Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 6

ชีวิตจากนี้ ขอเธอนำทาง – บทที่ 12 เร่งรีบ

10 เมษายน 2009

เมื่อคืน อาจารย์หลินเริ่มมีอาการข้างเคียงจากการทำคีโม วันนี้อาการหยุดแล้ว เขาได้


แต่นอนหมดแรงอยู่บนเตียง ตาปรือ กุมมือฉัน ก่อนจะกลับไปเฝ้ าพระอินทร์

ตอนบ่าย พ่อเริ่มมีแรงอีกครั้งและกลับคืนสู่สภาพปกตินั่งเอามือกอดอก พ่อลุกไป


ห้องน้ำ ขณะกำลังจะเอื้อมมือไปไปจับลูกบิดโลหะ พ่อชะงักและหันมาหาฉันด้วย
ใบหน้าใสซื่อ “หลินจือเซี่ยว พ่อต้องเข้าห้องน้ำ” ฉันเดินไปเปิดประตูให้พ่อ

แม่บอกว่า พ่อสัมผัสของเย็นไม่ได้แม้จะสวมถุงมือแล้วก็ตาม

เมื่อพ่อทำตาปริบ ๆ แล้วพูดกับฉันว่า “ช้อนทำจากสแตนเลส” ฉันก็พูดว่า “อ้าปากค่ะ


พ่อ อ้ำ…” ป้อนแก้วมังกรให้พ่อ และแอบบ่นในใจขณะมองดูพ่อทำท่าน่ารักชนิดลืม
วัย หมอเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง

เขายืนข้างเตียงและมองดูพ่อเงียบ ๆ อยู่สองวินาที “อาจารย์หลิน ปี นี้คุณอายุ 51


แล้วใช่ไหมครับ” อาจารย์หลินพยักหน้า

หมอขยับแว่น “น้ำเกลือขวดแรกหมดแล้ว ร่างกายรับยาได้ดี ถ้าผลตรวจเลือดโอเค


คุณก็กลับบ้านได้” แล้วเขาก็สบตาฉันและเดินออกไป

ฉันลุกไปส่งเขา ทันทีที่ฉันออกจากห้อง หมอก็หันมาและพูดว่า “อย่าทำเหมือนเขา


เป็ นคนป่ วย ปฏิบัติกับเขาเหมือนคนปกติ”

ฉันมองหมอที่แทบไม่เคยแสดงท่าทีไม่พอใจให้เห็น “อ้อ”

หมอเอามือกุมหน้าผาก ตามองไปที่แก้วมังกรและช้อนในมือของฉัน “อย่างน้อย เขา


กินอาหารเองได้”
“อ้อ”

“ซื้อช้อนเมลามีนให้เขา” จากนั้นหมุนตัวจากไป

ฉันมองช้อนสแตนเลสในมือและร้อง “อ้อ” อย่างดีเลย์

15 เมษายน 2009

ฉันกลับไปเรียนและยุ่งกับการเตรียมตัวสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ พยายามกลับไปดู
อาจารย์หลินบ่อย ๆ ตารางชีวิตจึงแน่นไปหมด

สมุดจดนอนนิ่งอยู่ในกระเป๋ า บางครั้ง ฉันหยิบมันขึ้นมาเปิดดู ลายมือที่แตกต่างเรียง


ตัวเคียงข้างกัน ทำให้ฉันนึกถึงลายเส้นอักษรในฤดูใบไม้ผลิ

5 พฤษภาคม 2019

ถ้าการทำเคมีบำบัดในครั้งแรกเรียกว่าราบรื่น ครั้งที่สองควรเรียกว่าภัยพิบัติ

เมื่อวานหลังเก็บข้าวของในห้องพักคนไข้แล้ว ฉันรอแม่เป็ นเวลานาน แต่แม่ยังมาไม่


ถึงโรงพยาบาลเสียที

ฉันโทรหาแม่ ได้ยินเสียงอ่อนแรง “แม่ไม่สบาย”

แม่ไม่สบายจริง ๆ ไข้ของแม่ขึ้นสูงถึง 38.6 องศา แม่ทำงานที่ศูนย์สุขภาพย่อย


ประจำชุมชน แม่เครียดมาตั้งแต่พ่อเริ่มป่ วยในเดือนกุมภาพันธ์ หลายวันที่ผ่านมา แม่
ต้องเดินทางหลายครั้งเพราะเรื่องงาน

ฉันแตะหน้าผากแม่ “กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ หนูจะดูแลพ่อเอง”

การทำคีโมครั้งนี้ พ่อไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย เริ่มมีอาการทันทีที่ยาเข้าสู่ร่างกาย


6 พฤษภาคม 2019

ต้นฤดูร้อนผ่านไปแล้ว อากาศเริ่มร้อนและแห้ง

ฉันถืออาหารเช้ารอลิฟท์ พยายามจะตั้งคอตรง

“หลินจือเซี่ยว”

ฉันเปิดเปลือกตา “อรุณสวัสดิ์ค่ะ หมอกู้”

ฝูงชนดันเราเข้าสู่ลิฟท์และเบียดเราติดกำแพง ฉันหลับตาแน่น

หมอที่ยืนข้างฉันกอดอกและพูดว่า “แม่คุณไปไหนครับ”

“อยู่โรงแรมค่ะ แม่เริ่มมีไข้ตั้งแต่วานซืน ไข้ไม่สูงแต่ไม่ยอมลดสักที พวกเขาสองคน


ตอนกลางคืนคนนึงตื่นไม่ไหว อีกคนหลับไม่ลง”

“แล้วคุณ…” เขาหยุดและไม่พูดอะไรต่อ

หลังอาจารย์หลินกินข้าวเช้า ตรวจร่างกาย และเริ่มรับน้ำเกลือ ฉันวานเสียวอวี่ช่วยดู


พ่อ จากนั้นรีบกลับไปโรงแรมพร้อมกล่องเก็บความร้อนและสวนกับหมอกู้ที่โถงทาง
เดิน “วิ่งช้า ๆ” เขาเตือน

––––––––––

พอแม่กินข้าวเช้าและกินยาเรียบร้อย ฉันก็วิ่งไปตลาดเพื่อซื้อผัก นำมันกลับไปเก็บ


จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่โรงพยาบาล ทันทีที่ฉันผลักประตูเปิดก็เห็นอาจารย์หลินนอน
อย่างน่าสงสารอยู่บนเตียง “มือพ่อชาไปหมดแล้ว” ฉันรู้สึกวิตก
ก่อนจะเริ่มทำงานในภาคบ่าย หมอกู้มาเคาะประตูและถามว่า “มีอะไรที่ผมพอจะช่วย
ได้ไหม”

ฉันมองหมอ ในมือถือชามน้ำแกงนกพิราบตุ๋น “หมอช่วยฉันป้อนพ่อได้ไหมคะ”


อาจารย์หลินกำลังใจไม่ดี เมื่อวานเขายังพอกินน้ำแกงได้นิดหน่อย แต่วันนี้เขาไม่
ยอมกินอะไรเลย

หมอใช้นิ้วถูคิ้ว สักพักเขาโน้มตัวไปที่ข้างเตียง “อาจารย์หลิน คุณต้องกินเพื่อบำรุง


ร่างกาย”

“น้ำแกงที่ไม่มีผักกลิ่นคาวเกินไป”

“งั้นซุปผักล่ะครับ”

“ไม่อยากกิน”

“บะหมี่สักชาม”

อาจารย์หลินสั่นหัว

“โจ๊ก”

อาจารย์หลินสั่นหัว

“เกี๊ยว”

อาจารย์หลินลังเล

ฉันมองคู่เจรจาทั้งสองฝ่ ายด้วยความประหลาดใจ
หมอหันหน้ามา “ถนนไปทางตะวันออกหน้าประตูใหญ่โรงพยาบาลมีร้านเกี๊ยว คุณไป
ซื้อเกี๊ยวผักมาให้เขา”

ตอนบ่าย ในที่สุดไข้ของแม่ก็ลดลง ฉันกลับไปที่โรงพยาบาล

“ออกซาลิพลาทินเป็ นสารพิษที่ออกฤทธิ์สัมพันธ์กับจิตใจคนไข้ ยิ่งเขาคิดถึงมันมาก


เท่าไหร่ ร่างกายเขายิ่งไม่อยากรับมัน” ฉันทบทวนสิ่งที่หมออธิบายเมื่อตอนเที่ยง
นวดบ่าที่ขมวดตึงของอาจารย์หลิน “ไม่เป็ นไร หลับสักพักนะคะ พอน้ำเกลือที่มียา
ป้องกันเส้นเลือดหมดขวด พ่อจะรู้สึกสบายขึ้น” อาจารย์หลินหลับตาลงอย่างไม่ค่อย
เชื่อนัก

––––––––––

ฉันรู้สึกเหมือนมีผ้าปัดผ้านจมูก จึงรู้ตัวว่าเผลอหลับไป ฉันลืมตา เห็นใครบางคนใน


เสื้อกาวน์สีขาวยืนอยู่ตรงหน้ากำลังปรับความเร็วสายน้ำเกลือ

อาจารย์หลินเหมือนจะหลับไปแล้ว ฉันค่อย ๆ ดึงแขนที่ชาออกจากใต้ศีรษะพ่อ


หลับตาและฟุบอยู่บนผ้านวม ก่อนที่ฉันจะพร้อมขยับตัวก็รู้สึกว่ามีมือกำลังลูบหัวฉัน

ฉันลืมตา มองดูหมอขยี้ผมของฉันเหมือนกำลังขยี้ขนลูกสุนัข แล้วเดินออกไป เกิด


อะไรขึ้น… เขาถูกอะไรเข้าสิงหรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดหลังเขาจากไป

มีคู่รักที่รักกันตั้งแต่วัยเด็กคู่หนึ่งเคยกล่าวไว้ ‘ความผูกพันที่แท้จริงของคู่รักไม่ได้เกิด
ขึ้นตอนที่พูดว่า ‘เราเป็ นแฟนกันนะ’ แต่เป็ นครั้งแรกที่ร่างกายของคุณสัมผัสกัน’

ฉันไม่แน่ใจว่านี่ถือเป็ นการสัมผัสของร่างกายหรือเปล่า แต่นับจากวันนั้น ฉันก็รู้สึก


อึดอัดอย่างเหลือเชื่อทุกครั้งที่พบหมอกู้ เหมือนมีความร้อนวิ่งจากคอขึ้นหัว

*****************************************

ข้อความพิเศษ
หมอ: หึ ตลอด 20 วันที่ผ่านมา คุณทั้งใจเย็น ทั้งสงบนิ่ง

(คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ)

หมอ: แน่นอน

*****************************************

หลินจือเซี่ยวหัวไว พอหมอบอกว่าฤทธิ์ยาแปรตามสภาพจิต ก็บอกพ่อว่าหมอให้ยา


ป้องกันหลอดเลือด ทั้ง ๆ ที่ขวดนั้นคงเป็ นยาคีโม

บทนี้เนื้อหากระโดดนิดหน่อย นางเอกคุยกับแม่ทางโทรศัพท์ แล้วเอามือแตะหน้า


ผากแม่ในย่อหน้าถัดมา เดาว่าหลังวางสายแม่ของเธอคงมาถึงโรงพยาบาล (คนแปล
ก็จับผิดจริง… เปล่านะ แค่นึกภาพตามมากเกินไป)

ดีจัง แม้จะวิ่งดูแลพ่อกับแม่จนเหนื่อย แต่ยังมีใครคนหนึ่งเห็นใจและคอยห่วงใย

You might also like