Journal

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 14

Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 1

Vol.3 No.1, January-June 2023

The Effect of the Educational Program on


Knowledge and Care Behaviors of Children with
Thalassemia in Phrae hospital1
Chunjit Somjit M.S.N.2
Kanokrat Attachaipanich B.S.N.3
Anyarat Suma B.S.N.4

Received: 2 August 2023 Accepted: 28 December 2023

Abstract
This quasi- experimental research aimed to compare average knowledge and
self care behaviors score of school age children with Thalassemia before and after
attend the educational program. Design the study by two group pretest-posttest
exam in 7-12 years old transfusion dependent Thalassemia children that attended
Phrae hospital during August–November, 2021. Experimental group was
19 transfusion dependent Thalassemia children that attended hospital on Tuesday
receiving the educational program on knowledge and self care behaviors through
animation and comic. Control group was 19 blood dependent Thalassemia children
that attended hospital on Monday receiving routine care. Basic data were collected
using exact probability test and t-test. Average knowledge and care behaviors score
were compared by t-test and paired t-test.
The result showed that two groups had no different in knowledge and
self-care behaviors before and after attending the program (18.21 ± 0.85 VS 18.05
± 1.39, p = 0.07, 60.42 ± 8.11 VS 60.21 ± 8.07, p = 0.94). The control group had
also no different in knowledge and self-care behaviors before and after attending
the program (18.05 ± 1.39 VS 18.26 ± 0.65, p = 0.47, 60.21 ± 8.07 VS 60.42 ±
7.90, p = 0.92). Experimental group had a significantly higher score in knowledge
and care behaviors after attending the program than control group (18.21 ± 0.85 VS
19.26 ± 0.45, p = 0.00, 60.42 ± 8.11 VS 66.32 ± 9.55, p = 0.04) Experimental group
had a significantly higher score in knowledge and care behaviors after attending the
program than control group (66.32 ± 9.55 VS 60.42 ± 7.90, p = 0.05)

Keywords: School age children, Thalassemia, The educational program

1
Research Article
2
Registered nurse, Pediatric depertment Phrae hospital,
Corresponding author E–mail : boomch2002@gmail.com
3
Registered nurse, Pediatric depertment Phrae hospital
4
Registered nurse, Pediatric depertment Phrae hospital
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร

63
Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 2
Vol.3 No.1, January-June 2023

ผลของโปรแกรมการใหความรูตอความรูและพฤติกรรมการดูแลตนเอง
ของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย โรงพยาบาลแพร1
ชื่นจิตต สมจิตต พย.ม.2
กนกรัตน อรรถชัยพานิช พย.บ.3
อัญญารัตน สุมา พย.บ.4

บทคัดยอ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความรูและ
คะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียก่อนและหลังการไดรับโปรแกรม
การให ค วามรู เป น แบบสองกลุ  ม วั ด ก่ อ นหลั ง การทดลอง ศึ ก ษาผู  ป  ว ยเด็ ก โรคธาลั ส ซี เ มี ย
ชนิดพึ่งพาเลือด อายุ 7-12 ป ที่เข้ารับการเติมเลือดใน โรงพยาบาลแพร กลุมทดลอง เปนเด็กวัย
เรียนโรคธาลัสซีเมีย ที่เข้ารับการเติมเลือดในวันอังคาร จำนวน 19 คน ไดรับความรูผานสื่อ
การตูนแอนิเมชันและหนังสือการตูน กลุมควบคุม เปนเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ที่เข้ารับ
การเติมเลือดในวันจันทร จำนวน 19 คน ไดรับความรูแบบเดิม วิเคราะหข้อมูลทั่วไปดวยสถิติ
เชิงพรรณนาไดแก่ จำนวน รอยละ ค่าเฉลี่ย สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบข้อมูลพื้นฐาน
ของกลุมตัวอยาง ดวยสถิติ exact probability test และ t-test เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนน
ความรูและคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองใช้สถิติ t-test และ paired t–test
ผลการศึกษาพบวาเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียทั้ง 2 กลุมมีคะแนนความรู และคะแนน
พฤติกรรมการดูแลตนเองก่อนไดรับโปรแกรมไมแตกตางกัน (18.21 ± 0.85 VS 18.05 ± 1.39,
p = 0.68, 60.42 ± 8.11 VS 60.21 ± 8.07, p = 0.94) กลุมที่ไดรับกลุมดูแลตามปกติมีคะแนน
ความรู และคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองก่อน และหลังไดรับโปรแกรมไมแตกตางกันที่ระดับ
นัยสำคัญทางสถิติ 0.05 (18.05 ± 1.39 VS 18.26 ± 0.65, p = 0.47, 60.21 ± 8.07 VS 60.42
± 7.90, p = 0.92) กลุมที่ไดรับโปรแกรมมีคะแนนความรูฯ และคะแนนพฤติกรรมการดูแล
ตนเองหลังไดรับโปรแกรมฯ สูงกวาก่อนไดรับโปรแกรมฯ อยางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
(18.21 ± 0.85 VS 19.26 ± 0.45, p = 0.00, 60.42 ± 8.11 VS 66.32 ± 9.55, p=0.04)
กลุ  ม ที ่ ไ ด ร ั บ โปรแกรมฯ มี ค ะแนนความรู และคะแนนพฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองหลั ง ได รั บ
โปรแกรมฯ สูงกวากลุมที่ไดรับการดูแลตามปกติอยางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (66.32 ±
9.55 VS 60.42 ± 7.90, p = 0.05)
คำสำคัญ: เด็กวัยเรียน โรคธาลัสซีเมีย โปรแกรมการใหความรู
1
บทความวิจัย
2
พยาบาลวิชาชีพ หอผูปวยกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลแพร
Corresponding author E–mail : boomch2002@gmail.com
3
พยาบาลวิชาชีพ หอผู/ป1วยกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลแพร:
4
พยาบาลวิชาชีพ หอผูปวยกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลแพร
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร

64
ผลของโปรแกรมการให
Journal ความรู
of Phrae Public Health for ตอความรูและพฤติ
Development กรรมการดูแลตนเอง
(JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 2
Vol.3ของเด็
No.1,กJanuary-June
วัยเรียนโรคธาลั สซีเมีย โรงพยาบาลแพร
2023

บทนำ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันของ
โรคธาลั ส ซี เ มี ย เป น โรคทางพั น ธุ ก รรม ร า งกายจากภาวะเหล็ ก เกิ น และการตั ด ม า ม
ที ่ พ บบ อ ยมากที ่ ส ุ ด ในโลก และประเทศไทย ภาวะขาดสารอาหาร ภาวะกระดูกหัก ปญหาแผล
เปนปญหาที่สำคัญทางดานสุขภาพ เศรษฐกิจ และ เรื ้ อ รั ง ที ่ ข า (สุ ท ั ศ น ฟู  เ จริ ญ และคณะ, 2557;
สั ง คม โรคทางพั น ธุ ก รรมที ่ ม ี ก ารถ า ยทอดแบบ บุญชู พงศธนากุล, มปพ.) ผูปวยเด็กธาลัสซีเมีย
autosomal recessive โดยมี ค วามผิ ด ปกติ ข อง โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นหากมีพฤติกรรม
การสรางฮีโมโกลบินทำใหเม็ดเลือดแดงผิดปกติ การดูแลสุขภาพที่ไมเหมาะสม
และแตกง่าย (hemolytic anemia) ผูปวยมีอาการ ความสามารถในการดูแลสุขภาพตนเอง
ซีดเรื้อรัง ตาเหลืองตัวเหลือง ตับ มามโต (กิตติ นั้นเปนพัฒนาการที่ดำเนินตอเนื่อง สำหรับเด็ก
ตอจรัส, 2560; บุญชู พงศธนากุล, มปพ.) ปจจุบัน เล็ก บิดามารดาจะเปนผูดูแลหลักในดานสุขภาพ
ได แ บ ง ผู  ป  ว ยธาลั ส ซี เ มี ย ตามความรุ น แรง แต ใ นเด็ ก วั ย เรี ย นที ่ ม ี อ ายุ ร ะหว า ง 7-12 ป นั้ น
เพื่อการรักษา ไดแก่ Non transfusion dependent เปนวัยที่เริ่มมีความสามารถเพียงพอที่จะตัดสินใจ
thalassemia (NTDT) กลุมนี้ไมจำเปนตองรับเลือด ในการดู แ ลตนเองได เ นื ่ อ งจากมี ค วามสามารถ
ประจำก็สามารถมีชีวิตอยูได แตจะมีบางช่วงเวลา ในดานการรับรูและเข้าใจความเจ็บปวยที่มีความ
และบางสถานการณที่จำเปนตองไดรับเลือดและ ซับซ้อนและผลของการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพ
กลุ ม Transfusion dependent thalassemia ที ่ ถ ู ก ต อ งได แต ก ็ ม ั ก พบป ญ หาว า เด็ ก วั ย เรี ย น
(TDT) ผู ป ว ยกลุมนี้ตองการรับเลือดเปนประจำ โรคธาลั ส ซี เ มี ย ยั ง คงมี พ ฤติ ก รรมสุ ข ภาพ
เพื่อการมีชีวิต หากไมไดเลือดจะมีอาการเหนื่อย ที ่ ไ ม เ หมาะสม ทั ้ ง ด า นการป อ งกั น การติ ด เชื้ อ
ไม ส ามารถทำกิ จ วั ต รต า งๆได ผู  ป  ว ยส ว นใหญ การรั บ ประทานอาหาร การเล น กี ฬ าโลดโผน
จะมีอาการตั้งแตอายุนอยกวา 2 ป มีอาการซีดมาก การป อ งกั น อุ บั ต ิ เ หตุ รวมทั ้ ง การดู แ ลสุ ข ภาพ
ฮี โมโกลบิ นต่ ำกว า 7ก./ดล. ตั วเล็ ก ตั บม ามโต ตามแผนการรักษา ไมวาจะเปน การรับประทาน
มี ห น า ตาเปลี ่ ย น (อรุ ณ ี เจตศรี ส ุ ภ าพ และ ยาอยางตอเนื่อง การมาพบแพทยตามนัดทุกครั้ง
อรุโณทัย มีแก้วกุญชร, 2560) โรคธาลัสซีเมีย การสังเกตอาการผิดปกติ การปองกันภาวะแทรกซ้อน
เปนการเจ็บปวยเรื้อรังที่มีผลกระทบตอตัวผูปวย เปนตน (เกศมณี มูลปานันท, 2556; ภูษณิศา
เองในหลายดาน ดานรางกายพบวาเด็กที่ปวยดวย มาพิลูน และคณะ, 2559) กลุมงานกุมารเวชกรรม
โรคธาลัสซีเมียจะมีความผิดปกติทั้งรูปรางและ โรงพยาบาลแพร ให ก ารดู แ ลรั ก ษาผู  ป  ว ยเด็ ก
หนาตา มีอาการซีดเรื้อรัง ตับมามโต มีภาวการณ ธาลัสซีเมียอายุ 0 ถึง 17 ป 11 เดือน ที่ตองการ
เจริญเติบโตไมสมวัย น้ำหนักและสวนสูงต่ำกวา รั บ เลื อ ดเป น ประจำ (TDT) ทุ ก 3-4 สั ป ดาห
เกณฑ มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ คือ โดยมีการใหบริการ ตรวจรักษาทุกวันจันทร และ
ภาวะเหล็ กเกิ น ทำให มี เหล็ กสะสมที ่ ตั บ หั วใจ วันอังคาร ป พ.ศ. 2562-2563 จำนวน 96 และ
ทำใหเกิดภาวะตับมีพังผืด และภาวะหัวใจวายได 98 ราย ตามลำดั บ (ข้ อ มู ล สถิ ต ิ ห อผู  ป  ว ย
นอกจากนี้ยังอาจเกิด โรคเบาหวานเนื่องจากการ กุ ม ารเวชกรรม โรงพยาบาลแพร ป 2563)
ทำงานของตั บ อ อ นบกพร อ ง ภาวะติ ด เชื ้ อ ง่ า ย ในจำนวนนี ้ เ ป น ผู  ป  ว ยวั ย เรี ย น อายุ 7-12 ป
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
65
The Effect of the Educational Program on Knowledge
Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) and (Online) | 3
ISSN 2774-096X
Vol.3 No.1, January-June 2023 Care Behaviors of Children with Thalassemia in Phrae hospital

จำนวน 40 รายเกิดภาวะแทรกซ้อน เปนโรคหัวใจ แผนกระดานเกมสบันไดงู พบวาโปรแกรมดังกลาว


จำนวน 1 ราย มี ภาวะกระดู กหั กจากอุ บั ติ เ หตุ มีประสิทธิภาพในการสงเสริมพฤติกรรมการดูแล
1 ราย มีภาวะเหล็กเกิน จำนวน 38 รายนอกจากนี้ ตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ค่าเฉลี่ย
ยังมีผูปวยเด็กธาลัสซีเมียบางรายมาก่อนวันนัด คะแนนพฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองหลั ง ได รั บ
เนื่องจากการเจ็บปวยอื่น เช่นมีไข้ ติดเชื้อระบบ โปรแกรมสู ง กว า ก่ อ นได ร ั บ โปรแกรม ผลต า ง
ทางเดินหายใจ เปนตน ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุม
การให ค วามรู  ด  า นสุ ข ภาพ (health ที่ไดรับโปรแกรมสูงกวากลุมที่ไมไดรับโปรแกรม
education) เป น บทบาทอิ ส ระของพยาบาล นอลิสา สูนสละ (2559) ศึกษาผลของโปรแกรม
สามารถสอน และจั ดระบบสนับสนุ นใหความรู สงเสริมการรับรูสมรรถนะแหงตนตอพฤติกรรม
โดยการสอน แนะนำ ใหกำลังใจ สรางแรงจูงใจ การดู แลตนเองของเด็ กวั ยเรี ยนโรคธาลั สซี เ มี ย
เพื่อช่วยใหบุคคลที่มีความพรองความรูในการดูแล ประกอบดวย การใหคำแนะนำและการใช้คำพูด
ตนเองมี พ ฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองที ่ เ หมาะสม ชั ก จู ง การใช้ ต ั ว แบบ การจั ด ประสบการณ
(ภูษณิศา มาพิลูน และคณะ, 2559) เด็กวัยเรียน การประสบความสำเร็จในการลงมือทำกิจกรรม
เป น วั ย ที ่ ม ี ท ี ่ ม ี ค วามสามารถทางสติ ป  ญ ญา ดวยตนเอง และการประเมินสภาพทางรางกาย
เพิ่มมากขึ้นในการรับรูเรื่องโรค ความสำคัญและ และการกระตุ  น ทางอารมณ พบว า ค่ า เฉลี่ ย
เหตุผลการดูแลสุขภาพตนเอง แตยังมีความสนใจ คะแนนพฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองหลั ง ได รั บ
กิ จ กรรมใดกิ จ กรรมหนึ ่ ง ในระยะเวลาสั ้ น ๆ โปรแกรมสู ง กว า ก่ อ นได ร ั บ โปรแกรม ผลต า ง
เบื่อหนายง่าย การสอนหรือใหความรูในเด็กวัย ค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุม
เรียนจึงจำตองเลือกวิธีการ และสื่อที่เหมาะสม ที่ไดรับโปรแกรมสูงกวากลุมที่ไมไดรับโปรแกรม
สามารถกระตุนความสนใจในการเรียนรู เพื่อใหเด็ก สุ ช าดา ปราบมี ช ั ย (2560) ศึ ก ษา ผลของสื่ อ
มี ค วามรู  แ ละสามารถปฏิ บ ั ต ิ ก ารดู แ ลตนเอง แอนิเมชันตอความรูและพฤติกรรมการดูแลตนเอง
ที ่ ถ ู ก ต อ ง จากการทบทวนการศึ ก ษาที ่ ผ  า นมา ของเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย พบว า คะแนน
พบวา มีผูไดทำการศึกษาหารูปแบบการใหความรู ความรู  แ ละพฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองของกลุ ม
เพื่อพัฒนาความรู ความสามารถ และลดพฤติกรรม ทดลองสูงกวากลุมควบคุม จะเห็นไดวาการให
การดู แ ลตนเองที ่ ไ ม เ หมาะสมของเด็ ก วั ย เรี ย น ความรู  เ รื ่ อ งโรคธาลั ส ซี เ มี ย ในเด็ ก วั ย เรี ย น
โรคธาลัสซีเมีย ภูษณิศา มาพิลูน และคณะ (2559) จะใหความรูผานการสอนและการนำอุปกรณหรือ
ใช้ โ ปรแกรมพั ฒ นาความสามารถในการดู แ ล สื ่ อต างๆมาประกอบในการสอน การให ความรู
ตนเองของเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย และ เพียงอยางเดียวอาจไมเพียงพอที่จะใหเด็กวัยเรียน
การดูแลเด็กของผูดูแลซึ่งประกอบไปดวยการให เกิดความรวมมือได จำเปนตองใช้สื่อการเรียน
ข้ อ มู ล ด ว ยสื ่ อ วี ซ ี ด ี ก าร ต ู น สื ่ อ power point การสอนที ่ เ หมาะสมกั บ วั ย เพื ่ อ ให เ ด็ ก เกิ ด
คู่มือการดูแลเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียสำหรับ ความรวมมือได
ผูดูแล แผนพลิกการตูนสรางแรงจูงใจในการดูแล สื่อแอนิเมชันมีทั้งเสียงและภาพการตูน
ตนเองของเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย และ เคลื ่ อนไหว เป นการเล าเรื ่ องด วยภาพมากกว า
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
66
ผลของโปรแกรมการให
Journal ความรู
of Phrae Public Health for ตอความรูและพฤติ
Development กรรมการดูแลตนเอง
(JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 4
Vol.3ของเด็
No.1,กJanuary-June
วัยเรียนโรคธาลั สซีเมีย โรงพยาบาลแพร
2023

คำพู ด ของตั ว ละคร สามารถบรรยายเนื ้ อ หา มีค่าเฉลี่ยคะแนนความรูและพฤติกรรมการดูแล


เรื่องราวดวยตัวเองจากการแสดงสีหนา ทาทาง ตนเอง สูงกวาก่อนไดรับโปรแกรมฯ
เสี ย งอารมณ ข องตั ว การ ต ู น ประกอบกั บ ฉาก 2. ภายหลั ง การได ร ั บ โปรแกรมการให
ที ่ ม ี ส ี ส ั น สดใสทำให ด ึ ง ดู ด ความสนใจของเด็ ก ความรูผานสื่อการตูนแอนิเมชันและหนังสือการตูน
วัยเรียน สื่อความหมายไดดี และจดจำเรื่องราว ผู  ป  วยเด็ กวั ยเรี ยนโรคธาลั สซี เมี ยกลุ  มที ่ ได รั บ
ไดง่าย (สุชาดา ปราบมีชัย, 2560) สามารถสอนได โปรแกรมฯ มีค่าเฉลี่ยคะแนนความรูและพฤติกรรม
ทั ้ ง รายบุ ค คลและรายกลุ  ม เหมาะสำหรั บ การดูแลตนเอง สูงกวากลุมทีไ่ ดรับการดูแลตามปกติ
การชักจูงใจ สรางทัศนคติ หรือฝกทักษะในการ
กรอบแนวคิดการวิจัย
ปฏิบัติตางๆสามารถฉายซ้ำไดหลายครั้งเมื่อผูเรียน
การวิ จ ั ย ครั ้ ง นี ้ ใ ช้ ทฤษฎี ก ารเรี ย นรู
ไมเข้าใจหรือเพื่อทบทวน ทั้งยังช่วยใหผูเรียนไดรับ
( Learning theory) ข อ ง Gagne, Briggs แ ล ะ
เนื ้ อ หาที ่ ค งที ่ เ หมื อ นเดิ ม (กิ ด านั น ท มลิ ท อง,
Wager (1988) (อ า งอิ ง ใน นิ ภ าพรรณ บุ ญ ช่ ว ย
2543) คณะผูวิจัยจึงมีความสนใจ จะใช้สื่อการตูน
และคณะ, 2559) เปนกรอบแนวคิดในการศึกษา
แอนิเมชันและหนังสือการตูนในการใหความรูและ
ซึ่งไดอธิบายกระบวนการการเรียนรูของบุคคลวา
การทบทวน แก่เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย เพื่อให
เกิดจากบุคคลไดรับการกระตุนจากสิ่งแวดลอม
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย มีความรูและพฤติกรรม
ผานอวัยวะรับสัมผัสเกิดเปนการรับสัญญาณข้อมูล
การดูแลตนเองที่เหมาะสมตอไป
โดยประสาทสั ม ผั ส และส ง ข้ อ มู ล ไปยั ง ระบบ
วัตถุประสงค์การวิจัย ประสาทสวนกลาง มีการเลือกรับรูข้อมูล และ
1. เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความรู จัดเก็บข้อมูลไวในความจำระยะสั้น เมื่อความจำ
และพฤติ กรรมการดู แลตนเอง ของเด็ กวั ยเรี ยน ระยะสั้นไดรับการทบทวน ข้อมูลก็จะถูกจัดเก็บ
โรคธาลัสซีเมียกลุมที่ไดรับโปรแกรมฯ ก่อนและ เปนความจำระยะยาว ซึ่งอาจมีการเรียกความจำ
หลังไดรับโปรแกรมการใหความรูผานสื่อการตูน ระยะยาวกลับคืนมาสูความจำระยะสั้นได ความจำ
แอนิเมชันและหนังสือการตูน ระยะสั ้ น ที ่ ถ ู ก เรี ย กมานี ้ เ รี ย กว า working
2. เพื ่ อ เปรี ย บเที ย บค่ า เฉลี ่ ย คะแนน memory ข้ อ มู ล จาก working memory หรื อ
ความรูและพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระหวางกลุม long-term memory กระตุนใหเกิดการตอบสนอง
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ที่ไดรับโปรแกรมการ ทำให เ กิ ด การเรี ย นรู  แ ละเกิ ด การกระทำ
ใหความรูผานสื่อการตูนแอนิเมชันและหนังสือ กระบวนการใหความรูเกี่ยวกับโรคและวิธีการดูแล
การตูน กับกลุมเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียที่ไดรับ ตัวเองแก่เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย โดยผานสื่อ
การดูแลตามปกติ แอนิเมชันเปรียบไดกับสิ่งเราที่กระตุนการรับรูของ
อวั ย วะรั บ สั ม ผั ส โดยการมองเห็ น การได ยิ น
สมมติฐานการวิจัย
เกิดเปนการไดรับสัญญาณของข้อมูลโดยประสาท
1. ภายหลังไดรับโปรแกรมการใหความรู
สั ม ผั ส เลื อ กรั บ ข้ อ มู ล ไปจั ด เก็ บ ไว ใ นความจำ
ผานสื่อการตูนแอนิเมชันและหนังสือการตูน กลุม
ระยะสั้น หลังจากใหความรูแก่ผูปวย การทบทวน
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียกลุมที่ไดรับโปรแกรมฯ
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
67
The Effect of the Educational Program on Knowledge
Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) and (Online) | 5
ISSN 2774-096X
Vol.3 No.1, January-June 2023 Care Behaviors of Children with Thalassemia in Phrae hospital

ความรู และใหเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียทำแบบ ข้ อ มู ล นั ้ น ๆ ด ว ยสิ ่ ง กระตุ  น คื อ หนั ง สื อ การ ตู น


ทบทวนเกี่ยวกับความรูและ พฤติกรรมการดูแล ความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมีย กระตุนเตือน ก็จะทำให
ตนเอง จะเปนการทบทวนข้อมูลที่ไดรับจัดเก็บ เด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย เรี ย กข้ อ มู ล หรื อ
เป น ความจำระยะยาว ข้ อ มู ล ที ่ ไ ด ถ ู ก จั ด เก็ บ ความจำในอดี ต มาใช้ ท ำให เ กิ ด การเรี ย นรู  แ ละ
ในความจำระยะยาวจะถู ก กระตุ  น ออกมา มี ก ารกระทำ คื อ เด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย
เมื ่ อ มี ส ถานการณ ท ี ่ เ หมาะสมจากการควบคุ ม มีพฤติกรรมการดูแลตนเองที่ถูกตอง
สั ่ ง การ ความคาดหวั ง และเมื ่ อ มี ก ารทบทวน

รูปภาพที่ 1 กรอบแนวคิดการวิจัย

โปรแกรมการใหความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมีย
ความรูและพฤติกรรม
- สื่อแอนิเมชัน
การดูแลตนเอง
- หนังสือการตูน

วิธีดำเนินการวิจัย กลุ  ม ทดลอง หมายถึ ง เด็ ก วั ย เรี ย น


การวิจัยครั้งนี้ เปนการศึกษาแบบกึ่งทดลอง โรคธาลัสซีเมียชนิดพึ่งพาเลือด ไดรับการรักษา
(Quasi – experimental research) แบบสองกลุม ดวยการใหเลือดทุก 3-4 สัปดาห อายุ 7-12 ป
วัดก่อนหลังการทดลอง (two group pretest – ที่เข้ารับการเติมเลือดในวันอังคารจำนวน 19 คน
posttest design) ศึกษาในเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ไดรับโปรแกรมการใหความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมีย
ชนิ ด พึ ่ ง พาเลื อ ด (Transfusion Dependent ผานสื่อการตูนแอนิเมชัน และหนังสือการตูน
Thalassemia : TDT) ได ร ั บ การรั ก ษาด ว ยการ กลุ  ม ควบคุ ม หมายถึ ง เด็ ก วั ย เรี ย น
ใหเลือดทุก 3-4 สัปดาห อายุ 7-12 ป ที่เข้ารับ โรคธาลัสซีเมียชนิดพึ่งพาเลือด ไดรับการรักษา
การรั ก ษาใน โรงพยาบาลแพร ในช่ ว ง เดื อ น ดวยการใหเลือดทุก 3-4 สัปดาห อายุ 7-12 ป
สิงหาคม ถึง พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เนื่องจาก ที่เข้ารับการเติมเลือดในวันจันทร จำนวน 19 คน
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียชนิดพึ่งพาเลือดที่เข้ารับ ไดรับความรูตามปกติ
การรักษาในโรงพยาบาลแพร มีทั้งหมด 38 คน
เกณฑการคัดเลือกกลุมตัวอยาง
จึงไดแบงกลุมตัวอยางเปน 2 กลุม กลุมละ 19 คน
เกณฑคัดเข้า คือ
ทำการสุ  ม อย า งง่ า ยโดยวิ ธ ี ก ารจั บ สลากวั น นั ด
1) เด็กวัยเรียนที่ไดรับการวินิจฉัยวาเปน
รับบริการ พบวา กลุมทดลองคือ เด็กวัยเรียนที่เข้ารับ
โรคธาลัสซีเมียชนิดพึ่งพาเลือดไดรับการรักษาดวย
การเติมเลือดในวันอังคาร และกลุมควบคุมคือ
การใหเลือดทุก 3-4 สัปดาห
เด็กวัยเรียนที่เข้ารับการเติมเลือดในวันจันทร ดังนี้

วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร


68
ผลของโปรแกรมการให
Journal ความรู
of Phrae Public Health for ตอความรูและพฤติ
Development กรรมการดูแลตนเอง
(JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 6
Vol.3ของเด็
No.1,กJanuary-June
วัยเรียนโรคธาลั สซีเมีย โรงพยาบาลแพร
2023

2) ไม เ ป น โรคทางพั ฒ นาการที ่ ม ี ผ ลต อ พยาบาลผู  ป ฏิ บ ั ต ิ ก ารพยาบาลขั ้ น สู ง สาขาการ


ระดับสติปญญา พยาบาลเด็ก จำนวน 1 ทาน มีค่าความตรงตาม
3) สามารถเข้ารวมกิจกรรมจนครบตลอด เนื้อหา (content validity index) เทากับ 0.80
โปรแกรมที่กำหนดไว 2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
4) ผู ป กครองยิ น ยอมให เ ด็ ก เข้ า ร ว ม 2.1 แบบเก็ บ ข้ อ มู ล ทั ่ ว ไปของกลุ ม
การวิจัยได ตัวอยางประกอบดวย เพศ อายุ การวินิจฉัยโรค
เกณฑคัดออก คือ ระยะเวลาที่ไดรับการวินิจฉัยวาเปนโรคธาลัสซีเมีย
1) เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียที่ไมไดรับ ระยะเวลาที ่ ต  อ งมารั บ การให เ ลื อ ด การได รั บ
เลือดเปนประจำ ทุก 3-4 สัปดาห ความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมีย
2) ผู  ป  ว ยเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย 2.2 แบบสัมภาษณความรูเรื่องโรคธาลัส
ที่มีปญหาทางดานสายตา การไดยิน สติปญญา ซีเมีย ที่ผูวิจัยสรางขึ้นจากการทบทวนวรรณกรรม
3) ไม ส ามารถเข้ า ร ว มการวิ จ ั ย ได ค รบ เปนข้อคำถาม “ถูก” หรือ “ผิด” จำนวน 20 ข้อ
ตามกำหนด ตรวจสอบความตรงของเนื้อหา ความเหมาะสม
4) ผูปกครองไมยินยอมใหเข้ารวมการวิจัย ของเนื้อหา และภาษาที่ใช้ โดยผูเชี่ยวชาญ จำนวน
เครื่องมือการวิจัยและการตรวจสอบคุณภาพ 3 ทาน ไดแก่ กุมารแพทยจำนวน 1 ทาน อาจารย
1. เครื่องมือที่ใช้วิจัย พยาบาลสาขาการพยาบาลกุ ม ารเวชศาสตร
1.1 สื่อแอนิเมชันของ สุชาดา ปราบมีชัย (7) จำนวน 1 ทาน พยาบาลผูปฏิบัติการพยาบาลขั้น
เปนการเลาเรื่องดวยการตูน เกี่ยวกับโรคธาลัสซีเมีย สูงสาขาการพยาบาลเด็ก จำนวน 1 ทาน ไดความ
ประกอบดวย อาการ ภาวะแทรกซ้อน การรักษา ตรงตามเนื ้ อ หา เท า กั บ 0.83 นำไปทดสอบ
และการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ใน เด็ ก วั ยเรี ยนโรคธาลั สซี เ มี ยที ่ ไ ม ไ ด ร ั บ เลื อด
มีความยาว 12 นาที ซึ่งมีค่าความตรงตามเนื้อหา เปนประจำ จำนวน 30 คน วิเคราะหความเชื่อมั่น
(content validity index) เทากับ 0.80
โดยใช้วิธีแบบคูเดอร-ริชารดสัน KR.-20 (Kuder &
1.2 หนั ง สื อ การ ต ู น คู ่ ม ื อ ให ค วามรู
Richardson, 1937) ได ค ่ า ความเชื ่ อ มั ่ น เท า กั บ
เกี ่ ยวกั บเกี ่ ยวกั บโรคธาลั สซี เ มี ย ประกอบด วย
0.74
อาการ ภาวะแทรกซ้อน การรักษาและการดูแล
ตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย สำหรับแจก 2.3 แบบสัมภาษณพฤติกรรมการดูแล
ตนเองของผู  ป  ว ยเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย
ใหผูปวยนำกลับบานไปดวย สรางขึ้นโดย นำภาพ
ของ สุ ช าดา ปราบมี ช ั ย (2560) ประกอบด ว ย
และเนื้อหาจากการตูนแอนิเมชันมาทำเปนหนังสือ
การตูน ผานการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา ข้อคำถาม ทั้งหมด 30 ข้อ เปนแบบมาตราสวน
จากผูทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ทาน ประกอบดวย ประมาณค่า (Rating scale) 4 ระดับ คือ
ไมเคยปฏิบัติ คือ 1 คะแนน
กุมารแพทยจำนวน 1 ทาน อาจารยพยาบาลสาขา
การพยาบาลกุ ม ารเวชศาสตร จำนวน 1 ท า น ปฏิบัติบางครั้ง คือ 2 คะแนน
ปฏิบัติบอยครั้ง คือ 3 คะแนน
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
69
The Effect of the Educational Program on Knowledge
Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) and (Online) | 7
ISSN 2774-096X
Vol.3 No.1, January-June 2023 Care Behaviors of Children with Thalassemia in Phrae hospital

ปฏิบัติทุกครั้ง คือ 4 คะแนน การให ค วามรู  เ รื ่ อ งโรค และการปฏิ บ ั ต ิ ตั ว


มี ค ่ า คะแนนต่ ำ สุ ด เท า กั บ 30 คะแนน ใหคำแนะนำตามที่ผูปวยสงสัย
คะแนนสู ง สุ ด เท า กั บ 120 คะแนน ผ า นการ 6–8 สั ป ดาห ข องการทดลอง ผู  ว ิ จ ั ย ให
ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผูทรงคุณวุฒิ กลุมควบคุมตอบแบบสัมภาษณเรื่องความรูและ
จำนวน 3 ทาน มีค่าความตรงตามเนื้อหาเทากับ พฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองของเด็ ก วั ย เรี ย น
0.93 นำไปทดสอบในเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย โรคธาลัสซีเมียหลังไดรับโปรแกรม (Post-test)
ที ่ ไ ม ไ ด ร ั บ เลื อ ดเป น ประจำ จำนวน 30 คน ไดแก่ การใหความรูเรื่องโรค และการปฏิบัติตัว
วิ เ คราะห ค วามเชื ่ อ มั ่ น โดยใช้ ส ู ต รสั ม ประสิ ท ธิ์ ใหคำแนะนำตามที่ผูปวยสงสัย
แอลฟาครอนบราค (Cronbach’s coefficient 4. ในกลุ  ม ทดลอง ผู  ป  ว ยเด็ ก วั ย เรี ย น
alpha) ไดค่าความเชื่อมั่นเทากับ 0.95 โรคธาลัสซีเมียที่เข้ารับการเติมเลือดในวันอังคาร
ภายหลังการชี้แจงวัตถุประสงค์และรายละเอียด
วิธีการดำเนินการวิจัย
ของการเข้ารวมโครงการวิจัยและลงนามยินยอม
1. ผูวิจัยทำหนังสืออนุมัติผานคณะกรรมการ
เข้ารวมวิจัยแลว ผูวิจัยใหกลุมทดลองไดตอบแบบ
จริยธรรมการวิจัยในมนุษยโรงพยาบาลแพร
สั ม ภาษณ เ รื ่ อ งความรู  แ ละพฤติ ก รรมการดู แ ล
2. วิจัยเข้าพบกลุมตัวอยางและผูปกครอง
ตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียก่อนไดรับ
เพื่อขออนุญาตผูปกครอง ชี้แจงวัตถุประสงค์และ
โปรแกรม (Pre-test) โดยทำการสั ม ภาษณ
รายละเอียดของการเข้ารวมโครงการวิจัย ใหทราบ
เปนรายบุคคลเช่นเดียวกัน
ถึ ง สิ ท ธิ ใ นการเข้ า ร ว มหรื อ ปฏิ เ สธการเข้ า ร ว ม
5. ผูวิจัยใหความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมียและ
การวิจัยดวยความสมัครใจข้อมูลที่ไดจะถูกเก็บ
การปฏิบัติตัวที่ถูกตองในการดูแลตนเองสำหรับ
เป น ความลั บ โดยจะนำไปใช้ ป ระโยชน ในการ
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียแก่กลุมทดลองดวยสื่อ
วิเคราะหและนำเสนอข้อมูลในภาพรวมเทานั้น
การ ต ู น แอนิ เ มชั น จากนั ้ น ผู  ว ิ จ ั ย จะสรุ ป เนื ้ อ หา
ไมมีการระบุชื่อ ที่อยูและเมื่อตองการออกจาก
เปดโอกาสใหซักถามข้อสงสัย และผูวิจัยใหนำสื่อ
การเข้ารวมการวิจัยจะสามารถทำไดทันทีรวมทั้ง
แอนิ เ มชั น และหนั ง สื อ การ ต ู น คู ่ ม ื อ ให ค วามรู
จะทำลายข้อมูลหลังสิ้นสุดการวิจัย
เกี ่ ยวกั บเกี ่ ยวกั บโรคธาลั สซี เมี ย กลั บไปศึ กษา
3. ภายหลังการชี้แจงวัตถุประสงค์และ
ตอที่บาน
รายละเอี ย ดของการเข้ า ร ว มโครงการวิ จ ั ย และ
3-4 สัปดาหของการทดลอง หรือวัน admit
ลงนามยิ น ยอมเข้ า ร ว มวิ จ ั ย แล ว ผู  ว ิ จ ั ย ให ก ลุ ม
ครั้งตอไป ผูวิจัยใหความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมียและ
ควบคุม ผูปวยเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียที่เข้ารับ
การปฏิบัติตัวที่ถูกตองในการดูแลตนเองสำหรับ
การเติมเลือดในวันจันทร ตอบแบบสัมภาษณเรื่อง
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียแก่กลุมทดลองดวยสื่อ
ความรูและพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กวัย
การตูนแอนิเมชันอีกครั้ง จากนั้นผูวิจัยจะสรุป
เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย ก่ อ นได ร ั บ โปรแกรม
เนื้อหา เปดโอกาสใหซักถามข้อสงสัย
(Pre-test) โดยสัมภาษณเปนรายบุคคล และกลุม
6–8 สัปดาหของการทดลอง หรือวัน admit
ควบคุ ม จะได ร ั บ การสอนตามปกติ ได แ ก่
ครั้งตอไปผูวิจัยใหกลุมทดลองตอบแบบสัมภาษณ
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
70
ผลของโปรแกรมการให
Journal ความรู
of Phrae Public Health for ตอความรูและพฤติ
Development กรรมการดูแลตนเอง
(JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 8
Vol.3ของเด็
No.1,กJanuary-June
วัยเรียนโรคธาลั สซีเมีย โรงพยาบาลแพร
2023

เรื่องความรูและพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็ก
วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย หลั ง ได ร ั บ โปรแกรม
(Post-test)

รูปภาพที่ 2 แผนภาพการดำเนินการวิจัยผลของโปรแกรมการใหความรูตอความรูและ
พฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย โรงพยาบาลแพร
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียชนิดพึ่งพาเลือด ไดรับการรักษาดวยการใหเลือดทุก 3-4 สัปดาห อายุ 7-12 ป
ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแพร เดือน สิงหาคม - พฤศจิกายน 2564

1) ไดรับการรักษาดวยการใหเลือดทุก 3-4 สัปดาห 1) ไมไดรับเลือดเปนประจำ


2) ไมเปนโรคทางพัฒนาการที่มีผลตอระดับสติปญญา คัดเข้า คัดออก 2) มีปญหาทางดานสายตา การไดยิน สติปญญา
3) สามารถเข้ารวมกิจกรรมจนครบตลอดโปรแกรม 3) ไมสามารถเข้ารวมการวิจัยไดครบตามกำหนด
4) ผูปกครองยินยอมใหเด็กเข้ารวมการวิจัยได 4) ผูปกครองไมยินยอมใหเข้ารวมการวิจัย
-

กลุมที่ไดรับใหความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมียตามปกติ กลุมที่ไดรับโปรแกรมการใหความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมียผาน
(n = 19 ราย) สื่อแอนิเมชันและหนังสือการตูน (n = 19 ราย)

1. สัมภาษณเรื่องความรูและพฤติกรรมการดูแลตนเอง 1. สัมภาษณเรื่องความรูและพฤติกรรมการดูแลตนเองของ
ของเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย ก่ อ นได ร ั บ โปรแกรม เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียก่อนไดรับโปรแกรม (Pre-test)
(Pre-test) 2. ใหความความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมียผานสื่อแอนิเมชันและ
2. ให ค วามความรู  เ รื ่ อ งโรคธาลั ส ซี เ มี ย ตา มปกติ หนังสือการตูน (การใหความรูเรื่ องโรค และการปฏิบ ัต ิตั ว
(การใหความรูเรื่องโรค และการปฏิบัติตัว ใหคำแนะนำ ใหคำแนะนำตามที่ผูปวยสงสัย)
ตามที่ผูปวยสงสัย) 3. ผูวิจัยจะสรุปเนื้อหา เปดโอกาสใหซักถามข้อสงสัย และ
ผูวิจัยใหนำสื่อแอนิเมชัน และหนังสือการตูนคู่มือใหความรู
เกี่ยวกับเกี่ยวกับโรคธาลัสซีเมีย กลับไปศึกษาตอที่บาน

3-4 สัปดาหของการทดลอง หรือวัน admit ใหความความรู


เรื่องโรคธาลัสซีเมียผานสื่อแอนิเมชันและหนังสือการตูน
(การใหความรูเรื่องโรค และการปฏิบัติตัว ใหคำแนะนำ
ตามที ่ ผ ู  ป  ว ยสงสั ย ) สรุ ป เนื ้ อ หา เป ด โอกาสให ซ ั ก ถาม
ข้อสงสัย

6–8 สั ป ดาห ข องการทดลอง หรื อ วั น admit ครั ้ ง ต อ ไป 6–8 สั ป ดาห ข องการทดลอง หรื อ วั น admit ครั ้ ง ต อ ไป
ตอบแบบสั ม ภาษณ เรื ่อ งความรู แ ละพฤติก รรมการดูแล ตอบแบบสั ม ภาษณ เรื ่อ งความรู แ ละพฤติก รรมการดูแล
ตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียหลังไดรับโปรแกรม ตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียหลังไดรับโปรแกรม
(Post-test) (Post-test)

วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร


71
The Effect of the Educational Program on Knowledge
Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) and (Online) | 9
ISSN 2774-096X
Vol.3 No.1, January-June 2023 Care Behaviors of Children with Thalassemia in Phrae hospital

การวิเคราะหข้อมูล 4. เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความรู
ก่อนนำข้อมูลเข้าสถิติ ไดทำการทดสอบ และคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองระหวางกลุม
การแจกแจงข้อมูลโดยใช้ สถิติ Fisher skewness ใช้ สถิ ติ t-test กำหนดระดั บนั ยสำคั ญทางสถิ ติ
coefficient & Fisher kurtosis coefficient ที่ระดับ 0.05
พบว า ข้ อ มู ล ความรู  ก ่ อ นและหลั ง การทดลอง
พิทักษสิทธิและจริยธรรมการวิจัย
ได ค ่ า Fisher skewness coefficient เท า กั บ
การวิ จ ั ย นี ้ ผ  า นการพิ จ ารณารั บ รอง
-0.09 และ Fisher kurtosis coefficient เท า กั บ
โครงการวิ จ ั ย ในมนุ ษ ย โดยคณะกรรมการวิ จั ย
0.37 ซึ่งมีค่าอยูในช่วง ± 1.96 จึงแสดงวาข้อมูล
ในมนุ ษ ย โรงพยาบาลแพร เลขที ่ 40 /2564
มีการแจกแจงแบบปกติ และพฤติกรรมก่อนและ
ก่อนนำไปศึกษาวิจัย ผูวิจัยคำนึงถึงการพิทักษสิทธิ
หลังการทดลอง ไดค่า Shapiro-Wilk เทากับ 0.73
ของผูปวยโดยผูวิจัยไดอธิบายใหผูปวยทราบถึง
ซึ ่ ง มี ค ่ า มากกว า ค่ า นั ย สำคั ญ ที ่ ก ำหนด (0.05)
วัตถุประสงค์ประโยชนของการศึกษาวิจัย และ
(Clinch & Keselman, 1982)
สิทธิในการตอบรับหรือปฏิเสธการเข้ารวมวิจัยได
แสดงถึงข้อมูลมีการแจกแจงปกติ
ตามตองการของผูปวยและข้อมูลที่ได ผูวิจัยจะ
1. ข้ อ มู ล เชิ ง ปริ ม าณ โดยการแจกแจง
นำเสนอทางวิชาการในภาพรวม
ความถี ่ ร อ ยละ ค่ า เฉลี ่ ย และส ว นเบี ่ ย งเบน
มาตรฐาน ผลการวิจัย
2. เปรี ย บเที ยบข้ อ มู ลพื ้ นฐานของกลุ ม ข้อมูลทั่วไปและผลการทดสอบความแตกตาง
ตัวอยาง ดวยสถิติ exact probability test และ ระหว างผู  ป วยเด็ กวั ยเรี ยนโรคธาลั สซี เมี ยทั ้ งหมด
t-test กำหนดระดั บ นั ย สำคั ญ ทางสถิ ต ิ ท ี ่ ร ะดั บ จำนวน 38 ราย โดยแบงเปนกลุมทดลองและกลุม
0.05 ควบคุ ม กลุ  ม ละ 19 ราย ได แ ก่ เพศ อายุ เ ฉลี่ ย
3. เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยคะแนนความรู ระยะเวลาที่ปวย ผูดูแลหลัก ไมแตกตางอยางมี
และคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง ก่อน หลัง นั ย สำคั ญ ทางสถิ ต ิ ท ี ่ ร ะดั บ 0.05 ทั ้ ง 2 กลุ ม
การไดรับโปรแกรม ใช้สถิติ paired t-test กำหนด เคยได ร ั บ ความรู  เ กี ่ ย วกั บ เรื ่ อ งโรคธาลั ส ซี เ มี ย
ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 จากเจ้าหนาที่มาแลว รายละเอียดดังตารางที่ 1

วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร


72
ผลของโปรแกรมการให
Journal ความรู
of Phrae Public Health for ตอความรูและพฤติ
Development กรรมการดูแลตนเอง
(JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 10
Vol.3ของเด็
No.1,กJanuary-June
วัยเรียนโรคธาลั สซีเมีย โรงพยาบาลแพร
2023

ตารางที่ 1 ข้อมูลทั่วไปของผูปวยเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย
กลุมทดลอง (n=19) กลุมควบคุม (n=19) p-value
ตัวแปร
จำนวน รอยละ จำนวน รอยละ
เพศ 0.33
ชาย 13 68.42 9 47.40
หญิง 6 31.58 10 52.60
อายุ 0.20
เฉลี่ย (± SD) 9.68 (9.06) 9.05 (8.24)
ระยะเวลาที่ปวย (ป) 0.37
เฉลี่ย (± SD) 6.84 (2.01) 6.16 (2.61)
ผูดูแลหลัก 0.75
พอ แม 9 47.40 11 57.90
ปู ยา ตา ยาย 10 52.60 8 42.10
ระดับการศึกษาของผูดูแล 0.20
ประถมศึกษา 11 57.90 6 31.60
มัธยมศึกษา 6 31.60 7 36.80
ปวช./ปวส. 1 5.30 5 26.30
ปริญญาตรี 1 5.30 1 5.30
การไดรับความรูเรื่องโรคธาลัสซีเมีย 1.00
เคย 19 100.00 19 100.00

ผลการเปรี ย บเที ย บคะแนนพฤติ ก รรม กลุมทดลองมีคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง


ระหว า งผู  ป  ว ยเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย หลังการไดรับโปรแกรม มากกวากลุมควบคุมอยาง
กลุมทดลองและกลุมควบคุม มีคะแนนพฤติกรรม มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (66.32 ± 9.55
การดู แ ลตนเอง ก่ อ นการได ร ั บ โปรแกรม VS 60.42 ± 7.90, p = 0.05) รายละเอี ย ดดั ง
ไม แ ตกต า งกั น ที ่ ร ะดั บ นั ย สำคั ญ ทางสถิ ต ิ 0.05 ตารางที่ 3
(60.42 ± 8.11 VS 60.21 ± 8.07, p = 0.94)

ตารางที่ 3 เปรียบเทียบคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง ระหวางกลุมทดลองและกลุมควบคุม ก่อนและ


หลังการไดรับความรู
กลุมทดลอง กลุมควบคุม
ตัวแปร t p-value
ค่าเฉลี่ย SD ค่าเฉลี่ย SD
ก่อนการไดรับความรู 60.42 8.11 60.21 8.07 -0.08 0.94
หลังการไดรับความรู 66.32 9.55 60.42 7.90 -2.07 0.05

วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร


73
The Effect of the Educational Program on Knowledge
Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) and (Online) | 11
ISSN 2774-096X
Vol.3 No.1, January-June 2023 Care Behaviors of Children with Thalassemia in Phrae hospital

ผู  ป  ว ยเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย อยางมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (26.05 ±


กลุมทดลองมีคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง 3.41 VS 23.16 ± 4.27, p = 0.025 ) รายละเอียด
ดานการดูแลตนเองเมื่อมีภาวะเบี่ยงเบนสุขภาพ ดังตารางที่ 4
หลังการทดลอง สูงกวาก่อนการไดรับโปรแกรมฯ

ตารางที่ 4 เปรียบเทียบคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเอง รายดาน ก่อน และหลังการไดรับโปรแกรมฯ


ของกลุมทดลอง
ก่อนการไดรับ หลังการไดรับ
พฤติกรรมการดูแลตนเอง โปรแกรมฯ โปรแกรมฯ t p-value
ค่าเฉลี่ย SD ค่าเฉลี่ย SD
การดูแลตนเองทั่วไป 24.68 4.16 26.89 5.30 -1.48 0.16
การดูแลตนเองตามระยะพัฒนาการ 12.58 1.71 13.37 2.59 -1.33 0.20
การดู แ ลตนเองเมื ่ อ มี ภ าวะเบี ่ ย งเบน 23.16 4.27 26.05 3.41 -2.44 0.03
สุขภาพ

สรุปผลการวิจัย สามารถจูงใจและสรางทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติตาม
จากผลการวิจัย อาจสรุปไดวา การใหความรู รวมถึงสามารถฉายซ้ำไดหลายครั้งเมื่อยังไมเข้าใจ
แก่ผูปวยเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย โดยใช้สื่อ หรือเมื่ออยากททวนซ้ำ ซึ่งจะยังคงไดรับเนื้อหา
แอนิเมชัน และหนังสือการตูน สามารถทำใหผูเด็ก เหมือนเดิม ทฤษฎีการเรียนรู (learning theory)
วัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย มีความรูและพฤติกรรม ข อ ง Gagne, Briggs แ ล ะ Wagger ( 1998)
การดูแลตนเองที่ดีขึ้น (อางอิงใน นิภาพรรณ บุญช่วย และคณะ, 2016)
กลาววากระบวนการเรียนรูของบุคคลเกิดจากการ
การอภิปรายผลการวิจัย
ได ร ั บ การกระตุ  น จากสิ ่ ง แวดล อ ม ผ า นการรั บ
จากผลการวิจัย อาจสรุปไดวา การใหความรู
สั ม ผั ส และส ง ผ า นข้ อ มู ล ไประบบประสาท
แก่ ผ ู  ป  ว ยเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย โดยใช้ สื่ อ
สวนกลาง มีการเลือกรับรูข้อมูลและจัดเก็บข้อมูล
แอนิเมชันและหนังสือการตูน สามารถทำใหผูปวย
ไวเปนความระยะสั้น เมื่อไดรับการทบทวนข้อมูล
เด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียมีความรูและพฤติกรรม
จะถูกจัดเก็บเปนความจำระยะยาว อาจมีการเรียก
การดูแลตนเองที่ดีขึ้น โดยเฉพาะมีการดูแลตนเอง
ความจำจากสองระยะนี ้ ม าใช้ ง าน เรี ย กว า
เมื่อมีภาวะเบี่ยงเบนสุขภาพมากกวาก่อนไดรับ
working memory หร ื อ long- term memory
โปรแกรมอยางมีนัยสำคัญทางสถิติ อาจเนื่องจาก
ซึ่งข้อมูลนี้จะกระตุนใหเกิดการเรียนรูและการ
สื่อแอนิเมชัน เปนการตูนเคลื่อนไหวมีทั้งภาพและ
ปฏิบัติตามมา ดังนั้น การใช้สื่อแอนิเมชันใหความรู
เสียง และเลาเรื่องดวยภาพที่นาสนใจและนาติดตาม
ที่มีรูปการตูนสีวันสวยงามนาสนใจแก่เด็กวัยเรียน
ทำใหดึงดูดความสนใจของเด็กวัยเรียน จึงทำให
จะช่วยใหเด็กเกิดการจดจำข้อมูลระยะสั้น และ
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
74
ผลของโปรแกรมการให
Journal ความรู
of Phrae Public Health for ตอความรูและพฤติ
Development กรรมการดูแลตนเอง
(JPPHD) ISSN 2774-096X (Online) | 12
Vol.3ของเด็
No.1,กJanuary-June
วัยเรียนโรคธาลั สซีเมีย โรงพยาบาลแพร
2023

เมื่อดูซ้ำๆ หรือมีการทบทวนข้อมูลจากหนังสือ 2. สามารถนำรู ป แบบของโปรแกรม


การตูน รวมถึงการทบทวนความรูและพฤติกรรม การให ความรู  มาเป นแนวทางการให ความรู  แก่
การดูแลตนเองโดยผูวิจัย ซ้ำอีก 2 ครั้ง จึงทำให ผูปวยเด็กวัยเรียนโรคเรื้อรังโรคอื่นๆ เพื่อสงเสริม
มีการกระตุนข้อมูลความรูเรื่องโรคและการปฏิบัติ พฤติกรรมการดูแลตนเองที่ถูกตอง
ตัวซ้ำ ๆ เกิดเปนข้อมูลความจำระยะยาว ทำให
ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งตอไป
ผูปวยเด็กสามารถดูแลตนเองที่เหมาะสมตามมา
ควรมี ก ารศึ ก ษาแนวทางการให ข ้ อ มู ล
สอดคลองกับการศึกษาของ ภูษณิศา มาพิลูน และ
ความรู  เ รื ่ อ งโรคแก่ ผ ู  ป  ว ยเด็ ก ในแต ล ะช่ ว งวั ย
คณะ (2559) ใช้โปรแกรมพัฒนาความสามารถ
ตามระดับพัฒนาการและความสนใจ เพื่อใหผูปวย
ในการดูแลตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย
เด็ ก มี ค วามรู  เ รื ่ อ งโรคและพฤติ ก รรมการดู แ ล
และการดูแลเด็กของผูดูแลซึ่งประกอบไปดวยการ
ตนเองที่ถูกตอง
ใหข้อมูลดวยสื่อวีซีดีการตูน สื่อ power point
คู่มือการดูแลเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมียสำหรับ เอกสารอางอิง
ผูดูแล แผนพลิกการตูนสรางแรงจูงใจในการดูแล กิดานันท มลิทอง. (2543). เทคโนโลยีการศึกษา
ตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย และแผน และนวัตกรรม (พิมพครั้งที่2).
กระดานบั น ไดงู พบว า โปรแกรมดั ง กล า ว จุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย.
มีประสิทธิภาพในการสงเสริมพฤติกรรมการดูแล กิตติ ตอจรัส. (2560). การวินิจฉัยและการตรวจ
ตนเองของเด็กวัยเรียนโรคธาลัสซีเมีย ค่าเฉลี่ย คัดกรองพาหะ ใน จิตสุดา บัวขาว (บ.ก.),
คะแนนพฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองหลั ง ได รั บ แนวทางการดูแลรักษาผูปวยธาลัสซีเมีย
โปรแกรมสู ง กว า ก่ อ นได ร ั บ โปรแกรมอย า งมี ในเวชปฏิ บ ั ต ิ ท ั ่ ว ไป ( น.17- 24).
นัยสำคัญทางสถิติ และ สุชาดา ปราบมีชัย (2560) สำนั ก งานกิ จ การโรงพิ ม พ องค์ ก าร
ศึ ก ษา ผลของสื ่ อ แอนิ เ มชั น ต อ ความรู  แ ละ สงเคราะห ท หารผ า นศึ ก ในพระบรม
พฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองของเด็ ก วั ย เรี ย น ราชูปถัมภ.
โรคธาลั ส ซี เ มี ย พบว า คะแนนความรู  แ ละ เกศมณี มู ล ปานั น ท . (2556). บทบาทของ
พฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุมทดลองสูงกวา พยาบาลในการสนับสนุนการดูแลสุขภาพ
กลุมควบคุมอยางมีนัยสำคัญทางสถิติ ตนเองของเด็กวั ยเรี ยนโรคธาลั สซี เมีย.
วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 6(1),
ข้อเสนอแนะ
2-11.
ข้อเสนอแนะการนำผลการวิจัยไปใช้
นอลีสา สูนสละ, และนรลักขณ เอื้อกิจ. (2559).
1. สามารถนำโปรแกรมการใหความรูไป
ผลของโปรแกรมส ง เสริ ม การรั บ รู
ใช้ในผูปวยเด็กธาลัสซีเมียกลุมอื่นๆ เช่น กลุมเด็ก
สมรรถนะแหงตนตอพฤติกรรมการดูแล
วัยก่อนเรียน หรือกลุมเด็กวัยรุนตอนตนที่มีวัย
ตนเองของเด็กวั ยเรี ยนโรคธาลั สซี เมีย.
ใกลเคียงกับผูปวยเด็กวัยเรียน
วารสารพยาบาลศาสตร จุ ฬ าลงการณ
มหาวิทยาลัย, 28(1), 103 -112.
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
75
The Effect of the Educational Program on Knowledge
Journal of Phrae Public Health for Development (JPPHD) and (Online) | 13
ISSN 2774-096X
Vol.3 No.1, January-June 2023 Care Behaviors of Children with Thalassemia in Phrae hospital

นิภาพรรณ บุญช่วย, วนิดา เสนะสุทธิพันธุ, นง กิจการโรงพิมพ องค์การสงเคราะหทหาร


ลั ก ษณ จิ น ตนาดิ ล ก, และ กลี บ สไบ ผานศึกในพระบรมราชูปถัมภ.
สรรพกิจ. (2559). ผลของโปรแกรมการ Clinch, J. J. & Keselman, H. J. ( 1982) .
สอนต อ ความรู  แ ละพฤติ ก รรมการดู แ ล Parametric alternatives to the
ของผู  ด ู แ ลผู  ป  ว ยเด็ ก โรคธาลั ส ซี เ มี ย . analysis of variance. Journal of
วารสารพยาบาลศาสตร, 34(3), 41-53.
educational statistics, 7(3), 207-214.
บุญชู พงศธนากุล. (2560). โรคโลหิตจางธาลัสซี
Kuder, G. F. & Richardson, M. W. (1937). The
เมี ย ในเด็ ก . สมาคมโลหิ ต วิ ท ยาแห ง
ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย . theory of the estimation of test
http://www.tsh.or.th/knowledge_d reliability. Psychmetrika, 2, 151-160.
etail.php?id=45
ภูษณิศา มาพิลูน, ปรียกมล รัชนกุล, และ วาริยา
หมื่นสา. (2559). ผลของโปรแกรมการ
พั ฒนาความสามารถในการดู แลตนเอง
ของเด็ ก วั ย เรี ย นโรคธาลั ส ซี เ มี ย และ
ความสามารถในการดูแลเด็กของผูดูแล
ต อ พฤติ ก รรมการดู แ ลตนเองของเด็ ก .
วารสารสภาการพยาบาล, 31(2), 52-68.
สุชาดา ปราบมีชัย, และสมสมร เรืองวรบูรณ.
(2560). ผลของสื่อเอนิเมชั่นตอความรู
และพฤติกรรมการดูแลตนเองของเด็กวัย
เรี ยนโรคธาลั สซี เมี ย. วารสารพยาบาล
กระทรวงสาธารณสุข, 27(2), 96-109.
สุทัศน ฟูเจริญ, วรวรรณ ตันไพจิตร, กิตติ ตอ
จรั ส , วิ ป ร วิ ป ระกษิ ต และ อรุ โ ณทั ย
มี แ ก้ ว กุ ญ ชร. (2557). แนวทางการ
วินิจฉัยและการรักษาโรคโลหิตจางธาลัสซี
เมีย. พี.เอ.ลีฟวิ่ง.
อรุณี เจตศรีสุภาพ และ อรุโณทัย มีแก้วกุญชร.
(2560). แนวทางการดู แ ลรั ก ษาผู  ป  ว ย
ธาลัสซีเมีย ใน จิตสุดา บัวขาว (บ.ก.),
แนวทางการดูแลรักษาผูปวยธาลัสซีเมีย
ในเวชปฏิบัติทั่วไป (น.25 -39). สำนักงาน
วารสารสาธารณสุขแพรเพื่อการพัฒนา ปที่ 3 ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน 2566 ลิขสิทธิ์โดย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร
76

You might also like