Professional Documents
Culture Documents
สื่อ ว22102.
สื่อ ว22102.
ปฏิกิริยาเคมี
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/30127/042697
ที่มา http://www.kstronginsure.com/knowledge/read/75/?sort=date
ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/Chemical_reaction
การเกิดปฏิกิริยาเคมี
หมายถึง การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีไปเป็น
สารใหม่หรือที่เรียกว่าผลิตภัณฑ์ (product) ซึ่งมีคุณสมบัติ
ที่มา http://envirocivil.com/climate/how-to-reduce-air-pollution/ แตกต่างจากสารเดิมหรือสารตั้งต้น (reactant)
ที่มา http://gethealthyutah.com/health-blog/2016/5/9/6-categories-that-
indicate-you-might-have-candida-overgrowth
สารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์
1
14/01/62
การเกิดปฏิกิริยาเคมี การเกิดปฏิกิริยาเคมี
การเกิดปฏิกิริยาเคมี การเกิดปฏิกิริยาเคมี
ปฏิกิริยาดูดกลืนความร้อน (endothermic reaction) ปฏิกิริยาคายความร้อน (exthermic reaction)
ระบบมีอุณหภูมิต่ํากว่าสิ่งแวดล้อม ระบบมีอุณหภูมิสูงกว่าสิ่งแวดล้อม
2
14/01/62
การเกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี
กฎทรงมวล (law of conservation of mass)
1. สมบัติของสารตั้งต้น
ในปีค.ศ. 1774 ลาวัวซิเอร์ นักเคมีชาวฝรั่งเศส ได้ทําการทดลองเผาเมอร์คิวรี (II) 2. ความเข้มขันของสารตั้งต้น
ออกไซด์ (HgO) ซึ่งเป็นของแข็งในภาชนะปิด พบว่าได้ปรอทและแก๊สออกซิเจน จาก
การศึกษา 3. พื้นที่ผิวของสารตั้งต้น
“ มวลของ HgO เท่ากับผลบวกของ Hg กับ O2” จึงได้สรุปเป็นกฎทรงมวล 4. อุณหภูมิ
5. ตัวเร่งปฏิกิริยา
มวลของสารก่อนเกิดปฏิกิริยา = มวลของสารหลังเกิดปฏิกิริยา
6. ตัวหน่วงปฏิกิริยา
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี
1. สมบัติของสารตั้งต้น 2. ความเข้มขันของสารตั้งต้น
ความเข้มข้นมาก ปฏิกิริยาจะเกิดเร็ว
ที่มา https://www.linkedin.com/pulse/metal-steel-wrought-iron-justin-hodges
หากสารตั ้งต้ นมีความเข้ มข้ นมาก ปฏิกิริยาจะเกิดเร็ว เนื่องจากความเข้ มข้ นของสารที่
สารแต่ละชนิดมีสมบัติต่างกัน จึงมีความว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาต่างกันด้วย เช่น แมกนีเซียมสามารถ มากจะมีอนุภาคของสารอยูร่ วมกันอย่างหนาแน่น อนุภาคของสารจึงมีโอกาสชนกันแล้ ว
ทําปฏิกิริยากับ สารละลายกรดและเกิดเป็นแก๊สไฮโดรเจนได้อย่างรวดเร็ว แต่แมกนีเซียมจะทําปฏิกิริยากับ เกิดปฏิกิริยาได้ รวดเร็ว เช่น ปฏิกิริยาระหว่างโลหะกับกรด ถ้ าใช้ กรดที่มีความเข้ มข้ นสูงเป็ นสารตั ้ง
ออกซิเจนได้ช้า หรือโลหะโซเดียมทําปฏิกิริยากับน้ําเย็นได้เร็วมาก ขณะที่โลหะแมกนีเซียมจะทําปฏิกิริยากับน้ํา ต้ นจะทําให้ โลหะถูกกัดกร่อนเร็ว
เย็นได้ช้า แต่จะเกิดเร็วขึ้นเมื่อทําปฏิกิริยากับน้ําร้อน เป็นต้น
3
14/01/62
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี
3. พื้นที่ผิวของสารตั้งต้น 4. อุณหภูมิ
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะเพิ่มขึ้น
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิสูงทําให้
อะตอมหรือโมเลกุลของสารเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น
ตัวอย่างเช่น การบ่มผลไม้ในภาชนะที่มีฝาปิดจะ
ที่มา https://www.timetocleanse.com/addicted-sugar-beat-addiction-5-easy-steps/ ที่มา http://www.sanook.com/health/1193/
สุกเร็วกว่าผลไม้ที่ตั้งไว้ข้างนอก หรืออาหารที่
ไม่ได้เก็บไว้ในตู้เย็นจะเน่าเสียได้ง่ายกว่าอาหาร
พื้นที่ผิวของสารตั้งต้นจะมีผลต่อปฏิกิริยาเคมีแบบสารตั้งต้นมีสถานะเป็นของแข็งกับสารอีกชนิดหนึ่งที่มี
ที่เก็บในตู้เย็น เนื่องจากในตู้เย็น มีอุณหภูมิต่ํา
สถานะเป็น ของเหลว เนื่องจากการเพิ่มพื้น ที่ผิวที่เพิ่มขึ้น จะทํา ให้ข องแข็งมีพื้น ที่สัมผัสกับของเหลวมากขึ้น การ ที่มา https://www.smithsonianmag.com/
ซึ่งช่วยชะลอการเกิดปฏิกิริยาเคมีในอาหารได้
เกิดปฏิกิริยาก็เร็วขึ้น เช่น การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนลงท้อง เพราะช่วยให้อาหารมีขนาดเล็กลง ซึ่งเป็นการ
ทําให้เน่าเสียช้าลง
เพิ่มพื้นที่ผิวของอาหาร ทําให้กรดและเอนไซม์ในน้ําย่อยของกระเพาะอาหารทําปฏิกิริยากับอาหารได้เร็วขึ้น
ที่มา https://www.lazada.co.th/nissin-3-6-6030437.html
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี
5. ตัวเร่งปฏิกิริยา 6. ตัวหน่วงปฏิกิริยา
4
14/01/62
สมการเคมี
สมการเคมี
เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดขึ้นในระบบ
สารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์
สมการเคมี สมการเคมี
5
14/01/62
สมการเคมี สมการเคมี
สมการเคมี สมการเคมี
6
14/01/62
สมการเคมี สมการเคมี
“หินปูน (CaCO3) ทําปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก (HCl) “ผสมสารละลายเลด (II) ไนเตรต (Pb(NO3)2) กับสารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์ (KI) ได้
ได้สารละลายแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) น้ําและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์” ตะกอนสีเหลืองของเลด (II) ไอโอไดด์ (PbI2) และสารละลายโพแทสเซียมไนเตรต (KNO3)”
CaCO3 (s) + HCl (aq) CaCl2 (aq) + H2O (l) + CO2 (g) Pb(NO3)2(aq) + KI(aq) → PbI2(s) + KNO3(aq)
การดุลสมการ เป็นการทําจํานวนอะตอมของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ให้เท่ากัน
2Ca(s) + O2(g) 2 CaO(s)
Ca(s) + O2(g) CaO(s)
Ca = 1X 2 Ca = 1X 2
1.เขียนจํานวนอะตอมของสารแต่ละสาร ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของสมการ
จํานวนอะตอมในสมการ ดูได้จากตัวห้อยที่อยู่ด้านล่างของแต่ละอะตอม O = 2 O = X1 2
2. ดุลสารที่ในสูตรเคมี ที่มีจํานวนอะตอมมากที่สุดก่อน โมเลกุลเล็กหรือธาตุดุลสุดท้าย
Ca = 1 Ca = 1
O = 2 O = 1 3. หาตัวเลขที่เหมาะสมไปใส่หน้าสูตร เพื่อทําให้จํานวนอะตอมของธาตุด้านซ้ายเท่ากับด้านขวา
7
14/01/62
4. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกรด
Zn = 1 Zn = 1
H = X1 2 H = 2 5. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารประกอบคาร์บอเนตกับกรด
Cl = X1 2 Cl = 2 6. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดกับเบส
7. ปฏิกิริยาการเผาไหม้
ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน
1. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกับออกซิเจน 1. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกับออกซิเจน
เมื่อโลหะสัมผัสกับอากาศหรือเมื่อถูกความร้อน โลหะจะทําปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจนในอากาศ
ได้ผลิตภัณฑ์เป็นสารประกอบออกไซด์ ตัวอย่าง เมื่อเผาคาร์บอนในอากาศ คาร์บอนจะทําปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน ได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
ตัวอย่าง เมื่อเผาทองแดงในอากาศ ทองแดงจะทําปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจน ได้คอปเปอร์ (ll) ออกไซด์ เขียนสมการเคมี เขียนสมการเคมีได้ดังนี้
ได้ดังนี้
คอปเปอร์ + ออกซิเจน → คอปเปอร์ (ll) ออกไซด์ คาร์บอน + ออกซิเจน → คาร์บอนไดออกไซด์
2Cu + O2 → 2CuO C + O2 → CO2
8
14/01/62
ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน
2. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกับน้ํา 2. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกับน้ํา
ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน
3. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกับออกซิเจนและน้ํา การเกิดสนิม 4. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกรด
9
14/01/62
ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน
4. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างโลหะกรด 5. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารประกอบคาร์บอเนตกับกรด
ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน
5. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารประกอบคาร์บอเนตกับกรด 6. ปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดกับเบส
10
14/01/62
ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจําวัน สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง
7. ปฏิกิริยาการเผาไหม้
เป็นปฏิกิริยาระหว่างเชื้อเพลิงที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบกับแก๊สออกซิเจน ซึ่งปฏิกิริยาการ
เผาไหม้มี 2 ประเภท ดังนี้
7.1 ปฏิกิริยาการเผาไหม้แบบสมบูรณ์ เกิดขึ้นเมื่อการเผาไหม้มีปริมาณแก๊สออกซิเจนที่มาก
เพียงพอ โดยมีสมการดังนี้
เชื้อเพลิง + O2 CO2 + H2O + พลังงาน
7.2 ปฏิกิริยาการเผาไหม้แบบไม่สมบูรณ์ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อการเผาไหม้มีปริมาณออกซิเจนที่เข้า
ทําปฏิกิริยาไม่เพียงพอ โดยผลที่ได้จะเกิดเขม่า และยังเกิดแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ โดยมีสมการดังนี้
เชื้อเพลิง + O2 CO + H2O + พลังงาน ที่มา https://www.slideshare.net/seksan082/ss-56233000
สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง
สารเคมีที่เกิดปฏิกิริยาแล้วให้ความร้อนและ - ของเหลวที่ลุกติดไฟได้เองในอากาศ
แก๊สอย่างรวดเร็ว หรือ เมื่อได้รับความร้อนในสภาวะ - ของแข็งที่ลุกติดไฟได้เองในอากาศ
จํากัดจะเกิดการระเบิด หรือ เผาไหม้อย่างรุนแรง - สารเคมีที่เกิดความร้อนได้เอง
- สารเคมีที่สัมผัสน้ําแล้วให้แก๊สไวไฟ
11
14/01/62
สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง
ก๊าซภายใต้ความดัน
(GASES UNDER PRESSURE)
สารเคมีซึ่งโดยปกติไม่ลุกไหม้เอง แต่เมื่อสัมผัส
กับสารซึ่งลุกไหม้ได้สามารถให้ออกซิเจน แล้วเร่งการ
ลุกไหม้ได้
สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง
12
14/01/62
สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง
การทําให้ไวต่อการกระตุ้นอาการแพ้ต่อระบบทางเดินหายใจ
ความเป็นพิษเฉียบพลัน (RESPIRATORY SENSITIZATION)
(ACUTE TOXICITY)
- ไวต่อการกระตุ้นให้ เกิดอาการแพ้ ของระบบ
ทางเดินหายใจ
- ระคายเคืองผิวหนัง - การกลายพันธุ์/พิษต่อเซลล์สืบพันธุ์
- ระคายเคืองต่อดวงตา - ก่อมะเร็ ง
- ไวต่อการกระตุ้นอาการแพ้ต่อผิวหนัง - เป็ นพิษเจาะจงต่ออวัยวะเฉพาะบางระบบจาก
- เป็นพิษเจาะจงต่ออวัยวะเฉพาะบางระบบ การสัมผัสครัง้ เดียว
จากการสัมผัสครั้งเดียว - อันตรายต่อระบบทางเดินหายใจส่วนล่างหรื อทํา
ที่มา http://labsafety.nrct.go.th/index.php/2014-05-19-04-38-41/2014-08-05-05-53-40/264-2014-09-24-07-10-45
ให้ ปอดอักเสบ
ที่มา http://labsafety.nrct.go.th/index.php/2014-05-19-04-38-41/2014-08-05-05-53-40/264-2014-09-24-07-10-45
สัญลักษณ์แสดงประเภทของอันตรายและข้อควรระวัง
สารที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
13
14/01/62
Quizzes Quizzes
Quizzes Quizzes
3. แมกนีเซียม 7.0 กรัม ทําปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก 18.8 กรัม เกิดแก๊
3. แมกนีเซียม 7.0 กรัม ทําปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก 18.8 กรัม สไฮโดรเจน เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดลงพบว่าสารละลายที่ได้มีมวล 20.4 กรัม มีแมกนีเซียมเหลืออยู่ 3.2
เกิดแก๊สไฮโดรเจน เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดลงพบว่าสารละลายที่ได้มีมวล 20.4 กรัม กรัม จงหาว่ามีแก๊สไฮโดรเจนเกิดขึ้นกี่กรัม
มีแมกนีเซียมเหลืออยู่ 3.2 กรัม จงหาว่ามีแก๊สไฮโดรเจนเกิดขึ้นกี่กรัม
วิธีทํา
มวลก่อนเกิดปฏิกิริยา = มวลหลังเกิดปฏิกิริยา
มวล Mg + มวล HCl = มวลสารละลาย + มวล H2 + มวล Mg ที่เหลือ
7 g + 18.8 g = 20.4 g + มวล H2 + 3.2 g
Answer จะมีแก๊สไฮโดรเจนเกิดขึ้น 2.2 กรัม มวล H2 = 25.8 g - 23.6 g
= 2.2 g
14
14/01/62
Quizzes Quizzes
4. ข้อใดแสดงพื้นที่ผิวที่มีผลต่อการเกิดปฏิกิริยา 5. จงเขียนปฏิกิริยาเคมีต่อไปนี้
ก. กระดาษชําระติดไฟได้ง่ายกว่ากระดาษ A4 แมกนีเซียม ทําปฏิกิริยากับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก เกิดแก๊สไฮโดรเจน เมื่อ
ข. กระเบื้องถูกกัดกร่อนโดยน้ํายาล้างห้องน้ํา ปฏิกิริยาสิ้นสุดลงพบสารละลาย MgCl2 (ดุลสมการด้วย)
ค. หั่นหมูเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนนําไปย่าง
ง. น้ําย่อยช่วยในการย่อยอาหาร
Quizzes Quizzes
6. เติมผลิตภัณฑ์ที่หายไป 7. จงดุลสมการต่อไปนี้
P4 + H2 PH3
HCl + NaOH ……….. + H2O
15
14/01/62
Quizzes Quizzes
8. จงดุลสมการต่อไปนี้ 9. จงดุลสมการต่อไปนี้
CH4 + O2 CO2 + H2O C2H2 + O2 CO2 + H2O
Answer CH4 + 2O2 CO2 + 2H2O Answer 2C2H2 + 5O2 4CO2 + 2H2O
Quizzes
16
14/01/62
Force Force
เวกเตอร์ที่ตรงข้ามกัน R F 1 F2 F3 Fx
A B
ที่มา http://weclipart.com/forces+push+and+pull+clipart ที่มา http://weclipart.com/forces+push+and+pull+clipart
17
14/01/62
การวาดรูป 1. วิธีหางต่อหัว
การวาดรูป
C D
B E
A
การหาแรงลัพธ์
การคํานวณ A B A ( B )
R B
A B
A R
ที่มา https://simple.wikipedia.org/wiki/Resultant_force A B B
C D C D
B E B E
A A
A
AC D C D BE = B ( E )
R
A D R A B
C
D R
R C E E
18
14/01/62
C D
B E
A
R
B
AC
C R A
R
C
A A
การคํานวณ การคํานวณ
F1 F2 ()8 ()5 3 N
F1 F2 ()5 ( )6 11N F1 8 N F2 5 N
F1 5 N
F2 6 N
F1 8 N F2 5 N
F1 5 N F2 6 N F2 5 N
19
14/01/62
F2 5 N 5cm
F1 4 N F1 4 N
F1 4 N 4cm F1 4 N 4cm
50 50
R = 6.4 cm =6.4 N
F2 5 N 50 F2 5 N 50
30 30
F2 5 N 5cm F2 5 N 5cm
20
14/01/62
Light
Light
ที่มา https://www.pexels.com/search/light/
ผู้สอน คุณครูปรวีณ วิริยะภาพ
ครูพี่เลี้ยง คุณครูคุณครูปัทมาภรณ์ แก้วคงคา
ที่มา https://www.pexels.com/search/light/
Light Light
เนื่องจากแสงเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง เราสามารถเขียนเส้นตรงแทนลําแสง เราเรียกเส้นตรงนี้ว่า รังสีแสง การมองเห็นวัตถุ
รังสีของแสงมี 3 ชนิด คือ การมองเห็นวัตถุใด ๆ ต้ องมีแสงจากวัตถุมาเข้ าตาเรา ซึง่ แบ่งได้ เป็ น 2 กรณีคือ
1. รังสีขนาน เป็นแนวรังสีที่มาจากแหล่งกําเนิดที่อยู่ไกลมาก ๆ เช่น แสงจากดวงอาทิตย์
รังสีขนาน มายังโลก ลักษณะลําแสงจะขนานกัน
1. เมื่อวัตถุนนมี
ั ้ แสงสว่างในตัวเอง แสงสว่างจากวัตถุเข้ าตาโดยตรง
2. รังสีลู่ออก (รังสีถ่าง) เป็นแนวรังสีที่ขยายออก เช่น แสงจากแหล่งกําเนิดแสงต่าง ๆ 2. วัตถุนนไม่
ั ้ มีแสงสว่างในตัวเอง ต้ องมีแสงจากแหล่งกําเนิดแสงอื่นกระทบวัตถุนนแล้
ั้ ว
และแนวทางเดินของแสงที่ผ่านเลนส์เว้า สะท้ อนเข้ าตา
รังสีลู่ออก
3. รังสีลู่เข้า (รังสีตีบ) เป็นแนวทางเดินของรังสีขนานที่ผ่านตัวกลางชนิดหนึ่ง เช่น เลนส์
นูนหรือรังสีขนานที่สะท้อนจากกระจกเว้า
รังสีลู่เข้า
21
14/01/62
Light Light
การมองเห็นวัตถุ การมองเห็นวัตถุ
วัตถุโปร่งใส วัตถุโปร่งแสง
ที่มา http://www.idealkote.com/
ที่มา http://www.ikea.com/au/en/catalog/products/40179604/
Light Light
การสะท้อนของแสง (Reflection)
ที่มา http://www.mysteelthailand.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539480519&Ntype=10
การหักเหของแสง (Refraction)
ที่มา http://forprod.forest.go.th/forprod/wood_industries/wood_industries2/WoodComposite/wsbweb/particle.htm
22
14/01/62
แสงจะตกกระทบกับตัวกลางใหม่ แล้วสะท้อนกับสู่ตัวกลางเดิม
การสะท้อนปกติ การสะท้อนกระจาย
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433/044031 ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433/044031
23
14/01/62
คือ อัตราส่วนระหว่างอัตราเร็วของแสงในสุญญากาศ
ต่ออัตราเร็วของแสงในตัวกลางใด ๆ
แท่งพลาสติก
เมื่อ n คือ ดัชนีหักเหของวัตถุ
n= c คือ อัตราเร็วของแสงงในสุญญากาศ เท่ากับ 3 108 เมตรต่อวินาที
v คือ อัตราเร็วของแสงในวัตถุหรือตัวกลาง หน่วยเป็นเมตรต่อวินาที
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433/044031
24
14/01/62
เกิดจากการสะท้อนของแสงจากวัตถุที่กระจก
ภาพ (image)
เกิดจากการหักเหของแสงผ่านเลนส์
1. ภาพจริง 2. ภาพเสมือน
- เกิดจากรังสีของแสงตัดกันจริง - เกิดจากรังสีของแสงเสมือนตัดกัน
- เกิดภาพด้านหน้ากระจก หรือหลังเลนส์ - เกิดภาพด้านหลังกระจก หรือหน้าเลนส์
- ต้องมีฉากมารับจึงจะเห็นภาพ - เห็นภาพได้โดยไม่ต้องใช้ฉากรับ ที่มา https://www.westelm.com/products/metal-framed-mirror-circle-w1612/ ที่มา https://www.advancedroadsigns.com.au/Convex-Mirror-p/mc600od.htm ที่มา https://www.enasco.com/product/SB10483M
- ภาพมีลักษณะหัวกลับกับวัตถุ - ภาพมีลักษณะหัวตั้งเหมือนวัตถุ
Mirror Convex Mirror Concave Mirror
F คือ ความยาวของโฟกัส
R คือ รัศมีความโค้ง (R = 2f)
C คือ จุดศูนย์กลางความโค้ง มีระยะเท่ากับ R
O คือ ขัว้ กระจก
25
14/01/62
F คือ ความยาวของโฟกัส
R คือ รัศมีความโค้ง (R = 2f)
C คือ จุดศูนย์กลางความโค้ง มีระยะเท่ากับ R
O คือ ขัว้ กระจก
O
F C
เส้นที่ลากผ่านจุด O ถึงจุด C เรียกว่า แกนมุขสําคัญ
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
O
C F
O
C F
26
14/01/62
การเขียนทางเดินของแสงเพื่อหาตําแหน่งของภาพ วัตถุอยู่ระหว่างขั้วกระจกกับโฟกัส
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
การเขียนทางเดินของแสงเพื่อหาตําแหน่งของภาพ ระยะวัตถุน้อยกว่าโฟกัส
F F
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
27
14/01/62
F F C F F C
การเขียนทางเดินของแสงเพื่อหาตําแหน่งของภาพ วัตถุอยู่ที่โฟกัสของเลนส์นูน
F F C
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
28
14/01/62
F F F F
Light Light
การคํานวณหาตําแหน่งภาพและขนาดภาพ การคํานวณหาตําแหน่งภาพและขนาดภาพ
การหาตําแหน่งภาพ การหาขนาดของภาพ
เมื่อ m คือ กําลังขยาย
เมื่อ f คือ ความยาวโฟกัส I คือ ขนาดของภาพ
1 1 1 O คือ นาดของวัตถุ
u คือ ระยะวัตถุ
v คือ ระยะภาพ f คือ ความยาวโฟกัส
u คือ ระยะวัตถุ
v คือ ระยะภาพ
29
14/01/62
Light Light
การสะท้อนกลับหมดของแสง (total reflection) การสะท้อนกลับหมดของแสง (total reflection)
เมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางที่มีความหนาแน่น
มากกว่าไปสู่ตัวกลางที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า
มุมวิกฤต
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
Light Light
การสะท้อนกลับหมดของแสง (total reflection) การสะท้อนกลับหมดของแสง (total reflection)
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=9py4-fih2d0
30
14/01/62
ประโยชน์ของการสะท้อนและการหักเหของแสง ประโยชน์ของการสะท้อนและการหักเหของแสง
แว่นตา สายตายาว แว่นตาเลนส์นูน ทัศนอุปกรณ์
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
สายตาสั้น แว่นตาเลนส์เว้า
ประโยชน์ของการสะท้อนและการหักเหของแสง ประโยชน์ของการสะท้อนและการหักเหของแสง
ทัศนอุปกรณ์ ทัศนอุปกรณ์
31
14/01/62
ประโยชน์ของการสะท้อนและการหักเหของแสง
ทัศนอุปกรณ์
ความสว่างและการมองเห็นสีของวัตถุ
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
ที่มา http://www.edgerton.ca/blogs/show_entry/5946
นัยน์ตาและการมองเห็น ผลของความสว่างที่มีต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต
1. กระจกตา (cornea)
2. เลนส์ตา (lens) เป็นเลนส์นูน ทําหน้าที่หักเหแสงให้ หน่วยของความสว่าง คือ ลักซ์ (lux: lx)
เกิดภาพบนเรตินา
3. ม่านตา (iris) เป็นส่วนที่มีสีของนัยน์ตา ควบคุมแสง
ที่จะผ่านเข้าสู่เลนส์ตา
4. กล้ามเนื้อยึดเลนส์ตา (ciliary muscle) ทําหน้าที่
หดและคลายตัวเพื่อปรับความยาวโฟกัส ทําให้เกิดภาพ ความสว่าง 1 ลักซ์ หมายถึง ความสว่างที่เกิดขึ้นบนพื้นผิว
ที่ชัดเจนบนเรตินา 1 ตารางเมตร เมื่อแหล่งกําเนิดแสงมีความเข้มของการส่องสว่าง
5. เรตินา (retina) เป็นฉากรับภาพที่เกิดจากการหัก เท่ากับ 1 แคนเดลาร์ (cd)
เหของแสงผ่านเลนส์
1. เซลล์รูปแท่ง (rod cell) รับแสงสว่าง ให้
ความรู้สึกเกี่ยวกับความมืดความสว่าง
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
2. เซลล์รูปกรวย (cone cell)
32
14/01/62
ผลของความสว่างที่มีต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิต การเห็นสีของวัตถุ
แสงสี ประกอบด้วย แสงสีแดง แสงสีเขียว และแสงสีน้ําเงิน
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
นักเรียนคิดว่าแสงสว่างมีผลต่อสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ???
การเห็นสีของวัตถุ การเห็นสีของวัตถุ
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31433-044031
เซลล์รูปกรวยทําหน้าที่รับแสงสีแดง
เซลล์รูปกรวยทําหน้าที่รับแสงสีน้ําเงิน
เซลล์รูปกรวยทําหน้าที่รับแสงสีเขียว
33
14/01/62
Life Biosphere
Water Hydrosphere
Air Atmosphere
Land Lithosphere
ที่มา https://giphy.com/stickers/planets-Wif2BJsS56nEk
ที่มา https://www.livescience.com/38218-facts-about-pangaea.html
ที่มา https://www.leeds.ac.uk/ruskinrocks/Earth%20Structure.html
34
14/01/62
Weathering การผุพังอยู่กับที่
ที่มา http://www.eschooltoday.com/landforms/weathering-and-landforms.html
ที่มา https://getech.com/plate-tectonics-50/
เป็นกระบวนการที่หินแตกเป็นชิ้นเล็กลง เป็นกระบวนการผุพังที่ทําให้สมบัติทาง
เรื่อย ๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบทาง เคมีของหินเปลี่ยนไป เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพ
แร่ของหิน ตัวการสําคัญที่ทําให้เกิดการผุพังอยู่กับที่ อากาศและความกดดัน เช่น ฝนกรด มีสมบัติ
ทางกายภาพ ได้แก่ ความร้อน ความเย็น ลมฟ้า ละลายและกัดกร่อนหินปูน หรือแก๊สออกซิเจน
อากาศ การกระทําของน้ําและน้ําแข็ง ที่มา http://www.eschooltoday.com/landforms/weathering-and-landforms.html
สามารถกัดกร่อนหินที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ที่มา http://www.eschooltoday.com/landforms/weathering-and-landforms.html
เมื่อถูกความชื้นหรือน้ําจะทําให้เกิดเป็นสนิม
35
14/01/62
ที่มา http://www.scienceclarified.com/El-Ex/Erosion.html
ที่มา https://imgur.com/gallery/sLaUTgN
ที่มา https://daily.rabbit.co.th/
36
14/01/62
37
14/01/62
ที่มา http://nekozawa-kuromi.blogspot.com/2014/02/surface-water-groundwater-surface-water.html
38
14/01/62
mainblog.php?id=bluebutter&month=17-11-2009&group=22&gblog=68
Discovering Science ข้อ 4.1
หน้า 90 - 93 ด้วยนะครับ
ที่มา https://www.bloggang.com/
ที่มา http://knowledgequestion.blogspot.com/2015/09/blog-post_82.html
การแยกสาร
ดิน (Soil)
39
14/01/62
ดิน
หินและแร่ วัตถุต้นกําเนิดดิน
ที่มา http://www.physicalgeography.net/fundamentals/10t.html
เป็นก้อนเล็ก
40
14/01/62
Soil Color
41
14/01/62
ความเป็นกรด-เบสของดิน การทดสอบความเป็นกรด-เบสของดิน
มีผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุและการเจริญเติบโต
1. กระดาษลิตมัส มี 2 สี คือ สีน้ําเงินและสีแดง เมื่อนํามา
ของพืช พืชจะเจริญเติบโตได้ในช่วง pH ที่เหมาะสม
ทดสอบ pH ของดินจะเปลี่ยนสีดังนี้
เท่านั้น
1. กระดาษลิตมัสสีน้ําเงิน สีแดง = เป็นกรด
2. กระดาษลิตมัสสีแดง สีน้ําเงิน = เป็นเบส ที่มา https://99papers.com/?ref_id=1077
1. ดินที่มีสภาพเป็นกรด แก้ไขได้โดยการเติม
3. กระดาษลิตมัสไม่เปลี่ยนสี = เป็นกลาง
แคลเซียมไฮดรอกไซด์ (ปูนขาว) หรือดินมาร์ลลงในดิน
2. ดินที่มีสภาพเป็นเบส แก้ไขโดยการเติมแคลเซียม
ซัลเฟต (CaSO4) หรือผงกํามะถันลงในดินในปริมาณที่
พอเหมาะ
ที่มา http://www.growthtechnology.com/growtorial/soil-and-coco/
การทดสอบความเป็นกรด-เบสของดิน สาเหตุที่ทําให้ดินเสื่อมสภาพ
2. ยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์ มีลักษณะเป็นตลับ ภายในมี
กระดาษยูนิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์และด้านบนตลับมีแผ่นเทียบ
สีค่า pH ดังนี้ 1. เกิดจากธรรมชาติ เช่น ดินในพื้นที่ลาดเอียงจะถูกกัดเซาะได้เร็ว ดินในพื้นที่
1. ค่า pH ตั้งแต่ 1-6 เป็นกรด แห้งแล้งจะถูกกระแสลมพัดพาไปได้ง่าย การชะล้างหน้าดินด้วยฝนหรือลมเนื่องจากขาด
2. ค่า pH เท่ากับ 7 กลาง พืชคลุมดิน การกัดเซาะของกระแสน้ํา
3. ค่า pH ตั้งแต่ 7-14 เป็นเบส
ที่มา https://profilab24.com/MACHEREY-NAGEL-Universal-indicator-papers-Refill
2. เกิดจากการกระทําของมนุษย์ เช่น การตัดไม้ทําลายป่า ทําไร่เลื่อนลอย การ
สร้างถนน การทําเหมืองแร่ การใส่ปุ๋ยเคมี หรือเพาะปลูกจนดินจืด ขาตุธาตุอาหาร การ
ไถพรวน
ที่มา http://www.growthtechnology.com/growtorial/soil-and-coco/
42
14/01/62
การปรับปรุงคุณภาพของดิน การปรับปรุงคุณภาพของดิน
หิน (rock)
ที่มา https://pixabay.com
43
14/01/62
ที่มา https://geonoi.wordpress.com/
44
14/01/62
เป็นหินที่เกิดจากหินหนืดที่เย็นตัวลงภายในเปลือกโลกอย่างช้า ๆ ทําให้ผลึก
แร่มีขนาดใหญ่และมีเนื้อหยาบ เช่น หินแกรนิต หินไดออไรต์ และหินแกบโบร
ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=6qaG3MqI-4o
45
14/01/62
หินแกบโบร (gabbro)
ที่มา https://geology.com
46
14/01/62
47
14/01/62
48
14/01/62
49
14/01/62
หินชนวน (Slate)
คือ หินที่แปรสภาพเนื่องจากความร้อน แรงดัน หรือปฏิกิริยาเคมี หินแปรชนิด
หนึ่ง ๆ จะมีองค์ประกอบเดียวกันกับหินต้นกําเนิด แต่อาจจะมีการตกผลึกของแร่ใหม่ แปรสภาพจากหินดินดาน มีเนื้อแน่น
เช่น หินชนวนแปรมาจากหินดินดาน หินอ่อนแปรมาจากหินปูน เป็นต้น หินแปรส่วน ละเอียด ผิวหน้าเรียบ แยกออกจากกันเป็น
ใหญ่เกิดขึ้นในระดับลึกใต้เปลือกโลกหลายกิโลเมตร แผ่นได้ มีหลายสี
ที่มา https://geology.com
แปรสภาพมาจากหินแกรนิตหรือ แปรสภาพมาจากหินแกรนิตหรือ
หินดินดาน เนื้อหยาบ ผิวรอยแตกขรุขระไม่ หินดินดาน เนื้อหยาบ ผิวรอยแตกขรุขระไม่
เรียบ เรียบ
50
14/01/62
แบบไม่มีริ้วขนาน แบบไม่มีริ้วขนาน
51
14/01/62
แร่ (minerals)
ที่มา https://www.theknot.com/content/finding-the-perfect-diamond
ที่มา https://www.mrspittorinosclassroom.com/mighty-minerals.html
ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่ ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่
ความแข็ง (Hardness)
ความถ่วงจําเพาะ (Specific Gravity)
ยิปซัม คอรันดัม
52
14/01/62
ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่ ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่
สีผงละเอียด (Streak) ผลึก (Crystal)
ที่มา http://geologycafe.com/gems/chapter2.html
ที่มา https://www.amnh.org
ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่ ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่
ความวาว (Luster) ความแข็ง (Hardness)
เป็นคุณสมบัติในการสะท้อนแสงของผิวแร่ ความวาวมีหลายแบบ
เช่น วาวแบบโลหะ แบบมุก แบบเพชร แบบน้ํามัน แบบแก้ว เป็นต้น มาตราความแข็งของแร่ตามระบบสเกลของโมล (Mol’s scale) ประกอบด้วยแร่มาตรฐาน
ตัวอย่างเช่น แร่ควอตซ์มีความวาวแบบแก้ว แร่แบไรต์มีความวาวแบบมุก 10 ชนิด เรียงลําดับตั้งแต่แร่ที่ทนทานต่อการขูดขีดน้อยที่สุดไปถึงมากที่สุด
แร่ควอตซ์ แบไรต์
ที่มา https://geology.com
53
14/01/62
ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่
แนวแตกประชิด (Fracture) แนวแตกเรียบ (Clevage)
ที่มา https://www.911metallurgist.com/blog/mohs-hardness-test-kit
ลักษณะและสมบัติทางกายภาพของแร่
ความถ่วงจําเพาะ (Specific Gravity)
อัตราส่วนระหว่างน้ําหนักของแร่ต่อน้ําหนักของน้ําที่มีปริมาตรเท่ากับแร่นั้น
แร่ที่มีความถ่วงจําเพาะสูงจะหนัก
น้ําหนักของแร่
ความถ่วงจําเพาะของแร่
น้ําหนักของน้ําทีม่ ีปริมาตรเท่าแร่
ที่มา http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/minerals/mineral-properties
54
14/01/62
แร่กาลีนา
แร่เงิน
แร่ทอง
ที่มา https://geology.com
แร่ทองแดง
ที่มา https://geology.com
แร่ใยหิน
ที่มา https://www.treatmesothelioma.org/asbestos/ - เพชร (Diamonds) ทั้งชนิดใสไม่มีสี และชนิดที่มีสีต่างๆ
แร่ซัลเฟอร์ - พลอย (Colored stones) หมายถึง อัญมณี ต่างๆ เช่น ทับทิม ไพลิน มรกต
ควอตซ์ หยก ฯลฯ แต่ไม่รวมถึงเพชร นอกจากนี้ยังมีรัตนชาติบางชนิดที่เกิดจากสิ่งมีชวี ิต เช่น
ไข่มุก ปะการัง และอําพัน
ที่มา https://geology.com
แร่ควอตซ์
55
14/01/62
แร่กัมมันตรังสี
เป็นแร่ที่ให้พลังงานมาหาศาล สามารถปล่อยรังสีออกมาได้
ตลอดเวลา เมื่อสิ้นสุดการสลายตัวจะกลายเป็นเรดอนและตะกั่ว
โกเมน
ที่มา https://mineralseducationcoalition.org/minerals-database/garnet/
มุกดา ไพฑูรย์
ที่มา https://www.energymuse.com/moonstone-stones.html ที่มา https://pantip.com/topic/34141316
ไพลิน
เพทาย
ที่มา https://www.icstoneshop.com
ที่มา https://www.gemrockauctions.com ที่มา http://www.earthtimes.org/energy/uranium-mining-power-weapons/1873/
56
14/01/62
คือวัสดุที่มีต้นกําเนิดมาจากการทับถมตัวของ
เชื้อเพลิงธรรมชาติ (mineral fuels)
ซากพืช สัตว์ และอินทรียสารอื่น ๆ ได้แก่
- ถ่านหิน Coal
- ปิโตรเลียม Petroleum
ที่มา http://www.lesa.biz/earth/lithosphere/fuel/coal
57
14/01/62
58
14/01/62
เป็นสารไฮโดรคาร์บอนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยมีธาตุคาร์บอนและ
ไฮโดรเจเป็นองค์ประกอบหลัก และมีธาตุอื่นปนอยู่อยู่ด้วย ปิโตรเลียม แบ่งตามสถานะที่สําคัญได้ 2 ชนิด คือ
น้ํามันดิบ (Oil) และแก๊สธรรมชาติ(Natural Gases)
ปิโตรเลียม เกิดจากการทับถมและแปรสภาพของซากสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ยุคก่อน
ประวัติศาสตร์นับหลายล้านปี ที่ตกตะกอนหรือถูกกระแสน้ําพัดพามาจมลง ณ บริเวณที่เป็นทะเล
หรือทะเลสาบในขณะนั้น ถูกทับถมด้วยชั้นกรวด ทราย และโคลนสลับกันเป็นชั้นๆ เกิดน้ําหนักกด
ทับกลายเป็นชั้นหินต่างๆ ผนวกกับความร้อนใต้พิภพและการสลายตัวของอินทรีย์สารตาม
ธรรมชาติ ทําให้ซากพืชและซากสัตว์กลายเป็นน้ํามันดิบและก๊าซธรรมชาติ หรือที่เราเรียกว่า
“ปิโตรเลียม” ดังนั้นเราจึงเรียกปิโตรเลียมได้อีกชื่อหนึ่งว่า “เชื้อเพลิงฟอสซิล”
ปิโตรเลียม (Petroleum)
น้ํามันดิบ (Oil)
มีสถานะเป็นของเหลว โดยทั่วไปมีสีดําหรือสีน้ําตาล
มีกลิ่นคล้ายน้ํามันเชื้อเพลิงสําเร็จรูป แต่บางชนิดจะมีกลิ่นของ
สารผสมอื่นด้วย เช่น กลิ่นกํามะถัน และกลิ่นไฮโดรซัลไฟต์
หรือก๊าซไข่เน่า เป็นต้น
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31754/044330
ที่มา http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/31200-043733
59
14/01/62
ปิโตรเลียม (Petroleum)
น้ํา (water)
ที่มา https://montemalaga.pvpusd.net/apps/pages/Mr.Wells_Science
เป็นสารที่มีอยู่เป็นปริมาณที่มากสุดบนโลก
ที่มา https://www.welovesolo.com/summer-holiday-yacht-with-sea-vector-background/
60
14/01/62
แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําจืด (fresh water) แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําจืด (fresh water)
แหล่งน้ําไหล แหล่งน้ํานิ่ง
61
14/01/62
แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําจืด (fresh water) แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําจืด (fresh water)
แหล่งน้ํานิ่ง เช่น บึง หนอง ทะแลสาบน้ําจืด แหล่งน้ําเหล่านี้บางแห่งเป็น แหล่งน้ํานิ่ง ทะเลสาบน้ําจืด (lake)
แหล่งน้ําปิด บางแห่งมีทางออกติดต่อกับแม่น้ํา ลําธาร แหล่งน้ํานิ่ง
จะไม่มีการขึ้ลงของน้ํา น้ําจะเคลื่อนที่โดยอาศัยกระแสลม แหล่งน้ํา เป็นแหล่งน้ําปิด มักเกิดบริเวณ
เหล่านี้ได้รับน้ําจากน้ําฝน หรือน้ําที่ท่วมมาจากแม่น้ําในช่วงฤดูฝน แอ่งแผ่นดิน หรือบริเวณที่มีน้ําขังไม่มี
ทางออกโดยตรง ทะเลสาบมีทั้งน้ําจืด
และน้ําเค็ม
ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9600000004198
ที่มา https://travel.thaiza.com/foreign/370983/
แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําจืด (fresh water) แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําจืด (fresh water)
แหล่งน้ํานิ่ง บึง (swamp) แหล่งน้ํานิ่ง หนอง (marsh)
เป็นแหล่งที่ลุ่มมีน้ําขังตลอดทั้งปี เป็นแหล่งที่ลุ่มมีน้ําท่วมเป็นครั้ง
มีต้นไม้ขึ้นโดยรอบบริเวณบึง เช่นบึง คราว มีพืชล้มลุกปกคลุมอยู่บริเวณน้ํา
บอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ตื้นรอบหนอง หนองส่วนใหญ่จะอยู่
ใกล้เคียงหรือติดกับแม่น้ํา
ที่มา https://www.tripadvisor.com
ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9600000004198
62
14/01/62
แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ํากร่อย (brackish water) แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําเค็ม (saline water)
แหล่งน้ําบนดิน (Surface Water) น้ําเค็ม (saline water) 1. ไหล่ทวีป เป็นส่วนที่อยู่ติดกับแผ่นดินและเป็นเขตน้ําตื้น ซึ่งอาจแผ่ออกไปได้ไกลถึง 1,500
กิโลเมตร และลึกประมาณ 20–550 เมตร เป็นพื้นที่ที่มนุษย์ใช้ในการทําประมงและเลี้ยงสัตว์
พื้นผิวโลกที่อยู่ใต้ท้องทะเลและมหาสมุทรจะมีลักษณะภูมิประเทศและความลึกที่ 2. ลาดทวีป ต่อจากไหล่ทวีปลึกลงไปสู่ก้นมหาสมุทร มีลักษณะความลาดชัน บริเวณนี้มีความ
ลึกประมาณ 180–360 เมตร
แตกต่างกันซึ่งแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ ดังนี้
3. เนินทวีป เป็นส่วนที่อยู่ระหว่างลาดทวีปและแอ่งมหาสมุทร มีความลาดเอียงไม่มากนัก มี
ความลึก 1,400–5,100 เมตร
4. แอ่งมหาสมุทร เป็นส่วนที่อยู่ต่อจาก
เนินทวีป ประกอบด้วยที่ราบทะเลลึก
สันเขา มหาสมุทร เหวทะเลลึก และ
ภูเขาไฟใต้สมุทร
63
14/01/62
ที่มา http://www.siamchemi.com/
เป็นแหล่งน้ําใต้ดินที่อยู่ลึกลงไป โดยซึมผ่านลงมาจากผิวดินแล้วซึม
ผ่านชั้นดินลงไปขังตัวอยู่ระหว่างช่องว่างหรือโพรงของชั้นหินเกิดเป็นชั้นน้ํา
น้ําบาดาลเป็นน้ําที่มีคุณภาพดี เนื่องจากไหลผ่านชั้นดินทราย ซึ่ง
บาดาล และเรียกระดับน้ําที่อยู่บนสุดของชั้นนี้ว่า ระดับน้ําบาดาล
ทําหน้าที่คล้ายเครื่องกรองน้ําธรรมชาติ ระดับน้ําบาดาลมีการ
เปลี่ยนแปลงไปตาฤดูการ หรือตามปริมาณการเพิ่มหรือสูญเสียน้ํา แต่การ
น้ําบาดาลอาจเกิดเป็นชั้น ๆ มากกว่า 1 ชั้น แต่ละชั้นคั่นด้วยชั้นหิน เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นช้า เพราะน้ําบาดาลอยู่ในชั้นหินซึ่งน้ําซึมผ่านได้ยาก
เนื้อแน่นหรือหินดินดาน นอกจากมนุษย์จะสูบเอาไปใช้ประโยชน์
64
14/01/62
Water Cycle
ที่มา https://pmm.nasa.gov/education/water-cycle
65
14/01/62
มหาสมุทร การกร่อนโดยธารน้ําแข็ง
การพัดพาและการทับถม
ที่มา http://nekozawa-kuromi.blogspot.com/2014/02/surface-water-groundwater-surface-water.html
ทางน้ําโค้งตวัดหรือบึงโค้ง
ที่ราบน้ําท่วมถึง
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ํา
ที่มา http://oknation.nationtv.tv/blog/print.php?id=517408 เนินตะกอนรูปพัด ที่มา https://pantip.com/topic/35365206
ที่มา https://pmm.nasa.gov/education/water-cycle
66
14/01/62
ใช้น้ําเพื่อการอุตสาหกรรม
การใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ํา การกระทําของมนุษย์
แหล่งน้ําเพื่อการคมนาคม ที่ส่งผลต่อแหล่งน้ํา การชลประทาน
การใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี
แหล่งน้ําเพื่อการนันทนาการและการพักผ่อน
แหล่งน้ําเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า การขุดเจาะบ่อน้ําบ่าดาล
น้ําเสีย การตรวจวัดคุณภาพน้ํา
หมายถึง น้ําที่มีสิ่งเจือปนต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งกลายเป็นน้ําที่ไม่เป็นที่ต้องการ และน่า
รังเกียจของคนทั่วไป ไม่เหมาะสมสําหรับใช้ประโยชน์อีกต่อไป หรือถ้าปล่อยลงสู่ลําน้ําธรรมชาติก็จะ ค่า DO - Dissolved Oxygen คือ ปริมาณออกซิเจนที่ละลายได้ในน้ํา ถ้าน้ํามีค่า
ทําให้คุณภาพน้ําของธรรมชาติเสียหายได้ DO ต่ํากว่า 3 มิลลิกรัม/ลิตร จัดว่าเป็นน้ําเสีย ค่า DO สูง = ดี
ค่า COD - Chemical Oxygen Demand คือ ปริมาณออกซิเจนที่ใช้ในการย่อย
น้ํามันและสารลอยน้ําต่าง ๆ สารอินทรีย์ โลหะหนักและสารพิษ สลายสารอินทรีย์ในน้ํา
ค่า BOD - Biochemical Oxygen Demand คือ ปริมาณออกซิเจนที่แบคทีเรีย
สารก่อให้เกิดฟอง/สารซักฟอก สารอนินทรีย์ จุลินทรีย์ ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ํา โดยวัดที่ 20 องซาเซลเซียส เป็นเวลา 5 วัน
COD และ BOD สูง = ไม่ดี
ธาตุอาหาร กลิ่น
67
14/01/62
การปลูกป่า ใช้น้ําอย่างประหยัดและเกิด
ประโยชน์สูงสุด
แบบทดสอบ 2/3
การอนุรักษ์แหล่งน้ํา
ให้ความรู้แก่ประชาชน
การป้องกันการเกิดมลพิษทางน้ํา
การขุดลอกคูคลอง
68