Professional Documents
Culture Documents
คู่มือการใช้งานQGIS3
คู่มือการใช้งานQGIS3
คู่มือการใช้งานQGIS3
การใช้งานโปรแกรม QGIS 3
สำหรับการสำรวจระยะไกล
โดย
นางสาวสมจิตต์ เลิศดิษยวรรณ
นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ
กลุ่มวิเคราะห์สภาพการใช้ที่ดิน
กองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน
กรมพัฒนาที่ดิน
ตุลาคม 2563
เอกสารวิชาการเลขที่ 01/02/2563
คำนำ
Quantum GIS หรือ QGIS เป็นโปรแกรม Desktop GIS ประเภทหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่มของซอฟต์แวร์รหัส
เปิด (Free and Open Source Software: FOSS) ที่ใช้งานง่าย ลักษณะการใช้งานเป็นแบบ Graphic User
Interface ซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน QGIS ถูกพัฒนาขึ้นโดยกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์จากประเทศเยอรมันในปี
พ.ศ. 2545 เริ่มที่เวอร์ชัน 0.001-alpha และได้มีการพัฒนาโปรแกรมอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันปี พ.ศ.
2563 เวอร์ชันล่าสุดคือ QGIS 3.14 'Pi'
ประสิทธิภาพของโปรแกรม QGIS สามารถเรียกใช้ข้อมูลเชิงเส้น (Vector) และข้อมูลเชิงภาพ (Raster)
ในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานแพร่หลาย เช่น Shapefile และ GeoTIFF สามารถใช้งานได้หลายระบบปฏิบัติการ
ทั้ง Window Mac Linux และ Android จึงมีผู้เข้าใช้งานจำนวนมากและมีผู้ร่วมพัฒนากันอย่างจริงจัง จน
ทำให้ปัจจุบันสามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟแวร์ราคาแพง ๆ อีก
คู่มือการใช้งานโปรแกรม QGIS3 สำหรับการสำรวจระยะไกล จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่จะใช้งาน
โปรแกรม QGIS ตั้งแต่พื้นฐานการติดตั้งโปรแกรม การนำเข้าข้อมูลด้วยแถบเครื่องมือต่างๆ การวิเคราะห์
ข้อมูลเชิงเส้นและข้อมูลเชิงภาพ การวิเคราะห์การใช้ที่ดินปัจจุบันด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียม และยังสามารถ
นำเข้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอื่นๆได้ ตลอดจนจัดการส่งออกในรูปของแผนที่
คู่มือเล่มนี้ได้ทำการศึกษา รวบรวมข้อมูลความรู้จากหลายแหล่ง ทั้งเอกสาร การฝึกอบรม หน้าเวบหลัก
และที่เกี่ยวข้อง และวิดีโอที่สอนวิธีการใช้งาน ร่วมกับประสบการณ์ทำงานที่ใช้งานโปรแกรมด้วยตนเองมา
ตั้งแต่เวอร์ชั่น Quantum GIS 1.7 จนถึงปัจจุบัน พบว่า ยิ่งใช้งานง่ายขึ้นเรื่อยๆ มีความสามารถในการรองรับ
ข้อมูลขนาดใหญ่ ๆ ระดับประเทศได้ ซึ่งผู้เขียนมีความมุ่งหวังให้เอกสารเล่มนี้เป็นแนวทางแก่ผู้ใช้งานหรือผู้
เริ่มต้นใช้งานได้เล็งเห็นถึงประโยชน์อันมหาศาลของโปรแกรม QGIS นี้ เพื่อส่งต่อให้ผู้ใช้งานรุ่นต่อ ๆ ไป
นางสาวสมจิตต์ เลิศดิษยวรรณ
นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ
กลุ่มวิเคราะห์สภาพการใช้ที่ดิน
กองนโยบายและแผนการใช้ที่ดิน
กรมพัฒนาที่ดิน
23 ตุลาคม 2563
i
สารบัญ
หน้า
1 การใช้งานโปรแกรม QGIS 1
1.1 การติดตั้งโปรแกรม QGIS 1
1.2 คำสั่งและเครื่องมือของโปรแกรม QGIS 7
1.3 การสร้างโครงการและกำหนดระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์ 13
1.4 การบันทึกโครงการ 15
2 การทำงานร่วมกับข้อมูลเชิงเส้น (Vector) 17
2.1 การสร้างชั้นข้อมูลเชิงเส้น (Vector) 18
และตารางคุณลักษณะ (Attribute Table)
2.1.1 การสร้างข้อมูลแบบจุด (Point) 18
2.1.2 การสร้างข้อมูลแบบเส้น (Line) 23
2.1.3 การสร้างข้อมูลแบบพื้นที่รูปปิด (Polygon) 25
2.2 การนำเข้าชั้นข้อมูลเชิงเส้น (Vector) 28
2.3 การกำหนดสัญลักษณ์ให้กับชั้นข้อมูลเชิงเส้น (Vector) 30
2.3.1 การกำหนดสัญลักษณ์ข้อมูลแบบจุด (Point) 30
2.3.2 การกำหนดสัญลักษณ์ข้อมูลแบบเส้น (Line) 31
2.3.3 การกำหนดสัญลักษณ์ข้อมูลแบบพื้นที่รูปปิด (Polygon) 34
2.3.4 การปรับแต่งสัญลักษณ์ข้อมูล 40
2.4 การกำหนด Labels ให้กับชั้นข้อมูลเชิงเส้น (Vector) 42
2.5 การนำเข้าข้อมูลด้วยเครื่องมือ Advance Digitizing Tools 44
2.5.1 การกำหนดค่า Digitizing และ Snapping 44
2.5.2 การใช้เครื่องมือ Add Polygon Feature 45
2.5.3 การใช้เครื่องมือ Add Polygon Feature เชื่อมต่อระหว่างสองพื้นที่ 47
2.5.4 การใช้เครื่องมือ Select Features 48
2.2.5 การใช้เครื่องมือ Merge Selected Feature 48
2.2.6 การใช้เครื่องมือ Add Ring 51
2.2.7 การใช้เครื่องมือ Delete Ring 53
2.2.8 การใช้เครื่องมือ Fill Ring 54
2.2.9 การใช้เครื่องมือ Reshape Features 55
2.2.10 การใช้เครื่องมือ Split Features 57
2.2.11 การใช้เครื่องมือ Split Parts 58
2.2.12 การใช้เครื่องมือ Deselect Features 60
2.2.13 การใช้เครื่องมือ Delete Part 61
ii
สารบัญ
หน้า
3 การทำงานร่วมกับข้อมูลเชิงภาพ (Raster) 64
3.1 การนำเข้าชั้นข้อมูลเชิงภาพ (Raster) 64
3.2 การกำหนดสัญลักษณ์ให้กับชั้นข้อมูลเชิงภาพ (Raster) 66
3.2.1 การกำหนดค่าในแถบ Symbology 66
3.2.2 การกำหนดค่าในแถบ Transparency 66
3.3 การเพิ่มข้อมูลแผนที่ฐาน (Base Map) ออนไลน์ 68
3.3.1 การเพิ่มข้อมูลแผนที่ฐานด้วยวิธีการ XYZ Tiles 68
3.3.2 การเพิ่มข้อมูลแผนที่ฐานด้วย QuickMapServices Plugins 73
3.3.3 การเพิ่มข้อมูลแผนที่ฐานด้วย ArcGISMapServer 75
4 การแปลงข้อมูลเชิงเส้นไปเป็นข้อมูลเชิงภาพและการแปลงระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์ 78
4.1 การแปลงข้อมูลเชิงเส้นไปเป็นข้อมูลเชิงภาพ 78
4.2 การแปลงข้อมูลเชิงภาพไปเป็นข้อมูลเชิงเส้น 81
4.3 การแปลงระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์ 84
5 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเส้น (Vector) 87
5.1 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Geoprocessing Tools 87
5.1.1 การสร้าง Buffer 88
5.1.2 การตัดข้อมูลด้วยเครื่องมือ Clip 89
5.1.3 การรวมข้อมูลด้วยเครื่องมือ Dissolve 90
5.1.4 การตัดกันของข้อมูลด้วยเครื่องมือ Intersection 91
5.1.5 การรวมกันของข้อมูลด้วยเครื่องมือ Union 92
5.1.6 การรวมข้อมูลที่เลือกไว้ด้วยเครื่องมือ Eliminate Selected Polygons 93
5.2 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Geometry Tools 94
5.2.1 การแยกส่วนของข้อมูลออกจากกันด้วยเครื่องมือ Multipart to Singleparts 95
5.2.2 การแปลงข้อมูลพื้นที่เป็นเส้นด้วยเครื่องมือ Polygons to Lines 96
5.3 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Research Tools 97
5.3.1 การสร้างกริดด้วยเครื่องมือ Create Grid 98
5.3.2 การสุ่มกริดเพื่อใช้เป็นพื้นที่ตรวจสอบด้วยเครื่องมือ Random Selection 99
iii
สารบัญ
หน้า
สารบัญ
หน้า
8 การสร้างองค์ประกอบต่างๆของแผนที่และการพิมพ์ 166
8.1 การเพิ่มภาพแผนที่ 169
8.2 การปรับย้ายตำแหน่งภาพแผนที่ 170
8.3 การเพิ่มภาพแผนที่ภาพรวม 171
8.4 การเพิ่มเครื่องหมายทิศเหนือ 173
8.5 การเคลื่อนย้าย item 174
8.6 การเพิ่มแถบมาตราส่วนแผนที่ 175
8.7 การเพิ่มแถบสัญลักษณ์แผนที่ 176
8.8 การเพิ่มกริดในแผนที่ 177
8.9 การเพิ่มข้อความหัวเรื่อง 179
8.10 การเพิ่มโลโก้หน่วยงาน 180
8.11 การเพิ่มขอบเขตหรือกรอบแผนที่ 182
8.12 การส่งออกแผนที่ 183
เอกสารอ้างอิง 187
คู่มือ
การใช้งานโปรแกรม QGIS3 สำหรับการสำรวจระยะไกล
1 การใช้งานโปรแกรม QGIS
Quantum GIS หรือ QGIS เป็นโปรแกรม Desktop GIS ประเภทหนึ่ง จัดอยู่ในกลุ่มของซอฟต์แวร์รหัส
เปิด (Free and Open Source Software: FOSS) ที่ใช้งานง่าย ลักษณะการใช้งานเป็นแบบ Graphic User
Interface ซึ่งสะดวกต่อการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเรียกใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ ทั้งข้อมูลเชิงเส้น (Vector) และ
ข้อมูลเชิงภาพ (Raster) และข้อมูล ตาราง (Attribute Table) สามารถสืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ข้อมู ล และ
นำเสนอข้อมูลได้ในรูปแบบแผนที่ ตาราง หรือกราฟ อย่างที่มีประสิทธิภาพ QGIS สามารถเรียกใช้ข้อมู ลเชิง
เส้ น (Vector) และข้ อ มู ล เชิ ง ภาพ (Raster) ในรู ป แบบที ่ เ ป็ น มาตรฐานแพร่ ห ลาย เช่ น Shapefile และ
GeoTIFF สามารถใช้ ง านได้ ห ลายระบบปฏิ บ ั ติ ก ารทั ้ ง Window Mac Linux และ Android สามารถ
Download ได้ที่ www.qgis.org
สามารถเปิดโปรแกรม QGIS ได้จาก QGIS Desktop 3.10.6 หรือ QGIS Desktop 3.10.6 with GRASS 7.8.3
7
แถบเมนู
แถบเครื่องมือ
หน้าต่าง หน้าต่างแสดงแผนที่
ชั้นข้อมูล
แถบสถานะ
7) Raster 8) SCP
10
1.2.3 หน้าต่างชั้น ข้อมูล (Layers Panels) และการเชื่อมต่อกั บไฟล์ ข้อ มูล ต่า งๆ (Browser
Panels) คือ ส่วนแสดงรายชื่อชั้นข้อมูลที่มีอยู่ และยังใช้จัดการลำดับ ปรับแต่งการแสดงผล และเปิด -ปิด ชั้น
ข้อมูลอีกด้วย
1.3 การสร้างโครงการและกำหนดระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์
การสร้างโครงการและกำหนดระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์ เริ่มจาก New Project แล้วคลิกเลือก
แถบเมนู Project เลื่อนลงไปคลิกเลือก Project Properties
ในหน้าต่าง Project Properties
1.3.1 แถบ General สามารถกำหนด
1) General Setting ได้แก่ ชื่อโครงการ เปลี่ยนสีในการเลือก และพื้นหลังได้
2) Measurements ใช้กำหนด Ellipsoid ที่ใช้สำหรับคำนวณระยะทางและพื้นที่ และ
กำหนดหน่วยการวัด
3) Coordinate Display ใช้กำหนดรูปแบบการแสดงพิกัด
4) Project Predefined Scales ใช้กำหนดมาตราส่ว นต่างๆ เพื่อสะดวกในการเลื อ ก
มาตราส่วนย่อหรือขยาย
14
1.4 การบันทึกโครงการ
เมื่อทำการกำหนดค่าต่างๆเรียบร้อยแล้ว ไปที่แถบเมนู Project เลือก save หรือคลิกที่ปุ่ม Save
Project
เมื่อบันทึกเสร็จเรียบร้อย ชื่อโครงการจะแสดงที่มุมบนซ้ายของหน้าต่าง
17
2 การทำงานร่วมกับข้อมูลเชิงเส้น (Vector)
ก่อนทำการสร้างข้อมูล shapefile ใหม่ หรือทำการดิจิไตซ์ข้อมูลเพิ่มเติม ต้องทำการกำหนดค่า snap
เพื่อให้ข้อมูลมีความต่อเนื่องกัน หรือไม่เกิดข้อผิดพลาด เช่น เกิดช่องว่าง หรือเกิดการซ้อนกันแบบทั้งหมดหรือ
บางส่วน ไปที่แถบ Settings คลิกเลือก Options
ในหน้าต่าง Options คลิกเลือกแถบ Digitizing ไปกำหนดค่า Default snap mode และ Default
snapping tolerance ที่ Snapping คลิก OK
18
9) แสดงข้อมูลในตาราง
2.3.4 การปรับแต่งสัญลักษณ์ข้อมูล
1) เลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการ คลิกขวาเลือก Properties ในหน้าต่าง Layer Properties
ไปที่แถบ Symbology เลือกสัญลักษณ์ที่ ต้องการปรับแต่ง (เช่น สัญลักษณ์ F1 : ป่าไม่ผลัดใบที่มีสีน้ำเงิน
ต้องการเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม) ดับเบิล้ คลิกทีแ่ ถบสีนำ้ เงิน
2) ในหน้าต่าง Symbol Selector ที่ปรากฏขึ้น ทำการปรับแต่ง โดย Symbol layer
type เลือกเป็น Simple fill
3) Fill color และ Fill style ใช้กำหนดสี รูปแบบ ทึบ โปร่ง ลวดลายที่ต้องการให้กับ
พื้นที่
41
4) Stroke color Stroke width และ Stroke style ใช้กำหนดสี ขนาด รูปแบบ ทึบ
โปร่ง เส้นทึบ เส้นประของเส้นขอบพื้นที่
3) ทำการดิจิไตซ์แบบพื้นที่รูปปิดลงในหน้าต่างแสดงแผนที่ โดยคลิกตามแนวพื้นที่ที่
ต้องการ (อาจต้องใช้ภาพเบื้องหลัง) เมื่อได้พื้นที่รูปปิดตามต้องการแล้วคลิกขวาเพื่อออกจากการดิจิไตซ์พื้นที่
รูปปิดดังกล่าว
46
2) ทำการดิจิไตซ์แบบพื้นที่รูปปิดลงในหน้าต่างแสดงแผนที่ โดยคลิกสร้างพื้นที่ที่ต้องการ
ให้ซ้อนทับกับพื้นที่รูปปิดเดิม แล้วคลิกขวาเพื่อออกจากการดิจิไตซ์พื้นที่รูปปิดดังกล่าว
3) จะได้พื้นที่รูปปิดที่มีช่องว่างตรงกลาง
53
2) คลิกไปที่บริเวณช่องว่างตรงกลางพื้นที่รูปปิด ช่องว่างนั้นก็จะหายไป
54
2) ทำการดิจิไตซ์แบบพื้นที่รูปปิดลงในหน้าต่างแสดงแผนที่ โดยคลิกสร้างพื้นที่ที่ต้องการ
ให้ซ้อนทับกับพื้นที่รูปปิดเดิม แล้วคลิกขวาเพื่อออกจากการดิจิไตซ์พื้นที่รูปปิดดังกล่าว
55
3) จะได้พื้นที่รูปปิดขนาดเล็กอยู่ตรงกลางในพื้นที่รูปปิดเดิม
3) จะได้พื้นที่รูปปิดที่ถูกตัดแบ่งออกเป็นสองส่วนและยังคงเป็นข้อมูลเดียวกัน โดยสังเกต
จาก legend ยังคงเท่าเดิม คลิกที่ปุ่ม Select Features by area or single click คลิกเลือกพื้นที่รูป
ปิดที่สร้างขึ้น หรือคลิกที่ปุ่ม Identify Features คลิกเลือกพื้นที่รูปปิด ที่สร้างขึ้น หรือดูจากตาราง
Attribute เพื่อตรวจสอบได้ว่าเป็นข้อมูลเดียวกัน
60
2) คลิกไปที่บริเวณส่วนของข้อมูลที่ต้องลบออก ส่วนของข้อมูลนั้นก็จะหายไป
62
2) บริเวณส่วนของข้อมูลที่หายไปจะย้อนกลับมาเหมือนเดิม
63
2) ชั้นข้อมูลจะถูกบันทึกไว้เรียบร้อย
64
3 การทำงานร่วมกับข้อมูลเชิงภาพ (Raster)
3.1 การนำเข้าชั้นข้อมูลเชิงภาพ (Raster)
ข้อมูลเชิงภาพ (Raster) เป็นข้อมูลที่มีการจัดเก็บเป็นช่องตารางสี่เหลี่ยมหรือที่เรียกว่า จุดภาพ (Pixels)
จะเก็บข้อมูลตัวเลขชุดหนึ่ง แต่ละจุดภาพมีขนาดเท่ากัน ซึ่งระบบพิกัดภูมิศาสตร์ถูกกำหนดไว้ที่จุดภาพแรก
และขนาดจุดภาพเป็นตัวกำหนดพิกัดของจุดภาพอื่น ๆ โดยทั่วไปข้อมูลเชิงภาพมักเป็นข้อมูลภาพถ่ายทาง
อากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม หรือแผนที่ที่ถูกสแกนจากกระดาษ และข้อมูลเชิงภาพก็ยังสามารถเก็บข้อมูลอื่น ๆ
เช่น ระดับความสูง ได้เช่นกัน
1) ไปที่แถบเมนู Layer เลือก Add Layer >> Add Raster Layer หรือคลิกปุ่ม Add
Raster Layer
5) เมื่อปรับแต่งข้อมูลที่ต้องการแสดงผลเรียบร้อยแล้ว คลิกปุ่ม OK
6) คลิกเลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการ (ldd.LDDADMIN.admin_wm)
7) คลิก Add
4 การแปลงข้อมูลเชิงเส้นไปเป็นข้อมูลเชิงภาพและการแปลงระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์
4.1 การแปลงข้อมูลเชิงเส้นไปเป็นข้อมูลเชิงภาพ
1) ไปที่แถบเมนู Raster เลือก Conversion
2) เลือก Rasterize (Vector to Raster)
4.2 การแปลงข้อมูลเชิงภาพไปเป็นข้อมูลเชิงเส้น
1) ไปที่แถบเมนู Raster เลือก Conversion
2) เลือก Polygonize (Raster to Vector)
5) เมื่อโปรแกรมดำเนินการเสร็จเรียบร้อย
83
6) จะได้ข้อมูลเชิงเส้นใหม่ที่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมตามจุดภาพเดิม
4.3 การแปลงระบบพิกัดทางภูมิศาสตร์
1) เลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการ คลิกขวาเลือก Properties
ในหน้าต่าง Layer Properties ไปที่แถบ Source
Setting บ่งบอกคุณสมบัติของไฟล์ข้อมูลที่เลือกไว้ เช่น ชื่อไฟล์ และชนิดของ encoding
Geometry and Coordinate Reference System บ่งบอกระบบพิกัดทางภูม ิศาสตร์ ข อง
ไฟล์ข้อมูลที่เลือกไว้
เช่ น LU_PYO_2561 มี encoding แบบ UTF-8 และระบบพิ ก ั ด ทางภู มิ ศ าสตร์ เ ป็ น
EPSG:32647 - WGS84 / UTM zone 47 N
7) Select fields to export and their export options สามารถเลื อ ก field บางส่ ว นหรื อ
ทั้งหมดได้ คลิก OK
8) ตรวจสอบไฟล์ข้อมูลที่ได้ เลือกชั้นข้อมูลดังกล่าว คลิกขวาเลือก Properties
ในหน้าต่าง Layer Properties ไปที่แถบ Source
ใน Geometry and Coordinate Reference System เปลี่ยนเป็น EPSG:4326 - WGS84 แล้ว
87
5 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเส้น (Vector)
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเส้น มีเครื่องมือหลายอย่างช่วยในการวิเคราะห์ ได้แก่
5.1 การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Geoprocessing Tools
เครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการวิเคราะห์ เช่น Buffer Clip Dissolve Intersection Union และ
Eliminate Selected Polygons เป็นต้น
88
6 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงภาพ (Raster)
6.1 การต่อข้อมูลภาพ (Raster Mosaicing)
1) เป็นเทคนิคที่ใช้สร้างภาพเพียงภาพเดียว จากภาพข้อมูลดาวเทียมในบริเวณที่ติดกันหรือ
ใกล้เคียงกันหลายภาพ การทำ Mosaic จะได้ภาพใหม่ที่มีการลดหรือขจัดความแตกต่างระหว่างภาพในส่วนที่
มีการซ้อนทับกัน (Overlap) ในบริเวณรอยต่อของทั้งสองภาพ
ในหน้าต่าง Merge
4) Input layers เลือกไฟล์ข้อมูลภาพที่ต้องการรวมกัน
5) คลิกเลือกช่อง Grab pseudocolor table from first layer
6) Merged เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บ และตั้งชื่อไฟล์ *.tif
7) คลิก Run
105
8) จะได้ภาพใหม่ที่มีการรวมเป็นไฟล์เดียวกัน
106
8) จะได้ภาพใหม่ที่มีขอบเขตเท่ากับขอบเขตหน้าต่างการทำงานที่กำหนด
109
6.2.2 การตัดข้อมูลภาพด้วยข้อมูลเชิงเส้น
1) เป็นการตัดภาพให้ได้ขนาดของข้อมูลเชิงเส้นที่ความต้องการ เช่น ขอบเขตอำเภอ เป็น
ต้น
9) จะได้ภาพใหม่ที่มีขอบเขตเท่ากับขอบเขตอำเภอ
112
และสามารถผสมสีตามต้องการเพื่อให้เห็นข้อมูลบางอย่างที่ชัดเจนขึ้น
ในหน้าต่าง Layer Properties ไปที่แถบ Symbology
8) การผสมสีเท็จของภาพดาวเทียม LANDSAT8 โดยใช้ Band Red NIR และ SWIR2
เรียงแบบ 4-5-7
116
4) ในแถบ Panels จะมี SCP Dock Panel ขึ้นมา พร้อมกับ SCP Editor Toolbar และ
SCP Working Toolbar ใน แถบ Toolbar
119
6) ลบชั้น ข้อมูล ภาพที่ ไ ม่ ต้ อ งการ โดยเลือกชั้น ข้ อ มูล ภาพใน Band set 1 คลิกปุ่ ม
Delete row ให้ลบภาพแบนด์ 1 8 9 10 และ 11 ออกไป
121
8) ที่ Band set tools คลิกเลือก Create virtual raster of band set
Create raster of band set (stack bands)
Build band overviews
Band calc expressions
คลิกปุ่ม RUN
122
9) เลือกโฟลเดอร์ที่จัดเก็บ
2) แถบ Search ที่ Search parameters คลิกที่ปุ่ม Set area in the map
127
10) เลือกโฟลเดอร์ที่จัดเก็บ
2) ใน SCP Dock Panel ไปที ่ แ ถบ Training input >> ROI Options สามารถเลื อ ก
Display เป็น NDVI EVI หรือเป็น Custom ก็ได้ ซึ่งค่า NDVI จะไปแสดงขึ้นที่ห น้าต่างการทำงานเมื่อ
Curser เคลื่อนที่ไปยังพิกเซลนั้นๆ
10) ซึง่ ROI ทั้งหมด แสดง Class อยู่ในแถบ ROI Signature list
137
ในหน้าต่าง Classification
2) Use เลือกเป็น MC ID หรือ C ID
Algorithm เลือกเป็น Maximum Likelihood
3) คลิกปุ่ม Activate classification preview pointer
141
6.5.1 การคำนวณค่าดัชนีพืชพรรณ
1) ไปที่แถบเมนู Raster เลือก Raster Calculator
โดยคำนวณตามสูตรเป็น
( "LC08_L1TP_130047_20200210_6bands@4" - "LC08_L1TP_130047_20200210_6bands@3")
/ ( "LC08_L1TP_130047_20200210_6bands@4" + "LC08_L1TP_130047_20200210_6bands@3")
คลิก OK
149
ในหน้าต่างตารางของชั้นข้อมูล
2) คลิกเลือกปุ่ม Toggle editing mode เพื่อให้แถบเมนูและเครื่องมือในการ
แก้ไขเริ่มทำงาน
3) คลิกเลือกปุ่ม New field เพื่อสร้าง field ข้อมูลใหม่
153
7.2 การอัปเดตข้อมูล
การอัปเดตข้อมูล หรือการคำนวณข้อมูล สามารถคำนวณได้ทั้ง ที่เป็นตัว อักษร ตัวเลขทาง
คณิตศาสตร์ ตรรกะศาสตร์ ตัวเลขเนื้อที่และระยะทางตามภูมิศาสตร์ของโลก และวันเวลา เป็นต้น ด้วย
เครื่องมือ Field Calculator
เลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการ คลิกขวาเลือก Open Attribute Table หรือคลิกที่ปุ่ม ที่แถบ
เครื่องมือ
ในหน้าต่างตารางของชั้นข้อมูล
1) คลิกเลือกปุ่ม Toggle editing mode เพื่อให้แถบเมนูและเครื่องมือในการ
แก้ไขเริ่มทำงาน
2) คลิกเลือกปุ่ม Open field Calculator ในแถบเครื่องมือ (Toolbar) ที่อยู่ใน
หน้าต่างการทำงานหรือตารางก็ได้
7.3.3 การคำนวณเนื้อที่เป็นไร่
ในหน้าต่าง Field Calculator
1) คลิกที่ช่อง Create a new Field
2) Output field name ตั้งชื่อ Field ใหม่ เป็น Rai
Output field type เลือกชนิดข้อมูล เป็นตัวเลข
Output field length เลือกความกว้างของ field เป็น 10 และไม่มจี ำนวนทศนิยม
3) ในแถบ row_number จะมีฟังก์ชั่นหลากหลายแบบ เพื่อใช้ในการคำนวณตัวเลข
ตัวอักษร วันเวลา และอื่นๆ เลือกที่ Fields and Values >> Area ที่คำนวณค่าเนื้อที่แล้ว
ในแถบ Expression จะปรากฏ “Area” ขึ้น กดเครื่องหมาย / แล้วพิมพ์ 1600
4) Output preview จะแสดงค่าที่ได้ ถ้าสร้างฟังก์ ชั่นผิด จะขึ้นข้อความว่า Expression
is invalid คลิก OK
8 การสร้างองค์ประกอบต่างๆของแผนที่และการพิมพ์
ก่อนการจัดพิมพ์แผนที่ต้องปรับแต่งรูปแบบสัญลักษณ์ต่างๆของแผนที่ตามต้องการให้เรียบร้อย
1) ไปที่แถบเมนู Project เลือก New Print Layout หรือคลิกปุ่ม New Print Layout
167
8.1 การเพิ่มภาพแผนที่
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มภาพแผนที่เข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Adds a new Map to the layout
2) คลิกลากขอบเขตที่ต้องการลงในหน้าต่างแสดงผล
170
3) จะปรากฏภาพแผนที่จากหน้าต่างหลักที่ได้จัดเตรียมไว้ ตามขอบเขตที่กำหนด
8.2 การปรับย้ายตำแหน่งภาพแผนที่
ผู้ใช้งานสามารถปรับย้ายตำแหน่งภาพได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Move item content
2) เคลื่อนย้ายภาพให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ และ
3) ปรับมาตราส่วนในหน้าต่าง Item Properties กำหนดเป็น 800000
171
8.3 การเพิ่มภาพแผนที่ภาพรวม
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มภาพแผนที่อีกภาพเพื่อใช้เป็นภาพแสดงตำแหน่งในมาตราส่วนใหญ่ได้ โดย
1) ในหน้าต่าง Item Properties >> Map1 >> Layers
2) คลิกเลือก Lock layers และ Lock styles for layers เพื่อบังคับภาพใน Map1 ให้คง
เดิม แม้หน้าต่างหลักถูกเปลี่ยนไป
4) กลับไปที่หน้าต่างหลักของโปรแกรม เลือกชั้นข้อมูลที่ต้องการแสดงภาพใน
มาตราส่วนใหญ่ (prov_2556) แล้วคลิกขวาเลือก Zoom to Layer
8.4 การเพิ่มเครื่องหมายทิศเหนือ
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มเครื่องหมายทิศเหนือเข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Adds a new North Arrow to the
layout
8.6 การเพิ่มแถบมาตราส่วนแผนที่
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มแถบมาตราส่วนแผนที่เข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Adds a new Scale Bar to the
layout
2) คลิกลากขอบเขตที่ต้องการลงในหน้าต่างแสดงผล จะปรากฏแถบมาตราส่วนแผนที่
และสามารถเลือกรูปแบบของแถบมาตราส่วนได้ โดย
ในหน้าต่าง Item Properties >> Scalebar
3) Main Properties >> Map เลือกเป็น Map1
Style เลือกเป็น Double Box
4) Segments >>Segments เลือกเป็น left 3 right 2
176
8.7 การเพิ่มแถบสัญลักษณ์แผนที่
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มแถบสัญลักษณ์แผนที่เข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Adds a new Legend to the
layout
8.8 การเพิ่มกริดในแผนที่
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มกริดเข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ในหน้าต่าง Item Properties >> Map1 >> Grids
178
2) คลิกที่ปุ่ม
3) คลิกที่ปุ่ม Modify Grid
4) ในหน้าต่าง Item Properties >> Map Grid Properties
แถบ Appearance
Grid type เลือกเป็น Cross
CRS เลือกเป็น EPSG:32647
Interval เลือกเป็น Map Unit
X เลือกเป็น 20000
Y เลือกเป็น 20000
แถบ Frame
Frame style เลือกเป็น Interior Ticks
Frame size เลือกเป็น 2.0
แถบ Draw Coordinates
คลิกเลือกที่ Draw Coordinates เพื่อเริ่มการทำงาน
Left เลือกเป็น Vertical ascending หรือ Vertical descending
Right เลือกเป็น Vertical ascending หรือ Vertical descending
Coordinate precision เลือกเป็น 0
นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดรูปแบบของตัวอักษร ขนาด สี และระยะห่างของตัวอักษร
จากขอบได้อีกด้วย
179
8.9 การเพิ่มข้อความหัวเรื่อง
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มข้อความเพื่อใช้เป็นหัวเรื่องเข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Adds a new Label to the layout
2) คลิกลากขอบเขตที่ต้องการลงในหน้าต่างแสดงผล จะปรากฏแถบข้อความขึ้น มา
สามารถพิมพ์ข้อความที่ต้องการ และปรับแต่งรูปแบบของข้อความได้ โดย
180
8.10 การเพิ่มโลโก้หน่วยงาน
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มโลโก้หน่วยงานหรือรูปภาพเข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Adds a new Picture to the layout
คลิกลากขอบเขตที่ต้องการลงในหน้า ต่างแสดงผล จะปรากฏแถบรูปภาพขึ้น มา
สามารถเลือกภาพที่ต้องการ และปรับแต่งรูปแบบของภาพได้ โดย
181
8.11 การเพิ่มขอบเขตหรือกรอบแผนที่
ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มขอบเขตหรือกรอบแผนที่เข้ามายังหน้าต่างแสดงผลของ Layout ได้ โดย
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Adds Shape
183
2) คลิกลากขอบเขตที่ต้องการลงในหน้าต่างแสดงผล จะปรากฏรูปร่างตามต้องการขึ้นมา
สามารถปรับแต่งรูปแบบของรูปร่างได้
8.12 การส่งออกแผนที่
เมื่อจัดแต่งองค์ประกอบแผนที่ได้ตามต้องการแล้ว ผู้ใช้งานสามารถส่งออกแผนที่ได้หลายรูปแบบ
ทั้งการพิมพ์ออกมาโดยตรงจากเครื่องพิมพ์ บันทึกออกมาเป็นไฟล์ภาพ ที่เป็น *.jpg *.png หรือ *.tif
หรือบันทึกออกมาเป็นไฟล์ *.svg หรือเป็นไฟล์ *.pdf ก็ได้ เพื่อสะดวกในการนำไปใช้งานต่อไป
1) ไปที่แถบเครื่องมือ Toolbox คลิกที่ปุ่ม Export as image เลือกบันทึก
ออกมาเป็นไฟล์ภาพ ที่เป็น *.jpg *.png หรือ *.tif
184
4) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปิดไฟล์ภาพดังกล่าวได้จากโปรแกรมทางด้านรูปภาพได้เลย
หมายเหตุ การทำแผนที่สภาพการใช้ที่ดินจังหวัด..........ปี.............ของกลุ่มวิเคราะห์สภาพการใช้ที่ดินกอง
นโยบายและแผนการใช้ที่ดิน เพื่อนำขึ้นเผยแพร่ทางเว็บไซต์ เป็นขนาดกระดาษ A4
โดยจัดกลุ่มของประเภทการใช้ที่ดินดังนี้
1) U=พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง
2) A1=พื้นที่นา
3) A2=พืชไร่
4) A3=ไม้ยืนต้น
5) A4=ไม้ผล
6) A5=พืชสวน
7) A6=ไร่หมุนเวียน
8) A7=ทุ่งหญ้าและโรงเรือนเลี้ยงสัตว์
9) A8=พืชน้ำ
10) A9=สถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
11) A0=เกษตรผสมผสาน/ไร่นาสวนผสม
12) F=ป่าสมบูรณ์
13) F0=ป่ารอสภาพฟื้นฟู
14) W=พื้นที่น้ำ
15) M2=พื้นที่ลุ่ม
16) M1 M3 M4=พื้นที่เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ
186
เอกสารอ้างอิง