Professional Documents
Culture Documents
httpelsd.ssru.ac.thpawinee_rapluginfile.php95coursesummaryประเภทของทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม2028129.pdf
httpelsd.ssru.ac.thpawinee_rapluginfile.php95coursesummaryประเภทของทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม2028129.pdf
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้ อม
เรื่ อง ประเภทของทรัพยากรทางธรรมชาติและ
สิ่ งแวดล้อม
สิ่ งแวดล้อม (Environment)
สิ่ งแวดล้ อม คือ สิ่ งต่าง ๆ ที่อยูร่ อบตัวมนุษย์ ทั้งสิ่ งที่มีชีวติ และไม่มีชีวติ ทั้งสิ่ งที่มี
อยูใ่ นธรรมชาติและสิ่ งที่มนุษย์สร้างขึ้น
สิ่ งแวดล้อมแบ่งได้ 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ตามแหล่งกาเนิด ได้แก่
1. สิ่ งแวดล้ อมธรรมชาติ (natural environment)
2. สิ่ งแวดล้ อมทีม่ นุษย์ สร้ างขึน้ (man-made environment)
สิ่ งแวดล้อม (Environment)
1. สิ่ งแวดล้ อมธรรมชาติ (natural environment)
• สิ่ งแวดล้ อมทางชีวภาพ (biotic environment) ได้แก่ คน สัตว์ พืช จุลินทรี ย ์
ซึ่งมีลกั ษณะเฉพาะตัวของสิ่ งมีชีวติ เพื่อการดารงชีวติ
• ทรัพยากรป่ าไม้
• ทรัพยากรสัตว์ป่า
• ทรัพยากรน้ า
• ทรัพยากรดินและที่ดิน
ทรัพยากรป่ าไม้
ป่ าไม้ คือ สังคมของต้นไม้ และสิ่ งมีชีวิตอื่นๆ อันมีความสัมพันธ์ซ่ ึ งกันและกัน
และปกคลุมเนื้ อที่กว้างใหญ่ มีการใช้ประโยชน์จากอากาศ น้ า และวัตถุธาตุต่างๆ ใน
ดิ น เพื่อการเจริ ญ เติ บโต มี ก ารสื บ พัน ธุ์ รวมทั้งให้ผ ลิ ตผล และบริ การที่ จ าเป็ นต่ อ
มนุษย์
ประเภทของป่ าไม้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยูก่ บั การกระจายของฝน ระยะเวลาที่ฝน
ตกรวมทั้งปริ มาณน้ าฝนทาให้ป่าแต่ละแห่ งมีความชุ่มชื้ นต่างกัน สามารถจาแนกได้
เป็ น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ป่ าประเภทที่ไม่ผลัดใบ (Evergreen)
2. ป่ าประเภทที่ผลัดใบ (Deciduous)
ทรัพยากรป่ าไม้
ป่ าไม่ ผลัดใบ (Evergreen) ป่ าประเภทนี้มองดูเขียวชอุ่มตลอดปี เนื่องจากต้นไม้แทบ
ทั้งหมดที่ข้ ึนอยูเ่ ป็ นประเภทที่ไม่ผลัดใบ ป่ าชนิดสาคัญซึ่งจัดอยูใ่ นประเภทนี้ ได้แก่
1. ป่ าดงดิบ (Tropical Evergreen Forest)
2. ป่ าสนเขา (Coniferous Forest)
3. ป่ าชายเลน (Mangrove Forest)
4. ป่ าพรุ หรื อป่ าบึงน้ าจืด (Swamp Forest)
5. ป่ าชายหาด (Beach Forest)
ทรัพยากรป่ าไม้ : ป่ าไม่ ผลัดใบ
ป่ าพรุ ป่ าชายหาด
1. ป่ าดงดิบ (Tropical Evergreen Forest หรื อ Rain Forest)
1.1 ป่ าดิบชื้น (Tropical Rain Forest) มีอยูท่ วั่ ไปในทุกภาคของประเทศ และมากที่สุด
แถบชายฝั่งภาคตะวันออก เช่น ระยอง จันทบุรี และที่ภาคใต้ ลักษณะทัว่ ไปมักเป็ นป่ า
รกทึบ ประกอบด้วยพันธุ์ไม้มากมายหลายร้อยชนิด ต้นไม้ส่วนใหญ่เป็ นวงศ์ยาง ไม้
ตะเคียน กะบาก อบเชย จาปาป่ า
1.2 ป่ าดิบแล้ง (Dry Evergreen Forest) มีอยู่ท่วั ไป
ตามภาคต่าง ๆ ของประเทศ ตามที่ราบเรียบหรือตาม
หุบเขา พันธุไ์ ม้ท่สี าคัญ เช่น ยางแดง มะค่าโมง
1.3 ป่ าดิบเขา (Hill Evergreen Forest)
• ส่วนใหญ่อยู่บนเทือกเขาสูงทางภาคเหนือ และบางแห่งในภาคกลางและภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ เช่นที่ อุทยานแห่งชาติทงุ่ แสลงหลวง และอุทยานแห่งชาติ
นา้ หนาว
2. ป่ าสนเขา (Coniferous Forest หรื อ Pine Forest)
• มีกระจายอยูต่ ามภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลาปาง เพชรบูรณ์
และที่ภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือที่จงั หวัดเลย ศรี สะเกษ สุ รินทร์ และอุบลราชธานี
• ป่ าสนมักขึ้นในที่ดินไม่อุดมสมบูรณ์ เช่น สันเขาที่ค่อนข้างแห้งแล้ง ประเทศไทยมี
สนเขาเพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ สนสองใบ และสนสามใบ และพวกก่อต่าง ๆ ขึ้น
ปะปนอยู่
สนสามใบ
สนสองใบ
3. ป่ าชายเลน (Mangrove Forest หรื อ Intertidal forest)
• มีองค์ ประกอบของผู้สร้ างอินทรียวัตถุ นอกจากพืชชั้นสู งแล้ว ยังมีแพลงตอนพืชและ
สาหร่ ายอีกหลายชนิดที่มีส่วนการผลิตต่อปี ค่อนข้างสู งด
• มีการกักเก็บคาร์ บอนสู ง ทั้งจากผลผลิตสุ ทธิ เฉลี่ยของป่ าในแต่ละวัน การร่ วงหล่นของซาก
พืช และมวลชีวภาพยืนต้น
• การผุสลายในป่ าชายเลน ผูส้ ลายที่สาคัญในป่ าชายเลน ได้แก่ จุลินทรี ย ์ เชื้อรา ทั้งยังมีผชู ้ ่วย
ย่อยสลายที่ทาให้อินทรี ยวัตถุกลายเป็ นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอีกหลายชนิด โดยเฉพาะแมลง ปู หอย
กุง้ เพรี ยง เป็ นต้น
4. ป่ าพรุหรื อป่ าบึงนา้ จืด (Swamp Forest)
• เป็ นระบบที่เป็ นกึ่งป่ าบกและกึ่งระบบของบึงน้ า เป็ นพื้นที่ลุ่มที่มีการทับถมของ
ซากพืชและอินทรี ยวัตถุที่ไม่สลายตัว และมีน้ าท่วมขังหรื อชื้นแฉะตลอดปี
• สภาพดินที่เป็ นกรดจัดและมีน้ าท่วมอย่างต่อเนื่อง
สนทะเล ต้นหูกวาง
ทรัพยากรป่ าไม้ : ป่ าผลัดใบ
ป่ าผลั ด ใบ (Declduous) ในฤดู ฝ น ป่ าประเภทนี้ จะ
มองดูเขียวชอุ่ม พอถึงฤดูแล้ง ต้นไม้ส่วนใหญ่จะพากัน
ผลัดใบทาให้ป่ามองดูโปร่ งขึ้น และมักจะเกิดไฟป่ าเผา ป่ าเบญจพรรณ
ไหม้ใ บไม้แ ละต้น ไม้เ ล็ก ๆ ป่ าชนิ ด ส าคัญ ซึ่ งอยู่ใ น
ประเภทนี้ ได้แก่
1. ป่ าเบญจพรรณ (Mixed Declduous Forest)
2. ป่ าเต็งรัง (Declduous Dipterocarp Forest)
ป่ าเต็งรัง
3. ป่ าหญ้า (Savannas Forest)
ป่ าหญ้ า
1. ป่ าเบญจพรรณ (Mixed Declduous Forest)
• ป่ าชนิดนี้มีอยูท่ วั่ ไปในภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ
• ลักษณะของป่ าเบญจพรรณ โดยทัว่ ไปเป็ นป่ าโปร่ งประกอบด้วยต้นไม้ขนาดกลาง
เป็ นส่ วนมาก พื้นที่ป่าไม่รกทึบมีไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ ขึ้นอยูม่ าก ในฤดูแล้งต้นไม้
ทั้งหมดจะพากันผลัดใบและมีไฟป่ าไหม้อยูท่ ้ งั ปี
• มีพนั ธุ์ไม้ข้ ึนคละกันมากชนิด เช่น ไม้สกั แดง ประดู่ มะค่าโมง ชิงชัน ตะแบก
2. ป่ าเต็งรัง (Declduous Dipterocarp Forest)
• ป่ าชนิดนี้มีอยูม่ ากทางภาคเหนือ ภาคกลาง และพบมากในภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ
• ป่ าชนิดนี้มีอยูท่ วั่ ไปทั้งที่ราบและที่เขาสู ง ดินมักเป็ นทรายและลูกรัง ซึ่งจะมีสีค่อนข้าง
แดง ในบางแห่งจึงเรี ยกว่าป่ าแดง ส่ วนในภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือที่มีป่าขึ้นตามเนิน
ที่เรี ยกว่าโคก จึงเรี ยกว่าป่ าโคก
• ลักษณะป่ าชนิดนี้เป็ นป่ าโปร่ งมีตน้ ไม้ขนาดเล็กและขนาดกลางขึ้นอยูก่ ระจัดกระจาย
พื้นป่ าไม่รกทึบ มีหญ้าชนิดต่าง ๆ และไม้ไผ่ข้ ึนอยูโ่ ดยทัว่ ไป พันธุ์ไม้ในป่ านี้ได้แก่
เต็ง รัง พะยอม มะขามป้อม
3. ป่ าหญ้ า (Savannas Forest)
• เกิดจากการทาลายป่ าไม้ชนิดอื่น ๆ ดินมีความเสื่ อมโทรม มีฤทธิ์เป็ นกรด ต้นไม้ไม่
สามารถเจริ ญเติบโตได้ จึงมีหญ้าต่าง ๆ เข้าไปแทนที่ แพร่ กระจายทัว่ ประเทศใน
บริ เวณที่ป่าถูกทาลาย
• พบได้ทุกภาคในประเทศ
• เกิดไฟป่ าเป็ นประจาทุกปี
• หญ้าที่ข้ ึนส่ วนใหญ่เป็ นหญ้าคา แฝกหอม เป็ นต้น อาจมีตน้ ไม้ข้ ึนบ้าง เช่น
กระโดน กระถินป่ า ประดู่ ซึ่งเป็ นพวกทนทานไฟป่ าได้ดีมาก
ปลาชัคเกอร์(Sucker Catfish)