Professional Documents
Culture Documents
เคมี58
เคมี58
เคมี58
ปี 58
1. พิจารณาสัญลักษณ์นิวเคลียร์ของธาตุสมมติต่อไปนี้
13A 14B 14C 15D 15E
6 6 7 7 8
ข้อใด ถูกต้ อง
ก. B และ C เป็ นไอโซโทปกัน
ข. C และ D มีจำ� นวนนิวตรอนเท่ากัน
ค. D และ E มีจำ� นวนโปรตอนเท่ากัน
ง. อะตอมของ A และ B มีจำ� นวนอิเล็กตรอนเท่ากัน
จ. C มีมวลอะตอมมากกว่า A เพราะ C มีจำ� นวนนิวตรอนมากกว่า
2. ก�ำหนดให้ : ธาตุ A B และ C มีการจัดเรี ยงอิเล็กตรอนในสถานะพื้น ดังนี้
ธาตุ A ธาตุ B ธาตุ C
1s2 2s2 2p6 1s2 2s2 2p6 3s2 1s2 2s2 2p6 3s2 3p5
พิจารณาข้อความเกี่ยวกับธาตุ A B และ C ต่อไปนี้
1. ธาตุ A เกิดปฏิกิริยายาก เพราะมีความเสถียรสูง
2. ธาตุ A มีค่าพลังงานไอออไนเซชันสูงกว่าธาตุ C
3. สารประกอบออกไซด์ของธาตุ B มีสูตรเคมีเป็ น BO
4. ธาตุ B อยูค่ าบที่ 3 หมู่ IIA และธาตุ C อยูค่ าบที่ 3 หมู่ VA
5. สารประกอบระหว่าง B และ C มีสูตรอย่างง่ายเป็ น BC2
ข้อความใด ถูกต้ อง
ก. 1 3 และ 4 ข. 1 และ 4 เท่านั้น
ค. 2 และ 5 เท่านั้น ง. 1 2 และ 3 เท่านั้น จ. 1 2 3 และ 5
3. การเรี ยงล�ำดับขนาดของอะตอมและขนาดของไอออน ข้อใด ถูกต้ อง
ก. Br > Ca > Cl และ Br- > Cl- > Ca2+
ข. Ca > Br > Cl และ Ca2+ > Br- > Cl-
ค. Ca > Cl > Mg และ Ca2+ > Cl- > Mg2+
ง. Ca > Mg > Cl และ Cl- > Ca2+ > Mg2+
จ. Cl > Mg > Ca และ Cl- > Mg2+ > Ca2+
4. โมเลกุลและไอออนในข้อใดมีรูปร่ างเหมือนกัน
ก. BCl3 I-3 ClF3 ข. BCl3 NO-3 SOCl2
ค. NO-3 PH3 SOCl2 ง. BCl3 NO-3 PH3 จ. I-3 SOCl2 ClF3
1
5. การเปรี ยบเทียบจุดเดือดของสารต่อไปนี้ขอ้ ใด ถูกต้ อง
ก. HF > LiF ข. H3C - O - CH3 > HO - CH2 - CH3
Cl Cl Cl H
ค. C = C > C=C ง. PH3 > NH3 จ. SO2 > SiO2
H H H Cl
6. เมื่อละลายแคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) ในน�้ำที่อุณหภูมิหอ้ ง พบว่า สารละลายมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเมื่อเติม
สารละลายโซเดียมคาร์บอเนต (Na2CO3) ลงไปจะเกิดตะกอนสี ขาว ข้อสรุ ปใด ถูกต้ อง
ก. ถ้าเติมกรดไฮโดรคลอริ กลงในสารละลาย จะเกิดตะกอนสี ขาวมากขึ้น
ข. การละลายของแคลเซียมคลอไรด์ในน�้ำ เป็ นการเปลี่ยนแปลงแบบดูดความร้อน
ค. ของผสมที่ได้ในขั้นสุ ดท้ายของการทดลองนี้ไม่สามารถน�ำไฟฟ้ าได้ เพราะเกิดตะกอน
ง. สมการไอออนิกสุ ทธิของปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น คือ
Ca2+(aq) + 2Cl-(aq) + 2Na+(aq) + CO32-(aq) CaCO3(s) + 2NaCl(s)
จ. พลังงานแลตทิซของแคลเซียมคลอไรด์มีค่าต�่ำกว่าพลังงานไฮเดรชันระหว่างโมเลกุลของน�้ำกับ
แคลเซียมไอออนและคลอไรด์ไอออน
7. ถ้า X เป็ นธาตุในคาบที่ 4 ของตารางธาตุ และเมื่อท�ำปฏิกิริยากับน�้ำ พบว่ามีผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นดังสมการ
2X (s) + 2 H2O (l) 2 XOH (aq) + H2 (g) ข้อใด ถูกต้ อง
ก. สารประกอบออกไซด์ของธาตุ X มีสูตรเคมีเป็ น XO และละลายน�้ำได้นอ้ ยที่อุณหภูมิหอ้ ง
ข. ธาตุ X มีความไวต่อปฏิกิริยาน้อยกว่า Na และ Mg จึงพบอยูเ่ ป็ นธาตุอิสระในธรรมชาติบา้ ง
ค. เมื่อเติมสารประกอบไฮดรอกไซด์ของธาตุ X ลงในสารละลายโซเดียมคาร์บอเนตจะมีตะกอนสี ขาวเกิดขึ้น
ง. สารประกอบคลอไรด์ของธาตุ X เมื่อละลายน�้ำ จะเปลี่ยนสี กระดาษลิตมัสจากแดงเป็ นน�้ำเงิน
เนื่องจากมีสมบัติเป็ นเบส
จ. เมื่อเติมสารละลายคลอรี น (Cl2) ใน CCl4 ลงในสารละลายไอโอไดด์ของธาตุ X สารละลายผสม
จะแยกเป็ น 2 ชั้น และในชั้นชอง CCl4 จะปรากฎเป็ นสี ชมพูแกมม่วง
8. ก�ำหนดให้ : ธาตุ A , B และ C มีสมบัติดงั นี้
ธาตุ A เป็ นของแข็ง ผิวเป็ นมันวาว น�ำไฟฟ้ าได้เล็กน้อย ไม่ทำ� ปฏิกิริยากับน�้ำ แต่ทำ� ปฏิกิริยา
รุ นแรงกับ Cl2 ได้ของแข็งสี ขาวที่ละลายน�้ำได้เล็กน้อย และสารละลายมีสมบัติเป็ นกรด
ธาตุ B เป็ นของแข็ง น�ำไฟฟ้ าได้ดี ไม่ทำ� ปฏิกิริยากับน�้ำ แต่เมื่อละลายในกรด HCl
ได้สารละลายสี เขียว และเกิดฟองแก๊สขึ้น
ธาตุ C เป็ นของแข็ง น�ำไฟฟ้ าได้ดี ท�ำปฏิกิริยากับน�้ำได้สารละลายที่มีสมบัติเป็ นเบส
และมีฟองแก๊สเกิดขึ้น เมื่อเติมกรด H2SO4 ลงไปในสารละลายนี้จะมีตะกอนสี ขาวเกิดขึ้น
ธาตุใดเป็ นธาตุแทรนซิชนั
ก. A เท่านั้น ข. B เท่านั้น
ค. C เท่านั้น ง. A และ C จ. B และ C
2
9. ปัญหาหนึ่งที่น่ากังวลจากเหตุการณ์อุบตั ิภยั โรงไฟฟ้ านิวเคลียร์ที่ฟกู ชู ิมะ ประเทศญี่ปุ่น คือการรั่วไหล
ของไอโซโทปกัมมันตรังสี Cs-137 ถ้าเริ่ มต้นจาก Cs-137 จ�ำนวน 128 mg ต้องใช้เวลานานกี่ปี
จึงจะมีปริ มาณ Cs-137 เหลืออยู ่ 1 mg (ก�ำหนดให้ Cs-137 มีครึ่ งชีวติ 30 ปี )
ก. 60 ข. 150
ค. 180 ง. 210 จ. 240
10. ถ้าธาตุ X มีสมบัติดงั นี้
- เป็ นของแข็ง มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง
- สารประกอบออกไซด์ที่พบในธรรมชาติมีสูตรเป็ น XO และ XO2
- สารประกอบคลอไรด์ของธาตุ X ไม่ละลายน�้ำ
ข้อใดน่าจะเป็ นการจัดเรี ยงอิเล็กตรอนของธาตุ X
ก. [He] 2s2 ข. [He] 2s2 2p2
ค. [Ne] 3s1 ง. [Ne] 3s2 3p2 จ. [Ne] 3s2 3p5
11. ธาตุ X ที่พบในธรรมชาติมี 2 ไอโซโทป มีมวลอะตอมเท่ากับ 10.0 และ 11.0 ถ้ามวลอะตอมเฉลี่ยของธาตุ X
เท่ากับ 10.8 ข้อใดเป็ นกราฟแสดงความสัมพันธ์ของปริ มาณที่พบ (ร้อยละ) กับมวลอะตอมของ X
ก. 100 ข. 100
ปริ มาณที่พบ(ร้อยละ)
ปริ มาณที่พบ(ร้อยละ)
80 80
60 60
40 40
20 20
0 10.0 11.0 0 10.0 11.0
มวลอะตอม มวลอะตอม
ค. ง. 100 จ.
100 100
ปริ มาณที่พบ(ร้อยละ)
80
ปริ มาณที่พบ(ร้อยละ)
ปริ มาณที่พบ(ร้อยละ)
80 80
60
60 40 60
40 40
20
20 20
0 10.0 11.0
0 10.0 11.0 0 10.0 11.0
มวลอะตอม
มวลอะตอม มวลอะตอม
12. แก๊สหุงต้มถังหนึ่งประกอบด้วยโพรเพน (C3H8) และบิวเทน (C4H10) ซึ่งมีเศษส่ วนโมลของโพรเพน
เท่ากับ 0.6 และมวลรวมแก๊สเท่ากับ 49.6 kg เมื่อเผาไหม้แก๊สหุงต้มในถังนี้อย่างสมบูรณ์ จะได้แก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์กี่กิโลกรัม
ก. 110.0 ข. 149.6
ค. 154.0 ง. 158.4 จ. 308.0
3
13. ในการเตรี ยมสารละลายมาตรฐาน K2Cr2O7 เข้มข้น 1.00 x 10-5 mol/dm3 ท�ำได้โดยชัง่ K2Cr2O7
บริ สุทธิ์ X g ละลายด้วยน�้ำกลัน่ และปรับปริ มาตรเป็ น 100 cm3 จากนั้นปิ เปตต์สารละลายที่เตรี ยมได้
1.00 cm3 ใส่ ลงในขวดวัดปริ มาตรขนาด 500 cm3 เติมน�้ำกลัน่ จนถึงขีดวัดปริ มาตร แล้วเขย่าผสม
ให้เข้ากัน X มีค่าเท่าใด
ก. 0.147 ข. 0.294
ค. 0.588 ง. 1.470 จ. 2.940
14. น�ำสารประกอบ X มา 0.0320 mol ละลายในตัวท�ำละลาย A ปริ มาตร 20 cm3 ได้สารละลายที่มี
จุดเยือกแข็ง −10.0 oC และเมื่อสารประกอบ Y มา 2.85 g ละลายในตัวท�ำละลาย A ปริ มาตร 20 cm3
ได้สารละลายที่มีจุดเยือกแข็ง −2.0 oC ถ้าสาร X และ Y เป็ นสารประกอบที่ไม่ระเหยและไม่แตกตัว
ในตัวท�ำละลาย A และ A เป็ นของเหลวที่มีจุดเยือกแข็ง 6.0 oC มีความหนาแน่น 0.800 g/cm3
ข้อใดเป็ นมวลโมเลกุลของสาร Y
ก. 111 ข. 114
ค. 142.5 ง. 178 จ. 223
15. แมกนีเซียมไนไตรด์ (Mg3N2) 4.0 g ท�ำปฏิกิริยากับน�้ำ 2.7 g ได้แมกนีเซียมออกไซด์ 3.6 g และแอมโมเนีย
ปฏิกิริยานี้มีผลได้ร้อยละเท่าใด
ก. 54 ข. 60
ค. 75 ง. 83 จ. 90
16. แก๊สผสมซึ่งประกอบด้วย XY2 และ X2Y4 ที่มีปริ มาตรรวม 500 cm3 ที่ STP เมื่อน�ำไปให้ความร้อนสูง
พบว่า X2Y4 สลายตัวหมด ให้ XY2 ดังสมการ
X2Y4(g) XY2(g) (สมการยังไม่ดุล)
หลังจากการสลายตัว พบว่า แก๊สทั้งหมดที่ได้มีปริ มาตรรวม 800 cm3 ที่ STP ข้อใดเป็ นร้อยละโดยปริ มาตร
ของ XY2 ในแก๊สผสม
ก. 15.4 ข. 25.0
ค. 33.3 ง. 40.0 จ. 53.3
4
17. พิจารณาข้อสรุ ป หรื อค�ำอธิบายของสาร 1 - 4 ซึ่งมีสมบัติดงั ตาราง
ความดัน (atm)
1.0
ของแข็ง ของเหลว
0.5
แก๊ส
-30 -10 10 30 50 70
อุณหภูมิ (oC)
ถ้าภาวะเริ่ มต้นของสาร X คือ อุณหภูมิ 30oC และความดัน 1 atm ข้อความใด ผิด
ก. ที่ภาวะเริ่ มต้น สาร X เป็ นของเหลว
ข. ที่ความดันต�่ำกว่า 0.5 atm อุณหภูมิสูงกว่า 50oC สาร X มีสถานะเป็ นแก๊ส
ค. ถ้าลดอุณหภูมิลงให้ต่ำ� กว่า 10oC โดยความดันไม่เปลี่ยน สาร X จะเป็ นของแข็ง
ง. ถ้าลดความดันเป็ น 0.5 atm และลดอุณหภูมิลงจนต�่ำกว่า -10oC สาร X จะเป็ นของแข็ง
จ. ถ้าลดความดันจากภาวะเริ่ มต้นเป็ น 0.5 atm โดยอุณหภูมิไม่เปลี่ยน สาร X จะยังคงมีสถานะเดิม
5
19. บรรจุแก๊สชนิดหนึ่งที่ความดัน 60 atm และอุณหภูมิ 27oC ลงในถังจุ 10 L ที่ทนความดันได้สูงสุ ด
70 atm อุณหภูมิสูงสุ ด (หน่วย oC) ที่ถงั ทนได้โดยยังไม่ระเบิดมีค่าเท่าใด และถ้าน�ำถังแก๊สนี้ไปตั้งทิ้ง
ไว้ในห้องเก็บของซึ่งมีอุณหภูมิ 37oC ถังจะระเบิดหรื อไม่
(ก�ำหนดให้ ค่าคงที่ของแก๊ส = 8.3 J K-1mol-1 = 0.082 L atm K-1mol-1)
ก. 31.5 ระเบิด ข. 62 ไม่ระเบิด
ค. 77 ไม่ระเบิด ง. 257 ไม่ระเบิด จ. 350 ระเบิด
20. ข้อใดเป็ นแก๊สที่มีอตั ราการแพร่ ผา่ นแผ่นรู พรุ นเป็ นครึ่ งหนึ่งของแก๊สนีออน
ก. ฮีเลียม ข. อาร์กอน
ค. คาร์บอนไดออกไซด์ ง. ซัลเฟอร์ไตรออกไซด์ จ. เตตระฟลูออโรเอทิลีน
21. พิจารณาปฏิกิริยา Mg(s) + 2H+(aq) Mg2+(aq) + H2(g) ในระบบปิ ด ในการศึกษาลักษณะ
ของลวด Mg ที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยา โดยท�ำการทดลอง 5 ครั้ง แต่ละครั้งใช้ลวด Mg 10 g เท่ากัน
ท�ำปฏิกิริยากับสารละลาย HCl เข้มข้น 0.2 mol/dm3 ปริ มาตรเท่ากัน และที่อุณหภูมิเดียวกัน ลักษณะของ
ลวด Mg ในข้อใดที่ทำ� ให้อตั ราการเกิดปฏิกิริยามีค่าน้อยที่สุด
ก. Mg ที่มว้ นเป็ นก้อนกลม ข. Mg ที่ยดื เป็ นเส้นตรงที่บางและยาวที่สุด
ค. Mg ที่ตดั เป็ นชิ้นเล็ก ๆ ประมาณ 10 - 20 ชิ้น ง. Mg ที่บิดเป็ นเกลียว เพื่อให้ความยาวของลวดสั้นลง
จ. Mg ที่พบั เป็ นรอยหยัก เพื่อให้ความยาวของลวดสั้นลง
22. พิจารณาปฏิกิริยาของ Br2 กับกรด HCOOH ที่ 25oC ดังสมการ
Br2(aq) + HCOOH(aq) 2Br-(aq) + 2H+(aq) + CO2(g)
ในสารละลาย 1 dm3 มี Br2 0.0120 mol ท�ำปฏิกิริยากับ HCOOH 0.0500 mol เมื่อเวลาผ่านไป 100 วินาที
พบว่า มีสาร Br- เกิดขึ้น 7.20 x 10-3 mol อัตราการลดลงของ Br2 ในช่วงเวลา 0 ถึง 100 วินาที
ในหน่วยโมลต่อวินาที มีค่าเท่าใด
ก. 3.60 x 10-5 ข. 7.20 x 10-5
ค. 1.20 x 10-4 ง. 1.44 x 10-4 จ. 7.20 x 10-3
6
23. พิจารณาปฏิกิริยาเคมีต่อไปนี้
1. Mg(s) + 2HCl(aq) MgCl2(aq) + H2(g)
2. 2KClO3(s) 2KCl(s) + 3O2(g)
3. Ca(OH)2(aq) + CO2(g) CaCO3(s) + H2O(l)
ในการศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยา 1 2 และ 3 การติดตามการเปลี่ยนแปลงสมบัติของระบบในข้อใดเหมาะสม
ปฏิกริ ิยา 1. ปฏิกริ ิยา 2. ปฏิกริ ิยา 3.
ก. ปริ มาตรเแก๊ส ปริ มาตรแก๊ส ปริ มาณตะกอน
ข. pH ปริ มาณตะกอน อุณหภูมิ
ค. ปริ มาณตะกอน ปริ มาณตะกอน pH
ง. ปริ มาตรแก๊ส ปริ มาตรแก๊ส อุณหภูมิ
จ. pH อุณหภูมิ ปริ มาณตะกอน
24. พิจารณากราฟแสดงการกระจายพลังงานจลน์ของโมเลกุลของแก๊สชนิดหนึ่ง
(1)
สภาวะ (1) ที่อุณหภูมิ ToC
สภาวะ (2) ที่อุณหภูมิ 5ToC
จ�ำนวนโมเลกุล (2)
พลังงานจลน์
ข้อความใด ถูกต้ อง
ก. สภาวะ (1) เกิดปฏิกิริยาแบบคายความร้อน แต่สภาวะ (2) เกิดปฏิกิริยาแบบดูดความร้อน
ข. ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสภาวะ (1) มีค่าพลังงานก่อกัมมันต์ต่ำ� กว่าปฏิกิริยาที่เกิดในสภาวะ (2)
ค. โมเลกุลที่มีพลังงานจลน์เท่ากับพลังงานจลน์เฉลี่ย ในสภาวะ (1) มีจำ� นวนน้อยกว่าในสภาวะ (2)
ง. สภาวะ (1) มีจำ� นวนโมเลกุลมากกว่าสภาวะ (2) ท�ำให้ปฏิกิริยาที่เกิดในสภาวะ (1) ได้ผลิตภัณฑ์ปริ มาณ
มากกว่าสภาวะ (2)
จ. อัตราการเกิดปฏิกิริยาที่สภาวะ (1) ต�่ำกว่าที่สภาวะ (2) เพราะที่สภาวะ (1) โมเลกุลที่มีพลังงานจลน์สูงมี
จ�ำนวนน้อยกว่าที่สภาวะ (2)
7
25. สารประกอบ Ca(OH)2 เป็ นของแข็งสี ขาว ละลายน�้ำได้นอ้ ย เมื่อน�ำ Ca(OH)2 จ�ำนวนหนึ่งมาละลายน�้ำ
จนได้ระบบที่ประกอบด้วยตะกอนของ Ca(OH)2 และสารละลายอิ่มตัวของ Ca(OH)2 ที่แตกตัวให้ Ca2+
และ OH- โดยมีภาวะสมดุลของการละลายดังสมการ
Ca(OH)2(s) Ca2+(aq) + 2OH-(aq)
ถ้าเติมสารต่อไปนี้ลงไปในระบบ
1. CO2 2. H2O 3. HCl 4. NaOH 5. CaCl2
สารในข้อใดที่ทำ� ให้ระบบมีตะกอนของ Ca(OH)2 น้อยลง
ก. 1 2 และ 3 ข. 2 3 และ 4
ค. 3 4 และ 5 ง. 1 2 และ 4 จ. 2 3 และ 5
26. เมื่อเพิ่มความดันของระบบที่ภาวะสมดุล ปฏิกิริยาใดจะปรับตัวในทิศทางที่ทำ� ให้ได้ผลิตภัณฑ์มากขึ้น
ก. A(g) + B(g) 2C(g) ข. D(s) + E(g) F(g)
ค. G(g) I(g) + H(g) ง. 2X(g) Y(g) + Z(g)
จ. 2P(g) Q(s) + R(g)
27. เมื่อบรรจุแก๊ส H2(g) และแก๊ส I2(g) จ�ำนวนโมลเท่ากันในภาชนะปิ ดที่อุณหภูมิหนึ่งจะเกิดปฏิกิริยา
ดังสมการ
H2(g) + I2(g) 2HI(g)
ไม่มีสี สี ม่วง ไม่มีสี
ถ้าปฏิกิริยานี้มีค่าคงที่สมดุล (K) เท่ากับ 47 ณ ภาวะสมดุล ข้อความใด ผิด
ก. เกิดปฏิกิริยาผันกลับได้
ข. แก๊สผสมมีความเข้มของสี คงที่
ค. ความเข้มข้นของ H2 I2 และ HI เท่ากัน
ง. อัตราการรวมตัวของ H2 และ I2 เท่ากับอัตราการสลายตัวของ HI
จ. จ�ำนวนโมลของ HI ที่เกิดขึ้นเท่ากับผลรวมจ�ำนวนโมลของ H2 กับ I2 ที่ลดลง
28. ก�ำหนดให้ K1 K2 และ K3 เป็ นค่าคงที่สมดุลของปฏิกิริยาเคมีที่ (1) (2) และ (3) ต่อไปนี้
(1) 2A2(g) + B2(g) 2A2B(g) K1
(2) A2(g) + 2B2(g) 2AB2(g) K2
(3) 4AB2(g) 2A2B(g) + 3B2(g) K3
ความสัมพันธ์ระหว่างค่าคงที่สมดุล K1 K2 และ K3 ข้อใด ถูกต้ อง
K
ก. 2K2 = K1 ข. K1 = K22 K3
3
ค. K2 = K1 - K3 ง. K1 = K22 + K3 จ. K1 = 2K2 + K3
2
8
29. ตามทฤษฎีกรด - เบส ของเบริ นสเตด - ลาวรี ข้อใดเป็ นคู่กรดของเบสที่กำ� หนด
HPO42- SO42- HS- CH3NH2 HCO-3
ก. PO43- HSO-4 H2S CH3NH- CO32-
ข. H2PO-4 H2SO4 S2- CH3NH- CO32-
ค. H3PO4 H2SO4 H2S CH3NH3+ H2CO3
ง. H2PO-4 HSO-4 H2S CH3NH3+ H2CO3
จ. H3PO4 HSO-4 S2- CH3NH3+ H2CO3
30. กรดอินทรี ยช์ นิดหนึ่งมีสูตรโมเลกุลเป็ น C6H5O2N เมื่อน�ำกรดอินทรี ยน์ ้ ีมา 0.6150 g ละลายน�้ำแล้วปรับ
ปริ มาตรสารละลายเป็ น 250.00 cm3 พบว่า สารละลายที่ได้มีค่า pH เท่ากับ 3.00 ข้อใดเป็ นค่าคงที่สมดุล
การแตกตัวของกรดอินทรี ยน์ ้ ี
ก. 1.0 x 10-6 ข. 5.3 x 10-5 ค. 2.5 x 10-4 ง. 1.0 x 10-3 จ. 5.0 x 10-2
31. คองโกเรดเป็ นอินดิเคเตอร์สำ� หรับกรด - เบสที่เปลี่ยนสี (น�้ำเงิน - แดง) ในช่วง pH 3.0 - 5.0 ถ้าหยดคองโกเรด
ลงในสารละลายตัวอย่างที่มีความเข้มข้น 1.0 mol/dm3 พบว่าได้สารละลายสี ม่วง สารละลายตัวอย่างน่าจะเป็ น
สารละลายของสารใด
ก. KF ข. NaCl ค. HNO3 ง. NaOH จ. NH4NO3
32. สารละลายตัวอย่างชนิดหนึ่งมีลกั ษณะใส ไม่มีสี เมื่อน�ำมาตรวจสอบด้วยอินดิเคเตอร์ 5 ชนิด
ได้ผลดังแสดงในตาราง
ข้ อมูลอินดิเคเตอร์ ทใี่ ช้ ผลทีไ่ ด้ จากการตรวจสอบ
ชนิด ช่ วง pH ทีเ่ ปลีย่ นสี สี ทเี่ ปลีย่ น (สี ของสารละลาย)
A 3.0 - 4.6 เหลือง - น�้ำเงิน เขียว
B 4.2 - 6.3 แดง - เหลือง แดง
C 5.0 - 8.0 แดง - น�้ำเงิน แดง
D 6.0 - 7.6 เหลือง - น�้ำเงิน น�้ำเงิน
E 7.0 - 8.0 เหลือง - แดง เหลือง
9
33. กรดทาทาริ ก (C4H6O6) เป็ นกรดไดโปรติกที่มีอยูใ่ นไวน์ เมื่อน�ำตัวอย่างไวน์ 30.00 cm3 มาไทเทรตกับ
สารละลาย NaOH เข้มข้น 0.100 mol/dm3 พบว่าเมื่อใช้สารละลาย NaOH ปริ มาตร 20.00 cm3 จะเกิด
สารละลาย A สารละลาย B
ก. NH4Cl 0.50 mol/dm3 HCl 0.50 mol/dm3
ข. NaHCO3 2.0 mol/dm3 HCl 1.00 mol/dm3
ค. NaOH 2.0 mol/dm3 CH3COOH 0.50 mol/dm3
ง. NaH2PO4 0.50 mol/dm3 Na3PO4 1.00 mol/dm3
จ. NaOH 2.0 mol/dm3 H3PO4 0.50 mol/dm3
ข้อใดเป็ นจ�ำนวนอิเล็กตรอนที่ถ่ายโอนในปฏิกิริยา
ก. 2 ข. 3 ค. 5 ง. 7 จ. 10
10
37. ก�ำหนดให้
พิจารณาแผนภาพเซลล์กลั วานิกต่อไปนี้
1. Cu(s) Cu2+(aq) Fe2+(aq) Fe(s)
2. Pt(s) Fe2+(aq) , Fe3+ (aq) H+(aq) , H2O2(aq) Pt(s)
3. Pt(s) SO42-(aq) , S2O82-(aq) H2O2(aq) O2(g) Pt(s)
แผนภาพเซลล์กลั วานิกข้อใดผิด
ก. 1 เท่านั้น ข. 2 เท่านั้น
ค. 3 เท่านั้น ง. 1 และ 2
จ. 1 และ 3
40. ข้อความเกี่ยวกับอัญมณี ต่อไปนี้ ข้อใด ผิด
ก. โครงสร้างผลึกของเพชรสังเคราะห์เหมือนกับเพชรธรรมชาติ แต่ค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงมาก จึงไม่นิยมผลิต
ข. การหุงพลอย และการย้อมเคลือบสี พลอย ท�ำให้พลอยมีสีสนั สวยงามขึ้น และเป็ นการเปลี่ยนสี พลอยอย่างถาวร
ค. สมบัติที่ใช้ในการจ�ำแนกชนิดของอัญมณี ได้แก่ ความแข็ง ความถ่วงจ�ำเพาะ ค่าดัชนีหกั เห
และลักษณะของผลึกตามธรรมชาติ
ง. เพชรเทียมหรื อเพชรรัสเซียมีความถ่วงจ�ำเพาะและการกระจายแสงสูงกว่าเพชรธรรมชาติ จึงมีประกายแวววาวมาก
จ. ถ้าน�ำพลอยไปอาบรังสี แกมมา หรื อน�ำพลอยไปเผา สี ของพลอยจะเปลี่ยนไป เนื่องจากธาตุมลทิน
ที่ทำ� ให้เกิดสี ในพลอยมีการเปลี่ยนแปลงเลขออกซิเดชัน
12
41. พิจารณาข้อความต่อไปนี้
1. ปุ๋ ยผสม คือ ปุ๋ ยที่ได้จากการน�ำปุ๋ ยเคมีและปุ๋ ยอินทรี ยม์ าผสมกัน เพื่อให้ได้ธาตุอาหารตามที่ตอ้ งการ
2. ถ้าผลิตปุ๋ ยโพแทสซึ่งเป็ นแม่ปุ๋ยจาก KCl จะมีโพแทสเซียมคิดเป็ นปริ มาณของ K2O ร้อยละ 63 โดยมวล
3. ปุ๋ ยอินทรี ย ์ คือ ปุ๋ ยที่ได้จากการเน่าเปื่ อยผุพงั ของซากสิ่ งมีชีวติ ซึ่งเป็ นปุ๋ ยที่มีปริ มาณธาตุอาหารของพืช
ที่แน่นอน ท�ำให้พืชสามารถเจริ ญเติบโตได้ดีและเป็ นที่นิยมใช้
ข้อความใด ผิด
ก. 1 เท่านั้น ข. 2 เท่านั้น
ค. 1 และ 2 ง. 1 และ 3 จ. 2 และ 3
42. พิจารณาการอ่านชื่อสารอินทรี ยต์ ่อไปนี้
CH3-CH2 CH3 CH3
1. CH3-CH-CH-C-CH3 3 , 4 , 5 , 5-tetramethylhexane
CH3
CH3
2. CH3-CH-C CH-CH3 2 , 3-dimethyl-3-pentene
CH3
O
3. CH3-C-O-(CH2)7CH3 octyl acetate
CH3-CH-CH2-CH2-CH3
4. N , N-dimethyl-2-pentanamine
CH3-N-CH3
การอ่านชื่อสารในข้อใด ถูกต้ อง
ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3
ค. 1 และ 4 เท่านั้น ง. 3 และ 4 เท่านั้น จ. 1 3 และ 4
43. สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมีสูตรโมเลกุล C5H10 มีท้ งั ไอโซเมอร์ (A) ที่ฟอกจางสี โบรมีนในที่มืดได้
และไอโซเมอร์ (B) ที่ไม่ฟอกจางสี โบรมีนในที่มืด ไอโซเมอร์ (A) และไอโซเมอร์ (B) จะมีจำ� นวน
ไอโซเมอร์ที่เป็ นประเภทเดียวกันอย่างละเท่าใด
14
47. พิจารณาโครงสร้างของพอลิเมอร์ต่อไปนี้
O O O
(A) (B)
NH(CH2)5C NH(CH2)6NHC(CH2)4C
n n
Cl Cl
(C) (D) CH2CH CCH2
CH2CHCH2C n
n CH3
Cl
พอลิเมอร์ในข้อใดเป็ นพอลิเมอร์เอกพันธุ์
ก. A และ B ข. B และ C
ค. A และ D เท่านั้น ง. C และ D เท่านั้น จ. A C และ D
48. ถ้ากรดไขมัน A - D มีโครงสร้างดังนี้
COOH
1.
COOH
2.
COOH
3.
4. COOH
ข้อใด ผิด
ก. จุดหลอมเหลวของ A > B > C > D
ข. D เกิดการเหม็นหืนได้ง่ายที่สุด
ค. A พบได้เฉพาะในไขมันสัตว์เท่านั้น
ง. B และ C พบได้ท้ งั ในน�้ำมันจากพืชและสัตว์
จ. จ�ำนวนหยดของสารละลาย I2 ที่ใช้ในการฟอกจางสี ของ D > C > B > A
15
49. พิจารณาโครงสร้างของเพปไทด์ต่อไปนี้
COOH
O H
H2N C C N C C N
H H O COOH
COOH
ข้อใด ผิด
ก. จัดเป็ นไตรเพปไทด์ ข. ประกอบด้วยพันธะเพปไทด์ 2 พันธะ
ค. เมื่อละลายน�้ำจะได้สารละลายกรด ง. ท�ำปฏิกิริยากับสารละลายไบยูเร็ ตให้สีม่วง
จ. เมื่อไฮโดรไลส์จะได้กรดอะมิโน 3 ชนิด
50. ถ้าต้องการทดสอบการย่อยสลายเจลาตินด้วยเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ pH ต่าง ๆ กัน ที่อุณหภูมิ 25 oC โดยน�ำ
สารละลายเจลาตินที่ pH ต่าง ๆ ไปแช่ในอ่างน�้ำแข็ง พบว่า เวลาที่ใช้ในการแข็งตัวของเจลาตินเป็ นดังตาราง
16
เฉลยเพียงบางข้ อ
1. A, B มีอิเล็กตรอน 6 ตัวเท่ากัน
2. จ. A คือ Ne, B คือ Mg, C คือ Cl พิจารณาค�ำตอบเองนะไม่ยาก
3. 12Mg 2 8 2 2+ 2 8
12Mg
- 2 8 8
17Cl 2 8 7 17Cl
2+ 2 8 8
20Ca 2 8 8 2 20Ca
Ca > Mg > Cl Cl- > Ca2+ > Mg2+
4. BCl3 แบนราบ, I-3 เส้นตรง, ClF3 รู ปร่ างตัวที
NO-3 แบนราบ, SOCl2 พิระมิดฐาน , PH3 พิระมิดฐาน
Cl Cl Cl H
5. C=C เป็ นแรงระหว่างขั้ว C=C เป็ นแรงลอนดอน
H H H Cl
6. ละลายน�้ำแล้วอุณหภูมิสูงขึ้น พลังงานแลกทิซ < พลังงานไฮเดรชัน
7. X คือ K ท�ำปฏิกิริยารุ นแรงกับน�้ำได้
2K + 2H2O 2KOH + H2
ข้อ จ. KI + Cl2 KCl + I2
เขียว ชมพู - ม่วง
8. สมบัติดงั กล่าว สรุ ปได้วา่
ธาตุ A น่าจะเป็ นกึ่งโลหะ , ธาตุ B เป็ นธาตุ transition , ธาตุ C เป็ นธาตุหมู่ 2
9. 2n = 1281 ; n = 7
ใช้เวลานาน = 7 x 30 = 210 ปี
10. X คือ C โดยมีเลขอะตอมเท่ากับ 6
11. ข้อนี้สามารถคาดคะเนได้ โดยมวลเฉลี่ยใกล้เคียงกับมวลอะตอมของ 11X มาก แสดงว่า ร้อยละของ 11X
ต้องมีปริ มาณมากกว่า 10X มาก
หรื อค�ำนวณ 10X = a % 10.8 = 10a + 11(100 -100
a)
11X = 100 - a % a = 20 %
17
12. จากเศษส่ วนโมล แสดงว่าอัตราส่ วนจ�ำนวนโมลของ C3H8 : C4H10 เป็ น 6 : 4
6C3H8 18CO2 รวมสมการ
3 2 17
4C4H10 16CO2 6C3H8 + 4C4H10 34CO2
49.6 = X
248 748
13. ใช้ สูตร
ถ้าแบ่งสารมา 1 cm3 เติมน�้ำจนเป็ น = 500 cm3
\ ถ้าน�ำสารละลายมา 100 cm3 เติมน�้ำจนเป็ น = 50,000 cm3
C1V1 = C2V2 X -5
294 x 1,000 = 10 x 50,000
g x 1,000 = C V X = 0.147
M 2 2
วิธีทำ�
สารละลาย 1,000 cm3 มี K2Cr2O7 = 294 x 10-5 กรัม
น�ำสารละลายมา 1 cm3 เติมน�้ำจนเป็ น = 500 cm3
ถ้าน�ำสารละลายมา 100 cm3 เติมน�้ำจนเป็ น = 50,000 cm3
50,000 cm3 มีสาร = X กรัม X = 294 x 10-5
50
X กรัม
\ 1,000 cm3 มีสาร = 50 X = 0.147 กรัม
19
28. สมการ 1 = (สมการที่ 2 x 2) + สมการที่ 3
K1 = K22 . K3
29. คู่กรด ต้องมี H+ มากกว่าคู่เบส 1 ตัว
30. C6H5O2N = 0.615 = 0.005 mol/250 cm3 = 0.02 mol/dm3
123
[H+]2 หรื อ C6H5O2N C6H4O2N- + H+
Ka =
C
-3 2 เริ่ มต้น 0.02 0 0
Ka = [10 ]
0.02 เปลี่ยนไป 0.001 0.001 0.001
Ka = 5 x 10-5 สมดุล 0.019 0.001 0.001
2
K = [0.001] = 5.3 x 10-5
0.019
31. สารละลายสี ม่วง แสดงว่า มีค่า pH ประมาณ 3 - 5 สารนี้ตอ้ งเป็ นกรดหรื อเกลือที่มีสภาพเป็ นกรดในที่น้ ี
ต้องไม่ใช่ HNO3 เนื่องจากเป็ นกรดแก่ แตกตัว 100% ถ้าเข้มข้น 1 M pH = 0 ค�ำตอบจึงเป็ น NH4NO3
32. อินดิเคเตอร์ชนิด D ให้ผลเป็ นเบสเพียงตัวเดียว
33. aC1V1 = bC2V2
2 x % x 10
150 x 30 = 1 x 0.1 x 20
20
35. +7 2+
2MnO4 − 2Mn
Mn 1 อะตอมถ่ายเท 5 e−
∴ Mn 2 อะตอมถ่ายเท 10 e−
36. Cl2 มีการเพิ่มและลดเลข Oxidation
37. ศักย์สูง ท�ำหน้าที่รับอิเล็กตรอน ศักย์ต่ำ� ท�ำหน้าที่จ่ายอิเล็กตรอนปฏิกิริยาจึงเกิดได้
38. จากข้อมูล สามารถเรี ยงความสามารถในการ Oxidize ได้ดงั นี้
Ag+ > H+ > Pb2+ > Ni2+ > Cd2+
39. ไม่มีเฉลยละเอียด
40. การเคลือบสี พลอยเป็ นการเปลี่ยนสี พลอยอย่างชัว่ คราว
41. ไม่มีเฉลยละเอียด
42. - ตัวที่ 1 ผิด เพราะต้องอ่านตัวที่มาเกาะต้องเป็ นต�ำแหน่งตัวเลขน้อยๆ
- ตัวที่ 2 ผิด เพราะต้องให้พนั ธะคู่เป็ นต�ำแหน่งที่นอ้ ยที่สุดในโซ่หลัก
43. C5H10 ที่ฟอกสี ด่างทับทิม มี 5 isomer (เขียนเองนะไม่ยาก)
C5H10 ที่ไม่ฟอกสี ด่างทับทิม มี 5 isomer ดังนี้