Professional Documents
Culture Documents
met_ls_3_for_AP
met_ls_3_for_AP
(Tricarboxylic acid cycle)
จากบทที ๒ ได้ กล่าวไปแล้ วว่าเมือกลูโคสเข้ าสูว่ ิถีไกลโคไลซิส เพือสร้ างพลังงาน หรื อ ATP กลูโคส
จะถูกเปลียนเป็ นไพรู เว็ตเป็ นผลผลิตสุดท้ าย ไพรู เว็ตทีเกิดขึ +นมีวิถีเมตาบอลิซมึ ได้ หลายวิถีปฏิกิริยา ในสภาวะ
ทีไม่มีออกซิเจน หรื อออกซิเจนไม่เพียงพอ ไพรู เว็ตจะเข้ าสูว่ ิถีการหมักเป็ นแอลกอฮอล์ หรื อแลคเตท พลังงานที
เกิดขึ +นจากวิถีเมตาบอลิซมึ นี +มีปริ มาณน้ อย ในสภาวะทีมีออกซิเจน กลูโคสจะถูกออกซิไดซ์อย่างสมบูรณ์ได้
คาร์ บอนไดออกไดซ์เป็ นผลผลิต กระบวนการสลาย
สารอาหารในสภาวะทีมีออกซิเจนบางครัง+ เรี ยกว่า
“” (Respiration) ความหมายในเชิงสรี รวิทยา
หรื อความหมายในมุมกว้ าง การหายใจหมายถึง การ
ใช้ ออกซิเจนของสิงมีชีวิตหลายเซลล์ (Multicellular
organism’s uptake of O2) และปลด ปล่อยคาร์ บอนได-
ออกไซด์ออกมา นักชีวเคมี (Biochemist) และนักเซลล์
วิทยา (Cell biologist) มีการใช้ คํา “” ในมุมที
แคบกว่านัน คือ กระบวนการระดับเซลล์ทีเซลล์มีการ
ใช้ ออกซิเจน และผลิตคาร์ บอนไดออกไซด์ จึงมีการ
เรี ยกกระบวนการนี +ใหม่วา่ “ ” หรื อ
“Cellular respiretion”
การหายใจระดับเซลล์เกิดขึ +น ๓ ขันตอน +
หลักๆ (รู ป ๓.๑) คือ ขันแรก + โมเลกุลของสารอาหารที
ให้ พลังงาน (กลูโคส กรดไขมันและกรดอมิโนบาง
ชนิด) ถูกออกซิไดซ์ให้ เป็ นสารทีมีคาร์ บอน ๒ อะตอม
ทีอยู่ในรู ปของหมูอ่ ะเซ็ทติล (Acetyl group) ของอะเซ็ท
ติลโคเอนไซม์เอ (Acetyl–coenzyme A หรื อ Acetyl– . แสดงการสลายสารอาหาร (โปรตีน ไขมัน
CoA) ขันที + สองหมูอ่ ะเซ็ทติลเข้ าสูว่ ฎั จักรกรดซิตริ ก และคาร์ โบไฮเดรท) ในการหายใจระดับเซลล์ ซึง#
(Citric acid cycle) หรื อวัฏจักรกรดไตรคาร์ บ๊อกซิลิก
ประกอบด้ วย ๓ ขัน' ขันที ' # ๑ การรวมกับ
ออกซิเจน (Oxidation) ของกรดไขมัน กลูโคสและ
(Tricarboxylic acid cycle) หรื อทีเรารู้ จกั ในอดีตคือ วัฎ กรดอมิโนบางชนิดได้ อะเซ็ตติลโคเอ ขันที ' # ๒ การ
จักรเคร็ บ (Kreb’s cycle) เอนไซม์ตา่ งๆ ในวัฏจักร รวมของหมู อ
่ ะเซ็ ต ติ ล กับ ออกซิเ จนในวั
ฎ จักรกรด
ซิตริ กซึง# ประกอบด้ วย ๔ ขันตอนและปลดปล่
' อย
ออกซิไดซ์สารคาร์ บอนสองอะตอมให้ เป็ นคาร์ บอนได-
ออกไซด์ (CO2) ส่วนพลังงานทีปลดปล่อยออกมาอยู่
ออกซิเจนออกมา ขันที ' # ๓ อิเล็กตรอนถูกนําพา
โดย NADH และ FADH2 ถูกนําเข้ าสูไ่ มโตคอนเด
ในรู ปของตัวพาอิเล็กตรอนทีอยู่ในรู ปทีถกู รี ดิวซ์ ซึง รี ยและห่วงโซ่การถ่ายเทอิเล็กตรอนที#สดุ ได้ นํ 'า
ได้ แก่ NADH และ FADH2 ขันที + สาม โคเอนไซม์ทีอยู่ใน และ ATP ออกมา
+ กออกซิไดซ์ทําให้ ได้ อิเล็กตรอนและโปรตอน (Proton: H+) อิเล็กตรอน
รู ปรี ดิวซ์ (ตัวพาอิเล็กตรอน) เหล่านันจะถู
ถูกถ่ายเทให้ ออกซิเจน ซึง ถือได้ วา่ เป็ นตัวรับอิเล็กตรอนตัวสุดท้ าย (Final electron acceptor) โดยผ่านโมเลกุล
ลําเลียงอิเล็กตรอนทีสง่ ผ่านกันเป็ นทอดๆ (บางครัง+ เรี ยกว่า “Respiratory chain”) การถ่ายเทอิเล็กตรอนนี +ทําให้
บทที ๓ วัฏจักรกรดไตรคาร์ บ๊อกซิลิก ๘๔
รี ดวิ ซ์ O2 มีผลทําให้ เกิดความแตกต่างทางความเข้ มข้ นของโปรตอน (Proton gradient) (กลาง) ซึง$ ใช้ ในการสร้ าง
“ATP” (ขวา) การรี ดวิ ซ์ O2 และสังเคราะห์ ATP คือ กระบวนการออกซิเดทีฟฟอสโฟรี เลชัน$ (Oxidative
phosphorylation)
วัฏจักรกรดซิตริ กเมือทํางานร่ วมกับกระบวนการออกซิเดทีฟฟอสโฟรี เลชัน คือ หนทางหลักทีเซลล์
ใช้ ในการสร้ างพลังงานในภาวะทีมีออกซิเจน ในเซลล์ของมนุษย์วิถีทางนี +สามารถสร้ างพลังงานให้ กบั เซลล์ได้
มากกว่า ๙๕ เปอร์ เซ็นต์ การสร้ างพลังงานด้ วยวิธีนี +ถือได้ ว่า เป็ นวิธีการสร้ างพลังงานทีมปี ระสิทธิภาพมาก
เนืองจากเพียงโมเลกุลของสารอาหารให้ พลังงานเพียงเล็กน้ อย สามารถถูกนํามาเปลียนเป็ น NADH และ
FADH2 ปริ มาณมาก มีข้อสังเกตจากรู ป ๓.๒ คือ โมเลกุลของสาร ๔ คาร์ บอนอะตอม (ออกซาโลอะซีเตท) ซึง
เป็ นการเริ มต้ นขันแรกของวั
+ ฏจักรกรดซิตริ กถูกสร้ างขึ +นมาใหม่หลังจากทีวฏั จักรนี +ผ่านพ้ นไป ๑ รอบ ออก
ซาโลอะซีเตทจึงเป็ นตัวเร่ งปฏิกิริยา โดยมีสว่ นร่ วมในปฏิกิริยาออกซิเดชัน ของหมูอ่ ะเซ็ทติลแต่ตวั มันเองถูก
สร้ างขึ +นมาใหม่ (Regenerate) ดังนันออกซาโลอะซี
+ เตท ๑ โมเลกุลสามารถมีสว่ นในปฏิกิริยาออกซิเดชัน กับอะ-
เซ็ทติลได้ หลายโมเลกุล
! (Formation of Acetyl Coenzyme from Pyruvate)
ในสิงมีชีวิตทีใช้ ออกซิเจน กลูโคสและนํ +าตาลชนิดอืนๆ กรดไขมันและกรดอะมิโนอืนๆ ถูกออกซิไดซ์
ไปเป็ นคาร์ บอนไดออกไซด์และนํ +าผ่านวัฏจักรกรดซิตริ กและการหายใจระดับเซลล์ หรื อกระบวน การออกซิเด
ทีฟฟอสโฟรี เลชัน ก่อนทีสารมัธยันต์ตา่ งๆ รวมทังสารมั
+ ธยันต์จากวิถีไกลโคไลซิสจะเข้ าสูว่ ฏั จักรกรดซิตริ ก สาย
โซ่คาร์ บอน (Carbon skeletons) ของนํ +าตาลและสายโซ่คาร์ บอนของกรดไขมันจะต้ องถูกสลายให้ เป็ นหมู่อะ-
เซ็ทติลของอะเซ็ทติลโคเอเสียก่อน นัน คือ สารมัธยันต์ซงึ เป็ นสารประกอบคาร์ บอนจากวิถีไกลโคไลซิสจะต้ อง
บทที ๓ วัฏจักรกรดไตรคาร์ บ๊อกซิลิก ๘๖
ถูกเปลียนเป็ น “ ” (Acetyl CoA) อะเซ็ทติลโคเอเป็ นสารประกอบทีวฏั จักรกรดซิตริ กยอมรับให้ เข้ า
สูว่ ฏั จักรได้ ดังนันโมเลกุ
+ ลสารอาหารทุกชนิดทีต้องเข้ าสู่วฏั จักรกรดซิตริ กต้ องถูกเปลียนแปลงให้ เป็ นอะ-เซ็ท
ติลโคเอเสียก่อน ในทํานองเดียวกันกรดอะมิโนหลายชนิดต้ องถูกเปลียนให้ เป็ นอะเซ็ทติลโคเอเสียก่อนจึงจะ
สามารถเข้ าสูว่ ฏั จักรกรดซิตริ กได้ นอกจากนี +กรดอะมิโนบางชนิดยังอาจเปลียนแปลงเป็ นสารมัธยันต์ชนิดอืน
ในวัฏจักรกรดซิตริ กจึงจะสามารถเข้ าสูว่ ฏั จักรได้ อย่างไรก็ตามในลําดับต่อไปจะเน้ นกล่าวถึงการเปลียน
แปลงไพรู เว็ตจากวิถีไกลโคไลซิสให้ เป็ นอะเซ็ทติลโคเอ (ถูกออกซิไดซ์) และคาร์ บอนไดออกไซด์โดยเอนไซม์ !
" # " $ (Pyruvate dehydrogenase complex) ซึง เป็ นกลุม่ เอนไซม์ ๓ ชนิดทีอยู่ในไมโตคอน
เดรี ยของเซลล์สิงมีชีวิตชันสู
+ งและไซโตพลาสซึมของเซลล์สิงมีชีวิตชันตํ + า (Prokaryotic cells)
หมูอ่ ะเซ็ทติล (Acetyl group) เข้ าสูว่ ฏั จักรกรดซิตริ กด้ วยการเปลียนเป็ นอะเซ็ทติลโคเอนไซม์เอ
(Acetyl–SCoA หรื อ Acetyl CoA) (รู ป ๓.๔) โคเอนไซม์เอ (Coenzyme A : CoASH หรื อ CoA) ประกอบด้ วยหมู่
เบต้ าเมอร์ แคปโตเอทิลามีน (β–mercaptoethylamine group) ทีจบั กับกรดแพนโทเธนิก (Pantothenic acid)
ด้ วยเอไมด์ (Amide linkage) ซึง จับส่วน ๓’–ฟอสโฟอะดีโนซีน (3’–Phosphoadenosine moiety) ด้ วย “Pyrophos-
phate bridge” หมูอ่ ะเซ็ทติลของอะเซ็ทติลโคเอจับกับส่วนซัลไฮดริ ล (Sulfhydryl portion) ของหมูเ่ บต้ าเมอร์
แคปโตเอทิลามีนด้ วยพันธะไธโอเอสเทอร์ (Thioester bond) ดังนันโคเอ + (CoA) จึงทําหน้ าทีเป็ นตัวพาหมูอ่ ะเซ็ท
ติล (Acetyl group carrier) หรื อ ตัวพาหมูเ่ อซิล (Acyl group carrier) อืนๆ (A ในสัญลักษณ์ CoA คือ กระบวนการ
นําหมูอ่ ะเซ็ทติลเข้ าสูส่ ารประกอบ)
(ในขันตอนการหายใจระดั
+ บเซลล์ตอ่ ไป) (รู ป ๓.๑) ซึง ลําเลียงอิเล็กตรอน ๑ คู่ (๒ อิเล็กตรอน) ไปยังตัวรับคือ
ออกซิเจน การลําเลียงอิเล็กตรอนจาก NADH ไปยังออกซิเจนนี +ทีสดุ ให้ พลังงาน ๒.๕ ATP ต่อการลําเลียง
อิเล็กตรอน ๑ คู่
ปฏิกิริยากับไธอะมีนไพโรฟอสเฟต (TPP)
เพล็กซ์ ปฏิกิริยาขั (นที ๑ ไพรูเว็ตทํา
. แสดงปั จจัยการควบคุมการทํางานของ PDC a) การยับยั (งโดยผลผลิต (Product inhibition) NADH และอะเซ็ทติลโคเอ
แย่งกับ NAD+ และ CoA ในปฏิกิริยาที 7 และ 8 ของปฏิกิริยาทีถกู เร่งโดยเอนไซม์ไพรูเว็ตดีไฮโดรจีเนส เมือระดับของ NADH
และอะเซ็ทติลโคเอสูง ปฏิกิริยาผันกลับทีถกู เร่งโดย E2 และ E3 จะเกิดขึ (น (ตามลูกศรแดง =) ซึง มีผลไปยับยังการสร้
ติลโคเอ b) เป็ นการดัดแปลงพันธะโควาเลนซ์ทีเกิดขึ (นในเซลล์สิงมีชีวิตชันสู ( ง เอนไซม์ไพรูเว็ตดีไฮโดรจีเนส (E1) ถูก
( างอะเซ็ท
(ซ้ าย) ซึง ถูกกระตุ้นให้ ทํางานอีกครัง( โดย E1 ตัวยับยั (งและตัวกระตุ้นการทํางานของไคเนส (Kinase) ดังบัญชีทางด้ านขวา
เว็ตดีไฮโดรจีเนสไคเนส (ด้ านขวา) หมูฟ่ อสเฟตนี (ถูกไฮโดรไลซ์โดยการทํางานของเอนไซม์ไพรูเว็ตดีไฮโดรจีเนสฟอสฟาเตส
และตัวกระตุ้นการทํางานของฟอสฟาเตสแสดงทางด้ านซ้ าย
" 0 ($$. (The Citric Acid Cycle Has Eight Steps)
ปฏิกิริยา ๘ ขันตอนในวั
+ ฏจักรเป็ นการเปลียนแปลงทางเคมี ซิเตรทซึง เกิดขึ +นมาจากอะเซ็ทติลโคเอ
และออกซาโลอะซีเตรทถูกออกซิไดซ์ตอ่ ไปได้ คาร์ บอนไดออกไซด์ และพลังงานทีเกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน
นี +ถูกเก็บไว้ ในรู ปของ NADH และ FADH2
สร้ างออกซาโลอะซีเตรท
<= ."1$,. " (Stoichiometry of the Citric
Acid Cycle)
ปฏิกิริยาสุทธิ (Net reaction) ของวัฏจักรกรดซิตริ กคือ
Acetyl CoA + 3NAD+ + FAD + GDP + Pi + 2H2O 3CO2 + 3NADH + FADH2 + GTP + 2H+ + CoA
ในขณะนี +ได้ ทราบไปแล้ วว่า ในการดําเนินไปของวัฏจักรกรดซิตริ ก ๑ รอบ มีปฏิกิริยาใดบ้ างและมี
อะไรเกิดขึ +นบ้ างในแต่ละขันของวิ
+ ถีปฏิกิริยาดังรู ป ๓.๑๓ หมูอ่ ะเซ็ทติลทีมีคาร์ บอน ๒ อะตอมเข้ าสูว่ ฏั จักรด้ วย
๙๙ บทที ๓ วัฏจักรกรดไตรคาร์ บ๊อกซิลิก
“Oxidative decarboxylation
ปลดปล่อยออกมาจากปฏิกิริยา
reaction” ทุกปฏิกิริยาในวัฏจักร
ดําเนินไปทิศทางเดียว แต่พงึ ระลึกไว้
ว่าเกือบทุกปฏิกิริยาเป็ นปฏิกิริยาที$ผนั
กลับได้ ดงั รู ป ๓.๑๐
group (kcal/mol)
1 Acyetyl CoA + Oxaloacetate + H2O Citrate + CoA + H2O Citrate synthase a –7.5
2a Citrate Cis–aconitate + H2O Aconitase Fe–S b +2.0
2b Cis–aconitate + H2O Isocitrate Aconitase Fe–S c –0.5
3 Isocitrate + NAD+ α–Ketoglutarate + CO2 + NADH Isocitate dehydrogenase d + e –2.0
4 α–Ketoglutarate + NAD+ + CoA Succinate CoA + GTP + α–ketoglutarate Lipoic acid, d + e –7.2
CoA dehydrogenase complex FAD, TPP
5 Succinyl CoA + Pi + GDP Succinate + GTP + CoA Succinyl CoA synthetase f –0.8
6 Succinate + FAD Fumarate + FADH2 Succinate dehydrogenase FAD, Fe–S e 0
7 Fumarate + H2O L – Malate Fumarase c –0.9
8 L–Malate + NAD+ Oxaloacetate + NADH + H+ Malate dehydrogenase e +7.1
*ชนิดปฏิกิริยา: (a) Condensation, (b) Dehydration, (c) Hydration, (d) Decarboxylation, (e) Oxidation, (f) Substrate-level phosphorylation.
สิงทีเกิดขึ +นในวัฏจักรกรดซิตริ กมีดงั นี +
๑. คาร์ บอน ๒ อะตอมเข้ าสูว่ ฏั จักรในรูปของหน่วยอะเซ็ทติล (Acetyl unit) (จากอะเซ็ทติลโคเอ)
และรวมกับออกซาโลอะซีเตรท คาร์ บอน ๒ อะตอมออกจากวัฏจักรในรู ปของคาร์ บอนไดออกไซด์จากปฏิกิริยา
ดีคาร์ บ๊อกซิเลชัน ซึง ถูกเร่ งโดยเอนไซม์ไอโซซิเตรทดีไฮโดรจีเนสและอัลฟา–คีโตกลูตาเรตดีไฮโดรจีเนส และ
คาร์ บอนอะตอมทีเข้ าสูว่ ฏั จักร ๒ อะตอมไม่ใช่คาร์ บอนอะตอมทีออกจากวัฏจักร
๒. ในการดําเนินไปของวัฏจักรแต่ละรอบมีอิเล็กตรอนออกจากวัฏจักร ๔ คูใ่ น ๔ ปฏิกิริยาออกซิ
เดชัน มี NAD+ ๒ โมเลกุลถูกรี ดวิ ซ์ในปฏิกิริยาดีคาร์ บ๊อกซิเลชัน ของไอโซซิเตรทและอัลฟา–คีโตกลูตาเรต และมี
บทที ๓ วัฏจักรกรดไตรคาร์ บ๊อกซิลิก ๑๐๐
ออก
ตําแหน่งทีควบคุมการทํางานของวัฏจักรกรดซิตริ ก
ตําแหน่งที ๒ คือ อัลฟา–คีโตกลูตาเรตดีไฮโดรจีเนส การควบคุม . แสดงการควบคุมวัฏจักรกรดซิตริ ก
การทํางานของเอนไซม์นี +มีบางลักษณะทีคล้ ายคลึงกับการ
เข้ มข้ นของ ATP และ NADH ภายในเซลล์
วัฏจักรกรดซิตริ กถูกควบคุมโดยระดับความ
ควบคุมการทํางานของ PDC (คาดการณ์จากความเหมือนกัน
(Homology) ของทังสองเอนไซม์
จุดควบคุมที$สําคัญคือ ขันตอนที
$ถกู เร่ ง
+ ) เอนไซม์อลั ฟา–คีโตกลูตาเรตดี
างานโดยซัคซินิลโคเอ (Succinyl CoA)
ปฏิกิริยาโดยเอนไซม์ไอโซซิเตรทดีไฮโดร
ไฮโดรจีเนสถูกยับยังการทํ
+
และ NADH ซึง เป็ นผลผลิตของปฏิกิริยาทีถกู เร่ งโดยเอนไซม์
จีเนสและอัลฟา-คีโตกลูตาเรตดีไฮโดรจีเนส
(Porphyrin ring) ของฮีม (Heme group) ซึง ทําหน้ าทีในการลําเลียงออกซิเจน (ในฮีโมโกลบิน (Hemoglobin)
และไมโอโกลบิน (Myoglobin) และตัวพาอีเล็กตรอน (ในไซโตโครม (Cytochrome))