Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 7

ข้อ 1.

ข้อมูล (Data) คืออะไร สารสนเทศ (information) คืออะไร สารสนเทศที่ดีควรมีลกั ษณะอย่างไร ระบบ


สารสนเทศ (information System) คืออะไร ประกอบด้วยองค์ประกอบใดบ้าง การนาระบบสารสนเทศเข้ามา
ใช้ในองค์กร มีขอ้ จากัดอย่างไร อธิบายอย่างชัดเจน โดยละเอียด (20 คะแนน)
ตอบ ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงคือการอธิบายปรกฎการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น กิจกรรมที่เกิดขึน้ มีการเก็บบันทึก
จาแนก เก็บรักษา ซึ่งข้อมูลที่ยงั ไม่ถกู นามาเรียงใหม่หรือประมาลผลเป็ นสารสนเทศ เพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่ผคู้ น
สามารถเข้าใจและนาไปใช้ประโยชน์ในการดาเนินธุรกิจ ซึ่งข้อมูลแบ่งได้เป็ น 2 ประเภท คือ

1.ข้อมูลตามแหล่งที่มา แบ่งได้ 2 ประเภท คือ


-ข้อมูลปฐมภูมิ เป็ นข้อมูลที่ได้จากการเก็บรวบรวมและบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง เช่น การสอบถาม การ
สารวจ การสัมภาษณ์ การจดบันทึก
-ข้อมูลทุติยภูมิ เป็ นข้อมูลที่ได้จากระเบียบของข้อมูล หรือข้อมูลที่มีผรู้ วบรวมไว้แล้ว เช่น ข้อมูลสถิติของโรงงาน
จานวนพนักงานทัง้ หมดของโรงงาน สถิติการมาทางานของพนักงานแต่ละบุคคล
2.ข้อมูลตามลักษณะข้อเท็จจริง และสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท คือ

-ข้อมูลเชิงประมาณ เป็ นข้อมูลที่มีความหมายตามต่อเลขที่และงาน เช่น จานวนสินค้า จานวนพนักงานใน


โรงงาน
-ข้อมูลเชิงคุณภาพ เป็ นข้อมูลที่ไม่มีความหมายตามตัวเลข หรือ ไม่สามารถแสดงในรูปต่อเลขได้หรืออาจแสดง
ได้รูปตัวเลขได้ แต่ไม่สามารถนาไปปคานวณ หรือ เปรียบเทียบใช้เชิงปริมาณได้ เช่น ความรูส้ กึ หวังในการใช้
ผลิตภัณฑ์ การแสดงความคิดเห็น
สารสนเทศ คือ ข้อมูลได้รบั การประมวณผลให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายและเป็ นประโยชน์ต่อผูใ้ ช้งาน เช่น
การชีแ้ จง ข่าวสารต่างๆ ป้ายประกาศ การแสดงละคร การประมวลผลกฎหมาย โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยที่
ข้อมูลที่นามาประมวลผลนัน้ ต้องเป็ นข้อมูลที่มีคณ
ุ ภาพ ถูกต้องเชื่อถือได้ มีความเป็ นปั จจุบนั ต่อการใช้งาน
ครบถ้วนสมบูรณ์ต่อเนื่องและตรงต่อความต้องการ เพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการดาเนินธุระกิจสารสนเทศ
ที่ดี มีดงั นี ้

1.มีความถูกต้องเชื่อถือได้ ข้อมูลที่ดีจึงจะได้สาระสนเทศที่ดี
2.มีความเป็ นปัจจุบนั ทันเวลาที่ตอ้ งการใช้งาน เช่น ออกรายงานตามที่ผใู้ ช้ตอ้ งการ

3.มีความเกี่ยวเนื่องตรงตามความต้องการ เมื่อมีการสารวจความต้องการของผูใ้ ช้เพื่อให้ดขู อบเขตขอสาระ


สนเทศที่ตอ้ งการ
4.มีคววามครบถ้วนสมบูรณ์ วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลใช้ได้ตามความต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลในการทางานถ้ามีมากเกินไปก็ไม่ดีถา้ มีนอ้ ยเกินไปก็ไม่ได้
5.สามารถตรวจสอบได้ และมีความเชื่อถือได้ โดยเฉพาะแหล่างที่มาของข้อมูลจะทาให้เราตัดสินใจได้รอบคอบ
ขึน้

6.เข้าใจง่ายและกระชับ สามารถนาไปใช้ได้สะดวก รวดเร็ว ไม่ยากต่อการใช้งาน


7.มีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม สาระสนเทศก่อให้เกิดประโยชน์กบั ต้นทุนค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมว่าคุม้ หรือไม่กบั การ
ได้มาของสาระสนเทศ

ระบบสาระสนเทศ หมายถึง ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีทาหน้าที่รวบรวมข้อมูล เพื่อนามาประมวลผล รวมตัว การ


จัดเก็บ วิเคราะห์ บันทึก เพื่อการใช้งานในอนาคต เพื่อสร้างสาระสนเทศ นาไปใช้เฉพาะด้าน ซึ่งการทางานของ
ระบบสาระสนเทศประกอบไปด้วยกิจกรรม 3 อย่าง คือ การนาเข้าข้อมูลเข้าสูร่ ะบบ การประมวลผล การ
นาเสนอผลลัพธ์
1.การนาข้อมูลเข้าสูร่ ะบบ ได้แก่ การรวบรวมข้อมูล การตรวจสอบข้อมูล
2.การประมวลผลข้อมูล ได้แก่ การรวบรวมแฟ้มข้อมูล การเรียงข้อมูล การคานวณ การทารายงาน การรักษา
ข้อมูล
3.การนาเสนอผลลัพธ์ ได้แก่ การจัดเก็บและการทาสาเนาข้อมูล การแจกจ่ายและการสื่อสารข้อมูล การ
ปรับปรุงข้อมูล
องค์ประกอบของระบบสาระสนเทศ

1.ฮาร์ดแวร์ เป็ นอุปกรณ์ท่สี ามารถจับต้องได้ ประกอบด้วย


1.1 ส่วนรับข้อมูล ทาหน้าที่รบั และนาข้อมูลเข้า เช่น คียบ์ อร์ด เมาส์
1.2 ส่วนประมวลผลกลาง ทาหน้าที่ประมวลผลปฏิบตั ิงานตามคาสั่งที่ปรากฏในโปรแกรม ประกอบด้วย 3
หน่วย คือ หน่วยควบคุม ทาหน้าที่ควบคุมการทางานทัง้ หมด หน่วยคานวณตระกะ ทาหน้าที่คานวณ
คณิตศาสตร์ หน่วยความจา ทาหน้าที่ทาเศษข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์
1.3 การแสดงผล ทาหน้าที่แสดงผลลัพธ์ท่ไี ด้จากการประมวลผล เช่น จอภาพ ปรินเตอร์

2.ซอฟต์แวร์ เป็ น โปรแกรมหรือจุดค่าส่ง ทาหน้าที่สง่ งานม่สามารถสัมผัสจับต้องได้ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ระบบ เช่น


โปรแกรมหรือจุดค่าส่งสาเร็จรูป ทาหน้าที่ควบคุมการทางานของฮาด์แวร์ และอานวยความสะดวกใช้กบั ผูใ้ ช้
แบ่งเป็ น 2 ประเภท คือ
1.os เช่น เริ่มทางานการจัดลาดับงาน
2.อรรถประโยชน์ เช่น การจัดการแฟ้มข้อมูล การยกเลิกการติดติอ โปรแกรมการต่อต้านไวรัส

2.2 ซอฟต์แวร์ประยุกต์ คือ โปรแกรมที่พฒ


ั นาใช้ตามความต้องการของผูใ้ ช้ เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรม
กราฟฟิ ก

3.บุคลากรด้านคอมพิวเตอร์ คือ บุคคลที่มีสว่ นร่วมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็ น 2 กลุม่

3.1 กลุม่ ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบตั ิงาน เช่น โปรแกรมเมอร์ Administration.

3.2 ผูใ้ ช้ระบบคอมพิวเตอร์ คือ คนทั่วไปที่ทางานตามกระบวนการที่กาหนดเพื่อให้ได้มาซึ่งสาระสนเทศตามที่


ต้องการ

4.ข้อมูล คือ สิ่งที่นาเข้าสู่คอมพิวเตอร์ เช่น ตัวเลข ตัวอักษร ภาพ เสียง เพื่อนามาประมวลผลใช้ได้ผลลัพธ์ท่ี


ต้องการ เช่น VDO

5.ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิงาน คือ กระบวนการต่างๆ ในการทางานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ท่ตี อ้ งการ เช่น ขัน้ ตอนการ
บันทึกข้อมูล

6.เครือข่าย คือ การเชื่อมต่อเพื่อให้เกิดการสื่อสารทางไกล เป็ นการส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จากที่หนึ่งไปอีกที่


หนึง่
การนาระบบสารสนเทศมาใช้ในองค์กรมีขอ้ จากัด ดังนี ้
1.ปัญหาด้านการรักษาความลับของข้อมูล เช่น กลยุทธ์องค์กรอาจไหลรั่วได้

2.ข้อมูลและการนาเสนอเดิมอาจไม่สอดคลองกับความต้องการของผูบ้ ริหาร เช่น ผูบ้ ริหารเปลี่ยนรูปแบบการ


ทางานใหม่
3.มีขอ้ กาจัดในการทางาน เช่น ETS ของโปรแกรมถูกพัฒนาขึน้ เพื่อใช้งานเฉพาะอย่าง

4.ยากต่อการรักษาความทันสมัยของข้อมูลและของระบบ เช่น การเปลี่ยนระบบส่งงานจากกระดาษเป็ น E-


mail.

ข้อ 2. อธิบายอย่างเป็ นรูปธรรมที่มีความชัดเจน โดยละเอียด

2.1 การพัฒนาระบบสารสนเทศ คืออะไร ในการพัฒนาระบบสารสนเทศควรให้ความสาคัญกับเรื่องใด (10


คะแนน)
ตอบ การพัฒนาระบบสาระสนเทศ คือ การสร้างระบบงานใหม่ หรือ แลกเปลี่ยนระบบงานเดิมที่มีอยู่ ให้
สามารถแก้ไขปัญหาด้านการดาเนินงานการพัฒนาระบบสาระสนเทศ ควรให้ความมีลาดับ ดังนี ้

1.คานึงถึงเจ้าของระบบและผูใ้ ช้ระบบ ต้องให้เกิดความมีสว่ นรวมและเกิดการยอมรับและตอบสนองต่อความ


ต้องการของเจ้าของและผูใ้ ช้ระบบ

2.เข้าถึงปัญหาให้ตรงจุด คือ หาสาเหตุศึกษาปัญหาที่เกิดขึน้ ประเด็นปัญหา


3.กาหนดขัน้ ตอนหรือกิจกรรมในการพัฒนาระบบ คือการกาหนดวิธีการทางานให้ชดั แน่เพื่อเป็ นการจดความ
ยุ่งยากในการพัฒนาระบบ
4.กาหนดมาตราการ มองว่าเป็ นการลงทุน การศึกษาข้อดี ข้อเสีย ของการพัฒนาระบบกาหนดหน้าที่ของการ
รับผิดชอบ มรเอกสารควบคุมการดาเนินงาน

5.การลงทุน โดยเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ท่จี ะได้รบั จากการลงทุน

6.แบ่งระบบสาระสนเทศที่จะพัฒนาเป็ นระบบย่อย ๆ เพื่อให้ทีมพัฒนาทาการแก้ไขปั ญหาที่เกิดขึน้ ที่ระบบ


7.เตรียมความพร้อมในแผนรับรอง เมื่อพบว่าแผนเบื่องต้นที่กาหนดนัน้ มามันไม่ค่มุ ค่าแก่การลงทุน
8.ออกแบบระบบรับรองคือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อให้สามารถรองรับกับสภาพแวดล้อมในการดาเนิน
ธุระกิจอย่างรวดเร็ว

2.2 หากท่านต้องรับผิดชอบในการพัฒนาระบบสารสนเทศขององค์การ ที่มีความต้องการของระบบงานมาใช้


ในเวลาที่เร็ว และหน้าที่งานของระบบงานนัน้ มีลกั ษณะไม่แตกต่างไปจากหน้าที่งานของระบบเดียวกันที่ใช้ใน
องค์การอื่น ท่านควรพัฒนาระบบด้วยวิธีใด ให้อธิบายขึน้ ตอนการพัฒนาระบบดังกล่าว พร้อมทัง้ บอกถึงข้อดี
ข้อจากัดของวิธีดงั กล่าว (20 คะแนน)
ตอบ เลือกพัฒนาระบบโดยโปรแกรมสาเร็จรูป เพราะการซือ้ โปรแกรมสาเร็จรูปมีการทดสอบระบบ แล้ว
สามารถใช้ปฏิบตั ิงานได้จริง และองค์การต้องการใช้ระบบอย่างรวดเร็วและทันต่อการใช้งาน และองค์กร
ต้องการใช้งานในลักษณะที่ไม่แตกต่างจากงานเดิม เช่น ระบบเงินเศษ บัญชี

ข้อ 3. อธิบายอย่างเป็ นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยละเอียด

3.1 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) คืออะไร เพราะเหตุใดอิเล็กทรอนิกส์จึงมีการเติบโต การนาพา


อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในองค์การ มีประโยชน์ต่อธุรกิจองค์การอย่างไร (10 คะแนน)
ตอบ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดาเนินธุระกิจทางการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ
ซือ้ ขาย จัดแจง แลกเปลี่ยนสินค้า บริการ หรือสาระสนเทศผ่านอิเทอร์เน็ต เป็ นการกระจายการตลาดผ่าน
อิเล็กทรอนิกส์
เหตุผลที่อิเล็กทรอนิกส์เติบโต เพราะว่ามีทงั้ ทุกแห่งการเลือกซือ้ สินค้าสามารถเลือกได้ง่ายและเลือกได้ทุกเวลา
ไม่ตอ้ งเดินทางไปตัวร้านค้า รวมตัวลดการใช้งบประมาณการใช้พลังงานและยังควบคุมได้ท่วั โลกทาให้เกิดกลุม่
ลูกค้าต่างๆได้ดีเพราะเป็ นโลกที่ไร้พรมแดนและสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายทัง้ ผูซ้ ือ้ และผูข้ ายผูป้ ระกอบการ
สามารถเจาะเข้าถึงกลุม่ ลูกค้าได้โดนเฉพาะ
การนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ประโยชน์ต่อองกรณ์ธุรกิจ ดังนี ้
1.ต่อบุคคล ลูกค้ามีโอกาสเลือกซือ้ สินค้าที่มีราคาต่าสุดได้เพราะลูกค้าสามารถเปรียบทียบราคาสินค้าได้ทาให้
เกิดทางเลือกและลูกค้าสามาถเลือกซือ้ สินค้าได้ 24 ชม. และตรงความต้องการของลูกค้า

2.ต่อองกรณ์ธุรกิจ/ผูจ้ าหน่าย ทาให้องค์กรสามารถขยายธุรกิจได้ในต้นทุนที่ต่า เพราะช่องทางแคบลง โดยไม่


ผ่านพ่อค้าคนกลางและใช้อิเทอร์เน็ตในการสื่อสารต้นทุนก็จะลดลงระยะเวลาไม่ตอ้ งเด่นไปทางซือ้ วัตถุดิบ

3.2 ให้ยกตัวอย่างปั ญหาที่เกิดขึน้ จากพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มา 1 ตัวอย่าง พร้อมทัง้ อธิบายปัญหาที่เกิดขึน้


อย่างชัดเจน จากปัญหาดังกล่าว ให้นกั ศึกษาเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึน้ และให้เสนอแนว
ทางการป้องกันที่อาจเกิดขึน้ ในอนาคต อย่างเป็ นรูปธรรมที่มีความชัดเจน โดยละเอียด และสามารถนาไป
ปฏิบตั ิได้จริง (20 คะแนน)
ตอบ ปัญหาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ปัญหาด้านทางธุระกรรมขาดคสามเชื่อ คือ การที่ทางร้านค้าที่ไม่เป็ นธรรม
เนื่องจากมักมีการใช้เทคนิคทางการตลาดมากมายซึ่งอาจรวมตัวการใช้ขอ้ มูลไม่ครบถ้วน และการโฆษณาที่
อาจทาให้เข้าใจผิด มีการลงโฆษณาโดยมิได้รอ้ งขอ (สแปม) ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น E-mail โซเซียลมีเดีย อาจ
ส่งผลต่อความเป็ นส่วนตัว และความเชื่อมั่นของผูซ้ ือ้ แนวทางแก้ไข สัญญาอิเล็กทรอนิกส์ แต่ละประเทศ
จาเป็ นต้องมีกฎหมายในการทาสัญญาต้องมีการกาหนดสิทธิและหน้าที่ ความเป็ นธรรมของทุกฝ่ าย เช่น
คุณภาพของสินค้าที่ถูกชีแ้ จงความเสียหาย การจัดส่งล้าช้า ดังนัน้ กรมพัฒนาธุรกิจสินค้า กระทรวงพาณิชย์
ควรมีการออกเครื่องหมายทางการค้าออนไลน์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่รา้ นค้าออนไลน์และมีการ
คุม้ ครองผูบ้ ริโภค รับสินค้าร้องเรียนทางออนไลน์สาหรับผูซ้ ือ้
ข้อ 4. จริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร ประกอบด้วยเรื่องใดบ้าง การนางานเขียง
ของผูอ้ ่นื ที่มีการเผยแพร่หรือนาเสนอทางอิเทอร์เน็ตมาใช้ในงานเขียนของตน เพื่อเผยแพร่ต่อบุคคลอื่น ถือว่า
เป็ นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศหรือไม่ อย่างไร เพราะเหตุใด จากกรณีดงั กล่าว
หากเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทส ถือว่าเป็ นจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศใน
เรื่องใด เพราะเหตุใด (20 คะแนน)
ตอบ จริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสาระสนเทศ คือ หลักศีลธรรมที่กาหนดขึน้ เพื่อให้เป็ นแนวทางใน
การปฏิบตั ิ และควบคุมการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และสาระสนเทศ ประกอบด้วย

1.ความเป็ นส่วนตัว สิทธิดา้ นสาระสนเทศ ด้านข้อมูลสิทธิความเป็ นเจ้าของที่จะควบคุมเปิ ดเผยให้ผอุ้ ่ืน เช่น


การเข้าไปดูขอ้ ความใน E-mail การใช้กล้องวงจรเฝ้าดูการทางาน ทาให้เกิดการละเมิดสิทธิความเป็ นส่วนตัว
2.ด้านความถูกต้องของการบันทึกข้อมูลในการพิจารณาหาผูร้ บั ผิดชอบในกรณีท่เี กิดความเสียหาย ดังนัน้
ข้อมูลควรจะมีการตรวจสอบความถูกต้องก่อนเผยแพร่สง่ ทางอินเทอร์เน็ต และใช้สิทธิในการตรวจสอบข้อมูล
ของตนเองได้
3.ความเป็ นเจ้าของ คือ การถือสิทธิในการครอบครองทรัพย์สินทัง้ จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ อาจเป็ นของหรือ
ความคิด สามารถถ่ายทอดได้ เช่น ทรัพย์สินจากองค์กรหรือของบุคคลควรได้รบั การปกป้องไม่ว่าจะเป็ นลิขสิทธิ์
เครือ่ งหมายการค้า

4.การเข้าถึงข้อมูล การเข้าใช้งานโปรแกรมหรือคอมพิวเตอร์ ก็จะมีการกาหนดสิทธิ์การใช้งานตามระดับ เพื่อ


เป็ นการป้องกันการเข้าไปดาเนินการต่าง ๆ ของผูไ้ ม่เกี่ยวข้องเพื่อเป็ นการรักษาข้อมูลจึงต้องได้รบั ความยินยอม
ถ้าไม่ได้รบั ความยินยอมถือว่าเป็ นการละเมิดสิทธิ์การนาข้อมูลของผูอ้ ่นื มาเผยแพร่นาเสนอทางอิเทอร์เน็ตมา
ใช้ในงานของตนเองเพื่อเผยแพร่ต่อบุคคลอื่น ถือว่าเป็ นปั ญหาที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรมการใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศ เพราะเป็ นการกระทาที่ผิดกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา คือ เกิดจากการนางานเขียนของผูอ้ ่นื มา
เผยแพร่เป็ นของตนเอง เจ้าของสิทธิ์ย่อมมีสิทธิ์แต่เพียงผูเ้ ดียวที่จะกระทาใดๆต่องานอันมีสิทธิของตน มีสิทธิ์ใน
การทางานซา้ ดัดแปลง จาหน่าย ปรากฏต่อสาธารณชน หรืออนุญาตให้ผอู้ ่ืนใช้สิทธิข์ องตน ดังนัน้ การนางาน
ของผูอ้ ่ืนมาเขียนและเผยแพร่เป็ นของตน มีความผิดการละเมิดสิทธิ์โดยตรง คือ การทาซา้ ดัดแปลง เผยแพร่
แก่สาธารณชน รวมตัวการนาต้นฉบับหรือสาเนางานดังกล่าวให้เช่าโดยไม่ได้รบั อนุญาติจากเจ้าของสิทธิ์

You might also like