Professional Documents
Culture Documents
วิชาสถิติและวิจัยทางด้านสาธารณสุข-วิทยากร-ดร.กิตติพงษ์-สอนล้อม
วิชาสถิติและวิจัยทางด้านสาธารณสุข-วิทยากร-ดร.กิตติพงษ์-สอนล้อม
สภาการสาธารณสุขชุมชน
ใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เลขที่ : 11729
วันออกใบอนุญาต: 24/07/2562 วันหมดอายุ : 23/07/2567
=> ท่ านคิดว่ า ท่ านสามารถสอบผ่ าน
ใบประกอบวิชาชีพการสาธารณสุ ขชุมชน
หรื อไม่ ?
a. ผ่ าน
b. ไม่ ผ่าน
วิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
S.Kittipong 3
ความหมายของการวิจัย
• การวิจัย หมายถึง
1) การสะสม, การรวบรวม
2) การค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถว้ นตามหลักวิชา
(พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542, 2546)
• การวิจัย หมายถึง การศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ หรื อทดลองอย่างมีระบบ
โดยอาศัย อุปกรณ์ หรื อวิธีการ เพื่อให้พบข้อเท็จจริ ง หรื อหลักการไปใช้
ในการตั้งกฎ ทฤษฎี หรื อแนวทางในการปฏิบตั ิ
(คณะกรรมการวิจัยแห่ งชาติ, 2549)
S.Kittipong 4
• การวิจัย (Research) หมายถึง กระบวนการศึกษาค้นคว้าหาความรู ้ความจริ ง
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มีการดาเนินการอย่างมีระบบแบบ
แผนและเป็ นวิธีการที่ยอมรับในศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้องค์ความรู ้ใหม่ที่
ตอบคาถามปัญหาที่สนใจ หรื อได้ขอ้ ค้นพบใหม่ที่ใช้ในการแก้ปัญหา
ปรับปรุ งและพัฒนากิจกรรมต่างๆหรื อ เพื่อการตัดสิ นใจต่างที่มี
ประสิ ทธิภาพ หรื อนาไปตั้งกฎ ทฤษฎี ที่อธิบายปรากฏการต่างๆ ได้อย่าง
น่าเชื่อถือและเป็ นที่ยอมรับ
S.Kittipong 5
ประโยชน์ ของการวิจยั
1) ช่วยสร้างองค์ความรู ้ใหม่ ๆ
2) ช่วยพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ
3) ช่วยแก้ปัญหาในการปฏิบตั ิงานต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
และรวดเร็ วขึ้น
4) ช่วยในการกาหนดนโยบายและวางแผนได้อย่างถูกต้อง
S.Kittipong 6
การวิจัยสาหรับสาธารณสุ ข
ศึกษาเอกสารงานที่เกีย่ วข้ อง
กาหนดประเด็นการวิจัย
- สถานการณ์ เขียนเค้าโครง
- คาถามวิจยั
- แนวคิด ทฤษฎี การวิจยั
- สมมติฐาน - วิจยั ที่เกี่ยวข้อง
S.Kittipong 7
การกาหนดปัญหาในการวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
1) ความสาคัญของเรื่ องวิจัย
- ขนาดของปัญหา (ปัญหาร้ายแรงที่ติดอันดับ 1 ถึง 5)
- อยูใ่ นแผน/นโยบายการวิจยั แห่งชาติ หรื อนโยบาย
เร่ งด่วนของประเทศ
- เป็ นเรื่ องที่ให้ความรู ้ใหม่ ๆ (องค์ความรู ้ ทฤษฎี
เทคโนโลยี)
S.Kittipong 8
2) ความรุนแรงของปัญหา
- ปัญหาที่มีผลกระทบต่อสุ ขภาพอนามัยของประชาชน
- ปัญหาสิ่ งแวดล้อมที่เกิดจากผลกระทบของโรงงาน
อุตสาหกรรมต่าง ๆ ปัญหาการเจริ ญเติบโตของเมืองการ
เปลี่ยนแปลงสิ่ งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม มีผลกระทบต่อ
วิถีชีวิตความเป็ นอยู่ และพฤติกรรมต่อสุ ขภาพของประชาชน
- ปัญหาสาธารณสุ ขของประเทศไทยที่ยงั มีความรุ นแรง
อยูใ่ นปัจจุบนั และมีแนวโน้มที่จะเพิม่ มากขึ้นในอนาคต
ได้แก่ ปัญหา ยาเสพติด อุบตั ิเหตุ โรคมะเร็ ง โรคหัวใจ โรค
ความดันโลหิ ต โรคเบาหวาน ปัญหาสุ ขภาพจิต และ
สิ่ งแวดล้อมเป็ นพิษ
S.Kittipong 9
3) ความเป็ นไปได้ ในการทาวิจัย
- ระดับของปัญหาวิจยั (ไม่กว้าง ไม่ซบั ซ้อนเกินไป)
- ความสามารถและทักษะของผูว้ ิจยั
- บุคลากร งบประมาณ ระยะเวลา ในการทาวิจยั
- วิธีการวิจยั อุปกรณ์ เครื่ องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล
4) ไม่ ซ้าซ้ อนงานวิจัยทีท่ ามาแล้ ว
- ปัญหาวิจยั
- สถานที่
- ระยะเวลา
- ระเบียบวิธีวิจยั
S.Kittipong 10
แนวทางการตั้งชื่ อเรื่ องวิจยั
1) ใช้ภาษาที่ง่าย สั้น กระทัดรัด และชัดเจน
2) สามารถบอกได้วา่ เป็ นการศึกษาอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร
3) ไม่ยาวมาก อ่านแล้วเข้าใจยาก จับประเด็นปั ญหาไม่ได้
4) ไม่ส้ นั จนเกินไป อ่านแล้วต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
5) หลีกเลี่ยงการใช้อกั ษรย่อ (จ. : จังหวัด อ. : อาเภอ สสจ. : สานักงานสาธารณสุ ขจังหวัด)
6) ขึ้นต้นด้วยคานาม มากกว่าคากริ ยา
7) มีการระบุตวั แปรหลักที่จะทาการวิจยั
8) สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หลักของการวิจยั
S.Kittipong 11
ตัวอย่ าง :แนวทางการตั้งชื่ อเรื่ องวิจัย
1. Factor interest(s) + Unit of Analysis + Area
เช่ น : พฤติกรรมการดูแลตนเอง และความรู้ ในการใช้ สมุนไพร ของผู้ป่วยเบาหวาน
ในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่ งเสริมสุ ขภาพตาบล... อาเภอ...จังหวัด...
============================================================================================================================
S.Kittipong 12
หลักการเขียนความสาคัญของปัญหา
1) ตรงปัญหา เน้นปั ญหาให้ถูกจุด ไม่ออ้ มค้อม วกวน
2) ครอบคลุมประเด็นที่สาคัญของปัญหาที่จะศึกษา
3) อย่านาตัวเลข ตาราง ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องมาใส่
4) มีการอ้างอิง จากคาพูด แนวคิด ทฤษฎี ผูอ้ ื่น
5) อย่าตัดต่อข้อความแนวคิดผูอ้ ื่นมาเป็ นประโยค/วรรคๆ
6) ในแต่ละหน้าต้องมีการแบ่งย่อหน้าตามความเหมาะสม
7) เขียนเนื้อหาเรื่ องให้มีความสัมพันธ์กนั อย่างต่อเนื่องทุกย่อหน้า
8) สรุ ปให้เหมาะสม เชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ของการศึกษา
S.Kittipong 13
ลักษณะการเขียนความสาคัญของปัญหา
สถานการณ์
การเปลีย่ นแปลง
• ใหญ่ → เล็ก
• มาก → น้ อย
ระยะเวลา
• เก่า → ใหม่
ปัญหา / ประเด็น
S.Kittipong 14
การทบทวนวรรณกรรม และการสื บค้ น
หลักฐานเชิงประจักษ์ ในงานวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
ที่มาของหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence)
1) จากประสบการณ์ น้ อย
2) จากความเห็นของผูเ้ ชี่ยวชาญ
3) จากการเรี ยนรู ้/ตารา
4) จากการทดลอง
5) จากการศึกษาวิจยั ที่มีคุณภาพ มาก
S.Kittipong 15
การจัดลาดับคุณภาพของหลักฐานเชิงประจักษ์
ทีเ่ ป็ นงานวิจยั
ระดับ 1 งานวิจัยแบบ Systematic review
ระดับ 2 งานวิจัยแบบ RCTs
ระดับ 3 งานวิจัยแบบ Quasi-experimental research
ระดับ 4 งานวิจัยแบบ Cohort studies
ระดับ 5 วิจัยแบบ Case control studies
ระดับ 6 วิจัยแบบสารวจที่ไม่ มีกลุ่มเปรียบเทียบ
ระดับ 7 ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ความรู้ ทางสรีระวิทยา การสรุป
S.Kittipong 16
การสื บค้ นสารสนเทศเพื่อการวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
DATA
S.Kittipong 17
หลักการสื บค้ น
S.Kittipong 18
การสื บค้ นสารสนเทศที่นิยมใช้ ในงานวิจัยเชิงทดลอง
PICO framework
PICO
C : Comparison I : Intervention
S.Kittipong 19
การสื บค้ นสารสนเทศ นิยมใช้ ในงานวิจัยเชิงสั งเกต หรื อสารวจ
5W Questions
S.Kittipong 20
การสร้ างเครื่ องมือ
ในการวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
S.Kittipong 21
ความสาคัญของเครื่ องมือวิจยั
1) ใช้ในการรวบรวมข้อมูล
2) เป็ นตัวเชื่อมระหว่าง ปัญหา วัตถุประสงค์ และสมมุติฐาน
ในการวิจยั กับข้อมูลที่จะนามาใช้เป็ นหลักฐาน
3) ช่วยให้การรวบรวมข้อมูลกระชับตรงประเด็นต่อเนื่อง
เป็ นขั้นตอนซึ่งจะช่วยลดความผิดพลาดของการรวบรวม
ข้อมูล
4) ช่วยในการจัดเตรี ยมข้อมูลเพื่อให้การวิเคราะห์ง่ายขึ้น
S.Kittipong 22
ประเภทเครื่ องมือทีใ่ ช้ ในการวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
S.Kittipong 23
การเลือกใช้ เครื่ องมือ/วิธีการในการวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
1) เลือกเครื่ องมือที่มีความถูกต้องสู ง
2) เรื่ องเครื่ องมือที่มีความน่าจะเป็ นและแม่นยา
3) วิธีทดสอบง่ายเลยให้ผลเร็ ว
4) เครื่ องมือหรื อวิธีการมีราคาไม่แพง
S.Kittipong 24
ขั้นตอนการสร้ างและพัฒนาเครื่ องมือเพื่อใช้ ในการวิจัยด้ านสาธารณสุ ข
1) ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2) นิยามศัพท์
3) สร้างเครื่ องมือ (ฉบับร่ าง)
4) ตรวจสอบคุณภาพโดยผูเ้ ชี่ยวชาญ
5) ปรับปรุ งแก้ไข
6) ทดลองใช้เครื่ องมือ (try out)
7) คานวณหาค่าความเที่ยง
8) นาไปใช้เก็บข้อมูลจริ ง
S.Kittipong 25
การตรวจสอบ คุณภาพเครื่ องมือ
x x
x
x
S.Kittipong 26
การตรวจสอบ ความเทีย่ ง หรื อความเชื่ อถือ เชื่ อมั่น (Reliability)
S.Kittipong 27
การตรวจสอบ ความตรง (Validity)
S.Kittipong 28
จริยธรรมในการวิจัย
ด้ านสาธารณสุ ข
จริยธรรมในการวิจัย หมายถึง จริ ยธรรมเกี่ยวกับการศึกษาวิจยั
และการทดลองในคน เช่น คาประกาศ หรื อปฏิญญา กฎหมาย
ข้อบังคับ ข้อกาหนด แนวทางที่องค์กรกากับดูแลระดับประเทศ และ
สถาบันกาหนด ซึ่งเป็ นหลักปฏิบัติอนั เหมาะสมเป็ นที่ยอมรับในกลุ่ม
บุคคล หรื อสังคมให้ยดึ ถือปฏิบตั ิ สอดคล้องกับหลักสากล และไม่
ขัดต่อวัฒนธรรม ประเพณี ของท้องถิ่น
S.Kittipong 29
แนวทางและหลักจริยธรรม
ของการทาวิจัยด้ านสาธารณสุ ขในมนุษย์
1) หลักการเคารพในบุคคล (Respect of autonomy)
2) หลักหลักคุณประโยชน์ ไม่ ก่ออันตราย (Beneficence)
3) หลักความยุตธิ รรม (Justice)
S.Kittipong 30
1) หลักการเคารพในบุคคล (Respect of autonomy)
• เคารพในการขอความยินยอม
• เคารพในความเป็ นส่ วนตัวของอาสาสมัคร
• เคารพในการเก็บรักษาความลับของข้ อมูลส่ วนตัวของ
อาสาสมัคร
• เคารพในความเป็ นกลุ่มเปราะบาง
S.Kittipong 31
2) หลักหลักคุณประโยชน์ ไม่ ก่ออันตราย (Beneficence)
• อันตรายต่ อร่ างกาย
• อันตรายต่ อจิตใจ
• อันตรายต่ อสถานะทางสังคม และฐานะทางการเงิน
• อันตรายทางกฎหมาย เช่ น ถูกจับกุม
S.Kittipong 32
3) หลักความยุติธรรม (Justice)
• การเลือกอาสาสมัคร
• การจัดสรรอาสาสมัครเข้ ากลุ่มศึกษา
S.Kittipong 33
การเขียนรายงานการวิจัย
S.Kittipong 34
1. ส่ วนตอนต้ น(Preliminary Section)
• ปกนอก
• ปกใน
• บทคัดย่อ
• กิตติกรรมประกาศ
• สารบัญ
• สารบัญตาราง
• สารบัญภาพ
S.Kittipong 35
2. ส่ วนเนื้อหา(Main Body Section)
บทที่ 1 บทนา
บทที่ 2 วรรณกรรมและงานวิจยั ที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3 ระเบียบวิธีวิจยั
บทที่ 4 ผลการวิจยั และอภิปรายผล
บทที่ 5 สรุ ปผลและข้อเสนอแนะ
S.Kittipong 36
3.ส่ วนบรรณานุกรม(Bibliography Section)
S.Kittipong 37
การเผยแพร่ ผลงานวิจัย
ทางวิทยาศาสตร์ สุขภาพ
❖ ผลงานวิจยั ด้านสาธารณสุ ขนั้นจาเป็ นต้องมีการ
สื่ อสารเพื่อเผยแพร่ ความรู ้ที่ได้จากงานวิจยั หรื อข้อมูล
ความรู ้ทางวิชาการแก่เพื่อนร่ วมวิชาชีพ แหล่งทุน องค์กร
ภาครัฐและเอกชน และต่อสาธารณชน
❖ ซึ่งการสื่ อสารเผยแพร่ น้ ีเป็ นกระบวนการที่มีความ
หลากหลายและซับซ้อน ซึ่ งอาจมีขอ้ แตกต่างกันในการ
เผยแพร่ ที่สื่อสารออกไป
S.Kittipong 38
รู ปแบบการเผยแพร่ ผลงานวิจัยด้ านสาธารณสุ ข
➢ การนาเสนอในแวดวงวิชาการหรื อประชาคมวิจัย ทั้งใน
การประชุมวิชาการ หรื อนาเสนอ
➢ ในกลุ่มย่อย การนาเสนอมีท้งั รูปแบบการบรรยาย
รายงาน หรื อรู ปแบบของนิทรรศการ
➢ โปสเตอร์
➢ การตีพมิ พ์ในเอกสารประกอบการประชุมหนังสื อ
รายงานผลงานวิจัย
➢ การตีพมิ พ์ในวารสารวิชาการ
S.Kittipong 39
ส่ วนประกอบหลักของบทความเพื่อเผยแพร่
ผลงานวิจัยด้ านสาธารณสุ ข
1. ชื่ อบทความวิจัย
2. บทคัดย่ อบทคัดย่ อ
3. บทนา
4. ระเบียบวิธีวจิ ัย
5. สรุปผล
6. อภิปรายผลการวิจัย
7. เอกสารอ้างอิง
S.Kittipong 40
รูปแบบของการนาเสนอข้ อมูล
• การนาเสนอแบบตาราง
• การนาเสนอแบบกราฟ
• การนาเสนอแบบแผนภูมิ เช่น แท่ง วงกลม รู ปภาพ
• การนาเสนอแบบแผนที่
S.Kittipong 41
สถิติเบื้องต้ น
สาหรับการวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
S.Kittipong 42
สถิตเิ บื้องต้ น สาหรับการวิจยั ด้ านสาธารณสุ ข
S.Kittipong 43
ประชากรและกลุ่มตัวอย่ าง
ประชากร (Population) หมายถึง จานวน กลุ่มตัวอย่ าง (Sample) หมายถึง เป็ นกลุ่ม
ทั้งหมดของหน่วย ที่มีคุณสมบัติตามที่ ของสิ่ งต่างๆ ที่เป็ นส่ วนหนึ่งของประชากรที่
ผูว้ จิ ยั กาหนดและสนใจศึกษาตามเงื่อนไข ศึกษา เพื่อนาข้อสรุ ปไปอ้างอิงสู่ ประชากร
เช่น คน สัตว์ หน่วยงาน สิ่ งของต่างๆ ฯลฯ ทั้งหมด โดยที่กลุ่มตัวอย่างจะมีคุณลักษณะ
หรื อสะท้อนภาพของประชากรทั้งหมดได้
ค่ าพารามิเตอร์ (Parameter) ความหมาย ค่ าสถิติ (Statistics)
µ ค่าเฉลีย่ เลขคณิต 𝑥
ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S หรื อ SD
2 ความแปรปรวน S2 หรื อ SD2
ρ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ r
P ค่าสัดส่ วน p
… … …
S.Kittipong 44
กระบวนการทางสถิติ
S.Kittipong 45
การได้ มาซึ่งกลุ่มตัวอย่ าง
(Sampling Technique)
ตัวอย่ างทีไ่ ม่ ได้ ใช้ ความน่ าจะเป็ น ตัวอย่ างแบบที่ใช้ หลักความน่ าจะเป็ น
1. การกาหนดโควต้า (Quota) 1.สุ่ มอย่างง่าย (Simple Random Sampling)
2. การเลือกตามสะดวก (Convenience) 2.สุ่ มแบบมีระบบ (Systematic Sampling)
3. การเลือกแบบบังเอิญ (Accidental) 3.สุ่ มแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified Sampling)
4. การเลือกแบบเจาะจง (Purposive) 4.สุ่ มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Sampling)
5.การเลือกแบบลูกโซ่(Snowball 5.สุ่ มแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage
Technique) Sampling)
S.Kittipong 46
ส่ วนประกอบของกระบวนการวิจัย
Bandit Thinkhamrop,
Applications of Statistics in Research, Khon Kaen University
S.Kittipong 47
องค์ ความรู้
ความจริง ความคลาดเคลื่อน
(Truth) (Error)
อคติ
(Bias)
S.Kittipong 48
➢ วิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
➢ วิจยั เชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่ วม
ประเภทของการวิจัย (Participatory Action Research)
➢ วิจัยและพัฒนา (Research and Development)
สาหรับสาธารณสุ ข ➢ วิจัยแบบผสานวิธี (Mixed Method)
➢ วิจัยประเมินผล (Evaluation Research)
เชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ
S.Kittipong 49
การวิจยั แบบสารวจ เชิงวิเคราะห์
(Cohort, Case-Control และ Cross-sectional )
S.Kittipong 50
ผล / ผลกระทบ
เหตุ / ปัจจัยเสี่ ยง
S.Kittipong 51
Case-control study
อดีต ปัจจุบัน
ช่ วงเวลา
S.Kittipong 52
Cohort study
ปัจจุบนั / อนาคต /
อดีต ปัจจุบนั
มีผลกระทบ
ผู้ทสี่ ั มผัส ปัจจัย
เสี่ ยง
ไม่ มผี ลกระทบ
มีผลกระทบ
ผู้ทไี่ ม่ ได้ สัมผัส
ปัจจัยเสี่ ยง
ไม่ มผี ลกระทบ
ช่ วงเวลา
S.Kittipong 53
การวิจัยเชิงทดลอง
Experimental research หรื อ Intervention research
S.Kittipong 54
ประเภทของการวิจัยเชิงทดลอง
S.Kittipong 55
สถิตใิ นการวิเคราะห์ ข้อมูล
1. สถิตเิ ชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
• อธิบาย สรุ ป คุณลักษณะของตัวอย่าง
2. สถิตเิ ชิงอนุมาน (Inferential statistics)
• สรุ ป อ้างอิงไปถึงประชากร ประกอบด้วย
- การทดสอบสมมุติฐาน (Hypothesis testing)
> สมมุติฐานว่าง/หลัก (null hypothesis: H0 )
> สมมุติฐานทางเลือก (alternative hypothesis: HA )
- การประมาณค่า (Estimation)
S.Kittipong 56
สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics)
S.Kittipong 57
ตาแหน่ งของข้ อมูล
1. Quartile = แบ่งข้อมูลออกเป็ น 4 ส่ วนเท่าๆ กัน
S.Kittipong 58
สถิตเิ ชิงอนุมาน (Inferential statistics)
การทดสอบสมมุติฐาน
กาหนดระดับนัยสาคัญ (α) หรื อ โอกาสเกิดความผิดพลาด :
- กาหนดเพื่อใช้ พิจารณาจะปฏิเสธหรื อไม่ ปฏิเสธ H0
- กาหนดที่ระดับ 0.10, 0.05, 0.01 โดยทั่วๆ ไปนิยมกาหนด 0.05
หาค่ า P-Value เพื่อใช้ สรุปผลการทดสอบสมมุติฐาน :
- นาค่ าสถิติไปเปิ ดตาราง / คานวณจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ตามชนิดการแจกแจงความน่ าจะเป็ น
- นาค่ า p-value ไปเปรี ยบเทียบกับระดับนัยสาคัญที่กาหนด
S.Kittipong 59
การประมาณค่ าทางสถิติ
การประมาณค่ าในทางสถิติ สามารถแบ่ งออกเป็ น 2 ลักษณะ คือ
1. การประมาณค่ าแบบจุด (Point Estimation)
เป็ นการประมาณค่ าพารามิเตอร์ ของประชากรด้ วยค่ าเพียงค่ าเดียว ได้ จากการ
คานวณหาค่ าสถิติตัวหนึ่ง จากข้ อมูลตัวอย่ าง แล้ วนาค่ าที่ได้ ไปเป็ นค่ าประมาณของ
พารามิเตอร์ เช่ น ค่ าเฉลีย่ ค่ า OR ค่ า RR เป็ นต้ น
2. การประมาณค่ าแบบช่ วง (Interval Estimation)
เป็ นการประมาณว่ าค่ าพารามิเตอร์ ของประชากร จะอยู่ในช่ วงใดช่ วงหนึ่งที่มคี ่ าอยู่
ระหว่ างค่ าสองค่ า คือ ขอบเขตตา่ (lower limit) และ ขอบเขตสูง (upper limit) โดยค่ านี ้
คือค่ าประมาณแบบเป็ นช่ วงของค่ า Point Estimation:PE กล่ าวคือ lower ≥ PE ≤ upper
➔ ช่ วงความเชื่ อมัน่ (confidence interval)
S.Kittipong 60
การสรุปผลการวิเคราะห์ ข้อมูลทางการวิจัยด้ านสุ ขภาพ
เพื่อการพรรณนา
• จานวนกล่มุ ตัวอย่าง (Number) + ค่าร้ อยละ (Percentage)
• คะแนนเฉลีย่ (Mean)+ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard deviation ; S.D.)
• มัธยฐาน (Median) + ค่าต่าสุด (Min) + ค่าสูงสุด (Max)
เพื่อการอนุมาน
• ค่าระดับนัยสาคัญทางสถิติ (Significance level; p-value)
• ค่าขนาดของผลลัพธ์ (Effect size)
• ค่าช่ วงเชื่อมั่น (Confidence Interval ; CI)
S.Kittipong 61
การเลือกใช้ สถิติ
S.Kittipong 62
คาถามการวิจัยหลัก
คาถามวิจยั คือ ข้ อความทีเ่ ป็ นประโยคคาถามซึ่งแสดง
ให้ เห็นถึงสิ่ งทีผ่ ู้วจิ ยั ต้ องการค้ นคว้ าหาคาตอบ
**คาถามการวิจยั ควรเป็ นคาถามที่ยงั ไม่มีคาตอบ หรื อ
ยังหาข้อสรุ ปที่ชดั เจนยังไม่ได้ => เป็ นส่ วนที่ยงั ไม่มี ยัง
ไม่ครบ ขาดหายไป หรื อช่องว่างขององค์ความรู ้น้ นั ๆ
(Gap of knowledge)
S.Kittipong 63
ประเภทของตัวแปรตามหลัก
ตัวแปรตาม (dependent variable) สามารถจาแนกตาม
มาตรวัดหลัก 4 มาตรา
➢ มาตรานามบัญญัติ (Nominal scale)
เช่ น เพศ สถานภาพสมรส
➢ มาตราเรียงลาดับ (Ordinal scale)
เช่ น ระดับการศึกษา ระดับความรู้
➢ มาตราอันตรภาคชั้น (Interval scale)
เช่ น อุณหภูมิ คะแนนความรู้
➢ มาตราอัตราส่ วน (Ratio scale)
เช่ น อายุ นา้ หนัก
S.Kittipong 64
การจัดกลุ่มตามประเภทของข้อมูล
Nominal scale
ข้ อมูลแบบกลุ่ม/แจงนับ
(Categorical data)
Ordinal scale
Interval scale
ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง
(Continuous Data)
Ratio scale
S.Kittipong 65
ประเภทของข้อมูลผลลัพธ์เป็ นตัวกาหนดสถิติ
ข้ อมูลแบบกลุ่ม/แจงนับ ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง
- Chi-square - ANOVA
- McNemar test - t test, - Pearson’s correlation
- Logistic regression - Linear Regression, - ANCOVA
- Generalized Linear Model [GLM] - Generalized Linear Model [GLM]
... ...
S.Kittipong 66
ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง
S.Kittipong 67
ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง สถิติพาราเมตริก VS สถิติไม่ ใช้ พาราเมตริก
• สถิติแบบพาราเมตริ ก (Parametric statistics)
• จะมีขอ้ ตกลงเบื้องต้นว่าประชากรมีการแจกแจงแบบปกติ (Normal distribution)
• สถิติแบบนอนพาราเมตริ ก (Nonparametric statistics)
• เป็ นสถิติที่ใช้สาหรับตัวแปรที่มีขอ้ มูลเชิงลักษณะ หรื อข้อมูลเชิงปริ มาณแต่มีการแจกแจงอย่างได
ก็ได้ (Distribution free) โดยข้อมูลที่นามาใช้ในการคานวณค่าสถิติจะใช้ อันดับของข้ อมูล (Rank)
แทนข้อมูลดิบ
S.Kittipong 68
S.Kittipong 69
ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง การประมาณค่ าเฉลีย่
One group -> คะแนนเฉลีย่ ของความรอบรู้ด้านสุ ขภาพ ในกลุ่มผู้สูงอายุ
S.Kittipong 70
คาถามวิจยั : ปัจจัยใดบ้างที่มีความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยความรอบรู ้ดา้ น
ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง สุขภาพ ในกลุ่มผูส้ ูงอายุ ?
S.Kittipong 71
คาถามวิจยั : ผลของการพัฒนารู ปแบบการพัฒนาศักยภาพผูด้ ูแลผูส้ ูงอายุ เป็ น
ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง อย่างไร?
S.Kittipong 72
คาถามวิจยั : ระดับความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยจูงใจ กับผลการปฏิบตั ิงานของ
ข้ อมูลแบบต่ อเนื่อง ผูด้ ูแลผูส้ ูงอายุ เป็ นอย่างไร?
S.Kittipong 73
ข้ อมูลแบบกลุ่ม/แจงนับ
S.Kittipong 74
ข้ อมูลแบบกลุ่ม/แจงนับ
Prevalence
95%
ระดับความรอบรู้ด้านสุ ขภาพ จานวน ร้ อยละ
conference interval
ระดับ ดีมาก (≥85 %) 168 2.59 2.23 – 3.01
ระดับ เพียงพอ (67 – 84 %) 1,452 22.42 21.41 – 23.44
ระดับ มีปัญหา (51 – 66 %) 2,434 37.58 36.40 – 38.76
ระดับ ไม่เพียงพอ (≤ 50 %) 2,423 37.41 36.23 – 38.59
ค่าเฉลี่ย (ส่ วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) 75.07 (±21.19)
ค่ามัธยฐาน (ต่าสุ ด : สู งสุ ด) 75 (10: 100)
S.Kittipong 75
ข้ อมูลแบบกลุ่ม/แจงนับ คาถามวิจัย: อายุมีความสัมพันธ์กบั ความพึงพอใจด้านการให้บริ การสุ ขภาพหรื อไม่ ?
ความสั มพันธ์ ระหว่ างอายุกบั ความพึงพอใจด้ านการให้ บริการสุ ขภาพ ของ รพ.สต. ...
S.Kittipong 76
ข้ อมูลแบบกลุ่ม/แจงนับ คาถามวิจัย: ปัจจัยใดบ้างที่มีความสัมพันธ์กบั ระดับความรอบรู ้ดา้ นสุ ขภาพ ในกลุ่มผูส้ ู งอายุ ?
S.Kittipong 78
เหตุใดเราจึงต้ องวิเคราะห์ คราวละหลายตัวแปร
(Multivariable analysis)?
X Y
S.Kittipong 79
X Y RQ: การดื่มสุ รามีความสัมพันธ์กบั การป่ วย
ด้วยโรคมะเร็งปอดหรื อไม่ ?
X : ดื่มสุ รา (Y/N)
Z Y : มะเร็งปอด (Y/N)
Z : สู บบรี่ (Y/N)
S.Kittipong 80
=> ท่ านคิดว่ า ท่ านสามารถสอบผ่ าน
ใบประกอบวิชาชีพการสาธารณสุ ขชุมชน
หรื อไม่ ?
a. ผ่ าน
b. ไม่ ผ่าน
S.Kittipong 82