Professional Documents
Culture Documents
การลำเลียงสาร
การลำเลียงสาร
การรักษาดุลยภาพของสิ งมีชีวติ
เนืองจากเซลล์ตอ้ งการสารอาหารเพือใช้ในการดํารงชีวิตและขับถ่าย
ของเสี ยจากการใช้สารอาหารเหล่านันออกมาสู่ เซลล์เป็ นประจํา ดังนันการ
รักษาดุลยภาพของเซลล์ จะกระทําโดยการควบคุมการลําเลียงสารผ่านเซลล์
ซึงมีอยูห่ ลายรู ปแบบดังต่อไปนี...
รู ปแบบของการลําเลียงสารผ่ านเซลล์
การลําเลียงสารแบบ
ใช้ พลังงาน
การลําเลียงสารแบบผ่ าน การแพร่ แบบ
เยือหุ้มเซลล์ โดยตรง ธรรมดา
การลําเลียงสารแบบ
ไม่ ใช้ พลังงาน ออสโมซิส
“การลําเลียงสารผ่ านเซลล์ ”
การแพร่ แบบ
เอนโดไซโทซิส
มีตัวช่ วย
การลําเลียงสารแบบ
ไม่ ผ่านเยือหุ้มเซลล์
เอกโซไซโตซิส
1. การแพร่ แบบธรรมดา (Simple diffusion)
การลําเลียงสารทีอาศัยการเคลือนทีของอนุภาคสาร “จากบริเวณทีมี
ความเข้ มข้ นของอนุภาคสารนันมากไปยังบริ เวณทีมีความเข้ มข้ นของอนุภาค
สารนันน้ อย”
- การเคลือนทีของอนุภาคสารในการแพร่ จะใช้เพียงแค่พลังงานจลน์
ของอนุภาคสารนันๆ
- เมือทุกบริเวณทีอนุภาคสารนันแพร่ ไปมีความเข้ มข้ นของอนุภาค
สารเท่ ากันก็จะทําให้ พลังงานจลน์ เฉลียของอนุภาคสารเท่ากันทุกบริเวณ เรี ยก
สภาวะนีว่า “สมดุลของการแพร่ ” (Dynamic equilibrium)
- สารทีจะลําเลียงผ่านเซลล์ดว้ ยวิธีการแพร่ แบบธรรมดา มักจะเป็ น
สารทีมีอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ก๊ าซออกซิเจน, ก๊ าซคาร์ บอนไดออกไซด์ รวมทัง
วิตามินทีละลายได้ ในไขมัน
2. ออสโมซิส (Osmosis)
การลําเลียงสารทีเป็ นการแพร่ แบบหนึงซึงเจาะจงถึง “นํา” (H2O)
เท่านันโดยต้องแพร่ ผา่ นเยือทีมีสมบัติเป็ นเยือเลือกผ่าน หลักการของ
ออสโมซิ สจะเหมือนกับการแพร่ แบบธรรมดา
- ออสโมซิ สถือเป็ นกระบวนการทีเซลล์ จะนํามาใช้ ในการรักษา
ดุลยภาพในด้ านความเข้ มข้ นของสารละลาย เนื องจากภายในเซลล์มีนําเป็ น
ตัวทําละลายทีสํ าคัญและมีตวั ถูกละลายมากมายหลายชนิด อีกทังเซลล์ยงั อยู่ใน
สภาพแวดล้ อมทีมีความเข้ มข้ นต่ างกันไปด้ วย
- หากจะเปรี ยบเทียบความเข้มข้นของสารละลายในสภาพแวดล้อม
กับความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์จะมีอยู่ 3 ลักษณะ ได้แก่...
สารละลายไอโซโทนิกต่ อเซลล์
- สารละลายทีมีความเข้มข้น “เท่ากับ”
ความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์ทีกําหนด
- หากเซลล์ใดทีอยูใ่ นสภาพแวดล้อมที
เป็ นสารละลายไอโซโทนิกต่อเซลล์ อัตราทีนําจาก
สารละลายออสโมซิสเข้ าสู่ เซลล์จะเท่ากับอัตราที
นําจากเซลล์ จะออสโมซิสออกสู่ สารละลายทําให้
เซลล์อยูใ่ นสภาพทีเซลล์สามารถดํารงชีวิตได้อย่าง
ปกติ ไม่วา่ จะเป็ นเซลล์สัตว์ (บน) หรื อเซลล์พชื
(ล่าง)
สารละลายไฮเปอร์ โทนิกต่ อเซลล์
- สารละลายทีมีความเข้มข้น “มากกว่ า”
ความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์ทีกําหนด
- หากเซลล์ใดทีอยูใ่ นสภาพแวดล้อมที
เป็ นสารละลายไฮเปอร์ โทนิกต่อเซลล์ อัตราทีนํา
จากเซลล์ จะออสโมซิสออกสู่ สารละลายมากกว่ า
อัตราทีนําจากสารละลายออสโมซิสเข้ าสู่ เซลล์ ทํา
ให้เกิดเซลล์ทีมีสภาพเรี ยกว่า “พลาสโมไลซิส”
(Plasmolysis) หรื อเซลล์ เหียวจากการขาดนํา
สารละลายไฮโปโทนิกต่ อเซลล์
- สารละลายทีมีความเข้มข้น “น้ อยกว่า”
ความเข้มข้นของสารละลายภายในเซลล์ทีกําหนด
- หากเซลล์ใดทีอยูใ่ นสภาพแวดล้อมที
เป็ นสารละลายไฮโปโทนิกต่อเซลล์ อัตราทีนําจาก
สารละลายออสโมซิสเข้ าสู่ เซลล์จะมากกว่าอัตราที
นําจากเซลล์ จะออสโมซิสออกสู่ สารละลายทําให้
เกิดเซลล์ทีมีสภาพเรี ยกว่า “พลาสมอปไทซิส”
(Plasmoptysis) หรื อเซลล์เต่ ง ซึงในกรณี ของ
เซลล์ สัตว์ (บน) สามารถเต่ งจนแตกได้
3. การแพร่ แบบมีตวั ช่ วย (Facilitated diffusion)
การลําเลียงสารทีเป็ นการแพร่ แบบหนึงทีต้องใช้องค์ประกอบหนึง
ในเยือหุ ้มเซลล์ คือ “โปรตีนตัวพา” (Carrier proteins) นําพาสารลําเลียงผ่าน
เซลล์ แต่มีอตั ราการลําเลียงสารทีเร็ วกว่าการแพร่ แบบธรรมดา
- สารทีจะลําเลียงด้วยวิธีนีมักจะเป็ นสารทีมีขนาดอนุภาคเล็กแต่ ไม่
สามารถแทรกเข้ าไปยังส่ วนของสารฟอสโฟลิปิดในเยือหุ้มเซลล์โดยตรงได้
เช่น ไอออนของธาตุต่างๆ, กลีเซอรอล, กลูโคส, กรดอะมิโนชนิดต่างๆ
- ทังการแพร่ แบบ
ธรรมดา, ออสโมซิส และการ
แพร่ แบบมีตวั ช่วยจะรวม
เรี ยกว่า “การลําเลียงสารแบบ
ไม่ ใช้ พลังงาน” (Passive
transport)
4. การลําเลียงสารแบบใช้ พลังงาน
(Active transport)
การลําเลียงสารทีมีหลักการต่างจากการ
ลําเลียงสารแบบไม่ใช้พลังงาน คือ อนุภาคสาร
จะเคลือนทีจากบริเวณทีมีความเข้ มข้ นของ
อนุภาคสารนันน้ อยไปยังบริเวณทีมีความ
เข้ มข้ นของอนุภาคสารนันมาก
- พลังงานทีใช้ในการลําเลียงสารวิธีนี
มาจากการสลายสารพลังงานสู ง ATP
ATP คือ ?
การสลายสารอาหารระดับเซลล์ หรื อการหายใจระดับเซลล์
(Cellular Respiration) เป็ นกระบวนการนําเอาสารอาหารทีได้จาก
กระบวนการย่อยอาหารได้แก่ นําตาลกลูโคส (glucose) กรดอะมิโน (amino
acid) และกรดไขมัน (fatty acid) ไปใช้สร้างเป็ นพลังงานโดยเก็บไว้ในรู ป
ของสารทีมีพลังงานสู ง ทีเรี ยกว่า ATP (Adenosine Triphosphate)
ATP เป็ นสารทีมีพลังงานสู งทําหน้าทีเก็บพลังงานทีได้จาก
กระบวนการสลายสารอาหารของเซลล์
- พลังงานจากการสลายสาร ATP จะถูกนํามาใช้เป็ นแรงผลักดันให้
อนุภาคสารทีจะลําเลียงได้ ลาํ เลียงผ่ านทางช่ องทางของโปรตีนตัวพา และใน
บางกรณี สารบางอย่างต้ องลําเลียงพร้ อมกับการลําเลียงสารชนิดอืนด้วย
- ตัวอย่างการลําเลียง
สารด้วยวิธีนี เช่น การลําเลียง
ไอออนของแร่ ธาตุเพือการ
สะสมในเซลล์ พชื , ปัมของ
โซเดียมและโพแทสเซียมใน
เซลล์ ประสาท
5. เอกโซไซโทซิส (Exocytosis)
การลําเลียงสารออกจากเซลล์ โดยการสร้ างถุงบรรจุสารทีจะลําเลียง
ภายในเซลล์ เรี ยกว่ า “เวสิ เคิล” (Vesicle) แล้วนํามาเชือมต่ อกับเยือหุ้มเซลล์
จนเป็ นเนือเดียวกัน แล้ วปลดปล่ อยสารนันออกจากเซลล์
- สารทีลําเลียงด้วยวิธีการนีมักจะเป็ นสารทีมีอนุภาคขนาดใหญ่ เช่ น
เอนไซม์ หรือฮอร์ โมนบางชนิด ตัวอย่างการลําเลียงสารด้วยวิธีนี ได้แก่ การหลัง
เอนไซม์ ของเซลล์ เยือบุผวิ ของกระเพาะอาหาร
6. เอนโดไซโทซิส (Endocytosis)
การลําเลียงสารเข้ าสู่ เซลล์ โดยอาศัยเยือหุ้มเซลล์โอบล้อมสารทีจะ
ลําเลียงจนหลุดกลายเป็ นเวสิ เคิลเข้ าไปภายในเซลล์ เอนโดไซโทซิสจะมีอยู่ 3
รู ปแบบ ได้แก่...
ฟาโกไซโทซิส (Phagocytosis)
- เอนโดไซโทซิ สทีเกิดจากการยืนส่ วนของไซโตพลาซึมไปโอบล้อม
สารทีจะลําเลียง จากนันเยือหุ้มเซลล์ บริเวณทีไซโตพลาซึมยืนไปฉีกขาด
กลายเป็ นเวสิ เคิลเข้ าไปภายในเซลล์
- เช่น การนําเชือโรคเข้ าสู่ เซลล์ ของเซลล์ เม็ดเลือดขาวโมโนไซต์
พิโนไซโทซิส (Pinocytosis)
- เอนโดไซโทซิ สทีเกิดจากการทีเยือหุ้มเซลล์เว้าเข้ าไปภายในเซลล์
สารทีจะลําเลียงจะเข้ าไปอยู่ในรอยเว้ านัน จากนันเยือหุ้มเซลล์บริเวณทีเว้าจะ
ฉีกขาดกลายเป็ นเวสิ เคิลเข้ าไปภายในเซลล์
- เช่น การนําสารเข้ าสู่ เซลล์ เยือบุผนังหลอดเลือด
การนําสารเข้ าสู่ เซลล์โดยอาศัยสารตัวรับทีเยือหุ้มเซลล์
- เอนโดไซโทซิ สทีมีวธิ ี การคล้ายคลึงกับพิโนไซโทซิส แต่สารทีจะ
ลําเลียงจะต้ องมาจับกับ “สารตัวรับ” (Receptor) ทีเยือหุ ้มเซลล์เสี ยก่อนทีจะ
ฉีกขาดเป็ นเวสิ เคิล
- เช่น การนําโคเลสเตอรอลเข้ าสู่ เซลล์ ตับ
การรักษาดุลยภาพของพืช
• พืชมีการคายนําผ่านทางรู ปากใบ
• การคายนําทําให้พืชมีการสู ญเสี ยนํา
• พืชจึงต้องมีวธิ ี การดูดนําจากภายนอกเข้าสู่ รากเพือชดเชยนําทีสู ญเสี ยไป
• วิธีการรักษาสมดุลของนําในพืช
การรักษาดุลยภาพของนําในพืช
ความสัมพันธ์ระหว่างการคายนํากับการลําเลียงนํา
เมือพืชคายนําออกทางปากใบจะ
ทําให้ เกิดแรงดึงระหว่ างโมเลกุลของ
นําในเซลล์ ทอยู
ี ่ ติดกับปากใบกับ
โมเลกุลของนําในเซลล์ ถัดไป และ
เกิดต่ อเนืองเช่ นนีจนถึงเซลล์ บริเวณ
ราทีจะดึงนําจากดินหรือจากแหล่ งนํา
เข้ าสู่ พชื
การเปิ ด – ปิ ดปากใบ ขึนอยู่กับปัจจัย
- ความเข้ มของแสงและความชืน
• โดยทัวไปเมืออัตราการคายนําเร็วกว่ าการดูดนําเข้ าสู่ เซลล์พชื ปากใบจะแคบ
หรือปิ ดลงเพือรักษาปริมาณนําในพืชเอาไว้
การควบคุมอัตราการคายนําโดยการปิ ด – เปิ ดปากใบเป็ น
การช่ วยรักษาดุลยภาพของนํา
การควบคุมอัตราการคายนํา
นําเค็ม นําจืด
การปรั บตัวตัว
ดืมนํามาก เหงือกกําจัดแร่ ธาตุส่วนเกินออก ดืมนําน้ อย เหงือกดูดเกลือแร่ มาก
ทางปัสสาวะน้ อย เข้ มข้ น ปัสสาวะบ่ อย เจือจาง