Professional Documents
Culture Documents
Boonsri1,+Journal+Manager,+9 พัชราวลัย
Boonsri1,+Journal+Manager,+9 พัชราวลัย
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับ
นักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 2) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ก่อนเรียนกับหลังเรียนด้วยสื่อ
มัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน
ที่มีต่อสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย
ครั้งนี้ เป็นนักเรียนในระดับช่วงชั้นที่ 2 โรงเรียนวัดอินทาราม "โกวิทอินทราทร" อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
ที่กาลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จานวนนักเรียน 30 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย
1) แบบสัม ภาษณ์แบบมี โ ครงสร้าง 4 ด้ า น ได้แก่ แบบสั มภาษณ์ ผู้ เชี่ ยวชาญด้า นการสอน นั กวิ ช าการแบบ
สัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้นาชุมชน แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านปราชญ์ชาวบ้านและผู้ผลิตและแบบสัมภาษณ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมัลติมีเดีย 2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อมัลติมีเดีย 3) สื่อมัลติมีเดียเรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี
สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อ
สื่อมัลติมีเดียวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( X ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติทดสอบ
ที่แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test Dependent)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียเรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี มีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.00/74.00
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนที่เรียนด้วยสื่อมัลติมีเดียเรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี มีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
*
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา
ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่อง การพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้
เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2
The independent study is partially of Master Degree in Education Technology, Faculty of Education,
Silapakorn University. on the title of The Development of Multimedia for Learning on a Hundred Colored Pha Khow Ma
for Level 2 Primary Students
**
นักศึกษาหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีการศึกษา ภาควิชาเทคโนโลยีการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร โทรศัพท์ 090 9942886 E-mail address : Phatcharavalai@hotmail.com ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์หลัก
ผศ.ดร. อนิรุทธ์ สติมั่น ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ร่วม รศ.สมหญิง เจริญจิตรกรรม และ ผศ.ดร.เอกนฤน บางท่าไม้
Student of Master Degree , School of Education Technology , Faculty of Education, Silapakorn University.
Tel. 090 9942886 E-mail address : Phatcharavalai@hotmail.com Thesis Advisors: Asst. Prof. Anirut Satiman,
Ed.D. Assoc.Prof Somying Jaroen Jittakam, And Asst. Prof. Eknarin Bangthamai, Ph.D.
233
ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ Veridian E-Journal, Silpakorn University
ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559 ISSN 1906 - 3431
3. ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย เรื่องผ้าขาวม้าร้อยสีอยู่ในระดับมากโดยมีค่าเฉลี่ย
เท่ากับ 4.31 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.36
Abstract
The purposes of this research were to :1) develop of multimedia for learning on a
One-Hundred-Colored Loincloth for the second–stratified level students with the efficiency
criterion, 2) compare learning outcome before and after being learn by learning Media Abilities
participation with multimedia for learning on a One-Hundred-Colored Loincloth for the
second–stratified level students,and 3) Study the students’satisfaction towards multimedia for
learning on a One-Hundred-Colored Loincloth for the second–stratified level students. The
samples were 30 level 2 primary students of Watintaram school “Kowitintaratorn” Thamuang
district Kanchanaburi province studying in the second semester of academic year 2015. The
research instruments were :1) structured interview including 4 aspects interview with the
teaching expert, scholar, interview with the Community leader expert, interview with the
successor expert and production, and interview with the multimedia expert, 2) lesson plans by
use the multimedia, 3) the multimedia entitled One-Hundred-Colored Loincloth for the
second–stratified level students, 4) the achievement test, 5) the satisfaction questionnaire
towards the multimedia. The data were analyzed by using percentage, mean and standard
deviation, and dependent t-test.
The results showed that:
1. The effectiveness of the multimedia entitled One-Hundred-Colored Loincloth
was 84.00/74.00
2. Learning achievement of student to learn by multimedia entitled One-
Hundred-Colored Loincloth were higher than before practicing statistically significant at the
0.05 level.
3. The satisfaction of students towards learning multimedia One-Hundred-Colored
Loincloth was at high level. ( X = 4.31, S.D. = 0.36)
บทนา
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 4 แนวการจัดการศึกษากล่าวว่าการจัดการ
ศึ ก ษาต้ อ งยึ ด หลั ก ว่ า ผู้ เ รี ย นมี ค วามส าคั ญ ที่ สุ ด ผู้ เ รี ย นทุ ก คน สามารถเรี ย นรู้ แ ละพั ฒ นาตนเองได้ ดั ง นั้ น
กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน ได้พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ การจัดการศึกษา
ทั้งสามรูปแบบในหมวด 3 ต้องเน้นทั้งความรู้ คุณธรรม และ กระบวนการเรียนรู้ ในเรื่องสาระความรู้ ให้บูรณา
การความรู้และทักษะด้านต่างๆให้เหมาะสมกับแต่ ละระดับการศึกษา ได้แก่ ด้านความรู้เกี่ยวกับตนเองและ
234
Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
ISSN 1906 - 3431 ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559
235
ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ Veridian E-Journal, Silpakorn University
ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559 ISSN 1906 - 3431
236
Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
ISSN 1906 - 3431 ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559
ผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะถ่ายทอดเรื่องราวการทอผ้าขาวม้าร้อยสีผ่านสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้เรื่อง
ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 เนื่องจากสื่อมัลติมีเดียมีความสะดวกและความคล่องตัวในการใช้
ประโยชน์หลายด้าน ซึ่งสามารถขยายการรับรู้ข้อมูลและการประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ที่สนใจศึกษาหาความรู้ได้
เป็นอย่างดี จึงมีคุณสมบัติเหมาะสมในการถ่ายทอดเผยแพร่เนื้อหาความรู้ในขั้นตอนการทอผ้าขาวม้าร้อยสี
บ้านหนองขาวมีความเหมาะสมในการใช้งานด้านการถ่ายทอดความรู้และประชาสัมพันธ์เรื่องราวของผ้าขาวม้า
ซึ่งมีคุณค่าควรแก่การอธิบายรายละเอียดของเนื้องานใน เชิงความรู้และทักษะกล่าวคืออธิบายถึงรายละเอียดของ
ผ้าขาวม้าร้อยสี ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ขั้นตอนการผลิตผ้าขาวม้า ร้อยสี ลวดลายของผ้าขาวม้าร้อยสี และ
คุณค่าของผ้าขาวม้าร้อยสี โดยจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจากความสนใจและตามความต้องการของผู้เรียนให้
ผู้เรียนเลือกเรียนด้วยความสมัครใจและจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสภาพชุมชนโดยเปิดโอกาสให้
ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ด้วยเหตุนี้สื่อการเรียนรู้จึงสามารถเพิ่มพูนประสบการณ์ของผู้ที่สนใจได้
กว้างขวาง ทั้งนี้เพื่อให้สื่อการเรียนรู้สามารถเป็นเครื่องมือในการสืบทอดภูมิปัญญาอันมีค่าของผ้าขาวม้าร้อยสี
บ้านหนองขาวให้ดารงอยู่ไม่สูญหายไปกับกาลเวลา
จากความส าคั ญ ของภู มิ ปั ญ ญาท้ อ งถิ่ น ที่ เ ข้า มามี บ ทบาทในด้ า นการจั ด การเรี ย นรู้ ต่ อ ชุ ม ชนใน
ปัจจุบันรวมถึงการให้ความสนใจในเรื่องการสร้างสรรค์งานทอผ้าขาวม้าร้อยสี บ้านหนองขาว และสื่อการเรียนรู้
ซึ่งมีบทบาทในการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้ น ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ “โรงเรียนวัดอินทา
ราม “โกวิทอินทราทร” คือ เป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานนักเรียนมีระเบียบวินัย มีคุณธรรม
จริยธรรม มีความรู้ความสามารถทางวิชาการ มีจิตสานึกทางการเพิ่มผลผลิตและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย
ท้องถิ่น โดยยึดแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา”(แผนปฎิบัติการโรงเรียนวัดอินทา
ราม,2551) จึงทาให้ผู้วิจัยได้เล็งเห็นคุณค่าและความสาคัญของภูมิปัญญาท้องถิ่นและเกิดแรงบันดาลใจในการ
ทาการศึกษาเรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี บ้านหนองขาว เพื่อพัฒนาสื่อมัลติมี เดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี
สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 เพื่อเผยแพร่ความรู้สู่คนรุ่นหลังและเพื่อเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นสืบต่อไป
วัตถุประสงค์การวิจัย
1. เพื่อพัฒนาสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรี ยนช่วงชั้นที่ 2 ให้มี
ประสิทธิภาพตามเกณฑ์
2. เพื่ อ เปรี ย บเที ย บผลการเรี ย นรู้ ก่ อ นเรี ย นกั บ หลั ง เรี ย นด้ ว ยสื่ อ มั ล ติ มี เ ดี ย เพื่ อ การเรี ย นรู้
เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2
3. เพื่อศึกษาความพึ งพอใจของผู้ เรียนที่มี ต่อสื่ อมั ลติ มีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้า ขาวม้ าร้อยสี
สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2
สมมติฐานการวิจัย
1. สื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 มีประสิทธิภาพตาม
เกณฑ์ 70/70
237
ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ Veridian E-Journal, Silpakorn University
ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559 ISSN 1906 - 3431
ขอบเขตการวิจัย
1. ประชากรที่ ใ ช้ ใ นการศึ ก ษาครั้ ง นี้ เ ป็ น นั ก เรี ย นในระ ดั บ ช่ ว งชั้ น ที่ 2 โรงเรี ย นอิ น ทาราม"
โกวิทอินทราทร" สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรีเขต 1 ที่กาลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2558 จานวน 103 คน
2. กลุ่มตัวอย่า งที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนั กเรียนในระดับช่วงชั้นที่ 2 โรงเรียนวัด อินทาราม "
โกวิทอินทราทร" อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่กาลังศึกษาอยู่ใน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558
จานวนนักเรียน 30 คน โดยใช้การสุ่มตัวอย่างโดยใช้หลักอาสาสมัคร (volunteer sampling)
3. ตัวแปรที่ศึกษา
3.1 ตัวแปรต้น ได้แก่ การเรียนโดยใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับ
นักเรียนช่วงชั้นที่ 2
3.2 ตัวแปรตาม ได้แก่
3.2.1 ผลการเรียนรู้ด้วยสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียน
ช่วงชั้นที่ 2
3.2.2 ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อ สื่อมัลติมีเดียเพื่ อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี
สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2
4. เนื้อหาที่ใช้ศึกษาเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี โดยมีเนื้อหาสาระดังต่อไปนี้ ความรู้
ทั่วไปเกี่ยวกับผ้าขาวม้าร้อยสี วัสดุอุปกรณ์ในการทอผ้าขาวม้าร้อยสี เรียนรู้ลวดลายผ้าขาวม้าร้อยสี ขั้นตอนการ
ผลิตผ้าขาวม้าร้อยสี ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้าร้อยสี
5. ระยะเวลาที่สอนคือ 12 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง 4 ด้าน ได้แก่แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอน นักวิชาการ
แบบสั ม ภาษณ์ ผู้ เ ชี่ ย วชาญด้ า นผู้ น าชุ ม ชน แบบสั ม ภาษณ์ ผู้ เชี่ ย วชาญด้ า นปราชญ์ ช าวบ้ า นและผู้ ผ ลิ ต และ
แบบสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมัลติมีเดีย ผ่านการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ (IOC) เท่ากับ 1.00
2. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ สื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับ นักเรียน
ช่วงชั้นที่ 2 ผ่านการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ (IOC) เท่ากับ 1.00
3. สื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ผ่านการประเมิน
คุณภาพสื่อโดยผู้เชี่ยวชาญ 2 ด้านคือด้านการสร้างสื่อมัลติมีเดีย มีคุณภาพสื่ออยู่ในระดั บ มาก ซึ่งมีค่าเฉลี่ย
238
Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
ISSN 1906 - 3431 ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559
วิธีดาเนินการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ผู้วิจัยจึงได้กาหนดแบบ
แผนการวิจัยครั้งนี้ โดยใช้แบบแผนการวิจัยแบบ One Group Pretest – Posttest Design คือ การจัดการ
เรียนรู้โดยให้มีการทดสอบก่อนเรียน (Pretest) จากนั้นให้ผู้เรียน เรียนรู้เนื้อหาด้วยบทเรียนมัลติมีเดีย เรื่อง
ผ้าขาวม้าร้อยสี จานวน 12 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 สัปดาห์ และทาการทดสอบหลังเรียน (Posttest)
การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้
1. ผลการหาประสิท ธิ ภาพของสื่ อมัล ติ มี เดีย เรื่อง ผ้ า ขาวม้ า ร้อยสี ส าหรับ นั กเรีย นช่ วงชั้ น ที่ 2
โรงเรียนวัดอินทาราม "โกวิทอินทราทร" อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี โดยหาประสิทธิภาพ E1/ E2
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน ด้วยสื่อมัลติมีเดีย เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับ
นักเรียนช่วงชั้นที่ 2 โรงเรียนวัดอินทาราม "โกวิทอินทราทร" อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
เป็นค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิต t-test dependent
3. ความพึงพอใจผู้เรียนที่มีต่อสื่อมัลติมีเดีย เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี เป็นค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ ยงเบน
มาตรฐาน
สรุปผลการวิจัย
ตอนที่ 1 ผลการหาประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับ
นักเรียนช่วงชั้นที่ 2 โรงเรียนวัดอินทาราม "โกวิทอินทราทร" อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มีผลดังนี้
239
ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ Veridian E-Journal, Silpakorn University
ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559 ISSN 1906 - 3431
240
Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
ISSN 1906 - 3431 ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559
เนื้อหาแต่ละหัวข้อย่อยจบในตัวเอง และมีการลาดับการ
นาเสนอเนื้อหาที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 4.27 0.83 มาก 4
1.7 แบบทดสอบและการประเมินผลมีความสอดคล้อง
ครอบคลุมกับวัตถุประสงค์ 4.13 0.78 มาก 5
1.8 เนื้อหาที่เรียนเป็นประโยชน์สามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการ มาก
เรียนการสอน 4.50 0.57 ที่สุด 1
รวม 4.26 0.50 มาก (4)
2. ด้านมัลติมีเดีย
2.1 รูปแบบของบทเรียนมีความสวยงามและน่าสนใจ 4.33 0.80 มาก 3
2.2 การนาเข้าสู่บทเรียนทาให้ผเู้ รียนเกิดความพึงพอใจที่จะ
ศึกษาเนื้อหามากขึ้น 4.30 0.79 มาก 4
2.3 มีคาแนะนาในการใช้บทเรียนและกิจกรรมมีลาดับขั้นตอน
เหมาะสม 4.30 0.84 มาก 4
2.4 ตัวอักษรอ่านง่ายชัดเจน 4.27 0.83 มาก 6
2.5 ภาพที่ใช้สอดคล้องกับเนื้อหาและช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ 4.23 0.57 มาก 7
2.6 เสียงที่ใช้ในการบรรยายในบทเรียนมีการกระตุ้นให้เกิด
ความน่าสนใจและน่าติดตาม 4.43 0.57 มาก 1
2.7 วีดิโอประกอบบทเรียนมีความน่าสนใจ สามารถทาให้เข้าใจ
เนื้อหาได้มากยิ่งขึ้น 3.97 0.89 มาก 8
2.8 บทเรียนมีเทคนิคในการนาเสนอที่เหมาะสมและน่าสนใจ 4.40 0.62 มาก 2
รวม 4.28 0.35 มาก (3)
3. ด้านประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากบทเรียน
3.1 มีการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ควบคุมการเรียนรู้ด้วยตนเอง 4.47 0.63 มาก 1
3.2 การเรียนด้วยสื่อมัลติมีเดียทาให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
สามารถทบทวนความรู้ได้ตามต้องการ 4.33 0.61 มาก 4
3.3 ประโยชน์และความรู้ทไี่ ด้จากการเรียนในครั้งนี้ 4.40 0.56 มาก 2
3.4 หลังจากศึกษาสื่อมัลติมีเดียแล้วผู้เรียนได้รบั ความรู้ เรื่อง
ผ้าขาวม้าร้อยสีเพิ่มขึ้น 4.37 0.56 มาก 3
รวม 4.39 0.43 มาก (2)
4.ภาพรวมของสื่อมัลติมีเดียมีคณ ุ ค่าอยู่ในระดับใด 4.43 0.68 มาก 1
เฉลี่ยรวม 4.31 0.36 มาก
241
ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ Veridian E-Journal, Silpakorn University
ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559 ISSN 1906 - 3431
อภิปรายผล
ผลการวิจัยสื่อมัลติมีเดีย เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี สามารถนาไปอภิปรายผลในประเด็นต่างๆ ดังนี้
1. ผลการวิจัยพบว่า สื่อมัลติมีเดีย เรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 มีประสิทธิภาพ
เป็นไปตามเกณฑ์ที่กาหนด 70/70 โดยได้ค่า 84.00/74.00 ที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจากผู้วิจัยมีการดาเนินการสร้าง
สื่อมัลติมีเดียอย่างเป็นระบบ ผ่านกระบวนการหาประสิทธิ ภาพอย่างเป็นลาดับขั้นตอน และได้ผ่านการปรับปรุง
แก้ไขตามข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้สื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพเชื่อถือได้ไว้เป็น สื่อมัลติมีเดีย
โดยที่ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง หากยังไม่เข้าใจส่วนใด ก็สามารถเข้าไปศึกษาทบทวนได้ตามต้องการ
ทาให้นักเรียนสนใจที่จะเรียนรู้เรื่องต่างๆเกี่ยวกับผ้าขาวม้าร้อยสีในทางทฤษฎีได้อย่างไม่เบื่อหน่าย อีกทั้งสื่อ
มัลติมีเดียได้นาเสนอรูปภาพ เสียงบรรยาย ประสอบสื่อมัลติมีเดีย จึงทาให้สื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียนได้
อย่างดีสอดคล้องกับงานวิจัยของเมเยอร์และมอเรโน (Mayer and Moreno.2002:107-119)ได้ทาการศึกษา
การเรียนรู้โดยใช้มัลติมีเดีย พบว่า การสอนผ่านสื่อมัลติมีเดียให้ผลการเรียนรู้ที่ดีกว่าการ สอนโดยใช้ตัวอักษร
เพียงอย่างเดียว ในเชิงความสัมพันธ์ต่อเนื่องพบว่า การนาเสนอด้วยภาพและอักษรไปพร้อมๆกันจะกระตุ้นการ
เรียนรู้ได้ดีกว่าการอธิบายเนื้อหาแยกกัน จากการวิจัยพบว่า ถ้าหากใส่องค์ประกอบภาพเสียงและตัวอักษรที่
ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่จะสอนจะทาให้ประสิทธิผลการเรียนรู้ลดลง
นอกจากนี้สื่อมัลติมีเดียที่ใช้ในครั้งนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็นหน่วยย่อย 5 หน่วย มีแบบฝึกหัดท้ายหน่วย
เพื่อทดสอบความรู้ความเข้าใจเนื้อหาที่ได้ศึกษาไป และมีการรายงานผลคะแนนให้กับผู้เรียนทราบเป็นการให้
ข้อมูลย้อยกลับทันที ออกแบบสื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ โดยผู้เรียนสามารถศึกษาบทเรียนได้ตามความต้องการ
สอดคล้องกับงานวิจัยของวิภา อุตมฉันท์ (2544:บทคัดย่อ) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นสื่อที่ตอบสนอง
ความแตกต่างระหว่างผู้เรียน เพราะสื่อคอมพิวเตอร์ใช้หลักการโต้ตอบกับผู้เรียนเป็นรายบุคคล ให้โอกาสผู้เรียน
ได้เรียนตามความสนใจและความสามารถโดยเลือกวิธีเรียนและควบคุมความก้าวหน้าในการเรียนของตนเองได้
สอดคล้องกับงานวิจัยของชัยวุฒิ พิชญ์บุตร (2547:บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาบทเรียน คอมพิวเตอร์
242
Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
ISSN 1906 - 3431 ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559
มั ล ติ มี เ ดี ย เรื่ องจั ง หวะหน้ า ทั บ กลุ่ ม สาระการเรีย นรู้ศิ ล ปะส าหรับ นั กเรีย นช่ ว งชั้ น ที่ 2 การศึก ษาครั้ง นี้ มี
จุดมุ่งหมาย เพื่อพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย เรื่อง “จังหวะหน้าทับ” กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
สาหรับ นักเรียนช่วงชั้นที่ 2 เพื่อหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ มาตรฐาน 90/90 ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า
ได้บทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย เรื่อง “จังหวะหน้า ทับ” สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 มีคุณภาพอยู่ในระดับดี
และมีประสิทธิภาพ 91.15/90.02 ได้สอดคล้องกับงานวิจัยของนิศากร แสงสว่าง (2558:บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัย
เรื่อง ผลการใช้สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนภาษาอังกฤษที่เน้นนิทานคุณธรรม เพื่อส่งเสริมความสามารถในการอ่าน
ภาษาอังกฤษ และความตระหนักรู้ด้านคุณธรรม สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสกลวิทยา
อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ผลการวิจัยพบว่า1.สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนภาษาอังกฤษที่เน้นนิทานคุณธรรม
มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ78.45/80.86 ซึ่งถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ 75/75 2.ความสามารถในการ
อ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ
ที่ระดับ .05 3.ความตระหนักรู้ด้านคุณธรรมของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์ช่วย
สอนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4.นักเรียนมีความเห็นที่ดีต่อสื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนภาษาอังกฤษที่
เน้นนิทานคุณธรรม และสอดคล้องกับงานวิจัยของอนัญญา อินทรภักดิ์ (2558:บทคัดย่อ) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง
ผลการใช้บทเรียนมัลติมีเดียแบบแก้ปัญหาที่มีต่อความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า 1.ผลการพัฒนาบทเรียนมัลติมีเดียแบบแก้ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหา
มีประสิทธิ ภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ เท่ากับ 73.65/72.35 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้คือ 70/70 2) ผลการ
เรียนด้วยบทเรียนมัลติมีเดียแบบแก้ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหา วิชาคณิตศาสตร์ พบว่า คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (t = 6.10) 3) ผลการเปรียบเทียบ
ความสามารถในการแก้โ จทย์ ปั ญ หาคณิ ต ศาสตร์ ก่อนและหลั ง เรีย นด้ ว ยบทเรีย นมั ล ติ มี เดี ย แบบ แก้ ปั ญ หา
เรื่อง โจทย์ปัญหา พบว่า คะแนนเฉลี่ยความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (t = 9.70) 4) ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา
คณิตศาสตร์หลังเรียนด้วยบทเรียนมัลติมีเดียแบบแก้ปัญหา เรื่อง โจทย์ปัญหา ที่มีความสามารถทางคณิตศาสตร์
แตกต่างกัน พบว่า นักเรียนกลุ่มต่ามีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเพิ่มเมื่อเปรียบเทียบกับนักเรียนในกลุ่ม
อื่นๆ 5) ผลการวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนมัลติมีเดียแบบแก้ปัญหาเรื่อง โจทย์
ปัญหา กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ พบว่า ระดับความพึงพอใจทุกด้าน อยู่ในระดับปานกลาง ( X = 2.40,
S.D. = 0.64 )
จากผลการวิจัยข้างต้นแสดงให้เห็นว่าสื่อมัลติมีเดีย เรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี สาหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2
โรงเรียนวัดอินทาราม "โกวิทอินทราทร" อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กาหนดไว้
คือ 70/70 ซึ่งได้รับ การพัฒนาอย่างเป็นระบบตามลาดับขั้นตอนการวิจัย ทาให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วย
ตนเอง สามารถใช้เป็นสื่อหลักหรือสื่อเสริมให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้ได้ตามต้องการ
2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่เรียนด้วยสื่อมัลติมีเดีย เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี พบว่า
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนได้ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 21.93 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 2.05 ซึ่งสูงกว่าก่อน
เรียน ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 10.70 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 3.11 อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
243
ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ Veridian E-Journal, Silpakorn University
ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559 ISSN 1906 - 3431
244
Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
ISSN 1906 - 3431 ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559
3.4 ด้ า นภาพรวมของสื่ อมั ล ติ มี เดี ย มี คุณ ค่ า อยู่ ใ นระดั บ ใด มี ค วามพึ ง พอใจอยู่ ในระดั บ มาก
ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.43 และมีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.68
ผลการวิจัยพบว่าในการเรียนรู้จากมัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้ เรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี ผู้เข้าร่วมกิจกรรม
ได้รับความรู้จากสื่อมัลติมีเดีย เรื่อง ผ้าขาวม้าร้อยสี โดยผลจากการทาแบบทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดที่ว่าสื่อเป็นสิ่งที่มีบทบาทอย่างมากในการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นตัวกลางที่ช่วยให้
การสื่อสารระหว่างผู้สอนและผู้เรียนดาเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้ผู้เรียนมีความเข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้
ตรงกับที่ผู้สอนต้องการ การใช้สื่อการสอนนั้นผู้สอนจาเป็นต้องศึกษาถึงลักษณะเฉพาะและคุณสมบัติของสื่อ
แต่ละชนิด เพื่อเลือกสื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์การสอนและสามารถจัดประสบการณ์ การเรียนรู้ให้กับผู้เรียน
เพื่อให้กระบวนการเรียนการสอนดาเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ (กิดานันท์ มลิทอง, 2540) ทั้งหมดทุกรายการ
พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในระดับมาก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากสื่อมัลติมีเดียเป็นสื่อที่มีการตอบสนองการเรียนรู้ของผู้เรียน
มีภาพ สีประกอบฉากในบทเรียน และการออกแบบที่ดึงดุดความสนใจ ในการจัดทาสื่อมัลติมีเดียนี้ได้ผ่านการ
ตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา และด้านมัลติมีเดียในการจัดทาอย่างละเอียด ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย
ของศิวิกา อมรรัตนานุเคราะห์ (2544:บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมัลติมีเดีย
กลุ่มสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต ชุดสัตว์สาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ปรากฏว่านักเรียน มีความคิดเห็น
อยู่ในระดับมาก (4.11) และสอดคล้องกับงานวิจัยของหทัยรัตน์ เติมใจ (2552:106-107) พบว่าโดยรวมแล้ว
นักศึกษามีความพึง พอใจในการเรีย นภาษาจีนจากสื่ อมัลติมี เดียอยู่ในระดับมาก โดยที่นั กศึกษามีความเห็น
ค่อนข้างคล้อยตามกันว่า สื่อการสอนประเภทมัลติมีเดียนี้ ช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ จดจา และทบทวนได้ง่าย สะดวก
รวมทั้งมีความน่าสนใจและช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ จดจา และการทบทวนที่ดีขึ้น
จากผลการวิ จั ย ดั ง กว่ า ข้า งต้ น ผู้เรีย นมี ความพึ ง พอใจในการเรีย นด้ ว ยมั ล ติ มี เดี ย เพื่ อการเรีย นรู้
เรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี อยู่ในระดับมากแสดงให้เห็นว่าสื่อมัลติมีเดียสามารถนาไปใช้เป็นสื่อในการเรียนการสอน
หรือสื่อเสริมสาหรับผู้ที่มีความสนใจ เรื่องผ้าขาวม้าร้อยสี นอกจากนี้ยังเป็นสื่อที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเองตาม
ความสนใจและความสามารถของแต่ละบุคคลได้
ข้อเสนอแนะ
จากผลการวิจัยที่ได้นาเสนอไปแล้วนั้น ผู้วิจัยมีข้อค้นพบและแนวความคิดมาใช้เป็นข้อเสนอแนะ ดังนี้
ข้อเสนอแนะทั่วไป
จากการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ข้อค้นพบ ซึ่งขอเสนอแนะเป็นแนวทาง ดังนี้
1. ก่อนการดาเนินการวิจัยควรมีการเตรียมความพร้อมในด้านสถานที่ที่จะใช้เป็นห้องปฏิบัติการ
ทางด้านการเรียนการสอนด้านของสื่ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีความ
พร้อมสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี
2. จัดการเรียนรู้ที่ทาให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิใจในชุม ชน ควรจัดหลักสู ตรให้สอดคล้องกับ
สภาพปัญหาความต้องการของชุมชน ผู้เรียนได้เรียนรู้ภูมิปัญญาของท้องถิ่น และเพื่อเป็นการสืบทอดมรดกอันมี
คุณค่า
245
ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ Veridian E-Journal, Silpakorn University
ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559 ISSN 1906 - 3431
3. ควรสนับสนุนให้มีการใช้สื่อมัลติมีเดียมีในสถานศึกษาทุกระดับเพื่อเป็นการเสริม ประสิทธิภาพ
ในการเรียนการสอนให้สูงขึ้นนอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ
ข้อเสนอแนะเพื่อการทาวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรมีการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นในกลุ่มสาระอื่นๆ โดยเน้นการนาภูมิปัญญา
ท้องถิ่น การงานอาชีพ ของชุมชน และนากิจกรรมวิธีการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ ในการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางสาหรับ
ผู้ที่สนใจในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นที่น่าสนใจของชุมชนต่อไป
2. ควรศึกษาเปรียบเทียบโดยใช้ตัวแปรอื่นๆ ร่วมกับการเรียนโดยใช้สื่อมัลติมีเดีย เช่น เวลาที่ใช้
ในการเรียน ความรับผิดชอบในการเรียน ความสนใจในการเรียนระหว่างการเรียนแบบปกติกับการเรียนโดยใช้สื่อ
มัลติมีเดีย
เอกสารอ้างอิง
ภาษาไทย
กระทรวงศึกษาธิการ.“พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542”.กรุงเทพฯ : บริษัท พริกหวานกราฟิค
จากัด. 2542.
กิดานันท์ มลิทอง. เทคโนโลยีทางการศึกษาและนวัตกรรม. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2540.
โกวิทย์ พวงงาม. (2545). การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน. ม.ป.ท.
ใกล้รุ่ง นคราวนากุล. “การจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบสืบเสาะร่วมกับการใช้ผังมโนมติ เรื่องชีวติ พืช กลุ่มสาระ
การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1.” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตร
และการสอน สานักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม,2547.
ชัยวุฒิ พิชญ์บตุ ร. (2547). การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย เรื่อง จังหวะหน้าทับ กลุ่มสาระการเรียนรู้
ศิลปะสาหรับนักเรียนช่วงชัน้ ที่ 2. สารนิพนธ์ กศ.ม. (เทคโนโลยีการศึกษา).กรุงเทพฯ:บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถ่ายเอกสาร.
ณัฐกร สงคราม.(2553) การออกแบบและพัฒนามัลติมีเดียเพื่อการเรียนรู้.ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นิศากร แสงสว่าง.(2558). "ผลการใช้สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอนภาษาอังกฤษที่เน้นนิทานคุณธรรมเพื่อส่งเสริม
ความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ และความตระหนักรู้ด้านคุณธรรม สาหรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสกลวิทยา อาเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม*."วารสารวิชาการ
Veridian E- Journal ปีที่ 8, ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม – สิงหาคม) : 788.
โปรยทอง แซ่แต้. (2545).การใช้แหล่งวิทยาการชุมชนเพื่อการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา
สังกัดกรมสามัญศึกษา จังหวัดลาพูน.วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ผจญ รุ่งอรุณเลิศ. “ผลการใช้สอื่ มัลติมีเดียที่มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนและการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนคงทองวิทยา.”การค้นคว้าอิสระปริญญาศึกษาศาสตร
มหาบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร,2551.
แผนปฏิบัติการโรงเรียนวัดอินทาราม อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี,2551
246
Veridian E-Journal, Silpakorn University ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ
ISSN 1906 - 3431 ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม 2559
ภาษาต่างประเทศ
Mayer, E and Moreno R .(2002). Aids to computer-based multimedia learning. Learning and
Instruction. Learning and Instruction.(12):107-119.
247