Professional Documents
Culture Documents
พรบ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456
พรบ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456
พระราชบัญญัติ
การเดินเรือในนานน้าํ สยาม พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
ความเบื้องตน
และคําอธิบายบางคําที่ใชในพระราชบัญญัตินี้
หมวดที่ ๒
หนาที่นายเรือเมื่อเวลาเรือเขามาหรือออกจากนานน้ําไทย
มาตรา ๑๗ เรือกําปน ลําใด เมื่อเขามาในนานน้าํ ไทย นายเรือตองชักธงสําหรับเรือนั้นขึ้นไวให
ปรากฏในเวลากลางวัน จนกวาเจาทามาขึ้นบนเรือ
มาตรา ๑๘ เรือกลที่เปนเรือเดินทะเล และเปนเรือไทยขนาดตัง้ แตหกสิบตันกรอสสขึ้นไป และ
เรือกําปนตางประเทศ เมื่อเขามาในเขตทาเรือใด ๆ ในนานน้ําไทยนายเรือตองรายงานการเขามาถึงตอเจาทา
ตามแบบพิมพของกรมเจาทาภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง นับแตเวลาที่จอดเรือเรียบรอย
มาตรา ๑๙ เรือกลที่เปนเรือเดินทะเลและเปนเรือไทยขนาดตั้งแตหกสิบตันกรอสสขึ้นไป และ
เรือกําปนตางประเทศที่เตรียมจะออกไปจากเขตทาเรือใด ๆ ในนานน้าํ ไทยนายเรือตองชักธงลา (คือธงที่
เรียกวาบลูปเตอร) ถาเรือกําหนดออกในเวลาบายใหชักธงขึ้นในเวลาเชาถาเรือกําหนดออกในเวลาเชาให
ชักธงขึน้ ในเวลาบายของวันกอน
มาตรา ๒๐ เรือกําปนตางประเทศ เมือ่ เขามาในเมืองทาของประเทศไทย ซึง่ มิไดกําหนดเปนเขต
ทาเรือ นายเรือตองรายงานการเขามาหรือออกไปตอเจาทาภายในเวลายี่สิบสีช่ ั่วโมง นับแตเรือเขามาหรือ
กอนเรือออกไป และตองปฏิบัติตามคําสั่งเจาทา
มาตรา ๒๑ เรือกลที่เปนเรือเดินทะเลและเปนเรือไทยขนาดตั้งแตหกสิบตันกรอสสขึ้นไป เมื่อจะออก
จากเขตทาเรือใด ๆ ในนานน้าํ ไทย นายเรือตองแจงกําหนดออกเรือตอเจาทากอนออกเรือเปนเวลาไม
นอยกวาหกชัว่ โมง เพื่อใหเจาทาตรวจสอบวาปฏิบัติถูกตองตามกฎหมายหรือไมเสียกอน เมื่อเห็นวาถูกตอง
แลวจึงอนุญาตใหออกเรือได
มาตรา ๒๒ เรือกําปนที่ใชเดินทะเลระหวางประเทศลําใดที่ตองมีใบสําคัญตามทีก่ ําหนดในกฎ
ขอบังคับสําหรับการตรวจเรือตามมาตรา ๑๖๒ เมื่อจะออกจากเขตทาเรือใด ๆ ในนานน้ําไทย นายเรือ
ตองแจงกําหนดออกเรือตอเจาทากอนออกเรือเปนเวลาไมนอยกวาหกชั่วโมง เพือ่ ใหเจาทาตรวจใบอนุญาต
ใชเรือและในสําคัญดังกลาว ตลอดจนอุปกรณและเครื่องมือเครื่องใชใหถูกตองและใชการได
มาตรา ๒๓ เรือกลที่เปนเรือเดินทะเลและเปนเรือไทย และเรือกําปน ตางประเทศที่ตองมีใบสําคัญ
ตามทีก่ ําหนดในกฎขอบังคับ สําหรับการตรวจเรือตามมาตรา ๑๖๓ เมื่อจะออกจากเขตทาเรือใด ๆ ใน
นานน้าํ ไทยยังเมืองทาตางประเทศ นายเรือจะตองไดรับอนุญาตเรือออกจากทาจากเจาทาเสียกอน
มาตรา ๒๔ ผูใดฝาฝนมาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ มาตรา ๑๙ มาตรา ๒๐ มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒
หรือ มาตรา ๒๓ ตองระวางโทษปรับไมเกินสองพันบาท
ความในหมาดที่ ๒ ของภาค ๑ เดิมซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ. แกไขเพิ่มเติม ฯ พ.ศ. ๒๔๗๗
ถูกยกเลิก และใชความใหมนี้แทนโดย มาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. การเดินเรือในนานน้าํ ไทย ( ฉบับที่ ๑๓ )
พ.ศ. ๒๕๒๕ ความใหมแทนมีเพียงมาตรา ๑๗ ถึง มาตรา ๒๔ ฉะนัน้ ตั้งแต มาตรา ๒๕ ถึง มาตรา ๒๘
จึงถูกยกเลิกไปโดยไมมีความใหมเขามาแทน
ฯลฯ
-๕-
หมวดที่ ๓
วาดวยทําเลทอดจอดเรือ
มาตรา ๒๙ ภายในเขตทาเรือกรุงเทพฯ ถาเรือกําปนลําใดที่มิไดผูกจอดเทียบทาเรือ หรือทาโรงพัก
สินคา เรือกําปนลํานั้นตองทอดสมอจอดอยูกลางลําน้ําดวยสมอสองตัว มีสายโซใหพอทั้งสองตัว เพื่อกันมิให
เรือเกาสมอเคลื่อนจากทีน่ ั้นได
มาตรา ๓๐ เรือเก็บสินคาเรือทองแบน และเรือใด ๆ ทีท่ อดจอดประจําอยูน ั้น ตองผูกจอดอยูกับ
สมอทุนอยางมั่นคงสมกับกําลังของสายโซที่ทอดอยูน นั้
มาตรา ๓๑ หามมิใหเรือกําปน เรือ เก็บสินคา เรือทองแบนอยางใด ๆ ทอดสมอหรือผูกจอดอยู
ในทางเรือเดินในลําแมน้ําเปนอันขาด
มาตรา ๓๒ หามมิใหเรือกําปนลําใดที่ผูกจอดเทียบเทียบทาเรือ ทาพักสินคาหรือเทียบฝงนั้น
ทอดสมอลงไปในแมนา้ํ หางจากหัวเรือเกินกวาสามสิบเมเตอร
มาตรา ๓๓ เรือลําใดที่เจาทาไมยอมออกใบอนุญาตให หรือเรียกคืน หรือยึดใบอนุญาตไว โดยเรือ
นั้นมีความไมสมประกอบสําหรับเดินทะเล ตองใหผกู จอดทอดไวในทีใ่ ดที่หนึ่ง ซึ่งเจาทาจะกําหนดให
มาตรา ๓๔ เรือโปะ หรือเรือโปะจาย เรือลําเลียง เรือสําเภา เรือบรรทุกสินคา เรือเปดทะเล และ
เรืออื่น ๆ ตองจอดทอดสมอกลางแมนา้ํ และถาไมเปนการขัดขวางก็ใหทอดจอดคอนขางฝงตะวันตก แต
ตองไวชองทางเรือเดินไมนอยกวารอยเมเตอร ในระหวางเรือกับฝงตะวันตก หรือกับบรรดาเรือที่จอดเทียบ
ฝงตะวันตก หรือกับแพคนอยูที่ถกู เทียบอยูกับฝงตะวันตก
มาตรา ๓๕ บรรดาเรือโปะ หรือเรือโปะจาย เรือลําเลียง เรือสําเภา เรือบรรทุกสินคา เรือเปดทะเล
และเรืออื่น ๆ ที่ไมไดใชการนั้น ตองใหถอยไปอยูทที่ ําเลสําหรับทอดจอดเรือ แหงใดแหงหนึง่ ในเขตทาตามที่
เจาทาเห็นสมควรจะกําหนดตามครั้งคราว และประกาศใหทราบทั่วกันในหนังสือราชกิจจานุเบกษาและ
ในหนังสือพิมพจดหมายเหตุในทองที่ตั้งแตสองรายขึ้นไป
มาตรา ๓๖ หามมิใหเรือกําปนเดินทะเลลําใดจอดทอดสมอตามลําแมนา้ํ ในระหวางสองตําบลนั้น
เปนทีท่ อดจอดเรือรบสยามและบรรดาเรือกําปนเดินทะเล หรือเรือรบตางประเทศจะแลน หรือมีเรืออื่นจูง
ผานคลองสะพานหันขึ้นไปตามลําแมน้ํานั้นใหถือวาเปนการมิชอบดวยกฎหมายเวนแตจะไดรับอนุญาต
พิเศษจากเจาทาและโดยอาศัยขอบังคับกํากับอนุญาตนัน้ อยูดวยตามซึ่งเจาทาจะเห็นสมควร
มาตรา ๓๗ ถาไมมีเหตุฉุกเฉินอันจําเปนที่จะตองทําเชนนัน้ หามมิใหเรือกําปน ลําใดจอดทอดสมอ
ในลําแมน้ําระหวางวัดบุคคโลกับในระยะทางสองรอยเมเตอรใตปากคลองบางปะแกวและระหวาง
ปากคลองผดุง กับคลองสําเพ็ง เพราะในระหวางตําบลเหลานี้เปนทําเลยกเวนไวสําหรับทางใหเรือเดิน
ขึ้นลอง
มาตรา ๓๘ เรือกําปนทุกลําที่บรรทุกคนโดยสารหรือของจากเมืองทาหรือตําบลใด ๆ ในตางประเทศ
เขามาในแมนา้ํ เจาพระยา หรือเรือใด ๆ ทีเ่ ขามาในแมน้ําเจาพระยาโดยขนถายคนโดยสารหรือของจาก
เรือกําปนที่มาจากตางประเทศ เมื่อผานสมุทรปราการแลว ถาจะสงคนโดยสารหรือของที่บรรทุกมานัน้ ขึ้นบก
-๖-
หมวดที่ ๔
วาดวยทางเรือเดินในลําแมน้ํา
มาตรา ๕๒ ในเขตทากรุงเทพฯ นัน้ ใหมที างเดินเรือสองสายดังนี้ คือ
(๑) สายตะวันออกเรียกวาสายใหญ สายนีม้ ีเขตโดยกวางตัง้ แตเรือกําปนที่จอดอยูกลาง
แมน้ํา จนถึงฝง ตะวันออก หรือถึงแคมเรือกําปนหรือแพคนอยูที่จอดเทียบฝง ตะวันออก
-๙-
(ก.) วาดวยทางเรือเดินสายตะวันออกหรือสายใหญ
มาตรา ๕๕ เรือกําปนไฟทุกขนาด (นอกจากที่วา ไวในมาตรา ๕๘) และเรือกําปนใบทุกอยางที่มี
ขนาดเกินกวาหาสิบตัน เมือ่ ขึ้นลองในลําแมน้ํา ตองเดินในทางเรือเดินสายตะวันออก เวนไวแตเมื่อมีเหตุ
จําเปน หรือเพือ่ จะเขาจอดหรือออกจากทาหรือฝงจึงเดินนอกสายนัน้ ได และบรรดาเรือที่วามานี้ ตองเดินโดย
ชาที่สุดที่พอสมควรแกการเดินเรืออยางระวังและเพื่อปองกันอันตรายแกเรือ และอันตรายทีอ่ าจเกิดจาก
ละลอกคลื่นของเรือนัน้
มาตรา ๕๖ นายเรือผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๕๕ ตองระวางโทษปรับไมเกินสองพันบาท
ความในมาตรา ๕๖ เดิมถูยกเลิกและใชความใหมนแี้ ทนโดยมาตรา ๕ แหง พ.ร.บ. การเดินเรือ
ในนานน้ําไทย (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๐
- ๑๐ -
(ข) วาดายทางเรือเดินสายตะวันตก
มาตรา ๕๗ บรรดาเรือใบขนาดต่ํากวาหาสิบตันและเรือทุกอยางนอกจากไดกลาวไวในมาตรา
๕๕นั้น ตองเดินในทางเรือเดินสายตะวันตก
มาตรา ๕๘ บรรดาเรือกําปนไฟที่จงู เรืออื่นที่มีขนาดต่ํากวาสามสิบหาตันเดินกวาหนึ่งลําขึ้นไป
ตองเดินในทางเรือเดินสายตะวันตก
หามมิใหเรือกําปนลําใด จูงเรือกําปน หรือเรืออยางอืน่ ในเขตทากรุงเทพฯ มากลําจนเกินกวากําลัง
ของเรือกําปน ไฟลํานัน้ จะจูงไปไดระยะทางชัว่ โมงละสองไมลเปนอยางนอยและหามมิใหเรือกําปนลําใด
ที่จูงเรือยูน นั้ เดินไปโดยระยะทางเกินกวาชัว่ โมงละหกไมลในเวลาทวนน้ําหรือเดินเร็วกวาชัว่ โมงละสี่ไมล
ในเวลาตามน้าํ
หามเปนอันขาดมิใหจูงเรือเล็กเกินกวาคราวละสามสิบสองลําเปนอยางมากและหามมิใหเรือทีถ่ ูกจูง
นั้นผูกเทียบซอนลํากันเกินกวาตับละสี่ลาํ
ความในมาตรา ๕๘ เดิมถูกยกเลิกและใชความใหมนแี้ ทนโดยประกาศแกไข พ.ร.บ. วาดวยการ
เดินเรือในนานน้าํ สยาม พ.ศ. ๒๔๒๖
มาตรา ๕๙ ในเวลาทีก่ ําลังจะโยงหรือผูกเรือบรรทุกเขากับสายโยงนัน้ หามมิใหเรือกลไฟลาก หรือ
เรือไฟเล็กที่เปนเรือจูงนั้นแลนรออยูในสายทางเรือเดินเปนอันขาด ถาจะใชสายทางเรือเดินในการจูงเรือจูง
เหลานั้นตองแลนอยูเสมอใหไดระยะทางไมนอยกวาชั่วโมงละสองไมล
มาตรา ๖๐ นายเรือผูใดฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามมาตรา ๕๗ มาตรา ๕๘ หรือมาตรา ๕๙ ตองระวาง
โทษปรับไมเกินสองพันบาท
ความในมาตรา ๖๐ เดิมถูกยกเลิกและใชความใหมนแี้ ทนโดยมาตรา ๖ แหง พ.ร.บ. การเดินเรือ
ในนานน้ําไทย (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๐
(ค) วาดวยสวนทางเรือเดินทั้งสองสายที่หวงไวสําหรับใหเรือเล็กเดิน
มาตรา ๖๑ เรือเล็กทั้งหลาย เดินในทางเรือเดินไดทั้งสองสาย
มาตรา ๖๒ นอกจากมีเหตุจาํ เปนหรือเพื่อจะขามฟากไปจอดที่ทาหรือทีฝ่ งบรรดาเรือเล็กตองเดิน
อยูในแนวน้าํ ในระหวางระยะสามสิบเมตร จากฝงหรือจากเรือกําปนที่จอดเทียบฝง หรือจากแพคนอยูท ี่
ผูกจอดกับฝงแมน้ํา
มาตรา ๖๓ เรือบรรทุกขาวตองเดินไดแตในแนวน้ําที่กาํ หนดไวสําหรับเปนทางเดินของเรือเล็ก
ในทางเรือเดินสายตะวันตก และหามมิใหไปเดินในทางเรือเดินสายตะวันออกในตอนใดตอนหนึง่ เปนอันขาด
มาตรา ๖๔ เมื่อมีเหตุจาํ เปนหรือเพื่อจะขามฟากไปจอดที่ทา หรือที่ฝง และเรือบรรทุกขาวหรือ
เรือเล็กจะตองทํานอกเหนือที่บังคับไวในมาตรา ๖๒ และมาตรา ๖๓ ฉะนั้นก็ใหทําดวยความระวังทุกอยาง
ที่จะมิใหเปนการกีดขวางแกการเดินเรือได
- ๑๑ -
(ฆ) วาดวยทางคลองตาง ๆ
มาตรา ๖๘ ในแมนา้ํ ลําคลองตาง ๆ นอกเขตทา บรรดาเรือที่เดินตามน้ําใหเดินกลางแมนา้ํ หรือ
ลําคลอง เรือทีเ่ ดินทวนน้ําใหเดินแอบฝง ถาไมสามารถจะทําอยางหนึ่งอยางใดดั่งวามานี้ ใหเดินกลางรองน้ํา
และใหปฏิบัติตามขอบังคับการเดินเรือแหงทองถิน่ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อควบคุมการเดินเรือในลําแมน้ํา เรือคลอง
นั้น ๆ ดวย
ใหเจาทาหรือขาหลวงประจําจังหวัดในทองถิ่นที่ไมมีเจาทา มีอาํ นาจออกขอบังคับควบคุมการ
เดินเรือในแมน้ําและลําคลองใด ๆ ซึง่ อยูใ นเขตทองถิ่นของตนได ขอบังคับนัน้ เมื่อไดรับอนุญาตจากรัฐมนตรี
เจาหนาที่และไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลวใหใชบังคับได
ความในมาตรา ๖๘ เดิมถูกยกเลิกและใชความใหมนแี้ ทนโดยมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ.การเดินเรือ
ในนานน้ําสยาม แกไขเพิม่ เติม พ.ศ. ๒๔๗๗
มาตรา ๖๙ นายเรือผูใดไมปฏิบัติตามมาตรา ๖๘ หรือฝาฝนหรือไมปฏิบัติตามขอบังคับทีอ่ อก
ตาม มาตรา ๖๘ ตองระวางโทษปรับไมเกินสองพันบาท
ความในมาตรา ๖๙ เดิมถูกยกเลิก และใชความใหมนแี้ ทนโดยมาตรา ๘ แหง พ.ร.บ.การเดินเรือ
ในนานน้ําไทย (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๒๐
- ๑๒ -
หมวดที่ ๕
วาดวยแพไม แพคนอยู ฯลฯ
ก.แพไม
มาตรา ๗๐ แพไมตาง ๆ ตองมีคนประจําใหพอแกการที่จะควบคุมรักษาแพโดยเรียบรอย และ
คนประจําแพตองระวังอยางที่สุดจะเปนไดเพื่อไมใหแพกีดขวางแกการเดินเรือหรือโดนกับแพคนอยู หรือ
เรือที่ทอดจอดอยูในลําแมนา้ํ แพไมทกุ ๆ แพตองชักธงเครื่องหมายของเจาของแพ และธงสําหรับเชนนี้ตอง
จดทะเบียนทีก่ รมเจาทา แพใดมีซุงกี่ตนและกําหนดจะมาถึงเขตทากรุงเทพ ไดเมื่อใดนั้นเจาของแพตอง
ทําหนังสือแจงความลวงหนาใหเจาทาทราบ
มาตรา ๗๑ หามมิใหแพไมจอดผูกติดกับเรือกําปน หรือหลักเทียบแพคนอยู โดยไมไดรับอนุญาต
จากนายเรือหรือเจาของหลักเจาของแพนัน้ ๆ
มาตรา ๗๒ ภายในเขตทากรุงเทพฯ แพไมตาง ๆ ที่จะลองหรือจูงลงมานัน้ ตองเดินในทางเรือ
เดินสายตะวันตก ถาจะเดินสายตะวันออกตองเดินใหแตแพไมที่มีเรือจูง แพไมแพหนึ่งตองมีซงุ ไมเกินกวา
สองรอยตน หรือกวางเกินกวายี่สิบเมตร
มาตาม ๗๓ หามมิใหลองแพไมขึ้นลงในลําแมนา้ํ ในระหวางเวลาตั้งแตพระอาทิตยตกจนถึง
พระอาทิตยขึ้น
มาตรา ๗๔ ในคลอง หามมิใหลองแพไมที่มซี ุงผูกเทียบกันเกินกวาสี่ตน และที่ผูกติดตอกันยาว
เกินกวาสองชัว่ ซุง และสวนแพไมไผนนั้ ไมใหยาวเกินกวาสิบหกเมตร และกวางเกินกวาที่พอจะใหแพนั้น
เดินในคลองไดโดยไมกีดขวางแกการเดินเรือ
แตถาขาหลวงประจําจังหวัดไดพิจารณาเห็นวาในคลองใด หรือในคลองตอนใด ซึง่ ใชเรือกลไฟหรือ
เรือยนตลากจูงแพเกินกวาทีไ่ ดกําหนดใหในวรรคกอนโดยไมเปนภัยแกการจราจรทางน้าํ ก็อาจผอนผันให
ผูกติดตอกันไดไมเกิน ๓๐ เมตร
เมื่อขาหลวงประจําจังหวัดไดผอนผันใหตามวรรคกอนแลว ภายหลังปรากฏวาเปนภัยแกการจราจร
ทางน้าํ จะถอนเสียก็ได
ความตอทาย มาตรา ๗๔ นี้เพิม่ ขึ้นโดย พ.ร.บ.การเดินเรือในนานน้ําสยาม แกไขเพิม่ เติม
พ.ศ. ๒๔๗๗ (ฉบับที่ ๓)
มาตรา ๗๕ ผูใดละเมิดตอขอบังคับอยางหนึง่ อยางใดในมาตรา ๗๐, ๗๑, ๗๒, ๗๓ และ ๗๔
ทานวามีความผิดตองระวางโทษปรับเปนเงินไมเกินกวารอยบาท แตสวนการฟองรองเอาโทษในความผิด
ตอขอบังคับในมาตรา ๗๑ นั้น ใหฟองไดตอเมื่อมีคํารองมาแตผทู เี่ ปนเจาของเรือกําปนหรือหลัก หรือแพ
คนอยูที่เกี่ยวของ
- ๑๓ -
(ข) แพคนอยู
มาตรา ๗๖ หามมิใหจอดแพคนอยูในลําแมนา้ํ หางจากฝงเกินกวาพอดีสําหรับมิใหแพนัน้ คางแหง
ในเวลาน้าํ ลงงวด
มาตรา ๗๗ เสาหลักสําหรับผูกแพคนอยูน ั้น หามมิใหปกพนแนวหนาแพออกไปมากกวา
หนึง่ เมตรครึ่ง
มาตรา ๗๘ หามมิใหปลูกเรือนทีป่ ก เสาลงเลนตามฝงแมน้ําหางออกมาจากฝงจนเกินกวาพอดี
สําหรับไมใหมนี ้ําคางอยูใตเรือนเมื่อเวลาน้ําลงงวด
มาตรา ๗๙ ภายใตเขตทากรุงเทพฯ หามมิใหแพคนอยูใดมีขนาดกวางหรือยาวเกินกวา สิบหกเมตร
นับรวมทั้งชานและแพเล็กที่เปนสวนติดตอกับแพนัน้ ดวย
มาตรา ๘๐ ตามลําคลองหามมิใหแพคนอยูใดมีขนาดกวางเกินกวาสิบสองเมตรและหามมิใหแพใด
ที่ผูกจอดกับฝง ยื่นล้าํ ออกมาจนอาจเปนทีก่ ีดขวางแกการเดินเรือ
มาตรา ๘๑ หามมิใหจูงแพคนอยูขึ้นลองในตอนใตหลักเขตเหนือของทากรุงเทพฯ ในระหวางตั้งแต
พระอาทิตยตกจนถึงพระอาทิตยขึ้น
มาตรา ๘๒ แพคนอยูท ี่จะจูงขึ้นลองในลําแมน้ําตองเดินในทางเดินเรือสายตะวันตกตอเมื่อมีเหตุอนั
จําเปนจึงใหเดินในทางเรือเดินสายตะวันออกได
มาตรา ๘๓ หามมิใหจอดผูกแพคนอยูใดกับฝงแมน้ําเจาพระยาภายในเขตทากรุงเทพฯ โดยมิไดรับ
อนุญาตจากเจาทา
มาตรา ๘๔ ภายในเขตทากรุงเทพฯ ถาแพคนอยูแพใดยื่นออกมาในลําแมนา้ํ จนอาจเปนเหตุนากลัว
อันตรายแกการเดินเรือในเวลากลางคืนได ใหเจาทามีอํานาจบังคับใหแพนัน้ จุดโคมไฟสีขาวไวในที่เดนและ
เห็นไดงา ย ในระหวางเวลาตั้งแตพระอาทิตยตกจนถึงพระอาทิตยขึ้นเพื่อปองกันมิใหเรือใหญเล็กแลนมา
โดนแพนั้น
มาตรา ๘๕ ตั้งแตวันที่ใหใชพระราชบัญญัตินี้เปนกฎหมาย ถาจะจอดแพคนอยูห รือปลูกเรือนมีเสา
ปกเลน ตามฝง แมนา้ํ ภายในเขตทากรุงเทพฯ ก็ดี หรือตามลําคลองในแขวงกรุงเทพฯ ก็ดี ตองไดรับอนุญาต
จากเจาทากอนจึงทําได
มาตรา ๘๖ คําอนุญาตนั้นตองเปนหนังสือ และมีแผนที่ฝง น้าํ แพคนอยูห รือเรือนปกเสาลงเลน
ที่ขางเคียง และทําเลที่จะจอดแพและปกหลักผูกแพนัน้ ดวย
มาตรา ๘๗ เมื่อรับคําขออนุญาตแลวเจาทาตองตรวจภายในเวลาหนึ่งเดือน และถาเห็นวาเปน
การปฏิบัติถูกตองตามขอบังคับในมาตรา ๘๕ และ ๘๖ ทุกอยางแลวก็ใหออกใบอนุญาตใหตามทีข่ อ
มาตรา ๘๘ หามมิใหลงมือทําการปลูกสรางกอนที่จะไรับอนุญาตตามที่รองขอนัน้ เปนอันขาด
มาตรา ๘๙ ภายในเขตทากรุงเทพฯ ใหเจาทามีอาํ นาจและภายนอกเขตนั้นใหเจาทีพ่ นักงานทองที่
มีอํานาจที่จะบังคับใหรื้อถอนแพคนอยูหรือหลักผูกแพหรือเรือนที่ปกเสาลงชายฝง น้าํ ทีจ่ อดหรือปกหรือ
สรางผิดตอขอบังคับในมาตราตั้งแต ๗๖ ถึง ๗๙ จะเปนแพหรือหลักหรือเรือนทีต่ ั้งอยูนนั้ เมื่อกอนหรือใน
- ๑๔ -
หมวดที่ ๖
ขอบังคับเบ็ดเตล็ด
(ก.) วาดวยการผูกเรือกับฝงดวยเชือกลวดและเชือกตาง ๆ
มาตรา ๙๖ ในแมนา้ํ หรือเขตทาใด ๆ ถานอกจากเรือทีจ่ อดผูกเทียบทาขนสินคาทาขึ้นหรือเทียบฝง
หามมิใหเรือกําปนลําใดผูกโยงกับฝง ดวยเชือกลวด หรือเชือกอยางอืน่ จนไมเหลือชองน้าํ ในระหวางเรือลํา
นั้นกับฝงสําหรับเรืออื่นเดินได
- ๑๕ -
(ค) วาดวยเรือถอยออกจากอู
มาตรา ๑๑๑ ในตอนลําน้ําเจาพระยาซึง่ เรือเดินทะเลเดินใดนนั้ เมื่อมีเรือลําใดกําลังถอยออกจากอู
หรือถอยลงจากทาลาดในเวลากลางวัน ตองมีทนุ รูปกลมสีดําลูกหนึง่ ชักขึ้นไวที่เสา หรือที่เดนแหงหนึง่ ที่
ปากอูหรือทาลาดนัน้ ใหเรือตาง ๆ ทีเ่ ดินขึน้ ลองในแมนา้ํ แลเห็นไดชัด เมื่อกอนหนาจะถอยออกอู หรือทาลาด
ใหชกั ทุน ขึน้ ไวเพียงครึ่งเสา เมื่อกําลังถอยออกใหชัดขึน้ ถึงปลายเสา ถาเปนเวลาค่ําคืนใหใชโคมไฟสีแดงแทน
และทําอยางวิธีเดียวกันกับลูกทุน สีดํา
มาตรา ๑๑๒ ผูใดละเมิดตอขอบังคับอยางหนึ่งอยางใดในมาตราที่วา มานีท้ านวามีความผิดตอง
ระวางโทษปรับเปนเปนเงินไมเกินกวาหารอยบาท
(ค) วาดวยการลวงล้ําแมน้ํา
มาตรา ๑๑๗ หามมิใหผูใดปลูกสรางอาคารหรือสิ่งใดลวงล้ําเจาไปเหนือน้ําในน้าํ และใตน้ํา ของ
แมน้ํา ลําคลอง บึง อางเก็บน้ํา ทะเลสาบ อันเปนทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใชประโยชน
รวมกัน หรือทะเลภายในนานน้าํ ไทย เวนแตจะไดรับอนุญาตจากเจาทา
มาตรา ๑๑๘ ผูใดฝาฝนมา ตรา ๑๑๗ ตองระวางโทษปรับไมเกินสองพันบาทและใหเจาทามีคําสั่ง
เปนหนังสือแจงใหเจาของหรือผูครอบครองอาคารหรือสิ่งลวงน้ํานั้นใหรอื้ ถอนไปใหพน แมนา้ํ ลําคลอง บึง
อางเก็บน้าํ ทะเลสาบ อันเปนทางสัญจรของประชาชน หรือทีป่ ระชาชนใหประโยชนรวมกัน หรือทะเลภายใน
- ๑๘ -
(จ) วาดวยแตรหวีดเปาดวยแรงสตีม
มาตรา ๑๒๒ หามมิใหเรือกําปนไฟ หรือเรือกลไฟเล็กที่ทอดสมออยูก ็ดีหรือกําลังเดินอยูก็ดี เปาแตร
หวีด นอกจากเฉพาะสําหรับความสะดวกในการเดินเรือเพื่อปองกันมิใหโดนกันกับเรืออื่น และเสียงแตร
ที่เปาขึน้ นัน้ หามมิใหเปานานเกินกวาสมควร ขอบังคับทีว่ านี้ใหใชไดสาํ หรับแตรเรือยนตเหมือนกัน
มาตรา ๑๒๓ ภายในเขตทากรุงเทพ ฯ หามมิใหเรือลําใดใชแตรที่มีเสียงหาวหรือเสียงครางครวญ
เวนไวแตเรือมาจากตางประเทศที่ไมมีแตรอยางอืน่ นอกจากอยางนั้น
วาดวยการยิงปน
มาตรา ๑๒๔ ภายในเขตทากรุงเทพ ฯ นอกจากไดรับอนุญาตจากเจาทาหรือจากเจาพนักงานผูม ี
หนาที่ หามมิใหผูใดยิงปนจากเรือลํานั้น หรือเรือเล็กลําใดเปนอันขาด เวนไวแตเปนเครื่องสัญญาณวามี
เหตุรายเกิดขึ้นในเรือ
วาดวยการตีกลองตีฆองและจุดดอกไมเพลิง
มาตรา ๑๒๕ ภายในเขตทากรุงเทพ ฯ นอกจากไดรับอนุญาตจากเจาทาหรือเจาพนักงานผูมีหนาที่
หามมิใหผูใดตีกลอง ตีฆอง ปลอยหรือจุดดอกไมเพลิงในระหวางเวลาตั้งแต ๔ ทุมถึงเวลาย่ํารุง เปนอันขาด
มาตรา ๑๒๖ ผูใดละเมิดตอขอบังคับอยางหนึง่ อยางใดในมาตรา ๑๒๒,๑๒๓,๑๒๔ และ ๑๒๕
ทานวามีความผิดตองระวางโทษปรับเปนเงินไมเกินกวารอยบาท
(ช) วาดวยคําเตือนสําหรับนายเรือกําปน
มาตรา ๑๓๑ เมื่อเวลาอนุญาตใหลูกเรือลาพัก นายเรือควรชี้แจงแกลูกเรือใหทราบวาเวลาขึ้นบก
อยาใหมีมีดทีม่ ีฝกหรืออาวุธที่อาจทําอันตรายไดอยางอืน่ ๆ เชน ลูกดิง่ ฯลฯ ติดตัวไปดวยเปนอันขาด
ความตามในมาตรา ๑๓๕ ขอ ๒ แหงประมวลกฎหมายลักษณะอาญา ทานวาถาผูใดมีอาวุธ อยาง
ใดเชนวามานัน้ เขาไปในสถานที่หรือสาธารณสถาน กองตระเวนมีอํานาจที่จะจับกุมผูนั้นได และถาพิจารณา
เปนสัตยตอหนาศาล ใหตองระวางโทษปรับเปนเงินไมเกินกวาสิบสองบาท และใหริบอาวุธนั้นเสียดวย
มาตรา ๑๓๓ หามมิใหพาเอาศพเขามาในนานน้ําสยามจากเมืองทาตางประเทศนอกจากศพที่มหี ีบ
หรือเครื่องหุมหออยางมิดชิดแนนหนารัว่ ไมได และมีหนังสือใบพยานกํากับศพมาดวยฉบับหนึง่ ชี้แจงวา
ตามดวยเหตุอะไร เปนหนังสือใบพยานที่แพทยซงึ่ มีวฒ ุ ิสมควรตามกฎหมายไดทาํ ให และกงสุลสยามใน
เมืองทาที่มาจากนัน้ ไดลงชื่อเปนพยาน หรือถาไมมีกงสุลสยาม เจาพนักงานฝายตุลาการไดลงชื่อเปนพยาน
เมื่อศพมาถึงนานน้ําสยามนายเรือตองรีบแจงความใหผนู ํารองเจาทาหรือพนักงานแพทยสุขาทราบโดยพลัน
- ๒๑ -
ภาคที่ ๒
ขอบังคับสําหรับออกใบอนุญาต
การใชและการควบคุมเรือกําปนและเรือเล็กตาง ๆ
หมาดที่ ๑
วาดวยขอบังคับทั่วไป
มาตรา ๑๓๔ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ.การเดินเรือในนานน้าํ สยามฉบับที่ ๖ พ.ศ.๒๔๘๑
มาตรา ๑๓๕,๑๓๖
มาตรา ๑๓๕ และมาตรา ๑๓๖ เดิมถูกยกเลิกและใชความใหมแทนโดยมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ.
การเดินเรือในนานน้าํ สยาม (ฉบับที่ ๖) พ.ศ.๒๔๘๑
มาตรา ๑๓๗ เรื่องราวขอรับใบอนุญาต หรือขอตออาวใบอนุญาตนั้นใหยนื่ ตอเจาทาหรือเจา
พนักงาน ซึ่งไดแตงตั้งขึ้นเพื่อการจดทะเบียน และตองเขียนดวยกระดาษแบบพิมพของราชการ เวลาทีย่ ื่น
เรื่องราวผูขอใบอนุญาตตองนําเงินไมตา่ํ กวากึง่ จํานวนเงินคาธรรมเนียมสําหรับออกใบอนุญาตนัน้ มาวางไว
ดวย
ถาเปนเรือกลไฟ หรือเรือยนตที่ประสงคจะเดินรับจางบรรทุกคนโดยสาร หรือสินคาหรือจูงเรือ ผูยนื่
เรื่องราวตองมาแจงใหชัดเจน ถาจะเดินรับจางเปนการประจําทางจะตองระบุดวยวาตนจะนําเรือนั้นไป
เดินทางจากตําบลใดถึงตําบลใด
เพื่อประโยชนแหงมาตรานี้ เรือกลไฟหรือเรือยนตลําใด เดินรับจางเปนการประจําระหวาง ตําบล
ใด ๆ มีกําหนดตั้งแต ๓ เดือนขึ้นไป ใหถือวาเปนเรือเดินประจําทาง
เรือกลไฟหรือเรือยนตที่ไดรับอนุญาตใหเดินรับจางบรรทุกคนโดยสารหรือสินคาหรือจูงเรือตามความ
ประสงคในวรรคกอนนี้แลว ตอมาถาจะแกทะเบียนเปลีย่ นความประสงคไดรับอนุญาตไวแตเดิมนั้นก็ได
ความในมาตรา ๑๓๗ เดิมถูกยกเลิกและใชความใหมนแี้ ทนโดยมาตรา ๓ แหง พ.ร.บ.การเดินเรือ
ในนานน้ําสยาม แกไขเพิม่ เติม พ.ศ.๒๔๗๗
มาตรา ๑๓๘ เมื่อเจาพนักงานออกใบอนุญาตวินิจฉัยโดยเหตุอันสมควรเห็นวาเรือกําปนและเรือเล็ก
ลําใดมีความพิทักษรักษาและความสะอาดเรียบรอยไมพอเพียงสําหรับการที่ใชกันอยูหรือที่คิดจะใชนั้นก็ดี
ทานวาถาเปนเรือที่ยังไมมีใบอนุญาตเจาพนักงานผูน ั้นมีอํานาจที่จะไมยอมอกใบอนุญาตให ถาเปนเรือที่มี
ใบอนุญาต เจาพนักงานมีอาํ นาจที่จะเรียกคืนและริบใบอนุญาตนัน้ ได
มาตรา ๑๓๙ เมื่อจาทาตรวจพบวาเรือกําปนลําใดที่ใชในทะเลหรือเรือที่ใชในแมน้ําไมอยูในสภาพที่
ปลอดภัยหรือไมเหมาะสมสําหรับการใช ใหเจาทามีอํานาจออกคําสั่งเปนหนังสือถึงนายเรือหามใชเรือนั้น
และสั่งใหเปลีย่ นแปลงแกไขหรือซอมแซมใหเรียบรอย จนเปนที่ปลอดภัยหรือมีสภาพเหมาะสมสําหรับการใช
- ๒๒ -
หมวดที่ ๔
วาดวยเรือใบ เรือโปะจาย เรือลําเลียง เรือเปดทะเล เรืออื่น ๆ และเรือสําเภา
มาตรา ๑๗๗ ในใบอนุญาตทุกฉบับสําหรับเรือใบ เรือโปะจาย เรือลําเลียง เรือเปดทะเล และ
เรืออื่น ๆ และเรือสําเภานัน้ ตองชี้แจงขนาดความยาว ลึกของเรือและเรืออาจบรรทุกของหนักไดเพียงใด
มาตรา ๑๗๙ หามมิใหเรือโปะจาย เรือลําเลียง เรือเปดทะเลและอืน่ ๆ และเรือสําเภา มีทองเรือ
ปลอม หรือมีระวาง หรือที่ลบั สําหรับซอนสินคาหรือซอนบุคคล
ฯลฯ
หมวดที่ ๗
วาดวยการจางและการเลิกจางคนสําหรับเรือตาง ๆ และการสอบไลความรูเพื่อรับประกาศนียบัตร
สําหรับทําการตามหนาที่ได
มาตรา ๒๗๗ หามมิใหผใู ดทําการในเรือกลไฟ เรือยนต เรือเดินทะเล เรือบรรทุกสินคาขนาดตั้งแต
๑๐๐ หาบขึน้ ไปซึ่งทําการติดตอกับเรือเดินทะเลหรือเรือซึ่งใชเปนเรือชูชีพประจําเรือเดินทะเล ในตําแหนงที่
กฎขอบังคับสําหรับการตรวจเรือกําหนดใหตองมีประกาศนียบัตร เวนแตเปนผูท ี่ไดรับประกาศนียบัตรรับรอง
ความรูความสามารถใหทาํ การเชนนั้นได
มาตรา ๒๘๗ เมื่อจะออกประกาศนียบัตรเชนวามาแลวใหแกผูใดสําหรับทําการเปนนายเรือ ตนหน
สรั่ง ไตกง นายทาย หรือตนกล คนใชเครือ่ ง ทานวาผูน นั้ ตองสอบความรูไดแลว และเมื่อยืน่ ใบสมัครสอบนั้น
ตองมีพยานหลักฐานมาแสดงใหเปนทีพ่ อใจถึงเรื่องไมเปนคนประพฤติเสเพล ติดสุรายาเมา หรือติดยา
เสพติดใหโทษ ความชํานาญการงานที่ไดทํามา และความประพฤติทั่วไปนัน้ ดวย แตถาผูน นั้ เปนนายเรือ
ตนหน สรั่ง ไตกงและนายทายจะตองแสดงวามีสายตาดีดวย
สรั่ง หมายความถึงผูทาํ การควบคุมเรือลําเลียง
ไตกง หมายความถึงผูควบคุมเรือใบเดินทะเลทีม่ ีน้ําหนักบรรทุกตั้งแต ๘๐๐ หาบขึน้ ไป
คนถือทาย หมายความถึงผูควบคุมเรือ หรือผูถือทาย หรือคนแจวทายของเรือบรรทุกสินคา
ที่ทาํ การติดตอกับเรือเดินทะเล
มาตรา ๒๗๙ ใหเจาทาโดยอนุมัติรฐั มนตรีวา การกระทรวงคมนาคม มีอํานาจออกของบังคับ
เกี่ยวกับการสอบความรูของผูทําการในเรือในเรื่องดังตอไปนี้
๑. การแบงชั้นความรู
๒. วิธีการสอบความรู
๓. หลักสูตร
๔. คุณสมบัติของผูสมัครสอบ
๕. คาธรรมเนียมในการสอบ
๖. การออกประกาศนียบัตรรับรองความรูความสามารถ
๗. รายละเอียดอื่น ๆ เกี่ยวกับการสอบความรู
- ๒๗ -
ขอบังคับนั้นเมื่อไดประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลวใหใชบังคับได
มาตรา ๒๘๐ ประกาศนียบัตรแสดงความรูน ั้น ตองระบุชื่อ อายุและตําหนิรปู พรรณของผูที่ถือ
ประกาศนียบัตร และขอความอื่น ๆ ตามที่จําเปน และตองมีรูปถายของผูถือประกาศนียบัตรปดไวดวย
ประกาศนียบัตรสําหรับคนถือทายใหมีอายุสามป นอกนั้นใหมีอายุหาป เมื่อครบกําหนดแลวผูถือ
ตองนํามาเปลีย่ นใหม ใหเรียกคาธรรมเนียมการเปลี่ยนประกาศนียบัตรกึ่งหนึ่งแหงอัตราคาธรรมเนียมเดิม
และถาเจาทาจะตองการใหแสดงพยานหลักฐานดังที่บญ ั ญัติไวในมาตรา ๒๘๗ ก็ทาํ ได
มาตรา ๒๘๑ บรรดาประกาศนียบัตรสําหรับความรูที่ไดออกใหไปแลวกอนเวลาประกาศใช
พระราชบัญญัตินี้นนั้ ใหเปนอันใชมีกาํ หนดหาปนับแตวนั ที่ออกประกาศนียบัตรใหไปแลว
มาตรา ๒๘๒ ผูใดทําการในเรือในตําแหนงทีก่ ฏขอบังคับสําหรับการตรวจเรือกําหนดใหตอ งมี
ประกาศนียบัตรรับรองความรูความสามารถ โดยมิไดรับประกาศนียบัตรรับรองความรูความสามารถอัน
ถูกตองตามบทบัญญัตินี้ หรือทําการในเรือในขณะที่ประกาศนียบัตรสิ้นอายุแลว ตองระวางโทษจําคุก
ไมเกินสามเดือน หรือปรับไมเกินสองพันบาท หรือทั้งปรับทั้งจํา
มาตรา ๒๘๓ ผูใดเอาประกาศนียบัตรของคนอื่นออกอาง หรือใชสําหรับคนดวยประการใด ๆ
ทานวาผูนนั้ มีความผิดระวางโทษานุโทษเปนสามสถาน สถานหนึ่งใหจําคุกไมเกินกวาหกเดือน สถานหนึ่ง
ใหปรับไมเกินกวาพันบาท สถานหนึง่ ทัง้ จําทั้งปรับเชนวามาแลวดวยกัน และผูใดแสวงหาประกาศนียบัตร
มาใหใชสาํ หรับการเชนวามาแลวดวยกัน และผูใดแสวงหาประกาศนียบัตรมาใหใชสําหรับการเชนวามา
ในมาตรานี้ ทานวาผูน ั้นมีความผิดตองระวางโทษเชนวามาแลวดุจกัน
มาตรา ๒๘๔ ผูทําการในเรือในตําแหนงที่กฎขอบังคับสําหรับการตรวจเรือทีก่ ําหนดใหตองมี
ประกาศนียบัตรรับรองความรูความสามารถตองเก็บประกาศนียบัตรของตนไวในเรือ เพื่อใหเจาทาตรวจได
ในขณะทีท่ ําการ
ถาเจาทาหรือตัวแทนเจาของเรือประสงคจะเปลี่ยนตัวผูท ําการในเรือลําใดใหเจาของหรือตัวแทน
ของเรือนําใบอนุญาตใชเรือลํานัน้ พรอมทัง้ ประกาศนียบัตรของผูที่จะทําการในเรือลํานัน้ ไปใหเจาพนักงาน
ออกใบอนุญาตบันทึกการเปลี่ยนตัวผูท ําการในเรือไวในใบอนุญาตใชเรือ ณ ที่ทาํ การเจาทาทองถิ่นที่เรือนัน้
ขึ้นทะเบียน ภายในกําหนดสิบหาวัน
มาตรา ๒๘๕ คนรับจางสําหรับทําการในเรือเดินทะเลคนใด จะเขาทําการงานหรือผูจางทําการงาน
ในเรือกําปน ชาติสยาม หรือเรือกําปน ตางประเทศชาติใดที่ไมมีกงสุลประจําอยูในกรุงสยาม ตองไดรับ
อนุญาตจากเจาทากอน จึงทําไดและเจาตองเรียกใบพยานเลิกจางที่ผูนนั้ ไดรับจากเรือที่ตนไดทําการงาน
มาแลวในหนหลังมาเก็บรักษาไวดวย ถาผูนั้นนําใบพยานเชนนั้นมาสงไมได ทานวาผูนนั้ จําเปนตองชี้แจงวา
เปนดวยเหตุใดใหเปนที่พอใจเจาทา
มาตรา ๒๘๖ คาธรรมเนียมซึ่งรัฐบาลสยามจะไดกาํ หนดตามครั่งคราวนั้นใหเรียกเก็บสําหรับการ
วาจางและการเลิกจางทุกครั้ง ใหเจาทาจัดระเบียบพิกดั คาธรรมเนียมเชนนี้ปดประกาศไวในที่แลเห็นงาย ณ
- ๒๘ -
หมวดที่ ๘
วาดวยการใชอํานาจทําโทษสําหรับความผิด
มาตรา ๒๙๑ ผูนํารอง นายเรือ ตนหน สรั่ง ไตกง นายทาย คนถือทาย ตนกล หรือคนใชเครื่องที่
ไดรับประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตผูหยอนความสามารถหรือประพฤติไมสมควรแกหนาที่ ละเลย
ไมปฏิบัติตามกฎหมายหรือขอบังคับเกี่ยวกับการเดินเรือ หรือหนาที่ของตนใหเจาทามีอํานาจที่จะสั่งงด
ไมใหใชประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตมีกําหนดไมเกินสองป แตไมเปนการลบลางโทษอยางอื่นซึง่ ผูนนั้
จะพึงไดรับ
ถาผูนนั้ ไมพอใจคําสั่งใหงดใชประกาศนียบัตรหรือใบอนุญาต ใหผูนนั้ มีสทิ ธิทจี่ ะอุทธรณไปยัง
รัฐมนตรีเจาหนาที่ ภายในหนึ่งเดือนนับแตวันที่ไดทราบคําสั่ง คําชี้ขาดของรัฐมนตรีนนั้ เปนที่สุด แตใน
ระหวางที่รัฐมนตรียังมิไดชี้ขาด คําสัง่ ใหงดใชประกาศนียบัตรหรือใบอนุญาตมีผลบังคับใช
มาตรา ๒๙๒ เจาทาทุกตําบลมีอํานาจหนาที่ที่จะงด หรือเรียกคืนประกาศนียบัตรหรือใบอนุญาต
ใด ๆ ได ตามลักษณะมาตรา ๒๙๑ และเพื่อประกอบกับการเชนนัน้ ใหเจาทามีอาํ นาจทําการไตสวนและ
หมายเรียกพยาน และสืบพยานไดทุกอยาง ถาพยานคนใดไมมาเปดพยานหรือขัดขืนไมยอมเบิกพยานก็ดี
ทานวามีความผิดตองระวางโทษตอหนาศาลธรรมดาตามโทษานุโทษที่กฎหมายบัญัญติไวสําหรับความผิด
เชนนัน้
ในการไตสวนอยางใดตามทีว่ ามาแลว เจาทาจะมีผูชว ยวินิจฉัยสองนาย ซึง่ เสนาบดีกระทรวง
นครบาล จะเลือกจากจํานวนคนที่มีความรอบรูความชํานาญในการเดินเรือทะเลมานั่งพรอมดวยก็ได
- ๒๙ -
ถาผูใดตองคดีคนใดไมมีความพอใจและจะขอใหตรวจคําตัดสินของคณะที่ไตสวนเชนวามานี้ เสีย
ใหม ทานวาจะฟองอุทธรณเจาทาตอศาลอันมีหนาที่กฟ็ อ งได
มาตรา ๒๙๓ การใชอํานาจปรับโทษที่ใหไวแกเจาทาตามพระราชบัญญัตินี้ไมเกี่ยวของอยางใด
กับคดีทางอาญาหรือทางแพง ซึง่ อาจฟองรองจําเลยในความผิดอันเดียวนัน้ ตอศาลซึ่งมีหนาที่เพือ่ ใหลงโทษ
หรือปรับจําเลยใชคาเสียหาย ตามลักษณะที่บัญญัติไวในพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอืน่ สําหรับ
ความผิดนัน้
มาตรา ๒๙๔ ผูใดซึ่งเจาทายึดหรือเรียกคืนประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตอยางใดตามลักษณะ
พระราชบัญญัตินี้ เมื่อมีบังคับใหสง ตองนําประกาศนียบัตรหรือใบอนุญาตสําหรับตัวนั้นไปสงยังเจาทา
ถาไมสงทานวาผูนนั้ มีความผิด ตองระวางโทษปรับเปนเงินไมเกินกวาสองรอยบาท
มาตรา ๒๙๕ ประกาศนียบัตรหรือใบอนุญาตใด ๆ ที่ถูกเรียกคืนนัน้ ทานใหยกเลิกเปนอันใชไมได
ตอไปทุกฉบับ
มาตรา ๒๙๖ บรรดาใบอนุญาตหรือประกาศนียบัตรทีถ่ ูกยึดไวชวั่ คราวนั้นใหรักษาไว ณ ที่วา การ
กรมเจาทา เมื่อครบกําหนดเวลาที่ใหยึดแลวใหสงคืนแกผูถือรับไปตามเดิม แตตองจดความที่ใหยึดนั้นลงไว
ในฉบับประกาศนียบัตร หรือใบอนุญาตนัน้ ดวยเปนสําคัญ
หมวดที่ ๙
ลักษณะโทษและลักษณะรับผิดชอบทางแพง
มาตรา ๒๙๗ ผูใดไมกระทําตามคําสั่ง หรือตอสูหรือขัดขวางเจาพนักงานคนใดซึ่งทําการในหนาที่
ตามพระราชบัญญัตินี้ ทานวาผูน ั้นมีความผิดตองระวางโทษานุโทษเปนสองสถาน สถานหนึ่งใหจําคุก
ไมเกินกวาหกเดือน สถานหนึง่ ใหปรับเปนเงินไมเกินกวาหารอยบาท สถานหนึ่งใหลงโทษทัง้ จําทั้งปรับ
เชนวามาแลวดวยกัน
มาตรา ๒๙๘ ในความผิดอยางใด ๆ ตอพระราชบัญญัตินี้ ถาผูท ี่ควบคุมเรือหรือควบคุมเครื่องจักร
ของเรือกําปน และเรือเล็กตาง ๆ ลําใดซึง่ เปนจําเลยนัน้ หลบหนีตามตัวไมไดทานวาศาลมีอํานาจลงโทษปรับ
แกเจาของเรือหรือแกเจาของเรือหรือแกผทู ี่ไดรับใบอนุญาตสําหรับเรือลํานัน้ ไดตามที่กฎหมายนีบ้ ัญญัติไว
สําหรับความผิดนั้น ๆ
มาตรา ๒๙๙ เจาของเรือหรือผูที่รับใบอนุญาตสําหรับเรือกําปน และเรือเล็กตาง ๆ ทุกลํา ตองเปน
ผูรับผิดชอบในการใชคาปรับตาง ๆ ซึ่งนายเรือ ตนกล ตนหน หรือลูกเรือลํานัน้ ถูกปรับโดยกระทําความผิด
อยางหนึ่งอยางใดตอพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๓๐๐ เจาของแพไมทุกแพตองเปนผูรับผิดชอบในการใชคาปรับตาง ๆ ซึ่งผูท ี่ควบคุมแพหรือ
คนประจําการในแพนัน้ ถูกปรับ โดยกระทําความผิดอยางหนึง่ อยางใดตอพระราชบัญญัติ
มาตรา ๓๐๑ ลักษณะโทษตาง ๆ ที่กําหนดไวในพระราชบัญญัตินี้ทานวาไมเกี่ยวของอยางใด
กับความรับผิดชอบซึ่งจําเลยจะพึงถูกปรับในคดีสวนแพงเพราะความผิดอยางหนึง่ อยางใดตอ
พระราชบัญญัตินี้
- ๓๐ -
หมวดที่ ๑๐
ขอบังคับทั่วไปสําหรับเมื่อมีเหตุเรือโดนกัน
มาตรา ๓๐๒ ถามีเหตุเรือโดนกันครั้งใด เปนโดยความไมไดแกลง หรือเปนโดยเหตุใด ๆ ซึ่งเหลือ
ความสามารถของมนุษยจะปองกันไดดี ทานวาอันตรายและความเสียหายที่ไดมีขึ้นแกเรือลําใดมากนอย
เทาใดตองเปนผลกับเรือลํานั้นเองทัง้ สิน้
มาตรา ๓๐๓ ถามีเหตุเรือโดนกันครั้งใด เปนดวยความผิดหรือความละเลย ทานวาอันตรายและ
ความเสียหายที่ไดมีขึ้นมากนอยเทาใด ใหปรับเอาแกเรือลําที่มีความผิดหรือมีความละเลยนัน้
มาตรา ๓๐๔ ถาเรือทีโ่ ดนกันนัน้ ตางมีความผิดหรือความละเลยทั้งสองลําทานวาไมตองปรับให
ฝายใดใชคาเสียหายอันตราย ซึ่งไดมีแกลําใดหรือทัง้ สองลําเวนไวแตถาพิจารณาไดความปรากฏวามูลเหตุที่
โดนกันไดเกิดจากฝายใดโดยมาก ฉะนั้นจึงใหศาลซึง่ มีหนาที่ตัดสินกําหนดจํานวนเงินที่ฝายนัน้ จะตองใช
คาเสียหายใหแกอีกฝายหนึง่
มาตรา ๓๐๕ เมื่อมีความผิด หรือความละเลยเกิดขึ้นอยางใด อันเรือที่เกี่ยวของมีความผิดดวยกัน
ทั้งสองฝาย ทานวาเจาของหรือนายเรือทั้งสองลํานัน้ หรือลําใดแตลําเดียวตองรับผิดชอบใชคาเสียหายหรือ
ความเสียหายที่ไดมีขึ้นแกสงิ่ ของที่บรรทุกในเรือหรือแกบุคคลเพราะความผิดหรือความละเลยที่ไดกระทํานัน้
ถาและการตองใชคาอันตรายหรือความเสียหายนัน้ ตกหนักแกเรือที่ตองคดีนั้นแตลําเดียว ทานวา
เรือลํานัน้ ยอมมีอํานาจที่จะฟองรองใหเรืออีกลําหนึง่ ที่ตอ งคดีดวยกันชวยใชเงินที่ไดเสียไปแลวนัน้ กึ่งหนึ่ง
ถาและทางพิจารณาตามกฎหมายไดพิพากษาวาความรับผิดชอบนั้นคารแบงกันเปนอ ยางอืน่
นอกจากทีว่ ามาแลวฉะนั้นทานวาการที่จะตองใชเงินคาอันตรายหรือความเสียหายตองเปนไปตาม
คําพิพากษานัน้
มาตรา ๓๐๖ การรองเอาคาเสียหายนัน้ ทานวากัปตันหรือนายเรือลําใดที่เกีย่ วในคดียอมมีอํานาจ
เปนโจทกแทนบรรดาบุคคลที่เกี่ยวของนั้นได
มาตรา ๓๐๗ ถาการที่เรือโดนกันเปนเหตุใหเสียชีวิตหรือเกิดบาดเจ็บแกบุคคลทานวาเงินคา
เสียหายที่ตัดสินใหเสียในสวนนี้ตองใชกอนคาเสียหายอยางอืน่ ๆ
มาตรา ๓๐๘ คํารองเอาคาเสียหายอยางใด ๆ ที่เนื่องจากเหตุเรือโดนกันนัน้ ทานวาตองยืน่ ภายใน
หกเดือนนับจากวันที่ผูเกี่ยวของเปนโจทยไดทราบเหตุอนั นัน้
มาตรา ๓๐๙ เมื่อไดมีคําฟองเรียกคาเสียหายอันเกิดจากเหตุเรือโดนกันยืน่ ตอศาลถาผูใดที่เกีย่ วใน
คดีรองขอขึ้น ทานวาผูพพิ ากษาที่มหี นาที่มีอาํ นาจทีจ่ ะออกคําสังใหมีการอายัดแกเรือลําเดียวหรือหลายลํา
อันตองหาวาเปนตนเหตุในการที่เรือโดนกันนั้นได
มาตรา ๓๑๐ (๑) ถามีความผิดอยางใดตอกฏของบังคับสําหรับปองกันเหตุเรือโดนกันเกิดขึน้ เพราะ
ความละเมิดของนายเรือ หรือเจาของเรือลําใดอันเปนละเมิดที่กระทําดวยความจงใจ ทานวานายเรือหรือ
เจาของเรือผูนนั้ มีความผิดตองระวางโทษานุโทษสําหรับทุกกครั้งที่ละเมิดเชนนัน้ เปนสามสถาน สถานหนึง่
- ๓๑ -
พระราชบัญญัติ
การเดินเรือในนานน้าํ สยาม (ฉบับที่ ๖) พุทธศักราช ๒๔๘๑
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจาอยูหวั อานันทมหิดล
คณะผูสําเร็จราชการแทนพระองค
(ตามประกาศประธานสภาผูแทนราษฎร)
ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
พล.อ.เจาพระยาพิชเยนทรโยธิน
ตราไว ณ วันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๒ เปนปที่ ๖ ในรัชกาลปจจุบนั
โดยที่สภาผูแทนราษฎรลงมติวา สมควรแกไขเพิ่มเติมกฎหมายวาดวยการเดินเรือในนานน้ําสยาม
บางมาตราทีเ่ กี่ยวกับการออกใบอนุญาต ใหเหมาะสมยิง่ ขึ้น
จึงมีพระบรมราชโองการใหตราพระราชบัญญัติขึ้นไวโดยคําแนะนําและยินยอมของสภา
ผูแทนราษฎร ดังตอไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกวา “พระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําสยาม ฉบับที่ ๖
พุทธศักราช ๒๔๘๑”
มาตรา ๒ ใหใชพระราชบัญญัตินี้เมื่อพนกําหนดเกาสิบวันนับแตวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปนตนไป
มาตรา ๓ ใหยกเลิกมาตรา ๑๓๔ มาตรา ๑๔๔ และมาตรา ๑๘๒ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือ
ในนานน้ําสยาม พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และมาตรา ๑๓๕ มาตรา ๑๓๖ ซึ่งแกไขตามมาตรา ๓ แหง
พระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําสยาม แกไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๗๗
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“เรือ” หมายความวา ยานพาหนะทางน้าํ ทุกชนิดที่ไมวา จะใชเพื่อบรรทุกลําเลียง ลาก จูง ดัน ยก ขุด
หรือลอก รวมทั้งยานพาหนะอยางอื่นที่สามารถใชในน้ําไดทํานองเดียวกัน
“เรือกล” หมายความถึง เรือที่เดินดวยกําลังเครื่องจักรกล จะใชกาํ ลังอืน่ ดวยหรือไมกต็ าม
มาตรา ๕ นอกจากจะมีความตกลงกับตางประเทศเปนอยางอืน่ เรือที่ใชในนานน้ําสยามตองรับ
ใบอนุญาตใชเรือ เวนแต
๑. เรือของราชนาวีสยาม
๒. เรือของรัฐบาลตางประเทศ ซึ่งเขามาในนานน้ําสยามชั่วครั้งคราว
๓. เรือตางประเทศ ซึง่ เขามาในนานน้าํ สยามชัว่ ครั้งคราว และใบอนุญาตยังไมสนิ้ อายุ
๔. เรือที่ไมใชเรือกลขนาดต่ํากวายี่สิบหาหาบ
๕. เรือซึ่งตองมีประจําเรือใหญตามกฎขอบังคับสําหรับการตรวจเรือ
มาตรา ๖ การรับในอนุญาตตามมาตรา ๕ ตองเสียคาธรรมเนียมตามมาตราแหงพระราชบัญญัติ
การเดินเรือในนานนําไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือใน
นานน้าํ ไทย ฉบับที่ ๑๐ พ.ศ.๒๕๑๐
- ๓๓ -
บทบัญญัติเฉพาะกาล
มาตรา ๑๑ เรือซึ่งจะตองรับใบอนุญาตกอนใชพระราชบัญญัตินี้ที่ไดใชอยูโดยมิไดรับใบอนุญาตก็ดี
หรือใบอนุญาตไดสิ้นอายุเสียแลวก็ดี ถาเจาของมาขอรับใบอนุญาต หรือขอตออายุใบอนุญาตเสียกอน
สิ้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๘๒ แลว จะไมตองรับโทษสําหรับการที่ไดใชเรือโดยมิไดรับใบอนุญาตหรือโดย
มิไดตออายุใบอนุญาตหรือโดยมิไดตออายุใบอนุญาตมาแลวนัน้
ผูรับสนองพระบรมราชโองการ
ป.พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
- ๓๔ -
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๕ (พ.ศ.๒๕๑๐)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ.๒๕๑๐
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม ออกฎกระทรวงไวดังตอไปนี้
เขตทาเรือกรุงเทพ ฯ นัน้ คือ
เขตที่ ๑
ดานเหนือ – ตั้งแตปากคลองบางกระบือดานเหนือ ตําบลถนนนครชัยศรี อําเภอดุสติ จังหวัดพระนคร
เปนเสนฉากตรงไปฝงแมนา้ํ ตรงกันขาม
ดานใต – ตั้งแตปากคลองวัดคลองใหมดานเหนือ ตําบลโพงพาง อําเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร
เปนเสนฉากตรงไปฝงแมนา้ํ ตรงกันขาม
เขตที่ ๒
ดานเหนือ – ตั้งแตปากคลองวัดคลองใหมดานเหนือ ตําบลโพงพาง อําเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร
เปนเสนฉากตรงไปฝงแมนา้ํ ตรงกันขาม
ดานใต – ตั้งแตปากคลองสําโรงดานเหนือ ตําบลบางนา อําเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร เปนเสน
ฉากตรงไปฝงแมน้ําตรงกันขาม
เขตที่ ๓
ดานเหนือ – ตั้งแตปากคลองสําโรงดานเหนือ ตําบลบางนา อําเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร
เปนเสนฉากตรงไปฝงแมนา้ํ ตรงกันขาม
ดานใต – ตั้งแตหลักกิโลเมตร ๐ หนาปอมพระจุลจอมเกลา ตําบล แหลมฟาผา จังหวัด
สมุทรปราการ เปนเสนฉากตรงไปฝงแมนา้ํ ตรงกันขาม
พลโท พ.ปุณณกันต
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม
- ๓๕ -
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๒๑ (พ.ศ.๒๕๑๑)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึง่ แกไขเพิ่มโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย ฉบับที่๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๐
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปนี้
ขอ ๑ ใหยกเลิกกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ.๒๕๑๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือ
ในนานน้ําไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
ขอ ๒ เขตทาเรือจังหวัดสงขลา นั้นคือ
ดานเหนือ – แนวละจิจูด ๐๗ °- ๑๗‘ - ๐๐” เหนือ ดานตะวันตกจดฝงและดานตะวันออก ลองจิจูด
๑๐๐° - ๓๘ ‘- ๐๐” ตะวันออก
ดานตะวันออก – แนวลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๘ ‘- ๐๐” ดานเหนือจด ละจิจูด ๐๗° - ๑๗‘ - ๐๐”
ดานเหนือและดานใตจดเสนเล็งผานเสาหิน บนแหลม สมิหลาไปทางทิศตะวันออก
ดานใต – เสนเล็งตรงจากเสาหินบนแหลม สมิหลาไปทางทิศตะวันออกจนจดลองจิจดู
๑๐๐° - ๓๘‘ - ๐๐” ตะวันออก
ดานใตในทะเลสาบ – เสนตรงเล็งปลายใตสุดของแหลมสนไปยังปากคลองสําโรงดานใตริมฝง
ตะวันออกของทะเลสาบสงขลา
พลโท พ.ปุณณกันต
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๑๕)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยฉบับที่ ๑๐ พ.ศ.๒๕๑๐
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไวดังตอไปนี้
๑. เขตทาเรือจุกเสม็ดนัน้ คือ
ดานเหนือ เสนเล็งตรงจากเสาหินที่สรางไวทางใตของเขาคลองปู ไปทางทิศตะวันตก
- ๓๖ -
สิริลักขณ จันทรางศุ
ปลัดกระทรวงคมนาคม ผูใชอํานาจของ
รัฐมนตรีวา การกระทรวงคมนาคม
กฎกระทรวง
(ฉบับที่ ๒๕ พ.ศ.๒๕๑๕)
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย ฉบับที่ ๑๐ พ.ศ.๒๕๑๐
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไว ดังตอไปนี้
เขตทาเรือศรีราชานั้นคือ
ดานเหนือ เสนเล็งตรงจากเสาหินที่สรางไวปลายแหลมวัง เกาะสีชัง ไปทางตะวันออกจนจดเสา
หินที่ สรางไวชายฝง
ดานตะวันออก เสนเล็งตรงเหนือ ตรงใต ผานปลายแหลมนอกสุดดานทิศตะวันออกของเกาะรานดอกไม
ดานใต เสนเล็งตรงจากเสาหินที่สรางไวชายฝง ไปทางทิศตะวันตก ตามแนวเสนขนานละจิจูด ๑๓
° เหนือ
สิริลักขณ จันทรางศุ
ปลัดกระทรวงคมนาคม ผูใชอํานาจของ
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม
- ๓๗ -
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓๒ พ.ศ.๒๕๒๑
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย พระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย ฉบับที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๐
รัฐมนตรีวา การกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไวดังตอไปนี้
ขอ ๑ เขตทาเรือพัทยาคือ
ดานเหนือ เสนเล็งตรงจากฝงไปทางทิศตะวันตกตามแนวเสนขนานละจิจูด ๑๓° เหนือ
ดานตะวันตก แนวลองจิจูด ๑๐๐° - ๔๕ ‘ อ.
ดานใต เสนเล็งตรงจากฝงไปทางทิศตะวันตกตามแนวเสนขนานละจิจูด ๑๒° - ๕๐‘ น.
ขอ ๒ เขตจอดเรือพัทยาคือ
เขตที่ ๑ บริเวณหาดพัทยาดานเหนือตั้งแตสุดหาดพัทยาเหนือจนถึงแนวเสนเล็งตรงระหวางเสาหลัก
เครื่องหมายบนฝงตําบลที่ละจิจูด ๑๒° - ๕๖‘ - ๔๘” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๓‘ -๑๖” อ.
กับทุน ตําบลทีล่ ะจิจูด ๑๒° - ๕๖‘ - ๔๘” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๓‘ - ๑๐” อ.
เขตที่ ๒ บริเวณหาดพัทยาดานใตตั้งแตสุดหาดพัทยาใตจนถึงแนวเสนเล็งตรงระหวางเสาหลัก
เครื่องหมายบนฝงตําบล ละจิจูด ๑๒° - ๕๕‘ - ๕๖” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๒‘ - ๕๙” อ.
ขอ ๓ เขตจอดเรือเกาะลานคือ
เขตที่ ๑ บริเวณหาดตาแหวน ใหจอดเรือหางจากแนวขอบฝงในระยะไมนอยหวา ๒๐๐ เมตร
เขตที่ ๒ บริเวณหาดแสม ใหจอดเรือหางจากแนวขอบฝง ในระยะไมนอยกวา ๒๐๐ เมตร
ขอ ๔ กฎกระทรวงนี้ใหใชบังคับตั้งแตวนั ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปนตนไป
พลเอก ส.มัยลาย
รัฐมนตรีวา การกระทรวงคมนาคม
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๓๗ พ.ศ.๒๕๒๑
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความสนมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระพุทธ
- ๓๘ -
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๐ พ.ศ.๒๕๒๓
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระ
พุทธศักราช๒๔๕๖ ซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย ฉบับที่๑๐ พ.ศ.๒๕๑๐
รัฐมนตรีวา การกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไวดังตอไปนี้
ขอ ๑ ใหยกเลิก (๑) แหงกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒๔ พ.ศ.๒๕๑๕ ออกตามความในพระราชบัญญัติ
การเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
ขอ ๒ เขตทาเรือพาณิชยสัตหีบ คือ
ดานเหนือ จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๑๒° - ๓๘‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๓‘ .๘ อ.เปนเสนเล็งตรงไปทาง
ทิศตะวันตกจนถึงจุดพิกัดแลตจิจูด ๑๒ ° - ๓๖ ‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๓. ‘ ๘ อ.
ดานตะวันตก จากจุดพิกัดแลตจิจูด ๑๒° - ๓๘‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๓‘ .๘ อ. เปนเสนเล็งตรงไปทาง
ทิศตะวันตกจนถึงจุดพิกัดแลตจิจูด ๑๒° - ๓๘‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ .๘ อ.
ดานใต จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๑๒° - ๓๕‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๓‘ .๘ อ. เปนเสนเล็งตรงไปทาง
ทิศตะวันออกจนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๑๒° - ๓๕‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๓‘ .๘ อ. เปน
เสนเล็งตรงไปทางทิศตะวันออกจนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๑๒° -๓๕‘ น. ลองจิจดู ๑๐๐°
- ๕๕‘ .๔ อ.
ดานตะวันออก จากจุดพิกดั แลตจิจูด ๑๒° - ๓๕‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° -๕๕‘ .๔ อ. เปนเสนเล็งตรงไปทาง
ทิศเหนือจนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๑๒° -๓๗‘ .๑ น. ลองจิจูด ๑๐๐° -๕๕‘ .๔ อ. เลียบ
ชายฝงไปทางทิศเหนือผานทาเทียบเรือของทาเรือพาณิชยสัตหีบไปถึงชายฝง ทางทิศ
ตะวันตกของเขาคลองปู ที่จดุ พิกัด แลตจิจูด ๑๒° - ๓๘‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๕๕‘ .๘ อ.
ขอ ๓ กฎกระทรวงนี้ใหใชบงั คับตั้งแตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจนะเบกษาเปนตนไป
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๒ พ.ศ. ๒๕๒๔
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย ฉบับที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๑๐
และมาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย แกไขเพิ่มเติมพระพุทธศักราช ๒๔๗๗
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไวดังตอไปนี้
เขตจอดเรือของกรมทางหลวงในทะเลสาบสงขลา คือ
เขตที่ ๑ ฝงตะวันออก
ดานเหนือ จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° / ๑๓° - ๐๕” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๕๖” อ.เปนเสนเล็ง
ตรงไปทางทิศตะวันตกจนถึงจุดพิกัดแลตจิจูด ๗° - ๑๒‘ - ๕๕” น.ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ -
๕๘” อ.
ดานตะวันตก จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๒‘ น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๕๘” อ. เปนเสนเล็งตรง
ไปทางทิศใตจนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๒‘ - ๕๕” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๕๘” อ.
ดานใต จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๒‘ - ๕๕” น. ลองจิจดุ ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๕๘” อ. เปน
เสนเล็งตรงไปทางทิศตะวันออก จนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๒‘ - ๕๕” น.
ลองจิจูด
๑๐๐° - ๓๕‘ - ๐๐” อ.
ดานตะวันออก จากจุดพิกัดแลตจิจูด ๗° - ๑๒‘ - ๕๕” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๕‘ - ๐๐” อ. เปนเสน
เล็งตรงไปทางทิศเหนือจนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๐๕” น. ลองจิจุด ๑๐๐° -
๓๔‘ - ๕๖” อ.
เขต ๒ ฝงตะวันตก
ดานเหนือ จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๑๔” น. ลองจิจดู ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๓๙” อ. เปน
เสนเล็งตรงไปทางทิศตะวันออกจนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๑๔” น.
ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๔๑” อ.
ดานตะวันออก จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๑๔” น. ลองจิจดู ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๔๑” อ. เปนเสนเล็งตรง
ไปทางทิศใตจนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๐๗” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๔๑” อ.
ดานใต จากจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๑๔” น. ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๔๑” อ. เปนเสนเล็ง
ตรงไปทางทิศตะวันตก จนถึงจุดพิกัด แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๐๗” น. ลองจิจูด ๑๐๐° -
๓๔‘ - ๓๙” อ.
- ๔๑ -
ดานตะวันตก จากจุดพิกัด แลตติจูด ๗° - ๑๓‘ - ๐๗” น. ลองจิจดู ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๓๙” อ. เปนเสนเล็งตรง
ไปทางทิศเหนือจนถึงจุดพิกดั แลตจิจูด ๗° - ๑๓‘ - ๑๔” น ลองจิจูด ๑๐๐° - ๓๔‘ - ๓๙” อ.
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๓ พ.ศ.๒๕๒๕
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย ฉบับที่ ๑๐ พ.ศ.๒๕๑๐
และมาตรา ๑๔ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย แกไข เพิ่มเติมพระพุทธศักราช ๒๔๗๗
รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไว
ขอ ๑ ใหยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓๐ (พ.ศ.๒๕๑๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
การเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
ขอ ๒ เขตจอดเรือของกองทัพเรือในแมน้ําเจาพระยาคือ
๑. เขตที่ ๑
ฝงตะวันตก ตั้งแตจุดกิโลเมตรที่ ๒๒.๐๐ ถึงจุดกิโลเมตรที่ ๒๔.๕๐
ฝงตะวันออก ตั้งแตจุดกิโลเมตรที่ ๒๒.๑๐ ถึงจุดกิโลเมตรที่ ๒๔.๓๐
๒. เขตที่ ๒ เฉพาะฝง ตะวันตก ตั้งแตจดุ กิโลเมตรที่ ๔.๐๐ ถึงจุดกิโลเมตร ๗.๐๐ ภายใน
แนวน้าํ ลึก ๕ เมตร
๓. เขตที่ ๓ เฉพาะฝง ตะวันออก ตั้งแตจุดกิโลเมตรที่ ๑.๕๐ ถึงจุดกิโลเมตรที่ ๓.๐๐ ภายใน
แนวน้าํ ลึก ๕ เมตร
กฎกระทรวง
ฉบับที่ ๔๕ พ.ศ.๒๕๒๖
ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๑๒ (๑) แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย แกไขเพิ่มเติม พระ
พุทธศักราช ๒๔๗๗ รัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม ออกกฎกระทรวงไวดังตอไปนี้
เขตทาเรือกันตัง มีขอบเขตเฉพาะบริเวณในทะเลแมนา้ํ ลําคลอง ภายในแนว เขตดังนี้
ดานเหนือ ตามแนว แลตจิจูด ๗° - ๒๖‘ - ๐๐” น.
ดานตะวันออก ตามแนว ลองจิจูด ๙๙° - ๓๑‘ - ๒๐” อ.
ดานใต ตามแนว แลตจิจูด ๗° - ๑๑‘ - ๑๕” น.
ดานตะวันตก ตามแนว ลองจิจูด ๙๙° - ๒๗‘ - ๐๐” อ.
บุญเทียม เขมาภิรัตน
รัฐมนตรีชวยวาการกระทรวงคมนาคม
ปฏิบัติการแทนรัฐมนตรีวาการกระทรวงคมนาคม
ประกาศกรมเจาทา
ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ
เขตที่ ๑ ฉบับที่ ๑
โดยที่เห็นเปนการสมควรใหมีขอบังคับ ควบคุมการเดินเรือ เพื่อควบคุมการเดินเรือผานสะพาน
กรุงเทพ ฯ ใหเปนไปโดยปลอดภัยและเรียบรอย
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖๘ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย พระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ แกไขเพิม่ เติมโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยแกไขเพิ่มเติม
พระพุทธศักราช ๒๔๗๗ อธิบดีกรมเจาทา โดยไดรับอนุญาตจากรัฐมนตรีเจาหนาทีแ่ ลว ขอประกาศขอบังคับ
ควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๑ ไวเพื่อปฏิบัติดังตอไปนี้
ขอ ๑ ขอบังคับนี้เรียกวา “ ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๑ (ฉบับที่ ๑) ”
ขอ ๒ ใหใชขอบังคับนี้ตั้งแตวนั ที่ ๒๔ มิถนุ ายน พุทธศักราช ๒๕๐๒ เปนตนไป
ขอ ๓ ใหมีกาํ หนดเวลาเปดสะพานกรุงเทพ ฯ ใหเรือผาน ซึง่ กรมเจาทาจะไดประกาศกําหนดเปน
ครั้งคราว
ขอ ๔ เจาหนาที่จะปดสะพานเมื่อเรือไดผานเสร็จเรียบรอยแลว
- ๔๓ -
ขอ ๕ ใหมีเขตหามเรือจอดทอดสมอในตอนใกลเคียงกับที่ตั้งของสะพาน
๑. ทางดานเหนือของสะพานกรุงเทพ ฯ ตั้งแตตัวสะพานไปจนถึงหนาสถานีศุลการักษ
เปนเสนฉากกับฝงตรงกันขาม (ประมาณทาเรียบเรือหมายเลข ๘ ซี ของบริษัทอิสตเอเซียติก วัดพระยาไกร)
๒. ทางดานใตของสะพานกรุงเทพ ฯ ตั้งแตตัวสะพานไปจนถึงสุดเขตหามจอดทอดสมอ คือ
ใตปากคลองบางปะแกว ๒๐๐ เมตร เปนสนฉากตรงกับฝงตรงกันขาม
ขอ ๖ ใหมีเขตสําหรับจอดทอดสมอรอผานสะพานกรุงเทพ ฯ คือ
๑. ทางดานเหนือของสะพานกรุงเทพ ฯ ใหจอดไดใกลฝงตะวันตก ตั้งแตหนาสถานี
ศุลการักษขึ้นไปทางเหนือระยะหวางจากฝง ตะวันตกไมเกิน ๑๐๐ เมตร
๒. ทางดานใตของสะพานกรุงเทพ ฯ ใหจอดไดใกลฝงตะวันออก ตั้งแตหนาวัดบางโคลลงไป
ทางใตระยะหางจากฝง ตะวันออกไมเกิน ๑๐๐ เมตร
ขอ ๗ ใหมีสญ
ั ญาณเปดปดสะพานกรุงเทพ ฯ เพื่อใหเรือเดินผานชองสะพานตามที่กรมเจาทาจะได
ประกาศกําหนดใหทราบเปนครั้งคราว
ขอ ๘ เรือที่มีความประสงคจะขอเดินทางผานสะพานกรุงเทพ ฯ ใหแจงความจํานงขอผานสะพาน
ตอเจาหนาที่สะพานกรุงเทพ ฯ ตามระเบียบที่กรมเจาทาจะประกาศใหทราบ
ขอ ๙ หามเรือและแพตอไปนี้ ผานชองกลางซึ่งยกได ของสะพานกรุงเทพ ฯ ทัง้ ในเวลาเปด และ
ปดสะพาน
๑. เรือกลที่จงู เรือทุกประเภทที่สามารถผานลอดสะพานชองอืน่ ได
๒. เรือกลที่จงู แพ ซุง แพไมไผ แพคนอยู หรือสิ่งอื่นที่คลายกัน
๓. แพซุง แพไมไผ หรือสิ่งอืน่ ที่คลายกันทีไ่ มมีเรือจูง
๔. เรือแจวพายทุกชนิด
ขอ ๑๐ ภายในระยะ ๓๐๐ เมตร จากตัวสะพานกรุงเทพ ฯ ทั้งทางดานเหนือและดานใตในขณะที่
สะพานเปด เพื่อใหเรือผานหามเรือหรือแพ หรือสิ่งอื่นทีค่ ลายกันเดินทางตัดขามลําแมน้ํา
ขอ ๑๑ ผูควบคุมเรือ แพ หรือสิง่ อื่นที่คลายกันผูใดฝาฝนขอบังคับนี้ จะตองไดรับโทษตาม
บทบัญญัติในมาตรา ๖๙ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือ ในนานน้าํ ไทย พุทธศักราช ๒๔๕๖ และอาจถูกสั่ง
งดไมใหใชประกาศนียบัตรหรือ ใบอนุญาตตามมาตรา ๒๙๑ แกไขเพิ่มเติมพระพุทธศักราช ๒๔๗๗ อีก
สถานหนึ่ง
ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ
เขตที่ ๑ (ฉบับที่ ๒)
นาวาโท พร เดชดํารง
อธิบดีกรมเจาทา
ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ
เขตที่ ๑ และเขตลําน้ําทีต่ อเนื่องในเขตจังหวัดธนบุรี
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖๘ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึง่ แกไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทย แกไข
เพิ่มเติมพุทธศักราช ๒๔๗๗ อธิบดีกรมเจาทาและผูวา ราชการจังหวัดธนบุรี โดยไดรับอนุญาตจารัฐมนตรี
เจาหนาที่แลว ขอประกาศขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๑ และเขตลําน้าํ ตอเนื่องใน
เขตจังหวัดธนบุรี ไวเพื่อปฏิบัติดังตอไปนี้
ขอ ๑. ขอบังคับนี้ใหเรียกวา “ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๑ และเขต
ลําน้าํ ที่ตอเนืองในเขตจังหวัดธนบุรี”
ขอ ๒. ใหใชขอบังคับนี้เมื่อพนกําหนด ๓๐ วันนับแตวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป
- ๔๕ -
ประกาศกระทรวงคมนาคม
ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ
เขตที่ ๑ (ฉบับที่ ๑)
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖๘ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึง่ แกไขใหมตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทยแกไขเพิ่มเติม
พระพุทธศักราช ๒๔๗๗ อธิบดีกรมเจาทา โดยไดรับอนุญาตจากรัฐมนตรีเจาหนาทีแ่ ลว ขอประกาศขอบังคับ
ควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๒ ไวเพื่อปฏิบัติดังตอไปนี้
ขอ ๑. ขอบังคับนี้ใหเรียกวา ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๒ (ฉบับที่ ๑)
ขอ ๒. ใหใชขอบังคับนีน้ ับตัง้ แตวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป
ขอ ๓. ในลําแมน้ําตั้งแตเขตทาดานเหนือถึงปากคลองเตยฝงใต เปนเสนฉากตรงไปฝงแมนา้ํ ตรง
กันขาม หามมิใหเรือ แพ ทุน หรือสิง่ อื่น ๆ ที่คลายกัน ทอดสมอในลําแมน้ํานอกจากมีเหตุฉกุ เฉิน อันจําเปน
ที่จะตองกระทําเชนนัน้ เพราะตําบลเหลานีเ้ ปนลําแมน้ําคด ซึ่งยกเวนไวสําหรับใหเปนทางเรือเดินขึน้ ลอง
ขอ ๔. ใหกาํ หนดเขตทอดจอดเรือกลางน้าํ ในลําแมนา้ํ เปน ๒ ตอน คือ
ตอนที่ ๑ ตัง้ แตเขตทาดานใต ถึงปากคลองพระโขนงฝง เหนือ เปนเสนฉากตรงไปฝงแมน้ํา
ตรงกันขาม
ตอนที่ ๒ ตั้งแตเขตดานเหนือของตอนที่ ๑ ถึงเขตหามทอดสมอดานใต
ขอ ๕. เรือเดินทะเลซึ่งมีขนาดยาวเดินกวา ๑๒๐ เมตรขึ้นไป ใหจอดทอดสมอกลางน้าํ ในตอนที่ ๒
เรือเดินทะเลทีมีขนาดยาวตัง้ แต ๗๕ เมตร ถึง ๒๐๐ เมตร ใหจอดทอดสมอกลางลําน้าํ ในตอนที่ ๑ สวน
เรือเดินทะเลซึง่ มีขนาดยาวต่าํ กวา ๗๕ ถึง ๒๐๐ เมตร ใหจอดทอดสมอกลางน้าํ ในตอนที่ ๑ สวนเรือเดิน
ทะเลซึง่ มีขนาดต่ํากวา ๗๕ เมตร และเรือลําเลียง ใหจอดทอดสมอชิดฝงขวาหรือเทียบทาในตอนที่ ๑ เวนแต
มีเหตุจําเปนซึง่ ไมสามารถจะจอดตามทีก่ าํ หนดไวนี้ได จึงใหจอดในตอนอื่นได
ขอ ๖. ผูควบคุมเรือ แพ ทุน หรือสิ่งอืน่ ๆ ที่คลายกัน คนใดฝาฝนขอบังคับนี้จะตองไดรับโทษตาม
บทบัญญัติในมาตรา ๖๙ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และอาจถูก
สั่งงดไมใหใชประกาศนียบัตรหรือใบอนุญาตตามมาตรา ๒๙๑ ซึ่งไดแกไขใหมตามมาตรา ๓ แหง
พระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย พระพุทธศักราช ๒๔๗๗ อีกสถานหนึ่ง
น.ท.พิจารณ กลจักร
อธิบดีกรมเจาทา
- ๔๗ -
ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ
เขตที่ ๒ (ฉบับที่ ๓)
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖๘ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งแกไขใหมโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้าํ ไทยแกไขเพิ่มเติม
พระพุทธศักราช ๒๔๗๗ อธิบดีกรงเจาทา โดยไดรับอนุญาตจากรัฐมนตรีเจาหนาที่แลวขอประกาศควบคุม
การเดินเรือในเขตทาเรือกรุงเทพ ฯ เขตที่ ๒ ไวเพื่อปฏิบตั ิดังตอไปนี้
ขอ ๑. ขอบังคับนี้เรียกวา “ ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทาเรือกรุงเทพ ฯเขตที่ ๒ (ฉบับที่ ๓)”
ขอ ๒. ขอบังคับนี้ใหใชบงั คับตั้งแตวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป
ขอ ๓. ใหยกเลิกขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๒ ฉบับที่ ๒
ขอ ๔. หามบรรดาเรือกลและเรือที่มิใชเรือกลทุกชนิด ทุกขนาด นอกจากเรือราชการของเจาพนักงาน
ผูมีหนาที่ เขาไปจอดเทียบหนาเขื่อนหรือหนาบริเวณทาเรือกรุงเทพ ฯ และหามมิใหเรือเชนวานีเ้ ขาไปหยุด
ลอยลําภายในระยะ ๓๐ เมตร จากแนวหนาเขื่อน หรือหนาบริเวณทาเรือกรุงเทพ ฯ เวนแตไดรับอนุญาตจาก
การทาเรือแหงประเทศไทย
ขอ ๕. ผูควบคุมเรือคนใดฝาฝนขอบังคับนี้จะตองไดรบั โทษตามบทบัญญัติในมาตรา ๖๙ แหง
พระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทย พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๖๘ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยพระ
พุทธศักราช ๒๔๕๖ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติการเดินเรือในนานน้ําไทยแกไข
เพิ่มเติม พระพุทธศักราช ๒๔๗๗ อธิบดีกรมเจาทา โดยไดรับอนุญาตจากรัฐมนตรีเจาหนาที่แลวขอประกาศ
ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๒ ไวเพื่อปฏิบตั ิดังตอไปนี้
ขอ ๑. ขอบังคับนี้ใหเรียกวา “ขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเจตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๒ (ฉบับที่ ๔)
ขอ ๒. ใหใชขอบังคับนี้เมื่อพนกําหนด ๓๐ วัน นับแตวนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปนตนไป
ขอ ๓. ใหยกเลิกขอบังคับควบคุมการเดินเรือในเขตทากรุงเทพ ฯ เขตที่ ๒ (ฉบับที่ ๑)
ขอ ๔. หามมิใหเรือ แพ ทุน หรือสิ่งอื่นที่คลายกันทอดสมอในลําแมน้ําในเขตดังตอไปนี้นอกจากมี
เหตุฉุกเฉินอันจําเปนที่จะตองกระทําเชนนัน้ หรือไดรับอนุญาตเปนหนังสือจากเจาทาเปนการเฉพาะคราว
เพราะตําบลทีเ่ หลานี้เปนตอนที่ลาํ แมนา้ํ คด ซึ่งยกเวนไวสําหรับใหเปนทางเรือเดินขึ้นลองโดยสะดวก หรือ
สําหรับเปนทีก่ ลับลําเรือเดินทะเลขนาดใหญ
- ๔๘ -