Professional Documents
Culture Documents
สรุปแนวข้อสอบกลางภาค
สรุปแนวข้อสอบกลางภาค
สรุปแนวข้อสอบกลางภาค
พยัญชนะท้ายพยางค์
ในภาษาไทยเสียงพยัญชนะทั้ง ๒๑ เสียง ใช้เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ไม่ได้ทั้งหมด เรามีเสียง
พยัญชนะท้ายพยางค์ เพียง ๘ มาตราเท่านั้น ส่วนพยางค์ที่ไม่มีเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์จัดอยู่ในมาตราแม่ ก
กา เช่น จะ มา ตี ครู เหาะ พอ แกะ เตะ
เสียงพยัญชนะท้า ยพยางค์ มี ๘ มาตรา หรือ ๘ แม่ ในแต่ล ะมาตราอาจใช้พยัญชนะตัวเดียว
พยัญชนะควบกล้าหรือพยัญชนะที่มีสระกากับก็ได้ดังนี้
๑. แม่ กก มีเสียง ก เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ก กร ข ค คร ฆ ออกเสียงเหมือน ก
สะกด เช่น ลูก จักร เลข นาค สมัคร เมฆ
๒. แม่ กด มีเสียง ด เป็นเสียงพยัญชนะเป็ นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ จ ช ขร ซ ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ต ตร ถ ท ทร ธ ส ศ ษ ออกเสียงเหมือน ด สะกด เช่น กัด นิจ ราช เพชร ก๊าซ กฎ
ปรากฏ รัฐ ครุฑ พัฒนา รัตน์ ฉัตร รถ พุทธ ภัทร โกรธ รส อากาศ
๓. แม่ กบ มีเสียง บ เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ บ ป พ ฟ ภ ออกเสียงเหมือน บ สะกด
เช่น บาป ภาพ กราฟ ลาภ
๔. แม่ กง มีเสียง ง เป็นตัวสะกดหรือพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ง สะกด เช่น จง ยิง สูง สังข์
สงฆ์
๕. แม่ กน มีเสียง น เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ น ญ ณ ร ล ฬ ออกเสียงเหมือน น
สะกด เช่น เงิน เข็ญ คุณ พร กล จุฬ
๖. แม่ กม มีเสียง ม เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ม สะกด เช่น ผม เค็ม
๗. แม่ เกย มีเสียง ย เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ย สะกด เช่น คุย พาย สวย โอย
๘. แม่ เกอว มีเสียง ว เป็นเสียงพยัญชนะท้ายพยางค์ ใช้ ว สะกด เช่น สาว ฉิว เร็ว เปลว แล้ว
นอกจากนั้นยังมีคาที่ประสมสระเสียงสั้นหรือเสียงยาว แต่ไม่มีตัวสะกดเรียกว่า แม่ ก กา เช่น กา จะตี ดุ
เสือ หนี
ความหมาย
เสียงวรรณยุกต์ หมายถึง เสียงที่มีระดับสูงต่่า และเราจะได้ยินไปพร้อมกับเสียงสระบางทีเป็นเสียงสูง
บางทีก็เป็นเสียงต่่า บางทีก็เป็นเสียงที่อยู่ระหว่างเสียงสูงกับเสียงต่่า บางทีก็เป็นเสียงต่่าแล้วค่อย ๆ เลื่อนขึ้น
ไปสู่เสียงสูง
เสียงวรรณยุกต์ในภาษาไทยนับว่ามีความส่าคัญ เพราะท่าให้ความหมายของค่าเปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น
เสื อ มีความหมายอย่ างหนึ่ ง เสื้ อ มีความหมายอย่างหนึ่ง แต่เสี ยงที่มี ระดับสู งต่่าในบางภาษาไม่ได้ท่าให้
ความหมายของค่าเปลี่ยนไป
วรรณยุกต์ในภาษาไทย มี ๔ รูป มี ๕ เสียง ดังนี้
รูปวรรณยุกต์
๑. รูปเอก ( ่ ) เช่น ค่าที่รูปวรรณยุกต์เอก ในค่า ไข่ บ่อ พล่า
๒. รูปโท ( ้ ) เช่น ค่าที่มีรูปวรรณยุกต์โท ในค่า กล้า ค้า ม้า
๓. รูปตรี ( ) เช่น ค่าที่มีรูปเสียงวรรณยุกต์ตรี ในค่า โตะ เปรี๊ยะ กั๊ก
๔. รูปจัตวา ( ) เช่น ค่าที่มีรูปเสียงวรรณยุกต์จัตวา ในค่า เกง แจว กวยเตี๋ยว
เสียงวรรณยุกต์
๑. เสียงสามัญ เช่น ค่าที่มีเสียงวรรณยุกต์ในค่า คลอง จาน ดาว เฟือง
๒. เสียงเอก เช่น ค่าที่มีเสียงวรรณยุกต์ในค่า ไข่ บ่อ กัด จิต
๓. เสียงโท เช่น ค่าที่มีเสียงวรรณยุกต์ในค่า กล้า พล่า มาก เมฆ
๔. เสียงตรี เช่น ค่าที่มีเสียงวรรณยุกต์ในค่า ค้า ม้า ลัด เปรี๊ยะ
๕. เสียงจัตวา เช่น ค่าที่มีเสียงวรรณยุกต์ในค่า จ่า ขอ หมอ เกง
ข้อสังเกต เสียงวรรณยุกต์ที่มีอยู่ในพยางค์หรือค่าต่าง ๆ ที่เราออกเสียงนั้นมิได้ตรงกับรูปวรรณยุกต์ที่
เห็นในตัวเขียนเสมอไป เช่น รู้ เป็นค่าที่มีรูปวรรณยุกต์โท แต่ออกเสียงวรรณยุกต์ตรี
ระบบวรรณยุกต์ของไทยมีความสัมพันธ์กับอักษรสูง กลาง ต่่า และค่าเป็น – ค่าตาย มาก การศึกษา
เรื่องวรรณยุกต์จึงต้องศึกษาไปพร้อม ๆ กับ อักษร ๓ หมู่ หรือไตรยางศ์
อักษรสูง มี ๑๑ ตัว ได้แก่ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห ผี ฝาก ถุง ข้าว (ฃ) สาร เศรษฐี ให้ ฉัน
อักษรกลาง มี ๙ ตัว ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ ไก่ จิก เด็ก (ฎ) ตาย (ฏ) บน ปาก โอ่ง
อักษรต่่า มี ๒๔ ตัว แบ่งเป็นอักษรต่่าเดี่ยว มี ๑๐ ตัว ได้แก่ ง ญ น ณ ม ย ร ล ฬ ว งู ใหญ่ นอน อยู่
ณ ริม วัด โม ฬี โลก
อักษรต่่าคู่ มี ๑๔ ตัว ได้แก่
อักษรต่่า อักษรสูง
คฅ ขฃ
ชฌ ฉ
ซ ศษส
ฑฒทธ ฐถ
พภ ผ
ฟ ฝ
ฮ ห
tkaagprasr ใบความรู เรื่อง ไตรยางศ
หนวยการเรียนรูที่ ๑ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๙ เรือง ไตรยางศ์
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
ไตรยางศ คือ อักษร ๓ หมูซึ่งจัดแยกออกมาเปนพวกๆ จากพยัญชนะ ๔๔ ตัว ไดแก อักษรสูง อักษรกลาง อักษร
ต่ํา
อักษรสูงมี ๑๑ ตัวคือ ข ฅ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
อักษรกลางมี ๙ ตัวคือ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
อักษรต่ํามี ๒๔ ตัวคือ ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฒ ฑ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
การที่จัดแยกพยัญชนะออกเปนอักษร ๓ หมู (ไตรยางศ) นั้นก็โดยถือเอาเสียงเปนสําคัญ คือ พยัญชนะตัวใด
พื้นเสียงที่ยังมิไดผันดวยรูปวรรณยุกต มีสําเนียงอยูในระดับสูงก็จัดเปนพวกอักษรสูง พยัญชนะตัวใดพื้นเสียงที่ ยังมิได
ผันดวยรูปวรรณยุกต มีสําเนียงอยูในระดับกลางก็จัดเปนพวกอักษรกลาง พยัญชนะตัวใดพื้นเสียงที่ ยังมิไดผันดวยรูป
วรรณยุกต มีสําเนียงอยูในระดับต่ําก็จัดเปนพวกอักษรต่ํา ที่เรียกตัวอักษรต่ํานาจะหมายถึงเสียงต่ํากวาอักษรพวก
ขางตน ลองออกเสียงอักษรกลางกับอักษรต่ําเทียบกันจะรูสึกในขอนี้ เพราะลิ้นทําหนาที่ตางกัน
ครบครน ร ง วรรณยกต
พศศร กมล วชช,
TttาRo-o-o--sคค_s tจคงIาoคoงrนac
กทม
กษร ม
นวยก ร รยนรท
ต ร งก รผนวรรณยกต
ผนก รจดก ร รยนรท
ร ยวช ภ ษ ทย ร วช ท
ยง
เรื่อง การผันวรรณยุกต์
ภ ค รยนท ชนมธยมศกษ ปท
มย ต
ตรย งศ มญ ก ท ตร จตว
กษรกล ง
กจฎฏดตบป
ค ปน ผน ด ยง ป ป ป ป ป ค ปน พน ยง มญ
ค ต ย ผน ด ยง - กด กด กด กด ค ต ย พน ยง ก
กษร ง
ขฃฉฐถผฝศษ
ค ปน ผน ด ยง - ข ข - ข ค ปน พน ยงจตว
ค ต ย ผน ด ยง - ขด ขด - - ค ต ย พน ยง ก
กษรต
กษรท ล ตว
ค ปน ผน ด ยง ค - ค ค - ค ปน พน ยง มญ
ถ รวมกบ กษร งจ ผน ดครบ
ยง
ค ต ย ร ยงย ว - - คบ คบ คบ ชน ค ข ข (ค ) ค ข
ค ต ย ร ยง น - - ค ค ค ค ต ย พน ยง ก
ม ย ต ค ปน ค ค ทมลกษณ ข ดข นงดงน
. ค ทปร ม ร ยงย ว มมตว กด ชน ต ม ม มย ตว
. ค ทมตว กด น ม กง กน กม กย ก ว ชน คง กน นม นย ลว
. ค ทปร มกบ ร ชน จ จ ป
ค ต ย ค ค ทมลกษณ ข ดข นงดงน
. ค ทปร ม ร ยง น มมตว กด ชน พร ด ก
. ค ทมตว กด น ม กก กบ กด ( ม กบฏ) ชน จ ก รถ ศพ
ณ็
อื
waamrram ใบความรู เรื่อง คำมูล
หนวยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑ เรื่อง คำมูล
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
การสรางคำในภาษาไทย
คำที่ใชในภาษาไทยดั้งเดิม สวนมากจะเปนคำพยางคเดียว เชน ดำ แดง พอ แม พี่ นอง กิน นอน
เมื่อมีการสื่อสารที่มากขึ้นภาษาไทยก็จะตองพัฒนาทั้งรูปคำและการเพิ่มจำนวนคำ เพื่อใหคำเพียงพอตอการใช
สื่อสาร คำไทยที่ใชอยูปจจุบันมีทั้งคำที่เปนคำไทยดั้งเดิม คำที่ มาจากภาษาตางประเทศ คำศัพทเฉพาะทาง
วิชาการคำที่ใชเฉพาะในภาษาพูด คำชนิดตาง ๆ เหลานี้มีชื่อเรียกตามลักษณะและแบบสรางของคำ โดย
รูปแบบของการสรางคำนั้น เชน คำมูล คำประสม คำซ้ำ คำซอน คำพอง เปนตน
คำมูล
คำมูล คือ คำพื้นฐานที่มีความหมายสมบูรณในตัวเอง เปนคำที่สรางขึ้นโดยเฉพาะ อาจเปนคำไทยแท
หรือเปนคำที่มาจากภาษาอื่นก็ได และจะเปนคำพยางคเดียวหรือหลายพยางคก็ได
๑. ชนิดของคำมูล
๑.๑ คำมูลพยางคเดียว คือ คำพยางคเดียวที่มีความหมายชัดอยูในตัว จะเปนคำที่มาจาก
ภาษาใดก็ได และเปนคำชนิดใดก็ได
ตัวอยางคำมูลพยางคเดียวที่มาจากภาษาตางๆ
ภาษาไทย พอ แม นก แดง แกว
ภาษาอังกฤษ บาส บอล ฟรี น็อค ชัวร
ภาษาจีน เกี๊ยว โตะ เกง อั๋ว ปา
ภาษาเขมร อวย ตรวจ ผลาญ เพลิง เพ็ญ
๑.๒ คำมูลหลายพยางค เปนคำหลายพยางค เมื่อแยกแตละพยางคแลว อาจมีความหมาย
หรือไมมีความหมายก็ได แตความหมายของแตละพยางคไมเกี่ยวของกับความหมายของคำมูลนั้นเลย เชน
กระดาษ ศิลปะ กำมะลอ หรือกลาวไดวา คำมูล คือคำที่มีลักษณะอยางใดอยางหนึ่ง ดังนี้
(๑) ประกอบดวยพยางคที่ไมมีความหมาย เชน “ขนม”
ขะ ไมมีความหมาย
หนม ไมมีความหมาย
ขนม ของกินที่ไมใชกับขาว มักปรุงดวยแปงหรือขาวกับกะทิหรือนํ้าตาล
ของหวาน
ขอยกเวน
คำที่มีเสียงซ้ำกันบางคำก็ไมใชคำซ้ำ เชน
นานา จะจะ เวลาเขียนจะใชไมยมกซ้ำ
ไมได
เรื่องแบบนี้ตางคนตางคิดมันนานาจิตตัง
ฉันเห็นจะจะวาเธอกำลังขโมยของ
Bttmtapmmmaae ใบความรู เรื่อง คำซอน
หนวยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๔ เรื่อง คำซอน
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
๘. ความหมายของคำคูหนากับคูหลังตรงกันขาม เชน
หนาไหวหลังหลอก ปากหวานกนเปรี้ยว
หนาเนื้อใจเสือ หนาชื่นอกตรม
จำนวนคำในคำซอน
๑. คำซอน ๒ คำ คำซอนที่ประกอบดวยคำ ๒ คำ
ชางมา บานเมือง คุกตะราง บานเรือน
๒. คำซอน ๔ คำ คำซอนที่ประกอบดวยคำ ๔ คำ
เขาอกเขาใจ บานชองหองหอ เย็บปกถักรอย เสือสิงหกระทิงแรด
๓. คำซอน ๖ คำ คำซอนที่ประกอบดวยคำ ๖ คำ
คดในของอในกระดูก เลือกที่รักมักที่ชัง จับไมไดไลไมทัน กำแพงมีหูประตูมีชอง
ชนิดของคำซอน
๑. คำซอนเพื่อความหมาย เกิดจากคำมูลที่มีความหมายอยางเดียวกัน ตางกันเล็กนอยหรือไปในทำนอง
เดียวกัน หรือตางกันในลักษณะตรงขาม เมื่อประกอบเปนคำซอนจะมีความหมายอยางใดอยางหนึ่ง
๑) ความหมายเหมือนกัน คำที่นำมาซอนกันนั้นหมายถึงสิ่งเดียวกันหรือเปนอยางเดียวกัน เชน
เร็วไว ทรัพยสิน ใหญโต สูญหาย ดูแล หยาบชา นุมนิ่ม เลือกสรร
๒) ความหมายคลายกัน คำที่นำมาซอนกันนั้นมีความหมายใกลเคียงกันหรือเปนไปในทำนองเดียวกัน
พอที่จะจัดเขากลุมเดียวกันได เชน ยักษมาร ไรนา ถวยโถโอชาม
๓) ความหมายตรงกันขาม คำที่นำมาซอนกันนั้นมีความหมายเปนคนละลักษณะหรือคนละฝายกัน
เชน ใกลไกล สูงต่ำดำขาว ผิดถูก ชั่วดี ทีหนาทีหลัง
๒. คำซอนเพื่อเสียง เปนการนำคำที่มีความหมายคลายคลึงกันมาซอนกัน เพื่อใหออกเสียงงายขึ้น และมีเสียง
คลองจองกัน ทำใหเกิดความไพเราะขึ้น คำซอนเพื่อเสียงนี้บางทีเรียกวาคำคู หรือคำควบคู
๑) นำคำที่มีพยัญชนะตนเดียวกัน แตแตกตางกันที่เสียงสระ นำมาซอนหรือควบคูกัน เชน เรอรา
เซอซา ออแอ จูจี้ เงอะงะ จอแจ รอแร จริงจัง ทึกทัก ตึงตัง
๒) นำคำแรกที่มีความหมายมาซอนกับคำหลัง ซึ่งไมมีความหมาย เพื่อใหคลองจองและออกเสียงได
สะดวก เชน กวาดแกวด มองเมิง ดีเด ไปเปย เดินแดน บาบอ หัวเหอ
๓) นำคำที่มีเสียงสระเดียวมาซอนกันหรือควบคูกัน เชน เบอเรอ อางวางแรนแคน จิ้มลิ้ม ออมชอม
เรื่อยเจื้อย ราบคาบ
B ETE OET T TRAT T OT ATAOATAOA ETRT EBOMOATAT TATSOTSETBEL
ใบความรูเรื่อง ฉันคือผูเชี่ยวชาญเรื่องคำพองรูป
หนวยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๕ เรื่อง คำพอง
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
คำ อานวา ความหมาย
กัน กีดขวางไวไมใหเขามาหรือออกไป
กัลป กัน ระยะหนึ่งในชวงเวลาอันยาวนาน
กรรณ หู
ครรภ ทอง เชน หญิงมีครรภ
คัน
คันธ กลิ่นหอม
พรรณ สีของผิว ชนิด
พัน
พันธุ พวกพอง พี่นอง วงศวาน เหลากอ
จันทร ดวงเดือน
จัน
จันทน ชื่อพรรณไม ใชทำยาเเละปรุงเครื่องหอม
ฆา ทำใหสิ้นไป
คา คา ราคา
ขา ฉัน
หนองกรด ใบความรูเรื่อง ฉันคือผูเชี่ยวชาญเรื่องคำพองทั้งรูปและเสียง
หนวยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๕ เรื่อง คำพอง
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
คำ อานวา ความหมาย
ฉัน คำที่ใชแทนผูพูด
ฉัน ฉัน กิน ใชกับภิกษุสามเณร
ฉัน เชน, อยาง
ชื่อเรียกไมเถาหรือไมตนที่ใชหัวเปนอาหาร
มัน
ได
มัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันชนิดหนึ่งในคน สัตวมี
มัน
ลักษณะนุมๆ หยุน ๆ มีไขมันอยูในตัว
มัน คำที่เราใชแทนผูที่เราพูดถึง
กา ชื่อนกตัวดำ รองกา ๆ
ภาชนะสำหรับใสนํ้าหรือตมนํ้ามีพวยและหูสำหรับ
กา กา
หิ้วหรือจับ
กา ทำเครื่องหมายเปนรูปกากบาท
เขา เนินที่นูนสูงขนเปนจอมเดน
เขา สิ่งที่งอกออกมาจากหัวสัตวบางพวก มีลักษณะแข็ง
เขา
เขา ชื่อนกชนิดหนึ่ง
เขา คำที่ใชแทนผูที่เราพูดถึง
แอนตรา ใบความรูเรื่อง ฉันคือผูเชี่ยวชาญเรื่องคำพองความหมาย
หนวยที่ ๔ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๕ เรื่อง คำพอง
รายวิชาภาษาไทย รหัสวิชา ท๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
คำ คำไวพจน
ใจ กมล , มโน , ดวงหทัย , ดวงแด , ฤทัย , ฤดี , หฤทัย , ทรวง ,
ผูหญิง นงเยาว , พนิดา , นุช , นารี , บังอร , สมร , นงคราญ , สตรี , สุดา , ดรุณี
ทองฟา คนานต , เวหา , เวหาส , อัมพร , นภาลัย , โพยม , นภา , ทิฆัมพร , คัคนางค , คัคนานต
ดอกไม กุสุมาลย , ผกา , บุษบา , บุปผา , มาลย , สุมาลี , บุปชาติ , บุหงา , โกสุม , มาลี
น้ำ กระแสสินธุ , คงคา , ชลธี , ชลธาร , ธารา , ชลสินธุ , อุทก , วาริน , วารี , อาโป
ตาย สิ้นชีพ , เสีย , อาสัญ , มรณะ , วายปราณ , ถึงแกกรรม , สิ้นชีพตักษัย , สวรรคต , ดับจิต ,
บรรลัย
BT TBET TAT AT TAT A-TA T T AOAT TST-otDETAotoaonosas-a-osoao s-pzasamno.E
ใบความรู้เรื่อง นิราศภูเขาทอง (ซองนักปราชญ์)
หน่วยที่ ๓ แผนการจัดการเรียนรู้ ๒ เรื่อง นิราศภูเขาทอง
รายวิชาภาษาไทย รหัส ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
ที่มาและจุดประสงค์ในการแต่งนิราศภูเขาทอง
สุนทรภู่แต่งเรื่องนิราศภูเขาทองเมื่อปี 2373 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จ
สวรรคตไปแล้ ว 6 ปี (สวรรคตปี 2367) เพื่ อ เล่ า เรื่ อ งการเดิ น ทางจากวั ด ราชบุ ร ณะหรื อ วั ด เลี ย บ
ไปนมัสการพระเจดีย์ภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาหลังจากออกพรรษาแล้ว (กระทรวงศึกษาธิการ, 2554: 13)
ประวัติสุนทรภู่โดยสังเขป
สุ น ทรภู่เป็ น กวีเอกแห่งกรุ งรัตนโกสินทร์ซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และ
วัฒ นธรรมแห่ งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือ
ยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นบุคคลที่มีผลงานดีเด่นด้านวรรณกรรม ประวัติของท่านโดยสังเขป มีดังนี้
(ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต, 2551)
สุนทรภู่เป็นกวีที่มีช่วงชีวิตอยู่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 ท่านเป็นสามัญ
ชน แต่มีชีวิตที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับราชสานักตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงปัจฉิมวัย ชื่อ สุนทรภู่ เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียกกวีท่าน
นี้ โดยน าค า สุ น ทร จากบรรดาศั ก ดิ์ "ขุ น สุ น ทรโวหาร" "หลวงสุ น ทรโวหาร" และ "พระสุ น ทรโวหาร"
ที่ท่านได้รับพระราชทานในรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 4 มารวมกับคาว่า ภู่ ซึ่งเป็นชื่อเดิม และเรียกมาแต่ครั้งท่าน
ยังมีชีวิตอยู่
สุนทรภู่เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 ที่บ้านของบิดามารดาริมคลองบางกอกน้อย ธนบุรี
ใกล้บริเวณพระราชวังหลัง (ปัจจุบันสถานที่บริเวณพระราชวังหลัง คือ บริเวณที่เป็นสถานีรถไฟบางกอกน้อย
โรงพยาบาลศิริราช และบริเวณใกล้เคียง) ท่านมีใจรักด้านกาพย์กลอนมาตั้ง แต่วัยเด็ก เมื่อเติบโตขึ้นก็ได้รับการ
ถ่ายทอดวิชาวรรณคดีและการประพันธ์จากพระภิกษุที่เป็นอาจารย์ ทั้งนี้ท่านยังศึกษาและเพิ่มพูนประสบการณ์ใน
การประพันธ์ โดยการรับจ้างแต่งเพลงยาวและบทดอกสร้อยสักวา ด้วยลีลากลอนที่มีลักษณะเฉพาะตัวและคารมที่
คมคาย จึงทาให้สุนทรภู่เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกวี
ช่ ว งชี วิ ต ที่ รุ่ ง เรื อ งของสุ น ทรภู่ คื อ ในรั ช สมั ย พระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธเลิ ศ หล้ า นภ าลั ย
เมื่อพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชการในกรมพระอาลักษณ์ สุนทรภู่ได้แสดงความสามารถในเชิงกลอน จนเป็น
ที่พอพระราชหฤทัยหลายครั้ง ด้วยความดีความชอบดังกล่า ว สุนทรภู่จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุน
สุนทรโวหาร มีหน้าที่เป็นกวีที่ทรงปรึกษาในการทรงพระราชนิพนธ์บทกวีเรื่องต่าง ๆ และโปรดเกล้าฯ ให้ตามเสด็จ
อย่ า งใกล้ ชิ ด แต่ ด้ ว ยนิ สั ย ที่ ช อบดื่ ม สุ ร าอยู่ เ ป็ น นิ จ จึ ง ท าให้ ชี วิ ต บางช่ ว งตกต่ าและชี วิ ต ครอบครั ว ไม่ ร าบรื่ น
เช่น ครั้ งหนึ่ งสุ น ทรภู่เมาสุ ร า แล้ ว ไปทาร้ ายญาติผู้ ใหญ่ของภรรยา จึงถูกนาตัว ไปขังคุก แต่ไม่นานก็พ้นโทษ
และตอนปลายรัชกาลสุนทรภู่ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสุนทรโวหาร
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทาให้สุนทรภู่จงรักภักดี เทิดทูน
และร าลึ ก ถึ ง พระองค์ อ ยู่ เ สมอ ดั ง ปรากฏในงานนิ พ นธ์ ห ลายเรื่ อ งของท่ า น ทั้ ง โดยตรงและโดยอ้ อ ม
เช่น ในนิ ร าศพระประธม นิ ร าศภูเขาทอง ตอนผ่ านตาบลสามโคก และในเรื่องพระอภั ยมณี โดยกาหนดให้
วันสวรรคตของท้าวสุทัศน์ และพระมเหสี ซึ่งเป็นพระบิดาและพระมารดา ของพระอภัยมณีและศรีสุวรรณ ตรงกับ
วันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อีกทั้งยังได้บรรยายความโศกสลดของพระอภัยมณี
ไว้อย่างสะเทือนใจ
เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เสด็จขึ้นครองราชย์ ชีวิตราชการของสุนทรภู่ในฐานะกวีที่ ทรงปรึกษาก็สิ้นสุดลง สุนทรภู่ออกจากราชการและออก
บวช ด้วยเห็นว่าตนไม่มีที่พึ่งและเกรง "ราชภัย" จากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากสุนทรภู่เคย
ท้ ว งติ ง และแก้ ก ลอนพระราชนิ พ นธ์ พระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้ า อยู่ หั ว เมื่ อ ครั้ ง ด ารงพระราชอิ ส ริยยศ
เป็นสมเด็จพระเจ้ าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในที่ประชุมกวีราชสานัก จนทาให้ไม่พอพระราชหฤทัย
ในรัชกาลที่ 3 เป็นช่วงที่สุนทรภู่ออกบวช และลาสิกขา แล้วออกบวชอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้รับการอุปการะจากเจ้านาย
หลายพระองค์จนกระทั่งถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2398 ขณะมีอายุ 69 ปี
ความเป็นนิราศ
นิราศ ตามความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง ไปจากระเหระหน
ปราศจากและเรื่องราวที่พรรณนาถึงการจากกันหรือจากที่อยู่ไปในที่ต่างๆ เป็นต้น มักแต่งเป็นกลอนหรือโคลง เช่น
นิราศนรินทร์ นิราศเมืองแกลง
นิราศเป็นวรรณกรรมที่นิยมแต่งมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมนิยมแต่งเป็นโคลง ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์
นิยมแต่งเป็นกลอน ลักษณะเด่นของนิราศอยู่ที่ “การพรากจากคนรัก ” ซึ่งอาจจะจากกันจริงหรือสมมุติขึ้นก็ได้
และมี “การคร่าครวญ” รวมทั้ง “การเดินทาง”
การตั้งชื่อเรื่องนิราศ มักตามผู้แต่ง เช่น นิราศนรินทร์ หรือตั้งตามสถานที่ที่เป็นจุดหมายปลายทาง เช่น
“นิ ร าศลอนดอน” นิ ร าศเมืองแกลง เป็ น ต้น หรือเรียกตามเนื้อหาที่พรรณนา เช่น นิราศอิเหนา นิราศเดือน
(พรรณนาตามเดือนต่าง ๆ)เป็นต้น
ลักษณะคาประพันธ์
ลั ก ษณะค าประพั น ธ์ ใ นนิ ร าศภู เ ขาทองคื อ กลอนนิ ร าศ ซึ่ ง ก็ คื อ กลอนสุ ภ าพ หากแต่ ต่ า งกั น
ที่ ก ลอนนิ ร าศจะขึ้ น ต้ น ด้ ว ยวรรคที่ ส อง แล้ ว แต่ ง ไปเรื่ อ ยๆ จนจบบท วรรคสุ ด ท้ า ยจะลงท้ า ยด้ ว ยค าว่ า
“เอย” มักบรรยายและพรรณนาถึงสถานที่ อารมณ์รัก และคร่าครวญถึงสตรีอั นเป็น ที่รัก โดยเอาไปผู ก พั น
กับธรรมชาติหรือสถานที่ที่พบเห็น
เรื่องย่อ
นิราศภูเขาทองมีความยาว 176 คากลอน เป็นนิราศเรื่องที่สั้นที่สุดของสุนทรภู่ เริ่มเรื่องด้วยการปรารภถึง
สาเหตุ ที่ ต้ อ งออกจากวั ด ราชบุ ร ณะและการเดิ น ทางโดยเรื อ พร้ อ มหนู พั ด ซึ่ ง เป็ น บุ ต รชาย ล่ อ งไปตามล าน้ า
เจ้าพระยาผ่านพระบรมมหาราชวัง จนมาถึงวัดประโคนปัก ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู บางพลัด บางโพ
บ้านญวน วัดเขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บางเดื่อ บางหลวงเชิงราก สามโคก บ้านงิ้ว
เกาะราชคราม จนถึงกรุงเก่าเมื่อเวลาเย็น โดยจอดเรือพักทีท่าน้าวัดพระเมรุ ครั้นรุ่งเช้า จึงไปนมัสการเจดีย์ภูเขา
ทอง ส่วนขากลับสุนทรภู่กล่ าวแต่เพีย งว่า เมื่อถึงกรุงเทพได้จอดเรือเทียบที่ท่าน้าหน้าวัดอรุณราชวรรามราช
วรมหาวิหาร (ฟองจันทร์ สุขยิ่ง และคณะ, 2554: 6)
คุณค่าที่ปรากฏ
1) คุณค่าด้านเนื้อหา
เ นื้ อ ห า ที่ ป ร า ก ฏ ใ น นิ ร า ศ ภู เ ข า ท อ ง แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น ถึ ง ค ว า ม ร อ บ รู้ แ ล ะ ค ว า ม ช่ า ง สั ง เ ก ต
ของสุนทรภู่ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสุนทรภู่ได้บันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตนได้พบเห็นตลอดเส้นทาง
ตั้ ง แต่ อ อกจากวั ด ราชบุ ร ณะจนถึ งจั ง หวัด ซึ่ ง สะท้ อ นสภาพบ้ านเมื อ งและสั ง คมของวิถี ชี วิตผู้ ค นริ ม ฝั่ ง แม่น้า
เจ้าพระยาในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อาทิ การติดต่อค้าขาย การตั้งบ้านเรือน ชุมชนชาวต่างชาติ การละเล่น
และงานมหรสพเป็นต้นทั้งยังแทรกตานานสถานที่ ความเชื่อของคนไทย และแง่คิดเกี่ยวกับความจริงของชีวิต
2) คุณค่าด้านวรรณศิลป์
นิราศภูเขาทองมีความดีเด่นทางวรรณศิลป์อย่างงดงาม แม้สุนทรภู่จะใช้ถ้อยคาธรรมดาสามัญในการ
ประพันธ์ แต่ทว่าก็มีความลึกซึ้ง สะเทือนอารมณ์ และสร้างจินตภาพได้อย่างชัดเจน ทั้งการเล่นเสียงสัมผัส การใช้
ความเปรียบกินใจ การใช้คาเพื่อสร้างจินตภาพ
แผนทีก่ ารเดินทางเรื่องนิราศภูเขาทอง
Boaoaaeaamaae
ใบความรู 1 เรื่องเกร็ดความรู
หนวยการเรียนรูที่ ๑ เรื่องระหวางทางบันทึก
แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑๙ เรื่องมุมมองสุนทรีย
รายวิชาภาษาไทย ๑ รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
ถึงบานญวนลวนแตโรงแลสะพรั่ง มีของขังกุงปลาไวคาขาย
ตรงหนาโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพรอมเพรียงมาเมียงมอง
ถึงอารามนามวัดประโคนปก ไมเห็นหลักลือเลาวาเสาหิน
เปนสําคัญปนแดนในแผนดิน มิรูสิ้นสุดชื่อที่ลือชา
ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปนเกลา พระพุทธเจาหลวงบํารุงซึ่งกรุงศรี
ประทานนามสามโคกเปนเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว
wsaogmaarg ใบความรูที่ 2 เรื่องบันทึกเรื่องราวชีวิต
หนวยการเรียนรูที่ ๑ เรื่องระหวางทางบันทึก
แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑๙ เรื่องมุมมองสุนทรีย
รายวิชาภาษาไทย ๑ รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
จนแจมแจงแสงตะวันเห็นพันธุผัก ดูนารักบรรจงสงเกสร
เหลาบัวเผื่อนแลสลางริมทางจร กามกุงซอนเสียดสาหรายใตคงคา
การติ ด ต อ ค า ขาย สุ น ทรภู มั ก ถ า ยทอดภาพสั ง คมสองฝ ง แม น้ํ า เจ า พระยาไว ใ นบทประพั น ธ
เรื่องตาง ๆ ที่แตงอยูเสมอ เชนเดียวกับในนิราศภูเขาทองที่สุนทรภูไดบรรยายสภาพบานเมือง และวิถีชีวิต
ของผูคน ตลอดจนบรรยากาศของสถานที่ อาทิ ภาพการคาขายที่ดําเนินไปอยางคึกคัก มีการนําสินคา
หลากหลายประเภทที่บรรทุกมากับเรือสําเภาวางขายในแพที่จอดเรียงรายอยูตามริมน้ํา
ไปพนวัดทัศนาริมทาน้ํา แพประจําจอดรายเขาขายของ
มีแพรผาสารพัดสีมวงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสําเภา
ถึงเกร็ดยานบานมอญแตกอนเกา ผูหญิงเกลามวยงามตามภาษา
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุกตา ทั้งผัดหนาจับเขมาเหมือนชาวไทย
T TBTOTBT T BOOOBTE T OSTE RE AAEAETAEAREANEARAATEAAT AHB
ใบความรูที่ ๓ เรื่องเลือกสรรคํา
หนวยการเรียนรูที่ ๑ เรื่องระหวางทางบันทึก
แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑๙ เรื่องมุมมองสุนทรีย
รายวิชาภาษาไทย ๑ รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
ดูน้ําวิ่งกลิ้งเชี่ยวเปนเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
บางพลุงพลุงวุงวงเหมือนกงเกวียน ดู เวียนเวียนควางควางเปนหวางวน
สัมผัสอักษรที่พบ คือ เกลียวกลอก ฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน กงเกวียน หวางวน
ทั้งองคฐานรานราวถึงเกาแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
โอเจดียที่สรางยังรางรัก เสียดายนักนึกนาน้ําตากระเด็น
สัมผัสอักษรที่พบ คือ นักนึก นาน้ํา
เมื่อเคราะหรายกายเราก็เทานี้ ไมมีที่พสุธาจะอาศัย
ลวนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไรรังเรอยูเอกา
สัมผัสอักษรที่พบ คือ คับแคบ ไรรังเร
timmogpkgpakak ใบความรูที่ ๔ เรื่องศึกษาโวหาร
หนวยการเรียนรูที่ ๑ เรื่องระหวางทางบันทึก
แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑๙ เรื่องมุมมองสุนทรีย
รายวิชาภาษาไทย ๑ รหัสวิชา ท๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
ไมเมาเหลาแลวแตเรายังเมารัก สุดจะหักหามจิตคิดไฉน
ถึงเมาเหลาเชาสายก็หายไป แตเมาใจนี้ประจําทุกค่ําคืน
ฯลฯ
เห็นโศกใหญใกลน้ําระกําแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
เหมือนโศกพี่ที่ช้ําระกําเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย
ฯลฯ
เคยหมอบใกลไดกลิ่นสุคนธตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผนดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ
ฯลฯ
เมื่อเคราะหรายกายเราก็เทานี้ ไมมีที่พสุธาจะอาศัย
ลวนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไรรังเรอยูเอกา
ฯลฯ
Bkkkkaoopsoaosaoonoooootsott t t ssttdtoooaotox
ใบความรูที่ 1 เรื่อง การแตงกลอนนิราศ
หนวยการเรียนรูที่ ๑ เรื่อง ระหวางทางบันทึก
แผนการจัดการเรียนรูที่ 21 เรื่อง บันทึกไวระหวางทาง
รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
mmkkkraaaaamaoaaaa.am
ประวัติและความเป็นมา
ใบความรู้ที่ ๑ เรื่อง ที่มาของโคลงโลกนิติ
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง น่าชื่นชม น่าเชิดชู
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑ เรื่อง ตริตรองดูคาโคลง
รายวิชา ภาษาไทย ๒ รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ ภาคเรียนที่ ๒ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
โคลงโลกนิติ (โคลง-โลก-กะ-นิด)
ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้นาโคลงโลกนิติมาชาระใหม่ (คัดลอก
แก้ไข/ปรับปรุง) คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร โดยท่าน
ได้ปรับปรุงโคลงโลกนิติให้ได้ใจความ ถูกต้อง และไพเราะ
เนื้อหาของโคลงโลกนิติ
โคลงโลกนิติ มีเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวคาสอนที่หลากหลาย เช่น การคบคน การวางตน ความรอบคอบ
ความกตัญญู ความเพียร เป็นต้น โดยมีทั้งการสอนอย่างตรงไปตรงมา และการเปรียบเทียบ
ตัวอย่างโคลงโลกกนิติ
ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์