หลักฐานทางประวัติศาสตร์
1
มีการแบ่งเป็ น 2 วิธี ได้แก่
แบ่งตามความสำคัญ
1.1 หลักฐานชั้นต้นหรือปฐมภูมิ
หลักฐานที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์หรือช่วง
เวลานั้น เช่น คำบอกเล่าคนในเหตุการณ์
1.2 หลักฐานชั้นรองหรือทุติยภูมิ
หลักฐานที่สร้างขึ้นภายหลังเหตุการณ์ที่
2
ผ่านพ้นไปแล้ว เช่น หนังสือวิชาประวัติฯ
แบ่งตามรูปลักษณะ
2.1 หลักฐานที่เป็ นลายลักษณ์อักษร
หลักฐานที่เขียนขึ้นเป็ นตัวหนังสือ เช่น
พระราชพงศาวดาร จดหมายเหตุ
2.2 หลักฐานที่ไม่เป็ นลายลักษณ์อักษร
หลักฐานที่ไม่ปรากฏเป็ นตัวหนังสือ เช่น
โบราณสถาน โบราณวัตถุ
หลักฐานและวิธีการ
ทางประวัติศาสตร์
แหล่งอ้างอิง
หนังสือเรียน รายวิชาพื้ นฐาน
ประวัติศาสตร์ ม.3
ม.3/4 ด.ช.ณัฐพงษ์ ติมินทระ เลขที่ 3
ด.ช.พุทธ ธนากรกานต์ เลขที่ 10
วิธีการทางประวัติศาสตร์
ประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้
1) การกําหนดปั ญหาหรืิอเรื่องที่ต้องการศึกษา
โดยการตั้งคําถามตามลักษณะดังนี้
•ใคร •อะไร •ที่ไหน •เมื่อไร •ทําไม •อย่างไร
2) การรวบรวมหลักฐาน
ผู้ศึกษาเรื่องราวในอดีตต้องตรวจสอบว่าเรื่องราวที่
ต้องการค้นหามจะต้องมีหลักฐานอะไรบ้าง
3) การตรวจสอบและประเมินค่าหลักฐาน
ผู้ศึกษาเรื่องราวในอดีตต้องตรวจสอบว่าเรื่องราวที่
ต้องการค้นหามจะต้องมีหลักฐานอะไรบ้าง
4) การตีความหลักฐาน
•การตีความขั้นต้น เป็ นการตีความตามตัวอักษรเพื่อให้ได้ข้อมูล
จากหลักฐานที่ศึกษา
•การตีความขั้นลึก เป็ นการตีความเพื่อหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงที่
แฝงอยู่ในหลักฐาน
5) การเรียบเรียงและนําเสนอ
เป็ นการตอบคำถามที่ตั้งไว้ตั้งแต่ขั้นตอนที่ 1 ด้วยการนําข้อมูลทีี
ผ่านการตีความความมาเรียบเรียงเป็ นเรื่องราวที่น่าอ่าน เข้าใจ
ง่าย มีเหตุมีผล และมีความถูกต้อง