Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 3
บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการทดลอง
3.1 วิธีดำเนินการวิจัย
ในการศึกษานี้ใช้แผนการทดลองแบบสุ่มอย่างสมบูรณ์ (Completely
Randomized Design; CRD) มีการใช้ถั่วเขียวทั้งหมด 10 พันธุ์/สาย
พันธุ์ และลักษณะเฉพาะและต้นกำเนิดได้อธิบายไว้ใน ตารางที่
แปลตาราง
พันธุ์/สาย ต้น
แหล่งที่มา ลักษณะเฉพาะ
พันธุ์ กำเนิด
a
Selection from mutated Thaila
CN3 Large seed, high yield, uniform maturity
CN36 nd
b
Thaila High yield, high suitability for harvest, moderate
SUT1 UTHONG1 x NP-29 d e
nd resistance to PM and CLS
Selection from mutated Thaila
CN84-1 Large seed, high yield, high percentage of starch
CN36 nd
Development from
double cross lines
f
c
[(CN72×V4758 ) × Thaila
S5 f
High resistance to PM and CLS
(CN72×V4718 )] × nd
[(CN72×V4718) ×
f
(CN72×V4785 )]
P08 Selected from Thaila Large seed, uniform maturity, moderate resistance
backcrossing between nd to PM and CLS
P12 CN84-1 and double Thaila Large seed, high yield , uniform maturity, rather
drought tolerlance, high resistance to PM,
nd
moderate resistance to CLS
Thaila High yield, uniform maturity, moderate resistance
P22
cross lines nd to PM and CLS
[(CN72×V4758) × Thaila Large seed, uniform maturity, moderate resistance
P24
(CN72×V4718)] × nd to PM and CLS
Selected from
backcrossing between
CN72 and double cross
lines [(CN72×V4758) × Thaila High seed weight per plant, high suitability for
W5
(CN72×V4718)] × nd harvest, high resistance to PM and CLS
[(CN72×V4718) ×
(CN72×V4785)]
Selected from
backcrossing between
SUT1 and double cross
lines [(CN72×V4758) × Thaila High yield, high suitability for harvest, trichomeless
D5
(CN72×V4718)] × nd pods, moderate resistance to PM and CLS
[(CN72×V4718) ×
(CN72×V4785)]
Selected from
backcrossing between
g
King and double cross
Thaila Large seed, high suitability for harvest, trichomeless
H3 lines [(CN72×V4758) ×
nd pods, moderate resistance to PM and CLS
(CN72×V4718)] ×
[(CN72×V4718) ×
(CN72×V4785)]
a b
The certified mungbean varieties from Chainat Field crops research center, Thailand, The certified
c
mungbean varieties from Suranaree University of Technology, Thailand, The mungbean resistant lines
d e
developed by Pookhamsak et al. (unpublished data), Thailand, Powdery midew, Cercospora leaf spot,
f g
and The mungbean lines originated from India. The mungbean variety originated from Australia.
3.3สารเคมีที่ใช้ในการทดลอง
3.3.1 กรดซัลฟิ วริก
3.3.2 ตัวเร่ง (สารผสมระหว่าง copper sulfate : potassium
sulfate อัตราส่วน 1:10)
3.3.3 Methyl red
3.3.4 Bromocresol green
3.3.5 Boric acid
3.3.6 NaOH
3.3.7 HCl
3.3.8 ปิ โตรเลียมอีเธอร์
3.3.9 Acetone
3.3.10 N-octanol
3.4 วิธีการทดลอง
3.4.1 การเตรียมตัวอย่างพืช
ล้างทำความสะอาดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก นำเมล็ดใส่ในบีกเกอร์
เติมน้ำอุ่นอุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส จากนั้นแช่ทิ้งไว้นาน 8 ชั่วโมง
3.4.1.1.1 การเพาะถั่วงอก: หลังจากแช่เมล็ดแล้ว นำมาเพาะ
ถั่วงอกโดยใช้วิธี Between paper เรียงเมล็ดให้กระจาย
สม่ำเสมอ 50 เมล็ดต่อแผ่น ใส่ลงในกล่องพลาสติกป้ องกัน
แสง วางไว้ในตู้ควบคุมสภาพแวดล้อมอุณหภูมิ 25 องศา
เซลเซียส รดน้ำปริมาณ 1 ลิตร 2 ครั้งเช้าและเย็นเป็ น
เวลา 72 ชั่วโมงหรือ 3 วัน
3.4.1.1.2 การเพาะไมโครกรีน: ผสมขุยมะพร้าวกับแกลบดำ
ในอัตราส่วน 1:1 โดยปริมาตร แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำ
วัสดุที่คลุกเคล้าแล้วนำมาใส่ถาดเพาะไมโครกรีนและเกลี่ย
วัสดุปลูกให้เรียบ จากนั้นโรยเมล็ดถั่วเขียวที่ผ่านการแช่ลง
ในถาดเพาะไมโครกรีน กระจายเมล็ดให้มีความสม่ำเสมอ
กลบด้วยวัสดุปลูกบาง ๆ วางถาดเพาะในตู้ควบคุม
อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียล รดน้ำให้ชุ่มตลอดเวลา โดย
เก็บไว้ในที่มืดนาน 3 วัน และให้แสงสว่างด้วยแสงเทียม
(artificial light) ตลอดเวลานาน 4 วัน รวมเป็ นระยะ
เวลา 7 วัน
3.4.2 การบันทึกข้อมูลลักษณะทางสัณฐานวิทยา
ลักษณะทางสัณฐานวิทยาของถั่วงอกและไมโครกรีนทำการเก็บ
ข้อมูลทั้งหมด 6 ซ้ำ แต่ละซ้ำประกอบไปด้วย 20 ตัวอย่าง
3.4.2.1 ถั่วงอก
3.4.2.1.1 ความยาวของลำต้นของถั่วงอกวัดด้วยไม้บรรทัดจาก
บริเวณโคนรากจนถึงปลายยอด
3.4.2.1.2 ความยาวรากของถั่วงอกวัดด้วยไม้บรรทัดบริเวณ
โคนรากจนถึงปลายราก
3.4.2.1.3 ความกว้างลำต้นของถั่วงอกวัดด้วยเวอร์เนียคาลิป
เปอร์บริเวณกึ่งกลางของลำต้น
3.4.2.2 ไมโครกรีน
3.4.2.2.1 การวัดความยาวลำต้นของไมโครกรีนวัดด้วย
ไม้บรรทัดตั้งแต่โคนรากถึงปลายยอด
3.4.2.2.2 ความยาวใบของไมโครกรีนวัดด้วยไม้บรรทัด จาก
บริเวณโคนใบถึงปลายใบ
3.4.2.2.3 ความกว้างใบของไมโครกรีนวัดด้วยไม้บรรทัด จาก
บริเวณจุดที่กว้างที่สุดของใบ
3.4.3การบันทึกข้อมูลลักษณะกายภาพ ไปเรียบเรียงมาใหม่, จัด
ย่อหน้า, จัดหมายเลข, เช็คคำผิด, แก้สมการให้เป็ นรูปแบบ
เดียวกัน, ไม่ต้องก๊อปมาทั้งหมด
3.1 ความชื้น
ชั่งตัวอย่างใส่ในภาชนะหาความชื้นที่ทราบน้ำหนักแน่นอน นำ
ไปใส่ในตู้อบลมร้อน (Hot air oven) ที่อุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียส
นาน 3 ชั่วโมง นำตัวอย่างใส่ในโถดูดความชื้นนาน 30 นาที จนกระทั่ง
อุณหภูมิภาชนะเท่ากับอุณหภูมิห้อง จากนั้นนำภาชนะพร้อมตัวอย่าง
ไปชั่งน้ำหนักด้วยเครื่องชั่งทศนิยม 4 ตำแหน่ง อบซ้ำที่อุณหภูมิ 105
องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งน้ำหนักสองครั้งแตกต่าง
กันไม่เกิน 3 มิลลิกรัม
การคำนวณ
ปริมาณความชื้น = W2-
W3x100
(เปอร์เซ็นต์โดยน้ำหนัก) W2-W1
W1 คือ น้ำหนักของภาชนะสำหรับหาความชื้น (กรัม)
W2 คือ น้ำหนักของภาชนะสำหรับหาความชื้นพร้อมตัวอย่างก่อนอบ
(กรัม)
W3 คือ น้ำหนักของภาชนะสำหรับหาความชื้นพร้อมตัวอย่างหลังอบ
(กรัม)
3.2 การคำนวณ Output ratio
การคำนวณ
Output ratio = น้ำหนักผลผลิตสด / น้ำหนักเมล็ด
1. การวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ
4.1 การเตรียมตัวอย่าง
นำตัวอย่างพืชอบที่อุณหภูมิ 105 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3
ชั่วโมง ทำให้เย็นใน โถดูดความชื้น (Desiccator) และบดให้ละเอียด
เป็ นผง ร่อนด้วยตะแกรงขนาด 1 มิลลิเมตร เก็บไว้ที่อุณหภูมิ -20
องศาเซลเซียส เพื่อนำไปวิเคราะห์ ปริมาณเส้นใยหยาบ ปริมาณเถ้า
และปริมาณไขมัน นำตัวอย่างพืชอบที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส
นาน 24 ชั่วโมง และบดให้ละเอียด ร่อนผ่านตะแกรงขนาด 1
มิลลิเมตร เก็บไว้ที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส เพื่อนำไปวิเคราะห์
ปริมาณโปรตีน
4.2 ปริมาณโปรตีน
การคำนวณ
ปริมาณโปรตีน (%) = (A-B)×N×1.4007×F
Wt
4.3 ปริมาณเส้นใยหยาบ
การคำนวณ
ปริมาณเส้นใย (% โดยน้ำหนัก) =
W2-W3 × 100
W1
W1 คือ น้ำหนักตัวอย่าง (กรัม)
W2 คือ น้ำหนักตัวอย่างหลังการอบแห้ง (กรัม)
W3 คือ น้ำหนักตัวอย่างหลังการเผา (กรัม)
การคำนวณ
ปริมาณเถ้า (%) = (W2-W1) × 100
S
W1 คือ น้ำหนัก Crucible
W2 คือ น้ำหนัก Crucible และตัวอย่างหลังอบ
S คือ น้ำหนักตัวอย่าง
4.5 ปริมาณไขมัน
การคำนวณ
ร้อยละของไขมัน = (B - A) x 100
W
W คือ น้ำหนักตัวอย่างที่ทำการทดสอบ
A คือ น้ำหนักคงที่ของ extraction beaker
B คือ น้ำหนัก extraction beaker และไขมันที่สกัดได้
4.6 ปริมาณแป้ ง
ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติตามแผนการทดลอง
Completely Randomized Design (CRD) โดยใช้โปรแกรมทางสถิติ
SPSS version 16.0 (Levesque and SPSS, 2006)