่ นะ รู ้จกั แต่ปล่อยข่าว


ลือ ถ้ามันรวยง่ายขนาดนี้ ยังจะมีคนจนอีกเหรอ!”

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว “มันก็จริ ง แต่ยงั ไงก็ได้เงินมาอยูด่ ี”

“ได้เงินมาก็เปล่าประโยชน์ นอกจากจะไม่พอแล้วยังเป็ นหนี้


อีก!” คุณแม่จา้ วกล่าว

เมื่อเห็นแม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ ว จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่าเรื่ องที่ลูกชาย


เป็ นหนี้กน็ บั ว่าเป็ นเรื่ องที่ดีเหมือนกัน ถึงมีเงินก็คงทนต่อญาติ
ที่ยากจนไม่ไหว โดยเฉพาะญาติแบบนี้!

“นี่ เสร็ จธุ ระช่ วงฤดู ใบไม้ร่วงก็เลยมาเยี่ยมลูกสาวสิ นะ?” คุ ณ


แม่จา้ วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“ใช่ นี่กถ็ ือว่าเสร็ จหมดแล้ว ถ้าไม่มาให้เร็ วกว่านี้ คงทาให้เธอ
เหนื่อยแย่เลย ลูกสาวอยูไ่ ฟก็ทาให้เธอต้องเหนื่อยไปด้วย” แม่
ของพี่สะใภ้สี่จา้ วแสดงท่าทางซึ้งใจ

“แม้ว่ า จะเป็ นลู ก สาวของเธอ แต่ ก็ เ ป็ นลู ก สะใภ้ข องฉั น


เหมือนกัน คลอดหลานสาวมาให้ ฉันก็ควรต้องดู แล แต่เธอ
เป็นแม่แท้ ๆ ลูกสาวออกจากอยู่ไฟตั้งนานแล้วเพิ่งจะมาเยีย่ ม
คนอื่นที่ไม่รู้คงคิดว่าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเธอ!” คุณแม่จา้ วตอก
กลับไปด้วยรอยยิม้

เรื่ องที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาวนางเองก็พอจะเข้าใจ แต่คนที่


เป็ นแบบแม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วเป็ นเรื่ องยากที่จะเข้าใจจริ ง ๆ แม่
เลี้ยงก็คงเป็ นแบบนี้กระมัง?

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกลับไม่ได้ใส่ ใจแม้แต่นอ้ ย คาพูดนี้นางได้


ยินมาไม่นอ้ ยแล้ว ชินชาไปตั้งนานแล้วล่ะ
ตอนที่ 221 ภรรยาเรียนรู้ เรื่ องไม่ ดีแล้วนะ

“ยุง่ สิ พืชผลในทุ่งนารอให้เก็บเกี่ยวอยูน่ ะ ลูกก็ยงั เล็ก ฉันเองก็


อยากจะมาแต่กป็ ลีกตัวออกมาไม่ได้เลย!” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ ว
บ่น

คุณพ่อจ้าวขี้เกียจฟังแล้ว ขนฟื นเสร็จก็กลับไปที่หอ้ ง

คุ ณแม่จา้ วเองก็คิดว่าไม่มีอะไรน่ าสนใจ หลังจากพูดพอเป็ น


พิธีกข็ นฟื นไปเผา

พี่สะใภ้สี่จา้ วยื่นอู่หยาให้แม่ของเธอ จากนั้นก็แบกฟื นเตรี ยม


ไปทาอาหาร

“ซานหยากับซื่อหยาล่ะ?” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วถาม นี่กผ็ า่ นไป


ครึ่ งค่อนวันแล้วยังไม่เห็นสองหยาเลย
“ไปเรี ยน” พี่สะใภ้จา้ วกล่าว “ปี นี้ เข้าเรี ยนอนุ บาลกันแล้ว ปี
หน้าก็จะได้เข้าป.1 พอดี”

แม้ว่าซื่ อหยาจะยังเล็ก แต่พี่สะใภ้สี่จา้ วกลับคิดว่าให้ไปเรี ยน


พร้อมกับซานหยา แบบนี้กจ็ ะช่วยประหยัดเงินได้หนึ่งปี ด้วย

“นี่ ! แกมี เงิ นแต่ ไม่ รู้จะเอาไปใช้อะไรสิ นะ เด็กผูห้ ญิ งจะไป


เรี ยนหนังสื อทาไม!” แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วตะโกนออกมา

คุ ณแม่จา้ วได้ยินก็โกรธจนทนไม่ไหว นางกลับมาพูดกับคุณ


พ่อจ้าว “ต้องเป็ นคนแบบไหนกัน แม่ แบบนี้ ไม่ มียงั จะดี เสี ย
กว่า!”

คุณพ่อจ้าวกล่าว “คุณจะไปสนใจสิ่ งที่ยยั นัน่ พูดทาไม ซานหยา


กับซื่ อหยาเป็ นลูกหลานตระกูลจ้าว จะไปเรี ยนหรื อไม่ไปยัย
นัน่ ก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสิ น!”

นาน ๆ ทีคุณพ่อจ้าวจะไม่ชอบขี้หน้าคนคนหนึ่งขนาดนี้
“ที่ลูกสะใภ้สี่อยากได้ลูกชายจนเป็ นบ้าก็เพราะมีแม่บา้ ๆ แบบ
นี้ไง!” คุณแม่จา้ วกล่าว

ระหว่างที่พูด แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วก็อุม้ อู่หยาเข้ามาในห้อง

ยังจะตามมาอีก…คุณแม่จา้ วบ่นในใจ นี่ไม่รู้เลยเหรอว่าคนเขา


ไม่ชอบขี้หน้าหล่อน!

“มาครั้ งนี้ ก็อยู่คา้ งสักสองสามวันเถอะ ถึ งยังไงที่ บา้ นก็ไม่มี


อะไรต้องทาแล้ว” คุณแม่จา้ วกล่าว

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วนัง่ ลงบนเก้าอี้ไม้เล็ก ๆ พลางกล่าว “ที่มา


ครั้งนี้เพราะเรื่ องหลานสาวคนนั้นของฉันนัน่ แหละค่ะ”

นางจึงเล่าเรื่ องที่ต้ งั ใจมาสอบถามเรื่ องตระกูลฉวีใ่ ห้ฟังไปหนึ่ง


รอบ

คุณแม่จา้ วได้ฟังจนจบก็เข้าใจได้ ที่แท้กม็ าเพราะเรื่ องจับคู่ แต่


คิดไม่ถึงเลยว่าจะชอบตระกูลฉวี่
ตอนนี้เย่ฉูฉู่กาลังพูดคุยกับเฮ่อซงจือในหัวข้อเดียวกัน ฝ่ ายที่ถูก
พูดถึงก็คือตระกูลฉวี่

“…หมู่ บ ้า นของพวกเรา ตอนที่ ฉัน ยัง ไม่ แ ต่ ง งานก็ส นิ ท กับ


พี่ ส าวของหล่ อ นนะ เมื่ อ ไม่ กี่ ว นั ก่ อ นพี่ ส าวของหล่ อ นก็พา
หล่อนมาดูละครด้วย แถมยังชอบเจ้ารองของตระกูลฉวีด่ ว้ ยนะ
บอกให้ฉันช่ วยเป็นแม่สื่อให้ ฉันไม่เคยทาเรื่ องแบบนี้ มาก่อน
เลย ก็เลยไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไง” เฮ่อซงจือกล่อมลูกไปพลาง
พูดคุยไปพลาง

เย่ฉูฉู่อุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางพลางกล่าว “พี่สาวคนนั้นทาไมถึงไม่หา


แฟนให้นอ้ งสาวที่บา้ นแม่สามีล่ะ แบบนี้พี่สาวกับน้องสาวจะ
ได้ดูแลกันและกันด้วย”

“พี่ ส าวของหล่ อ นแต่ ง งานอยู่ ใ นหมู่ บ้า นตัว เองนั่ น แหละ


หล่อนไม่อยากอยู่ในหมู่บา้ นตัวเอง แถมยังชอบหมู่บา้ นของ
เราด้วย” เฮ่อซงจือกล่าว “โดยเฉพาะเรื่ องที่หมู่บา้ นข้าวซานถุน
ของพวกเรามีชื่อเสี ยงเรื่ องกระต่าย บอกว่าคนของหมู่บา้ นเรา
ร่ ารวยกันหมด ก็เลยอยากจะมี สามี ที่หมู่ บา้ นของเรา! จริ งสิ
แถมยังบอกด้วยนะว่าเหวินเทาของเธอขายกระต่ายได้เงินก้อน
โตเลย เรื่ องจริ งหรื อเปล่า?”

เย่ฉูฉู่หัวเราะไม่ได้ยมิ้ ไม่ออก คาพูดประเภทนี้ เธอเองก็ได้ยิน


มาไม่นอ้ ยแล้วในช่วงสองสามวัน บางคนก็พูดไร้สาระ บอกว่า
สามีของเธอได้เงินมาตั้งหลายหมื่นหยวน!

ฟั งดูสิ ยังจะบอกว่าหลายหมื่นหยวนอีก ลมที่พดั นั้นต้องแรง


ขนาดไหนกันเนี่ย

เมื่อได้ยนิ เย่ฉูฉู่พูดแขวะ เฮ่อซงจือก็หลุดขาออกมา “ที่บา้ นเธอ


มีกระต่ายเยอะ ชาวบ้านคิดแบบนี้กไ็ ม่แปลกหรอก อีกอย่างลุง
สามของเธอก็พูดแบบนี้เหมือนกัน”

ลุ งสามที่ พูดถึ งก็คือพี่สามจ้าว ในหมู่ บา้ นจะเรี ยกพี่ชายของ


สามีแบบนี้
“แต่ ถึงยังไงก็ตอ้ งพูด เรื่ อ งที่ เชื่ อถื อได้ห น่ อ ยสิ กระต่ ายของ
หมู่บา้ นเรามีชื่อเสี ยง มีคนให้ราคาสู งด้วย แต่เหวินเทาก็ยงั ขาย
ด้ว ยการยึด ราคาเดิ ม เหวิน เทาบอกว่า เขาหาเงิ น แบบมี มโน
ธรรม ทุกคนซื้ อกระต่ายต่างก็ตอ้ งการรายได้เยอะ ๆ ถ้าเขาฉก
ฉวยโอกาสเพื่ อ ทาเงิ น เยอะ ๆ จะกลายเป็ นคนแบบไหนล่ ะ
ดังนั้นเขาก็เลยได้เงินมาไม่มาก” เย่ฉูฉู่อธิ บาย “ฉันกลับได้ยนิ
มาว่า ครั้งนี้พี่สามได้เงินมาไม่นอ้ ยเลยนะ!”

เฮ่อซงจือพูดเคล้ารอยยิม้ “ดูเหมือนว่าเขาจะเอาไปขายหมู่บา้ น
ข้าง ๆ อาเภอด้วย พอพูดถึงลุงสามของเธอ ก็ดูเป็นคนค้าขาย
เป็ นเหมือนกันนะ”

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ใช่ เต้าหู ้ที่เอาไปขายก็ดีมากเลย มีไม่พอต่อ


ความต้องการด้วย เมื่อไม่กี่วนั ก่อนได้ยนิ ว่า มีคนจากอาเภอมา
ซื้อเต้าหูโ้ ดยเฉพาะเลย แต่จะว่าไป พี่สามก็ทาเต้าหูอ้ ร่ อยจริ ง ๆ
นัน่ แหละ”
“ใช่ ถ้าไม่อร่ อยก็คงขายไม่ดีขนาดนั้นหรอก สิ้ นปี นี้เธอจะคืน
หนี้ จากการสร้ างบ้านได้หมดหรื อเปล่ า ?” เฮ่ อซงจื อไม่ ไ ด้มี
ความหมายอื่น นี่เป็ นความเป็ นห่วงเป็ นใยที่บริ สุทธิ์

“เหวิ น เทาบอกว่ า น่ า จะคื น หมดเลยนะ” เย่ฉู ฉู่ ไ ม่ ไ ด้ปิ ดบัง


หล่อน

เฮ่อซงจือทราบดีว่าต้องทาเงินได้แน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้
เงินมากขนาดนี้ จึงถอนหายใจอีกครั้ง “ถ้าสร้างบ้านขึ้นมาได้
พวกเราก็คงได้ยา้ ยออกมาเร็ว ๆ”

เย่ฉูฉู่หนั ไปมองหล่อน “ทาไมเหรอ ทะเลาะกันอีกแล้ว?”

“เปล่าหรอก ฉันอยากเป็ นอิสระเร็ ว ๆ” เฮ่อซงจือกล่าว “เธอไม่


รู ้หรอก ตอนที่ฉายภาพยนตร์ กบั แสดงละครครั้งนี้ ป้ าเจ็ดกับ
ป้ าแปดผลัดเวรกันมาดู แถมยังพาลูกมาดู ดว้ ย ตอนค่าก็ยงั อยู่
ค้า งที่ บ้า นอี ก เตี ย งไม่ กี่ เ ตี ย งต้อ งนอนเบี ย ดกัน จนฉั น ตื่ น
กลางดึก ไม่สะดวกเอาเสี ยเลย”
“ตกลง ถ้าเธอต้องการใช้เงินเร่ งด่วนก็บอกมาเลยนะ” เย่ฉูฉู่พูด
อย่างใจถึง

ไม่ ว่าเฮ่ อซงจื อหรื อจ้า วเหวินจื้ อ ต่ างก็เป็ นคนที่ สามารถให้


หยิบยืมเงินได้ท้ งั คู่

เฮ่อซงจือดีใจมาก จากนั้นก็พูดถึงเรื่ องตระกูลฉวี่อีกครั้ง “เธอ


ว่าฉันควรทายังไงดี?”

คนในชนบทต่างก็เป็ นแบบนี้กนั ทั้งนั้น พูดอ้อมค้อมก่อนแล้ว


ค่อยวนกลับมาเข้าประเด็น ถ้าอ้อมไกลเกินไปก็กลับมาไม่ได้
แล้ว แต่กลับมาไม่ได้ก็ไม่เป็ นไรหรอก ถึงอย่างไรก็เป็ นการ
พูดคุยสัพเพเหระ คุยถึงตรงไหนก็ถึงตรงนั้น

“ถ้าเธอไม่สะดวกใจก็ถามแม่สามีดูสิ ให้แม่สามีเธอออกหน้า
แทนก็ได้” เย่ฉูฉูกล่าว
“เธอถามแม่สามีเธอหน่อยสิ ฉันจาได้วา่ แม่สามีของเธอก็ถือว่า
เป็ นพี่นอ้ งกับยายฉวีเ่ ลยนะ” เฮ่อซงจือกล่าว

ยายฉวี่ก็คือแม่ของเจ้ารองฉวี่ ทุกคนต่างก็เรี ยกนางว่ายายฉวี่


เพราะแต่งงานมาอยู่ที่นี่พร้อมกับคุณแม่จา้ ว ทั้งสองคนเป็นพี่
น้อ งร่ ว มสาบานระหว่ า งกัน จากนั้น ก็ มี อี ก คนแต่ ง เข้า มา
กลายเป็ นพี่นอ้ งร่ วมสาบานสามคนภายในหมู่บา้ น

เย่ฉูฉู่เห็นว่าเฮ่อซงจือลาบากใจ จึงคิดว่าเฮ่อซงจือคงทะเลาะกับ
แม่สามีเข้าแล้ว จึงพยักหน้าตอบตกลง

ช่วงค่าเมื่อจ้าวเหวินเทากลับมา เย่ฉูฉู่กพ็ ูดเรื่ องนี้ให้เขาฟั ง จ้าว


เหวินเทามีความสุ ข “ที่แท้การฉายภาพยนตร์และแสดงละครก็
มีผลลัพธ์แบบนี้ดว้ ย งั้นหลังจากนี้คนของหมู่บา้ นเราก็ไม่ตอ้ ง
กังวลเรื่ องออกไปหาภรรยาแล้วสิ ขาดแคลนภรรยาก็แค่ฉาย
ภาพยนตร์สักสองสามวันก็แก้ปัญหาได้แล้ว”
เย่ฉูฉู่เองก็หัวเราะ “อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ แต่วิธีน้ ี ก็ใช้ได้ผล
อยูน่ ะ!”

จ้าวเหวินเทาครุ่ นคิด “ผมว่าเจ้ารองฉวีค่ นนั้นก็ง้ นั ๆ แหละ”

“หืม?” เย่ฉูฉู่คิดไม่ถึงว่าจ้าวเหวินเทาจะพูดแบบนี้

“ขี้งกจะตายไป!” จ้าวเหวินเทากล่าว “ก่อนหน้านี้ผมเคยไปเก็บ


ฟื นกับเขาสักสองสามเที่ยว แล้วก็เคยไปต้อนแพะที่ทีมผลผลิต
กับเขาอยูส่ องสามครั้ง เวลากินอะไรก็ข้ ีเหนียวมาก เหมือนกับ
ใครนะ ใช่แล้ว เหมือนกับพี่สามของผมไง! จะกินจะใส่ อะไรก็
เสี ยดายไปหมด พี่สามของผมยังดี ที่ทาเต้าหู ้เป็ น หมอนั่นทา
อะไรเป็ นบ้างล่ะ มีแต่พละกาลังนัน่ แหละ ปลูกพืชผักจะได้สัก
เท่ า ไรกัน เชี ย ว? ต่ อ ให้ไ ม่ กิ น ไม่ ดื่ ม อะไรมากกว่ า นี้ คุ ณ ว่ า
แต่งงานกับคนแบบนั้นจะไม่ทรมานตายเลยเหรอ?”
เย่ฉูฉู่กลับไม่คิดแบบนี้ “เรื่ องนี้ จะเทียบกับคุณไม่ได้หรอกนะ
คะ คนจานวนมากในหมู่ บา้ นต่ า งก็ใช้ชีวิต กันแบบนี้ ทั้ง นั้น
แหละ การที่เขาจะประหยัด ก็ไปโทษเขาไม่ได้หรอก”

จ้าวเหวินเทาอุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางแล้วยกลอยตัวขึ้นสู ง เขากล่าว


ด้วยรอยยิ้ม “ชี วิตของคนเรา ไม่ กินไม่ ดื่มแล้วจะเก็บเงินไป
ท าไม จริ ง ไหมเจ้า ลู ก ชาย? มี ป ระโยคหนึ่ งที่ พู ด ไว้ดี เ ลย
‘สาหรับประชาชนแล้วเรื่ องกินเป็นสิ่ งสาคัญเทียมฟ้ า’ เรื่ องที่
สาคัญที่สุดในชีวติ นี้ของมนุษย์กค็ ือการกิน! ”

เย่ฉูฉู่คลี่ยมิ้ และตาหนิเขาด้วยสายตา “คุณนี่มนั นักกินตัวยงเลย


นะคะ”

“นักกิ นแล้วจะทาไม นักกินนี่ แหละมี ความสุ ขที่สุด! ภรรยา


คืนนี้พวกเรากินอะไรกันดี?” จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึๆ

เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยรอยยิม้ “กินคุณไง!”
“ภรรยา คุณเรี ยนรู ้เรื่ องไม่ดีแล้วนะ” จ้าวเหวินเทาชะงักไปครู่
หนึ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะในทันที

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขาและเดินไปทาอาหาร
ตอนที่ 222 แม่ สื่อ

คล้ายกับเรื่ องการเป็นแม่สื่อ สะใภ้วยั สาวโดยปกติจะเป็ นคน


หน้าบาง จึงรู ้สึกไม่ดีที่จะออกหน้า มีแค่ผหู ้ ญิงวัยกลางคนและ
ผูส้ ู งวัยเท่านั้นที่เต็มใจจะลงมือทาให้ เหตุผลหลักก็คือถ้าสาเร็ จ
ก็ยงั ดีหน่อย แต่ถา้ ไม่สาเร็จขึ้นมาคงเสี ยหน้าแย่

ไม่ว่าจะเป็ นเฮ่ อซงจือหรื อเย่ฉูฉู่ต่างก็กงั วลเช่ นนี้ กนั ทั้งคู่ แต่


จ้าวเหวินเทากลับคิดว่าไม่มีความจาเป็ นอะไรเลย

“เต็มใจก็คือเต็มใจ ไม่เต็มใจก็คือไม่เต็มใจ ไม่ใช่คู่ของคุณสัก


หน่อย คุณจะกังวลเรื่ องนี้ไปทาไม ประโยคนั้นพูดว่าอะไรแล้ว
นะ ‘ขอแค่ ไม่ อาย ความอายนั้นก็จะกลายเป็ นของคนอื่น’!”
จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่ใส่ ใจ
“ตอนนี้ฉนั ค้นพบแล้ว ตั้งแต่คุณรู ้จกั กับคนในคณะละคร หนัง
หน้าของคุณก็ยงิ่ ไม่แน่ชดั มากขึ้นเรื่ อย ๆ แล้วสิ คะว่าทามาจาก
อะไร” เย่ฉูฉู่รู้สึกว่าเขาแอบตัวลอย จึงอดไม่ได้ที่จะเคาะเรี ยก
สติสักหน่อย

จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่ า “ภรรยา ผมจะคิดเสี ยว่าเป็ นคาชมของ


คุณนะ!”

ชมอะไรกัน เธอไม่ได้ชมสักหน่อย!

วันรุ่ งขึ้นเย่ฉูฉู่จึงอุม้ ลูกเดินมาหาคุณแม่จา้ ว

คุ ณ แม่ จ ้า วได้ยินก็พู ดเคล้ารอยยิ้ม “เจ้า รองฉวี่ค นนี้ มีแต่ คน


ชอบสิ นะ มีคนมาชอบอีกคนหนึ่ งแล้ว! มา หลานชาย ให้ย่าดู
หน่อยสิ ลูก!”

เย่ฉูฉู่ สังเกตว่าแม่สามีพูดว่า ‘อีกแล้ว’ จึงยื่นเสี่ ยวไป๋ หยางให้


แม่สามี “แม่คะ ทาไมถึงพูดว่าอีกแล้วล่ะคะ? ไม่ได้เหรอคะ?”
คุ ณแม่จา้ วกล่าว “เปล่าหรอก เมื่อวานแม่ของพี่สะใภ้สี่ลูกมา
หา บอกว่าหลานสาวของหล่อนชอบเจ้ารองฉวี่ แถมยังบอกว่า
ได้ยนิ เรื่ องที่หมู่บา้ นเราขายกระต่ายจนร่ ารวยด้วย”

เย่ฉูฉู่ยิม้ “จริ ง ๆ เลย คนที่เฮ่ อซงจือแนะนาก็ได้ยินเรื่ องนี้ มา


เหมือนกัน”

คุณแม่จา้ วครุ่ นคิด “เอาแบบนี้สิ พี่สะใภ้สี่กบั แม่ของหล่อนไป


ถามแล้ว มีเรื่ องอะไรก็ตอ้ งเรี ยงลาดับใครมาก่อนมาหลัง รอให้
พวกเขาทางฝั่ งนั้นได้ผลลัพธ์ออกมาก่อนค่ อยว่ากัน ถ้าชอบ
พอกัน ลู ก ก็ไ ม่ ต ้อ งพู ด แล้ว แต่ ถ ้า พวกเขาไม่ ได้ชอบพอกัน
เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับป้าใหญ่ของลูกให้”

ยายเฒ่าฉวีแ่ ละคุณแม่จา้ วเป็ นพี่นอ้ งร่ วมสาบาน คุณแม่จา้ วเป็ น


น้อง ดังนั้นเย่ฉูฉู่จึงเรี ยกว่าป้ าใหญ่ คุณแม่เย่จึงพูดว่า “ป้ าใหญ่
ของลูก”
เย่ฉู ฉู่ รู้ สึ ก ว่า แม่ ส ามี ท าแบบนี้ เป็ นวิธี ที่ดี ที่สุ ด “งั้น เดี๋ ยวฉัน
กลับไปบอกเฮ่อซงจือก่อนนะคะ”

คุณแม่จา้ วหยอกล้อเสี่ ยวไป๋ หยาง “เด็กคนนี้ มีอนาคตขึ้นเรื่ อย


ๆ เลยนะ หน้าตาก็ดูเหมือนกับพ่อของเขาตอนเด็ก ๆ เลย”

เย่ฉูฉู่มองลู กชายด้ว ยรอยยิ้ม อันที่ จริ งเสี่ ยวไป๋ หยางหน้า ตา


เหมือนเธอมากกว่า แต่ในเมื่อแม่สามีอยากให้หลานชายหน้า
เหมือนลูกชาย เรื่ องเล็กน้อยแบบนี้กป็ ล่อยให้เป็ นไปตามที่คน
สู งวัยต้องการเถอะ

“แม่ของลูกอยู่ที่เมืองหลวงสบายดีนะ?” คุณแม่จา้ วถามถึงแม่


ยายของลูกชาย

“สบายดีค่ะ พี่สะใภ้สามของฉันจ้างแม่บา้ นมาด้วย แม่อยูท่ ี่นนั่


ก็เลยไม่ได้เหนื่อยอะไร” เย่ฉูฉู่กล่าว
“งั้นก็ดีเลย สองคนช่ วยกันดู แลลู กสบายขึ้ นเยอะ แล้วแม่ จะ
กลับมาข้ามปี หรื อเปล่า?”

“ยังไม่รู้เลยค่ะ”

“ลองคานวณเวลาดูแล้ว พี่สะใภ้สามของลูกน่ าจะออกจากอยู่


ไฟแล้วนะ?”

“ออกก่อนสองวันค่ะ”

เย่ฉูฉู่ คุยเล่ นกับแม่ สามี ค รู่ หนึ่ ง จากนั้นจึ งอุ ม้ ลู กกลับมา ใน


บ้านมีกระต่ายอยู่ จึงไม่สามารถออกจากบ้านนานเกินไปได้

จนกระทั่ง เย่ฉู ฉู่ ก ลับ ไปแล้ว คุ ณ แม่ จ ้า วก็นึ ก เสี ย ดาย มี ลู ก


เหมื อนกันแท้ ๆ แต่ ลูกสะใภ้สองคนทาไมถึ งได้ต่างกันมาก
ขนาดนั้น ตอนที่ สะใภ้จา้ วสี่ คลอดลู กคนแรกไม่ได้มีเนื้ อตัว
สะอาดสะอ้านแบบนี้เลย พอมาดูลูกสะใภ้คนเล็ก ไม่วา่ จะก่อน
คลอดหรื อหลังคลอดก็ไม่ได้แตกต่างกันเลย ลูกก็ดูเรี ยบร้อย
มาก!

คนเราไม่สามารถนามาเทียบได้จริ ง ๆ คุณแม่จา้ วส่ ายหน้า

พี่สะใภ้สี่จา้ วไม่รู้ว่าแม่สามี กาลังนาหล่อนไปเที ยบกับเย่ฉูฉู่


ตอนนี้หล่อนกับแม่กาลังคุยเพื่อเป็ นแม่สื่อให้ตระกูลฉวี่

“…ฝ่ ายหญิงอายุสิบเจ็ด รู ปร่ างดีนะคะ ทางานยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึง


เลย ในบ้านมีพี่ชายหนึ่งคน เด็กสองคนนี้อายุห่างกันแค่ปีเดียว
พี่ไม่ตอ้ งห่ วง ครอบครัวหลานสาวคนนั้นของฉันใช้ชีวิตกัน
อย่างซื่ อตรง ลูก ๆ ก็ไม่ได้ดอ้ ยไปกว่ากันเลย!” แม่ของพี่สะใภ้
สี่ จา้ วแนะนาฝ่ ายหญิง “ถ้ายินดีก็จะได้เรี ยกให้เด็ก ๆ สองคน
มาเจอกัน คิดว่ายังไงคะ?”

พี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ป้ าใหญ่ ป้ ากับแม่สามีเป็ นพี่


น้องกัน ถ้าได้เป็ นครอบครัวเดียวกันก็จะยิง่ สนิทกันมากขึ้นนะ
คะ!”
ยายเฒ่ า ฉวี่ นั่ ง อยู่ ที่ ข อบเตี ย งกล่ า วด้ ว ยรอยยิ้ ม “นั่ น สิ น ะ
ครอบครัวของเราก็จะได้สนิ ทมากขึ้นด้วย ฉันไม่มีความเห็น
อะไรหรอก ลูกคนนี้กโ็ ตแล้ว ก็ถึงอายุที่ควรจะคุยเรื่ องแต่งงาน
สักที”

พี่สะใภ้สี่จา้ วรี บพูด “ป้าใหญ่ งั้นเอาแบบนี้ไหมคะ เราเลือกวัน


ให้พวกเขามาเจอหน้ากันดีไหม?”

“มองห่าง ๆ ดีกว่า” ยายเฒ่าฉวีก่ ล่าว

การนัด บอดเพื่ อ ได้เ จอหน้า กัน ในภายภาคหน้า ของชนบท


แรกเริ่ มนั้ นต่ า งก็ ใ ช้ วิ ธี ม องห่ า ง ๆ ก็ คื อ การเจอกั น ในที่
สาธารณะแห่ งหนึ่ ง โดยปกติก็จะเป็นที่ตลาด ทั้งสองคนมอง
กันจากไกล ๆ ถ้าชอบพอกันก็ค่อยนัดเจอหน้าแบบซึ่ ง ๆ หน้า
เพื่อพูดคุยกัน

มีบางคนที่มาเจอกันแบบซึ่ ง ๆ หน้าเลย แต่กต็ อ้ งดูว่าฝ่ ายหญิง


เป็นพวกคิดเล็กคิดน้อยหรื อไม่ หากฝ่ ายชายไม่ชอบ ฝ่ ายหญิง
คงรู ้สึกเสี ยหน้า ลูกสาวของตัวเองก็เสี ยเปรี ยบเพราะโดนหัก
หน้า ด้ว ย มี ฝ่ ายหญิ ง บางคนถึ ง ขั้น โวยวายบอกให้ฝ่ ายชาย
จ่ายเงินเพื่อชดเชยความเสี ยหายด้วย

ในป่ ามีนกทุกประเภท คาพูดนี้ ไม่ผิดเลย ดังนั้นยายเฒ่าฉวี่จึง


พูดแบบนี้ นางก็ยงั ไม่รู้จกั ครอบครัวทางฝ่ ายหญิง แต่แม่ของ
พี่สะใภ้สี่จา้ วเป็นคนอย่างไรคุณแม่จา้ วก็เคยเล่าให้ฟังไม่นอ้ ย
นางมักจะมารื้ อเอาของของลูกสาวกลับไป คนที่มาแนะนาให้
เป็ นแบบนี้กต็ อ้ งระวังสักหน่อย

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วแอบบุย้ ปากในใจ หล่อนเป็ นฝ่ ายชายยังจะ


มามองจากไกล ๆ อีก เป็ นเพราะอีกฝ่ ายเป็ นป้ าใหญ่จึงเกรงใจ
ที่จะพูด และไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงแค่ตอบรับเท่านั้น

จากนั้นก็คุยถึงเรื่ องอื่นต่อ โดยไม่ตอ้ งสงสัย เรื่ องแรกที่คุยก็คือ


กระต่ายของข้าวซานถุนนี่แหละ
ยายเฒ่าฉวี่คุยวนไปวนมากับสองแม่ลูกคู่น้ ี จนกระทัง่ เจ้ารอง
กลับมาจากการขนฟื นจึงถอนหายใจ นางรู ้ดีว่าแม่ของพี่สะใภ้
สี่ จา้ วนั่งอยู่ที่ นี่ต้ งั นานและถามไปตั้ง เยอะ ก็เพราะอยากจะ
พูดคุยกับลูกชายของนางเพื่อรู ้จกั เขาให้มากขึ้น

เจ้ารองฉวีถ่ ือว่าเป็ นคนค่อนข้างแข็งแรง คิ้วหนาตาโต ทางานก็


มีความทะเยอทะยาน คนในหมู่บา้ นแค่ดูก็รู้แล้วว่าทางานเป็น
หรื อไม่ ทางานหนักได้หรื อเปล่า ส่ วนอื่นเป็ นเรื่ องรอง สิ่ งนี้ทา
ให้ แ ม่ ข องพี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วพึ ง พอใจมาก เด็ ก คนนี้ ต้อ งเลี้ ยง
ครอบครัวได้แน่นอน!

หลังจากขนฟื นเสร็ จ เจ้ารองฉวี่ก็เ ข้า บ้านมาดื่ มน้ า เมื่ อเห็ น


พี่สะใภ้สี่จา้ วและแม่ของเธอ ยายเฒ่าฉวี่จึงแนะนา ทาเอาเจ้า
รองฉวี่ถึงกับหน้าแดงระเรื่ อ หลังจากกล่าวทักทาย ดื่มน้ าเสร็ จ
ก็เดินออกจากบ้านไป
“ลู ก ชายคนนี้ นี่ ยากที่ จ ะคาดเดาเสี ย จริ ง !” ยายเฒ่ า ฉวี่ ถ อน
หายใจ

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว “โอ๊ย แค่ทางานเป็ นก็พอแล้ว ต่อให้


ปากดีกว่านี้จะใช้ชีวิตที่ดีได้เหรอ? เอาล่ะ งั้นพวกเรากลับก่อน
นะ อีกสองวัน พวกเราค่อยไปตามที่นดั ไว้ ให้พวกเด็ก ๆ ได้
เจอหน้ากัน”

“อยูก่ ินข้าวที่นี่แล้วค่อยกลับสิ ” ยายเฒ่าฉวีร่ ้ ังไว้ตามมารยาท

“ไม่ตอ้ งหรอกค่ะ ที่บา้ นยังมีลูก ๆ รอกินข้าวอยู”่ พี่สะใภ้สี่จา้ ว


กล่าว

ยายเฒ่าฉวี่เดินไปส่ งแขกทั้งสองคนแล้ว หลี่เฟิ นก็กลับมาพอดี


เมื่อเห็นทั้งสองจึงหยุดคุยกับพี่สะใภ้สี่จา้ วอยูค่ รู่ หนึ่ ง จึงทราบ
ว่ามาที่นี่เพื่อมาจับคู่ให้น้องเขยของหล่อน หลังจากเข้ามาใน
บ้านก็คุยกับยายเฒ่าฉวี่ “คนที่มาดูละครคนนั้น ก็เคยเห็นหน้า
กันแล้วไม่ ใช่ เหรอคะ ยังต้องมาดู หน้ากันแบบห่ าง ๆ ทาไม
อีก?”

ยายเฒ่าฉวี่ชะงัก “เคยเห็นหน้ากันตอนที่มาดู ละครแล้วเหรอ


ยังหรอกมั้ง แม่ว่าไม่เหมือนคนที่เคยเจอกันเลยนะ เกิดอะไร
ขึ้น?”

หลี่เฟิ นแอบสงสัย “ก็ตอนที่มาดูละคร ฉันเห็นน้องรองเดินคุย


อยูก่ บั ผูห้ ญิงคนหนึ่ง เลยคิดว่าเป็ นผูห้ ญิงคนนั้น นี่อีกคนหรอก
เหรอคะ?”

ยายเฒ่าฉวี่ไม่ทราบว่าลูกชายคุ ยกับผูห้ ญิงคนไหน นางจึงตบ


หน้าขาพลางบ่น “เจ้ารองทาไมเป็นแบบนี้ไปได้ คุยกับผูห้ ญิง
คนนั้นแล้วทาไมไม่บอกที่บา้ นสักคา นี่แม่กต็ อบตกลงไปแล้ว
ด้วย! เธอว่าเรื่ องนี้มนั เป็ นการฉีกหน้ากันไหมล่ะ!”
หลี่เฟิ นรี บกล่าว “แม่ ฉันอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ค่ะ น้องรองแค่
คุย ๆ กับผูห้ ญิงคนนั้น แต่ถา้ คิดอะไรเกินเลยมากกว่านั้น ทาไม
น้องรองจะไม่บอกแม่ล่ะคะ”

ยายเฒ่าฉวี่กลับยังคงบ่นลูกชาย “จะสาวใหญ่หรื อเด็กสาว ถ้า


ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยจะคุยกันทาไม? แม่ของสะใภ้จา้ วสี่ เป็ น
คนแบบไหนเธอยังไม่รู้อีกเหรอ คนที่เธอแนะนาให้แม่ไม่เชื่ อ
หรอก ถึงได้บอกให้ไปดูหน้ากันแบบไกล ๆ ไง แม่กลัวว่าถ้า
ไม่สาเร็ จ แล้วมาหลอกลวงพวกเราจะทายังไง ถ้ารู ้แบบนี้ แต่
แรกว่าเขามีคนที่ชอบอยูแ่ ล้วแม่คงไม่ตอบตกลงหรอก!”
ตอนที่ 223 เจ้ ารองฉวี่

“แล้วทาไมแม่ถึงตอบตกลงไปล่ะคะ?” หลี่เฟิ นหมดคาพูด

ยายเฒ่าฉวี่พูดอย่างสมเหตุสมผล “ไล่ตอ้ นพวกเราขนาดนั้นจะ


มีเหตุผลบ่ายเบี่ยงได้ยงั ไง!”

หลี่เฟิ นคิด ๆ ดู แล้วก็มีเหตุผลอยู่เหมื อนกัน “รอให้น้องรอง


กลับมาลองถามดูเดี๋ยวก็รู้แล้วค่ะ ถ้าเขามีคนที่ชอบแล้วจริ ง ๆ
ก็ตอบกลับไปตามนี้ ถ้าไม่มีลองไปดูสักหน่ อยก็ได้ พวกเราก็
ไม่ได้เสี ยหายอะไรอยูแ่ ล้ว”

ยายเฒ่ า ฉวี่ โ กรธมากที่ ลู ก ชายไม่ ย อมกลั บ มาบอกนาง


จนกระทัง่ เจ้ารองฉวี่กลับมาตอนค่า นางจึงรี บสอบถาม ซึ่ งเจ้า
รองฉวี่ไม่ยอมรับอยู่แล้ว เขาบอกว่าหลี่เฟิ นตาฝาดไปเอง เขา
ไม่ได้คุยกับผูห้ ญิงคนไหนเลย
หลี่ เฟิ นเห็ นชัดเต็มสองลู กตา แต่ ในเมื่ อน้องสามี ไม่ ยอมรั บ
หล่อนก็พูดอะไรไม่ได้

ในเมื่อเป็ นเช่ นนี้ ก็รอไปเจอหญิงสาวทางฝั่ งบ้านแม่สะใภ้สี่


จ้าวก็แล้วกัน

อากาศหนาวขึ้นเรื่ อย ๆ แล้ว ผักใบเขียวของจ้าวเหวินเทาก็มี


ลู ก ค้า แน่ น ขึ้ นแล้ว ดู เ หมื อ นว่ า เขาจะยุ่ ง ตั้ง แต่ เ ช้ า ยัน ค่ า
โดยเฉพาะตอนที่อยู่ตรงหน้าตลาด เพียงไม่กี่นาทีผกั ก็ถูกแย่ง
จนหมดเกลี้ยง มีบางคนถึงขั้นจองของเพื่อส่ งไปที่ตลาดถัดไป

นอกจากนี้ ผกั ใบเขียวของจ้าวเหวินเทาในตอนนี้ ก็ไม่ตอ้ งไป


ขายตามตรอกซอยแต่ อ ย่า งใด เพราะเขามี ลูกค้าประจ าแล้ว
ร้านเกี๊ยวของจงย่งยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึง ในปี นี้แผงลอยร้านอาหารที่
อยูข่ า้ ง ๆ ได้ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด และกลายเป็ นลูกค้าของ
จ้าวเหวินเทาด้วย
อย่ามองว่าจ้าวเหวินเทาเป็ นคนค้าขาย แต่เขาก็เป็ นคนใจกว้าง
มาก ต้นหอมหนึ่ งต้นกระเที ยมสองหัวที่ เหลื ออยู่เขาก็ไม่ได้
คิดเงิน ประกอบกับเป็ นคนพูดคุ ยเก่ง อบอุ่นราวแสงอาทิ ตย์
เมื่อพูดคุยแล้วก็ทาให้คนสบายใจ

ที่สาคัญก็คือผักทั้งหมดล้วนสดใหม่ ดังนั้นคนจึงเต็มใจที่จะ
ซื้อผักของจ้าวเหวินเทา

นอกจากลูกค้ารายใหญ่เหล่านี้ ก็ยงั มีลูกค้ารายย่อยขาจรส่ วน


หนึ่ งด้วย สิ่ งที่ทาให้จา้ วเหวินเทาคิดไม่ถึงก็คือ ลูกค้ารายย่อย
เหล่านี้ต่างพัฒนาตัวเองออกมาจากหมู่บา้ นของเขา หนึ่งในนั้น
ก็คือพี่สามจ้าว

หลังจากเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเสร็ จอากาศก็หนาวแล้ว พี่สาม


จ้า วเริ่ ม ท าเต้า หู ้ข าย ก่ อ นหน้า นี้ เขาวิ่ ง ไปขายแค่ ใ นอ าเภอ
เท่ า นั้ น เพราะคิ ด ว่ า คนในอ าเภอมี เ งิ น มี ปั ญ ญาซื้ อ เต้า หู ้
หลังจากผ่านหนึ่ งปี ที่แบ่งที่ดินทางานกันเอง พี่สามจ้าวก็คน้
พบว่าคนที่อยู่ในหมู่บา้ นและเมืองอื่นก็มีกาลังซื้ อเช่ นกัน อีก
อย่างสถานที่ท้ งั สองแห่ งนี้ ก็อยู่ใกล้กบั อาเภอทั้งคู่ เขาจึ งเริ่ ม
ขยายตลาดเข้าไปในสถานที่ท้ งั สองแห่งนี้

ขอแค่ของมีคุณภาพที่ดี ผูค้ นก็ชอบ ยิ่งไปกว่านั้นปี นี้ ก็มีของ


ขายน้อยมาก ดังนั้นเต้าหู ้ของพี่สามจ้าวจึ งครองตลาดได้ใน
เวลาอันรวดเร็ว

หลังจากผ่านประสบการณ์การขายของมาหนึ่ งปี พี่สามจ้าวก็


คุน้ เคยกับมัน ไม่เพียงแค่ขายเต้าหู เ้ ท่านั้น เขายังทาน้ าเต้าหู ้ขาย
หนึ่งหม้อใหญ่ และเต้าฮวยด้วย!

เต้า ฮวยของเขาไม่ เ หมื อ นกับ ที่ อื่ น เพราะของเขามี ผ ัก ชี


หอมแดง กระเทียมสับ พริ ก หรื อแม้แต่ผกั ใบเขียวสับด้วย เขา
นาสิ่ งที่คนชอบมาเป็ นเครื่ องเคียง สิ่ งนี้ยงิ่ ทาให้เขาได้รับคาชม
อย่างเป็ นเอกฉันท์ จนกระทัง่ ของมีไม่พอต่อความต้องการ
ผักใบเขียวนี้เขาก็ซ้ือมาจากจ้าวเหวินเทา แน่นอนว่าซื้อไม่เยอะ
แต่ผลกระทบกลับเยอะมาก พวกคนหนุ่มสมองใสในหมู่บา้ น
เห็นแบบนี้จึงไตร่ ตรองหาโอกาสทางการค้า ในเมื่อทาเต้าหูไ้ ด้
ไม่อร่ อยเท่ากับพี่สามจ้าว จึงต้องไปขายผักใบเขียวที่ตลาด

ดังนั้นพวกเขาจึงมาซื้ อผักใบเขียวจากจ้าวเหวินเทา มีแบบซื้ อ


1-2 ชัง่ ไม่ก็ 3-4 ชัง่ ไม่กล้าซื้ อเยอะเพราะกลัวขายไม่ออก แต่
พวกคนหนุ่มต่างก็หาช่องทางกันได้ แถมโชคก็ดีดว้ ย จึงมาซื้ อ
แบบสิ บกว่าชั่ง ถึงอย่างไรเพื่อผักจานวนเล็กน้อยนี้ แล้ว การ
เดินทางไปถึงหมู่บา้ นไท่ผงิ ก็ไม่คุม้ ค่าอยูด่ ี

เมื่อจ้าวเหวินเทาเห็นแบบนี้ ไม่เพียงแค่ไม่เพิ่มราคา แต่ยงั ขาย


ให้พวกเขาในราคาขายส่ งด้วย

การทามาค้าขายก็คื อ การปล่ อ ยน้ า ให้ค่ อ ย ๆ ไหลออกมา ที่


สาคัญก็คือการเก็บลูกค้าไว้ นี่คือประสบการณ์ทางธุ รกิจที่จา้ ว
เหวินเทาเป็ นคนสรุ ป ด้วยนิ สัยของเขาที่เป็ นคนเข้าสังคมเก่ง
วิธีเช่ นนี้ ทาให้ธุรกิจผักใบเขียวของเขาไม่เพียงแค่ไม่สูญเสี ย
แต่ยงั ได้เงินอีกไม่นอ้ ย ทั้งยังชนะจนได้รับการบอกต่อปากต่อ
ปาก กลายเป็ นผูน้ าของคนหนุ่มสาวในหมู่บา้ นโดยปริ ยาย

ถึ งอย่างไร คนหนุ่ มสาวภายในหมู่ บา้ นต่ างก็ชอบวิ่งมาคุ ยที่


บ้านจ้าวเหวินเทา พูดคุยเรื่ องที่อยูข่ า้ งนอก พูดคุยเรื่ องค้าขาย พี่
สามจ้าวเองก็มานัง่ เป็ นครั้งคราวเช่นกัน

อย่ามองว่าเขารู ้สึกไม่ชอบหน้าจ้าวเหวินเทา แต่ก็ตอ้ งยอมรับ


ว่าเมื่อพูดถึงเรื่ องค้าขายแล้ว เขาก็ยงั สู ้จา้ วเหวินเทาไม่ได้อยูด่ ี

ค่าของวันนี้ ในบ้านของจ้าวเหวินเทาล้วนเปิ ดไฟสว่างจ้า ผัก


ครึ่ งหนึ่ งที่เขาขนกลับมาถู กคนในหมู่ บา้ นซื้ อไปแล้ว พี่สาม
จ้าวก็ซ้ือต้นหอมไปด้วย เขาไม่ได้รีบกลับในทันที แต่นงั่ อยูบ่ น
เตียง ดื่มชาที่เย่ฉูฉู่นามาให้ ระหว่างนั้นก็ฟังจ้าวเหวินเทา ชุยต้า
เมิ่งต้า เจ้ารองฉวีแ่ ละเด็กหนุ่มอีกสองสามคนพูดคุยกัน
เตียงร้อนมากแม้ว่าจะไม่ได้เปิ ดเครื่ องทาความร้อน แต่กไ็ ม่ได้
รู ้สึกหนาวแม้แต่นอ้ ย พี่สามจ้าวนึ กขึ้นได้ว่าตอนที่สร้างบ้าน
หลังนี้ แรก ๆ กาแพงล้วนถูกฉาบซ้ าครั้งแล้วครั้งเล่า มีท้ งั ดิ น
และทรายที่ใช้ไปไม่รู้ต้ งั เท่าไร มันสามารถป้องกันลมได้จริ ง ๆ

ทาเลของที่นี่ไม่สามารถเทียบกับในหมู่บา้ นได้ เพราะแถวตง


เหลียงลมแรงมาก

พี่ ส ามจ้า วครุ่ น คิ ด ไปต่ า ง ๆ นานาชั่ว ขณะหนึ่ ง จากนั้น ก็


กลับ มาสนใจถึ ง เนื้ อ หาที่ จ ้า วเหวิ น เทาและคนอื่ น ๆ ก าลัง
พูดคุยกัน

“…พูดถึงเรื่ องนี้ แล้ว พรุ่ งนี้ นายจะไปดู ตวั ที่ตลาดไม่ใช่ เหรอ


นายจะขายผักทาไมเนี่ย!” จ้าวเหวินเทามองเจ้ารองฉวี่

วัน พรุ่ ง นี้ จะมี ต ลาดในหมู่ บ้า น แม่ ข องพี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วก็ น า
ข้อความจากฝ่ ายหญิงมาบอกแล้ว ว่าตกลงที่จะไปดูตวั กันจาก
ไกล ๆ ที่ตลาดในวันพรุ่ งนี้
เจ้ารองฉวี่รู้สึกไม่ดี แต่ที่นี่ไม่มีพวกอาวุโส จึงกล้าพูดความใน
ใจของตัวเองออกมา

“แม่อยากให้ไปดูตวั ถ้าฉันรู ้ก็คงไม่ตกปากรับคาหรอก!” เจ้า


รองฉวีแ่ กล้งทาเป็ นหัวโบราณ

ชุยต้าพูดด้วยรอยยิม้ “ทาไมไม่ตอบตกลงล่ะ พวกนายก็เคยเจอ


กันมาก่อนแล้ว แล้วเคยคุยกันหรื อเปล่าล่ะ?”

จ้าวเหวินเทายิม้ “ก็ตอ้ งคุยกันแล้วสิ ไปดูละครดูหนังตั้งหลาย


วันแล้วนะ ทาไมจะไม่คุยกัน!”

เจ้ารองฉวี่กล่าว “พี่หกอย่าพูดจาเหลวไหลสิ ฉันยังไม่เคยเห็น


เลย ฉันไม่รู้ดว้ ยซ้ าว่าหล่อนเป็ นใคร”

จ้าวเหวินเทายิม้ ด้วยรอยยิม้ ชัว่ ร้าย “แล้วนายไปเจอใครมาล่ะ?”


เย่ฉูฉู่กลับมาถึงก็บอกเขาเรื่ องที่คุยกับคุณแม่จา้ ว จ้าวเหวินเทา
ย่อมทราบว่าคนที่เจ้ารองฉวี่จะไปเจอตัวในวันพรุ่ งนี้ไม่ใช่ คน
ที่เฮ่อซงจือพูดถึง นี่แค่เป็ นการจงใจหยอกเขาก็เท่านั้น

“ดูตวั เสร็จก็รู้แล้วว่าเป็ นใคร!” ครั้นชุยต้าได้เงินมาก็รู้สึกมัน่ ใจ


จนกล้าคุยเล่นกับคนในหมู่บา้ นแล้ว

เจ้ารองฉวีม่ องเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะยอกย้อนกลับไป “นายเอง


ก็อายุไม่นอ้ ยแล้ว ควรจะแต่งงานแล้วเหมือนกันนัน่ แหละ ฉาย
หนังครั้งนี้ไม่ชอบใครเลยเหรอ?”

“ไม่มีหรอก สายตาของฉันจับจ้องแต่หนังนัน่ แหละ ใครจะไป


เหมือนนาย นอกจากดู หนังแล้วยังเหล่สาวด้วย!” ชุ ยต้าตอบ
กลับอย่างลื่นไหล

เย่ฉู ฉู่ อุ ้ม ลู ก เดิ น เข้า มาก็ได้ยินพอดี จึ ง อดไม่ ไ ด้ที่จ ะหัวเราะ


ชุ ย ต้า คนนี้ เมื่ อ ปี ก่ อ นยัง เป็ นคนที่ ไ ม่ ก ล้า แม้แ ต่ จ ะผายลม
ออกมาเลยด้วยซ้ า ตอนนี้เขากลายเป็ นคนกะล่อนเสี ยแล้ว เห็น
ได้ชดั ว่าเรี ยนมาจากสามีของเธอ!

“ดูคุณสิ คุณดันสอนเรื่ องไม่ดีให้เด็กดี ๆ พวกนี้ซะแล้ว” เย่ฉูฉู่


พูดพลางยื่นเสี่ ยวไป๋ หยางให้จา้ วเหวินเทา “คุณช่ วยกล่อมลูก
แป๊ บหนึ่งนะ”

จ้า วเหวิน เทารั บลู ก ชายมาก็ย กตัว ลู ก ขึ้ น สู ง เสี่ ย วไป๋ หยางมี
ความสุ ขจนกางแขนทั้งสองข้างออกมาโบก

“ฉันสอนเรื่ องไม่ดีอะไรกัน ก็เห็นอยูว่ ่าฉันสอนแต่เรื่ องดี ๆ ก็


ต้องพูดแบบนี้แหละ อยูข่ า้ งนอกถึงจะได้กินอิ่ม!” จ้าวเหวินเทา
พูดกับชุยต้า

ชุยต้ายืดอกจนตั้งตรง

เจ้ารองฉวีห่ วั เราะ เขาไม่ได้สนใจจ้าวเหวินเทาแล้ว หลังจากคุย


กันครู่ หนึ่งก็ขอตัวกลับไป
เขามาหาจ้าวเหวินเทาเพื่อขอติดรถไปด้วย วันพรุ่ งนี้จา้ วเหวินเทา
จะเอาของเข้าไปขาย จึงผ่านตลาดในหมู่บา้ นพอดี

“เจ้ารองฉวี่คนนี้เอาเปรี ยบคนเก่งจริ ง ๆ มาซื้ อผักจากพี่ไปขาย


ที่ ตลาด แถมยังจะมานั่งรถพี่ อี ก จริ ง ๆ เล้ย!” ชุ ยต้ารู ้ สึ ก ไม่
ยุติธรรมแทนจ้าวเหวินเทา

จ้าวเหวินเทาไม่ได้ใส่ ใจ “มันจะไปหนักหนาแค่ไหนกันเชียว
ก็แค่พาไปด้วย นายอยากไปฉันก็พานายไปได้”

ชุ ยต้าแอบรู ้สึกไม่ดี เพิ่งพูดว่าเจ้ารองฉวี่เอาเปรี ยบไป ถ้าเขา


ตอบตกลง แบบนั้นก็เท่ากับว่าเขาเองก็เป็ นคนเอาเปรี ยบคนอื่น
เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ตอนที่ 224 ปฏิเสธ

เมิ่งต้าที่ไม่ได้พูดอะไรมาตั้งแต่แรกกล่าว “พี่หก พี่พาผมไป


ด้วยสิ ”

เขาเพิ่งจะทาการค้าขาย จึงไม่ค่อยชอบพูดเท่าไรนัก พรุ่ งนี้เขาก็


ต้องไปขายผักที่ตลาดเหมือนกัน

จ้าวเหวินเทาตอบตกลง หลังจากทั้งสองคนนัดเวลากันแล้วก็
กลับไป

เด็กหนุ่มสองสามคนที่เหลืออยูก่ ก็ ลับไปแล้ว จ้าวเหวินเทามอง


พี่สามจ้าวที่นงั่ พิงกาแพงหลับอยู่ ก็แอบหมดคาพูด

เย่ฉูฉู่เดินเข้ามาเห็นก็เรี ยกพี่สาม พี่สามจ้าวจึงสะดุง้ ตื่น

“อ้าว! พวกเขาล่ะ?” เมื่อพี่สามจ้าวขยี้ตาก็พบว่าคนอื่นกลับไป


หมดแล้ว
“ถ้าพี่เหนื่อยก็กลับไปนอนเถอะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สามจ้าวหาว ก่อนจะถอนหายใจ “หลายวันมานี้ฉนั ตื่นตีสาม


กว่าทุกวันเลย ร่ างกายล้าจนไม่ไหวแล้ว!”

เย่ฉูฉู่พูดด้วยความเป็นกังวล “พี่สาม ถ้าพี่ปล่อยให้เหนื่ อยจน


ร่ างกายแย่ข้ ึนมาจะทายังไงคะ? พักสักวันเถอะ”

พี่ ส ามจ้า วลงจากเตี ย งและใส่ ร องเท้า ปากก็ พู ด ไปว่ า “ดู


น้องสะใภ้หกพูดเข้า พักหนึ่งวัน ก็เท่ากับว่าเงินหายไปหนึ่ งวัน
เลยนะ บ้านหลังนี้หนี้ยงั จ่ายไม่หมดเลย!”

จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมได้ยินมาว่ากระต่ายของพี่ก็ขายได้เงิน
เยอะอยูน่ ะ”

“จะไปสู ้นายได้ไงล่ะ!” พี่สามจ้าวสวมรองเท้าเสร็ จแล้ว เขาก็


ยกแก้วชาขึ้นมาดื่มจนหมดเพื่อเรี ยกสติ
เย่ฉูฉู่รีบกล่าว “พี่สาม เดี๋ยวฉันเทน้ าร้อนเพิ่มให้อีกหน่ อยค่อย
ดื่มนะคะ”

“ก็ได้” พี่สามจ้าวนัง่ ลงอีกครั้ง

บ้านหลังนี้ อบอุ่นกว่าบ้านของเขามาก ทั้งยังมีชาให้ดื่ม มีไฟ


ส่ องสว่างทั้งหลัง ไม่อยากกลับไปเลยจริ ง ๆ

ไม่ได้การล่ะ เขาต้องรี บหาเงิน จะได้สร้างบ้านแบบนี้ข้ ึนมาได้


ถึงจะดี!

จ้าวเหวินเทาเห็นพี่สามจ้าวหน้าตอบแถมยังหมองคล้ า เบ้าตา
ทั้งสองข้างก็ลึกโหลดูเหมือนกับคนสู บบุหรี่ จดั ๆ จึงแอบส่ าย
หน้าอยูใ่ นใจ หากเป็ นแบบนี้ต่อไปไม่ว่าจะช้าหรื อเร็ วร่ างกาย
คงแย่แน่ ๆ หาเงินแบบไม่รักชีวติ ขนาดนี้ ไม่รู้วา่ คิดอะไรอยู!่

“แค่ก ๆ!” จ้าวเหวินเทาไอกระแอมเบา ๆ “พี่สาม การหาเงิน


ไม่ใช่ ว่าจะหาด้วยวิธีน้ ี หรอกนะ พี่ทาแบบนี้ ต่อไปมันจะไหว
เหรอ ถ้าป่ วยขึ้นมาจะยิ่งทาให้เสี ยรายได้มากขึ้น ฉันว่าพี่ให้พี่
รองกับพี่สี่ช่วยทาเต้าหู ใ้ ห้สิ ถึงเวลานั้นพี่ก็แค่รับผิดชอบเรื่ อง
สั่งทาเต้าหู พ้ ี่ให้เงินพวกเขา แบบนี้พวกเขาก็มีรายได้ดว้ ย ส่ วน
พี่ก็สบายขึ้นอีกหน่ อย แถมยังทาเต้าหู ้ได้เยอะขึ้นด้วยนะ การ
ทามาค้าขายไม่ควรจะทาทุกอย่างด้วยการพึ่งพาตัวเองแค่คน
เดียว แบบนั้นคงได้เหนื่อยตายเลย?”

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “เหวินเทาพูดถูก พี่สามคะ พี่รองกับพี่สี่


ก็ยงั ว่างอยู่ ฉันว่าพวกเขาก็น่าจะอยากหารายได้มากขึ้นด้วย
เหมือนกัน ถึงเวลานั้นก็ให้พวกเขาทาเต้าหู ้ ส่ วนพี่กแ็ ค่สั่ง แบบ
นั้นก็ไม่เหนื่อยเกินไปแล้ว”

พี่สามจ้าวไม่ได้พูดอะไร

จ้าวเหวินเทาพูดต่อไปว่า “พี่รองกับพี่สี่คา้ ขายไม่เป็น แต่พี่ทา


เป็ น ก็จะได้ช่วยส่ งเสริ มกันพอดี พี่สาม คงไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อใจ
แม้แต่พี่รองกับพี่สี่หรอกนะ?”
“ทาไมฉันจะไม่เชื่อใจล่ะ พี่นอ้ งแท้ ๆ ตัวเองมีอะไรที่จะไม่เชื่อ
ใจ!” พี่สามจ้าวรี บพูด ทว่าภายในใจกลับคิดว่า พี่นอ้ งสามารถ
เชื่อใจกันได้อยูแ่ ล้ว แต่นี่ไม่ใช่เรื่ องระหว่างพี่นอ้ ง อย่าลืมว่ายัง
มีพี่สะใภ้กบั น้องสะใภ้ดว้ ยนะ!

“พวกเธอพูดถูก กลับไปฉันจะลองไปปรึ กษากับพี่สะใภ้สาม


ของนายดู ทาแบบนี้ ต่อไป ฉันว่าไม่ช้าก็เร็ วคงได้เหนื่ อยตาย
ซะก่อน ในบ้านก็ไม่มีใครทาแทนฉันได้ดว้ ย!” พี่สามจ้าวบ่น
ไปหนึ่งประโยค หลังจากดื่มชาจนหมดก็กลับไป

“ฉั น ว่ า พี่ ส ามคงเหนื่ อ ยมากเลยนะคะ” เย่ ฉู ฉู่ ร อจนพี่ ส าม


ออกไปแล้วจึงกล่าว “เป็ นแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่ ๆ”

จ้าวเหวินเทาบุย้ ปาก “เขาทาตัวของเขาเองทั้งนั้น จะไปโทษ


ใครได้?”

เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ เธอหวังว่าพี่สามจ้าวจะคิดได้
พี่ ส ามจ้า วกลับไปแล้ว ก็ย งั คิ ด ไม่ ไ ด้ เขาคิ ด ว่า ตนไม่ อ าจนา
รายได้จากการค้าขายนี้ แบ่งให้กบั พี่ชายและน้องชาย แต่เมื่อ
นอนคิดถึงเรื่ องนี้ มันก็ทาให้เขาตื่นสายในเช้าวันรุ่ งขึ้น

เขาเหนื่ อ ยมากจริ ง ๆ ตื่ น มาก็ใ ส่ ส่ ว นผสมเต้า หู ้ด้ว ยความ


สะลึมสะลือจนทาให้เต้าหู ้เสี ยหายไปหนึ่ งหม้อ สิ่ งนี้ทาให้เขา
ปวดใจมาก วันนี้ ผ่านไปได้ไม่ดีเอาเสี ยเลย มันจึงทาให้เขาคิด
ทบทวนถึงคาพูดของจ้าวเหวินเทาใหม่อีกครั้ง หลังจากคิดอยู่
ครึ่ งค่อนวัน ในที่สุดเขาก็เชื่อคาพูดของจ้าวเหวินเทา จึงไปคุย
กับพี่รองจ้าว

พี่รองจ้าวขนฟื นตลอดทั้งวัน ก็รู้ สึก เหนื่ อ ยเช่ น กัน เขากาลัง


นอนพักอยู่บนเตียง แม้ว่าพี่สามจ้าวจะมาหาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมา
นัง่ เพียงแค่บอกให้พี่สามเข้ามานัง่ คุย
พี่สามจ้าวนัง่ ที่ขอบเตียงพลางกล่าว “พี่รอง พี่ขนฟื นหลายวัน
แล้วใช่ไหม? นี่กน็ ่าจะพอเผาแล้ว ปี นี้ฟางข้าวมีเยอะไม่เลวเลย
นะ”

พี่รองจ้าวพูดอย่างหมดแรง “ยังบอกว่าฟื นเยอะอีกเหรอ? ฤดู


หนาวอากาศหนาวจะตาย เตรี ยมไว้เ ยอะ ๆ หน่ อยจะได้ไ ม่
หนาวจนแข็ง”

“ไม่หนาวจนแข็งมันก็จริ งอยูห่ รอก แต่มนั ไม่ได้เงินนะ” พี่สาม


จ้าวพูดพลางกระชับเสื้ อให้แน่น

ในบ้านของพี่รองจ้าวไม่ได้อบอุ่นเหมือนกับบ้านของจ้าวเหวิน
เทา แม้ว่าจะไม่ได้หนาวเป็ นพิเศษ แต่กย็ งั รู ้สึกเย็นอยูด่ ี ตอนนี้
ยังไม่ได้เผาเตา เตียงก็ยงั ไม่ร้อน แค่รู้สึกอุ่น ๆ ก็เท่านั้น พี่สาม
จ้าวเห็นดังนี้กแ็ อบส่ ายหน้าในใจ ยังจะบอกว่าไม่ให้หนาวจน
แข็งอีก ตอนนี้กไ็ ม่เห็นว่าพี่จะอบอุ่นสักเท่าไรเลย ชีวิตของเจ้า
หกต่างหากล่ะที่เรี ยกว่าชีวติ ที่ดี
คิ ดเช่ นนี้ ก็ยิ่งรู ้ สึกว่าต้องพูดให้พี่รองจ้าวยอมเข้าร่ วมให้ได้
แบบนี้ เขาก็จะได้เงินเยอะขึ้นด้วย และมีชีวิตเหมือนกับจ้าวเห
วินเทา

ปี นี้ไม่วา่ พี่สามจ้าวจะพูดอะไรก็เป็ นเรื่ องเงิน ๆ ทอง ๆ ไปหมด


พี่รองจ้าวได้ยนิ จนเบื่อแล้ว ใช่ เงินสาคัญมาก แต่ชีวติ ก็ไม่ได้มี
แค่เงินไม่ใช่ เหรอ? ถึงเจ้าหกจะได้เงินมาเยอะขนาดนั้น แต่ก็
ไม่เห็นพูดถึงเงินทองตลอดเวลาเลย!

“นายมี ธุ ร ะเหรอ?” พี่ ร องจ้า วไม่ อ ยากคุ ย กับ พี่ ส ามจ้า วให้
มากมาย

พี่สามจ้าวกล่าว “มีนิดหน่อยครับ”

“เรื่ องอะไรล่ะ?” พี่รองจ้าวถาม

พี่สามจ้าวจึงพูดเรื่ องที่จะร่ วมมือกันทาเต้าหูไ้ ปหนึ่งรอบ พี่รอง


จ้าวชะงักและลุกขึ้นมานัง่
“นายว่าอะไรนะ นายจะให้ฉนั ช่วยทาเต้าหู?้ ” พี่รองจ้าวน้ าเสี ยง
ไม่ค่อยสู ้ดีเท่าไรนัก

พี่สามจ้าวรี บพูด “พี่รอง ผมไม่ได้ให้พี่ทาฟรี ๆ สักหน่ อย ผม


จะให้เงินพี่ดว้ ย พี่กแ็ ค่ช่วยบดถัว่ แล้วเอาไปต้มเป็ นน้ าเต้าหู ้ให้
ผม ที่เหลือผมทาเอง พวกอัดเต้าหู ้ใส่ พิมพ์อะไรพวกนั้นพี่ไม่
ต้องสนใจหรอก”

ใช้ดีเกลือเท่าไร กดอัดด้วยแรงเท่าไร นี่เป็ นสองขั้นตอนสาคัญ


ที่ เป็ นตัวตัดสิ นว่าเต้าหู ้จะอร่ อยหรื อไม่ เต้าหู ้ของพี่สามจ้าว
สามารถทาได้อร่ อยแบบนั้น ก็ตอ้ งพึ่งพาสองขั้นตอนนี้ ดังนั้น
เขาจึงไม่วางใจที่จะให้พี่รองจ้าวเป็ นคนทา

เพียงแต่ เขาเข้าใจพี่รองจ้าวผิด พี่รองจ้าวไม่ ได้พอใจนักที่พี่


สามจ้าวขอให้ช่วยทาเต้าหู ้ นายขาย แต่ให้ฉนั ช่วย มีใครรังแก
คนอื่นแบบนี้กนั บ้าง?
แต่ตอนที่พี่สามจ้าวบอกว่าไม่ได้ให้เขาช่ วยเหลือฟรี ๆ เขาก็
รู ้สึกว่าเป็นเรื่ องไร้สาระเกินกว่าที่พี่นอ้ งแท้ ๆ จะพูดเรื่ องเงิน
จึงรี บปฏิเสธ

“เจ้าสาม ตอนนี้ ฉันยังต้องขนฟื นนะ ฉันไม่มีเวลาหรอก นาย


ไปถามเจ้าสี่ แล้วกัน” พี่รองจ้าวกล่าว

“พี่รอง เรื่ องนี้ มีส่วนของเจ้าสี่ ด้วย พวกเราสามพี่น้องจะท า


ด้วยกัน เขาก็เหมือนกับพี่นั่นแหละ ช่ วยบดถัว่ แล้วก็ตม้ เต้าหู ้
ผมทาทั้งหมดคนเดี ยวไม่ไหว ถัว่ ที่แปรรู ปพวกนั้นเอามาทา
เต้าหู ไ้ ด้หยาบกระด้างเกินไป แบบนี้ผมก็ไม่ตอ้ งเหนื่อยเกินไป
พี่กบั เจ้าสี่ กจ็ ะมีรายได้ดว้ ย ไม่ดีเหรอ?”

พี่รองจ้าวได้ยินก็ยิ่งไม่มีความสุ ข นี่ จะให้พวกเขาเป็ นลูกจ้าง


ระยะยาวสิ น ะ เจ้า สามคนนี้ ไม่ เ คยเรี ย นรู ้ อ ะไรเลย แต่ ก ลับ
เรี ยนรู ้ที่จะเป็ นเจ้าบ้าน! พูดอะไรก็ไม่ยนิ ดีท้ งั นั้นแหละ
พี่สามจ้าวถึ งกับมึ นตึ้ บ ให้เงิ นก็แล้วแต่ ก็ยงั ไม่ ยอมทา มี คน
แบบนี้ดว้ ยเหรอ อีกอย่างคนแบบนี้คือพี่ชายแท้ ๆ ของเขาเนี่ ย
นะ? เขาแอบสงสัยแล้วสิ วา่ ตนเองฟังผิดไปหรื อเปล่า

“นายฟั งไม่ผิดหรอก ต่อให้ฉันจนกว่านี้ ก็ไม่เป็ นลูกจ้างระยะ


ยาวของนาย!” พี่รองจ้าวพูดด้วยน้ าเสี ยงเจือโมโห “ตอนนี้เป็ น
สังคมใหม่แล้ว สังคมเก่านัน่ ถูกโค่นล้มไปตั้งนานแล้ว!”

พี่สามจ้าวกะพริ บตาปริ บ ๆ ราวกับผูบ้ ริ สุทธิ์ เขาแค่อยากจะให้


พี่น้องของตัวเองได้รายได้เพิ่มนิ ดหน่ อย ตัวเองก็จะได้ผ่อน
คลายลงด้วย ทาไมถึงกลายเป็ นปั ญหาทะเลาะกันเสี ยอย่างนั้น
ล่ะ?

“พี่รอง งั้นพี่ไปคุ ยกับพี่สะใภ้รองก่ อนแล้วค่ อยตัดสิ นใจนะ


ครับ” พี่สามจ้าวยังไม่ยอมแพ้ เขาจึงทาได้เพียงแค่พูดดีดว้ ย

“ไม่ ต ้อ งคุ ย อะไรทั้ง นั้น แหละ เมี ย ฉัน ก็ไ ม่ มี ทางตอบตกลง


เหมือนกัน ส่ วนเจ้าสี่ จะเป็ นยังไงฉันไม่สนใจ นายอยากถามก็
ไปถามเอง” พี่รองจ้าวพูดจบก็เอนตัวนอนต่อ ไม่ได้สนใจพี่
สามจ้าวอีก

พี่สามจ้าวเห็นแบบนี้ ก็ไม่ได้นงั่ ต่อไป เขาลุกขึ้นเดินออกจาก


บ้าน ภายในใจรู ้สึกหดหู่ มาก เดิมทีอยากจะโน้มน้าวใจพี่รอง
จ้าวให้ร่วมมือกันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไรนัก ผลลัพธ์ที่ได้คิด
ไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็ นพี่รองจ้าวที่ปฏิเสธเขา!

เมื่อเป็ นแบบนี้ ตอนที่เขาไปหาพี่สี่จา้ วเพื่อให้ช่วยเหลือก็ไม่ได้


รู ้สึกไม่เต็มใจเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว
ตอนที่ 225 ถูกกระตุ้น

พี่สะใภ้รองจ้าวไปขุดหัวผักกาดหวานในไร่ แล้ว หล่อนไม่ได้


ปลูกไว้มากมาย ปลูกไว้แค่หมู่เดียวเท่านั้น หัวผักกาดหวานนี้
เก็บเกี่ยวหลังจากเก็บข้าวโพด ใบของมันสามารถนาไปทาเป็ น
อาหารหมูได้ ส่ วนรากนาไปขายเพื่อต้มเป็นน้ าตาล แต่ก่อนที่
จะนาไปขายก็ตอ้ งล้างให้สะอาด ไม่เช่ นนั้นคงไม่มีใครอยาก
ซื้ อ หากไม่ ใ ช่ เ พราะราคาของมัน สู ง กว่ า ธั ญ พื ช นิ ด หน่ อ ย
หล่อนก็คงไม่ปลูกเหมือนกัน เวลาในการเก็บเกี่ยวพืชประเภท
นี้เป็ นช่วงที่อากาศหนาวพอดี ทั้งยังต้องใช้มีดจัดการกับมัน ซึ่ง
ทรมานมาก

พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วใช้ร ถเข็ น คัน เล็ ก บรรทุ ก หั ว ผัก กาดหวาน
กลับมาและกองไว้ในลานบ้าน หลังจากเข้ามาในห้องก็พบว่าพี่
รองจ้าวกาลังนอนอยูบ่ นเตียง หล่อนจึงกระตุกขาของเขา “เป็ น
อะไร?”

“เปล่า กลับมาแล้วเหรอ?”

พี่สะใภ้รองจ้าวเห็นว่าบนผ้านวมมีรอยบุ๋มลงไปเพราะมีคนนัง่
จึงเอ่ยถาม “ใครมาเหรอคะ?”

“เจ้าสามน่ะ คุณจัดการหัวผักกาดหวานเสร็จแล้วเหรอ?” พี่รอง


จ้าวลุกขึ้นมานัง่

“เสร็ จแล้ว!” พี่สะใภ้รองจ้าวถอดผ้าโพกศีรษะไปแขวนไว้บน


ตะปูที่ตอกอยูบ่ นกาแพง “อาหารหนาวขึ้นเรื่ อย ๆ เลย พรุ่ งนี้ก็
ยังต้องเก็บอีก ดีนะที่ปลูกไว้ไม่เยอะ ถ้าปลูกเหมือนกับบ้านอื่น
ที่ปลูกไว้หลายสิ บหมู่ คงได้เก็บกันจนแข็งตายแน่!”
เมื่อได้ยนิ พี่สะใภ้รองจ้าวบ่น พี่รองจ้าวจึงพูดว่า “ผมไม่ได้บอก
ให้คุณปลูกสักหน่อย เป็นเพราะคุณอยากปลูกเองต่างหาก ผัก
ประเภทนี้เปลืองแรงจะตาย!”

“ก็ มี ค นบอกว่ า หั ว ผัก กาดหวานขายได้ร าคาไม่ ใ ช่ เ หรอ?”


พี่สะใภ้รองจ้าวออกไปหยิบถ้วยจากด้านนอกและริ นน้ าร้อน
กลับเข้ามาหนึ่งถ้วย

“หัวผักกาดหวานแค่หมู่เดียว ต่อให้มีราคามากกว่านี้จะขายได้
สักเท่าไรกันเชียว?” พี่รองจ้าวกล่าว

“ปลูกครั้งแรกคุ ณจะกล้าปลูกไว้เยอะ ๆ เหรอ?” พี่สะใภ้รอง


จ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พอเถอะ งานนี้ไม่ได้ให้คุณจัดการ
สักหน่อย คุณจะบ่นไปทาไมเนี่ย!”

พี่ ร องจ้า วไม่ ไ ด้พู ด อะไร เพราะเขาไม่ ไ ด้อ ยากจะปลู ก หั ว


ผักกาดหวานหนึ่ งหมู่น้ ี รายได้ที่ได้มาจากการปลูกเขาก็ไม่ได้
สนใจ
พี่สะใภ้รองจ้าวจิบน้ าร้อนเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น จากนั้นจึงถาม
อีกว่า “แล้วเจ้าสามมาทาอะไร?”

“เขามายังจะมีเรื่ องอะไรอีกล่ะ!” พี่รองจ้าวแค่นเสี ยงจากลาคอ

พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วยิ้ม “เขามาก็เ พราะอวดเรื่ อ งเงิ น ที่ ข ายเต้าหู ้


หรื อไม่กก็ ระต่ายสิ นะ?”

“อวดเงินจากเต้าหูน้ นั่ แหละ” พี่รองจ้าวพูดคลุมเครื อ

เขาไม่ คิ ด จะพู ด เรื่ อ งที่ พี่ ส ามจ้า วมาขอให้เ ขาช่ ว ยเหลื อ กับ
ภรรยาของตนเอง จากนิสัยของพี่สะใภ้รองจ้าวก็ตอ้ งทาอยูแ่ ล้ว

พี่สะใภ้รองจ้าวไม่ได้สงสัยอะไร หลังจากคุยสองสามประโยค
ก็ออกไปทาอาหาร

แต่พี่รองจ้าวกลับคิดไม่ถึง มีคนแบบน้องสะใภ้สี่อยู่ มีหรื อที่


ภรรยาของเขาจะไม่รู้?
และมันก็เป็ นเช่นนั้นจริ ง ๆ เพียงไม่นานพี่สะใภ้สี่จา้ วก็เดินทาง
มาที่นี่ ทั้งยังบอกให้พี่สะใภ้รองจ้าวฟั งไปอีกหนึ่งรอบ พี่สะใภ้
รองจ้าวจึงมาคุยกับพี่รองจ้าว

“น้องสามมาหาคุณเพื่อให้ช่วยทาเต้าหู ้ทาไมคุณถึงไม่ทาล่ะ?”
พี่สะใภ้สามจ้าวถามด้วยความสงสัย “เขาไม่ได้ให้คุณทาฟรี ๆ
สั ก หน่ อ ย คุ ณ ไม่ รู้ ห รื อ ไงว่ า บ้า นเราเป็ นหนี้ ก้อ นโตขนาด
ไหน?”

พี่รองจ้าวพูดด้วยความโมโห “จ้างคนมันเป็ นวิถีของสังคมยุค


เก่า ให้พี่นอ้ งตัวเองเป็นคนงานระยะยาวแบบนี้ คุณคิดว่านัน่
เป็ นเรื่ องที่ดีเหรอ?”

“ฉันไม่สนใจหรอกว่าจะดี หรื อเปล่า แต่ฉันรู ้แค่ว่ามันทาเงิน


ได้!” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว

“เงิน ๆ ๆ คุณนี่มนั รู ้จกั แค่เงินจริ ง ๆ เลยนะ! งั้นคุณก็ไปใช้ชีวติ


กับเงินเลยสิ !” พี่รองจ้าวขึ้นเสี ยงสู ง
พี่สะใภ้รองจ้าวมองพี่รองจ้าวราวกับไม่อยากเชื่ อ “สมองของ
คุณถูกสู บหมดแล้วสิ นะ? ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าฉันรู ้จกั แต่ เงิน
ไม่มีเงินแล้วจะใช้ชีวิตยังไง เกิดไม่มีเงิน ถ้าคนมาทวงเงินคืนก็
ทาอะไรไม่ได้! คุณคิดว่าตัวเองเป็ นใคร เป็ นเทพเซียนเหรอ ไม่
กินไม่ดื่มงั้นสิ ? แล้วครอบครัวล่ะ มีใครบ้างไม่ตอ้ งใช้เงิน!”

พี่รองจ้าวสู ้พี่สะใภ้รองจ้าวไม่ได้จึงกระแทกประตูเดินออกไป

พี่สะใภ้รองจ้าวโกรธจนถึงขั้นกระทืบเท้า ทาไมหล่อนถึงหา
สามีแบบนี้นะ โง่ยงิ่ กว่าหมูเสี ยอีก!

พี่รองจ้าวเดิ นออกมาด้วยความโกรธ ตอนนี้ มืดแล้ว อากาศก็


หนาวมากด้วย เดิมทีเขาอยากจะไปบ้านพ่อกับแม่ แต่พอมาคิด
ๆ ดู แล้วครอบครัวเจ้าสี่ ก็อยู่ที่นนั่ คืนนี้ ที่เขาและพี่สะใภ้รอง
จ้าวทะเลาะกันก็เป็นเพราะสะใภ้สี่ อีกอย่างก่อนหน้านี้ ตอนที่
จะสร้างบ้าน พ่อกับแม่กห็ า้ มไว้ แต่เขาคิดว่าพ่อกับแม่ดูถูกเขา
กลับไปตอนนี้กแ็ อบอายอยู่เหมือนกัน ท้ายที่สุดจึงเดินไปเดิน
มา ก่อนจะหมุนตัวเดินไปที่บา้ นจ้าวเหวินเทา

จ้าวเหวินเทากาลังกล่อมเสี่ ยวไป๋ หยางอยู่ ส่ วนเย่ฉูฉู่กาลังนา


อาหารมาตั้งที่ โต๊ะ เมื่ อเห็ นพี่รองจ้าวเดิ นเข้ามาด้านในลาน
บ้านก็ประหลาดใจมาก เพราะตั้งแต่ยา้ ยออกมาจากบ้านเก่าก็มี
แค่พี่สามจ้าวที่ขยันมาหาที่นี่ ส่ วนพี่รองจ้าวกับพี่สี่จา้ วมาน้อย
ครั้งมาก โดยเฉพาะพี่รองจ้าว เคยมาแค่ตอนที่บา้ นเพิ่งสร้ าง
เสร็จใหม่ ๆ เท่านั้น

“พี่รอง รี บเข้ามาในบ้านเถอะค่ะ!” เย่ฉูฉู่เดิ นออกมาจากบ้าน


เพื่อเรี ยกให้พี่รองจ้าวเข้ามาด้านใน

ความกระตือรื อร้นของเย่ฉูฉู่ทาให้พี่รองจ้าวรู ้สึกสบายใจขึ้น


“เจ้าหกอยูบ่ า้ นใช่ไหม?”
“อยู่ค่ะ กาลังกล่อมลูกอยู่ พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเลย พี่รองกิน
ข้าวหรื อยังคะ?” เย่ฉูฉู่พูดพลางหันไปตะโกนเรี ยกจ้าวเหวินเทา
ในบ้าน

จ้าวเหวินเทาอุ ม้ เสี่ ยวไป๋ หยางออกมาจากห้องฝั่ งตะวันออก


เมื่ อ เห็ น พี่ ร องจ้า วก็แ อบรู ้ สึ ก เหนื อ ความคาดหมาย “พี่ รอง
มาแล้วเหรอครับ รี บเข้ามาสิ ”

พี่รองจ้าวตอบ ‘อืม’ หลังจากเข้ามาในบ้านก็นงั่ ลงที่ขอบเตียง

เมื่อสักครู่ ตอนที่เข้ามาในบ้านเขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่ นแล้ว


แอบราพึงในใจว่าบ้านของเจ้าหกอบอุ่นกว่าบ้านของเขาเยอะ
เลย! ครั้นดูผนังบ้านสี ขาว และหลอดไฟที่สว่างจ้า เขาก็รู้สึกว่า
หลอดไฟไม่กี่ดวงที่บา้ นของเขาแทบจะไม่ใช่หลอดไฟแล้ว?

“พี่รอง ยังไม่กินข้าวใช่ ไหม กินด้วยกันสิ คะ” เย่ฉูฉู่หยิบถ้วย


และตะเกียบมาเพิม่ อีกชุด
พี่รองจ้าวมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ มีไข่คนหนึ่ งจาน ยาผักโข
มลวกเปรี้ ยวหวานหนึ่ งจานที่ โรยหน้าด้วยถัว่ ลิสงนิ ดหน่ อย
หัวผักกาดหัน่ ฝอยหนึ่งจานที่หนั่ จนบางเฉี ยบและโรยหน้าด้วย
ต้น หอมสี เ ขี ยว และยัง มี ยาแตงกวาอี กหนึ่ ง จานด้ว ย ซึ่ ง เขา
ถึงกับตกตะลึง อยู่กนั แค่สองคน รับประทานกันเอง แต่กลับ
ทาอาหารไว้เต็มโตราวกับมีแขกเนี่ยนะ?

บ้านของพวกเขาไม่เคยมีอะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าไม่มีแขกเหรื่ อ
มาเยี่ ย มเยี ย น ก็ จ ะรั บ ประทานผัก เส้ น ดองเค็ ม หรื อไม่ ก็
ผักกาดขาวดองเค็มทั้งเช้าและค่า มากสุ ดช่วงเที่ยงก็อาจจะตุ๋น
มันฝรั่งและผักกาดขาว หรื อไม่ก็มนั ฝรั่งผักกาดดอง แต่ถา้ มี
แขกมาก็จะจัดอาหารไว้สองอย่าง ดังนั้นเขาจึงกลืนคาพูดที่ว่า
‘ฉันกินข้าวมาแล้ว’ ลงคอ เปลี่ยนเป็ น ‘ได้สิ ฉันออกมาจาก
บ้านก็ยงั ไม่ได้กินข้าวเลย’
“ดื่ มเหล้าไหมพี่รอง?” จ้าวเหวินเทาถาม “ที่ บา้ นมี เหล้าด้วย
นะ”

“ไม่ดื่มแล้ว กินข้าวนิดหน่อยก็พอ” พี่รองจ้าวไม่ชอบดื่มเหล้า


และเขาก็ไม่ใช่คนคอแข็งด้วย

จ้าวเหวินเทามองออกว่าพี่รองจ้าวคงมีธุระ คิ ดว่าหากมีธุระ
แล้วดื่มเหล้าก็คงไม่ดี จึงบอกเย่ฉูฉู่ให้ตกั อาหาร

ตอนค่าเย่ฉูฉู่ทาบะหมี่จากแป้ งขาว ราดน้ าซุ ปร้อน ๆ โรยด้วย


ต้นหอมและผักชี รวมถึงเส้นเนื้ อหมูฉีกฝอย ดู มีสีสันและน่ า
รับประทานมาก พี่รองจ้าวเห็นก็แอบรู ้สึกอยากจะร้องไห้ แบบ
นี้สิถึงจะเรี ยกว่าการใช้ชีวติ

ทั้งสองพี่นอ้ งต่างก็ยงั ไม่มีใครรับประทานอาหารก่อนหน้านี้


จึงก้มหน้าก้มตารับประทาน ระหว่างนั้นเย่ฉูฉู่ก็เติมข้าวให้พี่
รองจ้าวอีกสองครั้งด้วย
ชามที่ ใ ช้ รั บ ประทานเป็ นชามกระเบื้ อ งสี ข าวขนาดใหญ่
หมายความว่าพี่รองจ้าวรับประทานบะหมี่ไปถึงสามถ้วยใหญ่!
อาหารที่อยูบ่ นโต๊ะก็ถูกรับประทานจนหมดเกลี้ยง

จ้าวเหวินเทารับประทานไปหนึ่งถ้วย เย่ฉูฉู่รับประทานไปครึ่ ง
ถ้วย ทั้งสองคนคิดไม่ถึงว่าพี่รองจ้าวจะมาที่นี่ จึงทาอาหารไว้
ไม่เยอะ

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เย่ฉูฉู่กร็ ิ นน้ าชาให้พวกเขาดื่ม


ส่ วนตนเองก็อุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางกลับเข้าห้องฝั่งตะวันตก

“ห้องตะวันตกไม่หนาวเหรอ?” พี่รองจ้าวถาม

“ไม่หนาว อุ่นเตียงไว้แล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว

“นายไม่ได้เปิ ดเครื่ องทาความร้อนไม่ใช่เหรอ? ทาไมถึงอบอุ่น


ขนาดนี้ล่ะ?” พี่รองจ้าวดื่มชาพลางเอ่ยถาม
“ยังไม่ได้เปิ ด ฉูฉู่กลัวว่าในห้องจะร้อนเกินไปเดี๋ยวลูกไม่สบาย
แล้วก็กลัวว่าจะเป็ นร้อนในด้วย รอให้หิมะตกค่อยเปิ ด ว่าแต่พี่
รองมีธุระอะไรเหรอ?” จ้าวเหวินเทาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ไม่มีอะไรหรอก” พี่รองจ้าวไม่อยากพูด จึงถามต่อไปว่า “นาย


ไม่ ไ ด้เ ปิ ดเครื่ องทาความร้ อ น แต่ ใ นบ้า นทาไมถึ ง ได้อบอุ่ น
ขนาดนี้ล่ะ? ลมแถวตงเหลียงแรงมากเลยนะ”

“ตอนที่ ผ มสร้ า งบ้า นก็เ พิ่ ม ความหนาของก าแพงเป็ นพิ เ ศษ


แถมยังโบกกาแพงไปหลายชั้น เลยกันลมได้น่ะครับ” จ้าวเห
วินเทาเห็นพี่รองจ้าวไม่อยากพูดจึงไม่ได้ถามอะไรอีก

“ฉันก็ว่าอยู่ ไม่หนาวสักนิ ดเลย” พี่รองจ้าวจึงพูดคุ ยเกี่ ยวกับ


เรื่ องบ้านขึ้นมา
ตอนที่ 226 ก็ต้องใช้ ชีวติ ให้ ดี

จ้าวเหวินเทาไม่ค่อยได้คุยอะไรกับพวกพี่ชาย ตั้งแต่เล็กจนโต
เขารู ้สึกว่าพวกพี่ชายอยูค่ นละโลกกับเขา

พี่รองจ้าวเป็ นคนซื่ อตรงและซื่ อสัตย์ คนแบบนี้ถือเป็ นคนดีใน


แบบดั้งเดิ ม แต่จา้ วเหวินเทากลับทาตรงกันข้าม แม้ว่าเขาจะ
ไม่ ได้ถูกเรี ยกว่าเป็ นคนเลว แต่ เขาก็ไม่ ใช่ คนดี ตามต้นฉบับ
ดั้งเดิม หรื ออาจจะพูดว่าเป็ นพวกแสวงหากาไรก็ได้

พี่ ส ามจ้า วเป็ นพวกคิ ด คานวณอย่า งชาญฉลาด ดี ด ลู ก คิ ด ได้


อย่างไหลลื่น มีสมองในด้านการค้า แต่จา้ วเหวินเทาคิดว่าเขาขี้
งกเกินไป จึงรู ้สึกไม่เข้าตา ในเวลาเดียวกันพี่สามจ้าวก็ไม่ชอบ
เขาเช่ นกัน คิดว่าเขาเป็นพวกฟุ่ มเฟื อยที่ถูกพ่อแม่ประคบประ
หงม ฟุ่ มเฟื อยไม่พอยังต้องให้พี่ชายอย่างพวกเขาช่วยตามเช็ด
ตามล้างอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ กลับเดินใกล้กบั พี่ชายทั้ง
สองคนนี้มากที่สุด

ส่ วนพี่สี่จา้ วเป็นคนสบาย ๆ พูดให้ฟังดูดีหน่ อยก็คือพอใจใน


สิ่ งที่ตวั เองมี แต่ถา้ พูดแรง ๆ หน่อยก็คือเป็ นคนไม่กา้ วหน้า แต่
ถึ ง อย่า งไรขอแค่ ใ ช้ชี วิต อย่า งปกติ ก็พ อแล้ว เรื่ อ งอื่ น ไม่ ไ ด้
พิจารณา

ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถที่จะพิจารณา มีหลายเรื่ องที่พี่สี่จา้ ว


มองเห็นได้อย่างทะลุปรุ โปร่ ง พูดจาตรงประเด็น จ้าวเหวินเทา
จึงคิดว่าพี่สี่จา้ วคนนี้น่าจะขี้เกียจ

นิ สัยของพี่น้องทั้งสี่ คนแตกต่างตามแบบของตนเอง และใช้


ชีวิตในแบบของตนเอง พี่รองจ้าวใช้ชีวิตแบบตึงเครี ยด พี่สาม
จ้าวใช้ชีวิตแบบตระหนี่ ถี่เหนี ยว พี่สี่จา้ วใช้ชีวิตแบบขอไปที
ส่ วนจ้าวเหวินเทาใช้ชีวิตแบบร่ ารวยอู่ฟู่ ไม่ว่าจะเรื่ องการกิน
เสื้ อผ้าหรื อที่อยู่ก็ดีไปหมด ทั้งยังดึ งพี่น้องให้รวยไปด้ว ยกัน
แม้ว่าสิ่ งนี้จะเป็ นเรื่ องที่ได้หน้าได้ตามากสาหรับจ้าวเหวินเทา
แต่เขาก็หวังว่าพี่นอ้ งของเขาจะได้ใช้ชีวติ ดี ๆ มีญาติร่ ารวยย่อม
ดี กว่าญาติ ที่ยากจน เพียงแค่ การใช้ชีวิตก็ตอ้ งดู ที่ตนเองด้วย
หากตนเองไม่ดี คนอื่นก็ไม่สามารถลากให้ข้ ึนไปได้

พวกเขาสองคนพูดคุยกันครู่ หนึ่ง ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่อยูใ่ น


โลกเดียวกัน จึงมีหวั ข้อสนทนาที่พูดคุยกันไม่มาก

พี่รองจ้าวเห็นว่าดึกมากแล้วจึงกลับไป จ้าวเหวินเทาไปส่ งเขา


ด้วยตนเอง หลังจากมาถึงหน้าบ้านก็ถามอีกครั้งว่า “พี่รอง พี่
ไม่มีธุระอะไรจริ ง ๆ เหรอ? มีอะไรก็บอกผมได้นะ ยังไงพวก
เราก็เป็ นพี่นอ้ งกัน”

การที่ จ ้า วเหวิน เทาพูดว่าเป็ นพี่น้องกัน ท าให้พี่ร องจ้า วรู ้ สึก


อบอุ่นในใจ เขากระชับเสื้ อแล้วพูดว่า “เจ้าสามมาหาฉันบอก
ให้ฉนั ทาเต้าหูใ้ ห้ แล้วก็บอกว่าจะให้เงินฉันด้วย”
“นี่ ก็เป็ นเรื่ องที่ ดีไม่ ใช่ เหรอ” จ้าวเหวินเทาชะงักไปครู่ หนึ่ ง
ก่อนจะพูดด้วยรอยยิม้

“เรื่ องที่ดี? ให้พี่นอ้ งตัวเองเป็ นคนงานระยะยาวให้ตวั เองคิดว่า


เป็ นเรื่ องที่ดีเหรอ?” พี่รองจ้าวย้อนถาม

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ คิดแบบนี้กไ็ ด้ดว้ ยเหรอ?

“พี่รอง พี่รู้สึกเสี ยหน้าสิ นะ?” จ้าวเหวินเทาครุ่ นคิดพลางกล่าว


“แต่ ผมกลับคิ ดว่าเรื่ องนี้ ม ันไม่ ได้อ ยู่ที่ห น้าตาเลย พี่สามทา
เต้าหู ้อร่ อยมากจริ ง ๆ แถมยังทาค้าขายเป็ นด้วย เขายุ่งจนหัว
หมุนขนาดนั้น ส่ วนพี่ก็ไม่มีอะไรต้องทาในฤดู หนาวอยู่แล้ว
ร่ วมมือกันหาเงินสักหน่ อยก็ดีไม่ใช่ เหรอ? ผมไม่ปิดบังพี่นะ
เรื่ องนี้ผมเป็ นคนพูดกับพี่สามเองแหละ พี่กบั พี่สี่ไม่มีอะไรทา
ช่วงฤดูหนาว แถมยังนัง่ ว่าง ๆ สู ้เอาเวลามาหาเงินสักหน่อยยัง
จะดีเสี ยกว่า”
พี่รองจ้าวได้ยินว่าเป็นคาแนะนาของจ้าวเหวินเทาก็รู้สึกได้ว่า
จ้าวเหวินเทากาลังหวังดีกบั เขา แต่ทาไมภายในใจของเขาถึง
ไม่มีความสุ ขเลย?

“การจ้างคนทางานระยะยาวเป็ นเรื่ องของสังคมเก่า ตอนนี้เป็ น


สังคมใหม่แล้ว จะให้ทาแบบนี้ได้ยงั ไงกัน? แถมยังเป็ นพี่นอ้ ง
แท้ ๆ อีก” พี่รองจ้าวส่ ายหน้า “แบบนี้ มนั มีเหตุผลที่ไหนกัน
ล่ะ”

จ้าวเหวินเทาเรี ยนหนังสื อมาน้อย เขาไม่สามารถพูดถึงเหตุผล


ออกมาได้ แต่มนั ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ “พี่รอง พี่คิดแบบนี้
ไม่ถูกนะ ไม่วา่ จะสังคมไหน ทุกคนก็ตอ้ งกินข้าว ถ้าจะกินข้าว
ก็ตอ้ งหาเงินด้วย พี่เองก็เคยไปเห็นที่อาเภอมาแล้ว พนักงาน
ร้ า นอาหารและร้ า นค้า พวกนั้น ต่ างก็ถู ก จ้า งกัน ทั้ง นั้น ไม่ ใช่
เหรอ? ก็เหมือนกับจงย่งที่ผมรู ้จกั คนนั้นไง เขาเองก็เปิ ดร้าน
เกี๊ยว พนักงานของเขาก็เป็นน้องชายน้องสาว บางครั้งพ่อกับ
แม่กม็ าช่วยด้วย แต่ละคนก็มีเงินค่าจ้างกันทั้งนั้นแหละ”

“จริ งเหรอ?” พี่รองจ้าวแอบรู ้สึกกังขากับตัวอย่างที่จา้ วเหวินเทา


หยิบยกขึ้นมา

“จริ งสิ ถ้าพี่ไม่เชื่อครั้งหน้าก็เข้าอาเภอลองไปดูหน่อยก็รู้แล้ว”


จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความจริ งใจ “พี่รอง ทางานหาเงินไม่ตอ้ ง
อายหรอกนะ ทางานกับพี่นอ้ งเพื่อหาเงินยิ่งไม่ตอ้ งอายเข้าไป
ใหญ่”

“แล้วทาไมตอนแรกนายถึงไม่จา้ งพวกเราขนฟื นล่ะ?” พี่รอง


จ้าวรี บย้อนถาม “ตอนนั้นฉันเองก็ถามนาย นายยังบอกเลยว่า
ระหว่างพี่นอ้ งคุยเรื่ องเงินไม่ดี”

จ้า วเหวิน เทาหัว เราะเหอะ ๆ “พี่ ร อง ตอนนั้น ผมคิ ด ผิด เอง


แหละ อีกอย่างฟื นพวกนั้นมันจะได้เงินเท่าไรกันเชียว แต่เต้าหู ้
ของพี่สามไม่เหมือนกันนะ”
เหตุผลที่แท้จริ งก็คือ เขาไม่อยากยุง่ เกี่ยวกับคนแบบพี่สามจ้าว
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สี่จา้ ว เพราะมันทาให้เขาลาบาก

บางทีหากเปลี่ยนวิธีการพูด ก็จะเป็ นว่าเขาจ้างคนอื่นเพราะยังมี


ตัวเลือก ส่ วนนิสัยของพี่รองจ้าวนั้นเป็นเรื่ องยากที่จะมีรายได้
เพิ่มขึ้น นี่เป็ นความแตกต่าง

พี่ ร องจ้า วก็ไ ม่ ไ ด้คิ ด มากมายอะไร พู ด ว่ า ‘ฉัน เข้า ใจแล้ว ’


จากนั้นก็เดินกลับเข้าบ้านไป

“พี่รองมาทาไมเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถามหลังจ้าวเหวินเทากลับ
มาถึง

จ้าวเหวินเทามีความสุ ข “คุณทายสิ ”

“จะไปไหนก็ไปเลย ฉันจะไปทายถูกได้ยงั ไง!” เย่ฉูฉู่กลอกตา


ใส่ เขา

จ้าวเหวินเทาพูดไปรอบหนึ่ง เย่ฉูฉู่เองก็รู้สึกว่ายากที่จะเข้าใจ
“ทาไมพี่รองถึงคิดแบบนี้ ล่ะ?” เย่ฉูฉู่ไม่รู้ว่าควรจะใช้คาพูดใด
มาบรรยาย “เรื่ องนี้มนั …ช่าง…”

“โง่เขลาเกินไป!” จ้าวเหวินเทากล่าว “ตอนนี้ทุกคนต่างก็ยงุ่ อยู่


กับการหาเงิน แต่เขายังคิดเรื่ องแบบนี้อีก เฮ้อ!”

“พี่รองเป็ นคนดี เพียงแต่คิดตื้นเกินไป” เย่ฉูฉู่กล่าว

“เป็นคนดีก็ตอ้ งยอมรับความจนให้ได้แล้วกัน” จ้าวเหวินเทา


ถอนหายใจ

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ “คุณพูดจาเหลวไหลอีกแล้วนะคะ!”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ หึ เขายกลูกชายขึ้นสู ง “เจ้าลูกชาย พอ


เราโตขึ้นมาก็อย่าเป็ นคนดีเลยนะ!”

“ดูคุณสอนลูกเข้าสิ !” เย่ฉูฉู่หวั เราะด้วยความโกรธเคือง

พี่รองจ้าวทางฝั่ งนี้ เดิ นเข้าบ้านอย่างเชื่ องช้า เขารั บประทาน


อาหารจนอิ่ มแปล้ และไม่ ได้รู้สึกหนาวด้วย ภายในใจกาลัง
ตรึ กตรองถึงคาพูดของจ้าวเหวินเทา แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจจนถึง
ตอนที่เข้ามาถึงในบ้าน แต่กลับตัดสิ นใจได้วา่ เขาจะทาเต้าหู ใ้ ห้
พี่สามจ้าว

นี่ไม่ใช่เพราะคาพูดของจ้าวเหวินเทาหรอก ต่อให้พูดน่าฟังกว่า
นี้ จะไปมีประโยชน์อะไรกัน ความรู ้สึกที่เป็ นจริ งได้ต่างหาก
ล่ะถึงจะเป็นเรื่ องสาคัญที่สุด เมื่อสักครู่ ตอนที่ได้รับประทาน
อาหารมื้อนั้นทาให้พี่รองจ้าวได้รู้ว่าอะไรที่เรี ยกว่าชีวิตที่ดี พูด
ให้ถูกต้องก็คือรู ้วา่ ต้องหาเงินไปเพื่ออะไร

ดู บ้า นที่ จ ้า วเหวิ น เทาอาศัย อยู่สิ ของกิ น เครื่ อ งดื่ ม ทั้ง ดี ท้ ัง


ประณี ต แล้วหันกลับมาดูตวั เอง โต๊ะผุ ๆ พัง ๆ ผักเส้นดองเค็ม
ผัก กาดขาวดองเค็ ม โจ๊ ก ข้า วโพด บะหมี่ จ ากแป้ ง บัก วี ท
รั บ ประทานเข้ า ไปก็ รู้ สึ กไม่ ส บายท้ อ ง เขาเองก็ อ ยาก
รั บ ประทานแป้ ง ขาว อยากรั บ ประทานเนื้ อ และอยาก
รับประทานผักใบเขียวด้วย!
พี่รองจ้าวเลียริ มฝีปากล่าง เขารู ้สึกว่ายังไม่หายอยากอาหารเลย
จากนั้นจึงตัดสิ นใจอีกครั้ง เขาจะทาเต้าหู!้

เมื่ อเข้ามาในบ้าน พี่สะใภ้รองจ้าวก็กาลังเดิ นออกมาจากใน


ห้องพอดี ในมือของเธอถือไม้ สวมเสื้ อผ้าและใส่ หมวก แต่เมื่อ
เห็นพี่รองจ้าว หล่อนก็โยนไม้ไปข้าง ๆ อย่างแรง และหมุนตัว
กลับเข้าห้องไป

พี่สะใภ้รองจ้าวเห็นว่าสามีออกไปนานแต่ยงั ไม่กลับมา หล่อน


กลัว ว่ า จะเกิ ด เรื่ อ งอะไรขึ้ นเลยแต่ ง ตัว มี อ าวุ ธ ครบมื อ เพื่ อ
ออกไปตามหาเขา แต่เมื่อเห็นเขากลับมา ความโกรธก่อนหน้า
นี้กก็ ลับมาอีกครั้ง

“เก่งจริ งก็อย่ากลับมาสิ !” พี่สะใภ้รองจ้าวบ่นพึมพา หล่อนถอด


ชุดและกลับขึ้นไปบนเตียง

พี่รองจ้าวเข้ามาในห้อง พบว่าพวกลูก ๆ ถอดชุ ดและเข้านอน


กันแล้ว
“ในหม้อมีขา้ วอยู!่ ” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ผมไปกินที่บา้ นเจ้าหกมาแล้ว” พี่รองจ้าวกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวชะงัก ทาไมถึงไปรับประทานอาหารที่บา้ นจ้าว


เหวินเทา หล่อนอยากถามแต่กอ็ ดกลั้นไว้

“พรุ่ งนี้คุณไปคุยกับเจ้าสามก็แล้วกัน ผมตกลงว่าจะทาเต้าหู ใ้ ห้


เขาแล้ว อยากได้เท่าไรคุณก็คิดเอาเองแล้วกัน” พี่รองจ้าวพูด
จบก็เดินไปปิ ดไฟ

ท่ามกลางความมืด พี่สะใภ้รองจ้าวก็เงียบไปครู่ หนึ่ งและเอ่ย


ถามว่า “ทาไมคุณถึงอยากทาล่ะ?”

พี่รองจ้าวเล่าเรื่ องที่จา้ วเหวินเทารับประทานอะไรในบ้านเป็น


มื้ อค่ าให้หล่ อนฟั งหนึ่ งรอบ “พวกเราเองก็ตอ้ งใช้ชีวิต แบบ
นั้น!”

นี่เป็ นสาเหตุที่ทาให้เขาตอบตกลง
ตอนที่ 227 ดูตัว

เช้าวันรุ่ งขึ้น เจ้ารองฉวี่ก็มาหาจ้าวเหวินเทาที่นี่ต้ งั แต่เช้า เขา


แต่งตัวดูดี ทาความสะอาดร่ างกายจนสะอาดเป็ นระเบียบ แถม
ยังใส่ ดว้ ยเสื้ อผ้าตัวใหม่ที่หาได้ยาก

“นายบอกว่ า ไม่ อ ยากไปดู ต ัว ไม่ ใ ช่ เ หรอ ท าไมถึ ง แต่ ง ตัว ดี


ขนาดนี้ล่ะ?” จ้าวเหวินเทาหยอกล้อ

เจ้ารองฉวี่พูดด้วยท่าทางงุ่มง่าม “นี่ เป็ นเสื้ อตัวใหม่ที่ใส่ ตอน


ข้ามปี ของปี ที่แล้ว แม่บอกให้ฉนั ใส่ มา”

“นายนี่เอาแต่อา้ งแม่ไปเรื่ อยเลยนะ มีเหรอที่ฉนั จะไม่รู้จกั นาย


พอพูดว่าดูตวั หัวใจของนายก็เบิกบานแล้ว!” จ้าวเหวินเทาเอ่ย
เย้า
เจ้ารองฉวี่หน้าแดง เอาแต่พูดว่า ‘ใช่ที่ไหนกัน ๆ’ ติดกันหลาย
ครั้ง เย่ฉูฉู่ทนดู ไม่ได้จึงคุ ยกับจ้าวเหวินเทาสองสามประโยค
เขาจึงยอมหยุดหยอก

วันนี้มีตลาดนัดในหมู่บา้ น คนที่อยูภ่ ายในหมู่บา้ นถ้าไม่นงั่ รถ


ลาลากรถม้าลากก็จะเดินเท้า มีบางคนนาของใส่ ถุงขนาดใหญ่
และเล็กเพื่อนามาขาย และมี บางคนเดิ นจู งมื อลู กไปดู ค วาม
ครึ กครื้ น แน่ นอนว่ามีคนที่ไปซื้ อของด้วย เพียงแต่ส่วนใหญ่
จะมาดูความครึ กครื้ น

ตลาดนัดก็คืองานสังสรรค์ภายในชนบท!

จ้าวเหวินเทาขับรถพาเจ้ารองฉวี่และพวกต้าชุ ยไป นอกจากนี้


ยังมีคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ ว ถ้าไม่ใช่เพราะเต้าหู ท้ ี่พี่สามจ้าว
ทาเกิดการบูดเสี ยเขาก็คงจะติดรถมาด้วย เย่ฉูฉู่น้ นั กลัวว่าลูกจะ
เป็ นหวัด เพราะหนาวจึ ง ไม่ ไ ด้ม าด้ว ย ส่ ว นพี่ ร องจ้า วและ
พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วยุ่ง อยู่ก ับการแช่ ถ ั่วให้พี่ สามจ้าวจึ งไม่ ได้มา
เช่นเดียวกันกับพี่สี่จา้ วและพี่สะใภ้สี่จา้ ว

เรื่ องหาเงินพี่สะใภ้สี่จา้ วไม่ปล่อยให้หลุดมืออยูแ่ ล้ว ตอนนั้นที่


พี่สามจ้าวมาหาพวกเขาก็ตอบตกลงทันที ตอนนี้เป็ นช่วงแสดง
ความสามารถ จะมีเวลาไปตลาดนัดได้อย่างไรกัน

จ้าวเหวินเทาขับรถมาถึงตลาด หลังจากทุกคนลงจากรถแล้ว
เขาก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บา้ นไท่ผงิ

คุณแม่จา้ วมาที่นี่ตามคาพูดของคุณพ่อจ้าวที่บอกว่าเป็ นเรื่ องที่


ดี ความหมายก็คือชอบดูความครึ กครื้ น เพราะคุณแม่จา้ วก็พา
เจ้ารองฉวีม่ าดูตวั ด้วย

คุณแม่จา้ วไม่ได้สนใจเขา นางกล่าวกับเจ้ารองฉวีว่ า่ “ป้ากับแม่


ของเธอเป็นพี่นอ้ งร่ วมสาบานกัน แม่ของเธอไม่มีเวลามาที่นี่
ป้าจะมาดูแลให้เอง แต่ถา้ ไม่ได้จริ ง ๆ เดี๋ยวป้าจะแนะนาอีกคน
ให้เธอ”
เจ้ารองฉวีต่ อบ ‘ครับ’ แบบคลุมเครื อ เขาไม่ได้พูดอะไร เพราะ
ตอนนี้ตื่นเต้นมาก

คุณแม่จา้ วมองด้วยความขบขัน นางเดินมาที่ดา้ นหน้าเพิงตัด


ผมตามที่นดั กับแม่ของลูกสะใภ้สี่

ตลาดนัดในตอนนี้ จดั บนพื้นที่โล่งแจ้งทั้งหมด และไม่มีใคร


สนใจ บางคนมาอยู่ที่นี่ น านจึ ง ยึด ครองพื้น ที่ แบบระยะยาว
สร้างเพิงเล็ก ๆ ขึ้นมา บางคนก็เป็นเจ้าถิ่นค่อนข้างวางอานาจ
หลังจากวงพื้นที่แล้วก็ลากเสื่ อน้ ามันมาปูไว้สองสามผืนแล้ว
ตั้งร้าน แม้จะดูวุ่นวาย แต่ขนบธรรมเนียมพื้นบ้านนั้นเรี ยบง่าย
ไม่ได้มีความวุน่ วายจนเกิดสิ่ งเลวร้าย

คุณแม่จา้ วพาเจ้ารองฉวี่มาด้านหน้าเพิงตัดผม ระหว่างนั้นได้


ผ่านแผงลอยขายเนื้อหมู ซึ่ งคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็ นแผงลอยของ
ไช่ซื่อหู่
“อ้าว ป้าใหญ่ มาจับจ่ายที่ตลาดเหรอครับเนี่ย!” ไช่ซื่อหู่ทกั ทาย
ด้วยความกระตือรื อร้น

คุณแม่จา้ วรู ้สึกประหลาดใจมาก “ใช่ แล้ว ป้ ามาจ่ายตลาด เธอ


เองก็มาขายของเหรอ?”

ไช่ ซื่อหู่ พูดด้วยรอยยิ้ม “ผมก็เหมือนเหวินเทานั่นแหละครั บ


ออกมาทางานเองแล้ว ตอนนี่ไม่ได้ขายแค่เนื้อหมูนะ ยังรับซื้ อ
หมูดว้ ย”

ตั้งแต่เห็นว่าการค้าขายของจ้าวเหวินเทาแบบส่ วนตัวเป็นไป
ได้ดว้ ยดี ไช่ซื่อหู่จึงมีความคิดอยากจะทาเองมาตั้งนานแล้ว แต่
เขาก็ทาใจไม่ได้ที่จะทิ้งงานในหน่ วยงาน จะร้ายหรื อดี ก็เป็ น
งานทางการ แต่ เ ป็ นเพราะเรื่ อ งที่ เ ขาแอบซื้ อ เนื้ อ ถู ก จับได้
หัวหน้าจึงวิจารณ์เขาอย่างหนัก ทาเอาเขาถึงกับโกรธจนไม่คิด
จะทาที่นนั่ แล้ว และออกมาทางานเองอย่างที่เห็น
ตอนแรกเขาแอบรู ้ สึกเป็ นกังวล แต่ ตอนนี้ ดีข้ ึ นมากแล้ว ถึ ง
อย่างไรก็มีลูกค้าเก่าแก่ ไม่ว่าจะซื้ อหรื อขายก็มีช่องทาง เพียง
ไม่นานก็มีรายได้ที่มนั่ คง ที่สาคัญก็คือเป็ นอิสระ เขาจึงอารมณ์
ดีมาก!

“ดีจริ ง ๆ เลยนะ ป้าเองก็เห็นแล้ว ตอนนี้คนที่ออกมาทางานเอง


มีเยอะแยะเลย!” คุณแม่จา้ วกล่าว

“ใช่ ครับ รัฐก็สนับสนุ นให้คนออกมาทางานกันเองด้วย บอก


ว่านี่ คือการใช้จิตวิญญาณของความเป็นเจ้าของส่ วนบุคคลได้
อย่างเต็มที่!” ไช่ ซื่อหู่ หัวเราะร่ า “เหวินเทาล่ะครับ? ไม่ได้มา
ด้วยกันเหรอ?”

“ไปหมู่บา้ นไท่ผิงแล้วล่ะ เนื้ อที่ได้มาจากเธอก็เอาไปขายใน


อาเภอแล้ว” คุณแม่จา้ วกล่าว

ไช่ ซื่อหู่ ถอนหายใจ “เหวินเทาเป็ นคนมี ความสามารถ นี่ ใช้


เวลาแค่แป๊ บเดียว ขยายฐานลูกค้าได้กว้างมากกว่าผมเสี ยอีก!”
“แต่อย่างอื่นเขาก็ทาไม่เป็ นเหมือนกันนัน่ แหละ” คุณแม่จา้ วได้
ยินว่าอี กฝ่ ายชมลู กชาย ภายในใจก็รู้สึกดี ใจ แต่ ปากก็ยงั พู ด
ถ่อมตน

หลังจากคุยเกี่ยวกับจ้าวเหวินเทาไปสองสามประโยค ก็มีคนมา
ซื้ อ เนื้ อ หมู คุ ณ แม่ จ ้า วจึ ง ออกมาจากแผงลอยของไช่ ซื่ อ หู่
จากนั้นก็นงั่ บนเก้าอี้ตวั เล็กข้างเพิงร้านตัดผม

นัง่ อยูไ่ ม่นาน เจ้ารองฉวีก่ เ็ ริ่ มลุกขึ้นเดินไปเดินมา

“เป็ นอะไร?” คุณแม่จา้ วถาม

“เปล่าครับ” เจ้ารองฉวีส่ ู ดหายใจเข้า

คุ ณแม่ จา้ วเห็ นร่ างกายของเขางอเป็ นกุง้ จึ งเข้าใจได้ หนาว


นี่เอง!

“เธอไม่ได้ใส่ เสื้ อนวมแบบบางไว้เหรอ?” คุณแม่จา้ วกวาดมอง


เสื้ อผ้าที่เขาสวมใส่ จึงพบว่าเสื้ อที่เขาใส่ ค่อนข้างบาง
ตอนนี้ ถา้ จะใส่ เสื้ อนวมแบบหนาดู เหมือนว่าจะเร็ วไปหน่ อย
แต่เสื้ อนวมแบบบางอย่างไรก็ตอ้ งสวมไว้ คนในหมู่บา้ นไม่ได้
มีเสื้ อคาร์ดิแกน เสื้ อโค้ทตัวใหญ่ เสื้ อขนเป็ ดอะไรพวกนั้น ต่าง
ก็พ่ งึ พาเสื้ อนวมเพื่อกันความหนาว

“ผมใส่ เสื้ อกับกางเกงไหมพรมแล้ว พี่สาวเป็ นคนทอให้” เจ้า


รองฉวีพ่ ูดด้วยเนื้อตัวที่สั่นระริ ก

ตอนที่ อ ยู่บ นรถมี ห ลายคนนั่ง เบี ย ดกัน จึ ง ไม่ ไ ด้รู้ สึ ก หนาว


อะไร แต่ตอนนี้ไม่ได้มีคนเบียดเสี ยดกันแล้ว อีกอย่างตาแหน่ง
นี้กไ็ ม่ค่อยดี ลมหนาวทางเหนือพัดผ่านมาก็หนาวเหน็บเข้าไป
ถึงกลางใจ!

“กางเกงกับ เสื้ อ ไหมพรม?” คุ ณ แม่ เ ย่พู ด ด้ว ยสี ห น้า รั ง เกี ย จ


“เสื้ อผ้าที่ทอด้วยไหมพรมสังเคราะห์มนั กันลมได้ที่ไหนกัน?
มันเป็ นเสื้ อผ้าไว้หลอกคนเท่านั้นแหละ เธอนี่มนั จริ ง ๆ เลย!”
เจ้าของแผงลอยร้านตัดผมได้ยินคาพูดของพวกเขา ก็พูดด้วย
รอยยิม้ “หลังม่านมีเตาอยู่ เธอเข้าไปผิงไฟหน่ อยเถอะ เดี๋ยวก็
หนาวจนเป็ นไข้พอดี อีกเดี๋ยวแดดมาก็อบอุ่นแล้ว”

ร้านตัดผมต้องให้ลูกค้าสระผมก่อน ตอนนี้ ไม่สามารถใช้น้ า


เย็นได้ จึงต้องตั้งเตาไว้ชวั่ คราวเพื่ออุ่นน้ าที่จะใช้ให้ร้อน

เจ้ารองฉวีร่ ี บกล่าวขอบคุณและเข้าไปผิงไฟด้านหลัง

“วัยรุ่ นสมัยนี้เอาแต่ห่วงหล่ออยูน่ นั่ แหละ อากาศหนาวแบบนี้


ยังจะสวมเสื้ อไหมพรมอีก แบบนี้ จะไม่ให้แข็งตายได้ยงั ไง!”
คุณแม่จา้ วบ่นกับเจ้าของแผงลอย

เจ้าของแผงลอยยิม้ “พวกวัยรุ่ นก็ห่วงสวยห่ วงหล่อกันทั้งนั้น


แหละ เธอเองก็อย่าไปกังวลให้มากมายเลย พวกเด็กหนุ่มมีไฟ
แรงกล้า ไม่แข็งตายง่าย ๆ หรอก”
“นัน่ สิ นะ ใครจะไปเหมือนฉันที่มีแขนขาแก่ชราแบบนี้กนั ล่ะ
ใส่ เสื้ อบุนวมหนา ๆ ก็ยงั หนาวเลย” คุณแม่จา้ วถอนหายใจ

เจ้าของแผงลอยอายุหา้ สิ บกว่าปี เริ่ มพูดถึงตนเองในสมัยก่อน

เมื่อมีคนอยูค่ ุยด้วย เวลาจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ ว ใช้เวลาไม่นาน


แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วก็มาถึง ด้านหลังของนางมีเด็กสาวตามมา
อี กหนึ่ งคน หรื ออาจจะพูดด้วยว่าเป็ นสาวน้อย หน้าตาปาน
กลาง รู ปร่ างค่อนไปทางผอม แตกต่างจากที่แม่ของพี่สะใภ้สี่
จ้าวอวดไว้ค่อนข้างมาก บอกว่าหน้าตาดี รู ปร่ างก็ดีอะไรพวก
นั้น ไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิด

ถึงอย่างไรคุ ณแม่จา้ วก็ไม่ชอบอยู่แล้ว แต่ก็ยงั แสดงออกด้วย


การออกไปต้อนรับ “มาแล้วเหรอ หนาวหรื อเปล่าล่ะ?”

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าวด้วยรอยยิม้ “ยังไหวอยู่ พวกเราเดิน


มาน่ะ ไม่ได้รู้สึกหนาวเท่าไร เสี่ ยวหง นี่คือป้าใหญ่จา้ วนะ”
“ป้ าใหญ่จา้ ว” สาวน้อยคนนั้นพูดด้วยน้ าเสี ยงแผ่วเบา จากนั้น
ก็มองไปที่ดา้ นหลังของคุณแม่จา้ วอย่างรวดเร็ ว แต่กลับไม่เจอ
ใคร

คุณแม่จา้ วจึงเข้าใจได้ “เข้ามานัง่ ข้างในเถอะ พวกเธอวางแผน


ว่าจะซื้ ออะไรกันเหรอ?” ระหว่างที่พูดก็ให้เข้ามาด้านในเพิง
และไม่ลืมที่จะตะโกนเรี ยกเจ้ารองฉวีใ่ ห้ออกมา

หลังจากเจ้ารองฉวี่ขานตอบออกมาจากด้านใน เสี่ ยวหงก็รีบ


หมุนตัวแสร้งทาเป็ นดูของที่ร้านขายของเล็ก ๆ ข้าง ๆ ทันที

ฝ่ ายชายบอกว่าจะดูจากไกล ๆ ย่อมไม่สามารถเห็นหน้าได้

เจ้ารองฉวี่ก็เข้าใจได้ เขารี บออกมา เมื่อเห็นแม่ของพี่สะใภ้สี่


จ้าว เขาก็กวาดตามองไปรอบ ๆ ด้วยความไม่มนั่ ใจว่าควรจะ
มองใคร
คุ ณ แม่ จ ้า วรี บ เดิ น เข้า มาพู ด กับ เขา “คนที่ ยื น ตรงแผงลอย
ทางซ้าย ใส่ เสื้ อกันหนาวลายดอกไม้ ใส่ กางเกงสี ดารองเท้าสี
ดา”

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วพูดอย่างมีความสุ ข “คนที่ผมยาว ๆ นัน่


ไง”

บอกใบ้ดว้ ยลักษณะเฉพาะมากขนาดนี้ ถ้าเจ้ารองฉวี่ยงั ไม่เจอ


อีกก็โง่เต็มทน ดังนั้นเขาจึงเห็นเสี่ ยวหงในทันที แต่น่าเสี ยดาย
ที่เขาแอบรู ้สึกผิดหวัง

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเคยเจอสาวอีกคนหนึ่งมาก่อน การจะเปิ ดรับ


สาวคนนี้ อย่างไม่เต็มใจก็ยงั เป็ นไปได้ แต่ เป็ นเพราะเคยเจอ
คนๆ นั้น เมื่อมาเทียบกันแล้วสาวคนนี้จึงไม่เข้าตาเลย
ตอนที่ 228 ไม่ ชอบ

การดู จากระยะไกลทาเพีย งมองปราดเดี ยวเท่ านั้น ไม่ มีการ


พูดคุย แสร้งทาเป็ นไม่รู้จกั จากนั้นก็เสร็จสิ้ นการดูตวั

แม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วดึงคุณแม่จา้ วไปคุยด้วยความกระตือรื อร้น


อยูพ่ กั ใหญ่ คุณแม่จา้ วจัดการเรื่ องนี้อย่างฉับไว หลังจากพูดจา
ตามมารยาทแล้ว เมื่ อ เห็ น ว่ามี คนเรี ย กรถเพื่อ กลับบ้านของ
ตนเอง นางจึงรี บบอกลาแม่ของพี่สะใภ้สี่จา้ วอย่างรวดเร็ว

คุณแม่จา้ วไม่ได้ซ้ื อของ แต่ไช่ ซื่อหู่ ก็ยงั ยัดเนื้ อหมูให้นางครึ่ ง


ชัง่ บอกว่าไม่ตอ้ งการเงิน คุณแม่จา้ วจึงรับไว้อย่างช่ วยไม่ได้
คิดว่ากลับไปต้องคุยกับจ้าวเหวินเทาสักหน่ อย ถึงอย่างไรนี่ ก็
เป็ นน้ าใจที่มีต่อจ้าวเหวินเทา
เจ้า รองฉวี่ รู้ สึกอิ จ ฉามาก เขาเองก็ ท ราบดี ว่ า เป็ นเพราะ
จ้า วเหวิน เทา ไช่ ซื่ อ หู่ ถึ ง ได้ใ ห้เ นื้ อ หมู ก ับคุ ณ แม่ จ ้า ว จึ ง อด
ไม่ได้ที่จะคิดว่าเมื่อไรเขาจะเป็ นแบบจ้าวเหวินเทาสักที?

เมื่อมาคิด ๆ ดู แล้ว พวกคนหนุ่ มในหมู่บา้ นบางส่ วนก็มีคนที่


ใช้ชี วิ ต ดู เ หมื อ นว่ า จะดี ก ว่ า เขา คิ ด แบบนี้ ก็ แ อบจิ ต ตกอยู่
เหมือนกัน

คุณพ่อจ้าวมาที่นี่เพื่อขายไม้กวาด เป็ นไม้กวาดที่เขาผูกเองตอน


อยูท่ ี่บา้ น มีความทนทานและแข็งแรง แถมราคายังไม่แพง ใช้
เวลาเพียงไม่ นานก็ถูกซื้ อไปจนหมด เขาจึ งใช้เงิ นส่ วนนี้ ซ้ื อ
เกลือและพริ กฮวาเจียว

เมื่อเห็นว่าคุณแม่จา้ วเดินกลับมามือเปล่า คุณพ่อจ้าวจึงบุย้ ปาก


เป็ นผูใ้ หญ่ขนาดนี้แล้วแต่กลับไม่มีความจริ งจังสักนิดเลย!

“จะกลับแล้วเหรอ ตลาดยังไม่วายเลยนะ!” ภรรยาของเหล่ า


หวังสามเห็นคุณแม่จา้ วจึงกล่าวทักทาย
คุ ณแม่จา้ วกล่าว “ของแพงจะตาย มาดู ก็พอแล้ว นี่ ก็สายแล้ว
ด้วย กลับดีกว่า”

“เหวินเทาของป้าได้เงินเยอะขนาดนั้น ป้าเป็ นแม่ของเขาจะไม่มี


ปัญญาซื้อของแพงได้ไง!” ภรรยาของเหล่าหวังสามหัวเราะร่ า

“ได้เงินอะไรกันล่ะ ติดหนี้ กอ้ นโตทั้งนั้นแหละ!” คุ ณแม่จา้ ว


รี บพูด

“ป้ าอย่ามาปิ ดบังกันเลย ใคร ๆ ก็รู้ว่าจ้าวเหวินเทาลูกชายของ


ป้ ามีเงิน!” ภรรยาของเหล่าหวังสามพูดเสี ยงสู ง พูดจนคนที่อยู่
ข้าง ๆ หันมามอง

คุณแม่จา้ วรู ้สึกรังเกียจมาก นางจึงเร่ งคนขับสู งอายุให้รีบออก


รถ ชายชราจึงฟาดแส้ดว้ ยรอยยิม้ จากนั้นขาทั้งสี่ ขา้ งของลาตัว
เล็กก็กระตุกก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเท้าไปอย่างช้า ๆ
“ภรรยาของเหล่ าหวังสามคนนี้ ปากมากจริ ง ๆ วัน ๆ เอาแต่
พูดจาเหลวไหลฉอด ๆๆ!” คุณแม่จา้ วพูดด้วยความโมโห

คุณพ่อจ้าวกล่าว “แล้วคุณจะไปสนใจทาไม!”

“อยู่หมู่บา้ นเดี ยวกัน อีกฝ่ ายคุ ยกับคุ ณ คุ ณจะไม่ตอบกลับได้


เหรอ?” คุณแม่จา้ วบ่นอีกครั้ง

สถานที่ มีขนาดใหญ่ คนที่ อยู่ในตลาดจึ งแบ่ งกันเดิ นกระจัด


กระจาย มีของกองทั้งทางตะวันออกและตะวันตก สิ นค้าย่อม
ไม่สามารถเทียบกับตอนนี้ ได้ แต่ตอนนี้ ก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์
แล้ว มีท้ งั ของกินและเสื้ อผ้า เรี ยกได้ว่ามีทุกอย่าง ไม่ว่าจะซื้ อ
หรื อขาย ทุกคนต่างก็หน้าตาแจ่มใสดูมีจิตวิญญาณมากเลย!

ในยุคนี้เป็ นยุคที่สดใส เปล่งประกายด้วยพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน


ไม่วา่ ใครจะเจอหน้าใครก็จะเข้าหากันโดยไม่ตอ้ งนัดหมาย
ตอนนี้เป็ นเวลาประมาณสิ บโมงกว่า ๆ แล้ว มีบางคนที่ซ้ือของ
เสร็ จไม่มีอะไรทาแล้วจึงเริ่ มเดินทางกลับ คุณแม่จา้ วกลับไป
พร้อมกับพวกเขาเหล่านั้น พูดคุยเรื่ องสัพเพเหระถึงของที่ อยู่
ในตลาด คุยกันสนุกสนานหัวเราะเริ งร่ าจนกลับมาถึงหมู่บา้ น

คุณแม่จา้ วไปที่บา้ นของจ้าวเหวินเทา ลูกชายไม่อยูบ่ า้ น แต่กย็ งั


มีลูกสะใภ้อยู่ นางต้องไปคุยเรื่ องเนื้ อหมู ส่ วนคุณพ่อจ้าวเดิ น
กลับบ้านไปก่อน

เจ้ารองฉวีเ่ ดินโอ้เอ้ตามมาด้วย

“เป็ นอะไร?” คุณแม่จา้ วถาม

เจ้ารองฉวีไ่ ม่ตอบ

คุณแม่จา้ วเอือมระอา “เด็กคนนี้ มีอะไรก็พูดมาสิ ไม่ชอบหรื อ


ว่าชอบ?”
เจ้า รองฉวี่ล ัง เลอยู่ค รู่ ห นึ่ ง จากนั้น ก็ส่ า ยหน้าอย่า งเด็ดเดี่ ยว
“ไม่ได้!” พูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไป

“อะไรนะ? ไม่ได้ ไม่ชอบเหรอ?” คุณแม่จา้ วเห็นเขารี บเดินไป


ก็โกรธจนกระทืบเท้า “ลูกของเหล่าฉวี่คนนี้ ทาไมถึงเป็ นแบบ
นี้นะ พูดมากอีกสักประโยคจะตายรึ ไงเนี่ย!”

เมื่อมาถึงบ้านของจ้าวเหวินเทา จ้าวเหวินเทาก็ยงั ไม่กลับ มา


ภายในบ้านจึงเหลือแค่เย่ฉูฉู่คนเดี ยว นางกาลังกล่อมลูกและ
เลื อ กถั่ ว เหลื อ งไปพลาง ๆ นางคิ ด ว่ า จะปลู ก ถั่ ว งอกไว้
รับประทาน เมื่อเห็นคุณแม่จา้ วเดินเข้ามา ในมือยังมีเชือกป่ าน
ด้วย เชือกป่ านนั้นมัดเนื้อหมูไว้ดา้ นใน

“คุณแม่ รี บขึ้นมานัง่ บนเตียงก่อนค่ะ นี่คือ?” เย่ฉูฉู่รีบทักทาย

คุณแม่จา้ วหาจานหนึ่งใบเพื่อวางเนื้อไว้บนนั้น จากนั้นก็ข้ ึนไป


นัง่ บนเตียงและเริ่ มเล่าเรื่ องที่ช่ายซื่อหู่ให้เนื้อหมูกลับมา
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุ ณแม่ เขาให้คุณแม่มาก็เอากลับไป
เถอะค่ะ พวกเราไม่ได้ขาดแคลนเนื้อหมูสักหน่อย”

“แม่รู้อยูแ่ ล้วว่าพวกเธอไม่ได้ขาดแคลนเนื้อหมู แต่กเ็ ป็ นเพราะ


เห็นแก่หน้าของเหวินเทาถึงได้ให้มาไม่ใช่ เหรอ?” คุณแม่จา้ ว
กล่าว

เย่ฉูฉู่เข้าใจถึงความหมายของแม่สามี “งั้นรอเหวินเทากลับมา
หนูจะบอกเขาให้นะคะ คุณแม่คะ เขาชอบกันรึ เปล่าคะ?”

บางครั้งเย่ฉูฉู่กม็ ีช่วงเวลาซุบซิบอยูเ่ หมือนกัน

คุณแม่จา้ วหัวเราะพลางส่ ายหน้า จากนั้นก็เล่าถึงท่าทางของเจ้า


รองฉวีก่ ่อนหน้านี้

เย่ฉูฉู่ประหลาดใจมาก “พวกเขาเคยเจอกันมาก่อนไม่ใช่ เหรอ


คะ?”
“ฝ่ ายหญิงเคยเจอเขามาก่อน แต่ฝ่ายชายยังไม่เคยเจอ” คุณแม่
จ้าวอธิ บาย “แม่ว่าผูห้ ญิงคนนั้นผอมไปหน่อย แม่ของพี่สะใภ้
สี่ บอกว่ารู ปร่ างดี แต่กไ็ ม่ได้เป็ นแบบนั้น!”

เย่ ฉู ฉู่ ไ ด้ยิ น ว่ า เจ้า รองฉวี่ ไ ม่ ไ ด้ช อบคนที่ แ ม่ ข องพี่ ส ะใภ้สี่


แนะนาให้ งั้นก็สามารถเตรี ยมคนคนนั้นของเฮ่อซงจือได้แล้ว
สิ

คุ ณแม่จา้ วกล่าว “ลูกไปบอกเฮ่ อซงจือนะ บอกให้ผูห้ ญิ งคน


นั้นหาข้ออ้างเพื่อมาสักครั้ง พวกเราจะได้มาดูตวั กันด้วย ดูว่า
เจ้ารองฉวีส่ นใจไหม”

“เฮ่อซงจือบอกว่า พวกเขาเคยเจอกันมาก่อน แล้วก็เคยคุยกัน


แล้วด้วย แต่เจ้ารองฉวี่ไม่ ยอมรั บ ไม่รู้ว่าใครพูดจริ งกันแน่ ”
เย่ฉูฉู่คิดว่าเฮ่อซงจือคงไม่โกหกนาง เช่นนั้นก็คงเป็ นผูห้ ญิงคน
นั้นที่พูดโกหก
คุณแม่จา้ วกล่าว “ถึงเวลานั้นรอดูว่าเจ้ารองฉวี่เห็นด้วยไหมก็รู้
แล้วล่ะ มา เสี่ ยวไป๋ หยาง ขอย่าอุม้ หน่อยซิ!”

คุณแม่จา้ วปรบมือตรงหน้าเสี่ ยวไป๋ หยาง ทาท่าจะอุม้ เขา

เสี่ ยวไป๋ หยางหัวเราะออกมาด้วยรอยยิม้ ที่มีความสุ ขมาก

“ตายแล้วเด็กคนนี้ ยิม้ แล้วดูดีมากเลยนะเนี่ย!” คุณแม่จา้ วเอ็นดู


หลานคนนี้มาก

“ไปหาคุณย่าสิ ลูก” เย่ฉูฉู่ยนื่ เสี่ ยวไป๋ หยางให้คุณแม่จา้ ว

เสี่ ยวไป๋ หยางอ้าแขนกว้างใส่ คุณแม่จา้ ว ทาเอาคุณแม่จา้ วถึงกับ


มีความสุ ข เมื่อได้อุม้ ก็ยกหลานขึ้นสู ง เสี่ ยวไป๋ หยางจึงแกว่ง
เท้าเล็ก ๆ และหัวเราะออกมาอีกครั้ง

“เด็กคนนี้อว้ นแล้วนะ” คุณแม่จา้ วลองชัง่ น้ าหนักดู

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “กินอิ่มก็นอน นอนอิ่มก็กิน จะไม่อว้ น


ได้ยงั ไงล่ะคะ!”
คุณแม่จา้ วหัวเราะ “กินอิ่มนอนหลับก็ดีแล้วล่ะ! จริ งไหมเสี่ ยว
ไป๋ หยาง?”

เสี่ ยวไป๋ หยางพ่นน้ าลายใส่ คุณแม่จา้ วรัว ๆ

“คุ ณแม่ คะ อยู่กินข้าวด้วยกันที่ นี่สิคะ เดี๋ ยวหนู จะไปทาให้”


เย่ฉูฉู่กล่าว

“แม่คงไม่อยูก่ ินที่นี่แล้วล่ะ ที่บา้ นยังมีพ่อเธออีกคนนะ” คุณแม่


จ้าวบอก หลังจากเล่นกับเสี่ ยวไป๋ หยางครู่ หนึ่งก็ยื่นกลับมาให้
เย่ฉูฉู่ นางลุกขึ้นและเตรี ยมตัวจะกลับบ้าน

เย่ฉูฉู่ลงั เลที่ จะพูด “คุ ณแม่คะ อีกคนหนึ่ งที่ จะแนะนาให้เ จ้า


รองฉวี่ พี่สะใภ้สี่รู้จะโกรธหนูรึเปล่า?”

คุณแม่จา้ วส่ งเสี ยง ‘ชิ’ ออกมา “จะโกรธอะไรกัน? ไม่ใช่พวก


เราทาให้เกิดเรื่ องแย่สักหน่อย เป็ นเพราะเจ้ารองฉวี่ไม่ชอบเอง
ต่างหากล่ะ! อีกฝ่ ายไม่ชอบคนที่แนะนาให้กต็ อ้ งหาคนอื่นสิ มี
เหตุผลแบบนี้ ที่ไหนกัน! ลูกก็ไม่ตอ้ งไปคิดอะไรให้มากมาย
ถ้ายัยนัน่ กล้ามาหาเรื่ อง เดี๋ยวแม่ด่าให้เอง!”

เย่ฉูฉู่ทราบดีว่าแม่สามีเอนเอียงมาที่นาง จึงรี บพูด “คุณแม่ นี่


แหละค่ะที่หนูกงั วล”

“งั้นก็ไม่ตอ้ งกังวลอะไรแล้ว ไม่เป็นไรหรอก งั้นแม่กลับก่อน


นะ” คุณแม่จา้ วพูดจบก็เดินออกไป

เย่ฉู ฉู่ ส่ ง แม่ ส ามี ก ลับ ไปแล้ว ก็รู้ สึ ก ว่า ที่ แ ม่ ส ามี พู ด ก็ถู ก เจ้า
รองฉวี่ไม่ ชอบคนที่ พี่สะใภ้สี่แนะนาให้ แต่ ก็ไม่ สามารถอยู่
เป็ นโสดแบบนี้ โดยไม่หาคนอื่นไม่ใช่ เหรอ ระหว่างที่คิดก็อุม้
เสี่ ยวไป๋ หยางไว้ในอ้อมกอด นางบอกให้ลูกลิ งเฝ้ าบ้านให้ดี
จากนั้นก็ไปบอกเรื่ องนี้กบั เฮ่อซงจือ

เฮ่อซงจือได้ยินว่าเจ้ารองฉวี่ไม่ชอบคนคนนั้น ก็รู้สึกดีใจมาก
เธอเองก็จะได้ไปบอกกับเพื่อนสนิ ทด้วย เมื่ อตอบตกลง อี ก
สองวันเธอจะส่ งข้อความไปหา เพื่อให้อีกฝ่ ายพาน้องสาวมา
ที่นี่ เมื่อดูตวั กันแล้วก็ค่อยมาว่ากัน

คุ ณแม่จา้ วกลับไปก็คุยกับพี่สะใภ้สี่จา้ ว บอกว่าเจ้ารองฉวี่ไม่


ชอบ สิ่ งนี้ ทาให้พี่สะใภ้สี่จา้ วเหนื อความคาดหมายมาก โดย
ปกติถา้ ฝ่ ายหญิงยินดี ส่ วนมากก็ประสบความสาเร็ จแล้ว ถึง
อย่างไรหากให้ฝ่ายชายไปหาภรรยาเองดูเหมือนว่าจะยากกว่า
ให้ฝ่ายหญิงหาสามีเสี ยอีก
ตอนที่ 229 ทาได้ ทนั เวลาพอดี

แต่ พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วก็ไ ม่ ไ ด้คิ ด อะไรให้ลึ ก ซึ้ ง หล่ อ นคิ ด ว่ า ไม่
สาเร็จก็ดีเหมือนกัน จะได้ลดข้ออ้างไม่ให้แม่หล่อนมาที่นี่ดว้ ย

เย่ฉูฉู่คุยกับเฮ่อซงจือเสร็จตอนค่าก็มาเล่าให้จา้ วเหวินเทาฟั งอีก


รอบ จ้าวเหวินเทารี บพูดว่า “มันจะทาไมกันล่ะ เจ้ารองฉวี่ไม่
ชอบ คุณยังคิดจะบังคับให้เจ้ารองฉวีช่ อบให้ได้เหรอ? มีแบบนี้
ที่ไหนกัน?”

เย่ฉูฉู่ถลึงตาใส่ สามีปราดหนึ่ ง “คุยกับคุณนี่มนั ไม่ได้อะไรเลย


จริ ง ๆ!”

“ภรรยา ผมเข้าใจความหมายของคุณนะ” จ้าวเหวินเทารี บพูด


“อัน ที่ จ ริ ง คุ ณ ไม่ ต ้อ งกัง วลหรอก เรื่ อ งการแต่ ง งานมันอยู่ที่
ความปรารถนาของคนทั้ง คู่ แตงที่ ฝื นเด็ด จากต้นยัง ไงก็ไม่
หวานหรอก!”

เย่ฉูฉู่ถูกหยอกจนหลุดหัวเราะ แม้แต่คาพูดนี้ สามีของเธอก็ยงั


พูดออกมาได้

“เอาล่ ะค่ ะ ฉันรู ้ แล้ว พวกเรากิ นข้าวกันเถอะ” เย่ฉูฉู่ยดั เสี่ ยว


ไป๋ หยางไว้ในอ้อมอกของเขา ก่อนจะเดินไปยกกับข้าวมาจัด
วางที่โต๊ะ

เจ้า ลิ ง น้อ ยก็เ ดิ น ต้ว มเตี้ ย มหยิบ ตะเกี ย บมา ส่ ว นอาหารไม่


สามารถปล่อยให้มนั ยกมาได้ เพราะเป็ นเรื่ องง่ายที่จะทาหก แต่
ตะเกียบสามารถถือได้ ขอแค่ลา้ งมือของเจ้าลิงหลาย ๆ ครั้งก็
พอ

ในบ้า นมี ส ามคนหนึ่ ง ลิ ง หลัง จากรั บประทานอาหารเสร็ จ


เย่ฉูฉู่เห็นว่าเสี่ ยวไป๋ หยางง่วงแล้ว จึงกล่อมลูกเข้านอน ก่อน
หยิบกางเกงบุฝ้ายที่ยงั เย็บให้สามีไม่เสร็จออกมา และเริ่ มลงมือ
เย็บ

“ภรรยา ท าตอนเช้า เถอะ ท าตอนค่ า เดี๋ ย วก็ป วดตาหรอก”


จ้าวเหวินเทากล่าว

“นี่มนั หลอดไฟนะคะ ไม่ใช่ตะเกียงน้ ามันสักหน่อย ไม่ปวดตา


หรอก นี่กเ็ หลืออีกไม่เยอะแล้ว เหลือแค่ส่วนเอวก็เสร็ จแล้วล่ะ
คุณออกไปขายของ อากาศหนาวจะตาย ต้องรี บทากางเกงดี ๆ
ให้คุณใส่ ขาจะได้ไม่แข็งไง” เย่ฉูฉู่กล่าว

เธออยูบ่ า้ นตลอด หากรู ้สึกหนาวก็ข้ ึนไปนัง่ บนเตียงได้ แต่จา้ ว


เหวินเทาทาแบบนั้นไม่ได้ เขาต้องออกไปวิ่งรถข้างนอกตั้งแต่
เช้าทุ กที่ ไม่ มีเตี ยงเตา ทั้งยังต้องขับรถอี ก ลมก็แรงมากด้วย
ตอนนี้ ตอ้ งเผชิ ญกับลมตะวันตกเฉี ยงเหนื อ ถ้าปกป้ องตัวเอง
ไม่ดีก็อาจจะถูกลมพัดจนเกิ ดเหน็บชาได้ แม่ของเธอบอกว่า
เหน็บชาเป็ นโรคที่ทาให้คนแก่ทรมาน เธอไม่อยากให้สามีตอ้ ง
ทรมาน ดังนั้นอย่างแรกคือต้องทากางเกงบุฝ้ายให้สามีก่อน

ด้านในใช้ผา้ เก่า ๆ ของปี ที่แล้ว ส่ วนผ้าฝ้ายที่ติดกับผิวหนังใช้


ผ้าฝ้ ายใหม่ ด้านนอกใช้ผา้ เก่า เขาว่ากันว่าผ้าฝ้ายเก่าสามารถ
กันลมได้ ตรงหัวเข่า ข้อเท้าและเอวเย็บด้วยหนังแกะ ทาแบบนี้
ก็เพื่อกันลม

“ภรรยา คุณช่างแสนดีจริ ง ๆ เลย” จ้าวเหวินเทาเดินเข้ามากอด


และหอมภรรยาของเขา

เย่ฉูฉู่ตาหนิเขาด้วยสายตา “พูดกี่รอบแล้ว ไม่เห็นมีอะไรแปลก


ใหม่เลยสักนิด”

จ้าวเหวินเทารี บพูด “ภรรยา ได้แต่งงานกับคุณแล้วทาให้ผมมี


ความสุ ขแปดชัว่ อายุคนเลยนะ!”

“แค่แปดชัว่ อายุคนเองเหรอ?” เย่ฉูฉู่ไม่พอใจ


“สิ บแปดชัว่ อายุคน!”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “คาพูดของคุ ณทาให้ฉันนึ กถึงคาพูดด่ าสาปส่ ง


ของภรรยาเหล่ า หวัง สามเลย หล่ อ นแช่ ง คนนั้น สิ บแปดชั่ว
โคตรเลยนะคะ”

“ภรรยา คุณเอาผมไปเทียบกับภรรยาของหมอนัน่ ได้ไง? ที่ผม


พูดเป็ นเรื่ องจริ งนะ ผมออกไปวิ่งข้างนอกนานขนาดนี้ แ ล้ว
ติดต่อกับผูค้ น มีท้ งั ที่มีภรรยาแล้วและยังไม่มีภรรยา พวกเขา
ต่างก็ไม่มีใครได้สวมใส่ เสื้ อผ้าดีๆ แบบผมเลย และไม่มีใครได้
กิ น ของดี ๆ แบบผมด้ว ย” จ้า วเหวิ น เทากล่ า วด้ว ยอารมณ์
ความรู ้สึก

เย่ฉูฉู่กาลังร้ อยด้ายเข้าไปในเข็มเพื่อเย็บผ้า ทว่านั่นก็ไม่อาจ


หยุดไม่ให้เธอพูดได้ “เพราะพวกเขาฐานะไม่ดีไงคะ ตอนนี้ มี
คนจนเยอะมากเลยนะ”
“ภรรยา ผมจะบอกอะไรให้นะ จริ ง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่ องความ
ยากจนหรอก ยกตัวอย่างเช่ นเสื้ อผ้า พอขาดก็เอามาปะได้ ผม
ไม่เชื่อหรอกว่าในบ้านจะไม่มีแม้แต่ผา้ ขาด ๆ? ถึงสกปรกก็เอา
มาซักได้นี่ น้ าในชนบทก็ไม่ได้ขาดแคลนสักหน่ อย ไม่ได้กิน
ของดี ๆ ก็เ อาผัก ดองเค็ม ใส่ น้ า มัน สั ก หน่ อ ยก็ไ ด้แ ล้ว ไม่ ใช่
เหรอ? แต่ดนั กินก้อนผักดองเค็มแบบนั้น ไหนจะกินโวโวโถว
แป้ งข้าวโพดแข็งโป๊ กอีก นี่ไม่ใช่เรื่ องของความยากจนหรอก”
จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “บางทีเขาอาจจะไม่มีน้ ามันก็ได้นะคะ?”

“ใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีแม้แต่น้ ามัน สามารถจังเลยนะ!” จ้าวเหวินเทา


ทาท่าทางพูดไม่ออก

เย่ฉู ฉู่ ม องใบหน้า ของสามี พ ลางพู ด เสี ย งเบา “แต่ ล ะคนไม่


เหมื อนกัน คุ ณคิ ดว่าขอแค่ มีน้ ามันและเนื้ อก็ใช้ชีวิตผ่านไป
อย่ า งง่ า ยดายก็ จ ริ ง แต่ ส าหรั บ คนอื่ น อาจจะเป็ นเรื่ องที่
ยากลาบากมาก ตอนนี้มีคนจนเยอะ อยูข่ า้ งนอกคุณก็อย่าได้ไป
ดูถูกพวกเขาเหล่านี้เลย ทาแบบนี้มนั ไม่ดีนะคะ”

จ้าวเหวินเทาชะงัก เขาหอมภรรยาด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่ ได้โง่


ขนาดนั้นสักหน่อย! ชีวติ ของคนอื่นจะใช้ยงั ไงผมไม่ยงุ่ อยูแ่ ล้ว
ขอแค่ใช้ชีวติ ของตัวเองผ่านไปได้ดว้ ยดีกพ็ อ”

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ค่ะ คุ ณอยู่ขา้ งนอกก็ระวังหน่ อย โดยเฉพาะ


คาพูด อย่าได้ทาให้คนอื่นขุ่นเคืองเลยนะคะ มันไม่คุม้ ”

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ตกลง ภรรยา ผมจะจาคาพูดของคุณไว้


ในใจเสมอ!”

“เลิกพูดมากได้แล้วค่ะ รี บไปนอน วันพรุ่ งนี้ คุณยังต้องตื่นเช้า


ไม่ใช่เหรอ?” เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา

“ภรรยา คุณไปนอนเป็นเพื่อนผมหน่ อยนะ ไม่ง้ นั ผมนอนไม่


หลับ” จ้าวเหวินเทาพูดออดอ้อน
เย่ฉูฉู่หัวเราะไม่ ได้ร้องไห้ไม่ ออก “พอสักที เถอะค่ะ เลิ กพูด
มากอยูต่ รงนี้ได้แล้ว รี บไปนอนเร็วเข้า ฉันเย็บอีกสองสามรอบ
ก็เสร็จแล้ว พรุ่ งนี้คุณจะได้เอาไปใส่ ดว้ ย”

จ้า เหวิน เทาโอบกอดและหอมภรรยาอยู่ครู่ หนึ่ ง จึ ง ยอมเข้า


นอน

เย่ฉูฉู่ต้ งั ใจอยู่กบั การเย็บกางเกงบุฝ้าย เพียงไม่นานก็เย็บเสร็ จ


แล้วเอากางเกงตัวนอกของสามีมาเทียบดู…พอดีเป๊ ะ

เมื่อมองดู เวลา ตอนนี้ เพิ่งจะสามทุ่มกว่า เย่ฉูฉู่จึงหยิบเสื้ อกัก๊


ออกมาจากตู ห้ นึ่ งตัว นี่ เ ป็ นชุ ด ที่ เ ธอเพิ่ง ท าเมื่ อ สองวันก่ อน
ตอนนี้ เหลื อแค่ เย็บกระดุ มแล้ว ภายหลังจึ งพบว่าทาเป็ นซิ ป
ดี ก ว่ า กระดุ ม จึ ง ไม่ ไ ด้เ ย็บ กระดุ ม ติ ด ไว้ วัน นี้ สามี ก็ซ้ื อ ซิ ป
กลับมาให้แล้ว ตอนนี้ยงั เหลือเวลาเย็บอยู่ พรุ่ งนี้กน็ าไปใส่ ได้
แล้ว
เสื้ อกัก๊ ตัวนี้ดา้ นหลังใช้เป็ นหนังแกะ การรักษาความอบอุ่นให้
แผ่นหลังเป็ นเรื่ องที่สาคัญมาก

กว่าเย่ฉูฉู่จะเย็บเสร็ จก็สี่ทุ่มแล้ว เธอพับผ้าวางไว้ที่ปลายเตียง


หลังจากล้างมือถึงกลับขึ้นไปนอนบนเตียง จากที่คานวณไว้วา่
จะรี บทาเสื้ อกันหนาวบุ นวมอย่างหนาให้สามี ในอี กสองวัน
ข้างหน้าก็ไม่เป็ นปัญหาแล้ว

ส่ วนของเสี่ ยวไป๋ หยางมีเสื้ อกันหนาวและกางเกงกันหนาวบุ


นวมหนาที่คุณแม่เย่ทาไว้ให้ก่อนไปเมืองหลวงหนึ่ งชุ ด ผ่าน
ไปอีกสองวันก็ใส่ ได้พอดี ส่ วนตัวเธอใส่ ชุดของปี ที่แล้วก็ได้
เพราะยังใหม่มากอยู่

วันรุ่ งขึ้นจ้าวเหวินเทาก็ลุกขึ้นจากเตียงตั้งแต่เช้า ตอนที่เขาสวม


เสื้ อเสร็ จและได้เห็น ก็พบว่าไม่ เพียงมี แค่กางเกงบุ ฝ้ายแบบ
หนาที่ภรรยาเย็บเสร็ จแล้ว แต่ยงั มีเสื้ อกัก๊ หนา ๆ อีกหนึ่ งตัว
ด้ว ย เขารู ้ สึ ก อบอุ่ น ภายในใจ เมื่ อ หัน กลับ ไปมองภรรยาก็
พบว่ากาลังนอนหลับสบาย เขาจึงสวมใส่ อย่างระมัดระวัง ลง
จากเตียงและออกจากประตูหอ้ ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตอนที่ผลัก
ประตูออกมาจะเจอกับโลกที่เต็มไปด้วยสี ขาวโพลน ที่แท้เมื่อ
คืนก็หิมะตกนี่เอง

เสื้ อของภรรยาที่ทาออกมาได้เวลาพอดีเลยจริ ง ๆ ขณะหิ มะตก


ยังไม่หนาว แต่หลังจากที่หิมะตกเสร็ จจะเป็ นช่วงที่หนาวที่สุด
จ้าวเหวินเทาที่ สวมกางเกงผ้าฝ้ ายหนาและเสื้ อกัก๊ หนาจึ งไม่
รู ้สึกหนาวแม้แต่นอ้ ย ทั้งยังรู ้สึกอบอุ่นด้วย

เมื่อเย่ฉูฉู่ตื่นขึ้นมาจ้าวเหวินเทาก็ขบั รถออกไปแล้ว เธอจึงเห็น


หิ มะที่อยู่ขา้ งนอก แม้จะตกไม่หนัก แต่ตอนนี้ ที่เป็นช่ วงหิ มะ
ตกก็ยงั หนาวมากอยูด่ ี ตอนนี้เธอรู ้สึกหนาวกว่าทุก ๆ วันที่ผา่ น
มา ต้องอุ่นเครื่ องทาความร้อน! เย่ฉูฉู่ตดั สิ นใจแล้ว

ถ่านและฟื นถูกกองไว้หลังบ้าน จ้าวเหวินเทาเตรี ยมไว้อย่างดี


ก่อนหน้านี้แล้ว ฟื นมีท้ งั หมดสองประเภท อย่างแรกคือเปลือก
ข้าวโพดและซังข้าวโพด ส่ วนอีกอย่างคือท่อนไม้เล็ก ๆ และ
กิ่งไม้ แรกเริ่ มนาเปลือกข้าวโพดใส่ เข้าไปในเตาก่อน เพื่อใช้
จุดไฟ จากนั้นนาซังข้าวโพดใส่ เข้าไป ตามด้วยกิ่งไม้และท่อน
ไม้เล็ก รอจนไฟปะทุข้ ึนมา เมื่อไฟลุกดี แล้วจึงใส่ ถ่านเข้าไป
ถ่ า นห้า มใส่ ชิ้ น ใหญ่ เ กิ น ไป เพราะจะท าให้ไ ฟกระจายตัว
หลัง จากถ่ า นถู ก เผาอย่า งดี แ ล้ว จะใส่ ถ่ า นชิ้ น ใหญ่ ก็ ไ ม่ ใ ช่
ปัญหา

ในยุค สมัย นี้ ในชนบทมี ไ ม่ กี่ ค นที่ เ ผาถ่ า น ตระกูล เย่ ก็ไ ม่ มี
เช่นกัน แต่จากประสบการณ์คนที่มีเตาไฟ เย่ฉูฉู่ออกแรงเพียง
ไม่มากก็สามารถจุดไฟในเตาได้แล้ว

เมื่อไฟแรงขึ้น เครื่ องทาความร้อนก็เริ่ มปล่อยอุณหภูมิที่อบอุ่น


ออกมา ภายในห้องจึงอุ่นขึ้น

ของชิ้นนี้ ดีจริ ง ๆ เย่ฉูฉู่คิด ไม่แปลกใจเลยที่คนในเมืองจะใช้


เครื่ องทาความร้อน
ไม่ตอ้ งไปดูเตาบ่อย ๆ แค่เติมถ่านเป็ นระยะก็พอแล้ว

เย่ฉูฉู่มองดู ลูกชายที่ กาลังนอนหลับปุ๋ ย เธอจึ งใช้เวลานี้ เ พื่ อ


ทาอาหาร ตอนเช้าทานิดหน่อยเพื่อประหยัดเวลา เปิ ดหม้อเติม
น้ า นาเส้นหมี่แห้งหนึ่งกามือใส่ ลงไป ทอดไข่ดาวหนึ่งฟอง ผัก
ใช้เป็ นผักกาดเขียวหัน่ ฝอย นอกจากนี้ยงั มีผกั กาดขาวดองเค็ม
ด้วย เท่านี้กเ็ รี ยบร้อย!
ตอนที่ 230 ความสั มพันธ์ แม่ ลูก

ลิงน้อยหยิบตะเกียบมารอก่อนหน้านี้ แล้ว เสี่ ยวไป๋ หยางก็ตื่น


แล้วและส่ งเสี ยงร้ อง ‘อุ แว้’ เพื่อเรี ยกหาแม่ เย่ฉูฉู่จึงเปลี่ ย น
ผ้าอ้อมให้เสี่ ยวไป๋ หยางตามปกติ

หลังออกจากอยู่ไฟ เย่ฉูฉู่ก็เริ่ มลองหาวิธีตรวจสอบความถี่ใน


การขับถ่ายของเสี่ ยวไป๋ หยาง เธอพยายามให้เขาปั สสาวะเป็ น
เวลาโดยไม่ตอ้ งใส่ ผา้ อ้อม แรกเริ่ มก็ยงั ไม่ได้ผล จนกระทัง่ ช่วง
นี้ดูเหมือนว่าเสี่ ยวไป๋ หยางจะเข้าใจความหมายของแม่แล้ว เมื่อ
อยากปั สสาวะก็จะส่ งเสี ยงร้องงอแงออกมา แต่ถา้ จะอุจจาระก็
จะทาท่าทางเบ่งออกมาให้เห็น แม้บางครั้งจะพลาดไปบ้าง แต่
เย่ฉูฉู่กพ็ อใจมากแล้ว

นอกจากสัญญาณที่เสี่ ยวไป๋ หยางบอกเธอ เย่ฉูฉู่เองก็จะให้ลูก


ปั สสาวะหนึ่ งครั้ งก่ อ นลุ ก ขึ้ นมาและก่ อ นจะเข้ า นอน
นอกจากนี้ หลังจากดื่มนมสิ บนาทีก็จะปั สสาวะหนึ่ งครั้ง เมื่อ
เป็ นแบบนี้แล้ว ในบางครั้งผ้าอ้อมก็แห้งตลอดทั้งวัน เรื่ องนี้ทา
ให้เย่ฉูฉู่มีความสุ ขมาก

เธอรักความสะอาด ตอนที่ยงั ไม่แต่งงานได้เห็นหลานที่อยูใ่ น


บ้านทั้งสกปรกและเหม็น ส่ วนคนที่เป็ นแม่กป็ ล่อยให้ผมเผ้ายุง่
เหยิงเนื้อตัวมอมแมม เธอไม่อยากให้ตวั เองเป็ นแบบนั้น ดังนั้น
หลังจากที่ มีลูกแล้วจึ งลองที่ จะเปลี่ ยนแปลง แล้วก็ทามันได้
จริ ง ๆ

หลังจากเสี่ ยวไป๋ หยางฉี่ ออกมาในปริ มาณมาก เย่ฉูฉู่กก็ ล่าวชื่น


ชม “ลูกชายของแม่เก่งจริ ง ๆ! แม่รักหนูจงั เลย!”

เสี่ ยวไป๋ หยางปรบมือพร้อมเสี ยงหัวเราะ เย่ฉูฉู่คุยกับลูกชายไป


พลาง ก็สวมใส่ เสื้ อผ้าให้เขาไปพลาง

“หิ มะตกลงแล้ว อากาศเย็นเจี๊ยบเลย พวกเราอุ่นเครื่ องทาความ


ร้อนแล้ว เสี่ ยวไป๋ หยางหนาวรึ เปล่าเอ่ ย?” เย่ฉูฉู่ขยับมื อขยับ
เท้า อย่า งรวดเร็ ว เพี ย งไม่ น านลู ก ชายก็ส วมใส่ เ สื้ อ ผ้า เสร็ จ
จากนั้นก็ลา้ งหน้าล้างมือ

ส่ วนหน้าล้างด้วยน้ านม ส่ วนมือล้างด้วยน้ าอุ่น นอกจากนี้ ยงั


เช็ดรอบคออีกรอบหนึ่งด้วย

เธอล้างทาความสะอาดแบบนี้ให้เขาทุกวัน ตอนค่าก็จะรวมเท้า
และก้นด้วย หากไม่ใช่ฤดูหนาวที่มีอากาศหนาวเย็น เย่ฉูฉู่กค็ ง
จะอาบน้ าให้เขาด้วย ตอนนี้ อากาศหนาว อาบน้ าก็อาจจะเป็น
ไข้ได้ เธอจึงประหยัดเวลาส่ วนนั้นไป แต่ก็ตอ้ งเช็ดทาความ
สะอาดร่ างกาย นี่จึงเป็ นเหตุผลว่าทาไมทุกคนที่เห็นเสี่ ยวไป๋ ห
ยางถึงรู ้สึกได้วา่ เด็กคนนี้เนื้อตัวสะอาดสะอ้านจริ ง ๆ!

เสี่ ย วไป๋ หยางก็เ คยชิ น แล้ว เขาไม่ ไ ด้ร้ อ งไห้ง อแง ทั้ง ยัง ให้
ความร่ วมมือกับแม่ดว้ ยรอยยิม้

หลังจากเช็ดตัวเสร็ จแล้ว เย่ฉูฉู่ก็ลา้ งมือของตัวเองเมื่อได้เวลา


รับประทานอาหาร
ลูกลิงรับประทานบะหมี่ร่วมกับเธอ เสี่ ยวไป๋ หยางเห็นแม่และ
ลูกลิงกาลังรับประทานกันอย่างเอร็ ดอร่ อย ก็ส่งเสี ยงร้อง ‘แอ้
ๆ’ ยืน่ มือเล็ก ๆ ออกมาทาท่าจะกินด้วย เย่ฉูฉู่จึงรี บพูดว่า “ลูก
ยังเด็กกินไม่ได้นะจ๊ะ รอให้โตก่อนแล้วค่อยกินนะลูก”

เสี่ ยวไป๋ หยางก็ไม่ได้ร้องไห้ แต่พูดจาอ้อแอ้ ๆ ตามประสาเด็ก

เย่ฉูฉู่ได้ยนิ มาจากแม่ของเธอ หากคุยกับลูกเยอะ ๆ ลูกก็จะพูด


ได้เ ร็ ว ดัง นั้น เธอจึ ง เป็ นคนเริ่ ม ต้น คุ ย กับ ลู ก ก่ อ น สิ่ ง นี้ เพิ่ ม
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกโดยที่มองไม่เห็น แต่เธอสามารถ
รู ้สึกได้ เมื่อเทียบกับคนเป็ นพ่อแล้ว ลูกจะสนิทกับแม่มากกว่า

ตอนที่ รับประทานอาหารเสร็ จ เสี่ ยวไป๋ หยางได้น อนอยู่ใ น


รถเข็นเด็ก เย่ฉูฉู่ลา้ งถ้วยและหม้อ กวาดพื้น หลังจากเก็บกวาด
เสร็ จ แล้ว จึ ง ไปเติ ม ถ่ า นในเตา ห่ อ ตัว ลู ก ด้ว ยผ้า แน่ น หนา
จากนั้นก็เข็นลูกไปทาธุระในห้องน้ าด้วย
ผูห้ ญิ งคนหนึ่ งที่ ตอ้ งเลี้ ยงลู กเองก็เป็ นแบบนี้ การขับถ่ ายใน
ห้องน้ าจึงกลายเป็ นปั ญหา หากวางลูกไว้ในห้องเธอก็ไม่สบาย
ใจ จึงทาได้เพียงแค่พาติดตัวไปด้วย

คุณแม่จา้ วอยากจะช่ วยดูลูกให้ แต่เธอคิดว่าตนดูแลลูกเองจะ


ดีกว่า มีประโยคนั้นที่กล่าวไว้ว่า ‘ไม่มีพระคุณไม่มีบารมี ตอน
ลูกยังเล็กไม่ได้ดูแล เติบโตมามีคุณสมบัติอะไรไปอบรมสั่ง
สอน?’ เพียงแต่อาจจะลาบากสักหน่อย

หลังจากขับถ่ายเสร็ จแล้ว เธอก็เข็นเสี่ ยวไป๋ หยางไปดูกระต่าย


และสัตว์ตวั อื่น ๆ จากนั้นก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เริ่ มทาการ
เย็บปั กผ้าต่อ หรื อไม่กข็ ีด ๆ เขียน ๆ วาดรู ป ขั้นตอนทั้งหมดนี้
เธอทาไปพร้อมกับพูดคุยกับลูก จนกระทัง่ ลูกเริ่ มง่วงก็กล่อม
ให้เข้านอน ตอนเที่ยงก็นอนไปพร้อมกับลูกด้วย
นี่ คือชี วิตประจาวันของเย่ฉูฉู่หลังจากคลอดลูก ทาซ้ าแล้วซ้ า
เล่า ถูกจัดไว้เป็นระเบียบและน่าเบื่อมาก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
คนเป็ นแม่กแ็ บบนี้แหละ

แต่เงื่อนไขแบบนี้กถ็ ือว่าดี ไม่เหมือนกับพี่สะใภ้สี่จา้ วที่ยงั ต้อง


ออกไปทาไร่ ทาสวน คิดแบบนี้เย่ฉูฉู่กร็ ู ้สึกพึงพอใจเป็ นพิเศษ

หลังจากหิ มะตกอากาศก็หนาวขึ้นเรื่ อย ๆ ลมทางฝั่งตงเหลียง


มาจากลมเหนือ ถึงช่วงเที่ยง เย่ฉูฉู่คลุกไส้ผกั ดองเล็กน้อย เพื่อ
นามาห่อเกี๊ยว เสี ยงของเฮ่อซงจือก็ดงั เข้ามาจากด้านนอก

“มาได้ไงเนี่ย?” เย่ฉูฉู่รีบไปเปิ ดประตู ก็พบว่าเฮ่อซงจือสวมใส่


เสื้ อผ้าราวกับขนมปัง “ลูกล่ะ?”

“ย่ากาลังกล่อมอยู่” เฮ่อซงจือสะบัดหิ มะที่อยู่บนรองเท้าหน้า


ประตู บ้า น หลัง เข้า มาก็ส่ง เสี ย งร้ อ งว้า ว “บ้า นของพวกเธอ
อบอุ่นมากเลย!”
“ฉันอุ่นเครื่ องความร้อนไว้ รี บเข้ามาเถอะ ฉันกาลังทาไส้ อีก
เดี๋ยวจะเอาไปห่ อเกี๊ยวกิน” เย่ฉูฉู่ปิดประตูให้หล่อนเข้าไปใน
ห้อง

“เธอยังมีเวลาห่ อเกี๊ ยวอี กเหรอ?” เฮ่ อซงจือประหลาดใจมาก


“ลูกให้เธอห่อเกี๊ยวเหรอ?”

“ลู กอยู่ในรถเข็นเด็ก ขอแค่ เห็ นฉันก็ไม่ร้องโวยวายแล้ว อี ก


อย่างก็ยงั มีไฉไฉอยู่ดว้ ย” เย่ฉูฉู่วางหม้อลง จากนั้นก็ยา้ ยแผ่น
นวดแป้งมาที่บนเตียง

รถเข็นเด็กอยู่ที่พ้ืน ลิ งน้อยก็กาลังช่ วยดู อยู่ต รงนั้น เมื่ อเห็ น


เฮ่อซงจือมา มันจึงวิง่ หนีไปที่หอ้ งตะวันตก

จนถึงตอนนี้ ลูกลิงก็ยงั กลัวคนอยู่ คาดว่าตอนที่อยู่กบั เจ้าของ


คนเก่าคงได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก่อน
“งั้นฉันช่วยห่ อนะ!” เห้อซวงจือพูดพลางถอดผ้าพันศีรษะออก
แล้วล้างมือ แต่เมื่อเห็นก๊อกน้ าก็พูดด้วยความอิจฉา “สิ่ งนี้ดีจริ ง
ๆ เลยนะ เธอคงไม่รู้ ตอนนี้หิมะตกทีไร น้ าที่สูบจากนอกบ้าน
ก็เย็นจนมือแทบแข็งตาย! โชคดีที่น้ าในบ้านของฉันเหวินจื้อ
เป็ นคนสู บ รอพวกเราสร้างบ้านใหม่ฉันจะต้องติดตั้งสิ่ งนี้ ให้
ได้! แล้วก็เครื่ องทาความร้อนด้วย!”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “ติดไว้เถอะ ของนี้ ดีจริ ง ๆ นะ ทั้งสะดวกและ


อบอุ่นด้วย”

เมื่อของที่จะนามาใช้ห่อเกี๊ยวถูกเตรี ยมไว้ครบแล้ว เย่ฉูฉู่ก็อุม้


ลูกขึ้นมาจากรถเข็นเด็กและวางลงบนเตียง เพื่อให้เขานอนดู
ตนเอง จากนั้นจึงเริ่ มนวดแป้ง

เฮ่ อซงจือถอดรองเท้าขึ้นมานั่งบนเตียง เมื่อก้นสัมผัสเข้ากับ


ความอบอุ่ น หล่ อนขยับร่ างกายซ้ายที ขวาที “ชี วิตของเธอนี่
มันดีจริ ง ๆ เลยนะ!”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ “ทาเหมือนกับชีวติ ของเธอไม่ดีง้ นั แหละ”

“แต่ ถึ ง ยัง ไงก็ไ ม่ ไ ด้ดี เ ท่ า กับ ชี วิ ต ของเธออยู่ดี ! ” เฮ่ อ ซงจื อ


สารวจซ้ายขวา “คนในหมู่บา้ นเราคนที่มีลูกฉันก็เคยไปหามา
ก่อน แม่ม่ายหม่าเอย พี่สะใภ้สี่ของเธอเอย บ้านของพวกหล่อน
หนาวจะตาย เข้าไปทีมีแต่กลิ่นฉี่ เหม็นคลุง้ ไปหมด บ้านของ
พวกฉันก็เหมือนกัน แต่ทาไมบ้านของเธอถึงไม่มีกลิ่นแม้แต่
นิดเดียวเลย แถมยังเหมือนกับบ้านใหม่ดว้ ย!”

เย่ฉูฉู่เข้าใจความหมายของเธอ “คงเป็ นเพราะลูกฉี่ ลงบนพื้น


นัน่ แหละ”

ในชนบทไม่ ได้มีความพิถีพิถนั อะไร โดยเฉพาะพวกเด็ก ๆ


เมื่อฤดูหนาวมาถึง พวกผูใ้ หญ่และเด็กก็จะปั สสาวะลงบนพื้น
ภายในบ้าน ถึงอย่างไรก็เป็ นพื้นดินอยูแ่ ล้ว เมื่อหมักหมมนาน
วันเข้าก็ไม่แปลกที่จะมีกลิ่น!
เย่ฉูฉู่ไม่ได้ทาแบบนี้ ต่อให้เป็ นเด็กหรื อผูใ้ หญ่เมื่อจะปั สสาวะ
ก็จะใช้ถงั ใส่ ข้ ีเถ้า

เฮ่อซงจือประหลาดใจอีกครั้ง “เสี่ ยวไป๋ หยางก็รู้จกั ขับถ่ายเป็ น


แล้วเหรอ?”

“บางครั้งก็รู้บางครั้งก็ไม่รู้ ฉันก็พยายามให้เขาเข้าใจเร็ ว ๆ นี่


แหละ” เย่ฉูฉู่เริ่ มหัน่ แป้งเป็ นชิ้น ๆ “ลูกบ้านเธอโตกว่าบ้านฉัน
ตอนนี้ ก็น่าจะลองพาไปขับถ่ายได้แล้วนะ ฤดูหนาวแบบนี้ มา
นัง่ ซักผ้าอ้อมทรมานตายเลย เธอก็หาถังมาสักถัง ใส่ ข้ ีเถ้าลงไป
ด้านในนิดหน่อย ไม่ว่าจะเด็กหรื อผูใ้ หญ่กข็ บั ถ่ายในนั้นแหละ
แต่อย่าใช้กะละมังนะ เดี๋ยวจะเลอะเทอะออกมาข้างนอก”

“ฉันเพิ่งรู ้นะเนี่ ย เธอสะอาดขนาดนั้นเลย” เฮ่ อซงจือเดาะลิ้น


“แต่แบบนี้กด็ ูจะพิถีพิถนั เกินไปหน่อยหรื อเปล่า เธอไม่กลัวว่า
จะลาบากเลยเหรอ?”
“ถ้าต้องเทียบกับการซักผ้าอ้อม ลาบากเรื่ องนี้ นิดหน่ อยมันจะ
มากมายอะไรกัน” ที่ เย่ฉูฉู่ทาเป็ นบะหมี่ ก่ ึ งแห้ง ซึ่ งก็คื อแป้ ง
ขาวผสมกับแป้งบักวีท

“มันก็จริ ง กลับไปฉันจะไปลองดู นะ” เฮ่ อซงจือหยิบลูกกลิ้ง


ขนาดเล็กมารี ดแผ่นแป้ ง หล่อนมองดูไส้พลางกล่าว “เธอกิน
ไส้ผกั ดองเหรอเนี่ย ทาไมไม่ใส่ เนื้อสักหน่อยล่ะ?”

“ฉันอยากกินไส้ผกั ดองน่ ะ แต่ถา้ เธออยากกิน เดี๋ยวฉันห่ อให้


เธอส่ วนหนึ่งด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ฉันไม่อยู่กินที่นี่แล้วล่ะ ลูกเพิ่งจะกินนมเสร็ จ ไม่ถึงชัว่ โมงก็


ต้องกลับแล้ว ไม่ง้ นั ลูกคงได้ร้องไห้งอแงแน่ ถ้าแม่สามีรู้ว่าฉัน
มากินเกี๊ยวกับเธอที่นี่คงไม่พอใจ จริ งสิ ทาไมเธอไม่ให้แม่สามี
มาช่วยเลี้ยงลูกล่ะ?”
ตอนที่ 231 วิธีกนิ ทีเ่ ป็ นเอกลักษณ์

เย่ฉูฉู่ตดั แบ่งแป้ งเสร็ จแล้ว เธอจึงหยิบตะเกียบมาเพื่อคี บไส้


เกี๊ยว “แม่สามีของฉันดูแลลูกให้ พอลูกโตขึ้นก็ไม่สนิทกับฉัน
แล้ว ถ้าไม่สนิทกันจะอบรมสั่งสอนได้ยงั ไงล่ะ อีกอย่างก็ช่วย
ดูให้ไม่ได้หรอก ลูกต้องกินนมทุกชัว่ โมง ฉันต้องวิ่งเทียวไป
เทียวมา แม่สามีมาที่นี่ก็ตอ้ งเดิ นทางมาอีก ฉันเคยบอกให้พ่อ
แม่สามียา้ ยมาอยู่ดว้ ยกันแล้ว แต่พวกท่านก็ยงั ไม่ยอมมา บอก
ว่าใช้ชีวิตเองเป็ นอิสระดี พวกเราก็ไม่ควรบังคับพวกท่านเพื่อ
ความสะดวกสบายของตัวเองเหมือนกัน ก็เลยปล่อยให้พวก
ท่านอยูก่ นั เองแบบนั้นต่อไปนัน่ แหละ”

เฮ่อซงจือกลับพูดด้วยรอยยิม้ “ฉันว่าแบบนี้ ก็ดีนะ อยู่ดว้ ยกัน


แบบระยะเวลาสั้น ๆ ก็ยงั ดีอยู่หรอก แต่ถา้ อยู่ดว้ ยกันนานวัน
เข้า ต่อให้เป็ นแม่สามีลูกสะใภ้ที่ดีกว่านี้ ก็ตอ้ งมีปัญหาเข้าสัก
วัน! ต่ อให้ไม่ มีปัญหาไม่ เธอก็แม่ สามี นั่นแหละที่ รู้สึกได้ถึง
ความไม่เป็ นธรรม พวกเขาแก่ตวั ไปเดิ นไม่ไหว พูดไม่ ได้ ก็
ควรจะดู แล แต่ ถา้ ยังเดิ นได้ก็ให้พวกท่ านใช้ชีวิตของตัวเอง
เถอะ พ่ อ แม่ ส ามี เ ธอพู ด ถู ก นะ เป็ นอิ ส ระ ไม่ มี อ ะไรส าคัญ
เท่ากับอิสระแล้วล่ะ!”

เย่ ฉู ฉู่ รู้ สึ ก ขบขัน “ท าอย่ า งกับ เธอใช้ชี วิ ต ไม่ เ ป็ นอิ ส ระงั้น
แหละ”

เฮ่อซงจือห่ อเกี๊ยวพลางกล่าว “มันก็ไม่เหมือนกับเธออยู่ดีนั่น


แหละ อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากทาอะไรก็ได้ทา”

เย่ฉูฉู่คิด ๆ ดูแล้วก็คิดว่าใช่ ตอนที่ยงั อยูบ่ า้ นหลังเก่าและไม่ได้


แยกบ้านออกมา แม่สามีอยากกินอะไรก็ตอ้ งทาตามนั้น แม้เธอ
จะไม่สนใจเรื่ องนี้ แต่เฮ่ อซงจือพูดก็มีเหตุผล เมื่ออยู่ดว้ ยกัน
ไม่ ว่า จะรั บ ประทานอะไรก็ต ้อ งถามก่ อ น ไม่ ไ ด้เ หมื อ นกับ
ตอนนี้ที่อยากรับประทานอะไรก็ทาเองได้เลย
คิดแบบนี้แล้ว ใช้ชีวติ เองก็ดีจริ ง ๆ

“ฉันคิดไว้ดีแล้วละ ถ้าฉันมีลูกชาย อนาคตแก่ตวั ไป ตราบใดที่


ฉันยังเดินไหว ฉันจะไม่ไปอยู่บา้ นพวกเขาเด็ดขาด ถ้าลูกชาย
แต่งงานเมื่อไรก็ตอ้ งออกไปสร้างบ้านเอง พวกเขาอยากจะใช้
ชี วิต ยัง ไงก็ต ามสบาย แต่ อ ย่า มาอยู่ด้ว ยกัน เพื่ อ ไม่ ใ ห้ความ
คิดเห็นของคนนอกและเรื่ องหน้าตามาทาให้เกิดความไม่เป็ น
ธรรมกับตัวเอง!”

“ฮ่า เธอคิดไกลดีนะ หรื อว่าเธอมีลูกอีกคนแล้ว?” เย่ฉูฉู่แซว

“ใครจะมีเร็ วขนาดนั้นกันล่ะ!” เฮ่อซงจือหน้าแดง “คนนี้ยงั ไม่


ทันได้ออกจากอ้อมอก ยังจะมีเพิ่มอีกคน เหนื่ อยตายกันพอดี
สิ ? เรื่ องอยากได้ก็อยากได้อยู่หรอก แต่ตอ้ งรอให้โตแล้วเดิ น
เป็ นก่อนค่อยว่ากัน เธอล่ะ?”

“ยังไม่ได้คิดเลย ไว้ค่อยว่ากัน” สาหรับเรื่ องนี้ เย่ฉูฉู่ค่อนข้าง


ปล่อยสบาย ๆ
“รอให้ลูกโตอีกสักสองปี ค่อยว่ากันก็ยงั ได้ จริ งสิ ที่ ฉันมาหา
เธอเพราะเรื่ องแม่สื่อนี่แหละ” เฮ่อซงจือกล่าว

เย่ฉู ฉู่ เ ดาได้ต้ งั นานแล้ว ไม่ เ ช่ น นั้น เฮ่ อ ซงจื อ คงไม่ วิ่ง มาหา
ท่ามกลางหิ มะตกหนักหรอก “เธอกับอีกคนตกลงเวลาที่จะมา
ได้แล้วเหรอ?”

“ตกลงเวลากันแล้ว ฉันมีลูกคงไปไหนไม่ได้ หล่อนมาหาฉัน


แล้ว ก็บอกว่า อี ก สองวัน จะพาน้อ งสาวมาที่ นี่ ” พู ด ถึ ง ตรงนี้
เฮ่อซงจือก็แอบรู ้สึกลาบากใจ “ฉู ฉู่ บ้านฉันคนเยอะขนาดนั้น
คงไม่ค่อยสะดวก ถึงเวลานั้นมาดูตวั ที่บา้ นเธอได้ไหม?”

“ได้สิ ถึงเวลานั้นเธอก็ไปเรี ยกเจ้ารองฉวี่ให้มาที่นี่กไ็ ด้ ฉันเอง


ก็ไม่ได้ไปไหนอยูแ่ ล้ว” เย่ฉูฉู่ตอบตกลงอย่างใจถึง

เฮ่ อซงจือพูดอย่างมีความสุ ข “ฉู ฉู่ เธอนี่ ดีจริ ง ๆ เลย ขอบใจ


นะ!”
เย่ฉูฉู่รู้สึกขบขัน “ถ้าฉันไม่ตอบตกลงก็เป็ นคนไม่ดีแล้วสิ ?”

“ไม่ตอบตกลงก็ยงั เป็ นคนดี จะตกลงหรื อไม่ตกลงก็ดีท้ งั นั้น


แหละ” เฮ่อซงจือพูดด้วยความตื่นเต้น “นี่เป็ นครั้งแรกเลยนะที่
ฉันเป็ นแม่สื่อ แอบรู ้สึกไม่ชินเลย”

“งั้นเธอก็ทาบ่อย ๆ สิ ในหมู่บา้ นมีคนโสดตั้งเยอะ เธอก็เหมา


ให้หมดเลย คงฝึกฝนจนชินแน่นอน” เย่ฉูฉู่พูดเคล้ารอยยิม้

“จะบ้าเหรอ!” เฮ่อซงจือหัวเราะ “เธอเองก็ไม่ใช่คนตงฉิ นแล้ว


นะ เรี ยนรู ้เรื่ องไม่ดีมาจากจ้าวเหวินเทาเข้าแล้วสิ ”

“งั้นเธอเรี ยนรู ้เรื่ องที่ดีหรื อไม่ดีมาจากจ้าวเหวินจื้อล่ะ?” เย่ฉูฉู่


กล่าวติดตลก

ทั้งสองคนพูดคุ ยหยอกล้อหัวเราะสนุ กสนาน เพียงไม่นานก็


ห่ อเกี๊ยวหนึ่ งหม้อจนเสร็ จ ส่ วนเสี่ ยวไป๋ หยางนอนเก่งมากจน
เฮ่อซงจือถอนหายใจ ลูกชายคนนี้เอาใจใส่ ดีจริ ง ๆ รู ้ว่าแม่ของ
เขาต้องทาอาหาร ตัวเองก็เลยนอนหลับยาว

เย่ฉูฉู่หอบฟื นไปจุดไฟต้มเกี๊ยว จากนั้นก็บอกให้เฮ่อซงจือนา


กลับไปด้วย

หลังจากส่ งเฮ่อซงจือกลับไปแล้ว เธอจึงกลับมาโขลกกระเทียม


ใส่ น้ า มัน งา ซี อิ๊ ว และผัก ชี ผ สมคลุ ก เคล้า ให้เ ข้า กัน เกี๊ ย วไส้
ผักกาดดองช่างหอมอร่ อยสุ ด ๆ ไปเลย!

หากใส่ รวมกั บ เต้ า หู ้ ข องพี่ ส ามจ้ า วคงดี ยิ่ ง กว่ า นี้ เย่ ฉูฉู่
รับประทานไปพลางครุ่ นคิดไปพลาง

หลังจากรับประทานเสร็ จก็ยงั เหลืออีกนิ ดหน่ อย ช่ วงค่าที่จา้ ว


เหวิ น เทากลั บ มา เย่ ฉู ฉู่ จึ ง น าไปทอดในน้ ามั น ให้ เ ขา
รับประทาน จ้าวเหวินเทารับประทานไปหนึ่งคา ก็สูดปากเข้า
ออกเพราะร้อนลวกลิน้ แต่กลับรับประทานแบบติดงอมแงม
“อร่ อย ภรรยา ทาไมคุณถึงทาทุกอย่างอร่ อยขนาดนี้เนี่ย ขนาด
เกี๊ยวไส้ผกั ดองยังอร่ อยขนาดนี้เลย!”

เย่ฉู ฉู่ รั บ ประทานโจ๊ ก ไปพลางมองดู ส ามี รั บประทานอย่า ง


เอร็ดอร่ อยด้วยรอยยิม้ ไปพลาง “ถ้าคุณชอบกิน วันพรุ่ งนี้ฉนั จะ
ห่ อ เพิ่ ม ให้ ตอนค่ า คุ ณ กลับมาก็ได้กิ นแล้ว จริ ง สิ คุ ณ ไปซื้ อ
เต้าหู ้จากพี่สามหน่ อยนะคะ เต้าหู ้ของพี่สามอร่ อยจริ ง ๆ ถึง
เวลานั้นใส่ ลงไปสักหน่อย คงอร่ อยกว่านี้อีก”

“ได้สิ!” จ้าวเหวินเทากล่ าว “คุ ณไม่ ตอ้ งห่ อเองหรอก รอผม


กลับมาเดี๋ยวผมจัดการเอง คุณทาไส้เตรี ยมไว้กพ็ อแล้ว เหนื่อย
ขึ้นมาคงไม่ดีกบั ตัวคุณนะ”

“คุณนี่ช่างคุยจริ ง ๆ เลย!” แม้วา่ เย่ฉูฉู่จะพูดแบบนี้ แต่ภายในใจ


ก็รู้สึกได้ถึงความหวานหยดย้อย

จ้าวเหวินเทาเป็ นนักกิน ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถกีดขวางหัวใจ


ในการกิ น ดวงนั้ นของเขาได้ หลัง จากรั บ ประทานเกี๊ ย ว
หมดแล้วก็ไปจองเต้าหูห้ นึ่งแถวกับพี่สามจ้าว เพราะกลัวว่าวัน
พรุ่ งนี้จะหมดเสี ยก่อน

เต้าหู ้หนึ่ งแถวราคาสิ บหยวน ใส่ ไว้ในเกี๊ยวหนึ่ งชิ้นก็พอแล้ว


ส่ วนที่เหลือนาไปตุ๋นกับผักดองได้

“ผมขอแบบที่ทาด้วยมือนะ” จ้าวเหวินเทากาชับพี่สามจ้าว

“ไม่ตอ้ งห่วง พี่สามของนายค้าขายด้วยใจที่มีมโนธรรมอยูแ่ ล้ว


ได้เงินค่าเต้าหู ้ทามือ ฉันไม่เอาเต้าหู ้ที่ทาจากเครื่ องจักรมาให้
นายหรอก!” พี่สามจ้าวรับปาก

เรื่ องนี้จา้ วเหวินเทาเชื่อใจอีกฝ่ าย อย่ามองว่าพี่สามจ้าวเป็ นคน


เรื่ องมาก แต่เมื่อเป็ นเรื่ องขายเต้าหู ้ เขาเป็ นคนจริ งจังมาก ดูจาก
ลูกค้าที่กลับมาซื้อจานวนมากเหล่านั้นก็ทราบแล้ว

อัน ที่ จ ริ ง ส าหรั บ พี่ ส ามจ้า วแล้ว การขายเต้า หู ้ ไ ปไกลกว่ า


ความหมายของการทาเงินมาก เมื่อได้รับการต้อนรับจากคน
จ านวนมากขนาดนั้ น สิ่ งนี้ ก็ ท าให้ เ ขาภาคภู มิ ใ จ ความ
ภาคภู มิใจนี้ ทาให้เขาแอบสาบานในใจว่า เขาจะค้าขายด้วย
ความซื่อสัตย์จนถึงที่สุด!

บางครั้ งจ้า วเหวิน เทาก็เ ป็ นแบบนี้ เช่ น กัน ขายของแท้ร าคา


สมน้ าสมเนื้อ ถือเป็ นความภาคภูมิใจของเขา พี่นอ้ งแท้ ๆ ก็ยงั
มีคุณสมบัติที่เหมือนกันอยู่

วันรุ่ งขึ้นเป็นวันที่มีเมฆครึ้ ม แม้จะเป็นช่ วงบ่ายแล้วแต่ก็รู้สึก


ราวกับเป็ นช่วงค่า จ้าวเหวินเทาจัดการขายผักใบเขียวเสร็ จแล้ว
ก็ไปรับเต้าหู ้จากพี่สามจ้าว เหลือไว้หนึ่ งชิ้นเพื่อนาไปทาเป็ น
ไส้เกี๊ยว ส่ วนที่เหลือใส่ ไว้ในตูข้ นาดเล็กนอกห้องเพื่อแช่แข็ง
ไว้ นี่คือตูเ้ ย็นธรรมชาติที่ใช้ได้ดีเยีย่ ม

หลังล้างทาความสะอาดผักกาดดองแล้วก็หั่นเต้าหู ้ เย่ฉูฉู่คลุก
ไส้เกี๊ยว ส่ วนจ้าวเหวินเทานวดแป้ ง เสี่ ยวไป๋ หยางเป็ นผูด้ ู แล
ทั้งครอบครัวมีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน ให้ความร่ วมมือกัน
โดยปริ ยาย ผ่านไปชัว่ ครู่ เกี๊ยวก็ถูกห่ อออกมาจนเสร็ จ เมื่อห่ อ
เกี๊ ย วเสร็ จ แล้ว จ้า วเหวิน เทาก็เ กิ ด ความคิ ด นึ ก สนุ ก เขาฉี ก
กระดาษสี ขาวหนึ่งแผ่น จากนั้นนาเกี๊ยววางลงบนกระดาษขาว
และนาไปวางบนฝาเตา

“ภรรยา รี บมาดูวธิ ีการกินที่เป็ นเอกลักษณ์ของผมเร็ว!”

เย่ฉูฉู่เดินมาดูดว้ ยความสงสัย “มันจะสุ กเหรอคะ?”

“ไม่รู้เหมือนกันว่าเนื้ อจะสุ กไหม แต่ผกั สุ กแน่ นอน!” จ้าวเห


วินเทายื่นมือออกไปพลิกเกี๊ยว ก็พบว่าแผ่นแป้ งอีกด้านหนึ่ ง
เป็ นสี เหลืองอร่ ามแล้ว ทั้งยังส่ งกลิ่นหอมฉุยออกมาด้วย

“หอมขนาดนี้ เลยเหรอเนี่ ย!” เย่ฉูฉู่เองก็เริ่ มสนใจ เธอดึงเก้าอี้


ตัวเล็กมานัง่ รอรับประทานข้าง ๆ
เพี ย งไม่ น านก็ เ สร็ จ จ้ า วเหวิ น เทาน าเกี๊ ย วออกมาอย่ า ง
ระมัดระวัง จากนั้นดึ งกระดาษทิ้งยื่นเกี๊ยวให้ภรรยา “ภรรยา
รี บชิมดูสิ!”

เย่ฉูฉู่กดั ไปหนึ่งคาดวงตาก็เป็ นประกายขึ้นมา “อร่ อยจริ ง ๆ!”

“อร่ อยใช่ไหมล่ะ” จ้าวเหวินเทาห่ อเกี๊ยวส่ วนหนึ่งด้วยกระดาษ


ขาวสะอาดแล้ววางลงบนฝาเตาอี กครั้ งด้ว ยความภาคภู มิ ใ จ
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ตอนที่ผมยังเด็ก ในบ้านฐานะยากจน
ไม่มีเตาไฟ ผมก็เลยออกไปขุดหลุมข้างนอกเพื่อย่างของกิ น
ของที่เอาออกมาจากการย่างรมควันนัน่ แหละอร่ อยที่สุด!”
ตอนที่ 232 พีส่ าวน้ องสาว

สองสามีภรรยารับประทานเกี๊ยวย่างไปพลางพูดคุ ยไปพลาง
รู ้ตวั อีกทีกร็ ับประทานจนอิ่มแปล้แล้ว

เย่ฉูฉู่รู้สึกอาย “นี่กก็ ินอิ่มแล้ว ไม่ตอ้ งต้มแล้วล่ะค่ะ”

จ้าวเหวินเทาเรอ “ก็ดีเหมือนกัน ประหยัดเวลาด้วย!”

จะว่าไปการทาแบบนี้ ก็ไม่ ตอ้ งเผาฟื นต้มน้ าให้ร้อน ไม่ ตอ้ ง


หยิ บ จาน ไม่ ต ้อ งล้า งท าความสะอาดหม้อ และยัง ได้รั บ
ประทานอาหารอร่ อย ๆ อีกด้วย คิดแบบนี้แล้วเย่ฉูฉู่กร็ ู ้สึกโล่ง
ใจ

นอกจากนี้ยงั เหลือเกี๊ยวอีกหนึ่งถาด จึงนาออกไปวางข้างนอก


เพื่อแช่ แข็งไว้ พรุ่ งนี้ เช้าทาโจ๊กสักหน่ อยแล้วก็ตม้ เกี๊ยวด้วย ก็
ได้ม้ือเช้าที่อุดมสมบูรณ์มากอีกหนึ่งมื้อ
ผ่านไปได้ไม่กี่วนั เฮ่ อซงจื อก็พาเพื่อนสนิ ทรวมถึ งน้องสาว
ของเพื่อนมาที่นี่ ครั้งนี้เฮ่อซงจือก็ไม่ได้อุม้ ลูกมาอีกเช่นเคย

“นี่ คือฉู ฉู่ เป็นเพื่อนสนิ ทที่สุดหลังจากที่ฉันแต่งงานเข้ามาอยู่


ที่นี่!” เฮ่อซงจือแนะนาทั้งสองฝ่ าย “ฉู ฉู่ นี่ คือไห่ เยี่ยนเพื่อนที่
โตมาด้วยกันตั้งแต่ เด็กตอนอยู่ที่บา้ นเกิ ด ส่ วนนี่ คือชุ นเยี่ยน
น้องสาวของไห่เยีย่ น”

“มาเถอะ รี บเข้ามาในบ้าน พวกเธอมากันยังไงเหรอ หนาวหรื อ


เปล่า?” เย่ฉูฉู่อุม้ ลูกนาพวกหล่อนให้เข้ามาในบ้าน จากนั้นจึง
ริ นน้ าชาให้

“พวกเราขี่จกั รยานมา ก็พอได้อยูน่ ะคะ ไม่ได้หนาวขนาดนั้น”


ไห่ เยี่ยนนัง่ ที่ขอบเตียง “พี่ฉูฉู่ ไม่ตอ้ งยุ่งยากหรอกค่ะ พวกเรา
ยังไม่ดื่มหรอก”

“ไม่ เ ป็ นไร ดื่ ม น้ า ร้ อ นสั ก หน่ อ ยร่ า งกายจะได้อุ่ น ๆ” เย่ฉู ฉู่


กล่าว
เฮ่ อ ซงจื อ ขึ้ น มานั่ง ตรงต าแหน่ ง ใกล้ปากเตาโดยไม่ ไ ด้รู้ สึ ก
เกรงใจ “ฉูฉู่ ฉันชอบมาบ้านเธอจัง อบอุ่นและสะอาดจริ ง ๆ!”

“งั้นเธอก็มาเถอะ” เย่ฉูฉู่เสร็ จธุ ระแล้วก็มานัง่ ข้าง ๆ เฮ่อซงจือ


จากนั้นก็กวาดตามองสองพี่นอ้ ง

ไห่ เยีย่ นมีหน้าตาธรรมดา ค่อนไปทางอวบนิดหน่อย นี่คงเป็ น


เพราะเคยผ่านการมีลูกมาแล้ว หล่อนมีใบหน้ากลมมน ดูแล้ว
แอบมีอายุนิดหน่อย สี หน้าก็ไม่ค่อยเปล่งปลัง่ เท่าไรนัก ท่าทาง
ดูเหนื่ อยล้ามาก เย่ฉูฉู่จาจากที่เฮ่อซงจือเคยเล่าให้ฟังได้ เพื่อน
วัยเด็กของหล่ อนคนนี้ แต่ งงานกับครอบครั วที่ ไม่ได้มีฐานะ
เท่าไรนัก สามีหล่อนมีพี่นอ้ งหลายคน คนที่เธอแต่งงานด้วยก็
เป็ นพี่ชายคนโต ดังนั้นจึงต้องช่วยเหลือพวกน้องชายคนอื่น ๆ
ทาให้เหนื่อยมาก ๆ

เพียงแต่ในยุคนี้คนที่แต่งงานก็จะเลือกตระกูลที่มีพี่นอ้ งเยอะ ๆ
แต่งงานกับครอบครัวยากจน ต้องเป็ นแบบนี้ ถึงจะใช้ได้จริ ง
ส่ วนจะเหนื่ อยหรื อเปล่าไม่ได้พิจารณาถึ งจุ ดนั้น ถึงอย่างไร
การใช้ชีวติ ของทุกคนก็เหนื่อยมากอยูแ่ ล้ว

ส่ วนชุนเยีย่ นผูเ้ ป็ นน้องสาวก็มีหน้าตาธรรมดาเช่นกัน เพียงแต่


มีรูปร่ างผอมบางกว่า ดู ๆ ไปแล้วสู งกว่าพี่สาวนิ ดหน่ อย รู ป
หน้าของหล่อนค่อนข้างแหลม ดวงตารี ยาว สวมผ้าโพกศีรษะ
สี แดงกระชับเข้ากับใบหน้าเล็ก ๆ ดูแล้วน่าสงสารมาก

นี่คือคนที่เจ้ารองฉวีช่ อบเหรอ? เย่ฉูฉู่ราพึงในใจ

“บ้านหลังนี้ดีจริ ง ๆ!” ไห่เยีย่ นแสดงความอิจฉาของตนออกมา


ด้วยท่าทางนิ่งสงบ

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “ใช้เงินเยอะเหมือนกัน สร้างบ้านหลังนี้ทาให้เราเป็ น


หนี้เยอะมากเลยนะ”

“เป็ นหนี้กย็ งั คุม้ ค่านะ” ไห่เยีย่ นกล่าว


ชุ น เยี่ ย นนั่ง อยู่ ด้า นหลัง พี่ ส าวของตน หล่ อ นกวาดส ารวจ
ภายในบ้าน ดวงตาประกายด้วยความรู ้สึกที่ซบั ซ้อน ตั้งแต่เล็ก
จนโตนี่ เป็ นครั้งแรกที่หล่อนทราบว่าบ้านสามารถสร้า งเป็ น
แบบนี้ได้ เมื่อนึกถึงบ้านของตัวเองก็ไม่สามารถนามาเทียบกับ
หลังนี้ได้เลย ไม่เพียงแต่รกรุ งรัง แต่ยงั หนาวจนแทบแข็งตาย

หลังจากคุยกันครู่ หนึ่ ง เฮ่อซงจือก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา จึงลงจาก


เตียง “พวกเธอสองคนรออยูท่ ี่นี่นะ เดี๋ยวฉันออกไปแป๊ บหนึ่ง”

สองพี่นอ้ งต่างก็ทราบดี ว่าเฮ่อซงจือจะไปทาอะไร พี่สาวยังดี


หน่อย แต่นอ้ งสาวกลับหน้าแดงทั้งยังก้มหน้าก้มตา

เฮ่ อซงจือเดิ นออกไปแล้ว เย่ฉูฉู่จึงคุ ยกับสองพี่น้อง ระหว่าง


นั้นก็กล่อมลูกไปพลาง ๆ หัวข้อสนทนาย่อมต้องเกี่ยวกับการ
ขยายบ้านที่อยูร่ อบ ๆ จากนั้นก็คุยเรื่ องกระต่าย

“ฉัน รู ้ ม าว่ า กระต่ า ยของข้า วซานถุ น มี ชื่ อ เสี ย ง งั้น พวกพี่ ก็


ร่ ารวยเพราะกระต่ายสิ นะ?” ไห่เยีย่ นพูดด้วยความสงสัยใคร่ รู้
เย่ฉูฉู่ตอบอย่างจนใจ “กระต่ายของข้าวซานถุนมีชื่อเสี ยงจริ ง ๆ
แต่เรื่ องที่บอกว่าพึ่งพากระต่ายจนรวยไม่มีหรอก นี่เพิ่งจะผ่าน
ไปเท่ า ไรเอง หนึ่ ง ปี กว่า ๆ ได้ม้ งั จะรวยง่ า ย ๆ แบบนั้น ได้
ยังไง”

ชุนเยีย่ นอดไม่ได้ที่จะพูด “แต่ฉนั ได้ยนิ มาว่า หมู่บา้ นของพวก


พี่ต่างก็อยากจะสร้างบ้านใหม่กนั หมดเลยน่ะค่ะ!”

ที่เธอได้ยนิ มา คงได้ยนิ มาจากเจ้ารองฉวี่สินะ? เย่ฉูฉู่แอบรู ้สึก


ขบขันอยูใ่ นใจ

“ใช่ แต่ ก็เ ป็ นการสร้ า งบ้า นที่ ท าให้อ ดอยากเหมื อ นกัน ไม่
เรี ยกว่าร่ ารวยหรอก” เย่ฉูฉู่ไม่อยากหลอกสาวน้อยผูบ้ ริ สุทธิ์

ชุ นเยี่ยนแอบผิดหวัง แต่เมื่อเห็นบ้านหลังนี้ ดีขนาดนี้ จึงพูดว่า


“ขอแค่สร้างบ้านแบบนี้ข้ ึนมาได้ต่อให้อดอยากก็ยงั คุม้ ค่าอยู่ดี
นะคะ”
เย่ฉูฉู่ยมิ้ “ถ้าเธอคิดแบบนี้กไ็ ด้ ขอแค่เธอมีรายได้ คืนเงินทุกปี
ยังไงก็คืนจนหมดนัน่ แหละ”

ไห่ เ ยี่ ย นถามเรื่ อ งเลี้ ยงกระต่ า ย เย่ ฉู ฉู่ จึ ง ตอบค าถามอย่ า ง


ละเอียด

ถึ ง อย่ า งไรนี่ ก็ เ ป็ นแขก เธอต้อ งต้อ นรั บ อย่ า งจริ ง จัง สามี
กลับมาคงต้องพูดสักหน่ อยแล้ว บอกให้เขาจ่ายเงิ นเดื อนให้
เธอด้วย! เย่ฉูฉู่คิดด้วยรอยยิม้ อยูใ่ นใจ

เฮ่อซงจือออกไปไม่นานก็กลับมา แน่นอนว่าคนที่มากับเธอยัง
มีเจ้ารองฉวีแ่ ละยายเฒ่าฉวีแ่ ม่ของเจ้ารองฉวีด่ ว้ ย

ในเวลาแบบนี้การมาดูตวั หากให้มาคนเดียวคงรู ้สึกไม่ดีเท่าไร


นัก ถึงอย่างไรก็ตอ้ งมีผูอ้ าวุโสมาด้วย ครั้งก่อนเจ้ารองฉวี่ไป
กับคุณแม่จา้ ว ส่ วนครั้งนี้เป็ นแม่ของเขาเอง
“ป้ าใหญ่มาแล้ว!” เย่ฉูฉู่กล่าวทักทายและเดินไปหยิบแก้วน้ า
ชามาให้

ยายเฒ่ าฉวี่รีบมองไห่ เยี่ยนและชุ นเยี่ยนอย่างรวดเร็ ว สายตา


ของนางมองไปยังชุ นเยี่ยนก่ อนจะเบื อนไปยังเสี่ ยวไป๋ หยาง
“อุย้ เด็กน้อยจ้ าม่า ตัวใหญ่ขนาดนี้ แล้วเหรอ มา ๆ ขอป้ าอุม้
หน่อยนะจ๊ะ!” นางปรบมือและเดินเข้าไปอุม้ เสี่ ยวไป๋ หยาง

“ไปลูก ให้คุณป้ าอุม้ หน่ อยนะ” เย่ฉูฉู่ยื่นเสี่ ยวไป๋ หยางให้อีก


ฝ่ าย

เสี่ ยวไป๋ หยางเป็ นเด็กเข้ากับคนง่าย เขายิม้ พลางเตะเท้าไปมา


ไม่ได้เห็นคนอื่นเป็ นคนแปลกหน้าแม้แต่น้อย ยายเฒ่าฉวี่ยื่น
แขนออกไปอุม้ ส่ วนเสี่ ยวไป๋ หยางก็หวั เราะออกมา

“เด็กคนนี้ดีจริ ง ๆ เลย ยิม้ เก่งจัง!” ยายเฒ่าฉวีพ่ ูดพลางนัง่ ที่ขอบ


เตียง
เจ้ารองฉวีซ่ ุกมืออยูใ่ นเสื้ อทั้งยังยืนอยูท่ ี่ประตูดว้ ยท่าทางงุนงง

เฮ่อซงจือรี บทาหน้าที่พูดคุ ยให้ “ป้ าใหญ่มาถามเรื่ องกระต่าย


น่ ะ กระต่ายที่บา้ นคลอดลูกออกมาอีกหนึ่ งครอกแล้ว อากาศ
เย็นแบบนี้ ควรจะคลุมด้วยอะไรสักหน่อยหรื อเปล่า?”

เย่ฉูฉู่เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ข้ออ้างเห่ ย ๆ แบบนี้ เฮ่ อซ


งจือก็ยงั พูดออกมา ตระกูลฉวี่เลี้ยงกระต่ายมาหนึ่งปี แล้ว ยังจะ
ไม่รู้เรื่ องพวกนี้อีกเหรอ แต่ปากก็ยงั ให้ความร่ วมมือแบบไม่ใส่
ใจอะไร

ไห่ เยี่ยนลุ กขึ้ นยืนเดิ นมาหาเย่ฉูฉู่ “พี่ฉูฉู่ ฉันขอดู บา้ นของพี่


หน่อยได้ไหม?”

เย่ฉูฉู่กล่าว “ได้สิ เดี๋ ยวฉันพาไปดูนะ!” จากนั้นก็พูดกับเสี่ ยว


ไป๋ หยาง “อยูท่ ี่นี่อย่าซนนะลูก เดี๋ยวแม่กลับมานะ”

เสี่ ยวไป๋ หยางส่ งเสี ยงอ้อแอ้ตอบรับกลับมา


สองพี่นอ้ งเดินตามเย่ฉูฉู่ออกจากห้องตะวันออก ส่ วนเฮ่อซงจือ
ก็ดึงเจ้ารองฉวีใ่ ห้ออกมา จากนั้นก็เดินไปที่หอ้ งตะวันตก

เย่ฉูฉู่เข้าใจความหมายของเฮ่อซงจืออย่างถ่องแท้ จึงมาที่ห้อง
ตะวันตกด้วย เหลือเพียงชุนเยีย่ นที่อยูภ่ ายในห้อง ส่ วนไห่เยีย่ น
ก็ตามออกมาเช่นกัน เฮ่อซงจือเดินตามออกมา จากนั้นทั้งสาม
คนก็เดินไปเดินมาอยูใ่ นห้องครัวด้านหลัง ไห่ เยีย่ นเห็นเครื่ อง
ทาความร้อนและก๊อกน้ า โดยเฉพาะก๊อกน้ าที่แค่หมุนน้ าก็ไหล
ออกมา ก็รู้สึกแปลกใหม่มาก

“ตอนแรกฉัน คิ ด ว่า ของชิ้ น นี้ จะติ ด ตั้ง ได้แ ค่ ใ นเมื อ งเท่ านั้น
ชนบทของพวกเราไม่สามารถติดตั้งได้ คิดไม่ถึงเลยว่าชนบท
ของเราก็ติดตั้งได้ดว้ ย” ไห่เยีย่ นกล่าว

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “ไม่มีอะไรที่ติดตั้งไม่ได้หรอก ในเมือง


กับชนบทก็เหมือนกันนัน่ แหละ”
“นั่น สิ ในเมื อ งก็ไ ม่ ไ ด้อ ยู่บนสวรรค์สั ก หน่ อ ย ต่ า งก็อ ยู่บ น
พื้นดินเหมือนกัน ไม่มีอะไรทาไม่ได้หรอก!” เฮ่อซงจือกล่าว
“ฉันตัดสิ นใจแล้ว รอให้ฉนั สร้างบ้านเมื่ อไรก็จะติดตั้งเจ้าสิ่ งนี้
ด้วย ของแบบนี้สะดวกสบายมาก โดยเฉพาะหน้าหนาว อากาศ
หนาวมาก ๆ ไม่มีใครอยากออกไปปั๊มน้ าหรอก”

เย่ฉูฉู่จึงอธิ บายให้ไห่ เยี่ยนฟั งหนึ่ งรอบเกี่ยวกับหม้อต้มว่านา


ความร้อนได้อย่างไร เมื่อได้ยินเสี ยงเสี่ ยวไป๋ หยางร้องจึ งเดิ น
กลับมา

“เด็กคนนี้ ช่ างขี้ขลาดจริ ง ๆ! พอหายไปนานก็เรี ยกหาแม่ซะ


แล้ว!” ยายเฒ่าฉวีก่ ล่าว

‘ขี้ขลาด’ ในชนบทเป็ นคาพูดชื่นชมเด็ก ความหมายก็คือฉลาด


ปราดเปรื่ อง
ตอนที่ 233 นัดดูตัว

เสี่ ยวไป๋ หยางเห็นเย่ฉูฉู่กลับมา ก็รีบกางแขนเพื่อให้แม่อุม้ เย่ฉูฉู่


กอดลูกน้อยไว้ในอ้อมอก เจ้าตัวน้อยจึงยิม้ ร่ าออกมา

“ดูสิ เด็กคนนี้ฉลาดจัง ตัวแค่น้ ีเอง!” ยายเฒ่าฉวีพ่ ูดด้วยรอยยิม้

คนอื่น ๆ จึงหัวเราะออกมา เมื่อกลับมานัง่ บนเตียงอีกครั้ง ยาย


เฒ่ า ฉวี่ ก็ พู ด คุ ย กับ ไห่ เ ยี่ ย น ซึ่ งเป็ นเรื่ อ งสั พ เพเหระทั่ว ไป
อย่า งเช่ น ในบ้า นมี ส มาชิ ก กี่ ค น ที่ บ้า นมี ที่ดิ น กี่ ห มู่ พ่ อ แม่ มี
ร่ างกายแข็งแรงดีหรื อไม่ ทางานเองปี นี้ ได้ขา้ วมาเท่าไร และ
อื่น ๆ

เฮ่ อซงจื อและเย่ฉูฉู่นั่งเล่ นกับเสี่ ยวไป๋ หยางอยู่ขา้ ง ๆ ตอนที่


ใกล้จะถึงช่วงเที่ยง ยายเฒ่าฉวี่และไห่ เยีย่ นก็พูดคุยกันเกือบได้
ที่ สิ่ งที่ไม่ควรพูดถึงก็พูดถึงแล้ว ทว่าห้องทางตะวันตกกลับยัง
ไม่มีการเคลื่อนไหว

ไห่ เยีย่ นเริ่ มนัง่ ไม่ติดที่แล้ว หล่อนลุกขึ้นยืนเพื่อไปหาน้องสาว


เฮ่อซงจือก็ตามไปด้วย

“คุ ยอะไรกันตั้งนานสองนาน?” ยายเฒ่ าฉวี่พูดกับเย่ฉู ฉู่ ด้ว ย


ความสงสัย “ปกติอยูบ่ า้ นเขาก็ไม่คุยอะไร”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “ก็ข้ ึนอยูก่ บั ว่าอีกฝ่ ายเป็ นใครแล้วล่ะค่ะ”

ยายเฒ่ า ฉวี่ยิ้ม “เจ้า เด็ก คนนี้ โตขึ้ นมาสุ ด ยอดเลยนะ ลู ก ชาย


อยากได้ลูกสะใภ้ ลูกสาวก็อยากได้ลูกเขย”

“นี่กเ็ ป็ นเรื่ องปกติไม่ใช่เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว

ตอนนี้ไห่เยีย่ นและเฮ่อซงจือก็เดินเข้ามา โดยมีชุนเยีย่ นและเจ้า


รองฉวีเ่ ดินตามหลังมา
“ตอนนี้ ก็สายแล้ว พวกเราควรกลับบ้านกันแล้ว” ยายเฒ่าฉวี่
มองลูกชายพลางก้าวลงจากเตียงเพื่อขอตัวกลับ

“ป้าใหญ่อยูก่ ินข้าวด้วยกันก่อนสิ คะ”

“ไม่กินแล้วล่ะ ที่บา้ นยังมียา่ ของเขาอีกคน คนแก่ ๆ สายตาไม่


ค่ อยดี ทากับข้าวไม่ ไหวหรอก” ยายเฒ่ าฉวี่จึงพาเจ้ารองฉวี่
กลับไป

เฮ่อซงจือคุยกับเย่ฉูฉู่แค่ไม่กี่คาก็พาไห่ เยี่ยนและชุนเยี่ยนกลับ
ไป หล่อนออกจากบ้านมาค่อนข้างนานแล้ว ตอนนี้ลูกร้องไห้
งอแงไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้

หลังจากพวกเธอกลับไป ลูกลิงก็โผล่มาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ
ได้ มันมาอยูต่ รงหน้าเย่ฉูฉู่พลางส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ

เย่ ฉู ฉู่ ลู บ หั ว มัน ด้ว ยรอยยิ้ม “หิ ว แล้ว ใช่ ไ หม พวกเราก็ ม า


ทากับข้าวกันเถอะ”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จ เย่ฉูฉู่กก็ ล่อมเสี่ ยวไป๋ หยางให้
เข้านอน ส่ วนเธอเองก็หลับไปตื่นหนึ่งด้วย เสี่ ยวไป๋ หยางยังไม่
ตื่น เฮ่อซงจือก็กลับมาหาอีกครั้ง

“ลูกไม่ได้ร้องงอแงใช่ไหม?” เย่ฉูฉู่ถาม

“ไม่ร้อง ตอนที่ฉันกลับไปแม่สามี ทากับข้าวเสร็ จแล้ว กาลัง


ป้ อ นน้ าข้า วให้ ลู ก ฉั น อยู่ ถู ก หลอกจนไม่ ไ ด้ร้ อ งไห้ เ ลย”
เฮ่อซงจือขึ้นมานัง่ บนเตียง “ฉันเองก็เพิ่งจะกล่อมเข้านอนเมื่อ
กี้เอง”

ตอนนี้ อากาศหนาวมาก ลมที่ตงเหลียงก็แรงด้วย เฮ่อซงจือจึง


ไม่สะดวกที่จะอุม้ ลูกมาที่นี่ เพราะกลัวว่าจะหนาวจนเป็ นไข้

เย่ฉูฉู่ยนื่ หมอนมาให้หล่อนหนึ่งใบ บอกให้หล่อนเอนตัวนอน


เพื่อพูดคุยกัน

“สาเร็จแล้ว” เฮ่อซงจือกล่าวด้วยรอยยิม้
เย่ฉูฉู่กย็ มิ้ “พวกเขารู ้จกั กันตอนที่มาดูละครใช่ไหม?”

“ใช่ สิ ยังจะโกหกได้อีกเหรอ!” เฮ่อซงจือพูดยืนยัน “ไห่ เยี่ยน


เป็นคนพูดเอง ไม่ง้ นั น้องสาวของหล่อนจะรู ้จกั เจ้ารองฉวี่ได้
ยังไง”

“แต่เจ้ารองฉวี่กลับไม่ยอมรับ” เย่ฉูฉู่กล่าว “คิดไม่ถึงเลยนะว่า


เจ้า รองฉวี่ ที่ ป กติ ไ ม่ พู ด ไม่ จ า จะเรี ย นรู ้ วิ ธี ก ารพู ด คุ ย กับ คู่
สนทนาจากในเมืองเป็ นกับเขาด้วย!”

เฮ่อซงจือยิม้ “อายุขนาดนี้แล้ว จะไม่รู้ได้ยงั ไงล่ะ? อย่ามองว่า


เขาไม่ค่อยพูด ภายในใจมีแผนตั้งเยอะแยะ”

“ตกลงแล้วเหรอ?” เย่ฉูฉู่ถาม “พวกเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?”

เฮ่ อซงจือกล่าว “คุ ยกันนานขนาดนั้น จะไม่ตกลงได้ไง? แม่


สามี ของฉันไปถามยายเฒ่ าฉวี่แล้ว ท่ านไม่ ได้มีปัญหาอะไร
บอกว่าลูกชายชอบก็ตกลงตามนั้น แต่ก็เป็ นกังวลว่าทางฝ่ าย
หญิงจะเรี ยกสิ นสอดเยอะ แต่เจ้ารองฉวีน่ นั่ ดีใจจนหุบยิม้ ไม่ได้
เลยนะ”

“แล้วฝ่ ายหญิงล่ะ? ว่ายังไงบ้าง?” เย่ฉูฉู่ถาม

เฮ่อซงจือลังเลอยูค่ รู่ หนึ่ง “ทางฝ่ ายหญิงก็ยนิ ดี แต่อยากได้บา้ น


หนึ่งหลัง แถมยังอยากได้แบบเธอด้วย”

เย่ฉูฉู่ชะงัก

เฮ่อซงจือพูดอย่างจนปั ญญา “ฉันแอบรู ้สึกเสี ยใจอยูเ่ หมือนกัน


ที่พาสองคนนั้นมาที่บา้ นเธอ พอได้เห็นบ้านเธอก็กลายเป็ นคน
หวังสู งเฉยเลย”

เย่ฉูฉู่นึกถึงท่าทางของชุ ยเยี่ยนตอนที่เห็นบ้าน เธอเองก็ถอน


หายใจ “งั้นก็ตอ้ งเป็ นหนี้ เพื่อสร้างบ้าน แล้วก็ค่อย ๆ คืนเงิน
แต่ไม่รู้วา่ หล่อนจะยินดีใช้ชีวติ อด ๆ อยาก ๆ หรื อเปล่านี่สิ ทาง
ฝ่ ายหญิงที่พี่สะใภ้สี่ของฉันแนะนามาก็ไม่ยอมใช้ชีวิตอด ๆ
อยาก ๆ ซะด้วย”

เฮ่อซงจือกล่าว “ไม่ยนิ ดีกต็ อ้ งยินดีแล้วล่ะ ขนาดเหวินเทาของ


เธอที่เป็ นคนมีความสามารถสร้างบ้านหลังนี้ยงั ต้องอด ๆ อยาก
ๆ เลย ยิ่งไม่ตอ้ งพูดถึงเจ้ารองฉวี่ อย่าพูดถึงชนบทของเรา ต่อ
ให้เป็ นในเมือง ใครจะก้าวข้ามขั้นได้บา้ ง? แต่ละคนก็ค่อย ๆ
ก้าวกันทั้งนั้นแหละ”

“แล้วฝั่งนั้นนิสัยเป็ นยังไงเหรอ?” เย่ฉูฉู่ถาม

เฮ่อซงจือตอบ “ฉันเองก็ไม่ค่อยรู ้เรื่ องนี้ หรอก ฉันสนิ ทกับไห่


เยี่ย น ไห่ เ ยี่ย นเป็ นคนเชื่ อ ฟั ง พ่ อ แม่ ตอนนั้น พ่ อ กับแม่ ข อง
หล่อนเป็ นคนหาสามีที่มีฐานะยากจนที่สุดในหมู่บา้ นให้ ฝั่ ง
นั้นพี่นอ้ งเยอะมาก แต่พ่อแม่ของหล่อนบอกว่านี่ แหละถึงจะ
เรี ยกว่าครอบครั ว ที่ ดี ! แต่ ที่บา้ นเหวินจื้ อของฉัน กลับไม่ ไ ด้
ชอบแบบนั้น เพราะเหวินจื้อเป็ นครู บอกว่าเป็ นปั ญญาชน เธอ
คงไม่รู้ว่าปี นี้ คนที่เป็นครู ต่างลาบากมากเลยนะ บ้านของฉันก็
กลัวเหมือนกัน แถมยังคิดว่าจะลาออกแล้วด้วย แต่ฉันยังยืน
กรานเพราะเชื่อในเหตุผลที่วา่ การศึกษาเป็ นเรื่ องที่สาคัญมาก!”

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “เธอมีความคิดเห็นที่ดีมากเลยนะ”

“แหงอยู่ แ ล้ว การแต่ ง งานเป็ นเรื่ องของทั้ง ชี วิ ต เลยนะ”


เฮ่อซงจือพูดถึงเรื่ องสองพี่นอ้ งต่อ “ชุนเยีย่ นเป็ นคนทางานเก่ง
มาก สองพี่นอ้ งคู่น้ ีรักกันมากด้วย ดูเหมือนว่าชุนเยีย่ นจะแกร่ ง
กว่าไห่ เยี่ยนนิ ดหน่ อย ฉันคิดว่าหล่อนคงยืนกรานที่จะสร้ าง
บ้านหลังนี้ให้ได้แน่ ๆ แต่กไ็ ม่รู้ว่าทางบ้านของเหล่าฉวีจ่ ะเห็น
ด้วยหรื อเปล่า”

เย่ฉูฉู่นึกถึงการแสดงออกของทางบ้านเหล่าฉวี่ ก็รู้สึกว่าเป็น
เรื่ องน่าฉงน

ทั้งฝ่ ายชายหญิงตอบตกลงแล้ว อายุกถ็ ึงเวลาที่จะแต่งงานแล้ว


หลังจากนี้กม็ ีเหตุผลเพื่อเริ่ มพูดถึงการแต่งงาน
ในชนบทแตกต่างจากในเมือง ตรงที่คนในเมืองจะทาความรู ้
จักกันมาช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากคุย ๆ กันเสร็ จแล้วถึงจะพูดถึง
เรื่ องแต่งงาน แต่ในชนบทจะข้ามขั้นตอนนี้ และเข้าถึงประเด็น
หลักเลย แต่ประเด็นหลักนี้กต็ อ้ งก้าวผ่านไปให้ได้ ถึงอย่างไรก็
พิถีพิถนั ในเรื่ องผูใ้ ห้คาแนะนาในการแต่ งงาน ทาให้เห็ นว่า
การแต่งงานเป็ นเรื่ องจริ งจัง ไม่ใช่เรื่ องเล่น ๆ

แรกเริ่ มจะทาความคุน้ เคยก่อน เป็นการแลกเปลี่ยนของที่เป็ น


หลักฐานยืนยันของทั้งสองฝ่ าย ของที่ใช้เป็ นหลักฐานยืนยันนี้
ต้องเป็ นของที่มีราคาด้วย หลังจากนี้ ก็จะเป็ นการหมั้นหมาย
ส่ วนนี้จะพูดถึงสิ นสอดทองหมั้นเป็ นหลัก หลังจากคืบหน้าไป
อย่า งราบรื่ น แล้ว ก็ร ออี ก หนึ่ ง ปี หรื อ ครึ่ งปี ค่ อ ยคุ ย เรื่ อ งการ
แต่งงาน

แม่สื่อของฝ่ ายหญิงคือเฮ่ อซงจือ ส่ วนแม่สื่อของฝ่ ายชายนั้น


เฮ่ อซงจือให้เย่ฉูฉู่ช่วยเป็ นให้ เย่ฉูฉู่บอกว่าเธอจะไม่ทาอะไร
ทั้งนั้น เพราะยังต้องเลี้ ยงลู ก ออกจากบ้านไม่ สะดวก หากมี
เรื่ องอะไรก็คงสื่ อสารได้ไม่ทนั เวลา

อี ก อย่า งเธอก็รู้ สึ ก ว่ า เรื่ อ งการแต่ ง งานนี้ อาจท าให้เ กิ ด การ


ทะเลาะเบาะแว้งได้ นอกจากนี้ ยงั มีอนั ตรายที่ซ่อนอยู่ทางฝั่ ง
พี่สะใภ้สี่จา้ วด้วย เฮ่อซงจือจึงทาอะไรไม่ได้ ทาได้เพียงแค่ให้
ยายเฒ่าฉวีช่ ่วยหามาให้ ยายเฒ่าฉวีจ่ ึงไปเรี ยกคุณแม่จา้ ว

พวกนางทั้งสองเป็ นพี่นอ้ งร่ วมสาบาน ยายเฒ่าฉวีเ่ ชื่อใจคุณแม่


จ้าว คุณแม่จา้ วก็รู้สึกเกรงใจที่จะปฏิเสธจึงตอบรับไว้

“คุณแม่ คุณแม่ตอ้ งเตรี ยมใจไว้ดว้ ยนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวกับคุ ณ


แม่จา้ ว

คุณแม่จา้ วยิม้ “คนหนุ่มสาวแบบพวกเธอหน้าบาง กลัวว่าจะมี


ปั ญหา แต่ พวกเราอายุมากขนาดนี้ แ ล้ว ไม่ กลัวอะไรทั้ง นั้น
แหละ ประสบความสาเร็ จก็คือประสบความสาเร็ จ แต่ถา้ ไม่
ประสบความสาเร็ จก็แยกย้าย ถึงยังไงเราก็ไม่ได้เป็นแม่สื่อให้
เขาโดยเฉพาะอยูแ่ ล้ว”

เย่ฉูฉู่เห็นคุณแม่จา้ วคิดในแง่ดีจึงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
อีก

เธอเดาถูก การแต่งงานนี้ แรกเริ่ มเป็นไปได้ดว้ ยดี แต่ภายหลัง


กลับไม่ราบรื่ นแล้ว หลังจากทาการแลกเปลี่ยนของ ตอนที่เริ่ ม
คุยเรื่ องสิ นสอดทองหมั้น งานแต่งก็เกือบจะล่ม

“…บ้านสามห้องหนึ่งเตียงเตา เตียงต้องใหม่เอี่ยมไร้ฝุ่น! นี่คือ


เงื่ อนไขของฝ่ ายหญิ ง ” คุ ณแม่ จา้ วคุ ยกับเย่ฉูฉู่ “ยังไม่ ทนั ได้
แต่งงาน ก็คิดจะแยกบ้านแล้ว มีแบบนี้ ที่ไหนกัน? ยัยนัน่ ก็ไม่
คิดเลยนะว่าตัวเองจะใช้ชีวิตได้หรื อเปล่า? ถ้ามีลูกขึ้นมาล่ะ?
ใครจะดูแล ยังไม่ทนั ได้ยา้ ยมาอยูก่ ร็ ังเกียจพ่อแม่สามีแล้ว!”
เย่ฉูฉู่เข้าใจได้ อย่ามองว่าคนแก่พูดว่าลูกชายแต่งงานจะให้ยา้ ย
ออกไปอยูข่ า้ งนอก แต่แท้จริ งแล้วภายในใจของพวกเขาก็ไม่มี
ความสุ ขเช่นกัน

แต่เมื่อเฮ่ อซงจือมาหา ก็กลายเป็ นว่าคาพูดได้เปลี่ ยนเป็ นอี ก


แบบหนึ่ง
ตอนที่ 234 ซุบซิบ

“สิ่ งที่ฝ่ายหญิงต้องการก็คือเมื่อแต่งงานแล้วขอแยกบ้าน ขอแค่


สร้างบ้าน ให้ที่ดิน อย่างอื่นไม่ได้ตอ้ งการอะไรแล้ว อีกฝ่ าย
เสนอแบบนี้ข้ ึนมาก็มีเหตุผลของเขานะ จนถึงตอนนี้ไห่ เยีย่ นก็
ยังไม่ได้แยกบ้านเลย ยังอยูร่ วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ทางาน
เยอะมาก หล่ อ นเองก็ โ มโหไม่ น้อ ยเหมื อ นกัน แต่ ก็ ย งั ไม่
คลี่คลาย ชุนเยีย่ นไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนพี่สาว ต่อให้ตอ้ งเป็น
หนี้เพื่อสร้างบ้านหล่อนก็ยอม เด็กคนนี้ฉลาดมากเลยนะ แถม
ยังกล้าพูดด้วย แกร่ งกว่าฉันเยอะเลย!” เฮ่อซงจือชื่นชมกับสิ่ งที่
ชุนเยีย่ นเลือก

เย่ฉูฉู่เองก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดอะไร ถามไปว่า “แล้วเจ้ารองฉวีล่ ่ะ


เขาคิดยังไง?”
“เจ้ารองฉวี่ก็ยินดีที่จะแยกบ้าน พี่ชายของเขาขี้เกียจจะตายไป
แถมยังไม่ยอมทางานด้วย ส่ วนพี่สะใภ้ของเขา เธอคงไม่รู้จกั
หลี่ เ ฟิ นดี พ อ ยัย นั่น แรงกว่าภรรยาของเหล่ าหวัง สามอี กนะ
พูดจาฉอด ๆ ทุกวี่ทุกวันไม่หยุดหย่อนเลย ไหนจะยายเฒ่าฉวี่
อีก นัน่ ก็ปากมากจะตาย แต่เขาไม่อยากเป็นหนี้ ก็เลยบอกให้
พ่อแม่แล้วก็พี่ชายช่วยออกเงินให้ เธอคิดว่าจะเป็ นไปได้เหรอ?
บ้านของพวกเขาจะออกเงินสดเพื่อสร้างบ้านสามห้องเหรอ?
ต่อให้เป็ นไปได้ หลี่เฟิ นจะทาเหรอ?” เฮ่อซงจือส่ ายหน้า

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยความอยากรู ้

นางค้นพบว่า การเป็ นคนดูอยูข่ า้ ง ๆ ได้ฟังเรื่ องแบบนี้กส็ นุกดี


เหมือนกัน

นี่เป็ นข้อดีของการเป็ นคนนอกที่คอยรับชมเรื่ องที่เกิดขึ้น หาก


ลองมาเจอกับตัวเองคงวุน่ วายตายชักเลย!
“หลัง จากนั้น หลี่ เ ฟิ นก็บอกว่า ไม่ มี เ งิ น หล่ อ นไม่ ไ ด้คดั ค้าน
เรื่ องสร้างบ้าน แต่เงินที่จะสร้างบ้านเขาต้องออกเอง เป็ นหนี้ก็
ต้องจ่ายคืนด้วยตัวเอง” เฮ่อซงจือกล่าว

“บ้านที่ ตวั เองสร้ าง ก็ตอ้ งเป็ นหนี้ กนั เอง หลี่ เฟิ นพูดถู กนะ”
เย่ฉูฉู่สรุ ป

เฮ่ อซงจือหัวเราะ “ฉู ฉู่ เธอนี่ จิตใจดี จริ ง ๆ ฟั งดู เหมือนจะไม่


เลว แต่เธอเคยคิดหรื อเปล่าล่ะ เจ้ารองฉวี่ไม่ได้กินข้าวฟรี ๆ
นะ เขาเองก็ทางานหนักเหมือนกัน ออกแรงไปไม่รู้ต้ งั เท่าไร
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้ว ยกัน ไม่ ตอ้ งพูดให้ห่างไกลหรอก พูด
เรื่ องใกล้ตวั นี่ แหละ อย่างกระต่ายพวกนั้นที่บา้ นพวกเขาเลี้ยง
ไว้ เจ้ารองฉวี่ก็เป็นคนดูแลทั้งหมด เงินที่ขายได้ก็ควรจะเป็ น
ของเจ้ารองฉวีส่ ่ วนหนึ่งด้วยไม่ใช่เหรอ?”

เย่ฉูฉู่มองเฮ่อซงจือพลางกล่าวด้วยรอยยิม้ “พอมีลูกก็กลายเป็ น
คนละคนเลยนะ ฟังเข้าสิ ปากของเธอพูดซะคล่องเชียวนะ!”
เฮ่อซงจือแอบรู ้สึกไม่ดี “ฉันเองก็เพิ่งจะไตร่ ตรองได้นี่แหละ
ไม่ว่าจะพูดยังไง แต่งงานก็ตอ้ งแยกบ้าน อยูด่ ว้ ยกันไม่ใช่เรื่ อง
ดี เลยจริ ง ๆ แบบนี้ คงไม่มีทางที่ตกลงกันได้หรอกเธอว่าจริ ง
ไหมล่ะ?”

“แล้วป้ าใหญ่กบั ลุงใหญ่ว่ายังไงบ้าง?” เย่ฉูฉู่ถามถึงยายเฒ่าฉวี่


และตาเฒ่าฉวี่

“พวกเขาน่ ะเหรอ?” เฮ่ อซงจื อบุ ย้ ปาก “บอกว่าไม่ มีเงิ นมาก


ขนาดนั้นที่จะเอามาสร้างบ้านหรอก มีพวกเขาแค่สองพี่นอ้ ง
บ้านก็ออกใหญ่ โต ถึ งเวลานั้นคนหนึ่ งอยู่ด้านหน้าอี กคนอยู่
ด้านหลังก็สิ้นเรื่ อง แต่งงานก็ให้พวกพี่สาวมาช่วยสักหน่อย ก็
ไม่ตอ้ งไปเป็ นหนี้แล้ว”

ยายเฒ่าฉวี่มีลูกชายสองคน มีลูกสาวห้าคน มีแค่ลูกสาวคนโต


ที่แต่งอยู่ใกล้บา้ น ส่ วนคนอื่น ๆ อยู่ไกลกันหมด สองสามปี ก็
แทบจะกลับมาไม่ได้เลย
“พวกเขายังบอกอีกว่า เจ้ารองฉวี่อายุนอ้ ยสุ ด นางไม่อยากให้
ลูกชายคนสุ ดท้องต้องใช้ชีวิตโดยที่มีหนี้ สิน” เฮ่ อซงจือส่ าย
หน้า “ถ้าไม่ได้ทาอะไรร่ วมกันก็คงไม่รู้ว่าเป็ นคนยังไง ก่อน
หน้านี้ ฉันคิดว่าเขาไม่เลวเลยนะ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะแย่มาก
จริ ง ๆ หนึ่ งบ้ า นอยู่ ก ัน สามครอบครั ว ยายเฒ่ า ฉวี่ ไ ม่ ไ ด้
เหมือนกับแม่สามีของเธอเลย จะรอดไหมเนี่ย? ถึงเวลานั้นไม่
ตีกนั ตายเลยเหรอ!”

ความหมายก็คือการต่อสู ้ระยะประชิดนัน่ เอง

เย่ฉูฉู่รู้สึกว่าสิ่ งที่พูดมีเหตุผลมาก และไม่รู้ว่าควรจะแก้ปัญหา


อย่างไร ดู เหมือนว่าที่เธอตัดสิ นใจไม่เป็ นแม่ สื่อคงเป็ นเรื่ อง
ถูกต้องแล้ว

“สุ ดท้ายก็เลยตันอยูต่ รงนี้?” เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันเห็นพวกเขาคุยกัน


ที่หอ้ งตะวันตกตั้งนานขนาดนั้น คงไม่แยกจากกันหรอกมั้ง?”
“ไม่รู้สิ” เฮ่อซงจือพูดจบก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้จนหลุดขา
อีกครั้ง “พุ่งเข้าหาบ้านเธอแบบนี้คงแยกจากกันไม่ได้แล้วล่ะ”

เย่ฉูฉู่รู้สึกขบขัน “เธอพูดซะผูห้ ญิงคนนั้นกลายเป็ นอะไรไป


แล้วเนี่ย หล่อนจะแต่งงานกับคนนะ ไม่ใช่บา้ นสักหน่อย!”

“แต่บางครั้งบ้านก็มีประโยชน์กว่าคนอีกนะ” เฮ่ อซงจือถอน


หายใจขณะนึ กถึ งชี วิตของไห่ เยี่ยน “ฉันจะบอกอะไรให้นะ
สามีของฉันคนนั้นน่ะ…”

จากนั้นก็เริ่ มพูดสาธยายออกมา

เย่ฉูฉู่กฟ็ ังอย่างมีความสุ ขมาก

หลังจากนั้นไม่กี่วนั เฮ่ อซงจือก็ไม่ได้มาที่นี่อีก คาดว่าคงไม่มี


ความคืบหน้าใหม่ ๆ คุณแม่จา้ วทางฝั่งนั้นก็ไม่ได้พูดถึงเรื่ องนี้
เย่ฉูฉู่กอ็ ดคิดไม่ได้ หรื อว่าจะล่มแล้ว?

ล่มในที่นี่กค็ ือไม่ประสบความสาเร็จนัน่ แหละ


และแล้ ว ก็ เ ข้ า สู่ ช่ ว งเดื อ นสิ บสองตามปฏิ ทิ น จั น ทรคติ
เหมือนกับปี ก่อน ๆ ที่แต่ละบ้านเริ่ มนึ่งอาหารแห้ง เย่ฉูฉู่ตอ้ งดู
ลูกจึงไม่สามารถนึ่งอาหารแห้งได้ แต่สามีของเธอสุ ดยอดมาก
ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน เขาก็ขนฟองเต้าหู ้ ขนมเข่งและหมัน่ โถ
วกลับมา

“ผมให้คนที่หมู่บา้ นไท่ผงิ ทาให้ ภรรยา หลังจากนี้พวกเราก็กิน


อาหารสาเร็ จรู ปกันนะ!” จ้าวเหวินเทาขนอาหารแห้งลงมาจาก
รถและเก็บเข้าไปในถังขนาดใหญ่ “ลดภาระได้เยอะเลย”

“หมู่บา้ นไท่ผงิ ทาของพวกนี้ขายด้วยเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ไม่เข้าใจ

“มี ที่ไหนกันล่ ะ ผมจ่ ายเงิ นจ้างให้คุณป้ าคนหนึ่ งช่ วยทาให้”


จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมไปขนผักจากบ้านของป้ าคนนั้น แถม
ยังกินข้าวที่บา้ นนั้นตั้งหลายมื้อ รสชาติไม่เลวเลยนะ ที่สาคัญ
คือสะอาดด้วย ภรรยา ผมรู ้ว่าคุณไม่ชอบกินของที่อยูข่ า้ งนอก
แต่เรื่ องนี้ไม่มีปัญหาเลย”
เย่ฉูฉู่เป็นกังวลเรื่ องนี้ จริ ง ๆ อย่างอื่นไม่สะอาดไม่เป็นไร แต่
ของกิ น ต้อ งสะอาด อี ก อย่า งเรื่ อ งความสะอาดก็ไ ม่ ไ ด้อ ยู่ที่
ภาพลัก ษณ์ ภ ายนอก แต่ เ ป็ นขั้น ตอนในการท าต่ า งหาก
ยกตัว อย่า งเช่ น ล้า งวัต ถุ ดิ บ ไปกี่ ร อบ มี ด และเขี ย งท าความ
สะอาดไปกี่ครั้ง ระหว่างที่ทาอาหารแวะไปทาอย่างอื่ นตอน
กลับมาได้ลา้ งมื อหรื อเปล่ า ถึ งอย่างไรเมื่ อต้อ งรั บประทาน
อาหารข้ า งนอก ในหั ว เธอก็ จ ะคิ ด เรื่ องพวกนี้ อยู่ เ สมอ
โดยเฉพาะหลังจากที่คลอดลูกแล้วความคิดนี้กด็ ูเหมือนจะมาก
ขึ้นเรื่ อย ๆ

เพียงแต่สามีของเธอไม่อยากให้เธอเหนื่ อย จึงซื้ ออาหารแห้ง


กลับมาให้ เธอเองก็ไม่ถามแบบนี้ออกไปเช่นกัน

“ตอนเที่ ยงพวกเราลองอุ่ นแล้วชิ มดู นะคะ” เย่ฉูฉู่เชื่ อใจสามี


เธอกล่าวด้วยรอยยิม้
“ภรรยา ผมดีกบั คุณหรื อเปล่า?” จ้าวเหวินเทาเข้ามาทวงความดี
ความชอบ

“ดีสิคะ สามีของฉันดีที่สุดเลย!” เย่ฉูฉู่ปลอบสามีราวกับปลอบ


เสี่ ยวไป๋ หยาง

“ภรรยา คาพูดของคุณช่ างไม่จริ งใจเอาซะเลย” จ้าวเหวินเทา


เข้ามาทาตัวหวานเลี่ยน “มาครับ ขอจุ๊บหน่อย”

เย่ฉูฉู่ทาตาขวางตาหนิ เขาด้วยสายตา หลังจากจูบเขาแล้ว จ้าว


เหวินเทาจึงรู ้สึกพึงพอใจ

“ภรรยาจ๋ า ถึงเวลานั้นพวกเราเอาหมูไปขายหนึ่ งตัว แล้วก็ฆ่า


หนึ่ ง ตัว นะ เดี๋ ย วเอาไปเชื อ ดที่ บ้า นพ่ อ กับแม่ ทางฝั่ ง นั้น ท า
ความสะอาดอะไรเสร็ จแล้วค่ อยเอากลับมา พ่อกับแม่ จะได้
แบ่งไปคนละครึ่ งด้วย ได้หรื อเปล่า?” จ้าวเหวินเทาปรึ กษากับ
ภรรยา
“คุณคานวณไว้อย่างดีแล้วยังจะถามอะไรฉันอีกล่ะคะ” เย่ฉูฉู่
จงใจพูด

“ภรรยา ที่ผมคิดไว้แบบนี้ คุณก็ดูบา้ นพวกเราสิ วา่ สะอาดขนาด


ไหน ฆ่ าหมูสักตัวคงสกปรก เหนื่ อยด้วย แถมคนยังเยอะอี ก
คนแก่ ๆ ไม่รังเกียจเรื่ องพวกนี้หรอก แถมยังชอบความคึกครื้ น
ด้วย ทาเสร็ จแล้ว เอากลับมาก็ช่วยลดความยุ่งยากได้ ที่สาคัญ
คือคุณไม่ตอ้ งเหนื่อยด้วยไง”

เย่ฉูฉู่พูดด้วยรอยยิม้ “ฉันรู ้แล้วค่ะว่าคุณรักฉัน! ตกลง ถึงเวลา


นั้นคุณก็ไปบอกพ่อกับแม่สักคานะ ฉันจาได้ว่าแม่ชอบกินขา
หมู คุณก็เหลือขาหมูไว้ให้แม่สักหน่ อย แล้วก็หัวหมูดว้ ย ฉัน
ไม่ชอบกินส่ วนนั้น เหลือไว้ให้คุณพ่อก็ได้ ถึงเวลานั้นคุณเอา
แค่ไส้กรอกเลือดกับเนื้อหมูกลับมาสักนิดก็พอแล้ว”

“ยังมี ตบั หมู ด้วยนะ ผมจาได้ว่าคุ ณชอบกิ นตับหมู ” จ้าวเหวิ


นเทากล่าว
“แล้วพ่อคุ ณไม่ชอบกินเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่จาได้ว่าพ่อสามีชอบ
รับประทานตับหมูมาก

“งั้นก็แบ่งกันคนละครึ่ ง” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “ไม่เป็นไร คุณพ่อชอบกินก็ให้คุณพ่อเถอะค่ะ ส่ วน


ฉันยังไงก็ได้”

“ภรรยา คุณช่างดีจริ ง ๆ เลย ทาไมคุณถึงได้ดีแบบนี้เนี่ย!” จ้าว


เหวินเทาพูดด้วยความจริ งใจ

ลูกสะใภ้บา้ นอื่นขอแค่ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนสู งวัยก็ถือว่าดี


มากแล้ว แต่ภรรยาของเขากลับนึ กถึงพ่อแม่สามีอยู่ตลอด เขา
ไม่ รู้ ว่า ตัว เองเสริ มสิ ริ ม งคลในชี วิต มามากขนาดไหนถึ งได้
แต่งงานกับภรรยาดี ๆ แบบนี้!

“ภรรยาจ๋ า ผมว่าโชคที่ใหญ่ที่สุดของผมคือการได้แต่งงานกับ
คุณนะ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความตื่นเต้นเป็ นอย่างยิง่
ตอนที่ 235 ความคืบหน้ าใหม่ ล่าสุ ด

เย่ ฉู ฉู่ ไ ด้ยิ น ก็ รู้ สึ ก อบอุ่ น อยู่ ใ นใจ ทว่ า ปากกลับ พู ด ไปว่ า
“นับวันเริ่ มพูดจาเหลวไหลมากขึ้นเรื่ อย ๆ แล้วนะคะ!”

ลูกลิงที่อยูข่ า้ ง ๆ ส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ พลางพยักหน้าแสดงออก


ว่าเห็นด้วย เสี่ ยวไป๋ หยางก็โบกมือเล็ก ๆ เพื่อแสดงออกว่าแม่
ของเขาพูดถูก

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “พวกเธอสองคนนี่นะ เป็ นพวกกบฏจริ ง


ๆ เลย!”

เย่ฉูฉู่เห็นก็หลุดหัวเราะออกมา

ในช่วงค่าเธออุ่นฟองเต้าหู ส้ ามแผ่น ทาโจ๊กข้าวฟ่ าง นึ่งมะเขือ


ยาวราดกระเทียมหนึ่ งหัว ตบและหัน่ แตงกวาหนึ่ งหัว ทั้งสอง
คนรับประทานกันอย่างเอร็ ดอร่ อย อย่าให้พูดเลย ฟองเต้าหู ท้ ี่
นึ่งไว้ของป้าใหญ่ในหมู่บา้ นไท่ผงิ อร่ อยมากจริ ง ๆ

อย่ามองว่านี่เป็ นการนึ่งอาหารแห้ง สาหรับบางคนไม่ว่าจะทา


อย่างไรก็ไม่อร่ อย บางคนทาไปตามเรื่ องตามราวกลับอร่ อย
มาก นอกจากนี้ยงั มีผกั ดองเค็มที่เป็ นแบบนี้เช่นกันที่แต่ละคน
ล้วนทาผักดองเค็มออกมาไม่เหมือนกัน เหมือนกับเย่ฉูฉู่ ไม่วา่
จะทาอะไรก็อร่ อยกว่าที่คนอื่นทาเสมอ

ตอนที่รับประทานอาหาร เย่ฉูฉู่ก็พูดเรื่ องงานแต่งงานของเจ้า


รองฉวี่

“ติ ดก็แต่ เรื่ องบ้าน นี่ นานมากแล้วยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย


ฉันว่าคงจบเห่แล้วล่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“เปล่ า หรอก ตอนที่ ผ มกลับ มา เจ้า รองฉวี่ก็เ พิ่ ง กลับมาจาก


หมู่ บ ้ า นของทางฝ่ ายหญิ ง บอกว่ า เอาฟองเต้ า หู ้ ไ ปให้ ”
จ้าวเหวินเทาซดโจ๊กพลางกล่าว
“หา? เอาฟองเต้าหู ไ้ ปให้ฝ่ายหญิง?” เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “เรื่ อง
ใหญ่แบบนี้ทาไมเฮ่อซงจือไม่มาบอกฉันเนี่ย?”

จ้า วเหวิ น เทายิ้ม “คงยุ่ง อยู่ก ับ การนึ่ ง อาหารแห้ง นั่น แหละ


อากาศหนาวขนาดนี้ หล่อนก็คงวิง่ มาที่นี่บ่อย ๆ ไม่สะดวก”

เย่ ฉู ฉู่ คิ ด ดู แ ล้ว ก็ รู้ สึ ก ว่ า เป็ นเรื่ อ งจริ ง บ้า นของพวกเขาอยู่


ค่อนข้างห่างไกล

“งั้นก็แปลว่าสาเร็จแล้วน่ะสิ คะ?” เย่ฉูฉู่รู้สึกสงสัยมาก

“จะไม่สาเร็จได้ไง ผมเห็นท่าทางขยันขันแข็งของเจ้ารองฉวี่กร็ ู ้
แล้ว ผูช้ ายพอถึงเวลาถ้าไม่พูดเรื่ องภรรยาคงได้เป็ นบ้า!” จ้าวเห
วินเทากล่าว “อย่าพูดว่าฝ่ ายหญิงอยากจะสร้างบ้านเลย ต่อให้
เป็ นดาวที่อยูบ่ นฟ้าก็ตอ้ งไขว่คว้าเอามาให้! คุณรอดูได้เลย ทาง
ตระกูลเหล่าฉวีต่ อ้ งตอบตกลงแน่นอน”
เย่ฉูฉู่มองสามีดว้ ยความขบขัน “แล้วคุณล่ะคะ ก่อนหน้านี้ตอน
ที่อายุถึงแต่ไม่ได้พูดเรื่ องภรรยาเกือบจะเป็ นบ้าหรื อเปล่า?”

จ้า วเหวิ น เทาได้ยิน ภรรยาหยอกเย้า ก็ หัว เราะคิ ก คัก “ใช่ สิ


ภรรยา ดังนั้นคุณเป็ นคนช่วยผมไว้นะ!”

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขาปราดหนึ่ ง “รู ้จกั แต่พูดให้ฟังดู ดี! จริ งสิ


ภาพยนตร์ เรื่ องนั้นของคุณเป็นยังไงบ้าง นี่ ก็ใกล้จะข้ามปี แล้ว
ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยเหรอ?”

เย่ฉูฉู่ไม่อยากได้ยนิ สามีของตนพูดพล่ามแล้ว จึงเปลี่ยนหัวข้อ


สนทนา

“เรื่ องนั้นเหรอ กาลังปรับใหม่อีกรอบน่ ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว


“เห็นบอกว่ายุ่งยากมาก ผมไปถามเกาเสี ยงกับฉิ นหมิงที่คณะ
ละครมาแล้ว พวกเขาบอกว่าคงขายได้ตอนสิ้ นเดือนนัน่ แหละ”

“ดูได้แค่ในโรงหนังใช่ไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“ดู เหมื อนว่าจะใช่ นะ” แต่ จา้ วเหวินเทากล่ าวจบก็รู้สึกได้ว่า
ภรรยาของเขาสนใจจริ ง ๆ จึงรี บพูดว่า “ภรรยา วันข้ามปี ผมพา
คุณไปดูหนังที่ในเมืองดีไหมครับ?”

เย่ฉูฉู่ชอบดูภาพยนตร์มาก ดังนั้นจึงถามออกไปแบบนี้ หากทา


ภาพยนตร์ ออกมาแล้วสามารถซื้ อกลับมาได้ก็จะได้ดูดว้ ย แต่
เมื่อได้ยนิ ความหมายของจ้าวเหวินเทา ก็ดูเหมือนว่าคงดูได้แค่
ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เธอยังต้องเลี้ยงลูก อากาศหนาวขนาด
นี้ ให้ไปโรงภาพยนตร์ กลับมาก็ใช้เวลาเกื อบหนึ่ งวันเต็ม ๆ
ดังนั้นช่างมันเถอะ!

“อากาศหนาวเกิ นไป ไปกลับใช้เวลาหนึ่ งวัน ลูกทนไม่ ไหว


หรอกค่ะ รอฤดูร้อนปี หน้าค่อยพาลูกไปดูดว้ ยกันดีกว่า” เย่ฉูฉู่
กล่าว
จ้าวเหวินเทามองดู เสี่ ยวไป๋ หยางที่กาลังใช้ลูกตากลมโตจ้อง
มองมาที่พวกเขา จึงจงใจพูด “เจ้าเด็กน้อย เป็ นเพราะลู กคน
เดียวเลยที่ทาให้แม่ไม่ได้ไปดูหนัง!”

จ้าวเหวินเทาพูดไม่ผิดเลยเกี่ยวกับเรื่ องแต่งงานของเจ้ารองฉวี่
ผ่านไปไม่กี่วนั เฮ่ อซงจือก็มาเล่าความคืบหน้าให้ฟัง ตระกูล
ของเหล่าฉวีย่ อมประนีประนอมแล้ว ตอบตกลงที่จะสร้างบ้าน
ให้ ในบ้านจะหยิบเงินออกมาส่ วนหนึ่ งและยืมอี กส่ วนหนึ่ ง
ส่ วนที่ยมื เจ้ารองฉวีต่ อ้ งเป็ นคนคืนเอง ซึ่งฝ่ ายหญิงก็ตอบตกลง
แล้ว

“ตาบ้าเจ้ารองฉวี่นั่น ทาให้ฉันโกรธแทบตาย!” เฮ่ อซงจือพูด


ด้วยความโมโห “ไปหาบ้านฝ่ ายหญิงไม่บอกไม่กล่าวกันสักคา
ฉันยังไม่รู้อะไรสักอย่าง!”
เย่ฉูฉู่เองก็ประหลาดใจ เฮ่อซงจือไม่รู้ว่าเจ้ารองฉวี่ไปบ้านฝ่ าย
หญิงมา? เธอหรื อก็นึกว่าเฮ่อซงจือไม่มาหาเพราะเรื่ องแต่งงาน
ไม่ประสบความสาเร็จเสี ยอีก

“เขาไปเองเหรอ?” เย่ฉูฉู่รู้สึกว่ายากที่จะเชื่อได้ เจ้ารองฉวีค่ นนี้


ดูเหมือนเป็ นคนซื่อตรงมาก มีความกล้าขนาดนี้เลยเหรอ?

“ก็ใช่ น่ะสิ เขาไปเองเลย ที่บา้ นของเขาก็ยงั ไม่มีใครรู ้ดว้ ยซ้ า


ฉันได้ยนิ ยายเฒ่าฉวี่เล่าให้ฟัง เขาบอกว่าจะไปบ้านพี่สาวใหญ่
เพราะจะเอาอาหารแห้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปฝาก ที่ไหนได้กลับไป
บ้านฝ่ ายหญิงซะงั้น!”

“นี่ คงเป็ นรักแท้สินะ!” เย่ฉูฉู่ครุ่ นคิดอยู่นานกว่าจะนึ กคาพูด


ของโจวหมิ่นได้ จึงเอ่ยปากพูดออกมา

“รักแท้? พรื ด!” เฮ่ อซงจือหัวเราะพรื ดออกมา “ฉู ฉู่ เธอนี่ ช่าง
เข้าใจเล่นนะ! ถูกต้อง รักแท้ ก็คือรักแท้นนั่ แหละ ฮ่า ๆ!”
“แต่เจ้ารองฉวี่คนนี้ ก็เก่งจริ ง ๆ ไปแค่รอบเดี ยวก็สาเร็ จแล้ว”
เย่ฉูฉู่กล่าว

“ก็เป็ นเพราะตอบตกลงเรื่ องสร้างบ้านไง ลองไม่ตกลงเรื่ อง


สร้างบ้านดูสิ จะสาเร็จเหรอ?” เฮ่อซงจือไม่เห็นด้วย

“มันก็จริ ง พวกเขาจะแต่งงานกันตอนไหนเหรอ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“สร้างบ้านเสร็ จตอนไหนก็แต่งตอนนั้นแหละ” เฮ่อซงจือถอน


หายใจ “เธอดู สิ คนเหมือนกันแท้ ๆ แต่ตอนแรกฉันกลับคิ ด
เรื่ องนี้ไม่ได้เลย ชุนเยีย่ นอายุนอ้ ยกว่าฉันตอนนั้นอีกนะ!”

เย่ฉู ฉู่ รู้ สึ ก ขบขัน “พอเถอะ เหวิน จื้ อ ของเธอก็ดี ก ับ เธอมาก


ไม่ใช่เหรอ? แถมยังเป็ นครู ดว้ ย เธอรู ้จกั พอเถอะ!”

“ฉัน ไม่ รู้ จ ัก พอหรอก แค่ คิ ด ว่า ถ้า เที ย บฉัน สมัย ก่ อ นกับ ชุ น
เยี่ยน ฉันนี่ โง่ชะมัดเลย!” เฮ่อซงจือไม่เต็มใจกับความโง่เขลา
ของตนเองในตอนแรก
เป็ นเพราะเรื่ องนี้ จึงทาให้เจ้ารองฉวี่มีชื่อเสี ยงภายในหมู่บา้ น
ยังไม่ทนั ได้หมั้นก็ไปบ้านฝ่ ายหญิงแล้ว นี่เป็ นความเข้าใจใหม่
ที่ ทุ ก คนมี ต่ อ เขา เมื่ อ เจอหน้า จึ ง พากัน หยอกล้อ ในตอนนี้
พี่สะใภ้สี่จา้ วก็ทราบเรื่ องนี้แล้วเช่นกัน

ไม่ แ ปลกใจที่ พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วจะรู ้ เ รื่ อ งที ห ลัง อัน ที่ จ ริ ง ช่ ว งนี้
หล่ อ นก าลัง ยุ่ ง มาก ตั้ง แต่ ท าเต้า หู ้ ใ ห้ พี่ ส ามจ้า ว แม้แ ต่ จ ะ
ออกไปคุยเล่นข้างนอกก็ยงั ไม่มีเวลาเลย

ความต้องการของพี่สามจ้าวมีสูงมาก ถัว่ จะต้องเลือกแบบที่


สะอาด ไม่เอาถัว่ เน่ าเสี ย ต้องล้างให้สะอาดสามรอบแล้วค่อย
นาไปแช่ จากนั้นให้บดด้วยมือแล้วนาไปต้มในหม้อ หม้อก็
ต้องเป็นหม้อสะอาดแยกต่างหากห้ามไม่ให้มีกลิ่นน้ ามัน เป็น
เพราะในชนบทไม่ ว่ า จะท าอาหารหรื อ ต้ม น้ าก็ จ ะใช้ห ม้อ
เดี ยวกันหมด ล้างก็ลา้ งไม่ สะอาด ดังนั้นจึ งต้องใช้หม้อแยก
ต่างหากเพื่อทาสิ่ งนี้ ไม่เช่ นนั้นเต้าหู ้ที่ทาออกมาอาจจะเหม็น
คาวได้

พี่สะใภ้สี่จา้ วอยากแอบลักไก่ แต่พี่สามจ้าวบอกว่าเขาทาเต้าหู ้


มาหลายปี แล้ว แค่ดมกลิ่นเต้าหูแ้ ละลองชิมนิดหน่อยก็รู้แล้วว่า
ทาอย่างไร หากเขารู ้วา่ แอบลักไก่จะไม่ให้เงินแม้แต่เฟิ นเดียว!

เรื่ อ งที่ พี่ ส ามจ้า วทาเต้า หู ้อ ร่ อ ยนั้น เป็ นที่ ย อมรั บของทุ ก คน
พี่สะใภ้สี่จา้ วเลยกลัวว่าหากทาออกไปแล้วเขาจะไม่ จ่า ยเงิ น
ดังนั้นจึงทาได้เพียงแค่ต้ งั ใจทา การใช้ชีวิตแบบนี้ทาให้หล่อน
เหนื่ อยจนไม่อยากจะลุกขึ้นมา ประกอบกับต้องเลี้ยงลูกด้วย
จะไปมีเวลานัง่ ซุ บซิ บนินทาชาวบ้านได้อย่างไร ดังนั้นหล่อน
จึงไม่รู้เรื่ องราวที่เกิดขึ้นข้างนอก

สองวันนี้ยงุ่ อยูก่ บั การนึ่งอาหารแห้ง ต้องเตรี ยมเต้าหูห้ นึ่งหม้อ


ทุกวัน แต่ตอนนี้ผ่อนคลายลงแล้ว แถมหล่อนเองก็รู้สึกหายใจ
ไม่ออกด้วย วันนี้จึงพาลูกมาให้คุณแม่จา้ วช่วยดูให้ ส่ วนตัวเอง
ออกจากบ้านไปนัง่ พูดคุยเพื่อผ่อนคลาย จึงทาให้ได้ยนิ เรื่ องนี้

นี่ มนั อะไรกัน เจ้ารองฉวี่ไม่ชอบคนที่หล่อนแนะนาให้เพราะ


ก่อนหน้านี้เย่ฉูฉู่แนะนาให้แล้ว?

เรื่ องนี้ ท าให้ ห ล่ อ นรู ้ สึกเหลื อ เชื่ อ เย่ ฉู ฉู่ เ องก็ เ ป็ นแม่ สื่ อ
เหมือนกันเหรอ?

เท่าที่หล่อนจาได้ น้องสะใภ้คนนี้แตกต่างจากพวกหาล่อน ไม่


เหมือนอย่างไรหล่อนเองก็บอกไม่ถูก แต่รู้สึกได้ว่าเป็ นคนที่
อยูก่ นั คนละโลกเลย

แต่คนที่เป็ นแบบนี้ทาไมถึงได้ทาเรื่ องที่พวกหล่อนทาล่ะ?

หล่อนไม่เชื่อ จึงมาถามเย่ฉูฉู่ดว้ ยตัวเอง

เย่ฉูฉู่คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้สี่จา้ วจะมาหาเธอช้าขนาดนี้
“เรื่ องมันเป็ นแบบนี้…” เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่ องที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟั ง
หนึ่งรอบ
ตอนที่ 236 ตอกกลับไป

เมื่ อ เย่ฉู ฉู่ พู ด จบ พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วก็เ หม่ อ อยู่น านกว่ า จะได้ส ติ
“พวกเขารู ้จกั กันตอนที่มาฟังงิ้ว?”

“ค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้

“เหมื อนกับคนในเมื องที่ คุ ยกันเองน่ ะ เหรอ?” พี่สะใภ้สี่จา้ ว


ถามต่อ

“เรื่ องนี้ฉนั เองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงคุยๆ กันบ้างแล้วล่ะ


ค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

พี่สะใภ้สี่จา้ วตบหน้าขาพลางก่นด่า “เจ้ารองฉวี่คนนี้ นี่ ไอ้บา้


เอ๊ย มีคนที่ชอบอยู่แล้วก็บอกแต่แรกสิ ไม่ยอมบอกอะไรสัก
อย่าง ทาให้พวกเราต้องเป็ นธุระให้เขาเยอะแยะขนาดนี้!”
เย่ฉูฉู่กร็ ู ้สึกว่าเจ้ารองฉวี่ทาเกินไปหน่อย มีคนที่ชอบอยูแ่ ล้วยัง
จะดูตวั อะไรอีก

พี่สะใภ้สี่จา้ วด่าเจ้ารองฉวี่จบก็บ่นขึ้นอีก “น้องสะใภ้หก เธอ


เองก็เหมือนกัน ทาไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรกล่ะ จะได้ไม่ตอ้ งให้
แม่ของฉันวิง่ เทียวไปเทียวมาตั้งหลายรอบ แม่สามีกเ็ หมือนกัน
ไม่บอกกันสักคา”

เย่ฉูฉู่แอบไม่พอใจเท่าไรนัก “พี่สะใภ้สี่ พี่พูดแบบนี้กไ็ ม่ถูกนะ


คะ พวกเราไม่รู้เรื่ องนี้ มาก่อนจะบอกพี่ได้ยงั ไง? คุณแม่ก็เพิ่ง
มารู ้ ทีหลังเหมื อนกัน ตอนนั้นพี่เป็ นแม่ สื่อ เจ้ารองฉวี่ก็เห็ น
ด้วยที่จะไปดูตวั พวกเราจะห้ามไม่ให้พี่ไปได้เหรอ?”

พี่สะใภ้สี่จา้ วปิ ดปากเงียบ แม้ว่าจะทราบว่าเย่ฉูฉู่พูดมีเหตุผล


เรื่ องนี้ ต้ งั แต่ตน้ จนจบต้นเหตุก็คือเจ้ารองฉวี่ แต่หล่อนก็รู้สึก
คับอกคับใจอยูด่ ี ทาแบบนี้มนั คืออะไรกันเนี่ย!
“น้องสะใภ้หก เธออย่าโกรธสิ แม่ของฉันบอกว่าหลานสาว
ของแม่ฉันชอบเจ้ารองฉวี่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ารองฉวี่จะไม่
ชอบหล่อน หล่อนรับไม่ได้อยู่ช่วงหนึ่ งจนล้มป่ วยเลยนะ แม่
ของหลานสาวก็เลยบ่นแม่ฉนั ว่าจัดการเรื่ องได้ไม่ดี แม่กเ็ ลยมา
บ่นฉันอีก”

เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “เรื่ องนี้ มีอะไรต้องบ่นด้วยคะ ฝ่ ายชายไม่


ชอบ แม่สื่อก็ไม่สามารถบังคับให้ฝ่ายชายมาชอบอยู่ดีไม่ ใช่
เหรอ?”

“มันก็เหตุ ผลตามนี้ แหละ แต่ การที่ จะชอบหรื อไม่ ชอบส่ วน


ใหญ่กต็ อ้ งดูที่แม่สื่อนี่แหละ” พี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว

เย่ฉูฉู่กล่าวเสี ยงเรี ยบ “ความหมายของพี่สะใภ้สี่ก็คือ พวกเรา


ทาให้เรื่ องดี ๆ ของพวกพี่เสี ยหายงั้นเหรอคะ?”

พี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว “แต่ถึงยังไงถ้าไม่มีทางฝั่งของพวกเธอ เจ้า


รองฉวีก่ ต็ อ้ งตอบตกลงอยูแ่ ล้ว”
เย่ฉูฉู่ยมิ้ ด้วยความโกรธเคือง “พี่สะใภ้สี่พูดแบบนี้น่าสนใจจริ ง
ๆ ฝ่ ายหญิงที่พวกพี่แนะนาให้ชอบเจ้ารองฉวี่ แต่เจ้ารองฉวี่ไม่
ชอบฝ่ ายหญิงที่พวกพี่แนะนาให้ พี่ก็เลยมาโทษพวกฉัน หรื อ
จะบอกว่าเจ้ารองฉวี่ตอ้ งชอบคนที่พวกพี่แนะนาให้เท่านั้น ไม่
งั้นก็จะกลายเป็ นความไม่ถูกต้อง? นี่มนั เหตุผลอะไรกันคะ?”

พี่ ส ะใภ้ สี่ จ้ า วถู ก ตอกกลั บ จนพู ด ไม่ อ อก หล่ อ นจึ ง เอ่ ย
กระอึกกระอักกลับมาหนึ่งประโยค “ฉันไม่ได้หมายความแบบ
นั้น”

จากนั้นก็ลุกขึ้นทาท่าจะกลับไป

เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สะใภ้สี่ ฉันขอพูดกับพี่อีกหนึ่ งประโยคนะคะ


เรื่ องการแต่งงานไม่ใช่ เรื่ องที่แม่สื่อจะตัดสิ นใจได้ นี่ เป็นการ
ตัดสิ นใจของฝ่ ายชายและฝ่ ายหญิ ง จะสาเร็ จหรื อไม่สาเร็ จก็
เป็ นเรื่ อ งปกติ จะมาพู ด ว่า พวกพี่ เ ป็ นแม่ สื่ อ แล้ว ต้อ งส าเร็ จ
ไม่ได้!”
พี่สะใภ้สี่จา้ วจึงเดินคอตกกลับไป

เย่ฉูฉู่เดิมทียงั เคืองอยู่นิดหน่ อย แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้วก็พบว่า


เธอไม่สามารถโกรธกับคนแบบนี้ได้จริ ง ๆ จึงโยนความโกรธ
ทิง้ ไป

พี่สะใภ้สี่จา้ วกลับไม่ได้โยนเรื่ องนี้ทิ้ง หล่อนกลับมาบ่นกับพี่สี่


จ้าว

“…คุ ณ ดู สิ ค ะท าไมน้อ งสะใภ้ห กถึ ง เป็ นแบบนี้ ไปได้? ถ้า


ตัวเองเป็ นแม่สื่อก็น่าจะบอกล่วงหน้าสักคาสิ นี่ไม่พูดอะไรเลย
มองดู พ วกเราทางฝั่ ง นี้ ยุ่ง วุ่น วาย จากนั้น ค่ อ ยแนะน าให้เจ้า
รองฉวี่ มีแบบนี้ ดว้ ยเหรอ?” พี่สะใภ้สี่จา้ วเป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญด้าน
การกลับขาวให้กลายเป็ นดา พูดแบบนี้ คนที่ไม่รู้เรื่ องราวคงคิด
ว่าเย่ฉูฉู่เป็ นคนผิด
พี่สี่จา้ วฟังโดยไม่ได้ใส่ ใจอะไร เขาล้างถัว่ ไปพลาง หลังจากรอ
ภรรยาบ่นเสร็ จแล้วจึงเข้าประเด็น “ในเมื่อเจ้ารองฉวี่ไม่ชอบ
น้องสะใภ้หกจะบังคับให้เขาชอบได้เหรอ?”

“นี่ คุณเข้าข้างฝั่งนั้นเหรอคะ? เจ้ารองฉวี่นนั่ จะไปรู ้เรื่ องรู ้ราว


อะไรกัน!” พี่สะใภ้สี่จา้ วพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“ถึงเจ้ารองฉวี่จะไม่รู้เรื่ องรู ้ ราว แต่ก็รู้จกั เอาฟองเต้าหู ้ไ ปให้


บ้านพ่อตาแม่ยายเพื่อไปเยีย่ มภรรยาของเขานะ” พี่สี่จา้ วกล่าว

“คุณ!” พี่สะใภ้สี่จา้ วโกรธจนทนไม่ไหว

ตอนนี้คนจากทั้งหมู่บา้ นต่างก็รู้เรื่ องที่เจ้ารองฉวีล่ ะทิ้งเรื่ องการ


หาคู่ผ่านแม่สื่อและหาคู่ดว้ ยตัวเองแทนแล้ว พี่สะใภ้สี่จา้ วย่อม
ทราบด้วยเช่ นกัน แต่หล่อนกลับคิดว่านี่ เป็ นผลลัพธ์จากการ
ร่ วมมือกันระหว่างเย่ฉูฉู่และเฮ่อซงจือ

คนเรานี่นะ เอาแต่เชื่อในเรื่ องที่ตวั เองเชื่อ ใครก็ทาอะไรไม่ได้


ครั้ นจ้า วเหวิ น เทากลับ มาในช่ ว งค่ า เย่ฉู ฉู่ จึ ง น าค าพู ด ของ
พี่สะใภ้สี่จา้ วเล่าให้เขาฟัง

“อย่าไปสนใจเลย คนแบบนั้นไม่มีสมองหรอก!” จ้าวเหวินเทา


พู ด ด้ว ยความดู แ คลน ระหว่ า งที่ พู ด ก็ ป ลอบใจเย่ ฉู ฉู่ ด้ ว ย
“ภรรยา คุณอย่าไปโกรธคนแบบนี้เด็ดขาดเลยนะ ไม่คุม้ ค่าเลย
เข้าใจไหม?”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ฉันเองก็คิดแบบนี้ เหมื อนกัน ถึ งยังไงเรื่ องนี้ ก็พู ด


ชัดเจนแล้ว พี่เขาอยากคิดยังไงก็ช่างเถอะค่ะ”

“ภรรยาของผมช่ างสมเหตุสมผลจัง!” จ้าวเหวินเทาหอมเย่ฉูฉู่


ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ภรรยา ครั้งก่อนผมเคยเล่าให้
คุ ณ ฟั ง ใช่ ไ หม เรื่ อ งที่ ผ มรู ้ จ ัก พี่ ใ หญ่ ห ลิ ว คนพลิ ก หน้า ดิ น ที่
หมู่บา้ นไท่ผิง คุณยังจาได้ไหม เขานัดผมไปตกปลาด้วยกันวัน
พรุ่ งนี้ ดังนั้นผมอาจจะออกจากบ้านเช้าหน่อยนะ”

“ตกปลา? ที่ไหนเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความสงสัย


“ทางเหนื อ น่ ะ อยู่ห่ า งจากที่ นี่ ป ระมาณห้า สิ บลี้ เขาบอกว่ า
ตอนนี้เป็ นช่วงเวลาที่ดีในการตกปลา อากาศก็หนาวขึ้นเรื่ อย ๆ
แล้ว ปลาที่ตกกลับมาก็ไม่เสี ยด้วย”

เย่ฉูฉู่กล่าว “ได้สิ คุณไปเถอะ ใส่ กางเกงกับเสื้ อผ้าฝ้ายหนา ๆ


นะคะ ฉันทาไว้ให้หมดแล้ว พรุ่ งนี้จะออกไปกี่โมงคะ?”

“ตีสามกว่าก็ออกจากบ้านแล้ว ไปเจอกันที่ตวั อาเภอ ถึงที่นนั่ ก็


คงเช้าพอดี กว่าจะกลับมาก็ค่า ๆ” จ้าวเหวินเทาคานวณเวลา

“งั้นคุณก็ระวังตัวด้วยนะคะ ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว อย่าตกลง


ไปในชั้นน้ าแข็งที่ยงั ไม่แข็งตัวหนาเชียวล่ะ” เย่ฉูฉู่กาชับ

“ผมรู ้แล้ว คุณไม่ตอ้ งห่วงนะ” จ้าวเหวินเทาอุม้ ลูกชายยกขึ้นสู ง


อีกครั้ง “พรุ่ งนี้พ่อจะไปตกปลามาให้กินนะลูก!”

เสี่ ยวไป๋ หยางกางแขนเล็ก ๆ หัวเราะไม่หยุด เขาชอบเล่นด้วย


วิธียกตัวลอยสู งแบบนี้มากที่สุด
เมื่อคิดว่าสามีจะออกเดินทางเช้า เย่ฉูฉู่จึงห่ อเกี๊ยวไว้ต้ งั แต่ตอน
กลางคืน วันพรุ่ งนี้เช้าแค่ลงไปต้มในหม้อก็รับประทานได้แล้ว

ยังไม่ถึงตีสามของเช้าวันรุ่ งขึ้น จ้าวเหวินเทาก็ตื่นแล้ว เมื่อเห็น


ภรรยายัง หลับ สบาย จึ ง แอบไปต้ม เกี๊ ย วรั บ ประทานและ
เดินทางออกจากบ้าน

ท้องฟ้ าด้านนอกยังมืดมิด บนท้องฟ้ ามี ดาวฮัน่ ซิ งประดับอยู่


จ้าวเหวินเทาก็ขบั รถมุ่งหน้าไปยังจุดรวมตัวที่ตวั อาเภอแล้ว

จนกระทัง่ มาถึงหน้าประตูใหญ่ของอาเภอก็พบว่ามีคนสิ บกว่า


คนกาลังรออยู่ ทุ กคนสวมใส่ หมวกหนัง เสื้ อกันหนาวหนัง
แกะและถุ ง มื อ ครบครั น นอกจากจ้า วเหวิ น เทาที่ ข ับ รถใช้
น้ ามันเชื้อเพลิงในการเผาไหม้กย็ งั มีอีกหนึ่งคนที่ขบั รถมาด้วย
ครั้นพี่ใหญ่หลิวเห็นว่าทุกคนมาถึงกันครบแล้ว จึงเรี ยกให้ทุก
คนขึ้ น รถ เขานั่ง บนรถของจ้า วเหวิ น เทา รถสองคัน ถู ก นั่ง
เบียดเสี ยดจนแน่นเต็มคันรถ จากนั้นทุกคนก็เหยียบย่างลงบน
หิมะเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย

นี่คือทีมตกปลาที่พี่ใหญ่หลิวเป็ นคนรวบรวมได้ พวกเขาไม่ได้


ไปทุกปี ถ้าทุกคนมีเวลาถึงจะไปด้วยกันสักครั้ง บางครั้งคนมา
มาก บางครั้งคนมาน้อย ซึ่ งการตกปลาไม่ใช่เพื่อนาไปขาย แต่
เพื่อนาไปรับประทานเอง

“กินข้าวมาหรื อยัง?” พี่ใหญ่หลิวถาม

“กิ นแล้วครั บ อากาศหนาวแบบนี้ ไม่ กินข้าวคงทนไม่ไหว”


จ้าวเหวินเทากล่าว

“ก็ ใ ช่ น่ ะ สิ ฉั น เอาเหล้า มาด้ว ย อี ก เดี๋ ย วนายดื่ ม สั ก หน่ อ ย


เดิ นทางไปกลับคงใช้เวลาเป็ นวัน ไม่ ดื่มสักหน่ อยคงทนไม่
ไหวแน่”
ในฤดูหนาวช่วงเวลาก่อนที่ฟ้าจะสว่างคือช่วงที่หนาวที่สุด จ้าว
เหวินเทาขับรถไปครู่ หนึ่งก็ดื่มเหล้าของพี่ใหญ่หลิวไปสองอึก
หลัง จากดื่ ม เหล้า ไปสองสามครั้ งในที่ สุ ด ก็ ม าถึ ง จุ ด หมาย
ปลายทาง ตอนนี้เองเพิ่งจะรุ่ งสางพอดี

ยามมองไปด้านหน้าก็พบหมอกลอยปกคลุมอยู่ แอบเห็นป่ า
ภู เ ขาแต่ ไ กล ๆ ส่ ว นแม่ น้ าสายใหญ่ ที่ อ ยู่ ใ กล้ ๆ ตอนนี้ ได้
กลายเป็ นน้ าแข็งแล้ว

ทุกคนลงจากรถได้ก็กระทืบเท้าเดิ นไปเดิ นมาเพื่อสร้างความ


อบอุ่ น ให้ร่ า งกาย พี่ ใ หญ่ ห ลิ ว กล่ า วด้ว ยรอยยิ้ม “รอตกปลา
เสร็จ ถ้ายังมีเวลา พวกเราไปแช่น้ าที่บ่อน้ าพุร้อนกัน!”
ตอนที่ 237 ย่ างปลา

หมอกขาวนี้ ลอยออกมาจากบ่อน้ าพุร้อน เพียงแต่มนั อยู่ห่าง


จากที่นี่

ทุกคนต่างยิ้มแย้ม พูดคุ ยกันว่าไม่ได้อาบน้ ามานานมากแล้ว


อะไรทานองนั้น ต่อให้ตกปลาได้นอ้ ย แต่กเ็ จียดเวลาเพื่อไปแช่
น้ าให้ร่างกายผ่อนคลายสักหน่อย

จ้าวเหวินเทาก็อยากแช่น้ าเช่นกัน ใกล้ ๆ บ้านของเขามีตาน้ าพุ


สองสามจุด แต่น่าเสี ยดายที่เล็กเกินไป จึงไม่สามารถไปแช่น้ า
ได้ มากสุ ดก็แค่มนั่ ใจได้ว่าน้ าในแม่น้ าจะไม่แข็ง เขาไม่เคยมา
ที่นี่ แต่เมื่อได้ยนิ ทุกคนพูดแบบนี้ เห็นได้ชดั ว่าบ่อน้ าพุร้อนที่นี่
คงใหญ่มาก จึงกล่าวว่า “พี่ใหญ่หลิว อีกเดี๋ยวไปแช่น้ าอาบน้ า
สักหน่อยเถอะ ผมไม่เคยแช่น้ าที่นี่มาก่อนเลย!”
พี่ใหญ่หลิวหันมองจ้าวเหวินเทาที่แสดงสี หน้าปรารถนา จึง
ตอบตกลง “เอาสิ งั้นพวกเรารี บตกปลาให้เร็ วสักหน่อย จะได้
ไปแช่น้ า”

ทุกคนต่างก็ไม่มีใครคัดค้าน

ข้างแม่น้ ามีตน้ ไม้ใหญ่สูงเตี้ยแตกต่างกัน ด้านบนกิ่งปกคลุม


ด้วยน้ าแข็งและหิ มะ เพราะก่อนหน้านี้มีหิมะตก เนื่องจากทาง
ฝั่งนี้หิมะตกหนัก เมื่อเท้าเหยียบยา่ ลงไปจึงเกิดเป็ นหลุม

ทุกคนหยิบอุปกรณ์ลงจากรถและเดิ นไปที่ขา้ ง ๆ แม่น้ า หลัง


ผ่านต้นไม้เหล่านี้ หิ มะและน้ าแข็งได้ร่วงหล่นลงมาจากลาต้น
จนกระทัง่ มาถึงริ มแม่น้ า ทุกคนก็ดูคล้ายกับมนุษย์หิมะ

ด้านในหิ มะและน้ าแข็งที่อยู่ตรงหน้ามีใบหญ้าสี เหลืองเหี่ ยว


เฉา ระหว่างที่เหยียบต้นหญ้าสี เหลืองเหี่ ยวเฉาเหล่านี้ พี่ใหญ่
หลิวและชายวัยกลางคนกวาดตามองทุกจุด จ้าวเหวินเทาเดิน
ตามอยูด่ า้ นหลัง พี่ใหญ่จา้ วก็บอกเขาว่าต้องให้ความสาคัญกับ
จุดที่มีหรื อไม่มีปลา อย่าได้เดาสุ่ มสี่ สุ่มห้า

“พี่ใหญ่หลิวมีความรู ้เยอะจริ ง ๆ” จ้าวเหวินเทาชื่ นชมจากใจ


จริ ง

อย่ามองว่าเขาลงไปในแม่น้ าแล้วจะจับปลาได้ตลอด นัน่ เป็น


เพราะเขาโชคดีต่างหาก

พี่ใหญ่หลิวหัวเราะ “ปี ก่อนหน้านี้กินมื้ออดมื้อ เป็ นเพราะต้อง


ทาให้อิ่มท้อง ฉันเลยต้องทางานอย่างหนัก เลยเรี ยนรู ้การดูปลา
แบบนี้มาจากตอนนั้นแหละ”

เมื่อหาตาแหน่งดี ๆ ได้แล้ว คนส่ วนหนึ่ งก็เริ่ มตักหิ มะ ตอนนี้


ย่อมขาดเมล็ดทานตะวันไม่ได้

ใต้หิมะที่ทบั ถมกันคื อชั้นน้ าแข็ง พี่ใหญ่หลิวหยิบแท่ ง เหล็ก


ยาวหนึ่งเมตรขึ้นมา ปลายด้านหน้าถูกเหลาจนแหลม น้ าหนัก
ของมัน ก็ม ากด้ว ย เขาเจาะลงบนพื้ น น้ า แข็ง ทัน ใดนั้น เศษ
น้ าแข็งก็ลอยกระจุยกระจาย

การเจาะแบบนี้ ทาให้เจาะไปถึงผิวน้ า จากนั้นก็ขุดขยายออก


และเริ่ มทอดแห

นี่ เป็ นครั้งแรกที่จา้ วเหวินเทาทอดแหจับปลา มันมีความยาว


หลายสิ บ เมตร ด้า นบนมัด เข้า กับ ท่ อ นไม้ ตรงปากแหมี โ ซ่
เหล็ก มันเป็นแหที่ทาแบบดั้งเดิมอย่างหยาบๆ ส่ วนรู ตาข่ายมี
ขนาดใหญ่ แค่เห็นก็ทราบแล้วว่าต้องการจับปลาตัวใหญ่

หลังเหวีย่ งแหลงไปในน้ า ทุกคนก็วนุ่ อยูก่ บั สิ่ งนี้ ตอนนี้ทอ้ งฟ้า


สว่างแล้ว อากาศของวันนี้ไม่เลวเลย ท้องฟ้ าปลอดโปร่ ง พระ
อาทิตย์สีแดงเพลิงประดับอยู่ดา้ นบน มองดู แล้วน่ าจะอบอุ่น
มาก แต่ ใ นความเป็ นจริงกลับ ไม่ อ บอุ่ น เลยสั ก นิ ด แต่ ใ ห้
ความรู ้สึกหนาวแบบแห้ง ๆ
จ้าวเหวินเทาดื่มเหล้าของพี่ใหญ่หลิวอีกหนึ่งคา ทุกคนต่างก็นา
เหล้าออกมาดื่มเช่นกัน จ้าวเหวินเทากาลังคิดว่า ครั้งหน้าหาก
มาอีกครั้งเขาต้องนาเหล้ามาสักหน่อย ไม่เช่นนั้นคงทนไม่ไหว
จริ ง ๆ

“เอาล่ะ เก็บแหได้!” พี่ใหญ่หลิวตะโกน

ทุกคนต่างร่ วมแรงร่ วมใจลากแหขึ้นมา จ้าวเหวินเทาพบว่ามี


ปลาติดแหมาไม่น้อยเลยจริ ง ๆ ซึ่ งแน่ นอนว่าแต่ละตัวต้องมี
ขนาดใหญ่ ส่ วนปลาตัวเล็กปลาน้อยต่างหลุดออกจากแหไป
นานแล้ว

จากนั้นพวกเขาก็ลากแหมาไว้ดา้ นบนชั้นน้ าแข็งข้าง ๆ พวก


ปลาพากันดิ้นกระแด่ ว ๆ แต่เพียงไม่นานก็หยุดนิ่ งไม่ไหวติง
ด้ว ยอากาศหนาวขนาดนี้ หากถู ก จับ ขึ้ น จากน้ า ก็ย่ อ มไม่ มี
โอกาสที่จะมีชีวติ รอด
“ปลาตัวนี้ ใหญ่ จริ ง ๆ!” จ้าวเหวินเทาจับปลาตัวที่ ใหญ่ ที่สุด
ขึ้นมาชัง่ น้ าหนัก พบว่าน่าจะหนักอย่างน้อยที่สุดสิ บชัง่

“งั้นตัวนี้ให้นายไปเลย!” พี่ใหญ่หลิวกล่าวด้วยรอยยิม้

“ตกลง งั้นผมไม่เกรงใจพี่แล้วนะ” จ้าวเหวินเทาพูดกับคนอื่น


ๆ ด้วยรอยยิม้

คนอื่น ๆ ก็หวั เราะออกมา

“นายมาที่นี่เป็ นครั้งแรก ให้ปลาตัวใหญ่นายหนึ่ งตัว แต่ครั้ง


หน้าถ้ามีปลาตัวใหญ่แบบนี้ อีกจะไม่ใช่ ของนายแล้วนะ” คน
หนึ่งพูดแซว

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “ถึงเวลานั้นผมไม่แย่งทุกคนแน่นอน”

ระหว่างที่พูดด้วยรอยยิม้ ก็เริ่ มเก็บปลาเข้าไปใส่ ไว้ในถังน้ า แต่


จู่ ๆ จ้าวเหวินเทาก็เกิดความคิดแผลง ๆ “ทุกคนคงเหนื่อยแล้ว
ใช่ไหม งั้นพวกเรามาย่างปลากินกันสักตัวดีไหม?”
พี่ใหญ่หลิวชะงัก “พวกเราไม่ได้เอาไฟมานะ”

“ไม่เป็ นไร พี่ดูผมนะ” จ้าวเหวินเทาเริ่ มลงมือด้วยความตื่นเต้น

จ้าวเหวินเทาเป็ นนักกินมาตรฐาน เขาคิดถึงเรื่ องของกินได้ทุก


ที่ทุกเวลา และเขาก็สามารถปรุ งอาหารได้ทุกที่ทุกเวลาเช่นกัน

เขาถอนหญ้าเหี่ ยว ๆ และกิ่งไม้แห้งมาส่ วนหนึ่ง เป็ นเพราะถูก


ห้อมล้อมด้วยป่ าจึงย่อมไม่ขาดแคลนฟื น เขาทาการจุดไฟง่าย
ๆ ที่ขา้ งแม่น้ า ทุกคนเห็นว่าได้ผล จึงยื่นมือช่ วยเหลือด้วยการ
เตรี ยมปลา

พวกเขาใช้มีดเล่มเล็กที่พกติดตัวมาขอดเกล็ดปลา จากนั้นหัน่
ปลาออกเป็ นส่ ว น ควัก เครื่ อ งในออกมาและล้า งท าความ
สะอาด จากนั้นใช้เหล็กที่เพิ่งเจาะชั้นน้ าแข็งเมื่อครู่ มาเสี ยบไว้
ก่ อ นเข้า มานั่ง ล้อ มกองไฟและค่ อ ย ๆ ย่ า งปลา ตอนนี้ ไม่
สามารถเร่ งได้ หากเร่ งก็อาจจะทาให้ปลาไหม้
เพียงไม่นานกลิ่นหอมก็เริ่ มโชยตลบอบอวล ซึ่ งเป็ นกลิ่นหอม
จากเนื้อปลาทั้งหมด โดยที่ดา้ นนอกตัวปลาค่อย ๆ กลายเป็ นสี
เหลืองส่ งกลิ่นหอมมากขึ้น พี่ใหญ่หลิวรอไม่ไหวจึงหยิบปลา
ตัวหนึ่งขึ้นมารับประทาน ดวงตาของเขาเป็ นประกายในทันที

“น้องชายฝี มือทาอาหารไม่เลวเลย!” พี่ใหญ่หลิวไม่สนใจว่า


ปลาจะร้อนลวกลิ้น เขาชวนคนอื่น ๆ ให้เข้าร่ วม “พวกนายรี บ
มาชิมดู รสชาติไม่เลวเลยจริ ง ๆ!”

ทุกคนจึงเริ่ มหยิบกันคนละตัว ทั้งยังชมไม่ขาดปาก

“คิดไม่ถึงเลยนะว่าปลาจะอร่ อยขนาดนี้!”

“ทาไมฉันถึงคิดไม่ถึงเนี่ย กลับไปฉันจะเอาไปย่างกินแบบนี้”

“นี่ถา้ ได้เกลือมาโรยสักหน่อยน่าจะอร่ อยกว่านี้อีก”


พวกเขาไม่ ไ ด้น าเครื่ องปรุงมา แต่ ร สชาติ ก็ ย ัง อร่อยอยู่ ดี
ระหว่างที่รับประทานก็ดื่มเหล้าไปด้วย ท่ามกลางพื้นหิมะและ
น้ าแข็ง

ตอนที่ จา้ วเหวินเทายังเป็ นเด็ก เขาก็เคยย่างปลารั บประทาน


เหมือนกัน เพียงแต่ปลาที่ยา่ งไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ เขายัดปลาใส่
เข้าไปในปาก เนื้ อสัมผัสกรอบนอกนุ่ มในให้ความคล้า ยกับ
เต้าหู ท้ ี่พี่สามจ้าวทา และยังส่ งกลิ่นหอมอวลทัว่ ปาก ไม่มีกลิ่น
คาวแม้แต่นอ้ ย อร่ อยสุ ดยอดไปเลย!

กลับไปเขาจะย่างให้ภรรยาได้รับประทานด้วย ปลาของที่นี่
อร่ อยจริ ง ๆ! จ้าวเหวินเทาคิดเช่นนี้

“พี่ใหญ่หลิว ทาไมพี่ถึงได้มาเจอที่ นี่ล่ะครั บ?” จ้าวเหวินเทา


ถามด้วยความสงสัย

คนหนึ่งหัวเราะ “เป็ นเพราะของกินแล้วทาไมจะหาไม่เจอล่ะ”


พี่ใหญ่หลิวก็หวั เราะเช่นกัน “นายคิดผิดแล้ว ที่ฉนั หาเจอที่นี่ก็
เพราะตอนเด็ ก ๆ ฉั น อาศั ย อยู่ ที่ นี่ หลั ง จากที่ ฉั น ขั บ รถ
แทรกเตอร์ ครอบครัวของฉันก็ยา้ ยที่อยู่ท้ งั บ้าน เห็นไหม ตรง
นั้น ตรงที่มีควันลอยอยู่ ตรงนั้นมีหมู่บา้ น เป็ นที่ที่ฉนั เคยอยู”่

พี่ใหญ่หลิวชี้ไปยังตาแหน่งหนึ่ง

จ้าวเหวินเทาหันไปมองก็พบว่าด้านในสุ ดของป่ ามีควัน จาก


การทาอาหารลอยอยู่ เมื่ อประกอบกับท้องฟ้ าสี ฟ้าและหิ มะ
น้ าแข็ง มันก็ให้ความรู ้ สึกบางอย่างที่ ไม่ อาจบรรยายได้ อื ม
คล้ายกับรสชาติของปลาเผานี้ เป็นรสที่ติดลิ้นอย่างไม่ สิ้นสุ ด
เลย

“ป่ าภูเขาผืนนี้ ตอนที่ฉันยังเด็กก็เดิ นมาจนทัว่ แล้ว ออกมาหา


ของกินทุกวัน พอพูดถึงก็รู้สึกขอบคุณที่แห่ งนี้ จริ ง ๆ ถ้าไม่ใช่
เพราะมีป่าภูเขาแห่ งนี้ ฉันคงได้หิวตายไปนานแล้ว ” พี่ใหญ่
หลิวพูดด้วยอารมณ์ความรู ้สึก
“ดังนั้นนายก็เลยมาตกปลาทุกปี ” อีกคนหนึ่ งพูดพลางหัวเราะ
ร่ า “ถ้าป่ าภูเขารู ้วา่ นายเป็ นแบบนี้ นายว่าเขาจะเสี ยใจไหมที่ให้
อาหารเพื่อเลี้ยงชีวิตนาย ถ้าไม่มีนาย ปลาพวกนี้กค็ งได้มีชีวิตดี
ๆ อยูใ่ นน้ า!”

พี่ใหญ่หลิวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นายสงสารปลาตัวนี้ นกั ก็


เอาคืนมาเลย!”

“ช่วยไม่ได้ รสชาติของปลามันอร่ อยนี่นา!”

ทุกคนต่างพากันหัวเราะร่ า

เมื่อครู่ จา้ วเหวินเทามองดูแบบคร่ าว ๆ แล้ว ปลาของที่นี่มีความ


หลากหลาย มี ท้ งั ปลาไน ปลาลิ่ น ปลาเฉา ปลาดุ กและอื่ น ๆ
ขนาดตัวกาลังพอเหมาะเลย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิด
ขึ้น
“พี่ใหญ่หลิว ผมพอจะมองออกเลยว่าพี่มีความรู ้สึกที่ลึกซึ้ งต่อ
สถานที่แห่ งนี้ ทาไมพี่ไม่เหมาแม่น้ าสายนี้ แล้วตั้งใจเลี้ยงปลา
โดยเฉพาะไปเลยล่ะ?” จ้าวเหวินเทาเป็นนักธุ รกิจ เห็นอะไรก็
เชื่อมโยงไปถึงการค้าขายได้ท้ งั หมด

ทุกคนต่างพากันชะงักงัน เหมาแม่น้ าเพื่อเลี้ยงปลา นี่เป็ นสิ่ งที่


พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน พี่ใหญ่หลิวก็เช่นกัน
ตอนที่ 238 จู่ ๆ ก็เกิดความคิดแผลง ๆ

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่ใหญ่หลิวเติบโตจากที่นี่ มีความคุน้ เคย


กับที่นี่มาก นี่คือจุดเด่นของพี่เลยนะ พี่ดูเนื้อปลานี้สิคุณภาพดี
ขนาดไหน เห็นได้ชดั ว่าน้ าที่นี่ดี ถ้าเลี้ยงปลาที่นี่ ไม่ตอ้ งกังวล
เลยว่าจะขายไม่ออก”

“ทาไมต้องเลี้ยงล่ะ? พวกเราตกปลาออกไปขายข้างนอกก็ได้
แล้วไม่ใช่เหรอ?” อีกคนกล่าว

จ้าวเหวินเทารี บส่ ายหน้า “ทาแบบนั้นไม่ได้หรอก ขายกับกิน


เองไม่เหมือนกันนะ ถ้าขายต้องใช้ในปริ มาณมาก นายมาตก
ปลาไปขาย ถ้ามีคนรู ้คงมาที่นี่ดว้ ยแน่ ๆ มีคนจานวนมาก ปลา
จะไปพอได้ยงั ไงกัน? ยังไงก็ตอ้ งเหมาแม่น้ า แล้วก็ตอ้ งเลี้ยง
ปลาด้วย เอามารวมกับปลาที่มีอยู่ตามธรรมชาติพวกนี้ คนใน
เมืองเรี ยกของพวกนี้วา่ ผลิตภัณฑ์สีเขียว”
จ้า วเหวิน เทาหยิบ ทฤษฎี ข องโจวหมิ่ น ออกมา บอกว่า สิ่ ง ที่
มนุษย์สร้างสู ้แบบที่เป็ นธรรมชาติไม่ได้ แต่สิ่งที่เป็ นธรรมชาติ
ก็มีจานวนจากัด จึงต้องมีมนุ ษย์สร้างด้วย ดังนั้นการเลี้ยงโดย
มนุษย์เป็ นทางเลือกที่ดีที่สุด

พี่ใหญ่หลิวจมอยูก่ บั การครุ่ นคิด จ้าวเหวินเทาพูดถึงจุดนี้ใช่ว่า


จะเป็นไปไม่ได้ เขาย้ายออกไปแล้ว แต่ในหมู่บา้ นก็ยงั มีญาติ
ของเขา ถึงตอนนั้นบอกให้พวกเขาช่วยมาดูให้กไ็ ด้ แต่ถา้ ไม่ได้
จริ ง ๆ ก็จ่ายเงิ นจ้า งคนมาดู ให้ก็ได้เช่ นกัน เรื่ องนี้ เขาได้รั บ
อิทธิ พลมาจากจ้าวเหวินเทา เพียงแต่ไม่รู้ว่าปลาพวกนี้ จะขาย
ได้ราคาเท่าไร

เขาไม่ เ คยคิ ด จะไปขายปลามาก่ อ น มาตกปลาก็เ พื่ อ เอาไป


รับประทานเท่านั้น ปลาที่นี่ดี และสามารถนาไปให้ญาติและ
เพื่ อ นฝู ง ได้ แต่ เ มื่ อ จ้า วเหวิ น เทาพู ด กระตุ ้น ขึ้ น มา ก็พ บว่ า
สามารถทาแบบนี้ได้
“น้องชาย ฉันไม่เคยทาค้าขายมาก่อน นอกจากทานาด้วยการ
ขับรถแทรกเตอร์ให้คนอื่นแล้ว ฉันไม่รู้เรื่ องเกี่ยวกับการค้าขาย
นี้เลย”

จ้าวเหวินเทายิม้ จนเผยให้เห็นฟันเรี ยงสวย เขาตบหน้าอกพลาง


กล่าว “พี่ใหญ่หลิว พี่กย็ งั มีผมไม่ใช่เหรอ?”

คาพูดนี้ทาให้ทุกคนชะงักไปครู่ หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา

“เหวินเทา ทาไมนายไม่เลี้ยงเองเลยล่ะ?” พี่ใหญ่หลิวยิม้

จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า “การขยายพันธุ์และการปลูกต้องอาศัย


ความอดทน ผมไม่ได้เป็ นคนมีความอดทนขนาดนั้น แต่ให้ไป
ค้าขายยังได้อยู่ เพราะผมเองก็ชอบขายของ”

พี่ใหญ่หลิวเคยเห็นความสามารถในการขายสิ นค้าของจ้าวเห
วินเทาแล้ว ไม่ว่าจะเป็ นผักจากหมู่บา้ นไท่ผิงหรื อกระต่าย ก็
ประสบความสาเร็จทั้งหมด
“ตกลง ฉันจะกลับไปคิดดูนะ!” พี่ใหญ่หลิวหยิบเหล้าออกมา
กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “มา ๆ ทุกคนมาดื่มกันสักคา จะได้เก็บ
ของไปอาบน้ ากัน!”

ทุกคนจึงนาเหล้าออกมาชนขวดและเริ่ มดื่ม

จ้าวเหวินเทาไม่ได้นามา จึงดื่มร่ วมกับพี่ใหญ่หลิวหนึ่งขวด เขา


แอบคิดในใจว่า หลังจากนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตอ้ งนาเหล้าออกมา
ด้วยหนึ่งขวด!

หลังจากดื่ มเหล้าหมดแล้ว จึงนาปลาและอุปกรณ์ข้ ึนรถ และ


ขับรถไปที่บ่อน้ าพุร้อน ถนนในช่ วงแรกยังดี แต่ขบั ไปได้ไม่
นานก็เริ่ มขับยากแล้ว ท้ายที่สุดรถก็ไม่สามารถเข้าไปได้ จึงทา
ได้เพียงแค่จอดไว้และเดิ นเท้า แต่ยิ่งเดิ นก็ยิ่งรู ้สึกอบอุ่น และ
มองเห็นถึงหญ้าเขียวขจีหย่อมหนึ่ งในป่ า เรี ยกได้ว่า…เป็ นจุด
แดงเล็ก ๆ ท่ามกลางสี เขียวนับหมื่น ส่ วนนี่ ก็คือสี เขียวเล็ก ๆ
ท่ามกลางหิมะ สะดุดตามากเลย!
เดินไปได้หนึ่งชัว่ โมงกว่า ๆ ในที่สุดก็เห็นบ่อขนาดใหญ่สามสี่
จุด ด้านบนนั้นมีควันร้อนล้อมรอบ

“ก่อนลงน้ าทดสอบความร้อนก่อนนะ บางจุดน้ าร้อนมาก!” พี่


ใหญ่หลิวเตือน

จ้า วเหวิ น เทารู ้ สึ ก ว่ า เป็ นสิ่ ง ที่ ห าได้ย ากมาก เขารี บ เดิ น ไป
ด้านหน้าบ่อน้ า เมื่อลองสัมผัสผิวน้ า ก็พบว่าร้อนจริ ง ๆ ด้วย!

“พี่ใหญ่หลิว ที่นี่ยอดเยีย่ มไปเลย!”

พี่ใหญ่หลิวหัวเราะ “แน่ นอนอยู่แล้ว ฉันจะบอกอะไรให้นะ


แช่น้ าที่นี่สักพัก นายจะรู ้สึกสบายไปทั้งตัวเลย!” ระหว่างที่พูด
ก็ถอดเสื้ อผ้าออก แล้วลงไปแช่ ในน้ า เป็ นเพราะน้ าค่อนข้าง
ร้อน จึงส่ งเสี ยงซี้ดซ้าดออกมา

คนอื่น ๆ ต่างก็พูดคุยด้วยรอยยิม้ และลงไปแช่น้ าเช่นกัน


จ้าวเหวินเทาลองวัดอุณหภูมิน้ าแล้ว จึงหาจุดที่ร้อนไม่มากไว้
หนึ่ งแห่ ง เขาถอดเสื้ อผ้าและลงไปแช่ น้ า วินาทีน้ ี เขารู ้สึกว่ารู
ขุมขนทั้งหมดบนร่ างกายเปิ ดออก สบายตัวมากจริ ง ๆ ด้วย!

“พี่ใหญ่หลิว พี่คงเพลิดเพลินสุ ด ๆ เลยนะ ที่นี่ดีจริ ง ๆ เลย!”


จ้าวเหวินเทาแอบรู ้สึกไม่อยากจะออกไปจากที่นี่เลย

พี่ใหญ่หลิวหัวเราะ “ตอนนี้เจอที่ดี ๆ แบบนี้แล้ว ฉันว่าหลังจาก


นี้นายคงมาบ่อยแน่ ๆ!”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่ า “พี่ใหญ่หลิวรู ้ใจผมจัง!” ระหว่างที่พูด


ก็กวาดสารวจรอบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ถ้าเหมาที่นี่ได้ก็
คงจะดีนะ”

มีคนที่ได้ยินก็หัวเราะออกมา “น้องชาย นายอยากเหมาไปซะ


ทุกอย่างเลยนะ!”
จ้าวเหวินเทาแอบรู ้สึกไม่ดีนิดหน่ อย นี่ เป็นข้อเสี ยของเขา แค่
เห็นของดีเขาก็อยากเหมาไปเสี ยทุกอย่าง

พี่ ใ หญ่ ห ลิ ว พู ด ด้ ว ยรอยยิ้ ม “นายอย่ า พู ด เลย ฉั น ได้ อ่ า น


หนังสื อพิมพ์ในทีมใหญ่ของหมู่บา้ นไท่ผิงแล้ว บนนั้นเขียนว่า
มีคนเหมาภูเขาไปแล้วลูกหนึ่งเลยนะ!”

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “เหมาภูเขาลูกใหญ่เลยเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ ที่นนั่ คือที่ไหนนะ ฉันลืมไปแล้ว แต่กเ็ หมาไปแล้ว


ภูเขาลูกใหญ่มาก!” พี่ใหญ่หลิวครุ่ นคิดอยูน่ านแต่กน็ ึกไม่ออก

อีกคนรี บถาม “เขาเหมาภูเขาไปทาอะไรน่ะ?”

“ปลูกต้นไม้ คนนั้นชอบปลูกต้นไม้ พวกไม้ผล ต้นป็ อปลาร์


ต้นหลิว นอกจากปลูกต้นไม้แล้วยังปลูกสมุนไพร เห็ด แถมยัง
เลี้ยงไก่ เป็ ดแล้วก็หมูดว้ ยนะ เป็ นคนที่สุดยอดมากเลย!”
จ้าวเหวินเทาได้ยินก็ตาลุ กวาว “คนคนนี้ สุดยอดเกิ นไปแล้ว
เขาคิดได้ไงเนี่ย?”

อีกคนกล่าว “เขาคงมีเงินเยอะมากแน่ ๆ ไม่ง้ นั จะเหมาภูเขาทั้ง


ลูกได้ไง”

“ดู เหมื อนว่าจะไม่ได้มีเงิ นมากมายเท่ าไรหรอก เขาไปกูเ้ งิน


จากธนาคารมา ส่ วนรายละเอียดเป็ นยังไงฉันก็ลืมแล้ว แต่จาได้
ว่าเขาเหมาภูเขาทั้งลูกเลย ตอนแรกเป็ นเพราะอยากจะอนุ รักษ์
สัตว์และต้นไม้ที่อยู่ที่นั่นนะถ้าจาไม่ผิด…” พี่ใหญ่หลิวย้อน
นึกพลางกล่าว

จ้าวเหวินเทาตั้งใจฟั งมาก เขานึ กถึงภูเขาลูกใหญ่ ในหมู่ บา้ น


นัน่ ก็เป็ นภูเขาเหมือนกัน นอกจากนี้ยงั มีบ่อน้ าพุร้อนที่กาลังแช่
อยู่ที่นี่ดว้ ย ไหนจะสถานที่ที่เพิ่งตกปลาเมื่ อครู่ อีก ทั้งหมดนี้
เป็นสถานที่ที่ดีท้ งั นั้นเลย ถ้าสามารถเหมาได้…คิด ๆ ดูแล้วก็
น่าตื่นเต้นมากเลยนะเนี่ย
แต่ เมื่ อลมพัดผ่านมา จ้า วเหวินเทาก็รู้สึกสงบลง คิ ดจะเหมา
ภูเขาก็ตอ้ งทาความเข้าใจให้มาก ๆ อย่างน้อยก็ยงั ไม่ใช่ตอนนี้

ทุกคนแช่น้ าไปพลางพูดคุยเรื่ องที่ตวั เองรู ้ไปพลาง ส่ วนใหญ่ก็


จะเป็ นเรื่ องที่บางหมู่บา้ นปรากฏครัวเรื อนหมื่นหยวน บางคน
ไปทางใต้จนร่ ารวยอูฟ้ ู่ หรื อไม่กก็ ารแบ่งที่ดินทางานกันเองใน
ปี นี้ทาให้ทุกคนได้รับการเก็บเกี่ยวที่ดี เก็บพืชผลได้เท่าไร และ
อื่น ๆ อีกมากมาย

แช่ ไปครู่ หนึ่ ง ทุกคนก็หาก้อนหิ นที่เรี ยบ ๆ เริ่ มขัดสิ่ งสกปรก


บนร่ างกาย

“ไม่ตอ้ งห่ วง น้ าของที่นี่เป็ นน้ าไหล สะอาดมาก!” พี่ใหญ่หลิว


กล่าว

จ้าวเหวินเทาจึงเริ่ มใช้กอ้ นหินขัดสิ่ งสกปรกบนร่ างกาย


หลังจากล้างจนสะอาดสะอ้านก็แช่ อยูใ่ นน้ าอีกครู่ หนึ่ ง ทุกคน
ขึ้นจากน้ าอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก จากนั้นก็ใช้เสื้ อด้านนอก
เช็ดตัว หลังจากสวมใส่ เสื้ อผ้าแล้วก็เดินกลับไปที่รถ

ก่อนและหลังแช่น้ ามีความแตกต่าง หลังขึ้นมาจากน้ าก็รู้สึกว่า


ร่ างกายเบาขึ้นเยอะเลย

เมื่อกลับมาถึงตัวอาเภอ ทุกคนก็นาปลาที่แบ่งกันกลับบ้านของ
ตัวเอง กว่าจ้าวเหวินเทาจะกลับมาถึงบ้านก็เป็ นช่วงค่าแล้ว

“ภรรยา ผมกลับมาแล้ว!” จ้าวเหวินเทาหิ้วถุงที่มีปลาอยูใ่ นนั้น


กลับเข้ามาในบ้าน

เย่ฉูฉู่เข็นลูกออกมาจากห้องครัวด้านหลังบ้าน “ทาไมกลับดึก
ขนาดนี้ล่ะคะ”

“พวกเราไปแช่ บ่อน้ าพุร้อนมา! ภรรยาคุ ณดมดู สิตวั ผมหอม


ไหม?” จ้าวเหวินเทายืน่ ตัวเข้ามาตรงหน้าภรรยาด้วยรอยยิม้
เย่ฉูฉู่สูดดมแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “ทาไมถึงมีกลิ่นกามะถัน
ล่ะ”

จ้าวเหวินเทาลองดมตัวเอง “กลิ่นกามะถัน? จริ งเหรอ? ทาไม


ผมไม่เห็นได้กลิ่นเลย สงสัยในน้ าคงมีกามะถันอยูด่ ว้ ย ภรรยา
คุณดูสิ นี่ปลา เยอะขนาดนี้เลยนะ!”

เย่ฉูฉู่เห็นปลาแล้วก็รู้สึกเหนือความคาดหมายมาก คิดไม่ถึงเลย
ว่าจะได้มาถึงครึ่ งถุง นี่คงรับประทานได้อีกนานเลย เธอจึงให้
จ้าวเหวินเทาช่วยดูลูกให้ ส่ วนตนเองนาปลาไปแช่แข็ง

“ภรรยา เหลือไว้สักสองสามตัวนะ เดี๋ ยวผมจะเผาให้คุณ กิ น


ผมจะบอกอะไรให้ ปลาที่ พวกเราเผาข้างแม่ น้ าน่ ะหอมมาก
เลย!”

เย่ฉูฉู่รู้สึกหวานชื่ นภายในใจ ขนาดสามีออกไปรับประทาน


ของข้างนอกก็ยงั ไม่ลืมเธอ!
ตอนที่ 239 ชีวติ ของเทพเซียน

เย่ฉูฉู่หยิบถุงใส่ ปลาเดินไปยังด้านนอกห้องครัวที่อยู่ดา้ นหลัง


เธอเทน้ าเย็นเข้าไปในหม้ออะลูมิเนียมใบใหญ่ ช่วงค่ามีอากาศ
หนาว แช่ท้ งั คืนปลาก็จะแข็ง ต่อให้ไม่ผ่งึ ลมให้แห้งก็ไม่มีกลิ่น
สามารถเก็บไว้รับประทานได้จนถึงช่วงดอกไม้บาน นี่คือตูเ้ ย็น
ธรรมชาติอนั บริ สุทธิ์และปลอดมลภาวะเชียวล่ะ!

หลังแช่แข็งปลาแล้ว เย่ฉูฉู่กก็ ลับมาดูลูกที่หอ้ ง ส่ วนจ้าวเหวินเทา


เริ่ ม จัด การกับ ปลา เตรี ย มที่ จ ะย่า งปลา เย่ฉู ฉู่ บ อกให้เ ขาเก็ บ
เกล็ดปลาและเครื่ องในที่ถูกนาออกมา จ้าวเหวินเทาจึงคิดว่าเธอ
จะเก็บไว้ให้อาหารไก่ และไม่ ได้เก็บมาใส่ ใจ เขาวางไว้ขา้ ง ๆ
หลังจากทาความสะอาดปลาแล้ว จึงนาเกลือเครื่ องปรุ งรสมาโรย
บนตัว แล้วย่างบนไฟ
“ภรรยา ปลาตัวนี้หอมเป็ นพิเศษเลย อีกเดี๋ยวผมมัน่ ใจได้เลยว่า
คุณจะต้องพึงพอใจ!” จ้าวเหวินเทาย่างไปพลางพูดคุยไปพลาง

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “งั้นคุณก็คงกินมาไม่นอ้ ยแล้วสิ นะคะ”

“กิ น ไปเยอะเลย แต่ ก็ ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ ผ มนะ ทุ ก คนก็ กิ น เยอะ


เหมือนกัน” จ้าวเหวินเทาเริ่ มเล่าเรื่ องที่เขาทาตลอดทั้งวันให้
เย่ฉูฉู่ฟัง ทั้งยังพูดอีกว่า “ภรรยา ครั้งหน้าผมจะพาคุณไปด้วย
พวกเราไปแช่น้ าด้วยกันนะ แช่แล้วสบายตัวมากเลย!”

เย่ฉูฉู่ได้ยินสามีพูดแบบนี้ ก็เกิดความปรารถนาขึ้น “รอให้ลูก


หย่านมแล้วฉันค่อยไปนะ ตอนนี้ลูกยังเล็กเกินไป อากาศหนาว
แบบนี้คงไปไม่ได้”

“ฤดู ร้อนก็แช่ ได้นะ” จ้าวเหวินเทานึ กอะไรบางอย่า งขึ้ น ได้


“ถูกต้อง รอให้อากาศอบอุ่น พวกเราก็พาลูกไปด้วยเลย”

เย่ฉูฉู่คิดว่าสามารถทาได้จริ ง จึงพยักหน้าตอบตกลง
เมื่อย่างปลาเสร็ จ จ้าวเหวินเทาก็ลองชิ มหนึ่ งคาและพยักหน้า
รัว ๆ “อร่ อย! ภรรยา คุณรี บชิมสิ !”

เย่ฉูฉู่รับมากัดหนึ่งคา ดวงตาของเธอพลันเป็ นประกาย “อร่ อย


มาก!”

“ใช่ ไ หมล่ ะ ? ตอนที่ ผ มกิ น ก็ คิ ด ไว้แ ล้ว ว่ า คุ ณ ต้อ งชอบกิ น


แน่นอนเลย!”

นับตั้งแต่ได้รับประทานเกี๊ยวที่สามีย่างคราวก่อน เย่ฉูฉู่ก็รู้สึก
หลงใหลไปกับของที่ใช้ไฟย่าง ถึงอย่างไรในบ้านก็มีเตา จะ
ย่างอะไรก็สะดวกสบาย

เพียงพริ บตาเดียวปลาย่างสองสามตัวก็ถูกรับประทานจนหมด
เกลี้ยง เย่ฉูฉู่ยงั รู ้สึกไม่อิ่มเท่าไรนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เหนื่อย
ล้าของสามี เธอจึงเรี ยกให้เขาไปดูลูกเพื่อทาอาหารออกมา
เธอทาอาหารเตรี ยมไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว บะหมี่น้ าแค่ตม้ สัก
หน่ อยก็เรี ยบร้อยแล้ว วันนี้ จา้ วเหวินเทาแค่ รับประทานปลา
ย่าง จึงรู ้สึกหิ วมาก หลังจากรับประทานไปสามถ้วยใหญ่กม็ า
นั่งดื่ มชาอี กนิ ดหน่ อ ยเพื่ อ ย่อ ยอาหาร จากนั้นจึ งล้ม ตัว นอน
วันนี้ ยงั ไม่ ถึงตี สามเขาก็ลุกขึ้ นจากเตี ยงแล้ว ตอนแรกไม่ได้
รู ้สึกอะไร แต่ตอนนี้เขารู ้สึกง่วงมาก

เย่ฉูฉู่เห็นสามีนอนเร็ วขนาดนี้ จึงแอบรู ้สึกปวดใจ เธอกล่อม


ลูกให้เข้านอน หลังจากเก็บกวาดข้าวของแล้วก็เข้านอนเช่นกัน

ปลาย่างอร่ อยมากจริ ง ๆ โดยเฉพาะการรับประทานในช่ วงค่า


คู่กบั เครื่ องเคียงอย่างมันฝรั่งแผ่น มะเขือยาว และสุ ราอีกนิ ด
หน่อย ท้ายที่สุดก็ไปถึงเนื้อหมูสไลด์ที่นามาย่าง ทั้งสองคนคน
หนึ่ งรับประทานเครื่ องเคียง อีกคนรับประทานของย่าง ต่างก็
นัง่ ล้อมเตาไฟ พูดคุยไปพลางจิบสุ ราไปพลาง การใช้ชีวิตแบบ
นี้เหมือนกับเทพเซียนเลย
หลังจากหิ มะตก อากาศก็หนาวมากขึ้น ปลาก็ถูกรับประทาน
จนเกื อบหมดแล้ว จ้าวเหวินเทาจึ งกลับไปรั บส่ งผักใบเขี ย ว
และวันนี้จงย่งก็ตามมาด้วย

จงย่งมาซื้ อกระต่าย พ่อแม่ของเขาอายุมากแล้ว อีกอย่างร้าน


ของเขาก็มีวนั หยุดไม่แน่ นอน 1-2 วันยังไม่เป็นไร แต่ถา้ หยุด
นาน ๆ อาจจะไม่ ไ หว เขาก าลัง คิ ด ว่ า จะให้พ่ อ กับ แม่ เ ลี้ ย ง
กระต่าย มีเรื่ องให้ทา อย่างไรก็สบายกว่าทางานที่ร้าน และไม่
ต้องกลัวว่าจะไม่มีช่องทางขายด้วย เพราะร้านของเขาสามารถ
เหมาของพวกนี้ได้

นี่ เป็ นครั้งแรกที่จงย่งมาบ้านจ้าวเหวินเทา เขาได้ยินว่าจ้าวเห


วินเทาสร้ างบ้านใหม่ บ้านที่ อยู่ในชนบทมี ลกั ษณะคล้ายกัน
แต่ คิ ด ไม่ ถึ ง เลยว่ า บ้า นของจ้า วเหวิ น เทาจะถู ก เรี ย กว่ า เป็ น
ความรู ้ใหม่ของเขา
“สวรรค์ บ้านของพี่สร้างไว้ดีขนาดนี้เลยเหรอ!” จงย่งเข้ามาใน
บ้านแล้วก็ถึงกับอุทาน

“ดีอะไรกัน ถ้านายมาช่วงฤดูร้อน สิ่ งนั้น…อันนั้น…แล้วก็อนั


นั้น คือดอกไม้ใบหญ้าทั้งหมด แถมยังมีตน้ ไม้ดว้ ยนะ รอผ่าน
ไปอีกสองปี ค่อยมาใหม่ บนต้นไม้กค็ งมีผลออกมาเต็มไปหมด
แบบนั้นต่ างหากล่ ะถึ งจะเรี ยกว่าดู ดี!” จ้าวเหวินเทาแนะนา
อย่างภาคภูมิใจ

จงย่งไม่ได้สนใจสิ่ งนี้ เขาสนใจเพียงแค่ระเบียงคอนกรี ตขนาด


ใหญ่หน้าบ้านและทางคอนกรี ต สิ่ งนี้ เหมือนกับที่อยู่ในเมื อง
เลย จนกระทัง่ เข้ามาถึงด้านในบ้าน ก็ยิ่งทาให้เขาตกตะลึงเข้า
ไปใหญ่ สว่างมาก สะอาดมาก ที่สาคัญที่สุดคืออบอุ่นด้วย!

“กลับมาแล้วเหรอคะ” เย่ฉูฉู่เข็นลูกออกมา

จ้าวเหวินเทาแนะนา “ภรรยา นี่ คือจงย่งที่ผมเคยเล่าให้คุณฟั ง


ส่ วนนี่ภรรยาฉันเอง”
จงย่งรี บกล่าว “พี่สะใภ้ นี่ คือเสี่ ยวไป๋ หยางลูกชายบ้านพี่สินะ
ครับ”

สายตาของเขามองไปยังเสี่ ยวไป๋ หยางที่นอนอยูใ่ นรถเข็นเด็ก

“ใช่ นี่คือลูกชายฉันเอง!” จ้าวเหวินเทาเดินเข้าไปอุม้ เสี่ ยวไป๋ หยาง


ขึ้นมาพลางแนะนา “มา เรี ยกอาสิ ลูก”

จงย่งเห็นก็รู้สึกเอ็นดู

“รี บเข้ามาในบ้านเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่ไปริ นน้ าชามาให้

เมื่ อเขามาในห้องตะวันออก จ้าวเหวินเทาก็บอกให้เขาถอด


รองเท้าขึ้นมานัง่ บนเตียง จงย่งก็ไม่ได้เกรงใจ เขาขึ้นมานัง่ บน
เตี ย ง จากนั้ นก็ รู้ สึกได้ ว่ า ใต้ ก ้น ของเขาเกิ ด ความอบอุ่ น
จนกระทัง่ อุ่นไปทั้งร่ างกาย

“พี่จา้ ว ทาไมบ้านของพี่ถึงได้อบอุ่นขนาดนี้เนี่ย!”
“ฉันก็เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันติดตั้งเครื่ องทาความร้อน
ด้วย!” จ้าวเหวินเทาชี้ไปยังเครื่ องทาความร้อนที่อยูข่ า้ งเตียง

จงย่ง มองไปยัง ก าแพงและเพดาน นี่ ไ ม่ ใ ช่ ก าแพงที่ เ ป็ นดิ น


เหนี ยว แต่ เป็ นกาแพงที่ เป็ นสี ขาว ขาวเหมื อนกับร้ านค้า ใน
เมืองเหล่านั้นเลย

“ผมเพิ่งเห็ นนะเนี่ ย ของชิ้ นนี้ มีประโยชน์ขนาดนี้ คงเปลื อง


ถ่านมากเลยใช่ไหม?” จงย่งลองลูบดูกร็ ู ้สึกว่าแอบลวกมือ

“เผาช่วงเช้าและช่วงค่า ตอนเที่ยงก็ควบคุมไฟไว้ ไม่ได้เปลือง


เท่ าไรหรอก” เย่ฉูฉู่ยกน้ าชาเข้ามาพร้ อมกับพูด “แต่ การอุ่ น
เตี ยงในชนบท สิ่ งนี้ ช่วยเก็บความอุ่ นไว้ได้เหมื อนกัน ที่ ใน
เมืองไม่มีเตียงเตา เวลานอนบนเตียงก็ไม่สามารถอุ่นไฟได้ท้ งั
เช้าถึงค่า ก็อาจจะต้องเปลืองถ่านสักหน่อย”
จงย่งเสี ยงเสี ยง ‘เฮ้อ’ ออกมา “เตียงที่บา้ นพวกเรา ไม่มีเครื่ อง
ทาความร้อน ต้องเผาไฟด้วยเตา ฤดูหนาวเย็นจนแข็งเลย ไม่ได้
สบายเหมือนกับพวกพี่”

จ้าวเหวินเทาอุม้ ลูกอยูบ่ นเตียงพลางกล่าว “แหงแหละ เตียงเตา


ในชนบท ต่ อให้แจกฟรี ก็ไม่ แลกหรอก ของนี้ ดีกว่าเตี ยงตั้ง
เยอะ ตอนที่ฉันวิ่งออกไปข้างนอกทั้งวัน กลับมาได้ข้ ึนมาอยู่
บนเตียงสักรอบ ไม่ตอ้ งพูดถึงเลยว่ารู ้สึกดีขนาดไหน!”

จงย่งไม่เคยได้รู้สึกมาก่อน แต่เมื่อได้นงั่ ก็รู้สึกได้ การออกไป


ตากอากาศหนาว ๆ ข้างนอกจนเย็นเยียบ เมื่อได้เข้ามาอยู่ใน
บ้านที่มีความอบอุ่นราวกับฤดู ใบไม้ผลิ มันก็เป็ นอะไรที่ สุด
ยอดมาก

เย่ฉูฉู่บอกให้จา้ วเหวินเทาช่วยดูลูกและคุยเป็ นเพื่อนจงย่ง ส่ วน


เธอไปทาอาหาร หลังจากทาอาหารไว้หกอย่าง และนาออกมา
เสิ ร์ ฟ แล้ ว ทั น ที ที่ จ งย่ ง ได้ ลิ้ ม รสชาติ เ ขาก็ พู ด ด้ ว ยความ
ประหลาดใจ “พี่สะใภ้ทาอาหารอร่ อยมากเลย!”

เย่ฉูฉู่หวั เราะ “ถูกปากนายก็ดีแล้วล่ะ กินเยอะ ๆ นะ”

จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิม้ “ภรรยาของฉันทาอะไรก็อร่ อย
ทั้งนั้นแหละ!”

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา

จงย่งถึงกับหัวเราะ เขาชี้ไปที่อาหารพลางกล่าว “นี่คือขาหมูแช่


เย็นสิ นะ แต่กินแล้วไม่เหมือนกับขาหมูแช่เย็นก่อนหน้านี้เลย”

จ้าวเหวินเทารับประทานก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เขารู ้สึกว่า


เป็ นเพราะนี่คืออาหารที่ภรรยาเป็ นคนทา จึงเกิดความแตกต่าง

เย่ฉูฉู่อธิบาย “สิ่ งนี้ทามาจากเกล็ดปลาน่ะ”

ทั้งสองคนถึงกับตกตะลึง เกล็ดปลาเอามาทาของแบบนี้ได้ดว้ ย
เหรอ?!
เย่ฉูฉู่ก็ชะงัก คิดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งสองคนจะไม่รู้ เธอคิดว่า
พวกเขารู ้แล้วจึงอธิบาย

เธอนาเกล็ดปลามาล้างแล้วใส่ ลงไปต้มในหม้อทิ้งไว้หนึ่ งคืน


จากนั้นใช้ตะแกรงลวกเส้นเพื่อช้อนเกล็ดปลาออกมา รอให้
ส่ วนที่เหลือเย็นมันก็จะแข็งตัว ใส่ เหล้าลงไปจะดีที่สุด

นี่เป็ นอาหารที่เธอและองค์ชายดูมาจากคนอื่นในตอนนั้น องค์


ชายชอบรั บประทานมาก เธอจึ ง เรี ย นวิธี ทามา เริ่ ม จากเก็บ
เกล็ดปลาจากปลาเหล่านั้นที่จา้ วเหวินเทานากลับมา จากนั้นก็
นามาต้มจนกลายเป็ นเจลลี่ และหัน่ แบ่งมาให้จงย่งรับประทาน
หนึ่งชิ้น เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มลองรสชาติ

จ้าวเหวินเทาก็เพิ่งทราบว่าเพราะเหตุใดภรรยาของเขาจึ งให้
เก็บเกล็ดปลาไว้

“ได้เรี ยนวิชาแล้ว!” จงย่งพูดอย่างชื่นชม “พี่สะใภ้สุดยอดจริ ง


ๆ นี่เป็ นครั้งแรกที่ผมได้ยนิ ว่าเกล็ดปลามีรสชาติอร่ อยขนาดนี้”
เย่ฉูฉู่แย้มยิม้ “เธอชอบก็ดีแล้วล่ะ จริ งสิ ส่ วนอันนี้ คือไส้ปลา
ฤดูหนาวปลาแทบจะไม่กินอะไร ไส้ปลาสะอาดมาก ล้างหลาย
ๆ รอบก็พอแล้ว เอามาผัดกับพริ กอร่ อ ยแถมยัง เป็ นยาบารุ ง
กาลังได้ดว้ ย”
ตอนที่ 240 ล้วนเป็ นคนทาธุรกิจ

การรับประทานไส้ปลาเป็ นสิ่ งที่เธอเรี ยนรู ้พร้อมกับองค์ชาย


เขาชอบรับประทานอาหารประเภทนี้ เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มี
พริ ก จึงใช้ตน้ หอมแทน

“อร่ อย!” จงย่งชมไม่ขาดปาก ระหว่างที่รับประทานก็ไม่ลืมที่


จะคุ ยกับจ้าวเหวินเทา “ในตลาดมี เกล็ดปลากับไส้ปลาเยอะ
มากเลยนะ ถึ งเวลานั้นผมจะซื้ อไว้สักหน่ อย แล้วจะลองทา
ออกไปขายดู”

สมองของคนที่ชอบทาการค้าไม่เหมือนกัน เมื่อได้รับประทาน
อาหารหายากก็จะนึกถึงการค้าขาย
“เอาสิ แต่นี่เป็ นอาหารที่ ภรรยาของฉันเป็ นคนทาออกมานะ
นายก็ไม่ควรจะเอาไปขายแบบฟรี ๆ สิ ?” จ้าวเหวินเทาพูดอย่าง
จริ งจัง

เย่ฉูฉู่ตาหนิ “ไม่ได้ยากเย็นอะไรสักหน่ อย เอาไปแบบฟรี ๆ


อะไรกัน”

จงย่งกล่าวด้วยรอยยิม้ “พี่จา้ วกับพี่สะใภ้ไม่ตอ้ งห่ วงนะ ผมไม่


เอาไปแบบฟรี ๆ หรอก ถ้าขายได้เงินเมื่อไรจะแบ่งให้พวกพี่
หนึ่งส่ วนด้วย”

“ตกลง งั้นพวกเราก็ตกลงกันตามนี้นะ!” จ้าวเหวินเทาชนไหล่


จงย่ง ทั้งยังพูดทีเล่นทีจริ ง

เย่ฉูฉู่เห็ นแค่ว่าพวกเขากาลังล้อเล่ น จึ งไม่ ได้ใส่ ใจอะไร อี ก


อย่างไม่ว่าจะเป็นเกล็ดปลาแช่แข็งหรื อผัดไส้ปลา ต่างก็ไม่ใช่
สิ่ งที่ทุกคนจะรับได้ การขายออกไปจึงค่อนข้างยาก
“พี่สะใภ้ นี่คือหัวปลาเหรอ?” จงย่งชี้ไปที่อาหารอีกหนึ่งเมนู

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อันนี้ เรี ยกว่าหัวปลานึ่ งราดพริ ก ฉัน


เรี ยนมาจากพี่สะใภ้สาม เป็นเพราะใส่ พริ กลงไป รับประทาน
ตอนฤดูหนาวจะทาให้อบอุ่น ฉันก็เลยลองทาให้พวกเธอชิมดู”

นี่ ก็เป็ นหัวปลาที่ได้มาจากปลาที่นามาย่าง หากจะให้โยนทิ้ง


เย่ฉูฉู่ก็รู้สึกเสี ยดาย เธอนึ กถึงเมนู อาหารนี้ ที่โจวหมิ่นสอนไว้
จึงทาออกมา

ปี นี้ทุกคนต่างก็รับประทานอาหารราคาถูก อย่างเนื้อหมู ยิง่ มัน


ก็ยิ่งดี ปลาย่อมต้องรับประทานเนื้ อ แต่ใครจะรับประทานหัว
ปลากัน เพราะทาให้ดูคล้ายกับใช้ชีวิตอย่างยากลาบาก การ
รับประทานก็รู้สึกแปลก ๆ ด้วย ตอนนี้ การทาอาหารด้วยหัว
ปลาเป็ นอาหารเฉพาะตัวของเย่ฉูฉู่
“พี่สะใภ้ สอนผมได้ไหม รสชาติของมันไม่เลวเลยจริ ง ๆ อร่ อย
มาก!” จงย่งยิ่งรู ้สึกได้ว่าการเดิ นทางมาครั้ งนี้ ของเขาไม่ สูญ
เปล่าเลย

“จ่ายค่าเรี ยนมาด้วย ๆ!” จ้าวเหวินเทาพูดหยอกล้อ

“ต้องจ่ายอยูแ่ ล้ว!” จงย่งหัวเราะร่ า

เย่ฉูฉู่มองตาขวางใส่ สามี เธออธิ บายให้จงย่งฟั งอย่างละเอียด


หนึ่ งรอบ จงย่ ง คลุ ก คลี อ ยู่ ก ับ อาหารทั้ง วัน จึ ง ไม่ ใ ช่ เ รื่ อง
ซับซ้อนอะไร หลังจากฟังจบก็จาได้เลย

เย่ฉูฉู่พูดจบเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ลูกจะกินนมแล้ว จึงอุม้ ลูกไป


กินนมที่หอ้ งตะวันตก

จงย่งรับประทานจนเหงื่อซึ มเต็มศีรษะ สบายตัวมาก สะใจสุ ด


ๆ ไปเลย
“พี่จา้ ว ผมว่าอาหารที่พี่สะใภ้ทาออกมาอร่ อยกว่าที่พี่ทาเยอะ
เลย!” จงย่งกล่าวด้วยรอยยิม้

จ้าวเหวินเทาไม่มีความสุ ข “ก่อนหน้านี้ที่ฉนั ทาให้นายกินนาย


ก็ชมไม่ขาดปากไม่ใช่เหรอ?”

จงย่งพยักหน้า “มันก็จริ ง”

“สุ ดยอดเลยนะนาย ฉันจะบอกอะไรให้ รอฤดูร้อนของปี หน้า


มาถึง ร้านเล็ก ๆ ของนายเพิ่มเนื้อย่างอีกหน่อย ของที่ยา่ งแบบ
รมควันนี่แหละถึงจะหอม”

จงย่งพูดด้วยใบหน้าขมขื่น “พี่จา้ วคงไม่รู้ ตอนนี้ ผมยุ่งจนหัว


หมุนแล้ว ถ้าจะทาก็ตอ้ งจ้างคน”

“ท าไมนายถึ ง ยุ่ง ขนาดนั้น ล่ ะ ?” จ้า วเหวิน เทาพู ด ด้ว ยความ


ประหลาดใจ “ตอนนี้คนในอาเภอมีเงินขนาดนั้นแล้ว ต่างก็ไป
กินข้าวที่ร้านนายกันทั้งนั้น”
จงย่ง รี บ ส่ า ยหน้า “เปล่ า หรอก การทาค้า ขายของกิ น ก็ ต ้อ ง
เตรี ยมวัต ถุ ดิ บ ยัง ต้อ งล้า งทาความสะอาดอี ก นี่ เ ปลื อ งเวลา
ทั้งนั้นเลย ตอนเช้าผมยังต้องไปซื้ อของอีก ตอนตี สี่กว่า ๆ ก็
ต้องลุกขึ้นมาเตรี ยมแล้ว ตอนค่ายังต้องมาทาปิ้ งย่าง ผมว่าหนึ่ง
วันได้นอนไม่กี่ชวั่ โมงเอง”

“ก็จริ งนะ” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า

ธุ รกิจทาอาหารนับว่ายุ่งยากที่สุด การจัดการวัตถุดิบและล้าง
ทาความสะอาดตั้งแต่ตน้ จนจบต้องเสี ยเวลาอย่างมาก

“ปี หน้าค่อยว่ากัน ถ้าน้องชายของผมทาคนเดียวได้ค่อยให้เขา


ทา” จงย่งก็เคยเห็นแผงลอยปิ้ งย่างของคนอื่น ก็พบว่าขายดีมาก
หากปล่อยไปเขาเองก็ทาใจไม่ได้

หลังจากรับประทานอาหารแล้ว จงย่งก็เลือกกระต่ายไปสามสี่
คู่แล้วกลับไป
“ซื้ อกระต่ายออกไปอีกสามสี่ คู่แล้ว!” จ้าวเหวินเทากลับมาอุม้
ลูกชายพร้อมกับพูดคุยหยอกล้อ “เดี๋ยวพ่อซื้ อลูกอมให้ลูกกิน
นะ!”

เย่ฉูฉู่ถาม “คุ ณไปอาเภอครั้ งนี้ ได้โทรหาพี่สามของฉันไหม


คะ?”

จ้า วเหวิ น เทารี บ พู ด “โทรแล้ว พี่ ส ามของคุ ณ สบายดี ลู ก ก็


สบายดี ผมถามแล้วว่าแม่ยายจะกลับมาฉลองปี ใหม่ไหม ได้ยนิ
พี่สามพูดแบบนั้น ดูเหมือนว่าปี นี้คงไม่ได้กลับมา พวกเขาบอก
ว่ามีแฟชัน่ วีคอะไรนี่แหละ ยุง่ มาก”

โจวหมิ่นเขียนจดหมายมาบอกเย่ฉูฉู่เกี่ยวกับเรื่ องนี้ แล้ว เย่ฉูฉู่


ลองนับวันดูกน็ ่าจะประมาณช่วงนี้

“แม่ ย ายสบายดี คุ ณ ไม่ ต ้อ งเป็ นห่ ว งหรอก” จ้า วเหวิ น เทา


ปลอบใจภรรยา
“อยู่ ก ับ พี่ ข องฉั น จะเป็ นห่ ว งอะไรล่ ะ ฉั น ก็ แ ค่ คิ ด ถึ ง แม่ ก็
เท่านั้น” เย่ฉูฉู่กล่าว

บ้านแม่ บ้านแม่ มี แม่ อยู่ถึงจะเรี ยกว่าบ้านแม่ แม่ ไม่ อยู่บา้ น


กลับไปก็ไม่ได้มีความหมายอะไร

สิ่ งที่เธอไม่รู้กค็ ือ เย่หมิงเป่ ยและโจวหมิ่นในตอนนี้กาลังยุง่ จน


หัวหมุ นไปหมดแล้ว เพราะโจวหมิ่ นทาการประชาสัมพันธ์
แล้ว แฟชัน่ วีคยังไม่ทนั เริ่ มก็มีคนเริ่ มโทรมาสอบถามว่าเมื่อไร
จะออกสู่ ต ลาด หลัง จากแฟชั่น วี ค เริ่ ม ต้น ขึ้ น เสื้ อ ผ้า ผู ห้ ญิ ง
คลาสสิ กที่ออกแบบโดยเย่ฉูฉู่ก็จะเปิ ดตัวสู่ สายตาประชาชน
ยอดจองคงล้นหลามราวกับหิ มะบนพื้น พวกเขาจึงต้องจ้างคน
ทาโอที และรี บผลิต

ตอนนี้ยงั ไม่ถึงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิเลย

แฟชั่นวีคสิ้ นสุ ดลงแล้ว หลังจากเหนื่ อ ยมาตลอดระยะเวลา


หลายวัน ในที่สุดเย่หมิงเป่ ยก็สามารถถอนหายใจได้สักที เขา
เอนตัวนอนลงบนตัวและไม่อยากที่จะลุกขึ้น เขาแอบรู ้สึกราว
กับเป็ นภาพลวงตา เขาทนมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน?

โจวหมิ่นมองเห็นท่าทางตกอยู่ในภวังค์ของอีกฝ่ าย จึงนั่งลง
ข้าง ๆ เขา ทั้งยังลูบศีรษะเขาอย่างอ่อนโยน “คุณคงเหนื่อยแล้ว
สิ นะคะ”

เย่หมิงเป่ ยได้สติกลับมา เขากล่าวด้วยรอยยิม้ “ยังไหวอยู่ครับ


คนที่เหนื่อยที่สุดก็คือคุณนัน่ แหละ”

โจวหมิ่นเป็ นคนวางแผนทั้งหมด ทุกอย่างโจวหมิ่นต้องดูแล


จนกระทั่ ง เสร็จสิ้ น ส่ วนเขาก็ แ ค่ วิ่ ง เต้ น ท างานให้ เ พื่ อ
ดาเนินการ

“ฉันก็แค่ ขยับปาก เหนื่ อยตรงไหนกัน” โจวหมิ่ นกล่ าวด้ว ย


รอยยิม้
เคล็ดลับทางการตลาดเล็กๆ น้อยๆ นี้ไม่ได้ทาให้หล่อนเหนื่อย
เพียงแต่นึกไม่ถึงเลยว่าการโฆษณาและวิธีการทางการตลาด
เชิ ง แนวคิ ด ในอี ก สิ บ ปี ต่ อ มาจะได้ผ ลลัพ ธ์ แ บบนี้ ในตอนนี้
หลังจากนี้ อีกสิ บกว่าปี ก็เป็ นยุคบริ โภคนิ ยม อีกอย่างตอนนี้ ก็
เป็ นยุคแห่งการประหยัดอดออม เสื้ อผ้าราคาแพงแบบนี้ การใช้
“เพศหญิ ง ที่ ต ้อ งการทาดี ก ับตัว เอง” เป็ นจุ ด เริ่ ม ต้น ของการ
โฆษณาชวนเชื่ อ กลับได้รับความนิ ยมขนาดนี้ ต้องยอมรับว่า
ไม่วา่ จะยุคสมัยไหน นิสัยของคนกลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย

“เธอกาลังคิดอะไรอยูเ่ หรอ? หมินหมิ่น?” เย่หมิงเป่ ยเห็นโจวห


มิ่นเหม่อลอยจึงเอ่ยถาม

“เปล่า ฉันก็แค่นึกประโยคหนึ่งขึ้นได้” โจวหมิ่นได้สติกลับมา


“เงินของผูห้ ญิงได้มาง่ายที่สุดแล้ว”

เย่หมิงเป่ ยชะงัก กล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”


“ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอกค่ะ แค่อารมณ์ชวั่ ขณะหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ฉนั เห็นเสื้ อผ้าที่สวยงามตรงหน้าต่างก็มีความรู ้สึก
อ้อ ยอิ่ ง อยู่เ หมื อ นกัน คิ ด ว่ า ถ้า ตัว เองซื้ อ ได้ก็ค งจะดี คิ ด ว่ า
ผูห้ ญิงทุกคนคงมีช่วงเวลาแบบนี้กนั ทั้งนั้น” โจวหมิ่นกล่าว

“แล้วตอนนี้ล่ะ คุณไม่อยากได้แล้วเหรอ?” เย่หมิงเป่ ยถาม

“ตอนนี้ ไม่คิดแบบนั้นแล้วค่ะ ฉันเป็ นคนผลิตเสื้ อผ้า แถมยัง


เป็ นคนออกแบบด้ว ย รู ้ กระบวนการภายในนี้ แล้ว และรู ้ ถึ ง
กาไรของเรื่ องนี้ดว้ ย ต่อให้เสื้ อผ้าสวยกว่านี้วางอยูต่ รงหน้า ฉัน
ก็แค่คิดว่าต้นทุนของมันเท่ าไร เฮ้อ ไม่ว่าจะเรื่ องอะไรเมื่ อรู ้
อย่างทะลุ ปรุ โ ปร่ งแล้ว ก็ทาให้สูญเสี ยความรู ้ สึ กสนใจได้”
โจวหมิ่นพูดจบก็เข้าไปอยูใ่ นอ้อมกอดของเย่หมิงเป่ ย “ตอนนี้
ฉันรู ้สึกว่าไม่ว่าจะซื้ ออะไรก็เป็ นการให้เงินพ่อค้าแม่คา้ ทั้งนั้น
เลยค่ะ”
ได้ประสบการณ์จากยุคบริ โภคนิยมที่กาลังระเบิดอย่างบ้าคลัง่
เมื่อได้ข้ ึนมาอยูบ่ นอุบายจานวนมากของร้านค้า และตระหนัก
อย่างรู ้แจ้ง หล่อนก็ไม่คิดจะเป็ นกุยช่ายให้คนอื่นแล้ว เพราะสิ่ ง
ที่หล่อนต้องการ ก็คือไปตัดกุยช่ายต่างหากล่ะ!
ตอนที่ 241 อ่านจดหมาย

การตัดกุยช่ ายไม่ใช่ สิ่งที่จะตัดได้ตามใจชอบ เงื่อนไขพื้นฐาน


ที่สุดก็คือการสะสมของเดิม เมื่อโจวหมิ่นนึ กถึงเรื่ องนี้ ก็หอม
เย่ ห มิ ง เป่ ย “ฉั น จะไปเขี ย นจดหมายหาฉู ฉู่ คุ ณ อยากฝาก
ข้อความอะไรไหมคะ?”

เย่ห มิ ง เป่ ยตกตะลึ ง กับความคิ ด ที่ เ ปลี่ ย นปุ บปั บราวกับ ก้า ว
กระโดดของโจวหมิ่น แต่กเ็ ออออตามความคิดของหล่อน “เอา
สิ ผมไม่มีอะไรจะฝาก คุณลองไปถามแม่ดูแล้วกันว่าอยากจะ
ฝากข้อความอะไรหรื อเปล่า”

“ตกลง งั้นคุณนอนก่อนก็แล้วกันนะ” โจวหมิ่นลุกขึ้นเพื่อไป


หากระดาษและปากกา จากนั้นก็นงั่ ลงตรงหน้าโต๊ะเพื่อเขียน
จดหมาย
“หมินหมิ่น คุณก็อย่าเขียนจนดึกดื่นล่ะ รี บเข้านอนเร็ ว ๆ นะ”
เย่หมิงเป่ ยหยิบผ้าห่มมาคลุมให้โจวหมิ่น

“ฉันรู ้แล้ว แป๊ บเดียวก็เขียนเสร็ จแล้ว” โจวหมิ่นพูดไปพลางก็


จรดปากกาลงบนกระดาษเขียนว่า ‘สวัสดีฉูฉู่’ แล้ว

เย่หมิงเป่ ยส่ ายหน้า เขาทราบดีว่าภรรยาของเขาเป็ นคนใจร้อน


เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น เมื่อเห็นลูกสาวนอนหลับ
ปุ๋ ยจึงเอนตัวนอน

ตอนที่ เย่ฉูฉู่ได้รับจดหมายจากโจวหมิ่นก็เป็ นช่ วงวันที่ ยี่สิบ


กว่า ๆ ของเดือนธันวาคมแล้ว ซึ่งเป็ นช่วงที่กาลังยุง่ พอดี

ก่อนหน้านี้การข้ามปี เรี ยกว่า ‘ปิ ดปี ’ สามารถพูดได้วา่ วันข้ามปี


ก็เหมือนกับการข้ามผ่าน ผูค้ นต่างหวาดกลัวกับการข้ามปี ส่ วน
เด็ก ๆ ต่างก็รอคอยที่จะได้รับประทานของอร่ อย ๆ ในช่วงข้าม
ปี กันตาแป๋ ว ใครที่ติดหนี้ ไว้ก็ตอ้ งคืนให้เจ้าหนี้ ก่อนจะข้ามปี
ขณะที่เหล่าภรรยาต่างเหนื่อยมาทั้งปี เพราะไม่วา่ อย่างไรก็ตอ้ ง
ซื้ อเสื้ อใหม่ให้ ไหนจะดูแลคนเฒ่าคนแก่ แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
ปี นี้ ไม่เหมือนกับปี ก่อน ๆ เพราะต้องทางานเอง แม้จะพูดว่า
รายได้ไม่สามารถเทียบกับสิ บกว่าปี หลังจากนี้ ได้ แต่ก็นับว่า
มากกว่าปี ก่อน ๆ อยูม่ าก อย่างน้อย ๆ นอกจากเติมเต็มเงื่อนไข
ข้างบนแล้วก็ยงั มีส่วนที่เหลืออยูอ่ ีกนิดหน่อยด้วย นี่เป็ นสิ่ งที่ปี
ก่อน ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคิด ถึงอย่างนั้นทุกคนต่างก็มีความสุ ข
แม้เป็ นปี ที่ยงุ่ แต่กเ็ ต็มไปด้วยพลังงานเปี่ ยมล้น!

ตอนนี้ สถานที่แห่ งนี้ ยงั ปลูกข้าวสาลีอยู่บา้ งเป็นครั้งคราว ทุก


คนต่างก็ใช้แป้ งบัควีทไปแลกกับแป้ งขาว เมื่ อแลกมาได้สิบ
กว่าชัง่ ก็นาไปนึ่ งเป็ นหมัน่ โถวสองสามหม้อ ส่ วนที่เหลื อก็
เก็บไว้ห่อเกี๊ยวในวันส่ งท้ายปี เก่า ผูค้ นต่างก็วางแผนไว้อย่างดี
แล้ว ถึงเวลาแล้วจะใช้แป้ งขาวทั้งหมดเพื่อจะได้รับประทาน
ของดี ๆ หนึ่งมื้อ!
นอกจากหมัน่ โถว ฟองเต้าหู ้ ขนมเข่ง เต้าหู ้ที่เตรี ยมไว้อย่างดี
แล้ว อาหารแห้งที่ถูกนึ่งไว้หากไม่ได้ใส่ ไว้ในโอ่งใบใหญ่ ก็จะ
นาแขวนไว้ที่บนหลังคาของโรงเก็บของ สามารถรับประทาน
ได้หนึ่งเดือน

คนแก่ ผูห้ ญิง เด็กเล็ก ถ้าฐานะดี หน่ อยก็จะใส่ เสื้ อใหม่ท้ งั ชุ ด


แต่ถา้ ฐานะไม่ค่อยดีก็จะได้ใส่ แบบหนึ่ งชุ ด เด็กผูห้ ญิงจะมีผา้
โพกศีรษะลายดอกไม้ กิ๊บติดผม ยางมัดผมสี แดง มงกุฎเส้น
เล็ก ๆ ที่ทามาจากหญ้าแห้ง ทุกอย่างถูกตระเตรี ยมไว้ แต่ตอนนี้
ต่างก็ถูกพ่อแม่เก็บไว้ให้แล้ว รอถึงวันสิ้ นปี ถึงจะนาออกมาได้
สิ่ งนี้ทาให้พวกเด็ก ๆ รี บร้อน อยากให้ถึงวันข้ามปี จนแทบทน
ไม่ไหวอยูแ่ ล้ว

ภายในใจมีแผนไว้แล้ว จึงไม่ได้กระวนกระวายอะไร เจ้าบ้าน


ชายและหญิงต่างก็เริ่ มสนใจพิธีรีตองของเทศกาลข้ามปี บ้าน
เมื่อปี ที่แล้วแค่ใช้ไม้กวาดกวาดฝุ่ นออกไปก็ถือว่าเสร็ จสิ้ นแล้ว
แต่ปีนี้ แตกต่างกัน ไม่เพียงแค่ทาความสะอาดหนึ่ งรอบ แต่ยงั
ซื้อกระดาษมาแปะกาแพงด้วย

กระดาษนี้มีท้ งั กระดาษที่เป็ นหนังสื อพิมพ์เก่า มีท้ งั กระดาษสี


ขาว และมีแบบที่มีความประณี ตด้วยการซื้ อกระดาษติดฝาผนัง
โดยเฉพาะด้วย กระดาษติดฝาผนังนี้แตกต่างจากกระดาษติดฝา
ผนังในช่วงสิ บกว่าปี ให้หลัง เป็ นรู ปทรงสี่ เหลี่ยม บางอันก็เป็ น
ลายดอกไม้ บางอันก็เป็นรู ปทรงเรขาคณิ ต ประสบการณ์ทาง
ธุ รกิจของจ้าวเหวินเทาสุ ดยอดมาก เขามองเห็นโอกาสด้านนี้
มานานแล้ว กระดาษติดฝาผนังถูกนาเข้ามาหนึ่งชุด แทบจะถูก
คนในหมู่บา้ นเหมาเกลี้ยง บางคนก็แนะนาญาติและหมู่บา้ น
อื่น ๆ ด้วย

เย่ฉูฉู่ช่วยขายไปด้วยอ่ านจดหมายจากโจวหมิ่นไปด้วย เมื่ อ


เห็นโจวหมิ่นบอกว่าจ้าวเหวินเทาเกิดมาเพื่อเป็ นนักธุ รกิจ ก็อด
ยิม้ ไม่ได้ คาพูดนี้พูดไว้ไม่ผดิ เลยจริ ง ๆ ยกตัวอย่างเช่นกระดาษ
แปะกาแพงนี้ ปี ที่แล้วสามีของเธอยังไม่นาเข้ามา และปี ที่แล้วก็
ไม่มีใครซื้ อด้วย ไม่มีแม้แต่คนจะถาม แต่ปีนี้นาเข้ามาแล้ว ก็มี
คนมาซื้อ เธอไม่เคยคิดถึงสิ่ งนี้มาก่อนเลย

“กระดาษติดฝาผนังลายดอกอันนี้ ขายดี จริ ง ๆ” จ้าวเหวินเทา


หยิบ ปากกาขึ้ น มาจดบัญ ชี ก็พ บว่ า กระดาษติ ด ฝาผนัง ลาย
ดอกไม้ไม่เหลือแม้แต่แผ่นเดียว

เย่ฉูฉู่ตอบแค่ ‘อืม’ โดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง ยังคงตั้งใจอ่าน


จดหมายของโจวหมิ่นต่อไป

จ้าวเหวินเทาแอบรู ้สึกหึ งหวง “ภรรยา ถ้าคนไม่รู้คงคิดว่าคุณ


กาลังอ่านจดหมายรักอยู่นะ พี่สะใภ้สามของคุณเขียนอะไรมา
เหรอถึงได้อ่านด้วยท่าทางหลงใหลขนาดนี้”

เย่ฉูฉู่จึงเงยหน้าขึ้นมากลอกตาใส่ เขาปราดหนึ่ง “ชมคุณไง!”


จ้าวเหวินเทาดีใจ “พี่สะใภ้สามของคุณชมผมด้วย พูดจริ งพูด
เล่นเนี่ย?”

“พี่สะใภ้สามมีความมัน่ ใจในตัวคุณมากเลยนะ คุณเองก็รู้” เย่ฉูฉู่


พูดพลางอ่านหน้าต่อไป

จ้าวเหวินเทาหย่อนก้นนัง่ ลงข้าง ๆ เธอ เมื่อได้อ่านจดหมายใน


มือของเธอก็พูดด้วยน้ าเสี ยงเกินจริ ง “เขียนเยอะขนาดนี้เลย!”

“อื ม พี่สะใภ้สามเขี ยนถึ งแฟชั่นวีคที่ ผ่านพ้นไปแล้ว ” เย่ฉู ฉู่


กล่าว

โจวหมิ่ นยังแนบนิ ต ยสารที่ เ กี่ ย วกับแฟชั่น วีค หนังสื อพิมพ์


โฆษณาชวนเชื่อมาให้ดว้ ย ข้อมูลทั้งหมดอย่างละเอียดเกี่ยวกับ
แฟชัน่ วีค ที่โจวหมิ่นทาแบบนี้กเ็ พราะอยากให้เย่ฉูฉู่เข้าใจโลก
ภายนอก ให้เธอให้เข้าใจว่าทาไมเสื้ อผ้าของเธอถึ งได้เ ป็ นที่
นิ ย มมากและมี ร าคาแพงขนาดนั้น หากมั่น ใจสถานการณ์
เหล่านี้ ก็จะออกแบบเสื้ อผ้าออกมาได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเขี ยน
อธิ บายออกมาทั้งหมด และเขียนไว้ค่อนข้างมากด้วย แต่เย่ฉูฉู่
กลับมีความสนใจเป็ นอย่างมาก

จ้าวเหวินเทาก็ได้รับผลกระทบเช่ นกัน เขายื่นมือออกไปหยิบ


จดหมายที่เหลืออยูข่ องเย่ฉูฉู่ คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อได้อ่าน เขาจะ
สิ งเข้าไปอยูใ่ นนั้นอย่างรวดเร็ว

สองสามีภรรยาไม่พูดไม่จา พวกเขาอ่านจดหมายจนจบก็ถอน
หายใจลากยาว จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความรู ้สึกทึ่ง “แบบนี้กไ็ ด้
ด้วย!”

เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สะใภ้สามสุ ดยอดจริ ง ๆ!”

“คนที่เรี ยนหนังสื อนี่น่ากลัวนะ” จ้าวเหวินเทาพูดตาม

เย่ฉู ฉู่ ตี เ ขาไปหนึ่ งที อ ย่า งไม่ ส บอารมณ์ “พู ด จาเหลวไหล


พี่สะใภ้สามของฉันน่ากลัวยังไง?”
“พี่สะใภ้สามของคุณยังไม่น่ากลัวอีกเหรอ? ขายเสื้ อผ้าออกไป
ด้วยราคาที่มากกว่าต้นทุนถึงห้าเท่า แถมยังทาให้คนยินดีที่จะซื้ อ
อีก ถ้าไม่เรี ยกว่าน่ ากลัวแล้วจะให้เรี ยกว่าอะไร?” จ้าวเหวินเทา
พูดจบก็พูดต่อไปอีกว่า “แต่ความน่ากลัวแบบนี้ผมคงต้องเรี ยนรู ้
ไว้ ไม่ ได้การล่ ะ ผมต้องอ่ านอี กรอบ” ระหว่างที่ พูดเขาก็หยิบ
จดหมายขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดอีกรอบ

เย่ฉูฉู่แย้มยิม้ เธอไม่ได้สนใจเขา หลังจากเห็นว่าลูกชายยังนอน


หลับปุ๋ ย จึงลงจากเตียงเพื่อไปทาอาหาร

ช่ วงค่าทาอาหารเป็นโจ๊กแบบง่าย ๆ คู่กบั ยาหัวไชเท้าหัน่ ฝอย


และอุ่นหมัน่ โถวอีกสองสามลูก

“กับข้าวเสร็จแล้ว รี บกินเถอะค่ะ จดหมายไม่หนีไปไหนหรอก


กิ นเสร็ จค่ อยอ่ านต่ อก็ได้” เย่ฉูฉู่หยิบถ้วยและตะเกี ยบพลาง
กล่าว
จ้าวเหวินเทาอ่านจบแล้วเช่นกัน เขาวางจดหมายลงด้วยอารมณ์
ที่คา้ งคา “ภรรยา จิตวิทยาอะไรนัน่ ที่พี่สะใภ้สามของคุณบอก
ไว้ ผมเองก็มีประสบการณ์อย่างลึกซึ้ งเหมือนกันนะ ตอนที่ไป
ในเมือง พอได้เห็นคนในเมืองใช้ของและสวมใส่ เสื้ อผ้าก็รู้สึก
อิจฉามากเหมือนกัน ผมเองก็คิดว่าเมื่อไรพวกเราจะทาแบบ
นั้นได้บา้ ง ไหนจะโฆษณาที่อยูบ่ นหนังสื อพิมพ์นนั่ อีก ผมเอง
ก็เชื่อนะ คิดไม่ถึงเลยว่านี่คือวิธีการในการขาย”

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ใช่ แล้ว ตอนที่ไปตลาด ฉันเองก็ชอบของที่มี


สี สันพวกนั้น ฉันเห็นแผงลอยที่พลุกพล่านไปด้วยผูค้ นจานวน
มาก คนที่ขายของพวกนั้นพูดคล่ องไหลลื่น ไม่ว่าจะอะไรก็
ขายจนหมดเกลี้ยงเลย ถ้ายังไม่ยอมซื้อของก็หมดแล้ว ฉันเองก็
เคยรู ้ สึกรี บร้ อ นเหมื อ นกัน แต่ พอได้เห็ นจดหมายที่ พี่ ส ะใภ้
สามเขียนไว้ ที่แท้นี่ก็เป็นวาทศาสตร์ ทางจิตวิทยาที่มีต่อผูซ้ ้ื อ
นี่เอง”
เย่ ฉู ฉู่ ไ ด้ เ รี ยนรู ้ ก็ น ามาใช้ ง านจริ ง ค าศัพ ท์ ก็ ใ ช้ ไ ด้ อ ย่ า ง
คล่องแคล่ว

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ผมว่าแล้วเชียว ความรู ้ในการขายของ


เป็นเรื่ องใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครเชื่ อ แถมยังคิดว่าการขายของเป็ น
เรื่ อ งง่ า ยอี ก คุ ณ ดู สิ วิธี น้ ี ของพี่ ส ะใภ้ส ามขั้น สู ง ขนาดไหน
เขียนเรี ยงความสองสามข้อเพื่อหลอกให้คนอื่นซื้ อเสื้ อผ้าของ
คุ ณ ผมลองพลิ ก นิ ต ยสารนั้น ดู แ ล้ว นั่น มัน เสื้ อ ผ้า อะไรกัน
ครึ่ งบนแทบจะโป๊ เปลือยอยูแ่ ล้ว แต่ท่อนล่างยังลากพื้นอีก จะ
เอาไว้กวาดถนนเหรอ? ไหนจะตัวที่มีแขนเสื้ อยาวนัน่ กับตัวที่
ไม่ มีแขนเสื้ ออี ก ไม่ มีความสมมาตรเลย ผมไม่ เห็ นว่ามันจะ
สวยตรงไหน แต่ ร าคานั่ น คุ ณ พระคุ ณ เจ้า ตั้ง หลายพัน !
หลอกลวง หลอกลวงจริ ง ๆ วัสดุแค่น้ นั ผ้าขาด ๆ แค่ไม่กี่ชิ้น
สมองของคนในเมืองมีแต่ข้ ีเลื่อยเหรอ?”
ตอนที่ 242 ภรรยา เบาหน่ อย

“แล้วเสื้ อผ้าที่ฉนั ออกแบบล่ะ? สวยไหม?” เย่ฉูฉู่รีบย้อนถาม

จ้าวเหวินเทารี บพูดอย่างจริ งจังว่า “ทั้งนิ ตยสารมีแค่เสื้ อผ้าที่


ภรรยาของผมออกแบบเท่านั้นแหละ ที่ท้ งั ดูดีและสามารถสวม
ใส่ ได้!”

ดวงตาของเย่ฉูฉู่สวยงามเป็นประกาย เธอเชิ ดคางขึ้น “ค่อยยัง


ชัว่ หน่อย!”

จ้าวเหวินเทารี บพูดแต่เรื่ องดี ๆ ที่อีกฝ่ ายชอบ “ภรรยา เรื่ องนี้


ยังต้องถามอีกเหรอ ใคร ๆ ก็ดูออกกันทั้งนั้นแหละ เสื้ อผ้าของ
คนพวกนั้น มันอะไรกัน ไม่โชว์หัวไหล่ ก็โชว์ขาอ่อน แล้วดู
ภรรยาสิ ไม่โชว์อะไรเลย แถมยังสวยด้วย มันเรี ยกว่าอะไรนะ
ยิ่งโชว์เยอะก็ยิ่งไม่อยากเห็น แต่ในทางกลับกันยิ่งเผยให้เห็น
น้อยเท่าไรก็ยงิ่ ทาให้คนเกาหัวด้วยความงุนงง”

เย่ฉู ฉู่ ค ้น พบแล้ว สามี ข องนางไม่ เ พี ย งแค่ เ ป็ นคนไม่ จ ริ ง จัง


ความคิดยังแอบอันตรายด้วย

“คาพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไง?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยท่ าทางนิ่ ง


สงบ

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความพึงพอใจ “เรื่ องนี้ ยงั ไม่ ชัดเจนอี ก


เหรอ โชว์ออกมาให้เห็นแล้ว ก็แปลว่ามองเห็นหมดแล้ว ส่ วน
ที่ไม่ควรให้เห็นก็เห็นแล้ว แบบนั้นยังจะมีอะไรให้นึกถึงอีก
ล่ะ? ของแค่น้ นั เอง จริ งไหม? ไม่เหมือนกับการห่ อปิ ดไว้อย่าง
มิ ด ชิ ด ไม่ เ ห็ น อะไรเลย แน่ น อนว่า ต้อ งนึ ก อยู่แ ล้ว คิ ด ด้ว ย
ท่าทางเกาหัวงุนงง…โอ๊ย ภรรยาคุณทาอะไรเนี่ย?”

เย่ฉูฉู่ดึงหู เขาพร้อมกับเอ่ยถาม “คุณเห็นอะไรหมดแล้ว? แล้ว


คุณคิดไปถึงไหนแล้ว?”
จ้าวเหวินเทารี บยกมือขึ้นมายอมแพ้ “ภรรยา เบาหน่อย เดี๋ยวก็
หูหลุดหรอก ผมจะเห็นจะคิดอะไรคุณจะไม่รู้เหรอ?”

“ฉันรู ้อะไร? ช่ างคุ ยให้มนั น้อย ๆ หน่ อยเถอะค่ะ!” เย่ฉูฉู่พูด


อย่างไม่สบอารมณ์

จ้าวเหวินเทาทาหน้าทะเล้น “ทาไมคุณจะไม่รู้ล่ะ พวกเราก็เคย


เห็นของกันและกันแล้ว…โอ๊ย ภรรยา เบาหน่อย ๆ!”

ลิงน้อยทางฝั่งนั้นเห็นแล้วก็ร้องเจี๊ยก ๆ ด้วยความตื่นเต้น ทั้งยังเขา


มาช่ วยดึงหู อีกข้างหนึ่ งของจ้าวเหวินเทาด้วย จึงถูกจ้าวเหวินเทา
ถลึงตาใส่

เย่ฉูฉู่เห็นท่าทางของลูกลิงถูกบังคับให้ยอมจานน ก็อดไม่ได้ที่
จะเปล่งเสี ยงหัวเราะออกมา
ขณะที่ท้ งั สองคนกาลังวุ่นวาย เสี่ ยวไป๋ หยางก็ตื่นแล้ว ดวงตา
กลมโตกาลังจ้องมองพ่อและแม่ที่กาลังหยอกล้อกัน จึงส่ งเสี ยง
ร้องงอแง

เย่ฉูฉู่หน้าแดงจาง ๆ และรี บปล่อยมือทันที

จ้าวเหวินเทาพูดอย่างมีความสุ ขขณะอุม้ ลูกชายขึ้นมา “ลูกที่


แสนดีของพ่อ ลูกช่วยชีวติ พ่อท่ามกลางน้ าไฟจริ ง ๆ!”

เย่ฉู ฉู่ หัว เราะ “ฉัน ไปท าอะไรให้คุณ ท่ า มกลางน้ าไฟอะไร


กัน?”

จ้าวเหวินเทารี บแย้มยิม้ “ภรรยา ผมก็แค่พูดไปงั้นแหละ ผมผิด


ไปแล้ว”

“พาลูกไปฉี่ค่ะ!” เย่ฉูฉู่ทราบว่าลูกของเธอจะถ่ายเบาหลังจากที่
ตื่นนอน
“รั บ ทราบครั บ !” จ้า วเหวิ น เทาไม่ ลื ม ที่ จ ะท าตัว ต้อ ยต่ า สั ก
หน่อย จากนั้นก็อุม้ ลูกพาไปฉี่ที่กระโถนด้านนอกห้อง

เย่ฉูฉู่หยิบนิตยสารที่อยูข่ า้ ง ๆ ขึ้นมาพลิกอ่าน ก็พบว่านางแบบ


แฟชัน่ บางคนข้างบนที่อยู่บนนั้นมีคนสวมเสื้ อผ้าที่เผยให้เห็น
เรื อนร่ าง คนที่อนุ รักษนิ ยมแบบเธอย่อมรั บไม่ได้ เมื่อนึ กถึ ง
คาพูดของจ้าวเหวินเทาก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง

“ภรรยาเป็ นอะไรเหรอ?” จ้า วเหวิน เทาอุ ้ม ลู ก กลับ เข้า มา ก็


พบว่าเย่ฉูฉู่กาลังเหม่อลอยขณะดูนิตยสาร

“คุณชอบดูของพวกนี้มากสิ นะ?” เย่ฉูฉู่เงยหน้ามองเขา

จ้าวเหวินเทาทราบดี ว่าหากตอบผิด ภรรยาของเขาต้องโกรธ


แน่นอน เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ตดั สิ นใจพูดความจริ ง “ถ้าพูดจาก
ใจ ก็ได้อยูน่ ะ”

เย่ฉูฉู่หน้าเปลี่ยนสี
จ้าวเหวินเทารี บพูด “ภรรยา คุณฟั งผมพูดก่อน ของพวกนี้ เนี่ ย
จะมองยังไงก็ตอ้ งชอบกันทั้งนั้นแหละ แต่ถา้ มองนาน ๆ ก็ไม่
รู ้สึกน่าสนใจอะไรแล้ว ถ้ามีผชู ้ ายบอกว่าไม่ชอบ เขาไม่ได้พูด
โกหกหรอกนะ แต่เป็ นเพราะเห็นมาเยอะต่างหาก ผมไม่ได้พูด
โกหก ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเห็นอะไรพวกนี้ นี่เป็ นครั้งแรกเลย
ดังนั้นถึงได้พูดแบบนี้ ไง อีกอย่างนะภรรยา ผมกวาดตามอง
สองสามครั้ง ก็เป็นเพราะอยากดูสไตล์เสื้ อผ้าอะไรพวกนั้นที่
พี่สะใภ้สามของคุณพูดถึงในจดหมาย”

เย่ฉูฉู่นึกถึงภาพชุ นกง[1] ในยุคนั้นของเธอ ดู เหมือนว่าจะยัง


โจ่ งแจ้งกว่านี้ อีก แต่ นั่นก็เป็ นเพราะลู กหลานขุนนางชอบดู
องค์ชายก็มีหนึ่ งชุ ดด้วย ตอนนั้นเธอรับได้ แต่ทาไมตอนนี้ ถึง
รับไม่ได้ล่ะ ที่มากไปกว่านั้นคือเรื่ องนี้ กบั เรื่ องนั้นมันคนละ
เรื่ องกัน
เมื่อได้ยอ้ นนึก เย่ฉูฉู่กร็ ู ้สึกสงบจิตสงบใจ เธอกลับมากวาดตาม
องอย่างละเอียดที่นางแบบบนนิ ตยสารอีกครั้ง “คุณชอบมอง
อะไรเธอเหรอ เสื้ อผ้า คน หรื อว่าอะไร?”

คาถามนี้ อนั ตรายมาก จ้าวเหวินเทาไม่กล้าตอบกลับในทันที


จึงพูดว่า “ภรรยา อันที่จริ งผมชอบมองคุณมากที่สุดนะ…จริ ง
ๆ นะ ผมพูดจากใจจริ ง ถ้าคุณ ไม่ ๆ ๆ ผมไม่ให้คุณใส่ เสื้ อผ้า
แบบนี้หรอก!”

เย่ฉูฉู่มองท่าทางที่ระมัดระวังของเขา จึงหัวเราะพรื ดออกมา


“คุ ณคิดไปถึงไหนเนี่ ย ที่ฉันถามคุ ณเพราะอยากรู ้ว่าเสื้ อผ้านี้
ทาไมถึงแพงขนาดนั้น อยากรู ้ว่าฉันจะเรี ยนรู ้จากมันได้หรื อ
เปล่ า จะได้ใ ห้เ สื้ อ ผ้า ของฉัน มี ร าคาแพงขึ้ น อี ก หน่ อ ยด้ว ย
สายตาของคุณเวลาเอาของเข้ามาขายแม่นยาขนาดนั้น ก็น่าจะ
มองเห็นอะไรบ้าง”
จ้าเหวินเทาจึงถอยหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้กเ็ ป็ นเรื่ องจริ ง ๆ จัง
ๆ นี่เอง ถ้าเช่นนั้นก็ตอ้ งสายตาที่จริ งจังมองแล้วสิ นะ เขายืน่ ลูก
ให้เย่ฉูฉู่ จากนั้นหยิบนิตยสารมาเปิ ดดู “ภรรยา เรื่ องนี้ตอ้ งค่อย
ๆ ดู ค่อย ๆ ไตร่ ตรอง ถึงยังไงผมก็ไม่เคยค้าขายเสื้ อผ้ามาก่อน
มองแค่แป๊ บเดียวไม่เห็นอะไรหรอก”

เย่ฉู ฉู่ คิ ด ว่า สามี ของเธออยากให้ภ าพติ ด ตา นางจึ ง ยื่น มื อดึ ง


นิ ตยสารกลับมาวางไว้ขา้ ง ๆ ทั้งยังพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
“ในเมื่ อ มองแค่ แป๊ บเดี ย วไม่ เ ห็ นอะไร งั้น ก็ไ ปกิ น ข้า วก่ อน
เถอะ”

จ้าวเหวินเทาจึงรับประทานอาหารแต่โดยดี

หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จ จ้าวเหวินเทาก็เสนอตัวเก็บ
จานและนาไปล้าง สองสามีภรรยาล้างหน้าแปรงฟั นเสร็ จก็มุด
เข้าไปอยูใ่ นผ้าห่ม เย่ฉูฉู่จึงพูดถึงเรื่ องที่โจวหมิ่นจะโอนเงินมา
ให้ส่วนหนึ่ง
“คุณเอาเงินส่ วนนี้ไปเหมาฟาร์มกระต่ายเถอะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทาชะงักไปครู่ หนึ่ ง เขาโอบกอดภรรยาพร้ อ มกับ


หอมเธอ “ภรรยา ขอบใจนะที่คุณสนับสนุนผมขนาดนี้!”

“ช่างเจรจาอีกแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทาแม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่ก็พอจะจินตนาการสี หน้า
ของภรรยาออก เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เปล่าสักหน่ อย ผมพูด
จากใจจริ งเลย แต่วา่ นะ ผมนึกวิธีอื่นออกแล้ว ถ้าทาได้กไ็ ม่ตอ้ ง
แตะเงินนี้แล้ว”

“คุณนึกวิธีอะไรออกเหรอ?” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความฉงน

“เรื่ องนี้ ถึงเวลานั้นผมค่อยบอกคุณอีกที” จ้าวเหวินเทาอุบไว้

เย่ฉูฉู่ก็ไม่ ได้ไล่ ถาม “งั้นคุ ณก็เอาไปฝากในธนาคารแล้วกัน


ตอนนี้ที่บา้ นก็ยงั ไม่ตอ้ งใช้เงิน”
จ้าวเหวินเทาคืนเงินที่คา้ งจ่ายตอนสร้างบ้านไปแล้ว ส่ วนเงิน
ของปี ใหม่สามีก็ใช้จากของที่นาเข้ามาขาย ถึงเวลานั้นเก็บไว้
นิดหน่อยก็พอ ในส่ วนของเสื้ อผ้าเธอไม่ได้คิดจะซื้อ

เสี่ ยวไป๋ หยางยังเด็กขนาดนั้น ซื้ อเสื้ อใหม่ผ่านไปหนึ่ งปี ก็เล็ก


แล้ว นับว่าเป็นเรื่ องที่สิ้นเปลือง เธอเองก็มีเสื้ อผ้าให้ใส่ ส่ วน
ของสามีตอ้ งทาไว้หนึ่งชุด เพราะเขาออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ถ้า
ใส่ เสื้ อผ้าไม่ดีคงดูไม่ดีเท่าไรนัก

ต้องยอมรั บว่าเย่ฉูฉู่ในตอนนี้ เหมื อนกับโจวหมิ่ น เธอทราบ


เทคนิ ค การตลาดของร้ า นค้า แล้ว จึ ง คิ ด ว่ า ซื้ ออะไรมาก็
เหมือนกับเป็ นการมอบเงินให้ร้านค้า ให้เงินเป็ นเรื่ องรอง ที่
สาคัญคื อเธอคิ ดว่าความรู ้ สึกราวกับตัวเองเป็ นคนโง่ น้ ัน ไม่
ค่อยดีเอาเสี ยเลย

จ้าวเหวินเทาได้ฟังแผนของภรรยา จึงกล่าวด้วยรอยยิม้ “ภรรยา


ถ้าซื้ อของนิ ด ๆ หน่ อย ๆ แล้วคิดว่าเป็นกับดักที่คนขายสร้าง
ขึ้นมา แบบนั้นจะใช้ชีวิตให้สนุกได้ยงั ไงล่ะ? ควรซื้ อก็ตอ้ งซื้อ
พวกเราเหนื่ อยมาทั้งปี แล้ว แถมยังสร้ างบ้านอี ก ข้ามปี ทั้งที
ยังไงก็ตอ้ งให้รางวัลตัวเอง เสื้ อผ้าคนละชุดนัน่ แหละ ส่ วนของ
เสี่ ยวไป๋ หยางก็ตอ้ งมีดว้ ย เสื้ อเล็กก็ไม่เปลืองสักหน่อย เก็บไว้
ให้ลูกคนที่สองใส่ กย็ งั ได้เลย เด็กบ้านอื่นข้ามปี ก็ใส่ เสื้ อผ้าใหม่
กันทั้งนั้น ลูกบ้านเราจะใส่ เสื้ อตัวเก่าไม่ได้นะ”

คาพูดของสามีเข้าไปอยูใ่ นใจของเย่ฉูฉู่

“อันที่จริ งฉันเองก็อยากซื้ อเหมือนกัน” เย่ฉูฉู่กล่าวจบก็พูดด้วย


ท่าทางอารมณ์เสี ยว่า “ไม่แปลกใจเลยที่คนอื่นจะด่าพวกคุณว่า
เป็ นพวกแสวงหากาไร เป็ นแบบนี้จริ ง ๆ ฉันรู ้ทุกอย่างแต่ก็ยงั
หนีไม่พน้ ข้ามปี แล้วยังไงก็ตอ้ งมีความคิดอยากซื้อเสื้ อใหม่ ยิง่
ไม่ตอ้ งพูดถึงคนอื่นเลย!”

[1] ภาพวาดกามาวิ จิ ต รในยุ ค โบราณ เที ย บกัน แล้ว ก็ คื อ


หนังสื อโป๊ ในยุคนี้
ตอนที่ 243 รู้ จักเป็ นห่ วงคนอื่นแล้ว

จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม “ไม่เป็ นไร ภรรยา คุ ณก็พูดแล้วว่าสามี


ของคุณเป็ นพวกแสวงหากาไร ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยเอาเงิน
กลับมาจากพวกแสวงหากาไรก็สิ้นเรื่ อง!”

คาพูดนี้ ของสามี เป็ นการปลอบใจเย่ฉูฉู่ อย่า งมาก ภายในใจ


ได้รับความมัน่ ใจในตนเองแล้ว เธอจึงพิงเข้ากับบ่าของสามี
เพื่อนอนหลับ

ตอนนี้บา้ นของพี่รองจ้าวกาลังต่อสู ้อย่างหนัก

สองสามีภรรยาคู่ นี้ ไม่ได้ เ หมื อ นกั บ คู่ ข องเย่ ฉู ฉู่ ที่ ไ ด้


กะหนุ งกะหนิ งกัน ปี นี้ การเก็บเกี่ยวไม่เลวเลย นอกจากนี้ ยงั มี
เงินจากการขายกระต่ายด้วย ดังนั้นจึงตัดสิ นใจว่าปี นี้ จะฉลอง
ปี ใหม่อย่างดี พวกเขาซื้ อกระดาษติดกาแพงพื้นหลังสี ฟ้าลาย
ดอกไม้มาจากจ้าวเหวินเทา

ช่ ว งเช้ า ยุ่ ง จนหั ว หมุ น มี แ ค่ ช่ ว งค่ า ที่ ย ัง พอมี เ วลาอยู่ บ้า ง


หลังจากรับประทานอาหารค่าเสร็ จ ก็ระดมกาลังทั้งบ้านเพื่อ
เริ่ มแปะ!

พี่สะใภ้รองจ้าวรับผิดชอบทากาว กาวนี้ ทามาจากแป้ งบัควีท


ลู ก ๆ ทั้ง สามคนรั บ ผิ ด ชอบส่ ง กระดาษ พี่ ร องจ้า วยื น อยู่
ด้านบนเตียง มือข้างหนึ่งใช้ไม้กวาดเพื่อดันกระดาษติดฝาผนัง
แปะลงบนกาว หลังจากจัดตาแหน่ งแล้วก็ใช้ไม้กวาดรู ดจน
เรี ยบ อย่างน้อย ๆ เมื่อมองดูแล้วก็เห็นได้วา่ เรี ยบสนิท

แต่กช็ ่วยไม่ได้ เพดานในบ้านพี่รองจ้าวใช้กา้ นดอกทานตะวัน


ยึด ไว้ จากนั้น ก็ใ ช้โ คลนทาทับ จึ ง ไม่ ไ ด้เ รี ย บสนิ ทมากมาย
อะไร แตกต่างจากเพดานบ้านของจ้าวเหวินเทาที่ใช้แผ่นไม้
กระดานสี ขาว ไม่แปะด้วยกระดาษติดกาแพงก็ยงั สวย
แต่ถึงจะเป็ นเช่นนี้ หลังจากติดเสร็ จก็ยงั สวยกว่ากาแพงโคลน
สี เหลืองก่อนหน้านี้อย่างมากอยูด่ ี

ทั้ง ครอบครั ว พึ ง พอใจกับ ผลงานของตัว เองเป็ นอย่า งมาก


หลังจากพวกเด็ก ๆ แสดงความคิดเห็นส่ งเสี ยงเจี๊ยวจ๊าวแล้ว ก็
หาวออกมาบอกว่าจะนอนแล้ว พี่สะใภ้รองจ้าวจึ งเก็บกวาด
แบบง่าย ๆ แล้วเรี ยกให้พวกเขาเข้านอน ส่ วนหล่อนและพี่รอง
จ้าวยืนชื่นชมผลงานอยูท่ ี่พ้ืนอยูค่ รู่ หนึ่ง ถึงอย่างไรนี่กเ็ ป็ นการ
แปะกาแพงเป็ นครั้งแรก ผลลัพธ์ดีกว่าที่จินตนาการไว้มากเลย

“ฉันว่าแบบนี้สวยกว่ากาแพงของบ้านน้องหกอีกนะ” พี่สะใภ้
รองจ้า วกล่ า ว “บ้า นของพวกเขาเป็ นสี ข าวทั้ง หลัง ไม่ ไ ด้มี
ความรื่ นเริ งแม้แต่นอ้ ย จืดชืดเกินไปด้วย!”

พี่รองจ้าวก็รู้สึกแบบนี้ “มีลายดอกไม้ดว้ ยสวยดีนะ เอาล่ะ แค่น้ ี


ก็ดูดีอีกปี หนึ่งแล้ว รี บนอนเถอะ เดี๋ยวก็เป็ นหวัดหรอก”
ตอนนี้ เป็ นช่ วงกลางดึ ก เตาก็มอดไปนานแล้ว ภายในเตายัง
หลงเหลือไฟอีกนิ ดหน่ อย เมื่อสักครู่ ตอนที่ทางานอยู่ก็ไม่ได้
รู ้สึกอะไร ตอนนี้ได้พกั แล้ว แม้จะสวมด้วยเสื้ อกันหนาวบุนวม
ตัวใหญ่กย็ งั หนาวอยูด่ ี

พี่สะใภ้รองจ้าวได้ฟังก็ตวั สั่น “ใช่ หนาวจริ ง ๆ นอนเถอะ!”

จากนั้นทั้งคู่ก็ข้ ึนไปนอนบนเตียง เป็นเพราะแอบรู ้สึกตื่นเต้น


กับการแปะกาแพง จึงรู ้สึกไม่ง่วงไปชัว่ ขณะหนึ่ ง พี่สะใภ้รอง
จ้าวกล่าว “แปะกาแพงเสร็ จแล้ว พรุ่ งนี้ เก็บกวาดบ้านแล้วกัน
วันมะรื นจะมีตลาดนัด อะไรที่ควรซื้ อก็ตอ้ งซื้ อนะ อย่าให้ถึง
วันที่ 29 ต้องไปตลาดนัดรวมตัวคนขี้เกียจอีกล่ะ คงดูไม่ดีแน่”

วันที่ 29 เดื อนธันวาคมจะมี ตลาดนัดครั้ งสุ ดท้าย ซึ่ งถู กผูค้ น


เรี ยกกันว่า ตลาดของคนขี้เกียจ ของไม่เพียงแค่มีไม่ครบ แต่ยงั
เป็ นของที่ถูกเลือกและเหลือทิ้งไว้
“ยังจะซื้ ออะไรอีก นี่ ก็ซ้ื อจนครบแล้วไม่ใช่ เหรอ?” พี่รองจ้าว
แอบปวดใจ ปี นี้ไม่ใช่เรื่ องง่ายเลยที่จะมีเงินเหลือ ผลลัพธ์ที่ได้
ภรรยาของเขากลับ อยากแปะก าแพง ทั้ง ยัง ไม่ ไ ด้ อ ยู่ ใ น
งบประมาณด้วย เมื่อได้ยินความหมายของภรรยา ดูเหมือนว่า
หล่อนยังมีของที่อยากซื้ออีกไม่นอ้ ยเลย

พี่สะใภ้รองจ้าวพอจะเข้าใจความหมายของสามี อันที่จริ งหล่อน


ก็เจ็บปวดหัวใจมากเหมือนกัน แต่ตอนที่ไปหาจ้าวเหวินเทาเพื่อ
ซื้ อกระดาษติดกาแพง หล่อนเห็นคนมีกินมีใช้ ทั้งยังได้ยินคน
ในหมู่บา้ นพูดว่าซื้ ออะไรไปบ้าง จึงแอบกลั้นใจอยู่ภายในใจ
ทุ่งนาเหมือนกันต่างก็ได้รับการเก็บเกี่ ยวกันถ้วนหน้า มีสิทธิ์
อะไรที่คนอื่นจะได้ขา้ มปี ใหม่แบบดี ๆ แต่หล่อนกลับทาไม่ได้
การมีชีวิตของคนอยูท่ ี่ลมหายใจ การมีอยูข่ องพระพุทธเจ้าอยู่ที่
หนึ่งก้านธูป หล่อนจะแย่กว่าคนอื่นไม่ได้!
“พวกเด็ก ๆ ไม่มีชุดใหม่ใส่ มาหลายปี แล้วนะ ฉันคิดว่าจะดึ ง
ผ้าออกมาสักสามสี่ ฟุตเอามาตัดชุดใหม่ให้พวกเขา”

พี่รองจ้าวเดิ มทีก็คิดอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อมาคิด ๆ ดู แล้วจึง


พูดว่า “งั้นก็ทาเสื้ อคลุมใหม่เถอะ ส่ วนกางเกงเอาตัวเก่าจากปี ที่
แล้วมาแก้สักหน่อยก็ได้แล้ว”

“ปี ที่แล้วก็แก้แล้ว ยังจะให้แก้อะไรอีก?” พี่สะใภ้รองจ้าวพูด


อย่ า งไม่ มี ค วามสุ ข “ต้ า หยายัง ได้ อ ยู่ เด็ ก ผู ้ห ญิ ง ไม่ ต ้อ ง
เลื อกสรรอะไรขนาดนั้น เอามาใส่ รวม ๆ กันได้อีกปี แต่ ชุด
ของพวกเถี่ยต้านสองคนนั้นล่ะ ใส่ ไม่ได้แล้วนะ”

“งั้น ก็เ อากางเกงของคุ ณ ไม่ ก็ข องผมมาปรั บดู ดู ว่ า อัน ไหน


พอจะเอามาแก้ได้ คุณก็ลองแก้ ๆ ดูสักหน่อย” พี่รองจ้าวเสนอ
วิธี

พี่สะใภ้รองจ้าวทาท่ าจะระเบิ ดอารมณ์ พี่รองจ้าวก็พูดอี กว่า


“พวกเด็ก ๆ ใส่ เสื้ อผ้าดี ๆ ก็ดูไม่ออกหรอก มีแต่คุณนัน่ แหละ
ทาชุดใหม่สักตัวก็แล้วกัน คุณเองก็ไม่ได้เย็บเสื้ อใหม่มาหลาย
ปี แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ภายในใจของพี่ ส ะใภ้ร องจ้า วอุ่ น ขึ้ น ราวกับ ได้ดื่ ม น้ า ร้ อ น


ในช่ วงฤดูหนาว ร่ างกายของเธอรู ้สึกอุ่นไปทั้งตัว ความโกรธ
เมื่อครู่ หายไปในทันที สามีของหล่อนก็นับว่ายังมีมโนธรรม
อยูบ่ า้ ง เขารู ้วา่ หล่อนเหนื่อย น้ าเสี ยงจึงอ่อนลง “ฉันอยูบ่ า้ นไม่
เป็ นไรหรอก คุ ณนั่นแหละที่ ตอ้ งเย็บชุ ดใหม่ ผูช้ ายออกจาก
บ้านไปข้างนอกถ้าไม่ใส่ เสื้ อผ้าดี ๆ คงถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ
ได้”

“หัวเราะเยาะอะไรกัน มีอะไรให้น่าหัวเราะ” พี่รองจ้าวกลับไม่


คิดเช่ นนี้ “ผมก็ไม่ได้ออกไปไหน ก็อยู่บา้ นเหมือนกัน ตอนนี้
ยังต้องทาเต้าหู อ้ ีก เสื้ อใหม่แบบไหนใส่ ไปก็ไม่ได้ดูดีอะไร แต่
มี เ งิ น ท าอะไรก็ ดี ไ ปหมด พวกผู ้ ห ญิ ง แบบพวกคุ ณ ไม่
เหมือนกัน ต้องออกไปนัง่ คุยด้วยกัน ไม่มีเสื้ อผ้าใหม่ ๆ ใส่ คง
ถูกคนหัวเราะเยาะ เชื่ อผมเถอะ ทาชุ ดใหม่ของคุ ณนั่นแหละ
ส่ วนของผมกับลูกแค่เอาตัวเก่ามาปรับแก้แล้วก็ซกั สักหน่ อยก็
ได้แล้ว”

พี่สะใภ้รองจ้าวรู ้สึกหวานปานน้ าผึ้งอยูภ่ ายในใจ ปากก็พูดไป


ว่า “คุณไม่ตอ้ งสนใจหรอก ถึงเวลานั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

พี่รองจ้าวพูดอีกว่า “ข้ามปี พวกเรากินเกี๊ยวแป้ งขาว ตอนเช้าก็


ห่ อ เกี๊ ย วเนื้ อ หมู สั ก มื้ อ หนึ่ งปี ได้กิ น สั ก ครั้ ง ก็ ต ้อ งกิ น ดี ๆ
หน่อย”

“ตกลง!” สามี แ สดงออกดี ข นาดนี้ พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วย่อ มไม่


คัดค้าน

ทางฝั่งของพี่สามจ้าวยังคิดบัญชีอยู่ ช่วงข้ามปี คนที่มาซื้ อเต้าหู ้


มีเยอะเป็ นพิเศษ เยอะเสี ยจนพี่สามจ้าวอยากจะมีหวั สักสามหัว
มือสักหกมือ แต่ผลข้างเคียงก็มากเช่นกัน พี่สามจ้าวเป็ นโรคย้า
คิดย้าทา เต้าหูท้ ้ งั หมดต้องผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด ดูวา่
สะอาดหรื อยังมีถวั่ เน่ าหรื อเปล่า น้ าเต้าหู ้ที่ตม้ ออกมาก็ตอ้ งมี
ความร้อนที่เหมาะสม ตอนที่ใส่ น้ าดีเกลือและกดเต้าหู ก้ ย็ งิ่ กลัว
จนตัวสั่น เพราะกลัวว่าจะเกิ ดข้อผิดพลาดและทาให้เต้าหู ้ที่
ผลิตออกมารสชาติไม่อร่ อย เขาจึงอดตาหลับขับตานอนจนตา
แดงแจ๋

พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นแบบนี้ ก็รู้สึกเป็นห่ วง หล่อนพูดกับพี่สาม


จ้าว “คุณไม่ตอ้ งระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ นี่กพ็ อแล้วแหละ!”

พี่สามจ้าวกลับพูด “คุ ณจะไปรู ้อะไร คนอื่นต่างก็มาซื้ อเต้าหู ้


ของผมกันหมด ถ้าผมทาออกมาไม่อร่ อย เขาจะมาซื้ อเหรอ?
ถ้าป้ ายร้านถูกทุบขึ้นมาจะทายังไง? คุณรู ้ไหมว่าการขึ้นป้ ายนี้
ยากขนาดไหน!”

พี่สะใภ้สามจ้าวโกรธจนเอือมระอา “พอแล้ว ๆ คุ ณอยากทา


อะไรก็ทาเถอะ ใครจะอยากสนใจคนไม่รู้ดีร้ายแบบคุณ!”
พี่สามจ้าวย่อมเข้า ใจความหมายของภรรยา แต่ ก็ไม่ ได้อ ยู่ดี
เต้าหู ้เป็ นความภาคภูมิใจของเขา ความภาคภูมิใจจะประมาท
ได้เหรอ?

“คนที่ซ้ือยิง่ มากเท่าไรก็ยงิ่ เป็ นการบอกว่าเต้าหูข้ องผมดีเท่านั้น


ยัย เมี ย โง่ รู ้ ห รื อ เปล่ า ว่า ช่ ว งเวลาข้า มปี พวกเราขายเต้า หู ้ไ ด้
เท่าไร?” พี่สามจ้าวคิดบัญชีไปพลางก็ถามพี่สะใภ้สามจ้าวด้วย
ความภาคภูมิใจไปพลาง

พี่สะใภ้สามจ้าวง่ วงจนทนไม่ ไหวแล้ว ปี นี้ เป็ นปี เกิ ดของแม่


หล่อน ขนบธรรมเนียมที่บา้ นของหล่อนก็คือเมื่อเป็ นปี เกิดของ
ผูอ้ าวุโสจะต้องทาชุดแดงหนึ่งชุด แม่บอกให้หล่อนทาเสื้ อกัน
หนาวผ้าฝ้ายสี แดง อยากได้เสื้ อคลุมที่เป็ นแบบคอตั้ง

ไม่รู้ว่าแม่ของหล่อนไปเห็นรู ปแบบมาจากที่ไหน แต่ก็ทาให้


พี่สะใภ้สามจ้าวลาบากแทบตายแล้ว เพราะเสื้ อกันหนาวผ้าฝ้าย
ตัวนี้ หล่อนปรับ ๆ แก้ ๆ มาหลายครั้งแล้ว จนกระทัง่ ตอนนี้ ก็
ยังทาไม่เสร็ จ นี่ ก็ใกล้จะข้ามปี แล้วด้วย ตอนเช้ายุ่งทั้งวัน จึง
ต้องมารี บทาในช่วงค่า ตอนนี้ใส่ คอเสื้ อแล้วแต่กย็ งั ยับยูย่ อี่ ยู่ ดู
อัปลักษณ์กว่าการไม่ได้ใส่ เสื้ อคลุมกันหนาวบุนวมเสี ยอีก

เมื่ อ ได้ยิน ค าพู ด ของพี่ ส ามจ้า ว หล่ อ นจึ ง ถามอย่า งขอไปที


“เท่าไร?”

“สองร้อยกว่าหยวน!” พี่สามจ้าวพูดด้วยความตื่นเต้น “นี่ยงั ไม่


รวมกับเต้าหูท้ ี่ยงั ทาไม่เสร็จนะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวถึงกับตกใจ เยอะขนาดนี้เลย!

“ขายแค่ เต้าหู ้ได้เงิ นมากขนาดนี้ เลยเหรอ?” พี่สะใภ้สามจ้าว


แอบไม่เชื่อเท่าไรนัก

พี่สามจ้าวหัวเราะหึ หึ “แหงสิ เต้าหู ้ของเจ้าสามจ้าวอร่ อยจะ


ตาย! ตอนนี้ รู้แล้วใช่ ไหมว่าทาไมผมถึงต้องละเอียดขนาดนั้น
นี่คือป้ายหน้าร้านเลยนะ รู ้ไหม?”
ตอนที่ 244 จิตใจของการเปรียบเทียบกับคนทีส่ ู งกว่ า

พี่สะใภ้สามจ้าวขี้เกียจจะคิดหยุมหยิมกับเขาแล้ว จึงพูดอย่าง
ขอไปที “งั้นปี นี้ขา้ มปี ก็ตอ้ งซื้ออะไรสักหน่อยสิ ?”

พี่สามจ้าวได้ยนิ ก็แอบไม่มีความสุ ข “ได้เงินมาก็คิดแต่จะซื้อ ๆ


ๆ มีให้กินมีให้ดื่มยังจะซื้ ออะไรอีก? คุณใช้เงินแบบนี้ ต้องหา
เงินเท่าไรถึงจะพอให้คุณใช้!”

พี่สะใภ้สามจ้าวฝึ กฝนให้จิตใจแข็งแกร่ งมานานแล้ว ครั้นได้


ยินแบบนี้หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร ตอบกลับเสี ยงเรี ยบไป
ว่า “ถึงเวลาข้ามปี ลูกบ้านอื่นมีชุดใหม่ให้ใส่ ลูกบ้านเราไม่มี
คุณก็อย่ากลัวว่าจะขายหน้าก็แล้วกัน บ้านอื่นมีเนื้อมีผกั ให้กิน
บ้า นเราไม่ มี ทาให้ค นอื่ น พู ด ว่า บ้า นเราจนกรอบ คุ ณ ก็อ ย่า
โกรธก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นคนอื่นได้ขา้ มปี กันแบบร่ ารวยอู่ฟู่ มี
ลางดีสาหรับปี หน้า ส่ วนพวกเรา…”
“หุ บปาก!” พี่สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผูห้ ญิงฟุ่ มเฟื อย
แบบคุณยังไม่จบไม่สิ้นสักทีสินะ บ้านอื่นก็คือบ้านอื่น ทาไม
คุณไม่ดูบา้ นอื่นที่ถูกชกจนหน้าบวมเป่ งบ้าง? ทาไมคุณไม่มอง
บ้างว่าบ้านอื่นไม่ได้หาเงินได้มากขนาดนี้ ? เอาแต่ดูคนอื่นอยู่
นัน่ แหละ คุณคิดว่าคนอื่นดีมากก็ไปข้ามปี กับบ้านอื่นเสี ยเลย
สิ !”

พี่สะใภ้สามจ้าวพูดเสี ยงเรี ยบ “ฉันก็แค่เตือนคุณเท่านั้นแหละ


คนอื่นเป็นหนี้ หัวโต แต่เขาก็ยงั ได้กินได้ดื่มของอร่ อย ใครจะ
ไปเหมือนกับบ้านเรา มีภูเขาเงินภูเขาทองก็ยงั ต้องกินแกลบ
เทียบกันไม่ได้จริ ง ๆ” พูดจบหล่อนก็เก็บเสื้ อกันหนาวเตรี ยม
ตัวเข้านอน

บ้า นอื่ น ยากจนแร้ น แค้น แต่ ก็ย งั มี ของกิ น และเครื่ อ งดื่ มดี ๆ
ให้ รั บ ประทาน นี่ พู ด ถึ ง ใครกัน ล่ ะ ไม่ ต ้อ งคิ ด ก็ รู้ ว่ า พู ด ถึ ง
จ้าวเหวินเทา!
ใครจะไปสู ้จา้ วเหวินเทาที่ติดหนี้ เยอะแยะนั้นได้ อีกอย่างใคร
จะไปสู ้ชีวิตดี ๆ ของจ้าวเหวินเทาได้ อีกฝ่ ายได้กินได้ดื่มของดี
ๆ แล้วจะทาไมล่ะ แม้แต่ลิงที่บา้ นยังได้กินได้ดื่มของดีเลย ครั้ง
ก่อนตอนที่เขาไปบ้านจ้าวเหวินเทาก็เห็นสัตว์นอ้ ยตัวนั้นกาลัง
นอนกินกล้วยอยู่ อย่าว่าแต่ตอนนี้ เป็นฤดูหนาวเลย ต่อให้เป็ น
ฤดูร้อนกล้วยก็ไม่ใช่ สิ่งที่คิดจะกินก็หาได้ พอถาม น้องสะใภ้
หกก็บ อกว่ า สั ต ว์ต ัว น้อ ยชอบกิ น กล้ว ย เขาเองก็อ ยากพู ด
เหมือนกันว่าเขาก็ชอบเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูด

พูดไปแล้วก็รู้สึกเจ็บปวด! ตอนนี้ยงั ถูกภรรยาคิดจะให้ถอนเงิน


แบบนี้อีก ยิง่ ทาให้เจ็บลึกเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นว่าภรรยาเก็บเสื้ อ
แจกเกตบุนวมแล้ว จึงเปลี่ยนบทสนทนาถามว่า “คุ ณทาเสื้ อ
แจ็คเก็ตของแม่เสร็จแล้วเหรอ?”

“ยังไม่เสร็ จ พรุ่ งนี้ฉนั จะไปหาน้องสะใภ้หก ให้หล่อนช่วยทา


ให้” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “ฉันนอนแล้วนะ”
“คุณจะไปหาน้องสะใภ้หกทาไม? ยัยนัน่ ทาของพวกนี้เป็ นด้วย
เหรอ?” พี่สามจ้าวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อได้ยนิ แล้วถึงได้รู้สึก
โกรธมาก

พี่สะใภ้สามจ้าวเหล่ตามองเขา “เรื่ องของผูห้ ญิงคุณที่เป็ นผูช้ าย


จะสนใจทาไม?”

พี่สามจ้าวไม่ได้พูดอะไร เขาเก็บสมุดบัญชี หลังจากเงียบไป


พักใหญ่จึงพูดว่า “คุณไปหาน้องสะใภ้หกพอดี งั้นก็ช่วยซื้ อผัก
ใบเขียวมาสักหน่ อยด้วยก็แล้วกัน คุ ณดู ให้ดีแล้วค่อยซื้ อ ต่อ
ราคาด้วย อี กฝ่ ายพูดอะไรก็ตามนั้น น้องสะใภ้คนนี้ เป็ นคน
ฉลาด คุณอย่าคิดว่าคนคนนี้เป็ นคนดี!”

“มี แต่ คุณสิ นะที่ เป็ นคนดี !” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดย้อนกลับไป


อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะถามต่อไปว่า “คุณจะซื้ อเท่าไร จะ
ซื้ อ ผัก อะไร คุ ณ ก็ ก าหนดราคามา ถึ ง เวลานั้น เดี๋ ย วฉั น ซื้ อ
กลับมาก็ถูกคุณบ่นฉอด ๆ เรื่ องซื้อมาเยอะซื้อมาแพงอีก”
“ซื้อมาสิ บหยวน” พี่สามจ้าวครุ่ นคิดก่อนจะกัดฟันตอบ

“ตกลง คุ ณพูดเท่าไรก็เท่านั้น” พี่สะใภ้สามจ้าวถอดเสื้ อคลุม


และเข้านอน

พี่สามจ้าวเก็บของแล้วก็นอนลงเช่ นกัน เขานึ กถึงเรื่ องอะไร


บางอย่างขึ้นได้จึงพูดกับพี่สามจ้าวว่า “คุณช่วยถามน้องสะใภ้
หกให้ด้ว ย บ้า นของพวกเขามี ก ล้ว ยไหม ถ้า มี ก็ซ้ื อ กลับมา
หน่อย”

“กล้ว ย?” พี่ ส ะใภ้ส ามจ้าวพูด ด้วยท่ า ทางสะลึ ม สะลื อ “ของ


แบบนั้นแพงจะตาย คุณซื้ อกล้วยสู ้ไปซื้ อเนื้ อให้มากหน่ อยยัง
จะดีเสี ยกว่า”

พี่สามจ้าวก็คิดแบบนี้ แต่ในสมองของเขากลับหนีไม่พน้ ฉากที่


ลิงน้อยกินกล้วย หรื อว่าเขาที่เป็ นมนุษย์มีชีวติ ยังสู ้สัตว์ตวั หนึ่ง
ไม่ ไ ด้? เขาเป็ นมนุ ษ ย์ที่ห าเงิ น ได้ส องร้ อ ยกว่า หยวนเลยนะ
สัตว์ตวั เล็กนัน่ หาเงินได้มากขนาดนี้เหรอ? เงินแม้แต่เฟิ นเดียว
ยังหาไม่ได้เลยมั้ง? ซื้ อ ยังไงก็ตอ้ งซื้ อ! ถ้าไม่ซ้ื อปี นี้ เขาคงไม่
สามารถข้ามไปได้อย่างมีความสุ ข

“คุณเอาเงินสิ บหยวนไปซื้อกล้วยด้วย” พี่สามจ้าวรี บพูด

พี่สะใภ้สี่จา้ วถึงกับตกตะลึง นี่มนั อะไรกัน เอาเงินสิ บหยวนไป


ซื้อกล้วย? ผูช้ ายคนนี้บา้ ไปแล้วมั้งเนี่ย?

ครอบครัวพี่สี่จา้ วในตอนนี้กเ็ พิ่งจะเอนตัวนอนลงบนเตียง เป็ น


เพราะพวกเขาทาเต้าหู ้และเตรี ยมน้ าเต้าหู ้ให้พี่สามจ้าวเสร็ จ
แล้ว จึงเข้านอนดึกขนาดนี้

เป็ นเพราะต้องการหาเงิน ปี นี้พวกเขาจึงไม่ว่างเลย ฟองเต้าหู ก้ ็


ต้มไว้สองหม้อแล้ว เป็ นเพราะเตาที่ ตม้ น้ าเต้าหู ้ร้อนมาก จึ ง
ไม่ได้รู้สึกหนาวแม้แต่นอ้ ย แต่กลับรู ้สึกเหนื่อยมากกว่า
ฤดูหนาวหนึ่งฤดู ทาให้พี่สะใภ้สี่จา้ วผอมลงไปห้าชัง่ ผอมบาง
กว่าตอนที่ ยงั ไม่ คลอดลู กเสี ยอีก เพียงแต่ ร่างกายของหล่อน
มองเห็นได้วา่ เกิดความเหนื่อยล้า

“งานทาเต้าหู ้ไม่ใช่ งานของคนเลย!” พี่สะใภ้สี่จา้ วเก็บกวาด


แบบง่ าย ๆ จากนั้นก็ข้ ึ นไปนอนบนเตี ยงโดยไม่ ได้ถอดเสื้ อ
คลุม

วัน พรุ่ ง นี้ เช้า พี่ ส ามจ้า วก็จ ะมาสั่ ง เต้า หู ้ ยัง ต้อ งตื่ น ตั้ง แต่ เ ช้า
เสื้ อผ้าถอดเข้าถอดออกยุ่งยากเกิ นไป ตั้งแต่ ทาเต้าหู ้ หล่ อน
แทบจะหลับสนิทตลอด ลูก ๆ ก็เช่นกัน

พี่สี่จา้ วก็ไม่ได้ถอด เขานอนอยู่บนเตียงขณะกล่าวว่า “ใครใช้


ให้คุณทาล่ะ? คุณไม่ทาก็ไม่มีใครบังคับเธอสักหน่อย”

พี่สะใภ้สี่จา้ วเหนื่อยจนไม่อยากจะทะเลาะแล้ว “ใกล้จะข้ามปี


แล้ว คุณจะไปซื้อของที่ตลาดหรื อซื้อกับน้องหกล่ะ?”
“ค่อยว่ากัน” พี่สี่จา้ วง่วงจะตายแล้ว ตอนนี้ เขาแค่อยากนอน
หลับเท่านั้น

“ฉั น อยากตั ด ชุ ดใหม่ ” พี่ ส ะใภ้ สี่ จ้ า วพู ด ด้ ว ยน้ า เสี ยง


สะลึมสะลือ “นี่ฉนั ไม่ได้ตดั มาหลายปี แล้วนะ ข้ามปี ทั้งทียงั ไง
ก็ตอ้ งตัดชุดใหม่สักตัว”

เสี ยงตอบรับของพี่สี่จา้ วก็คือเสี ยงกรน เพียงไม่นานพี่สะใภ้สี่


จ้าวก็หลับเช่นกัน

ไม่ว่าจะเหนื่ อยขนาดไหน หลังจากได้นอนแล้วสิ่ งที่ควรทาก็


ยังต้องทา ตอนนี้มีแค่เย่ฉูฉู่ที่วา่ ง

พี่สะใภ้สามจ้าวนาเสื้ อกันหนาวที่ทาให้แม่ของหล่อนมาให้เย่ฉูฉู่
ช่วยตั้งแต่เช้า หล่อนช่วยกล่อมเสี่ ยวไป๋ หยาง ส่ วนเย่ฉูฉู่กน็ าเสื้ อ
กันหนาวไปแก้
พี่สะใภ้สามจ้าวเอ็นดู เสี่ ยวไป๋ หยางมาก เด็กคนนี้ ไม่ ร้องไม่
โวยวาย ทั้ง ยัง รู ้ จ ัก ขับ ถ่ า ยเป็ นเวลา ที่ ส าคัญ คื อ สะอาดด้ว ย
หล่อนไม่เคยเห็นเด็กคนไหนสะอาดขนาดนี้มาก่อนเลย

“เสี่ ยวไป๋ หยาง หนู ดูสินี่อะไรเอ่ย?” พี่สะใภ้สามจ้าวยื่นนิ้วมา


แหย่เสี่ ยวไป๋ หยาง

เสี่ ยวไป๋ หยางจับนิ้วมือของหล่อนแล้วเขย่าอย่างมีความสุ ข

“เด็กคนนี้น่าเอ็นดูเกินไปแล้ว” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดกับเย่ฉูฉู่

เย่ฉูฉู่หันไปยิม้ ให้ลูกชาย “เด็กเล็กตอนยังเล็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้


ทั้งนั้นแหละค่ะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวพูด “ไม่ใช่สักหน่อย ลูกสองคนนั้นของฉันยัง


ไม่ได้เป็ นแบบนี้เลย ตอนเด็กน่าราคาญจะตายไป!”
เย่ฉูฉู่หวั เราะแต่กไ็ ม่ได้พูดอะไร มือของเธอยังคงขยับไม่หยุด
เธอถอดปกคอเสื้ อแจ็คเกตออกพลางถาม “พี่สะใภ้สาม คอเสื้ อ
อันนี้ไม่เข้ากันเลย แต่อย่างอื่นทาไว้ดีมากเลยนะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวพูดด้วยท่าทางรู ้สึกไม่ ดี “ฉันซุ่ มซ่ ามเกิ นไป


แล้ว แค่ปกคอเสื้ อก็เย็บซ้ าแล้วซ้ าอีกก็ยงั ไม่เหมาะ แม่ของฉันก็
เหมือนกัน บอกว่าจะเอาแบบคอตั้งให้ได้ นี่ ก็แก่แล้ว ยังเรื่ อง
เยอะอีก!”

“คนแก่เหนื่ อยมาทั้งชี วิตแล้ว ได้ฉลองปี เกิดอยากได้เ สื้ อ กัน


หนาวสักตัวก็ไม่ใช่ เรื่ องใหญ่อะไรหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่พูดพลาง
ถอดปกคอเสื้ อออก จากนั้นก็เริ่ มเย็บ

ระหว่างที่ทาอยูน่ ้ นั พี่สะใภ้สี่จา้ วก็มาหาพร้อมอุม้ อู่หยามาด้วย


ทั้ง สองคนห่ อ ตัว ราวกับ เป็ นบ๊ ะ จ่ า ง แม้ว่ า เย่ฉู ฉู่ จ ะไม่ ช อบ
พี่สะใภ้สี่จา้ ว แต่กไ็ ม่สามารถไล่อีกฝ่ ายได้ จึงพูดว่า “พี่สะใภ้สี่
มาแล้วเหรอ อู่หยา หนาวเปล่าคะ?”
พี่สะใภ้สี่จา้ วดูเหมือนว่าจะลืมเรื่ องที่คิดจะมาสะสางกับเย่ฉูฉู่
ไปนานแล้ว หล่อนตอบแทนอู่หยา “อู่หยาตอบอาสะใภ้หกไป
สิ ลูก ไม่หนาว ไม่หนาวเลยสักนิด”

ผลลัพธ์ที่ได้คืออู่หยากลับร้องไห้ออกมา

“เป็ นอะไรหรื อเปล่าเนี่ย?” เย่ฉูฉู่รีบถาม

พี่สะใภ้สี่จา้ วรี บปลอบพลางกล่าว “ไม่รู้สิ ช่ วงนี้ ไม่รู้ว่าทาไม


ถึงร้องไห้”

เสี่ ยวไป๋ หยางที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่สะใภ้สามจ้าวใช้ดวงตา


กลมโตมองด้วยความสงสัย

เย่ฉูฉู่ยนื่ มือออกไปรับอู่ยา จากนั้นก็เริ่ มปลอบเด็กน้อย “มา มา


หาอาสะใภ้หกนะ อู่หยาเด็กดี ไม่ร้องนะ”

น่าเสี ยดายที่อู่หยายังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด
ตอนที่ 245 เหาทีน่ ่ ากลัว

“เด็กผูห้ ญิงไม่มีความโชคดีสักนิ ดเลย เธอดูบา้ นของอาสะใภ้


หกสิ ดีขนาดไหน ยังจะร้องยังจะโวยวายอีก นี่ถา้ เป็ นลูกชายคง
ไม่เป็ นแบบนี้แน่นอน!” พี่สะใภ้สี่จา้ วตาหนิ

เย่ฉูฉู่รู้สึกไม่ พอใจมาก ทาไมถึ งได้ดึงไปเข้าเรื่ องลู กชายลูก


สาวได้ทุกเรื่ อง? พี่สะใภ้สี่เป็ นบ้าไปแล้วจริ ง ๆ!

“สะใภ้สี่เธอพูดอะไรเนี่ ย อู่หยาอาจจะรู ้สึกแปลกที่ก็ได้ ยังจะ


พูดเรื่ องลู กสาวลู กชายอี ก ! มา สะใภ้หก เอาอู่ หยามาให้ฉัน
เดี๋ยวฉันดูให้เอง” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว

เย่ฉูฉู่จึงรี บแลกเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ วและกลับมาอุม้ ลู กชาย


ของตัวเอง ตอนแรกคิดว่าเด็กคนรู ้สึกว่าเธอเป็ นคนแปลกหน้า
แต่ เมื่ ออู่ หยาไปอยู่ในอ้อมกอดของพี่สะใภ้สามจ้าวแล้วก็ยงั
ร้องไม่หยุด

“นี่มนั อะไรกันเนี่ย อู่หยา?” พี่สะใภ้สามจ้าวรี บปลอบ

“ยัยเด็กบ้านี่ร้องเก่งชะมัดเลย ช่วงนี้ไม่ว่าจะตอนเช้าหรื อตอน


ค่าก็เอาแต่ร้องไห้ไม่รู้จะร้องอะไรนักหนา ไม่จบไม่สิ้น! น่ า
ราคาญจะตายอยูแ่ ล้ว” พี่สะใภ้สี่จา้ วพูดอย่างเหลืออด

พี่สะใภ้สามจ้าวรู ้สึกว่าอาจจะเป็นเพราะห่ อตัวลูกแน่ นเกินไป


หล่อนนึ กขึ้นได้ว่าในบ้านของเย่ฉูฉู่อบอุ่นมาก ไม่มีทางที่เด็ก
จะหนาวจนแข็งได้ หล่ อนจึ งช่ วยคลายผ้าห่ มออกนิ ดหน่ อย
จากนั้นก็ปลดกระดุมที่คอเสื้ อให้ดว้ ย ผลลัพธ์ที่ได้คือเมื่อคลาย
ออกและไม่ได้รู้สึกแน่นอะไรแล้วก็พบว่าที่ดา้ นในคอเสื้ อของ
เด็กมีเหาเต็มไปหมด!
พี่สะใภ้สามจ้าวตกใจจนเกือบจะโยนหลานออกจากมือ หล่อน
ตะโกนเสี ยงดัง “สะใภ้หกเธอรี บมาดูเร็ว ทาไมเด็กคนนี้ถึงได้มี
เหาเยอะขนาดนี้เนี่ย!”

เย่ฉูฉู่เห็นแล้วก็รู้สึกขนลุกซู่ “พี่สะใภ้สี่ พี่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้ อให้


ลูกนานขนาดไหนแล้ว?”

“ก็ไม่นานเท่าไรหรอก ตั้งแต่ที่ทาเต้าหู ใ้ ห้พี่สามก็ไม่ได้เปลี่ยน


เลย” พี่สะใภ้สี่จา้ วพูดอย่างเก้อเขิน

พี่สะใภ้สามจ้าวถึงกับอุทานว่าแม่เจ้า “ตอนที่เริ่ มทาเต้าหู ้ ตอน


นั้น คื อ วัน แรกของฤดู หนาวนะ! แม่ เ จ้า เธอนี่ ม ัน จริ ง ๆ เลย
สะใภ้สี่ ที่ลูกร้องไห้แบบนี้กเ็ ป็ นเพราะถูกเหากัดไง!”

ระหว่างที่พูดพี่สะใภ้สามจ้าวก็รีบถอดเสื้ อให้หลาน ครั้นได้


ถอดออกมา เหาที่ อ ยู่ใ นเสื้ อ ก็ยิ่ง ดู น่ า ตกใจ ทั้ง รั ก แร้ แ ละขา
หนีบของเด็กล้วนมีเหาจับเป็ นกลุ่มเป็นก้อน! และมีอยูเ่ ต็มทัว่
ทั้งช่องว่างของเสื้ อผ้าด้วย
เย่ฉูฉู่ทนดูไม่ไหวแล้วจริ ง ๆ “เสื้ อตัวนี้ทิ้งไปเถอะ พี่สะใภ้สาม
รี บถอดเสื้ อเอาไปเผาในเตาเลย!”

พี่สะใภ้สี่รีบพูด “ไม่ตอ้ งหรอก เดี๋ยวฉันเอากลับไปแช่แข็งข้าง


นอกสักสามสี่ คืนเหาก็ถูกแช่ แข็งตายหมดแล้ว อู่ หยาก็ไม่ มี
เสื้ อ ผ้า ใส่ ด้ว ย นี่ เ ป็ นเสื้ อ ผ้า ฝ้ า ยด้ว ย ถ้า เผาฉัน คงไม่ มี เ วลา
เย็บ…”

“เดี๋ยวฉันไปหาเสื้ อของเสี่ ยวไป๋ หยางมาให้สองสามตัวค่ะ เสื้ อ


ตัวนี้เก็บไว้ไม่ได้แล้ว!” เย่ฉูฉู่เป็ นกังวลว่าเหาจะหล่นลงมาใน
บ้านของเธอแล้วมากัดลูกตัวเอง จึงพูดอย่างเด็ดขาด

พี่สะใภ้สามจ้าวยืนอยูข่ า้ งเย่ฉูฉู่ “ยังจะเก็บไว้ทาไมอีก เหาเยอะ


ขนาดนี้ เธอไม่ขยะแขยงแต่ฉนั ขยะแขยงนะ!” จากนั้นหล่อนก็
ถอดชุ ดทั้งหมดของอู่หยาออก เมื่อเห็นว่าผ้าห่ มผืนเล็กก็มีเหา
หล่อนจึงมัดรวมเข้าด้วยกันแล้วโยนเข้าไปในเตาไฟ
เย่ฉูฉู่กต็ ามไปด้วย “พี่สะใภ้สาม ในหม้อมีน้ าร้อนอยู่ พี่พาอู่หยา
ไปอาบน้ า เถอะค่ ะ จะได้ส บายตัว ด้ว ย เดี๋ ย วฉัน ไปหาเสื้ อผ้า
ก่อน”

พี่สะใภ้สามจ้าวตอบตกลง จากนั้นก็ยกน้ าร้อนเข้ามาอาบน้ าให้


อู่ หยา อู่ หยาไม่ เพียงแค่ ไม่ ร้อ งไห้แล้ว แต่ ยงั หัวเราะอย่า งมี
ความสุ ข

“เธอดู สิ เด็กถูกเหากัดจนเป็ นแบบนี้ นี่ ก็หัวเราะออกมาแล้ว


ไม่ใช่ เหรอ เธอเป็นแม่ประสาอะไรเนี่ย? มีเหาเยอะขนาดนี้ นี่
ไม่ใช่แค่วนั สองวันนะ ทาไมเธอถึงไม่ดูแลลูกเลย!”

พี่สะใภ้สี่จา้ วแอบรู ้สึกเสี ยหน้า ที่ลูกร้องเป็ นเพราะถูกเหากัด


ไม่ใช่ เพราะป่ วย ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นเพราะหล่อนที่เป็น
แม่ข้ ีเกียจเกินไป แต่ปากกลับยังไม่คิดจะยอมรับ ยังคงพูดแก้
ตัวว่า “ก็เป็ นเพราะทาเต้าหู ้ให้บา้ นพวกพี่ไม่ ใช่ เหรอ ยุ่งจน
ไม่ได้หยุดพักเลย ตอนค่าฉันก็นอนหลับเป็นตาย จะไปมีเวลา
ดูแลลูกได้ยงั ไงกัน! บางครั้งเหนื่อยจนหลับตอนที่ให้นมก็มี”

พี่สะใภ้สามจ้าวรี บย้อนกลับไป “สะใภ้สี่เธอพูดแบบนี้ ไม่มี


ประโยชน์อะไรหรอกนะ เธอทาเต้าหู ้ให้บา้ นเรา แต่เธอเองก็
ได้เงินเหมือนกัน เราไม่ได้ให้เธอทาแบบฟรี ๆ สักหน่อย!”

พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วไม่ ไ ด้ต อบอะไร หล่ อ นทราบดี ถึ ง นิ สั ย ของ


พี่สะใภ้สามจ้าวคนนี้ อีกฝ่ ายเหมือนกับประทัดนัน่ แหละ หาก
ไปยัว่ โมโหก็จะถูกตอกหน้ากลับมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

เย่ฉูฉู่นาเสื้ อของเสี่ ยวไป๋ หยางเข้ามา เป็นเสื้ อและกางเกงลอง


จอน เสื้ อผ้าฝ้ายและเสื้ อคลุมด้านนอก นอกจากนี้ ยงั มีรองเท้า
และถุงเท้า มีท้ งั หมดสองชุด

“พี่ ส ะใภ้สี่ ชุ ด นี้ พี่ ใ ส่ ใ ห้อู่ ห ยานะคะ ส่ ว นอี ก ชุ ด เก็บ เอาไว้


เปลี่ยนให้อู่หยาตอนอาบน้ า”
พี่ ส ะใภ้สี่ เ ห็ น ว่ า เสื้ อ นี้ มี ค วามใหม่ เ อี่ ย มถึ ง 50% หล่ อ นก็ มี
ความสุ ข ในทัน ที ไม่ ไ ด้ส นใจค าพู ด ยอกย้อ นเหล่ า นั้น ของ
พี่สะใภ้สามแล้ว แต่รีบขอบคุณเย่ฉูฉู่ไม่หยุด

“พี่สะใภ้สี่ เสื้ อกับกางเกงลองจอนต้องเปลี่ ยนบ่อย ๆ นะคะ


ทางที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนทุก ๆ สองวัน อย่าปล่อยให้มีเหามาเกาะ
ลูกอีกล่ะ” เย่ฉูฉู่กาชับ

พี่สะใภ้สามจ้าวกล่ าว “นั่นน่ ะสิ ต่ อให้เธอไม่อาบน้ าเปลี่ยน


เสื้ อผ้าแต่กต็ อ้ งอาบน้ าเปลี่ยนเสื้ อผ้าให้ลูก เหาเยอะขนาดนี้ได้
กัดลูกเธอตายแน่!”

“เหามันจะกัดคนตายได้เหรอ” พี่สะใภ้สี่จา้ วพึมพาเสี ยงเบา


เมื่อเห็นว่าอู่หยาได้สวมชุดของเสี่ ยวไป๋ หยาง หล่อนก็อุม้ ขึ้นมา
อย่างมี ความสุ ข “อู่ หยาของเราสวมใส่ เสื้ อของน้องชายแล้ว
สวยจริ ง ๆ เลยนะ! หลังจากนี้ตอ้ งพาน้องชายมาให้แม่นะ!”
ครั้นเย่ฉูฉู่และพี่สะใภ้สามจ้าวเห็นพี่สะใภ้สี่จา้ วกลับเข้าเรื่ อง
เดิมอีกครั้ง ทั้งคู่กถ็ ึงกับเบ้ปาก

พี่สะใภ้สี่จา้ วมาที่นี่เพื่อซื้ อของปี ใหม่จากเย่ฉูฉู่ คิดไม่ถึงเลยว่า


หล่อนจะได้ชุดเกือบใหม่ของลูกกลับไปสองชุด นี่ เป็นรางวัล
ที่เหนื อความคาดหมาย ตอนที่เดิ นกลับไปนอกจากซื้ อของปี
ใหม่ที่จาเป็ นแล้ว ก็ยงั ซื้อผักใบเขียว เนื้อสัตว์และแอปเปิ ลด้วย
ท้ายที่สุดก็เอ่ยถามเย่ฉูฉู่

“สะใภ้หก เธอมีผา้ ไหม? ฉันอยากซื้อสักสามสี่ ฟุต จะเอาไปตัด


ชุดใหม่ นี่ฉนั ไม่ได้ตดั ชุดใหม่มาหลายปี แล้ว”

จ้าวเหวินเทาก็นาผ้ามาขายเช่ นกัน มีท้ งั ของผูช้ ายและผูห้ ญิง


เป็นเพราะได้รับอิทธิ พลมาจากโจวหมิ่น ตอนที่จา้ วเหวินเทา
นาเข้าก็ต้ งั ใจเลื อกเป็ นพิเศษว่าคนในหมู่ บา้ นชอบแบบไหน
ท้ายที่สุดก็นาผ้าที่มีลายดอกไม้สีสันสดใสเข้ามาชุดใหญ่ ส่ วน
แบบเรี ยบ ๆ นั้นนามาในปริ มาณน้อย
เย่ฉู ฉู่ น าตัว อย่า งออกมาให้ห ล่ อ นดู พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วได้เ ห็ น ก็
ถึงกับตาลายไปหมด หล่อนลูบอันนี้แล้วก็ลูบอันนั้นไม่รู้ว่าจะ
เลือกแบบไหนดี

พี่สะใภ้สามจ้าวก็ชอบมาก หล่อนถึงกับเดาะลิ้นกล่าวชม “ดูสิ


น้องหกช่ างสรรหาของนาเข้ามาจริ ง ๆ ผ้านี่ ทาไมถึ งได้สวย
ขนาดนี้นะ!”

เย่ฉูฉู่มองออกว่าหล่อนชอบจากใจจริ ง จึงพูดว่า “พี่สะใภ้สาม


ถ้าพี่ชอบก็ซ้ือไปตัดเสื้ อใหม่สักตัวสิ คะ สี น้ ีเหมาะกับพี่มากเลย
นะ”

พี่สะใภ้สี่จา้ วพูดเสริ มเช่นกัน “น้องสะใภ้หกพูดถูก พี่สามขาย


เต้าหูจ้ นร่ ารวยแล้ว ก็ควรจะให้พี่ทาชุดใหม่ได้แล้วนะ!”

พี่สะใภ้สามจ้าวถอนหายใจ “รวยอะไรกัน พี่สามคนนั้น พวก


เธอคงไม่รู้อะไร เต้าหู ห้ ม้อนั้นที่ขายออกไปเขาต้องดูต้ งั ไม่รู้กี่
ครั้ งกว่าจะทาออกมาได้ ถึ งจะดู เหมื อนว่าขายออกไปได้ไม่
น้อย แต่ความจริ งไม่มากหรอก”

แม้วา่ พี่สะใภ้สี่จา้ วจะไม่เชื่อ แต่มาคิด ๆ ดูถึงความต้องการของ


พี่สามจ้าว ก็รู้สึกได้ว่าพี่สะใภ้สามจ้าวอาจจะพูดจริ ง จึงกล่าว
ว่า “ถ้างั้นก็น่าจะให้เงินพี่มาซื้อเสื้ อใหม่สักตัวสิ ”

“พี่สะใภ้สี่ พี่ดูสิลายดอกไม้อนั นี้ เหมาะกับพี่มากเลยนะคะ พี่


เลือกอันนี้เถอะ ราคาไม่แพงด้วย แค่หนึ่งเหมากว่า ๆ เอง” เย่ฉู
ฉู่เลือกผ้าออกมาหนึ่งผืน

พี่สะใภ้สี่จา้ วถึงกับส่ งเสี ยงอุทาน “น้องสะใภ้หก เธอได้เงินตั้ง


เยอะแยะขนาดนั้น คงไม่ได้เดือดร้อนเงินของฉันหรอก ลดให้
อีกหน่อยสิ !”

“พี่ ส ะใภ้สี่ ราคาหนึ่ ง เหมากว่า ๆ ไม่ แ พงแล้ว นะคะ” เย่ฉู ฉู่


กล่าว “ซื้อเข้ามาก็ราคาหนึ่งเหมาแล้ว”
“จริ ง เหรอ? แพงขนาดนี้ เลย? เธออย่า มาหลอกฉัน ให้ ย าก”
พี่สะใภ้สี่จา้ วแสร้งทาท่าทางว่าอย่ามาหลอกฉัน

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “นี่ เป็นลายดอกที่เป็นที่นิยมใหม่ล่าสุ ด


ของปี นี้ เลยนะคะ ถ้า พี่ ส ะใภ้สี่ ใ ส่ ต ้อ งมี ค นเดี ย วในหมู่ บ้า น
แน่นอนเลยค่ะ!”
ตอนที่ 246 วิธีซื้อฟาร์ มกระต่ าย

นี่ เป็ นวาทศาสตร์ การขายที่ เ ย่ฉู ฉู่เ รี ยนรู ้ มาจากจดหมายของ


โจวหมิ่น ตอนนี้เธอเรี ยนรู ้และนามาใช้ขายจริ ง

คาพูดนี้ ทาให้พี่สะใภ้สี่จา้ วถึ งกับยิ้มไม่หุบ มี เพียงหนึ่ งเดี ยว


เป็ นคาที่หล่อนชอบ ทว่าปากกลับพูดไปว่า “น้องสะใภ้หกพูด
น่าฟั งดีนะ ผ้าผืนนี้ถา้ หากขายออกไป ทุกคนก็นาไปทาเสื้ อผ้า
กันหมด ฉันจะกลายเป็ นเพียงหนึ่งเดียวอีกเหรอ?”

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “มันคือหนึ่ งเดียวจากหนึ่ งในนั้นไงคะ


เอาแบบนี้กแ็ ล้วกัน พี่สะใภ้สี่ ถ้าพี่ชอบจริ ง ๆ ฉันขายให้พี่หนึ่ง
เหมาก็แล้วกัน แล้วฉันก็จะให้ผา้ โพกหัวเพิ่มอีกหนึ่ งผืนด้วย
เอาไปตัดเป็ นกางเกงให้ซานหยากับซื่อหยาไงคะ”
พี่สะใภ้สี่จา้ วรี บพูด “ยัยเด็กสองคนนัน่ จะตัดชุ ดใหม่อะไรกัน
ใส่ ไปก็เปลือง! เอาแบบนี้ ฉันซื้ อผ้าเพิ่มอีกสักผืนให้พี่สี่ของ
เธอก็แล้วกัน เอาไว้ตดั กางเกง เธอขายถูกหน่ อยนะ แล้วก็เพิ่ม
ผ้าไว้ทารองเท้าก็พอแล้ว”

เย่ฉูฉู่คานวณอยู่ครู่ หนึ่ ง แม้ว่าจะได้เงินไม่มาก แต่ก็ได้เงินมา


นิด ๆ หน่อย ๆ จึงพยักหน้าตอบตกลง

สามี หาเงิ นมาไม่ ใช่ ง่าย ๆ เธอไม่ สามารถให้ราคาถู กตามใจ


ชอบเพราะความสัมพันธ์ได้ อีกอย่างคนแบบพี่สะใภ้สี่จา้ ว ต่อ
ให้แจกให้แบบฟรี ๆ อีกฝ่ ายก็ไม่เป็ นเพื่อนกับคุณหรอก

ท้ายที่สุดพี่สะใภ้สี่จา้ วก็ซ้ื อผ้าให้ตวั เองและพี่สี่จา้ วคนละผืน


นอกจากนี้ ยงั ได้ผา้ อี กผืนจากเย่ฉูฉู่เอาไปตัดเป็ นรองเท้า สี่ คู่
หล่อนจึงนาของปี ใหม่กลับไปอย่างมีความสุ ข

“พี่สะใภ้สาม พี่จะซื้ออะไรหน่อยไหม?”
พี่สะใภ้สามยิ้ม “ฉันบอกเธอแบบไม่ปิดบังเลยนะ ปี นี้ พี่สาม
ของเธอขายเต้าหู ไ้ ด้เงินมาไม่นอ้ ยเลย ฉันอยากได้ผา้ สักผืนเอา
ไปตัด เป็ นชุ ด นี่ ก็ยุ่ง มาทั้ง ปี แล้ว ยัง ไงก็ต ้อ งท าดี ก ับ ตัว เอง
หน่ อย เธอก็รู้ว่าคนแบบน้องสะใภ้สี่ ไม่ว่าอะไรถ้าไปถึงปาก
หล่อนหากพูดออกไปก็จะกลายเป็ นคนละเรื่ องเลย”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ เพื่อบอกว่าเธอเองก็เข้าใจ “งั้นพี่สะใภ้สามชอบแบบ


ไหนล่ะคะ?”

พี่สะใภ้สามจ้าวยิม้ “ฉันชอบแบบเรี ยบ ๆ จะเอาไปทากางเกง


สักตัว แล้วก็ตดั กางเกงให้พี่สามของเธออี กตัวด้วย เธอช่ วย
เลือกสี ให้หน่อย จริ งสิ พี่สามบอกว่าอยากกินกล้วย เธอมีไหม
ฉันว่าจะซื้อกลับไปสักหน่อย”

เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ พี่สามจ้าวอยากกินกล้วย นี่ พระอาทิตย์คง


ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว คนขี้งกแบบพี่สามจ้าว ปรากฏว่ายัง
คิดอยากจะซื้อกล้วยด้วย!
“กินนิ ด ๆ หน่ อย ๆ จะเก็บเงินเยอะแยะขนาดนั้นไปทาไมกัน
นี่กเ็ อาไปเพื่อกินดื่มไม่ใช่เหรอคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าว

พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วเห็ น ด้ ว ย “ก็ นั่ น น่ ะ สิ ฉั น เองก็ คิ ด แบบนี้


เหมื อ นกัน พี่ ส ามจ้า วของเธอไม่ ไ ด้คิ ด แบบนั้ นน่ ะ สิ คน
ตระหนี่ แบบนั้น แค่เหมาเดี ยวยังไม่ยอมควักออกมาเลย! พอ
พูดถึงเขาฉันก็โกรธแทบตายเลยจริ ง ๆ ไม่เคยเห็นใครเป็ นแบบ
นั้นเลย ไม่ยอมกินไม่ยอมดื่มไม่ยอมซื้ อเสื้ อผ้าใส่ ไม่รู้ว่าจะหา
เงินมากขนาดนั้นเอามาทาอะไร!”

เย่ฉูฉู่กล่าว “ทาเต้าหู เ้ หนื่อยขนาดนั้น ก็ตอ้ งได้กินของดี ๆ สัก


หน่อยนะคะ ไม่ง้ นั ร่ างกายคงรับไม่ไหว”

พี่สะใภ้สามจ้าวพยักหน้า “ก็นนั่ น่ ะสิ ปี นี้ ฉันไม่ได้ฟังเขาแล้ว


ฉันจะซื้อของปี ใหม่”
“พี่สะใภ้สาม พี่ทาแบบนี้ ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ เรื่ องกินจะมาทา
เป็ นขอไปทีไม่ได้หรอกนะคะ โดยปกติแล้วก็ตอ้ งให้ความใส่
ใจด้วย”

ทั้งสองคนพูดคุยไปพลางก็เลือกผ้าไว้แล้ว พี่สะใภ้สามจ้าวพูด
ถึงพี่สะใภ้สี่จา้ วว่าขี้เกียจเสี ยจนไม่รู้ว่ามีเหาจานวนมากกัดลูก
เป็ นแม่ประสาอะไรกัน!

“คงเป็นเพราะเหนื่ อยนัน่ แหละค่ะ ฉันเห็นรู ปลักษณ์ภายนอก


หล่อนก็เปลี่ยนไปแล้วด้วย” เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ

ไม่ ใช่ ทุกคนที่ จะเป็ นเหมื อนกับสามี ของเธอตรงที่ มี หัว ทาง


การค้า มี ค นจ านวนมากได้เ งิ น มาจากการท างานอย่างหนัก
พี่สะใภ้สี่จา้ วเป็ นคนขี้เกียจ แต่หล่อนก็เหนื่อยมากจริ ง ๆ

พี่สะใภ้สามจ้าวก็ถอนหายใจเช่ นกัน “พอพูดถึงน้องสะใภ้สี่ก็


น่ าสงสารเหมือนกันนะ มีแม่แบบนั้น แถมยังไม่มีลูกชายอีก
ถึงได้กลายเป็ นคนมีปัญหาทางจิต”
เย่ฉูฉู่กล่าว “นัน่ น่ะสิ คะ พี่สะใภ้สี่ไม่ว่าจะพูดอะไรก็นึกถึงลูก
ชายตลอด จนกลายเป็ นป่ วยจิตแล้ว”

พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “พวกผูห้ ญิงแบบเรา ๆ มีชีวิตที่ลาบาก


เธอยังดีนะ น้องหกดีกบั เธอขนาดนั้น เธอดูเหมือนกับคนไม่มี
ลูกเลย ชี วิตก็ใช้อย่างดีขนาดนี้ คาพูดประโยคนั้นพูดว่าอะไร
แล้วนะ…ผูช้ ายกลัวได้อาชี พผิด ผูห้ ญิงกลัวแต่งงานกับผูช้ าย
ผิด มันเป็ นแบบนี้จริ ง ๆ นะ เธอแต่งงานถูกคนแล้วล่ะ!”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “พี่สะใภ้สาม พี่เองก็ดีมากเลยไม่ใช่เหรอคะ ถึงพี่สาม


จะขี้งกไปหน่อย แต่กด็ ีสาหรับพี่นะคะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวส่ ายหน้า หล่อนยิม้ อย่างขมขื่น “ดีหรื อไม่ดี จะ


ทายังไงได้ ชีวิตก็ยงั ต้องเดินต่อไปไม่ใช่เหรอ? เธอรู ้อะไรไหม
การใช้ชีวติ แบบนี้ไม่ควรคิดนะ ถ้าคิดคงได้จบเห่!”

พี่สะใภ้สามจ้าวเกิดอารมณ์ความรู ้สึกอย่างมากไปชัว่ ขณะหนึ่ง


เย่ฉูฉู่เองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่ละบ้านต่างก็มีปัญหาที่แก้ไม่
ตกเป็ นของตัวเอง

“พี่สะใภ้สาม พี่นี่จริ ง ๆ เลยนะคะ ปี นี้เก็บเกี่ยวได้ต้ งั เยอะ พี่เอง


ก็บอกว่าพี่สามได้เงิ นเยอะด้วย ไม่ ง้ นั พี่จะมาเลื อกผ้าอยู่ที่นี่
เหรอ?”

พี่สะใภ้สามจ้าวคิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าจริ ง จึงยิม้ ออกมา “ก็จริ ง


แหละจ้ะ นี่ ถา้ ฉันยังไม่พอใจอีกคงจบเห่ ได้เปรี ยบแล้วยังจะ
อวดฉลาดอีก!”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “นัน่ น่ ะสิ คะ พี่สะใภ้สาม ชี วิตของพี่กาลังอยูใ่ น


ช่วงเวลาที่ดีนะ!”

พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยนิ คาพูดนี้ของเย่ฉูฉู่กร็ ู ้สึกอารมณ์ดีข้ ึนมาก


หล่อนซื้ อของเสร็ จก็กลับไป แม้จะถูกพี่สามจ้าวบ่นว่าซื้ อของ
กลับมาเยอะเกินไปและใช้เงินเยอะเกินไปหล่อนก็ไม่ได้เก็บมา
ใส่ ใจ ชีวติ ดี ๆ ของหล่อนเพิ่งจะเริ่ มต้น หล่อนไม่โกรธสามีคน
นี้หรอก!

เย่ฉูฉู่กาลังช่วยสามีขายของปี ใหม่อยู่ ส่ วนสามีของเธอก็กาลัง


คุยเรื่ องธุรกิจใหญ่ในเมือง

“…แม้ผมจะเลี้ยงกระต่ายมาได้ไม่กี่ปี แต่ผมรู ้ดีว่าสัตว์ที่มีชีวิต


เติบโตในที่ที่เป็ นธรรมชาติถึงจะดี ได้อาหารจากธรรมชาติอนั
บริ สุทธิ์ เหมือนกับหมูและแกะที่บา้ นพวกเราเลี้ยงไงครับ เนื้อ
นั่นอร่ อยกว่าเนื้ อที่ขายในเมืองอีกนะ ไหนจะไก่เป็ ดห่ านอีก
ส่ วนผักเนี่ ยทั้งสดใหม่และฉ่ าน้ าสุ ด ๆ ไปเลย” จ้าวเหวินเทา
รับประทานอาหารไปพลางก็พูดคุยไปพลาง

คนที่นงั่ อยู่ตรงข้ามเขาคือผูช้ ายอายุสามสิ บกว่าปี เขาสวมใส่


เสื้ อผ้าที่ไม่เลวเลย ดูท่าทางเป็ นคนมัง่ คัง่ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็ น
คนที่มีชีวติ ที่ดี
ผูช้ ายคนนี้ มีชื่อว่าหวังหยาง เป็ นคนที่จา้ วเหวินเทารู ้ จกั ตอน
ขายกระต่ายภายในเมือง และเป็นหนึ่ งในลูกค้าคนสาคัญของ
จ้าวเหวินเทา

“พู ด แบบนี้ ก็ถู ก นะ อะไรที่ เ ลี้ ย งเองในชนบทล้ว นมี ร สชาติ


อร่ อย แต่ในเมืองเป็นการเลี้ยงอยู่ในฟาร์ มทั้งหมด ระยะเวลา
เลี้ ยงสั้ น แถมยัง ขุ น อาหารให้ ด้ ว ย เวลาได้ กิ น ก็ ต ้อ งไม่
เหมือนกันอยูแ่ ล้ว”

“นี่ ก็เป็ นอีกด้านหนึ่ ง อากาศภายในเมืองไม่ดีจริ งๆ ผมมาตั้ง


หลายครั้งแล้ว ตอนที่มารู ้สึกอึดอัด แต่พอได้กลับไปก็ไร้กงั วล
เลย คนก็เป็ นแบบนี้แหละครับ อย่าว่าแต่สัตว์เลย ดังนั้น ผมเลย
ตัดสิ นใจว่าจะกลับไปเลี้ยงกระต่าย แล้วก็เหมาที่ดินตรงนั้น”
จ้าวเหวินเทาริ นเหล้าใส่ จอกและชนแก้วกับหวังหยางแล้วดื่ม

ที่ดินที่เขาพูดถึงก็คือที่ดินที่เป็ นฟาร์ มเลี้ ยงกระต่าย หลังจาก


ผ่านสงครามชักเย่อเป็นเวลาสองสามเดือน ในที่สุดจ้าวเหวิน
เทาก็ซ้ื อฟาร์ มกระต่ายได้ในราคาสามหมื่นหยวนภายใต้การ
ช่วยเหลือของหัวหน้าแผนกเซี่ย

เขาจ่ า ยเงิ น มัด จ าไปหนึ่ งพัน หยวน ส่ ว นที่ เ หลื อ จะถู ก จ่ า ย


ภายในหนึ่งสัปดาห์

จ้าวเหวินเทาไม่อยากใช้เงินที่เหลือของตัวเอง จึงตัดสิ นใจย้าย


กระต่ายไปเลี้ยงในบ้าน จากนั้นก็ใช้ที่ดินผืนนี้ เพื่อปล่อยเช่ า
เขาจึงมาหาลูกค้าที่ชื่อหวังหยางคนนี้

นี่ เป็ นความคิดที่เขาและเย่ฉูฉู่พูดคุ ยกันเกี่ยวกับการซื้ อฟาร์ ม


กระต่าย

หวังหยางยิม้ “นายมาหาฉันเพื่อให้ฉนั เหมาที่ดินผืนนี้สินะ?”

หวัง หยางเป็ นคนท าการค้ า คนที่ ท าการค้ า ต่ า งก็ ฉ ลาด


ปราดเปรื่ อง เมื่อจ้าวเหวินเทาพูดถึงเรื่ องนี้เขาก็เข้าใจในทันที
จ้า วเหวิ น เทาก็ รู้ สึกมี ค วามสุขมาก เขาพยัก หน้ า ยอมรั บ
“ถูกต้อง ผมอยากให้คุณเหมาไป ทาธุ รกิจถ้าไม่ถนัดก็ไม่ ทา
พวกเรารู ้จกั กันมานานขนาดนี้แล้ว ผมมีเรื่ องดี ๆ แบบนี้กต็ อ้ ง
คิดถึงพี่หวังอยูแ่ ล้ว ทาเลของที่ดินผืนนั้นอยูต่ ิดกับเมืองเลยนะ
ครับ การเดินทางก็สะดวก ทาอะไรก็สะดวกมาก พี่หวังทาเรื่ อง
ขนส่ ง สถานที่ตรงนั้นเหมาะมากเลย”

หวังหยางกล่าว “ฉันเองก็คิดว่าเหมาะมากเหมือนกัน ฉันก็เลย


คิดอยากจะซื้ อไว้ ไม่รู้ว่าน้องจ้าวจะช่ วยทาให้ฉันบรรลุความ
ปรารถนาหรื อเปล่าล่ะ?”

จ้าวเหวินเทามีความสุ ข “พี่หวัง ดูพี่พูดเข้าสิ ผมก็ตอ้ งทาให้พี่


สมความปรารถนาอยู่แล้ว พี่อยากให้ผมทายังไงเพื่อช่ วยให้พี่
บรรลุผลล่ะ?”
ตอนที่ 247 ทุกคนช่ างแสนดี

หวังหยางยิม้ “น้องจ้าวเอ๋ ย บางครั้งฉันก็สงสัยนะว่านายมาจาก


ชนบทจริ ง เหรอ? ฉัน ไม่ ไ ด้ห มายความเป็ นอย่า งอื่ น หรอก
ไม่ใช่ ว่าฉันดูถูกคนในชนบทนะ แต่ฉันแค่รู้สึกว่านายค้าขาย
ได้ฉลาดกว่าคนในเมืองเสี ยอีก!”

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่หวัง ขอบคุณสาหรับคาชมของพี่นะ ผม


เป็ นคนในชนบทของแท้จริ ง ๆ ผมรู ้ดีว่าคนเมืองต่างก็ดูถูกคน
ในชนบท เพราะคิดว่าพวกคนในชนบทเป็ นพวกบ้านนอก ไม่
เคยมีประสบการณ์ แต่มนั ก็ข้ ึนอยู่กบั คน ก็เหมือนคนในเมือง
นัน่ แหละที่บางคนก็ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน ผมทาธุ รกิจ
ให้ความสาคัญกับความซื่ อสั ต ย์ พี่ชนะผมชนะ ทุ กคนชนะ
ร่ ว มกัน พี่ ไ ด้ผ มได้ ทุ ก คนก็ไ ด้ร่ ว มกัน ค้า ขายแบบนี้ ถึ ง จะ
ดาเนิ นต่อไปได้ ไม่ง้ นั ถ้าให้ผมได้เงินคนเดียว หลังจากนี้ ใคร
จะอยากค้าขายกับผมล่ะ จริ งไหม?”

“เหตุผลนี้แหละ” หวังหยางพยักหน้า

จ้าวเหวินเทาริ นเหล้าให้อีกฝ่ ายจนเต็มแก้วอีกครั้ง “ดังนั้นผมก็


เลยพูดความจริ งกับพี่หวัง ที่ดินผืนนี้ผมแค่เช่าไม่ได้ขาย เงินค่า
เช่ าผมเอาไม่เยอะ แล้วก็ไม่เพิ่มภาระให้พี่ดว้ ย ส่ วนผม ที่ดิน
ผื น นี้ จะไว้ใ ห้ลู ก ชายท ากิ จ การ ภายภาคหน้า จะมี ห รื อ ไม่ มี
อนาคตก็ยงั มีขา้ วให้กิน ผมที่เป็นคนแก่ก็จะได้ไม่รู้สึกผิดกับ
เขาด้วย”

“น้องจ้าวพูดอะไรแบบนี้เนี่ย คนฉลาดแบบนายยังต้องกังวลว่า
ลูกชายจะไม่มีขา้ วกินอีกเหรอ?”

“มีขา้ วให้กินก็ตอ้ งได้กินดียงิ่ ขึ้น จะได้ให้ครอบครัวของเขาได้


เดินหน้าต่อไป เป็ นเบบนั้นผมก็ยงิ่ มีความสุ ข พี่หวัง ว่ายังไงล่ะ
พวกเราก็เป็นคนจริ งกันทั้งนั้น ถ้าต้องทาเรื่ องไม่จริ งพวกนั้น
หรอก ได้ไม่ได้ยงั ไงพี่กว็ า่ มาตรง ๆ เลย”

หวังหยางทราบที่ทาเลของฟาร์มกระต่ายแล้ว เพียงแต่ไม่คิดจะ
ซื้ อ ช่ วงหลายปี มานี้ สถานการณ์ดีข้ ึนเรื่ อย ๆ โดยเฉพาะอย่าง
ยิง่ สาหรับการขนส่ งที่คล้ายกับการหยิบเงินเลยจริ ง ๆ เขาเองก็
ต้องการสถานที่ที่ใหญ่ข้ ึนเพื่อขยายธุ รกิจ แต่เพิ่งจะมีความคิด
นี้ ผุดขึ้นมา จ้าวเหวินเทาก็มาส่ งให้ถึงบ้าน นี่ มนั เรี ยกว่าอะไร
กัน อยากจะนอนก็มีหมอนส่ งมาให้ประมาณนั้นเลย

“น้องจ้าว แล้วนายตัดสิ นใจว่า จะปล่ อ ยเช่ านานเท่ าไรล่ ะ ?”


หวังหยางถาม

“ลูกชายผมเพิ่งไม่กี่เดื อนเอง ระยะเวลาสั้น ๆ นี้ คงปล่อยเช่ า


ตลอดแน่ นอน เอาแบบนี้ ไหม สัญญารอบละสามปี ดี ไหม?”
จ้าวเหวินเทากล่าว
“สามปี ก็ได้อยูน่ ะ แต่ฉนั ทาเรื่ องขนส่ ง ฉันต้องเก็บข้าวของอีก
เรื่ องนี้กต็ อ้ งใช้เงิน แต่ถา้ เซ็นสัญญาร่ วมกันอย่างน้อย ๆ ก็ตอ้ ง
สิ บปี เงินค่าเช่าในช่วงเวลาสิ บปี นี้หา้ มเปลี่ยน หลังจากสิ บปี ให้
หลังถ้าค่าเช่าปรับเพิ่ม ฉันมีสิทธิ์พิเศษก่อนใคร ตกลงไหม?”

จ้าวเหวินเทาใจถึงมาก “งั้นเอาตามนี้ครับ ระยะเวลาทาสัญญา


สิ บสองปี เป็ นข้อตกลงที่ดี”

“น้องจ้าวใจถึงดีจริ ง ๆ!” หวังหยางเห็นจ้าวเหวินเทาไม่อิดออด


แม้แต่นอ้ ย ก็รู้สึกมีความสุ ขมากเช่นกัน

จ้าวเหวินเทายิม้ “ผมเป็ นพวกกลัวความยุง่ ยาก ถ้าพี่ไม่เช่า ผมก็


ยังต้องไปหาคนอื่นอีก แต่ก็นะพี่หวัง ผมให้เวลาพี่สองปี แล้ว
พี่กต็ อ้ งจ่ายเงินมัดจาด้วยนะ”

หวังหยางพยักหน้า “เรื่ องนี้ไม่มีปัญหา นายว่ามาเลย เงินมัดจา


เท่าไร?”
“มัดจาสาหรับหนึ่งปี แล้วกัน” จ้าวเหวินเทากล่าว

หวังหยางก็ตอบตกลง จากนั้นก็ถามเรื่ องค่าเช่า ตอนแรกจ้าวเห


วินเทาต้องการสี่ หมื่นหยวนในสามปี หวังหยางคิดว่าแพงไป
จึงต่อรองราคา ท้ายที่สุดจึงได้ขอ้ สรุ ปที่สองหมื่นหยวนในสาม
ปี

แบบนี้ เมื่อรวมเข้ากับเงินมัดจาหนึ่ งปี จ้าวเหวินเทาก็สามารถ


นาไปซื้อฟาร์มกระต่ายได้แล้ว

หลังจากเจรจาเสร็ จแล้ว จ้าวเหวินเทาและหวังหยางก็ชนแก้ว


พูดคุยสานสัมพันธ์กนั หลังจากดื่มหมด ก็เซ็นสัญญาร่ วมกัน
ครั้นได้เงินมา การแลกเปลี่ยนก็เป็ นอันเสร็จสิ้ น

ธุ รกิจในตอนนี้โดยพื้นฐานก็จะสิ้ นสุ ดลงที่โต๊ะเหล้ากันทั้งนั้น


พอเหล้าลงท้อง คนแปลกหน้าก็สนิ ทกันมากขึ้น ยิ่งเป็นคนที่
รู ้จกั กันแล้ว การพูดคุยจึงคุยกันง่ายเป็ นพิเศษ
จ้าวเหวินเทารอจนรวบรวมเงินครบแล้วค่อยซื้ อฟาร์มกระต่าย
แต่หวังหยางไม่ทราบเรื่ องนี้ หวังหยางแค่อยากได้สถานที่สัก
แห่ ง สถานที่ ที่ จ ้า วเหวิน เทาพูดถึ ง ก็ไม่ เ ลวเลย จึ ง กลัว ว่าจะ
พลาด เขาจึงยอมทาข้อตกลงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

เรื่ องนี้ ก็ทาให้จา้ วเหวินเทาได้รู้ว่าข้อมู ลในการทาธุ รกิ จเป็ น


เรื่ องที่ สาคัญมาก เขาเตื อนตัวเองว่าหลังจากนี้ ตอ้ งใส่ ใ จกับ
ข้อมูลต่าง ๆ ด้วย ไม่แน่เขาอาจจะได้ใช้ประโยชน์จากมัน

เขาทราบดี ถ้าหวังหยางทราบว่าตนเองรี บร้อนเพื่อที่จะใช้เงิน


ซื้ อ ฟาร์ ม กระต่ า ย คงต้อ งกดราคาลงต่ า แน่ น อน หรื อ ไม่ ก็
อาจจะซื้ อตัดหน้า อย่ามองว่าเขานัง่ ร่ วมโต๊ะกับหวังหยางแล้ว
จะได้ชื่อว่าพี่นอ้ ง มีความจริ งใจต่อกันมากยิ่งกว่าพี่นอ้ งตัวเอง
เพราะภายในใจของเขาทราบเป็ นอย่างดีว่าในสนามธุรกิจไม่มี
คาว่าพ่อลู ก ยิ่งไม่ ตอ้ งพูดถึ งคนสองคนที่ เป็ นคนแปลกหน้า
หากคุณเห็นว่าความจริ งใจเป็ นเรื่ องจริ ง อีกฝ่ ายก็จะเอาเปรี ยบ
คุณแล้วยังด่าคุณว่าโง่ดว้ ย

จ้า วเหวิ น เทาได้เ งิ น แล้ว ก็ ไ ปท าการโอนกรรมสิ ท ธิ์ ฟาร์ ม


กระต่ายในช่ วงบ่าย ทาทุกอย่างตามขั้นตอน แต่ครึ่ งวันแล้วก็
ยังไม่เสร็ จ จึงต้องนอนค้างหนึ่ งคืน เช้าวันรุ่ งขึ้นก็ทาทุกอย่าง
จนเรี ยบร้อยเป็ นอันเสร็จสิ้ นแล้วจึงกลับบ้าน

ช่ วงค่าเมื่อคืนจ้าวเหวินเทาไม่ได้กลับบ้านแต่ก็โทรศัพท์มาที่
ทีมใหญ่แล้ว บอกให้คนช่ วยไปบอกเย่ฉูฉู่ดว้ ย เขาไม่สามารถ
พูดว่าไปซื้ อฟาร์ มกระต่ายได้ จึงบอกว่าธุ รกิจมีเรื่ องให้ทานิ ด
หน่ อย แล้วก็เยี่ยมจริ ง ๆ พอถึงช่ วงเช้าเรื่ องนี้ ก็ถูกกระจายไป
ทัว่ หมู่บา้ น และถูกกระจายแบบบิดเบือนอย่างมากด้วย

“รู ้หรื อเปล่า จ้าวเสี่ ยวลิ่วเกิดเรื่ องแล้วนะ” ภรรยาของเหล่าหวัง


สามพูดด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ
“นี่ ใกล้จะข้ามปี แล้ว เธออย่าพูดโกหกสิ จ้าวเหวินเทาจะเกิด
เรื่ องอะไรได้?”

“เธอยังไม่เชื่ออีก จริ ง ๆ นะ เหล่าหลิวที่อยูก่ ะดึกที่ทีมใหญ่เมื่อ


คืนบอกว่าเขาได้รับโทรศัพท์จากจ้าวเหวินเทา บอกว่ามีเรื่ อง
เธอไม่เชื่อก็ไปถามดูสิ”

“จริ งเหรอ?”

“จริ งสิ !”

หลี่เฟิ นในตอนนี้กก็ าลังคุยกับพี่สะใภ้รองจ้าวอยู่

“ได้ยนิ หรื อยัง น้องหกของเธอไปทาธุ รกิจที่ในเมืองเกิดปัญหา


เข้าแล้วนะ”

“เกิดปั ญหาอะไร?” พี่สะใภ้รองจ้าวกาลังยุง่ อยูก่ บั การเลือกถัว่


เมื่อได้ยนิ เช่นนี้กร็ ู ้สึกตกใจ
นี่ เป็นเต้าหู ้สองหม้อสุ ดท้ายของปี นี้ แล้ว ทาสองหม้อนี้ เสร็ จก็
จะได้หยุดพัก พี่สะใภ้รองจ้าวจึงไม่ได้รีบร้อนแล้ว

“ยังจะมีเรื่ องอะไรได้อีกล่ะ ก็เรื่ องค้าขายนัน่ แหละ เรื่ องอะไรก็


เกิดขึ้นได้ท้ งั นั้น ฉันรู ้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงมากเลยนะที่
ของที่นอ้ งหกของเธอที่ขายออกไปเกิดปั ญหา ลูกค้าเลยไปแจ้ง
ตารวจ” หลี่เฟิ นเดาเป็ นตุเป็ นตะ

พี่สะใภ้รองจ้าวได้ยินแบบนี้ ก็แอบรู ้ สึกมีความสุ ข แต่สีหน้า


ของหล่ อนกลับแสดงออกอย่างไม่ พอใจ “อย่าพูดเหลวไหล
ของที่นอ้ งหกเอามาขายไม่เคยขาดเลย ไม่มีทางที่จะเป็ นเพราะ
เรื่ องนี้หรอก”

“แล้วเป็ นเพราะอะไรล่ะ หรื อว่าทะเลาะกัน?” หลี่เฟิ นรี บเข้าสู่


การคาดเดาที่สอง “น้องหกของเธอเป็ นพวกชอบชกต่อ ยซะ
ด้วย ตอนที่ฉันแต่งงานย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ไล่เลี่ยกับเธอ ฉันเองก็
พอจะรู ้ว่าน้องหกของเธอเป็ นคนยังไง นี่ไม่ใช่ว่าชกจนอีกฝ่ าย
สาหัสหรอกนะ?”

พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วรู ้ สึ ก ว่ า ไม่ มี ท างหรอก ตั้ง แต่ จ ้า วเหวิ น เทา
แต่งงานเขาก็ทะเลาะกับคนอื่นแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมยังเป็น
เพราะเผชิญกับความอยุติธรรมด้วย แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้ งั ใจ
ทามาค้าขายมาโดยตลอด จะเกิดการชกต่อยขึ้นอย่างกะทันหัน
ได้อย่างไรกัน?

หลี่ เฟิ นเห็ นพี่สะใภ้รองจ้าวลังเล ก็พูดในทันที ว่า “งั้นก็เป็ น


เพราะทะเลาะชกต่อยนัน่ แหละ! ไม่ง้ นั จะมีเรื่ องอะไรได้!”

จ้าวเหวินเทาเป็ นเพราะทะเลาะกับคนอื่ น จึ ง ถู กกักตัว อยู่ใ น


เมือง คนที่อยู่ในเมืองต่างก็เชื่ อแบบนี้ คนนี้ เติมหนึ่ งประโยค
คนนั้นเติมหนึ่ งประโยค ท้ายที่สุดก็กลายเป็นว่าตอนนี้ จา้ วเห
วินเทาถูกตารวจจับกุมตัวไป เรื่ องจึงบานปลายมากขึ้น
เย่ฉูฉู่ไม่ได้ออกไปข้างนอกจึงไม่ทราบเรื่ องอะไรทั้งนั้น ตอนนี้
เธอกาลังตัดชุดใหม่ให้เสี่ ยวไป๋ หยางอยู่

เสื้ อของลูกน้อยทาง่าย แค่วดั ขนาดให้ดี ใช้กรรไกรตัด เย็บด้วย


จักรเย็บผ้าสี่ ห้ารอบก็เสร็ จแล้ว แต่เย่ฉูฉู่อยากทาชุ ดแบบใหม่
ให้ลูกชาย จะได้ใส่ ชุดที่ไม่เหมือนกับคนอื่น

ขณะที่เธอกาลังขีด ๆ เขียน ๆ อยู่ เฮ่อซงจือก็เข้ามาหาด้วยความ


รี บร้อน

“ฉู ฉู่เธอทาอะไรอยู่?” เฮ่ อซงจื อเข้ามาในห้องและเห็ นเย่ฉูฉู่


กาลังทางาน จึงเอ่ยถาม

“ฉันกาลังเย็บชุ ดให้ลูกอยู่ เธอมาดู หน่ อย แบบนี้ สวยไหม?”


เย่ฉูฉู่ทกั ทาย

“เธอยังมีกะจิตกะใจเย็บชุดอีกเหรอ? เหวินเทาของเธอเกิดเรื่ อง
แล้วไม่ใช่เหรอ?” เฮ่อซงจือถามรัวเร็ว
เย่ฉูฉู่ชะงัก “เกิดเรื่ อง? เกิดเรื่ องอะไร?”

เฮ่อซงจือเห็นท่าทางมึนงงของเย่ฉูฉู่ หล่อนก็คิดแล้วว่าถ้าเกิด
เรื่ องกับจ้าวเหวินเทาจริ ง ๆ เย่ฉูฉู่ยงั จะมีกะจิตกะใจนัง่ เย็บชุด
ให้ลูกอีกเหรอ?
ตอนที่ 248 เส้ นทางชีวติ

“จ้าวเหวินเทาของเธอเป็ นอะไรเหรอ เมื่อคืนไม่ได้กลับมาบ้าน


ใช่ ไหม? แถมยังโทรมาบอกว่าเกิดเรื่ องกับการค้าขายของเขา
ด้วย?” เฮ่อซงจือถามติด ๆ กัน

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ใช่ เธอรู ้ได้ไงเนี่ย?”

“ทั้งหมู่บา้ นเขารู ้กนั หมดแล้ว แถมยังพูดด้วยนะ บอกว่าจ้าวเห


วิ น เทาไปทะเลาะกับ คนอื่ น เลยถู ก ต ารวจจับ ตัว ไปแล้ว ”
เฮ่ อซงจือกล่าว “บอกว่าเธอกาลังนัง่ ร้องไห้อยู่ในบ้าน กาลัง
เก็บเสื้ อผ้าเตรี ยมตัวไปหาเขาแล้ว แถมยังพูดอีกว่าเธอจะใช้
ชีวติ รอคอยต่อไป หรื อว่าจะไปแต่งงานกับคนอื่น”

เย่ฉูฉู่ถึงกับอ้าปากค้าง นี่มนั …พูดไปถึงไหนกันแล้วเนี่ย!


เฮ่ อซงจือหายใจเข้าลึก ๆ “ฉันเองก็เพิ่งได้ยินแม่สามีของฉัน
พูดว่านี่เป็ นข่าวที่มาจากทีมใหญ่ ต้องไม่ผิดพลาดแน่นอน ฉัน
ก็เลยมาดูเธอนี่แหละ สรุ ปมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

เย่ฉูฉู่กะพริ บตาปริ บ ๆ เกิดอะไรขึ้น เธอยังจะพูดอะไรได้อีก?

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาบอกว่ามีธุระ วันนี้ ถึงจะกลับมา”


เย่ฉูฉู่นึกโมโห “คนในหมู่บา้ นนี้ กินอิ่มจนจุกแล้วสิ นะถึ งได้
พูดเรื่ องไร้ สาระแบบนี้ ทาไมพวกเขาถึ งไม่ ดูเวลาพวกเรามี
เรื่ องดี ๆ บ้าง!”

“ใครจะไปรู ้ล่ะ คนพวกนี้ ไม่เป็ นที่ชื่นชอบก็ยงั จะไปยุ่งเรื่ อง


ชาวบ้านกันจริ ง ๆ ชี วิตของตัวเองยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย ยัง
ไปยุ่ง เรื่ อ งของชาวบ้า นอี ก !” เฮ่ อ ซงจื อ ก็แ อบโมโหเช่ นกัน
จากนั้นจึงพูดอีก “งั้นก็ดีแล้วล่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันกลับ
ก่อนนะ ยังไม่ได้ให้นมลูกเลย ฉันแค่มาถามเธอแค่น้ นั แหละ”
“ได้ เธอกลับไปเถอะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ” เย่ฉูฉู่เดินไปส่ ง
หล่อน ครั้นกลับมาทานู่ นทานี่ ได้เพียงไม่นานคุณแม่จา้ วก็มา
หาอีกคน

“ทาไมเมื่ อวานเหวินเทาไม่ กลับบ้าน?” คุ ณแม่ จา้ วถามอย่าง


ตรงไปตรงมา

“เมื่อคืนเขาบอกว่ามีธุระ วันนี้ถึงจะกลับค่ะ” เย่ฉูฉู่รีบปลอบใจ


“แม่คะ อย่าไปฟั งคาพูดเหลวไหลของคนในหมู่บา้ นเลยค่ะ เห
วินเทาไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”

คุณแม่จา้ วย่อมทราบดีว่าไม่มีเรื่ องอะไรเกิดขึ้นกับลูกชาย แต่


สิ่ งที่คนในหมู่บา้ นพูดคุยกันทาให้จิตใจของนางยุง่ เหยิง ยิง่ เป็ น
คนแก่ ค นเฒ่ า แบบนี้ คงห้า มตัว เองไม่ ใ ห้คิ ด อะไรไปต่ า ง ๆ
นานาได้
“แม่รู้ว่าไม่มีอะไร แต่นี่ก็ใกล้จะข้ามปี แล้วนะ ยังมีธุระอะไร
ต้องไปอยูค่ า้ งแรมข้างนอกอีก ไม่รู้จกั เป็ นห่ วงคนในบ้านบ้าง
เลยหรื อไง!” คุณแม่จา้ วแอบตาหนิลูกชายที่ไม่รู้เรื่ องรู ้ราว

เย่ฉูฉู่นงั่ ลงข้าง ๆ คุณแม่จา้ ว “แม่คะ คงมีธุระจริ ง ๆ นัน่ แหละ


ค่ะ ไม่ง้ นั เหวินเทาจะไม่กลับบ้านได้ยงั ไงกัน ฉันเดาว่าน่ าจะ
เป็ นเรื่ องที่ไปซื้อฟาร์มกระต่ายมั้งคะ”

คุ ณแม่จา้ วรี บพูด “อะไรนะ ซื้ อฟาร์ มกระต่าย ฟาร์ มกระต่าย


อะไร?”

เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่ องที่จา้ วเหวินเทาจะซื้ อฟาร์มกระต่ายให้ฟังหนึ่ ง


รอบ “เมื่อสองวันก่อนเขาบอกว่าเรื่ องนี้เริ่ มมีวี่แววแล้ว คาดว่า
คงไปคุยเรื่ องนี้ค่ะ”

คุ ณแม่จา้ วถึงกับชะงักอยู่นาน “เธอว่าอะไรนะ เขาคิดจะซื้ อ


ฟาร์มกระต่ายในเมืองเหรอ?”
“แม่คะ เหวินเทาชอบที่ดินผืนนั้น” เย่ฉูฉู่อธิ บาย “ไม่ได้จะไป
ซื้ อ กระต่ า ยพวกนั้น มาเลี้ ย ง เขาบอกว่ า เลี้ ย งกระต่ า ยไว้ที่
หมู่บา้ นของเราดีกว่า”

คุณแม่จา้ วกล่าว “แต่กต็ อ้ งใช้เงินไม่นอ้ ยเลยไม่ใช่เหรอ?”

“คิดว่าคงต้องใช้เงินเยอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“เท่าไรล่ะ?” คุณแม่จา้ วอดไม่ได้ที่จะถามต่อไป

“ก็น่าจะหลายหมื่นค่ะ” เย่ฉูฉู่กะประมาณราคาพลางกล่าว

“หลายหมื่ น ?” คุ ณแม่ จา้ วสู ดลมเย็นเข้าปาก “เยอะขนาดนั้น


เลย!”

เย่ฉูฉู่รีบพูด “แม่คะ เหวินเทาบอกว่า เขาจะคิดหาวิธี ถ้าไม่มีวธิ ี


ก็จะใช้เงินในบ้านค่ะ”

คุณแม่จา้ วจับประเด็นสาคัญ “เธอพูดอะไรนะ ใช้เงินในบ้าน?


พวกเธอมีเงินหลายหมื่นเหรอ?”
เย่ฉูฉู่พยักหน้าเบา ๆ โจวหมิ่ นโอนเงิ นมาให้เธอหลายหมื่ น
หยวนแล้ว นี่เป็ นเงินปันผลของเธอ

คุณแม่จา้ วคิดว่านี่ คงเป็นเรื่ องโกหก ลูกชายของนางได้เงินมา


หลายหมื่น ไปทาอะไรมาถึงได้เงินเยอะขนาดนี้เนี่ย!

“ฉูฉู่ เหวินเทาไปค้าขายอะไรถึงได้เงินมาตั้งหลายหมื่น ลูกอย่า


มาหลอกแม่นะ!” คุณแม่จา้ วรี บพูด “พวกเราไม่มีทางที่จะทา
เรื่ องผิดกฎหมายพวกนั้น และไม่ให้ทาเรื่ องผิดศีลธรรมด้วย!”

เย่ฉูฉู่เห็นว่าแม่สามีเข้าใจผิด จึงพูดเคล้ารอยยิม้ ว่า “แม่คะ แม่


คิดไปไกลแล้วนะ เหวินเทาจะทาเรื่ องแบบนั้นได้ยงั ไงกันล่ะ
คะ เงินส่ วนนี้ อันที่จริ งเป็ นรายได้ของฉันเองค่ะ”

“หา?” คุณแม่จา้ วตกตะลึงอีกครั้ง มันเป็นเงินที่ลูกสะใภ้หามา


อีกด้วย ลูกสะใภ้ของนางทาอะไรถึงได้เงินเยอะขนาดนี้!
เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่ องที่นางร่ วมออกแบบเสื้ อผ้ากับโจวหมิ่นให้คุณ
แม่จา้ วฟั งหนึ่งรอบอย่างใจเย็น จากนั้นก็หยิบนิ ตยสารออกมา
ให้คุณแม่จา้ วดู

“คุณแม่ดูสิคะ นี่คือผลงานการออกแบบของฉันเอง มีเสื้ อตัวนี้


แล้วก็ตวั นี้ เป็ นผลงานออกแบบของฉันทั้งหมดเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่ช้ ี
เสื้ อผ้าเหล่านั้น

คุณแม่จา้ วเคยเห็นของพวกนี้ที่ไหนกัน นางมองดูจนตาลายไป


หมด แต่เสื้ อผ้าที่เย่ฉูฉู่ออกแบบเป็ นเสื้ อผ้าสไตล์จีนทั้ง หมด
ค่อนข้างอนุรักษนิยม ประกอบกับเป็ นชุดงานรื่ นเริ งด้วย หญิง
สู งวัยจึงชอบมาก และแสดงความคิดเห็น “ตัวนี้ดูดีนะ ตัวนี้กด็ ู
ดี ตัวนี้ ก็สวย ฉู ฉู่ ลูกทาชุ ดแบบนี้ ดีจริ ง ๆ เลย น่ าเสี ยดายที่แม่
ใส่ ไม่ได้!”

เย่ฉูฉู่แอบชะงักไปเล็กน้อย นี่ กาลังพูดคุยเรื่ องเงินไม่ใช่ เหรอ


ทาไมถึงมาโผล่เรื่ องเสื้ อผ้าได้ล่ะ? ดูเหมือนว่าผูห้ ญิงทุกคน ไม่
ว่า จะสาววัย กลางคน หญิ ง ชราหรื อ วัย รุ่ น สาว ต่ า งก็ไ ม่ อ าจ
ต้านทานสิ่ งล่อตาล่อใจอย่างเสื้ อผ้าสวย ๆ ได้สินะ

“คุ ณแม่คะ ทาไมจะใส่ ไม่ได้ เปลี่ยนสี ก็ใช้ได้แล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่


กล่าว

“จริ งเหรอ?” คุณแม่จา้ วดวงตาเป็ นประกาย ราวกับว่านึกอะไร


ขึ้นได้ แอบพูดด้วยความรู ้สึกผิดว่า “เธอดูแม่สิ ทาไมถึงมาพูด
เรื่ องเสื้ อผ้าได้ล่ะเนี่ย? คนแก่ ๆ อย่างฉันนี่ไม่ได้เรื่ องเลย”

เย่ฉูฉู่พูดด้วยรอยยิม้ “คุณแม่ยงั ไม่แก่สักหน่อยค่ะ ถ้าคุณแม่แก่


แล้ว ยังจะมองว่าเสื้ อพวกนี้สวยอีกเหรอคะ?”

คุณแม่จา้ วนึ กถึงความเก่งกาจเช่นนี้ของลูกสะใภ้ ทั้งยังหาเงิน


ได้มากกว่าลูกชายโดยที่ไม่ตอ้ งออกจากบ้านด้วยซ้ า อีกอย่าง
ลูกสะใภ้ก็เป็นคนกตัญญูขนาดนั้น จึงพูดไปว่า “เฮ้อ คนแก่ ๆ
พออายุมากก็ชอบบ่นพร่ าเพรื่ อ กังวลเรื่ องนี้ เป็นห่ วงเรื่ องนั้น
อันที่จริ งก็กลุม้ ใจไปเปล่า ๆ นัน่ แหละ พวกลูกใช้ชีวิตกันเป็น
อย่างดี ดีกว่าพ่อกับแม่สมัยก่อนอีกนะ!”

“คุ ณแม่ อย่าพูดแบบนี้ สิคะ พ่อกับแม่ก็ผ่านประสบการณ์ มา


หมดแล้ว เป็ นเพราะมีพ่อกับแม่ช่วยดูแล พวกเราถึงผ่านไปได้
ด้วยดี นี่ไม่ได้บ่นพร่ าเพรื่ อเลยค่ะ หลังจากนี้ คงต้องให้พ่อกับ
แม่ดูแลต่อไปนะคะ” เย่ฉูฉู่พูดอย่างจริ งใจ

ลูกสะใภ้คนนี้ พูดจาทาให้คนรู ้สึกสบายใจ คุณแม่จา้ วตบหลัง


มือเย่ฉูฉู่พลางกล่าว “ฉู ฉู่ ลูกเป็ นเด็กดีนะ ทาอะไรก็มนั่ คง เหวิ
นเทาคล่ องแคล่ วเกิ นไป ความกล้าหาญก็มากโข เหมื อนกับ
เรื่ องซื้อฟาร์มกระต่ายที่ลูกบอกนัน่ แหละ นี่ตอ้ งไปในเมืองเลย
นะ เรื่ อ งใหญ่ ข นาดไหน เขาบอกว่ า จะซื้ อ ก็ ซ้ื อ เลย ไม่ ม า
ปรึ กษากับคนในบ้านสักคา แม้ว่าพวกเราจะช่ วยเหลือ อะไร
ไม่ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตอ้ งบอกให้ฟังสักคาสิ หลังจากนี้อย่าให้
เขาทาแบบนี้อีกนะ”
เย่ฉูฉู่พูดด้วยรอยยิม้ “คุณแม่ นี่ เป็นแค่การคาดเดาของฉันน่ ะ
ค่ะ เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร บางทีฉันอาจจะเดาผิดก็ได้ รอให้
เขากลับมาเดี๋ยวก็รู้แล้วล่ะค่ะ”

“เรื่ องที่ลูกเดายังจะพลาดอี กเหรอ ไม่พลาดแน่ นอน!” คุณแม่


จ้าวยินดีที่จะเชื่อการคาดเดาของลูกสะใภ้

เย่ฉูฉู่รู้สึกไม่ดีอย่างมาก แอบราพึงในใจว่าหวังว่าเธอจะเดาไม่
พลาด

คุ ณแม่จา้ วพูดอีกว่า “ฉู ฉู่ ลูกไม่ตอ้ งห่ วงนะ แม่ไม่เอาเรื่ องที่


พวกลูกได้เงินเยอะขนาดนี้ไปบอกใครหรอก ลูกกับเหวินเทาก็
ไม่ตอ้ งไปบอกใครนะ เหตุผลที่วา่ ไม่ควรเอาเรื่ องเงิน ๆ ทอง ๆ
ไปบอกคนข้างนอกพวกลูกก็น่าจะเข้าใจดี คนเราก็เป็ นแบบนี้
แหละ อิจฉาคนที่ประสบความสาเร็ จมากกว่า และดูถูกคนที่สู้
ตัวเองไม่ได้ ถ้ารู ้วา่ พวกลูกมีเงิน บางทีอาจจะมีคนเกิดความคิด
ไม่ดีกไ็ ด้นะ!”
เย่ฉูฉู่พยักหน้า เธอเห็นด้วยกับคาพูดของคุณแม่จา้ วอย่างมาก
ค าพู ด ของคนสู ง วัย ต่ า งก็ ม าจากประสบการณ์ แม้ว่ า จะมี
บางอย่ า งที่ เ ลยยุ ค สมัย ไปแล้ว แต่ บ างอย่ า งกลับ ยัง คงอยู่
ตลอดไปไม่ได้ลา้ หลังอะไร ยกตัวอย่างเช่นเส้นทางของชีวติ

“ลูกเองก็ตอ้ งบอกเหวินเทาด้วยนะ เขาออกไปข้างนอกบ่อย ๆ


ไปดื่มกับคนอื่น ก็อย่าดื่มเยอะจนพูดจาเหลวไหลล่ะ” คุณแม่
จ้าวได้ยนิ ว่าเย่ฉูฉู่ได้เงินมากขนาดนี้ จึงเป็ นกังวลลูกชายขึ้นมา
ตอนที่ 249 พ่อแม่ เป็ นกังวล

เมื่อเทียบกับจ้าวเหวินเทาแล้ว คุณแม่จา้ วกลับเชื่อเย่ฉูฉู่มากกว่า


นางคิ ด ไม่ ถึ ง เลยจริ ง ๆ ว่ า นิ สั ย นั้น ของเย่ฉู ฉู่ ต อนที่ เ พิ่ ง จะ
แต่งงานเข้ามาเมื่อเทียบกับตอนนี้กลับเปลี่ยนไปมากจนทาให้
นางรู ้สึกสบายใจ เบาใจกว่าลูกชายของนางเสี ยอีก

แน่นอน นี่กเ็ ป็ นเพราะเย่ฉูฉู่ได้เงินมากขนาดนี้ จึงทาให้เกิดผล


กระทบอย่างมากสาหรับคุณแม่จา้ ว

เย่ฉูฉู่ตอบรั บกลับไปว่าจะกาชับเตื อนจ้าวเหวินเทาแน่ น อน


จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“คุณแม่คะ งั้นฉันตัดชุดให้คุณแม่ใหม่ตามแบบนี้นะคะ” เย่ฉูฉู่


ชี้ไปยังแบบชุดภาพหนึ่งที่เธอเป็ นคนออกแบบ

คุณแม่จา้ วถามด้วยความประหลาดใจ “แม่ใส่ ได้ดว้ ยเหรอ?”


“ได้สิคะ! คุณแม่ ฉันบอกไปแล้วไงคะ แค่เปลี่ยนสี กไ็ ด้แล้ว”

“นี่อีกไม่กี่วนั ก็จะข้ามปี แล้วนะ จะทันเหรอ?”

“ทันค่ะ มีจกั รเย็บผ้า แค่แป๊ บเดียวก็เย็บเสร็จแล้ว”

“ก็ได้ งั้นพรุ่ งนี้แม่จะมาดูหลานให้นะ ลูกจะได้มีเวลาเย็บ”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “ไม่เป็ นไรค่ะคุณแม่ เสี่ ยวไป๋ หยางไม่มีอะไรต้องห่วง


เลย ไม่ ไ ด้ท าให้ก ารท างานของฉัน ล่ า ช้า สั ก นิ ด แม่ ไ ม่ ต ้อ ง
เสี ยเวลามาที่นี่หรอกค่ะ”

คุ ณแม่ จา้ วจึ งกลับไปอย่างมี ความสุ ข เย่ฉูฉู่อุม้ ลู กชายขึ้ นมา


พลางกล่าวด้วยรอยยิม้ “ลูกดูคุณย่าสิ สวยมากเลยนะ พอได้เห็น
เสื้ อใหม่ ก็ชอบขนาดนั้น เสี่ ยวไป๋ หยางล่ ะ ลู ก ชอบเสื้ อ ใหม่
หรื อเปล่าเอ่ย?”

เสี่ ยวไป๋ หยางเตะแขนแกว่งขวาอย่างมีความสุ ข


“เสี่ ยวไป๋ หยางชอบเหรอเนี่ ย งั้นแม่จะทาให้ลูกด้วยนะ ดูสีน้ ีสิ
เหมาะกับเสี่ ยวไป๋ หยางของพวกเรามากเลยนะ จริ งไหมลูก?”
เย่ฉูฉู่หยิบผ้าขึ้นมาเทียบกับร่ างกายของเสี่ ยวไป๋ หยาง

เสี่ ยวไป๋ หยางจับผ้ามาแกว่ง

ลิ งน้อยกระโดดเข้ามาจากห้องตะวันตกหลังจากคุ ณแม่ จ ้า ว
กลับ ไปแล้ว มัน แย่ง ผ้า มาพัน ที่ ค อตัว เองพลางส่ ง เสี ย งร้ อ ง
‘เจี๊ยก ๆ’

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “ไฉไฉก็อยากได้เสื้ อใหม่เหรอเนี่ ย ได้เลย เดี๋ยว


ฉันจะทาให้เธออีกหนึ่งตัว”

เธอมองรู ปร่ างของลูกลิง ถ้าได้สวมใส่ เสื้ อผ้าก็คงดูดีมาก

คุณแม่จา้ วกลับมาถึงบ้าน คุณพ่อจ้าวดูจากสี หน้าของนางเป็ น


อย่างแรก จากนั้นก็ถกั เชือกป่ านอย่างผ่อนคลาย
“ทาไมคุณถึงไม่ถามเรื่ องลูกชายของคุ ณล่ะ?” คุณแม่จา้ วเห็น
คุ ณพ่อจ้าวดู นิ่งสงบขนาดนี้ ก็แอบไม่ พอใจ “เมื่ อกี้ ใครกันที่
ลุกลี้ลุกลน บอกให้ฉนั ไปถาม”

“เห็นจากท่าทางของคุ ณก็รู้แล้วว่าไม่ เป็ นไร ยังจะถามอะไร


อีก?” คุณพ่อจ้าวตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

“ท่ าทางฉันเป็ นยังไง?” คุ ณแม่ จา้ วพูดอย่างมี ความสุ ขจนไม่


อาจควบคุมได้ จากนั้นก็นงั่ ลงข้าง ๆ คุณพ่อจ้าว

คุ ณพ่อจ้าวมองนางพลางพู ดด้วยความประหลาดใจ “มานั่ง


ทาไมตรงนี้เนี่ย?”

“ไม่ ใ ห้ฉัน นั่ง ตรงนี้ แล้ว จะให้ไปนั่งที่ ไหน?” คุ ณ แม่ จา้ วพูด
อย่างไม่สบอารมณ์ “คุ ณเป็ นสามีของฉันนะ จะให้ฉันไปนั่ง
ข้างคนอื่นเหรอ?”
คุ ณพ่อจ้าวตกใจ เขาหรี่ ตาสารวจอี กฝ่ าย “คุ ณไม่ ได้ป่วยใช่
ไหม?”

“คุณนัน่ แหละป่ วย!” คุณแม่จา้ วถลึงตาโตมองคุณพ่อจ้าว

จู่ ๆ คุ ณพ่อจ้าวก็รู้สึกอึดอัดกับความใกล้ชิดของภรรยาอย่าง
ฉับพลัน เขาขยับเข้าไปข้างในพลางถาม “เป็ นอะไร?”

คุณแม่จา้ วเลิกคิ้วขึ้น พลางกระซิ บเสี ยงเบา “ฉันจะบอกอะไร


ให้ แต่คุณห้ามไปบอกใครเด็ดขาดเลยนะ!”

คุณพ่อจ้าวเห็นท่าทางมีลบั ลมคมในของคุณแม่จา้ วก็แอบรู ้สึก


ตึงเครี ยด การแสดงออกของเขาจึงกลายเป็นความจริ งจังอย่าง
เลี่ยงไม่ได้

“คุณรู ้ไหมว่าลูกชายของคุณไปทาอะไร?” คุณแม่จา้ วไม่รอให้


คุณพ่อจ้าวถาม นางก็เล่าเรื่ องการคาดเดาของเย่ฉูฉู่ให้เขาฟัง
คุ ณพ่อจ้าวถึ งกับมึ นงง “มันจะไปซื้ อโรงงานในเมื อง มี เงิ น
เยอะขนาดนั้นที่ไหนกัน?”

จู่ ๆ ก็เหมือนว่าจะนึ กอะไรขึ้นได้ “นี่ ไม่ใช่ ว่ามันเอาของพวก


นั้นไปขายหรอกนะ?”

ปี ที่แล้วจ้าวเหวินเทาเก็บของดี ๆ มาเยอะแยะ คาดว่าคงมีราคา


ไม่นอ้ ยเลย

คุณแม่จา้ วบุย้ ปาก “คุณรู ้หรื อเปล่าว่าฟาร์ มกระต่ายนัน่ ซื้ อใน


ราคาเท่าไร? ตั้งหลายหมื่นเลยนะ คุ ณคิดว่าของพวกนั้นจะมี
ราคาสักเท่าไรสักเชียว!”

ตอนนี้วตั ถุโบราณไม่ได้มีราคาสู งเทียมฟ้ าเหมือนกับสิ บกว่าปี


ให้หลังพวกนั้น

คุณพ่อสู ดลมเย็นเข้าปาก “หลายหมื่น? มันออกไปขายของได้


เงินเยอะขนาดนั้นเลย?”
คุณแม่จา้ วส่ ายหน้า นางพูดอย่างภาคภูมิใจ “คุณรู ้แค่ว่าลูกชาย
หาเงินเป็ น แต่ทาไมไม่นึกถึงลูกสะใภ้คุณบ้างล่ะ?”

คุณพ่อจ้าวหมดคาพูด ภรรยาของเขากลับมาจากบ้านลูกชายก็ดู
คล้ายกับถูกเทพเซียนประทับร่ าง พูดจาก็ไม่ยอมพูดให้ดี ๆ

คุ ณ แม่ จ ้า วเห็ น ว่ า เขาไม่ ย อมพู ด อะไร จึ ง เล่ า เรื่ องที่ เ ย่ ฉู ฉู่


ออกแบบเสื้ อผ้าให้เขาฟังหนึ่งรอบ

เป็ นไปตามที่คาดไว้ คุณพ่อจ้าวถึงกับตกตะลึง ลูกสะใภ้หาเงิน


ได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?

คุณแม่จา้ วพยักหน้าให้เขา “คุณยังไม่รู้จกั ฉู ฉู่อีกเหรอ เด็กคนนี้


ไม่ใช่คนชอบพูดปดสักหน่อย”

เรื่ อ งนี้ คุ ณ พ่ อ จ้า วเห็ น ด้ว ยอย่ า งมาก เขาและคุ ณ แม่ จ ้า วก็
เหมือนกัน ต่างก็เชื่อลูกสะใภ้มากกว่าเชื่อลูกชายของตัวเองเสี ย
อีก ที่สาคัญคือนิ สัยของลูกชายปราดเปรี ยว มีความกล้าหาญ
มาก ทั้งยังออกไปค้าขายข้างนอก คนที่ ออกไปขายของข้าง
นอกบ่อย ๆ ก็มกั จะพูดโกหกได้ง่าย ๆ แต่เย่ฉูฉู่ไม่ได้เป็ นแบบ
นั้น เธออยูบ่ า้ นเลี้ยงลูก ไม่ตอ้ งพูดคุยกับคนนอกมากมายอะไร
ไม่ จาเป็ นต้องพูดโกหก แม้ว่าตอนแรกที่ เพิ่งแต่ ง งานเข้า มา
ใหม่ ๆ จะเป็ นคนอารมณ์ ร้ าย แต่ ภ ายหลัง ไม่ ตอ้ งพูด ถึ งเลย
เพราะเธอเป็ นคนกตัญญูมีคุณธรรม มีเหตุผล การที่ได้ลูกสะใภ้
แบบนี้ เข้ามาอยู่ในบ้านถือว่าเป็ นพรของตระกูลจ้าวของพวก
เขา

คุณพ่อจ้าวรู ้สึกว่าการประเมินลูกชายและลูกสะใภ้ของเขาตรง
ประเด็นมาก

“เด็กฉู ฉู่คนนี้ มีความสามารถแบบนี้ ดว้ ย คิดไม่ ถึงเลยจริ ง ๆ”


คุณพ่อจ้าวแอบรู ้สึกสับสน

ลูกสะใภ้เล็กดีไปเสี ยทุกอย่าง ตอนนี้กย็ งั ได้เงินมากขนาดนี้อีก


ได้เงินมากกว่าลูกชายของเขาเสี ยด้วยซ้ า สิ่ งนี้ ทาให้เขาที่ เดิ น
ตามธรรมเนียมประเพณี ถึงกับไม่รู้ว่าเป็ นเรื่ องที่ดีหรื อไม่ดีไป
ชัว่ ขณะหนึ่ง

“คุ ณ ท าหน้า แบบนี้ หมายความว่ า ยัง ไง? ลู ก สะใภ้ข องคุ ณ


ทางานหาเงินได้คุณไม่ดีใจเหรอ?” คุณแม่จา้ วเห็นสี หน้าของ
เขาผิดปกติจึงเอ่ยปากพูด

“ไม่ใช่ ว่าผมไม่ดีใจหรอก แต่รู้สึกเหนื อความคาดหมายมาก”


คุณพ่อจ้าวกล่าว “เหวินเทาเกิดมาพร้อมกับโชคลาภใหญ่ โชค
ดีต้ งั แต่เล็กจนโต ทาไมถึงถูกภรรยาแซงหน้าได้ล่ะ?”

“ฟั งคุณพูดเข้าสิ พูดอะไรของคุณเนี่ย อะไรที่บอกว่าถูกภรรยา


แซงหน้า คุณบอกว่าเหวินเทาโชคดี การได้แต่งงานกับภรรยา
ที่ หาเงิ นได้ยงั ไม่ เรี ยกว่าโชคดี อีกเหรอ?” คุ ณแม่ จา้ วไม่ เห็ น
ด้วยกับความคิดของคุณพ่อจ้าวอย่างมาก

คุณพ่อจ้าวครุ่ นคิด นี่กม็ ีเหตุผล เขาจึงไม่ได้สู้กบั คุณแม่จา้ วต่อ


แต่ยงั คงถามถึงลูกชายต่อไป “เลี้ยงกระต่ายมากขนาดนี้ยงั ทุกข์
ทรมานไม่พออีกเหรอ ยังคิดจะไปซื้ อฟาร์ มกระต่ายในเมื อง
อีก?”

“ฉูฉู่กบ็ อกไปแล้วไง ที่ดินในเมืองมีราคา ที่ซ้ือก็คือที่ดิน ไม่ได้


ซื้อกระต่ายสักหน่อย” คุณแม่จา้ วกล่าว

“คุณดูสิ เพิ่งจะไปสร้างบ้านที่ตงเหลียง ยังจะซื้ อที่ดินผืนใหญ่


นัน่ อีก นี่ยงั ต้องวิง่ ไปซื้ อถึงในเมือง ในหมู่บา้ นไม่คิดจะลงไป
ทาสวนแล้วเหรอ?” คุณพ่อจ้าวรู ้สึกว่าการที่ลูกชายไปซื้ อที่ดิน
ในเมืองไม่วา่ จะมองอย่างไรก็พ่ งึ พาไม่ได้เอาเสี ยเลย

“คุณอยากซื้ อก็ซ้ื อไม่ได้หรอก” คุณแม่จา้ วกลอกตาใส่ “ตาแก่


แบบคุณ บางครั้งก็เป็นคนเปิ ดใจกว้างนะ แต่บางครั้งก็ปิดกั้น
ความเห็นกว่าใคร ๆ!”

คุณพ่อจ้าวโบกมือ “คุณเป็ นคนเปิ ดกว้างพอใจหรื อยัง คุณรี บ


ไปทางานเถอะ อย่ามาขวางผม ลูกโตจนตัดสิ นใจได้เองแล้ว
อยากจะดูแลก็ดูแลไม่ได้แล้ว”
“คุณดูแลไปก็เสี ยเปล่า!” คุณแม่จา้ วถลกแขนเสื้ อขึ้นเตรี ยมตัว
ไปทากับข้าว ปากก็พูดว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉูฉู่จะตัดชุด
ใหม่ให้ฉนั ด้วย ฉูฉู่ต้ งั ใจออกแบบให้ฉนั เป็ นพิเศษเลย”

คุ ณพ่อจ้าวไม่ได้สนใจเกี่ยวกับชุ ดใหม่ ตอนนี้ เขาแค่อยากรอ


ให้ลูกชายกลับมาแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

คุณแม่จา้ วไม่ได้รับคาตอบก็แอบรู ้สึกผิดหวัง นางจึงถลึงตาใส่


คุณพ่อจ้าวปราดหนึ่ง

เย่ฉู ฉู่ ก ลับ มาในช่ ว งบ่ า ย ช่ ว งเช้า ของฤดู ห นาวช่ า งแสนสั้น


กลับมาถึงท้องฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้ว

เมื่ อจ้าวเหวินเทากลับมาถึ ง เย่ฉูฉู่ก็กลอกตาใส่ เขาก่ อ นเป็ น


อย่างแรก จากนั้นจึงพูดว่า “คุณรู ้ไหมคะว่าที่คุณไม่ได้กลับมา
เมื่อคืน คนอื่นพูดถึงคุณยังไง? บอกว่ามีเรื่ อง แต่ดนั ไม่ยอมพูด
ให้ชดั เจนว่ามีเรื่ องอะไรเนี่ยนะ?”
จ้าวเหวินเทาขึ้นมาประคองแก้มของภรรยาแล้วหอมไปหนึ่งที
แล้ว พู ด ว่า “อยากจะพูด อะไรก็พูดเลย ผมไม่ ส นใจอยู่แล้ว!
ภรรยา คุณดูสิวา่ นี่อะไร?”

ระหว่างที่พูดเขาก็หยิบซองเอกสารออกมาจากกระเป๋ าสะพาย
ข้าง
ตอนที่ 250 เล่นใหญ่ มาก

แค่ เย่ฉูฉู่เห็ นก็รู้สึกว่าตัวเองทายถู กแล้ว จึ งกล่ าวด้วยรอยยิ้ม


“ซื้อฟาร์มกระต่ายแล้วสิ นะคะ?”

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “ภรรยา เก่งนะเนี่ย คุณรู ้ได้ยงั ไง?”

“นอกจากเรื่ องนี้ ฉันก็นึกไม่ออกเลยว่าจะมีเรื่ องอะไรที่ ทาให้


คุณต้องค้างแรมที่ในเมือง” เย่ฉูฉู่ยนื่ มือออกไปรับซองเอกสาร
หลังจากหมุนเชือกแล้ว จึงหยิบเอกสารที่ถูกถ่ายลงบนกระดาษ
A4 หนึ่งปึ กออกมา ตอนที่เห็นตัวอักษรที่เขียนอยูด่ า้ นบนสุ ดที่
หน้าแรกว่า ‘สัญญาเช่ าที่ ดิน’ เธอก็ชะงักไป “คุ ณแค่ เช่ า แต่
ไม่ได้ซ้ือหรอกเหรอ?”

จ้าวเหวินเทาพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ภรรยา ดูดา้ นล่างสิ ”


เย่ฉูฉู่จึงอ่านด้านล่าง เพียงไม่นานก็เข้าใจ “วิธีที่คุณพูดถึงคือ
วิธีน้ ีเหรอคะ?”

“ภรรยา ทาไมตอนนี้คุณถึงฉลาดขึ้นเรื่ อย ๆ เลยเนี่ย” จ้าวเหวินเทา


โอบบ่าภรรยาพลางกล่าว “ไม่มีอะไรปิ ดบังคุณได้เลย”

“คุ ณบอกว่าคุ ณมี วิธีไม่ ตอ้ งใช้เงิ นในบ้าน สัญญาณเช่ าที่ ดิน
ฉบับนี้ ก็ชดั เจนแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่ฉูฉู่อ่านสัญญาการซื้ อขาย
ฟาร์ มกระต่ ายอี กหนึ่ งฉบับ นอกจากนี้ ยงั มี ใบรั บรองการใช้
ที่ดินและอื่น ๆ ด้วย

“เรื่ อ งนี้ ผ่า นไปได้ด้ว ยดี เ ลย ต้อ งขอบคุ ณ หวัง หยางคนนั้น ”


จ้าวเหวินเทาเล่าเรื่ องที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง

เย่ฉูฉู่ถอนหายใจอีกครั้ง ทาไมจ้าวเหวินเทาถึงได้โชคดีขนาดนี้
นะ คิดจะซื้ อฟาร์ มแต่ไม่อยากจ่ายเงินเอง ผ่านไปไม่นานก็มี
คนนาเงินมาให้
“นี่ ไม่ ใช่ ว่าโชคดี อะไรหรอก” จ้าวเหวินเทาวิเคราะห์ให้ฟั ง
“คุณคงไม่รู้ว่าในเมืองใช้วิธีแบบไหน มีครั้งหนึ่งผมเคยฟั งนัก
ธุ รกิจคนหนึ่งที่มาจากทางใต้ เขาดื่มเยอะมาก ก็เลยพูดถึงเรื่ อง
ธุ รกิจของเขา โอ๊ยแม่เจ้า เป็ นวิธีที่ลึกลับเชียวนะ! ตอนแรกเขา
ชอบที่ดินผืนหนึ่ง ก็เลยไปคุยกับอีกฝ่ าย คุยจนได้ที่กบ็ อกว่าจะ
ขอกลับไปคิดดูก่อน แต่เผลอแป๊ บเดียวก็ไปหาคนมาเช่าที่แล้ว
ทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ที่ดินนั้นมาอยู่ในมือเลยด้วยซ้ า แต่ก็บอก
กับอีกฝ่ ายว่านี่ เป็ นที่ดินของเขาแล้ว มีหลายคนอยากได้ด้วย
อีกฝ่ ายได้ยนิ แบบนี้กร็ ี บจ่ายเงินมัดจาทันทีเลย จากนั้นเขาก็นา
เงิ น มัด จ าส่ ว นนี้ ไปคุ ย กับ เจ้า ของที่ ดิ น คนเดิ ม สิ่ ง ที่ เ ขาท า
เรี ยกว่าเป็ นการจับเสื อมื อเปล่ า เลยนะ แถมยังมี แถลงการณ์
อย่างเป็ นทางการด้วย เรี ยกว่าเป็ นการดึงดูดการลงทุนอะไรสัก
อย่าง ใช่ คานี้แหละ พวกเขาคุยกันเป็ นตลาดการค้าขนาดใหญ่
เลย ภรรยา คุณก็เคยไปอาเภอไม่ใช่เหรอ แบบนั้นเลย ในนั้นมี
แผงลอยแล้วก็แผงลอยให้เช่า เดิมทีผมก็คิดมาตลอดเลยนะว่า
ใครจะหาเงินได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่แป๊ บเดียว จนสามารถ
เช่ าที่ดินขนาดใหญ่แบบนี้ ได้ หลังจากนั้นผมถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ าย
จ่ายเงินไปแค่นิดเดียวเอง หลังจองไว้แล้วก็ให้คนอื่นเข้ามาเช่า
จากนั้นก็ใช้เงินค่าเช่าส่ วนนี้ไปเช่ากับเจ้าของที่ดินคนเดิมอีกที
คุณเข้าใจที่ผมพูดไหม?”

จ้าวเหวินเทาพูดอ้อมค้อมเล็กน้อย เพราะเขากังวลว่าเย่ฉูฉู่จะ
ฟังไม่เข้าใจ ท้ายที่สุดจึงถามออกไป

เย่ฉูฉู่ได้ฟังก็กาลังหลงใหลอยู่กบั เรื่ องนี้ แต่เมื่อได้ยนิ เช่ นนี้ จึง


พู ด อย่า งไม่ ส บอารมณ์ “เมื่ อ กี้ คุ ณ เพิ่ ง ชมว่าฉัน ฉลาดอยู่เลย
ตอนนี้มาถามว่าฉันไม่ฟังไม่เข้าใจซะแล้ว”

“เปล่านะ ๆ ภรรยา ตอนนั้นผมได้ฟังก็นงั่ คิดอยูค่ รึ่ งค่อนวันเลย


ภายหลังผมคิดว่าคนคนนี้ คงคุ ยโวโอ้อวด แต่หลังจากนั้นถึ ง
เพิ่งจะเข้าใจ ที่เขาพูดเป็ นจริ งทุกอย่างเลย โดยเฉพาะทางใต้
เรื่ องแบบนี้เป็ นเรื่ องปกติมาก เขายังบอกด้วยนะว่าเมืองต่าง ๆ
ตามแนวชายฝั่ง การหาเงินก็เหมือนการหยิบเก็บเงินนัน่ แหละ
เฮ้อ ภรรยา ข้างนอกเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไปแล้ว!”

“คุณอยากออกไปเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่เอ่ยถาม

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “อยากสิ ! อยากมากเลยด้วย! แต่ตอนนี้


ยังทาแบบนั้นไม่ได้ ผมไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น อีกอย่างผมก็
ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ คนพวกนั้นฉลาดมากเลยนะ ถ้า
ไม่ระวังคงได้ตกหลุมพราง รออีกสักสองสามปี มีเงินสักก้อน
ลูกชายโตสักหน่อย พวกเราค่อยไปดูที่ทางใต้ดว้ ยกันนะ!”

ค่อยยังชัว่ หน่อย การที่เขานึกถึงเธอทาให้เย่ฉูฉู่รู้สึกพึงพอใจ มี


ผูช้ ายบางคนชอบออกไปเที่ ยวเตร็ ดเตร่ คนเดี ยว ไม่คิดจะพา
ภรรยาออกไปแม้แต่นอ้ ย!

“ตกลง ลู ก เดิ น ได้เ มื่ อ ไรก็ อ อกไปได้แ ล้ว ล่ ะ ค่ ะ ” เย่ ฉู ฉู่ น า


เอกสารสัญญาใส่ กลับเข้าไปในซอง “งั้นคุณซื้ อที่ดินแล้ว และ
ก็ปล่อยเช่าด้วย กระต่ายพวกนั้นคุณคิดจะทายังไงเหรอ ตอนนี้
ในบ้านไม่ได้มีที่ดินใหญ่ขนาดนั้นนะ”

จ้า วเหวิ น เทากล่ า ว “ไม่ เ ป็ นไร กระต่ า ยพวกนั้น ผมคุ ย กับ


หัวหน้าแผนกเซี่ ยแล้ว ผมจ่ายเงินจ้างคนให้ช่วยเลี้ยงให้จนถึง
ฤดู ใบไม้ผลิ ปีหน้า ผ่านไปอี กสองวันผมจะกลับเข้าเมืองอีก
รอบ จะไปเลือกกระต่ายแก่กบั ที่ป่วยเป็นโรคพวกนั้นออกไป
จัดการทิ้งให้หมด ส่ วนที่เหลือรอฤดูใบไม้ผลิปีหน้าผมค่อยดู
อี ก ที จะเหลื อ กระต่ า ยพัน ธุ์ ไ ว้สั ก กลุ่ ม หนึ่ ง เอากลับมาเลี้ ย ง
ส่ วนที่เหลือก็เอาไปขายที่นนั่ ให้หมดเลย”

“แล้วหวังหยางคนนั้นเขาไม่รอใช้ที่ดินเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

“ฤดู หนาวขนาดนี้ ก่อสร้างอะไรไม่ได้หรอก เขาจะใช้งานได้


ไง? อีกอย่างตอนนี้ ก็กาลังยุ่งด้วย เขาเองก็ไม่มีเวลาจัดการ คง
ต้องรอฤดูใบไม้ผลิปีหน้านัน่ แหละ ผมคุยกับเขาไว้แล้วว่าต้อง
ใช้เวลานิ ดหน่ อยเพื่อจัดการกับกระต่ าย เขาเองก็ตอบตกลง
แล้ว” จ้าวเหวินเทาตอบ

“งั้นคุณก็ตอ้ งซื้อที่ดินที่บา้ นด้วยสิ นะ เงินจะพอเหรอ?”

“ไม่รู้สิ” จ้าวเหวินเทาอยากซื้ อที่ดินผืนใหญ่สักผืน แต่ไม่รู้ว่า


ในหมู่บา้ นจะขายในราคาเท่าไร

“ถ้าไม่พอก็ใช้เงินที่พี่โจวหมิ่นส่ งกลับมาเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว


ฟาร์ มกระต่ายก็ปล่อยเช่ าแล้ว ถึงอย่างไรก็ตอ้ งสร้างบ้านให้
กระต่าย

“ภรรยา คุณนี่ดีจริ ง ๆ เลย!” จ้าวเหวินเทาหอมเย่ฉูฉู่อีกครั้ง

เย่ฉู ฉู่ ผ ลัก เขาออกไป “ชิ่ ว ๆๆ! ฉัน ยัง ไม่ คิ ด บัญ ชี คุ ณ เลยนะ
พู ด จาก็ไ ม่ พู ด ให้ชัด เจน บอกว่ า มี เ รื่ อ ง คุ ณ รู ้ ไ หมว่ า คนใน
หมู่บา้ นเยาะเย้ยคุ ณยังไง พวกเขาต่างก็คุยกันว่าฉันจะรอคุ ณ
หรื อแต่งงานใหม่ดว้ ย!”
จ้าวเหวินเทาทราบดี ว่าคงไม่ได้พูดในเรื่ องดี ๆ แน่ นอน แต่ก็
คิดไม่ถึงว่าจะพูดแบบนี้ ใบหน้าของเขาพลันเย็นชาลง คนพวก
นี้ ไม่ รู้จกั ดี ชั่วเลยจริ ง ๆ ทาให้พวกเขาร่ ารวยแล้ว เขาไม่ ได้
กลับมาแค่คืนเดียวกลับพูดนิ นทาเขาแบบนี้ ยังมีมโนธรรมอยู่
หรื อเปล่า!

เย่ฉูฉู่จึงนาคาพูดของเฮ่อซงจือมาเล่าให้เขาฟั งหนึ่ งรอบ “ฉัน


ไม่ได้ออกไปฟังข้างนอก เฮ่อซงจือเป็ นคนเอามาเล่าให้ฟัง ไม่รู้
ว่าจริ งหรื อโกหก แต่ไม่ว่าจะเรื่ องจริ งหรื อโกหกหลังจากนี้คุณ
พูดให้มนั ชัดเจนสักหน่อยก็พอแล้วนะคะ”

จ้าวเหวินเทาไม่รู้วา่ กาลังคิดอะไรอยู่ จึงตอบ ‘อืม’ กลับมาด้วย


ท่าทางจิตใจไม่อยูก่ บั ร่ องกับรอย

“แม่ก็มาด้วยนะ ฉันบอกแม่เรื่ องที่คุณซื้ อฟาร์ มกระต่า ยแล้ว


รวมถึงเรื่ องที่ฉนั ได้เงินจากการออกแบบเสื้ อผ้าด้วย ตอนแรกก็
ไม่อยากพูดหรอก แต่กลัวว่าแม่จะเป็ นห่วง” เย่ฉูฉู่กล่าวอีก
จ้าวเหวินเทา “คุณไม่ตอ้ งห่วงหรอก พ่อกับแม่รู้ดีอยูแ่ ก่ใจ พวก
ท่านไม่พูดออกไปหรอก”

“ฉั น รู ้ ฉั น ก็ แ ค่ บ อกให้ คุ ณ รู ้ ไ ว้ คุ ณ ดู ลู ก นะ เดี๋ ย วฉั น จะไป


ทากับข้าว” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทาตอบ ‘อืม’ และกลับเข้าสู่ สถานการณ์ปกติอีกครั้ง


“ภรรยา ในกระเป๋ ามีเนื้อด้วยนะ เป็ นเนื้อราดซอส คุณลองชิมดู
นะว่าอร่ อยไหม ผมกินดูแล้วรสชาติไม่เลวเลย”

“ค่ะ” เย่ฉูฉู่ออกไปทาอาหารแล้ว

จ้าวเหวินเทายกลูกชายลอยตัวขึ้นสู ง เสี่ ยวไป๋ หยางมีความสุ ข


มาก ลูกลิงก็เข้ามาร่ วมสนุกด้วยการกระโดดเด้งดึ๋งขึ้นลงด้วย

“เสี่ ยวไป๋ หยางบินแล้ว!”

“อ๊า อ๊า อ๊า!”

“เจี๊ยก ๆ ๆ!”
มนุษย์ท้ งั สองและลิงอีกหนึ่งหัวเราะอย่างมีความสุ ขดังลัน่ ห้อง

เย่ฉูฉู่ใช้เวลาทาอาหารเพียงไม่นาน ก็จดั โต๊ะเสร็ จเรี ยบร้อย มี


ข้าวต้ม เครื่ องเคียง และเนื้อราดซอสอีกหนึ่งจาน

“ลูกชาย กินข้าวกันเถอะ ดูสิ แม่ของลูกทาอะไรก็อร่ อยไปหมด


เลย!” จ้าวเหวินเทาอุม้ ลูกให้มาดูอาหารบนโต๊ะ

ลูกลิงส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ และเดินไปหยิบตะเกียบ เสี่ ยวไป๋ ห


ยางชี้ไปยังลูกลิงพร้อมกับส่ งเสี ยงพูด ‘อ้อแอ้’ อะไรบางอย่าง

“มันไปหยิบตะเกียบแล้ว พวกเราจะหม่า ๆ ข้าวกันแล้วนะ”


จ้าวเหวินเทาพูดกับลูกชายอย่างใจเย็น

เสี่ ยวไป๋ หยางยื่นมือออกไปจะหยิบอาหาร จ้าวเหวินเทาจึงรี บ


อุ ้ม กลับ มา เสี่ ย วไป๋ หยางเริ่ ม ไม่ มีความสุ ข จึ ง ยืด ตัว ขึ้ นเพื่อ
ต่อต้าน

“แม่มาแล้ว แม่มาแล้ว!” จ้าวเหวินเทารี บปลอบ


ตอนนี้เย่ฉูฉู่กต็ ะโกนจากด้านนอกห้อง “ใครเหรอ?”

มีคนจากด้านนอกขานกลับมา “พี่สะใภ้ ผมเอง”

“รี บเข้ามาสิ ” เย่ฉูฉู่เปิ ดประตูตอ้ นรับให้อีกฝ่ ายเข้ามา

ที่แท้กช็ ุยต้านี่เอง

“พี่หก พี่กลับมาแล้วเหรอ!” เมื่อชุ ยต้าเข้ามาเห็นจ้าวเหวินเทา


กาลังอุม้ ลูกชายและหยอกล้ออยู่ ก็ถอนหายใจอย่างห้ามไม่อยู่

“กลับมาแล้ว ดึกขนาดนี้นายวิง่ มาทาอะไรที่นี่เนี่ย มีเรื่ องอะไร


เหรอ?” จ้าวเหวินเทาถาม
ตอนที่ 251 คนสำคัญของหมู่บ้ำน

ชุยต้าพูดด้วยความโกรธเคือง “พี่หก พี่รู้ไหมว่าคนในหมู่บา้ น


พูดถึงพี่วา่ ยังไง?”

“พูดว่าอะไรล่ะ?” จ้าวเหวินเทาแสร้งทาเป็ นไม่รู้

“พวกเขาพูด …พูดไม่ น่าฟั งเอาซะเลย!” ชุ ยต้าพูดด้วยความ


เคืองใจ “ผมกับน้องชายไปส่ งฟองเต้าหู ท้ ี่บา้ นน้ามา ตอนที่เพิ่ง
กลับ มาถึ ง ก็ไ ด้ยิน พ่ อ พู ด แบบนั้น ผมนี่ โ กรธแทบตายเลย
จริ งๆ!”

จ้าวเหวินเทารับฟั ง ที่แท้ชุยต้าไม่ได้อยูท่ ี่บา้ น เขาคิดไว้อยูแ่ ล้ว


เชียว เด็กคนนี้ไม่เลวเลย ได้ยนิ ข่าวลือจากปากคนอื่นเขาจะไม่
โต้ตอบได้อย่างไรกัน
“มี อะไรน่ าโกรธ ปากคนก็อยู่ใต้จมู กนั่นแหละ อยากจะพู ด
อะไรก็ พู ด ไปเถอะ กิ น ข้า วหรื อ ยัง ถ้า ยัง ไม่ ไ ด้กิ น ก็ ม ากิ น
ด้วยกัน!” จ้าวเหวินเทาเรี ยก

เย่ ฉู ฉู่ ก ล่ า ว “กิ น ด้ว ยกัน สั ก หน่ อ ยเถอะ เดี๋ ย วฉั น ไปหยิ บ
ตะเกียบมาให้ แล้วก็อุ่นหมัน่ โถวให้ดว้ ย”

ชุ ยต้าเห็นเย่ฉูฉู่เดิ นถือถ้วยโจ๊กขาวเข้ามา ข้าวเป็ นสิ่ งที่หาได้


ยากมาก หนึ่ งปี ได้รับประทานสักครั้งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว มีบาง
ครอบครัวใช้เวลาตั้งหลายปี ยังไม่ เคยได้รับประทานสั กครั้ ง
เลย!

“ผม…ผมยังไม่ได้กินอะไรเลย” ชุยต้าพูดจบก็แอบแสดงสี หน้า


ลาบากใจ

จ้าวเหวินเทามองออกว่าเขาคิดอะไร จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “มี


อะไรต้องเกรงใจ ก็แค่ขา้ วมื้อเดี ยว ไม่ใช่ เรื่ องใหญ่อะไรสัก
หน่อย ฉันเองก็มีเรื่ องอยากจะคุยกับนายอยูพ่ อดี”
ชุยต้าได้ยนิ ว่ามีเรื่ องอยากจะมาหาเขา จึงได้สติในทันที เขารี บ
ขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว “พี่หก พี่จะคุยอะไรกับผมเหรอ”

“กินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วค่อยคุย”

เย่ฉูฉู่นาโจ๊กมาให้ชุยต้าแล้ว จากนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ จ้าวเหวิน


เทาแล้วรับเสี่ ยวไป๋ หยางไป เสี่ ยวไป๋ หยางก็ซุกซนอยากจะปี น
ขึ้นไปบนโต๊ะ เย่ฉูฉู่จึงทาได้เพียงแค่ อุม้ ลู กเดิ นออกไปอย่าง
ช่วยไม่ได้

ลูกลิงเห็นว่ามีคนนอกอยู่ดว้ ยมันย่อมไม่ข้ ึนมาบนโต๊ะอยูแ่ ล้ว


ตอนนี้กย็ า้ ยก้นไปที่หอ้ งตะวันตกนานแล้วด้วย

“ภรรยา คุ ณรอผมกินเสร็ จแล้วเดี๋ ยวเอาลู กมาให้ผมดู ให้นะ”


จ้าวเหวินเทากล่าว

“ไม่เป็ นไร คุณกินเถอะค่ะ ถึงเวลานอนของลูกแล้วด้วย” เย่ฉูฉู่


อุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางเข้าไปในห้องตะวันตก
“นายกิ น เลย” จ้า วเหวิน เทาพู ด กับชุ ย ต้า “เด็ก คนนี้ ยิ่ง โตยิ่ง
กล่ อ มยากแล้ว ก่ อ นหน้า นี้ ไม่ เ ห็ น จะเป็ นแบบนี้ เลย ตอนนี้
อยากจะขึ้นมากวาดบนโต๊ะซะแล้ว!”

“พอเด็กโตขึ้ นก็เ ป็ นแบบนี้ ทั้งนั้นแหละ” ชุ ยต้าก็ไม่ รู้จ ะพู ด


อะไร เขาจึ งพูดตามน้ าไปหนึ่ งประโยคและเริ่ มรั บประทาน
อาหาร

โจ๊กอร่ อยจริ ง ๆ หอมชะมัดเลย!

หมัน่ โถวก็อร่ อย อืม เนื้อนี้กอ็ ร่ อยเหมือนกัน!

ชุ ยต้าไม่ เคยรั บประทานอาหารแบบนี้ มาก่ อน เขาสัญญาอยู่


ภายในใจว่าเขาจะต้องตั้งใจทางาน จะต้องเป็ นเหมือนพี่หก ได้
รับประทานอาหารแบบนี้ทุกวันให้ได้

จ้าวเหวินเทากล่าว “นี่ คือเนื้ อหมักซี อิ๊ว ฉันซื้ อกลับมาจากใน


เมือง นายน่าจะไม่เคยกิน กินเยอะ ๆ นะ”
ชุยต้าพูดด้วยความซื่อสัตย์ “เนื้อนี้อร่ อยจริ ง ๆ”

“ฉันก็คิดว่าอร่ อยเหมือนกัน นี่ เป็นอาหารที่มีชื่อเสี ยงมากตรง


ถนนเส้นนั้นในเมื องเลยนะ ฉันได้ยินคนอื่ นพูดกันก็เลยซื้ อ
กลับมา” จ้าวเหวินเทาซดโจ๊กไปพลางพูดคุยไปพลาง

หลังจากรั บประทานอาหารเสร็ จ จ้าวเหวินเทาก็นาถ้วยและ


ตะเกียบไปล้าง ชุยต้าก็รีบเข้ามาช่วย

เย่ฉูฉู่อุม้ ลูกเดินออกมา “ไม่ตอ้ งทาหรอกค่ะ ลูกหลับแล้ว คุณ


ช่วยดูลูกนะ ฉันขอกินข้าวก่อน”

“ได้สิ ภรรยา คุณกินเสร็ จก็วางไว้นะ เดี๋ยวผมล้างให้เอง” จ้าว


เหวินเทากล่าว

“พอเถอะ ไม่ ตอ้ งให้คุณช่ วยหรอก” เย่ฉูฉู่วางลู กลงบนเตียง


และเดินไปรับประทานอาหาร
จ้าวเหวินเทาชงน้ าชาหนึ่ งกา จากนั้นก็นงั่ ขัดสมาธิ ลงบนเตียง
เขาเรี ยกให้ชุยต้ามานัง่ ด้วยกัน จากนั้นก็รินน้ าชาให้ตวั เองและ
ชุยต้าคนละแก้ว

“ชุ ย ต้ า นายเลี้ ยงกระต่ า ยมาเกื อ บครบปี แล้ ว ใช่ ไ หม?”


จ้าวเหวินเทากล่าว

ท่ า ทางของจ้า วเหวิน เทาในตอนนี้ ในสายตาของชุ ย ต้าเขามี


บารมีความเป็นพี่ใหญ่สูงเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอะไรที่
เรี ยกว่าบารมี แต่ความรู ้สึกนั้นก็ไม่อาจพูดออกมาได้

ตอนนี้จา้ วเหวินเทาวิ่งเข้าเมืองเป็ นประจา นิสัยอะไรของเขาก็


แตกต่ า งจากก่ อ นหน้า นี้ ยิ่ง ไม่ ต ้อ งพูด ถึ ง พวกเขาที่ ไม่ ได้วิ่ง
ออกไปข้างนอกบ่อย ๆ เลย

“ใช่ ใกล้จะครบปี แล้วล่ะครั บ” ชุ ยต้ารี บพูด น้ าเสี ยงของเขา


แฝงด้วยความระมัดระวัง
จ้า วเหวิน เทากลับไม่ ไ ด้รู้ สึ ก ถึ ง สิ่ ง นี้ เขาจริ ง จัง ขนาดนี้ เพื่ อ
ปฏิบตั ิต่อชุยต้าเหมือนผูใ้ หญ่คนหนึ่ง

“งั้นก็ตอ้ งมีประสบการณ์แล้ว ฉันมีงานนึงไม่รู้ว่านายอยากทา


หรื อเปล่า” จ้าวเหวินเทากล่าว

“งานอะไรเหรอ พี่หก ถ้าผมทาได้ ผมทาแน่ นอน!” ชุ ยต้าให้


สัญญา

“ถ้า นายทาไม่ ได้ฉันไม่ ต ามหาตัว นายหรอก” จ้า วเหวิน เทา


กล่าวด้วยรอยยิม้ “เลี้ยงกระต่ายไง ช่วยเลี้ยงกระต่ายให้ฉนั ฉัน
จะจ้างนาย ครั้งนี้ ไม่เหมือนกับขนฟื นพวกนั้นแล้วนะ ฉันจะ
ให้เงินนาย แต่นายต้องระมัดระวังด้วยนะ ถึงยังไงกระต่ายก็
เทียบกับฟื นไม่ได้”

ชุยต้าแอบไม่เข้าใจเท่าไรนัก “พี่หก กระต่ายบ้านพี่ถึงแม้วา่ มัน


จะเยอะ แต่ก็คงไม่ถึงขั้นต้องจ้างคนมั้ง? ถ้าพี่ยุ่งจนทาไม่ทนั
ผมกับน้องชายจะช่ วยมาดู ให้วนั ละสองรอบก็ได้ พวกเราไม่
เอาเงินหรอก”

จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า “ตอนนี้ยงั ไม่เยอะ แต่ฤดูใบไม้ผลิปีหน้า


ก็ เ ยอะแล้ว เรื่ องนี้ ไม่ ไ ด้ รี บอะไร นายกลับ ไปคิ ด ดู ก่ อ น
หลังจากผ่านช่วยข้ามปี แล้วนายค่อยมาให้คาตอบฉันก็ได้ นาย
ก็ไม่ตอ้ งหนักใจนะ นายอยากทาหรื อไม่อยากทา พวกเราก็ยงั
เป็ นเหมือนเดิม”

ชุยต้ารี บพยักหน้า “พี่หก ผมเข้าใจแล้ว” จากนั้นเขาก็อดไม่ได้


ที่จะถามจ้าวเหวินเทาว่าเมื่อคืนเกิดเรื่ องอะไรขึ้น

จ้าวเหวินเทายิม้ “ฉันไม่ได้กลับมาแค่คืนเดียวทาให้ท้ งั หมู่บา้ น


เป็ นกังวลหมดเลย คนที่ไม่รู้คงคิดว่าฉันเป็ นคนสาคัญ!”

“พี่หก ก็เพราะพี่เป็ นคนสาคัญน่ะสิ หมู่บา้ นของพวกเราพี่เป็น


คนสาคัญที่สุดแล้ว!” ชุยต้าพูดจากใจจริ ง
จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม “คาพูดนี้ อย่าเอาไปพูดข้างนอกเชี ยวนะ
จะได้ไม่มีใครหัวเราะ ฉันเป็ นคนสาคัญอะไรกัน เมื่อคืนฉัน
ไม่ ไ ด้ก ลับ มาก็ เ พราะฉั น ไปซื้ อ ที่ ดิ น ในเมื อ งมา ขั้น ตอน
ดาเนินการไม่เสร็จ ก็เลยทาให้ล่าช้าไปคืนหนึ่ง”

จ้าวเหวินเทาพูดอย่างสบาย ๆ แต่ชุยต้าที่ได้ยนิ กลับใจเต้นแรง


ด้วยความตกตะลึง อะไรนะ พี่หกซื้อที่ดินในเมืองแล้ว!

ในเมืองเลยนะ ซื้อที่ดิน!

ต้องใช้เงินเท่าไรกันเนี่ย?

“พี่หก ที่…ที่ดินใหญ่ขนาดไหนเหรอ?” เสี ยงของเขาสั่นเครื อ

“ก็ขนาดเท่ากับหมู่ บา้ นพวกเรานี่ แหละ ไม่รวมตงเหลี ยงนะ


แค่ในหมู่บา้ น ใหญ่ประมาณนั้นแหละ” จ้าวเหวินเทากล่าว

ชุ ยต้าหายใจติดขัด “ใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอครั บ ต้องใช้เงิ น


เท่าไรเนี่ย?”
“ก็ไม่ เยอะหรอก ไม่ กี่หมื่ น” จ้าวเหวินเทาพูดอย่า งสบาย ๆ
ขณะยกน้ าชาขึ้นมาจิบ

หากใช้หนึ่ งคาเพื่ออธิ บายจ้าวเหวินเทาในตอนนี้ได้เหมาะสม


ที่สุด ก็คงจะเป็ น…วางมาด!

เย่ฉูฉู่ก็รับประทานอาหารเสร็ จแล้ว เธอเดินมาดูลูกและได้ยนิ


คาพูดนี้พอดี ภายในใจก็แอบขา สามีของเธอเริ่ มวางท่าอีกแล้ว
ท่าทางของเขาราวกับจะยืมปากของชุ ยต้าให้ไปพูดให้คนใน
หมู่บา้ นฟัง

เธอเดาไม่ผดิ เลย จ้าวเหวินเทาพูดกับชุยต้าแบบนี้กเ็ พื่อให้ชุยต้า


ไปพูดให้คนในหมู่บา้ นฟัง

แน่นอนว่าเขาไม่เพียงแค่พูดให้คนในหมู่บา้ นฟั ง แต่ที่สาคัญก็


คือพูดให้ทีมใหญ่ฟังด้วย เล่าให้เลขาฟั ง หลังจากนี้ ก็จะได้ซ้ื อ
ที่ดินได้ง่าย ๆ
ผลลัพ ธ์ ที่ ไ ด้ชุ ย ต้า ไม่ ไ ด้ท าให้จ ้า วเหวิน เทาผิด หวัง เลย เขา
กลับไปเล่าให้นอ้ งชายและพ่อฟัง

“ใครบอกว่าพี่หกทะเลาะกับคนอื่นจนถูกขังอยู่ในเมืองกันล่ะ
พี่หกไปดาเนินการซื้อที่ดินในเมืองก็เลยกลับมาไม่ทนั ต่างหาก
เล่า เขาซื้อที่ดินเลยนะ ซื้อที่ดิน!”

ค าพู ด ที่ ส าคัญ ชุ ย ต้า พู ด ย้ า ถึ ง สามรอบ สิ่ ง นี้ ท าให้ พ่ อ และ


น้องชายมึนงงไปหมด สุ ดยอด ไปซื้อที่ดินถึงในเมืองเลย!

ผูค้ นไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ขอแค่ซ้ื อที่ดิน นัน่ ก็แสดงออกให้


เห็นถึงความสุ ดยอดแล้ว ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงซื้อที่ดินในเมือง

พ่อของชุ ยต้านัง่ ไม่ติดแล้วจึงไปเล่าให้น้องชายของเขาฟั ง ที่


บ้านของเจ้ารองชุ ยก็มีเหล่าหวังสามและคนขี้เกียจในหมู่บา้ น
อีกสามสี่ คนนัง่ คุยกันอยูพ่ อดี พวกเขากาลังนัง่ นินทาจ้าวเหวิน
เทากันอยู่
“พวกนายเลิกพูดถึงเขาได้แล้ว!” พ่อของชุ ยต้าคล้ายกับได้รับ
ข่าวที่สาคัญบางอย่าง จึงโบกแขนด้วยความตื่นเต้น “ที่จา้ วเห
วินเทาไม่ กลับบ้านเมื่ อคื นก็เป็ นเพราะยังดาเนิ นขั้นตอนซื้ อ
ที่ดินในเมืองไม่เสร็ จ ที่ดินใหญ่เท่ากับหมู่บา้ นของพวกเราเลย
นะ ตั้งหลายหมื่นแน่ะ!”

ทุกคนถึงกับชะงัก ก่อนจะทยอยเอ่ยถาม

“นายไปฟังมาจากใคร?” เหล่าหวังสามถาม

“ฉันก็ได้ยินมาจากลู กชายคนโตน่ ะสิ เมื่ อกี้ เขาเพิ่งไปที่ บา้ น


จ้าวเหวินเทามา แถมยังได้ไปนัง่ กินข้าวที่นนั่ ด้วยนะ พวกนาย
รู ้ไหมว่าเขาได้กินอะไร ข้าวขาวเชียวนะ!”
ตอนที่ 252 เกิดข่ ำวใหญ่

ทุกคนได้ยนิ ก็พากันคิด สวรรค์ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็ นข้าวขาว!


นัน่ เป็นของหายากเลยนะ ขนาดข้ามปี แล้วพวกเขาก็ยงั ไม่ได้
กินสักมื้อ แต่จา้ วเหวินเทากลับได้กินทั้ง ๆ ที่ยงั ไม่ขา้ มปี ด้วย
ซ้ า

“ยังมีอีกนะ!” พ่อของชุ ยต้าพูดเสี ยงสู งอีกครั้ง “เนื้ อหมักซี อิ๊ว


พวกนายเคยกิ น หรื อ เปล่ า ? ลู กชายของฉันเพิ่ งได้กิ นมา เขา
บอกว่าอร่ อยมาก จ้าวเหวินเทาซื้อกลับมาจากในเมืองเลยนะ”

ตอนนี้ พ่อของชุ ยต้ารู ้สึกดี มาก สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่


เขา ความรู ้ สึกนี้ เขาไม่ เคยได้รับมาก่ อน แม้ว่าสาเหตุจะเป็ น
เพราะจ้าวเหวินเทา แต่เขาก็ยงั รู ้สึกเพลิดเพลินมากอยู่ดี เขาจึง
เล่าเรื่ องที่ลูกชายพูดให้ฟังไปอีกสองสามรอบด้วยความตื่นเต้น
เพราะกลัวว่าคนเหล่านี้จะละสายตาไปจากเขา
“จ้าวเหวินเทายังบอกให้ลูกชายของฉันไปเลี้ยงกระต่ายให้เขา
ปี หน้าด้วยนะ!”

ท้ายที่สุดพ่อของชุยต้าก็ทิ้งทวนด้วยประโยคนี้

ตอนแรกเริ่ มที่ทุกคนได้ฟังก็รู้สึกคล้อยตาม ต่างก็มองมาที่พ่อ


ของชุยต้า แต่เมื่อไม่มีอะไรใหม่ ๆ แล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจพ่อ
ของชุยต้าอีก แต่เริ่ มถกประเด็นขึ้นมา

“เจ้าเด็กจ้าวเหวินเทานี้ ก็สุด ยอดเกิ นไปแล้วนะ?” เหล่ าหวัง


สามกล่าว “นี่ เพิ่งจะปี เดี ยวเอง เขาสร้างบ้านแล้ว แถมยังซื้ อ
ที่ดินในเมืองอีก ค้าขายได้เงินดีขนาดนั้นจริ ง ๆ เหรอ?”

“ก็แหงสิ มี คนขายของตั้ง เยอะแยะ แต่ ยงั ไม่ เคยเห็ นใครได้


แบบนี้ เลย ที่ ดิ น ในหมู่ บ้า นใหญ่ โ ตขนาดนี้ ตั้ง หลายหมื่ น
หยวน นี่ไม่ใช่ตวั เลขน้อย ๆ เลยนะ”

“ไม่ใช่วา่ ค้างจ่ายหรอกนะ?” ชุยเอ้อร์คาดเดา


“ซื้อของในเมืองก็คา้ งจ่ายได้ดว้ ยเหรอ?”

“ทาไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมืองนี่แหละยิง่ เป็ นหนี้เยอะ!”

ทุกคนต่างก็หอ้ มล้อมเพื่อเริ่ มถกประเด็นของจ้าวเหวินเทา ไม่


ต้องพูดเลย จ้าวเหวินเทาได้กลายเป็นคลื่นระลอกใหญ่ภายใน
หมู่บา้ นอีกครั้ง : เจ้าเด็กจ้าวเสี่ ยวลิ่วนัน่ เยีย่ วจริ ง ๆ ซื้ อที่ดินใน
เมืองได้แล้ว!

เยีย่ วในที่น้ ีกห็ มายความว่าสุ ดยอดนัน่ แหละ

สิ้ นปี มาถึงแล้ว ทุกคนต่างก็กาลังยุง่ อยูก่ บั การทางาน มีแค่พวก


ขี้ เกี ยจแบบเหล่ าหวังสามที่ ย งั มี เ วลาไปนั่ง นิ น ทาชาวบ้า นที่
บ้านคนอื่น แต่นี่กท็ าให้เป็ นข่าวใหญ่เช่นกัน คนในหมู่บา้ นนา
เรื่ องนี้ มาซุ บ ซิบ ปรากฏว่ า พวกขี้ เกี ย จนี่ ก็ มี ป ระโยชน์
เหมือนกัน
แน่ นอนว่ามีคนไม่เชื่อ เพราะจ้าวเหวินเทาเป็นคนพูดเอง ใคร
จะไปรู ้วา่ เกิดอะไรขึ้น ที่ดินในเมืองซื้อขายกันง่ายขนาดนั้นเลย
เหรอ? ถ้าซื้อกันได้ง่าย ๆ ทุกคนก็คงซื้อไปนานแล้วมั้ง?

แต่ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ก็ได้ขอ้ พิสูจน์ว่าจ้าวเหวินเทาพูดเรื่ อง


จริ ง เพราะในหมู่บา้ นมีข่าวแพร่ สะพัดว่าจ้าวเหวินเทาจะซื้ อ
ที่ดินในหมู่บา้ นเพื่อเลี้ยงกระต่าย ของที่ใช้มดั จาก็คือใบรับรอง
ที่ดินในเมืองผืนนั้น หากไม่ได้ซ้ื อที่ดินจะมีใบรับรองที่ดินได้
อย่างไรกัน?

ตอนนี้ทุกคนก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ต่างก็มาหาจ้าวเหวินเทาถึง
ประตู บ้า น ขอเรี ย นวิ ช า เชื่ อ มสั ม พั น ธไมตรี และตี ส นิ ท
แน่นอนว่ามีคนมายืมเงินด้วย

แต่จา้ วเหวินเทายุง่ เกินไป หลังจากคุยกับทีมใหญ่เรื่ องที่จะซื้ อ


ที่ดินเสร็ จก็ไปในเมือง ทางฝั่งนั้นยังมีเรื่ องต้องทา อีกอย่างเขา
ก็มีเรื่ องใหญ่ให้ทาด้วย นัน่ คือติดตั้งโทรศัพท์!
“เป็ นเพราะเรื่ องนี้กเ็ ลยติดตั้งโทรศัพท์เหรอ แบบนั้นไม่มีความ
จาเป็ นหรอก” เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า “ผมคิดจะติดตั้งนานแล้ว แต่คิดมาตลอด


ว่าไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ ไม่เหมือนกันแล้วนะ เลี้ยง
กระต่ายเยอะขนาดนั้น คงไม่สามารถหนี เรื่ องโรคกับหายนะ
ได้ ไปโทรศัพ ท์ที่ ที ม ใหญ่ ก็ เ สี ย เวลาเกิ น ไป อี ก อย่า งผมก็
ออกไปข้างนอกบ่อยด้วย เวลามีเรื่ องอะไรก็จะได้โทรมาหา
คุ ณไง คุ ณไม่ตอ้ งเป็ นกังวล ผมเองก็หมดห่ วงด้วย ยิ่งไปกว่า
นั้นก็คือพี่สะใภ้สามกับคุณก็จาเป็ นต้องติดต่อหากันบ่อย ๆ คิด
ไปคิดมา ผมเลยคิดว่ายังไงก็ตอ้ งติดตั้งโทรศัพท์นี่”

ในเมื่อจ้าวเหวินเทาพูดแบบนี้ เย่ฉูฉู่กค็ ิดว่าการติดตั้งโทรศัพท์


นี้ดูเหมือนว่าจะสาคัญมาก “งั้นก็ติดตั้งเถอะ”
จ้าวเหวินเทาไม่ ไ ด้เ ป็ นคนแรกในหมู่ บา้ นที่ ติด ตั้งโทรศัพ ท์
เท่านั้น บริ เวณหมู่บา้ นใกล้เคียงนี้ ก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ติดตั้ง
โทรศัพท์

ตอนนี้ ใกล้จะข้ามปี แล้ว ทุกอย่างต่างหยุดชะงักหมด การเดิ น


สายโทรศัพท์เข้ามาและลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์กย็ งั ต้อง
ใช้เวลา ดังนั้นจึงต้องรอจนกว่าจะข้ามปี เสร็ จถึงจะติดตั้งได้ ก็
แค่สมัครไว้ก่อนเท่านั้น

เรื่ องที่จา้ วเหวินเทาจะติดตั้งโทรศัพท์กลายเป็ นที่พูดถึงภายใน


หมู่ บา้ นอี กครั้ ง ก่ อนหน้านี้ นินทากาเลกันสนุ กปากอย่า งไร
ภายหลังก็ถูกตบหน้าฉาดใหญ่อย่างนั้น แต่ถา้ ไม่คิดว่าเป็ นการ
ตบหน้าก็ไม่เจ็บ คนพวกนั้นที่ก่อนหน้านี้ พูดว่าจ้าวเหวินเทา
ทะเลาะกับคนอื่นจนถูกจับ ตอนนี้ กลับเริ่ มอวยจ้าวเหวินเทา
อย่างหนัก ราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่ องอะไรขึ้นทั้งนั้น
“เจ้าเด็กจ้าวเหวินเทาคนนี้ ฉันคิดไว้แต่แรกแล้ว ชีวติ เกิดมาเพื่อ
ร่ ารวยเลยนะ ไม่ง้ นั เขาคงไม่โชคดีขนาดนั้นตั้งแต่เด็ก!”

“นั่นน่ ะสิ จ้าวเหวินเทานี่ เหมื อนกับโอรสของสวรรค์เลยนะ


เรื่ องดี ๆ อะไรก็ให้เขาหมดเลย!”

“นี่ เพิ่งจะซื้ อที่ ดินในเมื อง ตอนนี้ ก็มาซื้ อที่ ดินในหมู่ บา้ นอีก
ไหนจะติดตั้งโทรศัพท์ เด็กคนนี้ ทุกอย่างกลายเป็ นของเขาคน
เดียวเลย เขาไปเอาเงินมาจากไหนตั้งเยอะแยะขนาดนั้นเนี่ย!”

แทบจะทุกบ้านที่พูดถึงเรื่ องของจ้าวเหวินเทา พวกพี่ชายของ


จ้าวเหวินเทาก็ไม่มีขอ้ ยกเว้น

พี่รองจ้าวกาลังล้างทาความสะอาดปลาสองสามตัวเพื่อเตรี ยม
ไว้รับประทานช่วงเที่ยงในวันข้ามปี ปี นี้เป็ นปี ที่ดี เขาไม่อยาก
เป็ นเหมือนกับปี ก่อน ๆ จึงต้องเตรี ยมตัวให้ดีสักหน่อย ไก่และ
ปลาก็ถูกจัดเตรี ยมไว้แล้ว เป็ นคามงคลว่ามีเหลือกินเหลือใช้
ทุกปี
พี่สะใภ้รองจ้าวกาลังจุดเทียนเพื่อเผาไก่ที่เพิ่งถูกเชือด นี่เป็ นไก่
ที่เลี้ยงเอง เป็ นไก่กระทงที่เลี้ยงไว้ได้หนึ่งปี

พวกเด็ก ๆ กาลังนั่งทาการบ้านวันหยุดฤดู หนาวในห้อง ทั้ง


บ้านต่างก็ยงุ่ กันหมด แต่เห็นได้ชดั ว่าอบอุ่นมาก

“น้องหกจะติดตั้งโทรศัพท์แล้ว คุณรู ้หรื อเปล่า?” พี่สะใภ้รอง


จ้าวกล่าว

“ไม่รู้” พี่รองจ้าวกาลังตั้งใจล้างทาความสะอาดปลา

เขาไม่ได้สนใจน้องชายคนนี้แล้ว เพราะทุกครั้งที่สนใจก็จะถูก
โจมตีทุกครั้ง เขาไม่ชอบการถูกโจมตี ดังนั้นเขาจึงสนใจตัวเอง
ให้มาก ๆ แทน

พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วกล่ า วต่ อ ไปว่า “ฉัน ได้ยิน หลี่ เ ฟิ นเล่ า ให้ฟั ง
หล่อนบอกว่าน้องหกจะซื้ อที่ดินในหมู่บา้ นด้วย นี่ ก็ไปคุยกับ
ทีมใหญ่แล้ว รอข้ามปี ก็จะดาเนินการซื้อขาย”
พี่รองจ้าวส่ งเสี ยง ‘หึ ’ ออกมาเบา ๆ “หลี่เฟิ นเป็นคนพูดว่าเจ้า
หกไปชกต่อยกับชาวบ้านจนถูกจับไม่ใช่เหรอ นี่เพิ่งจะผ่านไป
ไม่ กี่ ว นั กลับ มาพู ด ว่า เขามี ค วามสามารถแล้ว ปากแบบนั้น
เรี ยกว่าอะไรกัน”

“ก็นนั่ น่ ะสิ ปากของหลี่เฟิ นนี่ ก็จริ ง ๆ เลย พูดไปเรื่ อยเลย คน


คนนี้ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็พูดเป็ นตุเป็ นตะไปหมด คนที่ไม่รู้ก็
คิ ดว่าเป็ นเรื่ องจริ ง แต่ ครั้ งนี้ คือเรื่ องจริ งนะ เรื่ องที่ ติดตั้งโท
ศัพท์กบัซ้ื อที่ดินเกิดการเคลื่ อนไหวเยอะมากเลย ไม่ใช่ เรื่ อง
โกหกหรอก” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดพลางถอนหายใจ “น้องหกนี่
มี ค วามสามารถจริ ง ๆ นี่ แ ค่ จ ะปี กว่า ๆ ก็ท ากิ จ การใหญ่ โ ต
ขนาดนี้แล้ว!”

ความอิจฉาในคาพูดของพี่สะใภ้รองจ้าวแฝงด้วยความปวดใจ
ท่ า มกลางความผิด หวัง ก็แฝงด้ว ยความชื่ นชม ภายในใจไม่
สามารถพูดออกมาได้วา่ รู ้สึกอย่างไร
น้องชายของตัวเองใช้ชีวติ ได้ดีขนาดนั้น พี่รองจ้าวก็ทาได้เพียง
แค่ รู้ สึ ก ดี ใ จด้ว ย ส่ ว นเขาไม่ ส ามารถสู ้ น้อ งชายได้ แต่ ก็ไ ม่
เป็ นไรหรอก คนไปเที ยบกับคนก็ตอ้ งตายไปข้า งหนึ่ ง ของ
เทียบกับของก็ตอ้ งถูกเขวี้ยงทิ้ง ดังนั้นอย่าไปเทียบกัน ใช้ชีวิต
ตัวเองให้ดีกพ็ อแล้ว

“เขาเป็ นคนหัวฉลาดมาตั้งแต่เด็ก โชคก็ดีดว้ ย เป็ นเรื่ องปกติที่


จะมีธุรกิจของครอบครัว” พี่รองจ้าวกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวเห็นท่าทางไม่แยแสของพี่รองจ้าวก็แอบโมโห
แต่ เ พี ย งไม่ น านก็ถู ก ระบายออก สนใจแล้ว อย่า งไรต่ อ ล่ ะ ?
หล่อนจะเทียบกับจ้าวเหวินเทาได้เหรอ?

เทียบไม่ได้จริ ง ๆ ตอนนี้จา้ วเหวินเทาเป็ นเหมือนกับจรวดที่พุ่ง


ตัวไปข้างหน้า มองไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

มองเห็นจุดนี้ พี่สะใภ้รองจ้าวก็หมดอารมณ์จะย่างไก่แล้ว
ตอนนี้ พี่ ส ามจ้า วก็ก าลัง ยุ่ง อยู่ก ับ การท างาน การขายเต้า หู ้
สิ้ นสุ ดลงแล้ว ของปี ใหม่ที่พี่สะใภ้สามจ้าวซื้อในปี นี้กซ็ ้ือมาไม่
น้อยแล้ว เมื่อเทียบกับปี ที่แล้วดูร่ ารวยกว่าไม่รู้ต้ งั กี่เท่า พี่สาม
จ้าวเห็ นแล้วก็รู้สึก ปวดใจจนทนไม่ ไหว ฟุ่ มเฟื อยชะมัด ยัย
ผูห้ ญิงคนนี้ฟุ่มเฟื อยจริ ง ๆ เลย!

ภายในใจแอบก่นด่าอยูส่ องสามคา แต่นี่กจ็ ะข้ามปี แล้ว ทะเลาะ


โกรธกันไม่ใช่ เรื่ องดี ทั้งยังกระทบต่อโชคลาภในปี หน้าด้วย
เขาจึงทาได้เพียงแค่ปลอบตัวเองอยูภ่ ายในใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนที่ 253 มองดูบุตรเคำรพบิดำ

สามีของตนเป็ นอย่างไรมีหรื อที่หล่อนจะไม่รู้ พี่สะใภ้สามจ้าว


มองเพียงปราดเดียวก็รู้แล้ว จึงกล่าวว่า “ยิง่ คุณไม่กินนัน่ แหละ
ยิง่ ฟุ่ มเฟื อย”

พี่ ส ามจ้า วรู ้ สึ ก เหมื อ นหั ว ใจโดนกรี ด เฉื อ น เขาถลึ ง ตาใส่


พี่สะใภ้สามจ้าวปราดหนึ่ ง “ใครบอกไม่กินเล่า? คุณรอข้ามปี
ก่อนเถอะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวบุย้ ปาก “ข้ามปี แล้วคุณจะทาไม จะกินฉันงั้น


เหรอ?”

พี่สามจ้าวอยากตบหน้าคนจริ ง ๆ ตอนนี้ เองพี่สะใภ้สามจ้าวก็


พูดขึ้นว่า “น้องหกจะติดตั้งโทรศัพท์แล้ว”
“ติดตั้งอะไรนะ? โทรศัพท์?” พี่สามจ้าวถึงกับชะงัก ช่ วงนี้ เขา
ยุง่ จนไม่ได้สนใจอะไรเลย จึงไม่ทราบเรื่ องราวภายนอก

พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วได้ยิน ข่ า วลื อ เหล่ า นั้น ของน้อ งหกแล้ว แต่
ไม่ ได้พูดให้พี่สามจ้าวฟั ง คาพูดเหล่ านั้นแค่ได้ยินก็รู้แล้วว่า
เป็ นเรื่ องโกหก ผลลัพธ์ที่ได้กค็ ือเรื่ องโกหกจริ ง ๆ พี่สะใภ้สาม
จ้าวภูมิใจในการตัดสิ นใจของตัวเองมาก

หล่อนเล่าเรื่ องที่เกิดขึ้นช่วงสามสี่ วนั มานี้ให้พี่สามจ้าวฟั ง เมื่อ


พี่สามจ้าวได้ฟังก็ถึงกับชะงัก มีเรื่ องแบบนี้เกิดขึ้นหรื อนี่ ทาไม
เขาถึงไม่รู้อะไรเลย?

แต่ ก็จริ ง เขาเอาแต่ ไปส่ งเต้าหู ้ขา้ งนอกทุ กวัน กลับมาหัวถึ ง


หมอนก็นอนแล้ว จะไปมีเวลาสนใจเรื่ องพวกนี้ได้อย่างไรกัน
ต่อให้ได้ยนิ ก็อาจจะไม่สนใจ
“ตอนนี้ น้องหกจะติดตั้งโทรศัพท์แล้ว คนพวกนี้ ก็เริ่ มชื่ นชม
น้อ งหกที่ ห าเงิ น เก่ ง พวกเขานี่ ไ ร้ ย างอายเหมื อ นกัน นะ!”
พี่สะใภ้สามจ้าวเยาะเย้ย

พี่สามจ้าวถึงกับเหม่อลอย คนพวกนี้ จะไร้ยางอายหรื อไม่เขา


ไม่สนใจ สิ่ งที่เขาสนใจก็คือจ้าวเหวินเทาซื้ อที่ดินในเมือง ซื้ อ
ที่ดินในหมู่บา้ น ทั้งยังจะติดตั้งโทรศัพท์อีก นี่มนั เข้าขั้นร่ ารวย
แล้วนะ!

ระยะเวลาแค่ไม่กี่วนั ทาไมถึงเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้ล่ะ!

“เจ้าหกอยูบ่ า้ นไหม?” พี่สามจ้าวถาม

“ไม่ รู้สิคะ ดู เหมื อนว่าจะไม่ อยู่บา้ นนะ เห็ นว่าไปทาธุ ระใน


เมืองแล้ว” พี่สะใภ้สามจ้าวเน้นคาว่า ‘ทาธุระ’
เมื่อพี่สามจ้าวเห็นงานเหล่านี้ ที่อยู่ในบ้าน จึงข่มแรงกระตุน้ ที่
อยากจะไปบ้านจ้าวเหวินเทาทันที รอให้เสร็ จจากข้ามปี ก่อน
ค่อยไปก็ยงั ไม่สาย

“ตอนเที่ ย งพวกเรานึ่ ง ปลาเถอะ เอาปลาตัว ใหญ่ ต ัว นี้ ไปนึ่ ง


เลย!” พี่สามจ้าวเลื อกปลาที่ ใหญ่ ที่สุ ดออกมาหนึ่ ง ตัว ยื่น ให้
พี่สะใภ้สามจ้าว

พี่สะใภ้สามจ้าวรับไปตามสัญชาตญาณและกะพริ บตาปริ บ ๆ
ราวกับรู ้สึกกาลังฝันไป หล่อนไม่ได้หูแว่วไปใช่ ไหม นึ่ งปลา
ตอนเที่ยง? วันนี้ยงั ไม่ขา้ มปี เลยนะ

“ไม่ ร อกิ น ตอนข้า มปี เหรอ?” พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วเอ่ ย ถามอย่า ง
ระมัดระวัง

พี่สามจ้าวกล่าว “ก็ยงั มีตลาดอีกไม่ใช่ เหรอ คุณก็ค่อยไปซื้ อที่


ตลาดอีกตัวก็ได้ ใช่วา่ จะซื้อไม่ได้สักหน่อย!”
น้ าเสี ยงของพี่สามจ้าวฟั งดู ราวกับคนรวยจนพี่สะใภ้สามจ้าว
ตกใจเกือบทาปลาหลุดออกจากมือ นี่คือสามีของหล่อนเหรอ?

“เจ้าหกกินดีอยู่ดี ชี วิตก็ดีข้ ึนเรื่ อย ๆ พวกเราจะแย่กว่าไม่ได้!”


พี่สามจ้าวพูดพึมพา “ฉันต้องไปถามเขา ทายังไงกับแผงลอย
ขนาดใหญ่แบบนี้!”

ตอนนี้พี่สะใภ้สี่จา้ วที่อยูใ่ นบ้านเก่าก็กาลังจัดการกับของปี ใหม่


อยู่ เป็นเพราะต้องช่วยพี่สามจ้าวทาเต้าหู ้ การข้ามปี ในปี นี้เงิน
จึ งไม่ ตึงมื อ หล่ อนซื้ อปลา เชื อดไก่ ผักใบเขี ยวก็ซ้ื อมาส่ วน
หนึ่ง นอกจากนี้ยงั มีเนื้อและแป้ งขาวอีกสามสี่ ชงั่ ด้วย สามารถ
พูดได้วา่ เมื่อเทียบกับปี ที่แล้ว ข้ามปี ในปี นี้ไม่ต่างจากการตกถัง
ข้าวสารเลย

พี่สะใภ้สี่จา้ วเหยียบลงบนแป้นจักรเย็บผ้า หล่อนตัดชุดใหม่ให้


ตัวเองและพี่สี่จา้ ว บนเตียงมีซานหยาและซื่ อหยากาลังช่ วยดู
อู่ หยา ตั้งแต่ เปลี่ ยนชุ ดให้อู่หยา หล่ อนก็หายห่ วงได้ไม่ น้อย
เพราะลูกไม่ร้องไห้โยเยแล้ว

พี่สี่จา้ วกาลังล้างปลาอยู่

“ครั้งนี้ น้องหกทาเรื่ องใหญ่ เลยนะ นี่ ก็ซ้ื อที่ดินไหนจะติดตั้ง


โทรศัพท์อีก นี่ตอ้ งหาเงินได้มากขนาดไหนกันเนี่ย!” พี่สะใภ้สี่
จ้าวพูดกับพี่สี่จา้ ว

พี่สี่จา้ ว “คุณจะไปสนใจว่าคนอื่นได้เงินเท่าไรไปทาไม ใช้ชีวติ


ของตัวเองให้ดีกพ็ อแล้ว!”

“ฉันสนใจอะไรกันล่ะ ก็แค่พูดเฉย ๆ! น้องหกมีความสามารถ


ขนาดนี้ คุณว่าง ๆ ก็ไปคุยหน่ อย เทียวไปเทียวมา น้องหกจะ
ได้สนิทกับพวกเรามากขึ้น หากเขาได้กินเนื้อ พวกเราได้ดื่มน้ า
แกงก็ยงั ดี” พี่สะใภ้สี่จา้ ววางแผนไว้อย่างดี
“คุณบอกว่าน้องสะใภ้หกเป็นคนจอมปลอมไม่ใช่เหรอ ทาให้
เรื่ องดูตวั ของคุณพังไม่เป็นท่า คุณยังจะให้ผมบากหน้าไปหา
อีก!” พี่สี่จา้ วพูดเสี ยงเรี ยบ

“คนแบบคุ ณ นี่ ม ัน จริ ง ๆ เลย ฉัน พู ด แบบนั้น ตอนไหนไม่


ทราบ? ต่อให้เคยพูด แต่นนั่ ก็เป็นเรื่ องที่นานมาแล้ว คุณยังจะ
พูดถึงอีก!”

“นานมาแล้ว? นี่ เพิ่งจะไม่กี่วนั ก่อนเองนะ ยังจะเรี ยกว่านาน


มาแล้วอีก!” พี่สี่จา้ วส่ งเสี ยง ‘ชิ’ ออกมาหนึ่งเสี ยง

พี่สะใภ้สี่จา้ วโกรธจนไม่อยากจะเย็บชุ ดให้สามีคนนี้ แล้ว ไม่


เคยเห็นใครเป็ นแบบนี้เลย!

จ้าวเหวินเทาทางานยุ่งอยู่หลายวันกว่าจะจัดการกับกระต่ายที่
อายุเยอะและป่ วยเป็ นโรคจนเสร็ จ นี่ ก็เป็นเพราะทาเวลาก่อน
ช่วงข้ามปี ตลาดมีความต้องการมาก กลับมาก็เริ่ มจัดการเชื อด
หมู เย่ฉูฉู่กเ็ ย็บชุดให้คุณแม่จา้ วเสร็จแล้ว
“นี่ใกล้จะข้ามปี แล้ว ทาไมถึงเพิ่งมาเชือดหมูล่ะ?” เหล่าไป๋ โถว
ถามด้วยรอยยิม้

“ลุ ง ไป๋ ผมยุ่ ง เกิ น ไปหน่ อ ย นี่ เ พิ่ ง จะมี เ วลาว่ า งมาที่ นี่ ”
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิม้ “คงต้องรบกวนให้ลุงช่ วยแล้ว
ล่ะ ลาบากหน่อยนะลุง”

“ลาบากอะไรกัน กับอีแค่ลงมีดแค่น้ นั เอง!” เหล่าไป๋ โถวกล่าว


ด้วยรอยยิม้ “ไปเถอะ ให้ไปเชือดที่บา้ นนายเหรอ?”

“ไม่ใช่ที่บา้ นผม ไปที่บา้ นพ่อผมดีกว่า ผมจะไปต้อนหมูมาให้


นะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“เด็กคนนี้ ช่างกตัญญู จริ ง ๆ เลยนะ ไปเชื อดหมูที่บา้ นพ่อ พ่อ


ของนายก็ได้กินเนื้อหมูสดใหม่ดว้ ย ฉันเองก็ประหยัดเวลา ไม่
ต้องไปไกล ๆ ด้วย ตอนนี้บา้ นของนายอยูไ่ กลเกินไปแล้วนะ”
ระหว่างที่เหล่าไป๋ โถวพูดก็ให้จา้ วเหวินเทาไปต้อนหมูมา ส่ วน
เขาก็ไปหามีดเพื่อเชือดหมู
จ้าวเหวินเทาไปหาชุ ยต้าและน้องชายของเขาเพื่อให้ช่วยต้อน
หมูไปที่บา้ นคุณพ่อจ้าว จากนั้นก็ไปหาเพื่อนบ้านอีกสามสี่ คน
เพื่อช่วยกันจับหมูมามัดไว้ เป็ นอย่างที่เหล่าไป๋ โถวพูดไว้ เป็ น
เรื่ องที่ใช้แค่มีด หมูก็ถูกเชื อดแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นช่ วงเวลา
สาคัญ จัดการกับเนื้อหมู

คุณแม่จา้ วถามจ้าวเหวินเทา “ฉูฉู่ไม่มาด้วยเหรอ?”

“อากาศหนาวขนาดนี้ เลยกลัว ว่า ลู ก จะไม่ ส บายน่ ะครั บ อี ก


อย่างในบ้านก็ยงั มีพวกกระต่ายแล้วก็สัตว์อื่น ๆ อีกที่ตอ้ งเฝ้ า
ไว้ ในบ้านจะปล่อยให้ไม่มีคนไม่ได้” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ดู แกสิ อยากจะไปสร้างบ้านที่นั่น แม้แต่เพื่อนบ้านก็ยงั ไม่มี


เลย!” คุณแม่จา้ วจัดการกับผักกาดขาวแห้งพลางกล่าว

“ตรงนั้นกว้างขวาง อีกอย่างปี ใหม่ชุยต้าก็จะไปสร้างบ้านแล้ว


ด้วย ที่ดินสร้างบ้านของเขาอยูไ่ ม่ห่างจากบ้านผมเลย” จ้าวเหวิ
นเทากล่าว
คุ ณแม่ จา้ วเอ่ ย “แบบนั้นก็ดี แม่ ได้ยินมาว่าแกจะซื้ อที่ ดินใน
หมู่บา้ น แกเองก็ยงุ่ จนหัวหมุน ไม่เห็นแม้แต่เงา แม่เลยยังไม่มี
เวลาได้ถามเลย”

“ใช่ แล้ว ผมซื้ อดิ นที่ไว้เลี้ยงกระต่าย” พอจ้าวเหวินเทาพูดถึง


เรื่ องนี้ คุณพ่อเย่ พี่ใหญ่เย่และพี่รองเย่ก็มาพอดี เขาจึงออกไป
ทักทาย

เขาตั้ง ใจเรี ย กให้พ่ อ ตาและพี่ ภ รรยามารั บ ประทานเนื้ อ หมู


ด้วยกัน พวกพี่สะใภ้เย่ไม่ได้มาด้วย ในบ้านมีเด็กและสัตว์เลี้ยง
จึงปล่อยบ้านไว้ไม่ได้ ก็เลยทาได้เพียงแค่ให้พวกพี่ภรรยานา
เนื้อหมูกลับไปส่ วนหนึ่ง

พี่รองจ้าว พี่สามจ้าวและพี่สี่จา้ วก็ตอ้ งมาอยูแ่ ล้ว ไม่ว่าปกติจะ


ไม่ พ อใจอย่ า งไร แต่ พี่ น้ อ งแท้ ๆ อย่ า งไรก็ ย ัง เป็ นพี่ น้ อ ง
สถานการณ์แบบนี้กย็ งั ต้องรวมตัวกันอยูด่ ี
คนที่ดีใจมากที่สุดก็คือพี่สะใภ้สี่จา้ ว ดูสิ ได้อยูบ่ า้ นเดียวกับแม่
สามี ดี ข นาดไหนกั น ล่ ะ พวกพี่ ร องจ้ า วก็ แ ค่ ไ ด้ ม าร่ วม
รั บ ประทาน แต่ พ วกเขาเป็ นสมาชิ ก ในบ้า น ดู เ หมื อ นว่ า
หลังจากนี้คงย้ายออกไปไม่ได้จริ ง ๆ แล้วสิ

การเชือดหมูเป็ นเรื่ องง่ายแต่เก็บกวาดยากลาบาก เชือดหมูเพื่อ


ทาอาหารมื้อนี้กว่าจะได้รับประทานเข้าปากก็ปาไปช่วงค่าแล้ว
โชคดีที่ตอนนี้มีหลอดไฟ ต่อให้ฟ้ามืดก็ไม่กลัว

จ้าวเหวินเทาเชื อดหมูครั้งนี้ มีคนมาเป็ นจานวนมาก บนเตียง


และล่างเตียงจัดโต๊ะไว้หนึ่ งโต๊ะก็ยงั ไม่พอ ห้องตะวันตกก็จดั
ไว้หนึ่งโต๊ะ นอกจากคนในครอบครัว ก็ยงั มีคนในหมู่บา้ นด้วย
คนที่มาได้กม็ ากันหมด

อันที่จริ งสาหรับคนเหล่านี้ การรับประทานเนื้ อหมูเป็ นเรื่ อง


รอง เรื่ องหลัก ๆ คือได้สานสัมพันธ์กบั จ้าวเหวินเทา ซื้ อที่ดิน
ภายในหมู่ บ ้า นและในเมื อ ง ทั้ง ยัง ติ ด ตั้ง โทรศัพ ท์ คนที่ มี
ความสามารถแบบนี้จะไม่ให้ประจบประแจงได้เหรอ?

ดังนั้นพวกเขาจึ งไม่ ได้มามือเปล่ า คนนี้ นาเหล้ามาหนึ่ งขวด


คนนั้นนาอาหารกระป๋ องมาหนึ่งกระป๋ อง คนนูน้ เอานมมอลต์
มาหนึ่ งกล่อง แน่ นอนว่าของเหล่านี้ให้คุณพ่อจ้าวทั้งหมด แต่
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่านี่เป็ นการแสดงออกต่อหน้าจ้าวเหวินเทา ก็มี
คาพูดหนึ่ งที่ พูดไว้ไม่ ใช่ เหรอ ตอนที่ ยงั เป็ นหนุ่ มมองดู บิด า
และเคารพบุตร แต่เมื่อแก่ตวั ให้มองดูบุตรและเคารพบิดา คุณ
พ่อจ้าวในตอนนี้เป็ นแบบหลังแล้ว
ตอนที่ 254 อำหำรหลังเชื อดหมู

“โห คนเยอะแยะขนาดนี้เลยนะ!” เลขาเดินยกมือไพล่หลังเข้า


มาในบ้าน

จ้าวเหวินเทาที่ กาลัง ทัก ทายแขกเหรื่ อ รี บเข้ามาต้อนรั บ เขา


กล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “เลขามาแล้ว นี่ถา้ เลขายังไม่มาพวกผมคง
ได้กินเนื้อหมูจนไม่เหลือ!”

เชือดหมูในบ้านจะไม่เรี ยกเลขาได้อย่างไรกัน ดังนั้นก่อนที่จา้ ว


เหวินเทาจะเชือดหมูกไ็ ด้ไปเชิญเลขาให้มารับประทานเนื้อหมู
แล้ว

“ไม่เป็นไร กินหมดฉันก็ค่อยไปกินกระต่ายที่บา้ นนายก็ได้!”


เลขากล่าวด้วยรอยยิม้ เขาถอดรองเท้าขึ้นมานัง่ บนเตียงร่ วมกับ
คุณพ่อจ้าว
ไม่ว่าเลขาจะมีตาแหน่ งเล็กหรื อใหญ่แต่ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
คุ ณพ่อจ้าวจึงแอบไม่เป็ นตัวของตัวเองเท่าไรนัก เขาเรี ยกให้
จ้าวเหวินเทารี บขึ้นมานัง่ เป็ นเพื่อน

จ้าวเหวินเทาหยิบเหล้ามาริ นให้เลขาจนเต็มแก้ว “เลขา ชิ มดู


หน่อยนะ นี่เป็ นเหล้าเหล่าไป๋ กานที่ผมซื้ อมาจากในเมือง ดีกรี
สู งมากเลย!”

“กินเนื้อก่อนนะคะ” คุณแม่จา้ วหัน่ เนื้ อหมูสามชั้นมาเสิ ร์ฟให้


หนึ่งจานพลางกล่าว

“ใช่ ๆ เลขา รี บชิมเนื้อหมูน้ ีดูวา่ หอมไหม!” พี่สามจ้าวพูดอย่าง


เอาใจใส่

เลขาจึงคีบเนื้ อหมูสามชั้นจิ้มกับกระเที ยมบดแล้วใส่ ปากไป


หนึ่งคา เขาพยักหน้า “อืม หอม! เนื้อหมูน้ ีหอมมากเลย!”

พี่สามจ้าวยิม้ “เลขา รอปี หน้าถ้าผมเชือดหมูกม็ าชิมอีกนะ!”


“เอาสิ เจ้าสามจ้าว ฉันได้ยินมาว่าเต้าหู ้ของนายขายดีเชี ยวนะ
คนในอาเภอก็ต้ งั ใจมาซื้ อกับนายโดยเฉพาะ คงได้เงินมาไม่
น้อยเลยสิ ท่า? ทาไมปี นี้ไม่เชือดหมูสักตัวล่ะ?”

พี่ ส ามจ้า วส่ า ยหน้า “เลขา ต่ อ ให้ ผ มได้เ งิ น เยอะกว่ า นี้ ก็ สู้
น้องชายคนนี้ไม่ได้หรอก ปี นี้สร้างบ้านเป็ นหนี้กอ้ นโตเลย หมู
สองร้อยกว่าชัง่ ทาใจกินไม่ลงหรอก ผมเลยเอาไปขายเอาเงิน
ไปจ่ายหนี้แล้ว”

พี่ ร องจ้า วและคนอื่ น ๆ ต่ า งก็เ ข้า อกเข้าใจในคาพู ดนี้ ถึ ง จะ


ไม่ใช่เพื่อนาไปจ่ายหนี้ แต่การรับประทานเนื้อหมูสักคาก็รู้สึก
ว่าฟุ่ มเฟื อยอยูด่ ี ถึงอย่างไรการใช้ชีวิตก็มาจากการประหยัดสิ่ ง
ที่ เ อาเข้า ปากแต่ ล ะค า ดัง นั้น ทุ ก คนจึ ง เลื อ กที่ จ ะน าไปขาย
ทั้ง หมด ข้า มปี ชั่ง เนื้ อ หมู สั ก สามสี่ ชั่ง ก็ พ อแล้ว ใครจะไป
เหมื อ นจ้ า วเหวิ น เทา หมอนี่ เชือดหมู ท้ ั งตั ว เพื่ อ น ามา
รับประทานเลยนะ!
“จ้าวเสี่ ยวลิ่ว นายไม่มีหนี้ แล้วใช่ ไหม?” เลขาเปลี่ยนประเด็น
กลับมาที่จา้ วเหวินเทา

จ้าวเหวินเทารั บประทานอาหารไปพลางพูดไปพลาง “ตอน


แรกก็ไม่มีแล้ว แต่ตอนนี้มีอีกแล้ว แถมยังเยอะกว่าก่อนหน้านี้
ด้วย แต่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่ องพวกนั้นแล้วล่ะ คนเรามันก็ติดหนี้
กันไปติดหนี้กนั มานัน่ แหละ แบบนี้ถึงจะเรี ยกว่ารสชาติชีวติ ”

“นายฟังสิ พวกนายฟังสิ เป็ นคนที่ซ้ือที่ดินในเมืองจริ ง ๆ คาพูด


ที่พูดออกมาแตกต่างกันเลย!” เลขาพูดด้วยรอยยิม้

ทุ กคนต่ างก็หัว เราะออกมา คุ ณพ่อจ้าวพูดถ่ อมตนสองสาม


ประโยค ส่ วนพี่สามจ้าวก็กล่าวยกยอปอปั้น

พี่สามจ้าวยิม้ อย่างจริ งใจ คนอื่น ๆ ก็พูดเออออไปด้วย

จ้าวเหวินเทากล่าว “นี่ ผมก็ปลอบใจตัวเองอยู่นะ คุณคิดว่าคน


คนหนึ่ ง จะมี ค วามสามารถขนาดไหน ทาเรื่ อ งใหญ่ ไ ด้ม าก
ขนาดไหนกัน เชี ย ว นี่ ก็เ ป็ นเพราะช่ ว ยเหลื อ ซึ่ งกัน และกัน
โดยเฉพาะการค้าขาย ต่างก็ตอ้ งช่วยกันและกัน ดังนั้นเป็ นหนี้
ก็เป็ นเรื่ องปกติ ผมก็คิดได้แล้วล่ะ”

เลขาพยักหน้าแล้วเอ่ยถาม “เหวินเทา นายซื้ อที่ดินในหมู่บา้ น


มาเลี้ ยงกระต่ าย จะพึ่งพาได้จริ ง ๆ เหรอ? เลี้ ยงกระต่ ายมาก
ขนาดนั้นจะขายออกเหรอ?”

จ้าวเหวินเทาได้ทาการเจรจาซื้อที่ดินแล้วก็จริ ง แต่เลขายังแอบ
เป็นกังวล พวกเขาต่างก็อยู่ในหมู่บา้ นเดี ยวกัน เขาเห็นจ้าวเห
วินเทาเติบโตมาตั้งแต่เล็กจนกระทัง่ ก้าวหน้า ทั้งยังนาชื่อเสี ยง
ของข้าวซานถุนกระจายออกไปสู่ ขา้ งนอก เขาจึงไม่อยากเห็น
จ้าวเหวินเทาล้ม

“เลขา เรื่ องนี้ไม่ตอ้ งห่วงหรอก เรื่ องขายของยังไงก็ขายออกอยู่


แล้ว ปั ญหาเดียวก็คือกลัวเรื่ องโรคนี้แหละ ดังนั้นสถานที่ที่ผม
ซื้ อต้องใหญ่สักหน่อย แบบนี้พวกมันก็จะได้มีพ้ืนที่กว้างขวาง
ร่ างกายก็จะดีข้ ึนด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าว

“แล้วคนที่ อยู่ในเมื องกิ นกระต่ายกันทุ กวัน ตอนนี้ พวกเขามี


เงินขนาดนี้เลยเหรอ?” เลขายังแอบไม่เชื่อเท่าไรนัก “ฉันจาได้
ว่าคนในเมืองต่างก็ใช้คูปองอาหารแลกข้าวกินกัน ไม่มีใครได้
กินอิ่มเลย ถึงกับต้องมาแลกอาหารที่ชนบทของพวกเรา นี่เพิ่ง
จะไม่กี่ปีเองนะ สามารถกินเนื้อได้แล้วเหรอ?”

“ไม่ ใช่ ทุกคนหรอกที่ กินเนื้ อได้ แต่ ตอ้ งมี คนกิ นเนื้ อมากขึ้ น
เรื่ อย ๆ แน่นอน” จ้าวเหวินเทากล่าว

“แล้วนายจะติดตั้งโทรศัพท์ไปทาไม?” พี่สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะ
ถามแทรกขึ้นมา

คาถามนี้คา้ งอยูภ่ ายในใจมานานมากแล้ว ที่ดินเขายังพอเข้าใจ


ได้ เพราะนี่ เป็นการซื้ ออสังหาริ มทรัพย์ แต่จะติดตั้งโทรศัพท์
ไปทาไม เขาคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
เลขากล่าว “นั่นสิ นายซื้ อที่ดินแล้วยังต้องทารังกระต่าย เงิน
ลงทุนเยอะมากเลยนะ ทาไมนายถึงคิดจะติดตั้งโทรศัพ ท์อีก
ของแบบนั้นต้องจ่ายเงินค่ายเช่าทุกเดือนด้วยนะ!”

จ้า วเหวิ น เทากล่ า วเสี ย งเรี ย บ “ติ ด ตั้ง โทรศัพ ท์ก็เ พื่ อ ความ
สะดวกสบาย มีธุระอะไรแค่กดก็โทรหาได้แล้ว ไม่ง้ นั คงทาให้
ล่าช้าเกินไป! ก็เหมือนกับตอนที่ผมไปดาเนินเรื่ องซื้อขายที่ดิน
ในเมื อ งครั้ งในไง ไม่ ก ลับ มาคื น เดี ย ว ก็ มี ค นไปพู ด ว่ า ผม
ทะเลาะกับชาวบ้านจนถูกขังแล้ว แบบนี้กม็ ีดว้ ยเหรอ ผมเองก็
ไม่ได้ไปสร้างความขุ่นเคืองให้ใคร มาพูดจาหยอกล้อผมแบบ
นี้ ทาให้ภรรยาของผมทั้งกังวลทั้งกลัว เลขา จะไม่ให้ผมติดตั้ง
โทรศัพท์อีกเหรอ? จะกล้าไม่ ติดตั้งได้เหรอ? ถ้ายังไม่ ติดตั้ง
โทรศัพท์ ครั้งหน้าก็คงพูดถึงผมไปในเรื่ องอื่นอีก!”

เลขาย่อมได้ยนิ มาแล้ว เขาไม่ได้เก็บมาใส่ ใจอะไร ถ้าจ้าวเหวิน


เทาทะเลาะกับคนอื่นจนถูกขังจริ ง ๆ สถานีตารวจคงส่ งคนมา
แจ้งแล้ว ทั้งหมดนี้เป็ นเพราะคนในหมู่บา้ นพูดจาซี้ ซ้ วั แต่เขาก็
คิดไม่ถึงเลยว่าจะพูดเหลวไหลจนออกทะเลแบบนั้น

“ใครใช้ใ ห้แ กพูด ไม่ ชัด เจนล่ ะ !” คุ ณ พ่ อ จ้า วพู ด อย่างไม่ สบ


อารมณ์ “ถ้าแกพูดให้มนั ชัดเจน ใครจะพูดถึงแกแบบนั้น?”

จ้าวเหวินเทากล่าว “ก็ผมไม่อยากทาตัวให้กลายเป็นจุดสนใจ
ไง อีกอย่าง ถ้าผมพูดแบบนั้นจริ ง ๆ ก็ตอ้ งมีคนบอกว่าผมโอ้
อวดอีก”

มีความเป็ นไปได้แบบนี้จริ ง ๆ เลขาแอบราพึงในใจ เขาพูดด้วย


รอยยิ้ม “เอาล่ะ เหวินเทา ทั้งหมดนี้ เป็ นเพราะเรื่ องเข้าใจผิด
ผ่า นเรื่ อ งในครั้ งนี้ ไปแล้ว หลัง จากนี้ คงไม่ มี อี ก แล้ว ล่ ะ ใน
หมู่บา้ นก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น นายอย่าเก็บไปคิดเล็กคิดน้อย
เลย”

“เลขาพูดขนาดนี้ แล้ว ผมจะกล้าคิ ดเล็กคิ ดน้อยได้ยงั ไงกัน”


จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิม้
“เจ้าเด็กคนนี้ มีอะไรไม่กล้าบ้าง?” เลขาดื่มเหล้าหนึ่ งคา “นาย
เลี้ยงกระต่ายมากขนาดนั้น เลี้ยงคนเดียวไหวเหรอ? นายมีแผน
จะทายังไงบ้าง?”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ ๆ “ขอบคุ ณเลขาที่เป็ นห่ วงผมนะ ผม


วางแผนไว้อย่างดี แล้ว ว่าจะจ้างคนในหมู่ บา้ นสักสามสี่ ค น
เรื่ องเงินค่าจ้างก็คุยกันได้ ทาดีสิ้นปี ก็มีรางวัลให้ดว้ ย คนแบบ
ผมทุ ก คนต่ า งก็ รู้ ดี อ ยู่ แ ล้ว ใจกว้า ง ไม่ เ อาเปรี ยบคนอื่ น
แน่นอน”

คนที่ ก าลัง ฟั ง กัน อย่า งตั้ง ใจดวงตาเป็ นประกาย จ้า งคนใน


หมู่บา้ น นับว่าเป็ นเรื่ องที่ดีมาก ทั้งยังหาเงินได้จากหน้าบ้าน
ด้วย!

จึงอดไม่ได้ที่จะคิดว่าต้องทาอย่างไรถึงจะทาให้จา้ วเหวินเทา
มาจ้างตนเอง
เลขาพึงพอใจอย่างมาก “เหวินเทา นายเป็นเด็กดีนะ ไม่ว่าใน
หมู่บา้ นจะมองหรื อพูดถึงนายยังไง นายก็ยงั คิดอยากจะให้คน
ในหมู่บา้ นได้ลืมตาอ้าปาก เรื่ องอื่นไม่ตอ้ งพูดถึงหรอก ฉันขอ
เป็ นตัวแทนขอบคุณนายแทนพวกผูใ้ หญ่และเด็ก ๆ ในหมู่บา้ น
แล้วกันนะ!”

ระหว่างที่พูด เลขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาเพื่อคารวะต่อจ้าวเหวิน
เทา

จ้าวเหวินเทาตื่นตระหนกจนต้องรี บยกแก้วเหล้าขึ้นมา ทั้งยัง


พูดอย่างรู ้สึกเกรงใจว่า “เลขาเกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะพูด
ยังไงผมก็เป็ นคนของหมู่บา้ นข้าวซานถุนนะ นี่ เป็ นบ้านของ
ผม คนในหมู่บา้ นก็เป็ นญาติพี่น้องของผม ทาอาชี พถ้าไม่ดึง
คนของตัวเองจะให้ไปดึงคนอื่นเหรอ นี่เป็ นสิ่ งที่ผมควรทาอยู่
แล้ว!”
“พูดจาเปิ ดเผยดีนะ! สมกับที่เป็ นลูกผูช้ าย!” เลขาดื่มเหล้าหมด
จอก จ้าวเหวินเทาก็รีบดื่มจนหมดจอกเช่นกัน

พี่สามจ้าวได้ยินก็แอบชื่ นชมอยู่ในใจ ฟั งเข้าสิ คาพูดของเจ้า


หกสวยงามขนาดไหน สามารถซื้ อใจคนได้เลย เขาต้องเรี ยนรู ้
สักหน่อย

ชัว่ ขณะหนึ่ งเขาเกิดความคิดอยากจะหยิบสมุดบันทึกเล่มเล็ก


ออกมาจด

หลังจากดื่ มเหล้าสามรอบรั บประทานอาหารห้ารส ทุกคนก็


รู ้ สึ กดี ข้ ึ นมา พวกเขาเล่ น เกมเป่ ายิ ง ฉุ บ ใครแพ้ดื่ ม เหล้า
จ้าวเหวินเทาและเลขาดื่มสลับกันไปมา เลขาก็ยอมแพ้ เขาโบก
มือไม่เล่นแล้ว และบอกให้พวกเขาที่เป็นเด็กหนุ่ มเล่นกันเอง
ส่ วนตนเองย้ายไปคุยกับคุณพ่อจ้าวแทน
ตอนที่ 255 ดีดลูกคิดคำนวณเป็ นอย่ ำงดี

จ้าวเหวินเทาไม่สนใจพวกเด็กหนุ่ ม เขาไม่ได้สนใจดื่ มเหล้า


เพื่อสานสัมพันธ์เลย แต่กช็ ่วยไม่ได้ สถานการณ์ที่อยูต่ รงหน้า
ไม่จาเป็นต้องสานสัมพันธ์อะไร เขาจึงถอนตัวออกมา ปล่อย
วงเหล้าให้พี่สามจ้าวเป็ นคนจัดการ พี่สามจ้าวก็มีความสุ ขที่จะ
ได้เป็ นเจ้าภาพ ถึงอย่างไรอาหารและเหล้าก็ไม่ตอ้ งให้เขาออก
เงินอยูแ่ ล้ว จึงทักทายอย่างกระตือรื อร้น

จ้าวเหวินเทามาร่ วมสนทนากับเลขา คุณพ่อจ้าวและผูอ้ าวุโส


อีกสามสี่ คน

“กระต่ายข้าวซานถุนของพวกเรามีชื่อเสี ยงแล้วนะ แต่ในใจ


ของฉัน ก็ย งั รู ้ สึ ก ไม่ ม ั่น คงอยู่ดี ” เลขาม้ว นบุ ห รี่ พ ลางกล่ า ว
“คาพูดสมัยก่อนนี่ดีนะ คนกลัวว่าเมื่อมีชื่อเสี ยงจะสร้างปั ญหา
เหมือนหมูจะถูกฆ่าเมื่อมันอ้วน ชื่อเสี ยงนี้ไม่ได้นาเรื่ องดีเข้ามา
เสมอไปหรอก”

เหล่าไป๋ โถวกล่าว “ก็นนั่ น่ ะสิ คนเราพอรวยก็เอาแต่อมพะนา


แต่กก็ ินเนื้ออยูใ่ นบ้าน ถ้าเรื่ องนี้ถูกแพร่ งพรายออกไป คนอื่นก็
ต้องคิดถึง”

คุณพ่อจ้าวพยักหน้า “เหตุผลนี้แหละ คนที่รวยก่อน จะกินของ


ดี อะไรสักอย่างก็ตอ้ งแบกคนอื่นไว้ดา้ นหลัง ก็เลยไม่กล้าให้
คนอื่นรู ้”

เลขาหันมาพูดกับจ้าวเหวินเทา “เหวินเทา นายว่าไง”

จ้าวเหวินเทากล่าว “ที่เลขากังวลก็ถูกนะครับ ชื่ อเสี ยงนี้ ตอ้ งมี


ปัญหาแน่นอน แต่พวกเราไม่สามารถยา่ อยูก่ บั ที่เพราะมีปัญหา
ได้หรอก จริ งไหม? พวกเราต่างก็พุ่งเข้าหาชี วิตที่ ดี ไม่ได้ทา
ร้ายใครสักหน่อย ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก ถึงเวลาเมื่อปั ญหา
มาถึงแก้ปัญหาก็สิ้นเรื่ อง!”
“เฮ้อ สุ ดท้ายก็คือเด็กหนุ่ มสิ นะ มีความกระฉับกระเฉงและมี
พลัง ไม่ ก ลัว อะไรทั้ง นั้น ” เลขาพู ด พลางถอนหายใจ “ไม่
เหมื อนคนแก่ ๆ แบบพวกเราหรอก ห่ วงหน้าพะวงหลัง ทา
อะไรก็ไม่สาเร็จ!”

“เลขาอย่าพูดแบบนี้ สิ พวกคนหนุ่ มสาวแบบพวกเราพุ่งตัวไป


ข้า งหน้ า ก็ ต ้อ งพึ่ ง พาผู ้อ าวุ โ สแบบพวกคุ ณ คอยพยุ ง อยู่
ด้านหลัง ไม่ง้ นั ต่อให้กระฉับกระเฉงมีพลังกว่านี้ ก็ไม่กล้าพุ่ง
ออกไปหรอก!” จ้าวเหวินเทากล่าวเยินยออีกครั้ง

การเยินยอนี้ไม่เพียงแค่ทาให้เลขารู ้สึกสบายใจ แต่พวกคนแก่


ๆ ที่นงั่ อยูก่ ร็ ู ้สึกสบายใจมากด้วย คนสู งวัย สิ่ งที่กลัวมากที่สุดก็
คือการอยู่อย่างไร้ประโยชน์ สิ่ งที่ตอ้ งการมากที่สุดก็คือความ
ต้องการและการยืนยันของพวกหนุ่ มสาว หากพึงพอใจจุดนี้
แล้ว ให้พวกเขาทาอะไรก็ยอมทาให้ท้ งั นั้น!
เลขาพูดอย่างมีความสุ ข “งั้นพวกเราคนแก่ ๆ ก็จะสนับสนุ น
นายเอง นายก็พุ่งตัวไปเถอะ พาพวกเด็กหนุ่ ม ๆ ในหมู่ บา้ น
ของเราไปด้วย ทางที่ดีที่สุดให้พุ่งทะยานออกนอกประเทศไป
ถึงต่างประเทศเลย!”

จ้า วเหวิ น เทามี ค วามสุข คิ ด ไม่ ถึ ง เลยว่ า เลขาจะมี ค วาม


ทะเยอทะยานแบบนี้

มื้ อ อาหารหลัง การเชื อ ดหมู ม้ื อ นี้ เสร็ จ สิ้ น ในช่ ว งค่ า นี่ เ ป็ น
อาหารหลังการเชื อดหมูหนึ่ งมื้อที่คนในหมู่บา้ นไม่ได้สนใจ
ในช่ วงระยะเวลาหลายปี มานี้ เมื่อผูค้ นกลับบ้านก็พูดถึงเรื่ อง
เนื้อหมูอร่ อยหรื อไม่ไปแค่เล็กน้อย จากนั้นก็รอไม่ไหวที่จะพูด
ถึงเรื่ องที่จา้ วเหวินเทาจะจ้างคน

คงเป็ นเพราะฤทธิ์เหล้า พี่สามจ้าวจึงตื่นเต้นเป็ นอย่างมาก ตอน


ที่กลับมาถึงบ้าน ก็นอนแผ่หลาอยูบ่ นกองผ้าห่ ม จากนั้นก็หยิบ
สมุดและปากกามาขีด ๆ เขียน ๆ ทั้งยังมองพี่สะใภ้สามจ้าวที่
กาลังเย็บผ้าห่ ม “เจ้าหกนี่ เป็นคนสาคัญจริ ง ๆ นะ ก่อนหน้านี้
เลขาเรี ยกเขาว่าจ้าวเสี่ ยวลิ่ว ตอนนี้เอะอะก็เรี ยกเหวินเทา เรี ยก
ซะสนิทสนมขนาดนั้นเลย!”

สิ้ น ปี ในทุ ก ๆ ปี ต้อ งมี ก ารทาความสะอาดครั้ งใหญ่ การท า


ความสะอาดครั้งใหญ่รวมถึงการซักเสื้ อผ้า ที่นอนและผ้าห่ ม
ด้ว ย ส าหรั บ แม่ บ้า นถื อ เป็ นขั้น ตอนครั้ งใหญ่ จ ริง ๆ เพื่ อ
ประหยัดเวลาและประหยัดแรง ผูห้ ญิงจานวนมากจึงถอดผ้าปู
ที่นอนไปซัก แต่ไม่ได้นาผ้าปูรองด้านบนออกมาด้วย ส่ วนผ้า
ห่ มก็จะเย็บผ้าไว้ตรงด้านบนของผ้าห่ ม ตอนซักถอดผ้าส่ วนนี้
ออกมาก็เ รี ย บร้ อ ยแล้ว ถึ ง อย่า งไรตอนนี้ ก็ไ ม่ มี ข องหรู ห รา
เหมือนกับผ้านวม

งานที่ พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วท าตอนนี้ ก็ คื อ ซั ก ผ้า ส่ ว นที่ เ ย็บ กับ


ส่ วนบนของผ้าห่ ม หล่อนรี บร้อยเข็มอย่างรวดเร็ ว ปากก็พูด
โดยไม่ ได้หยุดพัก “จะไม่ สนิ ทได้ไง หมู่ บา้ นของพวกเรามี
ชื่ อ เสี ยงแล้ว คนที่ ไ ด้ห น้า ที่ สุ ด ก็คื อ เลขา ติ ด ตั้ง ไฟฟ้ า เลี้ ย ง
กระต่าย ติดตั้งโทรศัพท์ ทั้งหมดนี้ ทาให้ไล่ตามหมู่บา้ นไท่ผิง
ได้แล้วนะ”

“ก็นนั่ น่ะสิ พอมาคิด ๆ ดูแล้วเจ้าหกก็มีความสามารถจริ ง ๆ” พี่


สามจ้าวมองไปยังคานบ้าน เขากลอกตาพลางกล่าว “แต่ผมก็
ไม่ได้แย่นะ คนในอาเภอต่างก็มาซื้ อเต้าหู ข้ องผมทั้งนั้น ผมยัง
จ้างสองครอบครั วมาทาเต้าหู ้ให้ด้วย จริ งสิ เต้าหู ้ของผมก็มี
ชื่อเสี ยงเหมือนกัน ผมก็ทาให้เลขาได้หน้าเหมือนกัน ทาไมเขา
ถึงยังเรี ยกผมว่าเจ้าสามจ้าวล่ะ?”

พี่สะใภ้สามจ้าวกลอกตาใส่ เขา “คุณยังจะไปเทียบกับน้องหก


อี ก? อี กฝ่ ายเป็ นคนทาให้ท้ งั หมู่ บา้ นเลี้ ยงกระต่ าย แต่ คุณทา
เต้าหู ้ของคุณเอง ถ้าคุณสอนทักษะการทาเต้าหู ้ให้ท้ งั หมู่ บา้ น
เลขาก็ตอ้ งเรี ยกชื่อจริ งคุณแน่นอน”
พี่สามจ้าวรี บส่ ายหน้า “นัน่ เป็ นงานไว้เลี้ยงปากท้องผมนะ จะ
สอนคนอื่นได้ไง สอนจนลูกศิษย์เป็นวิชาแต่ทาให้อาจารย์หิว
ตาย นี่ไม่ใช่เรื่ องเล่น ๆ นะ!”

“งั้นคุณก็อย่าเรี ยกร้องอะไรให้มากมายขนาดนั้น” พี่สะใภ้สาม


จ้าวกล่าว

พี่สามจ้าวแค่นเสี ยง ‘เหอะ’ สองเสี ยง “เจ้าหกมีสิทธิ์ อะไรได้


เป็ นคนสาคัญ แต่ผมกลับทาไม่ได้ล่ะ? ผมไม่ได้เป็ นคนเลวร้าย
สักหน่อย!”

พี่สะใภ้สามจ้าวไม่สนใจเขา ก่อนหน้านี้สามีของหล่อนก็ทาตัว
ไม่ดีกบั น้องหก ปกติก็เอาแต่ดูถูก แต่ภายหลังน้องหกร่ ารวย
แล้ว เขาจึงเริ่ มเปรี ยบเทียบอีกครั้ง จนทาให้หล่อนเกือบจะตาย
อยูแ่ ล้ว แต่กย็ งั ดีที่เขาคิดได้จนจ้างบ้านพี่รองกับน้องสี่ หล่อน
จึงผ่อนคลายลงนิ ดหน่ อย นี่ ไม่รู้ว่าคิดแผลง ๆ อะไรอีก ไม่ว่า
จะทาอย่างไร ถึงอย่างไรหล่อนก็จะไม่ทาเหมือนกับก่อนหน้า
นี้แล้วที่ให้หล่อนทางานหนักราวกับเป็ นวัวเป็ นม้าแบบนั้น!

พี่รองจ้าวในตอนนี้ ก็กาลังคุยกับพี่สะใภ้รองจ้าวเกี่ยวกับเรื่ อง
จ้าวเหวินเทา

“เจ้าหกจะจ้างคนเลี้ยงกระต่าย ไม่เพียงแต่จะให้เงินเดือนนะ ปี
ใหม่กจ็ ะมีรางวัลให้ดว้ ย เจ้าหกคนนี้ใช้เงินมือเติบเกินไปแล้ว”
พี่รองจ้าวไม่เห็นด้วยอย่างมาก

พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วชะงัก “น้อ งหกจะจ้า งคนเลี้ ย งกระต่ า ย ให้


ค่าจ้างเท่าไร?”

“ไม่ ได้บอก แต่ ถึงยังไงก็ตอ้ งจ้างแน่ นอน เขาทาคนเดี ยวไม่


ไหวหรอก” พี่รองจ้าวกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวครุ่ นคิด “งั้นคุณก็ไปเลี้ยงกระต่ายให้เขาสิ ”


พี่รองจ้าวไม่เข้าใจ คุยกันอยูด่ ี ๆ ทาไมถึงได้บอกให้เขาไปเลี้ยง
กระต่าย

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “คุณดูสิ เต้าหู ข้ องน้องสามทาได้แค่ช่วง


ฤดู หนาว ฤดู ร้อนทาไม่ได้ ฤดู ร้อนคุ ณก็ไปช่ วยน้องหกเลี้ ยง
กระต่าย ฤดู หนาวคุ ณก็ทาเต้าหู ้ พวกเราก็มีรายได้ตลอดทั้งปี
แล้ว”

ภรรยาของเขาวางแผนไว้ดีจริ ง ๆ!

“ผมไปเลี้ ยงกระต่ าย แล้วที่ นาล่ ะจะทายังไง คุ ณทาคนเดี ยว


ไหวเหรอ?” พี่รองจ้าวกล่าว

“มันจะทาให้การทานาล่าช้าเหรอ? ไม่ได้ออกไปไหนไกลสัก
หน่ อ ย ก็อ ยู่แ ค่ ห น้า บ้า นนี่ เ อง ก็ถื อ โอกาสท าไปด้ว ยเลย!”
พี่สะใภ้รองจ้าวไม่เห็นด้วย
พี่รองจ้าวกลับพูดว่า “คุ ณคิดว่าจะมีไม่กี่ตวั เหมือนกับที่บา้ น
เราเลี้ยงเหรอ เขาจ้างคนก็ตอ้ งมีเยอะอยูแ่ ล้ว แบบนั้นคงต้องมี
คนช่วยดูให้แบบระยะยาว”

อย่ามองว่าพี่รองจ้าวเป็ นคนซื่ อ ๆ แต่เมื่อมองเรื่ องต่าง ๆ กลับ


เข้าใจเป็ นอย่างมาก เขาเองก็เลี้ยงกระต่ายมาหนึ่ งปี แล้ว ไม่ว่า
จะมากหรื อน้อยก็ถือว่ามีประสบการณ์ เรื่ องนี้ไม่ได้ยงุ่ ยาก แต่
ต่ อ ให้ ยุ่ ง ยากน้ อ ยกว่ า นี้ เลี้ ยงมาก ๆ ก็ ท าให้ ห นั ก ใจได้
เหมือนกัน ที่ดินเยอะขนาดนั้น ตั้งแต่ปลูกยันเก็บเกี่ยวก็ไม่มี
เวลาได้หยุดพัก เลี้ยงกระต่ายสิ บกว่าตัวก็ถือว่าเลี้ยงไปพร้อม
กันได้ แต่ลองดู แลกระต่ายหลายร้ อยตัวดู สิ ยิ่งไม่ตอ้ งพูดถึ ง
จ้าวเหวินเทาที่เลี้ยงไว้อาจจะไม่ได้มีแค่ไม่กี่ร้อยตัว ดังนั้นเรื่ อง
นี้ไม่ตอ้ งเสี ยเวลาคิดเลย

พี่สะใภ้รองจ้าวยังไม่ ยอมแพ้ “ก็แค่ ให้หญ้าให้น้ านิ ด หน่ อ ย


ไม่ใช่เหรอ? ฤดูร้อนไม่ตอ้ งเอาหญ้าไปวาง ทาไมจะทาไม่ได้”
“ผมทาไม่ได้ คุณทาได้คุณก็ทาเอง” พี่รองจ้าวพูดอย่างไม่ออ้ ม
ค้อม

พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วยิ่ ง ไม่ ต ้อ งพู ด ถึ ง เลย ทั้ง ครอบครั ว ต่ า งก็ อ ยู่
รับประทานอาหารกับคุณแม่จา้ วทางนี้ พวกเขาย่อมได้ยนิ เรื่ อง
ที่จา้ วเหวินเทาจ้างคนเพื่อเลี้ยงกระต่ายชัดเต็มสองหู หล่อนก็
คิดเหมือนกับพี่สะใภ้รองจ้าวว่าการทาเต้าหู ้ทาได้แค่ช่ว งฤดู
หนาว ส่ วนฤดู ร้อนทาไม่ ได้แล้ว ดังนั้นเลี้ ยงกระต่ ายก็ถือว่า
เป็ นเรื่ องที่ดี เพราะเลี้ยงได้ตลอดสี่ ฤดูในหนึ่งปี ที่สาคัญคือจ้าว
เหวินเทามี ความใจกว้า งกว่าพี่สามจ้าว หากพี่สี่จา้ วไปเลี้ ย ง
กระต่าย จ้าวเหวินเทาคงไม่เอาเปรี ยบพี่สี่จา้ วแน่ นอน ดังนั้น
หล่อนจึงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“คุณจะไม่ไปทานาแล้วเหรอ?” พี่สี่จา้ วย้อนถาม

“มันทาให้การทานาล่ าช้าได้ยงั ไงกันคะ?” พี่สะใภ้สี่จา้ วพูด


เหมือนกับพี่สะใภ้รองจ้าว
พี่สี่จา้ วขี้เกียจจะสนใจหล่อนแล้ว เมื่อศีรษะถึงหมอนก็ผล็อย
หลับไป วันมะรื นก็จะข้ามปี แล้ว ยังมีเรื่ องใหญ่ให้ทาอีกนะ!

พี่สะใภ้สี่จา้ วได้ยนิ เสี ยงกรนของพี่สี่จา้ ว หล่อนก็ใช้เท้าเตะเขา


ด้วยความโกรธ ไอ้ผชู ้ ายสมควรตายคนนี้ อยากให้หล่อนโกรธ
จนตายเลยสิ นะ!
ตอนที่ 256 สวัสดีปีใหม่

เสี ยงประทัดส่ งท้ายปี เก่าต้อนรับปี ใหม่ดงั ขึ้น เป็ นการข้ามปี อีก


หนึ่ งปี แล้ว ปี ใหม่ได้เริ่ มต้นขึ้น ปี นี้ ขา้ มปี กันด้วยความร่ ารวย
อูฟ้ ู่ กว่าปี ที่แล้ว!

หลัง จากผ่า นช่ ว งปี ใหม่ ก็เ หมื อ นกับปี ที่ ผ่า นมา เดิ น ทางไป
สวัสดีปีใหม่ เยีย่ มเยียนญาติผใู ้ หญ่ ใช้เวลาเพื่อพักผ่อน เพราะ
หลังจากวันที่สิบห้าของเดือนแรกตามปฏิทินจันทรคติผา่ นพ้น
ไป ก็ตอ้ งตอกบัตรเข้างาน การทางานหนักก็จะเริ่ มต้นขึ้น

เมื่อถึงวันที่สองของเดือนแรกตามปฏิทินจันทรคติ พี่สาวใหญ่
จ้าวและพี่สาวห้าจ้าวต่างก็กลับมาไหว้พ่อแม่ที่บา้ น คุณแม่จา้ ว
สวมใส่ เสื้ อผ้าชุดใหม่ออกมาต้อนรับถึงหน้าบ้าน ครั้นลูกสาว
ทั้งสองได้เห็นคุณแม่จา้ วก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“แม่ ไปตัดชุ ดนี้ จากที่ไหนคะเนี่ ย สวยขนาดนี้ เลย!” พี่สาวห้า
จ้าวกวาดตาสารวจพลางกล่าว

พวกเด็ก ๆ ก็เข้ามาห้อมล้อมพร้อมกับส่ งเสี ยง “คุณยายสวยจัง


เลย!”

คุณแม่จา้ วถึงกับรู ้สึกเคอะเขิน “ฉู ฉู่เป็ นคนตัดให้แม่เอง นี่เป็ น


ชุดที่ออกแบบให้แม่โดยเฉพาะเลยนะ รี บเข้าบ้านเถอะ!”

พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าวเคล้ารอยยิม้ “ฉู ฉู่มีทกั ษะแบบนี้ดว้ ยเหรอ


เนี่ย สุ ดยอดจริ ง ๆ!”

ลูกเขยทั้งสองคนแม้ว่าจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเสื้ อผ้า แต่ก็รู้สึก


ได้วา่ ชุดของคุณแม่จา้ วตัวนี้ทาออกมาได้สวยทีเดียว

“คิดไม่ถึงเลยนะว่าฉู ฉู่จะมีความสามารถกับเขาด้วย ก่อนหน้า


นี้ไม่เห็นจะรู ้มาก่อนเลย!” พี่เขยใหญ่กล่าว

พี่เขยห้ากล่าว “ไม่ได้เจอกันไม่กี่วนั เก่งขึ้นเป็ นกองเลย!”


ทางฝั่ งนี้ พี่เขยกับภรรยาของน้องเขยพูดคุ ยแซวกันได้ ดังนั้น
พี่เขยทั้งสองจึงพูดแบบนี้

คุ ณพ่อจ้าว “แม่ ของพวกเธอแก่ จะตายแล้วยังรั กสวยรั กงาม


อีก”

คุณแม่จา้ วแค่นเสี ยงเหอะ “ก็ไม่มีใครห้ามไม่ให้คุณอยากหล่อ


สักหน่อย”

“ไม่ได้หรอก ผมหล่อไม่ไหวแล้ว” คุณพ่อจ้าวพูดด้วยท่าทาง


จริ งจังอย่างมาก

พวกลูกสาวและลูกเขยต่างก็พากันขบขัน หลาน ๆ ก็หวั เราะไป


ด้วย

“เจ้าสี่ ล่ะคะ? ในห้องไม่เห็นมีการเคลื่อนไหวอะไรเลย?” เมื่อ


เข้ามาในบ้าน พี่สาวใหญ่จา้ วจึงเอ่ยถาม
“บ้า นนั้น กลับ ไปเยี่ย มบ้า นแม่ ย ายแล้ว ” คุ ณ แม่ จ ้า วไม่ ค่ อ ย
พอใจเท่าไรนัก “อากาศหนาวขนาดนี้ยงั กระเตงลูกออกไปอีก
คงได้เป็ นหวัดแน่! ปี ที่แล้วก็ไม่เห็นว่ายัยนัน่ จะเป็ นคนดีขนาด
นี้ ปี นี้ดนั อยากกลับบ้าน ได้เงินมานิดหน่อยคงไม่รู้จะเอาไปทา
อะไรมั้ง!”

พี่ ส าวใหญ่ จ ้าวรี บ พูด “แม่ ดู แ ม่ พู ด เข้า สิ พวกเรายัง กลับมา


สวัสดีปีใหม่เลย น้องสะใภ้กลับไปสวัสดีปีใหม่กเ็ ป็ นเรื่ องปกติ
ไม่ใช่เหรอคะ?”

คุณแม่ จ ้ า วบุ ้ ย ปาก “พ่ อ แม่ แ บบนั้ น สวั ส ดีไปก็ เ ปล่า


ประโยชน์!”

“แม่ ต่อให้เป็ นคนนิสัยไม่ดีมากกว่านี้กเ็ ป็ นพ่อแม่แท้ ๆ นะคะ


แม่อย่าพูดแบบนี้สิ” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

“ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง ยัยนัน่ อยากจะกลับไปหรื อเปล่าก็เรื่ อง


ของหล่ อน แม่ แค่ เป็ นห่ วงหลาน ตัวเล็กแค่ น้ ันคงทรมานแย่
เธอดูอย่างฉู ฉู่สิ แค่ไม่กี่กา้ ว ฉู ฉู่ยงั ไม่กลับไปเลย” คุณแม่จา้ ว
กล่าว

“แม่ ของฉู ฉู่อยู่เมื องหลวงไม่ ใช่ เหรอคะ กลับไปก็เป็ นภาระ


พี่สะใภ้เปล่า ๆ” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว “สู ้ไม่กลับไปยังจะดีเสี ย
กว่า”

“เหวินเทาล่ะคะ?” พี่สาวห้าจ้าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“เหวินเทายังยุ่งอยู่กบั ที่ดินอยู่เลย เขาซื้ อที่ดินตรงภูเขาป้ านลา


เอาไว้เลี้ยงกระต่าย นี่เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว น้ าแข็งก็ละลายแล้ว
ด้ว ย ก็ เ ลยต้อ งสร้ า งรั ง ให้ ก ระต่ า ย แถมยัง ต้อ งปู ห ญ้า ให้
กระต่ายด้วยนะ หลายเรื่ องเลยแหละ!” คุณแม่จา้ วชงน้ าชายก
มาเสิ ร์ฟบนเตียงเตา “ปี นี้ เจ้ารอง เจ้าสาม แล้วก็เจ้าสี่ กลับไป
เยี่ยมพ่อตาแม่ยายกันหมด สัตว์ที่เลี้ยงอยู่ในบ้านก็ตอ้ งให้พ่อ
ของพวกเธอเป็ นคนดูแลให้ อีกเดี๋ยวพวกเราที่เหลือมากินเกี๊ยว
กันนะ”
“คุณยาย ปี ที่แล้วก็กินเกี๊ยวแล้ว ไม่ว่าจะมีแค่พวกเราหรื อมีคน
อื่น คุณยายก็ยงั กินแต่เกี๊ยว!”

“ใช่ มาบ้านคุณยายก็ได้กินแต่เกี๊ยว!”

“คุณยายชอบห่อเกี๊ยวที่สุด!”

พวกเด็ก ๆ ส่ งเสี ยงตะโกน

พี่สาวใหญ่จา้ วและพี่สาวห้าจ้าวตาหนิ ได้รับประทานเกี๊ยวแล้ว


ยังไม่พอใจกันอีก ตอนที่พวกหล่อนเป็ นเด็กอย่าว่าแต่เกี๊ยวเลย
แม้แต่ซุปเกี๊ยวก็ยงั ไม่มีให้ซด!

พวกเด็ก ๆ ไม่กล้าคัดค้าน จึงวิง่ ออกไปข้างนอก

นี่กม็ ากันหลายครั้งแล้ว พวกเขาคุน้ ชินกับด้านในหมู่บา้ นมาก


พวกผูใ้ หญ่ต่างก็ไม่ได้เป็ นกังวล
“แม่ ขึ้นมาบนเตียงก่อนเถอะค่ะ นี่ ยงั เช้าอยู่เลย พวกเรามีคน
ห่ อเกี๊ยวเยอะขนาดนี้ แป๊ บเดียวก็ห่อเสร็ จแล้ว” พี่สาวใหญ่จา้ ว
กล่าว

คุ ณแม่จา้ วมองดู เวลา พบว่าตอนนี้ เป็ นเวลาเก้าโมงกว่า “ปี นี้


พวกเธอกลับมาเร็วนะ”

“พวกเราตั้งใจตื่ นเช้าเป็ นพิเศษน่ ะค่ ะ ” พี่สาวใหญ่ จา้ วกล่ าว


“จะได้ไม่ตอ้ งรี บร้อนด้วย”

ทางฝั่งคุณพ่อจ้าวก็ถามลูกเขยทั้งสองเกี่ยวกับตลอดระยะเวลา
หนึ่งปี มานี้ “ชนบทแยกกันทางานมาปี หนึ่งแล้ว การเก็บเกี่ยวก็
มากกว่าปี ที่แล้วหนึ่งเท่า ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็ลงนากันแบบ
โง่เขลา ตอนนี้ไม่มีใครโดนหลอกแล้ว แทบอยากจะดูแลทุ่งนา
ให้งอกงาม!”

พี่ เ ขยใหญ่ ก ล่ า ว “พอได้อ อกมาท างานกัน เอง พลัง บวกก็


เพิ่มขึ้ นเลย การเปลี่ ยนแปลงก็ตอ้ งมากอยู่แล้ว พวกเราก็อ ยู่
อย่ า งนั้ นแหละครั บ ไม่ ไ ด้ต่ า งอะไรกับ ปี ที่ แ ล้ว เพี ย งแต่
สวัสดิการช่วงข้ามปี มากกว่าปี ที่แล้วนิดหน่อย”

พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าวด้วยรอยยิม้ “ปี นี้ได้ขา้ วมาห้าสิ บชัง่ ฉันเอา


กลับมาสิ บชัง่ พ่อกับแม่ชิมดูนะ”

“ดูแกสิ ข้าวแค่น้ ี ยงั ต้องลาบากขนกลับมาทาไม พวกแกมีกนั


ตั้งหลายคน เก็บไว้กินเองเถอะ” คุณแม่จา้ วกล่าว

“แม่ พวกเรายังมีเหลืออยู่ ข้าวเป็ นของที่หากินได้ยากเลยนะ


คะ” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว

คุณพ่อจ้าวถามถึงชีวติ หนึ่งปี ที่ผา่ นมาของพี่เขยห้า

พี่เขยห้ากล่าวเคล้ารอยยิม้ “ผมก็เหมือนเดิมนัน่ แหละครับ ใน


หนึ่ งปี ออกไปข้างนอกก็ป าไปครึ่ งปี แล้ว รายได้มากขึ้ น นิ ด
หน่อย แต่ในบ้านผมก็แทบไม่ได้ดูแลอะไรเลย”
“ได้เงินกลับมาก็ดีแล้ว คุณไม่ตอ้ งสนใจเรื่ องนี้ หรอก” พี่สาว
ห้าจ้าวกล่าวเคล้ารอยยิม้

พี่เขยห้าจงใจพูด “พ่อกับแม่ฟังสิ นี่ ถา้ ไม่ได้เงินกลับมาคงไม่


ยอมให้ผมกลับบ้านแล้ว”

พี่สาวห้าจ้าว “ทาไมจะไม่ได้เงินกลับมาล่ะ คุณเป็ นผูช้ ายจะไม่


เลี้ยงดูครอบครัวเหรอ”

หลังจากพูดคุยสนุ กสนานครู่ หนึ่ ง คุณแม่จา้ วก็ลงจากเตียงไป


จัดการกับไส้และแผ่นแป้งเพื่อเตรี ยมห่อเกี๊ยว

“แม่ ชุ ดที่แม่ใส่ สวยขนาดนี้ จะไปทางานได้ไงคะ ให้พวกฉัน


ห่อเถอะ” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว

“นั่น สิ ค ะแม่ ชุ ด แบบนี้ ถ้า สกปรกขึ้ น มาคงปวดใจแย่เ ลย”


พี่สาวห้าจ้าวเดินตามมาพร้อมกับแย้มยิม้
คุ ณแม่ จา้ วรั ดผ้ากันเปื้ อน “พวกแกจ้องตาเป็ นมันแล้วมั้ง ถ้า
จ้องตาเป็ นมันขนาดนี้กบ็ อกให้ฉูฉู่ตดั ให้คนละตัวสิ ฉูฉู่เป็ นคน
ออกแบบเสื้ อผ้านะ การออกแบบก็สวยด้วย หล่อนร่ วมมือกับ
พี่สะใภ้สามเย่ขายเสื้ อผ้ากัน ขายได้เงินมาไม่นอ้ ยเลย”

ภายในใจของคุณแม่จา้ ว ลูกสาวย่อมไม่ใช่คนนอก จึงพูดอย่าง


ไม่ปิดบัง นางเล่าให้พี่สาวใหญ่จา้ วและพี่สาวห้าจ้าวฟังว่าเย่ฉูฉู่
ได้เงินก้อนโตมาจากการออกแบบเสื้ อผ้า ทั้งยังเป็ นตัวเลขที่สูง
ลิ่วเลย!

“นี่ ได้เยอะกว่าเงินเก็บหลายปี มานี้ ของพวกเราอีกนะ” พี่สาว


ห้าจ้าวพึมพาอยูน่ าน “ฉูฉู่กส็ ุ ดยอดเกินไปแล้ว”

คุ ณ แม่ จ ้า วพูด อย่า งภาคภู มิใ จ “เหวิน เทาเด็ก คนนี้ เกิ ดมาไม่
ธรรมดาเลย ตั้งแต่เด็กจนโตก็โชคดีกว่าคนอื่น ถ้าให้แม่พูดนะ
โชคที่ ดีที่สุดของเขาคงเป็ นเรื่ องที่ ได้แต่ งงานกับฉู ฉู่นี่แหละ
เขาว่ากันว่าผูห้ ญิงกลัวแต่งงานผิดคน อันที่จริ งการที่ผูช้ ายได้
แต่งงานกับภรรยาเป็ นสิ่ งที่สาคัญกว่าอีก แต่งงานกับคนดี ๆ ก็
เป็ นประโยชน์ไปสามชัว่ อายุคน!”

พี่สาวใหญ่จา้ วหัวเราะ “ชุ ดใหม่ของแม่ไม่เสี ยเปล่าเลยนะคะ


เหตุผลมาเป็ นชุดเลย ”

คุ ณ แม่ จ ้า วกลอกตา “พวกแกสองคนคงมองตาเป็ นมันแล้ว


สิ นะ?”

พี่สาวใหญ่ จา้ วหยิบต้นหอมหนึ่ ง กามื อใส่ ล งไปในกะละมัง


พลางกล่าว “ไม่ใช่ มองชุ ดตาเป็นมันสักหน่อยค่ะ แต่การที่ได้
เงินมากขนาดนี้โดยไม่ตอ้ งออกจากบ้าน ใครจะไม่มองตาเป็ น
มันบ้างล่ะ!”

พี่สาวใหญ่จา้ วเตรี ยมแป้ งพลางพูดว่า “ไม่ตอ้ งออกไปตากลม


ตากฝนเลย ทาไมฉันไม่ได้ทาเรื่ องดี ๆ แบบนี้บา้ งนะ!”
“ก็ตอ้ งมีความสามารถถึงจะมีเรื่ องดี ๆ” คุณแม่จา้ วกล่าว “ฉู ฉู่
เด็กคนนี้ท้ งั กตัญญูท้ งั มีความสามารถ”

“พอเถอะค่ะแม่ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าฉู ฉู่คือลูกสาวแท้ ๆ ของแม่


นะ!” พี่สาวห้าจ้าวแอบรู ้สึกหวง

คุ ณแ ม่ จ้ า วล้ า งผั ก ดองเค็ ม และหั่ น เป็ นเส้ น ๆ อย่ า ง


กระฉับกระเฉง ปากก็พูดไปว่า “ฉู ฉู่ไม่ใช่ ลูกสาวแท้ ๆ แต่ก็
ดีกว่าลูกสาวแท้ ๆ นะ!”

พี่ ส าวห้า จ้า วและพี่ ส าวใหญ่ จ ้า วหัน สบตากัน และส่ า ยหน้า


พี่สาวใหญ่จา้ วถาม “ฉู ฉู่ออกแบบเสื้ อผ้าได้เงิ นพวกนี้ มา งั้น
พี่สะใภ้สามของหล่อนก็ตอ้ งได้เยอะกว่านี้อีกสิ นะ?”

“มันก็แน่นอนอยูแ่ ล้ว ถึงยังไงพี่สะใภ้สามคนนั้นก็คา้ ขายอยู่ที่


เมื อ งหลวงนะ” คุ ณ แม่ จ ้า วพู ด พลางถอนหายใจ “โลกมัน
เปลี่ยนไปแล้วจริ ง ๆ เมื่อก่อนคนในเมืองยังกินกันไม่อิ่มท้อง
เลย ต่ า งก็ ม าที่ ช นบทเพื่ อ แลกเปลี่ ย นข้า วแลกเปลี่ ย นแป้ ง
ตอนนี้ซ้ือเสื้ อผ้าแพง ๆ แบบนี้ได้แล้ว แล้วดูชนบทของพวกเรา
สิ ยังเหมือนเดิมอยู่เลย นี่ ก็แบ่งที่ดินกันแล้ว การเก็บเกี่ยวเพิ่ง
จะดีข้ ึนนิดหน่อย นี่ถา้ ยังไม่แบ่งที่ดิน แม้แต่ขา้ วก็ยงั กินกันไม่
อิ่ม!”
ตอนที่ 257 เรื่ องกวนใจของพีส่ ำวห้ ำ

พี่สาวห้าจ้าวพยักหน้า “นัน่ น่ ะสิ ตอนนี้ ขา้ งนอกเปลี่ยนแปลง


ไปเยอะเลย ทุ ก วัน เวลาเข้า งานกับ เลิ ก งาน ก็ รู้ สึกได้ ว่ า
เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน”

“ใช่ โดยเฉพาะตลาดในอาเภอ นี่ เพิ่งจะปี เดี ยวเองนะ คึกคัก


กว่าตลาดของพวกเราอีก คึกคักทุกวันเลยด้วย! ฉันรู ้สึกได้ว่าจู่
ๆ ผูค้ นก็มีเงินขึ้นมา!” พี่สาวใหญ่จา้ วเอ่ย

“พี่สาวใหญ่ นี่ พี่มีความคิดอะไรบางอย่างใช่ ไหมคะ?” พี่สาว


ห้าจ้าวถาม

พี่สาวใหญ่จา้ วยิม้ ด้วยรอยยิม้ ขมขื่น “ฉันจะมีความคิดอะไรได้


ฉันทาอะไรไม่เป็ นสักอย่าง ให้ไปทาค้าขายก็ยงั หน้าบางเลย”
“พี่ยงั มี พี่เขยใหญ่ อยู่ท้ งั คนยังต้องทาอะไรอี ก” พี่สาวห้าจ้าว
กล่าวเคล้ารอยยิม้

พี่สาวใหญ่จา้ ว “ถึ งยังไงเงิ นที่ พี่เขยของเธอได้มาก็มีจานวน


จากัด ลูก ๆ ก็โตขึ้นทุกวัน รายจ่ายก็มากขึ้นด้วย ฉันเองก็ร้อน
ใจ”

“ไม่ ไ ปถามเหวิ น เทาดู ล่ ะ ” คุ ณ แม่ จ ้า วกล่ า ว “เขามี ลู่ ท าง


เยอะแยะ รู ้จกั คนก็เยอะ น่าจะช่วยออกความเห็นดี ๆ ให้แกได้
นะ”

พี่สาวห้าจ้าวกล่าว “ไม่ตอ้ งถามฉันก็รู้ว่าเหวินเทาจะให้พี่สาว


ใหญ่ของฉันไปทาอะไร ต้องเลี้ยงกระต่ายแน่นอน!”

พี่สาวใหญ่จา้ วส่ ายหน้า “เลี้ยงกระต่ายไม่ได้หรอก บ้านฉันมี


พื้นที่แค่น้ นั เอง เลี้ยงน้อยก็ขายได้ไม่เท่าไร เลี้ยงมากไปก็ไม่มี
ที่ให้อยู่ กลิ่นก็แรงด้วย”
“แม่ ส ามี ข องพี่ ก็ ต ัด ชุ ด ให้ ค นอื่ น ไม่ ใ ช่ เ หรอ พี่ ส าวใหญ่ ก็
ทางานนี้ได้นี่” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

“มีงานไม่เยอะ แม่สามีฉนั ทาคนเดียวได้” พี่สาวใหญ่จา้ วลังเล


อยู่ค รู่ ห นึ่ ง “อี ก เดี๋ ย วฉัน จะไปถามฉู ฉู่ ดู ว่า หล่ อ นออกแบบ
เสื้ อผ้ายังไง ถ้าเป็ นไปได้ ฉันอยากลองดู”

พี่สาวห้าจ้าวกล่าวเคล้ารอยยิม้ “พี่สาวใหญ่ ฉันรู ้อยู่แล้วว่าพี่


ชอบงานของฉูฉู่”

“ได้เงินมากขนาดนั้น ใครจะไม่ใจเต้นบ้าง” พี่สาวใหญ่จา้ วก็


ไม่ ไ ด้ใ ส่ ใ จ จึ ง ถามว่ า “ฉั น ได้ยิ น มาว่ า โรงงานยาสี ฟั น อยู่
ในช่วงตกต่า เธอวางแผนไว้หรื อยัง?”

สี หน้าของพี่สาวห้าจ้าวไม่ค่อยดีเท่าไรนัก หล่อนกระซิ บเสี ยง


เบา “แม่สามีของฉันเริ่ มเป็ นปี ศาจอีกแล้ว บอกว่าจนถึงตอนนี้
ฉันยังไม่มีลูกชายสักคน เอาแต่พ่ ึงลูกชายของหล่อนให้เลี้ยงดู
ไปทางานอะไร ได้เงินมาแค่น้ นั ยังไม่พอซื้ อข้าวเลยด้วยซ้ า สู ้
กลับไปดูแลพวกเขายังจะดีเสี ยกว่า!”

คุณแม่จา้ วถลึงตา “นี่มนั อะไรกัน ดูแลพวกเขา? ฮะ! ปากดีจริ ง


ๆ เลยนะ พวกเขาแขนขาดหรื อขาด้วนล่ะ เป็ นอัมพาตติดเตียง
หรื อทั้งกินทั้งขี้อยูบ่ นเตียง ถึงได้เรี ยกให้ลูกไปดูแล?”

“นั่น สิ ร่ า งกายยัง ดี ๆ แต่ เ รี ย กให้ค นอื่ น ไปดู แ ล หน้า หนา


ชะมัด” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว “แล้วน้องเขยห้าว่ายังไงบ้าง”

“ยังจะพูดอะไรได้ล่ะ ก็เหมือนเดิมนัน่ แหละ ไม่ตอ้ งไปสนใจ


พวกเขา แล้วก็ไม่ ตอ้ งไปยุ่งด้วย ควรไปทางานก็ไปทางาน”
พี่สาวห้าจ้าวแอบบ่น “เขาก็พูดได้สิ ออกไปตั้งหลายเดือน พ่อ
แม่ของเขาไม่เห็นเขาแม้แต่เงา ฉันกับลูกยังอยูใ่ นบ้าน พูดอะไร
ก็ตอ้ งฟั ง พวกเขาต่างก็เป็ นผูอ้ าวุโส ฉันจะพูดอะไรได้ ก็ทาได้
แค่ฟังนัน่ แหละ!”
พี่ ส าวห้า จ้า วยิ่ง พู ด ก็ ยิ่ ง โกรธ “ฉัน ก็พ อจะมองออกนะ ถ้า
โรงงานเจ๊งจริ ง ๆ ฉันคงต้องกลับไปดูแลพวกเขาแล้วแหละ!”

“ได้ไ งล่ ะ พวกเขาไม่ ใ ช่ ค นแก่ อ ายุ เ ยอะสั ก หน่ อ ย เธอไม่


กลับไปดูแลพวกเขาก็ทาอะไรเธอไม่ได้” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว

น้ าเสี ยงของพี่สาวห้าจ้าวไม่ค่อยดีเท่าไรนัก “แม่กบั พี่ไม่เข้าใจ


หรอก เมื่อปี ก่อนตอนที่แม่สามีของฉันป่ วย ก็นอนติดเตียงขยับ
ตัวไม่ได้ เรี ยกให้ฉันไปทาอาหารให้ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็อยู่บา้ น
กันหมด แต่ไม่มีใครทาอาหารเลยสักคน? ฉันเอาของไปเยี่ยม
นิด ๆ หน่อย ๆ แล้วก็กลับเลย อยากกินก็กิน ไม่ทากินเองก็หิว
ไปเถอะ ฉันก็ไม่ได้คุน้ เคยกับพวกเขาสักหน่อย!”

“เธอทาแบบนี้ ถูกต้องแล้วล่ะ เพราะถ้าครั้งนี้ ยอมถอยให้ ครั้ง


หน้าก็ยงั ต้องถอยอีก” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว

คุณแม่จา้ วฟั งลูกสาวทั้งสองคนพูดคุยกัน ก็อดไม่ได้ที่จะแอบ


คิดมาก
ลูกสาวทั้งสองคนแต่งงานกับสามีที่ไม่เลวเลยถ้าพูดในแง่ของ
ฐานะทางเศรษฐกิจ แต่พอนานวันเข้าก็เผยปัญหาต่าง ๆ ออกมา
ลูกสาวคนโตยังดีหน่อย มีท้ งั ลูกชายและลูกสาว แม่สามีเห็นว่า
มีหลานชายจึงไม่ได้สร้างความลาบากใจให้ลูกสาวคนโต แต่
ลูกสาวคนเล็กนั้นไม่ค่อยดีเท่าไรนัก หลังจากแต่งงานก็ไม่เคย
ได้อยู่อย่างสงบเลย แม้จะไม่มีลูกชาย แต่ก็ยงั ดีลูกเขยเป็ นคน
เอาถ่าน จึงซื้อบ้านแยกออกมา เพียงแต่ระยะเวลาหลายปี นี้ ยงั มี
ลูกแค่คนเดียว ถ้าเป็ นลูกชายก็ยงั ดีหน่อย แต่หล่อนกลับคลอด
ลู กสาว บ้านแม่ สามี จึงมี เรื่ องให้แซะเหน็บแนม ที่ สาคัญคื อ
ระยะเวลานานวันเข้า ลูกเขยจะรังเกียจลูกสาวของนางเพราะ
ไม่มีลูกชายหรื อเปล่า? เรื่ องนี้มีความเป็ นไปได้สูงมาก

ไม่ใช่ ว่าคุณแม่จา้ วคิดมากเกินไป แต่ในความเป็นจริ งแม่สามี


ของลูกสาวคนเล็กเป็นปี ศาจร้ายมากเกินไปต่างหาก ลูกเขยก็
ไม่ค่อยอยู่บา้ น มีเรื่ องอะไรลูกสาวคนเล็กก็ตอ้ งรับหน้าเพียง
ลาพัง ครั้งสองครั้งยังพอทน แต่ถา้ สามครั้งสี่ ครั้ง เกิดลูกสาว
คนเล็กทนไม่ ไ หวทะเลาะกันขึ้ น มาแล้ว เรื่ อ งไปถึ งหู ลู ก เขย
ลูกเขยจะคิดอย่างไร จิตใจของผูช้ ายคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน เมื่อ
ใจของผูช้ ายเปลี่ยนไป คนที่เจ็บปวดก็คือผูห้ ญิง

ค าพู ด นี้ ไม่ ส ามารถพู ด ออกมาได้ คุ ณ แม่ จ ้า วท าได้เ พี ย งแค่


วางแผนในใจ ไม่ ว่าจะพูดอย่างไร ก็ตอ้ งให้พี่สาวห้าจ้าวทา
เวลาเพื่อคลอดลูกชายให้ได้

ครั้นเตรี ยมไส้เกี๊ยวและแป้ งไว้อย่างดีแล้วก็ยกมาที่เตียงเตา ทุก


คนต่างลงมือพร้อมกัน มีหลายคนช่ วยห่ อจึงเสร็ จเร็ ว คุ ณแม่
จ้าวมองเวลาก็พบว่ายังเช้าอยู่ นางจึงทาอาหารเพิ่มอีกสี่ อย่าง
และบดกระเที ย ม ตอนที่ ต ้ ม เกี๊ ย วเสร็ จก าลั ง จะลงมื อ
รับประทาน จ้าวเหวินเทาก็มาที่บา้ น

“อ้าว เหวินเทามาแล้ว นายนี่ มีลาภปากจริ ง ๆ เลยนะ เกี๊ยวต้ม


เสร็จก็มาเลย” พี่เขยใหญ่กล่าวด้วยรอยยิม้
จ้าวเหวินเทายิม้ “ผมรู ้อยู่แล้วว่าพวกพี่ตอ้ งมาสวัสดีปีใหม่กนั
วัน นี้ ผมก็เ ลยตั้ง ใจมา เอาเหล้า ชั้น ดี ม าสองขวดด้ว ยนะ!”
ระหว่างที่พูดก็ยกเหล้าในมือขึ้นมา “เหล้าเฉินเหนียนเหล่าเจี้ยว
พวกพี่ลองชิมดู!”

“ต้องลองชิมเหล้าที่เหวินเทาเอามาอยูแ่ ล้ว” พี่เขยห้ารี บรับไป

“ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม?” คุณแม่จา้ วยกเกี๊ยวเข้ามาพร้อมกับ


ถาม

“ยังเลย ผมกะว่าจะมาดื่มเหล้ากับพวกพี่เขยนี่แหละ” จ้าวเหวินเทา


ถอดรองทึ้ข้ ึนเตียง

ทุกคนต่างมีความสุ ขมาก แล้วคุณแม่จา้ วก็ถามขึ้น “ฉูฉู่ล่ะ รู ้ใช่


ไหมว่าลูกมาที่นี่?”
“รู ้สิ ผมบอกฉู ฉู่แล้ว หล่อนเองก็ห่อเกี๊ยวอยู่ที่บา้ นเหมือนกัน”
จ้าวเหวินเทารับประทานเกี๊ยวไปหนึ่ งคา รสชาติไม่ได้อร่ อย
เหมือนกับที่ภรรยาทา แต่กไ็ ม่เลวเลย

ฝีมือของเย่ฉูฉู่ทาให้อาหารของคนอื่นถูกปากเขายากขึ้นเรื่ อย ๆ
ตอนนี้แม้แต่อาหารฝีมือแม่ตวั เองก็แอบไม่คุน้ ลิ้นเสี ยแล้ว

“ฉู ฉู่ห่อเกี๊ยวเองด้วยเหรอ” พี่สาวใหญ่จา้ วประหลาดใจมาก


“เสี่ ยวไป๋ หยางไม่งอแงเหรอ?”

“ถ้าพี่บอกให้เขานัง่ ดู เขาก็ไม่งอแงแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว


“ไม่ตอ้ งเป็ นกังวลอะไรเลย”

“เด็กคนนั้นไม่รบกวนเวลาทางานของผูใ้ หญ่สักนิ ด” คุ ณแม่


จ้าวกล่าว “แค่ใส่ ไว้ในรถเข็น ให้นงั่ ดูผใู ้ หญ่ทางานก็เรี ยบร้อย
แล้ว”
“ไม่เลวเลยนะ ถ้าเป็ นเด็กที่มีปัญหาละก็ แค่ผใู ้ หญ่จะกินข้าวก็
ยังไม่ได้กินเลย” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

“เสี่ ยวไป๋ หยางเลี้ยงง่ายมาตั้งแต่เล็กแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว


“ฉูฉู่ทาได้ทุกอย่างเลย”

“ได้ยนิ ว่านายซื้อที่ดินในเมืองแล้วเหรอ?” พี่เขยใหญ่จา้ วถาม

“ใช่ ข่าวไปถึงพี่ไวมากเลยนะเนี่ย” จ้าวเหวินเทาแย้มยิม้

“เพิ่งได้ยินมาจากพ่อนี่แหละ” พี่เขยใหญ่จา้ วก็ยมิ้ ตอบเช่นกัน


“นายนี่ มี ค วามสามารถมากเลยนะ นี่ ก็ซ้ื อ ที่ ดิ น ในเมื อ งแล้ว
ด้วย!”

“บังเอิญทั้งนั้นแหละครับ” จ้าวเหวินเทาจึงเล่าเรื่ องที่เกิดขึ้นไป


หนึ่งรอบ
ทุกคนประหลาดใจมาก ตอนนั้นจ้าวเหวินเทาไม่มีเงิน ทั้งยังใช้
เงินที่ได้ ณ ตอนนั้นทาให้ซ้ื อฟาร์ มกระต่ายได้ นี่ มนั กล้าหาญ
เกินไปหน่อยแล้วมั้ง?

พี่เขยห้าจ้าวอดไม่ได้ที่จะถาม “เหวินเทา ตอนนั้นถ้าหวังหยาง


คนนั้นไม่เหมาที่ดินของนายจะทายังไง? นายจะไปเอาเงินมา
จากที่ไหน?”

“เขาไม่เหมาที่ดินก็ยงั มีคนอื่น มีของอยู่ในมือจะกลัวอะไร?”


จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความมัน่ ใจ

“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงว่า ถ้าตอนนั้นนายไม่สามารถนาเงินออกมา


ได้ เลยเวลาที่กาหนดเงินมัดจาที่นายจ่ายให้ฟาร์มกระต่ายก็ถือ
ว่าเสี ยเปล่าน่ะสิ ” พี่เขยห้ากล่าว
ตอนที่ 258 คุยเล่น

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ถ้าพี่คิดแบบนี้ งั้นก็คงซื้ อที่ดินผืนนี้


ไม่ได้แน่นอน พี่เขยห้า ผมเข้าใจความหมายของพี่นะ อันที่จริ ง
ไม่ ว่ า จะการค้า ขายอะไรก็ไ ม่ มี อ ะไรที่ แ น่ น อนแบบ 100%
หรอก ถ้าพี่คิดว่ามันเสี่ ยง แบบนั้นไม่ ว่าอะไรก็ทาไม่ สาเร็ จ
เรื่ องแบบนี้ตอ้ งลองทาดูก่อน ถ้าไม่ได้ค่อยพูดว่าไม่ได้ พี่จะมา
นัง่ คิดว่าทาไม่ได้โดยที่ยงั ไม่ทนั ได้ทาอะไรไม่ได้หรอก แบบ
นั้นก็เท่ากับว่าทาไม่ได้”

พี่เขยทั้งสองคนมองจ้าวเหวินเทาด้วยความชื่ นชม เหตุ ผลนี้


พวกเขาต่างก็เข้าใจดี แต่เมื่อเห็นเงินของจริ ง นัน่ ก็ไม่ใช่ เรื่ อง
ของความเข้าใจแล้ว แต่ เป็ นบททดสอบของความกล้า หาญ
ความกล้าหาญประเภทนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะมี
“เหวินเทา ไม่ ว่าจะพูดยังไง นายก็สุดยอดอยู่ดี! ” พี่เขยใหญ่
กล่าว “สาหรับความกล้าหาญนี้ ของนาย ไม่ใช่ สิ่งที่คนทัว่ ไป
จะมี”

จ้าวเหวินเทายิม้ “ผมเป็ นพวกกล้าหาญแบบโง่ ๆ น่ะ พี่เขยใหญ่


ชมเกินไปแล้ว”

ทุกคนดื่มเหล้า รับประทานเกี๊ยวและพูดคุยไปด้วย บรรยากาศ


จึงคึกคักมาก

พี่สาวใหญ่จา้ วและพี่สาวห้าจ้าวรับประทานเสร็ จก่อน จึงแวะ


ไปหาเย่ฉูฉู่ ไม่ว่าเสื้ อใหม่ของคุณแม่จา้ วหรื อเงินจานวนมากที่
เย่ฉูฉู่ได้จากการออกแบบเสื้ อผ้า ต่างก็ดึงดูดพวกหล่อนมากทั้ง
คู่

“พี่สาวใหญ่ พี่สาวห้า รี บเข้ามาเถอะค่ะ เหวินเทาล่ะ เขาไปที่


บ้านแม่แล้วใช่ไหมคะ?” เย่ฉูฉู่เชิญพี่สามีท้ งั สองเข้ามาในบ้าน
“เหวินเทากาลังกินข้าวอยูท่ ี่นนั่ พวกเรากินเสร็ จแล้ว ก็เลยแวะ
มาเยีย่ มก่อน เสี่ ยวไป๋ หยางล่ะ?” พี่สาวใหญ่จา้ วถาม

“กาลังนอนกลางวันอยูน่ ่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่รินน้ าชาให้

หลังรับประทานอาหารเที่ยงของทุกวัน เสี่ ยวไป๋ หยางจะนอน


กลางวัน เย่ฉูฉู่มีเวลาก็จะนอนไปพร้อมกับลูกครู่ หนึ่งด้วย

“เด็ก คนนี้ นอนเพลิ ดเพลิ น เชี ยวนะ” พี่ ส าวห้า จ้า วมองเสี่ ยว
ไป๋ หยางที่นอนอยู่บนเตียง แขนเล็ก ๆ กาลังกางออก มีผา้ ห่ ม
ผืนเล็กห่มอยู่ นอนหลับตาพริ้ มอมยิม้ สบายเชียว

“เด็กเล็กนอกจากกินก็นอน ไม่นอนก็เล่นซุ กซนน่ ะค่ะ” เย่ฉูฉู่


แย้มยิม้ “พี่สาวใหญ่ พี่สาวห้า ดื่มชาร้อนหน่อยนะคะ ร่ างกาย
จะได้อุ่น ๆ ข้างนอกหนาวมากเลย”

“วันนี้ยงั ดีนะ” พี่สาวใหญ่จา้ วดื่มชาหนึ่งคา หล่อนถอดรองเท้า


และขึ้นมานัง่ บนเตียง
พี่สาวห้าจ้าวก็ข้ ึนมานัง่ บนเตียงเช่ นกัน หล่อนกวาดตาสารวจ
บ้านพลางกล่าว “บ้านหลังนี้ ดีจริ ง ๆ สะอาดและสว่าง ดี กว่า
แบบตึกแถวอีกนะ”

เย่ฉูฉู่นงั่ คุยด้วยรอยยิม้ อยู่ตรงข้าม “แม้ว่าฉันจะไม่เคยอยู่แบบ


อาคารมาก่อน แต่ฉันคิดว่าบ้านชั้นเดี ยวนี่ แหละดี กว้างขวาง
แบบตึกแถวต่อให้ใหญ่กว่านี้กไ็ ม่มีลานบ้าน”

พี่สาวใหญ่จา้ วและพี่สาวห้าจ้าวหัวเราะ

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเห็นตึกนัน่ ที่อยูใ่ นเมือง แต่ละตึกเหมือนกับบ้าน


นกพิ ร าบเลย เห็ น แล้ว อุ ด อู ้จ ะตาย ไม่ รู้ ว่า พวกเขาอยู่ไ ปได้
ยังไง”

“คนพวกนั้นยังมองว่าบ้านชั้นเดี ยวที่พวกเราอยู่ไม่ดีดว้ ยนะ”


พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว “แต่ บ้านแบบตึกแถวก็มีขอ้ ดีเหมือนกัน
แค่ หมุ นก๊อกน้ า น้ าก็ไหลแล้ว ไม่ ตอ้ งออกไปเทน้ าจากข้า ง
นอก สามารถต่อท่อน้ าเข้ามาได้เลย ฤดูหนาวก็มีเครื่ องทาความ
ร้อน ไม่ตอ้ งไปเผาเตาเองก็อบอุ่นแล้ว”

“ไม่ใช่ทุกตึกที่เป็ นแบบนั้นหรอก” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว “ฉันได้


ยินมาว่ามีหลายครอบครัวใช้ห้องครัวร่ วมกัน แถมยังต้องเผา
เตาเองด้วย พี่วา่ จะใช้ชีวติ ยังไงล่ะเนี่ย”

“มีแบบนี้จริ ง ๆ ค่ะ พี่สะใภ้สามของฉันบอกว่าในเมืองมีหลาย


ที่ที่เป็ นแบบนี้ เขาเรี ยกว่าถ่งจื่อโหลว[1] อะไรนี่แหละ ฉันเอง
ก็ไ ม่ ค่ อ ยรู ้ เ รื่ อ งนี้ เหมื อนกัน แต่ ถึ ง ยัง ไงพี่ ส ะใภ้ส ามบอกว่า
สภาพแย่มากเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

เมื่ อ พู ด ถึ ง โจวหมิ่ น พี่ ส าวใหญ่ จ ้า วและพี่ ส าวห้า จ้า วก็ถ าม


ขึ้นมา

“ฉันเห็นชุ ดใหม่ของแม่แล้ว แม่บอกว่าเธอเป็ นคนออกแบบ


สวยจริ ง ๆ เธอคิดได้ยงั ไงเนี่ย?” พี่สาวห้าจ้าวกล่าวเคล้ารอยยิม้
เย่ฉูฉู่จึงนานิ ต ยสารเล่ ม นั้นออกมาให้พี่สามี ท้ งั สองคนได้ดู
“ฉันดู มาจากนิ ตยสารแบบนี้ แล้วก็คิดออกมา บนนี้ มีชุดที่ฉัน
ออกแบบด้วย พี่สาวใหญ่ กบั พี่สาวห้าดู สิคะ ถ้าพวกพี่คิดว่า
สวย เดี๋ยวฉันออกแบบให้พวกพี่คนละชุด”

ไม่ว่าผูห้ ญิงที่ไหนต่างก็ชื่นชอบเสื้ อผ้าโดยธรรมชาติ ปรากฏ


ว่าเมื่อพี่สาวใหญ่และพี่สาวห้าจ้าวได้รับนิตยสารแฟชัน่ ไปดูก็
หลุดเข้าไปอยู่ในนั้นทันที ทั้งยังส่ งเสี ยงตกตะลึงออกมาติด ๆ
กันเป็ นครั้งคราวด้วย

“อันนี้สวยนะ!”

“สี น้ ีดีจริ ง ๆ ฉันรู ้สึกได้วา่ ฉันก็ใส่ ได้เหมือนกัน”

“ฉันชอบหัวเข็มขัดอันนี้ ปกเสื้ ออันนี้กส็ วยนะ”

“ลวดลายตรงแขนเสื้ อตัวนี้ไม่เลวเลย”
สองพี่น้องดู ไปพลางพูดคุ ยไปพลาง เย่ฉูฉู่ก็มองพวกหล่ อน
และริ นน้ าชาให้ดว้ ยรอยยิม้

หลังจากดูจนเสร็ จ พี่สาวห้าจ้าวก็พูดว่า “ฉู ฉู่ เธอวาดรู ปเสื้ อผ้า


นี้ออกมาได้ยงั ไงเหรอ สอนฉันได้ไหม?”

ตอนนี้ผหู ้ ญิงแทบจะทุกคนต่างก็ตดั เย็บเสื้ อผ้าเป็ น เพียงแต่ไม่


มีใครวาดรู ป ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องออกแบบ ถึงอย่างไรก็ตดั เย็บ
ตามแบบปกติ ขอแค่ใส่ ได้และเหมาะสมก็เพียงพอแล้ว แบบนี้
ก็เป็นข้อดีเหมือนกัน เป็นแนวทางปฏิบตั ิที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะ
ผูห้ ญิงในชนบท ที่ไม่ว่าเสื้ อผ้า รองเท้า ถุงเท้า พื้นรองเท้าของ
เด็กหรื อผูใ้ หญ่ต่างก็ทาด้วยมือทั้งหมด!

เย่ฉู ฉู่ จึ ง น าต้น ฉบับ การออกแบบชุ ด ของตนเองออกมาให้


พี่สาวห้าจ้าวดู “ไม่ได้ยากมากนะคะ ก็แค่วาดในสิ่ งที่พี่ตอ้ งการ
ออกมาก็เรี ยบร้อยแล้ว”

“เยอะขนาดนี้เลย!” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว


“นี่ เป็ นแค่ส่วนหนึ่ งเท่านั้นค่ะ บางชุ ดก็ตอ้ งวาดอยู่หลายครั้ง
กว่าจะวาดเสร็ จ” เย่ฉูฉู่ช้ ีไปยังภาพร่ างงานออกแบบส่ วนหนึ่ ง
พลางกล่าว “พวกนี้ เป็ นแบบร่ างแรก พวกนี้ เป็ นแบบที่ เสร็ จ
แล้ว แก้ไปแก้มาอยู่ 7-8 ครั้งเลยล่ะค่ะ”

พี่สาวห้าจ้าวถึงกับถอนหายใจ “ฉันนึกว่าจะง่ายมากเสี ยอีก คิด


ไม่ถึงเลยว่าจะยุง่ ยากขนาดนี้”

หล่ อนเองก็เคยทาเสื้ อผ้าให้เด็กและผูใ้ หญ่ ไปไม่ น้อย ขนาด


และรู ปแบบที่ อ ยู่บนนี้ ต่ า งเข้า ใจได้ แต่ ต่ อ ให้เ ข้า ใจก็ไ ม่ ไ ด้
หมายความว่ า จะวาดรู ปออกมาได้ ยิ่ ง ไม่ ต ้อ งพู ด ถึ ง การ
ออกแบบเสื้ อผ้ารู ปแบบใหม่ แค่เห็นของเหล่านี้ ก็หมดความ
มัน่ ใจแล้ว

“ดูเหมือนว่าเรื่ องนี้ฉนั คงทาไม่ไหว” พี่สาวห้าจ้าวพูดอย่างยอม


แพ้
พี่ ส าวใหญ่ จ ้า วพลิ ก นิ ต ยสารเพื่ อ ดู แ ละกล่ า วว่ า “เข้า กับ
ประโยคนั้นจริ ง ๆ คนที่ทาได้ไม่ยาก คนที่บอกว่ายากเพราะทา
ไม่ ได้ ฉันเองก็เย็บเสื้ อผ้าเป็ นนะ แต่ ถา้ ให้ฉันวาดรู ปคงวาด
ออกมาไม่ได้”

เย่ฉู ฉู่ ก ล่ า วด้ว ยรอยยิ้ม “นี่ ไ ม่ ไ ด้ต่ า งอะไรกับ การวาดแบบ


รองเท้าเลยนะคะ วาดให้เยอะ ๆ ก็ทาเป็ นแล้ว ตอนแรกฉันก็ทา
ไม่ได้เหมือนกัน”

ท้ายที่สุดพี่สาวห้าจ้าวก็หยิบแบบร่ างที่เย่ฉูฉู่วาดออกมาสามสี่
แผ่น หล่อนตัดสิ นใจว่าจะกลับไปฝึกดูสิหน่อย ลองดูวา่ ตนเอง
จะออกแบบได้หรื อไม่

พี่สาวใหญ่จา้ วไม่ได้นากลับไป หล่อนแสดงตัวออกมาว่าตน


ทาไม่ได้

เย่ฉูฉู่แอบรู ้สึกประหลาดใจ “พี่สาวห้า ทาไมถึงคิดจะทางานนี้


ล่ะคะ?”
พี่สาวห้าจ้าวถอนหายใจ “เธอคงยังไม่รู้ ผลประกอบการของ
โรงงานตอนนี้ ไม่ดีเลย ฉันได้ยินคนพูดกันว่าไม่รู้จะปิ ดตัวลง
ตอนไหน ฉัน เองก็ไ ม่ รู้ ว่า เรื่ อ งจริ ง หรื อ โกหก แต่ ถ ้า มัน ปิ ด
ขึ้นมาจริ ง ๆ จะทายังไง?”

เย่ฉูฉู่นึกถึงเรื่ องฟาร์มกระต่ายภายในเมืองที่สามีของเธอซื้อไว้
นัน่ ก็เป็ นเพราะผลประกอบการไม่ดีเหมือนกัน สามีเธอบอกว่า
ไม่ รู้ ว่ า จะจัด การอย่ า งไร เพราะในเมื อ งมี โ รงงานที่ มี ผ ล
ประกอบการไม่ ดีแบบนี้ มากขึ้ น เรื่ อ ย ๆ หากโรงงานปิ ดตัว
คนงานที่อยูใ่ นนั้นก็จะตกงาน พวกเขาไม่มีที่ดินก็ไม่รู้ว่าจะไป
ทางานอะไร พี่สาวห้าจ้าวคิดแบบนี้กถ็ ูกต้องแล้ว

“พี่สาวห้า เหวินเทาจะเลี้ยงกระต่ายในชนบท ถ้าพี่ไม่รังเกียจก็


กลับมาช่ วยเขาเลี้ ยงกระต่ ายสิ คะ” แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะพูดเล่ น แต่
ภายในใจกลับคิดแบบนี้จริ ง ๆ
พี่สาวห้าจ้าวก็เคยเข้าเรี ยนมาหลายปี และทางานอยู่ที่โรงงาน
ยาสี ฟั น ในอ าเภอหลายปี แล้ว เช่ น กัน ต้อ งมี ป ระสบการณ์
แน่นอน การดูแลฟาร์มกระต่ายคงไม่ใช่ เรื่ องยาก อีกอย่าง นี่ก็
เป็ นคนในครอบครัวด้วยจึงเบาใจได้

พี่สาวใหญ่จา้ วมีดวงตาเป็ นประกาย “จริ งด้วย เหวินเทาสร้าง


ฟาร์ มกระต่ าย เขาแค่ คนเดี ยวทาไม่ ไหวหรอก เธอก็กลับมา
ช่วยเขาได้พอดีเลย แบบนี้กอ็ ยูห่ ่ างจากแม่สามีดว้ ย ถ้าคิดจะมา
สร้างปัญหาให้กห็ าไม่เจอหรอก”

พี่ ส าวใหญ่ จ ้า วชอบน้อ งสะใภ้เ ย่ฉู ฉู่ ค นนี้ มาก ดัง นั้น จึ ง พู ด
ออกมาตรง ๆ อย่างไม่ปิดบัง

พี่สาวห้าจ้าวก็นิ่งสงบมาก เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่ไม่ค่อยเข้าใจ หล่อน


จึงเล่าเรื่ องที่แม่สามีอยากได้หลานชาย และไม่อยากให้หล่อน
ทางานให้อีกฝ่ ายฟัง
[1] ถ่ งจื่ อโหลว (筒子楼) บ้านพักที่ เป็ นแฟลตแบบคอม
มูน ไม่มีหอ้ งน้ าในตัว จะทากับข้าวต้องออกมาข้างนอก ตั้งเตา
ที่บริ เวณทางเดิน
ตอนที่ 259 ลูกต้ องมำก่อน

เมื่อได้ยนิ สิ่ งที่พี่สาวห้าจ้าวพูด เย่ฉูฉู่จะพูดอะไรได้ เธอหันไป


หาพี่ ส าวใหญ่ พ ลางกล่ า วด้ว ยรอยยิ้ม “คนแก่ ๆ ต่ า งก็ช อบ
หลานชายกัน ทั้ง นั้น พี่ ส าวห้า ไม่ ต ้องเก็บไปใส่ ใ จหรอกค่ ะ
ตอนนี้ ที่ฟาร์ มกระต่ายของเหวินเทากาลังสร้างรังกระต่ายอยู่
และกาลังจ้างคนด้วย รอให้สร้างรังกระต่ายเสร็ จ ก็น่าจะได้คน
มาพอดี พี่ลองคุยกับพี่เขยห้าดูนะคะ ถ้าจะกลับมา เดี๋ยวฉันให้
เหวินเทาจัดเตรี ยมให้”

พี่ ส าวห้า จ้า วไม่ ค าดคิ ด มาก่ อ นว่า จะกลับมาแก้ปั ญ หานี้ ถึ ง


อย่างไรตอนนี้หล่อนก็ยงั ทางานอยูใ่ นโงงาน แต่เมื่อได้ยนิ เย่ฉู
ฉู่ พู ด แบบนี้ มัน ก็ ดู เ หมื อ นจะไม่ เ ลวเลย สามี ข องหล่ อ นก็
ออกไปวิ่งรถข้างนอกเป็ นประจา ในบ้านก็มีแค่หล่อนกับลูก
แม่สามีทางฝั่งนั้นก็พ่ ึงพาอะไรไม่ได้ มีเรื่ องอะไรหล่อนก็ไม่
ไปหาอยูแ่ ล้ว ถ้าได้กลับมาอยูท่ ี่บา้ นแม่ที่นี่ ไม่ว่าจะเรื่ องอะไร
ก็มีคนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็ นทางเลือกที่ดีเยีย่ มเลย

เพียงแต่ติดปั ญหาเรื่ องส่ งลู กเข้าเรี ยน การศึกษาในตัวอาเภอ


ย่อมดีกว่าในชนบทนิดหน่อยอยูแ่ ล้ว

“เดี๋ยวฉันจะกลับไปคุยกับพี่เขยห้าเธอดูนะ” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

เย่ฉูฉู่ก็ไม่ ได้พูดอะไรมากมาย เธอกล่ าวถึ งธุ รกิ จเสื้ อผ้าของ


โจวหมิ่น พี่สาวใหญ่จา้ วก็ถามถึงเสื้ อผ้าที่เย่ฉูฉู่ออกแบบว่าได้
เงินมากขนาดนั้นจริ งหรื อไม่

“ตอนนี้ ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว พี่สะใภ้สามบอกว่าตอนนี้


ต้องการพัฒนาเศรษฐกิจเป็ นหลัก ในเมืองมีคนรวยเยอะเลยนะ
คะ แถมยังใช้ชีวิตกันอย่างดีดว้ ย ไม่ว่าจะกินหรื อสวมใส่ อะไร
ก็พิ ถี พิ ถ ัน ” เย่ฉู ฉู่ อ ธิ บ ายถึ ง จดหมายที่ โ จวหมิ่ น เขี ย นมาหา
“โดยเฉพาะต่างประเทศ คนมีเงินยิง่ เยอะเข้าไปใหญ่ พวกเขา
มาลงทุนที่นี่ แล้วก็ชอบสไตล์ที่มีความคลาสสิ กนี้ เหมือนกับ
ชุ ดกี่เพ้าที่พี่สะใภ้สามของฉันบอกว่าหนึ่ งตัวมีราคาหลายพัน
ไปจนถึงหลายหมื่นเลยด้วย ฉันได้ยนิ ก็แอบกลัวอยูเ่ หมือนกัน
แต่พี่สะใภ้สามบอกว่านี่เป็ นเรื่ องปกติมาก”

พี่ ส าวใหญ่ จ ้าวและพี่สาวห้า จ้าวยิ่ง ตกตะลึ ง เสื้ อ ผ้า หนึ่ งชุ ด


ราคามากกว่าหลักหมื่น คนที่สามารถสวมใส่ เสื้ อผ้าแบบนี้ได้
ต้องมีเงินมากเลยนะ!

“ไม่แปลกใจเลยที่คนวิง่ เข้าไปในเมืองกันหมด ครอบครัวหมื่น


หยวนของพวกเรายังสู ้ไม่ ได้เลย ฝั่ งนู ้นเขาใส่ เสื้ อผ้าตัวเป็ น
หมื่นกันแล้ว!” พี่สาวใหญ่จา้ วส่ ายหน้ารัว ๆ “แบบนั้นต้องหา
เงินมากเท่าไรเนี่ย”

“ต่ อ ให้ มี เ งิ น ก็ ไ ม่ ส ามารถใส่ ชุ ด หลัก หมื่ น ได้ห รอก นี่ ม ัน


สิ้ นเปลืองเกินไปแล้ว อีกอย่างถึงฉันจะมีเงินก็ทาใจไม่ได้อยู่
ดี!” พี่สาวห้าจ้าวครุ่ นคิดว่าหากตนเองมีเงินหมื่น คงไม่มีทาง
นาไปซื้อเสื้ อผ้า
“พวกเขาซื้ อ เสื้ อผ้า หลัก หมื่ น อาจจะเหมื อ นกับ พวกเราที่
จ่ ายเงิ นไม่ กี่เหมาเพื่อซื้ อของก็ได้นะ” เย่ฉูฉู่เองก็นึกภาพไม่
ออกเช่นกัน แต่กเ็ ทียบกับสิ่ งที่ตนคุน้ เคย

“คนเที ยบกับคนต้อ งตายไปข้างหนึ่ งจริ ง ๆ ได้ยินคนอื่ นใช้


ชีวติ แบบไหน เสื้ อผ้ายังแพงถึงหลักหมื่น ชาติน้ ีท้ งั ชาติพวกเรา
คงหาเงิ น ถึ ง หมื่ น ไม่ ไ หวหรอก” พี่ ส าวใหญ่ จ ้า วกล่ า วด้ว ย
อารมณ์ความรู ้สึก

“คนพวกนี้ ทาค้า ขายกัน หมดเลยเหรอ?” พี่ ส าวห้า จ้าวกล่ าว


“หวยเหริ นบอกว่าค้าขายได้เงินดี ที่สุด โดยเฉพาะการค้าขาย
แบบใหญ่ ๆ!”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “ดู เหมื อนว่าจะใช่ นะคะ ตั้งแต่ สมัยโบราณ การทา


ธุรกิจได้เงินดีที่สุดแล้ว”

“ไม่แปลกใจเลยที่เหวินเทาอยากค้าขาย ไม่วา่ อะไรก็ไม่ยอมทา


สั ก อย่า ง จิ ต ใจจดจ่ อ อยู่ก ับ การซื้ อ ขายอย่า งเดี ย วเลย บางที
อนาคตเหวินเทาอาจจะหาเงินได้หลายหมื่นกลับมาก็ได้ ฉู ฉู่
เธอเองก็จะได้ใส่ ชุดหลักหมื่นด้วย” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

เย่ฉูฉู่รีบส่ ายหน้ารัว ๆ “ต่อให้เหวินเทาได้เงินเยอะขนาดนั้น


ฉันก็ไม่ใส่ เสื้ อผ้าหลักหมื่นหรอกค่ะ ฉันกลัวว่าจะเป็นการเผา
เงินน่ะสิ ”

เผาเงินในที่น้ ีหมายความว่าไม่เป็ นอิสระ สิ้ นเปลืองเกินไป

พี่สาวใหญ่จา้ วและพี่สาวห้าจ้าวถึงกับหัวเราะ

หลังจากพูดคุยกันครู่ หนึ่ง เมื่อเห็นว่าท้องฟ้ าเริ่ มมืดแล้ว จึงลุก


ขึ้นเพื่อเดินกลับ

“พี่สาวใหญ่ พี่สาวห้า พวกพี่อยู่คา้ งสักคืนสิ คะ อยู่กินข้าวที่นี่


ก่อนแล้วค่อยกลับ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ไม่คา้ งแล้วล่ะ ออกจากบ้านนานไม่ได้ คนแก่ ๆ อยู่บา้ นกัน


สองคนแล้วฉันไม่สบายใจ” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว
“พี่สาวใหญ่นั่งรถพวกเรากลับน่ ะ พี่สาวใหญ่กลับ พวกเราก็
ต้องกลับด้วย” พี่สาวห้าจ้าวกล่าวด้วยรอยยิม้

พวกเขาไม่เป็นไร เพราะใช้ชีวิตกันเอง ไม่ตอ้ งคิดพิจารณาให้


มากมาย

“ฉู ฉู่ เธอไม่ตอ้ งออกมาแล้ว ข้างนอกหนาวเกินไป ไหนจะลูก


อีก” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว

“ไม่เป็ นไร พี่สาวใหญ่ พี่สาวห้า เดี๋ ยวฉันไปส่ งพวกพี่ที่หน้า


ประตู ” เย่ฉู ฉู่ ค ลุ ม เสื้ อ กัน หนาวบุ น วมแล้ว เดิ น มาส่ ง ที่ ห น้า
ประตู เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินออกไปแล้วจึงกลับเข้ามาในบ้าน

พี่สาวใหญ่จา้ วและพี่สาวห้าจ้าวเดินเข้ามาในหมู่บา้ น ระหว่าง


ที่เดินก็พูดคุยกันว่า “เหวินเทาสร้างบ้านไกลจริ ง ๆ”
“ที่ดินตรงนี้กว้างขวาง อยูใ่ กล้กบั เขาป้านลาด้วย คิดว่าตอนนั้น
เหวินเทาคงคิดไว้อยูแ่ ล้วว่าจะทาฟาร์มกระต่าย” พี่สาวห้าจ้าว
กล่าว

“เหวินเทานี่ มีความสามารถจริ ง ๆ ซื้ อที่ดินในเมืองเพื่อปล่อย


เช่ า แล้วมาซื้ อที่ดินในชนบท นี่ แค่ไม่กี่ปีเองนะ กลับทาธุ รกิจ
ครอบครัวขึ้นมาได้ใหญ่โตขนาดนี้แล้ว” พี่สาวใหญ่จา้ วชื่นชม
เป็ นอย่างมาก

น้อ งชายคนเล็ ก ของหล่ อ นคนนี้ ฉลาดมาตั้ง แต่ เ ด็ ก แต่ น่ า


เสี ยดายที่ข้ ีเกียจและทะเยอทะยานมากไปหน่ อย จึงไม่มีใคร
เชื่อในตัวเขาสักคน

“ก่อนหน้านี้ ต่างก็พูดกันว่าเหวินเทาไม่ยอมทาอะไรสักอย่าง
อนาคตคงได้อดอยากปากแห้ง ตอนนี้ เป็นไงล่ะ ในหมู่บา้ นมี
ใครได้กินดีอยูด่ ีสู้เหวินเทาได้บา้ ง?” พี่สาวห้าจ้าวส่ งเสี ยง ‘หึ ’
ออกมาหนึ่งเสี ยง “เหวินเทาใจสู ้มากจริ ง ๆ!”
“แล้วเธอล่ะ อยากกลับมาช่วยเหวินเทาดูแลฟาร์มกระต่ายไหม
ฉันว่าตอนนี้เขาต้องการคนแน่นอน”

พี่สาวห้าจ้าวถอนหายใจ “ฉันอยากกลับมามากเลย แต่เป็ นห่ วง


ลูกนี่แหละค่ะ”

พี่สาวใหญ่จา้ วเข้าใจได้ การศึกษาภายในอาเภอดี กว่าชนบท


หากพี่สาวห้าจ้าวกลับมา หล่อนก็ตอ้ งพาลูกกลับมาเรี ยนต่อใน
ชนบทด้วย ถ้าทาให้อนาคตของลูกล่าช้าจะทาอย่างไร?

คาพูดนี้ หล่อนเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูด “งั้นเธอก็ไปปรึ กษากับ


หวยเหริ นดูนะ”

“ถ้าแม่สามีเป็ นคนดี ก็คงฝากลูกไว้ที่นนั่ ได้ แต่ตอนนี้อย่าหวัง


เลยค่ะ” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

“ต่อให้แม่สามีเธอเป็ นคนดี เธอก็ฝากลูกไว้ที่นนั่ ไม่ได้อยูด่ ี ลูก


อยู่ใกล้ตวั นี่ แหละดี ถ้าไม่อยู่ใกล้ตวั นานวันเข้าก็ไม่สนิ ทกับ
เธอแล้ว” พี่สาวใหญ่จา้ วกล่าว “ไม่ว่ายังไง ลูกก็ตอ้ งมาก่ อน
นะ”

พี่สาวห้าจ้าวพยักหน้าเบา ๆ หล่อนเองก็คิดเช่นนี้

ท้องฟ้ ามืดแล้ว จ้าวเหวินเทากลับมาที่บา้ น เย่ฉูฉู่ทาโจ๊กไว้นิด


หน่ อย พวกเขาทั้งสองคนและหนึ่ งลูกลิงจึงนัง่ รับประทานอยู่
หน้าโต๊ะและพูดคุยไปด้วย เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่ องที่เธอบอกให้พี่สาว
ห้ากลับมาเลี้ยงกระต่ายให้เขาฟัง

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่เขยห้าก็พูดเรื่ องนี้ กบั ผมเหมือนกัน ผล


ประกอบการโรงงานของพี่สาวห้าไม่ดีเลย ป่ าวประกาศว่าจะ
เลิกจ้างพนักงาน ถึงแม้ว่าพี่สาวห้าถูกเลิกจ้างแล้วจะไม่ได้รับ
ผลกระทบอะไร แต่ภายในใจของพี่สาวห้าคงรู ้สึกไม่ดีแน่นอน
อีกอย่างบ้านแม่ สามี ทางฝั่ งนั้นก็เอาแต่เข้ามาแทรกแซงชี วิต
ของพวกเขาอยู่ตลอด พี่เขยเองก็ออกไปวิ่งรถข้างนอก มีเรื่ อง
อะไรก็กลับมาไม่ทนั พี่สาวห้าเลยต้องรับหน้าเอง กลับมาช่วย
ผมเลี้ยงกระต่ายก็ดีมากเลยนะ เพียงแต่เป็ นกังวลเรื่ องเรี ยนของ
ลูกนัน่ แหละ”

เย่ฉูฉู่กลับคิดไม่ถึงเรื่ องที่ลูกของพี่สาวห้าต้องเข้าเรี ยน จึงถาม


ด้วยความประหลาดใจ “หมู่บา้ นของเราก็มีโรงเรี ยนนี่คะ”

“โรงเรี ยนในหมู่บา้ นจะเทียบกับในอาเภอได้ยงั ไง” จ้าวเหวิน


เทาบุย้ ปาก “อันที่จริ งผมก็คิดว่าโรงเรี ยนในหมู่บา้ นดีมากเลย
นะ เข้าเรี ยนวันละแปดคาบ วันหยุดการบ้านก็ไม่เยอะ ทาเสร็ จ
ก็ อ อกไปวิ่ ง เล่ น ได้ ไม่ เ หมื อ นในอ าเภอที่ เ รี ย นจบจากใน
โรงเรี ยนยังต้องไปเรี ยนพิเศษอีก มีท้ งั เรี ยนร้องเพลง เรี ยนเต้น
อะไรก็ไม่รู้ เด็ก ๆ ไม่มีเวลาได้ออกไปเล่นเลยด้วยซ้ า!”

เย่ฉูฉู่เพิ่งเข้าใจว่าทาไมพี่สาวห้าจ้าวถึงลังเล ที่แท้ก็เป็นเพราะ
สาเหตุน้ ีนี่เอง

“เด็กเล็กเรี ยนเยอะ ๆ มันก็มีขอ้ ดีนะ” เธอหันไปมองเสี่ ยวไป๋ หยาง


ที่กาลังนอนเล่นอยูค่ นเดียวปราดหนึ่ง
“สิ่ งสาคัญสาหรับเด็กเล็กคือการได้เล่น เรี ยนเยอะขนาดนั้นก็
เท่ากับใช้เงินเพื่อหาความทุกข์ทรมาน ผมเองก็ไม่เคยเรี ยนร้อง
เพลงมาก่อนก็ยงั ร้องเพลงเพราะเลย ผมไม่เคยเรี ยนค้าขายแต่ก็
ค้าขายได้เก่งกว่าคนอื่น ๆ ของพวกนี้ ไม่ตอ้ งเรี ยนก็ทาได้ คุณ
ต้องชอบมันก่อน ถ้าไม่ชอบแล้ว การถูกบังคับให้เรี ยนจะทุกข์
ทรมานขนาดไหน!” จ้าวเหวินเทาพูดเหตุผลเป็ นข้อ ๆ
ตอนที่ 260 แวะมำนั่งคุย

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขาปราดหนึ่ ง “คุ ณไม่ได้อยู่ในสถานการณ์


เดียวกันไม่เข้าใจหรอก รอให้ลูกชายคุณโตก่อนฉันจะรอดูว่า
คุณจะให้เขาเรี ยนหนังสื อหรื อให้เขาไปเล่น”

“ถึงเวลาเรี ยนก็ยงั ต้องเรี ยน ถึงเวลาเล่นก็ตอ้ งเล่น ถึงยังไงผมก็


ไม่ให้ลูกชายไปเรี ยนของไร้สาระพวกนั้นอยูแ่ ล้ว เว้นเสี ยแต่ว่า
เขาอยากเรี ยนเอง” จ้าวเหวินเทาหันไปมองเสี่ ยวไป๋ หยางแล้ว
พูดด้วยรอยยิม้ “ภรรยา ผมคิดไว้ดีแล้ว ขอแค่ลูกชายของพวก
เราเติ บ โตมาอย่ า งปลอดภัย และมี ค วามสุ ข ก็ พ อ ที่ ใ ห้ เ ป็ น
นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน นักดนตรี อะไรพวกนั้นมันเหนื่ อย
เกินไป ไม่ตอ้ งเป็ นหรอก!”

เย่ฉูฉู่รู้สึกขบขันมาก “พูดอย่างกับว่าลูกชายของคุณเป็นได้ง้ นั
แหละค่ะ!”
“ถ้าลูกชายของผมไม่สามารถเป็นในสิ่ งที่อยากเป็นได้! ยังจะ
เป็ นลู ก ชายของผมอี ก เหรอ?” จ้า วเหวิ น เทาเอ่ ย พลางแหย่
เสี่ ยวไป๋ หยาง

เสี่ ยวไป๋ หยางยกมือเล็ก ๆ ขึ้นมาตอบรับด้วยรอยยิม้

เมื่อข้ามผ่านวันที่สิบห้าของเดือนแรกตามปฏิทินจันทรคติ มัน
ก็เป็ นสัญญาณว่าการข้ามปี ได้สิ้นสุ ดลงแล้ว ดังนั้นวันที่สิบห้า
ของเดื อนแรกจึ งฉลองอย่างเป็ นทางการ ปี ที่ แล้วเป็ นปี ที่ ไม่
ค่อยดี แต่ละบ้านห่ อเกี๊ยวด้วยแป้ งบัควีทและไส้ผกั ดองเค็มก็
นับว่าดีแล้ว ใช้กระดาษขาด ๆ ห่ อฝ้ายนิ ดหน่ อย นาไปแช่ ใน
น้ ามันก๊าด จุดโคมไฟไว้สามสี่ ดวง ก็ถือว่าเป็นการฉลองข้าม
ผ่านเทศกาลโคมไฟของวันที่สิบห้าเดือนแรกแล้ว เรี ยบง่ายจน
ค่อนไปทางหยาบ

ปี นี้กลับแตกต่างกัน การเก็บเกี่ยวผลผลิตเป็ นไปด้วยดี และยัง


มีรายได้เสริ มจากการขายกระต่ายด้วย นอกจากนี้กต็ ิดตั้งไฟฟ้ า
แล้ว คนส่ วนหนึ่งสร้างบ้านใหม่ดว้ ย ไม่ว่าจะพูดอย่างไร วันที่
สิ บห้าของเดือนแรกเลขาก็อยากฉลองเทศกาลอย่างดี จึงเพิ่ม
ความเป็ นพิธีรีตองขึ้นมาหน่อย

ชาวบ้านมี ท้ งั เห็ นด้ว ยและคัดค้าน ไม่ ตอ้ งพูดถึ งเลยว่า คนที่


คัดค้านก็เพราะไม่อยากจ่ายเงินนัน่ แหละ

ทั้งหมู่บา้ นจุดโคมไฟ และมีคนรวมตัวกันไปไหว้เทพที่ศาลเจ้า


ที่บนเขา เพื่อให้เทพอวยพรปี ใหม่ให้เป็ นปี ที่ดีในการเก็บเกี่ยว
ซึ่งเรื่ องนี้จาเป็ นต้องให้ทุกครอบครัวออกเงินนิดหน่อยด้วย

“ทุกปี ไม่จ่ายเงินก็ไหว้เทพตามปกติอยูแ่ ล้ว ทาไมปี นี้ไม่ได้ล่ะ


เพิ่งได้เงินมานิดหน่อยไม่ให้จ่ายตรงนี้กใ็ ห้ไปจ่ายตรงนั้น!” พี่
สามจ้าวบ่นด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

ในอีกไม่กี่วนั เขาก็ตอ้ งเริ่ มทาเต้าหู ้แล้ว แม้อากาศจะยังหนาว


แต่หิมะบนพื้นดินก็เริ่ มละลายและกาลังจะเริ่ มทานากันแล้ว จึง
ไม่มีเวลาทาเต้าหู ้ นี่ไม่เพียงแต่จะไม่มีเงินเข้าแต่ยงั ต้องจ่ายเงิน
ออกไปอีก สาหรับเขาที่เป็ นพวกตระหนี่ ถี่เหนี ยวแล้วย่อมรับ
ไม่ได้

“ปี ที่แล้วเรี ยกว่าไหว้เทพที่ไหนกันล่ะ จุดโคมไฟเล็ก ๆ แค่สิบ


กว่าดวง พระแม่ธรณี คงโกรธเคืองแย่แล้ว ไม่ง้ นั แต่ละปี คงเก็บ
เกี่ยวข้าวไม่ได้” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “คุณอย่าพูดจาเหลวไหล
ถ้าพระแม่ธรณี ทราบเข้า พืชผลของคุณคงเติบโตได้ไม่ดี!”

แม้ว่าพี่สามจ้าวจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าทาให้เทพขุ่นเคือง จึง


ไม่ได้บ่นอะไรอีก

พี่รองจ้าวก็กาลังคุยกับพี่สะใภ้รองจ้าวเรื่ องจุดโคมไฟอยู่ “ถ้า


มาเก็บเงินพวกเราก็จ่ายสักสองเหมาแล้วกัน”

“สองเหมาน้อยเกิ นไปหน่ อ ยมั้ง นี่ เป็ นการไหว้เทพเลยนะ”


พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ห้าเหมาแล้วกัน ถึงเวลานั้นคุณก็ตามไป
ด้วยนะ คุ ณไปพูดกับพระแม่ ธรณี เองเลย ให้ท่านอวยพรให้
ครอบครัวของเรามีพืชผลที่ดีในปี นี้”
พี่รองจ้าวรู ้สึกปวดใจกับเงินส่ วนนี้ ข้ามปี ก็จ่ายเงินไปเยอะแล้ว
ตอนไปบ้านของพี่สะใภ้รองจ้าวก็จ่ายเงิ นไปอี กส่ วน บ้านที่
สร้างยังจ่ายหนี้ ไม่หมดเลย แต่เมื่อนึ กได้ว่านี่ คือพระแม่ธรณี
จึงทาได้เพียงแค่ฝืนใจตอบตกลง

ทางฝั่งพี่สะใภ้สี่จา้ วก็บ่น “เงิน ๆ ๆ มีแต่เงินทั้งนั้นเลย! จุดโคม


ไฟก็ยงั ต้องใช้เงิน!”

“คุ ณจะไม่จ่ายก็ได้นะ ไม่มีใครบังคับคุ ณสักหน่ อย” พี่สี่จา้ ว


เก็บอุปกรณ์ทาการเกษตรพลางกล่าว

พี่สะใภ้สี่จา้ วรี บพูด “ไม่จ่ายเงินคนอื่นก็ได้พูดถึงข้อบกพร่ อง


หมดสิ ? คุณยังอยากใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บา้ นหรื อเปล่า? อนาคตมี
ลู กชายขึ้ นมา จะอยู่ในหมู่ บา้ นได้อีกเหรอ? คุ ณนี่ รู้แต่ พูดจา
แดกดันนะ!”

พี่สี่จา้ วไม่ได้สนใจหล่อนแล้ว
พี่สะใภ้สี่จา้ วกลับพูดต่อไปว่า “ก็เหมือนกับข้ามปี ของปี นี้ ไง
น้องสะใภ้หกตัดชุดให้แม่ใส่ ทั้งหมู่บา้ นก็รู้กนั หมด น้องสะใภ้
หกก็ มี ชื่ อ เสี ย งขึ้ นมาเลย ใคร ๆ ก็ พู ด กัน ว่ า เป็ นลู ก สะใภ้
กตัญญู! พวกเราล่ะ พวกเราก็ไม่ได้อยูว่ ่าง ๆ สักหน่อย ฉันเอง
ก็ตดั รองเท้าให้แม่อีกคู่หนึ่งด้วย! ไม่เห็นมีใครพูดถึงฉันในแง่ดี
เลย!”

“คุณคิดจะพูดอะไร?” พี่สี่จา้ วไม่เข้าใจเลย พูดถึงเรื่ องจุดโคม


ไฟอยูด่ ี ๆ กลับลากเข้าไปถึงเรื่ องเย็บชุดให้คุณแม่จา้ วแล้ว

“ฉันอยากจะพูดอะไรน่ ะเหรอ สิ่ งที่ฉันอยากพูดก็คือ ถ้าใคร


จ่ายเงินมากก็ถือว่าเป็นคนดี จุดโคมไฟถ้าคุณหยิบเงินออกมา
น้อยบางทีอาจจะเอาคุณไปพูดเสี ย ๆ หาย ๆ ก็ได้!” พี่สะใภ้สี่
จ้าวโกรธจนหายใจฟึ ดฟั ด “น้องสะใภ้หกต้องให้เยอะแน่นอน
ไม่รู้วา่ มีกี่คนที่บอกว่าเธอเป็ นคนดี! คนมีเงินก็คือคนดี!”

พี่สี่จา้ วไม่เข้าใจตรรกะของพี่สะใภ้สี่ เขาจึงเพิกเฉยหล่อน


พี่สะใภ้สี่จา้ วยังคงบ่นต่อไป “…สุ ดท้ายแล้วก็เป็นเพราะไม่มี
ลูกชาย นี่ถา้ มีลูกชาย จะทาแบบนี้กบั พวกเราได้ยงั ไง…”

รู ้อยูแ่ ล้วว่าภรรยาคนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรสุ ดท้ายก็วกกลับไปลง


ที่ลูกชาย พี่สี่จา้ วถึงกับบุย้ ปากในใจ

วั น ที่ สิ บสามของเดื อ นแรกหั ว หน้ า หมู่ บ้ า นหาคนที่ มี


ความสามารถมาเพื่อเป็ นพิธีกรให้กบั งานเทศกาลโคมไฟ เดิม
ทีเขาเรี ยกให้จา้ วเหวินเทามาทาหน้าที่น้ ี แต่จา้ วเหวินเทากลับ
ปฏิเสธ ตอนนี้ เขายุ่งมาก นอกจากวิ่งไปค้าขายแล้ว ยังต้องหา
คนมาสร้างรังกระต่ายด้วย จึงไม่มีเวลาทา

หัวหน้าหมู่บา้ นจึงทาได้เพียงแค่หาคนหนุ่ ม ๆ มาสองสามคน


เรื่ องนี้ พวกหนุ่ มสาวต่างก็ให้ความสนใจ อย่างแรกคือได้เงิน
อย่างที่สองคือได้สร้างโคมไฟ อีกอย่างก็คือรวมตัวกันเพื่อทา
กิ จ กรรมจุ ด โคมไฟในวัน นั้ น จึ ง ท าด้ว ยความคึ ก คัก และ
กระตือรื อร้น
เย่ฉู ฉู่ เ องก็ส ร้ า งโคมไฟส่ ว นหนึ่ ง อยู่ที่บ้า น ถึ ง เวลานั้น ก็จ ะ
ปล่อยที่ลานบ้านตัวเอง หลังจากห่ อโคมไฟเสร็ จแล้ว เมื่อเห็น
ว่ายังเช้าอยู่ เธอจึงทาไส้เกี๊ยวเพื่อนามาห่อเกี๊ยว

เธอเตรี ยมไส้เกี๊ยวไว้สองแบบ คือไส้ผกั ดองกับเต้าหู ้และไส้


เนื้ อ แกะกับ ขึ้ น ฉ่ า ย เสี่ ย วไป๋ หยางก าลัง เตะขาเล่ น อยู่ เย่ฉู ฉู่
ทางานเพียงคนเดียว ส่ วนลูกลิงก็กาลังแอบกินไส้เกี๊ยว

นี่ ก็ เ ป็ นลู ก อี ก คนหนึ่ งของนางเหมื อ นกัน เย่ ฉู ฉู่ จึ ง หลับ หู


หลับตาข้างหนึ่งทาเป็ นมองไม่เห็น ในเวลานี้เฮ่อซงจือก็แวะมา
ที่บา้ น ลูกลิงจึงหนีออกไปเหมือนกับทุกครั้ง

“เมื่อกี้คือลูกลิงบ้านเธอสิ นะ?” เฮ่ อซงจือเดิ นเข้ามาในห้องก็


เห็นเงาหนึ่งผ่านไป ทั้งยังมีเสี ยง ‘เจี๊ยก ๆ’ ดังขึ้นด้วย

เย่ฉูฉู่เรี ยกให้หล่อนขึ้นมานัง่ บนเตียงเตาด้วยรอยยิม้ “ใช่ มัน


กลัวคนน่ะ พอมีคนมาก็จะไปหลบ”
เฮ่อซงจือเห็นเย่ฉูฉู่กาลังห่ อเกี๊ยวจึงกล่าวเคล้ารอยยิม้ ว่า “ขนาด
เธอต้อ งเลี้ ยงลู ก ไปด้ว ยยัง ห่ อ เกี๊ ย วเองได้ สุ ด ยอดจริ ง ๆ”
ระหว่างที่พูด หล่อนก็ไปล้างมือเพื่อมาช่วยห่อเกี๊ยว

“ถ้าบอกให้เขานัง่ ดูเขาก็ไม่ซนแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว “พวกเธอทา


โคมไฟหรื อยัง?”

“เหวินจื้ อกาลัง ทาอยู่ที่บ ้าน” เฮ่ อซงจื อกล่ า ว “ฉันให้น มลู ก


เสร็จแล้ว ก็เลยให้ยา่ เขาช่วยดูให้แล้วแวะออกมา อยูแ่ ต่ในบ้าน
อุดอูจ้ ะตายอยูแ่ ล้ว”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “เธอเองก็ไม่ได้อยูแ่ ต่ในบ้านไม่ใช่เหรอ?”

เฮ่ อซงจือตอบ “แต่มนั ก็หงุดหงิดอยู่ดี เลี้ยงลูกไปไหนไม่ได้


เลย วันที่สองของเดือนฉันก็ไม่ได้กลับไปไหว้พ่อแม่ พาลูกไป
ด้วยก็กลัวจะเป็ นหวัด ไม่พาไปลูกก็ยงั ต้องกินนม ก็เลยกลับไป
ไม่ได้”
“ฉันเองก็ไม่ได้กลับไปเหมือนกัน วันที่สามเหวินเทาก็ไปเยีย่ ม
พ่อแทนฉันแล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันอยากให้พ่อมาอยูท่ ี่นี่สักสาม
สี่ วนั แต่พ่อก็ไม่ยอมมา บอกว่าเลี้ยงสัตว์อยู่ในบ้านจะทิ้งไว้
ไม่ได้ พ่อของฉันมีลกั ษณะเฉพาะตัว ให้ไปไหนก็ไม่ไปทั้งนั้น
อยูแ่ ต่ในห้องของตัวเอง ขนาดพี่สะใภ้ฉนั อยูท่ างนั้นก็ยงั ไม่ไป
เลย” เย่ฉูฉู่กล่าว

“แม่ เธอจะกลับมาตอนไหนเหรอ?” เฮ่ อซงจื อห่ อเกี๊ ยวเสร็ จ


แล้วก็วางลงบนถาด

“ไม่รู้สิ รอให้ผา่ นวันที่สิบห้าติดตั้งโทรศัพท์เสร็จเมื่อไร ฉันจะ


โทรไปถามแม่ดู” เย่ฉูฉู่กล่าว

“พวกเธอสองคนห่ อเกี๊ ยวไว้สองอย่า งเลยเหรอ?” เฮ่ อซงจื อ


ถาม

“แบบเนื้ อกับแบบผักน่ ะ เวลากินจะได้ไม่เลี่ยน อีกอย่างมันก็


ไม่ได้มีปัญหาอะไร ห่ อให้หลากหลายสักหน่อย” เย่ฉูฉู่ห่อเร็ ว
มาก ตะเกียบแทบจะไม่หลุดออกจากมือของเธอเลย ระหว่างที่
พูดคุยก็ห่อเสร็จไปสามลูกแล้ว

“ฉู ฉู่ ฉันรู ้ว่าเธอห่ อเกี๊ยวคนเดี ยวได้ แต่เธอห่ อเร็ วเกินไปแล้ว


นะ!” เฮ่ อซงจือพูดด้วยความประหลาดใจ “ก่อนหน้านี้ ทาไม
ฉันไม่เห็นเคยรู ้มาก่อนเลย”

“ฉันเองก็เพิ่งจะเรี ยนรู ้นี่แหละ” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “เกี๊ยว


แบบนี้ ตอ้ งใช้แป้ งขาวถึงจะดี ใช้แป้ งบัควีทมันนิ่ มเกินไป จับ
จีบยาก”

เฮ่ อ ซงจื อ พู ด ด้ว ยความเสี ย ใจ “บ้า นฉัน สู ้ บ้า นเธอไม่ ได้เลย


ขนาดแป้ งขาวจะให้กินทุกวันยังเสี ยดายเลย ได้กินสักหน่ อย
ในช่วงเทศกาลก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
ตอนที่ 261 เฮ่ อซงจือพูดแขวะ

“ฉันได้ยินเหวินเทาบอกว่าพวกเราก็สามารถปลูกข้าวสาลีได้
เหมือนกัน เธอกลับไปคุยกับที่บา้ นดูสิ ถ้าอยากปลูก พวกเราก็
มาปลูกด้วยกัน” เย่ฉูฉู่กล่าว

“จริ งเหรอ พวกเราก็ปลูกได้เหรอ?” เฮ่อซงจือแอบสงสัย “ปลูก


ได้ทาไมไม่ปลูกล่ะ?”

“ไม่รู้สิ เหวินเทาบอกว่าปลูกข้าวสาลีเสร็ จก็ปลูกผักกาดขาวได้


ด้วยนะ แต่ยงุ่ ยากนิดหน่อย จาเป็ นต้องรดน้ าบ่อย ๆ” เย่ฉูฉู่ห่อ
เกี๊ยวเสร็ จก็เริ่ มรี ดแผ่นแป้ ง เธอสามารถรี ดแผ่นแป้ งได้อย่าง
รวดเร็วเช่นกัน รี ดหนึ่งครั้งได้ออกมาถึงสามแผ่น
ไม่ตอ้ งพูดถึงเฮ่อซงจือเลย หล่อนรู ้สึกคล้อยตามอีกครั้ง จึงรี บ
ร้อนขอเรี ยนวิชา เย่ฉูฉู่อธิ บายให้หล่อนฟั ง เฮ่ อซงจือลองทา
ตามด้วยท่าทางเงอะงะอยูส่ ามสี่ ครั้งแต่กย็ งั ไม่สาเร็จ

ทั้งสองคนห่ อเกี๊ยวเสร็ จแล้ว เย่ฉูฉู่ก็มาทุบกระเทียมนิดหน่อย


เทซอสถัว่ เหลืองและน้ ามันงาลงไป ตามด้วยใบผักชีอีกนิด

เป็ นเพราะภายในบ้านอบอุ่น เย่ฉูฉู่ไม่เพียงแต่ปลูกต้นหอมใน


กล่องกระดาษ แต่ยงั ปลูกกระเทียม ผักชี ผักกาดหอมด้วย พวก
มันงอกงามขึ้นมาได้ไม่เลวเลย

“ฉู ฉู่ เธอมี ความสามารถจริ ง ๆ ปลู กไว้หลายอย่างขนาดนี้ ”


เฮ่อซงจือรู ้สึกว่าเป็ นเรื่ องที่หาดูได้ยาก “แถมยังงอกงามดีขนาด
นี้อีก ที่บา้ นฉันปลูกต้นหอมไว้นิดเดียว แต่กย็ งั ไม่โตเลย”

“ถ้าในบ้านอบอุ่น จะปลูกอะไรก็ได้ท้ งั นั้นแหละ โรงเรื อนของ


หมู่บา้ นไท่ผงิ ก็เป็ นแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ถ้า ไม่ ไ ด้ม าที่ บ ้า นเธอก็ค งไม่ รู้ สึ ก หรอก แต่ พ อมาที่ นี่ แ ล้ว
กลับไปที่บา้ น ฉันก็รู้สึกราวกับว่าที่บา้ นฉันไม่มีเตาไฟอย่าง
นั้นแหละ นี่ ฤดูใบไม้ผลิแล้วนะ ทาไมอากาศถึงยังเย็นแบบนี้
ล่ะ” เฮ่อซงจือช่วยเย่ฉูฉู่เก็บกวาดข้าวของลงไป

“ฤดู ใบไม้ผลิก็ยิ่งหนาว ไม่ง้ นั คนแก่ ๆ จะพูดว่าฤดู ใบไม้ผลิ


คลุ มให้อุ่น ฤดู ใบไม้ร่วงปล่ อยหนาว [1] ได้ยงั ไงกันล่ ะ ฤดู
ใบไม้ผลินี่แหละยิง่ ต้องใส่ เสื้ อผ้าให้เยอะ ๆ หน่อย” เย่ฉูฉู่หมุน
หัวก๊อกน้ า เพื่อเปิ ดน้ าแล้วนาไปต้ม

เสี่ ยวไป๋ หยางในตอนนี้ กาลังนอนมองเย่ฉูฉู่อยู่บนรถเข็นเด็ก


ไม่ร้องไห้ไม่งอแงเลย

เฮ่อซงจือนัง่ ยอง ๆ อยูด่ า้ นหน้ารถเข็นเด็กเพื่อแหย่เสี่ ยวไป๋ หยาง


เมื่อได้ยนิ เย่ฉูฉู่บอกว่าให้ใส่ เสื้ อผ้าในฤดูใบไม้ผลิให้มากหน่ อย
หล่อนจึงพูดเคล้ารอยยิ้ม “นี่ ถา้ เธอไม่พูดฉันคงลืมไปแล้ว เมื่อ
ไม่ กี่ ว นั ก่ อ น เจ้า รองฉวี่รั บ ภรรยาใหม่ ม าด้ว ยนะ เธอเดาสิ ว่า
ภรรยาใหม่ใส่ ชุดอะไรมา?”

เย่ฉูฉู่มองหล่อนด้วยความฉงนสงสัย

เฮ่อซงจือหัวเราะจนหยุดไม่ได้ “วันที่สี่ของเดือน อากาศหนาว


มากเลยนะ ท้องฟ้ าก็ครึ้ มด้วย ภรรยาใหม่ของเจ้ารองฉวี่ใส่ แค่
กางเกงตัวเดียวก็มาเลย แถมยังขี่จกั รยานด้วยนะ ถึงขั้นตัวแข็ง
เลยแหละ ตอนที่เข้ามาในบ้านก็ตวั สั่นหงึก ๆ เลย ยายเฒ่าฉวี่
ต้องรี บให้ข้ ึนไปนั่งบนเตี ยงแล้วเอาผ้าห่ มคลุมตัวไว้ คืนนั้น
ถึงกับไข้จบั เลย!”

เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “กางเกงตัวเดียว คุณพระ หล่อนคิดอะไรอยู่


เนี่ย อากาศหนาวขนาดนี้ กางเกงตัวเดียวแบบนั้นไม่แข็งตายแย่
เลยเหรอ?”

“ก็นนั่ น่ ะสิ กางเกงตัวเดี ยวสิ บชั้นยังสู ้หนึ่ งชั้นไม่ได้เลยด้วย


ถอดกางเกงบุฝ้ายตอนนี้ ต้องกล้าขนาดไหนกัน!” เฮ่อซงจือพูด
ไปพลางก็ อ ดไม่ ไ ด้ที่ จ ะพู ด ว่ า “ฉั น ว่ า ผู ้ห ญิ ง คนนี้ แอบโง่
เหมือนกันนะ”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “อย่าพูดถึงคนอื่นแบบนี้สิ อันที่จริ งก็เป็ นเพราะความ


รักสวยรักงามของผูห้ ญิงนัน่ แหละ”

“ถึงจะรักสวยรักงามแต่จะรักแบบนี้ ก็ไม่ได้นะ” เฮ่อซงจือพูด


พลางกระซิ บด้วยท่าทางมีลบั ลมคมใน “ฉันจะบอกอะไรให้
เป็ นเพราะหล่อนป่ วย ก็เลยอยู่คา้ งบ้านตระกูลฉวี่เป็ นอาทิตย์
เลย นี่ ยงั ไม่ ได้แต่ งงานเลยนะ เธอว่าเข้ามาอยู่แบบนี้ ถ้าเกิ ด
เรื่ องอะไรขึ้นมา ถึงเวลานั้นตระกูลฉวีจ่ ะให้เงินค่าสิ นสอดทอง
หมั้นไหมล่ะ? ไม่ง้ นั ฉันไม่บอกว่าหล่อนโง่หรอก”

“จะเกิดอะไรขึ้นได้” เย่ฉูฉู่กล่าว “ทุกคนก็อยูใ่ นบ้านกันหมด”

“ถ้าฉันเป็ นคนตระกูลฉวี่ ฉันคงให้พวกเขาทาเรื่ อ งพวกนั้น


แหละ จะได้ไม่ตอ้ งให้เงินค่าสิ นสอด!” เฮ่อซงจือกล่าว
เย่ฉูฉู่ยมิ้ “เธอกลายเป็ นคนไม่ดีแล้วนะ!”

เฮ่อซงจือหัวเราะเหอะ ๆ “ไม่ดีตรงไหนกัน นี่เป็ นเพราะยัยนัน่


ทาตัวเองต่างหากล่ะ!”

“เธอกับพี่สาวของเขาเป็นเพื่อนกันนะ เธอก็ควรจะเป็นหู เป็น


ตาสิ ” เย่ฉูฉู่แอบถามด้วยความประหลาดใจ

เฮ่อซงจือส่ งเสี ยง ‘เหอะ’ เบา ๆ “ก็เป็ นเพราะเรื่ องที่เกิดขึ้นครั้ง


ก่อนถึงได้ทาให้ฉนั แอบเคืองน่ะสิ เพราะเรื่ องบ้านที่จะไม่แต่ง
ไม่ใช่ เหรอ ผลลัพธ์ที่ได้เจ้ารองฉวี่ไปหาแค่รอบเดี ยวก็ตกลง
แล้ว ฉันยังไม่รู้เรื่ องอะไรเลยด้วยซ้ า บ้านทางฝั่งผูห้ ญิงก็ไม่มี
ใครบอกฉันสักคา ทาแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน? หลังจากนั้นก็มา
หาฉันอีก บอกให้ฉนั ไปพูดกับตระกูลฉวี่เรื่ องบ้าน นี่มนั อะไร
กัน พอมีประโยชน์ก็มาหา แต่พอหมดประโยชน์ก็ไม่เห็นหัว
ตอนนี้ สิ่งที่ฉันกังวลใจก็คือถ้ายัยนัน่ แต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่ ถ้า
ใช้ชีวิตได้ไม่ดีก็ไม่รู้ว่าจะมาด่าฉันอีกหรื อเปล่าเนี่ ยสิ ฉันรู ้สึก
เสี ยใจชะมัดเลยที่มาทาเรื่ องนี้ ฉู ฉู่ เธอจาไว้นะ ห้ามเป็ นแม่สื่อ
โดยเด็ดขาด เสี ยแรงแต่ไม่คุม้ ค่า!”

เย่ฉูฉู่รู้ต้ งั แต่แรกแล้ว การเป็ นแม่สื่อไม่ใช่เรื่ องง่าย ๆ ความรู ้สึก


ระหว่างสองสามีภรรยาไม่ใช่ เรื่ องของแม่ สื่อ เมื่อความรู ้ สึก
ระหว่างสองสามีภรรยาไม่ดีก็จะโทษว่าเป็ นความผิดของแม่
สื่ อทั้งหมด โชคดีที่ตอนแรกเธอยืนกรานที่จะไม่เข้าร่ วม

“เธอก็ไม่ตอ้ งคิดมากหรอก ปล่อยให้เป็ นไปตามที่มนั ควรจะ


เป็นเถอะ เกี๊ยวเสร็ จแล้ว เธอกินก่อนแล้วค่อยกลับนะ” เย่ฉูฉู่
ลุกขึ้นยืนและเดินไปเปิ ดหม้อดูเกี๊ยว

เฮ่อซงจือประมาณเวลา ตอนนี้ลูกน่าจะยังไม่หิว จึงตอบตกลง

เกี๊ยวทาเสร็ จใหม่ถูกยกมาเสิ ร์ฟ รับประทานคู่กบั ผักกาดดอง


หัน่ ฝอย ทั้งสองคนรับประทานคนละถ้วย
“อร่ อยจริ ง ๆ!” เฮ่อซงจือรับประทานไปพลางชื่ นชมไปพลาง
“ฉู ฉู่ เกี๊ ยวไส้ผกั กาดดองอันนี้ อร่ อยขนาดนี้ เลยเหรอ เธอใส่
อะไรลงไปเนี่ย”

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “ก็ใส่ เครื่ องปรุ งรสตามปกตินนั่ แหละ


ไม่ได้ใส่ อะไรลงไปเป็ นพิเศษ”

“ผักกาดดองเปรี้ ยวกาลังดีเลย บ้านพวกเราไม่รู้ทาผักกาดดอง


ยังไง ไม่เห็นจะเปรี้ ยวเลย ตอนกินยังต้องใส่ น้ าส้มสายชู เพิ่ม
เข้าไปด้วย แต่เธอไม่ได้ใส่ ใช่ไหม?”

“ไม่ได้ใส่ ฉันยังล้างน้ าออกอีกสองรอบด้วยนะ”

“ฉันไม่เคยกินเกี๊ยวผักกาดดองที่อร่ อยขนาดนี้ มาก่อนเลย! มี


รสชาติกว่าไส้เนื้ อหมูเสี ยอี ก แต่ถึงยังไงฉันก็ยงั ชอบกิ น เนื้ อ
หมู” เฮ่อซงจือหัวเราะเหอะ ๆ
เย่ฉูฉู่กห็ วั เราะตามไปด้วย แม้ว่าชีวิตจะดีกว่าก่อนหน้านี้ แต่ก็
ไม่ได้ถึงจุดที่ไม่ชอบรับประทานเนื้อแต่ชอบรับประทานผัก

หลังจากรับประทานเสร็ จเฮ่ อซงจือก็กลับไป เย่ฉูฉู่เก็บกวาด


เสร็ จแล้ว เธอก็มานอนกลางวันพร้อมกับลูกชาย ช่วงค่าจ้าวเห
วินเทากลับมา เธอจึงนาเกี๊ยวที่เหลือจากช่วงเที่ยงมาทอดให้เขา

“เฮ่อซงจือมาหา แถมยังพูดเรื่ องเจ้ารองฉวี่ดว้ ยนะ” เย่ฉูฉู่กล่าว


เคล้ารอยยิม้ “ต้องรักสวยขนาดไหนเนี่ย อากาศหนาวแต่ดนั ใส่
กางเกงตัวเดียวมา”

จ้าวเหวินเทากล่าว “คุณคงไม่รู้ พวกสาว ๆ ในเมืองตอนนี้ต่าง


ก็ถอดเสื้ อคลุมบุฝ้ายกันหมด หันมาใส่ กางเกงขนสัตว์แล้ว ต่อ
ให้ห นาวแข็ง จนสู ด ปากแต่ ก็ไ ม่ ย อมใส่ ก างเกงบุ ฝ้ า ย หลง
ตัวเองกันหมดแล้ว!”

เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “ตอนนี้ ไม่ใส่ กางเกงบุฝ้ายแล้ว กางเกงผ้า


ฝ้ายบาง ๆ ก็ไม่ใส่ เหรอ?”
“ถ้าทาได้ แม้แต่กางเกงขนสัตว์พวกเขาก็ไม่ใส่ อาศัยพลังงาน
หนุ่มสาวของตัวเอง รอให้แก่ก่อนเถอะเดี๋ยวก็รู้สึก”

แม้จา้ วเหวินเทาเองก็เป็นวัยรุ่ น แต่เขาไม่ทาเรื่ องไร้สมองแบบ


นั้นหรอก เขาใส่ เสื้ อบุฝ้ายเร็ วกว่าใคร ๆ และเขาก็ถอดช้ากว่า
ใคร ๆ ด้วย นี่เป็ นสิ่ งที่คุณแม่จา้ วกาชับไว้ต้ งั แต่เด็ก ฤดูหนาวยิง่
ต้องคลุมร่ างกาย ไม่เช่นนั้นเมื่ออายุมากก็จะปวดขา ต่อให้รู้สึก
เสี ยใจก็ไม่ทนั แล้ว เรื่ องนี้จา้ วเหวินเทาเชื่อฟังแม่ของเขามาก

เย่ฉูฉู่เป็ นคนกลัวความเย็นเช่ นกัน เธอเองก็เป็ นเช่ นนี้ ดังนั้น


พวกเขาจึงแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าความรู ้สึกตอนที่ถอด
เสื้ อบุฝ้ายในตอนนี้เป็ นอย่างไร

“แต่ในเมืองอบอุ่นกว่าในชนบทนิ ดหน่ อย ในบ้านมีเครื่ องทา


ความร้อน ออกจากบ้านนี้กเ็ ข้าบ้านนั้น ต่อให้หนาวจนแข็งแต่
ก็เ ป็ นแค่ ร ะยะเวลาสั้ น ๆ ไม่ เ หมื อ นกับชนบทของพวกเรา
ขนาดเผาเตาในบ้านแล้วยังหนาวมากอยู่เ ลย” จ้าวเหวินเทา
กล่าวด้วยรอยยิม้

เย่ฉูฉู่กล่าว “นัน่ สิ ก่อนหน้านี้ตอนเผาเตาฉันยังรู ้สึกว่าไม่ค่อย


อบอุ่นเท่าไรเลย จริ งสิ พวกเราจะจ่ายเงินค่าจุดโคมไฟเท่าไร
ล่ะ?”

“หนึ่ งหยวน” จ้าวเหวินเทาพูดโดยไม่หยุดคิด “ผมจ่ายให้ทาง


นั้นแล้ว”

“พวกเราให้เยอะสุ ดเลยสิ นะ?”

“ใช่ เยอะสุ ด เลย คนอื่ น มากสุ ด ก็ แ ค่ ห้ า เหมา ส่ ว นใหญ่ ก็


ประมาณ 1-2 เหมา แต่ทีมใหญ่ก็ให้เพิ่มอีกนิ ดหน่ อย รวมเข้า
ด้วยกันก็พอสาหรับจุดโคมไฟหนึ่งครั้งแล้ว”
“ฉันทาโคมไฟไว้ส่วนหนึ่ งแล้ว คุณดูสิว่าพอหรื อเปล่า ถ้าไม่
พอฉันจะได้ทาเพิม่ อีกหน่อย”

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “ภรรยาผมทาโคมไฟเป็ นด้วยเหรอ


สุ ดยอดเกินไปแล้ว!”

[1] ฤดู ใบไม้ ผ ลิ ค ลุ ม ให้ อุ่ น ฤดูใบไม้ ร่ วงปล่ อ ยหนาว


(春捂秋冻) เป็ นคาโบราณของจี นเกี่ ยวกับ เรื่ อ งการแต่ ง
กายของคนในช่ วงฤดู ที่มี ก ารเปลี่ ย นอากาศ ช่ ว งก าลัง จะเข้า
เดือนพฤศจิกายน ซึ่ งถือว่าเป็ นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ควร
เริ่ มใส่ เสื้ อผ้าที่หนามากยิง่ ขึ้น แต่ตอ้ งค่อย ๆ เริ่ มใส่ เพิ่มขึ้นอย่า
รี บแต่งตัวเต็มที่ ค่อย ๆ เพิ่มเสื้ อผ้าที่มีความอบอุ่นตามแต่กาลัง
ของตน ใส่ ให้รู้สึกว่าอยู่ในระดับที่หนาวพอรับไหวแล้วถ้าเริ่ ม
ไม่ไหวก็ค่อย ๆ ใส่ เสื้ อผ้าที่หนาขึ้นหรื อเพิ่มจานวนชิ้นมากขึ้น
เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวเข้ากับอากาศที่จะหนาวเย็นขึ้นเรื่ อย ๆ
เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็จะค่อย ๆ อบอุ่นขึ้น ถ้ารู ้สึกร้อน
อย่า เพิ่ ง รี บ ลดปริ ม าณเสื้ อ ผ้าให้ทนร้ อ นในระดับที่ พอรั บได้
แล้วค่อย ๆ ลดจานวนชิ้นหรื อเปลี่ยนเป็ นเสื้ อผ้าที่บางลง เพื่อให้
ร่ างกายได้ปรับตัวและมีภูมิคุม้ กันพอที่จะรับกับสภาพอากาศที่
เปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 262 เต้ นระบำเพลงดำนำ

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา “ให้มนั น้อย ๆ หน่ อยค่ะ! ทาโคมไฟได้


มันสุ ดยอดตรงไหน?”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะคิกคัก “ทาโคมไฟได้กส็ ุ ดยอดแล้วนะ ผม


ยังทาไม่เป็ นเลย ผมไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้นจริ ง ๆ ภรรยา
คุณไม่ตอ้ งทาแล้ว ถ้าไม่พอเดี๋ยวผมค่อยไปจ้างพวกชุยต้าให้ทา
เพิ่มสักหน่อยก็ได้ พวกเขาทาโคมไฟให้ทีมใหญ่ดว้ ย ระหว่าง
นั้นก็จะได้ทาให้บา้ นพวกเราไปด้วยเลย”

“ก็ได้ ถึงเวลานั้นคุณใช้น้ ามันดีเซลแช่สักหน่อยนะ น้ ามันก๊าด


ในบ้านแค่น้ นั คงไม่พอใช้”

“ได้สิ”

ระหว่างที่ท้ งั สองคนกาลังคุยกัน ชุยต้าก็มาหาที่บา้ น


ตั้งแต่เลี้ยงกระต่าย และซื้อที่ดินสร้างบ้าน ชุยต้าก็มีความมัน่ ใจ
มากขึ้ นเรื่ อ ย ๆ ภายในหมู่ บ ้า นมี เ รื่ อ งอะไรเขาก็ จ ะวิ่ ง ไป
ช่วยเหลือตลอด มีส่วนร่ วมอย่างแข็งขัน ความคล่องแคล่วแบบ
นี้ทาให้เขากลายเป็ นคนสาคัญในหมู่บา้ นเช่นกัน

“พี่หก กินข้าวอยูเ่ หรอ” ชุยต้ายิม้ ยิงฟัน

“กิ น อยู่ นายกิ น หรื อ ยัง ถ้า ยัง ไม่ กิ น ก็ เ ข้า มากิ น สั ก หน่ อ ย”
จ้าวเหวินเทาเรี ยก

“ผมกินเสร็จก็มาที่นี่เลย พี่สะใภ้ห่อเกี๊ยวเหรอเนี่ย” ชุยต้ามองดู


เกี๊ยวที่วางอยูบ่ นโต๊ะพลางกล่าว

“ลองชิมสักหน่อยสิ ” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ ระหว่างที่พูดเธอ


ก็ไปหยิบตะเกียบมาให้เขา

ชุ ยต้าไม่ เกรงใจ เขาคี บเกี๊ ยวขึ้ นมารั บประทานหนึ่ งชิ้ นก็เอ่ย


ปากชมว่าอร่ อย เย่ฉูฉู่จึงให้เขารับประทานเพิ่มอีกหน่อย
ชุ ยต้าอยู่ในช่ วงกาลังเติบโต แม้จะบอกว่ารับประทานอาหาร
จากที่บา้ นมาแล้ว แต่ก็ยงั รับประทานเกี๊ยวอีกหนึ่ งถ้วย จ้าวเห
วินเทาจึงพูดแซวเขาด้วยรอยยิม้ ที่บอกว่า ‘เด็กกาลังโตกินจน
พ่อยากจน[1]’ คือเรื่ องจริ งสิ นะ

ชุ ย ต้า พู ด ด้ว ยรอยยิ้ม “พี่ ห ก ตอนนี้ ผมไม่ ไ ด้กิ น ของพ่ อ สั ก


หน่อย ผมกินของตัวเองต่างหากล่ะ”

ครั้งก่อนจ้าวเหวินเทาอยากให้เขาช่วยเลี้ยงกระต่าย ชุยต้าตอบ
ตกลงแล้ว เขาสร้างบ้านใหม่ที่ตงเหลียงช่ วงฤดูใบไม้ผลิพอดี
จึงจัดการเรื่ องฟาร์มกระต่ายได้สะดวก กระต่ายที่อยูใ่ นบ้านเขา
ให้นอ้ งชายไปแล้ว บอกให้เขาเลี้ยงดูให้ดี ได้เงินมาก็สร้างบ้าน
สักหลัง จะได้แต่งงานแต่งการดี ๆ

จ้า วเหวิน เทาเห็ น เขาอายุย งั ไม่ ม าก แต่ ว างแผนชี วิต ได้เป็ น


ระเบี ย บเรี ย บร้ อ ย เขาเองก็ป ลื้ ม ใจมาก ไม่ เ สี ย แรงที่ เ ขาเคย
หนักใจ
“ดึกขนาดนี้นายมาหาฉันมีอะไรเหรอ?” จ้าวเหวินเทาถาม

“เลขาบอกว่า วันที่สิบห้าพวกเราจะไม่ได้แค่จุดโคมไฟนะ แต่


ยังมีระบาเพลงดานาด้วย ทั้งคนแก่คนหนุ่มจากทั้งหมู่บา้ นต่าง
ก็เต้นระบากันได้ ก็เลยให้ผมมาปรึ กษากับพี่หน่ อย ว่าจะให้
ใครไป”

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “ปี นี้ ผูส้ ู งวัยคนนี้ เป็ นอะไรกันเนี่ ย


ทาไมถึงได้ทาเรื่ องน่าประหลาดใจเยอะขนาดนี้!”

ชุยต้ายิม้ “ปี นี้มีคนสร้างบ้านใหม่เยอะมาก ผม เจ้าหนูเมิ่ง ไหน


จะเจ้ารองฉวี่อีก นี่ ก็มีต้ งั สิ บกว่าหลัง เลขาคิดว่านี่เป็นเรื่ องที่ดี
ต้อ งมี ค วามสุ ข ให้ ม าก ๆ ก็ เ ลยตัด สิ น ใจว่ า จะเข้า ร่ ว มการ
แข่งขันระบาเพลงดานา”

เทศกาลโคมไฟในทุ กปี ภายในชนบทจะจัดการแข่งขันระบา


เพลงดานาตลอด แต่มีขนาดเล็กไปหน่อย ถึงอย่างไรผูค้ นก็เป็ น
กังวลเรื่ องกินเรื่ องดื่ม ไม่มีกะจิตกะใจจะทาเรื่ องบันเทิง แต่ปีนี้
ไม่ เหมื อนเมื่ อก่ อนแล้ว แบ่ งที่ ดินแยกไปทางานกันเองแล้ว
การเก็บเกี่ยวผลผลิตก็อุดมสมบูรณ์ ตลาดก็ฟ้ื นตัวเช่นกัน ผูค้ น
มองเห็นความหวัง มองเห็นอนาคตอยู่ราไร ก็ตดั สิ นใจว่าจะ
ฉลองให้ดี ๆ สักหน่อย ทันทีที่มีการประกาศเรื่ องแข่งขันระบา
เพลงด านา แทบจะทุ ก หมู่ บ ้า นก็ ไ ปลงทะเบี ย นกั น หมด
หมู่บา้ นข้าวซานถุนมีชื่อเสี ยงด้านการเลี้ยงกระต่ายย่อมไม่แผ่ว
กว่า ใครอยู่แ ล้ว เลขาตอบกลับอย่า งกระตื อ รื อ ร้ น ทั้ง ยัง ใช้
คาพูดฮึกเหิมบอกว่าจะคว้าอันดับหนึ่งมาให้ได้!

จ้าวเหวินเทามีความสุ ข เลขาผูส้ ู งวัยคนนี้ เป็นหนุ่ มผูค้ ลัง่ ไคล้


เลยนะเนี่ ย ทะเยอทะยานไม่นอ้ ยเลย ไม่ได้เข้าร่ วมระบาเพลง
ดานามาหลายปี แล้ว เข้าร่ วมครั้งแรกก็จะคว้าที่หนึ่งแล้ว นี่มนั
เรี ยกว่าอะไรกัน จิตวิญญาณช่างน่ายกย่อง!

เย่ฉูฉู่กล่าว “คว้าที่หนึ่ งได้หรื อเปล่าเป็นเรื่ องรอง ที่สาคัญคือ


ความสนุก”
จ้าวเหวินเทากล่าว “ถูกต้อง เรื่ องนี้จะได้ที่หนึ่งหรื อไม่ได้กไ็ ม่
สาคัญหรอก มันคือความสนุก ตกลง นายไปบอกเลขาเลย ฉัน
เข้าร่ วมด้วย แล้วอุปกรณ์ประกอบฉากกับเสื้ อผ้าล่ะ ต้องให้ฉนั
เตรี ยมไว้สองสามชุดไหม?”

“ไม่ตอ้ ง เลขาบอกไว้แล้ว เขาเตรี ยมไว้เรี ยบร้อยแล้ว วันที่สิบ


ห้าให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ทีมใหญ่ตอนเช้าก็พอ” ชุยต้ากล่าว

“ตาเฒ่ าคนนี้ ทาไมไม่บอกล่ วงหน้าสักคาเลย” จ้าวเหวินเทา


กล่าว “ไม่ให้คนได้เตรี ยมใจบ้างเลยนะ”

“นี่กเ็ พิ่งจะสรุ ปได้เอง” ชุยต้าอธิบาย

หลังจากคุยกันครู่ หนึ่ง ชุยต้าก็กลับไป จ้าวเหวินเทาพูดกับเย่ฉูฉู่


ด้วยรอยยิม้ “ภรรยา คุณจะไประบาเต้นดานาด้วยกันไหม?”

เย่ฉูฉู่ เชิ ดคางขึ้น “อย่าคิดว่าฉันเต้นระบาไม่เป็นนะคะ ตอนที่


ฉันอยูบ่ า้ นก็เข้าร่ วมทีมเต้นระบามาก่อนเหมือนกัน!”
จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “ทาไมฉันไม่เห็นรู ้เรื่ องเลย?”

“หมู่บา้ นของพวกเรานับจากหลัง คุณจะรู ้ได้ไง” เย่ฉูฉู่พูดด้วย


ความเสี ย ใจ “ตอนนั้น ทั้ง หมู่ บ้า นมี สิ บ กว่ า คน ไปแค่ ไ ม่ กี่
หมู่บา้ นก็เสร็ จแล้ว เสื้ อผ้ากับอุปกรณ์ประกอบฉากก็มีไม่กี่ชุด
เอง ไม่น่าสนใจเลย ไม่รู้วา่ ปี นี้จะเป็ นยังไงบ้าง”

จ้าวเหวินเทา “งั้นคุณก็ไปสิ ให้แม่เลี้ยงลูกให้กไ็ ด้”

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า “ถ้าไปก็ตอ้ งไปทั้งวัน ลูกยังต้องกินนม ไม่ได้


หรอก ฉันไม่ไปดี กว่า ดู จากหน้าบ้านนี่ แหละ บอกให้แม่ไป
เถอะค่ะ จะได้ไปเที่ยวให้สนุกด้วย”

“งั้นก็พาลูกไปด้วยสิ ?” จ้าวเหวินเทามองออกว่าภรรยาอยาก
ไป
เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “ไม่ใช่ ว่าหลังจากนี้ จะไม่มีโอกาสสัก
หน่ อย รอให้ลูกโตฉันค่อยเข้าร่ วมก็ได้ ยังจะให้พาลูกไปอี ก
คุณนี่ใจกว้างจริ ง ๆ เลยนะ”

“ก็เพราะผมอยากเห็นภรรยาระบาเพลงดานาไง ผมยังไม่เคย
เห็นเลยนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“งั้นให้ฉนั เต้นให้ดูตอนนี้เลยไหมล่ะ?” เย่ฉูฉู่หยอกเขา

“เอาสิ ภรรยา คุณเต้นให้ดูสักหน่ อย!” จ้าวเหวินเทาเกิดความ


กระตือรื อร้นขึ้นมา

เย่ฉูฉู่กไ็ ม่ได้ตื่นเวที เธอยืนเต้นบนพื้นทันที การย่างเท้ามีทกั ษะ


การเคลื่อนไหวกล้าหาญ หนึ่งคนเต้นทาให้เกิดความรื่ นเริ งของ
คนหนึ่งกลุ่ม!

จ้าวเหวินเทาดู พร้อมกับปรบมือและยิม้ ไม่หยุด เขาเองก็ค่อย ๆ


ถูกป้ายยา จึงลงจากเตียงมาเต้นกับเธอด้วย
เสี่ ยวไป๋ หยางที่อยูบ่ นเตียงมีความสุ ขเช่นกัน ลูกลิงเห็นเช่นนี้ก็
เต้นราด้วย สิ่ งนี้ทาให้เย่ฉูฉู่ถึงกับหลุดขาจนตัวโยน

เทศกาลโคมไฟวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติ เป็ น
รายการช่วงค่า ช่วงเช้าเป็ นการเต้นระบาเพลงดานา ช่วงเช้าลุง
ป้าน้าอาคนแก่และหนุ่มสาวต่างก็ไปรวมตัวกันที่ทีมใหญ่ พวก
เขาสวมด้วยชุดที่เลขาเช่ามา เสื้ อผ้าไม่พอก็หยิบผ้าลายดอกจาก
ที่บา้ นตัวเองมาคลุม มีสีสันและสวยงามมาก

เมื่อใกล้ถึงเวลาแล้ว ทุกคนก็นงั่ รถล่อและลาลาก แน่นอนว่ายัง


มี ร ถที่ ใ ช้เ ชื้ อ เพลิ ง ของจ้า วเหวิ น เทาด้ว ย ต่ า งมุ่ ง หน้า เข้า สู่
ชนบทอย่างยิง่ ใหญ่

ห่ างออกไปสิ บลี้ ใช้เวลาหนึ่ งชัว่ โมงกว่าก็ถึงแล้ว เสี ยงฆ้อง


และกลองดังมาแต่ ไกล มี เสี ยงประทัดด้วย จุ ดที่ ห่างออกไป
มองเห็นธงหลากสี สันโบกพลิ้วปลิวไสว ผูค้ นเนื องแน่ น ไม่
ต้องพูดถึงเลยว่าครึ กครื้ นขนาดไหน!
“ทุกคนกระฉับกระเฉงหน่อย งานเริ่ มแล้ว!” เลขาตะโกนเสี ยง
ดัง

หัวหน้ากับบัญชี และหัวหน้าหมู่บา้ น รวมถึงหัวหน้าทีมย่อย


ก่อนหน้านี้ ต่างก็รีบจัดระเบียบทุกคนให้ลงจากรถ ปล่อยมังกร
สองตัวออกจากน้ า เต้นราเรื อบกและขี่ลาอยูด่ า้ นหน้า ส่ วนคน
ที่เป็ นแป๊ ะยิม้ เดินอยูด่ า้ นหลังเป็ นการปิ ดท้ายทีมใหญ่

เลขายืนอยู่ดา้ นบนรถถื อธงสี แดงแกว่งไปมา วงเครื่ องดนตรี


เกิดเสี ยงบรรเลงดังขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสี ยงฆ้องและกลอง
ดังตุง้ แช่ๆ กึกก้องทัว่ ท้องฟ้ า ด้านหน้าสุ ดคือจ้าวเหวินเทา และ
พวกเด็กหนุ่ มร่ างสู งทรงพลังในหมู่บา้ นที่เดินเชิ ดหน้า อกผาย
ไหล่ผ่ ึง สะบัดแขน บิดเอวเต้น คนที่อยู่ดา้ นหลังก็สะบัดแขน
เตะขา ผ้าไหมสี แดงพลิ้วไหว พัดกลายเป็นดอกไม้ ทีมงานทุก
คนมีความสุ ขและเต็มไปด้วยพละกาลัง มองจากไกล ๆ คล้าย
กับมังกรยักษ์ที่มีสีสันตัวหนึ่ ง ดูมีชีวิตชี วาคล้ายกับพร้อมที่จะ
ทะยานขึ้นสู่ ทอ้ งฟ้าได้ทุกเมื่อ

ทุ ก คนบิ ด เอวเต้น ไปพลางเดิ น เข้า สู่ ที่ว่า การอ าเภอเมื อ งไป


พลาง นี่คือชุมชน และเป็ นจุดแวะพักจุดแรก

แต่เมื่อมาถึงสถานที่ก็พบว่าไม่สามารถเข้าไปในลานได้ รอบ
ๆ คือผูค้ น กาแพงและบนต้นไม้เต็มไปด้วยพวกเด็ก ๆ ที่กาลัง
นัง่ ยอง ๆ อยูบ่ นนั้น

ทีมเต้นระบาในหมู่บา้ น 5-6 ทีมจัดแถวอยู่ดา้ นนอก เพื่อรอที่


จะได้เข้าไปด้านใน มีที่เต้นเสร็ จไปแล้วสิ บกว่าหมู่บา้ น จึงย้าย
ไปยังจุดอื่นแล้ว

เลขากดธงสี แดงในมือลง ทุกคนจึงหยุดนิ่ง

“เลขา ทาไมพวกเราไม่เข้าไปล่ะ?”

“ด้านในนั้นเต้นเป็ นยังไงบ้าง?”
“มองไม่เห็นอะไรเลยเนี่ย”

ทุกคนต่างก็กระโดดโหยงเหยงด้วยความร้อนใจ

…………………………………………………………

[1] เด็กกาลังโตกินพ่อยากจน (半大小子吃死老子)


หมายความว่า เด็กที่อยูใ่ นวัยกาลังเติบโตกินเยอะ ทาให้พ่อแม่
ต้องหาเงินจานวนมากอย่างยากลาบากเพื่อมาสนับสนุ นและ
เลี้ยงดู
ตอนที่ 263 มีชื่อเสี ยงอีกแล้ว

ทุกคนต่างก็อยากดู ว่าการแสดงระบาเพลงดานาของหมู่บา้ น
อื่ น เป็ นอย่า งไร แต่ เ ป็ นเพราะคนมากเกิ น ไปจึ ง มองไม่ เห็ น
พวกเขาต่างก็ร้อนใจเป็ นอย่างยิง่

เลขากลับดูนิ่งสงบมาก “ไม่ตอ้ งสนใจคนอื่น พวกเราเต้นของ


พวกเราก็พอ!”

จ้าวเหวินเทาจึงตั้งใจไปพูดคุยกับคนอื่น ๆ

“พี่ชาย ระบาของหมู่บา้ นไหนดีที่สุดเหรอ?”

“ป้าใหญ่ เสื้ อผ้าของพวกเขาสวยไหม?”

“ไอ้หนู นายชอบการแสดงระบาของหมู่บา้ นไหนเหรอ?”


เมื่อถามไปหนึ่งครั้ง คาตอบที่ได้กไ็ ม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก
ไม่มีหมู่บา้ นไหนเป็นพิเศษ มีเพียงคล้ายคลึงกัน จ้าวเหวินเทา
จึงเบาใจ

เมื่อครู่ ท่าทางที่นิ่งสงบของเลขาก็เป็นแค่ภาพลักษณ์ภายนอก
แต่ เ มื่ อ ได้ยิน ค าถามของจ้า วเหวิ น เทา เขาจึ ง นิ่ ง สงบอย่ า ง
แท้จริ ง

ครั้นเวลาใกล้ถึงช่วงเที่ยง ก็ถึงคิวของหมู่บา้ นข้าวซานถุน เสี ยง


ฆ้องและกลองดังขึ้น ทุกคนต่างก็เกิดความฮึ กเหิ มมีชีวิตชี วา
ขึ้นทันใด ไม่วา่ จะเป็ นเด็กหนุ่มไปจนถึงสาวใหญ่ ต่างก็บิดเอว
เต้นและโบกไม้โบกมือกันสุ ดฤทธิ์

เป็ นเพราะออกท่าทางมากเกินไป ผูค้ นที่มายืนดูความครึ กครื้ น


ก็ถูกป้ ายยาไปด้วย พวกเขาปรบมือส่ งเสี ยงเชี ยร์ อย่างไม่ลงั เล
แต่ละคนก็ทยอยถามกันว่าคนเหล่านี้มาจากหมู่บา้ นไหน ตอน
ที่ ได้ยินว่าเป็ นคนของหมู่ บา้ นข้าวซานถุ น ต่ างก็ตะโกนกัน
ออกมา

“กระต่ายของข้าวซานถุน!”

“เต้าหูข้ องข้าวซานถุน!”

ตอนนี้มีระบาของข้าวซานถุนเพิม่ เข้ามาอีกหนึ่งการแสดงแล้ว

เมื่อทุกคนได้ยินคาชมก็ยิ่งเต้นกันแรงขึ้นเรื่ อย ๆ จนรถแทบ
เบรกไม่ อยู่ จ้าวเหวินเทามองไปยังเลขาที่ เป็ นคนออกคาสั่ง
เลขาก็กาลังบิดเอวเต้นเช่ นกัน จ้าวเหวินเทาจึงรี บพาพวกเด็ก
หนุ่ มอีกสามสี่ คนออกไปแสดงท่าทางที่ดูเกินจริ ง เพื่อดึ งดู ด
ความสนใจจากผูค้ น ในตอนนี้ เลขาก็ค่อย ๆ ได้สติกลับมา จึง
นากลุ่มคนออกจากลานแสดงอย่างช้า ๆ

“ระบาเพลงดานาของหมู่บา้ นข้าวซานถุนของพวกนาย คึกคัก


แถมยังอบอุ่นด้วย!”
เจ้าคณะตาบลกล่าวชื่นชมไปหนึ่ งยก หัวหน้าตาบลระดับสู งก็
ตัด สินให้ ห มู่ บ้า นข้า วซานถุ น เป็ นตัว แทนต าบลไปงาน
มหกรรมในอาเภอทันที

เลขาดีใจจนหุ บยิม้ ไม่ได้ เขานาบุหรี่ ตา้ เซิ งฉ่ านสองมวนและ


บุหรี่ โหยวอี้อีกสองมวนกลับมา จากนั้นก็บอกข่าวนี้กบั ทุกคน
ทุกคนจึงส่ งเสี ยงเฮ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังหน่วยอื่น คิดไม่ถึงเลย
ว่าพวกเขาจะพาคนอีกส่ วนหนึ่งที่ดูความครึ กครื้ นไปด้วย สิ่ งนี้
ทาให้ทุกคนเกิดความสนใจมากยิง่ ขึ้น

ที่ ลานกว้างขนาดใหญ่ ของสถานี รับซื้ อ ที มระบาเพลงดานา


สามารถเต้นได้อย่างสุ ดแรง

ผูส้ ู ง วัยที่ ดู แ ลประตู ที่นี่ มี ประสบการณ์ ส ามารถแยกแยะได้


ระหว่างที่ดูระบาเพลงดานา ก็จอ้ งพวกเด็กนรกเหล่านั้นไปด้วย

“ไอ้เ ด็ ก เวร ท าอะไร ยืน ดู อ ยู่บ นพื้ น ไม่ ไ ด้ ยัง จะขึ้ น ไปบน
กาแพงอีก รี บลงมาเดี๋ ยวนี้ !…แกก็อีกคน ทาอะไร อายุเท่าไร
กันเชี ยว ยังจะไปเล่นประทัดยักษ์อีก ไม่กลัวมันจะระเบิดใส่
มือหรื อไง!…จ้าวเสี่ ยวลิ่ว! เต้นใช้ได้เลยนะ!” ชายสู งวัยพูดคุย
อย่างมีความสุ ข

จ้าวเหวินเทาเดินเต้นเข้ามาพูดคุยด้วยรอยยิม้ “ลุง สวัสดีปีใหม่


นะ!”

“ดี ๆ สวัสดีปีใหม่เช่นกัน” ชายสู งวัยกล่าว

จ้าวเหวินเทาเรี ยกให้เด็กหนุ่ มคนหนึ่ งขึ้นไปหยิบเหล้าบนรถ


มาให้ชายสู งวัยหนึ่งขวด “ลุง นี่ของสาหรับปี ใหม่ ลุงลองชิ มดู
นะ”

“นายนี่ มีมโนธรรมดี นะ!” ชายสู งวัยรับเหล้ามาไว้ในมือ เขา


มองดูเครื่ องหมายการค้าที่อยูด่ า้ นบน จากนั้นก็หยิบเงินออกมา
จากกระเป๋ าสองหยวน “อันนี้เงินอัง่ เปาลูกชายนาย”
จ้าวเหวินเทายิ้มร่ า เขารับมาโดยไม่เกรงใจ “ขอบคุณลุงแทน
ลูกชายผมด้วยนะ!”

“ได้ยนิ มาว่านายเปิ ดฟาร์มกระต่ายในหมู่บา้ นแล้วเหรอ?” ชาย


สู งวัยสอบถาม

“ใช่ แ ล้ว ผมเปิ ดฟาร์ ม กระต่ า ยในหมู่ บ้า นแล้ว ตอนนี้ ก าลัง
สร้างรังกระต่ายอยู่ ทาไมเหรอลุง อยากมาเลี้ยงกระต่ายให้ผม
ไหม?”

“ต้อนรับไหมล่ะ?” ชายสู งวัยกล่าวด้วยรอยยิม้

จ้าวเหวินเทาชะงัก “ลุงอย่ามาแกล้งผมสิ ถ้าลุงอยากไป ผมก็


ต้องการที่สุดเลยล่ะ!”

“ตกลง ถึ ง เวลานั้น ฉันจะไปหา นายก็อ ย่า เอาแต่ ส ร้ างรั งให้


กระต่ายนะ ต้องสร้างรังให้คนด้วย ไม่ง้ นั จะให้ฉนั ไปอยูท่ ี่ไหน
ล่ะ!” ชายสู งวัยพูดทีเล่นทีจริ ง
จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่ า “ลุงไม่ตอ้ งห่ วง ถ้าลุงไป ผมไม่ให้ลุง
ไปนอนอยูใ่ นรังกระต่ายแน่นอน!”

“ไอ้เด็กบ้านี่ พูดจาไม่รู้จกั ผูห้ ลักผูใ้ หญ่!” ชายสู งวัยแม้ว่าปาก


จะกาลังด่า แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิม้

จ้าวเหวินเทารู ้จกั กับคุณลุงที่เฝ้าประตูคนนี้ เพราะเข้ามาค้าขาย


ของที่สถานี รับซื้ อของในหมู่บา้ น ลุงคนนี้ เป็นเด็กกาพร้า เคย
อยู่ในกองทัพและเข้าร่ วมสงครามมาก่อน แต่หลังจากได้รับ
บาดเจ็บก็เกษียณออกมาเป็นคนเฝ้าประตูสถานี รับซื้ อของ เขา
ไม่ มี ลู ก ชายและลู ก สาว จนถึ ง ตอนนี้ ก็ ใ กล้จ ะเกษี ย ณแล้ว
สถานี รับซื้ อของเป็ นหน่ วยงาน เมื่ออายุถึงที่กาหนดไว้ก็ควร
เกษียณ ปี นี้กเ็ ป็ นปี ที่ชายสู งวัยต้องเกษียณพอดี

ก่อนหน้านี้จา้ วเหวินเทาเคยคุยกับชายสู งวัยว่าหลังจากเกษียณ


ให้ ไ ปช่ ว ยเขาเลี้ ยงกระต่ า ย ชายสู ง วัย ก็ ต กปากรั บ ค าแล้ว
เพียงแต่จา้ วเหวินเทาไม่ได้เก็บมาใส่ ใจ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่า
ชายสู งวัยจะไปหาเขาจริ ง ๆ แล้ว

ทุกคนมาสวัสดีปีใหม่แต่ละหน่วยงานหนึ่งรอบ แต่กไ็ ม่ได้เป็ น


การสวัสดีปีใหม่แบบเปล่าประโยชน์ แต่ละหน่วยงานแทบจะ
ให้บุหรี่ คนละมวน หรื อไม่ ก็ให้เงิ นนิ ดหน่ อ ยอะไรพวกนั้น
ได้รับเป็ นกอบเป็ นกาเลย จากนั้นพวกเขาก็เริ่ มไปสวัสดีปีใหม่
ตามแต่ละหมู่บา้ น

การระบาเพลงดานาเป็ นกิจกรรมที่ตอ้ งใช้แรง อย่ามองว่าตอน


แรกทุกคนต่างออกแรงเต้นกันสุ ดฤทธิ์ สุ ดเดช แต่เมื่อใส่ เต็ม
เหนี่ยวก็หมดแรงเหมือนกัน เพียงแต่เมื่อเข้ามาในหมู่บา้ นก็จะ
เต้นกันอยูค่ รู่ หนึ่ง แต่ระหว่างทางก็จะหยุดเต้น

มื้อเที่ยงแวะรับประทานที่วา่ การอาเภอเมืองสักหน่อย ช่วงบ่าย


หลังจากวนไปที่ หมู่ บา้ นอื่ น ๆ เสร็ จแล้ว ก็เดิ นกลับหมู่ บา้ น
ตัว เอง จนกระทั่ง ถึ ง บ้า นก็ เ หนื่ อ ยจนขาแทบลาก แต่ จิ ต
วิญญาณกลับยังคงเต็มเปี่ ยม พวกเขาจะได้เป็ นตัวแทนตาบล
เพื่อเข้าไปแสดงในอาเภอ นี่เป็ นเรื่ องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ฉันขอพูดอะไรหน่ อยนะ!” เลขาที่ อยู่บนรถใช้โทรโข่ งพูด


“หมู่บา้ นของพวกเราได้หน้าแล้ว ถึงเวลานั้นเมื่อไปแสดงใน
อาเภอแล้ว ก็ตอ้ งทาตัวให้กระปรี้ กระเปร่ ากันหน่ อยนะ ต้อง
เอาที่หนึ่งมาให้ได้!”

ทุกคนรี บปรบมือในทันที

เลขาโบกมือแล้วพูดต่อ “ทุกคนรี บกลับบ้าน รี บกินข้าวซะ กิน


ข้าวเสร็จพวกเราจะได้มากระจายโคมไฟกัน!”

ทุกคนส่ งเสี ยงโห่ทาท่าจะวิง่ กลับบ้าน เลขาจึงตะคอกเรี ยกพวก


เขากลับมา “ถอดชุดก่อนแล้วค่อยกลับไป!”

ทุกคนจึงหัวเราะออกมาในทันที
พี่สามจ้าวไม่ได้ไปเข้าร่ วม เขาใช้เวลาที่เหลืออยูไ่ ม่กี่วนั สุ ดท้าย
เพื่อทาเต้าหู ้ ตอนที่ได้ยินเสี ยงคนที่มาดู การแสดงระบาเพลง
ด านาตะโกนว่ า เต้า หู ้ข องข้า วซานถุ น เขาก็ตื่ น เต้น เสี ย จน
หายใจไม่ เป็ นจังหวะ จึ งรี บถามติ ด ๆ กันว่า ‘จริ งเหรอ เกิ ด
อะไรขึ้นเหรอ?’

อีกฝ่ ายพรรณนาให้เขาฟั งหนึ่ งรอบ อารมณ์ของเขายังค้างอยู่


เลย เขาจึ ง พู ดกับ พี่ส ะใภ้สามจ้าวว่า “คุ ณ ได้ยินแล้วใช่ ไหม
เต้าหู ้ของพวกเรา เต้าหู ้ของเจ้าสามจ้าวคนนี้ เลยนะ มีชื่อเสี ยง
แล้ว มีชื่อเสี ยงพร้อมกับกระต่ายของข้าวซานถุนเลย!”

พี่สะใภ้สามจ้าวก็คิดไม่ถึงเช่นกัน หล่อนจึงพูดอย่างมีความสุ ข
“สามี คุณเก่งมากเลย!”

พี่ ส ามจ้า วเชิ ด หน้าขึ้ น อย่างพึง พอใจ “กระต่ า ยของเจ้าหกมี


ชื่อเสี ยงแล้วยังไง เต้าหูข้ องผมก็มีชื่อเสี ยงได้เหมือนกัน!”
“แล้วทาไมนายถึงยังไม่ไปอีก นี่ถา้ ครั้งนี้นายไปร่ วมระบาเพลง
ดานา นายก็สามารถบอกคนพวกนั้นได้แล้ว ว่านายคือคนที่ทา
เต้าหู ้ ต้องได้บุหรี่ กลับมาหลายมวนแน่ นอน!” คนในหมู่บา้ น
พูด

พี่สามจ้าวได้ยินก็ตาลุ กวาว จริ งด้วย เต้าหู ้ของเขามี ชื่อเสี ยง


ขนาดนั้น ถ้าเขาไป คงต้องมีคนยืน่ บุหรี่ ให้แน่นอน รวมถึงลูก
อมด้วย ได้ยินว่าคนที่อยู่ในทีมเต้นระบาได้บุหรี่ มาเป็ นกล่อง
เลย ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทาไม่ได้ น่าเสี ยดายชะมัดเลย

ไม่ได้การล่ะ ครั้งหน้าตอนที่เข้าอาเภอ เขาต้องไปให้ได้!

พี่รองจ้าวเข้าร่ วมด้วย ตอนนี้ เขาจึงเหนื่ อยมาก เมื่อกลับมาถึง


บ้านก็รีบเขมือบอาหารราวกับแร้งลง ระหว่างที่รับประทานก็
คุยกับพี่สะใภ้รองจ้าวไปด้วย

“…ตอนนี้หมู่บา้ นข้าวซานถุนของเรามีชื่อเสี ยงอีกแล้วนะ ด้าน


เต้น ระบ าเชี ย ว! มี ก ระต่ า ยของเจ้า หก เต้า หู ้ข องเหล่ า ซาน
ตอนนี้ยงั มีระบาเพลงดานาอีก ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็ นอะไร” พี่
รองจ้าวกล่าว

เดิมทีพี่สะใภ้รองจ้าวก็อยากไปเช่นกัน แต่เมื่อได้ยนิ ว่าต้องไป


ทั้งวันกว่าจะได้กลับมา ถ้าให้ลูก ๆ ช่ วยดูแลบ้าน หล่อนก็ไม่
วางใจ จึ ง ไปร่ ว มไม่ ไ ด้ แต่ เ มื่ อ ได้ยิ น ค าพู ด ของพี่ ร องจ้า ว
หล่อนก็แอบไม่เห็นด้วย อะไรมีชื่อเสี ยงก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
หล่อน ครั้นมองดูบุหรี่ ที่พี่รองจ้าวนากลับมาก็เอ่ยขึ้น “ทาไม
คุ ณไม่เอาลูกอมมาเยอะ ๆ หน่ อยล่ะ คุ ณเองก็ไม่สูบบุหรี่ ลูก
อมยังเอามาให้ลูก ๆ กินได้”

พี่รองจ้าวกล่าว “คุณคิดว่าผมอยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ
นี่เป็ นของที่หน่วยงานให้มาทั้งนั้นแหละ”
ตอนที่ 264 กระจำยโคมไฟ

หลังจากรี บรับประทานอาหารเสร็ จก็ถึงเวลากระจายโคมไฟ


ทีมกระจายโคมไฟที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้มาที่ทีมใหญ่แล้ว พวก
เขาต่างก็นาโคมไฟที่แช่น้ ามันไว้อย่างดีมาด้วย เป็ นของที่ทามา
จากการใช้ฝ้ายและขี้เลื่อยห่ อด้วยกระดาษเป็นก้อนกลม ๆ ซึ่ ง
ทนทานต่ อ การเผาไหม้ จากนั้ นก็ น าไปแช่ ก ับ น้ ามัน ก๊ า ด
สามารถเผาได้ 1-2 ชัว่ โมง

วงดนตรี นาฆ้องและกลองออกมา ผูน้ าจุดไฟที่โ คมไฟ จากนั้น


เดินขึ้นสันเขาที่อยูใ่ กล้ที่สุด ซึ่งมีศาลเจ้าที่ต้ งั อยูบ่ นนั้น

พวกเด็กที่ในช่ วงกาลังเติบโตโดยเฉพาะเด็กผูช้ ายต้องเข้าร่ วม


โอกาสแบบนี้ดว้ ยอยูแ่ ล้ว ทุกคนต่างส่ งเสี ยงโห่ร้องเดินตามอยู่
ด้า นหลัง เรื่ อ งดี ๆ แบบนี้ ทาให้พวกสาวน้อ ยและสาวใหญ่
มาร่ วมดูความครึ กครื้ นด้วย
ครั้งนี้ หัวหน้าหมู่บา้ นเป็นผูน้ า เดินนาอยู่ดา้ นหน้าด้วยการถือ
คบเพลิง ที่นี่มืดไม่มีไฟ ทั้งยังต้องเดินตรงถนนบนเขา คนเฒ่า
คนแก่ ไ ม่ ส ามารถเดิ น ขึ้ น ไปได้ คนที่ ข้ ึ น ไปจึ ง มี แ ค่ พ วกวัย
กลางคนและคนหนุ่ม

พี่รองจ้าว พี่สามจ้าวและพี่สี่จา้ วก็ไปกันหมด แต่จา้ วเหวินเทา


ไม่ได้ไป เขาวางกระจายโคมไฟอยูท่ ี่บา้ น เขาเคยขึ้นไปบนเขา
ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว นอกจากนี้ยงั เคยไปเผาไข่นกในศาลเจ้าที่ดว้ ย
จึงไม่ได้รู้สึกว่าเป็ นโอกาสหายากอะไร

“ภรรยา คุณคงไม่รู้วา่ กาแพงสามด้านของศาลาเจ้าที่นนั่ ถล่มลง


มาสองด้านแล้ว เทพธรณี เหลื อแค่ครึ่ งตัวแล้ว โต๊ะบูชาที่ อยู่
ด้านหน้าศาลเจ้าที่บนหิ นนัน่ ก็ทรุ ดโทรม กระถางธู ปก็ถูกคน
ขโมย ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ยังจะไปขอให้เทพธรณี ช่วยให้
เก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์ในปี นี้ อีก ยังไงก็ตอ้ งสร้างบ้านให้เทพ
ธรณี ดว้ ยสิ ” จ้าวเหวินเทาใช้คีมคีบเหล็กคีบโคมไฟออกมาจาก
ถังไปพลาง พูดคุยกับเย่ฉูฉู่ไปพลาง

เย่ฉูฉู่มองเขาแขวนโคมไฟอยู่ขา้ ง ๆ โคมไฟหลายดวงถูกวาง
ไว้บนขอบด้านล่างของกาแพง ประตูบา้ น ประตูใหญ่หน้าบ้าน
ถูกแขวนติดกันเป็ นแถว ดูสวยพิลึกเชียวล่ะ

“คุณอย่าพูดจาเหลวไหล ไปขอก็เป็นเรื่ องของจิตใจ เทพธรณี


ท่านไม่ตาหนิหรอก” เมื่อได้ยนิ คาพูดของสามี เย่ฉูฉู่จึงพูดขึ้น

“ถ้าผมเป็ นเทพธรณี จะตาหนิ ให้ ไม่สร้างบ้านให้ฉนั แล้วยังจะ


มาคิดเรื่ องแผลง ๆ พวกนี้อีก!” จ้าวเหวินเทากล่าว

“คุณพอเถอะค่ะ พูดจาซี้ซ้ วั อีกแล้วนะ” เย่ฉูฉู่รีบกล่าว

ทั้งสองคนจุดโคมไฟเสร็ จแล้ว ก็ยืนมองอยู่บนบันไดหิ นหน้า


บ้านของตัวเองครู่ หนึ่ง จู่ ๆ จ้าวเหวินเทาก็ช้ ีไปยังทิศหนึ่งพลาง
กล่าว “ภรรยา ดูนนั่ พวกเขาเดินไปถึงตรงนั้นแล้ว!”
เย่ฉูฉู่มองตามนิ้วมือของเขา ก็พบว่าบนท้องฟ้ ายามราตรี ที่ห่าง
ออกไปปรากฏเส้นแสงสว่างสี แดงเพลิงคดเคี้ยวหนึ่ งสาย ซึ่ ง
เป็นทีมกระจายโคมไฟ นอกจากนี้ แสงที่เป็นสี แดงเพลิ งก็คือ
คบเพลิงที่ทุกคนถืออยูใ่ นมือ

“ทาเป็นเล่นไป ยืนมองจากตรงนี้ ก็สวยมากเลยนะ” เย่ฉูฉู่พูด


กับเสี่ ยวไป๋ หยาง “เสี่ ยวไป๋ หยาง ลูกดูทางฝั่งนั้นสิ หมู่บา้ นของ
พวกเรากาลังจุดโคมไฟด้วยล่ะ!”

เสี่ ยวไป๋ หยางถูกห่อตัวราวกับบ๊ะจ่าง เขาพยายามเงยหน้าเล็ก ๆ


เพื่อจ้องมอง แต่ไม่รู้ว่ามองเห็นหรื อไม่ ทว่าปากกลับส่ งเสี ยง
อ้อแอ้ ๆ

ทว่าลูกลิงอยู่ดา้ นบนหลังคา มันส่ งเสี ยงร้อง ‘เจี๊ยก ๆ’ ใส่ เส้น


แสงสี แดงเพลิงนั้น

จ้าวเหวินเทายิม้ “พวกเขาไปจุดโคมไฟเพื่อไหว้เทพเจ้า ไม่ได้


ไปสร้างปัญหาให้พี่นอ้ งลิงของแกสักหน่อย!”
ลูกลิงส่ งเสี ยงร้อง ‘เจี๊ยก ๆ’ สองสามเสี ยง มันนัง่ ลงบนหลังคา
บ้านและมองอย่างเหม่อลอย

พระจันทร์ของวันที่สิบห้าทั้งใหญ่ ทั้งกลม ทั้งสว่าง แสงจันทร์


สาดส่องลงบนร่ างของลู ก ลิ ง ท าให้ ม ัน ดู ค ล้า ยกับ เทพผู ้
ศักดิ์สิทธิ์อยูห่ ลายส่ วน

“พวกเขาต้องใช้เวลา 3-4 ชัว่ โมงกว่าจะกลับมา พวกเรากลับ


เข้าไปกินข้าวในบ้านเถอะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่เรี ยกไฉไฉหนึ่ งเสี ยง จากนั้นก็อุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางกลับเข้า


บ้าน

เสี่ ยวไป๋ หยางดู เหมื อนว่าจะเหนื่ อยนิ ดหน่ อย จึ งอ้าปากหาว


ดวงตาก็สะลึมสะลือ เย่ฉูฉู่จึงบอกให้จา้ วเหวินเทาไปต้มหยวน
เซียว[1] ส่ วนเธอปลีกตัวไปกล่อมเสี่ ยวไป๋ หยางเข้านอน
วันที่สิบห้าเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติของภาคเหนือ ผูค้ น
จะรับประทานหยวนเซี ยว ก่อนหน้านี้ ทุกคนจะทากันเอง ใช้
แป้ งข้าวฟ่ างที่เป็ นแป้ งใช้ทาขนมเข่ งและซาลาเปาถัว่ ยัดไส้
ด้า นในด้ว ยไส้ ถ ั่ว แดง หรื อ ไม่ ก็น้ า ตาลทรายขาวและงาด า
นามาปั้ นให้เป็ นลูกกลม ๆ จากนั้นก็ตม้ ให้สุก ส่ วนใหญ่จะทา
เป็ นไส้ถวั่ แดง สิ่ งนี้ เป็ นผลผลิ ตจากบ้านตัวเอง ส่ วนน้ าตาล
ทรายขาวและงาดาต้องจ่ายเงินซื้ อ ส่ วนใหญ่ไม่มีเงินและทาใจ
ซื้อไม่ลง

ปี นี้ เป็ นปี ที่ดี ทุกคนต่างก็มีเงินบ้างแล้ว จึงไปซื้ อหยวนเซี ยว


จากตลาดมาหนึ่ งถุ ง สิ่ ง นี้ มี ค วามเหนี ย ว ด้า นในมี น้ าตาล
รับประทานนิดหน่อยก็อิ่มแล้ว จ้าวเหวินเทาซื้ อเป็ นไส้น้ าตาล
ทรายขาวและงาดา เขานามาต้มสองถุง เมื่อต้มออกมาแค่เห็นก็
รู ้สึกได้วา่ เยอะเกินไป
“ภรรยา ผมต้มเยอะไปหน่อย” จ้าวเหวินเทายกหยวนเซี ยวเข้า
มาพลางกล่าว

เย่ฉูฉู่วางลูกลง “ถ้าต้มไว้เยอะค่อยเก็บไว้กินพรุ่ งนี้กไ็ ด้”

ของหวานนั้นรับประทานได้ไม่มาก เย่ฉูฉู่รับประทานไปแค่
ไม่กี่ลูกก็ไม่อยากกินต่อแล้ว เพราะเลี่ยนเกินไป

“งั้นฉันไปทอดเกี๊ยวมาสักหน่ อยนะ” เย่ฉูฉู่วางตะเกียบลงเพื่อ


ไปทาของอย่างอื่นมากิน

“ภรรยา ทอดเยอะหน่อยนะ ผมก็กินไม่ลงแล้วเหมือนกัน” จ้าว


เหวินเทากล่าว

คนทางเหนื อไม่คุน้ ชินกับการรับประทานของหวาน สาเหตุก็


เป็ นเพราะสภาพอากาศ พวกเขาชอบรับประทานเค็มมากกว่า

“งั้นตอนที่พวกเขามากระจายโคมไฟ พวกเราแจกพวกเขาดี
ไหม?” เย่ฉูฉู่ทอดเกี๊ยวเสร็จก็นามาเสิ ร์ฟ
จ้าวเหวินเทาเห็นด้วย เขานาหยวนเซี ยวใส่ เข้าไปอุ่นในหม้อ
จากนั้นก็กลับมารับประทานเกี๊ยวทอดกับเย่ฉูฉู่ กินของสิ่ งนี้ยงั
มีความสุ ขกว่า รู ้ตวั อีกทีกร็ ับประทานไปหนึ่งจานใหญ่แล้ว

ตอนนี้หา้ ทุ่มกว่าแล้ว ทีมกระจายโคมไฟเพิ่งจะกลับมา ตอนที่


กลับมาก็ตอ้ งเดินผ่านหมู่บา้ น เพื่อเหลือโคมไฟไว้ที่หน้าประตู
บ้านแต่ละหลังบ้านละสามสี่ ดวง นี่เป็ นตัวแทนว่าได้นาพรจาก
เทพธรณี กลับมาด้วย

จ้าวเหวินเทาอยู่ที่ดา้ นหน้าหมู่ บา้ นเป็ นจุดแวะแรก ชุ ยต้ายิ้ม


และพู ด เสี ย งดัง ว่า “พี่ ห ก พวกเราน าพรจากเทพธรณี ม าส่ ง
แล้ว!”

จ้าวเหวินเทาเดิ นออกมาด้วยรอยยิม้ “ขอบคุ ณทุกคนมากนะ


ลาบากทุกคนแล้ว ฉันต้มหยวนเซี ยวไว้ พวกนายกินคนละลูก
สองลูกนะร่ างกายจะได้อุ่น ๆ”

เย่ฉูฉู่นาหยวนเซียวออกมาพร้อมกับตะเกียบ
เดิมทีทุกคนไม่ได้อยากจะรับประทาน เพราะเป็นเรื่ องยุ่งยาก
เกินไปหากต้องเข้าไปในบ้าน ทั้งยังถือโคมไฟอยูด่ ว้ ย อีกอย่าง
คนที่ชวนอาจจะพูดเพราะความเกรงใจ แต่เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่เดินถือ
หยวนเซี ยวร้ อนกรุ่ นออกมา ก็เข้าใจได้ว่าจ้าวเหวินเทาเรี ยก
พวกเขาให้รับประทานอย่างจริ งใจ พวกเขารั บประทานกัน
อย่างใจกว้าง คนนี้หนึ่งคาคนนั้นหนึ่งคา หยวนเซี ยวสองถุงจึง
ถูกรับประทานจนหมดเกลี้ยง

หัวหน้าหมู่บา้ นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อากาศหนาวแบบนี้ ได้กิน


ของร้อน ๆ สบายตัวจริ ง ๆ เลย”

จ้าวเหวินเทานาน้ าร้ อนมาให้พวกเขาดื่ มอี กหน่ อย เดิ นผ่าน


หมู่ บ้า นเพื่ อ แวะกระจายโคมไฟทุ ก หลัง ต้อ งใช้เ วลาหนึ่ ง
ชั่ว โมงกว่ า ได้รั บ ประทานและดื่ ม สั ก หน่ อ ยร่ า งกายจะได้
อบอุ่น
พี่สามจ้าวตะโกน “เจ้าหก ฉันเป็ นตัวแทนนายพูดต่อเทพธรณี
ให้นายแล้วนะ บอกให้ท่านช่วยอวยพรให้นายร่ ารวยเงินทอง!”

จ้าวเหวินเทาก็ให้ความร่ วมมือพูดเช่นกัน “ขอบใจนะพี่สาม!”

“ไม่เป็ นไร พวกเราเป็ นใครกัน พี่นอ้ งแท้ ๆ นะ!” พี่สามจ้าวดื่ม


น้ าร้อนไปหนึ่งแก้ว จากนั้นก็วางโคมไฟลงสามสี่ ดวง

ทุกคนกินและดื่มเสร็ จก็เดินเข้าหมู่บา้ นไป ขณะที่พวกเขาเดิน


ไปด้านหน้า โคมไฟแต่ละดวงก็ส่องสว่างอยู่ภายในหมู่ บา้ น
เป็ นประกายเล็ก ๆ เมื่ ออยู่ท่ามกลางยามราตรี จึงงดงามเป็ น
อย่างยิง่

สองสามี ภรรยายืนมองอยู่ค รู่ หนึ่ ง ก็อา้ ปากหาวก่ อ นจะเดิ น


กลับเข้าไปนอนพักผ่อนในบ้าน

วันที่สิบห้าเดื อนหนึ่ งผ่านไปด้วยความตื่ นเต้นเป็ นอย่างมาก


พวกเขามี ชื่ อ เสี ย งจากการเต้นระบ าเพลงด านา ทั้ง ยัง ได้ไ ป
เปิ ดเผยหน้า ตาในอาเภอด้วย แม้ว่าท้ายที่ สุดจะไม่ ได้ที่หนึ่ ง
กลับมา แต่ถึงอย่างไรก็ได้เข้าร่ วมแล้ว โดยเฉพาะคนที่ไม่เคย
เข้าอาเภอมาก่อนในชี วิต สิ่ งนี้ ยิ่งทาให้พวกเขานาไปคุยโวได้
อีกหนึ่งปี เลย

ผูค้ นต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุ ยกับคนนอกหมู่บา้ นก็อด


ไม่ ไ ด้ที่ จ ะเชิ ด หน้ายืด อก เผยให้เ ห็ น ถึ ง ความภาคภู มิ ใ จ ซึ่ ง
แน่นอนว่ายังมีคนที่ไม่เห็นด้วย

“ไปอาเภอแล้วยังไงล่ะ มีชื่อเสี ยงแล้วยังไง ได้เงินเหรอ? กิน


แทนข้าวได้เหรอ? ไปทางานทาการให้เป็ นเรื่ องเป็ นราวเถอะ!”

ทางานทาการที่ว่าก็คือการลงนา คนที่ขยันก็เริ่ มทางานแล้ว นา


ปุ๋ ยลงไปในนา ซ่ อมแซมคันนา ส่ วนจ้าวเหวินเทานาอิฐและ
กระเบื้ องขึ้ นมาบนเขา เครื่ องจักรก็นามาแล้ว คนก็จา้ งแล้ว
ตอนนี้เริ่ มสร้างฟาร์มกระต่ายกันแล้ว
รั ง กระต่ า ยท าง่ า ย แต่ ฟ าร์ ม กระต่ า ยไม่ ไ ด้มี แ ค่ ที่ อ าศัย ของ
กระต่ ายเท่ านั้น แต่ ยงั มี ของคนด้วย มี กระต่ ายมากขนาดนั้น
เป็ นไปไม่ ไ ด้ที่ จ ะไม่ ท างานกะดึ ก จ้า งแค่ ค นเดี ย วก็ไ ม่ พ อ
ดังนั้นโครงการนี้จึงมีขนาดใหญ่มาก

คนที่ จา้ วเหวินเทาจ้างคื อคนที่ อยู่ในหมู่ บา้ นและอยู่ห มู่ บ้า น


ใกล้เคียง จึงไม่ตอ้ งสนใจเรื่ องอาหารการกิน ทาให้ลดปั ญหา
และหมดกังวลไปได้ส่วนหนึ่ง แต่น่าเสี ยดายที่พี่รองจ้าว พี่สาม
จ้าวและพี่สี่จา้ วยุง่ อยูก่ บั การทาเต้าหู ้ จึงไปดูแลให้ไม่ได้

………………………………………………………………

[1] หยวนเซี ยว (元宵) บัวลอยสอดไส้ถวั่ แดง น้ าตาลงาดา


หรื อเนื้อหมูเนื้อไก่ของคนจีนภาคเหนือ ต่างจากถังหยวน (汤
圆) ของคนจี น ภาคใต้ต รงที่ ห ยวนเซี ย วมี ท้ ัง ไส้ เ ค็ม กับไส้
หวาน และทาโดยนาไส้ที่แช่ เย็นจนแข็งตัวไปคลุกกับผงแป้ ง
ข้าวเหนี ยวให้ทวั่ จนเกาะเป็ นชั้นแล้วนาไปต้ม ส่ วนถังหยวน
คือการนาแผ่นแป้งข้าวเหนียวห่อกับไส้และมีแค่ไส้หวาน
ตอนที่ 265 ขำยเต้ ำหู้

พี่สามจ้าวอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพา เพราะต้องเสี ยเปรี ยบให้กบั


คนนอก พี่สะใภ้สามจ้าวรับพี่สามจ้าวที่พู ดแบบนี้ไม่ได้ จึงพูด
อย่างไม่สบอารมณ์ “คุณไม่กลัวเหนื่อยตายก็ไปสิ ไม่มีใครห้าม
คุณสักหน่อย!”

พี่สามจ้าวไม่ได้สนใจพี่สะใภ้สามจ้าว ทว่าภายในใจกลับคิดถึง
ฟาร์มกระต่ายของจ้าวเหวินเทา ตอนนี้ในบ้านของจ้าวเหวินเทา
ติดตั้งโทรศัพท์แล้ว เขาจึงรี บไปดู

โทรศัพท์เป็ นเรื่ องที่ หาได้ยากภายในชนบท อย่ามองว่าในทีม


ใหญ่มีโทรศัพท์หนึ่ งเครื่ อง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็ นของทีมใหญ่
เป็ นของสาธารณะ ของสาธารณะมีอะไรก็เป็ นเรื่ องปกติ แต่
การที่ ใครมี ของสาธารณะอยู่ในครอบครองไม่ ใช่ เ รื่ อ งปกติ
ดังนั้นทุกคนทางานเสร็จก็แวะมาดู
“โทรศัพท์เครื่ องนี้ใหม่กว่าในทีมใหญ่อีกนะ!”

“คาพูดของเธอไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ ก็นี่มนั เครื่ องใหม่นี่!”

“โทรศัพ ท์เ ครื่ อ งนี้ ไม่ เ หมื อนกับ ที่ ทีม ใหญ่ เ ลยนะ ไม่ มี จ าน
หมุนด้วย จะหมุนเลขยังไงเนี่ ย ?” คนที่เคยใช้โทรศัพท์ในทีม
ใหญ่แสดงความคิดเห็นของตนเอง

“นี่เป็ นแบบกด เธอเห็นเลขที่อยูด่ า้ นบนไหม?”

“โทรศัพท์เครื่ องนี้ตอ้ งจ่ายเงินด้วยใช่ไหม?”

“ถึงไม่โทรก็ยงั ต้องเสี ยเงิน”

“ติ ด ตั้ งของแบบนี้ ไม่ ว่ า จะใช้ ห รื อไม่ ใ ช้ ก็ ต ้ อ งจ่ า ยเงิ น


จ้าวเหวินเทามีเงินจนฟุ่ มเฟื อยแล้วนะ”

“เขายินดีที่จะจ่าย!”
ทุกคนพูดออกมาหมด มีท้ งั อิจฉา ริ ษยา เกลียดชัง แต่ที่มากกว่า
คือพูดประจบประแจง พวกเขาพูดถึงจ้าวเหวินเทาในแง่ดี เย่ฉู
ฉู่ ได้ยินก็ทาแค่เพียงแย้มยิม้ เมื่อเห็นพี่สามจ้าวมา เธอจึงเรี ยก
ให้เข้ามาในบ้าน

โทรศัพท์ถูกติดตั้งไว้บนตูข้ า้ ง ๆ เตียงในห้องด้านตะวันออก
เวลาโทรศัพท์และรับสายจึงสะดวกมาก เอี่ยวตัวไปทางนั้นก็
สามารถถือโทรศัพท์และพูดคุยได้แล้ว

พี่สามจ้าวลูบโทรศัพท์อย่างระมัดระวังและถามเย่ฉูฉู่ว่าติดตั้ง
โทรศัพ ท์ใ ช้เ งิ น เท่ า ไร แต่ ล ะเดื อ นต้อ งจ่ า ยเงิ น เท่ า ไร ค่ า
โทรศัพท์เวลาโทรจ่ายเท่าไร เมื่อได้ยนิ คาตอบของเย่ฉูฉู่ พี่สาม
จ้าวก็ดึงมือกลับไป แอบราพึงในใจ ของแบบนี้ คือบรรพบุรุษ
เลยล่ะ บรรพบุรุษที่ตอ้ งใช้เงินเพื่อบูชากราบไหว้

“จ่ายเงินมากขนาดนี้ คืนทุนได้เหรอของแบบนี้ ?” พี่สามจ้าว


ถาม
เย่ฉูฉู่ไม่รู้วา่ ควรพูดอย่างไร “ติดตั้งไว้เพื่อความสะดวกน่ะค่ะ”

พี่สามจ้าวไม่สามารถเข้าใจได้ เป็ นเพราะความสะดวกสบายจึง


ยอมจ่ายเงินเพื่อเชิ ญบรรพบุรุษกลับมา ไม่รู้ว่าจ้าวเหวินเทามี
เงินไว้เผาหรื ออะไรกันแน่

“พี่สาม พี่มีธุระเหรอคะ? เหวินเทากลับมาตอนค่านะ” เย่ฉูฉู่


กล่าว

พี่ ส ามจ้า วกล่ า ว “ไม่ มี อ ะไรหรอก ได้ยิน ว่ า พวกเธอติ ด ตั้ง


โทรศัพท์แล้ว ก็เลยแวะมาดู” แม้วา่ จะพูดแบบนี้แต่กย็ งั ไม่ยอม
กลับ

เย่ฉูฉู่จึงริ นน้ าชาให้เขา ระหว่างที่กล่อมเสี่ ยวไป๋ หยางก็คุยกับพี่


สามจ้าวเกี่ยวกับเรื่ องธุรกิจเต้าหูไ้ ปด้วย
“ช่ วงนี้ อากาศร้อนขึ้นเรื่ อย ๆ เลย พี่รองกับพี่สี่ของเธอก็น่าจะ
เตรี ยมตัวลงไปทานากันแล้ว คงไม่ มีเวลามาทา” พี่สามจ้าว
ระบายความคับอกคับใจออกมา

“พี่สาม พี่กห็ าคนมาช่วยพี่ทาสักสองสามคนสิ คะ พี่รองกับพี่สี่


มี ที่ ดิ น เยอะมากเลยนะ พวกเขาท าไม่ ทัน หรอก” เย่ฉู ฉู่ อ อก
ความเห็น

พี่สามจ้าว “เฮ้อ เต้าหู ้น้ ี เก็บไว้ไม่ได้ พอถึงหน้าร้อนขนไปถึง


อาเภอก็เสี ยหมดแล้ว”

เย่ฉูฉู่เองก็ไม่มีวธิ ี ต่อให้ในหมู่บา้ นมีคนซื้อเต้าหู ้ แต่กน็ อ้ ยมาก


ชีวติ ของทุกคนไม่ได้ดีขนาดนั้น

พี่สามจ้าวพู ดเรื่ องนู ้นเรื่ องนี่ อยู่ครู่ หนึ่ ง จู่ ๆ ก็พูดว่า “ฟาร์ ม
กระต่ายของเจ้าหกตัดสิ นใจว่าจะจ้างคนกี่คนเหรอ?”
“คะ? จ้า งกี่ ค นเหรอคะ?” เย่ฉู ฉู่ ช ะงัก ครู่ ห นึ่ ง ก่ อ นจะได้ส ติ
กลับมา “ดูเหมือนว่าจะสิ บกว่าคนนะคะ”

“มีกระต่ายถึงหนึ่งพันตัวหรื อเปล่า? ถ้ามีมากถึงพันตัวก็ตอ้ งใช้


คนสิ บกว่าคนนัน่ แหละ คนน้อย ๆ คงทาไม่ทนั แน่นอน”

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ปี ที่แล้วบอกว่าจัดการไปหนึ่ งชุ ด


ส่ วนที่เหลือชุ ดนี้ ไม่รู้ว่าเพาะพันธุ์ออกมาได้กี่ตวั ” เย่ฉูฉู่กล่าว
เคล้ารอยยิ้ม “พี่สาม พี่อยากมาทางานที่ ฟาร์ มกระต่ ายเหรอ
คะ?”

พี่ ส ามจ้า วรี บ พู ด “ฉัน ไม่ ไ ปหรอก มี ที่ ดิ น ในบ้า น ไหนจะ


กระต่ า ยก็ท าให้ฉัน กับ พี่ ส ะใภ้ส ามเธอยุ่ง ทั้ง วัน แล้ว ฟาร์ ม
กระต่ายฉันว่าคงต้องดูแลอีกนานเลย”

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ใช่ค่ะ ฟาร์มกระต่ายต้องมีคนอยูเ่ ฝ้าตลอด”


“แล้วคนที่จา้ งมาเป็ นคนในหมู่บา้ นเราไหม?” พี่สามจ้าวถาม
ต่อ

เย่ฉูฉู่ไม่รู้ว่าพี่สามจ้าวหมายความว่าอย่างไร จึงพูดไปตามน้ า
ว่า “เหวินเทาบอกว่าทางที่ดีที่สุดคือจ้างคนในหมู่บา้ นตัวเอง
แต่ ถ ้า หาคนในหมู่ บ้า นไม่ ไ ด้ก็ค งท าได้แ ค่ จ ้า งคนที่ อ ยู่น อก
หมู่บา้ นนัน่ แหละค่ะ”

“ทางานอยูใ่ นฟาร์มกระต่ายนาน ๆ จะกินข้าวกินปลายังไงล่ะ?


ทากินเอง หรื อว่าจ้างคนมาทาให้?” พี่สามจ้าวกล่าว

เย่ฉูฉู่คิดไม่ถึงเลยว่าพี่สามจ้าวจะถามละเอียดขนาดนี้ “เรื่ องนี้


ฉันยังไม่รู้เลยค่ะ ถ้ามีคนนอกหมู่บา้ นมา ก็ตอ้ งดูแลเรื่ องอาหาร
การกินให้ดว้ ย คงจ้างคนในหมู่บา้ นมาทาอาหารให้ คิดว่าน่าจะ
ได้นะ รอให้เหวินเทากลับมาฉันจะลองถามเขาดู”

พี่สามจ้าวกล่าว “งั้นเธอช่วยถามเขาให้ดว้ ยนะ ถ้าเขาคิดจะจ้าง


คนทาอาหาร จะซื้อเต้าหูฉ้ นั ก็มีเพียงพอนะ”
เย่ฉูฉู่เข้าใจแล้ว ที่แท้พี่สามจ้าวก็มาที่นี่เพื่อขายเต้าหู ้ให้ฟาร์ ม
กระต่ายนี่ เอง อย่าพูดถึงเลย ความคิดนี้ ไม่เลวเลยจริ ง ๆ เมื่อ
เทียบกับอาเภอแล้ว ฟาร์ มกระต่ายอยู่ใกล้กว่า คนสิ บกว่าคน
รับประทานอาหาร หนึ่งวันรับประทานเต้าหู ห้ นึ่งมื้อ ก็บริ โภค
ไม่น้อย ทั้งยังมีความเสถียรภาพและบริ โภคในระยะยาวด้วย
เต้าหูข้ องพี่สามจ้าวสามารถทาได้ท้ งั ปี เลย

ไม่แปลกใจที่สามีของเธอพูดว่า หากพูดถึงเรื่ องทาธุรกิจ พี่สาม


จ้าวก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเขาเลย และมันก็เป็ นเช่นนี้จริ ง ๆ

“ได้ค่ะ พี่สาม รอเหวินเทากลับมาฉันจะถามเขาให้นะคะ” เย่ฉูฉู่


กล่ า วเคล้า รอยยิ้ม “พี่ ส าม พี่ ก็ทามาค้า ขายเก่ ง เหมื อ นกันนะ
คะเนี่ย”

พี่สามจ้าวยิม้ “ฉันสู ้เจ้าหกไม่ได้หรอก ก็หาเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ


นัน่ แหละ นี่ถา้ ฟาร์มกระต่ายของเขาอยากได้เต้าหู ข้ องฉัน ฉัน
ว่าจะเก็บเงินสักนิดเอาไปซื้ อรถที่ใช้น้ ามันเชื้อเพลิงสักคัน ต่อ
ให้ล่อวิ่งเร็ วกว่านี้ ก็สู้รถที่ใช้น้ ามันเชื้อเพลิงไม่ได้อยูด่ ี แถมยัง
เสี ยเวลาเกินไปด้วย!”

“พี่สาม เต้าหู ้ที่พี่ทาอร่ อยขนาดนั้น ต้องซื้ อรถเล็ก ๆ นี้ ได้อยู่


แล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ก็ตอ้ งดูแล้วล่ะว่าเจ้าหกจะอยากได้เต้าหู ้ของฉันไหม” พี่สาม


จ้าวกล่าว “ถ้าเขาไม่อยากได้ ฉันก็คงต้องพึ่งพาการขายเล็ก ๆ
น้อย ๆ ช่วงฤดูหนาว คงต้องใช้เวลาหลายปี กว่าจะซื้อได้”

พูดจบ พี่สามจ้าวก็กลับไป

หลังจากพี่สามจ้าวกลับไป เฮ่ อซงจือก็มาหา ไม่ตอ้ งพูดก็รู้ว่า


หล่อนมาดูโทรศัพท์เช่นกัน

“โทรศัพ ท์ สีแดงเครื่ องนี้ วางไว้ต รงนี้ ก็ ดู ส วยพิ ลึ ก ดี น ะ”


เฮ่อซงจือกล่าว

เย่ฉูฉู่กล่าว “ถึงเวลานั้นเธอก็ติดตั้งสักเครื่ องสิ ”


“ฉัน จะติ ด ตั้ง โทรศัพ ท์ไ ปท าไม ฉัน ไม่ มี ใ ครให้โ ทรหาสั ก
หน่อย ไม่เหมือนเธอหรอก ยังมีพี่สะใภ้สามให้โทรหา” เฮ่อซ
งจือหยุดเห่ อโทรศัพท์แล้ว จึงพูดถึงเรื่ องอื่น “พี่สามีสามของ
เธอมาทาอะไรเหรอ?”

เย่ฉูฉู่จึงเล่าเรื่ องที่พี่สามมาที่นี่ให้หล่อนฟังอย่างไม่ปิดบัง

เฮ่อซงจือถึงกับเดาะลิน้ “พี่สามีสามของเธอนี่ช่างคิดจริ ง ๆ เลย


นะ ฟาร์ มกระต่ายของเธอยังไม่ทนั ได้สร้างเลย เขาก็คิดจะหา
เงินจากเธอแล้ว!”

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “ทาการค้าขายก็เป็ นแบบนี้ท้ งั นั้นไม่ใช่


เหรอ”

เฮ่อซงจือ “ไม่รู้ทาไมฉันถึงทนดูคนแบบนี้ไม่ได้กไ็ ม่รู้ ไม่วา่ จะ


คิดยังไงก็ดูเป็ นพวกวางมาด”
“สมกับที่ เป็ นภรรยาของครู ใช้คาศัพท์ได้คล่องเชี ยว” เย่ฉูฉู่
หยอกล้อ

เฮ่อซงจือตีเย่ฉูฉู่หนึ่งที “ฉูฉู่ เธอเรี ยนรู ้เรื่ องไม่ดีมาจากเหวินเทา


จริ ง ๆ แล้วนะ! ก่อนหน้านี้เธอไม่เห็นจะพูดจาแบบนี้เลย!”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “ก่อนหน้านี้ฉนั ก็เป็ นแบบนี้แหละ เธอแค่ไม่รู้สึกก็แค่


นั้นเอง”

ทั้งสองคนพูดคุยด้วยรอยยิม้ ครู่ หนึ่ง เฮ่อซงจือจึงกล่าวว่า “แล้ว


เธอตอบตกลงเขาแล้วเหรอ?”

“เรื่ องนี้ ฉันจะตอบตกลงได้ยงั ไงล่ะ รอเหวินเทากลับมาค่ อย


ถามความเห็นจากเขานัน่ แหละ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฟาร์ มกระต่าย
ของเขาจะทาอาหารให้พนักงานหรื อเปล่า”

“ต้อ งท าอยู่ แ ล้ว แหละ” เฮ่ อ ซงจื อ กล่ า ว “เหวิ น จื้ อ บอกว่ า
กระต่ ายเยอะขนาดนั้น ถ้าไม่ มีคนเฝ้ าสัก สามสี่ คนคงไม่ ไ ด้
แถมยังเป็ นผูช้ ายทั้งหมดอี ก อย่ามองว่าพวกเขารั บประทาน
อาหารสามมื้อ นี่ ถา้ ให้พวกเขาทาอาหารเองสามมื้อต่อวัน ใช้
เวลาไม่กี่วนั คงได้เป็ นบ้าพอดี!”

เย่ฉูฉู่ถูกคาพูดของอีกฝ่ ายหยอกจนหลุดขา

“เธออย่ามาหัวเราะ ที่ฉันพูดคือเรื่ องจริ งนะ” เฮ่ อซงจือกล่าว


“เธออย่าได้ดูถูกงานที่อยูใ่ นบ้านเชียว มันไม่ได้ง่ายไปกว่าการ
ลงไปทานาเลย งานในนายังมีเวลาว่างให้ได้พกั บ้าง แต่งานใน
บ้านนี่ ไม่ มีเลยนะ ทั้งกิ นทั้งดื่ มไหนจะขับถ่ า ยทุ กวันอี ก น่ า
ราคาญจะตายไป!”
ตอนที่ 266 โทรศัพท์

“เธอเป็ นอะไรอีกแล้วเนี่ ย?” เย่ฉูฉู่มองสี หน้าของหล่อนพลาง


เอ่ยถาม “บ่นมากขนาดนี้เลย?”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ ซักเสื้ อผ้าตอนเช้า เหนื่อยจนปวดเอว


ปวดหลังไปหมด ลูกก็ยงั อึใส่ กางเกงผ้าฝ้ ายอีก ฉันก็เลยต้อง
ถอดไปซัก พอฉันคิดว่าชี วิตยังต้องเป็ นแบบนี้ ไปอี กหลายปี
ฉันก็แอบรู ้สึกทนไม่ไหวแล้ว” เฮ่อซงจือพูดพลางเอนตัวลงบน
เตียง “เห็นชีวติ เธอดีขนาดนี้ ฉันล่ะอิจฉาเธอจริ ง ๆ เลย!”

เย่ฉู ฉู่ ก ล่ า ว “เธอก็ล องสอนให้ลู ก ขับ ถ่ า ยให้เ ป็ นที่ ดู สิ เด็ ก


เรี ยนรู ้เร็ วจะตาย แรก ๆ ก็อาจจะเหนื่ อยหน่ อย รอลูกคุ น้ ชิ น
เมื่อไรก็ดีข้ ึนเอง เธอก็หมดห่วงด้วย”
เฮ่ อซงจือมองเสี่ ยวไป๋ หยางที่เล่นอยู่ขา้ ง ๆ พลางถอนหายใจ
“ฉู ฉู่ ฉันไม่รู้ว่าเธอทาได้ยงั ไง เด็กตัวแค่น้ ี ไม่ตอ้ งซักผ้าอ้อม
แล้ว”

“ฉันเองก็พูดซ้ าแล้วซ้ าเล่ าเหมื อนกัน สอนเป็ นเดื อนกว่าจะ


ค่อย ๆ เรี ยนรู ้ แต่กไ็ ม่ใช่วา่ ไม่ตอ้ งซักผ้าอ้อมเลย เพราะบางครั้ง
เขาเองก็ลืมเหมือนกัน บางทีกฉ็ ี่ อึใส่ ผา้ อยู่ เรื่ องนี้เธอต้องจับตา
มองสักหน่ อย” เย่ฉูฉู่เห็นเสี่ ยวไป๋ หยางเอานิ้วมือแหย่เข้าปาก
เธอก็รีบดึงมือออกมาและพูดว่า “ไม่เอามือเข้าปากนะครับ มัน
สกปรก”

เสี่ ยวไป๋ หยางยิม้ เผล่ขณะแกว่งแขนเล็ก ๆ และยังคงเอามือเข้า


ปาก เย่ฉูฉู่จึงพูดซ้ าอีกรอบ

เฮ่ อซงจื อเห็ นก็ประหลาดใจ “ฉู ฉู่ เธอมี ความอดทนมากเลย


นะ”
เย่ฉูฉู่ยมิ้ อย่างขมขื่น “ความอดทนของฉันก็มาจากการเลี้ยงลูก
นี่แหละ”

ตั้งท้องมาสิ บเดือน ไม่ว่าอะไรก็ลาบากไปหมด จึงต้องมีความ


อดทน พอคลอดก็ทุกข์ทรมาน ก็ตอ้ งอาศัยความอดทน เลี้ยง
ลู ก กิ น ดื่ ม ขับถ่ าย นอนหลับ ก็ตอ้ งอยู่ดูแลยี่สิบสี่ ชั่วโมง ก็
ต้องอาศัยความอดทนเช่ นกัน นี่ ยงั ไม่ จบแค่ น้ ี อี กหลาย ๆ ปี
ต่อไปก็ยงั ต้องอดทน อดทน และอดทนต่อไปอย่างไม่สิ้นสุ ด

มีเพียงประโยคเดี ยวที่ว่า ความอดทนของคนเป็ นแม่เกิดจาก


การค่อย ๆ ขัดเกลาออกมาเช่นนี้

เฮ่อซงจือเงียบขรึ มลง

เย่ฉู ฉู่ ยื่น มื อ ออกไปผลัก อี ก ฝ่ ายแล้ว พู ด ด้ว ยรอยยิ้ม ว่ า “จะ


จริ งจังขนาดนั้นไปทาไมเนี่ ย ต่อให้ไม่มีลูกเธอก็นอนอยู่บน
เตียงทั้งวันไม่ได้อยู่ดี ยังไงเธอก็ยงั ต้องใช้ชีวิตเหมือนกันนัน่
แหละ”
เฮ่อซงจือดูผ่อนคลายลงขณะพูด “เธอไม่พูดฉันก็ลืมไปแล้วว่า
ชีวติ มันไม่ง่าย เธอว่าพวกเราผ่านมาได้ยงั ไงกันนะ?”

“เธอควรพูดว่าแม่ของพวกเราผ่านมาได้ยงั ไงมากกว่า แม่ของ


ฉันคลอดลูกสี่ คน แม่สามีฉันมีลูกหกคน ไหนจะพวกพี่สะใภ้
ของฉันเหล่านั้น ก็มีลูกน้อยสุ ดคือสองคน ควรใช้ชีวิตยังไงก็
ใช้แบบนั้นแหละ อย่าคิดมากก็พอ ถ้าเธอยังคิดก็ไม่มีทางที่จะ
ใช้ชีวติ ได้” เย่ฉูฉู่พูดอย่างสงบจิตสงบใจ

เฮ่ อซงจือส่ ายหน้า “ฉันไม่อยากมีลูกเพิ่มแล้วจริ ง ๆ! แต่ ก็คง


ไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ฉันก็ตอ้ งมีลูกชายสักคน ฉู ฉู่เธอล่ะ ยังจะมี
ลูกเพิ่มไหม?”

“ยังไม่ได้คิดเรื่ องพวกนั้นเลย รอให้ลูกคนนี้โตก่อนค่อยว่ากัน”


เย่ฉูฉู่กล่าวขณะแก้นิสัยไม่ให้ลูกเอานิ้วมือแหย่เข้าปาก

“ฉันคลอดลู กชายให้ตระกูลจ้าวเพิ่มอี กคนฉันก็จะไม่ คลอด


แล้ว” เฮ่อซงจือกล่าว
เย่ฉูฉู่กลอกตามองใส่ อีกฝ่ าย “อะไรคือคลอดลูกให้ตระกูลจ้าว
เธอคลอดให้ตวั เองต่างหากล่ะ คลอดให้พวกเธอเองสองคน
อย่างน้อย ๆ ลูกก็เป็ นลูกของพวกเธอนะ ไม่ได้เกี่ยวกับตระกูล
จ้าวมากมายอะไร”

เย่ฉูฉู่ไม่ได้เห็นความสาคัญกับตระกูลมากขนาดนั้น จ้าวเหวินเทา
ก็ไ ม่ ใ ช่ ค นหัว โบราณอะไร ดัง นั้น พวกเขาทั้ง สองคนจึ ง คิ ด ว่า
คลอดลูกก็เพื่อตัวเอง ไม่ได้คลอดมาเพื่อตระกูลหรื อเพื่อสื บสกุล
อะไร

แต่เฮ่อซงจือเป็ นคนยึดติดกับขนบธรรมเนียมมาก หล่อนคิดว่า


จะคลอดลู กชายหรื อ ลู ก สาวก็เพื่ อตระกูลของฝั่ งสามี ไม่ ได้
เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองเท่าไรนัก เมื่อได้ยนิ คาพูดของเย่ฉูฉู่ ก็
รู ้ สึ ก ว่ า เหมื อ นจะเป็ นอย่ า งที่ พู ด จริง ๆ ลู ก ที่ ห ล่ อ นคลอด
ออกมาจะไม่เกี่ยวกับตัวเองได้อย่างไรกัน แล้วเกี่ยวอะไรกับ
การไม่มีลูกล่ะ?
เรื่ องนี้ ทาให้หล่อนแอบสับสน เพียงแต่หล่อนไม่อยากจะคิด
ให้ลึกไปกว่านี้ แล้ว จึงคุยกับเย่ฉูฉู่เรื่ องอื่น เมื่อถึงเวลาแล้วจึง
กลับไปให้นมลูก

ในที่ สุดเย่ฉูฉู่ก็มีเวลาว่าง เธอกล่ อมเสี่ ยวป๋ ายหยางไปพลาง


โทรศัพท์หาคนที่เมืองหลวงไปพลาง

นี่ เ ป็ นครั้ งแรกที่ เ ธอใช้โ ทรศัพ ท์ จึ ง ถื อ โทรศัพ ท์ด้ว ยความ


ประหม่ า ส่ ว นมื อ อี ก ข้า งก็ก ดปุ่ มตัว เลขตัว แล้ว ตัว เล่ า อย่า ง
ระมัดระวัง หลังจากรอสาย เธอก็ได้ยนิ เสี ยง ‘ตื้ด ๆๆ’ จากหูฟัง
ทางฝั่งนั้น ใจของเธอเต้นเร็วจนแทบจะหลุดออกมาอยูแ่ ล้ว

“สวัสดีครับ ใครครับ?”

หู ฟังจากทางฝั่งนั้นมีเสี ยงผูช้ ายดังขึ้น เย่ฉูฉู่ตกตะลึงอยูค่ รู่ หนึ่ง


จึงพูดว่า “ฉัน…ฉันขอคุยกับพี่โจวหมิ่นค่ะ”
เสี ยงของทางฝั่งนั้นเงียบไป 3-4 วินาที ผูช้ ายคนนั้นพูดหยัง่ เชิง
“คุณคือใครครับ?”

“ฉันเป็ นน้องสาวสามี ของหล่ อนค่ ะ หล่ อนเป็ นพี่สะใภ้สาม


ของฉัน…”

เย่ฉู ฉู่ ย งั พู ด ไม่ ทัน จบประโยค ผู ช้ ายคนนั้น ก็พู ด ด้ว ยความ


ตื่นเต้น “ฉูฉู่ นี่เธอเหรอ? ฉูฉู่เหรอ?”

“หา? คุณคือใครคะ?” เย่ฉูฉู่ตกตะลึง

“ฉันคือพี่สามของเธอไง เธอจาเสี ยงพี่ไม่ได้เหรอ?” เย่หมิงเป่ ย


ที่อยูป่ ลายสายพูดอย่างจนปัญญา

เย่ฉูฉู่แทบจะดีดตัวลอย “พี่สาม! พี่สาม พี่เองเหรอ ฉันจาเสี ยง


พี่ไม่ได้เลย ทาไมพี่คุยไม่เหมือนตอนที่อยูท่ ี่บา้ นเลย?”

เย่ห มิ ง เป่ ยกล่ า วด้ว ยรอยยิ้ม “เสี ย งในโทรศัพ ท์บ างที ก็ ไ ม่


เหมือนกับตัวจริ ง นี่ เธอโทรศัพท์จากที่ไหนเนี่ ย ทีมใหญ่ของ
พวกเธอเหรอ แล้วลูกล่ะ จ้าวเหวินเทาล่ะ? ตอนนี้อากาศหนาว
ขนาดนั้น ไม่ใช่วา่ เธออุม้ กระเตงลูกออกมาหรอกนะ?”

การพูดพล่ามของเย่หมิงเป่ ยทาให้เย่ฉูฉู่รู้สึกได้ถึงพี่ชายที่ เธอ


คุน้ เคยคนนั้น จึงสบายใจขึ้นขณะกล่าวเคล้ารอยยิม้ ว่า “พี่สาม
ฉันโทรศัพท์อยู่ในบ้านนี่ แหละค่ะ ที่บา้ นฉันติดตั้งโทรศัพท์
แล้ว เพิ่งติดตั้งวันนี้ เลย เหวินเทาขับรถออกไปข้างนอกแล้ว
ตอนนี้ฉนั กาลังนัง่ คุยโทรศัพท์กบั พี่อยูบ่ นเตียง เสี่ ยวไป๋ หยางก็
กาลังนอนอยูข่ า้ ง ๆ ฉัน”

เย่หมิงเป่ ยแอบแปลกใจ “พวกเธอติดตั้งโทรศัพท์แล้ว เหวินเทา


นี่ กล้าจริ ง ๆ นะ แค่แป๊ บเดี ยวก็ติดตั้งโทรศัพท์แล้ว! จริ งสิ เธอ
วางสายก่อน เดี๋ยวพี่โทรไปหาเอง โทรทางไกลค่าโทรแพงมาก
นะ”

เย่ฉูฉู่กลับไม่ ได้เก็บมาใส่ ใจ “พี่สาม คุ ยไม่ กี่ประโยคจะสั ก


เท่ าไรกันเชี ยว ฉันได้เงิ นส่ วนนั้นมายังไม่ พอจ่ ายค่ าโทรอี ก
เหรอ? อย่าเสี ยเวลาเลย พวกเราคุยแบบนี้สักหน่อยเถอะ แม่ล่ะ
พี่สะใภ้สามล่ะ?”

น้ าเสี ยงแบบคนมีเงินทองของน้องสาวทาให้เย่หมิงเป่ ยถึงกับ


จนปั ญญา จึงทาได้เพียงแค่พูดต่อไปว่า “เธอโทรเข้ามาที่เบอร์
โรงงาน พี่สะใภ้สามของเธอกลับไปให้นมลูกแล้ว ตอนนี้แม่ก็
น่ าจะไปตลาดแล้วด้วย ฉันให้เบอร์ โทรกับเหวินเทาไปสอง
เบอร์ อีกเบอร์หนึ่งถึงจะเป็ นเบอร์ที่พกั ของพวกเรา”

เย่ฉูฉู่ไม่ทนั ได้สังเกต ครั้งแรกที่โทรศัพท์นางตื่นเต้นเกินไป


หน่อย จึงกดโทรเบอร์แรกสุ ด

“งั้นพวกเราคุ ยกันก่อนเถอะค่ะ ตอนค่าเหวินเทากลับมาค่อย


โทรไปที่ บา้ นพี่ ” เย่ฉูฉู่ราวกับเด็ก ที่ ได้ของเล่ น นางพูดด้วย
ความตื่นเต้น

เย่หมิงเป่ ยฟั งออกว่าน้องสาวรู ้สึกอย่างไร จึงกล่าวเคล้ารอยยิม้


ว่า “โทรศัพท์ครั้งแรกสิ นะ รู ้สึกสนุกมากเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ ไกลกันขนาดนี้ แต่ยงั ได้ยินเสี ยงพี่สาม สุ ดยอดจริ ง ๆ!”
เย่ฉูฉู่แย้มยิม้

“แต่นี่ก็ตอ้ งใช้เงินนะ เธออย่าจ่ายเงินเยอะจนถูกเหวินเทาบ่น


ล่ะ” เย่หมิงเป่ ยหยอกน้องสาว

เย่ฉูฉู่ส่งเสี ยงหึ “เขากล้าบ่นฉันเหรอ เขาใช้เงินเยอะกว่าใคร ๆ


เลย อีกอย่าง ฉันก็จ่ายเงินที่ฉันหามาได้ จะจ่ายเท่าไรก็ไม่ได้
เกี่ยวอะไรกับเขา!”

เย่หมิ งเป่ ยเปล่ งเสี ยงอุ ทาน “คาพูดคาจาของเธอนับวันก็เริ่ ม


เหมือนพี่สะใภ้สามเธอมากขึ้นเรื่ อย ๆ แล้วนะ”

“บนจดหมายพี่สะใภ้สามบอกไว้แล้วว่า ถ้ามีรายได้เยอะถึงจะ
มีสิทธิ์มีเสี ยง ในบ้านก็เหมือนกัน ตอนนี้ฉนั เป็ นใหญ่!”
เย่หมิงเป่ ยขาจนไม่ไหวแล้ว “ฉู ฉู่ เธอพูดแบบนี้ ไร้มโนธรรม
เกิ น ไปแล้ว นะ ตอนที่ เ ธอยัง หาเงิ น ไม่ ไ ด้เ หวิน เทาก็ฟั ง เธอ
ไม่ใช่เหรอ?”

เย่ฉูฉู่หัวเราะ “พี่รู้แล้วยังจะพูดอีก พี่สาม พี่อยู่ทางนั้นสบายดี


ไหมคะ? แต่ละวันทาอะไรบ้างเหรอ? แม่สบายดีหรื อเปล่า?”

หลังจากเย่หมิงเป่ ยพูดให้เธอฟั งเกี่ยวกับงานของตนเอง จึงพูด


ถึ ง คุ ณ แม่ เ ย่ “แม่ ส บายดี แม่ สุ ด ยอดมากเลยนะ ซื้ อ ข้า วซื้ อ
กับข้าว ชาระค่าสาธารณู ปโภค เดิ นห้าง นั่งรถสาธารณะ พา
หลานไปฉี ดวัคซี น แม่หาเจอหมดเลย ทาเป็ นทุกอย่าง พอถึง
เวลาพวกเราแค่จ่ายเงินก็ไม่ตอ้ งทาอะไรสักอย่าง หมดห่ วงเลย
พี่กบั พี่สะใภ้สามของเธอวางแผนไว้ว่า รอผ่านสักช่วงหนึ่งเรา
จะซื้อบ้านที่นี่ แล้วจะไปรับพ่อมาอยูด่ ว้ ย”
ตอนที่ 267 คลีค่ ลำย

“ซื้ อบ้าน!” เย่ฉูฉู่จบั ประเด็นสาคัญ “พี่สาม พวกพี่จะซื้ อบ้าน


กันแล้ว ซื้ อแบบเป็นคอนโดเหรอ? แค่แป๊ บเดียวก็ซ้ื อคอนโด
แล้ว?”

เย่หมิงเป่ ยกล่าว “ไม่ซ้ื อไม่ได้หรอก อีกสองปี ลูกก็จะเข้าเรี ยน


แล้ว ยัง ไม่ มี ที่ อ ยู่เ ป็ นหลัก เป็ นแหล่ ง เวลาเข้า เรี ย นก็ลาบาก
ไหนจะทะเบียนบ้านอีก ตอนนี้ พี่สะใภ้สามของเธอก็ยงั เรี ยน
อยู่ ยังไม่ได้มีชื่อลงในทะเบียนบ้านเลย ทะเบียนบ้านของฉันก็
อยู่ที่ บ้า นฝั่ ง นู ้น ซื้ อ บ้า นก็เ พื่ อ ให้ลู ก มี ชื่ อ ในทะเบี ย นบ้า นนี่
แหละ”

“พี่สาม ทาทะเบียนบ้านให้ลูกยุ่งยากไหมคะ? ถ้าพี่ตอ้ งการใช้


เงิน เดี๋ยวฉันเอาเงินไม่กี่หมื่นนั้นส่ งไปให้พี่ก็ได้นะ” เย่ฉูฉู่รีบ
กล่าว
“ไม่ตอ้ ง เงินส่ วนนั้นเธอเก็บไว้เถอะ ฟาร์มกระต่ายที่เหวินเทา
สร้างขึ้นมาคงต้องใช้เงินจานวนมาก จาเป็ นต้องใช้เงินมากกว่า
พวกเราอีก ส่ วนทะเบียนบ้านของลูกค่อยดูอีกที ดูเหมือนว่าจะ
ดูเป็ นกรณี ไป แต่กค็ งขึ้นทะเบียนไม่ง่ายเหมือนกัน” เย่หมิงเป่ ย
พูดถึงสถานการณ์ทางฝั่งนั้น

เย่ฉูฉู่ได้ฟังก็รู้สึกว่าซับซ้อนมาก “สมเป็ นเมืองหลวงจริ ง ๆ ไม่


เหมือนกับทางฝั่งนี้ของพวกเราเลย”

“ก็ใช่น่ะสิ ที่นี่มีกฎเยอะเป็ นพิเศษเลย” เย่หมิงเป่ ยกล่าว

“พี่ ส าม พวกพี่ ต ัด สิ น ใจว่า จะลงหลัก ปั ก ฐานที่ นั่น เลยเหรอ


คะ?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยความรู ้สึกหวิว ๆ อยูใ่ นใจ

“ก็ตอ้ งลงหลักปั กฐานอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เงื่อนไขของทางนี้ ดีกว่า


บ้านเราอีก ฉู ฉู่ พี่สะใภ้สามของเธอบอกว่ารอผ่านสองสามปี นี้
ไปแล้วจะให้พวกเธอมาอยูด่ ว้ ยกัน”
“เรื่ องนี้ค่อยว่ากันเถอะค่ะ แล้วแม่ล่ะ แม่ยอมอยูท่ ี่นนั่ ไหมคะ?”
เย่ฉูฉู่ถาม

“แม่ชอบที่นี่มาก บอกว่าคึกคักดี แม่เก่งกว่าพี่อีกนะ ปรับตัวได้


เร็ วมาก เอาล่ะ ฉู ฉู่ นี่กค็ ุยนานแล้ว ตอนค่าหลังจากกลับไปถึง
บ้านเดี๋ยวพี่โทรหานะ”

“ได้ค่ะ พี่สาม งั้นพี่ทางานเถอะ”

หลังจากนั้นสองพี่นอ้ งก็กดวางสายไป

เมื่อวางสาย เย่ฉูฉู่กแ็ อบรู ้สึกหดหู่ เธอยังอยากโทรศัพท์อยู่ แต่


จะโทรหาใครล่ ะ เมื่ อดู เวลาแล้ว ก็พบว่าเป็ นช่ วงเที่ ย งพอดี
พี่สาวใหญ่จา้ วก็น่าจะกาลังยุ่งอยู่กบั มื้อเที่ยง แถมยังอยู่กบั แม่
สามี ด้ว ย จึ ง ไม่ ส ะดวก ส่ ว นพี่ ส าวห้า จ้า วในตอนนี้ ก็น่ า จะ
รั บประทานอาหารอยู่ในโรงงาน ดังนั้นจึ งไม่ มีใครคนอื่นที่
สามารถโทรคุยได้แล้ว
เมื่อมาคิด ๆ ดูอีกครั้ง ถ้าเย่หมิงเป่ ยลงหลักปั กฐานที่เมืองหลวง
หลังจากนี้ อีกไม่ นานพ่อกับแม่ ของเธอก็ตอ้ งตามไปอยู่ด้ว ย
กว่าจะได้เจอหน้าพ่อแม่กค็ งยากมาก เธอจึงรู ้สึกเศร้าอีกครั้ง

แม้จะทราบตั้งแต่ แรกว่าโจวหมิ่ นไม่ มีทางกลับมา ในเมื่ อเย่


หมิงเป่ ยไปเมืองหลวงแล้ว ก็คงไม่กลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลย
ว่าเขาจะไปอยูท่ ี่นนั่ เร็วขนาดนี้

“เสี่ ย วไป๋ หยาง ยายกับ ลุ ง สามของลู ก ไปอยู่เ มื อ งหลวงแล้ว


พวกเราจะไปดีไหมนะ?” เย่ฉูฉู่คุยกับเสี่ ยวไป๋ หยาง

เสี่ ยวไป๋ หยางทาเพียงส่ งเสี ยงอ้อแอ้ ๆ ด้วยรอยยิม้

ลูกลิงนัง่ ยอง ๆ อยูข่ า้ ง ๆ มันกาลังดึงขนของตัวเอง มองดูเย่ฉูฉู่


และส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ

เย่ฉูฉู่ ยื่นมือไปลูบหัวของมัน “ถ้าไปเมืองหลวงแล้ว แกจะทา


ยังไง?”
ลูกลิงร้องเจี๊ยก ๆ อีกสองสามครั้ง จากนั้นก็กม้ หน้าดึงขนของ
ตัวเองต่อ

จ้าวเหวินเทากลับมาถึงในช่วงค่า เขาใช้น้ าอุ่นล้างหน้าล้างมือ


เปลี่ ย นเสื้ อ ผ้า ใหม่ เมื่ อ เห็ น เย่ฉู ฉู่ ดู ไ ม่ มี ความสุ ข จึ ง เอ่ ย ถาม
“ภรรยา เป็ นอะไรเหรอ ใครมาทาให้คุณโกรธ?”

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า “ฉันโทรไปหาพี่สามมา พี่สามบอกว่าจะอยู่ที่


นัน่ เลย แถมยังบอกว่าจะซื้อบ้านด้วย”

จ้า วเหวิ น เทากลับ ไม่ ไ ด้ป ระหลาดใจแม้แ ต่ น้อ ย “คนแบบ


พี่สะใภ้สามจะกลับมาอยู่ที่นี่เหรอ? พี่สะใภ้สามไม่กลับมา พี่
สามของคุ ณก็ไม่กลับมาอยู่แล้ว นี่ เป็ นแค่เรื่ องที่จะเกิดขึ้นช้า
หรื อเร็วก็เท่านั้นแหละ”

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเร็ วขนาดนี้ พี่สามยังบอกด้วยนะ ว่าจะรับ


พ่อของฉันไปอยูด่ ว้ ย”
“แม่ช่วยเลี้ยงหลานอยู่ทางนั้น จะเรี ยกให้พ่อไปอยู่ดว้ ยก็เป็น
เรื่ องปกติ” จ้าวเหวินเทาเอ่ยอย่างนิ่งสงบมาก

เย่ฉูฉู่โกรธจนแทบแย่แล้ว “คุณเอาแต่บอกว่าปกติ! แต่ฉันจะ


ไม่ได้เจอพ่อกับแม่แล้วนะ!”

จ้าวเหวินเทาจึงเข้าใจว่าทาไมภรรยาของเขาถึงโวยวาย จึงรี บ
พูดว่า “ภรรยา ไม่ได้เจออะไรกัน เมืองหลวงอยู่ห่างจากพวก
เราแค่น้ ี เอง อยากไปก็แค่นั่งรถไฟก็ไปได้แล้ว คุ ณอยากอยู่ที่
นัน่ ก็อยูไ่ ด้ตามที่ตอ้ งการเลยนะ!”

“พูดง่ายสิ ถ้าฉันไปแล้ว ใครจะดูแลบ้าน?”

“ก็ยงั มีพ่อกับแม่ไม่ใช่เหรอ? ให้พ่อกับแม่มาช่วยดูให้กไ็ ด้”

“แล้วคุณล่ะ?”

“ผมก็ตอ้ งไปเป็ นเพื่อนคุ ณสิ คุ ณพาลูกไปไม่สะดวก ผมต้อง


ไปเป็ นเพื่อนอยูแ่ ล้ว”
“แล้วคุณไม่ขายของแล้วเหรอ ฟาร์มกระต่ายคุณล่ะ?”

“ค้าขายไม่ มีวนั จบสิ้ นหรอก ฟาร์ มกระต่ ายรอให้สร้ างเสร็ จ


แล้วจ้างคนมาดูแลก็สิ้นเรื่ องแล้ว”

เย่ฉูฉู่มองสามีของเธอและพบว่าอีกฝ่ ายพูดอย่างจริ งจัง จึงรู ้สึก


สบายใจขึ้นมา เธอถอนหายใจเบา ๆ “ไปอะไรกันล่ะ ลูกเล็ก
ขนาดนี้ ทรมานหลายพันลี้ เกิดไม่สบายขึ้นมาจะทายังไง”

จ้าวเหวินเทาจริ งจังจริ ง ๆ หากภรรยาของเขาอยากไปก็ไปได้


ส าหรั บ เขาแล้ว ไม่ ว่ า อะไรก็ไ ม่ ส าคัญ เท่ า กับ ความสุ ข ของ
ภรรยา

“ภรรยา อันที่จริ งมันก็ไม่ใช่ ปัญหาอะไรหรอก ตอนนี้ อากาศ


อบอุ่นขึ้นแล้ว ถ้าคุณคิดถึงแม่ รอฤดูร้อนมาถึง พวกเราไปเยีย่ ม
ท่านก็ได้นะ”
เย่ฉูฉู่แอบใจเต้นแรง แต่ทา้ ยที่สุดก็ส่ายหน้าพูดอย่างมีเหตุผล
“ถ้าเสี่ ยวไป๋ หยางยังเดิ นยังวิ่งไม่ ได้ ที่ ไหนก็ไปไม่ ได้ท้ งั นั้น
แหละ!”

หากไปตอนนี้ ครอบครัวของเย่หมิงเป่ ยก็ยงั เช่าบ้านอยู่ ทั้งยังมี


คุ ณ แม่ จ ้า วและคุ ณ ป้ า ที่ จ ้า งมาช่ ว ยดู แ ล แค่ คิ ด ก็รู้ แ ล้ว ว่า จะ
เบียดเสี ยดขนาดไหน พวกเขาไปก็คงอยูไ่ ด้ไม่นาน ยังไงก็ตอ้ ง
กลับไปอีกครั้ง ลูกยังเด็กขนาดนั้น ทรมานทั้งไปและกลับใน
ระยะเวลาสั้น ๆ จะทนไหวได้อย่างไรกัน

จ้าวเหวินเทาได้ยนิ แบบนี้จึงพยักหน้า “ภรรยา ที่คุณกังวลก็ถูก


นะ ผมวิ่งเข้าเมืองมาปี หนึ่ งแล้ว ได้รู้จกั กับผูค้ นไม่นอ้ ย มีสิบ
ครอบครัวเบียดอยูใ่ นบ้านหลังเดียว บ้านใหญ่เท่ากับของพวก
เรานี่แหละ กินดื่มขับถ่ายร่ วมกันหมด สวรรค์เถอะ ผมไม่อยาก
นึกภาพเลย พี่สามน่าจะดีกว่าหน่อย พวกเขาอยูใ่ นบ้านชั้นเดียว
พื้ น ที่ ก ว้า งขวาง เขาบอกว่า จะซื้ อ บ้า นหลัง ใหญ่ ข นาดไหน
เหรอ? แล้วรั บพ่อของคุ ณไปอยู่ด้วยอี ก ถ้ามี พ้ืนที่ ไม่ ถึง 180
ตารางเมตรคงอยู่ไม่ ได้ห รอก ถ้า กว้า งถึ ง 180 ตารางเมตรก็
น่าจะใช้เงินหลายแสนอยู่ ถึงยังไงนัน่ ก็เมืองหลวง อีกอย่างนะ
ถ้าอยูด่ ว้ ยกันนานวันเข้า จะไม่ทะเลาะกันเหรอ? คุณคิดดูสิ”

จ้าวเหวินเทาพูดแล้วก็หรี่ ตา

เย่ ฉู ฉู่ แ อบร าพึ ง ในใจ ถู ก ต้อ ง คุ ณ แม่ เ ย่ ไ ม่ ใ ช่ ค นที่ มี นิ สั ย


อ่อนแอ โจวหมิ่นดู ๆ ไปแล้วก็เป็ นคนเข้มแข็งมาก อยูด่ ว้ ยกัน
ในบ้านนานวันเข้า จะทาอย่างไร…จู่ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าเรื่ องนี้
ยังไม่เกิดขึ้น เธอทั้งรู ้สึกเคืองและขบขัน จึงใช้ฝ่ามือตบป้าบใส่
สามีไปหนึ่งที “คุณนี่พูดจาเหลวไหลนะ แม่กบั พี่สะใภ้ฉนั ยังดี
ๆ กันอยูเ่ ลย!”

จ้าวเหวินเทาโบกมือพลางเอ่ยยานคาง “ควรมีการวางแผนแต่
เนิ่น ๆ เป็ นไปไม่ได้ที่จะอยูใ่ นสถานการณ์ที่ดีตลอดไป…”

“ไปยกกับข้าวมา!”
“ครับผม!”

หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จ เย่ฉูฉู่กน้ ึกเรื่ องที่พี่จา้ วสามมา


ขายเต้าหู ข้ ้ ึนได้ จ้าวเหวินเทาพูดโดยไม่ตอ้ งคิด “ได้ แต่ตอ้ งยึด
ตามราคาขายส่ งนะ ถ้าเขายินดีกข็ ายได้”

เย่ฉูฉู่จอ้ งมองจ้าวเหวินเทา ผ่านไปนานก็เพิ่งจะพูดขึ้นว่า “พี่


น้องอย่างพวกคุณนี่เป็ นพวกแสดงหาผลกาไรจริ ง ๆ”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “พี่น้องแท้ ๆ ก็ตอ้ งทาบัญชี ให้ชัดเจน!


ผมคิดไว้แล้วว่าจะให้แม่ไปทาอาหารที่ฟาร์มกระต่ายผม ที่ดิน
ของสองคนพ่อทาคนเดียวได้ แต่ถา้ ไม่ไหวค่อยเรี ยกพี่รองกับ
คนอื่น ๆ ไปช่วยเหลือนิด ๆ หน่อย ๆ ได้”

“ฟาร์มกระต่ายของคุณจาเป็ นต้องมีคนทาอาหารจริ ง ๆ เหรอ?”

“จาเป็ นสิ ” จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “ภรรยา คุณคงไม่รู้ ของ


แบบนี้ ถ้า มี ข อบข่ า ยแล้ว จะมาท าแบบขอไปที ไ ม่ ไ ด้แ ล้ว
กระต่ายมากขนาดนั้นต้องใช้หลายคนเพื่อทาความสะอาดรัง
กระต่ า ย คนที่ ผ มจ้า งไว้เ ป็ นพวกเด็ ก หนุ่ ม ทั้ง นั้น พวกเขา
ทาอาหารเป็ นซะที่ไหนกันล่ะ? ทาไม่เป็ นอยูแ่ ล้ว งานหลังบ้าน
จะให้คนอื่นทาผมก็ไม่สบายใจ ให้แม่ทานี่แหละดีที่สุดแล้ว”

“คุณคุยกับแม่หรื อยังคะ?”

“คุยแล้ว แม่บอกว่าทาได้” จ้าวเหวินเทาจึงบอกกับภรรยา “ผม


สร้างบ้านอย่างดีไว้ให้แม่ ด้านหน้าไว้ทาสวนผัก ด้านหลังปลูก
ไม้ผลสักหน่อย แล้วก็ทาห้องอาหารขนาดใหญ่ ตอนกินข้าวก็
ใช้หอ้ งอาหาร กินเสร็จก็ไปพักที่ฝั่งรังกระต่าย”

การจ้างคนนอกจากทาความสะอาดรังกระต่ายแล้ว ช่ วงค่ายัง
ต้องเฝ้ากระต่ายด้วย เพื่อป้ องกันไม่ให้มีคนขโมยกระต่าย และ
ป้องกันไม่ให้มีสัตว์ร้ายมาขโมยกระต่ายด้วย
ตอนที่ 268 มีโทรศัพท์ นี่มนั สะดวกจริง ๆ

“แม่ทาคนเดียวไหวเหรอ?” เย่ฉูฉู่กงั วลใจมาก ทาอาหารให้คน


สิ บกว่าคนเป็ นงานที่เหนื่อยมากเลยนะ

“แม่ทาคนเดียวไม่ไหวอยูแ่ ล้ว ถึงเวลานั้นค่อยหาคนมาช่วยอีก


สักสองสามคน” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่เห็นจ้าวเหวินเทาวางแผนไว้ดีแล้วจึงไม่ได้พูดอะไรให้
มากมายอี ก เธอหยิบแบบเสื้ อผ้าที่ ออกแบบไว้ช่วงนี้ ออกมา
จากตูเ้ พื่อให้เขาดู

“พี่สะใภ้สามให้ฉันออกแบบเสื้ อผ้าสี่ ฤดู ออกมาหนึ่ งชุ ด บอก


ว่าจะทาแฟชั่นโชว์ในธี มโฟร์ ซีซัน นี่ เป็ นชุ ดฤดู ร้อน คุ ณดู สิ
เป็ นยังไงบ้าง?” น้ าเสี ยงของเย่ฉูฉู่แฝงด้วยความโอ้อวด
จ้าวเหวินเทาก็ตอ้ งบอกว่าสวยอยู่แล้ว เขาดู ภาพร่ างที่ภรรยา
วาดด้วยมือหนึ่ งรอบ กล่าวชมว่า “ภรรยา คุ ณวาดดี มากเลย!
สวยจริ ง ๆ คุณตัดให้ตวั เองสักชุดสิ เอาตัวนี้แหละ แก้แขนเสื้ อ
กับขากางเกงหน่ อย แบบนี้กว้างเกินไปแล้ว ลมเข้าได้ดว้ ย ลม
ฤดู ใบไม้ผลิแรงแล้วก็หนาว ภรรยา ผมว่านะ ขากางเกงอันนี้
ใส่ เชือกผูกขาด้วยได้หรื อเปล่า เหมือนกับที่พวกป้า ๆ ใส่ นนั่ ไง
ทาแบบนี้ลมไม่เข้าไปด้านในแน่นอน”

จ้าวเหวินเทาเสนอความคิดเห็น

กระโปรงของชุดที่อยูบ่ นนิตยสารเหล่านั้นยาวลากพื้นจนกวาด
ขยะบนถนนได้แล้ว จนแบบของเธอดูเบาไปเลย

“คุณพูดถูก เพียงแต่ว่านี่เป็ นแค่เสื้ อผ้าหนึ่ งตัว คุณต้องดูท้ งั ชุ ด


มองด้านบนและด้านล่างพร้อมกันเลย แขนเสื้ อพอง ๆ ต้องเข้า
คู่ ก ับ กางเกงขาบาน แบบนี้ ถึ ง จะสวย ดู ทัน สมัยด้ว ย” เย่ฉู ฉู่
อธิ บาย “ที่คุณพูดมามันต้องออกแบบอีกอย่าง เพื่อให้เข้ากับ
เสื้ อด้านบน”

จ้าวเหวินเทารี บพูด “ภรรยา คุณนี่ สุดยอดจริ ง ๆ ถูกต้อง เป็ น


แบบนี้แหละ ถึงจะดูสวยทั้งชุด อืม คุณวาดไว้ดีมากเลยนะ!”

ได้ฟังคาชมไร้แก่นสารของสามีแล้ว เย่ฉูฉู่กร็ ู ้สึกว่าสิ่ งที่เธอพูด


ไปล้วนเปล่าประโยชน์ ในเวลานี้เองเสี ยงโทรศัพท์กด็ งั ขึ้น

“ต้องเป็ นพี่สามโทรมาแน่เลย!” เย่ฉูฉู่อุทานความประหลาดใจ


และรี บไปรับสาย

จ้าวเหวินเทาคิดไม่ถึงว่าภรรยาจะชอบโทรศัพท์ขนาดนี้ จึงเดิน
ไปกล่อมเสี่ ยวไป๋ หยางด้วยรอยยิม้

คนที่ โทรมาย่อมเป็ นเย่หมิ ง เป่ ยอยู่แ ล้ว เขากล่ าวทักทายกับ


เย่ฉูฉู่ จากนั้นก็ให้โจวหมิ่นคุย
“พี่สะใภ้สาม ฉันติดโทรศัพท์แล้วนะคะ!” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความ
ตื่นเต้น “หลังจากนี้อยากคุยกับพี่สะใภ้สามตอนไหนก็สะดวก
แล้ว!”

โจวหมิ่นกล่าวเคล้ารอยยิม้ “เธอติดตั้งโทรศัพท์ไว้ก็ดีแล้วล่ะ
เขียนจดหมายช้ามาก มีหลายเรื่ องที่ไม่สามารถคุ ยกับเธอให้
ชัดเจนได้ คุยโทรศัพท์นี่แหละดี”

“ใช่แล้วพี่สะใภ้สาม จริ งสิ ฉันออกแบบเสื้ อผ้าชุดสี่ ฤดูตามที่พี่


บอกออกมาแล้วนะคะ ไม่รู้ว่าใช้ได้หรื อเปล่า พรุ่ งนี้ ฉันจะให้
เหวินเทาส่ งไปรษณี ยไ์ ปให้นะ”

“เธอออกแบบทั้งทีจะใช้ไม่ได้ได้ไง?” โจวหมิ่นกล่าว “เธอไม่


ต้องเครี ยด ทาตามความคิดของเธอนัน่ แหละ”

เย่ฉูฉู่รู้สึกซึ้ งใจกับความเชื่ อใจของโจวหมิ่นมาก “นี่ ถา้ ตอนนี้


พี่สะใภ้สามเห็นชุ ดที่ฉันออกแบบก็คงจะดี ถ้าไม่ได้ฉันจะได้
แก้ไขทันที”
โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิม้ “เธอนี่ใจร้อนกว่าฉันอีกนะเนี่ย อีก
ไม่นานพวกเราก็จะได้เห็นหน้ากันผ่านโทรศัพท์แล้ว ถึงเวลา
นั้นฉันก็สามารถเห็นแบบร่ างของเธอได้ทุกที่ทุกเวลาเลย”

เย่ฉูฉู่คิดว่านี่ เป็ นคาพูดปลอบใจของโจวหมิ่น เธอไม่รู้เลยว่า


หลังจากนี้ อีกสิ บกว่าปี จะมี คอมพิวเตอร์ ที่ติดตั้งกล้องทาให้
มองเห็ น อี ก ฝ่ ายได้แ ล้ว และผ่ า นไปอี ก ยี่ สิ บ กว่ า ปี ก็ จ ะมี
โทรศัพท์มือถือที่สามารถวิดีโอคอลได้ทุกที่ทุกเวลา

เธอไม่รู้ แต่โจวหมิ่นกลับทราบดี

พี่สะใภ้นอ้ งสามีพูดคุยกันอย่างออกรส ทาเอาสามีของพวกเธอ


ทั้งคู่แอบหึ งหวง ตอนที่ภรรยาคุยกับพวกเขายังไม่มีความสุ ข
ขนาดนี้เลย

หลังจากวางสาย เย่ฉูฉู่ก็รู้สึกอารมณ์คา้ งนิ ดหน่ อย แล้วพูดกับ


สามี ว่ า “คุ ย กับ พี่ ส ะใภ้ส ามนี่ ดี จ ริ ง ๆ เลย ได้เ รี ย นรู ้ อ ะไร
เยอะแยะไปหมด ทาไมคุณทาหน้าแบบนั้นคะเนี่ย?”
“ภรรยา คุณมองไม่ออกเหรอว่าผมอิจฉามาก?” จ้าวเหวินเทา
พูดเกินจริ ง

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา “ไปเลยไป!”

ทางฝั่งโจวหมิ่นก็กาลังชมเย่ฉูฉู่ “ฉู ฉู่นี่ฉลาดจริ ง ๆ เลยนะ พูด


แค่ครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว แค่นิดเดียวก็ทะลุปรุ โปร่ งเลย อยากให้
เธอมาที่นี่จงั ”

สายตาของเย่หมิ งเป่ ยดู ขุ่นเคือง “หมินหมิ่น คุ ณลืมอะไรไป


หรื อเปล่า?”

“ลืมอะไรคะ?” โจวหมิ่นไม่เข้าใจ

คุ ณ แม่ เ ย่ที่ ก าลัง กล่ อ มหลานอยู่ข ้า ง ๆ พู ด เคล้า รอยยิ้ม “ไม่


เป็ นไรหรอก ติดตั้งโทรศัพท์แล้ว จะคุยกันตอนไหนก็ได้ทุกที่
ทุกเวลานัน่ แหละ”
โจวหมิ่ นส่ งเสี ยง ‘โอ๊ย’ และตบหน้าผากตัวเอง “ดู ฉันสิ คุ ย
กับฉูฉู่เพลิน ลืมแม่ไปเสี ยสนิทเลย”

คุณแม่เย่ยมิ้ “พวกเธอคุยกันแม่กม็ ีความสุ ขแล้ว ไม่เป็ นไร ครั้ง


หน้าค่อยคุยกันก็ได้”

เย่หมิงเป่ ยกล่าว “ฉูฉู่เองก็น่าจะลืมแล้วเหมือนกัน”

โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิม้ “ลืมแน่นอนเลย ไม่ง้ นั เธอคงพูดถึง


นานแล้ว พอฉู ฉู่ พู ด ถึ ง เรื่ อ งเสื้ อ ผ้า ของเธอก็ลื ม ไปหมดทุ ก
อย่าง”

“คิดไม่ถึงเลยนะว่าสองพี่นอ้ งสะใภ้จะคุยกันออกรสขนาดนี้ ”
คุณแม่เย่กล่าว “คนไม่รู้คงคิดว่าพวกเธอเป็ นพี่นอ้ งแท้ ๆ”

“ฉันกับฉูฉู่ถูกชะตากันไงคะ” โจวหมิ่นกล่าว
ตอนนี้ โทรศัพท์ก็ดงั ขึ้น ตอนที่โจวหมิ่นรับสาย ก็ได้ยินเสี ยง
หงุดหงิดของเย่ฉูฉู่ดงั ขึ้นจากปลายสาย “พี่สะใภ้สาม ฉันขอคุย
กับแม่หน่อย เมื่อกี้ฉนั ลืมไปเสี ยสนิทเลย”

โจวหมิ่นหัวเราะร่ า จากนั้นก็เรี ยกคุณแม่เย่ให้มารับสาย

เย่ฉูฉู่เองก็เพิ่งนึกถึงแม่ จึงโทรศัพท์มาหาอีกครั้ง

“แม่สบายดีไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิม้ “แม่สบายดี แกลืมแม่ไปเลยนะ”

เย่ฉูฉู่รีบขอโทษขอโพยอย่างรวดเร็ ว คุณแม่เย่ก็ไม่ได้โทษลูก
สาวของนางจริ ง ๆ นางถามถึงสถานการณ์ภายในบ้าน

สองแม่ลูกคุยกันครู่ หนึ่งก็วาดสายไป

“มีโทรศัพท์นี่ดีจริ ง ๆ เลยนะ คิดถึงใครก็โทรไปคุยได้ เหมือน


อยู่ใกล้กนั เลย” คุณแม่เย่พูดด้วยอารมณ์ความรู ้สึก “ไม่แปลก
ใจเลยที่คนพูดกันว่า ชีวิตที่ดีกค็ ือด้านบนและด้านล่างมีไฟฟ้ า
มีโทรศัพท์ ถือว่าจริ งเลยแหละ”

คุ ณ แม่ เ ย่ ก็ คิ ด ถึ ง บ้า นแล้ว นางเป็ นห่ ว งคุ ณ พ่ อ เย่ เป็ นห่ ว ง


หลานชายหลานสาว คิดถึงลูกชายและลู กสาว แต่ลูกชายทั้ง
สองคนต่างก็โตกันหมดแล้ว ตอนนี้ ลูกชายคนเล็กก็มีลูกแล้ว
ไม่สามารถดูแลชีวิตพวกเขาได้แล้ว ดังนั้นต่อให้คิดถึงก็ทาได้
เพียงแค่อดทน

โจวหมิ่นมองเห็นถึงความคิดของคุณแม่เย่ “แม่คะ ถึงเวลานั้น


ก็บอกให้คุณพ่อไปที่บา้ นฉูฉู่สิคะ แม่จะได้คุยกับพ่อด้วย”

เย่หมิงเป่ ยกล่าว “แม่ แบบนี้กด็ ีนะ! แม่คิดถึงใครก็บอกให้พวก


เขาไปบ้านฉูฉู่ ก็คุยกับแม่ได้แล้ว!”

คุณแม่เย่กค็ ิดว่าไม่เลวเลย “ได้ ถึงเวลานั้นแม่จะบอกฉูฉู่”


อันที่จริ งไม่ตอ้ งพูด เย่ฉูฉู่ก็พูดกับจ้าวเหวินเทาแล้ว วันพรุ่ งนี้
เธอจะให้คุณพ่อเย่มาโทรคุยกับคุณแม่เย่ นี่ ก็นานมากแล้ว ทั้ง
สองคนคงคิดถึงกันมาก

จ้าวเหวินเทาตกปากรับคา วันรุ่ งขึ้นจึงไปรับพ่อตามาที่ บา้ น


นอกจากนี้ ยงั มี พี่ใหญ่ เ ย่และพี่ รองเย่ รวมถึ งพวกลู ก ๆ ด้วย
พวกเขาพูดคุยโทรศัพท์กบั คุณแม่เย่ คุณแม่เย่ที่อยู่ทางฝั่ งนั้นก็
ถึงกับขอบตารื้ น แต่เมื่อได้ยนิ ว่าพวกลูกหลานและสามีสบายดี
นางก็บรรเทาความรู ้สึกคิดถึงบ้านได้เช่นกัน

ฤดูร้อนปี นี้ คนของหมู่บา้ นข้าวซานถุนต่างยุง่ จนหัวหมุน นอก


หมู่บา้ นมีจา้ วเหวินเทาที่กาลังสร้างฟาร์มกระต่าย ในหมู่บา้ นก็
ยังมีอีกหลายครอบครัวที่กาลังสร้างบ้าน นอกจากนี้ ก็ยงั ยุ่งอยู่
กับการลงนาทาสวน ได้เห็นถึงชีวติ ที่เจริ ญรุ่ งเรื อง

ผ่านไปกว่าครึ่ งเดือน ฟาร์มกระต่ายขั้นพื้นฐานของจ้าวเหวินเทา


ก็สร้างขึ้นมาแล้ว รังกระต่ายถูกวางเรี ยงกันเป็ นแถว ห้องพักของ
พนักงานก็ถูกจัดเรี ยงเป็ นแถว รอบ ๆ คือต้นไม้ ต้นหญ้า ล้อม
ด้วยลวดหนาม แบบนี้กระต่ายก็จะวิง่ ออกไปไม่ได้ ภายในพื้นที่
ขอบเขตกิจกรรมถู กแบ่ งออกเป็ นสวนผัก กองฟื น โกดัง และ
สวนผลไม้ หนึ่ งในนั้นมี ถนนไว้เดิ นซึ่ งปู พ้ืนด้วยหิ นชนวน มี
ความคดเคี้ ยวไปมาให้ ค วามรู ้ สึ ก ได้ถึ ง ทางคดเคี้ ย วน าไปสู่
สถานที่ที่มีทศั นียภาพสวยงาม

ไม่เพียงแค่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เพื่อให้เดินสะดวกเมื่อ
ฝนตกด้วย จ้าวเหวินเทาเห็ นถนนที่สะอาดสะอ้านในเมื อ งก็
รู ้สึกอิจฉามาก เขาจึงทาให้เกิดขึ้นจริ งที่ฟาร์มกระต่ายก่อนเป็ น
ที่แรก
ตอนที่ 269 ฟำร์ มกระต่ ำย

เพื่อให้บรรลุเป้ าหมายในการเลี้ยงกระต่ายแบบปล่อยให้อยู่ใน
ธรรมชาติสีเขียวบริ สุทธิ์ จ้าวเหวินเทาจึงใช้ความพยายามเป็น
อย่ า งยิ่ ง เพื่ อ ท าให้ เ ป็ นธรรมชาติ ไม่ ใ ห้ มี ร่ องรอยของ
สิ่ งประดิษฐ์โดยมนุ ษย์ที่มากเกินไป ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าไม่เลว
เลยจริ ง ๆ

ลมฤดู ใ บไม้ผ ลิ ค่ อ ย ๆ พัด ผ่า นพื้ น ดิ น พื้ น สี เ ขี ย วขจี เ รี ย บ ๆ


หนึ่ งผื น มี ห ญ้ า หนาและเปี ยกชื้ นขึ้ นปกคลุ ม ช่างเป็ น
บรรยากาศงดงามที่มีความคลุมเครื อ ไม่ตอ้ งพูดถึงกระต่ายที่
อาศัยอยูท่ ี่นี่เลย คนที่อาศัยอยูท่ ี่นี่ต่างก็เพลิดเพลินถึงขีดสุ ด!

ผูอ้ าวุโสที่เฝ้ าสถานี รับซื้ อในตาบลใช้โอกาสในช่ วงวัน หยุด


ตั้งใจเดินทางมาเยีย่ มชมที่นี่
“ลุง รู ้สึกยังไงบ้าง?” จ้าวเหวินเทานาเขาเดินดูรอบ ๆ ขณะเอ่ย
ถาม

ชายชราก็มี แ ซ่ จ ้า วเช่ น กัน เขาเดิ น ยกมื อ ไพล่ หลัง มองอย่าง


จริ งจัง พยักหน้ากล่าวว่า “ไม่เลวเลยนะ แต่ฉันอยากถามนาย
หน่ อย นายซื้ อที่ดินใหญ่โตขนาดนี้ แค่เลี้ยงกระต่ายเรอะ? ไม่
เลี้ยงอย่างอื่นเลยเหรอ?”

จ้าวเหวินเทาไม่รู้ว่าชายชราต้องการจะสื่ ออะไร “แล้วลุงคิดว่า


เลี้ยงอะไรเพิ่มดีล่ะ?”

ชายชรามองไปยัง แม่ น้ าหนึ่ งสายที่ ต ัด ผ่ า นฟาร์ ม กระต่ า ย


ตรงหน้า กล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “ไอ้หนูนายนี่ฉลาดมากจริ ง ๆ ถึง
ได้ลอ้ มแม่น้ าเข้ามาด้วย”

จ้าวเหวินเทามีความสุ ข “ลุ ง เรื่ องนี้ ผมเองก็ไม่ รู้ ตอนที่ แบ่ง


พื้นที่ผมก็ไม่ได้คิดมากมายอะไรขนาดนั้น แค่คิดว่ามีภูเขามีน้ า
และดูดี ผมก็เลยซื้อที่นี่”
“มีแม่น้ านี่แหละดี เลี้ยงเป็ ดสักหน่อย เอาไข่เป็ ดมากินได้ แล้ว
ก็เลี้ยงไก่อีกหน่ อย ฤดู ร้อนตัก๊ แตนเยอะขนาดนั้น ไม่ตอ้ งให้
อาหารเลยด้วยซ้ า ทาให้ไข่ที่ออกมามีโภชนาการด้วย” ลุงจ้าว
พูดด้วยเหตุผล “แต่ว่านะ เลี้ยงเยอะเกินไปก็ไม่ได้ เลี้ยงเยอะ
เกินไปถ้าเกิดหายนะกับที่นี่ข้ ึนมาคงไม่ดี สถานที่แห่ งนี้ฉันว่า
นายเลี้ยงไก่ไว้สักห้าสิ บตัว แล้วก็เป็ ดอีกห้าสิ บตัวก็ไม่มีปัญหา
อะไร”

จ้าวเหวินเทาคานวณดู ถ้ารวมเข้ากับกระต่ายก็ไม่ใช่ จานวน


น้อย ๆ เลย แต่ชายชราคนนี้คิดบวกขนาดนี้กไ็ ม่สามารถโต้แย้ง
ได้ จึงพูดว่า “ได้สิ กลับไปผมจะไปลองถามดู ว่ามีใครอยาก
ดูแลเป็ ดกับไก่บา้ ง”

ลุงจ้าวส่ งเสี ยง ‘หึ ’ เบา ๆ หนึ่งเสี ยง “นายยังจะถามใคร หรื อที่


ฉันมาแค่มากินข้าวฟรี ๆ เหรอ?”

จ้าวเหวินเทาชะงัก
ลุงจ้าวพูดอีกว่า “นายไม่ตอ้ งไปหาใครหรอก เรื่ องดูแลเป็ ดกับ
ไก่แค่น้ ีฉนั ทาได้ ไม่ง้ นั ฉันจะมาหานายทาไมล่ะ?”

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ลุง ผมคิดว่าลุงมาเพื่อช่ วยผมเลี้ยงกระต่ าย


เสี ยอีก”

“มีคนเลี้ยงกระต่ายตั้งเยอะแยะขนาดนี้ ยังต้องให้คนแก่อย่าง
ฉันช่ วยอี กเหรอ? ฉันรั กษาความปลอดภัยหน้าประตู มาครึ่ ง
ค่อนชีวติ แล้ว ที่มาหานายก็เพื่อมาช่วยเฝ้าประตูให้ ระหว่างนั้น
ก็เลี้ยงไก่กบั เป็ ดนิ ด ๆ หน่ อย ๆ ด้วย ฉันกินนิ ดเดี ยว ที่เหลือ
นายก็เอาไปขาย ก็ได้รายได้เพิม่ ขึ้นด้วย”

ลุงจ้าวเป็ นคนจริ ง ยังไม่ทนั ได้เริ่ มงาน ก็เริ่ มช่ วยวางแผนให้


เจ้านายอย่างจ้าวเหวินเทาแล้ว

จ้าวเหวินเทาคิดว่าตัวเองโชคดี จริ ง ๆ คนชรานับเป็ นสมบัติ


อย่างหนึ่ง โดยเฉพาะคนชราแบบลุงจ้าว
“ได้เลย ลุง งั้นฟาร์มกระต่ายนี้ลุงก็ช่วยดูแลด้วยนะ ไม่ต่างจาก
เฝ้าประตูหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าว

ลุ งจ้าวถลึ งตาใส่ เขา “ไอ้เด็กบ้า หลอกคนแก่ แบบฉันให้มนั


น้อย ๆ หน่อย ดูแลฟาร์มกระต่ายเหมือนกับเฝ้าประตูเหรอ?”

“มันก็เหมื อนกับจัดการดู แลเป็ ดไก่ นั่นแหละ ลุ งดู แลเป็ ดไก่


ร้อยกว่าตัว คนในฟาร์มมีแค่สิบกว่าคนเอง”

ลุงจ้าวด่ าด้วยรอยยิ้ม “ไอ้เด็กบ้า คนกับเป็ ดไก่มนั เหมือนกัน


เหรอ พูดจาเหลวไหล!”

“ผมเห็ นลุ งเคยไปทาสงครามมา หรื อว่านี่ จะยากกว่าการทา


สงคราม?” จ้าวเหวินเทากล่าว มีคนแก่ที่มีความสุ ขุมรอบคอบ
มาดูแลฟาร์มกระต่ายเขาก็สบายใจ

ลุงจ้าวถอนหายใจ “นายพูดถูก แต่ฉันเองก็แก่แล้ว คงไม่ได้มี


พลังมากมายขนาดนั้น นี่ถา้ ย้อนกลับไปเมื่อปี ก่อน ไม่สิ ห้าปี ก็
ได้ ฉันคงกล้าดูแล ตอนนี้ คงไม่ไหวแล้ว สัตว์ปริ มาณมากฉัน
คงดูแลไม่ไหว ไก่กบั เป็ ดยังได้อยู”่

จ้าวเหวินเทาไม่ได้บงั คับอะไรอี ก “ลุง ลุงว่าไงก็เอาตามนั้น


แหละ รอครั้งหน้าผมเข้าเมืองไปซื้อเป็ ดกับไก่กลับมา ลุงก็ช่วย
ผมดูได้แล้ว”

ผลลัพธ์ที่ได้เขากลับถูกลุงจ้าวดู ถูกอีกครั้ง “ไก่กบั เป็ดยังต้อง


ซื้ ออีก? นายก็ไม่ตอ้ งดูแลอะไรแล้ว ฉันได้ยนิ แม่ของนายบอก
ว่า แม่ไก่ที่บา้ นนายกาลังฟั กไข่ ถึงเวลานั้นฟั กไข่ไก่มากหน่ อย
ก็ออกมาเป็ นตัวแล้ว เป็ ดก็เหมือนกัน”

ยอมเขาเลย ครั้งนี้หมดห่วงได้เยอะเชียว! จ้าวเหวินเทาเป็ นผูน้ า


ที่ ไม่ ตอ้ งทาอะไรอย่างมี ความสุ ข เขานาลุ งจ้าวไปด้านหน้า
บ้านพักที่สร้างเรี ยงเป็ นแถว เขาชี้ไปยังหนึ่งในนั้น “ลุง นี่คือที่
พักของลุง ตรงนั้นเป็นที่พกั ของพ่อแม่ผม จะได้เป็นเพื่อนกัน
พอดีเลย ส่ วนทางนี้เป็ นบ้านสาหรับต้อนรับแขกเหรื่ อที่มาเป็ น
ครั้งคราว ตรงกลางที่เป็ นห้องใหญ่เป็ นสถานที่ไว้กินข้าว”

จ้าวเหวินเทาเป็ นคนพิถีพิถนั เขาคิ ดว่าไม่ ว่าจะเป็ นกระต่าย


หรื อคน เรื่ องการกินและที่พกั อาศัยไม่สามารถทาแบบขอไปที
ได้ ดังนั้นบ้านที่สร้างขึ้นมาก็ตอ้ งอบอุ่นมาก ด้านในนั้นยังถูก
ตกแต่งไว้ดว้ ย

บ้านมีสองห้อง ด้านนอกห้องมีเตาขนาดเล็ก แล้วก็มีหม้อเล็ก


ๆ ด้ว ย ตอนนี้ ไฟฟ้ า ยัง ไม่ เ สถี ย ร บางครั้ งก็ห ยุด จ่ า ยไฟ ไม่
สามารถหวังพึ่งเครื่ องใช้ไฟฟ้ าได้ ถ้า ลุงจ้าวอยากรับประทาน
หรื อดื่มอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยงั ทาได้ ด้านในห้องมีเตียงเตาที่
อยู่ติดกับหน้าต่ างทิ ศใต้ กาแพงทางทิ ศเหนื อมีตูห้ นึ่ งแถว นี่
เป็ นของที่จา้ วเหวินเทาเรี ยนรู ้มาจากบ้านแบบแฟลตในเมือง
เรี ยกว่าตูต้ ิดผนัง สามารถใส่ ของได้สะดวกมาก ข้างเตียงยังมี
โต๊ะและเก้าอี้อย่างละตัว ทั้งคู่เป็นสี ไม้ด้ งั เดิมทั้งหมด และถูก
ทาเคลือบให้มนั เงาหนึ่งชั้น

พื้ น ปู ด้ว ยอิ ฐ แดง ก าแพงทาด้ว ยสี ข าว หน้ า ต่ า งเปิ ดออก


กว้างขวางมาก กระจกก็ใหญ่มาก แสงแดดส่ องลงบนครึ่ งหนึ่ง
ของเตียงแล้ว ดู ๆ ไปแล้วก็มีความสว่างมาก

ลุงจ้าวพึงพอใจมาก เขานัง่ ลงบนเตียง คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อมาถึง


ที่ เ ตี ย งจะร้ อ นผ่ า ว เตี ย งต้อ งผ่ า นการอุ่ น เตี ย ง แบบนี้ ท าได้
รวดเร็ว ตอนนี้กย็ งั หลงเหลืออุณหภูมิสูงอยู่

“ถึงเวลานั้นผมจะซื้อแผ่นปูเตียงมาปูให้ ลุงชอบสี อะไรเหรอ?”


จ้าวเหวินเทากล่าว

แผ่นปูเตียงก็คือเสื่ อน้ ามันปูพ้ืน คนในเมืองใช้เพื่อปูพ้ืน คนใน


ชนบทใช้เพื่อปูลงบนเตียงเตา มีลวดลายเยอะมาก มันวาวทา
ความสะอาดง่าย แต่กม็ ีขอ้ เสี ยเหมือนกัน คือไม่สามารถระบาย
อากาศได้ ใต้เตียงเตาก็จะเกิดความชื้นอยูบ่ ่อย ๆ
ลุงจ้าวส่ ายหน้าปฏิเสธ “ฉันไม่ชอบของแบบนั้น ถึงเวลานั้น
เดี๋ยวฉันทาเสื่ อขึ้นมาสักผืน ปูดว้ ยอันนั้นสบาย ระบายอากาศดี
แถมยังกันความร้อนด้วย เตียงเตาแบบนี้ใช้เสื่ อนี่แหละดี แผ่น
ปูเตียงนัน่ ที่นายพูดถึงก็มีไว้เพื่อให้ดูดีสินะ”

จ้าวเหวินเทาก็คิดเช่นนี้ “ลุงพูดถูกต้องเลย ผมเองก็ไม่ชอบสิ่ ง


นั้นเหมือนกัน ที่บา้ นผมก็ปูดว้ ยเสื่ อ แต่ตอนนี้ปูดว้ ยเสื่ อน้ ามัน
ดูทนั สมัยกว่า”

“ทันสมัยก็ใช่วา่ จะเป็ นของดี” ลุงจ้าวยืนกราน

หลังจากดู ห้องเสร็ จ จ้าวเหวินเทาก็ยื่น กุญแจห้องให้ลุ ง จ้า ว


แล้วเดินพาไปดูหอ้ งอาหาร

ห้องอาหารมีขนาดใหญ่มาก จ้าวเหวินเทากลัวว่าฤดู หนาวจะ


หนาว จึงแบ่งออกเป็นสองห้อง ติดกับหน้าต่างมีโต๊ะยาวและ
เก้าอี้ยาววางอยู่ ทางทิศเหนือติดกับห้องครัว ที่นี่กเ็ ป็ นจุดไว้เผา
เตาด้วย จ้าวเหวินเทาได้สัมผัสถึงข้อดีของเครื่ องทาความร้อน
แล้ว เขาจึงติดตั้งให้พ่อกับแม่หนึ่ งเครื่ องด้วย ส่ วนหม้ออยู่ใน
ห้องครัว ติดกับห้องอาหารเป็ นห้องของคุณพ่อจ้าวและคุณแม่
จ้าว

“ลุง ถึงเวลานั้นผมจะติดตั้งเครื่ องทาความร้อนให้นะ ฤดูหนาว


ก็จะได้อบอุ่นด้วย ตอนนี้หม้อทาความร้อนยังไม่ได้ซ้ือกลับมา
ต้องรออีกสามสี่ วนั ถึงจะติดตั้งได้” จ้าวเหวินเทาแนะนา “ห้อง
ของลุงกับพ่อแม่ผมอยู่สองข้างของห้องอาหาร อยู่ใกล้กบั ท่อ
ทาความร้อนมาก เวลาทาอาหารก็จะได้เผาหม้อทาความร้อน
ไปด้วยเลย”

ลุงจ้าวมีความสุ ขจนหน้าบาน ห้องของพนักงานรั กษาความ


ปลอดภัยสถานีรับซื้ อของในตาบลไม่มีเครื่ องทาความร้อน แต่
ลุงจ้าวรู ้จกั เครื่ องทาความร้อนนี้ อบอุ่นกว่าเตาเสี ยอีก

“นายนี่มีน้ าใจนะ” ลุงจ้าวกล่าว


“ลุง อย่าเพิ่งดีใจเลย ของนี้เปลืองถ่าน ผมติดตั้งไว้ในห้องของ
ลุงกับพ่อแม่ผม แต่หอ้ งอื่นผมไม่ได้ติดตั้งไว้ ถ้าฤดูหนาวมีแขก
มา ก็ตอ้ งขอนอนค้างในห้องลุ งด้วยนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
ด้วยรอยยิม้

“ค้างก็คา้ งไปสิ คนแก่ ๆ แบบฉันอยู่ตวั คนเดียว มีคนเยอะขึ้น


สองสามคนก็คึกคักดี!” ลุงจ้าวไม่ได้ใส่ ใจ

ลุงจ้าวพึงพอใจจ้าวเหวินเทาก็พึงพอใจ หลังจากออกมาจาก
ห้องครัวก็ไปดู ที่ห้องของคุ ณพ่อจ้าวและคุ ณแม่ จา้ ว รู ปแบบ
ของห้องเหมือนกับห้องของลุงจ้าว มีการตกแต่งห้อง เพียงแต่
มี ห้องมากกว่าหนึ่ งห้อง ห้องนี้ เตรี ยมไว้เผื่อพวกพี่สาวใหญ่
จ้าวและพี่สาวห้าจ้าวมาค้างแรม
ตอนที่ 270 ควำมขุ่นเคืองของพีส่ ำมจ้ ำว

จ้าวเหวินเทาคิดได้แบบรอบด้าน พี่สาวกลับมาก็ยงั มีที่ให้พกั


จะปล่อยให้พวกหล่อนไปค้างคืนกับลุงจ้าวไม่ได้

เมื่อดูฟาร์มกระต่ายเสร็ จแล้ว ทั้งสองคนก็มาที่หน้าประตูใหญ่


ของฟาร์ มกระต่าย ที่นี่มีลกั ษณะภูมิประเทศแบบที่ราบสู ง ยืน
จากตรงนี้ สามารถมองเห็นจุดที่อยู่ห่างออกไปได้ จึงมองเห็น
สวนไม้ผลได้พอดี สี เขียวขจีเป็ นผืนกว้าง คล้ายกับเมฆสี เขียว
ห่างออกไปมีภูเขาเขียวเชื่อมต่อเป็ นเส้น ถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ า
ลุงจ้าวพูดด้วยอารมณ์ความรู ้สึก “เป็ นสถานที่ที่ดีเลยนะ เป็ น
สถานที่ที่ดีจริ ง ๆ!”

จ้าวเหวินเทาก็พยักหน้า เป็ นสถานที่ที่ดีจริ ง ๆ สถานที่ที่ดีแบบ


นี้เขาอยากเป็ นเจ้าของทั้งหมดเลย
ฟาร์ มกระต่ายเสร็ จแล้ว พนักงานมากันครบแล้ว สมาชิ กหลัก
และกระต่ า ยก็เ ข้า มาอยู่ก ัน แล้ว อย่า มองว่ า เป็ นการเปลี่ ย น
สถานที่ใหม่ สาหรับกระต่ายแล้วสถานที่แห่ งนี้ ดีกว่าที่เดิมที่
เคยอยู่ไม่ รู้ต้ งั กี่ เท่ า หลังจากถู กปล่ อยออกมาก็วิ่งเล่ นอย่างมี
ความสุ ข ตอนแรกจ้าวเหวินเทาแอบกังวลใจกลัวว่าพวกมันจะ
ปรับตัวเข้ากับน้ าและดินไม่ได้จนกระทัง่ เจ็บป่ วย แต่หลายวัน
ผ่านไปก็พบว่ากระต่ายกระโดดดึ๋ ง ๆ มีชีวิตชี วา และสุ ขภาพ
ร่ างกายแข็งแรงมาก เขาจึงเบาใจลง แต่กย็ งั กาชับพวกพนักงาน
ต้องทาความสะอาดรังกระต่ายให้สะอาด ไม่ว่าจะเป็ นมูลของ
กระต่ายหรื อขยะจากการใช้ชีวิตประจาวันล้วนนามาหมักเพื่อ
ใช้เป็ นปุ๋ ยได้ แต่อย่าหมักแล้วนาไปเผาทิ้ง

ไม่แปลกใจเลยที่จา้ วเหวินเทาจะระวังขนาดนี้ มีสัตว์มากขนาด


นี้ จริ ง ๆ ถ้าทาความสะอาดไม่ดีก็จะป่ วยได้ หากป่ วยก็จะตาย
กันเป็ นวงกว้าง แบบนั้นไม่ใช่เรื่ องสนุกเลย หัวหน้าแผนกเซี่ ย
เคยบอกไว้ว่า การเพาะพันธุ์ อย่างแรกคือสุ ขอนามัยเป็นเรื่ อง
ใหญ่ ไม่สามารถทาแบบขอไปทีได้ ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึ งมี
ความต้อ งการในด้า นของสุ ข อนามัย สู ง มาก ไม่ เ พี ย งแค่ ใ น
ฟาร์ มกระต่ ายที่ ต ้องทาความสะอาดวันละสามครั้ ง แต่ ด้าน
นอกฟาร์ ม กระต่ า ยก็ต ้อ งท าความสะอาดครั้ งใหญ่ ด้ว ย จะ
ปล่อยให้มีขยะไม่ได้

“ผมเห็นคนในเมืองทางานเกี่ยวกับก๊าซชีวภาพด้วย ของนัน่ ไม่


เลวเลยนะ ขยะก็นามาใช้ประโยชน์ได้ แถมยังเป็ นการกาจัด
ขยะด้วย” จ้าวเหวินเทาพูดกับภรรยา

เมื่ อ มี โ ทรศัพ ท์ ก็ ไ ด้ติ ด ต่ อ กับ โจวหมิ่ น บ่ อ ยขึ้ น ตอนแรก


โจวหมิ่นเขียนจดหมาย ส่ งนิ ตยสารและหนังสื อพิมพ์รวมถึง
ของอื่น ๆ มาหานาง เย่ฉูฉู่ไม่เพียงแค่เข้าใจโลกภายนอกเท่านั้น
แต่เธอยังเข้าใจถึงสิ่ งอื่นมากขึ้นด้วย รวมไปถึงก๊าซชีวภาพ
“ฉันได้ยินมาว่าก๊าซชี วภาพต้องเป็นช่ วงหน้าร้อนถึงจะทาได้
ตอนนี้ฤดูหนาวของเราหนาวขนาดนั้น จะทาได้เหรอคะ?” เย่ฉู
ฉู่แอบสงสัย

“ไม่รู้สิ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมจะลองไปถามดูว่าทาได้ไหม


ถ้าทาได้ก็ทา คนเยอะขยะก็ตอ้ งเยอะ คุ ณยังไม่ เห็ นในเมื อ ง
ขยะนัน่ กองจนกลายเป็ นภูเขาเลากาเลยนะ ผมไม่อยากให้บา้ น
เราเป็ นแบบนั้น”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “คุณคิดไปไกลมากเลยนะ”

จ้าวเหวินเทากล่าว “ภรรยา ผมจะบอกอะไรให้นะ ยิง่ เข้าไปใน


เมืองมากขึ้น ผมก็ยงิ่ รู ้สึกว่าที่บา้ นของเราดีกว่า มีท้ งั ภูเขามีท้ งั
น้ า นี่ คือสมบัติเลยนะ! ไม่อาจปล่อยให้เกิดหายนะกับสมบัติ
ของเราได้!”

บางทีจา้ วเหวินเทาก็ไม่ได้ตระหนักว่าสภาพแวดล้อมของบ้าน
ตัวเองก็สุดยอดมาก
ฟาร์มกระต่ายดาเนินการตามปกติ คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ วก็
ย้ายไปอยู่แล้ว ย่อมต้องเริ่ มทาอาหารด้วย ตอนนี้ เต้าหู ้ของพี่
สามจ้าวเริ่ มส่ งไปที่ฟาร์มกระต่ายแล้ว

“เจ้าหกคนนี้ แม้แต่พี่ชายแท้ ๆ ก็ยงั คิดเล็กคิดน้อย แถมยังซื้ อ


เต้าหู ใ้ นราคาส่ งอีก เห็นแก่เงิน!” พี่สามจ้าวบ่นกับพี่สะใภ้สาม
จ้าว

พี่สามจ้าวทราบเรื่ องที่จา้ วเหวินเทาต้องการซื้อเต้าหูข้ องเขาใน


ราคาขายส่ งแล้ว เขาก็ตื่นตัวได้ในทันที ไม่มีใครสู ้จา้ วเหวินเทา
ได้เลย!

สิ่ งนี้ ทาให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฟาร์ มกระต่ายเป็นแค่สิ่ง


เดียวที่จะเป็ นลูกค้าที่ใกล้และสามารถซื้ อเต้าหู ข้ องเขาได้อย่าง
เสถียรที่สุด คิดจะรับลูกค้านี้กต็ อ้ งขายตามราคาส่ ง ถ้าไม่อยาก
ได้กแ็ ค่ปล่อยผ่าน ฟาร์มกระต่ายไม่กินเต้าหู ้ก็ยงั ใช้ชีวิตต่อไป
ได้ เขาไม่ขายเต้าหู ้ก็ยงั ใช้ชีวิตได้ แต่เขาจะยอมปล่อยรายได้
ส่ วนนี้ไปเหรอ? เขาทาใจไม่ได้อยูแ่ ล้ว!

ผลลัพธ์ที่ได้ก็พอจะจินตนาการได้ เขาจึ งทาได้เพียงแค่ยอม


ขายราคาส่ ง

พี่สามจ้าวโกรธจนกัดฟันกรอด แต่กไ็ ม่สามารถทาอะไรได้

“คุณไม่อยากขายก็ไม่ตอ้ งขาย ก่อนหน้านี้ไม่ได้ขายเต้าหูก้ ย็ งั มี


ชีวติ ต่อไปได้ไม่ใช่เหรอ?” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดอย่างเฉยเมย

พี่สามจ้าวคิดว่าความโชคร้ายที่สุดของเขาคือการแต่งงานกับ
ภรรยาโง่เขลาคนนี้

“คุณไม่ดูบา้ งเหรอว่าก่อนหน้านี้คุณกินอะไร ตอนนี้กินอะไร?


ก่อนหน้านี้กินก้อนผักดองเค็มกับน้ าเกลือ ตอนนี้ล่ะ ได้กินเนื้อ
ทุกมื้อ นัน่ คือเงินที่ได้จากการขายเต้าหู ้!” พี่สามจ้าวโกรธจน
แค่นเสี ยง ‘เหอะ’ ออกมา
พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วไม่ ทาแล้ว นี่ คื อ ลื ม ตาพู ด ค าบอด [1] ไม่ ใ ช่
เหรอ!

“กินเนื้ อทุกมื้อ นี่ คุณกาลังฝันอยู่รึเปล่า บ้านเรากินเนื้ อทุกมื้อ


ตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่ยงั ไม่แยกบ้าน ได้กินเนื้อของคาวแบบสาม
สี่ ว ัน ครั้ ง แต่ ห ลัง จากคุ ณ ท าเต้า หู ้ ก็ ไ ด้กิ น ผัก ดองเค็ ม กับ
น้ าเกลื อประจา มี แค่ ตอนข้ามปี นี่ แหละที่ ซ้ื อเนื้ อกลับมานิ ด
หน่อย คุณไปดูสมุดบัญชีคุณสิ ดูเงินเก็บของคุณ ถ้ากินเนื้อทุก
มื้อ บนนั้นยังจะมีเงินเหรอ? ตั้งแต่คุณขายเต้าหู ้ ไม่ใช่แค่ไม่ได้
กิ นของดี นะ ฉันยังต้องเหนื่ อ ยจนไข้จ ับอี ก จนถึ งตอนนี้ แค่
ทางานหนักนิ ดหน่ อยก็ปวดแขนทั้งสองข้างแล้ว ยังมีหน้ามา
พูดว่ากินเนื้อทุกมื้ออีก พูดมาได้ยงั ไง คุณนี่มนั จริ ง ๆ เลย!”

พี่สามจ้าวหน้าดาเป็นก้นหม้อ โต้แย้งอย่างสุ ดกาลัง “ผมก็แค่


พูดไปแบบนั้น แค่พูดเข้าใจไหม? เนื้ อที่กินตอนข้ามปี ไม่ ใช่
เงินจากขายเต้าหู ้เหรอ เสื้ อใหม่ที่คุณใส่ ไม่ได้มาจากการขาย
เต้าหูเ้ หรอ ยังจะมาพูดว่าปวดแขนอีก สาออย! จะกินเนื้อทุกมื้อ
ได้จริ งเหรอ แบบนั้นยังจะมีชีวติ รอดต่อไปได้หรื อไง?”

พี่สะใภ้สามจ้าวคร้านจะสนใจเขาแล้ว “อย่าลืมนะ ยังมีกระต่าย


ด้วย นัน่ เป็ นสิ่ งที่ฉนั กับลูก ๆ ช่วยกันดูแล ขายกระต่ายก็ทาให้
พวกเราแม่ลูกได้กินเนื้อแล้ว!”

พี่สามจ้าวโกรธมาก “ก็ได้ งั้นคุณก็พ่ ึงพากระต่ายเพื่อกินเนื้ อก็


แล้วกัน หลังจากนี้กอ็ ย่ามาขอเงินจากผม!”

พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วจึ ง กล่ า ว “เอาสิ กิ น เนื้ อ ใช้เ งิ น จากกระต่ า ย


รายจ่ายในบ้านคุณเป็ นคนดูแล กล้าไหมล่ะ!”

“ทาไมต้องให้ผมเป็ นคนดูแล?”

“ก็คุณเป็นสามี เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว แต่งงานกับสามีให้


สามีหาเสื้ อผ้าและข้าวให้ ฉันยังไม่ได้ขอเนื้ อสัตว์จากคุ ณเลย
คุณจะเรื่ องมากทาไม?”
โอ้โห ภรรยาคนนี้พลิกฟ้ าแล้วยังกล้าพูดจาเหิ มเกริ มกับเขาอีก
ไม่รู้จริ ง ๆ สิ นะว่าเจ้าสามจ้าวอย่างเขาเก่งกาจขนาดไหน!

พี่สามจ้าวหยิบรองเท้าขึ้นมาเพื่อจะทุบตีหล่อน พี่สะใภ้สาม
จ้าวย่อมไม่เปิ ดโอกาสให้เขาอยู่แล้ว หล่อนหมุนตัววิ่งออกมา
พร้อมกับตะโกน “เจ้าสามจ้าว ถ้าคุ ณกล้าลงมือกับฉันแม้แต่
ปลายนิ้ว ฉันจะไปบอกแม่ของคุณตอนนี้เลย! คุณเดาได้เลยว่า
แม่จะทายังไงกับคุณ แม่ตอ้ งไปบอกน้องหกว่าไม่ให้ซ้ื อเต้าหู ้
ของคุณ ราคาขายส่ งก็ไม่ตอ้ งการแล้ว ดูสิวา่ คุณจะทายังไง!”

“เมียโง่อย่างกับหมูแบบเธอ ทาไมฉันถึงได้ซวยมาแต่งงานกับ
เธอด้วยวะ!” พี่สามจ้าวกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าวเสี ยงเรี ยบ “นี่ถา้ คุณยังไม่ไปใส่ ดีเกลือลง


ในน้ าเต้าหู ้ คงได้ไหม้ติดก้นหม้อแน่”
คาพูดนี้ ได้ผลจริ ง ๆ พี่สามจ้าวรี บใส่ รองเท้าแล้ววิ่งออกไป
ปากก็พูดด้วยถ้อยคารุ นแรง “รอก่อนเถอะ กลับมาเมื่อไหร่ ฉนั
จัดการเธอแน่!”

พี่สะใภ้สามจ้าวก็ไม่กลัว หล่อนพอจะมองออกว่าอย่าขี้ขลาด
ต่ อ หน้า สามี หากขี้ ขลาดไปหนึ่ งครั้ ง ครั้ งหน้า เขาก็ จ ะท า
รุ นแรงยิ่งขึ้น คิดจะลงมือก็ลงมือเลย สู ้ไม่ได้ก็หนี เมื่อคุณไม่
กลัว ว่า จะอายคนอื่ น คนที่ อ ายก็จ ะกลายเป็ นเขา ดัง นั้น จะขี้
ขลาดไม่ได้!

พี่สะใภ้สามจ้าวเดินไปทางานที่ตอ้ งทาอย่างสงบจิตสงบใจ

เป็ นเพราะฟาร์ มกระต่ ายต้อ งการเต้าหู ้ พี่สะใภ้รองจ้าวและ


พี่สะใภ้สี่จา้ วก็เริ่ มทาเต้าหู ้กนั แล้ว พี่รองจ้าวและพี่สี่จา้ วไป
ทางานในนา แต่ ในเมื่ อเป็ นแบบนี้ หนึ่ งวันจึ งทาได้เพียงแค่
หนึ่ งหม้อ ทาไม่ทนั จริ ง ๆ เพราะเรื่ องทาสวนลงนาเป็ นเรื่ อง
ใหญ่
พี่สามจ้าวมาเติ มดี เกลื อด้วยความร้ อนรน พี่สะใภ้รองจ้าวก็
กล่าวว่า “น้องสาม เต้าหู ้ที่เธอทาดีขนาดนี้ ให้ราคาขายส่ งไม่
ค่อยคุม้ เท่าไรมั้ง ฉันว่าเอาไปผลิตกับเครื่ องจักรเถอะ”

ที่สาคัญคือถ้าขายราคาขายส่ ง พี่สะใภ้รองจ้าวก็จะได้ค่า จ้าง


น้อยด้วย

พี่สามจ้าวโกรธพี่สะใภ้สามจ้าวอยู่ เมื่อได้ยินคาพูดนี้ ก็บ่นกับ


พี่สะใภ้รองจ้าว

“ทาไมฉันถึงได้แต่งงานกับเมียแบบนี้ กนั นะ! ฉันนี่ โคตรซวย


เลยจริ ง ๆ!” พี่สามจ้าวพูดรัวเร็วด้วยความโมโห

………………………………………………………………

[1] ลืมตาพูดคาบอด (睁着眼说瞎话) ประมาณว่า ทั้งๆ


ที่เห็นว่าฝนตกอยู่ แต่บอกว่าอากาศดี
ตอนที่ 271 มีคนทุกประเภท

พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วถลึ ง ตามองเขา “นายพู ด แบบนี้ ก็ไ ม่ ถู ก นะ


น้องสะใภ้สามก็ดีจะตายไป นิสัยก็ตรงไปตรงมา ไม่คิดร้ายกับ
ใคร นายยังไม่พอใจตรงไหนอีก? อีกอย่างสิ่ งที่นอ้ งสะใภ้สาม
พูดไม่ถูกตรงไหน? นายดู พวกนายกินข้าวสิ ถ้าไม่มีเงินยังว่า
ไปอย่าง ทั้ง ๆ ที่กินได้แต่กลับประหยัดขนาดนั้น จะใช้ชีวิต
แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ดูอย่างบ้านพวกเราสิ แย่กว่านายตั้งเยอะ
แต่กไ็ ม่ได้กินก้อนผักดองเค็มทุกมื้อ!”

พี่สามจ้าวแก้ตวั “พี่สะใภ้รอง พี่ฟังยัยนัน่ ให้มนั น้อย ๆ หน่อย


เถอะ กินผักดองเค็มทุกมื้ออะไรกัน ผักดองเค็มก็มีเนื้อด้วย!”

“ฉันรู ้ แต่มนั ก็คือหนังหมูนี่ ของแบบนั้นกินทุกวันใครมันจะ


ไปกินลงกันล่ะ น้องสาม อย่าหาว่าฉันอย่างงูน้ อย่างงี้เลยนะ
นายใช้ชีวิตสุ ดโต่ งเกินไปแล้ว นายเป็ นแค่ชายหนุ่ มคนหนึ่ ง
บ้านก็สร้างขึ้นมาแล้ว ถึงจะบอกว่าเอาไว้สู่ขอลูกสะใภ้ แต่จะ
ใช้เงินสักเท่าไรกันเชี ยว เอาแต่เก็บเงินไว้ทาอะไร ควรกินก็
ต้องกินสักหน่อยสิ ” พี่สะใภ้รองจ้าวโน้มน้าว

พี่สามจ้าวถอนหายใจ “พี่สะใภ้รอง บ้านหลังนั้นผมไม่ได้สร้าง


ไว้ให้เขา พอลูกอยากมีภรรยาผมก็ตอ้ งให้เขาออกไปสร้างบ้าน
อยู่เอง ผมไม่อยู่ร่วมกับเขาหรอก แบบนี้ ก็เท่ากับว่าผมยังต้อง
สร้างบ้านอีกหลัง!”

พี่สะใภ้รองจ้าวหัวเราะ “พอเถอะ ลูกยังเล็กขนาดนั้น นายจะ


รี บร้อนไปทาไม ไม่แน่ นะ ลูกชายของนายอาจจะสู ้ชีวิต สอบ
เข้ามหาลัยได้นายก็ไม่ ตอ้ งสร้างบ้านเพื่อให้เขาแต่ งงานแต่ ง
การก็ได้!”

“เรี ยนหนังสื อก็ตอ้ งใช้เงิน จะทาอะไรก็เงินทั้งนั้น ตอนนี้ กิน


จนหมด ถึงเวลาจะใช้เงินจะไปเอามาจากไหนล่ะ!” พี่สามจ้าว
ส่ ายหน้า จากนั้นก็เริ่ มตั้งใจเติ มดี เกลื อลงในน้ าเต้าหู ้เพื่อให้
แข็งตัวแล้ว

เมื่อเต้าหูแ้ ข็งตัวแล้วก็กดออกมา จากนั้นก็บรรจุข้ ึนรถนาไปส่ ง


ที่ฟาร์มกระต่าย จดบันทึกไว้แล้วมาเก็บเงินรวบยอดทีเดียวอีก
หนึ่งเดือนต่อจากนี้

จ้าวเหวินเทาไม่มีเวลามานัง่ คิดบัญชี ทุกวัน เขาคิดบัญชี เดื อน


ละครั้ง เรื่ องนี้คุณพ่อจ้าวเป็ นคนจัดการ

คุ ณ แม่ จ ้า วท าหน้า ที่ อ ยู่ห ลัง ครั ว คุ ณ พ่ อ จ้า วดู แ ลเรื่ อ งบัญ ชี
รายได้และรายจ่ายของฟาร์มกระต่าย จ้าวเหวินเทาเป็ นคนดูแล
เรื่ อ งเงิ น ตอนนี้ ลุ ง จ้า วยัง ไม่ ไ ด้ดู แ ลไก่ แ ละเป็ ด เขาแค่ ดู แล
ประตูและลาดตระเวนดูความเรี ยบร้อย

พี่สามจ้าวเกิดความไม่พอใจขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช้คนในครอบครัว
แต่ไปใช้คนข้างนอก จ้าวเหวินเทาไม่นึกถึงครอบครัวสักนิ ด
เลย!
แต่เขาไม่คิดเลยว่า ถ้าเรี ยกเขาให้มาทางานที่ฟาร์มกระต่ายจริ ง
ๆ เขาก็ไม่มาเหมือนกัน!

ฟาร์ มกระต่ ายดาเนิ นไปตามปกติ จ้าวเหวินเทาก็เริ่ มค้า ขาย


อุปกรณ์การเกษตร ปุ๋ ยและเมล็ดพันธุ์ในช่ วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ส่ วนที่ดินภายในบ้านเขาจ้างพ่อของชุ ยต้าและเจ้ารองชุ ยมาทา
ให้ ส่ วนชุยต้าทางานอยูใ่ นฟาร์มกระต่าย จึงไม่มีเวลาไปทานา

พ่อของชุยต้าคนนี้ นอกจากลาเอียงเข้าข้างน้องชายตัวเองแล้ว
ยังเป็ นคนโง่ดว้ ยเพราะเขาทางานให้น้องชายและรับผิดชอบ
อย่างจริ งจัง ใช้ใจทางานยิง่ กว่างานของตัวเองเสี ยอีก

บนโลกใบนี้ มี ค นแบบนี้ ด้ ว ย กระตื อ รื อร้ น และมี ค วาม


ขยันหมัน่ เพียรต่อคนนอกและคนในครอบครัว ไม่มีความคิด
อื่น แต่งานของตัวเองกลับทาอย่างขอไปที ทาแบบลวก ๆ ก็ได้

โดยเฉพาะภายใต้อิทธิ พลของเหล่าอันธพาลใหญ่ในช่วงหลาย
ปี มานี้ คนแบบนี้ มีเยอะมาก คนแบบนี้ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้
ด้วยตนเอง แต่เป็ นคนงานที่ได้รับความดีความชอบจากเถ้าแก่
ยกตัวอย่างเช่นเถ้าแก่อย่างจ้าวเหวินเทา

ชี วิตของตระกูลชุ ยมีความยุ่งเหยิง แต่จา้ วเหวินเทาก็ยงั เห็นว่า


พ่อของชุยตาเป็ นคนงานที่ทรงคุณค่าหาได้ยากและเป็ นคนที่มี
คุณภาพ เขาจึงมอบหมายให้อีกฝ่ ายทานาทั้งหมดแทนตนเอง
อย่างวางใจ ทุ่ งนาของเขาถู ก ทานาอย่า งพิถี พิถ ัน ดู แลอย่า ง
เหมาะสม จ้า วเหวิน เทาก็ไ ม่ ไ ด้ต ระหนี่ ควรให้ร างวัล ก็ใ ห้
เช่ น เดี ย วกัน เขาได้ม อบหมายงานทั้ง หมดในนาให้พ่ อของ
ชุยต้าแล้ว และพ่อของชุยต้าก็ทางานได้อย่างแข็งขัน

เย่ฉูฉู่พูดเรื่ องนี้กบั โจวหมิ่น โจวหมิ่นจึงพูดว่า “บนโลกใบนี้มี


คนจ านวนมากที่ ไ ม่ มี ค วามสามารถในการพึ่ ง พาตัว เอง
จาเป็ นต้องมีคนคอยดูแล เขาถึงจะมีแรงบันดาลใจ”
“แต่เหวินเทาไม่ใช่ คนแบบนี้ น่ะค่ะ เขาไม่ชอบให้ใครมาบง
การ” เย่ฉูฉู่นึกถึงสามีของเธอ เมื่อเทียบกับพ่อของชุยต้า เขาก็
คือม้าป่ าที่หลุดจากบังเหียน ไม่เชื่อฟังใครทั้งนั้น

โจวหมิ่นที่อยู่ทางฝั่งนั้นกล่าวด้วยรอยยิม้ “คนแบบจ้าวเหวินเทา
ไม่ยอมให้ใครมาบงการ เพราะเขารู ้ว่าตัวเองต้องทาอะไร รู ้ว่าทา
ยังไงถึงจะได้ในสิ่ งที่ตอ้ งการ การตระหนักรู ้ในตัวเองสู งมากเลย
นะ มีแค่เธอที่คุมเขาได้”

เย่ฉูฉู่หน้าแดง โชคดีที่คุยโทรศัพท์กนั โจวหมิ่นจึงมองไม่เห็น


เธอ

“พี่สะใภ้ ดูพี่พูดเข้าสิ ฉันก็คุมเขาไม่ได้เหมือนกันนัน่ แหละค่ะ


เขาจะทาอะไรก็เป็ นเรื่ องที่เขาอยากทาด้วยตัวเอง”

โจวหมิ่นหัวเราะ “ฉู ฉู่ เป็ นเพราะเธอไม่ได้คุมเขา แต่ถา้ เธอคุม


เขาก็ตอ้ งฟังเธออยูแ่ ล้ว”
เย่ฉูฉู่รู้สึกหวานละมุนภายในใจ ดูเหมือนว่าจะใช่ สามีของเธอ
ก็ไม่เคยฝ่ าฝื นความต้องการของเธอมาก่อน แต่เธอก็ไม่คิดจะ
คุมสามีของตัวเอง หวังว่าสามีจะมีโลกเป็ นของตัวเอง

“ทาไมต้องคุมด้วยล่ะคะ เขาชอบอะไรก็ปล่อยให้เขาทาตามที่
ชอบ แบบนี้ถึงจะเป็ นตัวเขา” เย่ฉูฉู่กล่าว

โจวหมิ่นถอนหายใจ “ฉู ฉู่ บางครั้งฉันก็อิจฉาเธอจริ ง ๆ เธอรู ้


ไหม เธอคิดแบบนี้ มีหลายคนที่ท้ งั ชาติน้ ี ก็คิดไม่ได้ มีคู่สามี
ภรรยาหลายคู่ ที่อยากจะบงการชี วิตของอี กฝ่ าย แบบนี้ ถึงจะ
แสดงให้เห็ นถึ งความเหนื อกว่าของตัวเอง พวกเขาอาจจะดู
อ่อนข้อให้ตอนอยูข่ า้ งนอก แต่ในบ้านกลับแข็งกร้าว”

“ฉันรู ้ค่ะ กดขี่ข่มเหงในบ้านใช่ไหมคะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ถูกต้อง แต่การข่มเหงในบ้านเป็ นธรรมชาติของมนุษย์ ให้อีก


ฝ่ ายยอมจ านนตัว เอง เชื่ อ ฟั ง ตัว เองตั้ง แต่ ค วามคิ ด ไปจนถึ ง
ร่ างกาย”
“แบบนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว”

เย่ ฉู ฉู่ ไ ม่ อ ยากนึ ก ภาพความสั ม พัน ธ์ แ บบนั้น ระหว่ า งสามี


ภรรยาเลย สามีภรรยาที่ผา่ นพ้นช่วงเวลาหนึ่งไป ดูเหมือนว่าจะ
ไม่ได้เป็ นแบบนั้น

โจวหมิ่ น กล่ า วด้ว ยรอยยิ้ม “คนในชนบทไม่ ได้คิด มากมาย


ขนาดนั้น แต่คนในชนบทชอบใช้ความรุ นแรงในครอบครั ว
อันที่จริ งการใช้ความรุ นแรงในครอบครัวก็เป็ นเรื่ องธรรมชาติ
แบบนี้แหละ เอาล่ะ พวกเราอย่าคุยเรื่ องไร้สาระพวกนี้เลย ฉัน
ได้รับแบบร่ างของเธอแล้วนะ ตอนนี้ กาลังผลิต นางแบบก็หา
ไว้แล้ว คิดว่าอีกหนึ่ งอาทิตย์ก็ลงนิ ตยสารแล้ว ถึงเวลานั้นฉัน
จะส่ งไปรษณี ยไ์ ปให้เธอดูนะ”

เย่ฉูฉู่พูดด้วยความประหลาดใจ “เร็วขนาดนี้เลยเหรอคะ!”

“นี่ ถื อ ว่า ช้า มากเลยนะ ฤดู ใ บไม้ผ ลิ ใ กล้จ ะผ่า นไปแล้ว ฉู ฉู่
โดยทัว่ ไปแล้ว สไตล์เสื้ อผ้าที่เป็ นที่นิยมของฤดูร้อนจะออกมา
ในช่ วงฤดูใบไม้ผลิ สไตล์เสื้ อผ้าที่เป็นที่นิยมของฤดูหนาวจะ
ออกมาในช่ วงฤดูร้อน สไตล์เสื้ อผ้าที่เป็นที่นิยมของฤดูใบไม้
ผลิจะออกมาในช่ วงฤดู หนาว จะออกมาล่วงหน้าก่ อนถึ ง ฤดู
เธอต้องรี บทาเวลาออกแบบเสื้ อผ้าของฤดู ร้อนกับฤดู ห นาว
ออกมานะ พวกเราจะได้เตรี ยมตัวล่วงหน้า” โจวหมิ่นอธิบาย

เย่ฉูฉู่รีบพูด “ได้เลย พี่สะใภ้สาม ฉันจะรี บออกแบบออกมาให้


เร็วที่สุดค่ะ”

ทั้งสองคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่ องเสื้ อผ้าอีกครั้ง ก่อนจะวางสาย

โจวหมิ่นวางสายแล้ว ก็รีบเร่ งไปยังบริ ษทั นิตยสาร

แม้เสื้ อผ้าจะยังไม่ได้ผลิตออกมา แต่แบบร่ างที่เย่ฉูฉู่ออกแบบ


ไว้โจวหมิ่นก็สามารถใช้คอมพิวเตอร์สร้างเป็ นภาพนาไปก่อน
ได้ เพื่อนามาประชาสัมพันธ์
แม้ว่าสภาพแวดล้อมทัว่ ไปสาหรับการประชาสัมพันธ์จะไม่ดี
เท่ากับอีกสิ บกว่าปี ต่อจากนี้ สภาพแวดล้อมของเมืองหลวงก็ยงั
ดีกว่าสถานที่อื่น ๆ ถึงอย่างไรบรรยากาศก็ดีกว่า โจวหมิ่นนา
ภาพวาดที่ถ่ายเอกสารออกมาคุ ยกับนิ ตยสารเสื้ อผ้าจนถึ งค่ า
กว่าจะเสร็จสิ้ นขั้นตอนการขายออกไป

ตอนที่กลับมาถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว ลูกหิ วนมจนดื่มนมผงแล้ว


โจวหมิ่ นรู ้ สึกคัดหน้าอกจนรู ้ สึกทรมานไปหมด โชคดี ที่ลูก
ช่วยดูดนมไปนิดหน่อย จึงบรรเทาความเจ็บปวดของหล่อนได้

คุณแม่เย่เป็นห่ วงทั้งหลานและลูกสะใภ้ “เธอไม่ตอ้ งรี บขนาด


นั้นก็ได้ เงินค่อย ๆ หาเถอะ ลูกกินนมเธอจนชิ นแล้ว เลยไม่
ชอบกินนมผง เธอก็พยายามกลับบ้านให้เร็วหหน่อย”

โจวหมิ่น “ฉันเข้าใจแล้วค่ะแม่ ฉันก็ไม่คิดว่ามันจะนานขนาด


นี้ คนคนนั้นเข้มงวดเกินไปแล้ว”
ป้ าแม่บา้ นทาอาหารเสร็ จแล้วและยกเข้ามาเสิ ร์ฟ “มากินข้าว
เถอะจ้ะ”

“พวกเรากิ นกัน ก่ อ น อี กสักพักกว่าหมิ งเป่ ยจะกลับมา” คุ ณ


แม่เย่กล่าว

โจวหมิ่นให้นมลูกเสร็จ ลูกก็หลับปุ๋ ยไป หล่อนมองคราบน้ าตา


ที่ยงั เลอะอยูบ่ นใบหน้าก็รู้สึกปวดใจมาก

เมื่อเย่หมิงเป่ ยกลับมาตอนค่า คุณแม่เย่กก็ ระซิบบอกกับลูกชาย


ให้เขาโน้มน้าวใจภรรยาว่าอย่ากลับบ้านดึกแบบนี้ ลูกไม่ยอม
กินนมผง หิ วจนร้องไห้ไม่หยุด นางในฐานะที่เป็นแม่สามีจะ
พูดมากเกินไปก็ไม่ดี
ตอนที่ 272 กุยช่ ายทีต่ ระหนักรู้ (1)

เย่หมิงเป่ ยนอนลงบนเตียงและพูดคุยกับโจวหมิ่น

“หมินหมิ่น คุณไม่ตอ้ งรี บร้อนขนาดนี้กไ็ ด้ ตอนนี้ชีวิตพวกเรา


ก็ดีจะตาย จะเรื่ องอะไรก็ปล่ อยให้มนั ค่อย ๆ เป็ นค่อย ๆ ไป
นะ”

โจวหมิ่นได้ยินก็ทราบในทันทีว่านี่ เป็ นความต้องการของแม่


สามี หล่อนกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ฉันไม่ได้รีบ วันนี้ แค่เกิดเหตุ
สุ ดวิสัยเอง”

เย่หมิงเป่ ยไม่รู้วา่ ควรจะพูดอย่างไร

โจวหมิ่นกล่าว “หมิงเป่ ย ตอนนี้ เป็นช่ วงเวลาที่ดีที่สุดในการ


หาเงิน พวกเราต้องใช้เวลานี้เพื่อสะสมทุน จากนี้กส็ ามารถทา
ในสิ่ งที่อยากทาได้แล้ว”
“สิ่ งที่อยากทา?”

“อื้อ คุณมีความฝันไหม?” โจวหมิ่นพูดถึงจุดนี้ กอ็ ดไม่ได้ที่จะ


ยิม้ ออกมา “มีไหม?”

เย่หมิงเป่ ยย่อมมีความฝันอยูแ่ ล้ว ความฝันของเขาคือการได้ใช้


ชีวติ กับโจวหมิ่นอย่างดีไปตลอดทั้งชีวติ !

“หมินหมิ่น ความฝันของผมคือการได้ใช้ชีวิตกับคุณอย่างดีไป
ตลอดทั้งชี วิต” เย่หมิ งเป่ ยโอบกอดโจวหมิ่ น ทั้งยังพูดอย่าง
ลึกซึ้ง

โจวหมิ่นรู ้สึกซึ้ งใจมาก ถ้าให้บอกว่าทั้งชีวิตนี้สิ่งที่หล่อนโชค


ดี ที่สุดก็คือการได้กลับมาใช้ชีวิตกับผูช้ ายคนนี้ อีกครั้ ง สิ่ งนี้
สาคัญกว่ารายได้ที่หล่อนได้รับและโอกาสทางธุรกิจในการหา
เงินมาก
“หมิงเป่ ย เดิ มที พวกเราก็ตอ้ งใช้ชีวิตอย่างดี ท้ งั ชี วิตอยู่แล้ว นี่
ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็ นเรื่ องจริ ง” โจวหมิ่นกล่าว

เย่หมิงเป่ ยชอบคาพูดของภรรยา หล่อนสามารถพูดจนคาพูด


เข้าไปอยูใ่ นใจของเขาได้

“หมินหมิ่น ความฝันของคุณคืออะไรเหรอ?” เย่หมิงเป่ ยหอม


โจวหมิ่นพร้อมกับเอ่ยถาม

โจวหมิ่นดวงตาเป็ นประกาย “ความฝั นของฉันก็คือ ไม่เป็ น


กุยช่าย!”

เย่ห มิ ง เป่ ยถึ ง กับ มึ น งง ไม่ เ ป็ นกุ ย ช่ า ย นี่ ม ัน หมายความว่ า


อย่างไร?

โจวหมิ่นหัวเราะร่ า “ฉันหยอกเล่นน่ะ!”

“หมินหมิ่น คุณหยอกเล่นซะจริ งจังเกินไปแล้วนะ ผมก็นึกว่า


เป็ นเรื่ องจริ ง ผมกาลังคิดอยูเ่ ลยว่าทาไมถึงไม่เป็ นกุยช่าย ทาไม
ถึ ง ไม่ พู ด ว่ า ไม่ เ ป็ นผัก กาดขาวล่ ะ ?” เย่ห มิ ง เป่ ยพู ด เล่ น ด้ว ย
รอยยิม้

โจวหมิ่นโอบคอเย่หมิงเป่ ย หล่อนจ้องตาเขาพลางกล่าว “เป็ น


เพราะกุ ย ช่ า ยต้ อ งตั ด ที ล ะช่ อ ตั ด ยัง ไงก็ ไ ม่ จ บสิ้ น ส่ วน
ผักกาดขาวไม่ได้ เพราะตัดแค่ครั้งเดียวก็เสร็จแล้ว”

เย่หมิงเป่ ยไม่เห็นด้วย “หมินหมิ่น ผิดแล้วล่ะ กุยช่ ายสามารถ


ตัดให้หมดได้ หลังฤดูใบไม้ร่วงก็หมดแล้ว ส่ วนผักกาดขาวก็
ไม่ ส ามารถท าให้ เ สร็จได้ ภ ายในครั้ งเดี ย ว กิ น ใบของ
ผัก กาดขาวแล้ว เก็บ ตรงกลางของมัน ไว้ มัน ก็ย งั เติ บ โตได้
ตลอด สามารถกินได้ท้ งั ฤดูร้อนเลย”

โจวหมิ่นชะงัก หล่อนหัวเราะออกมา “หมิงเป่ ย ทาไมคุ ณถึง


น่ารักขนาดนี้เนี่ย! ฮ่า ๆ ขาชะมัดเลย!”
เย่หมิงเป่ ยไม่รู้วา่ คาพูดของเขาน่าขาตรงไหน แต่โจวหมิ่นบอก
ว่ า ข าก็ข าแล้ว กัน เขาจึ ง หัว เราะตามไปด้ว ย “ผมพู ด ไม่ ถู ก
เหรอ?”

โจวหมิ่ นพยักหน้า “คุ ณพูดถู ก แต่ กุยช่ ายที่ ฉันพูดถึ งเป็ นแค่
การเปรี ยบเปรย ไม่ใช่กยุ ช่ายไว้กิน แต่หมายถึงผูบ้ ริ โภค”

เย่หมิงเป่ ยแสดงท่าทางตั้งใจฟัง

“หมิงเป่ ย เสื้ อผ้าที่พวกเราขายดีขนาดนั้น มีคนชอบเยอะแยะ


ขนาดนั้น คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าเพราะอะไร?”

เย่หมิงเป่ ยครุ่ นคิด “คุณภาพดี สวย เป็ นที่นิยม ทันสมัย”

โจวหมิ่นยิม้ ตอนนี้เย่หมิงเป่ ยก็ใช้คาว่าเป็ นที่นิยมและทันสมัย


เป็ นแล้ว ก้าวหน้ามากจริ ง ๆ

“แล้วถ้าให้คุณซื้ อ คุ ณจะซื้ อไหม สมมติ ว่าถ้าคุ ณเป็ นผูห้ ญิง


ตอบตามความจริ งนะ”
เย่หมิงเป่ ยยิม้ “เรื่ องนี้ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ใช่ผหู ้ ญิง
คิดไม่ออกหรอก แต่ถา้ คุณชอบผมก็จะซื้อให้เธอ”

“ทาไมคุณถึงซื้อให้ฉนั ล่ะ?”

“ก็เพราะคุณชอบไง”

“แม้วา่ ราคามันจะแพงมาก ๆ เนี่ยนะ?”

“ก็ยงั ซื้ ออยู่ดี ตราบใดที่ ผมซื้ อไหว” เย่หมิ งเป่ ยตอบโดยไม่


หยุดคิด

โจวหมิ่นพยักหน้าด้วยรอยยิม้ “ถูกต้อง นี่คือจิตวิทยา ฉันชอบ


ฉันก็ซ้ือ คนที่ฉนั ชอบถูกใจฉันก็จะซื้อให้เธอ โดยไม่ไตร่ ตรอง
ถึงเรื่ องอื่น”

เย่หมิงเป่ ยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก

โจวหมิ่นพูดต่อไปว่า “คนที่ได้กาไรมากที่สุดคือใครล่ะ ไม่ใช่


คนที่ซ้ื อในสิ่ งที่ชอบ แต่เป็ นคนที่ขายในสิ่ งที่คนอื่นชอบ ซึ่ งก็
คือผูข้ าย ขอแค่ผูข้ ายสามารถจับจุดที่ผูซ้ ้ื อชอบได้ก็จะราบรื่ น
ทุกอย่าง ผูซ้ ้ื อแบบนี้ในสายตาของผูข้ ายก็คือกุยช่าย ตัดได้ตน้
แล้วต้นเล่า ไม่มีวนั สิ้ นสุ ด”

เย่ ห มิ ง เป่ ยฟั ง ไปพลางก็ รู้ สึ ก ไม่ ค่ อ ยสบายใจ “หมิ น หมิ่ น


แปลว่าคนที่ซ้ือของที่ชอบก็มีความผิดเหรอ?”

“คาถามนี้ ของคุ ณดี มากเลย ถู กต้อง ฉันอยากซื้ อในสิ่ ง ที่ ฉัน


ชอบผิดตรงไหน? ที่สาคัญก็คือ ของที่คุณชอบเยอะเกินไปหรื อ
เปล่า แพงเกินไปหรื อเปล่า เป็ นของที่คุน้ ราคาจริ งหรื อเปล่ า
เป็ นของที่ ชอบในวัน นี้ แต่ วนั พรุ่ ง นี้ อาจจะไม่ ช อบแล้ว หรื อ
เปล่ า? หรื อจะพูดได้ว่า ชอบแค่ ตอนนี้ อี กแค่ แป๊ บเดี ยวก็ไม่
ชอบแล้ว? แล้วยังไงต่อ ก็ไล่ตามช่ วงเวลาที่ใจเต้นแบบนั้นไม่
จบไม่สิ้น”

“จะเป็ นไปได้ยงั ไง!” เย่หมิงเป่ ยไม่เชื่อ


“ผูห้ ญิ ง เป็ นแบบนี้ ก ับ เรื่ องเสื้ อ ผ้า ไม่ ว่า ในตู ้เ สื้ อ ผ้าจะมี เสื้ อ
เยอะขนาดไหน เธอก็จ ะคิ ด ว่า ไม่ มี เ สื้ อ ให้ใ ส่ อ ยู่ดี ต่ า งก็คิ ด
อยากจะซื้ อ เสื้ อ ใหม่ ก็เ ที ย บได้ก ับ เสื้ อ ผ้า ที่ พ วกเราขายนั่น
แหละ จะมีลูกค้าสักกี่คนที่รู้ดีไปกว่าฉัน? พวกเธอมาซื้อเสื้ อผ้า
จากพวกเราเยอะขนาดนั้น และยังคงซื้ อเพิ่มอีก นอกจากร้าน
ของพวกเรา พวกเธอจะไม่ซ้ื อจากร้านอื่นเลยเหรอ? งั้นคุณจะ
บอกว่าซื้อเสื้ อผ้านี้เพื่อสวมใส่ อีกไหม?”

มีลูกค้ากลับมาซื้ อกี่คนเย่หมิงเป่ ยรู ้ดี ลูกค้าระดับสู งสิ บกว่าคน


ลูกค้าระดับกลางสามสิ บกว่าคน ลูกค้าระดับล่างอีกร้อยกว่าคน
ต่ อ ให้เ ป็ นลู ก ค้า ระดับ ล่ า งเสื้ อ ผ้า ที่ สั่ ง ตัด ก็มี ร าคาหลัก ร้ อ ย
ทั้งหมด และสั่งตัดเสื้ อผ้าจากพวกเราไม่ ต่ ากว่ายี่สิบกว่า ชุ ด
ส่ วนที่มากที่สุดเขายังไม่ได้คานวณ แต่เมื่อคานวณก็ทาให้เขา
ถึงกับตกใจ
“นี่ มนั …แอบน่ ากลัวเหมือนกันนะ” เย่หมิงเป่ ยไม่รู้ว่าควรจะ
พูดอย่างไร

โจวหมิ่นกล่าว “ที่ฉนั พูดเป็ นแค่ชุดหนึ่งตัว ยังมีดา้ นอื่นอีกนะ


รองเท้า กระเป๋ า เครื่ อ งประดับ ทั้ง หมดนี้ เป็ นการเก็ง ก าไร
ทั้งหมดเลย คุณรู ้จกั สิ นค้าฟุ่ มเฟื อยไหม?”

เย่หมิงเป่ ยพยักหน้า “ฉันเคยเห็นบนนิตยสาร”

“อือ ของพวกนั้นราคาถึงหลักหมื่นได้ง่าย ๆ เลยนะ แม้แต่ราคา


หลายแสนไปจนถึงหลายล้านก็มีเหมือนกัน คุณคิดว่าของพวก
นั้นคุม้ ราคาไหม?”

เย่หมิงเป่ ยตกตะลึงจนไม่อาจหาสิ่ งใดเปรี ยบ สิ นค้าฟุ่ มเฟื อย


เขารู ้ จ ัก แต่ เ ขาไม่ เ คยทาความเข้า ใจมาก่ อ น จึ ง คิ ด ว่า ไม่ ไ ด้
เกี่ยวข้องอะไรกับตนเอง
“ไม่คุม้ !” เย่หมิงเป่ ยรู ้สึกว่าเสื้ อสั่งตัดที่เขาขายก็ไม่ได้คุม้ ราคา
ขนาดนั้น

โจวหมิ่นยิม้ “ไม่คุม้ แล้วทาไมคนพวกนั้นถึงอยากซื้อล่ะ?”

“เพราะชอบ?”

“ใช่แล้ว งั้นคุณก็ลองคิดดูอีกสิ ทาไมพวกเขาถึงชอบ?”

“สวย?”

“เสื้ อผ้าสวย ๆ ที่มีราคาถูกก็มี ทาไมต้องซื้อของที่แพงแบบนั้น


ให้ได้ล่ะ?”

เย่ห มิ ง เป่ ยไม่ เ ข้าใจ เขาไม่ เคยซื้ อ ของพวกนั้น จะไปเข้าใน


ความคิดของคนที่ซ้ือได้อย่างไร

“เพราะสิ่ งที่ ซ้ื อคื อตัวตน รสนิ ยม และความรู ้ สึกเหนื อกว่า”


โจวหมิ่นพูดเคล้าความดูหมิ่น “น่ าเสี ยดายนะ ตัวตน รสนิ ยม
และความรู ้สึกที่เหนื อกว่าเป็นสิ่ งที่ผูข้ ายมอบให้ผูซ้ ้ื อ คนขาย
บอกกับคนซื้อ ถ้าคุณยิง่ ซื้อของแพงตัวตนของคุณก็จะยิง่ สู ง ยิง่
ทาให้รสนิยมของคุณดูสูงขึ้น ยิง่ ทาให้ความเหนือกว่านั้นสู งส่ ง
จากนั้นก็จะบอกคุณอีกว่า ซื้อของของเขาคุณคือคนที่เหนือกว่า
คนอื่น!”

“ผูซ้ ้ื อคนนั้นก็เชื่อ?” เย่หมิงเป่ ยถามจบก็แอบรู ้สึกเสี ยใจขึ้นมา


ก็ตอ้ งเชื่ออยูแ่ ล้ว ไม่เช่นนั้นเสื้ อผ้าเหล่านั้นที่พวกเขาออกแบบ
จะขายออกได้อย่างไรกัน!

“ก็ตอ้ งเชื่ออยูแ่ ล้ว ไม่ง้ นั หิ นผุ ๆ หนึ่งก้อนจะขายในราคาที่สูง


ลิ่ ว ได้ย งั ไงล่ ะ ? เพชรคื อ ความเป็ นนิ รั น ดร์ หนึ่ ง เม็ด นิ รันดร์
ตลอดกาล นี่ คือคาพูดโกหกล้างสมองที่เป็ นความสาเร็ จมาก
ที่สุดของผูข้ ายเลยนะ คุณลองถามดูสิว่ามีผหู ้ ญิงคนไหนใจไม่
เต้ น บ้ า ง? ก่ อ นหน้ า นี้ ฉั น เองก็ เ คยใจเต้ น มาก่ อ น ดั ง นั้ น
ความชอบของผู ซ้ ้ื อ สามารถควบคุ ม ได้ จิ ต วิ ท ยาของผู ซ้ ้ื อ
สามารถควบคุมได้ ถ้าทาสิ่ งนี้ สาเร็ จ ผูข้ ายก็ไม่จาเป็นต้องก้ม
ตัวเก็บเงินแล้ว แค่นั่งรอให้คนเอาเงินมาให้ก็พอ” ระหว่างที่
โจวหมิ่ น พู ด สี ห น้า ของเธอก็ แ ปลกไป “ฉั น เคยเป็ นคนที่
จ่ายเงินคนนั้น ตอนนี้ฉนั จะเป็ นคนเก็บเงินแล้ว!”

………………………………………………………………

เป็ นสานวนทางธุ รกิ จ เปรี ยบต้นกุยช่ ายกับคนรากหญ้าหรื อ


ผู ้บ ริ โ ภคทั่ว ไปในตลาดการเงิ น กุ ย ช่ า ยที่ ต ระหนัก รู ้ ก็ คื อ
ผูบ้ ริ โภคที่ฉลาดในการเลือกบริ โภค
ตอนที่ 273 กังหันลม

เรื่ องนี้ยอ่ มหมายถึงชาติที่แล้ว แต่เย่หมิงเป่ ยไม่ทราบ คิดว่าเป็ น


ตอนที่โจวหมิ่นอายุยงั น้อย เขาจึงกอดหล่อน “หมินหมิ่น คุณ
ไม่ตอ้ งคิดมากขนาดนั้นนะ ตอนเด็ก ๆ ก็มกั จะเกิดแรงกระตุน้
กันทั้งนั้นแหละ”

โจวหมิ่ นลู บหน้าเขา “หมิ งเป่ ย ที่ ฉันพูดเรื่ องพวกนี้ ไม่ใช่ ว่า
เสียดายอะไรหรอกค่ ะ แต่ ฉั น อยากบอกคุ ณ ว่ า บางครั้ ง
ความชอบของพวกเราก็ไม่ใช่สิ่งที่เราชอบจริ ง ๆ แต่เป็ นผูข้ าย
ที่บอกให้เราชอบ ถ้าจับจุดนี้ ได้ก็เท่ากับจับโดนรหัสความมัง่
คัง่ เลย แบบนั้นก็จะหาเงินได้ง่ายมากเลยล่ะค่ะ!”

เย่ห มิ ง เป่ ยกอดโจวหมิ่ น แน่ น ด้ว ยความปวดใจ “หมิ นหมิ่ น


พวกเราไม่ ตอ้ งหาเงิ นเยอะขนาดนั้นก็ได้ ผมไม่ อยากให้คุณ
เหนื่อยเกินไป”
โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิม้ “หาเงินแบบนี้ไม่เหนื่อยเลย คุณไม่
ต้องห่วงนะคะ ฉันมีแผนในใจแล้ว”

ขั้นแรกโจวหมิ่นนาแบบร่ างเสื้ อผ้าที่เย่ฉูฉู่วาดลงบนนิ ตยสาร


ก่อน ไม่ได้สร้างกระแสมากมายเท่าไรนัก แต่หลังจากที่ผลิต
เสื้ อออกมาแล้ว มันก็จะปรากฏบนตัวนางแบบที่เป็ นคนจริ ง ๆ
อีกครั้ง ซึ่งจะดึงดูดผูค้ นจานวนมาก งดงามมากเชียวล่ะ!

งานออกแบบชุดในฤดูร้อนของเย่ฉูฉู่ชุดนี้คล้ายกับชุดฮัน่ ฝู แม้
จะเรี ยบง่ายกว่าชุดฮัน่ ฝูมาก แต่ยงั รักษาความเรี ยบหรู คลาสสิ ก
ของชุดฮัน่ ฝูไว้ได้ และตัดเย็บด้วยเนื้อผ้าคุณภาพสู ง ภายใต้การ
เสนอสิ นค้าของนางแบบที่เข้ากับบรรยากาศก็จะทาให้ดูสะดุด
ตาและไม่สามารถปล่อยผ่านได้

โจวหมิ่นใช้เทคนิ คการตลาดอี กครั้ ง คุ ณไม่ซ้ื อชุ ดนี้ ก็เท่ ากับ


เป็ นการสู ญเสี ยของคุณ คุณไม่ซ้ื อชุดแบบนี้คุณจะเสี ยใจไปทั้ง
ชีวิต ทั้งนี้ยงั มีลูกเล่นอื่น ๆ อีกด้วย เช่น เป็ นรุ่ นลิมิเต็ด ตัดเย็บ
รายบุคคล ชุ ดฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
เป็ นต้น เรี ยกได้ว่าเสื้ อผ้าฤดูใบไม้ผลิน้ ีขายหมดทันทีที่วางขาย
ไม่เพียงแค่น้ ี อีกสามชุ ดประจาฤดู ที่เหลื อก็มียอดสั่งตัด ถล่ ม
ทลายราวกับเกล็ดหิมะที่ทบั ถมเรื่ อยๆ

โจวหมิ่ นไม่ หยุดอยู่แค่ น้ ี หล่ อนโทรติ ดต่ อกับเย่ฉูฉู่ในทัน ที


เพื่อเร่ งเปิ ดตัวเครื่ องประดับและกระเป๋ าของชุดคอลเลกชัน่ นี้

ทั้งหมดนี้เย่ฉูฉู่เป็ นคนออกแบบทั้งหมด เธอมีความคุน้ เคยกับ


เครื่ องประดับมาก ตอนที่อยูก่ บั องค์ชายก็ได้เห็นเครื่ องประดับ
มาไม่นอ้ ย มีเพียงกระเป๋ าที่ไม่ได้มีอยู่ในยุคสมัยนั้น แต่สิ่งนี้ก็
ไม่ ไ ด้ท าให้เ ธอรู ้ สึ ก ถึ ง ความยากล าบากอะไร เธอเคยเห็ น
กระเป๋ าจานวนมากบนนิตยสาร ทาให้ได้รับแรงบันดาลใจ จึง
ออกแบบกระเป๋ าให้เข้ากับมูด้ และโทนของเสื้ อผ้าคลาสสิ กได้

เครื่ องประดับยังดีหน่อย เพียงแต่กระเป๋ านี้ ตอนที่เพิ่งจะปล่อย


ภาพออกมา ยอดจองก็ยาวเหยียดไปจนถึงสิ้ นปี
โจวหมิ่นถึงกับถอนหายใจพูดกับเย่หมิงเป่ ย “ฉู ฉู่นี่เกิดมาเพื่อ
เป็ นนักออกแบบเลยนะคะ!”

เย่หมิงเป่ ยก็คิดไม่ถึงว่าน้องสาวจะสุ ดยอดขนาดนี้ ออกแบบ


อะไรออกมาก็ขายดีไปเสี ยทุกอย่าง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเพราะ
อะไร

โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิม้ “สไตล์! ของที่ฉูฉู่ออกแบบมีความ


เป็ นสไตล์ ข องตั ว เองสู งมาก สไตล์ แ บบนี้ คนอื่ น คิ ด จะ
ลอกเลียนแบบก็ลอกเลียนแบบไม่ได้ คุณดูเสื้ อผ้า กระเป๋ าและ
เครื่ องประดับที่ฉูฉู่ออกแบบสิ เป็นสไตล์แบบเดี ยวกัน ดูสง่า
งามและแพง คนที่ ไล่ ตามรสนิ ยมที่ เป็ นเอกลักษณ์ เฉพาะตัว
เหล่านั้นจะไม่ชอบได้ยงั ไงกัน”

สไตล์ของฉูฉู่ยอ่ มไม่มีใครลอกเลียนแบบได้อยูแ่ ล้ว เธอเกิดใน


ยุคอื่น ของทั้งหมดจึงมีเงาของยุคนั้นแฝงอยู่ นอกจากนี้ตอนที่
เธอติ ด ตามองค์ช ายในยุค นั้น ก็ไ ด้เ ข้า นอกออกในตระกู ล
ร่ ารวย ได้เจอของดี มากมาย หยิบออกมาสักสองสามอย่า งก็
กลายเป็ นความนิยมได้แล้ว

โจวหมิ่นไม่ทราบเรื่ องเหล่านี้ ย่อมคิดว่าเย่ฉูฉู่มีฝีมือเก่งกาจ

หลังจากยุง่ ตลอดฤดูใบไม้ผลิ ในที่สุดก็เพาะปลูกในที่นาเสร็ จ


จ้า วเหวิน เทายัง คงปลู ก พื ชผลที่ ไ ม่ ยุ่ง ยาก มี ด อกทานตะวัน
ข้าวโพด ถัว่ เหลือง แต่ปีนี้มีขา้ วสาลีเพิม่ เข้ามาอีกสี่ หมู่ดว้ ย

สิ่ ง ที่ จ ้า วเหวิ น เทาท าในตอนนี้ ได้ก ลายเป็ นกัง หั น ลมของ


หมู่ บา้ นแล้ว จ้าวเหวินเทาปลู กข้าวสาลี คนส่ วนหนึ่ งก็ปลู ก
ตามด้วย ยกตัวอย่างเช่ นชุยต้า เมิ่งต้า เจ้ารองฉวี่ และคนอื่น ๆ
นอกจากนี้ยงั มีพี่ชายทั้งสามคนของจ้าวเหวินเทาด้วย

พี่สามจ้าวไม่ตอ้ งพูดถึงเลย เขาเอาแต่จอ้ งจ้าวเหวินเทา ทั้งยัง


คิดจะไล่ตามแบบทันที จ้าวเหวินเทาปลูกข้าวสาลีแล้ว เขาจะ
อยูร่ ้ ังท้ายไม่ได้
ฝ่ ายบ้านของพี่รองจ้าวนั้นเป็ นความต้องการของพี่สะใภ้รอง
จ้าวที่อยากปลูก หล่อนมีความคิดเรี ยบง่าย หากจ้าวเหวินเทา
กล้าปลูกของแบบนี้กต็ อ้ งไม่มีปัญหาอะไร

พี่สี่จา้ วยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงเพราะนี่เป็ นความต้องการของพี่สะใภ้สี่


พี่สะใภ้สี่เห็ นว่าพี่สามีท้ งั สองและน้องสามี ปลูกข้าวสาลีกนั
หมด หล่อนจะล้าหลังพวกเขาได้อย่างไรกัน ดังนั้นจึงยืนกราน
ที่จะปลูก

คนเฒ่าคนแก่ส่วนหนึ่งภายในหมู่บา้ นถึงกับขาพรื ด “ปลูกข้าว


สาลี จะรอดเหรอ?”

“นัน่ สิ พวกเราทานามาทั้งชี วิต ยังไม่เคยเห็นคนปลูกข้าวสาลี


ที่นี่เลย”

“พวกคนหนุ่มสาวนี่ไม่รู้เรื่ องเลยนะ”
“พวกหนุ่ ม สาวจะไปเข้า ใจอะไร้ รู ้ แ ต่ อ ยากกิ น แป้ ง ขาวนั่น
แหละ แป้งขาวนัน่ คิดจะกินก็กินได้เหรอ?”

คนเฒ่ า คนแก่ ต่ า งก็ช้ ี หน้า บ่ น คนที่ ปลู ก ข้า วสาลี พู ด คุ ย ออก


ความคิ ด เห็ น พ่ อ ของชุ ย ต้า ได้ยิน ก็แ อบร้ อ นใจ เขาเป็ นคน
รับผิดชอบ จ้าวเหวินเทาก็มอบหมายที่นาให้เขาดูแล เขาต้อง
ดูแลให้ดี จึงรี บมารายงานจ้าวเหวินเทา

“ไม่เป็นไร ลุงปล่อยให้พวกเขาพูดไปเถอะ” จ้าวเหวินเทาพูด


อย่างไม่ใส่ ใจ “ลุงแค่ทาตามที่ผมสอนก็พอ”

พ่อของชุยต้าจึงสบายใจ

ไม่วา่ คนในหมู่บา้ นจะพูดอย่างไร ต้นกล้าของข้าวสาลีกเ็ ติบโต


ตามระยะเวลาจนสันเขามีสีเขียวชอุ่ม จ้าวเหวินเทารวบรวมคน
ปลู กข้าวสาลี เพื่อรดน้ าให้ตน้ ข้าว จากนั้นก็ใส่ ปุ๋ย ครั้ งนี้ เขา
ไม่ได้ใช้ปุ๋ยเคมี แต่เป็นการใช้มูลของกระต่ายและน้ ารวมเข้า
ด้ว ยกัน หลัง จากนั้น ไม่ กี่ ว นั ก็ร อดู ต ้น กล้า เติ บ โตแบบก้า ว
กระโดด

เมื่อพี่สะใภ้รองจ้าวดูตน้ ข้าวสาลีในนาเสร็ จแล้ว หล่อนก็รู้สึกมี


ความสุ ขมาก กลับมาก็เจอกับหลี่เฟิ น จึงคุยกันเรื่ องข้าวสาลี

“เติ บโตได้ไ ม่ เ ลวเลยนะ รดน้ า แล้ว ก็ยิ่ง ดี ข้ ึ น พวกเราใช้มูล


กระต่ายกับมูลอื่น ๆ หวังว่าจะได้รับผลผลิตที่ดี” พี่สะใภ้รอง
จ้าวกล่าว

หลี่เฟิ นกล่าว “ได้รับผลผลิตที่ดีแล้วก็ยงั มีแป้ งขาวให้กินด้วย


เพียงแต่นี่เป็ นการปลูกข้าวสาลีครั้งแรก ไม่รู้ว่าผลจะเป็ นยังไง
ถึงยังไงก็ไม่มนั่ ใจอยูด่ ี”

บ้านพวกหล่อนก็ปลูกเช่ นกัน แต่ไม่กล้าปลูกในปริ มาณมาก


ปลูกในที่ดินแค่สองหมู่เท่านั้น

“พวกเราก็ทาตามที่นอ้ งหกทานัน่ แหละ”


พี่สะใภ้รองจ้าวไม่อยากยอมรับก็ตอ้ งยอมรับ จ้าวเหวินเทามี
ช่องทางเยอะ ทาตามจ้าวเหวินเทาแล้วไม่เสี ยเปรี ยบหรอก

หลี่เฟิ นกล่าว “นัน่ สิ ก่อนหน้านี้ ไม่เคยได้ยินเลยว่าพวกเราจะ


ปลูกข้าวสาลีได้ น้องหกของเธอนี่กล้าจริ ง ๆ!”

ทางฝั่ งพี่สามจ้าวก็กาลังคุยเรื่ องข้าวสาลี “ผมจาได้ว่าปี ที่แล้ว


เจ้าหกบอกว่าใส่ ปุ๋ยเคมี แล้วดี ทาไมปี นี้ ถึงไม่ ใส่ ปุ๋ยเคมี เพื่อ
ปลูกข้าวสาลีล่ะ?”

พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “อาจเป็นเพราะไม่สามารถใส่ ปุ๋ยลงบน


ข้าวสาลีได้ม้ งั ?”

“ถุย! ใส่ ปุ๋ยเคมีไม่ได้อะไรกัน? ฉันได้ยนิ มาว่าปุ๋ ยเคมีนนั่ จะผัก


อะไรก็ใส่ ได้หมดนัน่ แหละ!” พี่สามจ้าวทาท่าทางราวกับแขวะ
ว่าอีกฝ่ ายหลับหูหลับตาพูด
“งั้นคุ ณก็ใส่ สิ น้องหกเขาก็ไม่ได้ห้ามคุ ณสักหน่ อย” พี่สะใภ้
สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์

พี่สามจ้าวส่ ายหน้า “ทาตามเขานั่นแหละ นี่ เป็ นการปลูกข้าว


สาลีครั้งแรก ยังไงก็ตอ้ งระวังตัวสักหน่อย”

ทางฝั่ ง พี่ ส ะใภ้สี่จ ้าวเพิ่ง จะถอนวัชพืช ในทุ่ งข้าวสาลี เ สร็ จก็


เหนื่ อยเสี ยจนปวดแขนไปหมด ตอนนี้ หล่อนรู ้สึกอิจฉาเย่ฉูฉู่
เป็ นพิเศษ อีกฝ่ ายแลดูสบายจริ ง ๆ ได้อยูเ่ ลี้ยงลูกในบ้านทุกคน
ทาอาหารกิน มากสุ ดก็แค่ปลูกผักในสวน ไม่เหมือนกับหล่อน
ที่ตอ้ งลงมาทานาทุกวัน กลับไปก็ยงั ต้องทาอาหารให้ยยั เด็กบ้า
สามคนนัน่ อีก น่าราคาญจะตายอยูแ่ ล้ว!

“วันไหนว่างคุ ณช่ ว ยไปที่ ตลาดแล้วแลกบะหมี่ ผดั น้ า มัน มา


หน่อยสิ นี่กใ็ กล้จะต้องทางานยุง่ กันแล้ว คงไม่มีเวลาทากับข้าว
ถึงเวลานั้นทาหมี่ผดั กินสักหน่ อยก็ได้แล้ว” พี่สะใภ้สี่จา้ วพูด
กับพี่สี่จา้ ว
บะหมี่ผดั น้ ามันคือบะหมี่ที่ผดั จนสุ กแล้ว ตอนรับประทานก็
แค่เติมน้ าร้อนสักหน่อย จะใส่ น้ าเย็นก็ได้ สิ่ งนี้ประทังความหิ ว
ได้ แต่รับประทานมาก ๆ ก็มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อเหมือนกัน

พี่สี่จา้ วไม่เห็นด้วยที่จะรับประทานของแบบนั้น “คุณขี้เกียจอีก


แล้วนะ กับข้าวก็ไม่ยอมทา คุณคิดจะทาอะไรกับเขาบ้างเนี่ย?”

พี่สะใภ้สี่จา้ วไม่พอใจ “ขี้เกียจอีกแล้วอะไรกัน วัชพืชที่อยู่ใน


ทุ่งนาคุณเป็ นคนถอนเหรอ? ถ้าคุณเป็ นเหมือนน้องหก จ้างคน
อื่นมาจัดการให้ ฉันก็ทากับข้าวอร่ อย ๆ ให้คุณกินได้ทุ กวัน
แล้ว!”
ตอนที่ 274 ช่ วงเวลาทีง่ ดงามภายในสวนผืนน้ อย

พี่สี่จา้ วบุย้ ปาก “ตอนที่ไม่ได้ลงไปทานาก็ไม่เห็นว่าคุณจะทา


ของอร่ อยอะไรเลย แต่ละมื้อก็ทาแบบถู ๆ ไถ ๆ”

พี่สะใภ้สี่จา้ วฟังแล้วก็โมโห “ในบ้านเรามีอะไรบ้างล่ะ คุณดูสิ


ยากจนขนาดแทบจะกินแกลบกันอยูแ่ ล้ว จะให้ฉนั หาอะไรมา
ทาให้คุณกิน? มีปัญญานักคุณก็ไปซื้อเนื้อซื้อผักซื้อข้าวซื้ อแป้ ง
มาสิ ฉันจะทาให้คุณกินทุกวันเลย!”

พี่สี่จา้ วทราบดีวา่ ทะเลาะไปก็ไม่มีอะไรดีข้ ึนมา จึงหมุนตัวเดิน


ออกไป

ตอนนี้คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ วย้ายไปอยูท่ ี่ฟาร์มกระต่ายแล้ว


จึงเหลือแค่ครอบครัวเขาเพียงครอบครัวเดียว เมื่อนึกถึงอดีตที่
ทุกคนเคยอยูท่ ี่นี่ดว้ ยกันอย่างครึ กครื้ น ก็แอบรู ้สึกไม่คุน้ ชิน
พี่สี่จา้ วมองไปที่สวน ปี ที่แล้วพ่อกับแม่ของเขาจะปลูกพืชผักที่
สวนในช่วงเวลานี้ ตอนนี้เขายุง่ จนไม่ได้หยุดพัก ถ้ายังไม่ปลูก
อีก ปี นี้คงไม่มีผกั ให้รับประทาน เมื่อคิดเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจ
ออกมา เกิดความรู ้สึกว่าตัวเองต้องทางานหนักทุกวันแบบนี้
ไปเพื่ออะไรกันนะ

ฤดู ใ บไม้ผ ลิ อ ากาศอบอุ่ น ดอกไม้ก็เ บ่ ง บาน ฤดู ดี ๆ แบบนี้


นอกจากออกแบบแล้ว เย่ฉูฉู่กจ็ ดั การกับสวนผืนเล็ก ๆ ด้วย

ก่ อนอื่ นต้องถางวัชพืชก่ อน แล้วก็โปรยเมล็ดพันธุ์ผกั ลงบน


บริ เวณที่จะปลูกผัก รอบ ๆ แปลงปลูกดอกไม้อีกนิดหน่อย ฟั ง
ดูแล้วงานไม่ได้เยอะแยะอะไร แต่ก็ทาต่อเนื่ องเป็นเวลาหนึ่ ง
เดือนแล้ว

อย่ า งแรกคื อ ปลู ก ต้ น หอม จากนั้ นก็ ป ลู ก ผั ก กาดขาว


ผักกาดหอม กุยช่าย มะเขือยาว พริ ก มะเขือเทศ ผักเหล่านี้ตอ้ ง
เพาะปลูกไว้ก่อน ส่ วนถัว่ แขกต้องรอหลังจากนี้อีกหน่อย
ต้นแอปเปิ ลในปี นี้ ยงั ไม่ผลิดอก แต่ออกใบแล้ว ตั้งแต่ใบอ่อน
ไปจนถึงใบเพสลาด ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชวั่ พริ บตา ตอนนี้ เย่ฉูฉู่
ชอบหักกิ่ งต้นหลิ วมาสองสามกิ่ ง จากนั้นก็บิดจนกลายเป็ น
นกหวีดเพื่อเป่ าให้เสี่ ยวไป๋ หยางและลูกลิงฟัง

เสี่ ยวไป๋ หยางได้ยนิ ก็โบกมือขยับเท้า ยืน่ มือออกมาเพื่อจับ เย่ฉูฉู่


จึงให้เขาหนึ่งกิ่ง เด็กน้อยก็เอาใส่ ปากทันที ผลลัพธ์ที่ได้หลังได้
ลิ้ ม รสชาติ ค วามขม คิ้ ว เล็ก ๆ ก็ข มวดเข้า หากัน เย่ฉู ฉู่ ถึ ง กับ
หั ว เราะออกมา จากนั้น จึ ง ยื่ น ให้ ลู ก ลิ ง อี ก หนึ่ งกิ่ ง ลู ก ลิ ง รั บ
นกหวีดไปเล่นอย่างมีความสุ ข มันเป่ าเลียนแบบเย่ฉูฉู่ แต่มนั จะ
เป่ าเป็ นที่ไหนกัน มันจึงรี บส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ

เย่ฉูฉู่รีบยื่นมือออกไปปลอบมัน จากนั้นจึงหยิบนกหวีดของ
ตัวเองขึ้นมาเป่ า ลูกลิงจึงสงบลงในทันที เย่ฉูฉู่คิดว่าลูกลิงคง
ชอบเสี ยงนกหวีดมาก
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างช้า ๆ ต้นหอมขนาดเล็กสี เขียวก็
เติบโตขึ้น ผักกาดขาวหัวเล็กก็ปรากฏใบเล็ก ๆ ออกมาให้เห็น
ดอกไม้ที่อยูโ่ ดยรอบก็มีดอกตูมโผล่ออกมา ใช้เวลาอีกไม่นาน
สวนขนาดเล็กแห่งนี้กม็ ีสีสันสดใสทั้งสวน

ตอนนี้ ไม่ มี ล ม แสงแดดก็ก าลัง พอดี เย่ฉู ฉู่ จึ ง หยิบเก้า อี้ โ ยก


ออกมาวางไว้ที่ช้ นั หิ นปูนซี เมนต์ตรงประตูบา้ น เธออุม้ เสี่ ยว
ไป๋ หยางพลางชี้ ดอกไม้ใบหญ้าต้นหอมและผักกาดขาวเล็ก ๆ
ให้ลูกดู และบอกเขาว่าคื ออะไร เสี่ ยวไป๋ หยางก็ยื่นนิ้ วเล็ก ๆ
ออกไปชี้ พร้ อ มส่ ง เสี ย งอ้อ แอ้ เย่ ฉู ฉู่ ก ล่ า วชื่ น ชมสองสาม
ประโยค ลูกลิงที่นงั่ อยู่บนเก้าอี้ตวั เล็กข้าง ๆ ได้ยินจึงส่ งเสี ยง
ร้องเจี๊ยก ๆ เย่ฉูฉู่กช็ มมันไปสองสามคาเช่นกัน จนบางครั้งเธอ
ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกับสอนลูกสองคน

หลังช่ วงเที่ ยงของวัน เมื่ อเย่ฉูฉู่และลู กชายตื่ นจากการนอน


กลางวัน เธอจึงลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา และมานัง่ บนเก้าอี้โยก
เพื่อสอนลูกเหมือนกับทุก ๆ วัน ลูกลิงก็เข้ามาร่ วมด้วยเหมือน
ทุกครั้ง

“เสี่ ยวไป๋ หยาง ลูกดูสิ นัน่ คือดอกไม้ นัน่ คือใบหญ้า ส่ วนนัน่


คือผักกาดขาวต้นน้อย”

ตอนที่เย่ฉูฉู่กาลังพูดท่ามกลางเสี ยงอ้อแอ้ ๆ ของเสี่ ยวไป๋ หยาง


จู่ ๆ ก็มีคาหนึ่งหลุดออกมา “ผัก!”

เย่ฉูฉู่ตกตะลึง ลูกชายพูดเป็ นแล้ว!

“เสี่ ยวไป๋ หยาง เก่งจริ ง ๆ เลย ถูกต้องจ้ะ นัน่ คือผักนะ!” เย่ฉูฉู่


ตั้งใจเน้นเสี ยงพูดว่า ‘ผัก’ ให้ชดั

เสี่ ยวไป๋ หยางยิม้ และพูดซ้ าอีกครั้ง “ผัก!”

เย่ฉูฉู่ดีใจมาก สิ้ นเดื อนนี้ ลูกชายเพิ่งจะมีอายุห้าเดื อนเท่ านั้น


เธอได้ยนิ มาว่าเด็กจะพูดได้ตอนขวบกว่า ๆ จะเรี ยกพ่อแม่ได้ก็
หลังจาก 7-8 เดือน ตอนนี้ลูกชายเพิ่งจะห้าเดือนก็พูด ‘ผัก’ ได้
แล้ว สุ ดยอดเกินไปแล้ว!

แน่ น อนว่ า นี่ อ าจจะเป็ นการออกเสี ย งของเสี่ ย วไป๋ หยางที่


ใกล้เคียงกับ ‘ผัก’ ก็ได้ แต่เย่ฉูฉู่กย็ งั เชื่อว่าลูกชายออกเสี ยงจริ ง
ๆ สิ่ งนี้ คงเป็นความรู ้สึกของคนเป็นแม่ที่หวังว่าลูกจะประสบ
ความสาเร็จ

“ลูกรักของแม่เก่งจริ ง ๆ!” เย่ฉูฉู่ยกลูกชายจนลอยตัวขึ้นสู ง

เสี่ ยวไป๋ หยางยิม้ อย่างมีความสุ ข

เด็กคนนี้ชอบยิม้ เป็นพิเศษ ไม่หยอกก็ยมิ้ แล้ว แต่ยงิ่ หยอกก็ยิ่ง


ยิม้

“อ้าว สองคนแม่ลูกเป็ นอิสระขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!” เฮ่อซงจือ


เดินเข้ามาด้านในพลางกล่าวด้วยรอยยิม้

เย่ฉูฉู่แย้มยิม้ “มาได้ไงเนี่ย ที่บา้ นไม่ยงุ่ เหรอ?”


“ไม่ยงุ่ ได้ไงล่ะ ตอนนี้เป็ นช่วงถอนวัชพืชเลย นี่เพิ่งกลับมาจาก
ทานาและให้นมลูกเสร็ จ ฝากลูกไว้ให้แม่สามีดูให้กอ็ อกมาเลย
เดี๋ ยวก็ตอ้ งกลับไปทาอาหารอี ก” เฮ่ อซงจื อยกเก้าอี้ มานั่ง ลง
ตรงหน้าเย่ฉูฉู่

“แม่ ส ามี ข องเธอก็ดี น ะ เธอออกมาก็ไ ม่ ไ ด้พู ด อะไร” เย่ฉู ฉู่


กล่าว

“ก็แบบนั้นแหละ เฮ้อ ใช้ชีวิตแบบนี้ คิดเยอะเกินไปไม่ได้จริ ง


ๆ พอคิดมากเกินไป ก็ใช้ชีวิตต่อไม่ได้!” เฮ่ อซงจือกวาดซ้าย
มองขวา พูดด้วยความอิจฉาว่า “ฉูฉู่ สวนบ้านเธอเก็บกวาดไว้ดี
จริ ง ๆ เธอจัดการคนเดียวเลยเหรอ?”

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้ “ลูกไม่มีอะไรต้องห่ วง ไม่ได้ทาให้การ


ทางานของฉันล่าช้าเลย แถมยังมีไฉไฉด้วย ช่วยงานฉันได้มาก
เลยล่ะ”

ในตอนนี้ลูกลิงเข้าไปซ่อนตัวในบ้านแล้ว
เฮ่ อซงจือแอบรู ้สึกไม่พอใจเท่าไรนัก “ลิงบ้านเธอนี่ ทาไมทา
ตัวเหมือนเด็กผูห้ ญิงเลย เห็นคนก็ไปหลบซ่ อน ฉันมาตั้งหลาย
ครั้งแล้ว แต่กย็ งั ไม่คุน้ หน้ากันอีก!”

“มันกลัวคน เธอจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับลิงทาไมเนี่ ย” เย่ฉูฉู่


ขบขัน

เฮ่อซงจือก็ยมิ้ “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ สวนผืนน้อยของเธอ ฉัน


ยิง่ เห็นก็ยงิ่ ชอบ”

“รอเธอสร้างบ้านเสร็จก็จดั แบบนี้ได้” เย่ฉูฉู่กล่าว

เฮ่ อ ซงจื อ พยัก หน้า “ฉัน คิ ด ไว้ดี แ ล้ว ฉัน จะทาแบบเธอเลย


ประตูบา้ นก็จะราดด้วยปูนซีเมนต์ ด้านบนนี้ตากของสักหน่อย
คงดีมากเลย สะอาดแถมยังสะดวกด้วย”
“แล้วเธอจะสร้างบ้านเมื่อไรล่ะ?” เย่ฉูฉู่จาได้ว่าจ้าวเหวินจื้ อ
เคยพูดว่าจะซื้ อบ้าน แต่หลังจากนั้นก็ยงั ไม่มีความเคลื่อนไหว
อะไร

“หลังฤดูใบไม้ร่วงปี นี้แหละ” เฮ่อซงจือกล่าว “ที่ดินซื้ อไว้แล้ว


แต่น่าเสี ยดายที่พวกเราซื้ อช้าไปหน่ อย ไม่ง้ นั คงได้เป็ นเพื่อน
บ้านกับเธอแล้ว”

ตอนนี้ มีหลายครอบครั วมาสร้ างบ้านที่ ตงเหลี ยง เป็ นเพราะ


ตอนแรกจ้าวเหวินเทาซื้ อที่ดินไว้ค่อนข้างใหญ่ ทางตะวันตกก็
ทาเป็ นลานตีขา้ ว คนอื่น ๆ ก็ศึกษาและทาตามด้วย พวกเขาจึง
ซื้ อที่ ดินขนาดใหญ่ และสร้ างลานตี ขา้ วไว้ทางทิ ศ ตะวัน ตก
เช่ นกัน บ้านแต่ละหลังจึงอยู่ห่างจากกัน ติดกับลานตีขา้ วของ
จ้าวเหวินเทาก็คือบ้านของชุ ยต้า บ้านของเขาสร้างในช่ วงฤดู
ใบไม้ผ ลิ ข องปี นี้ ติ ด กับ บ้า นของชุ ย ต้า คื อ บ้า นของคนใน
หมู่บา้ นที่มีแซ่ เมิ่ง จากนั้นก็เป็นบ้านของเฮ่อซงจือ ตามมาติด
ๆ ด้วยเจ้ารองฉวี่ เมิ่งต้าอยูด่ า้ นหน้าของบ้านเจ้ารองฉวี่และอยู่
ใกล้กบั สวนผลไม้ ซึ่ งตาแหน่ งบ้านของเจ้ารองฉวี่อยู่ใกล้กบั
หมู่บา้ นที่สุดแล้ว

มีไม่กี่ครอบครัวอาศัยอยู่กนั อย่างเบาบาง แต่กลับครองพื้นที่


เกือบจะครึ่ งหมู่บา้ นแล้ว เรื่ องนี้ทาให้คนในหมู่บา้ นอิจฉามาก
ซื้อที่ดินสร้างบ้านก็ตอ้ งซื้อใหญ่ ๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีที่ไว้วาง
ของ ถึ งอย่างไรในชนบทก็มีของเยอะ จาเป็ นต้องมี สถานที่
ใหญ่ ๆ ไว้เก็บฟางฟื นที่เป็ นเชื้อไฟ

“ไม่เป็นไร ยังไงพวกเราก็อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ไปมาหาสู่


สะดวกกว่าในหมู่บา้ นด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าว

ระหว่า งที่ คุ ย กัน เสี ย งของภรรยาเหล่ า หวัง สามก็ดัง มาจาก


ประตูสวน “อ้าว เฮ่อซงจือ เธอมานัง่ พักที่นี่เหรอ!”

แม้เย่ฉูฉู่จะไม่ ค่อยชอบอี กฝ่ ายเท่ าไร แต่ เมื่ อเห็ นก็ตอ้ งเรี ยก
ทักทาย “สะใภ้หวังกลับมาจากทานาแล้วเหรอ รี บเข้ามานัง่ สิ !”
เธอหยิบเก้าอี้ของลูกลิงเข้ามาวางต้อนรับ

เฮ่อซงจือก็กล่าวทักทาย “ใช่ เข้ามาพักแป๊ บหนึ่ งน่ะ อีกเดี๋ ยวก็


กลับไปทากับข้าวแล้ว”

ภรรยาเหล่าหวังสามเดิ นเข้ามาด้านในสวน หล่อนกวาดมอง


ซ้ายทีขวาที ก่อนจะเดาะลิ้นชื่นชม “เก็บกวาดสวนผืนน้อยได้ดี
จริ ง ๆ ฉูฉู่ เธอเลี้ยงลูกแต่กท็ างานได้เยอะแยะขนาดนี้เลยนะ!”
ตอนที่ 275 ท้ องก่อนแต่ ง

“ลูกชายฉันไม่ซนเลยจ้ะ มีเวลาให้ฉนั ทางานด้วย รี บนัง่ สิ ” เย่ฉูฉู่


ชี้ไปที่เก้าอี้พลางกล่าว

ภรรยาเหล่ า หวัง สามนั่ง ลงบนเก้า อี้ กล่ า วกับเฮ่ อ ซงจื อ ด้ว ย


รอยยิม้ “ก่อนอื่นขอยินดีกบั เธอด้วยนะ!”

เฮ่ อ ซงจื อ ถึ ง กับ ตะลึ ง งัน กับ ค าพู ด ยิ น ดี น้ ี “เธออย่ า พู ด จา


เหลวไหลสิ ฉันมีเรื่ องน่ายินดีอะไรกัน!”

ภรรยาเหล่าหวังสามเม้มปากยิม้ “เธอยังไม่รู้สินะ ภรรยาของ


เจ้ารองฉวี่น่ะมีแล้วนะ เธอที่เป็นแม่สื่อจับคู่ได้ง่ายมากจริ ง ๆ
แค่แป๊ บเดียวก็เสร็จสิ้ นสมบูรณ์แล้ว!”

เย่ฉูฉู่ชะงัก นางแอบไม่เข้าใจ มีอะไรกัน


เฮ่ อซงจือประหลาดใจเล็กน้อย สี หน้าของหล่อนเปลี่ยนเป็ น
เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง หลังจากเงี ยบไปครู่ หนึ่ งจึงพูดขึ้นว่า “เธอ
ไปได้ยนิ มาจากไหน?”

ภรรยาเหล่าหวังสามยื่นมือออกมาตีเฮ่อซงจือ “ก็ได้ยินมาจาก
ยายฉวี่น่ะสิ ! แม่สามีพูดแบบนี้แล้ว ยังจะเป็ นเรื่ องโกหกได้อีก
เหรอ?”

เฮ่อซงจือตกตะลึงอีกครั้ง เรื่ องใหญ่ขนาดนี้ทาไมหล่อนถึงไม่รู้


อะไรเลย?

เย่ฉูฉู่เข้าใจแล้ว นางพูดด้วยความประหลาดใจ “พวกเขายังไม่


แต่งงานกันไม่ใช่เหรอ? ไปมีกนั ตอนไหนเนี่ย?”

ภรรยาเหล่าหวังสามกล่าวเคล้ารอยยิม้ “ฉูฉู่ ดูเธอพูดเข้าสิ เรื่ อง


แบบนี้ ยงั ต้องรอจัดงานแต่งอีกเหรอ? มันก็ทาได้ทุกที่ทุกเวลา
นัน่ แหละ เกิดขึ้นตอนไหนเหรอ จากที่ได้ยินความหมายของ
ยายฉวี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นช่ วงเดือนแรกของปี นี่ แหละ เธอยัง
ไม่ทนั ได้แต่งงานเข้ามาเป็ นลูกสะใภ้กม็ าที่บา้ นแล้วไม่ใช่เหรอ
แถมยังใส่ กางเกงบางตัวเดียวด้วย ผลลัพธ์ที่ได้กห็ นาวจนป่ วย
เลย อยู่ ที่ บ้า นตระกู ล ฉวี่ ต้ ัง หลายวัน แน่ ะ คงเป็ นช่ ว งนั้ น
แหละ!”

เย่ฉูฉู่ลองคานวณดูแล้วถ้าเป็ นช่วงนั้น ถึงตอนนี้กน็ ่าจะท้องได้


สี่ เดือนกว่า ๆ แล้วสิ ? ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้ แล้วฝ่ ายหญิงไม่
รู ้สึกอะไรเลยเหรอ?

ภรรยาเหล่าหวังสามตบหน้าขา “ทาไมจะไม่รู้ล่ะ ฉันว่านะฝ่ าย


หญิงนัน่ รู ้ต้ งั นานแล้ว แต่ไม่กล้าพูดแน่ ๆ ถึงได้ปิดบังจนถึ ง
ตอนนี้ เป็ นเพราะปิ ดไม่อยูถ่ ึงได้พูดออกมา”

เฮ่อซงจือหัวแทบจะระเบิด นี่ เป็นครั้งแรกที่หล่อนเป็นแม่สื่อ


กลับเจอฝ่ ายหญิงที่เป็นแบบนี้ ทั้งยังเป็นน้องสาวที่เห็นกันมา
ตั้งแต่เล็ก ๆ ทาไมถึงกลายเป็ นคนพึ่งพาอะไรไม่ได้แบบนี้นะ?
“ฉันไม่ รู้อะไรทั้งนั้นแหละ ทาไมถึ งได้เกิ ดเรื่ องใหญ่ แบบนี้
ได้” เฮ่อซงจือโกรธจนกัดฟันกรอด

“ตระกูลฉวี่ตอ้ งรู ้แน่นอน แต่ตระกูลฉวี่น่าจะจงใจปิ ดบัง นี่ถา้


ท้องขึ้นมา เงินสิ นสอดยังต้องให้อีกเหรอ?” ภรรยาเหล่าหวัง
สามส่ ายหน้าพลางเดาะลิ้น

คาพูดนี้ ไม่ผิดเลย ในชนบทคนที่ทอ้ งก่อนแต่งถือเป็ นเรื่ องที่


เสี ยหน้ามาก เรื่ องแบบนี้ โดยปกติ แล้วจะโทษฝ่ ายหญิงก่อน
ส่ วนฝ่ ายชายก็สามารถใช้เรื่ องนี้ เพื่อไม่ ให้สินสอดฝ่ ายหญิง
ฝ่ ายหญิงจะกล้าพูดอะไรได้ ถึงอย่างไรก็ต้ งั ท้องลูกของอีกฝ่ าย
ไปแล้ว อยากจะหาความบริ สุทธิ์ก็หาอะไรไม่ได้แล้ว

แน่นอน การหย่าและหอบลูกไปแต่งงานใหม่กเ็ ป็ นคนละเรื่ อง


กัน คนในชนบทเห็ น ความส าคัญ ของความบริสุ ท ธิ์ ก่ อ น
แต่ งงานมาก ดังนั้นต่ อให้ฝ่ายชายไม่ ให้สินสอด ฝ่ ายหญิ งก็
ต้องแต่งอยูด่ ี
“ตระกูลฉวี่นี่วางแผนดีเชี ยวนะ พวกเธอคิดดูสิ สู่ ขอลูกสะใภ้
คนนี้ประหยัดเงินไปตั้งเยอะ!” ไม่รู้วา่ ภรรยาของเหล่าหวังสาม
ตื่นเต้นอะไรนักหนา “แต่ถา้ จะให้พูดคนที่ออกแรงก็ยงั เป็ นเจ้า
รองฉวี่ เจ้าเด็กคนนี้ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลยนะ ดูเป็นคนไม่
ค่อยพูด แต่กลับทาเรื่ องใหญ่โตแบบนี้เสี ยได้!”

เย่ฉูฉู่ก็แอบเกิดอารมณ์ความรู ้สึก เจ้ารองฉวี่ทาให้รู้สึกเหนื อ


ความคาดหมายจริ ง ๆ

เฮ่ อ ซงจื อ ถึ ง กับ หมดแรง “มี ลู ก แล้ว ยัง จะให้ฉัน เป็ นแม่ สื่ อ
ทาไมอีก!”

ภรรยาเหล่าหวังสามกล่าว “ดูพูดเข้าสิ นี่กย็ งั ไม่ได้แต่งงานกัน


เลย ทาไมแม่สื่ออย่างเธอจะไม่มีประโยชน์ล่ะ?”

เย่ฉู ฉู่ ก ล่ า วเคล้ารอยยิ้ม “นั่น สิ ยัง ไงก็ต ้อ งมี แ ม่ สื่อ อย่างเธอ


เพื่อให้พวกเขาทั้งสองฝ่ ายคุยเรื่ องแต่งงานกัน”
เฮ่อซงจือยิม้ อย่างโมโห “ฉันเองก็จะรอดู ว่าพวกเขาจะมีหน้า
มาบอกฉันยังไง!”

“ต่อให้มีหรื อไม่มีหน้าก็ตอ้ งมาบอกสิ ” ภรรยาของเหล่าหวัง


สามทาท่าทางราวกับเป็ นผูช้ มไม่ได้เดือดร้อนอะไร “นี่ถา้ ผ่าน
ไปอีกสักสองเดือน ก็เห็นได้ชดั แล้วว่าท้อง แบบนั้นคงทาให้
คนหัวเราะเยาะแย่เลย!”

เฮ่อซงจือคิด ๆ ดูแล้วก็เห็นด้วย เรื่ องนี้ เป็นฝ่ ายหญิงนี่ แหละที่


จะเดือดร้อน

“เฮ้อ!” เฮ่อซงจือถอนหายใจอีกครั้ง

เย่ฉูฉู่ปลอบใจ “เธอก็อย่าโมโหไปเลย พวกเขาสองคนต่างก็


ยินดี ท้ งั คู่ ตอนนี้ ก็สร้ างบ้านแล้วด้วย งั้นก็แต่ งงานเถอะ ถึ ง
ยังไงไม่ชา้ ก็เร็วก็ตอ้ งแต่งงานอยูด่ ี”
ภรรยาของเหล่าหวังสามกล่าว “มันก็ใช่ที่ไม่ว่าจะช้าหรื อเร็ วก็
ต้องแต่งงานกัน แต่ก่อนที่จะแต่งงานดันมามีลูกซะแล้ว มันไม่
เหมือนกับตอนที่มีลูกหลังแต่งงานหรอกนะ อีกอย่าง ตอนแรก
ฝ่ ายหญิงก็บอกว่าต้องมีบา้ นสามห้องนอนและเตียงเตาอีกหนึ่ง
ให้เธอทาแค่งานบ้าน ถึงจะยอมแต่งงาน ตอนนี้ ไม่ทนั แล้วล่ะ
บ้านเพิ่งจะสร้างขึ้นมา แถมยังเป็ นหนี้อีก แต่งงานรอบนี้กต็ อ้ ง
เป็ นหนี้ดว้ ยนะ!”

“ถ้าบ้านสร้างขึ้นมาแล้ว เก็บกวาดสักหน่อยก็อยูไ่ ด้แล้วใช้เวลา


ไม่ กี่วนั หรอก” เย่ฉูฉู่กล่ าว “ไม่ เอาสิ นสอด แต่ จะไม่ จดั การ
บ้านให้ดี ๆ เหรอ?”

ภรรยาเหล่าหวังสามบุย้ ปาก “ตระกูลฉวี่เป็นแบบนั้น ฉันเห็น


แล้วก็ทนไม่ ไหว คนบ้านนั้นใช้ชีวิตเป็ น อี กอย่าง ฝ่ ายหญิ ง
ท้อ งใหญ่ เ ต็ม ที่ เธอจะให้ฝ่ ายหญิ ง ใช้ชี วิ ต ด้ว ยตัว เองเหรอ
หล่อนจะใช้ชีวิตได้เหรอ? เจ้ารองฉวี่กไ็ ม่ใช่คนที่จะทาอาหาร
เป็ นด้วย!”

เฮ่อซงจือกล่าว “ไม่ใช่คนที่ทาอาหารเป็ นก็ตอ้ งทา มีภรรยากับ


มีลูกแล้วถ้าเขาไม่ทาแล้วจะให้ใครทา!”

“เธอดูสิผูช้ ายคนไหนบ้างที่เดินวนอยู่รอบเตาทาอาหารบ้าง!”
ภรรยาเหล่าหวังสามกล่าว

เฮ่อซงจือหันมองเย่ฉูฉู่ “ก็มีอยูค่ นหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “เขากลับมาก็มาช่ วยทากับข้าว แต่ฉันก็ตอ้ งตามเก็บ


กวาดเหมือนกัน”

ภรรยาเหล่าหวังสามถึงกับส่ งเสี ยงอุทาน “จ้าวเหวินเทาของ


เธอนี่จะมีใครสู ้ได้ ทั้งหาเงินเป็ น แถมยังรักภรรยาอีก ฉู ฉู่ เธอ
นี่หนูตกถังข้าวสารเลยนะ!”
แม้ว่าจะเป็ นคาพูดชื่ นชม แต่เย่ฉูฉู่ได้ยินแล้วไม่รู้ว่าทาไมถึ ง
รู ้สึกทะแม่ง ๆ ชอบกล

หยุดพักนานขนาดนี้ เฮ่ อซงจือก็ควรกลับไปดู ลูกแล้ว หล่อน


ลุกขึ้นยืนและเดินกลับไป ส่ วนภรรยาเหล่าหวังสามก็กลับไป
อย่า งอาลัย อาวรณ์ การพัก ผ่อ นในสวนหย่อ มของเย่ ฉู ฉู่ ม ัน
สบายเกินไปแล้ว

หลังจากทุกคนกลับไป เย่ฉูฉู่ก็พูดกับลู กชาย “เสี่ ยวไป๋ หยาง


พวกเราก็ควรทาอาหารกันแล้วนะ ลูกอยากกินอะไรเอ่ย?”

เสี่ ยวไป๋ หยางอ้าปากหาวในทันที

“เสี่ ยวไป๋ หยางง่วงแล้วเหรอจ๊ะ?” เย่ฉูฉู่อุม้ ลูกชายเดินกล่อมเข้า


ไปในบ้าน

ครั้ นจ้าวเหวินเทากลับมาในตอนค่ า เย่ฉูฉู่ ก็พูดเรื่ องของเจ้า


รองฉวีใ่ ห้เขาฟัง จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกเหนือความคาดหมายมาก
“มี ลู ก แล้ว ? เจ้า รองฉวี่ค นนี้ เป็ นคนมี ค วามสามารถขนาดนี้
เลย!” จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึหึ “สุ ดยอดกว่าผมอีกนะเนี่ย!”

“รู ้ จกั แต่ พูดจาเหลวไหลนะคะ!” เย่ฉูฉู่ถลึ งตามองเขาปราด


หนึ่ง

“ไม่ได้พูดเหลวไหลสักหน่ อย ตอนที่พวกเราหมั้นกันแรก ๆ
ผมยังไม่เคยคิดเรื่ องนี้เลย”

“แล้วคุณคิดอะไร?”

“ผมก็คิดว่าอย่าได้แต่งงาน ถ้าแต่งงานก็จะมีคนมาดูแลแล้ว ไม่


สามารถขึ้นเขาลงห้วยได้อีกแล้ว แต่เจ้ารองฉวี่นี่เยี่ยมเลยนะ
รี บร้อนขนาดนี้ ทาเรื่ องนี้ต้ งั แต่เนิ่น ๆ เลย!”

จ้าวเหวินเทาพูดโดยสนใจแค่ความรู ้สึกของตัวเอง เขาไม่ทนั


ได้เห็นสายตาไม่เป็ นมิตรของภรรยา

“คุณจะบอกว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับฉัน?” เย่ฉูฉู่ยอ้ นถาม


“ใช่ ที่ไหนกันล่ะ! ที่ผมพูดคือผมไม่อยากแต่งงาน” จ้าวเหวิน
เทาพูดถึงตรงนี้กเ็ พิ่งได้สติ รี บพูดว่า “ถ้ารู ้วา่ ได้แต่งงานกับคุณ
แล้วชี วิตจะดี ขนาดนี้ ผมคงแต่ งงานกับคุ ณตั้งแต่ คลอดออก
มาแล้ว!”

เย่ฉูฉู่ยิ้มด้วยความโกรธเคือง “จะไปไหนก็ไปเลย ยิ่งพูดก็ยิ่ง


เชื่อถือไม่ได้!”

จ้าวเหวินเทาก็หวั เราะ “ภรรยา ผมพูดจริ งนะ”

เย่ฉู ฉู่ ห น้า แดงระเรื่ อ ภายในใจรู ้ สึ ก ได้ถึ ง ความหวานหยด


คาพูดของสามีจริ งหรื อเท็จเธอย่อมแยกได้อย่างชัดเจน เพียงแต่
คนคนนี้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งน่ าสะอิดสะเอียน ไม่ว่าจะคาพูดอะไรก็พูด
ออกมาหมด!

“ตอนนี้เฮ่อซงจือลาบากใจแล้วล่ะ” เย่ฉูฉู่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
จ้าวเหวินเทาก็พูดตามเออออว่า “นัน่ สิ ฝ่ ายหญิงเป็นน้องสาว
ของเพื่อนตัวเอง เกิดเรื่ องแบบนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ
หล่ อนที่ เป็ นแม่ สื่อ แต่ ถา้ ฝ่ ายชายไม่ ยอมจ่ ายเงิ นค่ าสิ นสอด
หล่อนจะรับเงินก็ไม่ได้ ไม่รับก็ไม่ได้อีก เฮ้อ ทาเรื่ องแบบนี้
จริ ง ๆ เล๊ย!”

………………………………………………………………
ตอนที่ 276 การประนีประนอม

“ตระกูล ฉวี่ค งไม่ ถึ ง ขั้น ไม่ ย อมควัก เงิ น จ่ า ยแม้แ ต่ เ ฟิ นเดี ย ว


หรอกมั้ง? นี่เป็ นการแต่งงานไม่ใช่การสร้างศัตรู ยังไงก็ตอ้ งคง
มองหน้ากันไม่ติด” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ตระกูลฉวี่คงมีเงิ นไม่ มากเท่าไรหรอก” จ้าวเหวินเทากล่ าว


“สร้ างบ้านให้เจ้ารองฉวี่แล้ว แทบจะเป็ นการขนสมบัติของ
พวกเขาออกมาจนหมดเลย”

เย่ฉูฉู่กล่าว “ไม่ใช่วา่ ค้างจ่ายเหรอ?”

“ก็ค ้า งจ่ า ยนั่น แหละ แต่ ก็แ ค่ ส่ ว นหนึ่ ง ที่ ดิ น ไม่ ไ ด้ค ้า งจ่ า ย
ค่าจ้างก็ไม่ได้คา้ งจ่าย แต่กจ็ ่ายให้อีกทีหลังฤดูใบไม้ร่วง ถ้าฝ่ าย
หญิ งต้องการสิ นสอดเยอะ ๆ ผมคิ ดว่าตระกูลฉวี่คงทาเรื่ อ ง
เหลืออดจริ ง ๆ แล้วล่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
“บ้านของพวกเขาก็เลี้ยงกระต่ายด้วยไม่ใช่ เหรอ? ที่ดินก็เยอะ
มาก ปี ที่แล้วไม่มีเงินเก็บสักนิดเลยเหรอ?” เย่ฉูฉู่ไม่ค่อยเข้าใจ
ฐานะทางบ้านของตระกูล ฉวี่ เธอรู ้ แค่ ว่าบ้านของพวกเขาดู
เหมือนจะมีที่ดินเยอะมาก

จ้าวเหวินเทากล่าว “คุ ณคงไม่ รู้ ร่ างกายของย่าเจ้ารองฉวี่ไม่


ค่อยแข็งแรง กินยาทั้งปี นี่กก็ ินมาหลายปี แล้วด้วย สิ่ งที่น่ากลัว
ที่สุดในการใช้ชีวิตก็คือโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าในบ้านมีคนป่ วย ก็
ยากที่จะลืมตาอ้าปาก”

เย่ฉู ฉู่ ท ราบว่า เจ้า รองฉวี่มี ย่า อี ก หนึ่ ง คน ดวงตามองไม่ เห็ น


จาเป็ นต้องมี คนช่ ว ยประคองจึ ง จะเดิ นได้ กิ นยาตลอดทั้ง ปี
บ้านของพวกเขาไม่มีกลิ่นอื่นเลย นอกจากกลิ่นยาจีน

“ดู เ หมื อ นว่า เฮ่ อ ซงจื อ คงจนปั ญ ญาที่ จ ะขอสิ น สอดให้ฝ่ าย


หญิงแล้วล่ะ” เย่ฉูฉู่ถอนหายใจ
เธอพูดไว้ไม่ ผิดเลย ผ่านไปไม่ กี่วนั ตระกูล ฉวี่ก็ไ หว้ว านให้
เฮ่ อซงจือไปบอกทางฝ่ ายหญิง บอกว่าจะแต่งงานสิ้ นเดือนนี้
สาเหตุกเ็ ป็ นเพราะต้องการแรงงานคนมาถางวัชพืช

นี่ ย่อ มต้อ งหมายถึ ง ฝ่ ายหญิ ง อยู่แ ล้ว เพราะท้อ งใหญ่ อ ย่ า ง


เห็นชัด ไม่สามารถแบกท้องโตไปแต่งงานได้ แต่ฝ่ายหญิงไม่
สามารถออกตัวในเรื่ องการแต่งงานก่ อนได้ ต้องให้ฝ่ายชาย
เป็ นคนออกตัวก่อนถึงจะดี นี่ จึงเป็นเหตุผลที่ตระกูลฉวี่พูดถึง
เรื่ องแต่งงาน

ตระกูลฉวี่ไม่ได้พูดถึงเรื่ องตั้งครรภ์ บ้านฝ่ ายหญิงก็ไม่ได้พูด


อะไร เฮ่อซงจือจึงทาเป็ นไม่รู้ไม่เห็น หล่อนไปถามทางฝั่งหญิง
แล้ว ฝั่ งหญิงต้องการสองข้อ คือต้องสร้างบ้าน ส่ วนสิ นสอด
ต้องการเสื้ อผ้าสองชุด ต่างหู ทอง แหวนทอง สร้อยข้อมือทอง
นอกจากนี้ ยงั ขอรถจักรยานหนึ่ งคันและนาฬิกาอีกหนึ่ งเรื อน
ด้วย
มีขอ้ เรี ยกร้องที่สูงเช่นนี้ก็ตอ้ งมีการเจรจาต่อรอง แม้ว่าจะเป็น
สิ นสอด แต่โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้แตกต่างกัน ครั้นตระกูลฉวี่
ได้ยินข้อเรี ยกร้ องของฝ่ ายหญิ ง จึงตอบตกลงแค่ เสื้ อสองชุ ด
และสร้างบ้าน แต่สร้างบ้านยังต้องรออีกสองปี

แบบนี้ถือเป็ นการหัน่ มากกว่าครึ่ ง ฝ่ ายหญิงย่อมไม่เห็นด้วยอยู่


แล้ว ตระกูลฉวี่กไ็ ม่ได้รีบร้อน ถึงอย่างไรในท้องของหล่อนก็
มีหลานของพวกเราอยูแ่ ล้ว อย่างไรหล่อนก็ตอ้ งตอบตกลง

เฮ่อซงจือโมโหทุกครั้งที่นาคาพูดไปบอกอีกฝ่ าย

“หลังจากนี้ ฉันจะไม่เป็นแม่สื่ออีกแล้ว โมโหแทบตายอยู่แล้ว


เนี่ย!” เฮ่อซงจือมาระบายความทุกข์ทรมานกับเย่ฉูฉู่

เย่ฉูฉู่ก็เห็นอกเห็นใจหล่อน “ตระกูลฉวี่ก็เกินไปหน่ อยนะ ไม่


ว่าจะพูดยังไง อีกฝ่ ายก็เลี้ยงดูลูกสาวจนโตขนาดนั้นแล้ว อย่าง
น้อย ๆ ก็ตอ้ งให้ค่าเลี้ยงดู พ่อแม่สักนิ ด แสดงออกให้เห็นสัก
หน่อยสิ ”
“ก็ใช่น่ะสิ ” เฮ่อซงจือพูดด้วยความตื่นเต้น “ใช่ พวกเขาไม่กลัว
ว่าฝ่ ายหญิงปฏิเสธ แต่หลังจากนี้ ก็ยงั ต้องใช้ชีวิตต่อไปนะ ทา
ตัวแข็งกระด้างเกินไปหลังจากนี้จะมองหน้ากันยังไง?”

“เจ้ารองฉวีว่ า่ ยังไงบ้าง?”

เย่ฉูฉู่รู้สึกสงสัยมาก เรื่ องตั้งแต่ตน้ จนจบคนที่สร้างเรื่ องก็คือ


เจ้ารองฉวี่ เขาจะแสดงทัศนคติอย่างไร

“เขาเหรอ?” เฮ่อซงจือบุย้ ปาก “ผูช้ ายแบบนี้ ไม่มีมโนธรรมเอา


ซะเลย!”

“อะไรนะ? เขาเองก็ ไ ม่ ย อมไกล่ เ กลี่ ย ให้ เ หรอ?” เย่ ฉู ฉู่


ประหลาดใจมาก “ตอนแรกพวกเขาก็คุยกันอย่างดีเลยนะ”

เฮ่อซงจือถอนหายใจ “แล้วไงล่ะ? คุยกันดีกว่านี้แต่ถา้ ไม่มีเงิน


ก็ทาอะไรไม่ได้”

“แล้วเจ้ารองฉวีว่ า่ ยังไงบ้าง?”
“เจ้ารองฉวี่บอกว่าแต่งงานไปก่อน หลังจากนี้ค่อยทยอยซื้ อให้
ฝ่ ายหญิง เธอคิดว่าหลังจากแต่งงานแล้วค่อยซื้ อให้จะเรี ยกว่า
สิ นสอดเหรอ?” เฮ่อซงจือพูดด้วยความหงุดหงิด “ไม่เคยเห็น
ใครเป็ นแบบนี้มาก่อนเลย!”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ ด้วยรอยยิม้ ขมขื่น “ตระกูลฉวีไ่ ม่มีเงินจริ ง ๆ เหรอ?”

“ไม่มีเงินก็ยืมสิ เงินแค่ 100-200 หยวนยังไงก็หายืมได้อยูแ่ ล้ว


ไม่ ว่าจะพูดยังไงก็คงไม่ เหลื อหน้าแล้ว ตระกูลฉวี่นั่นแม้แต่
หน้าก็ไม่อยากมีกนั แล้ว!” เฮ่อซงจือโกรธจนหายใจฟึ ดฟั ด “นี่
ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันจะไม่สนใจแล้ว พวกเขาอยากจะทาอะไรก็
เชิญเลย!”

เย่ฉูฉู่กไ็ ม่รู้วา่ ควรพูดอย่างไร

เฮ่อซงจือพูดต่อไปว่า “น้องสาวของไห่ เยีย่ นทาไมถึงเป็ นแบบ


นี้นะ? นี่ไม่เท่ากับต้อนตัวเองให้จนมุมเหรอ?”
“หล่อนเป็ นยังไงบ้าง?”

“จะเป็นยังไงได้ล่ะ จะมีชีวิตที่ดีได้เหรอ ตั้งท้องแล้วเธอก็รู้ว่า


ทรมานขนาดไหน แถมยังมาเจอผูช้ ายแบบนี้อีก จะมีความสุ ข
เหรอ?” เฮ่อซงจือกล่าว “ตอนแรกฉันคิดว่าหล่อนจะแกร่ งกว่า
พี่สาวตัวเอง ตอนนี้ดูเหมือนว่ายังสู ้พี่สาวไม่ได้เลยด้วยซ้ า! ถ้า
ไม่ ใช่ เพราะยัยนั่น…จะอยู่ในสถานการณ์ ยากลาบากแบบนี้
เหรอ?”

“หล่อนอายุยงั น้อย จะคิดมากมายขนาดนั้นได้ยงั ไงกัน เรื่ องนี้


ก็ต ้อ งท าต่ อ ไปให้ดี ๆ เธอก็พ ยายามโน้ม น้า วใจตระกู ล ฉวี่
หน่อย อย่างน้อย ๆ ก็ให้เงินสักนิด แต่งงานกันแล้ว ถึงยังไงก็มี
หลานอยูใ่ นท้องแล้วนะ”

เย่ฉูฉู่ตระหนักได้อย่างลึ กซึ้ ง เรื่ องนี้ ยิ่งยื้อนานวันเท่ าไรฝ่ าย


หญิงก็ยงิ่ เสี ยเปรี ยบมากเท่านั้น
เฮ่อซงจือพยักหน้า “ฉันรู ้ ฉันจะไปโน้มน้าวใจอีกสักครั้งแล้ว
กัน”

เรื่ อ งนี้ ยื้อ กัน ไปยื้อ กัน มากัน อยู่ห ลายครั้ งในที่ สุ ด ก็ส รุ ป ได้
ตระกูลฉวีต่ อบตกลงที่จะเย็บชุดให้ฝ่ายหญิงสองชุด นอกจากนี้
ของอย่างอื่นจะถูกแปลงเป็ นเงินอีกสี่ ร้อยหยวน ส่ วนบ้านยัง
ต้องรออีกสองปี ถึงจะสร้างได้ ฝ่ ายหญิงตอบตกลงแล้ว ถ้าไม่
ตอบตกลงก็คงไม่ได้ เพราะหลานในท้องไม่อนุญาตน่ะสิ

ทั้ง สองฝ่ ายตอบตกลงแล้ว วัน แต่ ง งานได้ถู ก ก าหนดอย่า ง


รวดเร็ว พวกเขารี บแต่งงานกันในวันที่หนึ่งเดือนพฤษภาคม

งานแต่งถูกจัดขึ้นมา จุดประสงค์กเ็ พื่อเก็บเงิน ต้องทราบก่อน


ว่ า ถ้า ไม่ จ ัด งานแต่ ง ก็ จ ะไม่ ไ ด้เ งิ น งานแต่ ง เรียบง่ า ยมาก
ตระกูลฉวี่ข้ ี งกขนาดนั้น ไม่ มีทางที่ จะจัดปลาตัวใหญ่ หรื อมี
เนื้อหมูจานวนมากอยูแ่ ล้ว ว่ากันว่าแม้แต่ผกั ครึ่ งหนึ่งก็ยงั ไม่ได้
รับประทานเลย
คนในหมู่บา้ นที่สนิทกับตระกูลฉวี่ ให้เงินมา 1-2 หยวน คนที่
มี ความสัมพันธ์แบบปกติ ก็ใส่ ให้ 5-6 หมาว พูดได้ว่าการจัด
งานของตระกูลฉวีใ่ นครั้งนี้ไม่ขาดทุน

ในวัน แต่ ง งานของเจ้ารองฉวี่ เย่ฉู ฉู่ ก็ก าลัง เป็ นพยานให้กบั


เสี่ ยวไป๋ หยางที่ลุกขึ้นนัง่ เองได้แล้ว

ผ่านไปอีกไม่กี่วนั เสี่ ยวไป๋ หยางก็จะอายุหกเดือนแล้ว ว่ากันว่า


สามพลิกหกนัง่ แปดคลาน หมายความว่าเด็กจะพลิกคว่าตอน
สามเดือน นัง่ ตอนหกเดือน และคลานตอนแปดเดื อน ตอนนี้
แม้ว่าเสี่ ยวไป๋ หยางจะอายุยงั ไม่ถึงหกเดื อน แต่ก็สามารถลุ ก
ขึ้นมานัง่ ได้แล้ว ทั้งยังนัง่ ได้มนั่ คงมากด้วย เพียงแต่นงั่ ได้ไม่
นานเท่าไรนัก

เย่ฉูฉู่ปรบมือด้วยความดีใจ “ว้าว เสี่ ยวไป๋ หยางนัง่ เป็ นแล้ว เก่ง


จริ ง ๆ เลย!”

ลูกลิงก็นงั่ ปรบมือและส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ อยูท่ างนั้น


เสี่ ยวไป๋ หยางยิม้ ขณะปรบมือ หัวเล็ก ๆ โยกนิดหน่อย ท่าทาง
น่ารักน่าเอ็นดูทาให้เย่ฉูฉู่ถึงกับใจละลาย

ตกตอนค่าจ้าวเหวินเทาก็ทราบว่าลูกชายนั่งได้แล้ว เขาจึ งยก


ลูกชายลอยขึ้นกลางอากาศอยู่หลายครั้ง ทาให้เสี่ ยวไป๋ หยางมี
ความสุ ขมาก

“ลูกชายของพ่อสุ ดยอดจริ ง ๆ ยังไม่ถึงหกเดือนก็นงั่ ได้แล้ว มา


เรี ยกพ่อกับแม่สักคาซิ ลูก!” จ้าวเหวินเทากอดลูกชายขณะพูด
อย่างมีความสุ ข

เสี่ ยวไป๋ หยางเรี ยนรู ้ดว้ ยการส่ งเสี ยงอ้อแอ้ ๆ

“วันก่อนฉันได้ยินเขาพูดว่า ‘ผัก’ ด้วยนะ” เย่ฉูฉู่กล่าว “แต่ก็


ครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ยนิ ลูกพูดอีกเลย”

“เด็กเล็กพูดได้ตอนหนึ่งขวบกว่า ๆ มั้ง?” จ้าวเหวินเทากล่าว


“ดูเหมือนว่าจะใช่นะคะ แต่กม็ ีคนที่พูดได้เร็ วเหมือนกัน เสี่ ยว
ไป๋ หยางอายุแค่ไม่กี่เดือนก็ส่งเสี ยง แอ้ ๆ ๆ แล้ว ฉันคิดว่าเขา
คงพูดได้เร็ วกว่ากาหนดแหละค่ะ” เย่ฉูฉู่ยกอาหารมาจัดเตรี ยม
เพื่อเตรี ยมรับประทานอาหาร

ตอนนี้เจ้ารองฉวีก่ ม็ าหาที่บา้ น

“พี่หกจ้าว กลับมาแล้วเหรอ!” เจ้ารองฉวี่เดินเข้ามาพร้อมกับ


ทักทาย

เย่ฉูฉู่หันไปมองก็แอบประหลาดใจ เธอพบว่าเจ้ารองฉวี่สวม
ใส่ ดว้ ยชุดจงซานจวงตัวใหม่ครึ่ งตัว ส่ วนกางเกงถูกรี ดจนเรี ยบ
รองเท้าก็เป็ นรองเท้าหนังด้วย!

เจ้ารองฉวี่ถูกมองก็แอบรู ้สึกเขินนิดหน่อย “พี่สะใภ้ พวกพี่ยงั


ไม่กินข้าวกันเหรอ”
จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิม้ “ได้ยนิ ว่าวันนี้เป็ นวันแต่งงานของ
นาย ดึกดื่นป่ านนี้ แล้วนายยังไม่เข้าห้องหอ วิ่งมาทาอะไรที่นี่
เนี่ย?”

เจ้ารองฉวีพ่ ูดด้วยความเขินอาย “ช่วงเช้าตรู่ ของเมื่อคืนเข้าห้อง


หอไปแล้ว วันนี้เป็ นงานเลี้ยง ตอนค่าเชิญคนมากินข้าวด้วยกัน
ผมก็เลยตั้งใจมาชวนพี่หกจ้าวไปดื่มเหล้าฉลองด้วยกันน่ะ”

………………………………………………………………
ตอนที่ 277 เสี ยงปื น

งานแต่งงานเป็ นเรื่ องใหญ่ของชีวติ ดังนั้นกระบวนการทั้งหมด


จึงต้องคานวณเป็นอย่างดีโดยผูเ้ ชี่ ยวชาญ ว่าเวลากี่โมงต้องทา
อะไร พิ ธี ก ราบไหว้ฟ้ า ดิ น ของเจ้า รองฉวี่ จ ัด ในวัน ที่ ห นึ่ ง
พฤษภาคมพอดี เพียงแต่เวลาเป็ นช่ วงกลางวัน บอกว่านี่ เป็ น
เวลาที่เข้ากันได้ดีกบั ชะตาของคู่บ่าวสาว ปรองดองกันในเวลา
นี้ ชีวติ ในภายภาคหน้าก็จะเจริ ญรุ่ งเรื อง

การแต่งงานต้องเลือกตามฤกษ์ยามที่ดี ตระกูลฉวี่ย่อมปฏิบตั ิ
ตามอยูแ่ ล้ว ช่วงกลางดึกจึงส่ งบ่าวสาวเข้าห้องหอ ทาการกราบ
ไหว้ฟ้าดินแล้วเข้าห้องหอ ช่ วงเช้าวันนี้ เป็นงานเลี้ยงของญาติ
ทางฝ่ ายชายและฝ่ ายหญิ ง ตอนค่ า เป็ นการขอบคุ ณ คนที่ ม า
ช่วยงาน แต่จา้ วเหวินเทาไม่อยูบ่ า้ นในช่วงเช้า เจ้ารองฉวี่จึงมา
เชิญช่วงค่า
เย่ฉูฉู่กล่าว “งั้นคุ ณไปเถอะ ดื่ มน้อย ๆ หน่ อยนะคะ รี บกลับ
บ้านด้วย พรุ่ งนี้ยงั ต้องออกไปขายของอีก”

จ้าวเหวินเทาเห็นเจ้ารองฉวี่มาเชิญจากใจจริ ง เขาจึงรู ้สึกไม่ดีที่


จะปฏิเสธ และตอบตกลงไป จากนั้นก็พูดหยอกเจ้ารองฉวีด่ ว้ ย
รอยยิม้ “นายไม่ได้มาเชิญฉันไปดื่มเหล้าหรอก นายมาเพื่อขอ
ของขวัญแสดงความยินดีจากฉันต่างหากล่ะ”

เจ้ารองฉวี่รีบแก้ตวั “พี่หกจ้าว ผมไม่ ได้มาเพื่อขอของขวัญ


แสดงความยินดีจากพี่นะ ผมมาเชิญพี่ไปดื่มฉลองจริ ง ๆ”

“ฉันหยอกเล่น ไปเถอะ!” จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิม้ เขา


ยืน่ ลูกชายคืนให้เย่ฉูฉู่

เรื่ องท้องก่ อนแต่ งของตระกูลฉวี่กลายเป็ นข่ าวใหญ่ ในยุคนี้


แน่นอน ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงชนบทเลย ดังนั้น จึงเกิดการพูดคุยถึง
เรื่ องนี้ต้ งั แต่ตน้ ถนนไปจนถึงปลายซอย กลางทุ่งนาถึงปลายนา
“เจ้ารองฉวี่เด็กคนนั้นปกติ ก็ดูซื่อ ๆ นะ คิ ดไม่ ถึงเลยว่าจะมี
ความสามารถแบบนี้ ดว้ ย ยังไม่ทนั ได้แต่งงานก็สร้างเรื่ องซะ
แล้ว!”

“ก็นนั่ น่ะสิ ตระกูลฉวี่เองก็เป็ นครอบครัวที่อยูท่ ี่มีวินยั ลูกชาย


กลับเป็ นแบบนี้ ทาตัวแบบนี้เหมือนใครกันเนี่ย?”

“ก็เหมือนกับปู่ ของเขาไง ปู่ ของเขาก่อนหน้านี้เป็ นเจ้าของที่ดิน


เลยนะ แต่งงานตั้งหลายบ้าน ถ้าไม่ใช่ เพราะถูกระงับสถานะ
เจ้าของที่ดิน ตอนนี้เจ้ารองฉวีค่ งเป็ นคุณชายน้อยไปแล้ว!”

“เอ๋ จริ งเหรอ ปู่ ของเจ้ารองฉวี่เจ๋ งขนาดนั้นเลย แต่หลังจากนั้น


ล่ะ เมียจากบ้านอื่น ๆ ไปไหนกันหมดล่ะ?”

“จะไปไหนได้ล่ะ ดูเธอถามเข้าสิ ก็ถูกยึดไปน่ะสิ ”

“คุณพระ นี่กถ็ ูกยึดได้ดว้ ยเหรอ?”


“พอแล้ว ๆ พวกเธอพูดไปถึงประเด็นไหนแล้วเนี่ ย พูดถึงเจ้า
รองฉวี่อยู่ดี ๆ ลากไปหาปู่ ของเขาทาไม พูดเรื่ องไม่จริ งระวัง
เธอจะถูกจับนะ!”

“นัน่ สิ ๆ พวกเราคุยเรื่ องเจ้ารองฉวี่กนั ดีกว่านะ? พวกเธอว่าเขา


ไปทาเรื่ องแบบนั้นตอนไหนเนี่ย ครั้งเดียวหรื อว่าสองครั้ง?”

จากนั้นก็พูดถึงหัวข้อ 18+ ที่ไม่เหมาะกับเด็ก ๆ

หัวข้อแบบนี้ ไม่ ว่าจะเป็ นพวกผูช้ ายหรื อผูห้ ญิ งก็ชอบคุ ยกัน


คนในหมู่ บา้ นแสดงออกกันแบบอิ สระ เรื่ องนี้ สาหรั บผูช้ าย
และผูห้ ญิงสามารถพูดออกมาตรง ๆ ได้ ตอนแรกพวกป้ า ใหญ่
กับพวกลูกสะใภ้เล็กก็หน้าแดงอยูห่ รอก แต่คุยกันไม่นาน ก็คุย
กันได้แบบหน้าไม่แดงใจไม่เต้นแรงแล้ว

เย่ฉูฉู่ได้ยนิ เรื่ องพวกนี้เช่ นกัน เพราะเฮ่อซงจือนามาเล่าให้เธอ


ฟัง
“เธอดู สิ ยัย เด็ ก ชุ น เยี่ ย นคนนี้ กลายเป็ นตัว ตลกของคนใน
หมู่บา้ นไปแล้ว!” เฮ่อซงจือถอนหายใจติดต่อกัน “หลังจากนี้
เธอจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ยงั ไงกัน!”

เย่ฉูฉู่ไม่ได้คิดอะไร เป็นเพราะเธอคุยกับโจวหมิ่นมากเกินไป
จึงไม่ได้มีความคิดอนุ รักษนิ ยมเหมือนกับคนในหมู่บา้ น เธอ
เองก็ไม่คิดว่าคนในหมู่บา้ นจะเป็ นพวกอนุรักษนิยม ไม่เช่นนั้น
พวกเขาจะพูดเรื่ องแบบนี้เหรอ?

“พี่สะใภ้สามเคยพูดกับฉันหนึ่งประประโยค ขอแค่เธอไม่รู้สึก
อาย ความอายนั้นก็จะเป็ นของคนอื่น เรื่ องนี้ถา้ ชุนเยีย่ นไม่รู้สึก
อะไรก็ไม่เป็ นอะไรแล้วล่ะ”

“หา?” เฮ่ อซงจื อคิ ดไม่ ถึงเลยว่าเย่ฉูฉู่จะพูดแบบนี้ หล่ อนจึ ง


มองเย่ฉูฉู่ดว้ ยความประหลาดใจ

เย่ ฉู ฉู่ ก ล่ า ว “พวกเขาต่ า งก็ เ ป็ นคู่ ห มั้น กัน แล้ว เหลื อ ก็ แ ค่


แต่งงาน จะอยู่ดว้ ยกันก็ไม่แปลก มีอะไรน่ าขาเหรอ ไม่เห็น
ต้องเก็บไปใส่ ใจเลย รอให้ในหมู่บา้ นมีเรื่ องใหม่เข้ามา คนเขา
ก็ไม่พูดถึงกันแล้ว”

เฮ่อซงจือกะพริ บตาปริ บ ๆ “คิดไม่ถึงเลยนะว่าเธอจะคิดแบบ


นี้”

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “พวกเขาสองคนใช้ชีวิตกันอย่างดี คน
นอกจะเข้าไปยุง่ ทาไมล่ะ อีกอย่างมีอะไรให้น่าเข้าไปยุง่ เหรอ”

เฮ่ อซงจือพยักหน้า “เธอพูดถูก แต่ฉันได้ยินก็ยงั หน้าแดงเลย


ไม่รู้ชุนเยีย่ นจะคิดได้รึเปล่านะ”

“เธอยังไม่ได้ถามชุนเยีย่ นเหรอ?”

“เรื่ องนี้จะถามยังไงล่ะ? หลังจากแต่งงานสามวันหล่อนก็กลับ


บ้าน สามวันนั้นฉันก็รู้สึกไม่ดีที่จะไปถาม หลังจากกลับบ้านก็
ยุ่งแล้ว เลยไม่มีเวลาได้ถาม แต่เห็นหน้าก็แค่ทกั ทายกัน ฉัน
เห็นหล่อนแต่กม็ องอะไรไม่ออก”
“ถ้างั้นก็คงไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าชุ นเยี่ยนน่ าจะไม่ได้เก็บไป
ใส่ ใจ”

“ถ้าไม่เก็บไปใส่ ใจ ยัยเด็กคนนี้ฉนั คงต้องชื่นชมเธอจริ ง ๆ แล้ว


ล่ะ”

เย่ฉูฉู่พูดถูก อย่างน้อย ๆ เมื่อมีข่าวใหม่เข้ามาคนในหมู่บา้ นก็


จะลืมเรื่ องนี้กนั หมด นี่กแ็ ค่เกิดเรื่ องใหญ่ข้ ึนเรื่ องหนึ่ง

ภายในชั่ว พริ บ ตาอากาศก็ร้ อ นแล้ว ในภาคเหนื อ เมื่ อ ถึ ง ฤดู


หนาวก็หนาว ฤดูร้อนก็ร้อนมาก ทาให้ตกกลางคืนทุกคนนอน
ไม่หลับ จึงมานัง่ อยูใ่ นลานบ้านเพื่อตากลม เมื่อได้ถือพัดก็พดั
เพื่อไล่ ยุงไปพลางพูดคุ ยสัพ เพเหระไปพลาง ตอนนี้ เป็ นฤดู
ร้อนและเป็ นคืนหนึ่ งที่ปกติมาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่ามกลาง
ยามราตรี ที่แสนธรรมดาจะเกิดเสี ยงปื นดังขึ้นอย่างฉับพลัน!

เสี ยงปื นนี้ทาให้ทุกคนถึงกับตกใจสะดุง้ โหยง กี่ปีแล้วที่ไม่ได้


ยินเสี ยงปื น ไม่สิ ก็ไม่กี่ปีหรอก ดูเหมือนว่าจะสามสี่ ปี
ในชนบทไม่ ไ ด้รู้ สึ ก ว่ า ปื นเป็ นของไม่ คุ ้น เคย เพราะมี ค น
จานวนมากที่มีปืนลูกซอง ดังนั้นหลังจากตกใจ ก็มีคนถามไถ่
เพื่อนบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น

“ทาไมถึงมีเสี ยงปื นล่ะ? มีคนเข้าไปล่าสัตว์ในป่ าเหรอ?”

“เขาไม่อนุญาตให้ล่าสัตว์แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ก็นั่น น่ ะ สิ บอกว่า จะอนุ รั ก ษ์สั ต ว์ พวกเธอว่า สั ต ว์พ วกนี้ มี


อะไรให้อนุรักษ์?”

“ใครจะไปรู ้ล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะล่าสัตว์จะมีอะไรได้อีก?”

“ไม่ใช่วา่ จับคนหรอกนะ? พอคิดถึงปี นั้น…”

“พอแล้ว ๆ เลิกคิดถึงปี นั้นได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่ตอนนั้น รี บไป


ถามเถอะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?”

ตอนที่กาลังพูดคุยกันอยูน่ ้ นั ก็เกิดเสี ยงปื นดังปังขึ้นอีกนัด!


ทุกคนเกิดความตื่นเต้น ชีวิตที่น่าเบื่อและซ้ าซากจาเจนาน ๆ ที
จะมีเรื่ องตื่นเต้นแบบนี้ เกิดขึ้น ก็ตอ้ งรี บบึ่งไปปูเสื่ อเผือกสัก
หน่อย

เย่ฉูฉู่และจ้าวเหวินเทาก็สะดุง้ ตื่นเพราะเสี ยงปื นเช่นกัน “มีคน


แต่งงานเหรอ จุดประทัดช่วงกลางดึกขนาดนี้เนี่ยนะ?”

เย่ฉูฉู่ไม่เคยได้ยนิ เสี ยงปื นมาก่อน

จ้าวเหวินเทาฟั งออก “มี คนยิงปื น คุ ณเข้าไปดู ลูกในห้องนะ


เดี๋ยวผมไปดูหน่อย”

เย่ฉูฉู่รีบรั้งเขาไว้ แม้ว่าจะไม่ทราบว่าปื นคืออะไร แต่นางรู ้สึก


ได้วา่ ไม่ใช่ของดี “คุณจะไปไหน?”

จ้าวเหวินเทาเห็นท่าทางตึงเครี ยดของภรรยา จึงกล่าวว่า “ผมจะ


ไปดูฟาร์มกระต่าย”
เย่ฉูฉู่เดิมทีอยากจะพูดว่า ‘ฉันจะไปเป็ นเพื่อนคุณเอง’ แต่เมื่อ
นึ กถึ งลู ก จึ งทาได้เพียงแค่พูดว่า “งั้นคุ ณระวังตัวด้วยนะ จะ
หยิบของอะไรไปหน่อยไหม?”

“ผมเอาพลัว่ เหล็กไปสักอันก็พอแล้ว คุ ณเข้าบ้านล็อคประตู


หน้าต่างให้ดีนะ”

เย่ฉูฉู่บงั คับให้ตวั เองสงบจิตสงบใจลง เธอพยักหน้า “ได้”

เธอเข้าไปในบ้านแล้ว จากนั้นก็ใส่ กลอนประตูและหน้าต่าง


อย่างดี เมื่ อเห็ นจ้าวเหวินเทาเดิ นถือพลัว่ เหล็กออกไป ก็เกิ ด
ความกังวลใจขึ้นมา

ตอนนี้ จา้ วเหวินเทาย้ายสัตว์ท้ งั หมดที่อยู่ในบ้านไปไว้ที่ฟาร์ม


กระต่ายแล้ว แค่ล็อคประตูก็ไม่ตอ้ งเป็ นห่ วงสิ่ งที่อยู่ขา้ งนอก
สิ่ งที่เธอเป็ นกังวลก็มีแค่สามี
จ้าวเหวินเทาเดินถือพลัว่ เหล็กออกจากประตูใหญ่ หลังจากปิ ด
ประตูร้ ัวบ้าน แสงจันทร์ทาให้เขาเห็นพวกเด็กหนุ่มในหมู่บา้ น
อีกสามสี่ คนที่เดินถือไม้ตะบอง หนึ่งในนั้นมีเจ้ารองชุยด้วย

“พี่หก!”

“พวกนายจะไปไหนกัน?” จ้าวเหวินเทาเห็นจึงเอ่ยปากถาม

“ผมได้ยิ น เสี ย งปื น ก็ เ ลยว่ า จะไปดู พี่ ช ายที่ ฟ าร์ ม กระต่ า ย


หน่อย!”

ตอนนี้ ชุยต้าอยู่ที่ฟาร์ มกระต่ายทั้งวันทั้งคืน เมื่อเจ้ารองชุ ยได้


ยินเสี ยงปื นก็ออกมาถาม จากนั้นก็รวมตัวกับพวกเด็กหนุ่ มคน
อื่น ๆ ที่เป็ นเพื่อนบ้าน พวกเขาได้ขอ้ สรุ ปว่าอาจจะมีคนเข้าไป
ขโมยกระต่ายที่ฟาร์มกระต่าย เจ้ารองชุยจึงเป็ นกังวลว่าจะเกิด
เรื่ องกับพี่ชาย จึงเสนอให้ทุกคนไปดูดว้ ยกัน
พวกเด็กหนุ่ มไม่กลัวว่าจะเกิดเรื่ อง แต่กลัวว่าจะไม่มีเรื่ องให้
เกิด จึงรี บถืออุปกรณ์เดินมา

จ้าวเหวินเทาก็คิดแบบนี้ ไม่เช่ นนั้นเขาคงไม่คิดจะไปที่ฟาร์ม


กระต่ายในทันที จึงพูดว่า “ได้ งั้นฉันไปกับพวกนายด้วย อย่า
ผลีผลามนะ ถึงเวลานั้นพวกเราต้องดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว
ค่อยว่ากัน”
ตอนที่ 278 จับคน

ทุกคนรี บพยักหน้ารัว ๆ มีจา้ วเหวินเทาอยูด่ ว้ ยทุกคนก็มีบุคคล


ที่พ่ งึ พาได้ จึงมุ่งหน้าไปยังฟาร์มกระต่ายด้วยกัน

ฟาร์มกระต่ายตั้งอยูบ่ นเขาป้ านลาทางใต้ของตงเหลียง อยูห่ ่ าง


จากหมู่บา้ นต้องใช้เวลาเดิ นเท้าหนึ่ งชั่วโมงกว่า ๆ ถ้ารี บเดิ น
หน่ อ ยก็ใ ช้เ วลาสี่ สิ บกว่า นาที เดิ น ผ่า นถนนที่ เ ป็ นหิ น กรวด
ล้วนเป็ นลูกรังทั้งหมด นี่เป็ นผลจากการที่คนและสัตว์เดินและ
เกวียนไม้เล็ก ๆ ที่ลากกดทับมานานหลายปี เมื่อมีน้ าฝนตกลง
มา ก็ก ลายเป็ นหลุ ม เป็ นบ่ อ สองข้า งทางมี สุ ม ทุ ม พุ่ ม ไม้ข้ ึ น
หนาแน่ น บนเนิ นเขายังมีแปลงปลูกพืชที่คนในหมู่บา้ นส่ วน
หนึ่งขึ้นเอาไว้ ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยพืชพรรณจนเขียวชอุ่มอุดม
สมบู ร ณ์ ในช่ ว งกลางดึ ก ก็มี เ สี ย งจัก จั่น เรไรร้ อ งเซ็ ง แซ่ มี
บางครั้ งที่ ไ ด้ยิ น เสี ย งหอนของหมาป่ าด้ว ย ให้ ค วามรู ้ สึ ก
เหมือนกับหนังผีมาก พวกเด็กหนุ่มเหล่านี้ถา้ ให้เดินคนเดียวคง
ไม่ ก ล้า เดิ น เท่ า ไร แต่ มี ค นเยอะขนาดนี้ ทุ ก คนจึ ง ไม่ ก ลัว
ประกอบกับใจจดจ่ออยู่กบั การมุ่งหาเสี ยงปื น จึงไม่ได้คิดไป
ถึงสิ่ งอื่น

หลัง จากเดิ น มาได้ ค รึ่ งทาง ก็ ไ ด้ ยิ น เสียงคนตะโกนจาก


ด้านหน้า “พวกมันวิ่งไปทางฟาร์มกระต่ายแล้ว รี บตามไปเร็ว!
อย่ายิงปื นนะ!”

จ้าวเหวินเทาตกใจ เขาจึงวิง่ นาออกไปก่อน

ชุ ยเอ้อและคนอื่น ๆ เห็นจ้าวเหวินเทาเริ่ มวิ่ง พวกเขาก็วิ่งตาม


ไปเช่นกัน

การเคลื่ อ นไหวของพวกเขาดึ ง ดู ด ความสนใจจากคนที่ อ ยู่


ด้านหน้าในเวลาอันรวดเร็ ว มีคนตะโกนอย่างระมัดระวัง “นัน่
ใคร!”
จ้าวเหวินเทาตะโกนตอบ “พวกเราเป็ นคนของหมู่ บา้ นข้า ว
ซานถุน ผมเป็นเจ้าของฟาร์ มกระต่าย ผมได้ยินเสี ยงปื นก็เลย
มาดู!”

น้ า เสี ย งของอี ก ฝ่ ายดู อ่ อ นลง “พวกเรามาจากสถานี ต ารวจ


กาลังอยู่ในช่ วงปฏิบตั ิหน้าที่ เมื่อสักครู่ เจ้าหน้าที่ร่วมทีมของ
เราเป็ นคนยิง ปื น ต้อ งขอโทษด้ว ยที่ ร บกวน ตรงนี้ ไม่ มีธุระ
อะไรแล้ว พวกคุณรี บกลับไปนอนเถอะ!”

จ้าวเหวินเทาได้ยนิ ก็เบาใจ จึงรี บพูดว่า “ฟาร์มกระต่ายมีชยั ภูมิ


ซับซ้อน พวกคุณไม่คุน้ ชินกับสถานที่น้ ี อาจจะกระทบต่อการ
ปฏิบตั ิภารกิจ ให้ผมนาทางพวกคุณดีไหม?”

อีกฝ่ ายลังเลอยูค่ รู่ หนึ่ง “ก็ได้ แต่พวกคุณต้องฟังตามคาสัง่ นะ”

“เข้าใจแล้ว!” จ้าวเหวินเทาพูดกับชุ ยเอ้อ “พวกนายกลับไป


เถอะ ฟัง ๆ ดูแล้วอันตรายอยูเ่ หมือนกัน”
ชุยเอ้อไม่ยอม “พี่ผมยังอยูใ่ นฟาร์มกระต่ายนะ ผมต้องไปดู”

คนอื่น ๆ “พี่หกจ้าว พี่ไม่ตอ้ งห่ วง พวกเราไม่รบกวนพี่หรอก


บางทีอาจจะช่วยเหลือได้ดว้ ยนะ”

จ้าวเหวินเทากาชับกับพวกเขาสองสามคา จากนั้นก็นาทุกคน
ไป

คนที่ยนื รอพวกเขาอยูด่ า้ นหน้ามีแค่คนเดียว ส่ วนคนอื่น ๆ เมื่อ


ได้ยินว่าเป็นชาวบ้านของหมู่บา้ นข้าวซานถุน จึงออกเดินทาง
ค้นหาต่อ

“ทาไมถึงมีคนเยอะขนาดนี้?” คนๆ นั้นที่เรี ยกตัวเองว่าเป็ นคน


ของสถานีตารวจแอบไม่พอใจเท่าไรนัก

จ้าวเหวินเทากล่าว “สหาย ผมคนเดียวไม่กล้าเดินบนถนนมืด


ๆ หรอก ก็เลยต้องรวมตัวกันมา นี่ ก็เป็นคนในหมู่บา้ นทั้งนั้น
คุน้ ชินกับฟาร์มกระต่ายด้วย”
“ก็ได้ อย่าเคลื่อนไหวเสี ยงดังเกินไปนะ ตามฉันมา!” คนๆ นั้น
โบกมือ ก่อนจะวิง่ นาออกไปก่อน

จ้าวเหวินเทาและคนอื่น ๆ วิ่งตามหลัง ตอนนี้ ไม่ใช่ เวลาที่ จะ


ถามว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทาได้เพียงแค่วงิ่ ตามอย่างเงียบ ๆ

เมื่ อเห็ นบ้านพักของฟาร์ มกระต่าย คนๆ นั้นก็ไปรวมตัวกับ


เพื่อนร่ วมงาน จากนั้นก็ถามถึงสถานการณ์ระหว่างกัน พวก
เขาพูดว่าไม่มีเรื่ องอะไรเกิดขึ้น

“สหาย นายบอกว่า นายเป็ นเจ้า ของฟาร์ ม กระต่ า ยใช่ ไ หม?


ฟาร์มกระต่ายของนายมีประตูหลังหรื อเปล่า?”

จ้า วเหวิน เทาส่ า ยหน้า “ด้า นหลัง ฟาร์ ม กระต่ า ยเป็ นร่ อ งน้ า
ขนาดใหญ่ ลึกหลายเมตรเลย ทาประตูหลังไม่ได้มีประโยชน์
อะไร ก็เลยมีแค่ประตูใหญ่ดา้ นหน้า”

“พากพวกเราไปดูร่องน้ าขนาดใหญ่น้ นั หน่อย!”


“ได้สิ!”

จ้าวเหวินเทาพาพวกเขาเดินลัดเลาะไปตามรั้วลวดหนามที่อยู่
รอบ ๆ ฟาร์ กระต่ายมาจนถึงร่ องน้ าขนาดใหญ่ที่อยู่ดา้ นหลัง
จุดที่ลึกที่สุดมีความลึกอยู่ที่สิบกว่าเมตร มีหญ้างอกขึ้นมา แต่
ไม่มีตน้ ไม้ ต่อให้ลงไปจากตรงนี้กล็ าบากมากอยูด่ ี

“ถ้าไม่ได้เข้าประตูใหญ่จะเข้าไปในฟาร์ มกระต่ายได้ไหม?”
คนๆ นั้นมองดูร่องน้ าขนาดใหญ่พลางเอ่ยถาม

“ได้!”

จ้าวเหวินเทานาพวกเขาเดินกลับมา จากนั้นก็หยุดลงที่ดา้ นข้าง


ตะวันออก ตรงนั้นมีตน้ หลิวขนาดใหญ่อีกสองสามต้น หนึ่ ง
ในนั้นมีความคดเคี้ยว และยืน่ เข้ามาด้านในรั้วหนามเหล็กพอดี

จ้าวเหวินเทาชี้ ไปที่ตน้ ไม้ใหญ่ “จากตรงนี้ จะเข้าไปที่กองฟื น


สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้”
คนผูน้ ้ นั พยักหน้า แล้วบอกให้จา้ วเหวินเทานาทาง

จ้าวเหวินเทายืน่ พลัว่ เหล็กให้ชุยเอ้อ เขาโอบต้นไม้และปี นขึ้น


ไปด้ า นบน จากนั้ นก็ ปี นไปตามล าต้น ที่ ค ดเคี้ ยวก่ อ นจะ
กระโดดเข้าไปบนกองฟื นที่อยูอ่ ีกด้านหนึ่งของลวดหนาม

คนๆ นั้นเห็นก็เลียนแบบท่าทางของจ้าวเหวินเทาด้วยการโอบ
ต้นไม้แล้วปี นขึ้นไป เขาไม่ได้ออกแรงอะไรเลย คนของเขาก็
ขึ้ น มาเช่ น เดี ย วกัน ชุ ย เอ้อ และคนอื่ น ๆ ก็ไ ม่ ไ ด้ยืน เงอะงะ
สาหรับคนในหมู่บา้ นแล้ว การปี นต้นไม้และขึ้นกาแพงเป็ น
ความสามารถตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็ นเรื่ องยากอะไร

จ้า วเหวิ น เทาเดิ น ผ่ า นกองฟื นเข้า ไปด้า นในฟาร์ ม กระต่ า ย


สถานที่แห่ งนี้ นอกจากไว้วางฟื นแล้วก็ยงั มี โกดังด้วย บดบัง
แสงจัน ทร์ ส่ ว นใหญ่ ไ ปเกื อ บหมด ผ่ า นไปครู่ หนึ่ งเขาถึ ง
ปรับตัวเข้ากับความมืดได้ หลังจากมองซ้ายมองขวา ก็รอคน
เหล่านั้นเข้ามา ก่อนจะนาไปยังบ้านพักแถวแรก
เมื่อเทียบกับกังวลกระต่ายแล้ว เขาเป็ นกังวลพ่อกับแม่มากกว่า

ห้องพักแถวแรกมีไฟส่ องแสงสว่าง มีคนกาลังพูดคุยกัน

“กระต่ ายไม่ ได้ลดลง แต่ มนั ตกใจ เสี ยงปื นมาจากไหนเนี่ ย ”


เสี ยงนี้คือเสี ยงของชุยต้า

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว อย่าให้ฉันรู ้นะว่าไอ้บา้ ไหนมันทาเรื่ อง


แบบนี้ ฉันจะยิงมันให้ตายเลย!” คนที่ พูดประโยคนี้ ไ ม่ ต ้อ ง
บอกก็รู้วา่ เป็ นลุงจ้าว

ตาแก่คนนี้ เกลียดชังคนชัว่ แม้ว่าอายุมากแล้ว แต่จิตวิญญาณ


ยังคงอยู่

คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จา้ วกล่าว “พวกเราหาอีกสักรอบไหม?”

จ้าวเหวินเทากระซิ บบอกคนคนนั้นว่านี่ คือพ่อแม่ของเขา ขอ


เข้าไปพูดคุยได้หรื อไม่

คนคนนั้นพยักหน้า แต่กไ็ ม่ได้ตามเข้าไป


จ้าวเหวินเทาและชุยเอ้อจึงเดินเข้าไป ไม่ตอ้ งพูดถึงเลย คุณพ่อ
จ้าวคุณแม่จา้ วและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจมาก จ้าวเหวินเทาจึงเข้า
มาปลอบใจพ่ อ แม่ แ ละพนั ก งาน จากนั้ นก็ อ ธิ บายถึง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง

ชุยเอ้อเห็นพี่ชายไม่เป็ นอะไรก็โล่งอก

ลุ งจ้าวได้ยินว่าเป็ นคนของสถานี ตารวจ เขาก็รีบออกมาเจอ


หน้าอีกฝ่ าย ไม่รู้วา่ พูดอะไรกัน จากนั้นก็พูดกับจ้าวเหวินเทาว่า
“พวกนายรออยู่ที่นี่แหละ ฉันเองก็คุน้ เคยกับฟาร์ ม กระต่ า ย
เดี๋ยวฉันพาพวกเขาไปเดินดูรอบ ๆ เอง!”

ยังไม่รอให้จา้ วเหวินเทาตอบอะไรก็เดินไปแล้ว

จ้าวเหวินเทาจะวางใจได้อย่างไรกัน คนอายุมากขนาดนี้ ถ้าเกิด


เรื่ องอะไรขึ้นมา จะให้เขาทาอย่างไร เขารี บเดิ นตามออกไป
ชุยเอ้อและเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ เห็นก็รีบตามไปเช่นกัน
นี่เป็ นการจับคนเลยนะ ตื่นเต้นขนาดไหนกันเนี่ย!

พวกเขาเริ่ มค้นหาแบบละเอียด สุ ดท้ายแล้วก็เป็ นพวกมืออาชีพ


ละเอี ย ดกว่ า พวกชุ ย ต้า มาก แม้แ ต่ ก ระสอบข้า วก็ย งั ไม่ เ ว้น
แน่ นอนว่าไม่ได้ทาให้พวกเขาผิดหวัง เพราะในนั้นมีคนสอง
คนซ่อนตัวอยูจ่ ริ ง ๆ!

“ออกมา ถ้าไม่ออกมาจะยิงแล้วนะ!”

“อย่ายิงนะ พวกเราออกไปแล้ว!”

จากนั้นเงาสองคนก็ปรากฏตัวออกมาจากด้านในกระสอบ คน
จากสถานีตารวจจึงเข้าไปมัดตัวบุคคลทั้งสองไว้

ลุงจ้าวหยิบไฟฉายขึ้นมาส่ องหน้าอีกฝ่ าย จ้าวเหวินเทาได้เห็น


อย่า งชัด เจน แต่ เ ขาไม่ รู้ จ ัก ไม่ ใ ช่ ค นในหมู่ บ้า นตัว เองและ
ไม่ใช่คนจากหมู่บา้ นอื่น

“ค้นหาอย่างละเอียดใหม่อีกครั้ง!”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนนี้ ไม่ใช่ คนที่สถานี ตารวจต้องการตัว
แต่จบั ไว้เพื่อนาไปสอบปากคา

จ้าวเหวินเทาไม่ได้ตามไป แต่ร่วมค้นหากับเจ้าหน้าที่ตารวจ
คนอื่น ๆ ต่อ ตอนที่มาถึงรังกระต่าย จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกได้ว่า
เกิ ด ปั ญ หาขึ้ น กับ กระต่ า ย บ้า นกระต่ า ยกว้า งขวางมาก แต่
กระต่ายกลับกระจุกตัวอยูท่ ี่มุมบ้าน ส่ วนอีกมุมหนึ่งมีกองขยะ
วางอยู่

“นัน่ คืออะไร?” จ้าวเหวินเทาถามชุยต้า

ชุ ยต้ารี บบอก “นัน่ คือที่ผลิตกระต่าย พี่หกไม่ตอ้ งห่ วงนะ แค่


ชั่ว คราวเท่ า นั้น ถ้า กระต่ า ยจะไปคลอดตรงนั้น ผมจะย้า ย
ออกมา”

ชุยต้ากลัวว่าจ้าวเหวินเทาจะโทษว่าพวกเขาไม่ทาความสะอาด
รังกระต่าย แต่จา้ วเหวินเทาไม่ได้สนใจเรื่ องนี้ เมื่อได้ยนิ แบบนี้
เขาจึ งเปิ ดประตู เข้าไปในบ้านดิ น จากนั้นก็พุ่งเข้าไปยังรั งที่
ผลิตกระต่ายนั้น ยังไม่ทนั ที่เขาจะได้ลงมือทาอะไร รังกระต่าย
นั้นก็แหวกออกอัตโนมัติ จากนั้นก็มีคนผูห้ นึ่ งกระโดดขึ้นมา
ทั้งยังถือมีดที่ส่องประกายวาววับเล่มหนึ่งอยูใ่ นมือ

………………………………………………………………
ตอนที่ 279 ความน่ ากลัวกลางดึก

จ้าวเหวินเทาทะเลาะกับคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นแบบนี้ ก็
หลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ แต่ดา้ นหลังของเขาคือชุ ยต้า
จ้าวเหวินเทาจึงยกเท้าเตะด้วยความรี บร้อนจนอีกฝ่ ายกระเด็น
ออกไป

เท้าที่เตะออกไปทั้งรุ นแรงและรวดเร็ ว เล่นเอาอีกฝ่ ายกระแทก


เข้ากับกาแพงที่อยูต่ รงข้าม

“ระวังหน่อย ในมือมันมีมีด!” จ้าวเหวินเทาตะโกนเตือน

ชุยต้าและคนอื่น ๆ รู ้สึกโกรธเคืองมาก ยังไม่ทนั ที่คนในสถานี


ตารวจจะได้ลงมื อ พวกเขาก็บุกเข้าไปกดคนคนนั้น ทาการ
แบ่งมีดในมือและจับตัวไว้
“ไอ้เด็กเวร กล้าดี ยงั ไงถึ งมาทาร้ ายคนอื่ นในสถานที่ ของข้า
วะ!”

ลุงจ้าวก่นด่าหนึ่งประโยค ไฟฉายในมือสาดไปที่อีกฝ่ าย เขาไม่


รู ้จกั แต่จา้ วเหวินเทารู ้จกั

“นายเองเหรอ หม่าเสี่ ยวลิ่ว!” จ้าวเหวินเทาตกใจมาก

หม่าเสี่ ยวลิ่วคนที่ลากเขาไปเล่ นพนันที่ หมู่ บา้ นตะวันตกคน


นั้นอย่างไรล่ะ

หม่าเสี่ ยวลิ่วเหลือบมองจ้าวเหวินเทาด้วยความรู ้สึกเสี ยหน้า


ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้ง

“แม่งเอ๊ย นายเล่นไพ่แล้วยังจะใช้มีดอีก หม่าเสี่ ยวลิ่วนายนี่ช่าง


สามารถนะ!” จ้าวเหวินเทาพุ่ง ตัวเข้าไปแล้วใช้เ ท้า เตะหม่ า
เสี่ ยวลิ่วจนกลิ้ง
“พอแล้ว ๆ พี่ ห ก พี่ อ ย่า โกรธเลย ทุ บตี ม ัน จนตายก็ไ ม่ คุม้ !”
ชุยต้ารี บเข้ามาห้าม

จ้าวเหวินเทาย่อมรู ้สึกโกรธแค่ชั่วขณะ หลังจากเตะเสร็ จครั้ง


เดียวเขาก็ปล่อยไป

คนของสถานีตารวจนาตัวคนเหล่านี้เข้าไปในห้องชัว่ คราวเพื่อ
สอบปากคา มีแค่ลุงจ้าวที่ยืนฟั งอยู่ขา้ ง ๆ ได้ เพียงไม่นานลุง
จ้าวก็เดินออกมา ปากก็ก่นด่าว่า “แม่งเอ๊ย ยังมีอีกตัววิ่งเข้าไป
ในหมู่บา้ นแล้ว!”

จ้าวเหวินเทาก็อยากเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้ยนิ
คาพูดนี้ สมองของเขาก็เกิดเสี ยงวิ้งๆ…อะไรนะ วิ่งเข้าไปใน
หมู่บา้ น บ้านของเขาอยู่ติดกับถนนสาหรับเข้าไปในหมู่บา้ น
นะ!

“คนนั้นต่างหากล่ะที่เป็ นคนร้ายตัวจริ ง!” ลุงจ้าวพูดอี กหนึ่ ง


ประโยค “แถมยังเคยฆ่าคนด้วยนะ!”
คนร้ายตัวจริ งที่ลุงจ้าวพูดถึงชื่ อเถียนชี เป็ นคนภาคเหนื อ ก่อ
อาชญากรรมฆ่าคนแล้วหนีมาทางนี้ ตารวจที่นี่เร่ งออกสารวจ
ทัน ที ห ลัง จากได้รั บ ข่ า ว จึ ง พบว่า เถี ย นชี ค นนี้ หนี ม าทางฝั่ ง
หมู่ บ ้า นข้า วซานถุ น จึ ง ร่ ว มมื อ กับสถานี ต ารวจท้อ งที่ แต่ ก็
บังเอิญว่าเถียนชีเป็ นนักพนัน จึงรู ้จกั กับหม่าเสี่ ยวลิ่ว หม่าเสี่ ยว
ลิ่ ว เป็ นคนทาเรื่ อ งนี้ จึ ง ลากเถี ย นชี ไ ปที่ บ้า นที่ เ ล่ น พนัน กัน
โดยเฉพาะในหมู่ บา้ นตะวันตก ตารวจเข้าใจถึ งสถานการณ์
แล้วจึงเข้ามาปิ ดล้อมจับกุมในข้อหาการพนัน เถียนชี จึงแสร้ง
ทาเป็ นนักพนันหนีออกมาพร้อมกับหม่าเสี่ ยวลิ่วและคนอื่น ๆ

หม่าเสี่ ยวลิ่วและเถียนชีมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในช่วงเวลานี้
คนอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาถูกเถียนชีลา้ งสมองไปไม่นอ้ ย
เขาบอกคนพวกนี้ว่าอะไรคือกล้าหาญจนอิ่มตายกับขี้ขลาดจน
อดตาย บอกว่าถ้าอยากได้เงินเยอะ ๆ ก็ตอ้ งเสี่ ยง บนตัวจึงมีมีด
เล่มเล็กเพิ่มเข้ามา คืนนี้หนีออกมาแล้ว เขาอาจจะนาถุงเงินติด
ตัวไปด้วยท่ามกลางความโกลาหล แม้จะไม่ทราบว่ามี เท่าไร
แต่ก็คงไม่นอ้ ย ดังนั้นเมื่อซ่ อนตัวอยู่ในรังกระต่ายของจ้าวเห
วินเทาแล้วถูกเจอตัวจึงชักมีดออกมาโดยไม่รู้ตวั

ผลลัพ ธ์ ที่ ไ ด้ไ ม่ ต ้อ งพู ด ถึ ง เลย หม่ า เสี่ ย วลิ่ ว ถู ก จับตัว ก็รู้ สึ ก
เสี ยใจ เล่นพนันกับพกมีดเพื่อทาร้ายคนอื่นแตกต่างกันอย่างไร
จุดนี้เขาพอจะทราบ

จ้า วเหวิ น เทาฟั ง ลุ ง จ้า วพู ด ยัง ไม่ ทัน จบก็ แ ทรกขึ้ นมาหนึ่ ง
ประโยค “ผมกลับบ้านก่อนนะ!”

จากนั้นก็วงิ่ กลับไป

คนอื่น ๆ ต่างก็ชะงัก ไม่ทราบว่าทาไมจ้าวเหวินเทาถึงได้รีบ


ร้อนกลับบ้านขนาดนี้ แต่ลุงจ้าวนึ กขึ้นได้จึงรี บพูด “พวกนาย
รี บตามไป ฉันจาได้วา่ บ้านเขาอยูห่ น้าหมู่บา้ น!”

ชุ ยต้าและคนอื่น ๆ ก็เพิ่งจะเข้าใจได้ว่าทาไมจ้าวเหวินเทาถึง
รี บร้อนขนาดนั้น จึงรี บวิง่ ตามไปทันที
จ้าวเหวินเทาวิ่งเร็ วมาก แต่เขากลับรู ้สึกว่ายังช้า เขาอยากกลับ
ถึงบ้านในทันทีจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

ภรรยา คุณอย่าเป็ นอะไรเด็ดขาดนะ!

ถุย ๆ! นี่ เขาคิดอะไรอยู่เนี่ ย จะเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขา


เล่า อย่าขู่ให้ตวั เองตกใจสิ !

จ้าวเหวินเทาในตอนนี้รู้สึกเสี ยใจจนไม่อาจหาสิ่ งใดมาเทียบได้


หากไม่ได้มีอะไรแล้วเขาจะวิ่งไปฟาร์ มกระต่ายทาไมเนี่ ย ต่อ
ให้พวกมันทาอะไรกับรังกระต่ายแล้วอย่างไร ภรรยาของเขามี
แค่คนเดียวนะ!

จ้าวเหวินเทาเกิ ดความคิ ดยุ่งเหยิงภายในใจ มื อกาพลัว่ เหล็ก


แน่นขณะวิง่ อย่างไม่คิดชีวติ

ทางฝั่งเย่ฉูฉู่ น้ นั ล็อคประตูบา้ นแน่ นหนาแล้ว และกาลังนัง่ อยู่


บนเตียงฟั งความเคลื่อนไหวข้างนอก ฤดูร้อนมียงุ เยอะ ถ้าเปิ ด
ไฟก็จะเป็ นการเรี ยกแมลง เธอจึงปิ ดไฟ แต่แสงจากพระจันทร์
สว่างมากจนเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน

ตอนแรกเธอเปิ ดหน้าต่างไว้ แต่ภายหลังเมื่อมาคิด ๆ ดูแล้วจึง


เลื อกที่ จะปิ ดหน้า ต่ า งและล็อคไว้ แม้ว่าจะร้ อนหน่ อ ย แต่ ก็
ปลอดภัย

ภายหลังก็พิสูจน์แล้วว่าโชคดี ที่ล็อคไว้ ไม่ เช่ นนั้นผลลัพธ์ที่


ตามมาอาจเป็ นหายนะ

หลังจากรออยูน่ าน ประตูใหญ่ดา้ นนอกได้เกิดการเคลื่อนไหว


อยูส่ องสามครั้ง จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร ตอนนี้ใกล้
จะเที่ยงคืนแล้ว ความร้อนจึงลดลงและอากาศเย็นสบายขึ้นมาก
ทาให้เย่ฉูฉู่รู้สึกง่วงเล็กน้อย เธอจึงพิงเข้ากับมุมที่อยู่ดา้ นหลัง
หน้าต่าง ข้างกายของเธอนอกจากเสี่ ยวไป๋ หยางที่นอนอยู่ก็ยงั มี
ลูกลิงด้วย ตอนที่เธอคิดว่าจะเข้านอนนี่ เอง จู่ ๆ ลูกลิงที่นอน
อยูก่ ล็ ุกขึ้นมานัง่ ทั้งยังแยกเขี้ยวแต่ไม่ได้ส่งเสี ยงอะไรออกมา
เย่ฉูฉู่ชะงัก รับรู ้ถึงอะไรบางอย่างได้ในทันที ตามมาติด ๆ ด้วย
เงาหนึ่งที่ปรากฏขึ้นด้านนอกกระจกหน้าต่างอย่างฉับพลัน เธอ
ตกใจจนเกือบจะเปล่งเสี ยงออกมา แต่กร็ ี บยกมือขึ้นมาปิ ดปาก
ไว้สุดชีวติ พร้อมกับกอดลูกลิงแล้วส่ ายหน้าให้มนั

ลูกลิงคารามเสี ยงทุม้ ต่าอยูใ่ นลาคอ มันดูโมโหมาก เย่ฉูฉู่เองก็


รู ้สึกได้วา่ ขนของลูกลิงตั้งชันแล้ว

เย่ฉูฉู่ยนื่ มือออกไปคว้าไม้ตะบองที่อยูใ่ นห้อง จากนั้นก็นงั่ ยอง


ๆ ลงครึ่ งตัว ดันตัวแนบชิ ดเข้ากับมุมกาแพง สายตาจ้องไปที่
เงาที่อยูด่ า้ นนอกหน้าต่างพร้อมกับเหงื่อไหลซิกเงียบ ๆ

เงานั้นยืน่ หน้าเข้ามามองด้านในห้อง แต่กระจกหน้าต่างมีแสง


จันทร์ สาดสะท้อนอยู่ จึงมองเห็นด้านในไม่ชดั เจน เขายื่นมือ
มาเปิ ดหน้าต่าง ก็พบว่าหน้าต่างถูกล็อคจากด้านใน เห็นได้ชดั
ว่าในบ้านมีคนอยู!่
เขาหยิบมี ดที่ อยู่ขา้ งเอวขึ้ นมาแล้วใช้ด้ามมี ดทุ บหน้าต่ างให้
แตก

เสี ยงนี้ ดงั มากจนลูกลิงตัวสั่นไปทั้งตัว มันคารามเสี ยงทุม้ ต่ า


แต่ไม่ได้วงิ่ หนีไป

ทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้ามาที่บา้ นมันจะหนีตลอด แต่ครั้งนี้มนั


กลับไม่ได้ทาแบบนั้น มันที่มีสติปัญญามาตั้งแต่เกิดรับรู ้ได้ว่า
คนที่มาไม่ใช่ คนแปลกหน้าธรรมดา ๆ แบบนั้น แต่เป็ นคนที่
อันตรายมาก มันไม่สามารถทิ้งเย่ฉูฉู่แล้วหนีไปได้

การกระทาของเงานั้นเร็วมาก กระจกหน้าต่างถูกทุบจนแตกใน
เวลาอันรวดเร็ ว จากนั้นมันก็ยนื่ มือเข้ามาเปิ ดหน้าต่าง เย่ฉูฉู่จึง
ยกไม้ตะบองขึ้นมาแล้วเหวีย่ งฟาดใส่ มือข้างนั้นอย่างแรง!

……
“…อย่าลังเล จงตัดสิ นใจอย่างเด็ดขาด และต้องไร้ความปรานี
เมื่อเหวี่ยงไม้ตะบองลงไปจงใช้แรงทั้งหมดที่เจ้ามี ต่อให้ตีไม่
ตายก็ตอ้ งทาให้อีกฝ่ ายร้องด้วยความเจ็บปวดจนทนไม่ไหว มี
แค่วธิ ีน้ ี เจ้าถึงจะมีโอกาสรอดชีวติ เข้าใจหรื อไม่สาวน้อย?”

องค์ชายกล่ าวเสี ยงเรี ยบ น้ าเสี ยงนั้นกลับเต็มไปด้วยการให้


กาลังใจ

เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนั้นพยักหน้าแรง ๆ “องค์ชายอย่าได้
กังวลใจ ข้าจะเรี ยนทักษะกระบองอย่างดี ข้าอยากปกป้ ององค์
ชาย!”

“เหอะ ๆ เจ้าอยากปกป้องข้า? ก็ได้ ๆ สาวน้อย ตั้งใจเรี ยนเถิด”

……

ในเวลานี้น้ าเสี ยงและรอยยิม้ ขององค์ชายพลันลอยอยูใ่ นสมอง


จู่ ๆ เย่ฉูฉู่ก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป เธอใช้ไม้ตะบองตีไปที่มือ
ของอีกฝ่ ายอย่างแม่นยา พูดได้วา่ เป็ นพละกาลังที่มากกว่าที่เด็ก
สาวคนนั้นเคยมี อีกฝ่ ายเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่มีอะไร
ต้องกลัว

“อ๊าก!” อี กฝ่ ายเปล่ ง เสี ย งร้ อ งด้ว ยความเจ็บปวด และดึ งมื อ


กลับไปตามสัญชาตญาณ

เย่ฉูฉู่จึงใช้โอกาสนี้ เอื้อมมือไปเปิ ดหน้าต่าง หน้าต่างถูกเปิ ด


เข้ามาด้านใน เธอใช้มือข้างหนึ่ งเปิ ด ส่ วนมื ออี กข้างฟาดไม้
ตะบองเข้าใส่ หน้าผากของอีกฝ่ ายอย่างแรง

ครั้ งนี้ คนผู ้น้ ัน ไหวตัว ได้ใ นทัน ที จึ ง ใช้มื อ ข้า งหนึ่ งจับ ไม้
ตะบองแล้วดึงเข้าหาตัวเพื่อลากเย่ฉูฉู่ออกไป เย่ฉูฉู่จึงปล่อยมือ
ออกจากไม้ตะบอง ทาให้เขาถึงกับซวนเซ

เย่ฉูฉู่ดึงมือกลับมาควานหาไม้กวาดที่อยู่บนเตียงแล้วกระโดด
ออกจากหน้าต่าง ลูกของเธอยังนอนอยู่ในบ้าน ไม่ว่าอย่างไร
เธอก็จะปล่อยให้อีกฝ่ ายเข้ามารบกวนลูกชายของตนไม่ได้!
………………………………………………………………
ตอนที่ 280 ลูกลิงผู้กล้าหาญ

เย่ฉูฉู่ตอนนี้ คล้ายกับกลายเป็นซุ ปเปอร์ เกิร์ลที่ปกป้ องลู กชาย


เธอเหวีย่ งไม้กวาดฟาดไปที่อีกฝ่ ายอย่างแรง

เธอไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือเพราะเกรงว่าจะทาให้ลูกตกใจ
กลัว จึงหวังจะทุบตีอีกฝ่ ายให้ออกไปจากบ้านด้วยตัวเอง

คนๆ นั้นคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ทาร้ายตัวเองจะเป็นผูห้ ญิง เมื่อดู


ๆ ไปแล้วยังเป็ นหญิ ง สาวอายุไ ม่ มากด้ว ย เรื่ องนี้ จึง กระตุ ้น
ความอับอายของเขา แม้ว่ามือจะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยงั ถือมีด
อยู่ เขาจึงโยนไม้ตะบองทิ้งและเปลี่ยนมาใช้มีด จากนั้นก็เงื้อง่า
พุง่ ตัวเข้ามาโดยไม่สนใจไม้กวาด
เย่ฉูฉู่ไม่ได้สังเกตเห็น เธอยังคงพุ่งตัวออกไป ในเวลานี้เองลูก
ลิงที่อยู่ดา้ นหลังก็ส่งเสี ยงร้องด้วยความโกรธเคือง มันพุ่งตัว
กระโดดข้ามศีรษะของเย่ฉูฉู่ แล้วตะปบเข้าใส่ หน้าชายคนนั้น

ชายคนนี้ ตวั สู งกว่าเย่ฉูฉู่ แต่ลูกลิงก็สามารถกระโดดเข้าใส่ ได้


อย่างแม่นยา จากนั้นมันก็ลงมือข่วนทันที ปากก็ส่งเสี ยงร้ อง
เจี๊ยก ๆ จนชายคนนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มีดในมือก็
ไม่อาจถือไว้ได้แล้ว จึงปล่อยร่ วงหล่นลงบนพื้น

เย่ฉูฉู่เห็นมีดเล่มนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าถ้าไม่ใช่เพราะลูกลิง
มาขัดขวางไว้ มีดเล่มนี้ คงแทงใส่ ร่างของเธอไปแล้ว เมื่อเห็น
ลูกลิงยังคงข่วนหน้าของอีกฝ่ าย เธอจึงใช้ไม้กวาดปั ดมีดไปอีก
ด้านหนึ่ งในสวน จากนั้นก็ยกเท้าเตะเข้าที่ทอ้ งของชายคนนั้น
จนกระเด็น ยังไม่จบแค่น้ ี เย่ฉูฉู่รู้สึกโกรธมากที่เขากล้าเอามีด
มาทาร้ายคนอื่น เธอจึงวิ่งไปที่ดา้ นข้างสวน แล้วหยิบจอบเล่ม
หนึ่งมาทุบซ้ าลงที่ขาของเขา
“อ๊าก!” ชายหนุ่มแผดเสี ยงร้องด้วยความเจ็บปวด

โชคดีที่ร่างกายของลูกลิงยังเกาะอยู่บนหน้าของอีกฝ่ าย เสี ยง
นั้นจึงไม่ดงั เท่าไรนัก

เย่ฉูฉู่ยงั ไม่หายโกรธ เธอยกจอบขึ้นมาแล้วทุบเข้าใส่ ร่างของ


คนๆ นั้นอีกครั้ง ทาให้เขาถึงกับร้องด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด

“ภรรยา!” จ้าวเหวินเทาเพิ่งวิ่งเข้ามาในสวน ฉากนี้ทาเอาเขางง


เป็ นไก่ตาแตก

ลูกลิงเห็นจ้าวเหวินเทาเข้ามา มันจึงแยกเขี้ยวใส่ ทาท่าจะพุ่งตัว


เข้า หา เมื่ อ เย่ ฉู ฉู่ เ ห็ น ว่ า มัน คงเข้า ใจผิ ด จึ ง รีบเรียกมัน ไว้
“ไฉไฉ!”

“พี่หก!”

“พี่หกจ้าว!”
ทุ กคนที่ อยู่ด้านหลังวิ่งกระหื ดกระหอบมาที่ หน้าประตูบา้ น
ฉากที่เห็นก็ทาเอางงเป็ นไก่ตาแตกเช่นกัน

ลู ก ลิ ง ประหลาดใจที่ มี ค นมากมายขนาดนี้ มัน ส่ ง เสี ย งร้ อ ง


‘เจี๊ยก ๆ’ แสดงออกว่ามันทั้งโกรธและกลัว แต่ยงั คงไม่หนีไป
ไหน

เย่ฉูฉู่โล่งอก รู ้สึกว่าร่ างกายตนอ่อนยวบ จึงพูดเสี ยงเบา “ไฉไฉ


กลับมา ไม่มีอะไรแล้ว!”

ลูกลิงจึงรี บกลับมาอยูข่ า้ ง ๆ เย่ฉูฉู่ ทั้งยังแยกเขี้ยวใส่ ทางฝั่งจ้าว


เหวินเทาด้วย

“ภรรยา!” จ้าวเหวินเทาเดินเข้ามาหา

ลูกลิงเห็นว่านี่ คือจ้าวเหวินเทา มันจึงร้อง ‘เจี๊ยก ๆ’ ด้วยความ


สับสน ก่อนจะหมุนตัวกระโดดเข้าไปในบ้านทางช่องหน้าต่าง
เย่ฉูฉู่กอดจอบและหอบหายใจอยู่ครู่ หนึ่ ง “หมอนี่ ไม่รู้ว่าโผล่
มาจากไหน ในมือมีมีดด้วย แถมยังทุบจนกระจกแตกเลย มีด
อยูใ่ นสวนแล้ว คุณจัดการเถอะค่ะ ไฉไฉข่วนเขาจนมีสภาพแย่
แล้ว”

พูดจบก็เดิ นไปที่ประตูบา้ น แต่ตอนที่มาถึงด้านหน้าก็เพิ่งจะ


นึ ก ขึ้ น ได้ว่ า ประตู บ ้า นล็ อ คจากด้า นใน เธอจึ ง วางจอบลง
จากนั้นก็หมุนตัวไปที่หน้าต่างแล้วปี นเข้าไป

“ภรร…” จ้าวเหวินเทาเห็นภรรยาปี นเข้าไปทางหน้าต่างบ้าน


อย่างสบาย ๆ ก็แอบรู ้สึกพิกล

“พี่หก คนนี้คือเถียนชีนนั่ ที่วงิ่ หนีมาใช่ไหม?” ชุยต้าถาม

เถี ย นชี น อนร้ อ งโอดโอยอยู่ ที่ พ้ื น ใบหน้า ชุ่ ม ไปด้ว ยเลื อ ด
สภาพของเขาดูน่าสยดสยองมาก
“จับตัวได้ไหม?” เจ้าหน้าของสถานีตารวจที่อยูด่ า้ นหลังก็ตาม
มาถึงแล้ว เมื่อเห็นสภาพของเถียนชี ก็ถึงกับชะงัก “นี่ มนั เกิด
อะไรขึ้น?”

จ้าวเหวินเทารี บกลับมาอธิ บาย “หมอนี่บุกเข้ามาในบ้านผม ลิง


ที่บา้ นผมก็เลยข่วน”

“อะไรนะ บ้านนายยังมีลิงด้วย?” สหายจากสถานีตารวจคนนั้น


จับประเด็นสาคัญ

จ้าวเหวินเทารี บพูด “เป็ นลิงจากบนภูเขาน่ ะครับ มันชอบมา


ขโมยของกินอยูบ่ ่อยๆ ก็เลยคุน้ ชินกัน บางครั้งก็อยูใ่ นหมู่บา้ น
ไม่ยอมไปไหน ในหมู่บา้ นของเรามีสัตว์เยอะ คนกับสัตว์ต่างก็
เป็ นมิตรต่อกัน”

หากบอกว่าเลี้ยงไว้ที่บา้ น ก็คงถูกนาตัวไปด้วย แบบนี้เขาจะไป


อธิบายกับภรรยาอย่างไร?
“สหาย เขาพกมีดติดตัวด้วยนะ! ชุ ยต้า เร็ วหน่ อย ไปหามีดใน
สวน อย่า เหยีย บสวนของฉัน พัง นะ!” จ้า วเหวิน เทาเปลี่ ย น
ประเด็น

เพียงไม่นานก็เจอมีด คนจากสถานีตารวจจึงไม่ถามเรื่ องลิงอีก


ประกอบกั บ ท่ า ทางของเถี ย นชี ที่ ดู พ ร้ อ มจะหมดลมได้
ตลอดเวลาและจาเป็ นต้องรักษาทันที

หลังจากพาตัวคนร้ายไปแล้ว ก็เข้ามาเรี ยกเย่ฉูฉู่ให้ลงบัน ทึ ก


ประจาวัน

เย่ฉูฉู่ได้ยินสิ่ งที่จา้ วเหวินเทาพูดกับคนของสถานี ตารวจแล้ว


เมื่อพูดเรื่ องของลูกลิง จึงบอกแค่ว่าเคยให้อาหารลิงไปสามสี่
ครั้ง บางครั้งลิงก็จะมาหาของกินที่นี่ คืนนี้กไ็ ด้เจอกัน

เรื่ องที่ลิงมักลงมาหาของกินช่วงกลางดึกดูเหมือนจะมีน้ าหนัก


พอ ถึงอย่างไรลิงก็ไม่รู้เวลากลางวันกลางคืน เจ้าหน้าที่ตารวจ
จึงไม่ได้จดจ่ออยูก่ บั ลิง เพียงแต่นึกทึ่งกับร่ างกายบอบบางของ
เย่ฉูฉู่ที่สามารถซัดคนร้ายหมอบกระแตได้ ผูห้ ญิงชนบทไม่ใช่
คนที่จะยัว่ ยุได้เลยจริ ง ๆ!

หลังจากบันทึกเสร็ จแล้ว คนของสถานีตารวจก็กลับไป ชุ ยต้า


และคนอื่น ๆ ก็กล่าวชื่นชม “พี่สะใภ้สุดยอดจริ ง ๆ!”

เย่ฉูฉู่แอบรู ้สึกเขินอาย

“พวกนายพอได้แล้ว นี่มนั กี่โมงกี่ยามแล้ว รี บกลับบ้านซะ ไป


บอกคนในบ้านด้วย!” จ้าวเหวินเทาบอกให้พวกเขากลับไป

“ภรรยา…” จ้าวเหวินเทาแอบรู ้สึกกลัว “ผมไม่ควรไปฟาร์ ม


กระต่ายเลย ผม…”

“พอแล้ว คุ ณ เองก็ ไ ม่ ใ ช่ ค นรู ้ ก่ อ นกาลสั ก หน่ อ ย จะไปคิ ด


มากมายขนาดนั้นได้ไงล่ ะคะ” เย่ฉูฉู่ปลอบใจ “ไม่ เป็ นไร นี่
เป็ นเหตุสุดวิสัย คุณก็อย่าไปใส่ ใจเลยค่ะ”
จะไม่ให้ใส่ ใจได้ดว้ ยเหรอ คนที่ก่อคดีอาชญากรรมเข้ามาใน
บ้านตัวเอง แล้วในบ้านก็มีแค่ภรรยากับลูก จ้าวเหวินเทาไม่
อยากจะคิ ด มากไปกว่ า นั้น เลย เขากอดภรรยาไว้ “ภรรยา
หลังจากนี้ถา้ เกิดเรื่ องแบบนี้อีก ต่อให้ฟ้าถล่มผมก็ตอ้ งปกป้ อง
คุณกับลูก ผมจะไม่ไปไหนแล้ว!”

“คุณพูดจาเหลวไหลให้มนั น้อย ๆ หน่ อย เกิดเรื่ องแบบนี้ ครั้ง


เดียวยังไม่พอ ยังจะให้มีครั้งที่สองอีกเหรอ!”

“เปล่านะ ผมหมายถึงว่าถ้าเกิดเรื่ องอีกผมจะไม่ไปไหนแล้ว”


จ้าวเหวินเทากอดภรรยาไว้อย่างแนบแน่น “ผมกลัวมากจริ ง ๆ”

เย่ฉูฉู่รู้สึกได้ว่าจ้าวเหวินเทากาลังตัวสั่น ร่ างกายของเธออ่อน
ยวบลงขณะกอดตอบกลับไป “เหวินเทา ไม่ เป็ นไรแล้ว ฉัน
ไม่ใช่เด็ก ๆ นะคะ ฉันโตเป็ นผูใ้ หญ่แล้ว ฉันรู ้วา่ ควรทายังไง”

จ้าวเหวินเทาไม่ได้พูดอะไร
เย่ฉูฉู่พูดเคล้ารอยยิ้ม “โชคของคุ ณดี ออกขนาดนั้น คนเลว ๆ
มาเจอกับคุณคงได้จบเห่กนั หมด!”

“ดี กบั ผีเถอะ ถ้าดี คงไม่เกิดเรื่ องแบบนี้ หรอก!” จ้าวเหวินเทา


พูดด้วยความขุ่นเคือง

“พอแล้ว เรื่ องมันผ่านไปแล้ว อย่าไปคิดถึงมันเลย คุ ณเล่าให้


ฉั น ฟั ง หน่ อ ยค่ ะ ว่ า มัน เกิ ด อะไรขึ้ นกัน แน่ ?” เย่ ฉู ฉู่ ผ ลัก เขา
ออกไป

จ้าวเหวินเทาจึ งเล่ าให้เธอฟั งแบบง่ าย ๆ ไปหนึ่ งรอบ เย่ฉู ฉู่


ถึงกับถอนหายใจ นี่คือความซวยที่ส่งตรงมาถึงในบ้านจริ ง ๆ

“จริ งสิ ลูกไม่เป็ นอะไรใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทารี บถาม

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้าด้วยรอยยิม้ มองลูกที่นอนอยูบ่ นเตียง “ดูลูกชาย


คุณสิ คะ นอนหลับสบายขนาดไหน!”
เย่ฉูฉู่กลัวว่าจะทาให้ลูกชายตื่นตกใจ ถ้าเด็กเล็กตกใจในช่ วง
กลางดึกจะทาให้ป่วยได้ และยากที่จะรักษา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้
ส่ งเสี ยงร้องขอความช่ วยเหลือ ผลลัพธ์ที่ได้คือเธอกังวลเก้อ
ลูกชายนอนหลับปุ๋ ยตั้งแต่ตน้ จนจบ ไม่ได้ถูกรบกวนการนอน
สักนิด ตอนนี้ไม่รู้กาลังฝันอะไรอยู่ กาลังยิม้ อยูเ่ ลย

จ้าวเหวินเทาถอนหายใจ “หากลูกชายของเราโตขึ้น ต้องเป็ น


พวกไม่กงั วลกับเรื่ องอะไรแน่ ๆ คุณดูสิ ขนาดเกิดเรื่ องใหญ่โต
แบบนี้ยงั หลับสบายอยูเ่ ลย!”

เย่ฉูฉู่หวั เราะ “คนที่ไม่คิดอะไรมากก็คือคนที่ไม่กงั วลกับเรื่ อง


อะไรเลยไม่ใช่เหรอคะ”

“ภรรยา คนไม่คิดมากถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่นะ มีต้ งั หลายคนที่


อยากเป็ นแต่ ก็ ย ัง เป็ นไม่ ไ ด้ เ ลย!” จ้า วเหวิ น เทาพู ด อย่ า ง
ภาคภูมิใจ
ตอนที่ 281 ภรรยาสาวผู้รังแกไม่ ง่าย

เช้าวันรุ่ งขึ้นฝนก็ตกลงมา และตกหนักมากด้วย ชาวบ้านจึงไม่


สามารถลงไปทานาได้ ทุกคนทาได้เพียงแค่อยูใ่ นบ้าน แต่การ
อยู่ในบ้านก็ยงั มี งานให้ทา ผูช้ ายนั่งซ่ อมอุ ปกรณ์ การเกษตร
ผูห้ ญิงก็เย็บปะเสื้ อผ้า ไม่ได้มีเวลาว่างให้หยุดพัก

ชี วิตในชนบทก็เป็ นแบบนี้ ผูค้ นต่ างก็คุน้ ชิ นแล้ว และไม่ได้


รู ้สึกอะไร หยิบอุปกรณ์ไปนัง่ รวมตัวกับเพื่อนบ้านทางานไป
ด้วยก็ซุบซิ บไปด้วย ยิ่งไม่ตอ้ งพูดถึงเรื่ องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย
ยิง่ ทาให้พวกเขามีเรื่ องพูดคุยกัน

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอ หมาเห่ าทั้งคืนเลย!” หลี่เฟิ นมาที่


บ้านของพี่สะใภ้รองจ้าว หล่อนถือส้นรองเท้าพลางกล่าว
พี่ ส ะใภ้ร องจ้า วเอ่ ย “ก็ นั่ น น่ ะ สิ หมาบ้า นฉั น ก็ เ ห่ า ทั้ง คื น
เหมือนกัน พี่รองของเธอออกไปดูดว้ ยนะ เห็นบอกว่าจับพวก
เล่นไพ่”

“งานยุง่ ขนาดนี้ยงั มีคนไปเล่นไพ่อีก จะไม่ใช้ชีวิตแล้วเหรอ?”


หลี่เฟิ นกล่าว

“คนที่ เล่ นไพ่ยงั จะสนใจเรื่ องใช้ชีวิตอี กเหรอ?” พี่สะใภ้รอง


จ้า วกล่ า ว “อย่า พู ด ถึ ง ใช้ชี วิต เลย ขอแค่ นั่ง อยู่บนโต๊ ะ พนัน
แม้แต่เมียตัวเองก็ไม่รู้จกั แล้ว!”

“จริ ง ๆ เลย หมู่บา้ นพวกเรายังดี นะ แต่หมู่บา้ นตะวันตกนั่น


โอ๊ ย ได้ยิน มาว่า มี ห ลายครอบครั ว เลยที่ เ ล่ น พนัน ” หลี่ เ ฟิ น
บุย้ ปากพูด

“คนที่ทาก็คือหม่าเสี่ ยวลิ่วนัน่ ไม่ใช่ เหรอ เจ้าเด็กนัน่ ไม่ใช่ คน


ที่สุดแล้วแหละ วัน ๆ เอาแต่ลากคนอื่นไปเล่นพนัน เขาเองก็
ได้ส่วนแบ่ง ขาดคุ ณธรรมสุ ด ๆ ไม่กลัวกรรมตามสนองเลย
นะ!”

“เขาคงได้เงินไปไม่นอ้ ยเลยนะ นี่ ถา้ มีภรรยาสักคนจะมีชีวิตดี


ขนาดไหนกันนะ!”

“คนที่ไม่เดินอยูบ่ นเส้นทางที่ถูกต้องจะคิดถึงเรื่ องนี้เหรอ?”

ระหว่างที่ท้ งั สองคนกาลังพูดคุยกัน ภรรยาของเหล่าหวังสามก็


ถือตะกร้ากุยช่ายเข้ามา บนศีรษะคลุมด้วยถุงกระสอบ

“อ้าว ฝนตกหนักขนาดนี้ เธอไปทาอะไรมาเนี่ย?” พี่สะใภ้รอง


จ้าวทักทายคนที่เข้ามา

ภรรยาของเหล่าหวังสามแขวนถุงกระสอบไว้บนตะปูที่ตอก
อยูบ่ นกาแพง นางเดินเข้ามาในบ้านพลางกล่าว “อากาศวันนี้ก็
จริ ง ๆ เลย เมื่อวานท้องฟ้ายังปลอดโปร่ งอยูเ่ ลย วันนี้ดนั ฝนตก
หนักขนาดนี้ต้ งั แต่เช้าซะงั้น!”
“ฝนตกสั ก หน่ อ ยก็เ ป็ นเรื่ อ งที่ ดี น ะ ที่ น าก็แ อบแห้ง แล้ง นิ ด
หน่อยแล้วเหมือนกัน” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว

ภรรยาเหล่าหวังสามเห็นหลี่เฟิ นก็ส่งเสี ยงอุทาน “เธอก็มานั่ง


ว่าง ๆ ที่นี่เหรอเนี่ย!”

“อยู่บา้ นคนเดียวน่ าเบื่อจะตาย ก็เลยออกมานั่งคุยกับบ้านอื่น


ทาไมเธอถึงมาที่นี่ล่ะ?”

ภรรยาเหล่ า หวัง สามปากเสี ย เกิ น ไป จึ ง ไม่ ค่ อ ยได้รั บ การ


ต้อนรับเท่าไรนัก ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับพี่สะใภ้รอง
จ้า วก็ ไ ม่ ไ ด้ดี ม าก ฝนตกหนั ก ขนาดนี้ จะท าไมถึ ง มาที่ นี่ ?
หลี่เฟิ นจึงแอบงงงวยนิดหน่อยเหมือนกัน

ภรรยาเหล่าหวังสามเห็นขวดน้ าอุ่นที่อยู่บนตู ้ หล่อนก็เดินไป


ริ น น้ า ร้ อ นให้ต ัว เองแล้ว ดื่ ม อย่า งไม่ เ กรงใจ “อากาศช่ ว งนี้
หนาวจัง ฉันขอดื่มน้ าร้อนหน่อยนะ”
พี่สะใภ้รองจ้าวย่อมไม่อาจพูดว่า ‘ห้ามดื่ม’ อยูแ่ ล้ว จึงพูดเคล้า
รอยยิม้ ว่า “ขึ้นมานัง่ บนเตียงสิ ฉันเผาฟื นเยอะขึ้นโดยเฉพาะ
เลยด้วย”

“จริ ง เหรอ เยี่ย มเลย ตอนที่ ฉัน ไปตัด กุ ย ช่ า ยรู ้ สึ ก เฉอะแฉะ


ชะมัด” ภรรยาเหล่าหวังสามถอดรองเท้าแล้วขึ้นมานัง่ บนเตียง

“นี่ เธอจะห่ อเกี๊ยวเหรอ?” หลี่เฟิ นเห็นกุยช่ ายที่อยู่ในตะกร้าจึง


เอ่ยถาม

“ใช่ ฝนตกไม่มีอะไรทาพอดี เลยทากินสักหน่ อย ช่ วงนี้ ยุ่งจน


ไม่มีเวลาได้กินเลย” ภรรยาเหล่าหวังสามเลือกกุยช่าย และถาม
ว่า “พวกเธอล่ะ ตอนเที่ยงกินอะไรกัน?”

พี่สะใภ้รองจ้าวมองกุยช่ าย “กุยช่ ายของเธอไม่เลวเลยนะ โต


ขึ้นมาดูดีจริ ง ๆ”
“จริ งเหรอ ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันเติมปุ๋ ยเคมีลงไปนิ ดหน่ อย
สิ่ งนี้ ทาให้เติบโตเร็ วขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย! พวกเธอก็ตอ้ ง
ใส่ เข้าไปสักหน่อยนะ มีเยอะจนกินไม่หมดเลยแหละ!”

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ของแบบนั้นแพงมากเลยนะ”

“ฉันเองก็ใส่ ไปแค่นิดหน่อย เธอดูสิโตขึ้นมาดีขนาดนี้เลย”

“ได้ยินเธอบอกว่าจะห่ อเกี๊ยว ฉันเองก็อยากกินขึ้นมาเลย อีก


เดี๋ยวกลับไปห่ อบ้างดีกว่า ฉันเก็บบวบเหลี่ยมมาสามสี่ ลูกพอดี
ใส่ น้ ามันลงไปสักหน่อย” หลี่เฟิ นกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ก็จริ งนะ ฝนตกหนักขนาดนี้ ก็ตอ้ งกิน


สักหน่ อย ฉันก็มีบวบเหลี่ยมเหมือนกัน อีกเดี๋ยวฉันจะไปเก็บ
มาสักสองสามลูก”
ภรรยาของเหล่าหวังสามกล่าวเคล้ารอยยิม้ “ถูกต้องแล้ว ฝนตก
ก็ตอ้ งทาของอร่ อย ๆ ให้ตวั เองสักหน่อย ตอนที่ยงุ่ ๆ อยากกิน
ก็ยงั ไม่มีเวลาให้กินเลย!”

หลี่เฟิ นพูดเสริ มขึ้นมาสองสามประโยคก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อ


สนทนา “เธอรู ้หรื อเปล่าว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”

ครั้ นภรรยาเหล่ าหวังสามได้ยิน ดวงตาก็เป็ นประกายขึ้ นมา


หล่อนพูดกับพี่สะใภ้รองจ้าวว่า “ที่ฉนั มาก็เพราะอยากคุยเรื่ อง
นี้ กบั พวกเธอเนี่ ยแหละ! พวกเธอรู ้ไหม เมื่อคืนมีคนเข้าไปที่
บ้านน้องหกของเธอด้วยนะ น้องหกของเธอก็ไม่ได้อยูใ่ นบ้าน
ด้วย!”

พี่สะใภ้รองจ้าวชะงัก “ใครไปที่บา้ นน้องหกเหรอ?”

“สวรรค์เถอะ พวกเธอยังไม่รู้อีกเหรอ?” ภรรยาเหล่าหวังสาม


ประหลาดใจ
“ยังไม่รู้ เกิดอะไรขึ้น?” หลี่เฟิ นรี บถาม “ไม่ใช่วา่ จับคนเล่นไพ่
เหรอ อย่าบอกนะว่าจ้าวเหวินเทาไปเล่นพนัน?”

ภรรยาเหล่าหวังสามส่ ายหน้า “เปล่า! คือเรื่ องมันเป็ นแบบนี้


เมื่ อคื นไม่ ใช่ การจับคนเล่ นไพ่หรอก แต่ จบั ฆาตกรต่ างหาก
ล่ะ!”

“หา ฆาตกร!”

พี่สะใภ้รองจ้าวและหลี่ เฟิ นต่ า งก็ต กใจ พวกหล่ อนต่ า งเป็ น


ชาวบ้านในชนบทที่มีความซื่อสัตย์ แต่กไ็ ม่ได้ยนิ เรื่ องนี้

“ฉันได้ยนิ พ่อของชุยต้าเล่าให้ฟัง บอกว่าลูกชายคนโตของเขา


อยูท่ ี่ฟาร์มกระต่าย เมื่อคืนลูกชายคนเล็กของเขาได้ยนิ ว่ามีคน
ไปที่ฟาร์มกระต่าย ก็เลยเป็ นห่ วงพี่ชาย เลยพาคนกลุ่มหนึ่งไป
ที่ ฟาร์ ม ภายหลังจ้าวเหวินเทาน้องหกของเธอก็ตามไปด้ว ย
ตอนนั้นคนของสถานีตารวจต่างก็ไปจับผูร้ ้ายที่ฟาร์มกระต่าย
จับตัวเด็กหนุ่ มมาได้สามสี่ คน หนึ่ งในนั้นมีหม่ าเสี่ ยวลิ่วด้วย
นะ หลังจากสอบปากคาเสร็ จถึงได้รู้ว่า ยังมีอีกคนวิ่งเข้าไปใน
หมู่บา้ นแล้ว ชื่อเถียนชีอะไรนี่แหละ เขามีคดีฆ่าคนตายด้วยนะ
หนี ออกมาแล้วก็ซ่อนตัวอยู่ที่หมู่บา้ นตะวันตก อยู่กบั เจ้าหนู
หม่าเสี่ ยวลิ่วนัน่ แหละ พอตารวจรู ้เข้า ก็เลยมาจับในนามของ
การจับพวกเล่นพนัน ผลลัพธ์ที่ได้หมอนัน่ แอบเข้าไปในบ้าน
ของจ้าวเหวินเทา ตอนนั้นจ้าวเหวินเทายังอยู่ที่ฟาร์ มกระต่าย
อยูเ่ ลย โอ๊ยแม่เจ้า ฉันได้ยนิ แบบนี้กต็ กใจแทบแย่ จ้าวเหวินเทา
ไม่อยูบ่ า้ น ในบ้านก็มีแค่เมียกับลูกแค่สองคน!”

ภรรยาเหล่ า หวัง สามช่ า งพู ด ดึ ง ดู ด ความรู ้ สึ ก ได้อ ย่ า งน่ า


ประทับใจ พี่สะใภ้รองจ้าวและหลี่เฟิ นได้ยนิ ก็ถึงกับตกใจทันที
“หลังจากนั้นล่ะ?”

“เธอฟั งฉันเล่าสิ !” ภรรยาเหล่าหวังสามเล่า “อย่ามองว่าภรรยา


ของจ้าวเหวินเทาคนนั้นตัวเล็กนะ หล่อนสุ ดยอดมาก ใช้ไม้
ตะบองตีหมอนัน่ จากนั้นลิงก็เข้าไปข่วนหน้า ได้ยนิ ชุยเอ้อเล่า
ว่าหน้าของเถียนชีนนั่ ถูกข่วนจนโชกเลือดเลย ขาก็ถูกเย่ฉูฉู่ใช้
จอบทุบจนหักเลยด้วย!”

“หา!”

พี่สะใภ้รองจ้าวและหลี่เฟิ นได้ยนิ ก็รู้สึกหวาดเสี ยวแทน ดวงตา


ทั้งคู่ถึงกับเบิกกว้าง

“น้องสะใภ้หกเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวแอบรู ้สึก


เหลือเชื่อ

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันได้ยนิ ก็แอบงงอยูเ่ หมือนกัน ปกติเห็นเป็ นคนซื่ อ


ๆ มากเลยนะ แต่ ช่ ว งเวลาส าคัญ แบบนี้ ท าไมถึ ง ได้สุ ด ยอด
ขนาดนี้ ฝี มือร้ายกาจมากเลย!” ภรรยาของเหล่าหวังสามเดาะ
ลิ้น

หลี่เฟิ นกล่าว “พวกเธอคิดผิดแล้ว สมัยก่อนแม่ของหล่อนคือ


ผูห้ ญิ งร้ ายกาจเลยนะ ลู กสาวจะด้อยกว่าแม่ ได้ไ ง? อี กอย่า ง
ตอนที่ เ ย่ฉู ฉู่ เ พิ่ ง แต่ ง งานเข้า มาใหม่ ๆ ก็แ ตะต้อ งไม่ ไ ด้เ ลย
ทะเลาะกับจ้าวเหวินเทาก็ไม่เคยแพ้มาก่อน!”

พี่สะใภ้รองจ้าวพยักหน้ารัว ๆ “นี่ถา้ เธอไม่พูดฉันคงลืมไปแล้ว


ตอนนั้นเป็ นแบบนั้นจริ ง ๆ แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร
พวกเขาก็หยุดทะเลาะกันซะงั้น แถมยังอยูแ่ บบซื่ อตรงด้วยนะ
ดูเหมือนว่านี่คงเป็ นแค่ภายนอกสิ นะ”

“สันดอนขุดง่าย สันดานแก้ยาก คิดจะเปลี่ยนมันจะเปลี่ยนกัน


ได้ง่าย ๆ ที่ไหนกัน ฉันว่านะ นี่ เป็นเพราะมีลูกแล้วก็เลยดีข้ ึน
มาก ถ้ายังไม่มีลูก ฉันว่าเมื่อวานคงได้เอาถึงตายเลยแหละ!”
หลี่เฟิ นพูดเกินจริ ง

แต่พี่สะใภ้รองจ้าวและภรรยาของเหล่าหวังสามชอบความเกิน
จริ ง พวกหล่ อนพยักหน้า “นั่นสิ แต่ ก็พอจะอภัยได้แหละ มี
ฆาตกรเข้า มาช่ ว งกลางดึ ก แบบนี้ ใครเจอก็ต ้อ งสู ้ ยิบ ตากัน
ทั้งนั้นแหละ!”
“ไม่วา่ จะพูดยังไง เย่ฉูฉู่นี่กส็ ุ ดยอดเลยล่ะ!”

เมื่อคืนเย่ฉูฉู่เพียงคนเดียวก็สามารถทาให้เถียนชีนอนหมอบลง
ได้ ลูกลิงก็ข่วนหน้าโจร ไม่เพียงแค่ทาให้พวกหล่อนรู ้สึกว่าเย่
ฉู ฉู่เป็ นคนที่แตะต้องไม่ได้ ทุกคนที่อยูใ่ นหมู่บา้ นที่ทราบเรื่ อง
ก็ต กตะลึ ง เช่ น เดี ย วกัน ภายในใจก็อ ดคิ ด ไม่ ไ ด้ หลัง จากนี้
อย่าได้ไปยัว่ โมโหภรรยาสาวคนนั้นเชี ยว ที่สาคัญคือกล้าที่จะ
เริ่ มลงมือในช่วงเวลาวิกฤติดว้ ย!
ตอนที่ 283 เรื่ องหมาๆ แมวๆ

แมวน้อยสองตัวคือลูกแมว ตัวหนึ่งเป็ นตัวสี ขาวดา ส่ วนอีกตัว


เป็นลายเสื อ พวกมันล้วนอ้วนกลมมีขนปุกปุย สามารถยกขึ้น
มาได้สองตัวด้วยมือข้างหนึ่ง ตัวเล็กและน่ารักมากจริ ง ๆ!

เย่ฉูฉู่ยงั คงประหลาดใจ ขณะที่ลูกลิงเอื้อมอุง้ มือเล็ก ๆ ของมัน


ออกไปเพื่อยกลูกแมวขึ้นมาแล้ว เย่ฉูฉู่จึงรี บเข้าไปรับไว้

“ไฉไฉ ทาแบบนี้ ไม่ได้นะ เดี๋ยวลูกแมวจะเจ็บ” เย่ฉูฉู่รีบบอก


ลูกลิง ก่อนจะนาลูกแมวไปวางไว้บนเตียง

ลูกลิงเรี ยนรู ้และทาตาม อุง้ มือทั้งสองข้างของมันประคองแมว


อีกตัวขึ้นไปวางบนเตียง

“ไฉไฉฉลาดจริ ง ๆ เลย!” เย่ฉูฉู่กล่าวชื่นชม


เสี่ ย วไป๋ หยางที่ นั่ง อยู่บ นเตี ย งเห็ น ลู ก แมวทั้ง สองตัว ก็รู้ สึ ก
ประหลาดใจมาก เขายกนิ้วมือชี้พร้อมกับส่ งเสี ยงร้อง ‘แอ้ ๆๆ’

ลูกแมวทั้งสองตัวต่างรู ้สึกหวาดกลัว จึงเดินเข้าไปซ่ อนตัวข้าง


ใต้กองผ้าห่มที่อยูข่ า้ ง ๆ

“ไม่ดูกล่องนี้หน่อยเหรอ?” จ้าวเหวินเทาพูดเตือน

เย่ฉูฉู่หนั มายิม้ “ไม่ตอ้ งดูฉนั ก็รู้แล้วค่ะว่าคืออะไร! ต้องเป็ นลูก


หมาแน่นอน!”

“ภรรยาผมฉลาดจัง!” จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ ๆ เขาก้มตัวและ


เปิ ดกล่ องกระดาษอี กใบ ด้านในนั้นมี ลูกสุ นัขสี ดาร่ างกายดู
แข็งแรงสองตัว

เย่ฉูฉู่อุม้ ลูกสุ นขั ออกมาและวางลงบนเตียงเช่ นกัน เธอลูบหัว


เล็ก ๆ ของพวกมัน ลูกหมาไม่ได้รู้สึกแปลกที่แม้แต่น้อย มัน
ส่ ายหางเล็ก ๆ ท่าทางดูมีความสุ ขมาก
“นี่ไม่ใช่ลูกผสมหมาป่ าใช่ไหม?” เย่ฉูฉู่มองซ้ายมองขวาก็รู้สึก
ว่าไม่คล้ายกับสุ นขั ลูกผสมสุ นขั ป่ า

จ้าวเหวินเทาเดินเข้ามาลูบหัวเล็ก ๆ ของลูกหมา “ไม่ใช่ มันคือ


หมาบ้านนี่ แหละ เป็นพี่นอ้ งกัน เจ้าของแม่พวกมันบอกผมว่า
หมาบ้านนี่แหละดี ปกป้องเจ้านาย ดุ และที่สาคัญก็คือเลี้ยงง่าย
ด้วย แค่ให้อาหารมันกินนิ ดหน่ อยก็ได้แล้ว หมาแพง ๆ พวก
นั้นเลี้ยงดู ยากเกินไป แถมยังต้องให้กินเนื้ อและอาหารสุ นัข
โดยเฉพาะอีก ผมคิดดู แล้วก็ว่าจริ ง ในหมู่บา้ นเราก็เลี้ยงหมา
บ้านกันทั้งนั้น มันก็ดูแลบ้านได้เหมือนกัน! เขาเองก็มีลูกหมา
สองตัวนี้พอดี ผมก็เลยพากลับมา เพิ่งจะหัดกินเลย ทาโจ๊กกับ
ซุปผักนิดหน่อยก็พอแล้ว”

ในชนบทเลี้ยงสุ นขั แบบง่าย ๆ ใส่ ผกั และข้าวที่เหลือลงไปก็ให้


กินได้แล้ว
เย่ฉูฉู่มองดูดวงตาแวววาวด้วยหยาดน้ าของลูกสุ นขั ทั้งสองตัว
แล้วก็รู้สึกชอบมาก “เรื่ องนี้คุณไม่ตอ้ งสนใจหรอกค่ะ จะสร้าง
บ้านให้มนั หรื อเปล่า หรื อว่าจะให้นอนในบ้าน?”

จ้าวเหวินเทายิม้ “ปล่อยไว้ในบ้าน? ถ้าคุณไม่กลัวพวกมันจะขี้


เยีย่ วใส่ พ้นื ก็ให้อยูไ่ ด้”

“งั้นอย่าเลย” เย่ฉูฉู่ครุ่ นคิดดูแล้วก็ปล่อยสุ นขั ไว้ดา้ นนอกบ้าน


และสร้างบ้านดี ๆ ให้พวกมันดีกว่า

เสี่ ยวไป๋ หยางเห็ นแม่ ของเขารั ก ลู กสุ นัข เขาก็พยายามอย่า ง


หนักเพื่อมาทางนี้ แต่น่าเสี ยดายที่ต่อให้ใช้พลังจากการดื่มนมก็
ยังมีไม่มากพอ จึงร้องไห้ออกมาด้วยความโมโห

“เจ้าลูกชาย ไม่ร้องนะไม่ร้อง!” จ้าวเหวินเทารี บเข้ามาอุม้ ลูก


“มา ๆ เดี๋ยวพ่ออุม้ ไปดูลูกหมานะ” เขาอุม้ ลูกมาหยุดตรงหน้า
ลูกสุ นขั เสี่ ยวไป๋ หยางก็หยุดร้องทันที
“แอ้ ๆๆ!” เสี่ ยวไป๋ หยางใช้มือจับหางลู กสุ นัขไม่ ยอมปล่ อย
ปากก็เอาแต่ร้อง ‘แอ้ ๆๆ’

เย่ฉูฉู่รีบจับมือลูกออกไป “เสี่ ยวไป๋ หยาง ทาแบบนี้ไม่ได้นะลูก


ทาแบบนี้บ๊อก ๆ จะเจ็บนะ จริ งสิ พวกมันชื่ออะไรเหรอ?”

“หลายไฉ ฟาไฉ!” จ้าวเหวินเทาอ้าปากพูด

เย่ฉูฉู่หมดคาพูด “แล้วลูกแมวชื่ออะไร?”

“จินเป่ า หยวนเป่ า!”

“พรื ด!”

เลี้ ย งลิ ง ตั้ง ชื่ อ ไฉไฉ เลี้ ย งสุ นัข สองตัว ตั้ง ชื่ อ ว่ า หลายไฉกับ
ฟาไฉ เลี้ยงแมวก็ต้ งั ชื่อจินเป่ ากับหยวนเป่ าอีก คนที่ไม่รู้คงคิด
ว่าบ้านนี้ตกลงไปอยูใ่ นถังเงินแล้ว!

“ไร้ รสนิ ยมเกิ นไปแล้ว! พวกมันเป็ นหมาสี ดา แถมยังเป็ นพี่


น้องกันด้วย ชื่ อต้าเฮยกับเสี่ ยวเฮยก็แล้วกัน ส่ วนลูกแมวสอง
ตัวนั้น ตัวที่ สีขาวดาชื่ อเสี่ ยวไป๋ ส่ วนตัวที่ เป็ นลายเสื อชื่ อว่า
เสี่ ยวหลีแล้วกันนะ” เย่ฉูฉู่ครุ่ นคิดพลางกล่าว

“ได้ ชื่ อ ที่ ภ รรยาตั้ง เพราะกว่ า ที่ ฉั น ตั้ง อี ก !” จ้า วเหวิ น เทา
หัวเราะคิกคัก

“แหงสิ ดี กว่าฟาไฉหลายไฉของคุ ณอี ก!” เย่ฉูฉู่รับลู กมาอุ ม้


“คุณไปทาบ้านให้พวกมันเถอะ เดี๋ยวก็มืดแล้ว”

“ได้เลย!”

จ้าวเหวินเทาถลกแขนเสื้ อขึ้น เขายกพวกมันขึ้นมาข้างละตัว


จากนั้นก็พาต้าเฮยและเสี่ ยวเฮยออกไป

เสี่ ยวไป๋ หยางไม่ยอม เขายื่นแขนออกไปทาท่าจะออกไปด้วย


เย่ฉูฉู่จึงกล่าวเคล้ารอยยิม้ ว่า “เสี่ ยวไป๋ หยาง มานี่เร็ว พวกเรามา
ดูเมี๊ยว ๆ กันนะ! เสี่ ยวไป๋ เสี่ ยวหลี ออกมาเร็ว!”

สายตาของเสี่ ยวไป๋ หยางถูกดึงดูดไปทางนั้นแล้ว


เย่ฉูฉู่เปิ ดผ้าห่มที่กองอยูอ่ อกมา ก็เห็นก้นเล็ก ๆ ของลูกแมวทั้ง
สองตัวพอดี เสี่ ยวไป๋ หยางรู ้สึกตื่นเต้น จึงยืน่ มือออกไปเพื่อจะ
คว้าหางของลูกแมว เย่ฉูฉู่จึงห้ามไว้ “เสี่ ยวไป๋ หยาง พวกเราดู
ได้อย่างเดียวแต่ห้ามจับนะลูก มา เสี่ ยวไป๋ มาดูเสี่ ยวไป๋ หยาง
ของพวกเราสิ เสี่ ยวหลี เสี่ ยวไป๋ หยางอยากเล่นกับเธอด้วยนะ
มาเร็ว พวกเรามาเล่นกันเถอะ”

ผลลัพธ์ที่ได้ลูกแมวทั้งสองตัวก็ไม่ได้สนใจ ยังคงยกก้นเล็ก ๆ
มุดเข้าไปด้านในต่อ เย่ฉูฉู่เห็นก็ขามาก

ทางฝั่ ง จ้า วเหวิน เทาเมื่ อ ออกมาจากบ้า นก็ปล่ อ ยต้า เฮยและ


เสี่ ยวเฮยลง ต้าเฮยและเสี่ ยวเฮยสะบัดขน จากนั้นก็กางขาสั้น ๆ
เล็ก ๆ ของพวกมันออกดมทางซ้ายทางขวาด้วยความสงสัย ทั้ง
ยังเตี้ยวดอกไม้สองสามดอกด้วยท่าทางมีความสุ ขมาก

“พวกแกสองตัวก็เป็ นพวกไม่คิดอะไรมากสิ นะ!” จ้าวเหวินเทา


ด่าด้วยรอยยิม้ จากนั้นจึงไปหาอิฐเพื่อมาสร้างบ้านให้พวกมัน
จ้าวเหวินเทาเลือกสร้างบ้านตรงมุมตะวันตกเฉี ยงใต้ของลาน
ตรงนี้อยูใ่ กล้กบั ประตูใหญ่ ถ้ามีคนมาก็จะรู ้ได้ในทันที

อิ ฐ เป็ นส่ ว นที่ เ หลื อ จากการสร้ างบ้า น ทุ ก ที่ ใ นชนบทก็เ ป็ น


แบบนี้ เพียงไม่ นานเขาก็ก่อกองโคลนขึ้ นมา สร้ างเป็ นคอก
สุ นขั

ในเมื่ อมี สุนัขสองตัว เขาจึ งคิ ดไว้ว่า จะสร้ างคอกขึ้ นมาสอง


คอก ขนาดของมันยึดตามร่ างกายของแม่พวกมัน ถึงอย่างไร
ลูกสุ นขั ก็ตอ้ งเติบโต

“เหวินเทาอยูบ่ า้ นไหม?” มีเสี ยงคนเรี ยกที่ดา้ นนอกประตูใหญ่

จ้า วเหวิน เทายัง ไม่ ไ ด้ส่ ง เสี ย งอะไร ต้า เฮยกับเสี่ ย วเฮยก็วิ่ ง
ออกไปแล้ว ทั้งยังส่ งเสี ยงขู่เตือนด้วยเสี ยงไร้เดียงสา

“โห เจ้าตัวเล็กนี่ใช้ได้เลยแฮะ ตัวแค่น้ ีกร็ ู ้เรื่ องแล้ว!” จ้าวเหวินเทา


พอใจมาก เขายังคงทางานต่อไปโดยไม่ได้ลุกขึ้น ปากก็พูดไปว่า
“เข้ามาสิ พวกมันยังกัดไม่เป็ น! ต้าเฮยเสี่ ยวเฮย กลับมา อย่ากัด
นะ!”

ต้าเฮยกับเสี่ ยวเฮยจึงเดินต้อย ๆ กลับมา จากนั้นก็ยนื ล้อมจ้าวเห


วินเทาด้วยท่าทางราวกับรอรับความดีความชอบ

“เยี่ยมมาก คืนนี้ จะให้พวกแกได้กินของอร่ อย ๆ นะ!” จ้าวเห


วินเทาพูดกับต้าเฮยและเสี่ ยวเฮย

หางของต้าเฮยและเสี่ ยวเฮยแกว่งไปมาราวกับกงล้อไฟ

“เหวินเทา…อ้าว นายอยูบ่ า้ นเหรอ!”

จ้าวเหวินเทาหันไปมองก็พบว่าเป็ นจ้าวเหวินอู่

“อ้า ว ลมอะไรหอบนายมาเนี่ ย !” จ้า วเหวิ น เทากล่ า วเคล้า


รอยยิม้ “นี่กส็ ักพักแล้วนะที่ไม่เห็นนายเลย!”

จ้าวเหวินอู่เดินเข้ามา เขาหยิบอิฐก้อนหนึ่ งมาวางไว้แล้วนัง่ ลง


บนนั้น “นี่นายกาลังทาอะไรอยูเ่ หรอ?”
“สร้างคอกให้พวกมัน ช่วงนี้นายทาอะไรอยูล่ ่ะ?”

จ้าวเหวินอู่หยิบกล่องบุหรี่ ออกมาจากกระเป๋ า จากนั้นก็หยิบ


ออกมาให้จา้ วเหวินเทาหนึ่ งมวน จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า “ฉัน
ไม่สูบ นายสู บเถอะ”

จ้า วเหวิน อู่ ก็ไ ม่ ไ ด้บ ัง คับ เขา จึ ง จุ ด บุ ห รี่ ใ ห้ต ัว เองหนึ่ ง มวน
หลังจากสู บเข้าไปหนึ่ งคาก็พูดว่า”เฮ้อ อย่าพูดถึงเลย ปี ที่แล้ว
ฉัน ขุด สุ ส านไปเยอะมาก ทาให้ฉัน ได้ เ งิ น มานิ ด หน่ อ ย ฤดู
ใบไม้ผลิปีนี้กอ็ อกไปต่างที่กบั คนอื่น ๆ เพราะอยากรวย”

“แล้วตอนนี้นายรวยหรื อยังล่ะ?” จ้าวเหวินเทากวาดตามองเขา

จ้าวเหวินอู่สวมใส่ เสื้ อผ้าดีใช้ได้ แต่ใบหน้าของเขากลับไม่ได้


เหมือนกับคนร่ ารวยเลย

จ้าวเหวินอู่ ยิ้มอย่างขมขื่น “จะรวยง่ ายขนาดนั้นได้ไง ครั้ งนี้


ลงทุนมากเกินไปแล้ว ไปมาสิ บครั้งแต่กลับมามือเปล่าถึงเก้า
ครั้งเลย ถ้าไม่ใช่เพราะมองข้ามไปก็มีคนมานาร่ องไปก่อนแล้ว
เฮ้อ ท้ายที่สุดก็เหนื่อยเปล่า”

“ไม่เป็ นไรหรอก คนหนุ่ม ๆ ออกไปเปิ ดหู เปิ ดตาหน่อยก็ดีนะ


ถึงยังไงที่ดินในบ้านลุงกับป้าก็ช่วยนายปลูกอยู่ ภรรยาของนาย
ก็ช่วยเก็บกวาดให้ ไม่มีอะไรเสี ยหายสักหน่อย”

“ก็เป็ นเพราะแบบนี้แหละถึงได้กล้าออกไป แต่พอออกไปทั้งปี


แต่กลับไม่ได้เงินกลับมาก็พูดไม่ออกเหมือนกัน”

“นี่ยงั ไม่ถึงปี เลยไม่ใช่เหรอ?” จ้าวเหวินเทายิม้ “นายจะรี บร้อน


เพื่อ?”

จ้าวเหวินอู่ถอนหายใจอีกครั้งและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เมื่อ
ไม่กี่วนั ก่อนมีจบั พวกเล่นพนัน พวกมันวิ่งไปที่ฟาร์ มกระต่าย
นายเหรอ?”
“มีฆาตกรวิ่งมาที่บา้ นพวกฉันด้วย!” จ้าวเหวินเทาพูดถึงเรื่ องนี้
ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เขาจึงเล่าเรื่ องที่เกิดขึ้นให้ฟังหนึ่ งรอบ “ไม่
งั้นฉันจะเลี้ยงหมาไว้สองตัวทาไมล่ะ!”
ตอนที่ 284 ยืมเงิน

“ฉันเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าทาไมในหมู่บา้ นถึงได้มีฆาตกรวิ่งเข้า
มาได้!” จ้าวเหวินอู่อดั ควันบุหรี่ เข้าเต็มปอดแรง ๆ หนึ่ งครั้ง
“ฉันเพิ่งกลับมาถึงก็ได้ยินเรื่ องนี้ หมอนัน่ อยู่ในหมู่บา้ นเรามา
เดือนกว่าแล้วนะ แต่ไม่มีใครในหมู่บา้ นสังเกตเลย!”

“ทุ ก คนก็ยุ่ง อยู่ก ับ การทางานนั่น แหละ ใครจะไปมี เ วลามา


สนใจ” จ้าวเหวินเทากล่าว “นายมาหาฉันคงมีธุระสิ นะ มีเรื่ อง
อะไรก็วา่ มาสิ ”

จ้าวเหวินอู่แอบรู ้สึกลาบากใจ “เหวินเทา เรื่ องนี้เกี่ยวกับการจับ


พนันนิดหน่อยด้วย”

“อย่าบอกนะว่านายเองก็เล่ นเหมื อนกัน?” จ้าวเหวินเทามอง


หน้าอีกฝ่ าย
“ใช่ที่ไหนล่ะ! ฉันไม่ได้เล่นของพวกนั้นสักหน่อย ไม่ได้สนใจ
เรื่ องนั้นด้วย!” จ้าวเหวินอู่รีบพูด

“ถึงจะพูดว่า กิน ดื่มและเที่ยวผูห้ ญิงจะเป็ นการเสี ยเงินทั้งหมด


มีแค่การพนันที่จะได้กลับมา แต่ของแบบนี้มนั เป็นหลุมพราง
ทาให้ลม้ ละลายได้เลยนะ บ้านแตกสาแหรกขาด อย่าบอกว่า
ฉันไม่เตือนนายนะ นายอย่าได้ไปยุง่ เด็ดขาด!” จ้าวเหวินเทาก
ล่าว

“เปล่า ฉันไม่ได้เข้ายุ่งเลย! เป็นเพื่อนของฉัน เพราะเรื่ องนี้ ถึง


ทาให้ถูกจับเข้าไป ต้องใช้เงิ นถึ งจะถู กปล่ อยออกมา ภรรยา
ของเขามาหาฉัน แต่ฉันก็ไม่มีเงินเหมือนกัน ก็เลยมาหานาย
เพราะอยากยืมเงินนายหน่อย”

“อะไรนะ ยืม เงิ น เพื่ อ ไปประกันตัว เพื่อ นที่ เ ล่ น พนันคนนั้น


ออกมา?” จ้าวเหวินเทากล่าว “เหวินอู่ นายไม่ได้เล่นพนัน แต่
นายรู ้จกั เพื่อนแบบนี้ได้ยงั ไง?”
จ้า วเหวิ น อู่ “นายคงไม่ รู้ ท างานสายนี้ ไม่ เ ล่ น พนัน ก็เ ที่ ย ว
ผูห้ ญิง ส่ วนใหญ่ก็คิดว่าได้เงินเร็ วมั้ง อันที่จริ งฉันก็ไม่อยาก
ช่ วยหรอก แต่หมอนั่นเคยช่ วยฉันไว้ ตอนที่ไปขุดสุ สานครั้ง
หนึ่ ง ถ้า ไม่ ใ ช่ เ พราะเขา ฉัน คงได้ต ายอยู่ใ นนั้น ไปแล้ว หนี้
บุญคุณนี้ยงั ไงก็ตอ้ งคืน”

จ้าวเหวินเทามี สีหน้าเคร่ งขรึ ม ช่ วยชี วิตเป็ นหนี้ บุญคุ ณ ครั้ ง


ใหญ่ ดังนั้นการยืมเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ได้เป็ นปัญหาอะไร

“นายจะยืมเท่าไหร่ ?” จ้าวเหวินเทาถาม

“หนึ่งพัน ฉันยังมีอีกนิดหน่อย รวมด้วยกันน่าจะพอแล้ว อันที่


จริ งก็ไม่ตอ้ งใช้เงินมากขนาดนี้หรอก แต่เขาเล่นค่อนข้างหนัก
เหวินเทาฉันบอกนายตรง ๆ เลยนะ เถียนชีที่เข้ามาในบ้านนาย
คนนั้นก็มาพร้อมกับเขานัน่ แหละ การพนันครั้งนี้ใหญ่มาก ไม่
งั้นคงไม่ตอ้ งใช้เงินมากขนาดนี้” จ้าวเหวินอู่กระซิ บ “ไม่วา่ เงิน
ส่ วนนี้จะพอรึ เปล่า แต่ฉนั รับปากกับเขาและภรรยาเขาไว้แล้ว
ฉันก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วล่ะ”

จ้าวเหวินเทาครุ่ นคิด เขาพยักหน้าตอบ “ก็ได้ ฉันให้นายยืมได้


แต่ในมือของฉันไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ฉันต้องออกไปยืม
เหมือนกัน นายอย่ามองว่าฉันทางานยุ่งทุกวันจนดูเหมือนจะ
ได้เงินเยอะ อันที่จริ งก็มีรายได้แค่ 1.8 หยวนนัน่ แหละ นายอ้า
ปากยืมหนึ่งพันหยวน ฉันคงไม่มีปัญญาหยิบออกมาหรอก”

“เหวินเทา นายไม่ตอ้ งห่ วง สิ้ นปี นี้ ฉันคืนนายแน่ ! ในมือของ


ฉันยังมี ของอี กนิ ดหน่ อย ถ้าเอาออกไปขายก็น่าจะได้มาสัก
1,800 นัน่ แหละ” จ้าวเหวินอู่รีบพูด

“จะเอาตอนไหน?”

“ยิง่ เร็วเท่าไรยิง่ ดี”


“งั้น พรุ่ ง นี้ พรุ่ ง นี้ ไม่ ไ ด้ มะรื น แล้ว กัน วัน พรุ่ ง นี้ ฉั น จะไป
รวบรวมมาให้”

“ได้ ขอบใจมากนะเหวินเทา!”

“เกรงใจอะไรกัน แต่ ฉันจะบอกอะไรให้นะเหวินอู่ งานขุด


สุ ส านมัน อัน ตรายเกิ น ไป ที่ ส าคัญ คื อ ผิด กฎหมายด้ว ย นาย
เปลี่ยนงานเหอะ นายต้องมานัง่ อกสั่นขวัญแขวนทั้งวัน ต่อให้
ได้เงินมามากเท่าไหร่ กไ็ ม่ไหวหรอก”

“ก็นนั่ น่ะสิ ตั้งแต่ตอนที่ฉนั เกือบตายอยูใ่ นนั้นคราวก่อน ฉันก็


ตัด สิ น ใจว่ า จะไม่ ท าแล้ว รอฉัน ขายของที่ อ ยู่ใ นมื อ พวกนี้
ออกไปก่อน ฉันจะเปลี่ยนงานใหม่แล้ว บางทีฉนั อาจจะต้องมา
ขอให้นายช่วยก็ได้นะ!”

จ้าวเหวินเทายิม้ “เอาสิ ถ้านายอยากทาก็มาทาที่ฟาร์มกระต่าย


ฉันได้!”
จ้าวเหวินอู่ ยิ้ม เขาไม่ ได้ตอบอะไร ไปฟาร์ มกระต่ าย ไปทา
อะไร กวาดทาความสะอาดทั้งวัน ให้อาหารกระต่ายเหรอ แต่
ละเดือนจะได้เงินสักกี่สิบหยวนกันเชียว?

ก่อนหน้านี้ เขาก็อาจจะเห็นความสาคัญของเงินกี่สิบหยวนนี้
แต่เมื่อได้เห็นเงินร้อยไปถึงพัน และเงินหลักหมื่น เรี ยกให้เขา
ไปหาเงินหลักสิ บนัน่ เรี ยกว่าทรมานไม่ใช่เหรอ?

“เหวินเทา ภาพยนตร์อะไรนัน่ ที่โรงละครในอาเภอเป็ นไงบ้าง


มีความคืบหน้าไหม?” จ้าวเหวินอู่ถาม

จ้าวเหวินเทาเห็นว่าเขาไม่อยากคุยก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่า
นั้น จึงตอบไปตามน้ าว่า “เรื่ องนั้นเหรอ สาเร็ จแล้วล่ะ ทาเป็น
ภาพยนตร์แล้ว ได้ยนิ มาว่าขายให้กบั ข้างนอกด้วย ขายยังไงฉัน
ก็ไม่ค่อยรู ้เหมือนกัน แต่คณะละครดังมากเลยนะ นัน่ เป็ นงาน
ที่ฉนั คิดเลยนะ!”

จ้าวเหวินเทาภาคภูมิใจมาก
“นั่นสิ นายเป็ นคนคิดออกมาทั้งหมด ไม่ง้ นั พวกเขาจะดังได้
เหรอ? แล้วไงต่อ ได้ให้เงินนายไหม?” จ้าวเหวินอู่ขยิบตา

“บอกว่าจะไม่ปล่อยให้ฉนั เหนื่อยฟรี แต่ตอนนี้กย็ งั ไม่เห็นเงิน


เลย” จ้าวเหวินเทายกมือสองข้างขึ้น “ฉันไปถามมาสองครั้ ง
แล้ว บอกว่ายังไม่ได้เงินกลับมา ฉันก็รู้สึกไม่ดีที่จะเอาแต่ถาม”

“มีอะไรต้องรู ้สึกไม่ดีดว้ ย นัน่ เป็ นสิ่ งที่นายควรได้รับนะ! นาย


อย่าถูกคนพวกนัน่ หลอกล่ะ ฉันออกไปข้างนอกมาครึ่ งปี ถือว่า
พอจะเข้าใจแล้ว พวกที่แย่ที่สุดก็คือพวกที่กินข้าวรัฐเหล่านั้น
แหละ ขี้โกงชะมัด!” จ้าวเหวินอู่ส่ายหน้า

“ดูเหมือนว่านายคงมีประสบการณ์ไม่นอ้ ยเลยนะ เล่าให้ฟังสัก


หน่อยสิ ฉันจะได้เปิ ดหูเปิ ดตาด้วย” จ้าวเหวินเทาเริ่ มสนใจ

โดยพื้ น ฐานแล้ว ช่ อ งทางการติ ด ต่ อ ของเขาคื อ การค้า ขาย


ทั้งหมด แต่ การค้าขายแบบใหญ่ ๆ น้อยมาก พื้นฐานจะขาย
แบบเล็ก ๆ น้อย ๆ แม้ว่าเขาจะเคยสัมผัสกับพวกที่กินข้าวรัฐ
บางส่ วน แต่กพ็ อเป็ นพิธี ไม่ถึงกับเข้าใจ

จ้าวเหวินอู่ก็พูดคุยขึ้นมา เขาเล่าถึงประสบการณ์ที่วิ่งออกไป
ข้างนอกมาครึ่ งปี นี้ จ้าวเหวินเทาสร้างคอกให้สุนขั ไปพลางฟัง
ไปพลาง ครั้นสร้างคอกสุ นขั เสร็ จก็ฟังจบพอดี ท้องฟ้ าก็มืดลง
แล้วด้วย

“กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับสิ ” จ้าวเหวินเทาบอกให้
เขาอยูก่ ่อน

“นั่นสิ กินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ ฉันทาอาหารเสร็ จ


แล้วด้วย” เย่ฉูฉู่อุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางเดินออกมา

เย่ฉูฉู่เห็นจ้าวเหวินอู่มาที่นี่ จึงทาอาหารในส่ วนของเขาด้วย


“ไม่ ต ้อ งหรอก ฉัน อยู่กิ น ข้า วที่ นี่ ค งกลับ ถึ ง บ้า นดึ ก เลย ฉัน
กลับไปกินที่บา้ นดีกว่า เหวินเทาไว้ฉันมาหานายใหม่อีกทีวนั
มะรื นนะ”

“ได้ งั้นฉันไม่ร้ ังนายแล้วนะ” จ้าวเหวินเทาเดินไปส่ งหน้าบ้าน

หลังจากจ้าวเหวินอู่กลับไปแล้ว เย่ฉูฉู่จึงถาม “เขามาทาอะไร


เหรอ?”

“ยืมเงิน” จ้าวเหวินเทาเล่าเรื่ องให้เธอฟังหนึ่งรอบ

เย่ฉูฉู่รู้สึกสงสัยมาก “ไม่ใช่วา่ เขาไปเล่นพนันหรอกนะ?”

“ใครจะไปรู ้ล่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมรู ้แค่ว่าครึ่ งปี มานี้ เขา


ไม่ ไ ด้อ ยู่บ ้า นเลย แต่ ดู จ ากท่ า ทางแล้ว ไม่ เ หมื อ นกับคนพูด
โกหกนะ”

“คุณตอบตกลงไปแล้ว?”
“เรื่ องแบบนี้ฉนั จะปฏิเสธได้เหรอ? ทั้งเคยช่วยชีวติ แถมยังเป็ น
เรื่ องเร่ งด่ วนอี ก” จ้าวเหวินเทาล้างมื อพลางกล่าว “ผมคิดไว้
แล้ว ไม่ว่าจะยังไงก็แซ่ จา้ วเหมือนกัน มีเรื่ องมาขอให้ช่วยจะ
ไม่สนใจก็ไม่ได้ อีกอย่างนึงถ้าเราไม่มีเงินคนอื่นก็ไม่สนใจ ผม
มีเงิน ก็ตอ้ งมีคนมาขอยืมอยู่แล้ว ญาติจน ๆ มีเยอะแยะขนาด
นั้น ไม่ให้เขายืมก็ยงั มีคนอื่นอีก ถ้าให้เขายืมแล้ว มีคนอื่นมา
ยืมอีกก็จะได้มีขอ้ อ้างไม่ให้ยืมไง อีกอย่างผมก็ยมื ชาวบ้านเขา
เหมือนกัน”

ความร่ ารวยไม่ได้ถูกแพร่ งพรายออกไป ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึง


บอกว่าจะไปยืมเงิน ไม่ได้บอกว่าเอาเงินมาจากในบ้านตัวเอง

เย่ฉูฉู่เข้าใจความหมายของจ้าวเหวินเทา แม้ว่าในบ้านจะไม่มี
เงินหนึ่งพันหยวน แต่กส็ ามารถไปถอนออกมาจากธนาคารได้
ทุกเวลา
“คุ ณดู แล้วกันว่าจะทายังไง แต่คุณก็ตอ้ งเผื่อใจไว้ด้วยนะคะ
ขุดสุ สานแบบนี้ ยงั ไงก็รู้สึกน่ ากลัวอยู่ดี” เย่ฉูฉู่ไม่ได้รู้สึกดีกบั
การขุดสุ สานเลย

“ผมมีแผนอยู่ในใจแล้วล่ะ ภรรยา คุณทาอะไรเหรอหอมจัง?”


จ้าวเหวินเทาเดินเข้ามาในบ้านก็ได้กลิ่นหอมทัว่ ทั้งห้อง

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ฉันต้มซุ ปไก่ไว้นิดหน่ อยน่ ะค่ะ ใส่


เต้าหูท้ ี่พี่สามทาลงไปด้วย ฉันลองชิมดูแล้วรสชาติไม่เลวเลย”

จ้าวเหวินเทาได้ยนิ ก็รีบไปหาถ้วยมาเพราะรอไม่ไหวแล้ว

นอกจากเขาที่รอไม่ไหวก็ยงั มีตา้ เฮยกับเสี่ ยวเฮยด้วย หางเล็ก ๆ


ของพวกมันแกว่งไปมา และวิง่ นาหน้าและตามหลังจ้าวเหวิน
เทาไป ส่ วนเสี่ ยวไป๋ และเสี่ ยวหลีกไ็ ม่ได้มุดก้นอยูใ่ นผ้าห่มแล้ว
พวกมันนั่งอยู่บนเตียงเงยหัวเล็ก ๆ เพื่อดมกลิ่นอย่างไม่หยุด
ทั้งยังส่ งเสี ยงร้อง ‘เมี๊ยวๆ’ ด้วย
เสี่ ยวไป๋ หยางยกแขนเล็กขึ้นมาร้ อง ‘แอ้ ๆๆๆ’ ราวกับกาลัง
แสดงออกถึงอะไรบางอย่าง ส่ วนลูกลิงก็ใช้มือข้างหนึ่งถือถ้วย
และมื ออี กข้างหนึ่ งถื อตะเกี ยบพร้ อมกับดวงตาเป็ นประกาย
แวววาว

เมื่อสักครู่ ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้จู่ ๆ เย่ฉูฉู่กร็ ู ้สึกได้แล้ว ใน


บ้านตอนนี้ครึ กครื้ นมาก มีชีวติ ชีวาขึ้นมากด้วย!
ตอนที่ 285 การวางแผนของพีส่ ามจ้ าว

“ทาไมผมถึ งรู ้ สึ กเหมื อ นก าลัง เชิ ญ บรรพบุ รุ ษน้อ ยทั้ง หลาย


กลับบ้านเลยนะ!” หลังจ้าวเหวินเทาตักข้าวแล้วราดซุ ปไก่ไว้
อย่างดีให้ลูกแมวและลูกหมาแล้ว เขาจึงยกถ้วยออกมา

เย่ฉูฉู่ใช้ตะเกียบจุ่มลงไปในซุ ปไก่แล้วแตะไปที่ริมฝี ปากของ


ลูกชาย เสี่ ยวไป๋ หยางได้ลิม้ รสก็ส่งเสี ยงอย่างมีความสุ ข เธอพูด
เคล้ารอยยิม้ ว่า “คุณยังมีบรรพบุรุษน้อยอีกคนที่ยงั ไม่ได้ดูแล
เลยนะคะ”

จ้าวเหวินเทายิม้ “นี่คือบรรพบุรุษของบรรพบุรุษน้อย ดูแลยาก


เชียวล่ะ!”

เสี่ ยวไป๋ หยางเห็นด้วยเป็ นอย่างมาก เขาโบกแขนเล็ก ๆ เพื่อ


แสดงออกว่าเห็นด้วยกับคาพูดของพ่อ
“ภรรยา ฝี มือการทาอาหารของคุณดีจริ ง ๆ เต้าหู ้ซุปไก่อนั นี้ ก็
อร่ อยมาก ไม่เลี่ยนเลย คุณทาได้ไงเนี่ย”

“ฉันช้อนเอาน้ ามันออกไปแล้ว เหลือแค่ซุปใส ๆ ที่สาคัญคือ


เต้าหูข้ องพี่สามดีดว้ ยล่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่พูดจาถ่อมตน

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “เขาถึงได้ทาเต้าหูอ้ อกมาขายไง!”

“พี่สามก็คา้ ขายเป็ นเหมือนกันนะ”

“นัน่ เป็ นการค้าขายแบบเล็ก ๆ ถ้าค้าขายใหญ่ ๆ ก็ดูไม่ข้ ึนแล้ว


ล่ ะ ต่ อ ให้ดู ข้ ึ น เขาก็ ท าใจลงทุ น ไม่ ไ ด้ห รอก พู ด ไปก็เ ปล่ า
ประโยชน์เหมือนกัน!”

พี่สามจ้าวในตอนนี้กาลังคุยเรื่ องเต้าหู อ้ ยูบ่ นโต๊ะอาหาร “คนที่


ฟาร์ มกระต่ายบอกว่า ได้กินเต้าหู ้ของผมแล้ว พอไปกินที่คน
อื่นทาถึงกับกินไม่ลงเลย!”
พี่สะใภ้สามจ้าวก็ไม่ได้เถียง หล่อนเองก็ยอมรับความสามารถ
ในการทาเต้าหูส้ ามี เพราะทาได้สุดยอดจริ ง ๆ

“เต้าหู ้ที่คุณทาอร่ อยนี่คือเรื่ องจริ ง ใคร ๆ ก็รู้ รี บกินข้าวเถอะ”


พี่สะใภ้สามจ้าวยอมรับ แต่ก็ทนดูท่าทางภาคภูมิใจของพี่สาม
จ้าวไม่ได้เหมือนกัน

มี ฐานลู กค้าที่ มนั่ คงในฟาร์ มกระต่ ายแล้ว อาหารของบ้านพี่


สามจ้าวก็ดีข้ ึนกว่าก่อนหน้านี้ มาก อย่างน้อย ๆ ตอนค่าก็ยงั มี
โจ๊กข้าวฟ่ างให้รับประทาน มีไข่ไก่ตม้ ด้วย ในผักกาดดองเค็ม
ก็ยงั ใส่ เนื้ อลงไปนิ ดหน่ อย สิ่ งนี้ เป็นเรื่ องที่ไม่เคยเกิดขึ้นก่อน
หน้านี้

พี่ ส ามจ้า วมองดู ลู ก ทั้ง สองคนที่ ก าลัง รั บประทานไข่ ไ ก่ ก ัน


อย่างเอร็ ดอร่ อยก็แอบใจอ่อน ที่เขาเสี ยดายทาใจกินและทาใจ
ดื่มไม่ได้เพราะอะไรล่ะ ก็เป็ นเพราะลูกทั้งสองคนนี้แหละ!

“ผมตัดสิ นใจแล้วว่าจะเปิ ดโรงงานเต้าหู ้ คุณว่าไง?”


พี่สะใภ้สามจ้าวชะงัก ตะเกียบหล่นลงบนโต๊ะก็ยงั ไม่รู้ตวั

พี่ ส ามจ้า วกล่ า ว “ดู ค นไร้ อ นาคตแบบคุ ณ สิ บอกว่ า จะเปิ ด


โรงงานเต้า หู ้ต กใจจนอยู่ใ นสภาพนี้ เลย? เจ้า หกเปิ ดฟาร์ ม
กระต่ายแล้ว หมอนัน่ เลี้ยงกระต่ายมากกว่าพันตัว มีคนทางาน
ตั้งหลายสิ บคน!”

พี่สะใภ้สามจ้าวถามอย่างระมัดระวัง “แล้วคุ ณวางแผนว่าจะ


จ้างคนงานกี่คนคะ?”

พี่สามจ้าวกล่ าว “ผมคานวณดู แล้ว งานบดเต้าหู ้ตม้ น้ าเต้า หู ้


อะไรพวกนี้ใช้แค่สี่คนก็พอแล้ว มีพี่รองกับเจ้าสี่ สองคนนี้ แล้ว
ก็หาคนในหมู่บา้ นเพิ่มอีกสองคน”

“พี่รองกับเจ้าสี่ ? งานในนาของพวกเขาก็ยงุ่ จนไม่มีเวลาอยูแ่ ล้ว


ยังจะมีเวลามาบดถัว่ อีกเหรอ?”

พี่สามจ้าวกล่าว “ฤดูหนาวยังมีงานอะไรให้ทาอีก!”
“ความหมายของคุณคือ คุณจะเปิ ดโรงงานเต้าหูเ้ พื่อทาเต้าหู แ้ ค่
ฤดูหนาวอย่างเดียว?”

“แบบนั้นไม่ ได้อยู่แล้ว นี่ ผมก็กาลังปรึ กษาคุ ณอยู่ไง คุ ณเอง


ลองคิดดูสิ ถ้าเปิ ดฤดูร้อนด้วยจะหาใครที่ เหมาะสมได้ ยังไงก็
ต้องหาคนที่สะอาดสะอ้าน และมีความซื่ อสัตย์ดว้ ย อย่าได้หา
คนหลอกลวงจนทาให้ร้านผมเจ๊งหมด!” พี่สามจ้าววางตะเกียบ
ในมือ ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย “เฮ้อ เพิ่งรู ้นะเนี่ ยว่าหาคนมัน
ยาก ถ้าหามาไม่ดีไม่เพียงแค่ทางานไม่ดี แถมยังสร้างปั ญหาให้
ตัวเองอีก! เจ้าหกพาพ่อกับแม่ไปอยูฟ่ าร์มกระต่ายแล้ว แบบนี้
ก็หมดห่ วงเลย มีพ่อกับแม่คอยดูแลหลังบ้านให้แล้ว เงินนัน่ ก็
อยูใ่ นมือเขาเต็ม ๆ!”

พี่สามจ้าวรู ้สึกไม่ยตุ ิธรรม เป็ นลูกชายเหมือนกัน แต่พ่อกับแม่


กลับไปดูแลฟาร์มกระต่ายให้จา้ วเหวินเทาแล้วไม่ยอมช่ วยเขา
ลาเอียงจริ ง ๆ!
แต่เขาก็ไม่คิดบ้างเลยว่าจะให้ช่วยเหลือเขาอย่างไร การบดถัว่
เหลื องต้มน้ าเต้าหู ้ลว้ นเป็ นงานอดตาหลับขับตานอนทั้งนั้น
คนอายุมากขนาดนั้นโต้รุ่งไม่ไหวหรอก อีกอย่างเขาจะให้เงิน
สักเท่าไรกันเชียว? อย่าพูดถึงเงินเลย แม้แต่ของกินยังได้กินไม่
ดี!

พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยินก็เข้าใจถึงความหมายของสามี นี่ กาลัง


บ่นว่าพ่อแม่ไม่ช่วยเหลือสิ นะ “ทาเต้าหู ้เหนื่ อยขนาดนั้น พ่อ
กับแม่ทาไม่ไหวหรอก แต่ฉนั นึกขึ้นมาได้สองคนแล้ว ไม่รู้ว่า
คุณคิดว่าเหมาะสมหรื อเปล่า?”

“ใคร?”

“เหวินอู่กบั ภรรยาเขาไง”

“อะไรนะ จ้าวเหวินอู่เนี่ยนะ? คนของหมู่บา้ นตะวันตก? เขาไม่


อยูบ่ า้ นไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ ” พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วกล่ า ว “เมื่ อ คื น ตอนฉัน ไปดู ข ้า วสาลี
บังเอิญเจอกับภรรยาของเหล่าหวังสาม หล่อนบอกกับฉันว่า
จ้าวเหวินอู่กลับมาแล้ว นี่กก็ ลับมาหลายวันแล้วด้วยนะ หล่อน
ยังบอกว่าเขายังเกี่ ยวข้องกับการจับพนันที่หมู่ บา้ นตะวัน ตก
ครั้งนี้ดว้ ย!”

พี่ ส ามจ้า วได้ยิน ก็ห งุ ดหงิ ด “คุ ณ พู ด อะไรของคุ ณ เขาก็เ ล่ น


พนันด้วย? คุณโง่หรื อเปล่าเนี่ ย คนแบบนี้ จะจ้างได้เหรอ! ต่อ
ให้ผมขาดแคลนคนก็ไม่จา้ งคนแบบนั้นหรอก!”

“อะไรกัน เขาไม่ได้เล่นสักหน่ อย คนที่เขารู ้จกั ต่างหากล่ ะที่


เล่น ถูกจับเข้าไปแล้ว เลยจะให้เขาช่ วยเอาเงินไปประกันตัว
ออกมา บอกว่าต้องใช้เงินหลายพันเลย เขาต้องเดือดร้อนเรื่ อง
เงินแน่ นอน ภรรยาเขาก็พูดเหมือนกัน บอกว่ากาลังหางานทา
แถมยังบอกว่าจะไปทางานที่ฟาร์มกระต่ายของน้องหกด้วย”
พี่สามจ้าวขมวดคิ้ว เป็ นเพราะความสัมพันธ์ของคนรุ่ นก่อนตึง
เครี ยดมาก คนรุ่ นพวกเขาจึงไม่ได้ไปมาหาสู่ กนั เท่าไรนัก แต่
เรื่ องนี้กอ็ ยูใ่ นส่ วนของผูอ้ าวุโสเท่านั้น

จะว่าไปเรื่ องนี้กแ็ อบซับซ้อนอยูเ่ หมือนกัน พี่สามจ้าวจึงไม่ได้


ตัดสิ นใจทันที

ทางฝั่งพี่รองจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าวก็กาลังพูดคุยเรื่ องจ้าวเหวิ
นอู่อยูเ่ หมือนกัน

“…ลุ ง ที่ ห มู่ บ ้า นตะวัน ตกแต่ ง งานสองบ้า น เรื่ อ งนี้ เธอรู ้ ใ ช่


ไหม?” พี่รองจ้าวกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “รู ้สิ ไม่ใช่ ว่าภรรยาคนแรกตายเพราะ


ภาวะคลอดยากเหรอ?”
“ใช่ ผมได้ยนิ แม่บอกว่าเลือดออกเยอะเลย แต่กเ็ หลือลูกชายไว้
ปู่ กับย่าผมเป็ นคนเลี้ยงดู ภายหลังจากนั้นไม่ถึงสองเดือน ก็ได้
ยินว่าลุงแต่งงานใหม่กบั คนคนนี้”

“เร็วมากเลยนะ!”

“ก็นั่นน่ ะสิ ได้ยินแม่ บอกว่าเพิ่งจะฝั ง ป้ าคนนั้น เองมั้ง เขาก็


จัดการเรื่ องภรรยาใหม่แล้ว เอ้อ ลุงใหญ่ที่หมู่บา้ นตะวันตกใจ
ร้ายกับทุกคนนั่นแหละ แต่งงานกับป้ าใหญ่คนนี้ มีลูกสาวติด
มาด้วย มาถึงนี่กม็ ีลูกอีกสามคน คนแรกเป็ นลูกสาว คนที่สอง
เป็ นลู กชาย คนที่ สามก็ลูกชายเหมื อนกัน ก็คือจ้าวเหวิน อู่ นี่
แหละ ได้ยินมาว่าพี่ชายของจ้าวเหวินอู่มีสภาพแย่สุดเลย ผม
เองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน ตอนนั้นพ่อกับลุงใหญ่ทะเลาะ
กัน พ่อผมนี่ เกือบตายเลยนะ ก็เลยไม่ได้ไปมาหาสู่ กนั อีกเลย
ลู กชายคนนั้นได้ยินว่าถู กคนฆ่ าตาย แต่ เรื่ องราวจริ ง ๆ เป็ น
ยังไงก็ไม่มีใครรู ้หรอก แต่ตอนที่เห็นก็เห็นว่าตายแล้ว จมน้ า
ตาย”

พี่สะใภ้รองจ้าวถามขึ้น “ไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลยเหรอ?”

“จะตรวจสอบยังไงล่ะ ก็คนเป็ นพ่อบอกว่าไม่รู้เรื่ อง พูดถึงพี่


ใหญ่ ที่อยู่ในเหมื อง ตอนนั้นยังเรี ยนหนังสื ออยู่เลย ลุ งใหญ่
บอกว่าไม่ ไ ด้อยากได้เด็กคนนี้ แล้ว ลุ งรองก็ไม่ มีลูกชายเลย
บอกว่าอยากรับมาเป็นลูก แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ถึงไม่อยากได้แล้ว พ่อกับแม่ผมก็เลยทาอะไรไม่ได้นอกจาก
เลี้ยงดูให้ พี่ใหญ่ที่อยูใ่ นเหมืองนัน่ อายุ 14-15 เองมั้ง ลุงใหญ่ก็
มาหาบอกว่าอยากได้ลูกชายคนนี้ ก็เลยพากลับไป ผลลัพธ์ที่ได้
ยังไม่ถึงปี ก็ทุบตีจนพี่ใหญ่นนั่ ปางตายเลย คุณว่าคนแบบนี้ ยงั
เป็ นพ่อคนอยูเ่ หรอ?”

เรื่ องนี้ พี่สะใภ้รองจ้าวก็เคยได้ยินแม่สามีเล่าเหมือนกัน ตอน


นั้นทะเลาะกันหนักมาก ลุงใหญ่จา้ วที่อยู่หมู่บา้ นตะวันตกถือ
ไม้ตะบองไล่ทุบลูกแท้ ๆ ตัวเอง ไล่กนั ทั้งวันเป็ นระยะทางร้อย
กว่าลี้ นางได้ยนิ ก็แทบไม่อยากเชื่ อเลย บนโลกใบนี้มีพ่อแบบ
นี้ดว้ ยเหรอ?

พี่รองจ้าวยิม้ ด้วยความขมขื่น “พี่ใหญ่ที่อยู่ในเหมืองก็เลยกลัว


บอกว่าถ้ายังอยูใ่ นบ้านไม่ว่าจะช้าหรื อเร็ วคงได้ถูกพ่อตีจนตาย
ก็เลยไปเกณฑ์ทหาร หลังจากเปลี่ยนอาชีพก็ไปทางานที่เหมือง
จนถึงตอนนี้ อาจเป็นเพราะเห็นว่าพี่ใหญ่ได้เงินมั้ง ลุงใหญ่ก็
เลยดี กบั ลูกชายคนนี้ พี่ใหญ่ก็ให้เงินเขาเหมือนกัน ถึงยังไงพี่
ใหญ่ ก็ถู ก พ่ อ กับ แม่ ผ มเลี้ ย งดู จ นโต ทางนี้ ก็ย งั ติ ด ต่ อ กัน อยู่
ไม่ได้ตดั ขาดจากกัน สองครอบครัวก็เลยยังไปมาหาสู่ ได้”

พี่สะใภ้รองจ้าวหัวเราะพรื ด “ไม่ใช่วา่ ฉันพูดไม่น่าฟังหรอกนะ


แต่ลุงใหญ่นี่หน้าหนาดีนะ”

“ก็นั่นน่ ะสิ พ่อกับแม่บอกว่าลุงใหญ่คือเดรั จฉานดี ๆ เลยล่ะ


ไม่ได้มีความเป็นคนสักนิ ด ตอนนั้นเกลียดเสี ยจนทุบตีลูกจน
ตาย ตอนนี้กใ็ ช้เงินลูกชายอีก แต่จะทายังไงได้ล่ะ? อันที่จริ งจะ
ว่าไปแล้วก็ตอ้ งตาหนิป้าใหญ่คนนี้นนั่ แหละ ร้ายเกินไปแล้ว!”
พี่รองจ้าวกล่าว
ตอนที่ 286 พีส่ ี่ จ้าวผู้ละทางโลก

พี่สะใภ้รองจ้าวถอนหายใจ “มีแม่เลี้ยงก็มีพ่อเลี้ยง เป็ นเพราะพี่


ใหญ่ จ้าวเหวินอู่ถึงได้สนิทกับพวกเราขนาดนี้สินะ?”

“อั น ที่ จ ริ งก็ ไ ม่ ถื อ ว่ า สนิ ท หรอก ที่ ส าคั ญ คื อ ตอนที่ เ ชิ ญ


บรรพบุรุษวันข้ามปี ก็คุยกันแค่สองสามคา เวลาอื่นก็ไม่ได้ไป
มาหาสู่ กนั ก็มีเจ้าหกนัน่ แหละที่อายุเท่ากับเขา ก็เลยสนิทกัน!”

“ฉันก็ว่าแล้วเชี ยว ถึงได้มาหาน้องหกเพื่อขอยืมเงิน” พี่สะใภ้


รองจ้าวกล่าว “แต่ฉนั ก็แปลกใจอยูน่ ะ เขาบอกว่าขุดสุ สานจน
ร่ ารวย เขาเองก็ออกไปขุดสุ สานเหมือนกันไม่ใช่ เหรอ ทาไม
ถึงกลับมายืมเงินล่ะ?”
“คุณไปได้ยนิ ใครพูดมา ถึงได้บอกว่าขุดสุ สานแล้วร่ ารวย!” พี่
รองจ้าวไม่เห็นด้วย “ถ้ามันรวยง่ายขนาดนั้น ป่ านนี้ คงได้ไป
ขุดสุ สานกันหมดแล้ว!”

“แล้วเขามายืมเงินจริ ง ๆ หรื อกลัวคนอื่นรู ้วา่ เขามีเงินล่ะ?”

คนในชนบทต่ างก็มีค วามคิ ดไม่ อ ยากเปิ ดเผยความร่ า รวยสู่


ภายนอก มี เ งิ น ก็จ ะบอกว่า ไม่ มี มี ค นมายืม เงิ น สิ่ ง แรกที่ จ ะ
โต้ต อบกลับ ไปก็คื อ ไปยืม เงิ น จากคนอื่ น เพื่ อ เปลี่ ย นมื อ สั ก
หน่อย วิธีน้ ีทุกคนต่างก็รู้ดีอยูแ่ ก่ใจ

“ใครจะไปรู ้ ล่ ะ ผมจะบอกอะไรให้น ะ คุ ณ อย่า ได้เ ข้า ไปยุ่ง


เชี ยว จ้าวเหวินอู่นนั่ ภายนอกดูดีมากก็จริ ง แต่ความจริ งแล้วก็
ไม่ได้ดีไปกว่าพี่ชายคนนั้นของเขาสักเท่าไรหรอก ลุงใหญ่กบั
ป้ าใหญ่เป็ นคนแบบนั้น ลูกที่เกิดออกมาคงหล่นไม่ไกลต้น!
พวกเราไม่ใช่เจ้าหกที่จะมีไหวพริ บขนาดนั้น!”
พี่รองจ้าวรู ้ตวั เองดี เขาทราบดี ว่าจ้าวเหวินเทาน้องชายคนนี้
เป็ นคนที่ มี ไ หวพริ บมากที่ สุ ดในบรรดาพี่น้องของเขา และ
ทราบว่าต่อให้อยู่ใกล้จา้ วเหวินอู่ก็ไม่เสี ยเปรี ยบ แต่ตวั เขาเอง
นั้นไม่ได้เป็ นแบบนั้น

“เขาเองก็เป็ นพวกขุดสุ สานเหมือนกัน ออกไปข้างนอกนาน


ขนาดนี้ ใครจะไปรู ้วา่ นิสัยจะเปลี่ยนไปขนาดไหน”

“ฉันไม่มีธุระอะไรแล้วจะไปยุง่ กับเขาทาไม ฉันก็แค่พูดไปงั้น


แหละ ฉันได้ยินภรรยาเหล่าหวังสามเล่าให้ฟังว่าจ้าวเหวินอู่
กลับมาครั้งนี้กไ็ ม่คิดจะไปแล้ว ฉันว่าคงไปทางานกับน้องหก
นัน่ แหละ ไม่ง้ นั คงไม่ไปขอยืมเงินน้องหกหรอก จริ งสิ คุณว่า
น้องหกจะให้เขายืมไหม?” พี่สะใภ้รองจ้าวถามด้วยความฉงน
อีกครั้ง

ความฉงนนี้ทางฝั่งพี่สะใภ้สี่จา้ วก็มีเช่นกัน ซึ่ งหล่อนกาลังถาม


พี่สี่จา้ ว
“ผมไม่ใช่ เจ้าหกสักหน่ อย ผมจะไปรู ้ได้ไงว่าเขาให้ยืมไหม!”
พี่สี่จา้ วกล่าว “อย่าหาว่าผมด่ าคุ ณเลย แต่คุณไปได้ยินมาจาก
ไหนเนี่ย?”

“ภรรยาเหล่าหวังสามเล่าให้ฟัง”

“ทาไมยัยนัน่ ถึงได้รู้ทุกเรื่ องเลย?”

“ลูกพี่ลูกน้องของหล่อนก็อยู่ในหมู่ บา้ นตะวันตกเหมื อนกัน


หล่อนได้ยนิ ลูกพี่ลูกน้องเล่าให้ฟังอีกที ลูกพี่ลูกน้องของหล่อน
บอกว่าทีแรกคิดว่าจ้าวเหวินอู่กลับมาครั้งนี้ คงสร้างความตก
ตะลึง ไม่แน่ อาจจะขับรถยนต์กลับมาก็ได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ
กลับมาเพื่อยืมเงิน! ฉันว่านะ เขาคงไม่ได้เงินกลับมาหรอก คุณ
ดูนอ้ งหกสิ ยังไม่เคยได้ยนิ เขาไปยืมเงินใครเลย” พี่สะใภ้สี่จา้ ว
วิเคราะห์

พี่สี่จา้ วกลอกตาใส่ “เจ้าหกไม่ยืมเงินใครซะที่ไหน? เขาเองก็


ยืมไปไม่นอ้ ยเหมือนกัน ถึงตอนนี้กย็ งั ติดหนี้นอกบ้านอยูเ่ ลย!”
พี่สะใภ้สี่จา้ วถึงกับสะอึก “ฉันก็พูดไปงั้นแหละ! ใช่ น้องหก
ยืมเงิน แต่นอ้ งหกก็มีฟาร์ มกระต่ายนะ มีกระต่ายด้วย ยืมเงิน
มากกว่านี้กม็ ีปัญญาคืน แล้วจ้าวเหวินอู่ล่ะมีอะไรบ้าง?”

“คุณรู ้ได้ไงว่าเหวินอู่ไม่มี อย่าลืมนะว่าเขาเป็ นคนขุดสุ สาน!”

พี่สี่จา้ วทนดูภรรยาที่เป็ นแบบนี้ไม่ได้เอาเสี ยเลย ก่อนหน้านี้ ก็


ไม่ชอบน้องชายเขา ตอนนี้ พอน้องชายมีเงินขึ้นมาก็พูดชื่นชม
ถ้าไม่ได้เหน็บแนมเขาสักสองสามประโยคคงรู ้สึกไม่สบายใจ

พี่สะใภ้สี่จา้ วรี บเปลี่ยนสี หน้า “คุณบอกว่าในมือของเขามีของ


เหรอ มีอะไรล่ะ มีราคาเท่าไร?”

“ให้ผมไปถามจ้าวเหวินอู่ กบั คุ ณเลยไหม?” พี่สี่จา้ วพูดอย่าง


จริ งจัง

“ไอ้คนตายด้าน!” พี่สะใภ้สี่จา้ วถลึงตามองเขา “ถ้าถามได้ยงั


ต้องพึ่งคุณอีกเหรอ!”
พี่สี่จา้ วไม่ได้สนใจหล่อนแล้ว

“ฉันรู ้ว่าจ้าวเหวินอู่ไม่เข้าตาคุณ อันที่จริ งก็ไม่มีใครเข้าตาคุณ


ทั้งนั้นแหละ เก่งจริ งคุณก็ไปขุดสุ สานสิ ! ถ้าไม่มีความสามารถ
จะมาอวดอยูต่ รงนี้ทาไม! คุณดูคนอื่นสิ สร้างบ้านใหม่กนั แล้ว
ฟาร์ มกระต่ ายก็เปิ ดแล้ว ขุดสุ สานก็ขุดแล้ว แล้วคุ ณล่ ะ เป็ น
ผูช้ ายกลับรู ้จกั แต่ลงนาทาสวน มันจะรวยได้เหรอ คุณเองก็คิด
บ้างสิ รอลูกชายเราคลอดออกมา คุณจะมีที่ดินแค่ไม่กี่หมู่ให้
เขาไม่ได้หรอกนะ ไม่ว่ายังไงคุณก็ตอ้ งมีธุรกิจครอบครัวทิ้งไว้
ให้เขาด้วย!” พี่สะใภ้สี่จา้ วบ่นต่อ

พี่สี่จา้ วเดินออกไปทันที

“ทาไมฉันถึงได้มีชีวิตลาบากแบบนี้ เนี่ ย แต่งงานกับคนแบบ


คุณไม่มีอนาคตเลยสักนิด ไม่มีลูกชายให้ฉนั ยังไม่พอ ยังหาเงิน
ไม่ได้อีก มีคุณมันจะไปมีประโยชน์อะไร!” พี่สะใภ้สี่จา้ วขึ้น
เสี ยงบ่นตาหนิ
พี่สี่จา้ วชิ นแล้ว เขาไม่ได้เก็บคาพูดของพี่สะใภ้สี่จา้ วไปใส่ ใจ
ตั้งแต่ ที่เขาทาใจเรื่ องลู กชายได้แล้ว ก็สามารถพูดได้ว่าตบะ
ของเขาสู งกว่าจ้าวเหวินเทาหนึ่งขั้นเลยล่ะ

“ร่ ารวยอะไรกันล่ะ มันจะไปมีประโยชน์อะไร วัน ๆ เอาแต่


คานวณ ไม่เหนื่ อยหรื อไง ชี วิตคนเราก็มีแค่กี่สิบปี กินอิ่มดื่ม
เพี ย งพอก็ดี ม ากแล้ว อยากได้ม ากมายขนาดนั้น ก็เ ท่ า กับหา
ความทุ กข์ให้ตวั เองไม่ ใช่ เหรอ!” พี่สี่จา้ วส่ ายหน้าขณะเติ ม
หญ้าให้สัตว์เลี้ยง “ฉันมีลูกสาวสามคน อนาคตก็หาครอบครัว
แม่สามีดี ๆ ไม่เพียงแค่ไม่ตอ้ งสร้างบ้านยังได้สินเดิมด้วย แถม
ยังได้สินเดิมมาตั้งสามส่ วน ตัวเองทางานอีกไม่กี่ปี ใช้ชีวิตถึง
60-70 ปี ก็พอแล้ว ไม่ได้ตอ้ งการให้ลูกเขยมาเลี้ยงตอนแก่สัก
หน่ อย ถึ งเวลานั้นพอตายไปปั ญหาทุ กอย่างก็สิ้นสุ ด ลงแล้ว
จริ งไหมล่ะ? พี่สามกับเจ้าหกหาเงินเก่งแบบนั้นจะเป็นอมตะ
ได้เหรอ ต่อให้มีเงินมากกว่านี้ จะไปมีประโยชน์อะไร ใช้ชีวิต
มากขึ้นอีกสามสี่ ปีก็ทรมานเหมือนกันนั่นแหละ! แก่ตวั ไปก็
รี บ ๆ ตายซะ แก่แล้วไม่ตายสักทีนนั่ แหละถึงจะทรมาน!”

พี่สี่จา้ วลูบหัวลาขณะบ่น

คาพูดเหล่านี้เขาก็แค่พูดกับสัตว์เลี้ยงที่บา้ น ถ้าพูดกับคนอื่นคง
มี คนคิ ดว่าเขาป่ วยเป็ นโรคประสาทแน่ นอน แถมไม่ ได้ป่วย
น้อย ๆ ด้วย เพราะไม่ มีใครรั งเกี ยจชี วิตที่ ยืนยาวแต่ กงั วลว่า
ชีวิตจะสั้นกันทั้งนั้น มีแต่เขานี่แหละที่กลัวว่าจะมีอายุขยั นาน
เกินไป ถึงเวลาที่กินอะไรไม่ลง จะไปไหนก็ไปไม่ได้ มีชีวิต
ต่อไปก็ทุกข์ทรมาน สู ้ตายไปยังจะดีเสี ยกว่า

ลู กลากิ นหญ้าไปพลางฟั งคาบ่ นของพี่สี่จา้ วไปพลาง มันเงย


หน้า ขึ้ นมามองเขาเป็ นครั้ งคราว ทั้ง ยัง ถู แ ขนของเขาเพื่ อ
แสดงออกว่ากาลังปลอบใจ สาหรับมันแล้วคาพูดของพี่สี่จา้ ว
ถูกต้องหรื อไม่ มันก็ไม่สามารถแสดงความเห็นได้ มันคิดว่า
ต้องเคารพผลลัพธ์ทางความคิดอย่างอิสระของพี่สี่จา้ ว
แสงจากดวงดาวกาลังส่ องประกายทัว่ ทั้งฟ้า แสงจันทร์สว่างจ้า
อาบบนร่ างกายของพี่สี่จา้ วและลูกลา ให้กลิ่นอายบางอย่างราว
กับละแล้วซึ่งทางโลก

แน่ นอนว่ามีคนจานวนมากไม่ได้ตระหนักแบบพี่สี่จา้ ว ยังคง


วิง่ ตามชีวติ ที่เต็มไปด้วยลาภยศชื่อเสี ยง

ผ่านไปหนึ่ งวัน จ้าวเหวินอู่ก็กลับมาหาจ้าวเหวินเทาที่บา้ นอีก


ครั้ง จ้าวเหวินเทาจึงนาเงินหนึ่งพันหยวนที่รวบรวมได้มอบให้
เขา ครั้นจ้าวเหวินอู่ได้เงินแล้วก็กลับไป

“ทาไมผมถึงรู ้สึกเหมือนซาลาเปาไส้หมู ถูกหมาคาบไปแล้ว


ไม่ได้กลับคืนมาเลยล่ะ?” จ้าวเหวินเทาพูดกับภรรยา

เย่ฉู ฉู่ ก ล่ า ว “เขาไปไม่ ก ลับ มาก็จ ริ ง แต่ เ ขาก็ย งั มี ค รอบครั ว


ไม่ใช่เหรอคะ? ถึงเวลานั้นคุณไปหาเขาที่บา้ นสิ ”

“ช่างเถอะ ให้ยมื ไปแล้ว จะคืนหรื อไม่คืนก็อยูท่ ี่เขาแล้วล่ะ”


จ้าวเหวินอู่นาเงินกลับไปแล้ว เช้าวันรุ่ งขึ้นก็ออกจากหมู่บา้ น
ไป ภรรยาของจ้าวเหวินอู่ บอกว่าไปประกันตัวเพื่อน แต่ ไป
ครั้งนี้กไ็ ม่ได้กลับมาอีก จานและขวดโหลที่เขาขุดออกมาจาก
สุ สานก็หายไปไม่ น้อย ดู เหมื อนว่าคงเอาของเหล่ านี้ ไปขาย
แล้ว ซึ่งจ้าวเหวินเทาก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน

“แกยังเอาเงิ นไปให้เขายืมอี ก แกนี่ มนั ไม่ คิดอะไรเลยจริ ง ๆ


สิ นะ!” คุณแม่จา้ วทราบเรื่ องแล้วก็โกรธมาก “บ้านลุงใหญ่ของ
แกไม่มีคนดีสักคน จ้าวเหวินอู่นนั่ ก็หายไปไม่เห็นเงามาครึ่ งปี
แล้ว ออกไปข้างนอกทาอะไรบ้างแกรู ้เหรอ ยังจะเอาเงินไปให้
เขายืมอีก แถมยังยืมเยอะขนาดนั้น! แกนี่มนั จริ ง ๆ เลย!”

คุณแม่จา้ วชี้ หน้าจ้าวเหวินเทา จนแทบจะจิ้มหน้าผากจ้าวเหวิ


นเทาอยูแ่ ล้ว
จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิม้ “แม่ กลัวอะไรล่ะ ภรรยากับลูก
ของเขาก็ย งั อยู่บ ้า นนะ ผมไม่ เ ชื่ อ หรอกว่า เขาจะไม่ ก ลับมา
ตลอดชีวติ !”

“ใครจะไปรู ้ ล่ ะ ! อยู่ ข ้า งนอกไปหาเมี ย ใหม่ ก็ ใ ช้ ชี วิ ต ได้


เหมือนกันนัน่ แหละ!” คุณแม่จา้ วถลึงตาใส่ เขา “แกยังไปยืมมา
จากข้างนอกอีก ฉันจะรอดูวา่ แกจะเอาเงินจากไหนไปคืนเขา!”
ตอนที่ 287 คุยเล่น

จ้าวเหวินเทากล่าว “ไม่เป็ นไร ต่อให้เขาไม่กลับมาตลอดทั้ง


ชีวติ ก็ยงั มีภรรยากับลูกของเขาอยูน่ ะครับ!”

“แกจะเอาภรรยากับลูกเขาไปขายหรื อไง!” คุณแม่จา้ วพูดอย่าง


ไม่สบอารมณ์

“ผมไม่ ไ ด้เ ป็ นคนกล้า หาญขนาดนั้น !” จ้า วเหวิ น เทาเห็ น


แม่ถลึงมองก็รีบพูด “แม่ เมื่อไม่กี่วนั ก่อนภรรยาของเขาบอกว่า
รอเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงเสร็ จจะไปทางานที่ฟาร์มกระต่ายของ
ผม ผมตอบตกลงไปแล้ว ถึ ง เวลานั้น ผมแค่ หัก เงิ น ส่ ว นนั้น
ออกมาจากเงินเดือนก็สิ้นเรื่ อง ”

“เงิ น หนึ่ งพัน หยวนนี่ ต ้อ งรออี ก นานขนาดไหนถึ ง จะหั ก


ออกมาจนครบ?” คุณแม่จา้ วไม่พอใจกับความคิดนี้ของลูกชาย
“ก็ค่อย ๆ เป็ นค่อย ๆ ไปไงครับ ภรรยาไม่ไหว ก็ยงั มีลูกชายเขา
อยู่ จริ งสิ ยังมีลูกสาวด้วยนะ มีต้ งั สามคน ผมไม่เชื่ อหรอกว่า
จะคืนเงินหนึ่งพันหยวนนี้ไม่หมด” จ้าวเหวินเทายังคงพูดด้วย
ใบหน้ายิม้ แย้ม

คุ ณแม่ จา้ วยกมื อตบป้ าบไปหนึ่ งที “ฉันว่าพอแกมี เงิ นขึ้นมา


หน่อยก็เริ่ มใช้เงินเป็ นเบี้ยแล้วนะ นี่คงไม่รู้แล้วสิ วา่ แซ่อะไร!”

“แม่ ผมแซ่ จา้ วไง เรื่ องนี้ผมยังจาได้!” จ้าวเหวินเทาพูดจบก็รีบ


พูดอีกว่า “แม่ ไม่ตอ้ งเป็ นกังวลแล้ว ผมมีแผนในใจอยู”่

“แกจะมีแผนหรื อไม่ แม่กข็ ้ ีเกียจจะสนใจแกแล้ว!” คุณแม่จา้ ว


มองดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหาร นางก็
ออกไปทาอาหารแล้ว

จ้าวเหวินเทาก็เดินออกมาและไปหาคุณพ่อจ้าว
คุณพ่อจ้าวตรวจรังกระต่ายเสร็ จเพิ่งกลับมาพอดี ทั้งยังถือลูก
ซิ่ง(แอปริ คอต)มาหนึ่งกามือด้วย จ้าวเหวินเทาเห็นก็หยิบไปใส่
ในกะละมั ง แล้ ว เอาไปล้ า งน้ า จากนั้ นสองพ่ อ ลู ก จึ ง นั่ ง
รั บ ประทานอยู่ห น้า โต๊ ะ หิ น ขนาดเล็ก บริ เ วณพื้ น ที่ โ ล่ ง แจ้ง
ข้างหน้าห้องนอน

“ลุงจ้าวของผมล่ะ?” จ้าวเหวินเทาเห็นว่าที่หอ้ งของลุงจ้าวไม่มี


การเคลื่อนไหวจึงเอ่ยถาม

“ไปดูเป็ดของเขาที่ริมตลิ่งแล้ว” คุณพ่อจ้าวรับประทานลูกซิ่ ง
ไปหนึ่ งลูกก็ไม่รับประทานอี ก “เปรี้ ยวเกินไปแล้ว คนแก่ ๆ
กินของพวกนี้ไม่ลงแล้ว”

ลูกเป็ดกับลูกไก่ฟักออกจากไข่แล้ว ตอนนี้ ลูกเป็ดสามารถลง


เล่นน้ าในแม่น้ าได้ ซึ่ งทุกเช้าลุงจ้าวก็จะออกไปปล่อยลู กเป็ ด
และลูกไก่ ครั้นกลับมาตอนเที่ยง ลูกไก่กบั ลูกเป็ ดก็ยงั ไม่ ได้
กลับมาพร้อมเขา ถึงตอนค่าเขาจึงจะไปรับกลับมา ถึงอย่างไร
บริ เวณรอบ ๆ ก็มีร้ ัวลวดหนามอยู่ หนีออกไปไหนไม่ได้

“ไม่ตอ้ งปล่อยทุกวันก็ได้ม้ งั ?” จ้าวเหวินเทาชอบรสเปรี้ ยว เขา


จึงกินติดกันลูกแล้วลูกเล่า

“ไม่ตอ้ งได้ไงล่ะ สัตว์พวกนี้กลัวการถูกกักขังที่สุดแล้ว ปล่อย


ออกไปเดินตากลม ให้มนั ได้วิ่งบ้างกินแมลงอะไรบ้าง มันจะ
ได้ขยันออกไข่ อร่ อยด้วย” คุณพ่อจ้าวกล่าว

จ้าวเหวินเทายิม้ “ก็จริ ง คนต่างก็กลัวการถูกกักขังกัน ทั้งนั้น


ลูกเป็ ดลูกไก่พวกนี้กเ็ หมือนกัน”

“ก็ใช่ น่ะสิ สัตว์กบั คนก็เหมือนกันนัน่ แหละ ต่างก็ชอบอิสระ


กัน ทั้ง นั้น แกดู สั ต ว์ที่อ ยู่ใ นสวนสั ต ว์ใ นเมื อ งนั่น สิ เฮ้อ น่ า
สงสาร ถูกขังอยูใ่ นกรงตลอดทั้งชีวิตไม่ได้ออกมาข้างนอก จะ
ว่าไปคนเรานี่ ก็บาปนะ!” คุ ณพ่อจ้าวอายุมากแล้ว จึ งเปลี่ ยน
ความคิดอย่างรวดเร็ ว จากที่คุยเรื่ องอิสรภาพของลูกเป็ ดลูกไก่
ก็พูดไปถึงสวนสัตว์ในเมือง จากนั้นก็พูดถึงลูกลิงอีก “ลิงตัว
นั้นที่แกเลี้ยงไว้ ก็อย่าขังมันอยูแ่ ต่ในบ้านล่ะ ถ้าว่าง ๆ ก็พามัน
มาที่นี่บา้ ง บนภูเขามีลูกซิ่ งปลูกอยู่ ฝั่งนั้นก็ยงั มีอีกผืนใหญ่เลย
บอกให้มนั มากินที่นี่สิ จะได้ออกกาลังกายหน่ อย วันนั้นฉัน
เห็นมีลิงสามสี่ ตวั มากินผลไม้ทางฝั่งนี้ ดว้ ย พวกมันยังเล่นกัน
เป็ นด้วยนะ”

จ้าวเหวินเทารู ้สึกยินดี “พ่อ พวกเราไม่ได้ขงั มัน มันก็ข้ ึนไปบน


เขาบ่อย ๆ แถมยังขึ้นไปขโมยผลไม้ในสวนผลไม้ดว้ ยนะ ผม
กลัวว่าคนในหมู่บา้ นจะทาร้ายมันเหมือนกัน ตกลง งั้นเดี๋ยววัน
ไหนว่างผมพามันมาที่นี่ดว้ ย”

คุณพ่อจ้าวมองลูกชายที่ยงั คงรับประทานไม่หยุด “กินให้มนั


น้อย ๆ หน่อย กินเยอะเดี๋ยวก็เสี ยวฟันหรอก”
จ้าวเหวินเทาจึงหยุดรั บประทาน เขากวาดแกนของลูกซิ่ งมา
รวมเข้าด้วยกัน “พ่อ ลูกซิ่ งนี่ อร่ อยมากเลยนะ ผมว่าแกนของ
มันน่าจะปลูกได้นะ?”

“ทาไมจะปลูกไม่ได้ล่ะ แต่แกนนี้กว่าจะงอกออกมาเป็ นต้นไม้


ก็ใช้เวลาหลายปี เลยล่ะ!” คุณพ่อจ้าวมองดูแกนผลลูกซิ่ง

“ไม่เป็นไรหรอก โตตอนไหนก็ตอนนั้นแหละ อีกเดี๋ยวผมจะ


เอามันไปฝังลงดิน” จ้าวเหวินเทามองไปยังต้นลูกซิ่ งที่อยูห่ ่ าง
ออกไป กล่าวต่อไปว่า “พ่อ ผมคิดไว้ว่าจะปลูกไม้ผลตรงนั้น
พ่อว่าทาได้ไหม?”

“ถ้าแกอยากจะเก็บไว้กินก็ปลู กได้ แต่ ถา้ แกจะเอาไปขายคง


ไม่ได้ ลิงมันคงขโมยกินหมด จะทุบตีเจ้าพวกนี้ ก็ไม่ได้ดว้ ย”
คุณพ่อจ้าวกล่าว

“มันจะขโมยกิ นก็ให้ขโมยไปสิ พวกมันจะกิ นสักเท่ าไรกัน


เชี ยว พวกเราก็ไม่ ได้หวังว่าจะรวยสักหน่ อย ขายได้เท่าไรก็
เท่านั้นแหละ ที่สาคัญคือที่นี่เป็นภูเขาแห้งแล้ง ปลูกไม้ผลสัก
หน่ อย ได้เห็นดอกไม้ได้กินผลไม้ สวยแถมยังคุ ม้ ราคาด้วย”
จ้า วเหวิ น เทาไม่ ไ ด้ต้ ัง ใจว่ า จะขายผลไม้จ ริ ง ๆ ถึ ง อย่า งไร
ตอนนี้ผคู ้ นก็ยงั จ้องเนื้อสัตว์อยู่ เลี้ยงกระต่ายนี่แหละดีมากเลย

“งั้นก็ปลูกสิ ต้นไม้ที่นี่มีนอ้ ยไปหน่อย ต้นไม้นอ้ ยก็จะมีวชั พืช


งอกขึ้ น มา สู ้ ปลู ก ต้น ไม้ข้ ึ นมาอี ก หน่ อ ยยัง จะดี ก ว่า ตรงนั้น
ปลูกต้นหยางอีกสักหน่อยแล้วกัน แล้วก็ตรงริ มแม่น้ าด้วย สวย
ดี จะได้เป็ นที่ร่มเงาให้กระต่ายได้มากขึ้นด้วย” คุณพ่อจ้าวชี้ไป
ยังทิศทางต่าง ๆ ขณะพูดกับลูกชาย

ตอนนี้ ลุงจ้าวกลับมาแล้ว เขาใส่ รองเท้าผ้าใบ ถลกขากางเกง


สวมเสื้ อกล้ามหลวมโพรกหนึ่ งตัว บนบ่ามีเสื้ อคลุมอยู่ ในมือ
ยังถือพลัว่ เหล็กอีกหนึ่งเล่มด้วย

“อ้าวลุง แต่งตัวเป็ นคนงานในช่ วงรุ่ งโรจน์เลยนะ ไปทาอะไร


มา?” จ้าวเหวินเทาพูดเย้า
ลุ ง จ้า วด่ า เคล้า รอยยิ้ม “ไอ้เ ด็ก คนนี้ รู ้ จ ัก พู ด จากะล่ อ นนะ ที่
แม่น้ าตรงนั้นมีบางอย่างกั้นอยู่ ฉันก็เลยไปเปิ ดทางให้มนั !”

ลุงจ้าวพูดพลางวางพลัว่ เหล็กลง เขาเดินไปที่บ่อน้ าเพื่อล้างมือ


และล้างหน้า จากนั้นก็เดินมานัง่ เมื่อเห็นลูกซิ่ งบนโต๊ะจึงพูด
ว่า “นี่คือลูกซิ่งที่อยูบ่ นเขานัน่ ใช่ไหม?”

คุณพ่อจ้าวกล่าว “ใช้ ฉันเก็บมานิดหน่อย เมื่อไม่กี่วนั ก่อนฝน


ตกเลยตกลงมาจากต้นน่ะ”

“ซ่ อนไม่มิดหรอก คอยดูเถอะ อีกแค่ไม่กี่วนั คงได้เรี ยกหนู ไป


สร้างรังที่นนั่ ”

“หนูกินลูกซิ่งด้วยเหรอ?” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความสงสัย

“นายแกล้งโง่ให้มนั น้อย ๆ หน่ อย มันกินแกนลูกซิ่ งไง! นาย


คิดว่าฉันไม่รู้เหรอ” ลุงจ้าวกลอกตาใส่

จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “ลุง ลุงลองชิมดูสักสองสามลูกสิ ”


“ฉัน ไม่ ไ ด้มี ร สนิ ย มแบบนั้น หรอก นายช่ ว ยไปชงชาให้ฉัน
หน่อยเถอะ”

“ได้เลย!” จ้าวเหวินเทาลุ กไปชงชา ตอนที่กลับมาก็มานั่งคุ ย


และจิบชาร่ วมกับผูส้ ู งวัยทั้งสองคน

“นายเองก็เป็นเจ้าของที่ ฉันจะแนะนาอะไรให้อย่างหนึ่ ง” ลุง


จ้าวจิบชาหนึ่งคาพลางกล่าว

“ลุงว่ามาเลย มีอะไรจะแนะนาเหรอ?” จ้าวเหวินเทารี บกล่าว

“ในแม่น้ ามีปลา นายน่ ะไปซื้ อลูกปลามาปล่อยสักหน่ อยสิ ปี


หน้าพวกเราก็มีปลาไว้กินแล้ว ปล่อยเยอะหน่ อยก็จะขายได้
ด้วย!”

“แบบนั้นเป็ ดก็กินหมดสิ ?”
จ้าวเหวินเทาก็เคยคิดแบบนี้ ก่อนหน้านี้ เพียงแค่ลุงจ้าวบอกว่า
จะปล่อยเป็ ดในแม่น้ า เขาจึงคิดว่าเคารพงานอดิเรกของลุงจ้าว
ดีกว่า ส่ วนเรื่ องปลาไม่สาคัญหรอก

ลุ งจ้าวบุ ย้ ปาก “เป็ ดนั่นว่ายอยู่ในแม่ น้ าใหญ่ ๆ ไม่ ได้หรอก


นายก็ปล่อยลูกปลาที่ตน้ น้ าสักหน่ อย ปล่อยตาข่ายดักไว้ ฉัน
ปล่อยเป็ ดลงไปว่ายน้ า ก็ไม่ได้รบกวนงานทั้งสองอย่างนี้ สัก
หน่อย ตะกอนที่อยูใ่ นแม่น้ าก็เอามาทาเป็ นปุ๋ ยได้ ดีกว่าปุ๋ ยเคมี
อีก จริ งสิ นายเองก็อย่าให้ความสาคัญกับปุ๋ ยเคมีมากเกินไปล่ะ
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเข้าใจของพรรค์นั่นเท่าไร แต่การที่มนั
สามารถเร่ งผลผลิตออกมาได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่นานก็
ไม่ใช่เรื่ องดีอะไรเลย คนเรานี่นะ พึ่งพาอาหารเพื่อดารงชีวิต ก็
อย่าได้เอาแต่ทาอะไรแผลง ๆ เลย”

จ้าวเหวินเทาได้ยนิ ก็ถึงกับยกนิ้วโป้งให้ “ลุงมองเรื่ องต่าง ๆ ได้


พิเศษกว่าใครเลย!”
ลุงจ้าวหัวเราะ “พิเศษอะไรกันล่ะ ฉันกับพ่อนายก็เคยคุ ยกัน
แล้ว ที่ดินนี้ถา้ ใส่ ปุ๋ยเคมี ก็เหมือนคนที่สูบบุหรี่ นนั่ แหละ ตอน
ที่สูบแรก ๆ ก็สบายอยู่หรอก แต่พอสู บไปเยอะ ๆ ก็เดี้ ยงได้
เหมือนกัน ที่ดินกับคนก็เหมือนกัน พวกเราก็ไม่ได้กินไม่อิ่ม
สักหน่อย ถ้ากินไม่อิ่ม นายจะใส่ ปุ๋ยเคมีกใ็ ส่ ไปเถอะ แต่นี่นาย
มี ใ ห้กิ น จนอิ่ ม แล้ว เก็บเกี่ ย วผลผลิ ต น้อ ยหน่ อ ยก็ไ ม่ เ ป็ นไร
เวลากินก็สบายใจด้วย”

จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ได้สิ ผมจะเชื่อลุงนะ”

คุณพ่อจ้าวกล่าว “พวกเราอยากจะบอกแกตั้งนานแล้ว กลัวว่า


แกจะรั ง เกี ย จความคิ ด ของคนแก่ ๆ ถึ ง ยัง ไงใส่ ปุ๋ ยเคมี ก็ ท า
ให้ผ ลผลิ ต เยอะ แต่ ม าคิ ด ๆ ดู แ ล้ว สิ่ ง นี้ ก็เ หมื อ นกับ การที่
คนเราออกแรงมากเกินไปนัน่ แหละ พอใช้หมด เรี่ ยวแรงก็มีไม่
พอแล้ว”
ตอนที่ 288 ชีวติ ดี ๆ เพิง่ จะเริ่มต้ น

“ดูพ่อพูดเข้าสิ พ่อกับลุงจัดการกับพืชผลมาเกือบตลอดทั้งชีวิต
แล้ว ยังไงก็ตอ้ งรู ้เยอะกว่าผมอยูแ่ ล้ว ผมจะรังเกียจได้ไงล่ะ”

“ถ้าแกยอมฟั งหลังจากนี้พวกฉันจะได้พูดพล่ามอีกสักหน่ อย”


คุณพ่อจ้าวยิม้ “ใกล้จะเกี่ยวข้าวสาลีแล้วสิ นะ?”

“ยังเหลืออีกเดือนกว่า ๆ ครับ” จ้าวเหวินเทาตอบ “นี่ ถา้ ฝนตก


อีกสักรอบก็คงดี ตอนแรกผมกะว่าจะใส่ ปุ๋ยเคมีลงไปสักหน่อย
แต่พอได้ยนิ พ่อกับลุงพูดแบบนี้ ผมไปขนขี้หมูมาจากหมู่บา้ น
ไท่ผงิ ก็แล้วกัน”

“พวกเราก็ปลูกข้าวสาลีไม่เป็ น ก่อนหน้านี้ ที่นี่ไม่เคยปลูกมา


ก่อน ตอนนี้พอเห็นพวกแกปลูก มันก็เติบโตได้ไม่เลวเลยนะ”
คุณพ่อจ้าวกล่าว “เฮ้อ บางครั้งพวกเราก็สมองคร่ าครึ จริ ง ๆ นัน่
แหละ บางเรื่ องแกก็ตอ้ งตัดสิ นใจเอง”

ลุงจ้าวก็พยักหน้าเห็นด้วย “ข้าวสาลีนี่กจ็ ริ ง ๆ เลยนะ ไม่เคยได้


ยินใครปลูกมาก่อน ที่นี่ของพวกเราขาดแคลนแป้ งขาวยิง่ กว่า
ข้าวอีก ต้องซื้อจากข้างนอกทั้งนั้นเลย ถ้าปลูกข้าวสาลีได้ แบบ
นั้นก็ไม่เลวเลย หลังจากนี้กก็ ินแป้งขาวได้แล้ว”

ตอนนี้ ผูค้ นต่างก็คุน้ ชิ นกับการดารงชี วิตแบบพอเพียง ไม่ได้


นึกถึงเรื่ องซื้ อขายประเภทนั้น การเปลี่ยนแปลงทางความคิดนี้
ยังต้องใช้เวลา

จ้า วเหวิ น เทากล่ า ว “ผู ้อ าวุ โ สทั้ง สองถ่ อ มตนเกิ น ไปแล้ว


หลังจากนี้พวกเรามีอะไรก็มาปรึ กษากันได้”

“ถ้านายไม่รังเกียจที่พวกเราสาธยายยืดยาวก็ได้ท้ งั นั้นแหละ”
ลุงจ้าวยิม้
ระหว่างที่พูด เวลาก็เดินผ่านไปเร็ วเป็นพิเศษ มื้อเที่ยงทาเสร็ จ
แล้ว คนงานสิ บกว่าคนของฟาร์ มกระต่ ายจึ งมารั บประทาน
อาหาร ซึ่ งเป็ นคนในหมู่ บา้ นเกื อ บทั้งหมด คนที่ มาจากข้า ง
นอกล้ว นเป็ นผูช้ ายทั้ง หมด ส่ ว นผูห้ ญิ ง ก็จ ะเป็ นหญิ ง ชราที่
ทางานหลังครัวกับคุณแม่จา้ ว

ทุ ก คนเดิ น มาที่ ห้อ งอาหาร ชุ ย ต้า เห็ น จ้า วเหวิน เทาก็เ ข้า มา
ทักทายอย่างมีความสุ ข “พี่หก!”

มีคนพูดด้วยรอยยิม้ “หัวหน้ามาตรวจงานแล้ว!”

“หัวหน้าอะไรกัน เถ้าแก่ต่างหากล่ะ!”

มีคนตะโกนเถ้าแก่ข้ ึนมา

จ้าวเหวินเทาตอบรับด้วยรอยยิม้ จากนั้นก็พูดคุยกับทุกคน

ลุงจ้าวเป็ นผูอ้ าวุโสแต่กไ็ ม่ได้ทาตัวน่าเคารพ เขาพูดคุยกับคน


อื่น ๆ ว่า “ฉันว่านะ เถ้าแก่แบบนายก็ควรจะหาสาว ๆ มาสัก
หน่อย นายดูหนุ่มน้อยพวกนี้สิ ไม่รักษาสมดุลไม่ชา้ ก็เร็ วคงได้
เกิดเรื่ อง!”

พวกหนุ่มน้อยได้ยนิ คาพูดนี้กห็ น้าแดงขึ้นมา

จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่ า “เด็กแบบพวกนายนี่ นะ ลุ งจ้าวเป็ น


กังวลเกี่ยวกับชีวิตของพวกนายขนาดนี้แล้วก็ตอ้ งรู ้จกั ผิดชอบ
ชัว่ ดีหน่อย ถึงเวลานั้นถ้ามีภรรยาแล้วก็ตอ้ งเปิ ดเหล้าดี ๆ ให้ลุง
จ้าวด้วยล่ะ!”

“ลุงจ้าว ถึงเวลานั้นถ้าผมแต่งงานลุงต้องมาดื่มเหล้าฉลองให้
ได้นะ!”

“ลุ ง จ้า ว ถ้า ผมแต่ ง งานผมจะซื้ อ เหล้า เหล่ า ไป๋ กานให้ ลุ ง


แน่นอน!”

“ผมจะให้เหล้าเหล่าเจี้ยวหนึ่งขวดเลย!”

“ผมให้ลุงหนึ่งลังเลย!”
“ผมส่ งให้หนึ่งคันรถ!”

พวกเด็กหนุ่มต่างก็แข่งกันคุยโว อวดจนจ้าวเหวินเทาทนฟั งไม่


ไหว ปรากฏว่าถูกลุงจ้าวด่าให้หุบปากเงียบสนิทโดยปริ ยาย

ข้าวคือข้าวฟ่ างหุ งสุ ก ส่ วนกับข้าวก็ทาจากของที่ปลูกเอง มีมนั


ฝรั่ ง ตุ๋ น มะเขื อ ยาวกับ พริ ก นอกจากนี้ ยัง มี เ ต้า หู ้ต๋ ุ น เนื้ อ หมู
ผัก กาดขาวอี ก หนึ่ งหม้อ กิ น เคี ย งกับ ต้น หอม ผัก กาดขาว
ผักกาดหอม และผักดองอี กหนึ่ งถาด เนื่ องจากมี คนเยอะจึ ง
รับประทานกันอย่างเอร็ ดอร่ อย ทุกคนถือชามกระเบื้องสี ขาว
ขนาดใหญ่ รั บประทานกับข้าวคู่กบั ข้าวสวย จิ้มต้นหอมกับ
ซี อิ้ว ระหว่างระประทานก็พูดคุยพลางยิม้ แย้ม บนใบหน้าเต็ม
ไปด้วยรอยยิม้ แห่งความสุ ข

คุณพ่อจ้าวและลุงจ้าวเป็ นพี่นอ้ งกัน พวกเขาถือจอกเหล้าขนาด


เล็ก ยกขึ้นมาจิบ ระหว่างที่รับประทานอาหารก็พูดคุ ยกันไป
ด้วย
“นายนี่นะ สุ ดยอดเลย มีลูกชายที่มีความสามารถแบบนี้! ฉันยัง
สู ้นายไม่ได้เลย” ลุงจ้าวพูดด้วยความอิจฉา

คุ ณ พ่ อ จ้า วเอ่ ย “มี ค วามสามารถอะไรกัน เป็ นเพราะทัน


ช่ วงเวลาที่ดีนนั่ แหละ นี่ ถา้ อยู่ในยุคนั้นของพวกเราคงใช้ชีวิต
อยูก่ นั แค่วนั นี้ ไม่รู้วา่ วันพรุ่ งนี้จะมีชีวติ ต่อไปได้หรื อเปล่า!”

ลุงจ้าวพยักหน้า “นัน่ สิ ในสมัยของพวกเรา อาหารพวกนี้ ไม่


ต้อ งคิ ด เลย ชี วิต ดี ๆ เริ่ ม ต้น ขึ้ น แล้ว สิ่ ง ที่ เ ราท าก็ไ ม่ ไ ด้เ สี ย
เปล่า!”

คุ ณพ่อจ้าวเคารพลุงจ้าวมาก “พี่ใหญ่ ทั้งหมดนี้ ตอ้ งขอบคุ ณ


พวกพี่มากเลยนะ ถ้าไม่ใช่ เพราะพวกพี่ที่ไปทาสงครามแบบ
ไม่ห่วงชีวติ เด็กพวกนี้จะได้ใช้ชีวติ กินดีอยูด่ ีเหรอ?”

“นั่นก็เป็ นเรื่ องที่ ตอ้ งทาอยู่แล้ว ไม่ตอ้ งพูดอะไรแล้ว มา ดื่ ม


เหล้า!”
“ดื่มเหล้า!”

สองพี่นอ้ งชนแก้วและดื่มลงคอจนหมด

จ้าวเหวินเทามาดูฟาร์มกระต่ายและร่ วมรับประทานอาหารกับ
ทุกคนเป็นครั้งคราว แม้จะมีพ่อแม่และลุงจ้าวคอยดูแลอยู่ แต่
เขาก็ไม่สามารถทิ้งทุกอย่างให้ผสู ้ ู งวัยทั้งสามได้

นี่ เป็ นครั้งแรกที่เขาเลี้ยงกระต่ายไว้เยอะขนาดนี้ และจ้างคน


มากขนาดนี้ ภายในใจก็แอบหวิว ๆ อยู่ แต่เมื่อมาดูดว้ ยตัวเอง
ก็รู้สึกได้วา่ ไม่เลวเลย แม้วา่ จะยังไม่มีกาไร แต่การดาเนินงานก็
เป็ นไปได้ดว้ ยดี

เขาทราบดีวา่ การเปิ ดฟาร์มกระต่ายแตกต่างจากการซื้อขายของ


เปิ ดฟาร์ มกระต่ายเป็ นงานระยะยาว ส่ วนการค้าขายเป็ นการ
ทางานระยะสั้น เขาต้องมีความอดทน
อย่ามองว่าเขาทางานอย่างอื่นแล้วไม่มีความอดทน แต่เมื่อทา
ค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นระยะยาวหรื อระยะสั้นเขาก็มีความอดทน
มาก สิ่ งนี้ เรี ยกว่าความชอบล่ะมั้ง ตัวเองได้สิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะ
เป็ นอย่างไรก็ได้ท้ งั นั้น

หลังจากรับประทานอาหารเสร็ จ จ้าวเหวินเทาก็เรี ยกให้ชุยต้า


ไปเดิ นรอบ ๆ ฟาร์ มกระต่ ายกับเขา เขาเน้นไปที่ รังกระต่าย
นอกจากนี้ ยงั มีลูกกระต่ายที่คลอดออกมา แม่กระต่าย รวมถึง
อาหารกระต่ายด้วย

“พี่หก เลี้ยงหมาสักสองสามตัวได้ไหม?” ชุยต้ากล่าว

“เลี้ยงหมา?” จ้าวเหวินเทาแอบไม่ค่อยเข้าใจ

“ใช่ ที่ นี่อยู่ห่างไกล แถมยังอยู่บนเขาอีก นี่ ถา้ มี พวกพังพอน


หมาจิ้งจอกหรื ออะไรพวกนั้นมาแอบขโมยกินกระต่าย พวก
เราก็ป้องกันอะไรไม่ได้เลยนะ” ชุยต้าแอบเป็ นกังวล “เมื่อไม่กี่
วันก่อนฝนตกด้วย พวกเราขึ้นมาลาดตระเวนกลางดึ กก็เห็ น
หมาจิ้งจอกด้วยนะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เข้ามา แต่ถา้ มันเข้ามา
จะทายังไง”

จ้าวเหวินเทาไม่ได้พูดอะไร

“ถ้าวางยาก็เป็ นกังวลว่ากระต่ายจะกินเข้าไปอีก วางที่หนี บก็


กลัว ว่า กระต่ า ยจะเหยีย บ คิ ด ไปคิ ด มาเลี้ ย งหมาอาจจะดี ข้ ึ น
หน่อย” ชุยต้ากล่าว

“ห้ามวางยา ของประเภทนี้ ไม่ปลอดภัย ที่หนี บก็วางไว้ไม่ได้


เหมือนกัน ถ้าคนได้รับบาดเจ็บคงไม่ดี ก็ได้ เลี้ยงหมานี่แหละ”
จ้าวเหวินเทาตัดสิ นใจ “เลี้ ยงตัวเดี ยวคงไม่ ได้ สถานที่ ใหญ่
ขนาดนี้ อย่างน้อย ๆ ก็ตอ้ งเลี้ยงไว้สี่ตวั ”

“หา เลี้ยงไว้เยอะขนาดนั้นเลย?” ชุ ยต้าคิดว่าสองตัวก็เพียงพอ


แล้ว
จ้าวเหวินเทากล่าว “ไม่เป็ นไร เลี้ยงไว้มากหน่อยตอนค่าจะได้
มีการเคลื่อนไหวด้วย เหมือนครั้งนั้นตอนที่ไอ้เด็กเวรหม่าเสี่ ยว
ลิ่วมา ถ้ามีหมา พวกเขาก็คงไม่กล้าเข้ามา! ทาไมนายไม่พูดให้
เร็วกว่านี้เนี่ย ฉันก็ลืมเรื่ องเลี้ยงหมาไปแล้ว!”

จ้าวเหวินเทาแอบอารมณ์เสี ย แต่ละบ้านในหมู่บา้ นต่างก็เลี้ยง


สุ นขั กัน ฟาร์มกระต่ายของเขาใหญ่ขนาดนี้ กลับคิดไม่ถึงเรื่ อง
นี้

เขาจึงกลับมาคุยกับคุณแม่จา้ ว คุณแม่จา้ วกล่าวว่า “งั้นแกก็อุม้


แมวมาสักสองสามตัวสิ ที่นี่มีหนูเยอะเป็ นฝูงเลย แถมยังฉลาด
ด้วย ฉันวางกับดักหนูไว้ แต่ไม่มีประโยชน์สักนิดเลย จะวางยา
ก็กลัวว่าสัตว์ตวั อื่นจะกินเข้าไปด้วย แบบนั้นคงไม่ดีแน่”

จ้าวเหวินเทายิม้ “ได้สิแม่ ไม่ได้ขาดแคลนแมวอยูแ่ ล้ว แม่อยาก


เลี้ยงกี่ตวั ก็ได้ ขอแค่แม่ไม่กลัวว่าจะยุง่ ยากก็พอ”
“มีอะไรให้ยุ่งยากกันล่ะ ให้ขา้ วให้น้ าสักหน่ อยก็พอแล้ว ไม่
ต้องดู แลอะไร มันก็ออกไปจับหนู มากินได้แล้ว” คุ ณแม่จา้ ว
กล่าว “มันคงมีความสุ ขมากเลยล่ะ สถานที่กว้างขวางแบบนี้
ได้ออกไปวิง่ เล่นด้วย!”

จ้าวเหวินเทาได้ยินก็คิดว่าจริ งอย่างที่แม่พูดไว้ สถานที่แห่ งนี้


ถ้าหากพวกเขาไม่วางยา เลี้ยงแมวไว้กไ็ ม่ตอ้ งสนใจอะไรแล้ว
จากนั้นก็พูดถึงเรื่ องพังพอนและหมาจิง้ จอกต่อ

“จะไปท าร้ า ยสั ต ว์พ วกนั้น ไม่ ไ ด้น ะ!” คุ ณ แม่ จ ้า วรี บ กล่ า ว
“พวกมันจะมากินกระต่ายสองสามตัวก็กินไปเถอะ พวกมัน
เป็นสัตว์ฉลาดมาก แค้นฝังหุ่ นเลยล่ะ ถ้าแกไปทาร้ายมันครั้ง
เดียว มันจะจาแกไปตลอดทั้งชีวติ เลย!”

จ้าวเหวินเทาไม่ได้คิดจะทาร้ายพวกมัน แม้เขาจะไม่เชื่อว่าพวก
มันจะฉลาดขนาดนั้น แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจกับการทาร้ าย
สัตว์พวกนี้อยูด่ ี
“ได้สิ งั้นก็เลี้ยงหมา ถึงเวลานั้นขู่ให้พวกมันกลัว ไม่กล้ามาก็
พอแล้ว”

จ้าวเหวินเทากลับมาคุยกับเย่ฉูฉู่ถึงเรื่ องนี้ เย่ฉูฉู่คิดว่าจ้าวเหวิน


เทาจะน าสุนั ข และแมวที่ บ ้า นส่งไปที่ ฟ าร์ ม กระต่ า ย จึ ง
แสดงออกว่าไม่เห็นด้วยในทันที
ตอนที่ 289 ทาไมถึงไม่ ใส่ ป๋ ยเคมี
ุ แล้วล่ะ

“ภรรยา คุณไม่ตอ้ งกังวลนะ ผมจะไปที่อื่นเพื่อไปขอหมากับ


แมวมาเพิ่ม” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิม้

เย่ฉูฉู่รู้สึกพึงพอใจขึ้นมา เสี่ ยวไป๋ และเสี่ ยวหลีไม่ได้หวาดกลัว


คนแล้ว พวกมันมาถูไถออดอ้อนที่มือของเย่ฉูฉู่ ทั้งยังกลิ้งไป
มาด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ท่าทางคล้ายกับเด็ก

จ้าวเหวินเทาเห็นก็รู้สึกเอ็นดูมาก เขายืน่ มือออกไปลูบสองครั้ง


แต่เมื่อลูบ ลูกแมวทั้งสองก็ต่อต้านด้วยการกัดเขาไปสองที

เย่ฉูฉู่เห็นก็หวั เราะร่ าออกมา

เสี่ ยวไป๋ หยางเห็นแม่หวั เราะ เขาก็หวั เราะตามไปด้วย


“เจ้าเด็กบ้า เห็นพ่อเป็ นตัวตลกไปได้! ดู สิว่าพ่อจะจัดการลูก
ยังไง!” จ้าวเหวินเทาเข้าไปจับเสี่ ยวไป๋ หยางให้นอนลง จากนั้น
ก็ลงมือจัก๊ จี้

เสี่ ยวไป๋ หยางถึงกับหัวเราะลัน่

“พอได้แล้ว เดี๋ยวลูกก็หวั เราะจนเพี้ยนหรอก!” เย่ฉูฉู่เห็นจ้าวเห


วินเทายังไม่ยอมหยุดจึงรี บดึงมือออก

จ้าวเหวินเทาจึงยอมปล่อยมือจากเสี่ ยวไป๋ หยาง จากนั้นก็หนั มา


กดภรรยาลงบนเตี ยง พูดเคล้ารอยยิ้มว่า “งั้นผมจัดการคุ ณก็
แล้วกัน!”

เย่ฉูฉู่กก็ ลัวจัก๊ จี้เหมือนกัน เธอถลึงตาใส่ เขาปราดหนึ่งก่อนจะ


หลุดหัวเราะออกมาเพราะถูกจัก๊ จี้

เสี่ ยวไป๋ หยางเห็นแม่ของตัวเองถูกจัดการ ก็โบกมือแกว่งเท้า


ด้วยรอยยิม้
ลูกลิงเห็นก็ส่งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ มันรู ้สึกร้อนใจมาก เพราะไม่รู้
ว่า พวกเขาทั้ง สองคนก าลัง ทาอะไร ทะเลาะกัน เหรอ? แต่ ก็
ไม่ใช่ ท้ายที่สุดมันจึงกระโดดขึ้นไปบนตัวของจ้าวเหวินเทา
และกระโดดโหยงเหยงอยูพ่ กั ใหญ่

“ไอ้ลิงบ้าลงไปเดี๋ ยวนี้ นะ!” จ้าวเหวินเทาโกรธมาก เขากาลัง


หยอกล้อกับภรรยาอยูด่ ี ๆ ลูกลิงจะเข้ามายุง่ เพื่ออะไรเนี่ย!

ชีวติ ประจาวันแบบนี้เกิดขึ้นเป็ นครั้งคราว

จ้าวเหวินเทาฟั งคาแนะนาของลุงจ้าวและคุณพ่อจ้าว จึงไปซื้ อ


มูลสุ กรจากหมู่บา้ นไท่ผงิ มาใช้กบั ทุ่งข้าวสาลีหลายคันรถ

“พี่ ห ก ท าไมพี่ ถึ ง ใช้ข้ ี ห มู ล่ ะ ไม่ ใ ช่ ว่า ต้อ งใช้ปุ๋ยเคมี เ หรอ?”


ชุยเอ้อราดมูลลงบนคันนาไปพลางเอ่ยถามไปพลาง
“ได้ยินมาว่าของพวกนี้ถา้ ใช้มากไป ผลผลิตที่งอกงามออกมา
จะไม่ดีกบั มนุ ษย์ ก็เลยไม่ได้ใช้ อีกอย่างพวกเราก็ปลูกไว้กิน
เองด้วย”

จ้าวเหวินเทามองรวงข้าวสาลี ดูแน่นดี แม้วา่ จะไม่ได้ใส่ ปุ๋ยเคมี


แต่กเ็ ติบโตได้อย่างดีเยีย่ ม ไม่รู้วา่ เป็ นเพราะเพิ่งปลูกหรื อเปล่า

“แต่ ใ ส่ ปุ๋ ยเคมี แล้ว ได้ผลผลิ ต เยอะนะ ปี ที่ แ ล้ว พี่ ก็ใ ส่ ปุ๋ยเคมี
ข้าวโพดหนึ่ งหมู่เก็บออกมาได้ต้ งั หลายพันชัง่ ขายออกไปได้
ไม่นอ้ ยเลย!” ชุยเอ้อยังไม่เข้าใจ

“ก็ใช่น่ะสิ แต่ร่างกายแข็งแรงสาคัญกว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วป่ วย


ขึ้นมา คงได้ไม่คุม้ เสี ย”

ชุยเอ้อยิม้ “พี่หก ทาไมพี่คิดแบบนี้ล่ะ ผมได้ยนิ มาว่าตอนนี้ทุก


คนต่างก็ใส่ ปุ๋ยเคมีกนั ทั้งนั้น เจ้าหน้าที่ราชการในชนบทต่างก็
สนับสนุนให้ทุกคนใส่ ปุ๋ยเคมีกนั ทั้งนั้น!”
จ้าวเหวินเทาออกไปทางานข้างนอกและใช้ปุ๋ยเคมี ด้วยย่อม
ทราบเรื่ องนี้ดี เขาเองก็แอบลังเลอยูเ่ หมือนกัน จึงโทรศัพท์ไป
ถามเย่หมิงเป่ ยเรื่ องนี้ เพราะอีกฝ่ ายอยู่ปักกิ่งมีความรู ้เยอะ เขา
โทรไปสอบถามว่าการใส่ ปุ๋ยเคมีสรุ ปแล้วดีหรื อไม่ เย่หมิงเป่ ย
ก็ ไ ม่ ค่ อ ยแน่ ใ จจึ ง ไปถามโจวหมิ่ น โจวหมิ่ น ย่ อ มทราบดี
เกี่ ยวกับข้อดี และข้อเสี ยของการใส่ ปุ๋ยเคมี หล่ อนอธิ บายให้
จ้าวเหวินเทาฟั งอย่างละเอี ยด จ้าวเหวินเทาลองชั่งน้ าหนักดู
แล้วก็ลม้ เลิกความคิดนี้ ของแบบนี้ไม่สามารถมองเห็นข้อเสี ย
ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ แต่เมื่อเวลานานวันเข้าก็จะเผยออกมาให้
เห็น ถึงเวลานั้นก็สายเกินแก้เสี ยแล้ว

“อยากใส่ กใ็ ส่ เถอะ ที่ดินของตัวเองนายมีสิทธิ์ตัดสิ นใจ”

จ้าวเหวินเทาไม่ชอบสนใจเรื่ องชาวบ้าน ถึงอย่างไรเรื่ องของ


ชาวบ้านแบบนี้ ก็ไม่ สามารถจัด การอะไรได้ ผิดด้วยเหรอที่
ชาวนาอยากได้ผลผลิตทางการเกษตรมาก ๆ? ใส่ ปุ๋ยเคมีเยอะ
เพื่อให้เก็บเกี่ยวได้เยอะ ๆ ผิดด้วยเหรอ? ถ้าเช่ นนั้นยังมีอะไร
ต้องพูดอีก ดูแลของตัวเองก็พอแล้ว!

ชุยเอ้อไม่เข้าใจ “สรุ ปว่าจะใส่ หรื อไม่ใส่ ล่ะ?”

จ้าวเหวินเทามีความสุ ข “นายอยากใส่ กใ็ ส่ ไม่อยากใส่ กไ็ ม่ตอ้ ง


ใส่ ”

ชุยเอ้อครุ่ นคิดอยูค่ รู่ หนึ่ง จึงพูดขึ้นอีกว่า “พี่หก ขี้หมูน้ ีพี่ไปขอ


จากคนอื่นมาใช่ไหม?”

“ไปขอคนอื่ นอะไร นี่ ฉันไปซื้ อมาจากหมู่ บา้ นไท่ ผิง คันละ


สองหยวนเลยนะ!”

“หา ขี้ ห มู แ พงขนาดนี้ เลย!” ชุ ย เอ้อ แอบรู ้ สึ ก ว่า เป็ นเรื่ องน่ า
เหลือเชื่อ

“พวกเขาเลี้ยงหมู เลี้ยงไว้สิบกว่าตัวเลย เลี้ยงกันเหนื่ อ ยมาก


ขายมูลสัตว์กเ็ ป็ นรายได้ได้เหมือนกัน”
จู่ ๆ ชุ ยเอ้อก็เกิดความคิดหนึ่ ง “พี่หก ถ้าผมจะเลี้ยงหมูพี่คิดว่า
ไง?”

จ้า วเหวิน เทาประหลาดใจ นับตั้ง แต่ ชุ ย ต้า ถู ก เขาดึ ง ออกมา


นับวันก็ยงิ่ ฉลาดขึ้นเรื่ อย ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชุยเอ้อคนนี้จะคิด
เป็ นแล้ว และรู ้จกั คิดหาเงินเป็ นกับเขาแล้วด้วย

“ได้สิ แต่ถา้ นายอยากเลี้ยงสิ บกว่าตัวคงไม่ไหว ลานบ้านของ


นายเล็กเกินไป เลี้ยงเยอะขนาดนั้นไม่ไหวหรอก อีกอย่าง บ้าน
นายก็มีที่ดินสาหรับสามคน หมูพวกนั้นก็ตอ้ งกินอาหารด้วย
ก่อนอื่นนายต้องไปซื้อข้าวโพดมาก่อน เลี้ยงหมูเหนื่อยมากเลย
นะ หนึ่ งวันต้องให้พวกมันกิ นสี่ ม้ื อ ต้องกิ นคู่ กบั อาหารของ
พวกมันด้วย แบบนี้ถึงจะเติบโตด้วยร่ างกายอวบอ้วน วิธีที่พวก
เราเลี้ยงก่อนหน้านี้ ถา้ เอาไว้กินเองก็ยงั ได้อยู่ แต่ถา้ เอาไปขาย
คงไม่ได้ ถ้านายอยากเลี้ยงก็ไปสอบถามดูสักหน่อย ดูวา่ คนอื่น
เขาเลี้ยงกันยังไง ทาความเข้าใจแล้วค่อยตัดสิ นใจอีกที”
ชุยเอ้อคิดไม่ถึงเลยว่าจะยุง่ ยากแบบนี้ แต่เมื่อนึกถึงจ้าวเหวินเทา
ที่เลี้ยงกระต่ายเป็นคนแรก จนสร้างฟาร์ มกระต่ายขึ้นมาได้ใน
ระยะเวลาไม่ถึงสองปี เขาก็อดชื่นชมไม่ได้ พี่หกสุ ดยอดจริ ง ๆ!

เรื่ องที่จา้ วเหวินเทานามูลสุ กรใส่ ลงไปในทุ่งข้าวสาลีดงั ไปถึง


หู ทุกคนในหมู่บา้ นอย่างรวดเร็ ว พวกเขาต่างก็งงงวยมาก ปี ที่
แล้วจ้าวเหวินเทายังเรี ยกร้องให้ใส่ ปุ๋ยเคมี แต่ปีนี้ เหตุใดถึงไม่
ใส่ ปุ๋ยแล้วล่ะ ที่สาคัญคือปุ๋ ยเคมีทาให้จา้ วเหวินเทาสามารถเก็บ
เกี่ยวผลผลิตได้เยอะมากจริ ง ๆ

“…อะไรกัน ผลผลิ ตที่ ใส่ ปุ๋ยเคมี ถา้ กิ นเข้าไปแล้วจะไม่ดีต่อ


ร่ างกาย? ใครบอก?”

“พี่หกบอก” ชุยเอ้อตอบ

“จ้าวเหวินเทา เหอะ เจ้าเด็กคนนี้มีคาพูดอะไรเชื่อถือได้บา้ ง ปี


ที่แล้วบอกว่าใส่ ปุ๋ยเคมีจะทาให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เยอะ ปี นี้
กลับทาแบบนี้อีก เขาคิดจะทาอะไรของเขา?”
“คิดจะทาอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับลุงไม่ทราบ ลุงอยากใส่
ปุ๋ ยเคมีกใ็ ส่ ไปสิ ไม่มีใครห้ามลุงสักหน่อย!” ชุยเอ้อพูดอย่างไม่
ใส่ ใจ

“ชิ! ไอ้เด็กเวรที่เอาแต่ทางานให้คนอื่น นี่ถา้ เป็ นสมัยก่อนนาย


ก็คือลูกจ้างระยะยาวนัน่ แหละ!”

จู่ ๆ ในหมู่บา้ นก็เกิดการถกประเด็นขึ้นมา ตอนนี้ รัฐบาลเริ่ ม


สนับสนุนให้ผคู ้ นใช้ปุ๋ยเคมีแล้ว จะว่าไปก็เพราะได้รับอิทธิพล
มาจากจ้า วเหวิ น เทา เมื่ อ ปี ที่ แ ล้ว เขาใช้ ปุ๋ ยเคมี ท าให้ เ ก็ บ
ข้าวโพดได้มากขนาดนั้น รั ฐบาลทราบเรื่ องเข้าจึ งตัดสิ น ใจ
ส่ งเสริ มปุ๋ ยเคมีอย่างจริ งจัง ใครจะไปคิดว่าปี นี้ผมู ้ ีอิทธิพลอย่าง
จ้าวเหวินเทาจะเปลี่ยนความคิด

แต่ไม่ว่าจ้าวเหวินเทาจะคิดอย่างไร รัฐบาลก็ยงั สนับสนุ นให้


คนใช้ปุ๋ ยเคมี ใ นปี นี้ แม้ทุก คนจะไม่ ไ ด้ย อมรั บปุ๋ ยเคมี อ ย่า ง
สมบูรณ์ แต่ปีนี้คนที่ใช้ปุ๋ยเคมีกม็ ากกว่าปี ที่แล้วพอสมควร ซึ่ ง
คนจากหมู่บา้ นข้าวซานถุนใช้มากที่สุด ยกตัวอย่างจากตระกูล
จ้าว สามพี่น้องต่างก็ใช้กนั หมด ต่อให้เป็ นจ้าวเหวินเทาก็ใช้
ปุ๋ ยเคมีเล็กน้อยในช่ วงที่กาลังปลูก แต่ในตอนหลังก็ไม่ได้ใช้
แล้ว

ปุ๋ ยเคมีไม่ได้ใช้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ขั้นตอนระหว่างที่ผลผลิต


เติบโตขึ้นต้องใช้อย่างน้อย ๆ 3-4 ครั้ง ยกตัวอย่างเช่นข้าวโพด
ตอนที่ ปลู กนอกจากใส่ ปุ๋ยเคมี แล้ว ตอนที่ มนั สู งขึ้ นเท่ าน่ อง
ตอนที่ขา้ วโพดออกฝัก ครึ่ งเดือนก่อนที่จะหักข้าวโพด ปุ๋ ยเคมี
มี ผ ลอย่า งมาก สามารถพู ด ได้ว่า ขั้น ตอนทั้ง หมดที่ ผ ลผลิ ต
เติบโตขึ้นมาแทบจะพึ่งพาปุ๋ ยเคมีท้ งั หมด ย่อมเก็บเกี่ยวผลผลิต
ได้มากอยูแ่ ล้ว

จ้าวเหวินเทาใส่ ปุ๋ยเคมีแค่ตอนปลูกเท่านั้น ภายหลังก็ไม่ได้ใส่


ปุ๋ ยเคมีแล้ว เมื่อมองเช่ นนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าผลผลิตเล็กและเตี้ย
กว่าของคนอื่ น แต่ อย่างอื่ นก็ยงั ดี อยู่ ถึ งอย่างไรเขาไม่ ได้ใส่
ปุ๋ ยเคมี แต่มูลสัตว์ที่เทลงไปก็ไม่นอ้ ย

“เจ้า หกท าบ้า อะไรอี ก แล้ว ?” พี่ ส ามจ้า วมาคุ ย กับ พี่ ร องจ้า ว
“บอกว่าผลผลิตที่ใส่ ปุ๋ยเคมีไม่ดีกบั ร่ างกาย ถ้าไม่ดีแล้วรัฐบาล
จะบอกให้ใส่ ได้ไง?”

พี่รองจ้าวจะไปรู ้ได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ตอนที่ไม่ได้ใส่ ปุ๋ยเคมี


ก็ได้ผลผลิตไม่มาก ตอนนี้ เมื่อใส่ ปุ๋ยเคมีดนั บอกว่าผลผลิตที่
เก็บเกี่ยวออกมาจะไม่ดีกบั ร่ างกาย แล้วจะให้ปลูกพืชอย่างไร
กันแน่

“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันทานาทาสวนมาไม่กี่ปี เรื่ องนี้ คง


ต้องถามพ่อแล้วล่ะ” พี่รองจ้าวถอนหายใจ

“ผมไปถามมาแล้ว พ่ อ เป็ นคนบอกเจ้า หกไม่ ใ ห้ใ ส่ ปุ๋ ยเคมี


ทาไมพ่อถึงลาเอียงขนาดนี้ ก็ไม่รู้ พ่อไม่เห็นบอกพวกเราเลย
ไม่กลัวว่าพวกเรากินเข้าไปแล้วร่ างกายจะแย่บา้ งหรื อไง?” พี่
สามจ้าวรู ้สึกขุ่นเคืองสุ ด ๆ
ตอนที่ 290 เกีย่ วข้ าวสาลี

“เจ้าสี่ ล่ะ?” พี่รองจ้าวไม่อยากพูดถึงปั ญหานี้แล้ว เรื่ องที่พ่อกับ


แม่ลาเอียงรักเจ้าหกมากกว่าไม่ใช่ เรื่ องแปลกใหม่อะไร ยังจะ
พูดอะไรอีก

“พี่ ย งั ไม่ รู้ จ ัก เจ้า สี่ อี ก เหรอ ก็เ หมื อ นเดิ ม นั่น แหละ ปี ที่ แ ล้ว
ไม่ได้ใส่ ปุ๋ยเคมี ปี นี้ภรรยาของเจ้าสี่ กจ็ ดั การเทปุ๋ ยเคมีลงทุ่งข้าว
สาลีไปนิดหน่อยแล้ว ข้าวโพดก็ใส่ ไปนิดหนึ่งเหมือนกัน ตอน
ที่ปลูก แม้แต่ปุ๋ยคอกยังใส่ ไปนิดเดียวเอง พึ่งพาเทวดาเลี้ยงปาก
ท้องอย่างสมบูรณ์เลยแหละ” ระหว่างที่พูดพี่สามจ้าวก็ยิ้มไป
ด้วย “เจ้าสี่ นี่นะ ผมว่ายิ่งอยู่ก็ยิ่งใช้ชีวิตง่ายขึ้นเรื่ อย ๆ ไม่มีลูก
ชายก็ยงั ไม่ร้อนใจอะไรเลย พวกเราเทียบไม่ติดเลยแหละ”
“น้องสาม นายอยากใส่ ปุ๋ยเคมีก็ใส่ ไปสิ มันจะทาไมกันเชี ยว
นายเองก็มี เ งิ น ไม่ เ หมื อ นกับ พวกเราที่ ไ ม่ มี เ งิ น สั ก หน่ อ ย”
พี่สะใภ้รองจ้าวได้ยนิ ก็เดินเข้ามาพูดคุย

พี่สามจ้าวกลัวว่าคนอื่นจะพูดว่าเขามีเงิน “พี่สะใภ้รอง ผมมี


เงินที่ไหนกันล่ะ พี่คงไม่รู้ เจ้าหกให้ผมขายเต้าหู ด้ ว้ ยราคาขาย
ส่ งนะ หักเงินทุนไปแล้วจะได้สักเท่าไรกันเชียว!”

พี่สะใภ้รองจ้าวยิ้ม “นายร้องไห้เพราะความจนให้มนั น้อย ๆ


หน่อยเถอะ ต่อให้นายได้เงินน้อยกว่านี้ ก็ไม่ได้เหมือนพวกเรา
ที่พ่ ึงพาจากที่ดินแค่น้ ี ปุ๋ ยเคมีน้ ี ต่อให้พวกเราอยากใส่ ก็ไม่ มี
ปั ญญาหรอก! ตอนที่ปลูกใส่ ไปนิ ดหน่ อยก็พอแล้ว ถ้าให้ใส่
ตลอดคงไม่ไหว ข้าวสาลีของพวกเราตอนที่ ปลู กก็ใส่ ไ ปนิ ด
หน่อยเหมือนกัน แถมยังเหลือไว้อีกครึ่ งถุงด้วย คิดไว้ว่าจะไว้
ใส่ ตอนรดน้ าข้าวสาลีอีกนิ ดหน่ อย แค่น้ ี ก็ได้แล้ว เก็บเกี่ยวได้
เท่าไรก็เท่านั้นแหละ”
พี่รองจ้าวพยักหน้า “ใช่ ปุ๋ ยเคมี นั่นเปิ ดถุ งแล้วด้วย พวกเขา
บอกว่าถ้าเปิ ดถุงแล้วก็เก็บไว้นานไม่ได้ คงใส่ ในทุ่งข้าวสาลี
ทั้งหมดนั่นแหละ เก็บข้าวสาลีให้มากหน่ อยจะได้มีแป้ งขาว
กิน ถ้าไม่ได้ผลปี หน้าก็ไม่ใส่ แล้ว”

“ฉันว่าสภาพรวงข้าวสาลีนนั่ ไม่ค่อยดีเท่าไรเลย” พี่สะใภ้รอง


จ้า วกล่ า ว “นี่ เ หลื อ อี ก หนึ่ ง เดื อ นก็เ ก็บเกี่ ย วแล้ว จะเกี่ ย วได้
เหรอ?”

พี่สามจ้าวเอ่ย “ใครจะไปรู ้ล่ะ ยังไม่เคยปลูกกันทั้งนั้น ผมว่า


แล้วว่าเจ้าหกหลับหู หลับตาพูด นี่ ถา้ มันเก็บเกี่ยวไม่ได้ข้ ึนมา
ไม่เท่ากับหลอกคนอื่นเหรอ!”

ค าพู ด นี้ พี่ ส ะใภ้สี่ จ ้า วก็ก าลัง บ่ น ฉอด ๆ กับ พี่ สี่ จ ้า วเช่ น กัน
“ที่ดินใหญ่ขนาดนี้เอามาปลูกข้าวสาลีแล้ว นี่ถา้ เก็บได้หญ้าแค่
กามือเดียว ก็เท่ากับโดนน้องหกหลอกแล้วนะ!”
“เขาก็ไ ม่ ไ ด้ใ ช้มีด บัง คับคุ ณสั ก หน่ อ ย เขาไม่ ไ ด้บอกให้คุณ
ปลู ก แต่ คุ ณ ยิน ดี ที่จ ะปลู กเอง คุ ณ จะโทษใครได้! ” พี่ สี่ จ ้า ว
กล่าว

พี่สะใภ้จา้ วสี่ และพี่สี่จา้ วทะเลาะกันจนแอบรู ้สึกเหนื่ อยแล้ว


เพราะทุกครั้งที่ทะเลาะกันพี่สี่จา้ วก็จะทะเลาะแค่เพียงครึ่ งเดียว
แล้วหยุดลง ปล่ อยให้หล่ อนอยู่ในสภาวะกลื นไม่ เข้าคายไม่
ออก หล่อนต้องกลั้นใจเก็บไว้ในอกอยูห่ ลายวัน เป็ นความรู ้สึก
ที่อึดอัดมาก!

ตอนนี้หล่อนเองก็คิดได้แล้ว หล่อนทะเลาะกับสามีแบบนี้มีแต่
จะทาให้ตวั เองโกรธตายเสี ยเปล่า ๆ หล่อนยังอยากมีชีวิตมาก
ขึ้นอีกหลายวันนะ!

จ้าวเหวินเทาคิดไม่ถึงว่าการที่เขาไม่ได้ใส่ ปุ๋ยเคมีจะทาให้เกิด
เรื่ องมากมายขนาดนี้ โชคดีที่ตอนนี้ทุกคนไม่ค่อยมีเงิน และอยู่
ในช่ วงที่พืชผลยังไม่สุกงอม ต่อให้มีความคิดมากมายแต่กท็ า
ได้เพียงแค่คิด อีกอย่างหลังจากนี้กจ็ ะถึงเวลารดน้ าให้ขา้ วสาลี
แล้ว จึงไม่มีเวลามาทะเลาะเรื่ องพวกนี้แล้วด้วย

ข้า วสาลี ดู ด น้ า เยอะมาก ยุ่ง ยากกว่ า นิ ด หน่ อ ยเมื่ อ เที ย บกับ


พืชผลอย่างอื่น หลังจากรดน้ าเสร็ จแล้วข้าวสาลีกจ็ ะเติบโตขึ้น
รวงข้าวสาลีกจ็ ะสุ กแก่ข้ ึนทุกวัน รอจนกระทัง่ เดือนกรกฎาคม
ทุ่งข้าวสาลีสีเขียวชอุ่มก็จะเปลี่ยนเป็ นสี เหลืองทองทั้งผืน เมื่อ
ลมพัด โชยก็ จ ะเกิ ด เป็ นคลื่ น ข้ า วสาลี สี ทองอร่ าม นี่ คื อ
ปรากฏการณ์แห่ งการเก็บเกี่ยว ทาให้คนที่พบเห็นรู ้สึกตื่นเต้น
เกินกว่าจะหาสิ่ งใดทัดเทียม

ทุกครอบครัวต่างก็เดิ นรอบ ๆ ทุ่งข้าวสาลี เพื่อดู ว่าเมล็ดข้าว


สาลีเติบโตหรื อไม่ เมื่อได้เวลาแล้วก็เริ่ มทาการเกี่ยวข้าวสาลี

ตอนนี้ ยงั ไม่มีเครื่ องเก็บข้าวสาลี อีกอย่างสถานที่แห่ งนี้กไ็ ม่มี


เครื่ องจักรแบบนี้ ดว้ ย ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่พ้ืนที่การผลิตข้าว
สาลีเป็ นหลัก ทุ่งนาก็ไม่ได้เรี ยบจึงไม่สามารถเชื่อมให้เป็ นผืน
เดี ยวกันได้ ด้วยเหตุ น้ ี จึงไม่ สามารถใช้เครื่ องจักรและทาได้
เพียงแค่ใช้กาลังคน ทว่าทุกคนต่างก็คุน้ ชินแล้ว นาเคียวไปลับ
คมให้คมสักหน่อย ทั้งเด็กและผูใ้ หญ่ต่างก็ลงไปเกี่ยวข้าวสาลี
ที่ทุ่งข้าวสาลีกนั หมด

รวงข้าวสาลีและใบข้าวสาลีลว้ นมีความคม โดยเฉพาะข้าวสาลี


ที่ ปลู กช่ วงฤดู ใบไม้ผลิ หากโดนบาดก็จะเจ็บมาก ทุ กคนจึ ง
สวมใส่ เสื้ อแขนยาว รอบคอพันด้วยผ้าพันคอ และยังใส่ หมวก
ฟางทับ อาวุ ธ ครบมื อ เดื อ นกรกฎาคมอัน ร้ อ นผ่ า วนี้ เป็ น
ช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดในฤดูร้อน การเกี่ยวข้าวสาลีในทุ่งข้าวสาลี
ที่ลมไม่ถ่ายเทจึงทาให้ทุกคนเหงื่อไหลราวกับฝนตก

การเก็บเกี่ ยวคื อความสุ ข แต่ ความลาบากในการเก็บเกี่ ย วก็


นับว่าลาบากจริ ง ๆ

จ้าวเหวินเทาไม่ได้ลาบากขนาดนั้นแล้ว เขาจ้างคนที่ไม่ได้ปลูก
ข้า วสาลี มาช่ วยเกี่ ย วข้าวให้ ไม่ ต ้อ งสนใจเรื่ องอาหาร หนึ่ ง
คนทางานได้เงินหนึ่งหยวนต่อวัน ทุกคนต่างก็แย่งกันทา เดือน
กรกฎาคมนอกจากเก็บข้า วสาลี แ ล้ว ก็ย งั ไม่ ต ้องรี บร้ อ นเก็บ
เกี่ยวพืชผลอื่น ๆ เงินส่ วนนี้จึงเท่ากับได้มาแบบฟรี ๆ!

“หนึ่งหยวนมากไปหน่อยนะ” ลุงจ้าวกล่าว “ห้าเหมาก็พอแล้ว”

“เกี่ยวข้าวสาลีมนั ทรมานมากเลยนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

จ้าวเหวินเทามีประสบการณ์ลงนาแล้ว เขาเกี่ยวได้ไม่ถึงหนึ่ ง
คัน นาก็ท นไม่ ไ หวแล้ว อย่า มองว่า เขาทนความล าบากเพื่ อ
การค้าขายได้ แต่เขาก็ทนความลาบากในการทานาไม่ได้อยูด่ ี

เจ้าตัวไม่คิดว่าเงินส่ วนนี้ มากมายอะไร ลุงจ้าวย่อมไม่ได้พูด


อะไรต่อจากนั้น

การเก็บเกี่ยวข้าวสาลีสิ้นสุ ดในสามวัน จากนั้นก็ขนไปที่ลานตี


ข้าวเพื่อตีเมล็ดข้าวออกมา เดือนกรกฎาคมเป็ นช่วงที่ร้อนที่สุด
และเป็นฤดูฝนด้วย ต้องรี บนาข้าวสาลีท้ งั หมดไปตากให้แห้ง
ภายในยุง้ ก่ อ นที่ ฝ นจะตก ไม่ เ ช่ น นั้น ก็จ ะแตกหน่ อ เท่ า กับ
ทางานเหนื่อยเปล่า!

เมื่ อ เที ย บกับ การเก็บ เกี่ ย วฤดู ใบไม้ร่ ว งที่ ย งั ต้อ งท าเวลาเก็บ
ผลผลิตอื่น คนที่ปลูกข้าวสาลีต่างก็ไม่กล้าล่าช้า เมื่อถึงช่วงพัก
กลางคืนก็ตอ้ งมานวดข้าว ถึงอย่างไรการนวดข้าวด้วยกาลังคน
ก็ชา้ มากอยูด่ ี

จ้าวเหวินเทาคิดว่าทาแบบนี้ ไม่ได้ อากาศก็ไม่แน่ นอน ถ้าฝน


ตกขึ้ น มาก็เ ท่ ากับเหนื่ อ ยเปล่ า เขาจึ ง ไปหาจางหมิ ง ที่ สถานี
ส่ งเสริ มเทคโนโลยีการเกษตรในเมือง เพื่อเช่าเครื่ องนวดข้าว

ถ้าให้ซ้ื อ ราคาคงแพงเกินไป อีกอย่างเงินส่ วนนี้ใครจะเป็ นคน


จ่าย หากจ้าวเหวินเทานากลับมาให้คนในหมู่บา้ นยืม แล้วถ้ามี
คนยืมเขาก็จะกลายเป็ นคนโง่ที่ตามคนอื่นไม่ทนั เขาจึงทาการ
เช่าเครื่ องนี้ไปก่อน กลับถึงหมู่บา้ นใครใช้กจ็ ่ายค่าเช่า
จางหมิงก็ใช้เส้นสายนาเครื่ องนวดข้าวมาสองเครื่ องจากที่อื่น
จ้า วเหวิน เทาเช่ า กลับมา โชคดี ที่เ ครื่ อ งนวดข้า วนี้ ใช้น้ ามัน
ดีเซลเป็ นเชื้อเพลิง ไม่เช่นนั้นคงยุง่ ยาก

เครื่ องนวดข้าวสองเครื่ องถูกนามาใช้ ใช้เวลาแค่ครึ่ งวันก็นวด


ข้าวสาลี ออกมาได้แล้ว หลังจากได้เมล็ดข้าวออกมาก็นาไป
ตากไว้ที่ ล านนวดข้า ว หากฝนไม่ ต ก แสงอาทิ ต ย์ใ นเดื อ น
กรกฎาคมแค่สองวันก็ทาให้ขา้ วสาลีแห้งแล้ว

ทุกคนเห็นความเร็ วนี้ ต่างก็ทยอยเข้ามาสอบถาม จ้าวเหวินเทา


จึงบอกไปตรง ๆ ว่าเช่ามา และบอกด้วยว่าหนึ่งวันเช่ามาเท่าไร

“พวกนายอย่าเสี ยดายเงินส่ วนนี้ เลย ถ้าฝนตกขึ้นมาข้าวสาลีน้ ี


คงเสี ยเปล่า รี บนวดข้าวออกมาแล้วเอาไปตากให้แห้งเถอะ!”
จ้าวเหวินเทาพูดเตือนทุกคนด้วยความหวังดี

พี่สามจ้าวตอบกลับเป็ นคนแรก เขาจ่ ายเงิ นเสร็ จก็นาเครื่ อ ง


นวดข้าวไป เขาก็ใช้เครื่ องนวดข้าวสองเครื่ องเช่นกัน ใช้เวลา
ไม่ถึงครึ่ งวันก็เสร็จแล้ว จากนั้นก็เป็ นพี่รองจ้าวและพี่สี่จา้ ว ทั้ง
สามครอบครัวใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน คนอื่น ๆ ที่ปลูกข้าวสาลีก็
เริ่ มนัง่ ไม่ติดแล้ว ต่างก็เข้ามาขอยืม เครื่ องนวดข้าวถูกใช้ตลอด
ทั้งคืนไม่หยุดพัก ระยะเวลาสองวันทุกคนก็นวดข้าวจนเสร็ จ
ส่ วนที่เหลือก็คือนามาตากแดด ความหนักอึ้งภายในใจจึงถูก
ปล่อยวางลงเล็กน้อย

จ้าวเหวินเทานาเครื่ องนวดข้าวไปคืนในเมือง ระหว่างนั้นก็นา


ข้าวสาลีสองถุงที่ถูกแปรรู ปออกมาเป็ นแป้ งขาวและราข้าวสาลี
นากลับมาด้วย สิ่ งนี้สามารถนามาใช้เป็ นอาหารให้กระต่าย หมู
และไก่ได้

ด้วยความเร่ งรี บ ทาให้ทุกคนสามารถนาข้าวสาลีเก็บเข้ายุง้ ได้


ก่ อนที่ ฝนจะตกหนัก เห็ นฝนที่ ตกหนักราวกับน้ าตกอยู่ด้าน
นอก ทุกคนต่างก็รู้สึกโชคดีที่ใช้เครื่ องนวดข้าว ไม่เช่ นนั้นคง
เหนื่อยเปล่า!
ฝนตกหนักเช่ นนี้ จา้ วเหวินเทาก็ไม่ได้ขบั รถออกไปขายของ
ถือโอกาสบดแป้ งขาวออกมาพอดี ลองดู สักหน่ อยว่ารสชาติ
แป้งขาวที่ปลูกเองจะเป็ นเช่นไร

“ภรรยา คุณอยากกินอะไรครับ พวกเราทาบะหมี่หรื อห่ อเกี๊ยว


ดี?” จ้าวเหวินเทาถามภรรยา

เย่ฉูฉู่ “ห่อเกี๊ยวแล้วกันค่ะ จะได้กินไส้เกี๊ยวไปด้วย”

“ได้เลย! งั้นพวกเราห่อเกี๊ยวกันนะ” จ้าวเหวินเทาไปนวดแป้ง

ส่ วนเย่ฉูฉู่สวมเสื้ อฝนไปตัดกุยช่ ายที่ปลูกในสวนบ้านตัวเอง


เด็ดมะเขือยาวสองผลและพริ กมาด้วย หลังจากกลับมาก็ทาไส้
เกี๊ยวไว้สองอย่าง คือไส้กุยช่ ายผสมไข่ไก่และมะเขือยาวผสม
พริ ก
ตอนที่ 291 สอนลูกชาย

หากมีเนื้อก็คงจะดี แต่ฤดูร้อนอากาศร้อน ไม่มีตูเ้ ย็นอยูใ่ นบ้านก็


ไม่สามารถเก็บรักษาเนื้อไว้ได้ ส่ วนเนื้อตากแดดรมควันเย่ฉูฉู่ก็
ไม่อยากรับประทาน จะให้รับประทานเนื้ อในช่ วงฝนตกหนัก
แบบนี้คงเป็ นไปไม่ได้ จึงทาได้เพียงรับประทานไส้ผกั

“ภรรยา สิ้ นปี พวกเราซื้ อตูเ้ ย็นดีไหมครับ? เอาแบบตูเ้ ล็ก ๆ ก็


ได้ ผมลองถามราคาดูแล้ว ไม่กี่ร้อยหยวนเอง” จ้าวเหวินเทาคิด
ว่าน่าเสี ยดายไม่นอ้ ยที่ไม่มีเนื้อสัตว์

“อย่าเลยค่ะ คุ ณดู สิไฟดับอีกแล้ว ถึงเวลานั้นถ้าไม่มีไฟฟ้ า มี


ตูเ้ ย็นไปก็เปล่าประโยชน์ แถมฤดูหนาวพวกเราก็ไม่ได้ใช้ตูเ้ ย็น
ด้วย” เย่ฉูฉู่ดึงสายไฟดูแล้ว แต่กไ็ ม่มีไฟฟ้า
โดยทัว่ ไปเมื่อมีลมกรรโชกแรงตอนฝนตกไฟฟ้าก็จะดับ จะให้
ช่างไฟฟ้ามาซ่อมก็ตอ้ งรอให้ลมและฝนหยุดก่อนถึงจะทาได้

จ้าวเหวินเทาคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็ นเช่ นนั้น ไฟฟ้ าหยุดบ่อย ๆ


ตูเ้ ย็นต้องต่อไฟฟ้ าตลอดถึงจะทาความเย็นได้ ถ้าไม่มีไฟฟ้ าก็
ไม่มีประโยชน์อะไร!

“ไฟฟ้ านี้ ไม่ รู้ว่าเมื่ อไหร่ ถึงจะเสถี ยรสักที นะ” จ้าวเหวินเทา


กล่าว “ถ้าอยูใ่ นเมืองก็คงดี”

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “ฉันกลับคิดว่าในชนบทนี่ แหละดี มี


ลานมีที่ดิน อยากกินอะไรก็ปลูกอันนั้น สบายใจดี อีกอย่างใน
เมืองแออัดขนาดนั้น สถานที่ทาอาหารกับห้องขับถ่ายก็ห่างกัน
แค่กาแพงกั้น ไม่เห็นมีอะไรดีเลย!”

จ้าวเหวินเทาบ่นถึงเรื่ องในด้านนี้ของคนในเมืองให้เย่ฉูฉู่ฟังไม่
น้อย สาหรั บเธอแล้ว คนในเมื องต่ างก็เ ป็ นแค่ ความสะอาด
จอมปลอม!
“ชนบทของพวกเรา อย่างน้อย ๆ ห้องส้วมก็อยู่ห่าง อีกอย่าง
คนสิ บกว่าคนเบียดอยูใ่ นห้องเดียวกันแบบนั้น แค่คิดก็หายใจ
ไม่ออกแล้ว ดูบา้ นพวกเราสิ สัตว์เลี้ยงถูกย้ายออกไปแล้ว ลาน
ขนาดใหญ่สองลานก็กว้างขวางมาก ไปอยูใ่ นเมืองจะมีสถานที่
แบบนี้เหรอ? ต่อให้มีกอ็ ยู่ที่ชานเมืองนัน่ แหละ ที่แบบนั้นต่าง
จากชนบทตรงไหนกัน” เย่ฉูฉู่พูดพลางส่ ายหน้า “อีกอย่าง ใน
เมืองมีคนเยอะมี รถเยอะ มีมลภาวะมีขยะ สถานที่แบบนั้นดี
ตรงไหน!”

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “ว้าว ภรรยาทาไมคุณถึงรู ้เรื่ องเยอะ


ขนาดนี้เนี่ย! เข้าใจเรื่ องในเมืองมากกว่าผมอีกนะ”

“ก็แหงสิ ถึงฉันจะไม่เคยไปในเมืองมาก่อน แต่สิ่งที่ควรรู ้ฉนั ก็


รู ้หมดนัน่ แหละ” เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยสายตาภาคภูมิใจ
จ้าวเหวินเทายิม้ “คุณต้องได้ยนิ มาจากพี่สะใภ้สามแน่นอน ถูก
ไหม? ผมรู ้อยู่แล้วล่ะ แล้วทาไมคุณไม่ถามพี่สะใภ้สามล่ะ ใน
เมื่อชนบทดีขนาดนี้ ทาไมหล่อนถึงไม่กลับมา?”

เย่ฉูฉู่แย้มยิม้ “คุณอย่าพูดถึงเรื่ องนี้เลย ฉันถามพี่สะใภ้สามแล้ว


ว่าจะกลับมาไหม พี่สะใภ้บอกว่าจะกลับมา”

“หา?” จ้าวเหวินเทาชะงัก “คุณหมายความว่าพี่สะใภ้สามจะไม่


อยูท่ ี่เมืองหลวง แต่จะกลับมาที่นี่เหรอ? เมื่อไหร่ ล่ะ?”

เย่ฉู ฉู่ ส่ า ยหน้า “พี่ ส ะใภ้ส ามบอกว่า หล่ อ นจะหาเงิ น ที่ เ มื อ ง


หลวง หลังจากกลับมาก็จะเอาเงิ นมาลงทุนด้วย อนาคตก็จะ
กลับมาใช้ชีวติ บั้นปลายอยูท่ ี่นี่”

จ้า วเหวิ น เทามี ด วงตาเป็ นประกาย “หมายความว่ า ยัง ไง?


กลับมาลงทุนอะไร? พี่สะใภ้จะทาอะไรเหรอ สถานที่ของพวก
เราขายเสื้ อผ้าแพง ๆ แบบนั้นไม่ออกหรอก”
“ฉันเองก็ถามแบบนี้ เหมือนกัน แต่พี่สะใภ้สามบอกว่าก็ยงั มี
คุณอยูไ่ ม่ใช่เหรอ?” เย่ฉูฉู่พูดเคล้ารอยยิม้ “พี่สะใภ้สามเชื่ อใน
ตัวคุณมากเลยนะ”

“มีผม? ผมทาได้แค่เลี้ยงกระต่ายนะ มากสุ ดก็ขายของเล็ก ๆ


น้อย ๆ ผมจะทาอะไรได้?” จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า

“พี่สะใภ้สามบอกว่าตอนนี้ ยงั มีเงินไม่พอ รอให้มีเงินมากพอ


ค่อยว่ากันอีกทีว่าจะทาอะไร” ระหว่างที่เย่ฉูฉู่พูด เธอก็จดั การ
หัน่ ผักเสร็จเรี ยบร้อย คลุกเคล้าเข้าด้วยกันจนกลายเป็ นไส้เกี๊ยว
แล้ว

“รอให้มีเงินมากพอต้องรอถึงเมื่อไรล่ะ? ตอนแก่เหรอ ถึงเวลา


นั้นกลับมาก็ได้ใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายชี วิตจริ ง ๆ แล้วล่ะ ผมจะ
บอกอะไรให้นะ พี่สะใภ้สามของคุ ณช่ างพูดสุ ด ๆ เลย คุ ณก็
อย่าถูกคาพูดของพี่สะใภ้หลอกล่ะ” จ้าวเหวินเทาพูดกึ่งทีเล่นที
จริ ง
“พี่สะใภ้สามไปหลอกคุณตอนไหนคะ?” เย่ฉูฉู่ไม่พอใจ

จ้า วเหวิ น เทารี บ ยอมรั บ ผิ ด ทั้ง ยัง ยิ้ม พลางกล่ า วขอโทษว่า


“ภรรยา ผมก็แค่ลอ้ คุณเล่นเอง”

เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ เขา แต่กไ็ ม่ได้สืบสาวเอาความ

จ้า วเหวิ น เทากลับ เก็ บ เอาไว้ใ นใจ เขารู ้ สึ ก สงสั ย มากว่ า


โจวหมิ่นจะให้เขาทาอะไร คิดไปคิดมาก็ยงั คิดไม่ออกว่ามีงาน
อะไรที่เหมาะสมจะให้โจวหมิ่นลงทุน เสื้ อผ้าไม่ได้แน่ นอน
คนในชนบทเปลี่ยนชุ ดใหม่สามปี ใส่ ชุดเก่าสามปี เย็บปะชุ ด
ใส่ เพิ่มอีกสามปี หนึ่ งชุ ดใส่ ได้สิบกว่าปี กลับมาขายเสื้ อผ้าคง
ขาดทุนตายเลย! ยิง่ ไม่ตอ้ งพูดถึงเสื้ อผ้าราคาแพงขนาดนั้น

หรื อ ว่ า จะเลี้ ย งกระต่ า ย? เรื่ อ งนี้ กลับ มี ค วามเป็ นไปได้ ถึ ง


อย่า งไรโจวหมิ่ น ก็เ คยมี ค วามคิ ด สนใจเกี่ ย วกับ กระต่ า ยอยู่
เหมือนกัน เพราะหล่อนบอกว่าเป็ นสิ่ งที่ทาเงินได้มาก
“คุ ณ ไม่ ต ้อ งคิ ด แล้ว พี่ ส ะใภ้สามบอกว่าตอนนี้ ย งั อยู่ในช่ วง
สะสมเงิ น คุ ณ คิ ด ไปก็ ไ ม่ มี ป ระโยชน์ ห รอก” เย่ ฉู ฉู่ อ่ า น
ความคิดของสามีออก

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “นี่ ทาไมคุณถึงรู ้ล่ะว่าผมกาลังคิด


เรื่ องนี้?”

“ฉันเป็นใครคะ คุณคิดอะไรฉันก็รู้หมดนัน่ แหละ!” เย่ฉูฉู่พูด


อย่างภาคภูมิใจ

จ้าวเหวินเทาถือโอกาสยืน่ หน้าเข้ามา “ภรรยา งั้นคุณลองบอก


ผมสิ ตอนนี้ผมกาลังคิดอะไรอยู?่ ”

เย่ฉูฉู่ผลักหน้าของเขาออกไป “เลิกวุน่ วายได้แล้ว ลูกดูอยูน่ ะ!”

“กลัว อะไรล่ ะ ผมก็ก าลัง วุ่น วายอยู่ก ับแม่ ข องเขา ไม่ ไ ด้ไ ป
วุ่นวายกับคนอื่ นสักหน่ อย!” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างมี เหตุผล
มาก
เย่ฉูฉู่ยมิ้ อย่างเคือง ๆ

“ภรรยา คุณพูดไม่ออกแล้วสิ นะ ผมจะบอกอะไรให้ ผมกาลัง


คิดถึงคุณไงล่ะ!” จ้าวเหวินเทาแย้มยิม้

เย่ฉูฉู่เห็นลูกชายกาลังจ้องมองตาแป๋ วมาทางนี้ เธอจึงกลอกตา


ใส่ สามี จากนั้นเดินไปหยิบตะเกียบเตรี ยมห่อเกี๊ยว

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ ๆ เขานวดแป้ งเสร็ จแล้วก็นามาตัดเป็น


ชิ้น ลูกลิงก็เข้ามาจะลงมือช่ วย แต่ถูกจ้าวเหวินเทาไล่ออกไป
มันจึงแยกเขี้ยวใส่ แต่ทา้ ยที่สุดก็ไปหาเย่ฉูฉู่ให้ปลอบใจ เย่ฉูฉู่
ดึ ง มัน ไปล้า งมื อ จากนั้น ก็แ บ่ ง แป้ ง และไส้ ให้ม ัน นิ ดหน่ อย
เพื่อให้มนั ได้ห่อด้วยตัวเอง

“ไฉไฉ แกห่ อให้ดี ๆ นะ ห่ อเสร็ จแล้ว อี กเดี๋ ยวฉันจะต้มให้


กิน” เย่ฉูฉู่ปลอบมัน
ลูกลิงกลับไม่ยนิ ดี มันส่ งเสี ยงร้องเจี๊ยก ๆ ทั้งยังลากเย่ฉูฉู่ให้ไป
ดูเตา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการนาไปย่าง

เย่ฉูฉู่รู้สึกขามาก “แกอยากกินแบบย่างเหรอ ได้ ๆ เดี๋ยวฉันจะ


ย่างให้กินนะ”

“ยังจะเรื่ องมากอีก!” จ้าวเหวินเทาหันไปพูดกับลูกลิงอย่างไม่


สบอารมณ์

“มันก็เรี ยนรู ้มาจากคุณนัน่ แหละ” เย่ฉูฉู่หยิบจานใบเล็กออกมา


หนึ่งใบ และให้ลูกลิงนาเกี๊ยวที่ห่อเสร็จมาวางไว้บนนี้

เสี่ ยวไป๋ หยางเห็นแล้วก็ยนื่ มือออกมาขอด้วยเช่นกัน

จ้าวเหวินเทามองเย่ฉูฉู่ เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ “เขาห่ อไม่ เป็ นสัก


หน่อย”

จ้าวเหวินเทาหมดคาพูด “ภรรยา คุ ณก็ลาเอียงเกินไปแล้วนะ


ลิงยังห่อเกี๊ยวได้เลย แต่ลูกชายของเรากลับทาไม่ได้?”
“ไฉไฉห่ อ เกี๊ ย วไว้กิ น เอง เสี่ ย วไป๋ หยางห่ อ แล้ว คุ ณ จะกิ น
เหรอ?”

“ผม…ผมรี ดแป้ งดีกว่า!” จ้าวเหวินเทาโบกไม้นวดแป้ งอันเล็ก


อยูห่ ยอยๆ

เสี่ ยวไป๋ หยางรออยูน่ านแต่กไ็ ม่เห็นใครสนใจเขา จึงตะโกนส่ ง


เสี ยงร้องออกมาอย่างไม่พอใจจนเย่ฉูฉู่รีบเข้ามาปลอบ “เสี่ ยว
ไป๋ หยางไม่โวยวายนะลูก ลูกดูสิ ดอกไม้ที่อยูข่ า้ งนอกบานแล้ว
สวยมากเลยนะ”

เสี่ ยวไป๋ หยางไม่ยอมดู เขาเอาแต่ยนื่ มือออกมาขอแป้ง

“ให้เ ขาสั ก นิ ดสิ ” จ้า วเหวิน เทาทาใจไม่ ได้ที่จ ะปล่ อ ยให้ลูก


ร้องไห้

“ไม่ให้ ห้ามตามใจเด็กเล็กจนเคยตัว” เย่ฉูฉู่ยนื กราน


จ้าวเหวินเทาหันไปมองลูกลิงที่กาลังยุง่ อยูก่ บั แผ่นแป้ งและไส้
จากนั้น ก็หัน มามองลู ก ชายพลางถอนหายใจ “ลู ก ชาย ลู ก
อาจจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ก็ได้นะ”

“จะไปไหนก็ไปเลย!” เย่ฉูฉู่ท้ งั ตลกและโมโห เธออุ ม้ เสี่ ย ว


ไป๋ หยางขึ้นมาพลางกล่าว “เสี่ ยวไป๋ หยางยังเด็ก ยังห่ อเกี๊ยวเอง
ไม่ได้ รอให้โตกว่านี้ค่อยห่อนะลูก อันนี้ยงั ทาไม่ได้นะ”

เสี่ ยวไป๋ หยางร้องไห้แล้ว

“อย่าร้องนะลูก ร้องไปก็ไม่ได้ทาอยู่ดี รอให้โตก่อนพวกเรา


ค่อยห่อนะ” เย่ฉูฉู่พูดต่อไปอย่างอดทน

เสี่ ยวไป๋ หยางยังคงร้องไห้ต่อไป

“เสี่ ยวไป๋ หยางไม่ ร้องไห้นะลู ก ดู สิ นั่นอะไรเอ่ย ผีเสื้ อบิ นๆ


แล้ว!”

เสี่ ยวไป๋ หยางบิดตัว ไม่ยอมมอง เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด


“ร้องไปก็ไม่ได้ห่อนะ เสี่ ยวไป๋ หยางต้องโตกว่านี้ก่อนถึงจะห่ อ
ได้ ตอนนี้ยงั ไม่ได้นะลูก” เย่ฉูฉู่ยงั ไม่ใจอ่อน เธอพูดซ้ า ๆ ครั้ง
แล้วครั้งเล่า

จ้าวเหวินเทาทนไม่ไหวจึงโน้มน้าวใจอีกครั้ง เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า
ปฏิเสธ หลังจากพูดซ้ า ๆ อีกสิ บกว่ารอบ ไม่รู้ว่าเสี่ ยวไป๋ หยาง
เหนื่อยแล้วหรื อว่าฟั งจนเข้าใจแล้ว จึงไม่ได้ร้องไห้อีก และไม่
คิดจะห่ อเกี๊ยวแล้ว เขายังคงสะอึกสะอื้นและส่ งเสี ยงอ้อแอ้พูด
อะไรบางอย่าง
ตอนที่ 292 พึง่ พาตนเอง

“ถูกต้อง เสี่ ยวไป๋ หยางพูดถูก แบบนี้ แหละ ตอนนี้ ยงั ห่ อเกี๊ยว


ไม่ได้ รอให้โตก่อนก็จะได้ห่อแล้ว เสี่ ยวไป๋ หยางเป็ นเด็กดีจริ ง
ๆ จ้ะ” เย่ฉูฉู่เช็ดคราบน้ าตาและน้ ามู กให้เขา ขณะกล่าวด้วย
น้ าเสี ยงอ่อนโยน

“เขาฟังเข้าใจด้วยเหรอ?” จ้าวเหวินเทากระซิบถาม

“ฟั งเข้าใจสิ ” เย่ฉูฉู่ตอบ “คุณอย่าดูถูกเด็กเล็กนะ อันที่จริ งเขา


เข้าใจหมดนัน่ แหละ เขารู ้ว่าคุณไม่ให้เขาทาอะไร ไม่ง้ นั เขาก็
คงไม่ร้องหรอก ที่ร้องไห้กเ็ พราะบังคับให้คุณยอม เวลาแบบนี้
คุณไม่ควรตอบรับเด็ดขาด ไม่ง้ นั หลังจากนี้ถา้ คุณไม่ยอมเขาก็
จะร้องไห้ ทาให้กลายเป็ นเด็กเลี้ยงยากมาก”
จ้าวเหวินเทามองลูกชาย ลูกชายของเขาไม่ร้องไห้แล้ว เพียงแต่
นัง่ มองลูกลิงที่กาลังวุ่นวายอยูก่ บั เกี๊ยวตรงนั้นด้วยความอิจฉา
เขาจึงพูดด้วยความเห็นอกเห็นใจ “เจ้าลูกชาย ลูกสู ้แม่ของลูก
ไม่ได้เลยนะ”

เย่ฉูฉู่ข้ ีเกียจจะเถียงแล้ว เธอล้างมือแล้วมาช่วยห่อเกี๊ยว ระหว่าง


นั้นก็กาชับกับสามีว่า “ตอนนี้ ไม่ดูแล อนาคตอยากดูแลก็ดูแล
ไม่ได้แล้ว เด็กเล็กต้องบอกเขาว่าอะไรบ้างที่ทาไม่ได้ หลังจาก
นี้ คุณก็ตอ้ งระวังด้วย อย่าให้ทุกอย่างที่เขาอยากได้ คุ ณต้องมี
ความเด็ดขาดหน่อย”

“ภรรยา ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณจะดูแลลูกได้ดีเยีย่ มขนาดนี้!”


จ้าวเหวินเทาชื่นชมจากใจ

เย่ฉูฉู่กล่าว “แม่ก็ดูแลพวกเราแบบนี้ แหละ ฉันจาได้ว่าตอนที่


ฉัน ยัง เด็ก อะไรที่ แ ม่ บ อกว่า ไม่ ไ ด้ ต่ อ ให้ฉัน กับพวกพี่ ช าย
ร้องไห้ลงไปชักดิ้นชักงอที่พ้นื แม่กไ็ ม่ให้ หลังจากผ่านไปไม่กี่
ครั้ง ถ้าแม่บอกว่าไม่ได้พวกเราก็ไม่โวยวายแล้ว”

“แม่ของคุณสุ ดยอดเลย!” จ้าวเหวินเทาถึงกับอุทาน

“แหงอยูแ่ ล้ว แม่เป็ นคนดูแลพวกเราทั้งหมด พ่อของฉันไม่ได้


เป็ นคนเลี้ยง พ่อก็ไม่ได้สนใจด้วย อารมณ์ไม่ดี เหนื่อยกลับมา
ก็ด่าพวกเราไปยกหนึ่ ง ด่ าจนพวกเรางงไปหมด จากนั้นแม่ก็
บ่นพ่อ แม่ยนื หยัดเพื่อพวกเรา สิ่ งนี้ทาให้พวกเรารู ้สึกดีกบั แม่”
เย่ฉูฉู่พูดอย่างชื่นชม “อันที่จริ งพ่อของฉันก็แค่ด่าเท่านั้นแหละ
ถ้าพวกเราโวยวายพ่อก็ยงั เข้าข้างพวกเรา แต่แม่ไม่ได้เป็ นแบบ
นั้น”

“แต่พวกคุณก็ยงั คิดว่าแม่ดี นี่คือความฉลาดหลักแหลมของแม่


คุณเลยนะ” จ้าวเหวินเทาพูดต่อ

“ใช่ ดังนั้น ฉันจึงใช้วิธีเดี ยวกับแม่ในการดู แลเสี่ ยวไป๋ หยาง


ต้องเป็ นไปอย่างไม่เลวแน่นอน” เย่ฉูฉู่กล่าว
จ้าวเหวินเทามองลู กชายแล้วพูดว่า “เจ้าลู กชาย ชี วิตลู กช่ าง
อนาถสุ ด ๆ ไปเลยนะ!”

เสี่ ยวไป๋ หยางไม่รู้ว่าพ่อกับแม่กาลังคุยอะไรกัน แต่เมื่อเห็นพ่อ


คุยกับเขา ก็รีบฉี กยิม้ ภาพนี้ทาให้จา้ วเหวินเทารู ้สึกปวดใจ เขา
อยากให้ลูกชายได้ทาเกี๊ยวจริ ง ๆ แต่ทา้ ยที่สุดก็ข่มใจไว้ เขาไม่
สามารถทาลายผลลัพธ์จากความเหนื่อยยากของภรรยาได้

พวกเขาห่อเกี๊ยวเสร็จแล้ว ส่ วนเกี๊ยวที่ลูกลิงห่อก็ไม่ได้เหลือเค้า
โครงเดิมอยูเ่ ลย แต่เย่ฉูฉู่ยงั คงใช้กระดาษห่ อแล้วใส่ เข้าไปย่าง
ในเตาให้สุกเพื่อให้มนั กิน ลูกลิงได้กินเกี๊ยวที่มนั ห่ อเองก็รู้สึก
มีความสุ ขมาก

จ้าวเหวินเทามองดู ก็มีความสุ ขมากเช่ นกัน เขาทุบกระเที ยม


น าไปคลุ ก เคล้า กับ แตงกวา จากนั้น สองสามี ภ รรยาก็ เ ริ่ ม
รับประทาน
“ภรรยา แป้ งนี้ไม่เลวเลยจริ ง ๆ นุ่มเหนียวมากเลย!” จ้าวเหวิน
เทารับประทานเกี๊ยวไปหนึ่งคาก็พูดออกมา

เย่ ฉู ฉู่ “แหงสิ ไม่ ต่ า งจากรสชาติ แ ป้ ง ที่ คุ ณ ซื้ อ กลับ มาเลย


เพียงแต่ดาไปหน่อยเท่านั้นเอง”

“ดาหน่อยก็ไม่เป็ นไรหรอก แป้ งที่พวกเราซื้ อกลับมาได้ยินมา


ว่าผ่านการขัดสี ด้วย แป้ งของพวกเราถ้าผ่า นการขัดสี ก็เ ป็ น
แบบนั้นเหมือนกัน” จ้าวเหวินเทากล่าว “ครั้งหน้าตอนที่พวก
เราทาบะหมี่ลองดูสักหน่อยก็ได้”

ตัวแป้ งจะมีความเหนี ยวนุ่ มหรื อไม่ บะหมี่จะเป็ นสิ่ งที่แสดง


ออกมาได้ดีที่สุด

ระหว่างที่กาลังพูดคุยกัน เฮ่อซงจือก็มาหา หล่อนยังคงมาคน


เดียวอีกเช่นเคย
“อ้าว พวกเธอก็กาลังกินเกี๊ยวอยูเ่ หรอ!” เฮ่อซงจือสะบัดน้ าฝน
บนมือ เมื่อเห็นเกี๊ยวที่วางอยูบ่ นโต๊ะก็พูดเคล้ารอยยิม้

เย่ฉูฉู่ลงจากเตียงไปหยิบตะเกียบมาให้คู่หนึ่ง “มาสิ เธอลองชิม


ดูสักชิ้น”

“บ้านฉันก็กินเกี๊ยวเหมือนกัน ฉันเพิ่งกินเสร็จพอดี พวกเธอกิน


ข้าวช้าเหมื อนกันนะเนี่ ย” เฮ่ อซงจื อไม่ ได้เกรงใจ หล่ อนรั บ
ตะเกียบมาและรับประทานเกี๊ยวไปหนึ่ งชิ้น “อื้อ อร่ อยจริ ง ๆ
ฉูฉู่ ไส้ที่เธอผสมมันหอมน่ากินจัง!”

จ้าวเหวินเทาเอ่ย “ทาไมเธอถึงรู ้ว่าเป็นไส้ที่ฉูฉู่ผสม ไม่คิดว่า


เป็ นฝีมือของฉันล่ะ?”

เฮ่ อซงจือกล่ าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันเคยกินเกี๊ ยวที่ บา้ นนายมาตั้ง


หลายครั้งแล้ว แถมยังห่ อเกี๊ยวกับฉู ฉู่แล้วด้วย ไส้น้ ีใครเป็ นคน
ทาฉันกินเข้าไปจะไม่รู้เลยเหรอ?”
จ้าวเหวินเทายิม้ “ที่แท้เธอก็ใช้โอกาสตอนที่ฉันไม่อยู่บา้ นมา
แอบกินที่บา้ นฉันนี่เอง!”

“แหงสิ ยะ นายไม่อยูบ่ า้ น ฉันก็ตอ้ งมากินของอร่ อยที่บา้ นนาย


อยู่แล้ว!” เฮ่ อซงจือพูดติดตลก “นี่ คือแป้ งจากข้าวสาลีที่บา้ น
พวกเธอปลูกใช่ไหม”

เย่ฉูฉู่ “ใช่ ครั้งนี้เก็บข้าวสาลีมาโม่ได้สองกระสอบ วันนี้เลยเอา


มาลองกินดู รสชาติไม่เลวเลย”

“พวกฉันก็เหมือนกัน วันนี้ ฝนตก ก็เลยมีเวลาพอดี เอามาห่ อ


เกี๊ยวชิมดูแล้ว ไม่ได้ต่างจากที่ไปซื้ อเลย ฉันว่าหอมกว่าแป้ งที่
ซื้ออีกนะ!”

จ้าวเหวินเทาเอ่ย “ก็ตอ้ งหอมอยู่แล้ว ข้าวสาลีของพวกเราเก็บ


มาใหม่ ๆ เลยนะ แป้งที่ซ้ือมาเป็ นแป้ งที่โม่ออกมาจากข้าวสาลี
ใหม่หรื อเปล่าก็ไม่รู้”
“ก็นั่นน่ ะสิ ผักนี้ ก็เก็บมาจากพื้นดินสด ๆ เลย สดใหม่ท้ งั นั้น
อร่ อยเชียวล่ะ” เฮ่อซงจือกล่าว

“ชนบทของพวกเราดีแบบนี้แหละ ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่กไ็ ด้


กินของสดใหม่ มาเถอะ กินเพิ่มอีกสักหน่ อย” เย่ฉูฉู่ขยับที่ให้
เฮ่อซงจือนัง่

“ไม่กินแล้ว ที่บา้ นฉันก็ห่อเกี๊ยวไส้กุยช่ายกับไข่ไก่เหมือนกัน


ฉันกินอิ่มแล้ว” เฮ่อซงจือวางตะเกียบในมือ หันไปมองลูกลิงที่
กาลังกินเกี๊ยวอยู่ “วันนี้ แปลกจริ ง ๆ ลิงบ้านเธอเห็นฉันแต่ไม่
ไปซ่อนแล้วเหรอ?”

ลูกลิงนั่งอยู่ตรงนั้นราวกับมนุ ษย์คนหนึ่ ง มันกาลังหยิบเกี๊ยว


ขึ้นมากิน ไม่แม้แต่จะมองเฮ่อซงจือด้วยซ้ า ทั้งยังใช้ตะเกียบไป
จิ้มกระเทียมด้วย แต่กถ็ ูกจ้าวเหวินเทาห้ามไว้ ลิงตัวนี้ถา้ กินเผ็ด
เข้าไปจะไม่ควา่ โต๊ะเหรอ เขาจึงนาน้ าจิ้มมาให้มนั จิ้มแทน

ลูกลิงก็ไม่ได้เลือกกิน มีน้ าจิ้มให้จิ้มก็พอแล้ว


เฮ่อซงจือเห็นก็หยุดหัวเราะไม่ได้

“คงชินกับเธอแล้วแหละ มันเลยไม่กลัวเธอแล้ว” เย่ฉูฉู่ตอบ

จ้าวเหวินเทา “อะไรกัน มันกาลังกินอยูต่ ่างหากล่ะ เธอรอดูมนั


กินเสร็จก่อนเถอะ”

ผลลัพธ์ที่ได้คือ หลังจากกินเสร็จแล้วลูกลิงก็หนีไปทันที

“ฮ่า ๆ!” เฮ่อซงจือหัวเราะ “ลิงที่บา้ นพวกเธอนี่ฉลาดดีนะ”

“แมวบ้า นเราก็ ฉ ลาดเหมื อ นกัน ” จ้า วเหวิ น เทาพู ด อย่ า ง


ภาคภูมิใจ เขาชี้ไปที่เสี่ ยวไป๋ กับเสี่ ยวหลีที่กาลังแย่งกันกินเกี๊ยว
อยูท่ ี่พ้นื

“ใช่ มีคนฉลาดแบบนายอยู่ สัตว์เลี้ยงบ้านนายก็ตอ้ งฉลาดอยู่


แล้ว!” เฮ่ อซงจื อพูดจบก็หันหน้ามาหาเย่ฉูฉู่ “ไส้มะเขื อยาว
คลุกพริ กอันนี้มีรสชาติดีนะ เธอคิดได้ไงเนี่ย?”
“มะเขือยาวคลุกพริ กเอาไปตุ๋นก็อร่ อย เอามาห่อเป็ นเกี๊ยวก็ตอ้ ง
ได้อ ยู่แ ล้ว ” เย่ฉู ฉู่ ก ล่ า วเคล้ารอยยิ้ม “บวบเอามาใส่ พริ กนิ ด
หน่อยก็อร่ อยมากเหมือนกันนะ เธอลองกลับไปทาดูสิ”

“นัน่ สิ นะ ทาไมฉันคิดไม่ได้เนี่ ย ที่บา้ นมีบวบตั้งหลายลูก นี่ ก็


ฝนตกพักใหญ่แล้วคงไม่หยุดหรอก รอวันพรุ่ งนี้ฉันจะลองดู ”
เฮ่อซงจือพูดด้วยสี หน้าพึงพอใจ “พวกเราปลูกข้าวสาลีนี่มนั ดี
จัง เลยนะ ตอนนี้ ได้กิ น แป้ ง ขาวแล้ว เวลาจะกิ น ก็ ไ ม่ ต ้อ ง
คานวณอะไรแล้ว แม่สามีของฉันเป็ นคนใช้ชีวติ เป็ น วันนี้ตอน
ที่ห่อเกี๊ยวก็บอกว่า พวกเราใช้แป้ งขาวทั้งหมด ไม่ตอ้ งใส่ แป้ ง
บักวีทแม้แต่นิดเดียวด้วย!”

“ก่อนหน้านี้ ที่ยงั ไม่มี เวลาจะกินก็ตอ้ งมานัง่ คานวณ ตอนนี้ มี


แล้ว ก็กินแบบเต็มที่เลยสิ นะ!” จ้าวเหวินเทารับประทานเกี๊ยว
ไปพลางก็พูดไปพลาง
“เรื่ องนี้กพ็ ่ งึ พานายจริ ง ๆ นัน่ แหละ ถ้าไม่ใช่เพราะนายเป็ นคน
จัดการเรื่ องปลูกข้าวสาลี จนถึง ตอนนี้พวกเราก็คงกินแป้ งขาว
กันแบบกระเหม็ดกระแหม่ นายว่าทางฝั่งพวกเราปลูกข้าวเจ้า
ได้หรื อเปล่าล่ะ ถ้าปลูกได้ พวกเราก็จะปลูกดู” เฮ่อซงจือกล่าว

จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า “ฉันไปถามมาแล้ว ทางฝั่งนี้ของพวกเรา


ปลูกข้าวเจ้าไม่ได้ แต่กไ็ ม่เป็ นไรหรอก ฉันคิดหาวิธีเอามาจาก
ผานจิ่นนิ ดหน่ อยแล้ว ทางฝั่ งนั้นผลิตข้าวเจ้า พวกเรานาข้าว
ฟ่ างไปแลกได้นะ”
ตอนที่ 293 เกีย๊ วแป้ งขาว

“แล้วต้องแลกด้วยจานวนเท่าไหร่ ล่ะ แลกกับข้าวเปลือกหรื อ


ข้าวสาร สองอย่างนี้ไม่เหมือนกันนะ” เฮ่อซงจือกล่าว

ข้าวเปลือกและข้าวสารต่างกันหนึ่ งชั้น ย่อมไม่เหมือนกันอยู่


แล้ว

“แลกเป็ นข้าวสารสิ แลกกลับมาก็กินได้แล้ว ถ้าเป็ นข้าวเปลือก


ยังต้องเอาไปสี อีกนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ส่ วนจะแลกยังไง
ฉันคงต้องไปถามอีกรอบ ก่อนหน้านี้ขา้ วฟ่ างหนึ่ งชัง่ สามารถ
แลกข้าวเจ้าได้หนึ่งชัง่ แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แล้ว ข้าวฟ่ างปี
นี้ ก็ยงั ไม่เก็บเกี่ยวด้วย ถ้าพวกเราจะเอาไปแลกก็ตอ้ งแลกข้าว
ใหม่!”
“แบบนั้นก็ดีเลย ถึงเวลานั้นอย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะ ฉันจะ
แลกไว้สักหน่ อย ปี ที่แล้วบ้านฉันปลูกข้าวฟ่ างไว้สิบกว่าหมู่
น่าจะแลกข้าวสารได้สิบกว่าชัง่ ”

“สิ บกว่าชัง่ น้อยไปหน่อยมั้ง ยังไงก็ตอ้ งแลกให้ได้หลายร้อยชัง่


สิ ” จ้าวเหวินเทาเอ่ยปากพูดถึงตัวเลขปริ มาณมาก

เฮ่อซงจือหมดคาพูด “มากขนาดนี้ฉนั คงต้องไปถามที่บา้ นแล้ว


ล่ะ”

ตอนนี้ พวกเขายังอาศัยอยู่บา้ นเดี ยวกัน หล่อนจึงไม่สามารถ


ตัดสิ นใจด้วยตัวคนเดียวได้

“ไม่เป็ นไร ตอนนี้กย็ งั ไม่ได้รีบอะไร” จ้าวเหวินเทาบอก

เดือนสิ งหาคมข้าวฟ่ างถึงจะสุ กงอม นาออกไปขายก็ตอ้ งเป็ น


เดือนกันยายน ยังเหลือเวลาอีกสองเดือน จึงไม่ตอ้ งรี บร้อน
เฮ่ อซงจือพูดคุ ยอยู่ครู่ หนึ่ ง เมื่อเห็นว่าถึงเวลาต้องกลับไปให้
นมลูก หล่อนก็คลุมถุงกระสอบรี บวิง่ กลับไป

“ครั้ งหน้าถ้าเธออุ ้ม ลู ก มาด้ว ย คงได้คุยกันนานกว่า นี้ อี ก สั ก


หน่อย!” เย่ฉูฉู่ยนื ตะโกนอยูห่ น้าประตูบา้ น

“ไม่ เ อามาหรอก ทั้ง ฉี่ ท้ ัง อึ แ บบนั้น ฉัน คงจัด การไม่ ไ หว!”


เฮ่อซงจือทิง้ คาพูดไว้หนึ่งประโยค ก็วงิ่ กลับไปจนไม่เห็นเงา

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้าอย่างหมดคาพูด เธอปิ ดประตูและเดินกลับเข้ามา

“ฝนตกหนักขนาดนี้อุม้ ลูกมาด้วยคงไม่ดีหรอก” จ้าวเหวินเทา


ได้ยนิ คาพูดของภรรยาแล้ว

“ถึงอากาศดี หล่อนก็ไม่อุม้ มา เฮ่ อซงจือคนนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไร


ขึ้น แม้แต่ลูกก็ยงั ขี้เกียจจะดู แล” เย่ฉูฉู่เห็นเสี่ ยวไป๋ หยางหาว
แล้ว เธอจึงอุม้ ลูกขึ้นมากล่อมนอน “เสี่ ยวไป๋ หยางจะนอนแล้ว
เหรอลูก?”
จ้าวเหวินเทานาช้อนและตะเกียบไปเก็บ หลังจากล้างเสร็ จเมื่อ
เดินออกมาก็พบว่าลูกชายหลับปุ๋ ยไปแล้ว “นอนเร็วดีนะ”

“เด็กเล็ก ๆ นอนเร็ ว คุณก็ไปนอนสักหน่อยเถอะ” เย่ฉูฉู่วางลูก


ลงบนเตียง และนาเสื้ อตัวเล็กมาคลุมไว้บนท้องของลูก

จ้าวเหวินเทาเอ่ย “เฮ่อซงจือไม่อยากยุ่งยากก็เลยไม่หอบลูกมา
สิ นะ?”

“อาจจะใช่ ตอนแรกบอกว่าจะอุ ม้ ลู กออกมาเล่ นด้วยกัน แต่


หลังจากนั้นไม่ รู้ว่าทาไมถึ งไม่ ยอมอุ ม้ ออกมา มี แต่ หล่ อนที่
ออกมาคนเดียว หล่อนบอกว่าให้แม่สามีดูลูกให้ ส่ วนตัวเองลง
ไปทานา”

“แล้วเวลาลูกหิวจะทายังไง?”

“ก็ประมาณเวลาเอานัน่ แหละ พอถึงเวลาก็กลับไปให้นมลูก”


“วิ่งไปกลับระยะไกลแบบนั้น จะทางานได้มากสักเท่าไรกัน
เชียว?”

“ก็นั่นน่ ะสิ โชคดี ที่พวกเขายังไม่แยกบ้านกัน เลยอยู่ดว้ ยกัน


หมด มีงานก็ช่วยเหลือกัน”

“แบบนี้ ยงั จะคิ ดแยกบ้า นอี ก หล่ อนคนเดี ยวจะเลี้ ย งลู ก ไหว
เหรอ? จ้าวเหวินจื้อก็ตอ้ งไปสอนด้วย มีเวลาแค่วนั เสาร์อาทิตย์
เอง” จ้าวเหวินเทาสงสัยมาก

เย่ฉูฉู่ตอบ “ที่ดินสาหรับสามคนน่าจะไหวมั้ง?”

“ที่ ดิ น ส าหรั บ คนเดี ย วก็ ต ้อ งมี ค นไปดู แ ลเป็ นประจ านะ


เฮ่ อ ซงจื อ จะเลี้ ย งลู ก คู่ ก ับ ลงไปท านาได้ไ งเนี่ ย แบบนั้น จะ
ทางานได้เหรอ?” จ้าวเหวินเทากล่าว
เย่ ฉู ฉู่ ย งั จ าความรู ้ สึ ก ตอนที่ ไ ปท านาในที ม ผลิ ต ได้อ ยู่ เ ลย
หลังจากแบ่งที่ดินเธอก็ไม่ได้ลงไปทานาแล้ว และไม่รู้ดว้ ยว่า
การดูแลที่ดินสาหรับสามคนต้องใช้เวลามากขนาดไหน

“ชุ ยเอ้อกับพ่อของเขาดูแลที่ดินสาหรับหกคนทั้งของบ้านเขา
และบ้านพวกเรา ส่ วนจ้าวเหวินจื้อและเฮ่อซงจือ คนหนึ่งมีงาน
ต้องทาส่ วนอีกคนมีลูกต้องดูแล ต่อให้เหลือที่ดินสาหรับสาม
คน ก็ดูแลไม่ไหวอยู่ดี เว้นเสี ยแต่ว่าแม่สามีของหล่อนจะช่ วย
ดูแลให้”

“เฮ่ อซงจื อไม่ ได้บอกนะ บอกแค่ ว่าอยากสร้ างบ้านแล้ว ย้า ย


ออกมา ฉันก็ไม่อยากถามมากไปกว่านั้น” เย่ฉูฉู่เอนตัวนอนลง
บนเตียง ฟังเสี ยงฝนที่ตกอยูด่ า้ นนอก “เฮ่อซงจือแอบเปลี่ยนไป
นิดหน่อยด้วย”
จ้าวเหวินเทาดึงผ้าห่มมาห่มให้ภรรยาและตัวเอง “มีใครบ้างไม่
เปลี่ยน ทุกคนก็นิสัยเปลี่ยนกันทั้งนั้นแหละ นอนเถอะ ภรรยา
เรื่ องของคนอื่นอย่าเก็บมากังวลใจเลย”

ภายในชนบท ถ้า ฝนตกก็ จ ะห่ อ เกี๊ ย วเพื่ อ รั บ ประทาน ถึ ง


อย่างไรฤดู ร้อนก็ยุ่งทุ กวันอยู่แล้ว อากาศดี ก็ตอ้ งลงไปทานา
แต่ เมื่ อฝนตกก็จะได้พกั ผ่อน ถื อเป็ นการให้รางวัลตัวเองไป
ด้วย ก่อนหน้านี้ ต่างก็ห่อกันด้วยแป้ งบักวีท ปี นี้ ปลูกข้าวสาลี
แล้ว ทั้งยังเก็บเกี่ ยวได้อย่างดี ดังนั้นแป้ งที่ห่อจึ งใช้เป็ นแป้ ง
ขาว และเป็ นการลองชิ ม ไปด้ว ยว่าแป้ ง ที่ บดจากแป้ ง สาลี ที่
ปลูกขึ้นมาเองจะมีรสชาติเป็ นอย่างไร

พี่สะใภ้รองจ้าวห่อเกี๊ยวด้วยแป้งขาวและทาเป็ นไส้บวบ ตอนนี้


เป็นช่ วงที่บวบออกผลดกจนรับประทานไม่ทนั แล้ว จึงนามา
ทาเป็ นไส้เกี๊ยวได้
“อืม แป้ งนี้ไม่เลวเลยจริ ง ๆ” พี่รองจ้าวรับประทานไปหนึ่ งคา
ก็พูดอย่างพึงพอใจมาก

ลูก ๆ ทั้งสามคนรับประทานกันอย่างตะกละตะกลาม พี่สะใภ้


รองจ้าวจึงต้องพูดว่า “กินให้มนั ช้า ๆ หน่ อย ในหม้อยังมีอีก
พวกแกได้กินกันจนอิ่มนัน่ แหละ!”

เถี่ยต้านพูดด้วยเสี ยงคลุมเครื อ “ไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะได้กิน อี ก


เมื่อไรนี่นา!”

พ่อกับแม่เป็ นคนใช้ชีวิตเป็ น ครั้งนี้ ได้รับประทานเกี๊ ยวที่ ทา


จากแป้ งขาว ครั้ งหน้ า อาจจะเป็ นช่ วงข้ า มปี ถึ ง จะได้
รับประทานอีกครั้ง

พี่รองจ้าวรี บพูด “ลูกชาย ไม่ตอ้ งห่วงหรอก ตอนนี้บา้ นเราปลูก


ข้าวสาลีแล้ว หลังจากนี้ แกอยากกินแป้ งขาวตอนไหนก็จะได้
กินตอนนั้น”
“จริ งเหรอ? ผมอยากกินแป้งขาวทุกวันเลย!” เถี่ยต้านพูดรัวเร็ว

ลูกอีกสองคนก็มองพ่อกับแม่อย่างใจจดใจจ่อ

พี่รองจ้าวมองไปทางพี่สะใภ้รองจ้าว จะได้รับประทานทุกวัน
เหรอ?

พี่สะใภ้รองจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ยังจะกินแป้ งขาวทุก


วันอีก คุณมีสามารถขนาดนั้นเลย? ยังจะกินทุกวันอีก ฉันเองก็
อยากกินข้าวทุกวันเหมือนกันนัน่ แหละ!”

“ว่า แล้ว เชี ย วว่า พ่ อ กับแม่ ต ้อ งโกหก” เถี่ ย ต้า นแค่ น เสี ย งใน
ลาคอ เขาก้มหน้ารับประทานต่ อไป ทั้งยังบ่นพึมพาอี ก หนึ่ ง
ประโยคว่า “อาเล็กได้กินแป้ งขาวทุกวัน ตอนที่ไม่ได้ปลูกข้าว
สาลีก็ได้กินทุกวันแล้ว นี่ บา้ นเราปลูกข้าวสาลีแล้วแท้ ๆ แต่ก็
ยังไม่ได้กินทุกวันอีก…”
แม้เขาจะพูดอู อ้ ้ ี แต่ พี่รองจ้าวก็ยงั ได้ยินอย่างชัดเจนจนแอบ
รู ้สึกจุกเข้าไปถึงกลางใจ จากนั้นจึงขบฟั นกล่าวว่า “มันก็แค่
แป้ งขาวไม่ใช่เหรอ พ่อให้พวกแกกินเอง! ถ้าไม่พอ ปี หน้าพ่อ
จะปลูกแต่ขา้ วสาลีอย่างเดียวเลย!”

“คุณบ้าไปแล้วเหรอ!” พี่สะใภ้รองจ้าวอารมณ์ร้อนขึ้นทันใด

พี่รองจ้าวพูด “ลูกอยากกินก็ให้กินไปสิ ถ้าปลูกข้าวสาลีแล้วยัง


ไม่ได้กินแป้งขาวทุกวัน มันจะไปมีความหมายอะไร!”

พี่สะใภ้รองจ้าวยังอยากพูดต่อ แต่ทา้ ยที่สุดก็กลืนคาพูดลงคอ


ต่ อหน้าลู ก ๆ ถึ งอย่างไรก็ตอ้ งรั กษาบารมี ของสามี ในฐานะ
หัวหน้าครอบครั วด้วย ส่ วนจะได้รับประทานอะไรจริ งๆ ก็
ขึ้นอยูก่ บั หล่อนไม่ใช่เหรอ

ครอบครั ว ของพี่ ส ามจ้า วก็ ห่ อ เกี๊ ย ว และห่ อ ด้ ว ยไส้ บ วบ


เช่ นเดี ยวกัน ตอนนี้ เป็ นฤดู กาลของบวบ จึงนาพวกมันมาทา
เป็ นไส้เกี๊ยวกันหมด
แป้ งขาว ไส้บวบ พี่สามจ้าวกัดหนึ่ งคาสลับกับกระเทียม เม็ด
เหงื่อไหลลงมาตามกรอบหน้า เขารับประทานด้วยความพึง
พอใจอย่างมาก อืม นี่แหละถึงจะเรี ยกว่าชีวติ ที่มีความสุ ข!

พี่สะใภ้สามจ้าวมองลูกทั้งสองคนที่กาลังรับประทานอาหาร
เหมือนกับลูกเสื อ หล่อนก็มีความสุ ขมากเช่นกัน

“บอกว่าพวกเราปลูกข้าวสาลีไม่ได้ นี่กป็ ลูกได้แล้วไม่ใช่เหรอ


ไม่ต่างกับแป้งขาวที่ซ้ือมาเลย” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว

พี่ ส ามจ้า ว “นั่น น่ ะ สิ ผมว่า อร่ อ ยกว่า ที่ ซ้ื อ มาอี ก ไม่ รู้ ว่า คน
สมัยก่อนคิดอะไรกันอยู่ ถึงไม่รู้จกั ปลูกข้าวสาลีกนั ”

“อย่า ว่า แต่ ก่ อ นหน้า นี้ เลย ตอนนี้ ก็เ หมื อ นกัน นั่น แหละ ถ้า
ไม่ใช่เพราะน้องหกจัดการเรื่ องปลูกข้าวสาลี ก็คงไม่มีใครนึ ก
ถึง ไม่เพียงแค่คิดไม่ถึงแต่ยงั ไม่ให้พวกเราปลูกด้วย หัวคร่ าครึ
กันทั้งนั้น!”
พี่สะใภ้สามจ้าวโชคดีมากที่เรี ยนรู ้วิธีปลูกข้าวสาลีในตอนนั้น
ไม่ เ ช่ น นั้ นตอนนี้ จะได้รั บ ประทานแป้ ง ขาวเหรอ? จะได้
รับประทานโดยที่ไม่ตอ้ งผสมแป้งบักวีทแบบนี้เหรอ?

“เจ้าหกนี่ มนั หัวใสดี จริ ง ๆ กล้าหาญมากด้วย บอกจะปลู กก็


ปลูกเลย แถมยังปลูกขึ้นด้วย หลังจากนี้ตอ้ งจับตามองให้ดีแล้ว
หมอนัน่ ทาอะไรพวกเราก็ทาด้วย มีเรื่ องดี ๆ พวกเราก็อย่าได้
น้อยหน้า” พี่สามจ้าวกล่าว
ตอนที่ 294 ใช้ ชีวติ ให้ ดีกค็ ือศาสตร์ แขนงหนึ่ง

ในใจพี่ ส ามจ้า วตอนนี้ เกิ ด ไฟคิ ด อยากจะใช้ชี วิ ต ให้ดี แ ล้ว


โดยเฉพาะความคิดที่อยากจะเอาชนะจ้าวเหวินเทาให้ได้ ต่อให้
แซงหน้าไม่ได้ ก็ขอให้เทียบเท่ากับจ้าวเหวินเทา ดังนั้นเขาจึง
แอบทางานอย่างหนัก

พี่สะใภ้สามจ้าวมองพี่สามจ้าวก็แอบราพึงในใจอยู่สองสาม
ประโยค แต่ เ มื่ อ มาคิ ด ๆ ดู แ ล้ว ก็ ป ล่ อ ยผ่ า นไป กว่ า จะได้
รับประทานเกี๊ยวแป้งขาวไม่ใช่เรื่ องง่าย ดังนั้นอย่าชวนทะเลาะ
เลย

พี่ ส ามจ้า วรั บ ประทานเกี๊ ย วไปสามถ้ว ยใหญ่ หลัง จากเรอ


ออกมา เขาก็ยกถ้วยขึ้นมาซดน้ าซุปอย่างช้า ๆ คนโบราณพูดไว้
ไม่ ผิดเลยว่า ‘ซดน้ าแกงเพื่อย่อยอาหาร’ ต่ อให้รับประทาน
เกี๊ยวมากกว่านี้ หากได้ดื่มซุปเกี๊ยวเพียงไม่นานอาหารก็จะย่อย
“ถ้าคุ ณอยู่ว่าง ๆ ก็ไปนั่งคุ ยกับสะใภ้หกให้มากหน่ อย ดู สิว่า
พวกเขาค้าขายอะไรเพื่อหาเงินอีกบ้าง อย่าเอาแต่ทาตัวเหมือน
คนไร้ชีวิต มัวอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมทาอะไรสักอย่าง” พี่สาม
จ้าวกล่าว

พี่สะใภ้สามจ้าวกลอกตาใส่ เขา “บ้านของน้องสะใภ้หกไกล


ขนาดนั้น ขืนอยูด่ ี ๆ ฉันว่างแล้วถ่อไปหาถึงที่นนั่ เขาคงคิดว่า
ฉันไปทาอะไรสักอย่างนัน่ แหละ! คุณไปก็สิ้นเรื่ องแล้วไม่ใช่
เหรอ?”

“ถ้าผมไปเองได้ยงั ต้องให้คุณไปอีกเหรอ?” พี่สามจ้าวพูดอย่าง


ไม่สบอารมณ์ “เจ้าหกฉลาดจะตายไป มีคา้ ขายอะไรดี ๆ ก็ไม่
บอกผมหรอก แต่สะใภ้หกยังดี หน่ อย คุ ณไปคุ ยกับสะใภ้หก
อีกฝ่ ายก็ตอ้ งบอกคุณบ้างนัน่ แหละ ผมเป็ นพี่สามีจะให้ไปคุย
กับน้องสะใภ้ตวั เองเหรอ? ผูห้ ญิงแบบคุณนี่ไม่เข้าใจอะไรสัก
อย่างเลย!”
พี่สะใภ้สามจ้าวไม่เห็นด้วย “ตัวเองก็ใช้ชีวิตของตัวเองไปสิ
เอาแต่จอ้ งคนอื่นว่าทาอะไรอยูไ่ ด้ อีกอย่าง เราก็มีให้กินให้ดื่ม
แล้ว ยังไม่ดีอีกเหรอ?”

พี่สะใภ้สามจ้าวพึงพอใจกับชีวิตในตอนนี้มาก หล่อนไม่เข้าใจ
เลยว่าพี่สามจ้าวจะเอาแต่จิตใจร้อนรนทั้งวันไปทาไม

พี่สามจ้าวได้ยนิ ก็รู้สึกโมโหมาก “ผมถึงได้บอกไงว่าผูห้ ญิงอยู่


แต่บา้ นไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง! ยังมาบอกให้ใช้ชีวิตเป็ นของ
ตัว เองอี ก มัน จะธรรมดาแค่ น้ ัน เหรอ? ข้า งนอกมี เ รื่ อ งดี ๆ
เกิดขึ้นเยอะแยะ แค่คุณไม่รู้กถ็ ูกทิ้งไว้ขา้ งหลังแล้ว! อย่าลืมนะ
ว่าที่คุณมีกินมีดื่มก็เพราะผมรู ้ว่าเจ้าหกปลูกข้าวสาลีกเ็ ลยปลูก
ตาม ถึงทาให้มีกินมีดื่มนี่ไง!”

“พอแล้ว ๆ ฉัน รู ้ แ ล้ว ” พี่ ส ะใภ้ส ามจ้า วพู ด อย่า งหมดความ


อดทน และตั้งใจรับประทานเกี๊ยวที่อยูต่ รงหน้า
พี่ ส ามจ้า วเห็ น ท่ า ทางแบบนั้น ของหล่ อ นก็เ กิ ด โมโหขึ้ น มา
“ทาไมฉันถึงมาอยู่กบั ผูห้ ญิงสุ รุ่ยสุ ร่ายแบบนี้ นะ เธอนี่ เข้ากัน
ได้ดีกบั เจ้าสี่ เลยนะ รู ้ จกั แต่ กินไปวัน ๆ แล้วรอวันตาย ไม่ มี
อนาคตเลยสักนิด!”

พี่สี่จา้ วที่ไม่มีอนาคตก็กาลังรับประทานเกี๊ยวแป้ งขาวอยู่ เขา


ไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองไร้อนาคตสักนิดเลย ยังคงรับประทาน
อย่างเอร็ดอร่ อย

พี่สะใภ้สี่จา้ วกาลังพูดถึงความดีความชอบของหล่อนจากเกี๊ยว
ในมื้อนี้อยู่ “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันยืนกรานจะปลูกข้าวสาลี ตอนนี้
จะได้กินเกี๊ยวแป้งขาวเหรอ?”

พี่สี่จา้ วพยักหน้า “อืม คุณเก่ง”

“แหงสิ ถ้าทาตามที่คุณบอก บ้านเราคงได้อดอยากปากแห้งกัน


หมด!” พี่สะใภ้สี่จา้ วกล่าว
พี่สี่จา้ วมองดูภรรยาของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้ารับประทานต่อ
เห็นแก่เกี๊ยวแป้ งขาว ปล่อยให้ภรรยาของเขาได้ภาคภูมิใจสัก
หน่อยแล้วกัน

พี่สะใภ้สี่จา้ วพูดฉอด ๆ ถึงตัวเองที่มองการณ์ไกลต่อไป “คุณ


เห็นหน้าของพวกที่ไม่ได้ปลูกข้าวสาลีในหมู่บา้ นเราหรื อยัง?
คนพวกนั้นตอนแรกก็พูดถึงพวกเราไม่นอ้ ยเลยนะ บอกว่าปลูก
ข้าวสาลีเป็ นเรื่ องสิ้ นเปลือง ตอนนี้ล่ะ เหอะ พวกเราได้กินแป้ ง
ขาวกันแล้ว คนพวกนั้นยังไม่มีปัญญาได้กินเลย! ฉันจะบอก
อะไรให้นะ การใช้ชีวติ หลังจากนี้คุณต้องฟังฉัน!”

“ก็ได้ ผมจะฟังคุณ” พี่สี่จา้ วพูดคล้อยตาม

เป็ นคนดูแลครอบครัวมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ คิดว่าเขาอยาก


เป็ นหรื อไง? ใครอยากเป็ นก็ให้คนนั้นเป็ นก็สิ้นเรื่ องแล้ว!

พี่สะใภ้สี่จา้ วพึงพอใจกับทัศนคติของพี่สี่จา้ วมาก ท้ายที่สุดก็


พูดสรุ ปว่า “ชีวติ นี้มนั ก็คือศาสตร์แขนงหนึ่งนัน่ แหละ!”
ความหมายก็คือเธอเป็ นคนมีความรู ้มาก

อันที่จริ งจะพูดแบบนี้กไ็ ม่ผดิ คนที่ตอนแรกไม่เห็นด้วยกับการ


ปลูกข้าวสาลี ในช่วงที่ฝนตกแบบนี้ยอ่ มไม่ได้รับประทานเกี๊ยว
แป้ ง ขาวอยู่แ ล้ว อารมณ์ เ ป็ นอย่า งไรแค่ คิ ด ก็พอทราบได้ว่า
เฮ้อ…มองพลาดไปแล้ว ใครจะไปคิดว่าสถานที่แบบนี้จะปลูก
ข้าวสาลีได้จริ ง ๆ!

ฝนตกอย่างต่อเนื่ องหลายสิ บวัน ในที่สุดก็หยุดลง สภาพของ


ชนบทหลังจากฝนตกดูคล้ายกับทุกสรรพสิ่ งบนโลกถูกรดน้ า
อย่างไรอย่างนั้น รู ้ สึกสดชื่ นและสะอาด สู ดหายใจเข้าหนึ่ ง
ฟอดก็รู้สึกสบายไปทั้งร่ างกาย จ้าวเหวินเทาจึงตัดสิ นใจแล้วว่า
ต่อให้มีเงินเขาก็ไม่มีความคิดที่ จะไปอยู่ในเมืองเด็ดขาด ใน
เมืองนอกจากความคึกคัก หาเงินได้และสะดวกแล้ว ก็ไม่ได้มี
อะไรที่เทียบชนบทได้เลย!
เย่ฉูฉู่กค็ ิดเช่นนี้ ดูลานบ้านขนาดใหญ่น้ ีของตัวเองสิ ว่าดีขนาด
ไหน ฝนตกก็ชาระล้างพื้นปูนซีเมนต์จนสะอาดสะอ้าน ดอกไม้
ใบหญ้าและพืชผักสองข้างทางที่ ถูกน้ าฝนรดน้ าต่างผลิใบกัน
เขี ย วชอุ่ ม แสงอาทิ ต ย์ที่ ส าดส่ อ งลงบนพื้ น ท าให้ เ กิ ด เป็ น
ประกายสี เขียวมันวาว ได้เห็นแล้วก็รู้สึกอารมณ์ดี

“เสี่ ยวไป๋ หยาง ลูกดูสิ ต้นหยางออกดอกแล้วดูดีมากเลยนะ!”


เย่ฉูฉู่เข็นรถเข็น เด็ก มาจอดตรงหน้า ดอกไม้ ขณะพูดคุ ย กับ
เสี่ ยวไป๋ หยาง

เสี่ ยวไป๋ หยางยืน่ มือออกไปเด็ดช่อดอกไม้

เย่ฉู ฉู่ รี บ ห้า มเขาไว้ “พวกเราไม่ เ ด็ ด นะ ดู อ ย่า งเดี ย วนะลู ก


ไฉไฉแกก็หา้ มเด็ดดอกไม้นะ!”

ลูกลิงที่อยูข่ า้ ง ๆ คว้าช่อดอกหยางช่อหนึ่งเหน็บไว้ที่หลังหูแล้ว
เมื่อได้ยนิ คาพูดของเย่ฉูฉู่ มันก็รีบปี นขึ้นไปบนต้นแอปเปิ้ ล
เสี่ ยวไป๋ หยางมองลูกลิงแล้วหันมามองเย่ฉูฉู่ จากนั้นก็กางแขน
ทาท่าจะปี นขึ้นไปด้วย เย่ฉูฉู่ถึงยิม้ อย่างขมขื่น

“เสี่ ยวไป๋ หยาง แม่ ไม่ มีความสามารถอุ ม้ ลู กขึ้ นต้นไม้หรอก


นะ”

ลูกลิงนั่งอยู่บนต้นไม้ครู่ หนึ่ ง มันส่ งเสี ยงร้อง ‘เจี๊ยก ๆ’ เรี ยก


เย่ฉูฉู่ จากนั้นก็ช้ ีไปยังทิศของภูเขา เย่ฉูฉู่กเ็ ข้าใจได้วา่ มันจะขึ้น
ไปบนเขา นางเห็นท่าทางรอคอยของลูกลิง นางจึงตอบตกลง
ไปเพราะปฏิเสธไม่ลง

“แกก็ระวังตัวหน่ อยนะ! อย่าไปทาลายสวนผลไม้ของคนอื่น


เขาเสี ยหายล่ะ!”

ลูกลิงส่ งเสี ยงร้อง ‘เจี๊ยก ๆ’ สองเสี ยง จากนั้นก็ใช้ท้ งั มือและ


เท้าปี นกระโดดข้ามกาแพงออกไป ห้อยตัวไปตามต้นไม้ใหญ่
ข้างทางเพื่อมุ่งหน้าไปบนภูเขา เพียงแค่กะพริ บตาก็มองไม่เห็น
เงาของมันแล้ว
เสี่ ยวไป๋ หยางดู เหมือนว่าจะไม่เคยเห็นฉากแบบนี้ มาก่อน จึง
ส่ งเสี ยงร้อง ‘อ๊า ๆๆ’ แสดงออกว่าอยากไปด้วย เย่ฉูฉู่แย้มยิม้
“เสี่ ยวไป๋ หยาง รอให้ลูกเดินได้เมื่อไรก็ไปได้แล้วนะ แม่จะเข็น
ลูกออกไปเดินรอบ ๆ แล้วกันนะ”

เย่ฉูฉู่ปิดประตูใหญ่ เธอเข็นรถเข็นเด็กไปทางฝั่งฟาร์มกระต่าย
อากาศดี ๆ แบบนี้เป็ นช่วงเวลาที่ดีที่จะออกไปเดินเตร็ดเตร่ !

เสี่ ยวไป๋ หยางก็มีความสุ ขมาก เขาหันซ้ายมองขวาไม่หยุด ราว


กับมองเท่าไรก็ไม่เพียงพอ

เย่ฉูฉู่เดินไปพลางก็คุยกับเสี่ ยวไป๋ หยางไปพลาง

“เสี่ ยวไป๋ หยาง นี่ คือต้นป็ อปลาร์ นี่ คือต้นหญ้า นี่ คือดอกไม้ ดู
สิ ลูก นัน่ คือนกตัวเล็ก” เย่ฉูฉู่สอนลูก

เสี่ ยวไป๋ หยางส่ งเสี ยงอ้อแอ้เรี ยนรู ้ตามแม่ของเขา


“อ้าว ฉู ฉู่ กล่อมลูกอยู่เหรอ!” ภรรยาเหล่าหวังสามถือตะกร้า
ถัว่ ฝักยาวเข้ามาทักทาย

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “ใช่ อากาศปลอดโปร่ งแล้ว ฉันก็เลยพา


ลูกออกมาเดิน ๆ นี่จะไปเก็บถัว่ ฝักยาวเหรอ?”

“ใช่ ที่ดินด้านหลังบ้านผืนนั้น ฉันปลูกถัว่ ไว้นิดหน่ อย ตอน


เที่ยงว่าจะทาแป้ งทอดถัว่ ฝักยาวน่ ะ” ภรรยาเหล่าหวังสามพูด
พลางก็เดินมายืนตรงหน้ารถเข็นเด็ก คุยหยอกล้อเสี่ ยวไป๋ หยาง
สองสามคาแล้วก็พูดต่อว่า “ฉู ฉู่ นี่ถา้ ไม่ใช่เพราะเหวินเทาของ
เธอ ฤดูร้อนแบบนี้คงไม่มีปัญญาได้กินแป้งขาว!”

ภรรยาเหล่าหวังสามก็ปลูกข้าวสาลีเช่นกัน เพียงแต่ปลูกไว้แค่
หนึ่งหมู่ ตอนแรกหล่อนก็กลัวว่าจะปลูกไม่ข้ ึน จึงไม่กล้าปลูก
ไว้เยอะ ๆ ตอนนี้หล่อนแอบเสี ยดายขึ้นมาแล้ว ต้นข้าวสาลีงอก
งามขึ้นมาได้ไม่เลวเลย ทั้งยังเก็บเกี่ยวได้อย่างดี หากปลูกเพิ่ม
อีกสักสามสี่ หมู่ก็น่าจะดี แต่เมื่อเห็นคนพวกนั้นที่ไม่ได้ปลูก
แม้แต่หมู่เดียวก็รู้สึกโชคดีข้ ึนมา

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “ดูพูดเข้าสิ ต่อให้ไม่มีเหวินเทา แต่ถา้


เป็ นสิ่ งที่ควรปลูกก็ตอ้ งปลูกกันได้อยูแ่ ล้ว”

ภรรยาเหล่ า หวัง สามกล่ า ว “มัน ก็ไ ม่ แ น่ ห รอก ถ้า ไม่ มี เ หวิ


นเทาของเธอ ใครจะกล้า ปลู ก ข้า วสาลี ต่ อ ให้ เ ป็ นแบบนี้
หมู่บา้ นของเราก็มีต้ งั หลายครอบครัวที่ไม่ได้ปลูก ฉันได้ยนิ มา
ว่า พวกเขารู ้สึกเสี ยดายกันแทบตายเลยนะ เธอคอยดูได้เลย ปี
หน้าคงปลูกกันหมดแน่นอน!”
ตอนที่ 295 แต่ ละบ้ านต่ างก็มปี ัญหาเป็ นของตัวเอง

นั่นน่ ะสิ ใครจะไม่อยากรั บประทานแป้ งขาวทุ กวันบ้าง ปี นี้


เห็นข้าวสาลีเก็บเกี่ยวได้เป็ นอย่างดี ปี หน้าใครจะไม่ปลูกบ้าง?
เพียงแต่เย่ฉูฉู่ไม่อยากคุยกับภรรยาของเหล่าหวังสามเกี่ยวกับ
เรื่ อ งพวกนี้ มากไปกว่ า นี้ แล้ว เพราะภรรยาเหล่ า หวัง สาม
ปากมากเกินไป

ภรรยาเหล่าหวังสามพูดต่อไป “ถ้าให้ฉนั พูด การใช้ชีวติ แบบนี้


ก็ตอ้ งเรี ยนรู ้นะ เธอดูสิ หมู่บา้ นของเรา ที่ดินเหมือนกัน คนก็
เหมือนกัน การใช้ชีวิตก็ยงั ไม่ดีเลย แล้วดูครอบครัวพวกเธอสิ
โอ๊ย ชีวติ ดีข้ ึนเรื่ อย ๆ เลย!”

“สถานการณ์ของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน บ้านของพวกเราก็
ไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดหรอก” เย่ฉูฉู่พูดถ่อมตน
“ฉู ฉู่ เธอพูดแบบนี้ ก็ไม่ถูกนะ หมู่บา้ นของเรา มีแต่ครอบครัว
เธอนี่แหละที่มีชีวติ ไม่เหมือนใครเลย!”

คาพูดนี้ อนั ที่ จริ ง ก็ไ ม่ ผิด เลยสั กนิ ด ในหมู่ บา้ นคนที่ มี ชี วิต ดี
ที่ สุดก็คือจ้าวเหวินเทา บ้านก็ดี ชี วิตก็ดี ไหนจะธุ รกิ จขนาด
ใหญ่อย่างฟาร์มกระต่ายอีก เย่ฉูฉู่จึงไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้
ท้า ยที่ สุ ด ก็ ไ ด้แ ค่ พู ด ว่ า “หนี้ ของพวกเราก็ ไ ม่ เ หมื อ นใคร
เหมือนกัน!”

ภรรยาของเหล่าหวังสามไม่รู้ว่าจ้าวเหวินเทาล้างหนี้หมดแล้ว
จึงคิดว่าสิ่ งที่เย่ฉูฉู่พูดคือเรื่ องจริ ง แต่หล่อนก็ไม่ได้สนใจอะไร
“เป็ นหนี้ แต่ ทาให้ไม่ เหมื อนใครก็ไม่ ใช่ เรื่ องง่ ายนะ บางคน
อยากเป็ นหนี้แต่กย็ งั ไม่มีปัญญาเป็ นหนี้เลย!”

อีกฝ่ ายพูดแบบนี้แล้ว เย่ฉูฉู่กไ็ ม่สามารถพูดอะไรต่อได้ เธอแค่


ยิม้ และก้าวเท้าเดินต่อ ภรรยาเหล่าหวังสามกลับยังคงเดิ นตาม
และนินทาเรื่ องในหมู่บา้ นต่อ จนกระทัง่ เดินมาไกลระยะหนึ่ ง
แล้ว เย่ฉูฉู่จึงกล่าวด้วยรอยยิม้ ว่า “เธอมาหาฉันคงมีธุระสิ นะ?”

ภรรยาเหล่าหวังสามยิม้ อย่างสดใส “ฉู ฉู่เธอนี่ ฉลาดนะ ปิ ดบัง


อะไรเธอไม่ได้เลย!”

ถ้าไม่มีธุระจะพูดมากขนาดนี้เหรอ พวกเราก็ไม่ได้เดินไปทาง
เดี ยวกันสักหน่ อย เย่ฉูฉู่บ่นอยู่ในใจ ปากก็พูดไปว่า “มี ธุระ
อะไรล่ะ?”

ภรรยาเหล่าหวังสามกล่าว “สามีของฉันเธอเองก็รู้ ขี้เกียจจะ


ตาย ทนเหนื่อยก็ไม่ได้ ลาบากก็ไม่ไหว แต่งานในนาทั้งเหนื่อย
ทั้งลาบาก เขาก็เลยอารมณ์เสี ยใส่ ฉัน เธอว่าฉันจะทาอะไรได้
ล่ะ ฉันเป็นแค่ผูห้ ญิงคนหนึ่ ง ทางานของผูช้ ายไม่ไหวหรอก!
แม่สามีของฉันก็รู้จกั แต่เข้าข้างลูกชาย ฉันพูดแค่นิดหน่ อยก็
โกรธแล้ว บอกว่าวัน ๆ ฉันเอาแต่ออกไปนัง่ คุยข้างนอก งาน
ในบ้านก็ให้ลูกชายของนางทาหมดทุกอย่าง นี่มนั คือการลืมตา
พูดคาบอด[1] ไม่ใช่เหรอ? หรื อจะบอกว่าฉันเอาแต่นอนอยูใ่ น
บ้านทั้งวันล่ะ!”

ภรรยาของเหล่าหวังสามบ่นถึงความทุกข์ทรมานของตนไม่จบ
สิ้ น เย่ฉูฉู่ไม่ได้สนใจเรื่ องครอบครัวของคนอื่นอยู่แล้ว เธอจึง
พูดแทรกไปว่า “เธอพูดมาเถอะว่าเรื่ องอะไร?”

ภรรยาเหล่าหวังสามแอบรู ้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อถูกพูดแทรก
ขณะที่กาลังเล่าอย่างออกรส แต่กย็ งั พูดว่า “ฉันอยากไปทางาน
ที่ฟาร์มกระต่าย ก็เลยอยากถามเธอดูวา่ ทาได้หรื อเปล่า?”

เย่ ฉู ฉู่ ช ะงัก ภรรยาของเหล่ า หวัง สามไปท างานที่ ฟ าร์ ม


กระต่ า ย? เธอฟั ง ภรรยาเหล่ า หวัง สามพู ดถึ ง สามี ต ัว เองเป็ น
วรรคเป็นเวรขนาดนี้ คิดว่าจะหางานให้เหล่าหวังสามเสี ยอีก
คิดไม่ถึงเลยว่าหล่อนกาลังหางานให้ตวั เอง

“เธอไปทางานที่ฟาร์ มกระต่ายแล้วที่บา้ นจะทายังไง?” เย่ฉูฉู่


ถาม
“ในบ้านก็ยงั มีแม่สามีของฉันอยูท่ ้ งั คน ลูกก็อายุ 15-16 แล้ว ไม่
ต้องมีคนดูแลแล้วด้วย พ่อสามีฉนั ก็ร่างกายยังแข็งแรงดี มีพวก
เขาอยู่งานในนาก็ไม่ตอ้ งกังวลใจอะไร อีกอย่างฉันก็ยงั มี ลูก
ด้วย อายุ 15-16 แล้วก็ช่วยทางานได้ไม่นอ้ ย ไหนจะสามีของ
ฉันอีกคน ถึงแม้ว่าเขาจะขี้เกียจ แต่ก็ยงั ทางานนิ ด ๆ หน่ อย ๆ
ได้ จะมีฉนั อยูห่ รื อไม่มีกไ็ ม่ต่างกันหรอก”

เย่ฉูฉู่มองหล่อนด้วยความสงสัย นี่ เป็นเพราะทะเลาะกันหรื อ


เปล่านะ? เธอรู ้สึกไม่ดีที่จะถามมากไปกว่านี้ จึงพูดแค่ว่า “ฉัน
จะไปถามเหวินเทาให้ก็แล้วกัน ฟาร์ มกระต่ายยังขาดคนหรื อ
เปล่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ได้สิ เธอช่ วยพูดให้ฉันหน่ อยนะ” ภรรยาเหล่าหวังสามถอน


หายใจอีกครั้ง “ฉันบอกเธอตรง ๆ นะ ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก
อื่น ลูกชายสามคนของฉัน คนโตก็อายุสิบเจ็ดแล้ว ถึงเวลาจะ
แต่งงานแล้วด้วย ตอนนี้บา้ นก็ยงั ไม่มี เงินก็ยงั ไม่มี ถึงเวลานั้น
ถ้าไปสู่ ขอภรรยาไม่ได้ข้ ึนมาจะทายังไง!”

เย่ฉูฉู่เข้าใจแล้ว ที่แท้ภรรยาของเหล่าหวังสามก็อยากไปทางาน
ที่ฟาร์มกระต่ายเพื่อลูกชายนี่เอง

“เธอไม่ตอ้ งเป็ นกังวลให้มากมายหรอก ตอนนี้เขาบอกว่าต้อง


อายุถึงเกณฑ์ก่ อนถึ ง จะแต่ ง งานได้ไ ม่ ใช่ เหรอ? นี่ ก็ยงั เหลื อ
เวลาอีกสองปี นะ” เย่ฉูฉู่ปลอบใจ

“นั่น เป็ นสิ่ ง ที่ ค นในเมื อ งพู ด กัน ชนบทของพวกเราไม่ ไ ด้


พิถีพิถนั มากมายขนาดนั้นสักหน่ อย ฉันไปถามเรื่ องอายุที่อยู่
ในเกณฑ์สมรสมาแล้ว ต้องรอถึงอายุ ยี่สิบกว่าแน่ ะ อายุมาก
ขนาดนั้นยังจะหาคนมาแต่งงานได้ง่าย ๆ เหรอ!” ภรรยาเหล่า
หวัง สามไม่ เ ห็ น ด้ว ย “ฉัน คิ ด ไว้ว่า จะให้ลู ก ชายคนโตหมั้น
หมายปี หน้า ถัดไปอีกปี ค่อยสร้างบ้าน ปี ถัดไปถึงจะแต่ งงาน
ฉันเองก็วางแผนไว้ให้เจ้ารองกับเจ้าสามแล้ว เฮ้อ ลูกชายสาม
คนนั้นของฉันคือระเบิดสามลูกเลยแหละ คนในหมู่บา้ นต่างก็
กาลังมองอยูว่ ่าพวกเราจะโยนระเบิดออกไปได้หรื อเปล่า นี่ถา้
โยนออกไปไม่ได้ คงได้ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะตายเลย!”

เย่ฉูฉู่ยมิ้ “ต้องโยนระเบิดออกไปได้อยู่แล้ว มีอะไรต้องกังวล


ใจอีก!”

ภรรยาเหล่าหวังสามก็หัวเราะ มีใครบ้างไม่ชอบฟั งคาพูดดี ๆ


หลังจากพูดคุ ยกับเย่ฉูฉู่อย่างสนิ ทสนมอยู่สองสามคา ก็แยก
ย้ายกันไป

คุยกันอยูพ่ กั ใหญ่กเ็ กือบจะถึงช่วงเที่ยงแล้ว เย่ฉูฉู่จึงเข็นรถเข็น


กลับมาทาอาหารที่บา้ น ระหว่างทางเธอก็เห็นชุ นเยี่ยนภรรยา
ของเจ้ารองฉวีเ่ ดินพยุงท้องกลับมาจากการทานาพอดี

ท้องของชุ นเยี่ยนยังไม่ใหญ่ แต่ก็เห็นได้ชดั ว่าตั้งครรภ์แล้ว นี่


เป็ นช่วงฤดูร้อน การสวมใส่ เสื้ อผ้าน้อยชิ้นยิง่ ทาให้เห็นชัดเจน
มาก
“พี่ฉูฉู่ กล่อมลูกอยูเ่ หรอ!” ชุนเยีย่ นรี บสาวเท้าเข้ามา

เย่ฉูฉู่รีบห้าม “เธอเดินช้าหน่อย!”

“ไม่เป็นไรหรอก!” ชุ นเยี่ยนไม่ได้ใส่ ใจแม้แต่นอ้ ย หล่อนหิ้ ว


ตะกร้าเดินเข้ามา ในตะกร้ามีตน้ แดนดีไลออนวางอยูส่ ่ วนหนึ่ง
ด้วย

“ตอนนี้ แดนดี ไลออนกิ นอร่ อยเหรอ?” เย่ฉูฉู่มองปราดหนึ่ ง


พลางเอ่ยถาม

“ฉันเป็ นร้อนในนิดหน่อยน่ะ ก็เลยตัดกลับไปต้มเป็ นซุปดื่มสัก


หน่อย” ชุนเยีย่ นมองดูเสี่ ยวไป๋ หยางด้วยความเอ็นดู “เด็กคนนี้
สะอาดสะอ้านจังเลย พี่ฉูฉู่ทาได้ไงเนี่ย?”

“ก็ทาความสะอาดร่ างกายทุกวันไง” เย่ฉูฉู่ตอบ และถามหล่อน


เกี่ยวกับเรื่ องตั้งครรภ์
“ฉันก็ยงั ดีนะ กินดื่มได้ปกติเลย” ชุนเยีย่ นพูดด้วยรอยยิม้ “ก่อน
หน้านี้ ฉันเห็นคนพวกนั้นอ้วกตอนท้องแถมยังกิ นข้าวไม่ ลง
ด้ว ย ฉั น กลัว มากเลย แต่ ย งั ดี ที่ ลู ก ของฉั น ไม่ ไ ด้ท าให้ ฉั น
ทรมานขนาดนั้น”

“เด็กคนนี้ดีจงั เลยนะ รู ้จกั รักแม่แล้ว” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้

“พี่ฉูฉู่ ฉันได้ยินพี่ซงจือบอกว่าตอนที่พี่ต้ งั ครรภ์ก็ไม่มีปัญหา


อะไรเลย?”

“ไม่มีเลย ฉันเองก็กินดื่มได้หมด ตอนที่คลอดออกมาก็ราบรื่ น


มาก หมอบอกว่าอย่าไปคิดถึงตลอดเวลา ควรทาอะไรก็ทาไป
งานที่ทาได้ก็ทาสักหน่ อย ทากิจกรรมเยอะ ๆ ถึงเวลานั้นเวลา
คลอดลูกก็จะคลอดได้ง่าย” เย่ฉูฉู่แบ่งปั นประสบการณ์ ส่วน
หนึ่งในช่วงที่ตนตั้งครรภ์

ชุ นเยี่ยนพยักหน้า “พี่สาวของฉันก็บอกแบบนี้ เหมือนกัน พี่


บอกฉันว่าอย่าเอาแต่นงั่ เฉย ๆ ขยับร่ างกายได้ก็ขยับสักหน่อย
แต่ฉันไม่ค่อยชอบขยับตัวเลย จริ งสิ ฉันได้ยินมาว่าในเมืองมี
การผ่าคลอดที่ทนั สมัยด้วย บอกว่าไม่เจ็บเลย พี่ฉูฉู่ ไม่เจ็บจริ ง
ๆ เหรอ?”

เย่ฉูฉู่ “ฉันเองก็ได้ยนิ เหมือนกัน แต่บอกว่าไม่เจ็บเลยจะเป็ นไป


ได้ยงั ไงกัน ถูกทิ่มก็ตอ้ งเจ็บมากอยู่แล้ว ยิ่งไม่ตอ้ งพูดถึงตอน
เปิ ดท้องเพื่อเอาลูกออกมาเลย เธอคิดดูสิวา่ จะไม่เจ็บเหรอ?”

ชุ นเยี่ยน “นัน่ สิ ถึงยังไงก็เป็นการกรี ดเพื่อเปิ ดท้อง ไม่รู้ว่าคน


ในเมืองคนอะไรอยู”่

“ไม่ใช่ ทุกคนหรอกที่ผ่าคลอด ถ้าคลอดเองได้ก็คลอดเองนัน่


แหละ แต่ถา้ คลอดยากถึงจะใช้วิธีผ่าคลอด” เย่ฉูฉู่คิดว่าไม่ มี
ใครอยากให้หมอใช้มีดกรี ดผ่าเปิ ดท้องตัวเองหรอก เว้นเสี ยแต่
ว่าจาเป็ นจริ ง ๆ

“ใช่ แค่นึกภาพตอนมีดกรี ดท้องก็สยองมากแล้ว” ชุนเยีย่ นนึ ก


ถึงฉากแบบนั้นก็รู้สึกกลัวมาก
“เธออย่าคิดให้มากมายขนาดนั้นเลย ควรกินก็กินควรดื่มก็ดื่ม
ถึงเวลานั้นก็คลอดออกมาได้เองแหละ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิม้

ชุ นเยี่ยนตอบ ‘อืม’ ออกมา หล่อนมองดูเสี่ ยวไป๋ หยางแล้วพูด


ว่า “ฉันหวังจริ ง ๆ ว่าลูกคนนี้จะเป็ นลูกชาย”

“หา?”

“ถ้าได้ลูกชายก็ไม่ตอ้ งคลอดอีกคนแล้ว” ชุ นเยี่ยนถอนหายใจ


“ถึงแม้ว่าจะกินดื่มได้ปกติ แต่ฉันก็ไม่อยากคลอดอีกคนแล้ว
ตอนนี้ขนาดนัง่ ยอง ๆ ยังเป็ นเรื่ องยากเลย”

[1] ลื ม ตาพู ด ค าบอด (睁着眼说瞎话) ความหมาย


ประมาณว่า ทั้ง ๆ ที่เห็นว่าฝนตกอยู่ แต่กลับบอกว่าอากาศดี
ตอนที่ 296 ไม่ ได้ หลงเงินจนหน้ ามืดตามัว

เย่ฉูฉู่เคยผ่านมาแล้ว ย่อมทราบดีว่าการตั้งครรภ์สิบเดือนไม่ใช่
เรื่ องง่าย จึงปลอบใจไปว่า “ตอนนี้ เธอไม่ตอ้ งคิดมากนะ คิด
มากไม่ดีกบั ลูกในท้อง ไม่ว่าจะได้ลูกชายหรื อลูกสาว ร่ างกาย
แข็งแรงคือสิ่ งที่ดีที่สุด”

หลังจากคุยอยูค่ รู่ หนึ่งชุนเยีย่ นก็กลับไป

ช่ วงค่ าเย่ฉูฉู่ก็คุ ย กับจ้าวเหวิน เทาเกี่ ยวกับเรื่ องที่ ภ รรยาของ


เหล่าหวังสามขอมาทางานที่ฟาร์มกระต่าย

“ฉันรู ้สึกไม่ดีที่จะปฏิ เสธออกไป ก็เลยบอกว่าขอมาถามคุ ณ


ก่อน” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ภรรยาของเหล่าหวังสามเนี่ ยนะ” จ้าวเหวินเทาถึงกับอุทาน


ออกมา
“คุณรังเกียจที่หล่อนเป็นพวกปากมากสิ นะ?” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วย
รอยยิม้

“ไม่ ใ ช่ ว่ า ผมรั ง เกี ย จที่ ห ล่ อ นปากมาก เพราะปกติ ห ล่ อ นก็


ปากมากอยู่ แ ล้ ว ” จ้ า วเหวิ น เทากล่ า ว “แต่ ม ั น ก็ ไ ม่ ใ ช่
ข้อบกพร่ องใหญ่โตอะไร”

เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยความประหลาดใจ

จ้าวเหวินเทากล่าวต่อ “ฟาร์ มกระต่ายขาดผูห้ ญิงพอดี มีพวก


หนุ่มโสดตั้งสิ บกว่าคนอยูท่ ี่นนั่ นี่ถา้ ไม่จา้ งผูห้ ญิงมาสักหน่อย
ผมเองก็กงั วลว่าจะเกิดปัญหาเหมือนกัน!”

เย่ฉูฉู่หมดคาพูด “ลูกชายของภรรยาเหล่าหวังสามอายุ 15-16


แล้วนะคะ คุณคิดอะไรของคุณเนี่ย!”

“ผมรู ้ คุณฟั งผมพูดก่อนสิ ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิม้ “ต่อ


ให้จา้ งสาวน้อยอายุ 16-17 มา แต่ก็ตอ้ งมีคนแบบภรรยาเหล่า
หวัง สามดู แ ล หล่ อ นเป็ นพวกปากมากก็เ ป็ นเรื่ อ งดี น ะ ให้
หล่อนดูแลคนสักหน่อยก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

เย่ฉูฉู่กลับนึ กถึงเรื่ องอื่น “คุณจ้างสาวน้อยไปทาอะไรที่ฟาร์ม


กระต่าย? ฟาร์มกระต่ายมีงานให้ผหู ้ ญิงทาด้วยเหรอ?”

สัญชาตญาณของจ้าวเหวินเทาทาให้เขารู ้ สึกได้ว่าภรรยาหึ ง
หวง จึงรี บพูดว่า “เป็ นอะไรไปครับ ผมคิดว่าจะปลูกผักป่ าตรง
ที่ดินทางฝั่งทิศใต้ของฟาร์มกระต่าย ช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้ขาย
ผักป่ า”

“ผักป่ าอะไรคะ?” เย่ฉูฉู่ถามต่อ

“ก็พวกแดนดีไลออน ผักชี ฝรั่ง แล้วก็ของที่เห็นได้บ่อย ๆ บน


เขาพวกนั้น” จ้าวเหวินเทาอธิ บายให้ภรรยาฟั งอย่างละเอี ยด
“ผมคิดว่าผักที่ข้ ึนอยูบ่ นเขานี่แหละดี ถ้าเอามาขาย ใคร ๆ ก็เข้า
ป่ าไปเก็บมาได้ ถึงเวลานั้น ต่อให้มีมากกว่านี้กไ็ ม่มีให้ขุดแล้ว
สู ้เริ่ มปลู ก เองดี ก ว่า คนอื่ นพอเห็ นช่ อ งทางรวยตรงนี้ ก็ป ลู ก
กันเอง ไม่สนใจของที่อยูใ่ นป่ าแล้ว”

เย่ฉูฉู่กล่าว “มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ มีของที่ข้ ึนเองอยูแ่ ล้วใครจะ


อยากปลูกเองให้เหนื่อย”

“ดัง นั้น ผมถึ ง ต้อ งผูก ขาดการซื้ อ ไง” จ้า วเหวิน เทาพู ด อย่า ง
ภาคภูมิใจ “ภรรยา คุณรู ้ไหมว่าอะไรคือการผูกขาด?”

เย่ฉู ฉู่ ข บขัน “เลิ ก อวดได้แ ล้ว ค่ ะ ฉัน ก็อ่ า นหนัง สื อ ของคุ ณ
เหมือนกันนัน่ แหละ”

ช่วงนี้จา้ วเหวินเทาขนหนังสื อกลับมาที่บา้ นไม่นอ้ ย ก่อนหน้า


นี้เขาซื้อกลับมา แต่ตอนนี้ไม่ได้ซ้ือแล้ว แต่ใช้วธิ ีไปที่สถานีรับ
ซื้อสิ นค้าเหล่านั้นเพื่อหาหนังสื อแทน

คนบางคนไม่รู้ว่าเพราะอะไร ชถึงได้ทิ้ง มีครั้งหนึ่งจ้าวเหวินเทา


บัง เอิ ญ เห็ น หนัง สื อ สองสามเล่ ม ที่ ท าให้ ด วงตาของเขาเป็ น
ประกาย ทั้งยังเป็นหนังสื อใหม่ท้ งั หมดด้วย จึงเก็บกลับมา เขา
ให้บุหรี่ ดี ๆ กับลุงที่ยนื เฝ้าสถานีรับซื้ อสิ นค้าไปหนึ่งแถว ลุงคน
นั้นก็ใจกว้างมาก บอกให้เขามาหาหนังสื อได้เต็มที่โดยไม่คิดเงิน
ด้วย ตอนนี้การขายกระดาษยังไม่ได้ราคา ลุงคนนั้นจึงยินดีที่จะ
ให้ จ้า วเหวิน เทาก็ไ ม่ เ กรงใจ ด้ว ยเหตุ น้ ี เมื่ อ ไป ๆ มา ๆ ก็ไ ด้
หนังสื อกลับมาไม่นอ้ ย

จ้าวเหวินเทาเป็ นคนไม่ ชอบเรี ยนหนังสื อ แค่ เห็ นหนังสื อ ก็


ปวดหัว แล้ว เขาคิ ด ไม่ ถึ ง เลยว่า จะมี ว นั หนึ่ ง ที่ เ ขาชอบอ่ า น
หนังสื อแบบนี้ ปี นี้เขาได้อ่านหนังสื อไปเกือบครึ่ งกล่องแล้ว มี
ทั้งเลี้ยงกระต่ายพันธุ์ ปลูกไม้ผล การรักษาสิ่ งแวดล้อมในสวน
การซื้ อ ขาย จิ ต วิ ท ยาของผู ้ซ้ื อ ข่ า วปั จ จุ บ ัน และอื่ น ๆ อี ก
มากมาย แต่ลว้ นจุกจิกยิบย่อยเยอะแยะไปหมด ทาให้ได้เรี ยนรู ้
สิ่ งต่าง ๆ มากมาย
เย่ ฉู ฉู่ เ ลี้ ย งลู ก อยู่ บ้า น ไม่ มี อ ะไรท าก็ พ ลิ ก หนัง สื อ อ่ า น ถึ ง
อย่างไรตอนนี้กไ็ ม่มีโทรทัศน์และโทรศัพท์ ไม่มีสิ่งบันเทิง จึง
ทาได้เพียงแค่อ่านหนังสื อเพื่อฆ่าเวลา

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ ๆ “ภรรยาสุ ดยอดจริ ง ๆ ถึงได้มองออก


ที่ผมพูดถึงก็คือการผูกขาดผูซ้ ้ื อ ต่อให้พวกเขาไปขุดผักที่ บน
ภูเขาก็ขายไม่ออกหรอก ท้ายที่สุดก็ตอ้ งมาหาผมอยู่ดี ตอนนี้
คนที่กินผักป่ าไม่ได้มีเยอะ ยิ่งไม่มีทางที่จะมาซื้ อถึ งหมู่ บา้ น
ของเรา พวกเขาไม่มีที่ให้ขายหรอก!”

“คุณกลัวว่าผักป่ าบนภูเขาจะถูกคนอื่นขุดจนหมดเกลี้ยงขนาด
นี้เลย?”

เย่ฉูฉู่แอบไม่เข้าใจ เธอค้นพบว่าสามีของนางไตร่ ตรองถึงเรื่ อง


นี้มาโดยตลอด
จ้าวเหวินเทาพูดอย่างเคร่ งขรึ ม “ภรรยา คุณคงไม่รู้ ความโลภ
ของคนเราน่ ากลัวมากนะ อย่าว่าแต่ภูเขาเลย ต่อให้เป็ นทะเล
ถ้ามีผลประโยชน์กข็ ดุ จนหมดเกลี้ยงนัน่ แหละ!”

จ้าวเหวินเทาออกไปข้างนอกมานานขนาดนี้ ไม่ว่าจะกับใครก็
คุ ยได้หมด เขาแทบจะติ ดต่ อกับผูซ้ ้ื อและผูข้ ายจากทุ กสาขา
อาชี พแล้ว ไม่ สามารถพูดว่าเป็ นมิ ตรภาพที่ ลึ กซึ้ งได้ แค่ ดื่ม
เหล้า คุ ย โวโอ้ว ดก็ พ อจะเข้า ใจได้ บ้า งแล้ว เขาพบว่ า คน
ในตอนนี้ คิดอยากจะหาเงินจะกลายเป็นบ้าแล้ว ขอแค่ให้เงิน
จะซื้อบรรพบุรุษก็ซ้ือได้!

ไม่ ต ้อ งพู ด ถึ ง อย่า งอื่ น หรอก เหมื อ นอย่า งจ้า วเหวิ น อู่ ที่ ขุ ด
สุ สานก็ติดต่อกับคนขายของเก่าสองคน บอกว่าขายออกนอก
ประเทศไปแล้ว สิ่ งนี้ ทาให้เขารู ้สึกไม่สบายใจ นัน่ เป็นของที่
บรรพบุรุษของพวกเราทิ้งไว้ให้ ทาไมถึงขายให้ชาวต่างชาติ
ล่ะ!
แต่คนเหล่านั้นบอกว่า ในประเทศให้ราคาไม่ดี ฟั งเข้าสิ นี่ คือ
การขายบรรพบุรุษเพื่อเงินเลยนะ!

ยังไม่จบแค่น้ นั เขาได้ยนิ ช่างไม้สองสามคนพูดว่าต้นไม้ทางฝั่ง


ตะวันออกเฉี ยงเหนื อทุกที่ลว้ นถูกตัด รวมถึงต้นไม้อายุหลาย
ร้อยหลายพันปี ด้วย และถูกส่ งขายออกนอกประเทศเช่นกัน นี่
ก็ตดั จนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว!

ฟั งคาพูดเหล่านี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะระมัดระวัง สถานที่แห่ งอื่น


เขาดูแลไม่ได้ และไม่มีความสามารถที่จะดูแลด้วย แต่เขาไม่
สามารถเพิกเฉยต่อบ้านเกิดได้ ไม่วา่ จะคิดด้วยวิธีไหนก็ไม่ควร
ปล่อยให้คนอื่นมาทาลายย่อยยับ!

“ภรรยา เงินเป็ นสิ่ งที่สาคัญมาก แต่มีหลายอย่างที่สาคัญกว่าเงิน


ไม่สามารถขายทุกอย่างเพื่อเงินได้ นัน่ ไม่ต่างอะไรกับคนโง่เลย
ผมไม่อยากเป็ นคนโง่พรรค์น้ นั หรอกนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ดังนั้นตอนนี้ ผมเลยคิดหาวิธีไม่ให้คนสนใจหมู่บา้ นของพวก
เรา บนป่ าของหมู่บา้ นเรามีสมบัติเยอะขนาดนั้น ถ้ามีคนรู ้เข้าคง
ได้เอาไปหมดแน่!”

เย่ฉูฉู่มองไปด้านนอกหน้าต่ าง ตอนนี้ ทอ้ งฟ้ ายังไม่ มืดอย่าง


สมบูรณ์ ภูเขาสี เขียวที่อยูห่ ่ างไกลออกไป พระจันทร์ส่องแสง
สว่า งลอยขึ้ น มาแล้ว ดวงดาวระยิบระยับประดับอยู่ร อบ ๆ
ภายในหมู่ บ ้า นเกิ ด เสี ย งนกเสี ย งสุ นัข ดัง ขึ้ น ทั้ง หมดนี้ ล้ว น
แล้วแต่มีความงดงาม ทาให้เย่ฉูฉู่นึกถึงบันทึกหมู่บา้ นธารดอก
ท้อ หมู่บา้ นเล็ก ๆ แห่ งนี้นอกจากไม่ได้แยกออกจากโลก ก็ไม่
ต่างอะไรกับหมู่บา้ นในบันทึกหมู่บา้ นธารดอกท้อเลย

“ถูกต้อง จะปล่อยให้คนอื่นมาถลุงไม่ได้ ฉันสนับสนุ นคุ ณ!”


เย่ฉูฉู่มองสามี สายตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่ นชม แม้ว่า
สามี ของเธอจะรั กเงิ น แต่ ก็ไม่ ได้หลงเงิ นแบบหน้ามืดตามัว
แบบนี้ต่างหากล่ะที่หาได้ยากที่สุด
จ้าวเหวินเทาทราบดี ว่าภรรยาของเขาต้องสนับสนุ นเขา และ
ทราบว่าภรรยาเข้าใจความคิดของเขา นี่ มนั เรี ยกว่าอะไรแล้ว
นะ คู่ชีวิต ถูกต้อง คานี้แหละ ไม่แปลกใจเลยที่พ่อกับแม่จะพูด
ว่าโชคที่ดีที่สุดของเขาก็คือการได้แต่งงานกับภรรยาดี ๆ!

จ้าวเหวินเทาโอบกอดภรรยา จากนั้นก็อุม้ เสี่ ยวไป๋ หยางมาไว้


ตรงหน้า หาได้ยากที่ลูกลิงจะเข้ามาร่ วมความครึ กครื้ นนี้ โดย
ไม่ ไ ด้ถู ก ไล่ อ อกไป เขาพู ด ว่า “ภรรยาจ๋ า ผมหวัง ว่า ลู ก ชาย
หลานชายและเหลนชายของพวกเราเติ บโตขึ้ นมาแล้วจะได้
เห็นภูเขาใหญ่ของเรานะ!”

เย่ฉูฉูส่งเสี ยง ‘อืม’ และพิงซบบ่าของสามี “ฉันหวังว่าพวกเขา


จะเป็ นแบบคุณนะ ที่เห็นความสาคัญของภูเขาบ้านเรา”

จ้าวเหวินเทาเอ่ย “ดังนั้นผมก็เลยคิดไว้ว่าจะคุยกับพี่สะใภ้สาม
ดู หล่อนอยากกลับมาลงทุนไม่ ใช่ เหรอ? งั้นก็ลงทุนกับภู เขา
ใหญ่นี่แหละ”
“ลงทุนยังไงคะ?” เย่ฉูฉู่ไม่เข้าใจ

“ผมยัง สรุ ป ไม่ ไ ด้เ ลย ถึ ง เวลานั้น ค่ อ ยคุ ย กับ พี่ ส ะใภ้ดู ดู ว่ า


หล่อนมีความคิดดี ๆ อะไรไหม” จ้าวเหวินเทากล่าว “ภรรยา
แล้วคุณล่ะ คุณมีความคิดอะไรไหม?”

เย่ฉู ฉู่ นึ ก ถึ ง ช่ ว งยุค สมัย นั้น ของตนเอง ภู เ ขาลู ก ใหญ่ ที่ มี วิว
ทิวทัศน์สวยงามแบบนี้ก็จะถูกคนมีเงินกว้านซื้ อไปสร้างเรื อน
หรื อไม่กส็ ร้างสวนขึ้นมา อีกอย่างในยุคสมัยนี้ต่อให้เป็นคนมี
เงินก็ไม่ได้สนใจเรื่ องนี้ ได้ยนิ พี่สะใภ้สามเล่าให้ฟังว่าคนมีเงิน
ในเมืองจะซื้อตึกและบ้านเดี่ยว อืม อีกอย่างดูเหมือนว่าทางการ
จะไม่อนุญาตให้ซ้ือภูเขาแล้วด้วย
ตอนที่ 297 ซื้อไข่ ไก่

“ฉันคิดไม่ออกหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า

จ้า วเหวิน เทากลับมี ค วามคิ ด บางอย่างนิ ด หน่ อย เพี ย งแต่ ยงั


คลุ ม เครื อ มาก ต้อ งอนุ รั ก ษ์ภู เ ขาไว้ใ ห้ไ ด้ก็จ ริ ง แต่ ก็ต ้อ งหา
กาไรด้วย ส่ วนจะหากาไรไปพร้อมกับการรักษาภูเขาอย่างไร
เรื่ องนี้เขาก็ยงั คิดไม่ตก

แต่เขาไม่ได้เป็ นพวกดันทุรังแบบนั้น ในเมื่อคิดไม่ออกก็คือคิด


ไม่ออก ค่อย ๆ คิดยังไงก็ตอ้ งคิดออกสักวัน อีกอย่างเขาก็ยงั
มีโจวหมิ่นไม่ใช่ เหรอ หลังจากนี้ จา้ วเหวินเทาก็จะมีความสุ ข
กับครอบครัวโดยที่ได้อยูก่ นั ถ้วนหน้าแบบไม่ตอ้ งมีภาระอะไร
แล้ว
พืชผลหลังฝนตกเติบโตได้เป็ นอย่างดี ผูค้ นรี บทาเวลาเปิ ดหน้า
ดิ นและถมดิ น พวกเด็ก ๆ ก็จะแบกตะกร้ าไปตัดหญ้าเอามา
เป็ นอาหารให้กระต่ายหลังจากเลิกเรี ยน

ตอนนี้ กระต่ า ยได้ก ลายเป็ นอาชี พ เสริ ม ที่ ส าคัญ ของคนใน


หมู่ บ้า นแล้ว เป็ นเสาหลัก เศรษฐกิ จ ในชี วิ ต ประจ าวัน ของ
ครอบครัว ถึงอย่างไรผลผลิตในไร่ นาก็ตอ้ งรอหลังฤดู ใบไม้
ร่ ว งถึ ง จะเปลี่ ย นเป็ นเงิ น ได้ แต่ ก ระต่ า ยใช้เ วลาไม่ กี่ เ ดื อนก็
เปลี่ยนเป็ นเงินได้แล้ว ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ทุกคนต่างก็ใส่ ใจ
มาก

คนที่เลี้ยงกระต่ายมากที่สุดก็ตอ้ งเป็นจ้าวเหวินเทาอยู่แล้ว เขา


เปิ ดฟาร์ ม กระต่ า ยขึ้ น มา นอกจากจ้า วเหวิ น เทาแล้ว ก็ ย งั มี
หลี่เฉียจื่ออีกคน
หลังจากจ้าวเหวินเทาเปิ ดฟาร์ มกระต่าย หลี่เฉี ยจื่อก็มนั่ ใจกับ
สถานการณ์ว่าจะไม่กลับไปเป็ นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาจึง
เลี้ยงเป็ นจานวนมากด้วยความกล้าหาญและไร้กงั วล!

เขานากระต่ายทั้งหมดที่อยูใ่ นบ้านหลังเก่ามาเลี้ยง พ่อกับแม่ก็


ช่ วยดูให้ เนื่ องจากด้านนอกบ้านหลังเก่าเป็นพื้นที่รกร้างหนึ่ง
ผืน เขาจึ งกั้นที่ ไว้เ ลี้ ย งไก่ เขาพึ่งพาการเลี้ ยงไก่ เพื่ อหาเลี้ ย ง
ครอบครัว ดังนั้นจึงไม่ได้ละทิ้งไก่ จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็ น
กระต่ายหรื อไก่กม็ ีจานวนมากถึงหลักร้อย

หลี่เฉียจื่อใช้หวายนามาสานหลายสิ บชิ้นเพื่อนามาทาเป็ นรังไว้


ให้ไก่ออกไข่ ในนั้นปูดว้ ยหญ้าแห้ง เขาจัดเป็ นสองแถวเป็ น
ระเบียบเรี ยบร้อยหันหน้าเข้าหากัน ให้ไก่ตวั เมียวางไข่ไว้บน
นั้ น การที่ พ วกมั น ได้ ป ระจั น หน้ า กั น แบบนี้ ก็ ส ามารถ
แลกเปลี่ ยนประสบการณ์ ได้นิดหน่ อยด้วย มาคิ ด ๆ ดู แล้วก็
น่าสนใจมาก
หลี่เฉี ยจื่อไม่ได้มีความคิดโรแมนติกขนาดนั้น เขาเห็นรังไก่
เหล่านี้ ก็นึกถึงไข่ไก่ฟองแล้วฟองเล่า นัน่ คือไข่ไก่ที่สามารถ
นาไปแลกเป็ นเงินได้ ถ้าจะพูดว่าไข่ทองคาก็ไม่เกินจริ ง!

พวกไก่ตวั เมียเดินเตร็ ดเตร่ อยู่บนพื้นที่โล่ง มีไก่ตวั ผูไ้ ม่กี่ตวั ที่


ก าลัง ยืด อกตั้ง เดิ น ลาดตระเวนอยู่ พวกมัน คื อ ราชาของที่ นี่
แม้วา่ จานวนราชาจะมากไปหน่อย แต่ปกติกเ็ ป็ นเพราะทะเลาะ
กันเพื่อแย่งไก่ตวั เมีย แต่เมื่อมีไก่ตวั ผูม้ าจากข้างนอกพวกมันก็
ยัง รวมใจเป็ นหนึ่ งเดี ย ว สรุปก็ คื อ มี ค วามเป็ นน้ าหนึ่ งอัน
เดียวกันอย่างมาก

ตอนที่ไม่ทะเลาะกันพวกมันก็จะใช้กรงเล็บคุย้ เขี่ยดิ นเพื่อหา


อะไรกิ น เพี ย งส่ ง เสี ย งร้ อ งกุ๊ก ๆ ไม่ กี่ เ สี ย ง พวกไก่ ต ัว เมี ยก็
ทยอยวิง่ เข้ามาแย่งอาหาร พวกมันมองอยูข่ า้ ง ๆ ด้วยสายตาเย็น
ชา หรื ออาจจะเป็ นการเอาอกเอาใจนิดหน่อยด้วย?
หลี่เฉี ยจื่อย่อมไม่ได้เห็นแบบนี้ สาหรับเขา การมีอยูข่ องไก่ตวั
ผูก้ ็เ พื่ อ ทาให้ไ ก่ ต ัว เมี ย ออกไข่ เขามองดู ไ ก่ ต ัว เมี ย ไม่ กี่ ตวั ที่
นอนกกอยู่ในเล้าไก่ อ ย่างว่าง่ า ย ดวงตาหรี่ ลงและเขย่า แขน
ท่อนล่างเป็ นระยะ นี่เป็ นการออกแรงอีกครั้งแล้ว

กะต๊าก!

กะต๊าก!

ไก่ ต ัว เมี ย สองตัว ลุ ก ขึ้ นจากรั ง หญ้า มัน ส่ ง เสี ย งร้ อ งขึ้ นจมู ก
ออกมา หลี่เฉียจื่อถึงกับยิม้ อย่างมีความสุ ข วางไข่แล้วสิ นะ!

ไก่ตวั เมียสองตัวส่ งเสี ยงอยู่ครู่ หนึ่ ง ก็วิ่งออกมาจากรัง มันส่ ง


เสี ยงร้อง ‘กะต๊าก’ ต่อไป จากนั้นไก่ตวั เมียตัวอื่นอีกสามสี่ ตวั ก็
ทาภารกิจสาเร็ จ มันส่ งเสี ยงร้อง ‘กะต๊าก’ ขณะลงมา ส่ วนไก่
ตัวผูส้ องสามตัวเข้าไปห้อมล้อมไว้ ราวกับแสดงความเสี ยใจ
หลี่เฉี ยจื่อหยิบข้าวเปลือกออกมาจากกระเป๋ าใบเล็กที่พกติดตัว
มาและหว่ า นออกไป ไก่ ต ัว เมี ย เหล่ า นั้ นกรูเข้า ไปจิ ก กิ น
ข้าวเปลือกกันพัลวัน

หลี่เฉี ยจื่อโปรยข้าวเปลือกเสร็ จแล้ว ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี เขา


หิ้ วตะกร้ าเข้าไปเก็บไข่ไก่ บางรั งก็มีหนึ่ งฟอง บางรั งมี สอง
ฟอง และยัง มี รั ง ที่ มี ส ามฟองด้ว ย นี่ เ ป็ นไข่ ไ ก่ ที่ ฟั ก ออกมา
ตั้งแต่เที่ยงของเมื่อวานจนถึงตอนนี้ เขาเก็บจนเต็มตะกร้า เป็ น
เพราะขาไม่ดีจึงแบกไม่ค่อยไหว

“อ้า ว นายมาเก็ บ ไข่ ไ ก่ เ หรอ!” จ้า วเหวิ น เทาเดิ น มาเห็ น


หลี่เฉียจื่อกาลังออกแรงแบกตะกร้าจึงเข้ามาช่วย

หลี่เฉี ยจื่อพูดด้วยรอยยิม้ “ใช่ ตอนนี้ เป็ นช่ วงขยันออกไข่เลย


นายล่ะ ไก่ออกไข่หรื อยัง?”
จ้าวเหวินเทาได้ยนิ ก็รู้สึกแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย
อะไร “ยังเลย มันจะออกไข่เร็ วขนาดนั้นได้ยงั ไง ไข่ไก่เยอะ
ขนาดนี้นายจะแบกกลับไปไหวเหรอ? ”

“ไม่ เ ป็ นไร อี ก เดี๋ ย วภรรยาฉัน ก็ม าแล้ว ให้ห ล่ อ นช่ ว ยแบก


กลับไป”

หลี่เฉี ยจื่อเดินออกมาก็ปิดประตูร้ ัว เขาเรี ยกให้จา้ วเหวินเทาไป


นัง่ ข้าง ๆ ตรงที่มีกองก้อนหินวางอยู่

ทั้งสองนั่งลงบนก้อนหิ น จ้าวเหวินเทาก็ถามถึ งสถานการณ์


เกี่ยวกับรายได้ของไข่ไก่ หลี่เฉี ยจื่อไม่ได้ปิดบังเขา และบอก
ความจริ งทั้งหมด

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “เยอะขนาดนี้ เลย! รวยใหญ่ แล้ว


นะ!”
หลี่เฉี ยจื่อ “รวยงานขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ เพิ่งจะเริ่ มตอนปี ที่
แล้วนี่ แหละ ก่อนหน้านี้ ไม่กล้าเลี้ยงเยอะขนาดนี้ หรอก นาย
เองก็รู้ เป็ นเพราะเลี้ยงไก่ฉนั ถึงได้ขาหักไปข้างหนึ่งนี่ไง!”

“หลัง จากนี้ จะไม่ มี เ รื่ อ งแบบนี้ แล้ว ล่ ะ ชี วิต ดี ๆ รออยู่น ะ!”


จ้าวเหวินเทาหยิบบุหรี่ ออกมาให้เขา

หลี่ เ ฉี ยจื่ อ รั บบุ ห รี่ ไ ปสู บ “นั่น สิ ชี วิต ดี ๆ รออยู่! ตอนนี้ ฉัน
กาลังคิ ดอยู่ว่าจะเลี้ ยงยังไงให้ได้เยอะ ๆ อี กสักหน่ อย แต่ ขา
ของฉันนี่ สิ เลี้ยงเยอะก็ดูแลไม่ไหว พ่อกับแม่ของฉันยังต้อง
ช่วยฉันดูแลกระต่ายอีก ดูแลเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอก”

จ้าวเหวินเทา “ฉันเห็นนายเลี้ยงเยอะแบบนี้กไ็ ม่เลวแล้วนะ ถ้า


เลี้ยงเยอะกว่านี้ คงได้หนักใจแย่ ถึงยังไงของพวกนี้ ก็กลัวเรื่ อง
โรคด้วย!”

“ก็นนั่ น่ ะสิ ตอนนี้ ฉันต้องเก็บกวาดทั้งเช้าทั้งค่า เพราะกลัวว่า


จะเกิดโรค ฉันไปดู ฟาร์ มไก่ที่คนอื่นเลี้ยงแล้ว ของคนอื่นเขา
ฆ่าเชื้อกันหมดเลย แต่ฉนั ไม่ชอบวิธีการเลี้ยงแบบนั้นของพวก
เขาเลย ไก่นนั่ เดินอยูแ่ ค่ในกรง แม้แต่จะหมุนตัวยังทาไม่ได้เลย
กินอาหารแล้วก็ฟักไข่ ฉันเห็นแล้วก็ทรมานแทนไก่ ไข่ไก่ที่
ฟักออกมาฉันว่าคงไม่อร่ อยหรอก”

แม้ว่าหลี่เฉี ยจื่อจะไม่ได้เป็ นคนโรแมนติก แต่เขาก็เติบโตอยู่


ในชนบทมาตั้ง แต่ เ ล็ก เขาชิ น กับ การเลี้ ย งไก่ แ ละเป็ ดแบบ
ปล่อย และรับไม่ได้ที่ตอ้ งขังไก่และเป็ ดไว้ในกรง

จ้า วเหวิน เทายิ้ม “นายพู ด ถู ก แต่ ถึ ง พวกเขาอยากเลี้ ย งแบบ


ปล่อยก็ไม่เอื้ออานวยอยู่ดี นายดู สิ ไข่ไก่ที่พวกเราเลี้ย งแบบ
ปล่อยนี่แหละที่มีราคา!”

หลี่เฉี ยจื่อยิม้ “ฉันเองก็คิดแบบนี้ เหมือนกัน ฉันเห็นว่าที่นี่เล็ก


ไปหน่อย ก็เลยอยากจะขยายเพิ่มอีก ให้พวกมันได้มีพ้ืนที่ออก
กาลังกายกว้าง ๆ หน่อย”
ตอนที่พวกเขากาลังพูดคุยกัน แม่หม้ายหม่าก็มาถึง ดูเหมือนว่า
จะรับประทานไก่เยอะมาก จึงดูอว้ นขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นจ้าว
เหวินเทาก็กล่าวทักทาย จากนั้นก็หิ้วตะกร้าไข่ไก่กลับไป

จ้าวเหวินเทามองดูแผ่นหลังอวบหนานั้นก็แอบเกิดความคิดชัว่
ร้ายว่า หลี่เฉียจื่อร่ างเล็กขนาดนี้ อย่าถูกภรรยาทับตายก็แล้วกัน

“วันนี้นายไม่ออกไปข้างนอกเหรอ?” หลี่เฉียจื่อถาม

“ไปที่อาเภอมารอบหนึ่งแล้ว กลับมาเร็ วน่ะ” จ้าวเหวินเทาเก็บ


ความคิดเมื่อครู่ และพูดกลับไปอย่างจริ งจัง

“นายเอาของอะไรไปขายล่ะ?” หลี่เฉียจื่อถาม

“ขายหมดนั่น แหละ เอากระต่ า ย เนื้ อ หมู ปุ๋ ยเคมี ไ ปส่ ง ไม่


แน่นอนหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าว

“งั้นที่นายมาเพราะจะรับซื้ อกระต่ายเหรอ?” หลี่เฉี ยจื่อคิดว่า


จ้าวเหวินเทามาหาเขาเพื่อซื้ อกระต่าย กระต่ายที่เขาเลี้ยงไว้มี
เยอะที่สุดในหมู่บา้ นแล้ว “ตอนนี้ยงั ไม่ได้หรอก แปดเดือนยัง
สั้นไป ฉันยังอยากเลี้ยงต่อน่ะ”

“ฉันไม่ได้มาซื้ อกระต่าย” จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “ฉันก็บอกไป


แล้วไง พวกนายเลี้ยงกระต่ายไม่จาเป็ นต้องขายให้ฉนั หรอก ถ้า
มีคนข้างนอกมาขอซื้ อ จะโก่งราคาให้สูงแล้วขายออกไปก็ได้
ตอนนั้นฉันพูดแบบนี้กเ็ พื่อให้พวกนายมัน่ ใจ ถ้าไม่มีคนรับซื้ อ
ฉันจะรับซื้อเอง ไม่ให้พวกนายเลี้ยงฟรี ๆ หรอก”

หลี่ เฉี ยจื่ อ “พวกเราก็ไม่ ทาตัวเป็ นพวกไม่รู้คุณคนหรอก ถ้า


นายอยากได้กจ็ ะขายให้นายนัน่ แหละ!”

จ้าวเหวินเทาคิ ดว่าหลี่ เฉี ยจื่ อพึ่งพาการเลี้ ยงไก่ เพื่อเลี้ ยงปาก


ท้อง ไม่เพียงแค่เข้าใจด้านการค้าขาย แต่ยงั เป็ นคนดีคนหนึ่ ง
ด้วย

“ที่ฉันมาหานายเพราะอยากซื้ อไข่ไก่ของนายหน่ อย ว่าจะเอา


ไปปรับปรุ งคุณภาพชีวิตของคนในฟาร์มกระต่ายน่ะ” จ้าวเหวิ
นเทากล่าว “ฉันอยากได้ราคาขายส่ ง นายก็ไม่ตอ้ งลาบากใจนะ
ถ้าคิดว่าได้กล็ องคุยกับภรรยานายดู แต่ถา้ ไม่ได้กไ็ ม่เป็ นไร”
ตอนที่ 298 แม่ หม้ ายหม่ า

จ้าวเหวินเทามาหาหลี่ เฉี ย จื่ อก็เพื่อ ซื้ อไข่ ไก่ ที่อ ยู่ในหมู่ บ้า น
เดียวกัน เขาต้องการไข่ไก่ หลี่เฉี ยจื่อก็เลี้ยงไก่ไว้ขายไข่ ย่อม
ต้องอุดหนุนคนในหมู่บา้ นตัวเองอยูแ่ ล้ว ทาค้าขายก็ตอ้ งทากับ
คนที่คุน้ เคยไม่ใช่เหรอ

แน่ น อนว่ า เขาเองก็ไ ม่ ย อมเสี ย เปรี ย บเพี ย งเพราะต้อ งการ


อุดหนุ นหลี่เฉี ยจื่อเช่ นกัน ดังนั้นจึงต้องใช้ราคาขายส่ ง เพราะ
เขาซื้อปริ มาณมาก ไปซื้อที่อื่นก็ให้ราคาขายส่ งเหมือนกัน

หลี่ เ ฉี ยจื่ อ ยิน ดี ที่จ ะขายให้จ ้าวเหวินเทาอยู่แล้ว ไม่ ว่าจะพูด


อย่างไร จ้าวเหวินเทาก็ดูแลธุรกิจของเขา อีกอย่างถ้าเขาขายให้
คนอื่นก็ตอ้ งเทียวไปเทียวมา แต่ถา้ ขายให้จา้ วเหวินเทาแค่รอ
มาขนถึงหน้าบ้านก็พอแล้ว
เพียงแต่เมื่อนึกถึงภรรยาของตัวเอง เขาก็ไม่กล้าตอบตกลง จึง
ทาได้เพียงแค่บอกไปว่า “ได้ งั้นฉันจะกลับไปคุยกับภรรยาดู
นะ”

จ้าวเหวินเทาเข้าใจเขา บ้านของหลี่ เฉี ยจื่อแม่ หม้ายหม่าเป็ น


ใหญ่ อย่ามองว่าผูห้ ญิงคนนี้เคยเป็ นแม่หม้าย เพราะหล่อนสุ ด
ยอดมาก ไม่ว่าจะเรื่ องในบ้านหรื อนอกบ้านก็เคร่ งครัดสุ ด ๆ
เขาไม่อยากให้เรื่ องไข่ไก่แค่เล็ก ๆ น้อย ๆ ทาให้พวกเขาเกิด
ความบาดหมางในครอบครัว

หลังจากคุยกันอยูค่ รู่ หนึ่ง จ้าวเหวินเทาก็กลับไป

หลี่ เฉี ยจื่ อนั่งคิ ดอยู่ตรงนั้นครู หนึ่ งก็ลุกขึ้ นเดิ นกลับบ้าน แม่
หม้า ยหม่ า ท าอาหารเที่ ย งเสร็ จ แล้ว มี ข ้า วสวยจากข้า วฟ่ าง
มะเขือตุ๋นกับพริ ก และตบแตงกวาสองลูกใส่ กระเทียมลงไป
อีกนิดหน่อยหนึ่งจาน
เมื่ อ ได้ยิน ลู ก ร้ อ งเรี ย ก แม่ ห ม้า ยหม่ า ก็รี บอุ ้ม ขึ้ น มาป้ อ นนม
หล่อนเห็นสามีกลับมาก็พูดขึ้นว่า “กับข้าวทาเสร็ จแล้ว คุณไป
ยกมาสิ จ้าวเหวินเทาล่ะ?”

“กลับไปแล้ว” หลี่เฉียจื่อไปยกกับข้าวและข้าวมา

“คุ ณเรี ยกให้เขามากิ นข้าวที่ บา้ นหรื อ ยัง?” แม่ หม้ายหม่ าลู บ
ศีรษะของลูกชายพลางเอ่ยถาม

“ไม่ ไ ด้เ รี ย ก คุ ณ ไม่ ไ ด้บ อกนี่ ว่ า จะให้ เ รี ย กเขามากิ น ข้า ว”


หลี่ เฉี ยจื่ อยกกับข้าวและข้าวมาวางบนโต๊ะแล้ว ก็ยกน้ าข้าว
ขึ้นมาดื่ม “บ้านเราเป็ นแบบนี้ ทาไมต้องเรี ยกเขามาด้วย”

หลี่เฉี ยจื่อไม่เคยไปที่บา้ นจ้าวเหวินเทา เขาเพียงแค่ดูจากด้าน


นอก แต่ถึงจะดูจากข้างนอกก็รู้สึกได้ว่าบ้านของอีกฝ่ ายดีกว่า
บ้านตัวเอง
แม่หม้ายหม่าเอ่ย “รออีกสองปี พวกเราก็สร้างบ้านใหม่แล้ว ถึง
เวลานั้นพวกเราจะไปสร้างที่ตงเหลียง!”

หลี่เฉียจื่อชะงัก “ทาไมถึงไปตงเหลียงล่ะ?”

แม่หม้ายหม่ามีใบหน้ากลม จากเดิมที่มีดวงตาเล็ก ๆ ก็ยงั ทาให้


เล็กลง ดวงตาเล็ก ๆ ในตอนนี้กาลังกลอกใส่ หลี่เฉี ยจื่อ “ทาไม
ถึงไปตงเหลียง คุ ณไม่เห็นเหรอ ตอนนี้ คนที่ไปอยู่ตงเหลี ยง
ต่างก็มีเงินกันทั้งนั้น!”

หลี่ เฉี ยจื่ อยังไม่ เห็ น จริ ง ๆ “ทาไมไปที่ ตงเหลี ยงถึ ง มี เ งิ น ล่ ะ


ต้องแบบจ้าวเหวินเทาไม่ใช่เหรอที่เรี ยกว่าคนมีเงิน”

“จ้าวเหวินจื้อล่ะ? หมอนัน่ เป็ นครู เลยนะ! ไหนจะชุยต้าอีก อยู่


กับจ้าวเหวินเทาแล้วจะจนได้เหรอ? ชุยเหล่าเอ้อก็ไปทางานกับ
จ้าวเหวินเทาเหมือนกัน!” แม่หม้ายหม่าพูดอย่างเป็นระเบี ยบ
แบบแผน “ไหนจะเมิ่งต้าอีก หมอนัน่ ก็สร้างบ้านที่ตงเหลียง!”
พูดแบบนี้กเ็ ป็ นเช่นนั้นจริ ง ๆ หลี่เฉี ยจื่อพยักหน้าเป็ นการบอก
ว่ายอมรับความคิดนี้ เขายกถ้วยขึ้นมารับประทาน ภายในใจก็
ก าลัง คิ ด ว่ า จะพู ก ับ ภรรยาเรื่ อ งที่ จ ้า วเหวิ น เทาจะซื้ อ ไข่ ไ ก่
อย่างไร

เขาคิดว่า ภรรยาน่าจะตอบตกลง แต่ที่ไม่ตกลงก็เพราะไม่เห็น


ด้วยกับราคาขายส่ งนี่ แหละ แต่ถา้ ไม่เห็นด้วยกับราคาขายส่ ง
จะเห็นด้วยหรื อไม่เห็นด้วยก็ไม่มีความหมายอะไร

“พวกเราต้องไปอยู่กบั คนที่มีเงิน แบบนี้ ถึงจะทาให้เรามี เงิ น


เขาก็เป็ นคนพูดเอง คนมีเงินไปด้วยกัน รวมตัวอยูใ่ นกลุ่มคนมี
เงินก็จะมีเงิน!” อย่ามองว่าแม่หม้ายหม่าเป็ นคนไม่มีการศึกษา
หล่อนเข้าใจถึงผลประโยชน์ดี

หลี่เฉียจื่อ “ก็ได้ ถึงเวลานั้นก็ลองดูแล้วกัน”

“ดู อะไร ตกลงตามนี้ แหละ! ถึงเวลานั้นก็ขายที่ดินสองผืนนี้


แล้วก็ไปซื้อที่ดินที่ใหญ่กว่านี้สักหน่อยที่ตงเหลียง ทาแบบจ้าว
เหวินเทาเลย ซื้ อลานบ้านสองแห่ ง อีกลานหนึ่ งเก็บไว้ให้ลูก
ชายเวลาจะแต่งงานตอนโต”

หลี่เฉี ยจื่อยังจะพูดอะไรได้ ภรรยาพูดสรุ ปไปแล้ว เขาจึ งได้แค่


พยักหน้า

“จริ งสิ จ้าวเหวินเทามาหาคุ ณ ทาไม ซื้ อกระต่ ายเหรอ?” แม่


หม้ายหม่าเพิง่ นึกถึงเรื่ องนี้

“เปล่า เขาจะซื้อไข่ไก่” ในที่สุดหลี่เฉียจื่อก็มีโอกาสได้พูด “เขา


บอกว่ า จะเอาไปปรั บ ปรุ งคุ ณ ภาพชี วิ ต ของคนในฟาร์ ม
กระต่าย”

“แหม เป็นคนมีเงินจริ ง ๆ ซื้ อไข่ไก่ไปให้คนอื่นกิน นี่ คือเรื่ อง


ที่ จ ้า วเหวิน เทาทาได้! ” แม่ ห ม้า ยหม่ า พู ด พลางทอดถอนใจ
“แล้วคุณตอบตกลงไปแล้ว?”
“ตอบตกลงอะไรล่ ะ ผมก็ ต ้อ งมาปรึ กษากั บ คุ ณ ก่ อ นสิ ”
หลี่เฉียจื่อพูดเอาใจ “ครอบครัวเรามีคุณเป็ นใหญ่ไม่ใช่เหรอ ถ้า
คุณยังไม่พูดอะไรผมจะกล้าตัดสิ นใจได้ไง”

“ดูสภาพเหมือนคนตายของคุณสิ !” แม้ว่าแม่หม้ายหม่าจะพูด
แบบนี้ แต่ ภายในใจกลับสบายใจมากและพึงพอใจสามีของ
ตัวเองมากเช่นกัน “แล้วเขาจะให้ราคาเท่าไร?”

“ราคาขายส่ ง” หลี่เฉียจื่อรับประทานผักเข้าไปหนึ่งคา

“ห้ะ! ไข่ไก่บา้ นเราไม่ได้เลี้ยงแบบฟาร์มไก่สักหน่อย เขาจะให้


ราคาขายส่ งเนี่ยนะ!” แม่หม้ายหม่าไม่เห็นด้วยอย่างมากจริ ง ๆ

หลี่เฉียจื่อ “งั้นไม่ขายนะ ฉันจะได้ไปบอกเขาสักคา”

“ไม่ขายอะไรล่ะ!” แม่หม้ายหม่าพูดอย่างไม่มีความสุ ข “คน


แบบคุณนี่มนั ซื่อเกินไปแล้ว!”
“เขาบอกว่าจะขอราคาขายส่ ง เรื่ องนี้ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว”
หลี่เฉียจื่อกล่าว

“ราคาขายส่ งก็ราคาขายส่ ง” แม่หม้ายหม่าคิดอยู่ครู่ หนึ่ งก็ตก


ปากรับคา “แต่คุณไปคุยกับจ้าวเหวินเทาหน่ อย ขอฝากคนเข้า
ไปทางานที่ฟาร์มกระต่ายสักคนได้ไหม?”

“หา ฝากคน ใคร?” หลี่เฉียจื่อแอบมึนงง

“น้องชายฉัน” แม่หม้ายหม่าถอนหายใจ “คุณเองก็รู้ น้องชาย


ฉันยีส่ ิ บกว่าแล้ว ยังไม่มีภรรยาเลย ทานาทาสวนก็ทาไม่ได้ วัน
ๆ เอาแต่ฝันลมแล้ง ๆ ว่าอยากรวย พ่อกับแม่ฉนั เศร้าแทบตาย
แล้ว!”

หลี่เฉี ยจื่อเงียบ เมื่อพูดถึงน้องภรรยาคนนี้ เขาเองก็หมดคาพูด


จะบอกว่าเป็ นคนเอ้อระเหยลอยชายก็ไม่ใช่ แต่ถา้ บอกว่าไม่ได้
เป็ นคนเอ้อระเหยลอยชาย วัน ๆ ก็ไม่ได้ทาอะไรเป็ นชิ้ นเป็ น
อันสักอย่าง นี่ เป็นความในใจของบ้านพ่อตาด้วย กลายเป็ นที่
ขบขันกันทั้งหมู่บา้ น!

ภรรยาของเขาคิดจะส่ งน้องชายไปอยู่ที่ฟาร์ มกระต่ายของจ้าว


เหวิ น เทา แบบนี้ ไม่ เ ท่ า กับ เป็ นการสร้ า งหายนะให้อี ก ฝ่ าย
เหรอ!

“ทาไมเงียบล่ะ?” แม่หม้ายหม่าเห็นหลี่เฉี ยจื่อไม่พูดไม่ จาอยู่


นาน จึงพูดเสี ยงสู ง

“น้องชายของคุณจะยอมเหรอ?” หลี่เฉี ยจื่อกล่าว “งานที่ฟาร์ม


กระต่ายก็เหนื่อยมากเลยนะ”

“ให้ม ัน น้อ ย ๆ หน่ อ ย ฉัน บอกให้คุ ณ ไปถามก็ถ ามสิ ! ” แม่


หม้ายหม่ากล่าว “ถ้าคุณหน้าบางนัก เดี๋ยวฉันไปถามเอง!”

แม่หม้ายหม่าไม่ได้กลัวเรื่ องนี้ แม้หล่อนจะเป็ นแม่หม้าย และ


แต่งงานเป็ นครั้งที่สองมาอยูใ่ นหมู่บา้ นนี้ แต่หล่อนก็ให้กาเนิด
ลูกชายของหลี่เฉี ยจื่อแล้ว นี่เป็ นความสาเร็ จครั้งใหญ่ มีอะไรที่
หล่อนต้องกลัวด้วย

ไม่ รู้ ว่ า ท าไมหล่ อ นถึ ง ใช้ต รรกะนี้ เรื่ อ งที่ ใ ห้ก าเนิ ด ลู ก ชาย
ของหลี่เฉียจื่อ เกี่ยวอะไรกับจ้าวเหวินเทาเนี่ย?

หลี่เฉียจื่อรี บพูด “ผมถามเอง เดี๋ยวผมไปถามเอง!”

ภรรยาบอกว่าจะไปถาม ไม่รู้ว่าหล่อนจะไปพูดอะไรบ้าง ให้


เขาไปเองยังจะดีเสี ยกว่า

แม่หม้ายหม่ารู ้สึกพึงพอใจ “ถึงเวลานั้นคุณก็พูดไปว่าราคาขาย


ส่ งน้อยเกินไปจริ ง ๆ แต่ไหน ๆ ก็อยู่ในหมู่บา้ นเดี ยวกันแล้ว
เสี ยเปรี ยบสักหน่ อยก็แล้วกัน ให้เขารู ้ว่าพวกเราก็ไว้หน้าเขา
แล้ว!”

แม่หม้ายหม่าพูดมีเหตุผลมาก
หลี่เฉี ยจื่อก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับหล่อน เพียงแค่ตอบ ‘อืม ๆ
ๆ’ กลับไป

“ทาให้เขารู ้สึกขอบคุณ แล้วคุณก็ค่อยพูดถึงเรื่ องของน้องชาย


ฉันนะ” แม่หม้ายหม่าสอนสามี

หลี่เฉียจื่อแสดงออกว่าตั้งใจฟัง แต่ความเป็ นจริ งไม่รู้ใจลอยไป


ถึงไหนแล้ว

หลังจากรั บประทานอาหารเสร็ จ หลี่ เฉี ยจื่ อก็ไปดู กระต่ ายที่


บ้านพ่อแม่ เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็ไปหาจ้าวเหวินเทาด้วยตัวเองสัก
รอบ อย่าเอาแต่รอให้อีกฝ่ ายมาหาเลย

นี่เป็ นครั้งแรกที่หลี่เฉี ยจื่อมาหาจ้าวเหวินเทาถึงบ้าน ผลลัพธ์ที่


ได้บา้ นของเขาดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้เสี ยอีก!
หลี่เฉี ยจื่อนัง่ ที่ขอบเตียงในบ้านจ้าวเหวินเทา เขามองดูบา้ นสี
ขาวสะอาดราวหิ มะ และหน้าต่างที่ดูสะอาดสะอ้าน เขาพูดไม่
ออกเลยว่ารู ้สึกอย่างไร

เย่ฉูฉู่ยกชาที่ชงไว้อย่างดีมาวางตรงหน้าเขา เขาได้ลองจิบชาดู
ก็รู้สึกว่าแอบขมนิ ดหน่ อย ไม่ได้อร่ อยมาก แต่ให้ความรู ้สึกดี
เยีย่ ม

ภรรยาของเขาพูดถูก สร้างบ้านต้องมาสร้างที่ตงเหลียง และ


ต้องสร้างแบบนี้ดว้ ย! หลี่เฉียจื่อพูดในใจ คนในหมู่บา้ นยังไม่มี
ใครมีถึงขั้นนี้เลยสักคน
ตอนที่ 299 หนุ่มหล่อเสี่ ยวหม่ า

“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่ เหรอ ไม่ตอ้ งรี บร้อน ถึงเวลานั้นเดี๋ ยว


ฉันไปหานายเอง นายมาทาไมเนี่ ย ” จ้าวเหวินเทากล่ าวด้ว ย
รอยยิม้ เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดว่าขาของหลี่เฉียจื่อไม่ดี

หลี่เฉี ยจื่อ “ที่ฉนั มาเพราะอยากดูบา้ นนายด้วย มีแต่คนบอกว่า


บ้านสวย ฉันอยากเห็นมานานแล้ว”

“แบบนี้ นี่เอง ทาไมนายไม่มาให้เร็ วหน่ อยล่ะ!” จ้าวเหวินเทา


พูดด้วยความอ่อนน้อมซึ่ งหาได้ยากยิง่ “อันที่จริ งให้พูดตรง ๆ
ก็จ่ายเงินไปเยอะ บ้านเอาไว้อยูอ่ าศัย ให้พกั อาศัยได้กด็ ีแล้ว”

“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เก็บกวาดบ้านได้น่าอยู่แบบนี้ ก็สบายนะ”


หลี่เฉียจื่อพูดด้วยความอิจฉา “นายคงจ่ายไปไม่นอ้ ยเลยสิ ?”
“ก็ได้อยู่นะ ตอนนั้นฉันยืมเงินเขามาน่ ะ” จ้าวเหวินเทาไม่ได้
ปิ ดบังเขา จึงเล่าเรื่ องจานวนเงินที่จ่ายไปทั้งในบ้านและนอก
บ้านให้ฟัง

หลี่เฉี ยจื่อและจ้าวเหวินเทาคุยเรื่ องนี้ออกเรื่ องนูน้ อยูค่ รู่ หนึ่ง ก็


เพิ่งจะเข้าประเด็นหลัก เขาจะขายไข่ ไก่ ให้จา้ วเหวินเทาใน
ราคาขายส่ ง เขาสอบถามจ้าวเหวินเทาว่าต้องการเท่าไรและ
ต้องการเมื่อไร หลังจากจองไข่ไก่แล้ว หลี่เฉี ยจื่อก็อ้ า ๆ อึ้ง ๆ
ไม่รู้วา่ ควรจะพูดเรื่ องที่ภรรยาของเขาฝากให้มาบอกอย่างไร

“เป็ นอะไร นายยังมีเรื่ องอื่นด้วยสิ นะ? พูดมาสิ มีเรื่ องอะไร?”


จ้าวเหวินเทามองออกว่าอีกฝ่ ายคิดอะไร

หลี่เฉียจื่อรู ้สึกเกรงใจมาก “ฉันรู ้มาว่านายซื้ อไข่ไก่ของฉันเพื่อ


ช่ วยอุดหนุ นธุ รกิจของฉัน ฉันไม่ควรพูดถึงเรื่ องอื่น แต่ว่า คือ
ฉั น …เฮ้ อ ! มัน เป็ นเรื่ องของภรรยาที่ บ้า น ฉั น เองก็ ไ ม่ มี
ทางเลือก”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ทาไมเหรอ ฉันซื้ อไข่ไก่ของนายด้วยราคา
ขายส่ ง นายก็เลยมีเงื่อนไขอื่นสิ นะ”

หลี่เฉี ยจื่อรี บพูด “เปล่า ๆ ใช่ ที่ไหนกันล่ะ! ทาแบบนั้นฉันจะ


กลายเป็นคนแบบไหน คือเรื่ องนี้ ภรรยาของฉันบอกฉันหลาย
รอบแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนนาย ครั้งนี้หล่อนเอ่ยปากพูดออก
มาแล้วว่าถ้าฉันยังไม่บอกนายอีก หล่อนคงมาพูดด้วยตัวเอง
พอฉันเห็นแบบนี้ ฉันเลยเลือกที่จะมาด้วยตัวเอง นายอย่าเข้าใจ
ผิดนะ”

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความฉงนสงสัย “เรื่ องอะไรล่ะ?”

“เป็นเรื่ องน้องชายของภรรยาฉันเอง เขาไม่ยอมลงนาไปเก็บ


พืชผล อยากหางานทา แต่จะให้ไปในเมืองก็ไม่รู้จกั ใครเลย จะ
ไปทาอะไรได้ ที่ บา้ นก็ไม่ สบายใจด้ว ย ก็เลยอยากจะขอไป
ทางานที่ฟาร์มกระต่ายของนายหน่อยน่ะ”
จ้าวเหวินเทา “ฉันก็นึกว่าเรื่ องอะไร เรื่ องแค่น้ ี เอง! ไม่ใช่ เรื่ อง
ใหญ่อะไรเลย ทาเอานายลาบากใจซะงั้น ได้สิ นายไปเรี ยกเขา
มาแล้วกัน แต่วา่ ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่ามาทางานได้ แต่ตอ้ ง
เชื่ อฟั งสิ่ งที่ ฉัน บอกด้ว ย งานในฟาร์ มกระต่ า ยก็เ หนื่ อ ยมาก
เหมื อนกัน ต้องมี ความอดทน ถ้าเขายินดี ที่จะทาก็ให้เขามา
ลองทาดูก่อนสักสองสามวัน ส่ วนเงินเดือน ฉันให้เดือนละห้า
หยวน นี่ เ ป็ นเงิ น ช่ ว งทดลองงานนะ จะให้ทดลองงานสาม
เดื อน หลังจากสามเดื อนก็รอดู อี ก ที ฉันจะเพิ่มเงิ นเดื อ นให้
รวมอาหารการกินและที่พกั ด้วย”

จ้าวเหวินเทาตอบตกลงอย่างใจถึง

หลี่เฉี ยจื่อคิดไม่ถึงว่าจ้าวเหวินเทาจะตอบรับอย่างใจถึงแบบนี้
เขาดีใจมาก ส่ วนเรื่ องเงินเดือนและระยะเวลาทดลองงานอะไร
พวกนั้ นเขาได้ ยิ น มาบ้ า งแล้ ว จึ ง ไม่ ไ ด้ รู้ สึ กเหนื อ ความ
คาดหมายอะไร
“งั้นก็ขอบใจนายมาก ๆ เลยนะ!” หลี่เฉี ยจื่อกล่าวขอบคุณ เขา
สามารถนากลับไปบอกภรรยาได้แล้ว

“ขอบใจอะไรกัน เรื่ องแค่น้ ี เอง!” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่ใส่


ใจ

หลี่เฉียจื่อนัง่ คุยอีกครู่ หนึ่ง ก็ลุกขึ้นยืนและเดินกลับไป

เย่ฉูฉู่กล่อมลูกอยูน่ อกบ้านตั้งแต่ตน้ จึงได้ยนิ สิ่ งที่หลี่เฉียจื่อพูด


เธอก็พูดสรุ ปว่า “เขาหยิบยืมเรื่ องที่คุณซื้อไก่เพื่อพูดถึงเงื่อนไข
สิ นะ”

จ้าวเหวินเทายิ้ม “ก็ใช่ น่ะสิ แต่ นี่คงไม่ ใช่ ความต้องการของ


หลี่ เฉี ยจื่ อหรอก แต่ เป็ นความต้องการของแม่ หม้ายหม่านัน่
แหละ”

จ้าวเหวินเทาไม่ ใช่ คนโง่ เขาจะฟั งความหมายในคาพูดของ


หลี่เฉี ยจื่อไม่ออกได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้หางานให้
น้องภรรยาแต่แรกอยูแ่ ล้ว แต่เป็ นเพราะจ้าวเหวินเทาดันไปซื้อ
ไข่ไก่กเ็ ลยมาหา แบบนี้ถา้ ไม่เรี ยกว่าหาโอกาสพูดเงื่อนไขแล้ว
จะให้เรี ยกว่าอะไร

หากดู จ ากนิ สั ย ของหลี่ เ ฉี ย จื่ อ เรื่ องนี้ ก็ ไ ม่ ค ล้า ยกั บ สิ่ งที่
หลี่เฉียจื่อจะทาออกมาได้ ต้องเป็ นแม่หม้ายหม่าอยูแ่ ล้ว ผูห้ ญิง
ชอบเอารัดเอาเปรี ยบและมองแค่เพียงตื้น ๆ

“พวกเราซื้ อไข่ไก่เขาก็ถือว่าช่ วยอุดหนุ นเขาแล้วนะ ทาไมถึง


ยังยืน่ เงื่อนไขอีกล่ะ? แม่หม้ายหม่าคิดอะไรอยู?่ ” เย่ฉูฉู่ไม่ค่อย
เข้าใจ

“ราคาขายส่ งก็ แ อบรั บ ไม่ ไ ด้ อ ยู่ เ หมื อ นกั น นั่ น แหละ”


จ้าวเหวินเทาครุ่ นคิ ดก็พ อจะทราบถึ งสาเหตุ “รู ้ สึกไม่ ดีที่จะ
ปฏิเสธ ก็เลยเสนอเงื่อนไขออกมา”
“แบบนี้นี่เอง แต่คุณก็ยงั ตอบตกลง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีแค่บา้ นพวก
เขาที่ขายไข่ไก่สักหน่ อย!” เย่ฉูฉู่ก็ไม่เข้าใจจ้าวเหวินเทา เขารู ้
ทุกอย่างแต่เพราะอะไรถึงยังตกปากรับคา

จ้าวเหวินเทาส่ ายหน้า “คิดแบบนี้ ไม่ได้หรอก แม่หม้ายหม่ า


จริ งใจที่ จะหางานให้น้องชาย หล่ อนรั บราคาขายส่ งไม่ได้ก็
เป็ นความจริ งใจ หล่อนไม่อยากทาให้ผมขุ่นเคืองและไม่กล้าที่
จะทาแบบนั้นด้วย แต่หล่อนก็รู้สึกว่าราคาขายส่ งมันเสี ยเปรี ยบ
เกินไป ถึงได้คิดอยากจะส่ งน้องชายมาทางานที่ฟาร์ มกระต่าย
แบบนี้ ก็ไม่ถือว่าเสี ยเปรี ยบแล้ว ภายในใจก็ยงั รับได้ ผมว่านะ
น้องชายของหล่อนคงทางานไม่ดีหรอก เพราะเขาเป็ นพวกไม่
เอาจริ งเอาจัง”

“แต่คุณก็ยงั ตอบตกลงเนี่ยนะ?” เย่ฉูฉู่เหล่ตามองสามี

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ หึ “ฉันซื้ อไข่ไก่ของหลี่เฉี ยจื่อเพราะรู ้


ตื้ น ลึ ก หนาบาง ไก่ ข ้ า งนอกที่ เ ลี้ ยงในฟาร์ ม ก็ ไ ม่ ดี ด้ ว ย
หลี่เฉี ยจื่อเป็ นคนหัวดีนะ แถมยังมองการณ์ไกล เราอยูห่ มู่บา้ น
เดียวกัน หลังจากนี้อาจจะใช้ประโยชน์ได้ ตอนนี้ซ้ื อไข่ไก่เขา
สักหน่ อยก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ก็แค่ปีนี้ แหละ รอปี หน้าไก่
ของพวกเราออกไข่ก็ไม่ตอ้ งซื้ อแล้ว อีกอย่างคนที่ไม่เอาจริ ง
เอาจังแบบนี้ ก็มีวิธีการใช้ประโยชน์ในรู ปแบบของคนไม่ เอา
จริ งเอาจัง ยกตัวอย่างเช่ นผมไง ผมก็ไม่อยากลงไปทานา ไม่
อยากเหนื่ อย เมื่ อก่ อนในสายตาของคนในหมู่ บา้ นก็เห็นผม
เป็ นกองโคลนไม่ใช่ เหรอ? แต่คุณดู ผมตอนนี้ สิก็ใช้ชีวิตเป็ น
อย่างดีเยีย่ มนี่นา? ภรรยา ผมจะบอกอะไรให้นะ แต่ละคนต่างก็
มีวธิ ีการใช้ชีวติ ที่แตกต่างกัน ไม่ใช่วา่ ต้องใช้ชีวติ ทางานทุกวัน
สั ก หน่ อ ย ใช่ ไ หมล่ ะ ผมเองก็พู ด ได้ไ ม่ ชัด เจนหรอก แต่ ถึ ง
อย่างไรก็มีคาพูดประโยคนั้นที่ บอกว่า ‘แมวมี ทางของแมว
สุ นั ข มี ท างของสุ นั ข ’ ขอแค่ มี เ ส้ น ทางเป็ นของตั ว เองก็
พอแล้ว!”
“พูดมาเยอะแยะขนาดนี้ ที่แท้ก็พูดชมตัวเองนี่ เอง” เย่ฉูฉู่พูด
หยอกเขาด้วยรอยยิม้

จ้าวเหวินเทาพูดโอ้อวด “หรื อผมไม่คู่ควรที่จะชื่ นชม? ผมจะ


บอกอะไรให้นะ ต่ อหน้าคนอื่ นเขาอาจจะเป็ นคนเอ้อระเหย
ลอยชาย แต่อยู่ต่อหน้าผม ผมอาจจะทาให้เขากลายเป็ นคนมี
ความสามารถก็ได้นะ!”

“แหม ๆ ได้ทีกเ็ อาใหญ่เลยนะ!” เย่ฉูฉู่รู้สึกขามาก

จ้าวเหวินเทาพูดต่อ “ที่ผมพูดคือเรื่ องจริ งนะ ภรรยา ถ้าคุณไม่


เชื่อ พวกเรามาพนันกันสิ ”

“ไม่พนันหรอก!” เย่ฉูฉู่ปฏิเสธ

จ้าวเหวินเทารู ้ สึ กผิดหวังมาก ภรรยาของเขามี ข ้อเสี ย ตรงนี้


แหละ เชื่อมัน่ ในตัวเองมากเกินไป เชื่อตัวเองแต่กไ็ ม่กล้าพนัน
กับตัวเอง
หลี่เฉี ยจื่อกลับมาก็เล่าให้ฟังเรื่ องที่จา้ วเหวินเทาตอบตกลง แม่
หม้ายหม่าก็รีบไปหาคนให้ช่วยนาจดหมายไปส่ งที่บา้ นแม่ของ
เธอเพื่อเรี ยกน้องชายให้มาที่นี่ ผ่านไปไม่ถึงสองวันน้องชาย
ของแม่ ห ม้า ยหม่ า ก็เ ดิ น ทางมา ตอนค่ า ก็ม ายืน อยู่ต รงหน้า
จ้าวเหวินเทาแล้ว

โอ้ เจ้าเด็กนี่หน้าตาหล่อเหลาจริ ง ๆ!

น้องชายของแม่หม้ายหม่าหล่อตาแตกเลยทีเดียว เขาเป็ นผูช้ าย


ร่ างสู งหนึ่งร้อยแปดสิ บเซนติเมตร ซึ่งพบเห็นได้นอ้ ยมาก ไม่รู้
ว่าไปกินอะไรมา เส้นผมดกดา คิว้ ก็ดกดา ลูกตาทั้งดาขลับและ
กลมโต องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าดีมาก ไหล่กว้างขายาว
ต้องการรู ปร่ างแบบไหนก็ได้แบบนั้น ถ้าอ้างตามคาพูดของ
โจวหมิ่น เรี ยกว่าอะไรแล้วนะ ใช่ รับหน้าที่เป็ นผูใ้ ห้คะแนน
ความสวยความหล่อ!
จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่ า “น้องชายหน้าตาดีแบบนี้ ไม่แปลกใจ
เลยที่นายจะไม่อยากทางาน ถ้าเปลี่ยนเป็ นฉันก็ไม่อยากทางาน
เหมือนกัน เสี ยดายความสามารถพิเศษนะเนี่ย!”

เด็กคนนี้ได้ยนิ ก็รู้สึกดีกบั จ้าวเหวินเทาทันที เพื่อนรู ้ใจ! ตั้งแต่


เล็กจนโตมีใครบ้างที่เคยพูดแบบนี้กบั เขา? ถ้าไม่สั่งสอนเขาก็
บ่ น ต าหนิ ไม่ ทางานใช้ชีวิต ไม่ เ ป็ นบลา ๆๆ ไม่ ใ ช่ ว่า เขาไม่
อยากทางานไม่อยากใช้ชีวิตหรอกนะ เขาแค่ไม่อยากทางานใน
นาเก็บพืชผล เขาไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนกับพ่อแม่ ชีวิตซ้ าซาก
จาเจ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย

แต่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าจะทาอะไร ดังนั้นจึงปล่อยให้เป็ นไป


ตามยถากรรม ตอนนี้ ได้ยินคาพูดของจ้าวเหวินเทา เขาก็รู้สึก
ได้ว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว ฤดูใบไม้ผลิของชี วิตได้เริ่ มต้น
ขึ้นแล้ว!
ตอนที่ 300 หึงแล้ว

“พี่จา้ ว ผมเรี ยกพี่แบบนี้ได้ไหม? พี่พูดแบบนี้จะให้ผมทาอะไร


ผมจะทาทุกอย่างเลย!”

จ้าวเหวินเทายิม้ “นายชื่ อหม่ากว๋ อเหว่ยสิ นะ? ฉันจะเรี ยกนาย


ว่าเสี่ ยวหม่าแล้วกัน ได้ใช่ไหม?”

“ได้เลย พี่จา้ วอยากเรี ยกอะไรก็ได้ท้ งั นั้นแหละ!” เสี่ ยวหม่าเป็ น


คนมีจิตใจบริ สุทธิ์ แค่ให้ความห่ วงใยนิ ดหน่ อยก็ตื่นเต้นแทบ
แย่แล้ว

จ้าวเหวินเทาคุยกับเขาด้วยรอยยิม้ เพื่อทาความรู ้จกั กันและกัน

เย่ฉูฉู่กาลังนัง่ กล่อมลูกอยู่ขา้ ง ๆ เธอสารวจมองเสี่ ยวหม่าเป็ น


ครั้งคราว จู่ ๆ ในหัวก็เกิดความคิดหนึ่ งขึ้นมา หากออกแบบ
เสื้ อผ้าผูช้ ายโดยยึดตามแบบคนคนนี้ นัน่ คงไม่เลวเลย!
ยิ่งเธอคิดก็ยิ่งคิดว่าสามารถทาได้ จึงหยิบกระดาษและดิ นสอ
ขึ้นมาวาดรู ป

ไม่รู้ว่าเป็ นเพราะตลอดหลายปี มานี้ เสี่ ยวหม่าไม่ได้คุยกับคน


อื่นหรื อเป็นเพราะอะไร เขาถึงพูดไม่หยุด กลายเป็นพูดจาไป
เรื่ อย พูดเสี ยจนจ้าวเหวินเทาแอบรับมือไม่ไหว หมอนี่ ช่างคุย
กว่าเขาเสี ยอีก!

พูดคุ ยกันจนถึ งสี่ ทุ่มกว่า แม่ หม้ายหม่ าก็มาหา การพูดคุ ยจึ ง


สิ้ นสุ ดลง โชคดี ที่ตอนนี้ มีไฟฟ้ าแล้ว ไม่เช่ นนั้นคงมืดตึ ดตื๋ อ
ทาอะไรก็ไม่สะดวก

“นี่ พี่ พี่จา้ วนี่ ดีจริ ง ๆ เลย ทาไมพี่ไม่แนะนาให้รู้จกั ตั้งแต่แรก


เนี่ ย!” ระหว่างทางที่เดินกลับเสี่ ยวหม่าก็ระบายอารมณ์กบั แม่
หม้ายหม่า “นี่ ถา้ ผมได้เจอพี่จา้ วเร็ วกว่านี้ ก็คงไม่เป็ นแบบนี้
หรอก!”
แม่หม้ายหม่าเห็นท่าทางตื่นเต้นของน้องชาย ก็รู้สึกสงสัยมาก
“เขาบอกหรื อยังว่าจะให้นายไปทาอะไร?”

“ยัง!”

“ยังไม่บอกแล้วนายจะตื่นเต้นเพื่อ ฉันจะบอกอะไรให้นะ งาน


ที่ ฟาร์ มกระต่ ายไม่ ใช่ ง่า ย ๆ นายก็อย่าทาตัว เหมื อ นอยู่บ้า น
ตอนเช้าไม่ยอมตื่น ตอนค่าไม่ยอมนอน…”

แม่ ห ม้า ยหม่ า เตรี ย มตัว ร่ า ยยาว เสี่ ย วหม่ า ก็พู ด แทรกอย่ า ง
เหลื อ อด “พอแล้ว ผมรู ้ แ ล้ว บอกพี่ ไ ปพี่ ก็ไ ม่ เ ข้าใจหรอก!”
ระหว่างที่พูดก็สาวเท้ายาว ๆ เดินนาไปด้านหน้า

แม่หม้ายหม่าโกรธมาก “ไอ้เด็กฟุ่ มเฟื อย ฉันจะบอกอะไรให้


นะ ฉันต้องยอมแลกไข่ไก่ไปไม่นอ้ ยกว่าเขาจะยอมตอบตกลง
ถ้านายไม่ยอมตั้งใจทางานให้ดี ๆ ฉันจัดการนายแน่!”

“แม่เจ้า บ่นจนผมจะตายอยูแ่ ล้ว!”


จ้าวเหวินเทาในตอนนี้ กาลังยืดแขนบิดขี้เกียจ ไม่เพียงแค่บ่น
เขาจะตาย แต่กท็ าให้เขานัง่ จนปวดเอวเหมือนกัน

เสี่ ยวไป๋ หยางตื่นและนอนค่อนข้างเป็นเวลา เขากาลังนอนอ้า


แขนอ้าขาหลับสบายอยู่บนเตียงเตา จ้าวเหวินเทาหันไปมอง
ภรรยา ก็พบว่าเธอกาลังขีด ๆ เขียน ๆ อย่างรวดเร็วอยูด่ า้ นหน้า
โต๊ะ เขากะพริ บตาปริ บ ๆ ภรรยากาลังทาอะไรอยูเ่ นี่ย?

เมื่อสักครู่ ตอนที่แม่หม้ายหม่ามาเรี ยกเสี่ ยวหม่า เย่ฉูฉู่ก็เอาผ้า


มาปิ ดแบบร่ างของตัวเองไว้ หลังจากทั้งสองคนกลับไปแล้ว
เธอก็กลับมานัง่ อยูท่ ี่นี่

“ภรรยาจ๋ า คุ ณทาอะไรอยู่ครับ?” จ้าวเหวินเทาเดิ นเข้ามาดู ก็


ถึงกับตกใจในทันที

ภรรยาของเขากาลังวาดภาพหนุ่มหล่อ!
บนโต๊ ะ มี ก ระดาษวางอยู่ห ลายสิ บแผ่น บนนั้น มี ห นุ่ ม หล่ อ
หลากหลายรู ปแบบ มีท้ งั ที่ใส่ ดว้ ยเครื่ องแต่งกายโบราณ และ
แบบที่ไม่ใช่เครื่ องแต่งกายโบราณทั้งหมด มีท้ งั นัง่ ยืน หันข้าง
ก้มหน้า ยิ้ม เรี ยกว่ามีแบบ 360 องศาเลยทีเดี ยว ไม่ขาดแม้แต่
มุมเดียว

แม้จะเป็ นการร่ างภาพอย่างรวดเร็ ว แต่กม็ ีบางจุดที่ลงสี แล้ว มี


รายละเอียดจานวนมากที่วาดไว้แบบเฉพาะเจาะจง ดังนั้นจึง
เกิดผลกระทบอย่างมาก

เพียงแต่ หนุ่มหล่อคนนี้คล้ายเสี่ ยวหม่าเลย!

จ้าวเหวินเทาเพิ่งสังเกตรู ปร่ างหน้าตาที่ภรรยาวาด เขาก็เริ่ มไม่


สบายใจขึ้ น มา เขามองภรรยาที่ ก าลัง ลงสี ค นในภาพอย่า ง
จริ งจังอีกครั้ง พูดให้ถูกก็คือลงสี บนเสื้ อผ้า

ตอนที่ จ รดดิ น สอวาดส่ ว นสุ ด ท้า ยเสร็ จ เย่ฉู ฉู่ ก็ถ อนหายใจ
ออกมาและวางดินสอลง “ในที่สุดก็เสร็จสักที!”
“ภรรยา นี่คุณทาอะไรเนี่ย?” จ้าวเหวินเทาดึงเก้าอี้ไม้ตวั เล็กมา
นัง่ ข้าง ๆ ภรรยาพร้อมกับเอ่ยถาม

เย่ฉูฉู่หน้าแดงเล็กน้อยเพราะเกิดแรงบันดาลใจ “เหวินเทา ดูสิ


ชุดนี้เป็ นยังไงบ้าง?”

จ้าวเหวินเทาคิดว่าดูดีมาก แน่นอนว่าใส่ ในชนบทไม่ได้แน่ ๆ

“สี แดงนี้เหมาะกับใส่ ช่วงแต่งงานมากเลยนะ สี ฟ้าอันนี้ อืม…”


เขาลากเสี ยงอืมอยูน่ านแต่ไม่รู้วา่ เหมาะกับอะไร

ผูช้ ายที่น่าสงสาร รู ้จกั แต่คา้ ขาย แท้จริ งแล้วเขาไม่ได้รู้ทุกอย่าง


หรอก เย่ฉูฉู่มองสามีดว้ ยความเห็นอกเห็นใจ “นี่เป็ นชุดลาลอง
ผูช้ ายในยุคสมัยโบราณใส่ ตอนอยู่บา้ น ยึดตามที่พี่สะใภ้สาม
บอก มันก็คือชุดอยูบ่ า้ น”

“ผมเข้าใจชุ ดอยู่บา้ นนะ” จ้าวเหวินเทาบุย้ ปาก “คนในเมืองนี่


ช่างแต่งตัวกันนะ อยูใ่ นบ้านก็ยงั มีชุดหนึ่งชุด ออกนอกบ้านใส่
อีกชุด ไม่กลัวยุง่ ยากเลย ผมว่าคงกินอิ่มจนจุกแหละ นี่ถา้ หิว…
ภรรยา คุณอย่ามองผมแบบนี้สิ ผมเข้าใจ ขอแค่คนในเมืองกิน
อิ่มจนจุก พวกเราถึงหาเงินได้ไง!”

“นัน่ คือพระเจ้าของคุณเลยนะ คุณนี่ไม่เคารพพระเจ้าเลย!” เย่ฉูฉู่


กลอกตาใส่ เขา

“ชิ ยังจะเป็ นพระเจ้าอีก พี่สะใภ้สามเป็ นคนช่ างปรับมากเลย


นะ ทาไมพี่สะใภ้ไม่บอกว่าเป็ นเทพเซี ยนไปเลยล่ะ? พระเจ้า
เป็นของต่างประเทศไม่ใช่ เหรอ ก็ได้ ๆ ผมไม่พูดแล้ว ภรรยา
คุ ณวาดเถอะ แม้ว่าผมจะใส่ ไม่ได้ แต่ก็ดูดีมาก นี่ คือเรื่ องจริ ง
นะ แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือทาไมคุณถึงวาดภาพเสี่ ยวหม่าเนี่ย”

ถ้าวาดก็ตอ้ งวาดรู ปเขาสิ ถึงจะถูก เขาเองก็หล่อมากเหมือนกัน!


จ้าวเหวินเทาคิดอย่างไม่ถ่อมตนเลยสักนิด
เย่ฉูฉู่มองแบบร่ างเหล่านี้ “นี่เป็ นแรงบันดาลใจที่ฉนั ได้มาจาก
เขา ฉันก็ตอ้ งวาดเขาสิ รอให้ฉนั ปรับแก้อีกหน่อย ฉันจะส่ งไป
ให้พี่สะใภ้สามดู ฉันว่าพี่สะใภ้ตอ้ งพอใจแน่นอน”

“พี่ ส ะใภ้ส ามขายเสื้ อ ผ้า ผูห้ ญิ ง ไม่ ใ ช่ เ หรอ? นี่ คุ ณ ก าลัง วาด
เสื้ อผ้าผูช้ ายนะ”

“ผูช้ ายก็ตอ้ งใส่ เสื้ อผ้านะ อีกอย่างผูช้ ายก็มีเงินมากกว่าด้วย!”


เย่ฉูฉู่กล่าว

จ้า วเหวิน เทาอยากบอกมากว่า ผูช้ ายไม่ เ สี ย เงิ น จ านวนมาก


ขนาดนั้นเพื่อซื้อเสื้ อผ้าหรอก ได้กินได้ดื่มสักหน่อย แม้กระทัง่
เล่ น พนัน ก็ย งั ทาใจจ่ า ยได้ ส่ ว นเสื้ อ ผ้า ก็แ ค่ ใ ส่ แ บบขอไปที
อย่ า งน้อ ย ๆ ผู ้ช ายที่ เ ขาเจอก็ เ ป็ นแบบนี้ กัน ทั้ง นั้น ไม่ ไ ด้
พิถีพิถนั เรื่ องการแต่งกาย

ขายเสื้ อผ้าผูช้ าย สิ่ งนี้ทาให้เขาสงสัยมาก


เย่ฉูฉู่มองออก เธอจึงพูดด้วยรอยยิม้ ตาหยีว่า “คุณไม่เชื่อว่าจะ
ขายออกสิ นะ? งั้นพวกเรามาพนันกันสิ ?”

“ไม่พนันหรอก!” จ้าวเหวินเทารี บส่ ายหน้าทันที

เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิม้ “ทาไมไม่พนันล่ะ คุณไม่กล้าเหรอ?”

จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึ ๆ “ภรรยา แล้วทาไมคุณไม่พนันกับผม


ล่ะ คุณเองก็ไม่กล้าสิ นะ?”

เย่ฉูฉู่ ยื่นมือออกไปผลักหน้าเขา “เกลียดจริ ง ๆ เลย! ก็เห็น ๆ


อยูว่ า่ คุณนัน่ แหละที่ไม่กล้า!”

“ฮ่ า ๆ ภรรยา คุ ณเองก็ไม่กล้าเหมือนกัน…ก็ได้ ๆ ผมผิดไป


แล้ว ผมไม่กล้าเอง ผมไม่กล้า! ภรรยาสุ ดยอดขนาดนี้ ถ้าผม
พนันก็ตอ้ งแพ้อยูแ่ ล้ว!”
ทั้งสองคนพูดคุยด้วยรอยยิม้ อยู่ครู่ หนึ่ ง เย่ฉูฉู่ก็ถามว่า “คุณจะ
ให้ เ สี่ ยวหม่ า ไปท าอะไรเหรอ? ฉั น ว่ า ท่ า ทางของเขาไม่
เหมือนกับคนทางานเลยนะ”

“ก็นนั่ น่ะสิ ผมก็พอจะฟังออกจากการพูดคุย เจ้าเด็กคนนี้ให้ไป


ดู แลกระต่ายคงได้วุ่นวายแน่ !” จ้าวเหวินเทาเอนตัวนอนบน
เตียงพลางถอนหายใจ “ผมยังไม่ได้ตดั สิ นใจเลย”

“ฉันว่าเขาเหมาะกับการเป็ นนายแบบนะ” เย่ฉูฉู่เอนตัวนอน


ขณะกล่าว

“อะไรนะ นายแบบ?” จ้าวเหวินเทากล่าว “พอเหอะ เขาเป็ น


นายแบบได้ผมก็เป็ นได้!”

เย่ฉูฉู่ยิ้ม “คุ ณเป็ นไม่ ได้หรอก นายแบบไม่ ใช่ แค่ หน้าตาดี ก็


เป็ นได้ คุณดูนายแบบนิตยสารสิ มีใครบ้างที่ไม่มีออร่ าเป็ นของ
ตัวเอง?”
“เสี่ ยวหม่ามีออร่ า? ทาไมผมถึงมองไม่ออกเลย? ผมไม่มีออร่ า
เหรอ? มี แต่ คนบอกว่าผมมี ออร่ าความเป็ นเถ้าแก่ ใหญ่ น ะ!”
จ้าวเหวินเทาพูดยกยอตัวเอง

“ใช่สิ ดังนั้นฉันถึงบอกไงว่าคุณไม่มีออร่ านายแบบ” เย่ฉูฉู่พูด


อย่างไม่เกรงใจ

จ้าวเหวินเทาน้อยใจมาก “ภรรยา นี่ผมแอบหึ งแล้วนะ คุณมอง


เขาในแง่ดีขนาดนี้!”

เย่ฉูฉู่หมดคาพูด “คุณคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย!”

“ไม่ได้ คุณห้ามชมเขามากไปกว่านี้แล้วนะ ถ้าคุณชมมากกว่านี้


ผมคงรับไม่ไหว” จ้าวเหวินเทากอดภรรยาและถูไปมาราวกับ
เด็ ก น้อ ย “พรุ่ ง นี้ ผมจะบอกให้เ ขาไปดู แ ลกระต่ า ย ดู แ ลให้
กลายเป็ นน้องดาเลย ดูสิวา่ คุณยังจะชมเขาอีกไหม!”
เผชิ ญหน้ากับความแง่งอนของสามี ทาให้เย่ฉูฉู่ถึงกับร้องไห้
ไม่ได้หวั เราะไม่ออก

You might also like