ฟิสิกส์ 9 สามัญ

38 ฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ (ปี 64)
ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คำตอบที่ถูกที่สุด

จำนวน 25 ข้อ (ข้อ 1 – 25) ข้อละ 3 คะแนน รวม 75 คะแนน
1. ในกำรทดลองหนึ่ง นักเรียน A วัดควำมยำวแท่งวัตถุหนึ่งที่มีควำมยำวประมำณ 8

เซนติเมตร ด้วยไม้บรรทัดที่มีกำรแบ่งช่องสเกลที่มีควำมละเอียด 0.1 เซนติเมตร โดยทำ
กำรวัด 5 ครั้ง ได้ผลดังนี้
ควำมยำวที่วัดได้ (เซนติเมตร) : 7.85 8.00 8.25 7.90 14.15
ถ้ำนักเรียน A รำยงำนผลกำรวัดเป็นค่ำเฉลี่ยและค่ำควำมคลำดเคลื่อนของค่ำเฉลี่ย (∆𝑥̅ )
𝑥 −𝑥
โดยค่ำควำมคลำดเคลื่อนของค่ำเฉลี่ย หำได้จำก ∆𝑥̅ = 𝑚𝑎𝑥 𝑚𝑖𝑛
2
เมื่อ 𝑥𝑚𝑎𝑥 และ 𝑥𝑚𝑖𝑛 คือ ค่ำมำกที่สุดและค่ำน้อยที่สุดของข้อมูล ตำมลำดับ
นักเรียน A ควรรำยงำนผลกำรวัดควำมยำวของแท่งวัตถุนี้อย่ำงไรจึงเหมำะสมที่สุด
1. 8 ± 0.2 เซนติเมตร
2. 8.0 ± 0.2 เซนติเมตร
3. 8.00 ± 0.20 เซนติเมตร
4. 9.2 ± 3.2 เซนติเมตร
5. 9.23 ± 3.15 เซนติเมตร
2. รถเคลื่อนที่บนถนนตรงเส้นหนึ่งด้วยควำมเร็วคงตัว 50.0 เมตรต่อวินำที ที่เวลำ t = 0.0 s

คนขับรถเห็นป้ำยแจ้งว่ำข้ำงหน้ำมีด้ำนตรวจวัดควำมเร็ว จึงเริ่มชะลอควำมเร็วที่เวลำ t =
4.0 s เพื่อให้รถเคลื่อนที่ด้วยควำมเร่งคงตัว -0.5 เมตรต่อวินำที2 จนกระทั่งผ่ำนกล้อง
ตรวจวัดควำมเร็วที่เวลำ t = 34.0 s
กำหนดให้
 เส้นทำงดังกล่ำวจำกัดควำมเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ 3.33 เมตร
ต่อวินำที หำกเกินกว่ำนี้จะถูกปรับ
 กล้องตรวจวัดควำมเร็วใช้เวลำตรวจวัดน้อยมำกให้ถือว่ำควำมเร็วที่วัดได้เท่ำกับ
ควำมเร็วขณะขับผ่ำน
www.alist-academy.net
ฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ (ปี 64) 39
พิจำรณำกรำฟระหว่ำงควำมเร็วกับเวลำต่อไปนี้
กรำฟข้ำงต้นสอดคล้องกับกำรเคลื่อนที่ของรถหรือไม่ และคนขับรถจะถูกปรับหรือไม่
1. สอดคล้อง และ ถูกปรับ 2. สอดคล้อง และ ไม่ถูกปรับ
3. ไม่สอดคล้อง และ ถูกปรับ 4. ไม่สอดคล้อง และ ไม่ถูกปรับ
5. ไม่สอดคล้อง และ สรุปไม่ได้ เพรำะไม่ทรำบข้อมูลกำรกระจัด
3. ทรงกระบอกมวล 0.5 กิโลกรัม วำงอยู่บนพื้นระดับลื่นในระนำบ xy เมื่อออกแรง 3 แรง

กระทำต่อทรงกระบอกในทิศทำงขนำนกับพื้นและผ่ำนศูนย์กลำงมวล โดยไม่ทำให้วัตถุล้ม
ดังภำพมุมมองจำกด้ำนบน
3 4
กำหนดให้ sin 𝜃 = และ cos 𝜃 =
5 5
ควำมเร่งของทรงกระบอกมีขนำดเท่ำใดและมีทิศทำงใด
1.
2.
3.
4.
5.
4. วัตถุมวล 1.0 กิโลกรัม วำงนิ่งอยู่บนพื้น ออกแรงขนำดคงตัวดึงวัตถุให้เคลื่อนที่ขึ้นไปใน

แนวดิ่ง เมื่อเวลำผ่ำนไป √10 วินำที วัตถุมีพลังงำนศักย์โน้มถ่วงเมื่อเทียบกับพื้น
เท่ำกับ 98 จูล แรงที่ใช้ในกำรดึงวัตถุมีขนำดกี่นิวตัน
1. 2.0
2. 7.8
3. 9.8
4. 11.8
5. 29.8
5. นำย A และ B ช่วยกันหำมกล่องหนัก 150 นิวตัน ด้วยท่อนไม้มวลสม่ำเสมอ หนัก 50 นิว

ตัน ยำว 3.0 เมตร โดยให้ท่อนไม้อยู่ในแนวระดับ ซึ่งตำแหน่งที่แต่ละคนออกแรงกระทำ
ต่อท่อนไม้และตำแหน่งที่ผูกกล่องเป็นดังภำพ
ถ้ำต้องกำรให้นำย A และนำย B ออกแรงกระทำเท่ำกัน โดยที่นำย A ออกแรงกระทำที่

ตำแหน่งเดิม นำย B จะต้องทำอย่ำงไร
1. นำย B อยู่ตำแหน่งเดิม
2. นำย B ขยับเข้ำหำกล่องอีก 0.2 เมตร
3. นำย B ขยับเข้ำหำกล่องอีก 0.3 เมตร
4. นำย B ขยับออกจำกกล่องอีก 0.3 เมตร
5. นำย B ขยับออกจำกกล่องอีก 0.4 เมตร
6. ระบบรอกเบำหมุนคล่อง เมื่อออกแรง T ดึงเชือกทำให้วัตถุหนัก W อยู่นิ่งได้ ดังภำพ
ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง T และ W เป็นอย่ำงไร และถ้ำออกแรงดึงเชือกลงทำให้จุด a ต่ำลง

เป็น ระยะ D วัตถุจะเคลื่อนที่ขึ้นเป็นระยะเท่ำใด
𝑊 𝐷
1. 𝑇 = และ
4 4
𝑊
2. 𝑇 = และ D
4
𝑊
3. 𝑇 = และ 4D
4
4. 𝑇 = 4W และ D
5. 𝑇 = 4W และ 4D
7. ดำวเทียม A มวล m โคจรรอบโลกเป็นแนววงกลมรัศมี RA ด้วยอัตรำเร็วเชิงเส้น 𝑣A ดัง

ภำพ ซึ่งมีคำบกำรโคจรรอบโลก TA
ถ้ำต้องกำรส่งดำวเทียม B มวล 2m ให้โคจรรอบโลกเป็นแนววงกลมด้วยคำบเท่ำกับคำบ

ของดำวเทียม A จะต้องให้ดำวเทียม B โคจรด้วยรัศมี RB และอัตรำเร็วเชิงเส้น 𝑣B เป็น
อย่ำงไรเมื่อเปรียบเทียบกับของดำวเทียม A
1. RB มำกกว่ำ RA และ 𝑣B เท่ำกับ 𝑣A
2. RB เท่ำกับ RA และ 𝑣B เท่ำกับ 𝑣A
3. RB เท่ำกับ RA และ 𝑣B มำกกว่ำ 𝑣A
4. RB น้อยกว่ำ RA และ 𝑣B เท่ำกว่ำ 𝑣A
5. RB น้อยกว่ำ RA และ 𝑣B มำกกว่ำ 𝑣A
8. ติดวัตถุมวล M เข้ำกับปลำยสปริงและวำงบนพื้นเรียบลื่น ดังภำพ ก เมื่อดึงวัตถุมวล M

แล้วปล่อยให้ เครื่องที่แบบฮำร์มอนิกอย่ำงง่ำย พบว่ำวัตถุมวล M เคลื่อนที่ครบ 1
รอบ ใช้เวลำ √2 วินำที จำกนั้น ติดวัตถุมวล 1.0 กิโลกรัม บนวัตถุมวล M ดังภำพ ข
และทำให้วัตถุทั้งสองเคลื่อนที่แบบฮำร์มอนิกอย่ำ ง่ำย พบว่ำวัตถุทั้งสองเคลื่อนที่ครบ
1 รอบ ใช้เวลำ √3 วินำที
วัตถุมวล M ในภำพ ก เคลื่อนที่ด้วยควำมถี่เชิงมุมกี่เรเดียนต่อวินำที และมวล M มีค่ำกี่

กิโลกรัม ตำมลำดับ
√2𝜋
1. และ 3.0
2
2. √2𝜋 และ 1.2
3. √2𝜋 และ 2.0
4. 2√2𝜋 และ 2.0
5. 2√2𝜋 และ 3.0
9. พิจำรณำภำพคลื่นดล 2 คลื่น ที่เวลำ t = 0 s ซึ่งเคลื่อนที่เข้ำหำกันด้วยอัตรำเร็ว 1 เมตร

ต่อวินำที ดังนี้
เมื่อเวลำผ่ำนไป 4 วินำที คลื่นในภำพใดเกิดกำรแทรกสอดแบบหักล้ำง

1. ก เท่ำนั้น
2. ข เท่ำนั้น
3. ค เท่ำนั้น
4. ก และ ข
5. ข และ ค
10. นักเรียน A และนักเรียน B ยืนอยู่ห่ำงกันในพื้นที่โล่งเป็นระยะ 100 เมตร เมื่อนักเรียน A

เป่ำนกหวีด นักเรียน B ได้ยินเสียงนกหวีดที่มีระดับเสียง 30 เดซิเบล
กำหนดให้ คลื่นเสียงนกหวีดที่นักเรียน A เป่ำมีหน้ำคลื่นเป็นทรงกลม
ควำมเข้มเสียงอ้ำงอิง 𝐼0 = 1.0 × 10−12 𝑊/𝑚2
เสียงนกหวีดที่นักเรียน A เป่ำมีกำลังกี่วัตต์
1. π × 10−5 2. 4π × 10−5
3. π × 10−7 4. 2π × 10−7
5. 4π × 10−7
11. ฉำยแสงควำมยำวคลื่น 600 นำโนเมตร ให้ตกกระทบตั้งฉำกกับสลิตคู่ซึ่งมีระยะห่ำง

ระหว่ำงช่อง 0.050 มิลลิเมตร แล้วสังเกตลวดลำยของกำรแทรกสอดบนฉำก จำกนั้นฉำย
แสงเดิมแต่เปลี่ยนจำกสลิตคู่เป็นสลิตเดี่ยว พบว่ำ แถบมืดแถบแรกที่เกิดจำกทั้งสลิตคู่
และสลิตเดี่ยวปรำกฏที่ตำแหน่งห่ำงจำกแถบสว่ำงกลำงเป็นระยะเท่ำกัน
ควำมกว้ำงของช่องสลิตเดี่ยวมีค่ำกี่เมตร
1. 1.0 × 10-4 2. 5.0 × 10-5
3. 2.5 × 10-5 4. 1.4 × 10-8
5. 7.2 × 10-9
12. กล้องตัวหนึ่งมีเลนส์นูนสองอันอยู่ด้ำนหัวและท้ำยของกล้อง เมื่อใช้ส่องวัตถุที่ตำแหน่ง

หนึ่ง พบว่ำภำพ ที่เกิดจำกเลนส์ A อยู่ในตำแหน่งดังภำพ
ถ้ำภำพที่เกิดจำกเลนส์ B เป็นภำพเสมือนที่มีขนำดเป็น 2 เท่ำของภำพที่เกิดจำกเลนส์ A

ควำมยำวโฟกัสของเลนส์ B มีค่ำกี่เซนติเมตร
1. 2
2. 3
3. 6
4. 8
5. 30
13. จุดประจุขนำด +2q และ –q ถูกตรึงอยู่ที่มุมสองมุมของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งยำวด้ำนละ d

ดังภำพ
ควำมต่ำงศักย์ระหว่ำงจุด A เทียบกับจุด B หรือค่ำ VA – VB เป็นเท่ำใด

กำหนดให้ k คือ ค่ำคงตัวคูลอมบ์
𝑘𝑞
1.
𝑑
𝑘𝑞
2. −
𝑑2
2𝑘𝑞
3.
𝑑2
𝑘𝑞
4. (1 − √2)
𝑑
𝑘𝑞
5. −(1 + √2)
𝑑
14. นำตัวเก็บประจุ C1 และ C2 ที่มีควำมจุ C และ 2C ตำมลำดับ ต่อเข้ำกับแบตเตอรี่ขนำด

6 โวลต์ ดังภำพ
กำหนดให้ ควำมจุสมมูลของกำรต่อตัวเก็บประจุดังกล่ำวเท่ำกับ 4 ไมโครฟำรัด

ควำมต่ำงศักย์ระหว่ำงปลำยของตัวเก็บประจุ C1 เท่ำกับ 4 โวลต์
ควำมต่ำงศักย์ระหว่ำงปลำยของตัวเก็บประจุ C2 เท่ำกับ 2 โวลต์
พลังงำนไฟฟ้ำที่สะสมในตัวเก็บประจุ C2 มีค่ำกี่ไมโครจูล
1. 12
2. 24
3. 48
4. 96
5. 216
15. อุปกรณ์ไฟฟ้ำกระแสตรงชิ้นหนึ่งมีควำมต้ำนทำนภำยใน 40 โอห์ม และใช้ได้กับ

กระแสไฟฟ้ำในช่วง 0.10 แอมแปร์ ถึง 0.15 แอมแปร์ หำกกระแสไฟฟ้ำไม่อยู่ในช่วง
ดังกล่ำวจะไม่สำมำรถทำงำนได้
พิจำรณำกำรต่อวงจรไฟฟ้ำซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้ำ แบตเตอรี่ขนำด 24
โวลต์ ซึ่งไม่มีควำมต้ำนทำนภำยใน และตัวต้ำนทำนขนำด 100 โอห์ม ดังนี้
กำรต่อวงจรไฟฟ้ำใดสำมำรถทำให้ใช้งำนอุปกรณ์ไฟฟ้ำนี้ได้
1. วงจร ก เท่ำนั้น 2. วงจร ข เท่ำนั้น
3. วงจร ค เท่ำนั้น 4. วงจร ก และ ข
5. วงจร ข และ ค
16. อนุภำค A B และ C ซึ่งมีอัตรำส่วนระหว่ำงมวลต่อประจุไฟฟ้ำเท่ำกัน เคลื่อนที่ในระนำบ

กระดำษ ภำยใต้ สนำมแม่เหล็กสม่ำเสมอที่มีทิศทำงพุ่งเข้ำและตั้งฉำกกับระนำบกระดำษ
(แทนด้วย ×)
พบว่ำ อนุภำคทั้งสำมมีแนวกำรเคลื่อนที่เป็นส่วนโค้งของวงกลม ดังภำพ
ข้อใดถูกต้อง
1. อนุภำค A และอนุภำค B มีประจุไฟฟ้ำชนิดเดียวกัน
2. อนุภำค B และอนุภำค C มีประจุไฟฟ้ำต่ำงชนิดกัน
3. อนุภำค C มีประจุไฟฟ้ำบวก
4. อัตรำเร็วของอนุภำค B มำกกว่ำของอนุภำค C
5. อัตรำเร็วของอนุภำค C มำกกว่ำของอนุภำค A
17. พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
ก. เครื่องรับวิทยุทำงำนโดยรับคลื่นเสียงจำกสถำนีวิทยุแล้วแปลงเป็นสัญญำณไฟฟ้ำ
ข. คลื่นไมโครเวฟถูกนำมำใช้ในระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก หรือ จีพีเอส
ค. สัญญำณที่มีกำรเปลี่ยนแปลงระหว่ำง 2 สถำนะ คือ -1 กับ +1 ต่อเนื่อง
ตลอดเวลำ จัดเป็นสัญญำณแอนะล็อก
ข้อควำมใดถูกต้อง
1. ข. เท่ำนั้น
2. ค. เท่ำนั้น
3. ก. และ ข.
4. ก. และ ค.
5. ข. และ ค.
18. ต่อตัวต้ำนทำนขนำด 2.0 โอห์ม เข้ำกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้ำกระแสสลับ ค่ำอำร์เอ็มเอสของ

กระแสไฟฟ้ำที่ผ่ำนตัวต้ำนทำน มีค่ำเท่ำกับ 7.0 แอมแปร์
1
(กำหนดให้ √2 = 1.41 และ = 0.72)
√2
กรำฟใดแสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกระแสไฟฟ้ำที่ผ่ำนตัวต้ำนทำน (𝑖) และควำมต่ำงศักย์
ระหว่ำง ปลำยของตัวต้ำนทำน (𝑣) กับเวลำ (𝑡) ได้ถูกต้อง
1.
2.
3.
4.
5.
19. นำสำร A มวล 1 กิโลกรัม และสำร B มวล 2 กิโลกรัม มำผสมกันภำยในภำชนะปิดที่เป็น

ฉนวนควำมร้อน ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอุณหภูมิของสำร A และสำร B กับเวลำตั้งแต่เริ่ม
ผสมจนถึงเวลำ 𝑡f เป็นดัง กรำฟ
ควำมร้อนจำเพำะของสำร A ในสถำนะของแข็ง เท่ำกับ 1.00 × 103 จูลต่อกิโลกรัม
เคลวิน
ควำมร้อนจำเพำะของสำร A ในสถำนะของเหลว เท่ำกับ 2.00 × 103 จูลต่อกิโลกรัม
เคลวิน
ควำมร้อนแฝงของกำรหลอมเหลวของสำร A เท่ำกับ 1.00 × 104 จูลต่อกิโลกรัม
ควำมร้อนจำเพำะของสำร B เป็นเท่ำใด และหลังจำกเวลำ 𝑡f ในกรำฟ เหตุกำรณ์ใดมี
โอกำสเกิดขึ้นได้
1. 1.25 × 103 จูลต่อกิโลกรัม เคลวิน และ สำร A มีอุณหภูมิสูงขึ้น
2. 1.25 × 103 จูลต่อกิโลกรัม เคลวิน และ สำร B มีอุณหภูมิคงตัว
3. 1.50 × 103 จูลต่อกิโลกรัม เคลวิน และ สำร A มีอุณหภูมิสูงขึ้น
4. 1.50 × 103 จูลต่อกิโลกรัม เคลวิน และ สำร B มีอุณหภูมิคงตัว
5. 1.50 × 103 จูลต่อกิโลกรัม เคลวิน และ สำร A มีอุณหภูมิต่ำลง
20. บรรจุแก๊สอำร์กอนและแก๊สฮีเลียมจำนวนเท่ำกันในภำชนะปิดใบหนึ่ง โดยแก๊สทั้งสองมี

สมบัติใกล้เคียงแก๊สอุดมคติ และอยู่ในสมดุลควำมร้อนที่อุณหภูมิ 300 เคลวิน
พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
ก. พลังงำนจลน์เฉลี่ยของแก๊สอำร์กอนและแก๊สฮีเลียมในภำชนะมีค่ำไม่เท่ำกัน
ข. อัตรำเร็วเฉลี่ยของแก๊สฮีเลียมมำกกว่ำอัตรำเร็วเฉลี่ยของแก๊สอำร์กอน
ค. ที่สมดุลควำมร้อน แก๊สอำร์กอนทุกโมเลกุลในภำชนะมีอัตรำเร็วเท่ำกัน
4. ก. และ ค.
21. นำลวดโลหะเส้นหนึ่งที่มีพื้นที่หน้ำตัด 𝐴 ยำว 𝐿0 มำแขวนด้วยมวล 𝑚 ขนำดต่ำงๆกัน ที่

ปลำยของลวดโลหะ แล้ววัดควำมยำวที่เปลี่ยนไปของลวดโลหะเทียบกับควำมยำวเริ่มต้ม
พบว่ำ ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง ควำมยำวที่เปลี่ยนไปของลวดโลหะ (∆𝐿) กับ มวลที่
ใช้แขวน (𝑚) มีแนวโน้มเป็นดังกรำฟ
ถ้ำใช้กรำฟข้ำงต้นหำค่ำมอดุลัสของยัง 𝑌 ของลวดโลหะเส้นนี้จะหำได้จำกสมกำรใด
กำหนดให้ 𝑘 คือ ควำมชันของกรำฟ และ 𝑔 คือ ควำมเร่งโน้มถ่วงของโลก
1. 𝑌 = 𝑘𝑔𝐿0 𝐴
𝑘𝐴
2. 𝑌 =
𝑔𝐿0
𝐴
3. 𝑌 =
𝑘𝑔𝐿0
𝑘𝑔𝐿0
4. 𝑌 =
𝐴
𝑔𝐿0
5. 𝑌 =
𝑘𝐴
22. น้ำที่มีควำมหนำแน่น 𝜌 ไหลต่อเนื่องในท่อผ่ำนตำแหน่ง a ซึ่งมีพื้นที่หน้ำตัด A และมี

ควำมดันในน้ำเป็น 10 เท่ำของควำมดันบรรยำกำศ 𝑃0 ออกไปปลำยท่อที่ตำแหน่ง b ซึง่
𝐴
เปิดสู่บรรยำกำศมีพื้นที่หน้ำตัดเท่ำกับ โดยจุดศูนย์กลำงของท่อที่ตำแหน่ง b อยู่สูง
√2
จำกจุดศูนย์กลำงของท่อที่ ตำแหน่ง a เป็นระยะ H ดังภำพ
อัตรำเร็วของน้ำที่พุ่งออกจำกปลำยท่อที่ตำแหน่ง b มีค่ำเท่ำใด
9𝑃0
1. √2( − 𝑔)
𝜌
9𝑃0
2. √2 (𝑔𝐻 − )
𝜌
9𝑃0
3. √2 ( − 𝑔𝐻)
𝜌
4. 2(√𝑔𝐻)
𝑃
5. 6 (√ 0 )
𝜌
23. ข้อมูลของอนุภำคมูลฐำนในกลุ่มอนุภำคสสำรเป็นดังนี้
ชนิดของควำร์ก มวล ประจุ ชนิดของเลปตอน มวล ประจุ
2
อัพ ≈2.2 MeV/c2 + e อิเล็กตรอน ≈ 0.51 MeV/c2 -e
3
1
ดำวน์ ≈4.7 MeV/c2 - e อิเล็กตรอนนิวทริโน < 2.2 eV/c2 0
3
2
ชำร์ม ≈1.28 GeV/c2 + e มิวออน ≈105.66 MeV/c2 -e
3
1
สเตรนจ์ ≈96 MeV/c2 - e มิวออนนิวทริโน < 0.17 MeV/c2 0
3
2
ทอป ≈173.1 GeV/c2 + e ทำว ≈1.78 GeV/c2 -e
3
1
บอททอม ≈4.18 GeV/c2 - e ทำวนิวทริโน < 18.2 MeV/c2 0
3
ข้อมูลของอนุภำคมูลฐำนในกลุ่มอนุภำคสื่อแรงเป็นดังนี้
ชนิด มวล ประจุ
กลูออน 0 0
โฟตอน 0 0
Z-โบซอน ≈91.19 GeV/c2 0
W-โบซอน ≈80.39 GeV/c2 ±e
ถ้ำอนุภำคชนิดหนึ่งมีองค์ประกอบเป็นควำร์กอัพ 1 อนุภำค และแอนติควำร์กสเตรนจ์ 1
อนุภำค พิจำรณำข้อควำมต่อไปนี้
ก. อนุภำคดังกล่ำวมีประจุไฟฟ้ำเท่ำกับประจุไฟฟ้ำของ Z-โบซอน
ข. ปฏิยำนุภำคของอนุภำคดังกล่ำว มีมวลมำกกว่ำมวลของทำวนิวทริโน
ค. อนุภำคดังกล่ำวมีโฟตอนเป็นอนุภำคสื่อแรงของแรงที่ยึดเหนี่ยวควำร์กและ
แอนติควำร์กให้อยู่รวมกัน
1. ก. เท่ำนั้น
24. ตำมทฤษฏีอะตอมของโบร์ ถ้ำอิเล็กตรอนในอะตอมไฮโดรเจนเปลี่ยนระดับพลังงำนจำก

ระดับพลังงำนสูง ไปยังระดับพลังงำนต่ำกว่ำที่มีพลังงำนเท่ำกับ -3.40 อิเล็กตรอนโวลต์
โดยอิเล็กตรอนปลดปล่อย คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ำที่มีควอนตัมของพลังงำนเท่ำกับ 1.89
อิเล็กตรอนโวลต์ อิเล็กตรอนดังกล่ำวมีกำรเปลี่ยนแปลงระดับพลังงำนจำกระดับใดไปยัง
ระดับใด
1. จำก n = 4 ไปยัง n = 3
25. ถ้ำเริ่มต้นมีเรเดียน-221 จำนวน 1.85 × 109 นิวเคลียส ซึ่งมีกัมมันตภำพ 1 มิลลิคูรี ต้อง

ใช้เวลำ ประมำณกี่วินำที จำนวนนิวเคลียสของเรเดียม-221 จึงจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง
ของจำนวนเริ่มต้น
กัมมันตภำพ 1 คูรี เท่ำกับอัตรำกำรสลำยของนิวเคลียสจำนวน 3.7 × 1010 นิวเคลียสต่อ
วินำที
1. 3.73 × 10-10
2. 1.38 × 10-2
3. 2.00 × 10-2
4. 3.45 × 101
5. 1.28 × 109
ตอนที่ 2 แบบระบำยตัวเลขที่เป็นคำตอบ
จำนวน 5 ข้อ (ข้อ 26 – 30) ข้อละ 5 คะแนน รวม 25 คะแนน
26. ปืนใหญ่มวล 400 กิโลกรัม วำงอยู่บนพื้นรำบที่มีสัมประสิทธิ์ควำมเสียดทำนจลน์ระหว่ำง

ปืนใหญ่ และ พื้นเท่ำกับ 0.5 ถ้ำปืนใหญ่ยิงลูกปืนมวล 9.8 กิโลกรัม ออกไปในแนว
ระดับด้วยควำมเร็ว 40 เมตรต่อ วินำที ดังภำพ
ปืนใหญ่จะถอยหลังเป็นระยะทำงกี่เซนติเมตร
27. วัตถุ A ทรงลูกบำศก์ ยำวด้ำนละ 1.0 เมตร ลอยน้ำอยู่ ดังภำพ ก เมื่อวำงวัตถุ B ลงบน
วัตถุ A พบว่ำ วัตถุ A จมลงอีก 5.0 เซนติเมตร ดังภำพ ข
กำหนดให้ ควำมหนำแน่นของน้ำเท่ำกับ 1.0 × 103 กิโลกรัมต่อลูกบำศก์เมตร
วัตถุ B มีมวลกี่กิโลกรัม
28. ในพิธีเปิดกีฬำครั้งหนึ่ง นักกีฬำยิงลูกธนูติดไฟให้ตกบนยอดหอคบเพลิงซึ่งอยู่สูงจำกพื้น

สนำม 23.6 เมตร ถ้ำลูกธนูถูกยิงจำกควำมสูงเหนือพื้น 2.0 เมตร โดยทำมุม 45 องศำกับ
พื้น และลูกธนูใช้เวลำในกำรเคลื่อนไปถึงยอดหอคบเพลิง 4.0 วินำที ดังภำพ
กำหนดให้ ไม่คิดแรงต้ำนของอำกำศ
ควำมเร่งโน้มถ่วงบริเวณผิวโลก g = 9.8 m/s2
ลูกธนูถูกยิงห่ำงจำกหอคบเพลิงในแนวระดับเป็นระยะทำงกี่เมตร
29. คลื่นผิวน้ำหน้ำตรงเคลื่อนที่จำกบริเวณน้ำลึก (แรเงำสีเทำ) เข้ำสู่บริเวณน้ำตื้น เกิดกำรหัก

เหโดยหน้ำคลื่นตกกระทบและรังสีหักเหทำมุม 45 องศำ และ 60 องศำ กับระนำบ
รอยต่อระหว่ำงตัวกลำงตำมลำดับดังภำพ
ถ้ำอัตรำเร็วของคลื่นผิวน้ำในบริเวณน้ำลึกเท่ำกับ √2 เมตรต่อวินำที อัตรำเร็วในบริเวณ

น้ำตื้น เท่ำกับกี่ เมตรต่อวินำที (กำหนดให้ √2 = 1.41 √3 = 1.73 และ
√6 = 2.45)
30. ต่อวงจรไฟฟ้ำที่มีแบตเตอรี่ 3 ก้อน กับตัวต้ำนทำน 2 ตัว ดังภำพ
กระแสไฟฟ้ำที่ผ่ำนตัวต้ำนทำน RA มีค่ำกี่แอมแปร์
เฉลยข้อสอบ ฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ ปี 64
ตอน 1
ข้อ ตอบ ข้อ ตอบ ข้อ ตอบ ข้อ ตอบ ข้อ ตอบ
1 2 6 2 11 1 16 5 21 5
2 2 7 2 12 3 17 1 22 3
3 4 8 3 13 4 18 3 23 2
4 4 9 5 14 2 19 2 24 2
5 4 10 2 15 3 20 1 25 4
ตอน2
ข้อ ตอบ
26 9.8 cm
27 50 kg
28 100 m
29 1 m/s
30 2A
ข้อ 1 เฉลยข้อ 2.)

*ไม่นำค่ำ 14.15 cm ที่ผิดแน่ๆ จำกกำรวัดมำคำนวณค่ำเฉลี่ย
x1  x2  x3  ...  xn
จากสูตร ค่ำเฉลี่ย x 
N
7.85  8.00  8.25  7.90
x  (±นัยสำคัญตำม
4
ทศนิยมเหมำะสม)
x  8.00 cm.
X max - X min
ค่ำคลำดเคลื่อน X 
2
8.25 - 7.85
X 
2
 X  0.20
เรำไม่สำมำรถตอบ 8.00 ± 0.20 cm. ได้
เพรำะ ควำมคลำดเคลื่อนตำมหลักสำกลมีนัยสำคัญแค่ 1 ตำแหน่ง
∴ ควรรำยงำนผลกำรวัดเป็น 8.00 ± 0.20 cm.

รถคันหนึ่งด้วยควำมเร็วคงตัว 50 m/s เมตรต่อวินำที ที่เวลำ t = 0 s เห็นป้ำยเตือน
กำรตรวจจับควำมเร็วเลยเริ่ม ลดควำมเร็ว ณ เวลำ t = 4.0 s ด้วยควำมเร่งคงที่ -0.5 m /s2
และผ่ำนเครื่องตรวจจับควำมเร็ว ณ เวลำ t = 34.0 s กำหนดให้
• ควำมเร็วที่จับได้ต้องห้ำมเกิน 120 km/h หรือประมำณ 3.33 m/s
• เครื่องตรวจจับควำมเร็วสำมำรถจับควำมเร็ว ณ ขณะหนึ่งได้แบบทันที
มีคนบันทึกทำควำมเร็ว ณ เวลำต่ำงๆ ของรถคันนี้ได้ดังนี้
กรำฟผิดแน่ๆ เพรำะช่อง t = 0  t = 4 ,  = 50 m/s คงที่
y   50
slope  a  0.5  
 (m/s)  x 34  4
50 50
∆y 0.5  30    50
  50  15  35m / s

เดิน 33.3 m/s
∆x
t(s) t
2 4 ------ 4 34
-------
กรำฟสอดคล้องกับควำมเร็วรถหรือไม่ และคนขับรถนี้จะถูก ∴ โดนปรับ
ปรับไหม
Θ
Θ
5N
 F  1N
หำผลลัพธ์เวกเตอร์ ทิศ 6N สวนทำงกับ 5N
F  Fx 2  Fy 2 ดังนั้น 2F = 6N - 5N
F  42  32 2F = 1N
F  5N จำก  F  ma
4N 1 = 0.5 a
a = 2 m/s2
3N 5N * ผลลัพธ์ของกำรเคลื่อนที่จะมีทิศเดียว
กับแรงขนำดมำกกว่ำ
ทิศเดียวกับแรง 6N #
h
a t  10 s
F=?
u=0
mg
Ep = mgh = (1) (9.8) h = 9.8 ~ h = 10m

1
จำก S  ut  at 2
2
1
10  0  a( 10) 2
2
a = 2m/s2  เป็นควำมเร่งจริงๆ ของวัตถุแล้วไม่
ติดคิด g อีก!
∴ จำก  F  ma
F - mg = ma ผลของคิดที่น้ำหนักวัตถุแล้ว
F -(1)(9.8) = (1)(2)
F = 11.8 N
อาจต้องปรับ FB FA ต้องกำร FA = FB = F ด้วย

กำรปรับ x
=; 2F = 150 + 50
cm F = 100N
cm ; Mตำม = Mทวน
x F x (1.5 – x ) = 150 x
0.2 + F x 1.0
2 (1.5 – x) = 3x 0.2 +
2x 1.0
150N 3 – 2x = 2.6
x = 0.2m
1.5x 1.0m ∴ นำย B ขยับออกจำกนำย A
และขยับเป็นระยะ 0.5 – 0.2 =
0.3 m
(ดูจำกรูปถ้ำ x = 0.2 m แปลว่ำ
ขยับออก
จำกตำแหน่งจำก 0.3 m
T
T
2T 2T
w
แรงขึ้น = แรงลง
2T + 2T = W
4T = W
W
T =
4

จำกโจทย์ จำก Fc 
mv 2
แรงเข้ำสู่
R
ศูนย์กลำง
TA = TB = FG 
GmM
แรงดึงดูด
T R2
ระหว่ำงมวล
mA = m Fc  FG
mB = 2m mv 2 GmM

R R2
VB , V A GM 2
v2  ; v   R;  
R T
RB , RA 4 2

GM
2
T R
M = มวลโลก  4 
2
 2 R  M ∴ R ∝ M
T G 
m = มวลดำวเทียม  ค่ำคงที่
ขึ้นกับมวลโลก ไม่ขึ้นกับมวลดำวเทียม
∴ ถ้ำ TA = TB
จะได้ RA = RB
และ VA = VB
โจทก์กำหนด 2 m
 T  2
T k
2 2 M
T1  2 S.   T 2  4 2
2 2 k
m  1kg 4 2 2
2 2 T M

T2  3 S. 2 k
หำ
 ?  2 Const
M ? T12 M

T2 M  1
2
2 M

3 M 1
2M  2  3M
M  2kg #
 
 
 
พิจำรณำจำกกรำฟ คลื่นที่มีกำรซ้อนทับกันพอดี คือคลื่นที่เกิดกำรแทรกสอด

แบบหักล้ำง
นั่นหมำยควำมว่ำ คลื่น ข และ ค แต่ ค หักล้ำงไม่หมด
A β = 30 dB B
| |
R = 100 m.
โจทก์กำหนด
IO = 1 x 10-12 w/m2
β = 30 dB
R = 100 m
P = ?
 I  I 
P
  10 og   4 R 2
 Io 
P  109 (4 (100) 2 )
 I 
30  10 og  12  P  4 105 w #
 10 
3  ogI  og1012
9  ogI
I  1109 w / m3

ความกว้างของช่องสลิดเดี่ยวมี จำกรูปเกิดตำแหน่งเดียวกัน θ เท่ำ
ค่ากี่เมตร
a=? ผล N1 slit เดี่ยว : a sin   1 
slit เดี่ยว ÷
1
N1 slit คู่ : d sin   (1  )
ผล slit คู่ 2
a 1

N1 d 0.5
x
L  a  2d  2(0.050mm)
a  0.100mm
 1.00 104 m
𝛉
Slit คู่/เดี่ยว
SB = 3cm
SB'
MB   2
SB
S B '  2 S B  2(3)
S B '  6 (ภาพเสมือน)
1 1 1
  '
f SB SB
1 1 1
 
f 3 6
1 1

f 6
 f B  6cm #
+2q พีธำกอรัส k (2q) k (q) kq

VA   
d d d
k (2q) k (9) kq
2d VB    2
1 1 d
d d
1 2 2
d d B
2
kq
VA  VB  (1  2)
1 d
d
2
A
-q
d

+ −
+ +
− − = 2C
Cรวม = 4 ต่ออนุกรม Cรวม = Q1 = Q2

μF
Vc1  4V Vรวม = V1 + V2
Vc2  2V 6  Vc1  Vc2
U c2  ? 6 = 4+2
1 1 1
 
Cรวม C1 C2
Q 1
C U  QV
V 2
Q 1
Cรวม  รวม U c2   24 c  2V 
Vรวม 2
(4MF) (6) = Qรวม U c2  24  J .
Qรวม= 24𝜇c #
24 c
C2 
2
C2 = 12 M c
โจทย์กำหนด ข. 1
 
1 1 ค.
Rรวม R1 R2 Rรวม  R1  R2
r = 40 
1 1 1
I = 0.1 – 0.15 A.    200
Rรวม 100 100
ก. 1 2
 24
V = IR Rรวม 100 I
200
24 Rรวม  50 I = 0.12 A
I
40 E = I (R + r)
I = 0.6A 24
I ∴ กำรต่อวงจรไฟฟ้ำที่อุปกรณ์
40  50
I = 0.27 A ไฟฟ้ำทำงำนได้คือวงจร ค.
เท่ำนั้น #
ข้อ 16 เฉลยข้อ 5.) 
⃝
⃝
 B mv 2
Fc  mac ; g B 
R
g
V BR ∝ R
m
B

∴ R มำก มำก

กรณีประจุลบทิศ FB ตรงข้ำม

เครื่องรับสัญญำณวิทยุทำงำนโดยวงจรขยำยควำมถี่วิทยุ ทำหน้ำที่นำเอำสัญญำณควำมถี่
วิทยุที่เลือกรับเข้ำมำ มำทำกำรขยำยสัญญำณให้มีกำลังแรงมำกขึ้นเพียงพอกับควำมต้องกำร ทำ
หน้ำที่ขยำยสัญญำณทำงไฟฟ้ำของเสียงให้มีกำลังแรงขึ้นก่อนที่จะส่งออกยังลำโพงเมื่อได้รับ
สัญญำณทำงไฟฟ้ำของเสียงก็จะเปลี่ยนพลังงำนจำกสัญญำณทำงไฟฟ้ำของเสียงให้เป็นเสียงรับฟัง
ได้ดังนั้นข้อ ก. จึงผิด
GPS ใช้ระบุตำแหน่งบนพื้นโลกด้วยระบบดำวเทียม เป็นระบบสื่อสำรไมโครเวฟที่ใช้สถำนี
ทวนสัญญำณลอยอยู่เหนือพื้นโลกกว่ำ 30,000 กิโลเมตร โดยกำรใช้ ดำวเทียมทำหน้ำที่เป็นสถำนี
ทวนสัญญำณกำรใช้ระบบนี้สำมำรถทำกำรสื่อสำรได้ ไกลมำกๆ ได้ และจะนิยมใช้งำนใน
ระบบสื่อสำรข้ำมประเทศหรือข้ำมทวีป เป็น ระบบสื่อสำรไมโครเวฟที่นิยมใช้งำนมำกอีกระบบ

หนึ่ง ดังนั้น ข. จึงถูก
สัญญำณอนำลอก (Analog Signal) หมำยถึง สัญญำณข้อมูลแบบต่อเนื่อง (Continuous
Data) มีขนำดของสัญญำณไม่คงที่ มีกำรเปลี่ยนแปลงขนำดของสัญญำณแบบค่อยเป็นค่อยไป มี
ลักษณะเป็นเส้นโค้งต่อเนื่องกันไป โดยกำรส่งสัญญำณแบบอนำล็อกจะถูกรบกวนให้มีกำรแปล
ควำมหมำยผิดพลำดได้ง่ำย เช่น สัญญำณเสียงในสำยโทรศัพท์ เป็นต้น ไม่ได้แสดงสถำนะ-1 กับ
+1 ดังนั้น ค.จึง ผิด ดังนั้นข้อที่ถูกต้องมีข้อเดียวคือข้อ ข.

โจทย์กำหนด
R  2
I rms  7 A
1
กำหนด 2  1.414 และ  0.72
2
I rms 
Im Vm = 20V Im
2
= 10 A
Im = 7(1.414)
Im = 9.9 A ≈ 10 A
Vm = I mR
Vm = 9.9 (2)
Vm = 19.8 V ≈ 10 A
Check ! เช็คจุดพีคกรำฟคือ Im ,
Vm
TB1  90o
90
50
TB2  TA2
=50°C
10
TA1  0 oC
TA1  10 oC , TA2  40 oC
TB  40 o C
นำสำร A มวล 1 กิโลกรัม และสำร B มวล 2 กิโลกรัม มำผสมกันภำยในภำชนะปิดที่เป็น
ฉนวน ควำมร้อน ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงอุณหภูมิของสำร A และสำร B กับเวลำตั้งแต่เริ่มผสมจนถึง
เวลำ tf เป็นดังกรำฟ
ควำมร้อนจำเพำะของสำร A ในสถำนะของแข็ง เท่ำกับ 1.00 × 103 จูลต่อกิโลกรัม
เคลวิน
ควำมร้อนจำเพำะของสำร A ในสถำนะของเหลว เท่ำกับ 2.00 × 103 จูลต่อกิโลกรัม
เคลวิน
ควำมร้อนแฝงของกำรหลอมเหลวของสำร A เท่ำกับ 1.00 × 104 จูลต่อกิโลกรัม
ควำมร้อนจำเพำะของสำร B เป็นเท่ำใด และหลังจำกเวลำ tf ในกรำฟ เหตุกำรณ์ใดมี
โอกำส เกิดขึ้นได้ CB = ?
Qคำย = Qรับ
Q B = QA
MBCB∆T = MAC∆T1 + MAC∆T2 + MAL
2CB(40) = 1(103) (10) + (1) (2 x 103) (40) + 1 (1 x 104)
10 104
CB   1, 250  1.25 103 J / kg.K
80
TA = TB = 40°C คงตัว เพรำะไม่มีกำรแลกเปลี่ยนควำมร้อนแล้ว

สมดุล ควำมร้อน T = 300K
NAr = NHe
3 3
จำก Ek  K BT  Ek  K BT
2 2
Ek = พลังงำนจลน์เฉลี่ยของแก๊ส 3
 K B (300)
2
KB = ค่ำคงตัวโบลต์ซมันน์ 1.38 x1023 J/K ค่ำคงที่
Ek 
3
K BT  Ek Ar
 Ek He
2
3
 PV ; PV  NK BT ข้อ ก. จึงผิด
2
3
 nRT ; PV  nRT
2
N Ek = พลังงำนจลน์ทั้งหมดของแก๊ส
M He  M Ar
3RT  VHe  VAr
Vrms  ; M = มวลของแก๊ส 1
M
โมล (kg)
 ซึ่ง ควำมเร็วของ Ar ทุกโมเลกุลมี
ควำมเร็วไม่เท่ำกัน
3RT ข้อ ค. จึงผิด
Vrms  ; 3RT = ค่ำคงที่
M
∴ Vrms ขึ้นกับ M ข้อนี้มีข้อถูก คือ ข. เท่ำนั้น
ซึ่ง M Ar  M He  Vrms ( Ar )  Vrms ( He) ดังนั้น ข้อ ข. จึงถูก

สมกำรเส้นตรง y = mx +c
∆L = km
ΔL
k=
m
จำกโลหะพื้นที่หน้ำตัด A ยำว Lo แขวนด้วยมวล m ขนำดต่ำงๆ มีควำมสัมพันธ์ดัง

กรำฟ ถ้ำใช้กรำฟหำค่ำโมดูลัสยัง Y ของลวดจะหำจำกสมกำรใด?
k คือ ควำมชันกรำฟ
g คือ ควำมเร็วโน้มถ่วงของโลก

Y

F
σ = ควำมเค้น 
A
L
 = ควำมเครียด 
Lo
F Lo
Y 
A L
mg Lo
Y 
A L
m  gLo 
Y  
L  A 
1  gLo 
Y  
k  A 
gLo
Y
kA
A
Ab 
2
A
a Ya
=
A
สมกำรอัตรำกำรไหล
Aa a  Ab b
Ab
Va  Vb
Aa
A/ 2
 Vb
A
1
 Vb
2
1
แบร์นูลลี P   gh  V 2  ค่ำคงที่
2
2
1  Vb  1
10 Po  0      Po   g ( H )  Vb2
2  2 2
1
9 Po   gH  Vb2
4
 9P 
Vb  2  o   gH
  
ข้อ23 เฉลยข้อ 2.)

ชนิดของ มวล ประจุ ชนิดของเลป มวล ประจุ
ควาร์ก ตอน
อัพ (u) ≈2.2 2
 e อิเล็กตรอน ≈ 0.51 -e
3
MeV/c2 MeV/c2
ดำวน์ ≈4.7 1
 e อิเล็กตรอนนิวทริ < 2.2 eV/c2 0
MeV/c2 3 โน
ชำร์ม ≈1.28 2
 e มิวออน ≈105.66 -e
GeV/c2 3 MeV/c2
สเตรนจ์ (S) ≈96 MeV/c2  1 e มิวออนนิวทริโน < 0.17 0
3 MeV/c2
ทอป ≈173.1 2
 e ทำว ≈1.78 GeV/c2 -e
GeV/c2 3
บอททอม ≈4.18 1
 e ทำวนิวทริโน < 18.2 0
GeV/c2 3 MeV/c2
ข้อมูลของอนุภำคมูลฐำนในกลุ่มอนุภำคสื่อแรงเป็นดังนี้
ชนิด มวล ประจุ
กลูออน 0 0
โฟตอน 0 0
Z-โบซอน ≈91.19 GeV/c2 0
W-โบซอน ≈80.39 GeV/c2 ±e
แอนติสเตนจ์ = มวลเหมือนสเตรนจ์แต่ประจุตรงข้ำม
 22   e 
ก. ประจุไฟฟ้ำ : uS         e
 3   3
ประจุตรงข้ำมกับเสตรนจ์
ไม่เท่ำของ Z- โบซอนที่มีประจุ = 0 ∴ ก ผิด
ข. มวล : uS = 2.2 + 96 ≈ 98 MeV/c2
มำกกว่ำมวลของ Ve ซึ่งน้อยกว่ำ 18.2 MeV/c2 ∴ ข ถูก

ค. glvon (อนุภำคสื่อแรง
นิวเคลียร์อย่ำงเข้ม
u S ที่ยึดควำร์กเข้ำด้วยกัน)
∴ ค. ผิด
ตอบ ข. เท่านั้น
n=4
n=3 E3 
E1
 1.51eV
32
E
n=2 ∆E  Eโฟตอน E2  21  3.4eV
2
n=1 E1  13.6eV
จำกรูป Eโฟตอน = DE = (-1.51) – (-3.4)

= 1.89 eV
∴ e− ร่วงจำก n = 3  n = 2
ข้อ25 เฉลยข้อ 4.)

โจทย์กำหนด NO = 1.85 x 1013 ตัว
นิวเคลียส
AO = 1 x 10-3 x 3.7 x 1010
sec
AO =  NO ∴ Ao 
m2
No
T
 ค่ำคงที่กำรสลำย
และ T  m2 m2 0.693 1.85 109

T No 
Ao (3.7 107 )
= 0.3565 × 102
= 34.65 sec
= 3.45 × 101 sec. #
ข้อ 26 เฉลย 9.8 cm
 ”ระเบิด”
 P ก่อนยิง =  P หลังยิง
  0 = (-MV) + m
m 9.8  40
V 
M 400
= 0.98 m/s
| | fk  kN  kMg  จำก 
S=? cm
E = E  + W
ปืนใหญ่จะถอยหลังเป็นระยะทำงกี่เซนติเมตร
1
0 MV 2     kMg  S 
2
 0.98  0.098m
2
V2
S 
2 kM  g 2  0.5  9.8 
= 9.8 cm
ANS: 0009.80
ข้อ 27 เฉลย 50 kg.

น.น.เพิ่ม = MBg
A หน้ำตัดของ
A × d จมเพิ่ม
FSเพิ่ม = ρ น้ำ Vจมเพิ่ม

g เพรำะ
คนที่จมในรูปคือ A!
น้ำหนักจำก B กดเพิ่ม = FS ที่เกิด
จำกกำรจมเพิ่ม
วัตถุ B มีมวลกี่กิโลกรัม mBg = ρ น้ำ (A หน้ำตัด d )g

∴ mB = ρ น้ำ A หน้ำตัด d
= (1 x 103)(1 x 1)(0.05) kg
= 50kg
ANS: 0050.00
ข้อ 28 เฉลย 100 m.
 a y   g  9.8m / s 2 1
Y : S y  U yt  ayt 2
2
u 1
u t = 4s 21.6   4   9.8   42
u y  u sin 45  2 2
2 u S y  21.6m u
u uy   25m / s
ux  u cos 45   2
2
ระยะทำงในแนวระดับ
| |
 u 
S x  U xt  ?   ∴ ANS: 0100.00
 t  (25)(4)  100m
 2
ข้อ 29 เฉลย 1 m/s
V2 = ?
θ2 = 30°
θ1 = 45°
45°
sin 1 V1
กฎ Snell 
sin  2 V2
sin 45 2/2 2
 
sin 30 1/ 2 2
∴2 = 1 m/s
ANS: 0001.00
ข้อ 30 เฉลยข้อ 2A
1.4 2.4
i?
0.4
รวม = 8V rรวม =  0.2
2
กฎของโอห์ม : Vรวม = Iรวม Rรวม
8  i(1.4  2.4  0.2)
i  2A
∴ ANS: 0002.00

ฟิสิกส์ 9 สามัญ

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

You might also like

ฟิสิกส์ 9 สามัญ

Uploaded by

Document Information

Copyright

Available Formats

Share this document

Share or Embed Document

Sharing Options

Did you find this document useful?

Is this content inappropriate?

Copyright:

Available Formats

ฟิสิกส์ 9 สามัญ

Uploaded by

Copyright:

Available Formats

38 ฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ (ปี 64)

ตอนที่ 1 แบบปรนัย 5 ตัวเลือก เลือก 1 คำตอบที่ถูกที่สุด

1. ในกำรทดลองหนึ่ง นักเรียน A วัดควำมยำวแท่งวัตถุหนึ่งที่มีควำมยำวประมำณ 8

2. รถเคลื่อนที่บนถนนตรงเส้นหนึ่งด้วยควำมเร็วคงตัว 50.0 เมตรต่อวินำที ที่เวลำ t = 0.0 s

3. ทรงกระบอกมวล 0.5 กิโลกรัม วำงอยู่บนพื้นระดับลื่นในระนำบ xy เมื่อออกแรง 3 แรง

4. วัตถุมวล 1.0 กิโลกรัม วำงนิ่งอยู่บนพื้น ออกแรงขนำดคงตัวดึงวัตถุให้เคลื่อนที่ขึ้นไปใน

5. นำย A และ B ช่วยกันหำมกล่องหนัก 150 นิวตัน ด้วยท่อนไม้มวลสม่ำเสมอ หนัก 50 นิว

ถ้ำต้องกำรให้นำย A และนำย B ออกแรงกระทำเท่ำกัน โดยที่นำย A ออกแรงกระทำที่

6. ระบบรอกเบำหมุนคล่อง เมื่อออกแรง T ดึงเชือกทำให้วัตถุหนัก W อยู่นิ่งได้ ดังภำพ

ควำมสัมพันธ์ระหว่ำง T และ W เป็นอย่ำงไร และถ้ำออกแรงดึงเชือกลงทำให้จุด a ต่ำลง

7. ดำวเทียม A มวล m โคจรรอบโลกเป็นแนววงกลมรัศมี RA ด้วยอัตรำเร็วเชิงเส้น 𝑣A ดัง

ถ้ำต้องกำรส่งดำวเทียม B มวล 2m ให้โคจรรอบโลกเป็นแนววงกลมด้วยคำบเท่ำกับคำบ

8. ติดวัตถุมวล M เข้ำกับปลำยสปริงและวำงบนพื้นเรียบลื่น ดังภำพ ก เมื่อดึงวัตถุมวล M

วัตถุมวล M ในภำพ ก เคลื่อนที่ด้วยควำมถี่เชิงมุมกี่เรเดียนต่อวินำที และมวล M มีค่ำกี่

9. พิจำรณำภำพคลื่นดล 2 คลื่น ที่เวลำ t = 0 s ซึ่งเคลื่อนที่เข้ำหำกันด้วยอัตรำเร็ว 1 เมตร

เมื่อเวลำผ่ำนไป 4 วินำที คลื่นในภำพใดเกิดกำรแทรกสอดแบบหักล้ำง

10. นักเรียน A และนักเรียน B ยืนอยู่ห่ำงกันในพื้นที่โล่งเป็นระยะ 100 เมตร เมื่อนักเรียน A

11. ฉำยแสงควำมยำวคลื่น 600 นำโนเมตร ให้ตกกระทบตั้งฉำกกับสลิตคู่ซึ่งมีระยะห่ำง

12. กล้องตัวหนึ่งมีเลนส์นูนสองอันอยู่ด้ำนหัวและท้ำยของกล้อง เมื่อใช้ส่องวัตถุที่ตำแหน่ง

ถ้ำภำพที่เกิดจำกเลนส์ B เป็นภำพเสมือนที่มีขนำดเป็น 2 เท่ำของภำพที่เกิดจำกเลนส์ A

13. จุดประจุขนำด +2q และ –q ถูกตรึงอยู่ที่มุมสองมุมของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งยำวด้ำนละ d

ควำมต่ำงศักย์ระหว่ำงจุด A เทียบกับจุด B หรือค่ำ VA – VB เป็นเท่ำใด

14. นำตัวเก็บประจุ C1 และ C2 ที่มีควำมจุ C และ 2C ตำมลำดับ ต่อเข้ำกับแบตเตอรี่ขนำด

กำหนดให้ ควำมจุสมมูลของกำรต่อตัวเก็บประจุดังกล่ำวเท่ำกับ 4 ไมโครฟำรัด

15. อุปกรณ์ไฟฟ้ำกระแสตรงชิ้นหนึ่งมีควำมต้ำนทำนภำยใน 40 โอห์ม และใช้ได้กับ

16. อนุภำค A B และ C ซึ่งมีอัตรำส่วนระหว่ำงมวลต่อประจุไฟฟ้ำเท่ำกัน เคลื่อนที่ในระนำบ

18. ต่อตัวต้ำนทำนขนำด 2.0 โอห์ม เข้ำกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้ำกระแสสลับ ค่ำอำร์เอ็มเอสของ

19. นำสำร A มวล 1 กิโลกรัม และสำร B มวล 2 กิโลกรัม มำผสมกันภำยในภำชนะปิดที่เป็น

20. บรรจุแก๊สอำร์กอนและแก๊สฮีเลียมจำนวนเท่ำกันในภำชนะปิดใบหนึ่ง โดยแก๊สทั้งสองมี

21. นำลวดโลหะเส้นหนึ่งที่มีพื้นที่หน้ำตัด 𝐴 ยำว 𝐿0 มำแขวนด้วยมวล 𝑚 ขนำดต่ำงๆกัน ที่

22. น้ำที่มีควำมหนำแน่น 𝜌 ไหลต่อเนื่องในท่อผ่ำนตำแหน่ง a ซึ่งมีพื้นที่หน้ำตัด A และมี

24. ตำมทฤษฏีอะตอมของโบร์ ถ้ำอิเล็กตรอนในอะตอมไฮโดรเจนเปลี่ยนระดับพลังงำนจำก

25. ถ้ำเริ่มต้นมีเรเดียน-221 จำนวน 1.85 × 109 นิวเคลียส ซึ่งมีกัมมันตภำพ 1 มิลลิคูรี ต้อง

26. ปืนใหญ่มวล 400 กิโลกรัม วำงอยู่บนพื้นรำบที่มีสัมประสิทธิ์ควำมเสียดทำนจลน์ระหว่ำง

28. ในพิธีเปิดกีฬำครั้งหนึ่ง นักกีฬำยิงลูกธนูติดไฟให้ตกบนยอดหอคบเพลิงซึ่งอยู่สูงจำกพื้น

29. คลื่นผิวน้ำหน้ำตรงเคลื่อนที่จำกบริเวณน้ำลึก (แรเงำสีเทำ) เข้ำสู่บริเวณน้ำตื้น เกิดกำรหัก

ถ้ำอัตรำเร็วของคลื่นผิวน้ำในบริเวณน้ำลึกเท่ำกับ √2 เมตรต่อวินำที อัตรำเร็วในบริเวณ

30. ต่อวงจรไฟฟ้ำที่มีแบตเตอรี่ 3 ก้อน กับตัวต้ำนทำน 2 ตัว ดังภำพ

เฉลยข้อสอบ ฟิสิกส์ 9 วิชาสามัญ ปี 64

ข้อ 1 เฉลยข้อ 2.)

ข้อ 2 เฉลยข้อ 2.)

ข้อ 4 เฉลยข้อ 4.)

Ep = mgh = (1) (9.8) h = 9.8 ~ h = 10m

ข้อ 5 เฉลยข้อ 4.)

อาจต้องปรับ FB FA ต้องกำร FA = FB = F ด้วย

ข้อ 6 เฉลยข้อ 2.)

ข้อ 7 เฉลยข้อ 2.)

ข้อ 8 เฉลยข้อ 3.)

ข้อ 9 เฉลยข้อ 5.)

พิจำรณำจำกกรำฟ คลื่นที่มีกำรซ้อนทับกันพอดี คือคลื่นที่เกิดกำรแทรกสอด

ข้อ 10 เฉลยข้อ 2.)

ข้อ 11 เฉลยข้อ 1.)

ข้อ 12 เฉลยข้อ 3.)

ข้อ 13 เฉลยข้อ 4.)

+2q พีธำกอรัส k (2q) k (q) kq

ข้อ 14 เฉลยข้อ 2.)

Cรวม = 4 ต่ออนุกรม Cรวม = Q1 = Q2

ข้อ 15 เฉลยข้อ 3.)

ข้อ 16 เฉลยข้อ 5.) 