Professional Documents
Culture Documents
11 Online D4 Unit11
11 Online D4 Unit11
11 Online D4 Unit11
การสนับสนุนและสิทธิประโยชน์
อาจารย์ทวีศักดิ์ หมัดเนาะ
และ ผศ. ดร.อาทิตย์ คูณศรีสุข
ห น้ า | 2
หน่วยที่ 11 มาตรการทางภาษีเพื่อการส่งเสริมสหกิจศึกษา
และการบูรณาการการศึกษากับการทำงาน
11.1 ประเภทของสิทธิประโยชน์ทางภาษี
สหกิจศึกษาและการบูรณาการการศึกษากับการทำงาน เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง
สถาบันอุดมศึกษากับสถานประกอบการ สำหรับเหตุผลที่สถานประกอบการเข้าร่วมโครงการสหกิจ
ศึกษา นอกจากเป็นเพราะเห็นประโยชน์ที่จะได้มีโอกาสสรรหาคัดเลือกพนักงานที่มีคุณภาพ ช่วยลด
ระยะเวลาและค่าใช้จ ่ายในการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมของพนักงาน รวมทั้งได้รับประโยชน์
โดยตรงจากการจัดทำโครงงานของนักศึกษา เช่น การปรับปรุงประสิ ทธิภาพการปฏิบัติงาน การลด
ต้นทุนในกระบวนการผลิต เป็นต้นแล้ว จากการวิจัยยังพบว่า สถานประกอบการส่วนใหญ่ มีความเห็น
ว่า รัฐควรให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่สถานประกอบการที่ร่วมจัดสหกิจศึกษาและการบูรณาการ
การศึกษากับการทำงานด้วย จึงจะสามารถจูงใจให้สถานประกอบการสนใจศึกษาและให้ความร่วมมือ
อย่างจริงจังและอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
สำหรับสถานประกอบการที่ร่วมจัดสหกิจศึกษาและการบูรณาการการศึกษากับการทำงาน
สามารถใช้ช่องทางในการขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ สองช่องทาง ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ได้แก่ สิทธิป ระโยชน์ทางภาษีจ ากการฝึก อบรม และสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการสนั บ สนุ น
การศึกษา
11.1.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการฝึกอบรม
กฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการฝึกอบรม คือ
พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือ
แรงงาน(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557 ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้รับ
การฝึกเตรียมเข้าทำงาน ลงวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2546 ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนา
ฝีมือแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้ความเห็นชอบ รายละเอียดเกี่ยวกับ
การฝึกเตรียมเข้าทำงาน ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือ
แรงงาน เรื่อง กำหนดรายการค่าใช้จ่ายในการฝึกเตรียมเข้าทำงาน ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 และ
พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 437) พ.ศ.
2548
11.1.2 สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการสนับสนุนการศึกษา
กฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการสนับสนุน
การศึกษา ได้แก่ พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ. 2562 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่
1 พฤษภาคม 2562 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2547 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้ว ยการยกเว้น
รัษฎากร (ฉบับที่ 476) พ.ศ. 2551 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการ
ห น้ า | 3
11.2.4 ประเภทของการฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
การฝึกอบรมฝีมือแรงงานตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.
2545 มีสามประเภท คือ
1) การฝึกเตรียมเข้าทำงาน
หมายถึง การฝึกอบรมฝีมือแรงงานก่อนเข้าทำงาน เพื่อให้สามารถทำงานได้ตาม
มาตรฐานฝีมือแรงงาน ทั้งนี้ หลักสูตรต้องไม่น้อยกว่า 30 ชั่วโมง
สถานประกอบการอาจรับนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาเข้ารับการฝึก อบรมตาม
หลักสูตรของสถานศึกษา หรือหลักสู ตรของสถานประกอบการผู้ดำเนินการฝึกอบรม หรือหลักสูตรที่
สถานศึ ก ษากั บ สถานประกอบการผู ้ ดำเนิ น การฝึ ก อบรมได้ ร่ ว มกั น จั ดทำขึ ้น ก็ ไ ด้ ทั ้ ง นี้ สถาน
ประกอบการผู้ดำเนิน การฝึก อบรมต้องจัดส่งหลักสูตรการฝึกอบรมดังกล่าวไปยังนายทะเบีย น
(อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย) ก่อนเริ่มดำเนินการฝึกอบรม
2) การฝึกยกระดับฝีมือแรงงาน
หมายถึง การที่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นนายจ้างจัดให้ลูกจ้างได้ฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
เพิ่มเติมในสาขาอาชีพที่ลูกจ้างปฏิบัติงานอยู่ตามปกติ เพื่อให้ลูกจ้างได้มี ความรู้ ความสามารถและ
ทักษะในสาขาอาชีพนั้นสูงขึ้น ทั้งนี้ หลักสูตรต้องไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง
3) การฝึกเปลี่ยนสาขาอาชีพ
หมายถึง การที่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเป็นนายจ้างจัดให้ลูกจ้างได้ฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
เพิ่มเติมในสาขาอาชีพอื่นที่ลูกจ้างมิได้ปฏิบัติงานอยู่ตามปกติ เพื่อให้ลูกจ้างได้มีความรู้ความสามารถ
ที่จะทำงานในสาขาอาชีพอื่นได้ด้วย ทั้งนี้หลักสูตรต้องไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมง
หากผู้ประกอบการดำเนินการการฝึกอบรมทั้ง 3 ประเภท ดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์
และหน้าที่การเป็นผู้ดำเนินการฝึก อบรมตามพระราชบัญญัติฉบับนี้ จะได้รับสิทธิป ระโยชน์ตามที่
กฎหมายกำหนด
11.2.5 หลักเกณฑ์และหน้าที่ของผู้ดำเนินการฝึกอบรม กรณีการฝึกเตรียมเข้าทำงาน
สถานประกอบการผู้ดำเนินการฝึกอบรมประเภทการฝึกเตรียมเข้าทำงานต้องมี
หน้าที่และดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
1) ต้องจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกตามสาขาอาชีพที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
เสนอต่อนายทะเบียนเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนการดำเนินการฝึกอบรม
2) ครูฝึกอบรมต้องมีคุณสมบัติตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมฯ ประกาศ
กำหนด
3) จัดให้มีข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการฝึกอบรม
4) จัดทำสัญญาการฝึกเป็นหนังสือกับผู้รับการฝึกอบรม
5) ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้รับการฝึกอบรม ที่รัฐมนตรีประกาศ
กำหนดในเรื่อง วัน เวลาฝึก เวลาพัก วันหยุด วันลา เบี้ยเลี้ยงและสวัสดิการ เป็นต้น
6) จัดทำทะเบียนประวัติผู้รับการฝึกอบรมไว้เป็นหลักฐาน
ห น้ า | 5
การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
หมวดที่ 1
การฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
สถานศึกษา
ฝึกในสถานประกอบการ ฝึกในศูนย์ฝึกอบรม
กิจการ / สถานที่อื่น ฝีมือแรงงาน สถานฝึกอบรมฝีมือแรงงาน
ของทางราชการ
สถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานอื่น
(มูลนิธิ สมาคมหรือนิตบิ ุคคล
ที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย)
11.3 การดำเนินการเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์
11.3.1 สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการจัดฝึกอบรม
ภายใต้ พ ระราชบั ญ ญั ต ิ ส ่ ง เสริ ม การพั ฒ นาฝี ม ื อ แรงงาน พ.ศ. 2545 สถาน
ประกอบการ อาจรับนักเรียน นิสิต นักศึกษาเข้ารับการฝึก อบรมตามหลักสูตรของสถานศึกษา หรือ
หลั ก สู ต รของสถานประกอบการผู ้ ด ำเนิ น การฝึ ก อบรม หรื อ หลั ก สู ต รที ่ ส ถานศึ ก ษากั บ สถาน
ประกอบการผู้ดำเนินการฝึกอบรมร่วมกันจัดทำขึ้นก็ได้
ดังนั้น กรณีสถานประกอบการรับนักเรียน นิสิต นักศึกษาเข้ารับการฝึกอบรม ทั้งใน
รู ป การจั ด สหกิ จ ศึ ก ษาและการบู ร ณาการการศึ ก ษากั บ การทำงาน (Cooperative & Work-
Integrated Education) การฝึ ก งาน (Apprentice) การฝึ ก อบรม ทวิ ภ าคี (Dual Vocational
Training) หรือการฝึกหัด (Internship) ต่างจัดเป็น การฝึกอบรมประเภทการฝึกเตรียมเข้าทำงาน
ซึ่งสถานประกอบการผู้ดำเนินการฝึกอบรม สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ภายใต้พระราชบัญญัติ
ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 ได้เช่นเดียวกันทั้งหมด
ห น้ า | 7
11.3.1.1 ขั้นตอนการดำเนินการ
สถานประกอบการจะต้องยื่นคำขอให้นายทะเบียนรับทราบ ก่อนที่จะ
ดำเนินการจัดฝึกอบรม โดยยื่นเอกสารตามแบบที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานกำหนดไว้ ได้แก่
1) สถานประกอบการกับสถานศึกษาปรึกษาร่วมกัน เพื่อจัดทำหลักสูตร
ที่จะให้นิสิต นักศึกษาเข้ารับการฝึก ได้แก่ หัวข้อวิชา เนื้อหา และวิธีดำเนินการฝึกอบรม
2) สถานประกอบการยื่น เอกสารหลักฐานต่อ นายทะเบียน กรมการ
พัฒนาฝีมือแรงงานก่อนดำเนินการฝึก ได้แก่ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนและวัตถุประสงค์
ของสถานประกอบการ คำขอรับความเห็นชอบ รายชื่อหลักสูตรที่ขอรับความเห็นชอบ รายละเอียด
เกี่ยวกับการฝึกเตรียมเข้าทำงาน สัญญาการฝึกเตรียมเข้าทำงาน
3) นายทะเบียนจะออกหนังสือรับรองไว้ให้สถานประกอบการเก็บไว้เป็น
หลักฐาน
4) สถานประกอบการดำเนินการฝึก หลังจากได้รับหนังสือรับทราบจาก
นายทะเบียน
5) เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการฝึก ให้สถานประกอบการยื่นแบบแจ้งผู้สำเร็จ
การฝึกเตรียมเข้าทำงาน และ ทะเบียนประวัติผู้รับการฝึกเตรียมเข้าทำงาน ต่อนายทะเบียน
6) หลักฐานค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปในระหว่างการฝึก เช่น ใบสำคัญแสดง
การรับเงินค่าเบี้ยเลียง ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุ ใบเสร็จรับเงินค่าชุดฟอร์ม ฯลฯ ให้สถาน
ประกอบการเก็บไว้เป็นหลักฐานแสดงต่อสรรพากร พร้อมกับบันทึกค่าใช้จ่าย 2 เท่าในระบบบัญชีของ
สถานประกอบการ
7) สถานประกอบการยื่นแบบ ภงด. 50 ต่อสรรพากรภายใน 150 วัน
หลังจากสิ้นรอบระยะเวลาบัญชี
ห น้ า | 8
สถานประกอบการ
ยื่นคำขอรับความเห็นชอบ รายชื่อ
หลักสูตรที่ขอรับความเห็นชอบ
รายละเอียดเกี่ยวกับการฝึกเตรียมเข้า
ทำงาน สัญญาการฝึกเตรียมเข้า
ทำงาน
นายทะเบียนรับทราบ
ดำเนินการจัดฝึกอบรม
ยื่นแบบแจ้งผู้สำเร็จการฝึกเตรียมเข้าทำงาน และ
ทะเบียนประวัติผู้รับการฝึกเตรียมเข้าทำงาน
หนังสือรับทราบและหลักฐานค่าใช้จ่ายเก็บ
รักษาไว้แสดงต่อสรรพากร / บันทึกค่าใช้จ่าย
สองเท่า
แผนภาพที่ 11.2 ขั้นตอนการดำเนินการเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์จากการฝึกอบรม
11.3.1.2 หน้าที่ของสถานประกอบการผู้ดำเนินการฝึกอบรม
สถานประกอบการผู้ดำเนินการฝึกอบรม มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายและ
ประกาศที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1) จัดทำสัญญาการฝึกอบรม
2) ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องหลักเกณฑ์คุ้มครองผู้รับ
การฝึกอบรม
3) ออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้สำเร็จการฝึกอบรม
4) ไม่สามารถเรียกหรือรับเงินค่าฝึกอบรมหรือค่าตอบแทนจากผู้ รับการ
ฝึกอบรม
11.3.1.3 รายการค่าใช้จ่ายที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
สถานประกอบการที่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายไปเพื่อการฝึก อบรม และดำเนินการ
ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 อย่างครบถ้วน จะได้รับสิทธิประโยชน์
ยกเว้นภาษีสองเท่าของค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปเพื่อการฝึกอบรม ซึง่ ได้แก่ค่าใช้จ่าย ดังต่อไปนี้
ห น้ า | 9
11.3.1.8 การประกันสังคม
เนื่องจากสถานประกอบการที่จัดให้มีการฝึกอบรมเตรียมเข้าทำงาน ซึ่ง
รวมถึงกรณีที่รับนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือบุคคลที่ราชการส่งมาฝึก อบรม ได้รับสิทธิประโยชน์ไม่
ต้องปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน จึงไม่ถือว่าผู้เข้ารับการฝึก อบรมเป็นลูกจ้างของสถาน
ประกอบการ อีกทั้งผู้รับการฝึกอบรม จะได้รับสวัสดิการ ตามที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์คุ้มครองผู้รับ
การฝึกอบรม ดังนั้น สถานประกอบการผู้ดำเนินการฝึก อบรม จึงไม่ต้องจัดทำประกันสังคมให้แก่ผู้รับ
การฝึกอบรม
11.3.2 สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการสนับสนุนการศึกษา
พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ.2562 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่
1 พฤษภาคม 2562 ยังส่งเสริมให้สถานศึกษาและหน่วยงานภาคเอกชนให้ความร่วมมือในการพัฒนา
นักเรียน นิสิต นักศีกษา ให้เป็นผู้มีความรู้ ทักษะ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่สอดคล้องกับความ
ต้องการของประเทศ โดยจูงใจด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ และสิทธิประโยชน์ประการหนึ่งคือ สิทธิ
ประโยชน์ทางภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ในมาตราที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
“มาตรา 35 สถาบั น อุ ด มศึ ก ษาพึ ง สร้ า งความร่ ว มมื อ กั บ หน่ ว ยงานภาครั ฐ
ภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนของสถาบันอุดมศึก ษา
เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ โดยการปฏิบัติงานจริง และเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ทักษะ สมรรถนะ
และคุณลักษณะอื่นให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ
สถาบันอุดมศึกษาอาจจัดทำข้อตกลงร่วมกับหน่วยงานตามวรรคหนึ่ง ในการจัด
หลักสูตรการศึกษา การเรียนการสอน การวัดและการประเมินผล โดยผู้เรียนใช้เวลาส่วนหนึ่งใน
สถาบันอุดมศึกษาและ อีกส่วนหนึ่งในสถานประกอบการของหน่วยงานดังกล่าว
ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง สถาบันอุดมศึกษาอาจอนุญาตให้
บุคลากรและ ผู้เรียนไปปฏิบัติงานในหน่วยงานดังกล่าวได้ ตามระเบียบที่สภาสถาบันอุดมศึก ษา
กำหนด
มาตรา 36 หน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือในการ
ดำเนินการ ตามมาตรา 35 อาจได้รับสิทธิประโยชน์ ดังต่อไปนี้
(1) การสนับสนุนด้านวิชาการและทรัพยากรตามสมควรแก่กรณี
(2) ได้รับการเชิดชูเกียรติ
(3) สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร
(4) สิทธิประโยชน์อื่นตามที่รัฐมนตรีกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
การอุดมศึกษา”
โดยอ้างอิงพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา พ.ศ.2562 มาตรา 35 และมาตรา 36 (3)
ประกอบกับ พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่
476 พ.ศ.2551 มาตรา 3 วรรคสอง
ห น้ า | 12
11.3.4.2 ได้รับการเชิดชูเกียรติ
ตั ว อย่ า งการดำเนิ น งานของสำนั ก ปลั ด กระทรวงการอุ ด มศึ ก ษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ตามมาตรา 36 (2) ที่กำหนดให้ หน่วยงานของรัฐหรือ
หน่วยงานภาคเอกชนที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการ ตามมาตรา 35 อาจได้รับการเชิดชูเกียรติ
คือ สป.อว. ได้ดำเนินการคัดเลือกและตัดสินผลรางวัลผลงานสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการ
กับการทำงานดีเด่นระดับชาติ ที่เครือข่ายพัฒนาสหกิจศึกษาส่งเข้าประกวด โดยในปี พ.ศ. 2564
มีทั้งสิ้น 14 ประเภทรางวัล ดังนี้
1) สถานศึกษาดำเนินการสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับ
การทำงานดีเด่น
2) สถานศึกษาดำเนินการสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับ
การทำงานดาวรุ่ง
3) สถานศึกษาดำเนินการสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับ
การทำงานนานาชาติดีเด่น
4) สถานศึกษาดำเนินการนวัตกรรมสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการ
กับการทำงานดีเด่น
5) นักศึกษาสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานที่มี
โครงงาน/ผลการปฏิบัติงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดีเด่น
6) นักศึกษาสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานที่มี
โครงงาน/ผลการปฏิบัติงานด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และการจัดการดีเด่น
7) นักศึกษาสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานที่มี
โครงงาน/ผลการปฏิบัติงานด้านนวัตกรรมสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน
ดีเด่น
8) นักศึกษาสหกิจ ศึ ก ษาและการศึ ก ษาเชิ งบู รณาการกับ การทำงาน
นานาชาติดเี ด่น
9) คณาจารย์นิเทศสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน
ดีเด่น
10) ที่ปรึกษาการทำงานในสถานประกอบการดีเด่น
11) ผู้ปฏิบัติการสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน
ในสถานศึกษาดีเด่น
12) ผู้ปฏิบัติการสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน
ในสถานประกอบการดีเด่น
13) สถานประกอบการขนาดใหญ่ ดำเนินการสหกิจศึกษาและการศึกษา
เชิงบูรณาการกับการทำงานดีเด่น
14) สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก ดำเนินการสหกิจศึกษา
และการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานดีเด่น
ห น้ า | 16
11.5 สื่อและเอกสารประกอบ