Professional Documents
Culture Documents
SUITE Proposal
SUITE Proposal
SUITE Proposal
หลักการและเหตุผล
การลงทุนในต่างประเทศนั้นมีความสำคัญกับประเทศไทยอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนยังประเทศตลาดใหม่ อย่างไรก็ตาม ไทย
จำเป็ นต้องมีแผนในการลงทุนยังประเทศตลาดใหม่ที่เหมาะสม และคุ้มค่า
เฉกเช่นที่หลายประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ได้ดำเนินมาก่อนหน้า
ไทยในสมัยที่ทั้ง 3 ประเทศนี้อยู่ในภาวะทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกับไทยใน
ปั จจุบัน อนึ่ง การลงทุนยังต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดใหม่นั้น ข้อมูล
เป็ นสิ่งสำคัญ ซึ่งทุกประเทศที่มีนโยบายส่งเสริมการออกไปลงทุนยังต่าง
ประเทศนั้น ต่างก็ให้ความสำคัญกับข้อมูลทั้งสิ้น ดังจะกล่าวต่อไป ดังนี้
ความสำคัญของการลงทุนต่างประเทศ
การลงทุนต่างประเทศมีความจำเป็ นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
เพราะเป็ นการสร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจไทย กล่าว
คือ เป็ นเครื่องมือในการขยับขยายหาตลาดใหม่เพื่อนำรายได้จากต่าง
ประเทศกลับสู่มาตุภูมิ ซึ่งตลาดใหม่เป็ นที่ที่เศรษฐกิจเริ่มตั้งตัวจึงมีการ
แข่งขันไม่เข้มข้น และสินค้าและบริการหลากหลายรายการยังต้องพึ่งพา
การนำเข้า ส่วนข้อดีอีกประการ คือ สามารถสร้างเสถียรภาพให้กับภาค
การผลิตของไทย โดยทำให้ภาคเอกชนสามารถรับมือกับการขยับตัวสูงขึ้น
ของต้นทุนการผลิตภายในประเทศซึ่งกำลังเป็ นปั ญหาที่ไทยเผชิญ อัน
สะท้อนจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิตจากไทยไปสู่ประเทศใกล้เคียง
ของทั้งบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม การออกไปลงทุนใน
ประเทศตลาดใหม่ไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำได้ทันทีทันใด เนื่องจากไทยไม่ใช่
ประเทศขนาดใหญ่ที่สามารถเลือกลงทุนแบบลองผิดลองถูกดั่งสำนวน “โ
ยนหินถามทาง” ได้ ฉะนั้น แนวทางการลงทุนของไทยจึงต้องอาศัยการ
ศึกษาข้อมูลของประเทศเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วนเพื่อทราบแนวทางการลงทุน
ที่เหมาะสมกับธุรกิจของไทยอย่างแท้จริง
กล่าวในอีกแนวทางหนึ่ง คือ เมื่อเศรษฐกิจเติบโตถึงจุดอิ่มตัวจะส่ง
ผลให้สินค้าหรือบริการที่เกิดขึ้นภายในประเทศไม่เป็ นที่ต้องการ
และ/หรือมีการแข่งขันที่สูง ราคาของสินค้าและบริการนั้นๆ ก็ลดต่ำลง
กระทั่งส่วนต่างรายได้ไม่เป็ นที่น่าพึงพอใจสำหรับผู้ประกอบการ ครั้นจะ
นำสินค้าออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ราคาก็แพงเกินเอื้อมสำหรับ
ประชาชนในประเทศนั้นๆ เพราะต้นทุนการผลิตและการขนส่งที่สูง แต่
การออกไปลงทุนประชิดหรืออยู่ภายในตลาดจะทำให้การบริหารจัดการ
ทรัพยากรเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น กล่าวคือ อยู่ใกล้วัตถุดิบ และแรงงาน
เป็ นต้น ทำให้สินค้าและบริการมีราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดนั้นๆ
รวมไปถึงตลาดใกล้เคียง แต่ความท้าทายในการออกไปลงทุน คือ ความ
เข้าใจต่อตลาดอย่างถ่องแท้เพราะแต่ละตลาดย่อมมีคุณสมบัติเฉพาะ ซึ่ง
หากเข้าใจคลาดเคลื่อนจะทำให้ตลาดใหม่ที่เป็ นโอกาสต่อการขยายธุรกิจ
พลิกเป็ นอุปสรรคโดยปริยาย ดังนั้น ไทยเป็ นประเทศที่มีขนาด GDP
ประมาณ 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในลำดับที่ 27 ของโลก ในปี
2015 จากการจัดอันดับของธนาคารโลก หากจะลงทุนแบบสุ่มพื้นที่อาจ
ไม่เหมาะสม ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปลงทุนยังตลาดใหม่จึงต้องมีการจัด
ทำข้อมูลที่มีความพร้อมที่สุด
สำหรับแนวโน้มการออกไปลงทุนต่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องนับจากปี 2006 ถึง 2015 แต่อาจผันผวนเล็กน้อยในปี 2014
จากสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป ณ ขณะนั้น ดังปรากฎในรูปภาพที่ 1
โดยความสัมพันธ์ระหว่างรายได้ประชาชาติต่อหัวกับการออกไปลงทุนต่าง
ประเทศเป็ นไปในทิศทางบวก
รูปภาพที่ 1: ความสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนโดยตรงยังต่างประเทศ
และรายได้ประชาชาติต่อหัว
15,000.00 8,000.00
การลงทุนโดยตรงยังต่าง
10,000.00
4,000.00 ประเทศ
5,000.00
- - (แกนตั้งด้านซ้ายมือ
06 08 10 12 14 หน่วย: ล้านดอลล...
20 20 20 20 20
ที่มา: ธนาคารโลก (2016)
รูปภาพที่ 2: มูลค่าการลงทุนสะสมในต่างประเทศของไทยจำแนกตาม
ประเภทของกิจการ ณ ปี 2012 (หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
13,723
Finance 8,483
4,849
Wholesale and retail trade 4,581
2,810
Unspecified secondary 2,118
1,836
Machinery and equipment 1,532
1,173
Textiles, clothing and leather 586
- 5,000 10,000 15,000
ซึ่งเมื่อพิจารณาจากข้อมูลด้านประเภทกิจการที่ไทยไปลงทุนต่าง
ประเทศ ยิ่งจะเห็นได้ว่าความจำเป็ นที่ไทยเลือกออกไปนั้น จะอยู่ใน
อุตสาหกรรมที่ต้องการ “ทรัพยากร” และ “ตลาดใหม่” ดังนั้น การลงทุน
ในประเทศตลาดใหม่ จึงมีความเหมาะสมกับไทยเป็ นอย่างยิ่ง
เป้ าหมายการลงทุนในตลาดใหม่
หลายประเทศทั่วโลกต่างเห็นความสำคัญของการลงทุนยังต่าง
ประเทศ โดยเฉพาะตลาดเปิ ดใหม่ ไม่ว่าจะเป็ นจาก ยุโรป สหรัฐฯ
อเมริกาเหนือ หรือ จากเอเชียอย่าง จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี อย่างไรก็ดี
แผนการลงทุนยังตลาดใหม่ โดยเฉพาะประเทศเป้ าหมาย ของแต่ละ
ประเทศนั้นล้วนมีความแตกต่างกันตามลักษณะของประเทศผู้ต้องการ
ออกไปลงทุน
แตกต่างกับประเทศในยุโรป ที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าทั้ง 3
ประเทศ จึงมีความจำเป็ นต้องกำหนดประเทศเป้ าหมายในการลงทุน ซึ่ง
แม้ว่าจะมิได้ระบุอยู่ในยุทธศาสตร์ประเทศ แต่ก็มักจะเป็ นที่พึงทราบของ
นักลงทุนเอง โดยประเทศยุโรปจะมีเป้ าหมายส่วนใหญ่ในประเทศที่ตนเอง
เคยเป็ นเจ้าอาณานิคมอยู่ ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนรายใหญ่ในโมซัมบิกที่
เคยเป็ นเมืองของโปรตุเกส ก็คือโปรตุเกส ส่วนนักลงทุนรายใหญ่ในศรี
ลังกาก็คืออังกฤษที่เคยเป็ นเจ้าอาณานิคมเช่นกัน
สำหรับประเทศขนาดเล็กอย่างไทย ย่อมจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์
ในการลงทุนเพราะไม่อาจจะใช้การลงทุนเหวี่ยงแห แบบสหรัฐฯ จีน และ
ญี่ปุ่นได้ อย่างไรก็ตาม ไทยก็ไม่อาจจะใช้รูปแบบเดียวกับยุโรปในปั จจุบัน
ได้เพราะไม่เคยมีประเทศในอาณานิคมเหมือนกับประเทศในยุโรปมาก่อน
แนวทางของไทยจึงควรศึกษาแนวทางการเลือกประเทศยุทธศาสตร์
จากประเทศยุโรปขนาดเล็ก ที่เลือกประเทศอาณานิคมที่เป็ นยุทธศาสตร์
ซึ่งจะเห็นได้ว่าประเทศขนาดเล็กที่มีอาณานิคมของตัวเองในสมัยโบราณ
เช่น โปรตุเกส จะเลือกอาณานิคมที่มีความเป็ นไปได้ในการเป็ น Hub ใน
ภูมิภาค เช่น เลือกศรีลังกา เพราะมีท่าเรือที่สะดวก และสามารถขยาย
การค้าต่อไปยังอินเดีย และอาเซียนได้ แต่หาก Hub เป็ นประเทศขนาด
ใหญ่ที่ยากจะยึดครองทั้งประเทศอย่าง อินเดีย ก็จะเลือกเพียงเมืองสำคัญ
หรือ รัฐเพียงรัฐเดียว เช่น กัว ที่โปรตุเกสมองว่าเป็ น Hub ของอินเดีย
แทน
ประเทศที่เป็ น Hub
1
http://edition.cnn.com/2016/04/29/africa/zuma-charges/
2
ด้วยแผนพัฒนา 5 ปี ฉบับที่ 2 (ปี งบประมาณ 2016/17 - 2020/21)
เพื่อให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นในประเทศ\
เอธิโอเปี ยมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “นอของแอฟริกา” เพราะตั้งอยู่ใน
บริเวณที่คล้ายกับนอแรดของทวีป โดยมีพื้นที่ 1,104,300 ตร.กม.
จำนวนประชากร 99.47 ล้านคน และ GDP 61,537 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ซึ่งจะเห็นว่า GDP ต่อหัวต่ำกว่าไทย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2005 ถึงปี
2016 เอธิโอเปี ยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 10.6
ต่อปี โดยปั จจัยขับเคลื่อนหลักมาจากภาคบริการร้อยละ 43.4 ของ GDP
รองลงมาคือภาคการเกษตรซึ่งคิดเป็ นร้อยละ 41.9 ของ GDP และภาค
อุตสาหกรรมร้อยละ 14.7 ของ GDP ซึ่งอนาคตรัฐบาลมุ่งเป้ าที่จะเพิ่ม
สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในประเทศ อันสะท้อนจากการลงทุน
โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอาทิ ถนน ราง และท่าอากาศยาน เป็ นต้น
3
ตัวอย่าง คือ โครงการก่อสร้างถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ระบบรถไฟรางเบา
4
สายแรกของประเทศที่แอดดิส อบาบา ระบบรถไฟฟ้ าเชื่อมโยงไปยัง
5
จีบูติ อันจะช่วยให้สามารถขนถ่ายสินค้าระหว่างท่าเรือในจีบูติกับ
เอธิโอเปี ยสะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากเอธิโอเปี ยเป็ นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่
ทะเล และการขยายท่าอากาศยานให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า
6
100 ล้านคนต่อปี อย่างไรก็ตาม ภัยธรรมชาติ และเสถียรภาพทางการ
เมืองยังเป็ นสิ่งที่น่ากังวล ซึ่งปี 2015 เอธิโอเปี ยประสบกับภัยแล้งใหญ่สุด
2
https://extranet.who.int/nutrition/gina/es/node/23824
3
http://www.globalconstructionreview.com/news/700m-ethiopian-high8w8a8y-
gets-started-after-four/
4
http://www.bbc.com/news/business-34549253
5
http://www.bbc.com/news/world-africa-37562177
6
http://www.ainonline.com/aviation-news/air-transport/2015-10-13/ethiopia-
prepares-build-major-hub-airport-africa
7
ในรอบ 50 ปี ส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรไม่เป็ นไปตามเป้ าและ
ประเทศขาดรายได้ ส่วนด้านการเมืองนั้น เอธิโอเปี ยเป็ นประเทศที่มีกลุ่ม
ชาติพันธุ์อยู่หลากหลาย แต่มีพรรคการเมืองชื่อ “Ethiopian People's
Revolutionary Democratic Front (EPRDF)” เป็ นพรรคการเมืองที่
8
ครองที่นั่งในสภาทั้งหมด โดยพรรค EPRDF เป็ นพรรคที่ฝั่ งใฝ่ กลุ่มทิเกร
ยาน (Tigrayan) ซึ่งมาจาก Tigray ทางตอนเหนือของประเทศ จำนวน
ประชากรของกลุ่มคิดเป็ นจำนวนเพียงร้อยละ 6 ของประชากรทั้งหมด
ของประเทศ เอธิโอเปี ยจึงมักเกิดเหตุการประท้วงและก่อความไม่สงบ
9
บ่อยครั้ง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates: UAE) เป็ นเทศที่
ตั้งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีขนาดพื้นที่ 83,600 ตร.กม. และ
จำนวนประชากร 9.35 ล้านคน นับว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับไทยที่มีพื้นที่
513,120 ตร.กม. และจำนวนประชากร 67.01 ล้านคน สำหรับขนาด
เศรษฐกิจรวมใกล้เคียงกับไทย แต่เมื่อเทียบต่อหัวแล้ว UAE มี GDP ต่อ
หัวสูงถึง 70,237.9 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย UAE เป็ นศูนย์กลางการค้า การ
บิน และการท่องเที่ยวในทะเลอาหรับ สาเหตุที่การค้าเฟื่ องฟูเพราะ UAE
ส่งเสริมการค้าเสรี โดยมีเขตการค้าเสรี (Free Trade Zone) มากถึง 38
10
แห่ง และยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล อย่างไรก็ตาม UAE จะเริ่ม
เก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) ร้อยละ 5 ตั้งแต่วันที่ 1
7
http://www.telegraph.co.uk/news/2016/04/23/ethiopia-struggles-with-worst-
drought-for-50-years-leaving-18-mi/
8
http://www.bbc.com/news/world-africa-33228207
9
https://www.hrw.org/report/2016/06/16/such-brutal-crackdown/killings-and-
arrests-response-ethiopias-oromo-protests
10
http://www.uaefreezones.me/
11
มกราคม 2018 สำหรับสาเหตุของการเป็ นศูนย์กลางทางการบิน
เนื่องจากภูมิประเทศตั้งอยู่ใจกลางระหว่างทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา
ส่วนการท่องเที่ยวสะท้อนจากการจัดอันดับเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
12
ไปเยือนมากที่สุดของ “Mastercards” ซึ่งดูไบอยู่ในลำดับที่ 4 ของโลก
ในปี 2016 โดยร้อยละ 20 ของนักเดินทางเดินทางเพื่อเหตุผลทางธุรกิจ
ส่วนอีกร้อยละ 80 เดินทางเพื่อการท่องเที่ยว
อินเดีย ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชียใต้ ซึ่งนับว่าเป็ นภูมิภาคที่มี
ประชากรหนาแน่นเพราะมีเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศและปากีสถาน จึง
เหมาะแก่การใช้เป็ นจุดกระจายสินค้าเป็ นอย่างยิ่ง นอกจากนั้น นับเฉพาะ
อินเดียก็ถือเป็ นตลาดขนาดใหญ่ด้วยตนเอง โดยมี GDP 2 ล้านล้าน
ดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ในลำดับที่ 7 ของโลก ปี 2015 อย่างไรก็ตาม ด้วย
ขนาดที่ใหญ่จึงทำให้แต่ละรัฐมีกฎระเบียบระเบียบที่แตกต่างกันไปเช่นกัน
การศึกษาอินเดียจึงจำเป็ นต้องมุ่งศึกษาเฉพาะรัฐที่ต้องการลงทุน ทั้งนี้
นโยบายส่งเสริมการลงทุนของของอินเดียในปั จจุบัน คือ “Make in
13
India ” ประกาศใช้เมื่อเดือนกันยายน ปี 2014 โดยเน้นการอำนวย
ความสะดวกต่อนักลงทุน ด้วยการสร้างช่องทางการติดต่อประสานงานที่
เป็ นมิตรต่อนักลงทุนผ่านเว็บไซต์ พร้อมทั้งเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ ซึ่ง
ประกอบไปด้วยสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น และ
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับสูงสุดเพื่อรองรับอุตสาหกรรม
แนวทางการลงทุนของไทยใน 5 ประเทศ
11
http://www.emirates247.com/business/uae-confirms-no-income-tax-yet-but-5-
vat-is-coming-2016-02-25-1.622208
12
https://newsroom.mastercard.com/wp-content/uploads/2016/09/FINAL-Global-
Destination-Cities-Index-Report.pdf
13
http://www.makeinindia.com/about
ประเทศทั้ง 5 เป็ นประเทศที่ควรเป็ นยุทธศาสตร์ของไทย อย่างไรก็
ดี คำถามสำคัญประการต่อมาคือ ไทยควรดำเนินการอย่างไรกับประเทศ
ทั้ง 5 นี้? การจะได้มาซึ่งคำตอบนั้นควรเริ่มจากการพิจารณาแนวทางของ
ประเทศที่ประสบความสำเร็จเสียก่อน โดยตารางที่ ได้แสดงให้เห็นถึง
นโยบายต่างๆ ที่จีน และญี่ปุ่นใช้ในการส่งเสริมเอกชนให้ออกไปลงทุนยัง
ต่างประเทศ
2.2 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนของนักลงทุนไทยในอุตสาหกรรม
เป้ าหมาย และในประเทศเป้ าหมายใหม่ๆ
2.3 เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างงานส่งเสริมการลงทุนของ
ไทยและประเทศเป้ าหมาย
3. ขอบเขตการดำเนินงาน
จัดจ้างที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญ ความรู้และประสบการณ์ในการ
ลงทุนหรือทำธุรกิจในประเทศดังกล่าว ดำเนินการดังนี้
3.1.5 รายละเอียดบุคลากรประจำโครงการ
แอฟริกาใต้ แทนซาเนีย
3.2.3 ปรับปรุงข้อมูลพื้นฐานของแต่ละประเทศในด้าน
เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ
การลงทุนในประเทศเป้ าหมาย
3.3 การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลโอกาสและการลงทุนของ
ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอธิโอเปี ย และอินเดีย
3.3.1ศึกษาและการวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์การลงทุนที่
เกี่ยวข้องด้านโอกาสและศักยภาพในการลงทุน ซึ่งจะต้อง
ประกอบด้วยเนื้อกาข้อมูลพื้นฐานของประเทศในด้าน
เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทั้ง
เรื่องของนโยบายและสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการลงทุน ค่า
ใช้จ่ายในการลงทุน ขั้นตอนการลงทุน กฎหมายและกฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้อง ปั ญหาและอุปสรรคในการเข้าไปลงทุน
อุตสาหกรรมที่น่าสนใจ และพื้นที่ที่มีศักยภาพในการลงทุน
โดยใช้การเปรียบเทียบกับประเทศที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน
ในพื้นที่ใกล้กัน
3.3.3จัดทำรายงานผลการศึกษา ทั้งในรูปแบบสิ่งพิมพ์จำนวน
อย่างน้อย 20 ชุด และรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จำนวน
อย่างน้อย 20 ชุด
เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และกรอบการศึกษา การศึกษานี้มีวิธี
การศึกษาทั้งหมด 4 ขั้นตอนหลัก โดย แบ่งบทการศึกษาออกเป็ น 5 บท
กล่าวคือ จะเริ่มจาก
บทที่ 1: ข้อมูลพื้นฐาน
ในส่วนนี้จะทำการวิเคราะห์ภาพรวมสถานการณ์การลงทุนใน
ประเทศ โดยใช้ PESIT Analysis ซึ่งเป็ นเครื่องมือที่อธิบายถึงความ
เคลื่อนไหวการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ภาพรวม และสภาวะ
แวดล้อมในประเทศนั้นๆ โดยจะศึกษาใน 5 มิติ อันได้แก่ การเมือง
เศรษฐกิจ สังคม โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยี ซึ่งมีรายละเอียดการ
ศึกษาแต่ละมิติ ดังนี้
? ?
E ? ?
? ?
? ?
? ?
?
? ? S ?
?
?
? ? ? ?
I
? ? ? ?
? ? ? ?
T
? ? ?
บทที่ 2 กฎระเบียบและนโยบาย
ด้านกฎระเบียบ และนโยบายนั้น จะมีรูปแบบการศึกษาใกล้เคียง
กับบทที่ 1 กล่าวคือ จะเป็ นการสรุปข้อมูลที่สำคัญ (ไม่ลงในรายละเอียด)
ซึ่งในประเทศที่มีการศึกษาอยู่แล้วจะเน้นไปที่การตรวจสอบข้อมูลให้ทัน
สมัย เป็ นหลัก โดย องค์ประกอบที่จะศึกษามีดังนี้
ด้านกฎระเบียบ จะพิจารณา
ซึ่งจะสรุปเป็ นตารางได้ดังนี้
(1) สาขาอุตสาหกรรมและบริการที่ไทยมีศักยภาพในการ
แข่งขัน ซึ่งวัดได้จากดัชนีต่างๆ อาทิ
ดัชนีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบที่ปรากฏ (Revealed Comparative
Advantage: RCA) ของกลุ่มสินค้าและบริการในระดับพิกัดศุลกากร
ระบบฮาร์โมไนซ์ (Harmonized System Code: HS Code) 2 หลัก
ซึ่งเขียนเป็ นสมการได้ดังนี้
X ij / X ¿
R CA j=
X wj / X wt
และ/หรือ ภาคบริการ
15
สำหรับการสรุปเกณฑ์ ตัวชี้วัด การให้น้ำหนัก และขั้นตอนต่างๆ ในการคัดเลือกสาขา
อุตสาหกรรมในแต่ละประเทศตลาดใหม่ เพื่อคัดเลือกสาขาอุตสาหกรรมเพื่อศึกษาเชิงลึกอย่าง
น้อย 2 สาขาอุตสาหกรรม จะมีการหารือร่วมกันกับทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการ
ลงทุน หรือ BOI อีกครั้งหนึ่ง
คือสินค้าหรือบริการทั้งหมด หากค่า RCA มากกว่า 1 จะสะท้อนว่าสินค้า
นั้นๆ เป็ นสินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขันเนื่องจากมีความสามารถในการ
ส่งออกไปยังตลาดโลกสูงกว่าคู่แข่งโดยเฉลี่ย ประเทศที่มีค่า RCA สำหรับ
สินค้าหนึ่งๆ สูงกว่าจะมีแนวโน้มว่ามีความสามารถในการแข่งขันสำหรับ
สินค้านั้นสูงกว่าประเทศที่มีค่า RCA ของสินค้านั้นต่ำกว่า
ดังนั้น สาขาอุตสาหกรรมที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองในขั้นตอนแรก
จะต้องมีค่า RCAth>1 ซึ่งแสดงถึงความพร้อมของนักลงทุนไทย สะท้อน
จากขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยรายสาขาอุตสาหกรรม
ดังอธิบายในตารางที่ XX
ไทย มีศักยภาพการ
Complement ไทยมี Competitive
แข่งขัน
(เชื่อมต่อห่วงโซ่มูลค่า) Advantage
(RCAth>1)
(ไทยได้เปรียบ)
ไทย ไม่มีศักยภาพการ
แข่งขัน ไทย ยังไม่พร้อม ไทย ยังไม่พร้อม
(RCAth<1)
ที่มา: มูลนิธิ สวค.
หมายเหตุ: ประเทศ A แสดงถึงประเทศตลาดใหม่ประเทศหนึ่งจาก 5 ประเทศ ตาม
โครงการฯ นี้
จากตารางที่ XX แสดงถึงกรอบแนวคิดในการคัดเลือกสาขา
อุตสาหกรรมในขั้นตอนที่ (1) โดยมุ่งเน้นที่ความพร้อมของนักลงทุนไทย
โดยรวม (Supply of Thailand’s FDI outflow) ในการเข้าไปลงทุนใน
แต่ละประเทศ ทั้ง 5 ประเทศ เมื่อพิจารณาสาขาอุตสาหกรรมที่ไทยมี
ศักยภาพการแข่งขัน (RCAth>1) ควบคู่กับศักยภาพการแข่งขันในสาขา
อุตสาหกรรมเดียวกันของประเทศ A พบว่า จะมี 2 นัยยะ โดยในนัยยะ
แรก สาขาอุตสาหกรรมที่ทั้งไทยและประเทศ A มีศักยภาพการแข่งขัน
(RCAth>1 และ RCAA>1) นักลงทุนไทยสามารถเข้าไปลงทุนเพื่อเชื่อมต่อ
ห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) ได้ในบางสาขาอุตสาหกรรม (2-digit HS
Code หรือเทียบเท่า) ที่มีความสัมพันธ์ของห่วงโซ่มูลค่าในเชิงส่งเสริมกัน
(Complementary Relationship in Value Chains) หรือการลงทุน
เพื่อในสินค้า/บริการ ที่อาจทดแทนกันได้บ้าง หรือสินค้า/บริการ ที่แตก
ต่างกันในคุณลักษณะ (Differentiated products/services) ซึ่งทาง
มูลนิธิ สวค. จะมีเกณฑ์ในการวิเคราะห์เชิงลึก
(4-digit HS Code หรือเทียบเท่า) สำหรับส่วนนี้ในลำดับถัดไป สำหรับ
นัยยะที่สอง สาขาอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพการแข่งขัน ในขณะที่
ประเทศ A ไม่มีศักยภาพการแข่งขัน (RCAth>1 แต่ RCAA<1) ซึ่งสาขา
อุตสาหกรรมดังกล่าว ไทยมีความได้เปรียบในการแข่งขัน กล่าวคือ ไทยมี
Competitive Advantage มากกว่าประเทศ A ซึ่งจะต้องวิเคราะห์ความ
เหมาะสมเชิงลึกต่อไป ทั้งในด้านความต้องการภายในประเทศ A และใน
ภูมิภาค ตลอดจนนโยบาย/มาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ และสภาพ
แวดล้อมเอื้ออำนวยต่างๆ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาข้อมูลศักยภาพการแข่งขันรายสาขาอุตสาหกรรม
ปั จจุบัน (ปี ค.ศ. 2015) และย้อนหลังของไทย (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี
(Average3Y) และ 5 ปี (Average5Y)) พบว่า ไทยมีขีดความสามารถการ
แข่งขันในตลาดโลกสำหรับสินค้าและบริการดังต่อไปนี้
สินค้า
Cod Average5 Average3 RCAth201
Product label
e Y Y 5
Fish and crustaceans,
03 molluscs and other aquatic 1.90 1.53 1.34
invertebrates
Edible vegetables and
07 1.97 2.12 2.14
certain roots and tubers
Edible fruit and nuts; peel of
08 0.99 0.98 1.02
citrus fruit or melons
10 Cereals 3.65 3.54 3.53
Products of the milling
11 industry; malt; starches; 5.59 5.97 6.07
inulin; wheat gluten
Preparations of meat, of fish
or of crustaceans, molluscs
16 11.72 11.01 10.40
or other aquatic
invertebrates
Sugars and sugar
17 5.62 5.31 5.61
confectionery
ทั้งนี้ ในการวิเคราะห์การคัดเลือกสาขาอุตสาหกรรมในเบื้องต้น
มูลนิธิ สวค. จะพิจารณาอุตสาหกรรม และ/หรือบริการของไทย ที่มีค่า
RCA สูงที่สุด 20 อันดับแรก ในปี ที่มีข้อมูลปั จจุบันที่สุด (เช่น ปี ค.ศ.
2015) ดังแสดงในตาราง XX
(2) เกณฑ์คัดเลือกสาขาอุตสาหกรรมและบริการในระดับ 4
หลัก
จากเกณฑ์การคัดเลือกสาขาอุตสาหกรรมในขั้นตอนที่ (1) โดย
พิจารณาความพร้อมและศักยภาพของไทย ที่มีศักยภาพในการแข่งขัน
มากที่สุด 20 สาขาอุตสาหกรรม (RCAth รายสาขาอุตสาหกรรมที่มีค่า
สูงสุด 20 อันดับแรก) สำหรับเกณฑ์คัดเลือกสาขาอุตสาหกรรมในขั้นที่
(2) จะพิจารณาสาขาอุตสาหกรรมที่ไทยมีความได้เปรียบดังกล่าว ควบคู่
กับการพิจารณาศักยภาพในการแข่งขันของแต่ละประเทศตลาดใหม่ (อา
ทิ ประเทศ A) ในเชิงห่วงโซ่มูลค่า โดยพิจารณาจากข้อมูลการค้า และ
ดัชนี RCA ในสาขาอุตสาหกรรมและบริการ ระดับ
4 หลัก (4-digit HS Code หรือเทียบเท่า) จากนั้น จะพิจารณานัยยะ
(Implications) และ/หรือ ลำดับความสำคัญของการลงทุน โดยพิจารณา
จากดัชนีความเชี่ยวชาญในการส่งออก (Trade Specialization Index:
TSI) ดังแสดงในตาราง XX กล่าวคือ
16
ในขั้นที่ 1 จะทำการศึกษาดูในรายละเอียดของแต่ละอุตสาหกรรมที่
ได้คัดเลือกแล้วว่าไทยมีศักยภาพนั้น มีลักษณะที่สามารถจะพึ่งพาพัฒนา
ความสัมพันธ์ระหว่างกันแบบเสริมจุดแข็งจุดอ่อนของกันและกันได้หรือ
ไม่ หรือ เป็ นกิจการที่เป็ นการแข่งขันกัน โดยจะพิจารณาจาก ความ
สามารถในการแข่งขันของไทยและประเทศเป้ าหมายในระดับต้นน้ำ
16
ดัชนี TSI จะสะท้อนให้เห็นดุลการค้ารายสินค้า หรือบริการ และเปรียบเทียบความสามารถใน
การส่งออกของแต่ละประเทศจากสถานะการเป็ นผู้ส่งออกสุทธิ (Net exporter) หรือการได้
เปรียบดุลการค้า ซึ่งดัชนี TSI มีค่าอยู่ระหว่าง -1 ถึง 1 ถ้าดัชนี TSI มีค่ามากกว่า 0 แสดงว่าได้
เปรียบดุลการค้าและมีความสามารถในการส่งออกสินค้านั้น
กลางน้ำ และปลายน้ำ โดย “หากไทยมีความสามารถเพียงขั้นตอนใดขั้น
ตอนหนึ่งที่ประเทศเป้ าหมายไม่มี ก็จะถือว่าเป็ นอุตสาหกรรมที่สามารถ
เสริมจุดแข็งจุดอ่อนของกันและกันได้” แต่หากไม่มี เช่น ไทยมีศักยภาพ
ในขั้นตอนที่ประเทศเป้ าหมายมีอยู่แล้ว หรือ ประเทศเป้ าหมายไม่มี
ศักยภาพในขั้นตอนใดเลย ก็จะถือว่า ไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์แบบ
เสริมกันได้
ตารางที่ อธิบายลักษณะอุตสาหกรรมที่สามารถพัฒนาเสริม
(compliment) และ ไม่สามารถพัฒนาเสริม (no compliment)
ระหว่างกันได้
ในขั้นต่อไปหลังจากพิจารณาได้แล้วว่าอุตสาหกรรมใดเป็ น
compliment หรือ no compliment ในการศึกษาจะพิจารณาว่า
อุตสาหกรรมใดเป็ นอุตสาหกรรมที่จะผลิตเพื่อขายในประเทศนั้น และ
อุตสาหกรรมใดจะเป็ นมากกว่านั้น คือ สามารถเป็ นฐานในการส่งออกไป
ยังตลาดใหม่ต่อไปได้ด้วย ซึ่งดัชนีที่จะใช้พิจารณาคือ TSI ซึ่งจะระบุได้ว่า
ประเทศนั้นเป็ นผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าสุทธิ
ซึ่งเมื่อนำข้อมูล 2 มิติ คือ compliment หรือ no compliment
กับข้อมูลว่า เป็ นผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าสุทธิ มาประกอบกัน จะสามารถ
แบ่งกลุ่ม สินค้าได้เป็ น 4 กลุ่ม ได้ดังตาราง กล่าวคือ
มีศักยภาพในการเชื่อม
1 2
โยง VC
มีไม่ศักยภาพในการเชื่อม
3 4
โยง VC
(3) เกณฑ์สภาพแวดล้อมในการคัดเลือกสาขาอุตสาหกรรมเป้ า
หมาย
จากเกณฑ์การคัดกรองสาขาอุตสาหกรรมในประเทศตลาดใหม่ใน
ขั้นตอนที่ (2) ทำให้ทราบสาขาอุตสาหกรรมในประเทศ A ที่มีศักยภาพใน
การเชื่อมโยงเครือข่ายห่วงโซ่มูลค่ากับนักลงทุนไทย ในแต่ละลำดับความ
สำคัญ ในการคัดกรองสาขาอุตสาหกรรมในขั้นตอนที่ (3) นี้ จะพิจารณา
ในเชิงปริมาณ และคุณภาพจากสภาพแวดล้อมทั้ง 2 ด้าน ดังนี้
สภาพแวดล้อมทางด้านอุปทาน อันสะท้อนได้จากประโยชน์ที่ได้รับ
ทางฝั่ งนักลงทุนไทย อาทิ จะพิจารณาให้ความสำคัญกับการลงทุนใน
สาขาอุตสาหกรรมที่ SMEs ไทยมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าให้มากที่สุด
สุดท้าย จะพิจารณาความพร้อมและความกระตือรือร้นของนักลงทุน
ไทยรายสาขาอุตสาหกรรม โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจากการ Focus
Group และการสัมภาษณ์นักลงทุนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย
หลังจากทราบอุตสาหกรรมที่จะเข้าไปศึกษาเชิงลึกในแต่ละประเทศ
แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การศึกษา เชิงลึก ถึงอุตสาหกรรมแต่ละประเทศ
ซึ่งมีขั้นตอนสำคัญ 2 ขั้นตอน คือ การศึกษาห่วงโซ่มูลค่าของ
อุตสาหกรรม และ การศึกษาข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมดังกล่าวของ
แต่ละประเทศ
(1)การศึกษาห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรม
หลังจากระบุองค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมนั้นๆ ด้วยห่วงโซ่
มูลค่าได้แล้ว ขั้นตอนต่อไป จะเป็ นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่สำคัญของ
อุตสาหกรรมนั้น ได้แก่ ลักษณะผู้ผลิต ราคา ปริมาณ ต้นทุน ประเภท
สินค้า และข้อจำกัดอื่นๆ เพื่อนำไปใช้เป็ นข้อมูลสำคัญในการวิเคราะห์ข้อ
เสนอแนะและยุทธศาสตร์
บทที่ 5 ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะรายอุตสาหกรรม
ข้อเสนอแนะภาพรวม
S W
กลยุทธ์เชิงรุก กลยุทธ์ป้ องกัน
O
จุดอ่อน
กลยุทธ์เพื่อลด กลยุทธ์ป้ องกัน
T
อุปสรรค หลบหลีก
5. การส่งมอบงาน
3) โครงร่างหัวข้อรายงานศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งโครงร่าง
รายงานดังกล่าวต้องครอบคลุมตามที่ระบุไว้ใน TOR
5) รายละเอียดบุคลากรประจำโครงการ
8) ส่งมอบรายงานผลการศึกษาข้อมูลเชิงลึก ตามขอบเขตการ
ดำเนินงานของที่ปรึกษา
9) จัดทำสรุปข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวทาง
เศรษฐกิจของประเทศเป้ าหมายที่มีผลต่อการลงทุน เสนอต่อ
สำนักงานฯ อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง (ครั้งละไม่น้อยกว่า 3
หน้ากระดาษ A4)
11) ดำเนินการศึกษาข้อมูลเชิงลึกแล้วเสร็จครบถ้วนตามที่
กำหนด
14) จัดทำสรุปข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวทาง
เศรษฐกิจของประเทศเป้ าหมายที่มีผลต่อการลงทุน เสนอต่อ
สำนักงานฯ อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง (ครั้งละไม่น้อยกว่า 3
หน้ากระดาษ A4)
งวดที่ 4 จำนวนร้อยละ 10 ของค่าจ้างทั้งหมด ภายหลังจากที่
ปรึกษาส่งมอบร่างรายงานผลการศึกษา โดยเนื้อหารายงานจะประกอบ
ด้วย
15) สรุปผลการดำเนินงานของโครงการ จำนวน 9 ชุด
16) ส่งมอบรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์เชิงลึกของ
ประเทศเป้ าหมายฉบับสมบูรณ์ทั้ง 5 ประเทศ ในรูปแบบสิ่ง
พิมพ์จำนวนอย่างน้อย 20 ชุด และรูปแบบข้อมูลอิเล็กมรอนิ
กส์ จำนวนอย่างน้อย 20 ชุด
17) สรุปผลการจัดสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษา
18) จัดทำสรุปข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับความเคลื่อไหวทาง
เศรษฐกิจของประเทศเป้ าหมายที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
เสนอต่อสำนักงานฯ อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง (ครั้งละไม่น้อย
กว่า 3 หน้ากระดาษ A4)
5. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
6.4 ขยายขอบเขตการลงทุนในประเทศตลาดใหม่
6. คณะทำงานโครงการและผลงานที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดเกี่ยวกับบุคลากร
คุณสมบัติบุคลากร
รายชื่อ ตำแหน่ง ประสบการ
วุฒิการศึกษา ผลงานที่เกี่ยวข้อง
ณ์ (ปี )
ที่ปรึกษาโครงการ
ที่ปรึกษาโครงการด้าน
การค้า
1 ดร. ณรงค์ชัย อัคร ที่ปรึกษา ป. เอก มากกว่า 30
การลงทุนให้กระทรวง
. เศรณี โครงการ (เศรษฐศาสตร์) ปี
พาณิชย์
และ BOI
บุคลากรหลัก
2 ดร.รพีสุภา หวัง ผู้จัดการ ป. เอก () มากกว่า 20 บริหารจัดการโครงการ
. เจริญรุ่ง โครงการ ป. โท () ปี และทำวิจัยให้...