Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 5

ชีวิตจากนี้ ขอเธอนำทาง – บทที่ 16 อำนวยพร

3 กันยายน 2009

สี่โมงเย็น น้ำเกลือขวดสุดท้ายถูกปลดลงมา และการทำคีโมของอาจารย์หลินก็จบลง


หัวหน้าพยาบาลถ่ายรูปหมู่ครอบครัวของเรา เราทั้งสามคนพยายามฉีกยิ้ม ฉันเปิดดู
รูปในมือถือทีละรูป จู่ ๆ ก็นึกได้ว่ามันเป็ นเวลานานกว่าครึ่งปี ที่เราฝ่ าฟันทุกอย่างมา
ด้วยกัน

แม่แตะใบหน้าของพ่อ “คุณรอดตายครั้งนี้ ถือว่าฟ้าอำนวยพร”

4 กันยายน 2009

ตอนหมอกู้มาเซ็นเอกสารปล่อยตัวคนไข้ แม่ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาล ส่วน


อาจารย์หลินไปรับยา ทิ้งให้ฉันเก็บกระเป๋ าอยู่คนเดียวในห้อง

เขามองฉันเงียบ ๆ มือล้วงกระเป๋ า จู่ ๆ เขาก็ก้มหน้าและยิ้ม “ผมได้ยินจากหัวหน้า


พยาบาลว่าคุณยายของคุณก็ผ่าตัดที่นี่”

“ใช่ค่ะ ตอนนั้นฉันเรียนอยู่ ม. 3 ยายของฉันมารับการรักษามะเร็งหลังโพรงจมูก”

“ปี ไหนครับ”

“2002”

“อ้อ” หมอกู้เงียบไปครู่นึง “ผมแก่กว่าคุณมาก”

ฉันยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ใจเต้นเร็ว “หืม”

หมอกลับสู่รอยยิ้มสุภาพ “ผมอยู่เวรกลางคืนทุกวันศุกร์ ถ้ามีปัญหาอะไรคุณโทรเข้า


เบอร์หมอเวรได้ อย่าลืมมาตรวจตามที่นัดไว้ เดือนมีนาคมปี หน้า”
ก่อนเราจะออกจากโรงพยาบาล ซานซานโทรมา สิบนาทีต่อมา เธอก็ปรากฎตัวที่หอ
ผู้ป่ วยพร้อมกระเป๋ าทั้งใบเล็กใบใหญ่และตะโกนเรียกอาจารย์หลินอย่างอ่อนหวาน “
พ่อคะ”

ฉันมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังพูดจาด้วยท่าทีสูงส่งแม้จะเป็ นแค่เรื่องแตงกวาตาก
แห้ง จนอยากจะเขย่าตัวเธอแล้วถามว่าตกลงเธอเป็ นเทพหรืออย่างไร แต่ครู่เดียว…

“คนนั้นคือหมอกู้ใช่ไหม” ซานซานกระซิบถามฉันด้วยเสียงต่ำ ฉันว่าแล้ว!

“ไม่เลว ผ่านมาตรฐานฉัน”

ใครขอให้เธอออกความเห็นยะ >_<?!!

ซานซานพูดเสียงรอดไรฟันว่า “หลินจือเซี่ยว นี่เป็ นการทำคีโมครั้งสุดท้ายแล้วนะ”

“ฉันรู้” ฉันรู้ว่านี่เป็ นครั้งสุดท้าย ฉันรู้ว่าจะไม่ได้มาที่นี่อีกนาน และฉันก็รู้ว่าโอกาสที่จะ


ได้พบเขาหมดลง ฉันรู้สึกแย่พอแรงแล้ว ดังนั้น “เสี่ยวซาน เลิกจิกฉันเสียที” อย่าซัด
เกลือบนแผลของฉันอีกเลย

10 กันยายน 2009

เสี่ยวเช่าพูดว่า “การเป็ นนักศึกษาใหม่รอบสอง ไม่ให้ความรู้สึกพิเศษเลย”

นอกจากตอนที่นักศึกษาที่ทำหน้าที่ต้อนรับนักศึกษาใหม่ตะโกนเรียก “รุ่นน้อง” และ


“รุ่นพี่” แล้ว เรื่องอื่นก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น สักพัก รุ่นพี่ก็เริ่มล่าตัวรุ่นน้องไปเข้าวง
ออเคสตร้า เอาคำว่า “มิตรภาพ” บังหน้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็ น “ความร่วมมือของเราทุก
คน” พวกเขาต่างเป็ นเทพตัวกลั่น

โชคดีที่ยังมีสาวเสฉวนผู้น่ารักคอยนำอาหารมาท้าทายต่อมรับรสของฉัน แม่ของ
เสี่ยวเช่าชอบส่งอาหารกล่องใหญ่มาให้เรา
เริ่มจาก กระดูกหมูผัดสไตล์อวี๋เซียงซึ่งเผ็ดเกินระดับความสามารถของฉัน ต้องใช้
เวลาหนึ่งอาทิตย์พร้อมด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตาเพื่อกำจัดมัน

ซานซานมาเยี่ยมฉัน “ไม่เลวนี่ ฉันนึกว่ามหาวิทยาลัยเก่า ๆ คงมีแต่ตึกจะพังมิพัง


แหล่”

เสี่ยวเช่าตอบอย่างเคร่งขรึม “ฉันคงไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าอาคารนี้ไม่ปลอดภัย” พ่อของ


เสี่ยวเช่าเป็ นนายหน้าประเมินราคาบ้าน

ซานซานจ้องเสี่ยวเช่า “เด็กคนนี้ไม่เลว ดูแลเธอให้ดี”

ฉัน “. . . .”

ก่อนซานซานจะกลับ เธอก็จับมือฉัน “แล้วหมอกู้เป็ นอย่างไรบ้าง”

“เธอดูจะสนใจเขามากกว่าฉันเสียอีก”

17 กันยายน 2009

อาจเพราะซานซานบอกว่า “หลินจือเซี่ยว ลองสำรวจหัวใจของเธอและทบทวนให้ดี”


ฉันจึงตระหนักว่าความลุ่มหลงในครั้งนี้มันลึกล้ำเกินไป

ระหว่างวีดีโอคอลคุยกับอาจารย์หลินในวันนั้น จู่ ๆ แม่ก็พูดว่า “แม่เพิ่งโทรคุยกับโรง


พยาบาล”

จิตใต้สำนึกฉันถามออกไปทันที “ใครเป็ นคนรับสาย”

“หมอกู้ เขานึกว่าลูกอยู่ที่บ้าน แม่เลยบอกว่ามหาวิทยาลัยของลูกเปิดเทอมแล้ว”

“อ้อ” เรื่องที่พวกเขาคุยกันทำให้ฉันประหลาดใจ “แม่กับเขาคุยกันเรื่องหนู”


“เราคุยกันเรื่องลูกบ่อย ๆ ตอนกลับมาครั้งก่อน เราก็คุยเรื่องลูกอยู่ตั้งนาน”

จากนั้น แม่ก็เล่าว่าพวกเขาคุยกันว่า [หลินจือเซี่ยวอายุเท่าไหร่แล้ว][23 ปี ] [มีแฟน


หรือยัง][ไม่รู้ว่ามีแล้วไม่บอกพวกเราหรือเปล่า] [อาจารย์หลินคงติดเธอมาก][มาก
แต่สามปี จากนี้คงไม่ค่อยได้พบเธอ] [พวกคุณคิดจะปักหลักอยู่เมือง Y หรือ][พ่อเธอ
อยากให้เป็ นแบบนั้น แต่เขาจะให้เธอตัดสินใจเอง]

หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น “คุยกันบ่อยแค่ไหน”

“ก็ตอนคุยทักทาย ถามไถ่แบบที่หัวหน้าพยาบาลและคนไข้คนอื่นก็ถามเรา”

หลังจากวางสาย ฉันเหม่อมองจอคอมพิวเตอร์ ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นเป็ นกลอง


รัว

ฉันนึกถึงเวลาที่เขาพูดว่า “ผมอายุมากกว่าคุณ 6 ปี ” ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เริ่ม


หงุดหงิดกับความสงบนิ่งของเขา

ฉันปี นขึ้นเตียง ฝังหน้าตัวเองใต้ผ้านวม

เสี่ยวเช่าซึ่งนอนเตียงข้าง ๆ ฉัน ชะโงกหน้ามาแล้วพูดว่า “เป็ นอะไรไป”

ฉันเงยหน้าแล้วถามอย่างจริงจัง “เธอจะทำอย่างไรถ้าเธอไม่สามารถเดาได้ว่าอีกฝ่ าย
คิดอะไรอยู่”

จู่ ๆ เสี่ยวเช่าก็ตั้งคำถาม “แล้วเธอเข้าใจหรือยังว่าตัวเองคิดอะไรอยู่”

“ช่างมันเถอะ”

“ถ้ารู้สึกสับสน ทางที่ดีจงพูดความจริง”
*****************************************

ข้อความพิเศษ

หมอ: คุณทำหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา ราวกับผมเป็ นลูกระเบิดที่พร้อมปะทุได้ทุก


เมื่อ

(ไม่ใช่สักหน่อย)

หมอ: ผมเห็นนะว่าคุณเกร็งไปทั้งตัว

You might also like