Professional Documents
Culture Documents
Reinforced Concrete Design
Reinforced Concrete Design
โดยวิ ธี ห น่ ว ยแรงใช้ ง าน
คำนำ
สำรบัญ
ลราื่ นง รีสำ
คำีำ ก
ำำรากบญ ข
ำำรากบญราู ป จ
ำำรากบญตำราำง ้
ำบญ่บกษณ์ ซ
กทท้่ 2 กำราิชลคราำะร์โครางำราสำงแ่ะกำรานนกแกก 11
2.1 ีใ ำรีบกกราราทุกแ่ะแรางท้่กราะทำกบกโครางำราสำง 11
2.1.1 ีใ ำรีบกกราราทุกคงท้่รราื นีใ ำรีบกกราราทุกตำนตบิ (Dead loads) 11
2.1.2 ีใ ำรีบกกราราทุกจรา (Live loads) 12
2.1.3 แราง่น (Wind loads) 13
2.1.4 แรางกราะแทก (Impact loads) 14
2.1.5 แรางแผมีดชีไริ (Earthquake loads) 14
2.2 แกกจำ่นงทำงโครางำราสำง 15
2.3 กำราจบดิำงีใ ำรีบกกราราทุก 17
2.4 กำราิชลคราำะร์โครางำราสำง 19
2.5 กำรานนกแกกโครางำราสำงคนีกรา้ ตลำราช นลร่็ก 21
2.5.1 รีมินแรางท้่นนนชรส 21
2.5.2 ำนนตชฐำีชีกำรานนกแกกโดนิชธ้รีมินแรางช้สงำี 22
2.5.3 คมำคงท้่ำำรราบกกำรานนกแกก (n, k แ่ะคมำ j) 22
ค
กทท้่ 5 พืใีแ่ะกบีได 67
5.1 พืใีคนีกรา้ ตลำราช นลร่็ก 67
5.1.1 พืใีคนีกรา้ ตลำราช นลร่็กทำงลด้นิ 67
5.1.2 พืใีคนีกรา้ ตลำราช นลร่็กำนงทำง 74
5.1.3 พืใีำำลรา็ จราู ป 82
5.1.4 พืใีิำงกีดชี 83
5.2 กบีไดคนีกรา้ ตลำราช นลร่็ก 84
5.2.1 กบีไดพำด้มิงกิสำงราะริมำงคำีแนมกีบ ได 84
5.2.2 กบีไดพำด้มิงนำิ 87
แกกฝึ กรบด 90
ง
กราราณำีุกราน 152
ภำคผีิก 154
จ
สำรบัญรูป
4.5 คิำนนำิราะนะฝบงขนงลร่็กลำราช น 58
4.6 กำราราบกีใ ำรีบกขนงคำีราบกพืใีนืี่ 61
5.1 กำราลำ้ นราู ปจำกกำราราบกีใ ำรีบกกราราทุกขนงแผมีพืใีลำราช นลร่็กทำงลด้นิ 67
5.2 ่บกษณะแผมีพืใีแ่ะกำราพชจำราณำรำแรางภำนชีแผมีพืใีจำกทำงดสำีำบใี 68
5.3 กำราลำราช นลร่็กพืใีคนีกรา้ ตลำราช นลร่็กทำงลด้นิ 69
5.4 กำราลำ้ นราู ปจำกกำราราบกีใ ำรีบกกราราทุกขนงแผมีพืใีลำราช นลร่็กำนงทำง 74
5.5 กำราแกมงพืใีท้่พใีื คนีกรา้ ตลำราช นลร่็กำนงทำง 75
5.6 คิำนตมนลีื่ นงขนงแผมีพืใีทบใง 5 กราณ้ 76
5.7 กำราลำราช นลร่็กชีแผมีพืใีคนีกรา้ ตลำราช นลร่็กำนงทำง 77
5.8 กำราถมำนีใ ำรีบก่งคำีรานงราบก 78
5.9 ่บกษณะแ่ะกำราิำงแผมีพืใีำำลรา็ จราู ป 82
5.10 พืใีิำงกีดชี 83
5.11 กบีไดคนีกรา้ ตลำราช นลร่็ก 84
6.1 ราู ปแกกขนงลำำคนีกรา้ ตลำราช นลร่็ก 92
6.2 กำ่บงราบกีใ ำรีบกขนงลำำำบใี 93
6.3 ่บกษณะกำราิชกตบ ชขนงลำำ 94
6.4 ลำำำบใีราบกแรางนบดตำนแีิแกีแ่ะโนลนีต์ดดบ ราม ินกบีนบีลกชดจำกแรางลนืในงศูีน์ 102
6.5 กราำฟปฏชำบนพบีธ์ (Interaction diagram) 103
6.6 กราำฟนนกแกกลำำแกมง้มิงตำนราะนะลนืในงศูีน์ 103
6.7 รีสำตบดลำำคนีกรา้ ตลำราช นลร่็ก 104
6.8 ่บกษณะกำราโกมงตบิแ่ะกำราลค่ื่นีท้่ทำงดสำีขสำงขนงลำำ 113
7.1 ปราะลภทขนงฐำีราำก 116
7.2 ราู ปแกกขนงฐำีราำก 117
7.3 กำราแผมกราะจำนขนงแรางดบีดชีชตสฐำีราำก 118
7.4 แีิรีสำตบดิชกฤตำำรราบกโนลนีต์ดดบ แ่ะแรางนึดรีมิง 120
7.5 แีิรีสำตบดิชกฤตำำรราบกแรางลฉื นี 121
7.6 กำราลำราช นลร่็กชีฐำีราำก 122
7.7 ราู ปแกกรราื นราู ปทรางขนงฐำีราำกจำกกำราจบดิำงกุ่มนลำำลข็นแกกำนนำตรา 136
7.8 กำรากราะจำนีใ ำรีบกขนงฐำีราำกแผมิำงกีลำำลข็น 137
7.9 แีิรีสำตบดิชกฤตำำรราบกโนลนีต์ดดบ แ่ะแรางนึดรีมิง 138
7.10 แีิรีสำตบดิชกฤตำำรราบกแรางลฉื นีแ่ะแรางลฉื นีชีฐำีราำกแผมิำงกีลำำลข็น 139
้
สำรบัญตำรำง
ตำราำงท้่ รีสำ
1.1 ขีำดลำสีผมำีศูีน์ก่ำงแ่ะลกณฑ์คิำนคำดลค่ื่นี
ำำรราบกนิ่ตมนลนตราขนงลร่็กลำราช น 8
1.2 ก่ำนกบตชขนงลร่็กลำราช นตำนนำตราฐำีนุตำำรกราราน 9
2.1 ีใ ำรีบกขนงิบำดุกมนำราสำง 12
2.2 ีใ ำรีบกกราราทุกจราำำรราบกนำคำรา (ขสนกบญญบตชขนงกราุ งลทพนรำีครา พ.ศ. 2522) 13
2.3 แราง่นำำรราบกำม ิีขนงนำคำรา (ขสนกบญญบตชขนงกราุ งลทพนรำีครา พ.ศ. 2522) 14
2.4 คมำำบนปราะำช ทธช์ โนลนีต์แ่ะแรางลฉืนี 20
2.5 คมำนบตราำำม ิีโนดู่ำบ : n 24
4.1 รีมินแรางนึดรีมิงท้่นนนชรส 57
5.1 คมำำบนปราะำช ทธช์ ขนงโนลนีต์ (c) 76
7.1 กำ่บงแกกทำีขนงดชี ตำน พ.รา.ก. คิกคุนนำคำรา ป้ พ.ศ. 2522 119
7.2 ลำำลข็นคนีกรา้ ตนบดแราง 134
ซ
สัญลักษณ์
บทที่ 1
คอนกรีตและเหล็กเสริม
1.1 คอนกรีต
คอนกรี ตเป็ นวัส ดุ ผสม (Composite materials) ประกอบด้วย วัส ดุ ป ระสาน ได้แก่ ปู น ซี เมนต์
และน้ า ผสมกับ มวลรวม ได้แก่ ทราย หิ น หรื อกรวด เมื่ อนามาผสมรวมกันจะอยู่ในสภาพเหลวช่ วง
ระยะเวลาหนึ่ ง ซึ่ งเพียงพอที่จะนาไปใช้เทลงในแบบหล่อที่มีรูปร่ างตามต้องการ หลังจากนั้นจะเปลี่ ยน
สภาพเป็ นของแข็ง และพัฒนากาลังสู งขึ้นตามอายุของคอนกรี ตที่เพิ่มขึ้น คุณสมบัติเชิ งกลที่สาคัญของ
คอนกรี ต ได้แก่
1.1.1 กำลังอัดของคอนกรี ต (fc )׳เป็ นคุ ณสมบัติดา้ นกาลังที่สาคัญสุ ด เนื่ องจากใช้ประกอบการ
คานวณโครงสร้างคอนกรี ตเสริ มเหล็ก ส่ วนกาลังดึง กาลังดัด และค่าโมดูลสั ยืดหยุน่ ขึ้นอยูก่ บั กาลังอัด
หรื อเป็ นสัดส่ วนกับกาลังอัด กล่าวคือ เมื่อคอนกรี ตมีกาลังอัดสู งขึ้นกาลังด้านอื่นๆ ของคอนกรี ตก็จะสู ง
ตามไปด้วย กาลังอัดของคอนกรี ตขึ้นอยูก่ บั ปั จจัยที่สาคัญ 3 ประการ ได้แก่ กาลังของมอร์ ตาร์ กาลังและ
โมดูลสั ยืดหยุน่ ของมวลรวม และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างมอร์ ตาร์ กบั ผิวของมวลรวม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัย
อื่นที่มีผลต่อกาลังของคอนกรี ต เช่น คุณสมบัติของวัสดุผสม การทาคอนกรี ต การบ่มคอนกรี ต และการ
ทดสอบ (ชัช วาลย์ เศรษฐบุ ตร, 2536) โดยปกติ ก ารออกแบบส่ วนผสมคอนกรี ตให้ ได้กาลังอัดตามที่
ต้องการจะต้องทราบถึงคุณสมบัติของวัสดุที่ใช้ทาคอนกรี ต และควบคุมการทาคอนกรี ต ตลอดจนการบ่ม
คอนกรี ตให้เป็ นไปตามมาตรฐาน ส่ วนการทดสอบกาลังอัดจะเป็ นขั้นตอนสุ ดท้ายที่แสดงถึงคุณภาพของ
คอนกรี ตโดยตรวจสอบจากการทดสอบกาลังอัดของคอนกรี ต ซึ่ งเป็ นวิธีที่ง่ายเมื่ อเปรี ยบเที ยบกับการ
ทดสอบอื่นๆ ข้อกาหนดมาตรฐานวัสดุและการก่อสร้างสาหรับโครงสร้างคอนกรี ต โดยคณะกรรมการ
วิช าการสาขาวิศ วกรรมโยธา วิศ วกรรมสถานแห่ งประเทศไทย (ว.ส.ท.) เสนอแนะว่า การประเมิ น
คอนกรี ตและเหล็กเสริ ม 2
600
500
กำลังอัดทรงกระบอกมำตรฐำน, ksc.
400
300
200
100
0
0 100 200 300 400 500 600
ว.ส.ท. 6102 (ก) กำลังอัดทรงลูกบำศก์ มำตรฐำน, ksc.
แตกหัก ดังรู ปที่ 1.6 คานวณหาหน่วยแรงดึงซึ่ งเกิดสู งสุ ดที่บริ เวณท้องคาน ซึ่ งเรี ยกว่าโมดูลสั การแตกร้าว
(Modulus of rupture; fr) มาตรฐานสาหรับอาคารคอนกรี ตเสริ มเหล็ก ว.ส.ท. 1008 กาหนดค่าโมดูลสั การ
แตกร้าว : 𝑓𝑟 = 2.0√𝑓𝑐′ (กก./ซม.2) ในรู ปของความสัมพันธ์ระหว่างกาลังอัดกับกาลังดัดของคอนกรี ต
ซึ่ งจากการศึกษาผลกระทบของปูนซี เมนต์ผสมเถ้าชานอ้อยและเถ้าลอยในลักษณะบดร่ วมต่อคุ ณสมบัติ
ทางกายภาพและเชิ งกลของคอนกรี ต พบว่า เถ้าชานอ้อยผสมเถ้าลอยในอัตราส่ วน 60:40 โดยน้ าหนัก มี
ความละเอียดค้างตะแกรงเบอร์ 325 ไม่เกินร้อยละ 1 โดยน้ าหนัก สามารถใช้แทนที่ปูนซี เมนต์ในการทา
คอนกรี ตได้ถึงร้อยละ 30 โดยน้ าหนักของวัสดุประสาน โดยคอนกรี ตยังคงมีความสัมพันธ์ระหว่างกาลัง
อัดกับ ก าลังดัดสู งกว่าค่ ากาหนดมาตรฐาน ว.ส.ท. (สาโรจน์ ดารงศี ล และสุ วิมล สัจ จวาณิ ชย์, 2550)
สอดคล้องกับการศึกษาผลกระทบของการใช้เถ้าแกลบผสมเถ้าลอยต่อคุ ณสมบัติเชิ งกลของคอนกรี ต
พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกาลังอัดกับกาลังดัดของคอนกรี ตสู งกว่ามาตรฐาน ว.ส.ท. เช่นกัน (สาโรจน์
ดารงศีล, 2558) จึงมีความเป็ นไปได้ที่จะใช้เถ้าชานอ้อยและเถ้าแกลบในงานคอนกรี ตโครงสร้าง
ในการออกแบบทัว่ ไป ACI Building Code 318 และ ว.ส.ท. 6202 ก าหนดค่ าโมดู ล ัส
ยืดหยุ่น ของคอนกรี ต (Ec) ค านวณจาก 4,270w1.5 fc โดยที่ fc มี หน่ วย เป็ น กก./ซม.2 ส าหรั บ
คอนกรี ตธรรมดาให้ ใช้น้ าหนัก (w) เท่ ากับ 2.323 ตัน /ม.3 ดัง นั้น เมื่ อแทนค่ า (w) ลงในสู ต รจะได้ ค่ า
โมดูลสั ยืดหยุน่ ของคอนกรี ต : Ec 15,100 fc
งานวิจยั การใช้เถ้าชีวมวลในงานคอนกรี ต ศึกษาผลกระทบของเถ้าชานอ้อยบดละเอียด
ต่ อก าลัง ประลัยและโมดู ล ัส ยืดหยุ่น ของคอนกรี ต โดยใช้เถ้าชานอ้อ ยที่ มี ค วามละเอี ย ดค้างตะแกรง
มาตรฐานเบอร์ 325 ร้อยละ 0.42 โดยน้ าหนัก ผสมแทนที่ปูนซี เมนต์ร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 50 โดยน้ าหนัก
ของวัส ดุ ป ระสาน ผลการศึ ก ษาพบว่าสามารถใช้เถ้าชานอ้อยแทนที่ ปูน ซี เมนต์ไ ด้ถึ งร้ อยละ 30 โดย
น้ าหนักของวัสดุประสาน โดยที่คอนกรี ตผสมเถ้าชานอ้อยยังคงมีกาลังอัดสู งกว่าคอนกรี ตควบคุม และมี
ค่าโมดูลสั ยืดหยุน่ สู งกว่าค่าที่มาตรฐาน ว.ส.ท.แนะนา โดยไม่มีผลกระทบในแง่ลบต่อค่าโมดูลสั ยืดหยุน่
จากการใช้เถ้าชานอ้อยในงานคอนกรี ต (อรรคเดช ฤกษ์พิบูลย์ และชัย จาตุรพิทกั ษ์กุล , 2551) เถ้าชี วมวล
ซึ่ งเป็ นผลพลอยได้จากการใช้วสั ดุ ทางการเกษตรเป็ นเชื้ อเพลิ ง ได้แก่ เถ้าแกลบ เถ้าชานอ้อย และเถ้า
ปาล์มน้ ามัน มีคุณสมบัติเป็ นวัสดุปอซโซลานสามารถใช้แทนที่ปูนซี เมนต์บางส่ วนในการทาคอนกรี ตได้
โดยที่ ค อนกรี ตยังคงมี คุ ณ สมบัติเชิ งกลที่ ดี อย่างไรก็ ตาม การน าเถ้าชี วมวลไปใช้ในงานโครงสร้ าง
คอนกรี ตเสริ มเหล็ก ยังต้องการงานวิจยั อี กมากทั้งด้านคุ ณสมบัติเชิ งกล และความคงทนของคอนกรี ต
ตลอดจนการทดสอบพฤติกรรมในการรับน้ าหนักของโครงสร้างคอนกรี ต เพื่อหาค่าพารามิเตอร์ ต่างๆ ที่
ใช้สาหรับการออกแบบต่อไป
คอนกรี ตและเหล็กเสริ ม 8
1.2 เหล็กเสริม
เหล็กเสริ มที่นิยมใช้ในงานคอนกรี ตเสริ มเหล็กเป็ นเหล็กกล้าละมุม (Mild steel) เป็ นโลหะผสม
เหล็กกับคาร์ บอนด์และมีส่วนผสมของธาตุอื่นบ้างพอประมาณ เช่น กามะถัน แมงกานีส และฟอสฟอรัส
แต่มีปริ มาณคาร์ บอนด์ต่าประมาณร้อยละ 0.30โดยน้ าหนัก จึงเป็ นเหล็กกล้าคาร์ บอนด์ต่าที่มีความอ่อน
แต่มี ความเหนี ยวและแกร่ งมาก เหล็กผลิ ตขึ้ นรู ป แบบรี ดร้ อน (Hot–rolledprocess) โดยการหลอมแท่ ง
เหล็กแล้วรี ดด้วยลูกกลิ้งขึ้นรู ปตามความต้องการ เหล็กเสริ มคอนกรี ตที่ใช้ในงานโครงสร้างมีท้ งั ลักษณะ
เส้ น กลมผิว เรี ย บ (Round bars; RB) และเหล็ ก ข้อ อ้อ ย (Deformed bars; DB) ดังรู ป ที่ 1.8 โดยมี ห ลาย
ขนาดให้เลื อกใช้ตามความเหมาะสม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและเกณฑ์ความคลาดเคลื่อนสาหรับมวล
ต่อเมตรของเหล็กเสริ มทั้งสองที่ใช้ในงานคอนกรี ตเสริ มเหล็ก แสดงในตารางที่ 1.1
www.nde-ed.org
รู ปที่ 1.9 ความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยแรง (Stress) กับหน่วยการยืดตัว (Strain) ของเหล็กเสริ ม
คอนกรี ตและเหล็กเสริ ม 10
บทที่ 2
การวิเคราะห์ โครงสร้ างและการออกแบบ
2.1.3 แรงลม (Wind loads) เมื่ อที่ ต้ งั ของโครงสร้ างมี ทิศทางขวางทางลม พลังงานจลน์ของลม
(Kinetic energy) จะเปลี่ยนเป็ นพลังงานศักย์ (Potential energy) เกิดเป็ นแรงลม (Wind loads) กระทากับ
โครงสร้าง ขนาดของแรงลมจะขึ้นอยูก่ บั ความหนาแน่น (Density) ความเร็ วลม (Velocity) ซึ่งแปรเปลี่ยน
ตามสภาพพื้ น ที่ และความสู ง เหนื อ พื้ น ดิ น ตลอดจนมุ ม ที่ ก ระท าและรู ป ร่ างของโครงสร้ าง ในการ
ออกแบบให้โครงสร้ างรับ แรงลมสามารถค านวณค่ าแรงลมโดยวิธี ส ถิ ต (Static) ซึ่ งสมมติ ให้แรงลม
กระท าอย่า งสม่ า เสมอต่ อ โครงสร้ า งด้า นรั บ แรงลม และแรงลมสามารถกระท าได้ทุ ก ทิ ศ ทาง โดย
American Society of Civil Engineers (ASCE) เสนอแรงลม (q) ที่กระทากับพื้นที่ โครงสร้ างและตั้งฉาก
กับทิศทางความเร็ วลม ดังนี้
1 2
q
2
50
I x100 แต่ไม่เกินร้อยละ30
L 125
V ZIKCSW
2.2 แบบจาลองทางโครงสร้ าง
การสร้ างแบบจาลองทางโครงสร้ างที่สอดคล้องกับโครงสร้างจริ งจะช่ วยให้ได้ผลการวิเคราะห์
และการตอบสนองพฤติกรรมทางโครงสร้างต่อการรับน้ าหนักถูกต้องใกล้เคียงกับความเป็ นจริ ง ระบบ
ของโครงสร้ างคอนกรี ตเสริ มเหล็กทัว่ ไป ประกอบด้วย พื้ น คาน เสา และฐานราก น้ าหนักหรื อแรงที่
กระทากับโครงสร้ างอาคารเริ่ มจากน้ าหนักบรรทุกคงที่ (DL) และน้ าหนักบรรทุกจร (LL) ที่กระทากับ
พื้นในแต่ละชั้นแล้วถ่ายทอดน้ าหนักต่อไปยังคานรองรับ เสา และฐานราก ตามลาดับ ดังรู ปที่ 2.1
รู ปที่ 2.3 (ก) ส่ วนคาน B7 เป็ นคานต่อเนื่ องสองช่วงและเป็ นคานซอยหรื อคานฝาก มีฐานรองรับเป็ นคาน
หลักเช่นกัน (คาน B10, คาน B11 และคาน B8 เป็ นคานหลัก) จึงแสดงเป็ นคานต่อเนื่ องสองช่วง ดังรู ปที่
2.3 (ข) ขณะที่ คาน B9 เป็ นคานต่อเนื่ องสองช่ วงและเป็ นคานหลักที่ มีฐานรองรับเป็ นเสา (C3) จึงควร
พิจารณาเป็ นโครงข้อแข็ง (Rigid frame) ดังรู ปที่ 2.3 (ค) (วินิต ช่อวิเชียร, 2545)
2.50 ม.
(ก) คาน B1
w w
3.50 ม. 2.50 ม.
(ข) คาน B7
P (B7)
w w w
(ค) คาน B9
DL
LL LL LL
+
M +
M +
M
LL LL LL
M–
w = DL + LL
+
M +
M
M
– –
M –
M
(ง) การวางน้ าหนักบรรทุกคงที่รวมกับน้ าหนักบรรทุกจรเต็มทุกช่วง
b fc
c
kd/3 C
kd
N.A.
d
jd
d– kd
As
s T
(ก) รู ปตัดคาน (ข) การกระจายของ (ค) การกระจายหน่วยแรง
หน่วยการยืดหดตัว และแรงภายในบนหน้าตัด
(วินิต ช่อวิเชียร, 2545)
รู ปที่ 2.5 การกระจายของหน่วยการยืดหดตัวและหน่วยแรงบนหน้าตัดคาน
c s c k
หรื อ …..(a)
kd d kd s 1 k
Es fs. c
ขณะที่ n หรื อ n …..(b)
Ec fc. s
fs.k 1
n หรื อ k
fc (1 k ) 1
fs
n. fc
จากรู ปที่ 2.5 (ค) แนวแรงอัด (C) ถึงแนวแรงดึง (T) จะได้ระยะ jd ดังนี้
kd k
jd d หรื อ j 1
3 3
การวิเคราะห์ โครงสร้ างและการออกแบบ 24
ขั้นตอนในการหาค่ าคงที่ ส าหรั บ การออกแบบสรุ ป เป็ นแผนภาพ ดังรู ป ที่ 2.6 และมาตรฐาน
ว.ส.ท. กาหนดค่าอัตราส่ วนโมดูลสั (n) สาหรับคอนกรี ตที่กาลังอัดต่างๆ ( fc ) ในตารางที่ 2.5
n
Es
(fc׳และfy)
2,040,000
Ec 15,100 fc
1
k
fs
1
n. fc
k
j 1
3
บทที่ 3
การออกแบบคานคอนกรีตเสริมเหล็กต้ านทานโมเมนต์ดดั
b My
I
V
y
h N.A.
VQ
Ib
M V
My
I
(ก) (ข)
+
M
(ก) (ข)
M
– (ก) (ข)
w w
+ +
M M
– – –
M M M
(ก)
(ข)
3.2 การออกแบบคานเสริมเหล็กรับแรงดึงอย่างเดียว
คานคอนกรี ตเสริ มเหล็กแบบช่ วงเดียวภายใต้โมเมนต์ดดั ผิวคานด้านบนจะถูกอัดส่ วนท้องคาน
จะถู ก ดึ ง จากสมมติ ฐานในการออกแบบข้อที่ 1 รู ป ตัดทั้งก่ อนและหลังการรั บ โมเมนต์ดัดยังคงเป็ น
ระนาบ ดังรู ปที่ 3.6 (ก) และการกระจายหน่ วยการยืดหดตัวเป็ นสัดส่ วนโดยตรงกับระยะห่ างจากแกน
สะเทิน (Neutral axis, N.A.) ดังรู ปที่ 3.6 (ข) โดยหน่ วยการหดตัวสู งสุ ดของคอนกรี ต ( c ) เกิ ดขึ้นที่ผิว
ด้านบนของคานมีระยะห่ างเท่ากับ kd จากแนวแกนสะเทิ น และหน่ วยการยืดตัวของเหล็กเสริ ม ( s )
เกิ ดขึ้ นที่ ด้านล่ างของคานตาแหน่ งเหล็กเสริ ม รั บ แรงดึ ง สมมติ ฐานข้อที่ 2 และข้อที่ 4 กลสมบัติของ
คอนกรี ตและเหล็กเสริ มเป็ นไปตามกฏของฮุค (Hook’s law) การกระจายหน่ วยแรงอัดของคอนกรี ตและ
แรงภายในบนหน้าตัดโดยไม่คิดกาลังต้านทานแรงดึงของคอนกรี ต แสดงดังรู ปที่ 3.6 (ค)
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 29
b c fc
kd/3
kd C
d N.A.
t jd
d – kd
As
s T
(ก) รู ปตัดคาน (ข) การกระจายของ (ค) การกระจายหน่วยแรง
หน่วยการยืดหดตัว และแรงภายในบนหน้าตัด
3.3 ข้ อกาหนดเกี่ยวกับคานคอนกรีตเสริมเหล็ก
มาตรฐาน ว.ส.ท. ให้ขอ้ กาหนดที่เกี่ยวข้องกับคานคอนกรี ตเสริ มเหล็ก ดังนี้
3.3.1 ความลึกตา่ สุ ดของคาน (t) ในกรณี ที่ไม่ ได้ คานวณระยะโก่ ง หากใช้ความลึกน้อยกว่านี้ ตอ้ ง
คานวณระยะโก่งตัวของคาน แต่ท้ งั นี้ตอ้ งไม่ทาให้ความแข็งแรงขององค์อาคารนั้นด้อยลง
กรณี ความลึกต่าสุ ด (t)
คานช่วงเดียว L/16
คานปลายต่อเนื่องข้างเดียว L/18.5
คานปลายต่อเนื่องสองข้าง L/21
คานยืน่ L/8
3.3.2 คานลึ กคาน ช่วงเดี ยวที่มีอตั ราส่ วนความลึ กต่อระยะช่ วง มากกว่า 4/5 และคานต่อเนื่ องที่
อัต ราส่ ว นความลึ ก ต่ อ ระยะช่ ว งมากกว่า 2/5 ให้ ถื อ ว่า เป็ นคานลึ ก ในการค านวณออกแบบถื อ ว่ า
ความเครี ยดที่เกิ ดขึ้นไม่เป็ นสัดส่ วนโดยตรงกับระยะจากแกนสะเทิ น และต้องคานึ งถึ งการโก่ งงอตาม
ขวาง ตลอดจนผลเกี่ ยวเนื่ องอื่ นๆ ด้วย สาหรั บคานปกติ ทั่วไปควรมี อัตราส่ วนความกว้ างต่ อความลึ ก
ประสิ ทธิ ผล (b/d) ระหว่ างช่ วง 0.25 ถึง 0.60
3.3.3 เหล็กเสริ มน้ อยสุ ดสาหรั บองค์ อาคารรั บแรงดัด ( min ) ต้องมีปริ มาณเหล็กเสริ มรับแรงดึง
ไม่นอ้ ยกว่า 14 เพื่อป้ องกันการวิบตั ิที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันทีเมื่อเกิดการแตกร้าวด้านรับแรงดึง โดยที่
fy
As
ค่า คืออัตราส่ วนพื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มต่อพื้นที่หน้าตัดคาน ( )
bd
3.3.4 คอนกรี ตหุ้ มเหล็กเสริ ม (Covering) เป็ นระยะที่ วดั จากผิวคอนกรี ตถึ งผิวนอกของเหล็ก
ปลอกและการจัดวางเหล็กเสริ มต้องคานึงถึงความสามรถเทได้ของคอนกรี ตโดยสะดวก กรณี ที่คานเสริ ม
เหล็กมากกว่าหนึ่ งชั้นควรวางเหล็กที่มีขนาดใหญ่กว่าไว้ดา้ นล่าง และวางเหล็กแต่ละชั้นให้สมมาตรกัน
โดยมีระยะห่างระหว่างชั้นไม่นอ้ ยกว่า 2.5 เซนติเมตร ดังรู ปที่ 3.7
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 31
3.4 ขั้นตอนในการคานวณออกแบบคานคอนกรีตเสริมเหล็กรับแรงดึงอย่างเดียว
1. เขียนแบบจาลองทางโครงสร้าง และหาน้ าหนักที่กระทากับโครงสร้าง เลือกขนาดหน้าตัดคาน
เพื่อหาน้ าหนักคงที่ของคาน โดยสมมติข้ ึนจากการพิจารณา ชนิดของคานที่ออกแบบ ความลึกขั้นต่าของ
คานที่ ไม่ตอ้ งตรวจสอบการโก่งตัวของคาน และอัตราส่ วนความกว้างต่อความลึ กประสิ ทธิ ผล (b/d) ที่
เหมาะสม แล้วทาการวิเคราะห์โครงสร้าง (หาค่าโมเมนต์ดดั สู งสุ ด; Mmax.)
2. เลื อกวัส ดุ : กาลังอัดของคอนกรี ต (fc´) เลื อกชนิ ดของเหล็กเสริ ม (เหล็กกลมผิวเรี ยบ หรื อ
เหล็กข้ออ้อย) จะได้กาลังที่จุดครากของเหล็กเสริ ม (fy)
3. คานวณหาค่าคงที่สาหรับการออกแบบ : n, k, j และค่า R
4. ตรวจสอบขนาดหน้าตัดคานที่เหมาะสมได้จาก 2 กรณี (เลือกกรณี ใด กรณี หนึ่ง)
4.1 เปรี ยบเทียบค่า Mc Rbd 2 กับค่า Mmax
ถ้ า Mc < Mmaxหมายถึ ง โมเมนต์ที่ ต้านทานโดยคอนกรี ต น้อ ยกว่าโมเมนต์ที่
เกิดขึ้นจริ ง แสดงว่าขนาดหน้าตัดคานเล็กไปให้เพิ่มขนาดหน้าตัดคานให้ใหญ่ข้ ึน
ถ้ า Mc > Mmax หมายถึ งโมเมนต์ที่ ต้า นทานโดยคอนกรี ต มากกว่า โมเมนต์ที่
เกิดขึ้นจริ ง แสดงว่าใช้ได้ แต่ถา้ Mc > Mmax มากๆ แสดงว่าหน้าตัดคานใหญ่เกินไป
M max
4.2 ค่าความลึกประสิ ทธิ ผลที่ตอ้ งการ (d) ให้ค่า Mc = Mmax.: d
R.b
M max
5. คานวณหาปริ มาณพื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ ม : As
fs. jd
14
6. ตรวจสอบปริ มาณเหล็กเสริ มต่ าสุ ด ต้องมี ปริ มาณเหล็กเสริ มรับแรงดึ งไม่น้อยกว่า เพื่อ
fy
ป้ องกันการวิบตั ิที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันทีเมื่อเกิดการแตกร้าวด้านรับแรงดึง โดยที่ ค่า คืออัตราส่ วน
As
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มต่อพื้นที่หน้าตัดคาน ( )
bd
7. เลื อ กขนาด และจานวนของเหล็ ก เสริ ม ที่ ใ ช้ใ ห้ เหมาะกับ ขนาดหน้ าตัด คาน พร้ อ มเขี ย น
รายละเอียดแสดงรายการเหล็กเสริ ม
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 32
w = 1,192 กก./ม.
4.00 ม.
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
Es 2.04 10 6 = 11
n 10.68
Ec 15,100 fc '
1 1
k
fs
1,500
= 0.345
1 1
n. fc 11(72)
k 0.345
j 1 1 = 0.885
3 3
1
R fc.k . j = 0.5 (72) 0.345 (0.885) = 10.99 กก./ซม.2
2
ข้ อสังเกต
1. การออกแบบคานเสริ มเหล็กรับแรงดึ งอย่างเดียว ค่าโมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ตมากกว่า
โมเมนต์สู ง สุ ด ที่ เกิ ด ขึ้ น ในคานซึ่ งได้จากการวิเคราะห์ โครงสร้ าง : Mc > Mmax (2,384 กก.–ม.) โดย
Mc Rbd 2 ดังนั้น Mc จึงขึ้นอยูก ่ บั bd2 หากใช้วิธี Trial and error ในการออกแบบ โดยเลือกความกว้าง
ของคาน (b) คงที่เท่ากับ 0.20 ม. และให้ค่าความลึกต่าสุ ดเป็ นระยะ d เริ่ มต้น (ความลึกต่าสุ ดสาหรับคาน
ช่ วงเดี ยวที่ ไม่ตอ้ งตรวจสอบการโก่งตัวเท่ากับ L/16 = 400/16 => 25 ซม.) จะได้ค่าโมเมนต์ที่ตา้ นทาน
โดยคอนกรี ต : Mc ดังนี้
R (กก./ซม.2) b (ม.) d (ซม.) Mc Rbd 2 (กก.–ม.)
25 1,373.75 < Mmax
10.99 0.20 30 1,978.20 < Mmax
35 2,692.55 > Mmax
3.5 การออกแบบคานเสริมเหล็กรับแรงดึงและแรงอัด
ในกรณี ค่าโมเมนต์ที่ เกิ ดขึ้ นในคานมี ค่ามากจะส่ งผลให้คานเสริ มเหล็กรั บแรงดึ งอย่างเดี ยวมี
ขนาดใหญ่ การลดขนาดหน้าตัดคานลงในขณะที่ความสามารถรับโมเมนต์ดดั ของคานยังคงเดิมทาได้โดย
เสริ มเหล็กรับแรงอัด (As') ดังรู ปที่ 3.8 (ก) ซึ่ งเป็ นการเพิ่มกาลังต้านทานแรงอัดโดยเหล็กเสริ มร่ วมกับ
คอนกรี ต (Cs+Cc) ดังรู ปที่ 3.8 (ค) และจากสภาวะสมดุลของแรงภายในบนหน้าตัดจะทาให้เหล็กเสริ ม
รับแรงดึงเพิ่มขึ้น (T=Asfs) ความต้านทานโมเมนต์ดดั ของคานเสริ มเหล็กรับแรงอัดคือ : M=M1+M2 โดย
ค่าโมเมนต์ M1 พิจารณาจากความสมดุลของแรงอัดที่รับโดยคอนกรี ต (Cc 1 fc.kd.b ) กับแรงดึงที่รับ
2
โดยเหล็กเสริ ม (T1=As1fs) ดังรู ปที่ 3.8 (ง) ซึ่ งเที ยบได้กบั สภาวะสมดุ ลของแรงภายในบนหน้าตัดคาน
เสริ มเหล็กรับแรงดึ งอย่างเดียว ดังนั้น โมเมนต์ M1=Cc.jd หรื อ M1 = 1 fc.kd.b. jd = Rbd2 หรื อสรุ ปได้
2
ว่า M1=Mc นั่น เอง และโมเมนต์ M2 พิ จารณาจากความสมดุ ล ของแรงที่ รับโดยเหล็ก เสริ ม รั บแรงอัด
(Cs=As'fs' ) กับเหล็กเสริ มรับแรงดึง (T2=As2fs) ดังรู ปที่ 3.8 (จ)
b fc
d' c Cs
As' kd s Cc
N.A.
t d
d – kd
As
s T = Asfs
(ก) หน้าตัดคาน (ข) การกระจาย (ค) การกระจายหน่วยแรง
หน่วยการยืดหดตัว และแรงภายในบนหน้าตัด
fc
Cs 1
Cs = As'fs'
Cc fc.kd.b
Cc kd 2
d N.A. +
= jd d – d'
3.6 ขั้นตอนในการคานวณออกแบบคานคอนกรีตเสริมเหล็กรับแรงดึงและแรงอัด
1. เขียนแบบจาลองทางโครงสร้าง และหาน้ าหนักที่กระทากับโครงสร้าง เลือกขนาดหน้าตัดคาน
เพื่อหาน้ าหนักคงที่ของคาน โดยสมมติข้ ึนจากการพิจารณา ชนิดของคานที่ ออกแบบ ความลึกขั้นต่าของ
คานที่ ไม่ตอ้ งตรวจสอบการโก่งตัวของคาน และอัตราส่ วนความกว้างต่อความลึ กประสิ ทธิ ผล (b/d) ที่
เหมาะสม แล้วทาการวิเคราะห์โครงสร้าง (หาค่าโมเมนต์ดดั สู งสุ ด; Mmax.)
2. เลือกวัสดุ : กาลังอัดของคอนกรี ต (fc') และชนิดของเหล็กเสริ ม (เหล็กเส้นกลม หรื อเหล็กข้อ
อ้อย) จะได้กาลังครากของเหล็กเสริ ม (fy)
3. คานวณหาค่าคงที่สาหรับการออกแบบ : n, k, j และค่า R
4. คานวณค่าโมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc Rbd 2 ถ้ า
Mc > Mmax : ออกแบบคานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงอย่ างเดียว
Mc < Mmax : ออกแบบคานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงและแรงอัด
5. คานวณหาปริ มาณพื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มรับแรงดึง
As As1 As 2
Mc M2
โดย As1 และ As2
fs. jd fs (d d )
w = 1,742 กก./ม.
4.00 ม.
B.M.D.
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
2.04 10 6
n
Es
10.68 = 11
Ec 15,100 fc '
1 1
k
fs
1,500
= 0.345
1 1
n. fc 11(72)
k 0.345
j 1 1 = 0.885
3 3
1
R fc.k . j = 0.5 (72) 0.345 (0.885) = 10.99 กก./ซม.2
2
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
Mc Rbd 2 10.99(0.20)342
= 2,540.88 กก.–ม. < Mmax : ออกแบบคานเสริ มเหล็กรับแรงดึงและแรงอัด
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 38
เหล็กเสริ มรับแรงดึง : As
Mc 2,540.88 100
As1 = 5.63 ซม.2
fs. jd 1,500(0.885)34
M M C 943.12 100
As 2 max = 2.17 ซม.2
fs (d d ' ) 1,500(34 5)
As As1 As 2 = 7.80 ซม.2
เลือก : 4 DB 16 (As = 8.04 ซม.2)
0.20
0.05
2 DB 16
0.34
0.06 4 DB 16
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 39
ตัว อย่ า งที่ 3 คานคอนกรี ต เสริ ม เหล็ ก แบบต่ อ เนื่ อ ง 3 ช่ วง ความยาวช่ วงคานเท่ ากับ 4.00 ม. (วัดจาก
กึ่งกลางเสา) รับน้ าหนักบรรทุกแบบสม่าเสมอ 1,850 กก./ม. ตลอดความยาวคาน
กาหนดให้ : fc´ = 160 กก./ซม.2 fy = 3,000 กก./ซม.2 ขนาดเสาเท่ากับ 0.20 x 0.20 เมตร
ใช้มาตรฐาน ว.ส.ท. ในการออกแบบ
w = 2,042 กก./ม.
ค่าโมเมนต์สูงสุ ด : Mmax
1 1
M max wL2 (2,042)3.82 = 2,106.17 กก.–ม.
14 14
1 1
M max wL2 (2,042)3.82 = 2,948.64 กก.–ม.
10 10
1 1
และ
M wL2 (2,042)3.82 = 1,842.90 กก.–ม.
16 16
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11, k 0.345 , j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.2
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 40
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
Mc Rbd 2 10.99(0.20)342
= 2,540.88 กก.–ม.
Mc > Mmax : ออกแบบคานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงอย่ างเดียว
Mc < Mmax : ออกแบบคานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงและแรงอัด
พิจารณาช่วงคานที่มีค่าโมเมนต์เป็ นบวก :
Mc = 2,540.88 กก.–ม.,
M max 2,106.17 กก.–ม.
Mc > Mmax : ออกแบบคานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงอย่ างเดียว
M max 2,106.17 100
As = 4.66 ซม.2
fs. jd 1,500(0.885)34
เลือก : 2 DB 16 + 1 DB 12 (As = 5.15 ซม.2)
Mc 2,540.88 100
As1 = 5.62 ซม.2
fs. jd 1,500(0.885)34
M M C 407.76 100
As 2 max = 0.93 ซม.2
fs (d d ' ) 1,500(34 5)
As As1 As 2 = 6.55 ซม.2
เลือก : 4 DB 16 (As = 8.08 ซม.2)
1 (1 k ) 1 (1 0.345)
As ' As 2
d'
(0.93)
5
= 1.54 ซม.2
2 2
(k ) (0.345 )
d 34
เลือก : 2 DB 12 (As = 2.26 ซม.2)
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
+
M +
M +
M
–
M –
M
M
–
M
–
2 DB 16 2 DB 16 4 DB 16
+1 DB 12
2 DB 16
2 DB 16 +1 DB 12 2 DB 16
ข้ อสังเกต
ในทางทฤษฎี หน้าตัดแนวที่ (3)–(3) เป็ นคานช่วงในรับโมเมนต์ลบ (–M) ต้องการเหล็กเสริ มรับ
แรงดึ ง จานวน 4 DB 16 (วางด้า นบน) และเหล็ ก เสริ ม รั บ แรงอัด จานวน 2 DB 12 (วางด้า นล่ า ง) แต่
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก แสดงการเสริ มเหล็กล่าง 2 DB 16 ซึ่ งเกินกว่าความต้องการ เพราะเหตุใด ?
ในทางปฏิ บ ตั ิ การเสริ ม เหล็ก ควรค านึ งถึ งความต่ อเนื่ องสอดคล้อง เพื่ อให้ท างานได้ส ะดวก
รวดเร็ ว ดังนั้น จึงเลือกใช้เหล็ก 2 DB 16 เป็ นเหล็กเสริ มหลักวางตามมุมทั้งสี่ ตลอดความยาวคาน แล้วใช้
เหล็ก DB 12 เป็ นเหล็กเสริ มพิเศษวางเพิ่มในช่วงต่างๆ ให้ได้พ้นื ที่หน้าตัดเหล็กเสริ มตามต้องการ
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 42
3.50 ม. 2.50 ม.
B.M.D
1,084 กก.–ม.
วิธีทา
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
2
n 11, k 0.345 , j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
Mc Rbd 2 10.99(0.15)30 2
= 1,483.65 กก.–ม. > Mmax
: ออกแบบคานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงอย่ างเดียว
พิจารณาช่วงคานที่มีค่าโมเมนต์เป็ นบวก :
M max 797 100
As = 2.00 ซม.2
fs. jd 1,500(0.885)30
เลือก : 2 DB 12 (As = 2.26 ซม.2)
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 43
พิจารณาช่วงคานที่มีค่าโมเมนต์เป็ นลบ :
M max 1,084 100
As = 2.72 ซม.2
fs. jd 1,500(0.885)30
เลือก : 3 DB 12 (As = 3.39 ซม.2)
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
+
M +
M
M
–
(1) (2)
(1) (2)
2 DB 12 3 DB 12
2 DB 12 2 DB 12
(1)–(1) (2)–(2)
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 44
As E kd C
และ n s N.A.
bd Ec d jd
T
3.7.2 คานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงและแรงอัด
d
k 2n[ 2 ( )] n 2 ( 2 ) 2 n( 2 )
d
As As
, และ n Es
bd bd Ec
fc
Cs 1 Cs = As'fs'
Cc fc.kd.b
Cc kd 2
N.A
d + d – d'
. = jd
ทั้งสองกรณี จะต้องตรวจสอบหน่ วยแรงที่ เกิ ดขึ้ นในเหล็ ก เสริ ม รั บ แรงดึ งและเหล็ก เสริ มรั บ
แรงอัด ซึ่ งเป็ นตัวควบคุมความปลอดภัยในการรับน้ าหนักและถือเป็ นหลักเกณฑ์ในการคานวณออกแบบ
วิธีหน่วยแรงใช้งาน กล่าวคือหน่วยแรงของวัสดุที่เกิดจากน้ าหนักบรรทุกขณะใช้งาน (Working stress, f)
ไม่เกินค่าหน่วยแรงที่ยอมให้ (Allowable stress, fallow)
d kd
หน่วยแรงที่เกิดขึ้นในเหล็กเสริ มรับแรงดึง : fs nfc f allow
kd
kd d
และหน่วยแรงที่เกิดขึ้นในเหล็กเสริ มรับแรงอัด : fs 2 fs f allow
d kd
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 45
As 5.15
วิธีทา As = 5.15 ซม.2, = 0.00858
bd (20)35
k
k ( n) 2 2n n = 0.35 j 1 = 0.883
3
kd (0.35 0.35) 0.122
ตัวอย่างที่ 6 คานคอนกรี ตเสริ มเหล็กขนาด 0.20x0.40 ม. (b = 0.20 ม., d = 0.35 ม., d´ = 0.05 ม.)
เสริ มเหล็กรับแรงดึง 3 DB 20 และเหล็กเสริ มรับแรงอัด 2 DB 16
(As = 9.42 ซม.2 และ As´ = 4.02 ซม.2) ดังรู ป As´
จงหาโมเมนต์ตา้ นทานโดยปลอดภัยของคาน
กาหนดให้ : fc´ = 160 กก./ซม.2 fy = 3,000 กก./ซม.2
n = 11 ใช้มาตรฐาน ว.ส.ท. ในการออกแบบ As
As 9.42
วิธีทา As = 9.42 ซม.2, = 0.01346
bd (20)35
As 4.02
As´ = 4.02 ซม.2, = 0.00574
bd (20)35
2 d
k 2n( ) n 2 ( 2 ) 2 n( 2 ) = 0.363
d
k
j 1 = 0.879
3
ตรวจสอบหน่วยแรงที่เกิดขึ้น : สมมติวา่ fc เท่ากับหน่วยแรงอัดที่ยอมให้ (fc = 0.45fc')
1 k 1 0.363
หน่วยแรงดึงที่เกิดขึ้นในเหล็กเสริ ม : fs nfc (11 72)
k 0.363
= 1,389.81 กก./ซม.2 < fallow
kd d
หน่วยแรงที่เกิดขึ้นในเหล็กเสริ มรับแรงอัด : fs 2 fs
d kd
= 960.61 กก./ซม.2 < fs
ดังนั้นโมเมนต์ตา้ นทานโดยปลอดภัยของคานถูกควบคุมโดยหน่วยแรงดึงที่เกิดขึ้นในเหล็กเสริ ม
รับแรงดึงซึ่ งมีค่าเท่ากับ 1,389.81 กก./ซม.2
1 1
M 1 Mc fckjbd 2 72 0.363 0.879 0.20 352 = 2,814.25 กก.-ม.
2 2
M1 2,814.25 100
As1 = 6.58 ซม.2
fs j d 1,389.81(0.879)35
As 2 As As1 = 9.42 – 6.58 = 2.84 ซม.2
M 2 As 2 fs (d d ) 2.84 1,389.81(0.35 0.05) = 1,184.11 กก.-ม.
โมเมนต์ตา้ นทานโดยปลอดภัยของคาน
M1 M 2 2,814.25 1,184.11 = 3,998.36 กก.-ม.
การออกแบบคานคอนกรี ตเสริ มเหล็กต้ านทานโมเมนต์ ดัด 47
แบบฝึ กหัด
2 DB16
0.45 ม. 0.53 ม.
3 DB 16
5 DB16
3,200กก./ม.
6.00 ม. 6.00 ม.
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 48
บทที่ 4
แรงเฉือน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด
4.1 แรงเฉือน
คานคอนกรี ต ภายใต้น้ าหนัก บรรทุ ก ใช้งาน ส่ งผลให้ เกิ ด หน่ วยแรงดึ งที่ อาจเกิ ด จากแรงดึ ง
โดยตรง หรื อเกิ ดจากโมเมนต์ดดั แรงเฉื อน และแรงบิด เมื่อหน่ วยแรงดึ งที่เกิ ดขึ้นในคานคอนกรี ตเกิ น
กว่าหน่วยแรงดึงที่คอนกรี ตรับได้ก็จะเกิดการแตกร้าว ดังรู ปที่ 4.1 หน่วยแรงดึงที่ทาให้เกิดการแตกร้าวที่
ท้องคานด้านล่ างบริ เวณกึ่ งกลางคานตาแหน่ งที่ เกิ ดโมเมนต์ดัดสู งสุ ด เรี ยกว่าการแตกร้ าวจากการดัด
(Flexural crack) ส่ วนการแตกร้าวแนวเฉี ยงที่แนวแกนสะเทิน เชื่ อมต่อกับรอยร้าวจากการดัดบริ เวณท้อง
คานด้านล่างเป็ นผลจากหน่ วยแรงดึงที่เกิดจากแรงเฉื อนและโมเมนต์ดดั จึงเรี ยกว่าการแตกร้าวจากการ
เฉื อนร่ วมกับการดัด (Flexural–shear crack) บริ เวณฐานรองรับซึ่ งแรงเฉื อนมีค่ามากจะพบการแตกร้ าว
แนวเฉี ย งที่ แกนสะเทิ น เกิ ดจากแรงดึ ง ทแยง และน าไปสู่ ก ารวิบ ัติ ของคานคอนกรี ต ที่ ไม่ เสริ ม เหล็ ก
ต้านทานแรงเฉื อน ดังนั้น ในการคานวณออกแบบมาตรฐาน ว.ส.ท. 6103 ให้ใช้แรงเฉื อนสู งสุ ด (Vd) ที่
ตาแหน่งห่ างจากขอบฐานรองรับเท่ากับความลึกประสิ ทธิ ผลของคาน (d) และถือเป็ นแนวหน้าตัดวิกฤต
สาหรับแรงเฉือน
P P
w
S.F.D
V
Flexural-shear crack
d
Flexural crack
d
N.A.
45°
(ก)
T
T
(ข)
d (ค)
(ง)
(สถาพร โภคา, 2544)
รู ปที่ 4.2 การวิบตั ิของคานภายใต้แรงเฉื อนและการเสริ มเหล็กต้านทานแรงเฉื อน
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 50
โดยที่ s : ระยะห่างของเหล็กปลอก
Av : พื้นที่หน้าตัดของเหล็กเสริ มต้านทานแรงเฉื อน (เหล็กปลอก)
fv : หน่วยแรงเฉื อนที่ยอมให้ของเหล็กเสริ ม ( fv 0.5 fy )
d : ความลึกประสิ ทธิผลของคาน
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 51
ป 6 มม. @ 0.15 ม.
หรื อ ป 9 มม. @ 0.20 ม.
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 53
3,800 กก./ม.
5.00 ม.
S.F.D.
9,500 กก.
พิจารณารู ป S.F.D. จากรู ปสามเหลี่ ยมคล้ายจะเห็ นว่าค่า Vc = 3,154.68 กก. อยู่ที่ระยะ 1.66 ม.
จากฐานรองรับ ดังนั้น ที่ระยะดังกล่าวถึงกลางคานในทางทฤษฎีไม่ตอ้ งเสริ มเหล็กปลอกก็ได้
1.66 ม.
Vc = 3,154.68 กก.
2.50 ม.,C.L.
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 54
9,500 กก.
Vd = 7,866 กก. 0.43 ม.
V'+ Vc = 6,436.44 กก. 0.80 ม.
2.50 ม.
C.L.
9 มม. @ 0.125 ม. ป 9 มม. @ 0.20 ม.
รายละเอียดการเสริ มเหล็กปลอก
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 55
(ก)
(ข)
(ค)
dx
C C + dc dx
O
u
V V + dV jd T T + dT
T T + dT
(ก) (ข)
โดยที่ u : หน่วยแรงยึดหน่วง
V : แรงเฉือน
o : เส้นรอบรู ปของเหล็กเสริ ม
d : ความลึกประสิ ทธิผลของคาน
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 57
เหล็กเสริ มรับแรงอัด :
เหล็กบนและเหล็กอื่นๆ 0.86 fc 11 ; กก./ซม.2 1.72 fc 28 ; กก./ซม.2
* เหล็กบน: เหล็กเสริ มตามแนวนอนที่มีคอนกรี ตหล่ออยูใ่ ต้เหล็กเกินกว่า 30 เซนติเมตร ขึ้นไป
d b fs
ความยาวระยะฝัง : L
4u
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 58
–
M
(ก)
L L
(ข)
ตัวอย่ างที่ 3 จงออกแบบคานยื่น ระยะยื่นจากเสา 2.00 ม. รั บน้ าหนักแบบสม่ าเสมอเท่ากับ 500 กก./ม.
และน้ าหนักกระทาเป็ นจุดที่ปลายคานเท่ากับ 1,000 กก. ดังรู ป พร้อมทั้งหาระยะฝังเหล็กเสริ ม (L)
กาหนดให้ fc´ = 160 กก./ซม.2 fy = 3,000 กก./ซม.2
ใช้มาตรฐาน ว.ส.ท. ในการออกแบบ
ค่าคงที่ในการออกแบบ
n 11, k 0.345 , j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.2
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
Mc Rbd 2 10.99(0.20)332 = 2,393.62 กก–ม. < 3,384 กก–ม.
Mc < Mmax : ออกแบบคานเสริ มเหล็กรั บแรงดึงและแรงอัด
Mc 2,393.62 100
As1 = 5.46 ซม.2
fs. jd 1,500(0.885)33
M max M C 990.38 100
As 2 = 2.35 ซม.2
fs (d d ' ) 1,500(33 5)
As As1 As 2 = 7.81 ซม.2
เลือก : 4 DB 16 (As = 8.04 ซม.2)
1 (1 k ) 1 (1 0.345)
As ' As 2 (2.35)
2 d' 2 5
(k ) (0.345 )
d 33
= 3.97 ซม.2
เลือก : 2 DB 16 (As = 4.02 ซม.2)
4 DB 16
ป 6 @ 0.15 ม.
2 DB 16
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 60
ตรวจสอบหน่วยแรงยึดหน่วง : u
Vd 2,155.64
u
o . j.d 20.10(0.885 33)
= 3.67 กก./ซม.2
หน่วยแรงยึดหน่วงที่ยอมให้ : ua
2.29 fc ' 2.29 160
ua
db 1.6
= 18.10 กก./ซม.2 > u
ระยะฝังเหล็กเสริ มในคอนกรี ต : L
d b . fs 1.6(1,500)
L L ป 6 มม. @ 0.15 ม.
4u 4(18.10)
= 33.14 ซม.
= 0.35 ม.
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 61
w = DL+LL
1.00 ม.
w = DL +LL
w
Mt
L
Mt
V
ขั้นตอนในการตรวจสอบ เริ่ ม จากการพิ จารณาแรงบิ ดสู งสุ ดที่ เกิ ดขึ้ นในคานที่ ระยะห่ างจาก
ฐานรองรับเท่ากับความลึกประสิ ทธิผลของคาน (d) และดาเนินการตามลาดับ ดังนี้
4.3.1 หน่ วยแรงบิดสาหรับรู ปตัดสี่ เหลี่ยมผืนผ้า รู ปตัดตัวที และรู ปตัดตัวแอล หาค่าได้จาก
3.5M t
vt ว.ส.ท. 6402 (ก)
x2 y
โดย vt : หน่วยแรงบิด, Mt : โมเมนต์บิด
x, y : ด้านสั้นและด้านยาวของหน้าตัดสี่ เหลี่ยมผืนผ้า ตามลาดับ
4.3.2 หน่ วยแรงบิ ดที่ ยอมให้ ไม่ เกิ น 1.32 fc ' (กก./ซม.2) และหน่ วยแรงบิ ดรวมกับหน่ วยแรง
เฉื อนยอมให้ ไม่ เกิน 1.65 fc ' (กก./ซม.2)
4.3.3 เมื่อหน่ วยแรงบิ ดโดยลาพัง หรื อหน่ วยแรงบิ ดรวมกับหน่ วยแรงเฉื อน เกิ นกว่ าหน่ วยแรง
เฉื อนที่ยอมให้ ของคอนกรี ต ( vc 0.29 fc' ) ต้ องเสริ มเหล็กส่ วนที่เกินนี ้ (ว.ส.ท. 6404)
ก) เสริ มเหล็กปลอกหรื อเหล็กลูกตั้ง ต้านทานแรงบิด คานวณจาก
M t .s
Av หรื อ
2 Ac . f v
ข) เสริ มเหล็กปลอกเกลียว ต้านทานแรงบิด คานวณจาก
M t .s
Av และ x
2 2 Ac . f v
ค) เสริ มเหล็กตามแนวยาวจัดวางตามมุม As
ขนาดไม่เล็กกว่า 12 มม. คานวณจาก
M t .z Av Ac y
As
2 Ac . fs
As
โดย As : พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มตามยาว
Av : พื้นที่หน้าตัดของเหล็กลูกตั้งหรื อเหล็กปลอก และเหล็กปลอกเกลียว
Ac : พื้นที่หน้าตัดคอนกรี ตภายในวงเหล็กลูกตั้งหรื อวงเหล็กปลอก
s : ระยะห่างเหล็กลูกตั้งหรื อเหล็กปลอกเกลียว
z : ค่าเฉลี่ยระยะระหว่างเหล็กเสริ มตามยาว
fv : หน่วยแรงเฉื อนที่ยอมให้ของเหล็กปลอก
fs : หน่วยแรงดึงที่ยอมให้ของเหล็กเสริ มตามยาว
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 63
0.50 ม.
1.00 ม.
t
1.00 ม.
คานช่วงเดียวรับพื้นกันสาดยาว 4.00 ม.
วิธีทา
น้ าหนักที่กระทากับพื้น :
wDL : 0.10 x 2,400 = 240 กก./ม.2 340 กก./ม.
wLL = 100 กก./ม.2
น้ าหนักรวม : w = 340 กก./ม.2 170 กก.–ม. 1.00 ม.
340 กก.
น้ าหนักที่กระทาบนคานในแนวดิ่ง : (เลือกขนาดคาน 0.15x0.35 ม.)
น้ าหนักจากพื้นลงคาน = 340 กก./ม.
น้ าหนักผนัง : 180 x 0.50 = 90 กก./ม.
น้ าหนักคาน : 0.15 x 0.35 x 2,400 = 126 กก./ม.
รวมน้ าหนักที่กระทาบนคาน : w = 556 กก./ม. 556 กก./ม.
โมเมนต์บิดที่กระทาตลอดความยาวคาน : Mt = 170 กก.–ม.
Mt = 170 กก.–ม
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 64
556 กก./ม,
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11 , k 0.345 , j 0.885
2
4.00 ม. R 10.99 กก./ซม.
หน่วยแรงบิดที่เกิดขึ้น
3.5M t 3.5(292.4 100)
vt = 12.99 กก./ซม.2 < v 1.32 fc '
x y2
(15 ) 35
2
หน่วยแรงเฉื อนที่หน้าตัดวิกฤต
Vd 956.32
vd = 2.27 กก./ซม.2
bd (15) 28
หน่วยแรงบิดรวมกับหน่วยแรงเฉื อน : 12.99 + 2.27 = 15.26 กก./ซม.2
หน่วยแรงบิดรวมกับหน่วยแรงเฉื อนที่ยอมให้
2 2
v 1.65 fc ' 1.65 160 = 20.87 กก./ซม. > 15.26 กก./ซม.
ขนาดหน้ าตัดคาน 0.15x0.35 ม. สามารถต้ านทานแรงเฉื อนรวมได้
หน่วยแรงเฉื อนที่ยอมให้ของคอนกรี ต
2
vc 0.29 fc ' 0.29 160 = 3.66 กก./ซม. < 15.26 กก./ซม.2
ต้ องเสริ มเหล็กปลอกและเหล็กเสริ มตามยาวรั บหน่ วยแรงส่ วนเกิน
เลือกเหล็กปลอกขนาด 9 มม. (Av = 0.636 ซม.2 )
2 AcAvfv 2(290)0.636(1,200)
s = 15.13 ซม.
Mt (292.4 100)
เลือกใช้เหล็กปลอก 9 มม. @ 0.125 ม.
เหล็กเสริ มตามยาวที่ตอ้ งเพิ่มในแต่ละมุม
Mt z (292.4 100)19.5
As = 0.655 ซม.2
2 Acfs 2(290)1,500
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มรับแรงดึงทั้งหมด (เหล็กล่าง) : 2.99 + 2 (0.655) = 4.30 ซม.2
เลือก : 4 DB 12 (As = 4.52 ซม.2)
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มบนทั้งหมด (เหล็กบน) : 2 (0.655) = 1.31 ซม.2
เลือก : 2 DB 12 (As' = 2.26 ซม.2)
2 DB 12
ป 9 มม. @ 0.125 ม.
ขนาดหน้าตัดคาน 0.15x0.35 ม. 4 DB 12
แรงเฉื อน แรงยึดหน่ วง และแรงบิด 66
แบบฝึ กหัด
4 RB 15 L
0.45 ม. ป 9 มม.
@ 0.15 ม.
2 RB 15
550 กก./ม. w
คาน
1.00 ม.
2.50 ม.
พื้นยืน่
คานรับพื้นยืน่
พืน้ และบันได 67
บทที่ 5
พืน้ และบันได
L S
S S S
b = 1.00 ม.
t As d
w = DL+ LL w = DL+LL
S Reaction S S
Shear (S.F.D.)
Moment (B.M.D.)
Ast
As
0.08 ม.
6 มม. @ 0.10 ม.
6 มม. @ 0.125 ม.
พืน้ และบันได 72
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11, k 0.397 , j 0.867 , R 12.39 กก./ซม.2
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
Mc Rbd 2 12.39(1.0)7.52
= 696.93กก.–ม. > Mmax
พืน้ และบันได 73
คานวณหาพื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มหลัก :
M 171.42 100
As = 2.19 ซม.2
fs. jd 1,200(0.867)7.5
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.25 ม. (As = 2.54 ซม.2)
M 100.00 100
As = 1.28 ซม.2
fs. jd 1,200(0.867)7.5
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.30 ม. (As = 2.12 ซม.2)
M max 266.67 100
As = 3.41 ซม.2
fs. jd 1,200(0.867)7.5
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.175 ม. (As = 3.63 ซม.2)
คานวณหาพื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มกันร้าว :
2
As t 0.0025bt 0.0025(100)10 = 2.50 ซม.
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.25 ม. (As = 2.54 ซม.2)
ตรวจสอบหน่วยแรงเฉื อน : v
V 690
v = 0.92 กก./ซม.2 < 0.29 fc '
bd (100)(7.5)
ถ่ายน้ าหนักจากพื้นลงคาน
คานตัวริ ม = (600x2)/2 = 600 กก./ม.
คานตัวใน = 2 (600x2)/2 = 1,200 กก./ม.
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
9 มม.@ 0.25 ม.
9 มม.@ 0.30 ม. 9 มม.@ 0.175 ม.
0.10 ม.
9 มม.@ 0.25 ม.
พืน้ และบันได 74
5.1.2 พืน้ คอนกรี ตเสริ มเหล็กสองทาง (Two–way slabs) ลักษณะของแผ่นพื้นจะมีอตั ราส่ วนด้าน
สั้นต่อด้านยาวมากกว่าหรื อเท่ากับ 0.5 ( S 0.5 ) และเป็ นแผ่น พื้นที่ มี คาน หรื อผนัง เป็ นฐานรองรั บ
L
โดยรอบทั้งสี่ ดา้ น การเสี ยรู ปจากการรับน้ าหนักบรรทุกของแผ่นพื้นเสริ มเหล็กสองทางจะเกิดการดัดโค้ง
ทั้งสองทิศทาง ดังแสดงในรู ปที่ 5.4
L S
M cwS 2
–
แถบเสา MS S/4
– + –
แถบกลาง
ML MS ML
S/2 S
+
ML
–
แถบเสา MS S/4
2M/3
M
M/3
การกระจายโมเมนต์ในแผ่นพื้น
มาตรฐาน ACI และ ว.ส.ท. 9102 กาหนดให้ค่าสัมประสิ ทธิ์ ของโมเมนต์ (c) ที่ใช้ในการ
ออกแบบแผ่นพื้นคอนกรี ตเสริ มเหล็กสองทาง วิธีที่ 2 แสดงในตารางที่ 5.1 ซึ่ งขึ้นอยู่กบั ความต่อเนื่ อง
ของแผ่น พื้ น โดยแบ่ ง ออกเป็ น 5 กรณี ดังรู ป ที่ 5.6 และยัง ขึ้ น อยู่ก ับ อัตราส่ วนด้านสั้ นต่ อ ด้านยาว (
m S / L ) ของแผ่นพื้นอีกด้วย
พืน้ และบันได 76
กรณี ที่ 4
กรณี ที่ 1 กรณี ที่ 5
S/4 S/3
S/7 S/4
L/4 L/3
L/7 L/4
dด้านยาว dด้านสั้น
45০
wS/3 (wS/3)(3–m2)/2
S L
ด้ านสั้น ด้ านยาว
6.00 ม.
S2 4.20 ม.
S1
4.20 ม.
วิธีทา
m S / L : 4.2 / 6.0 = 0.7 > 0.5 : Two way slab
1
ความหนาพื้นต่าสุ ด : t (4.2 2 6.0 2) = 0.11 ม. เลือกใช้ 0.12 ม.
180
น้ าหนักที่กระทากับพื้น
wDL : 0.12x2,400 = 288 กก./ม.2
wLL = 250 กก./ม.2
wวัสดุปูพ้ืน = 50 กก./ม.2
น้ าหนักรวม : w = 588 กก./ม.2
พืน้ และบันได 80
S1
พืน้ ต่ อเนื่องทั้งสี่ ด้าน
ตาแหน่ ง c M = cwS2 As เลือกเหล็กเสริ ม
(สปส.โมเมนต์ ) (กก.–ม.) (ซม.2)
ช่ วงสั้น
โมเมนต์ลบ – ด้านต่อเนื่อง 0.055 570.47 5.80 9 มม. @ 0.10 ม.
โมเมนต์บวกที่ก่ ึงกลางช่วง 0.041 425.26 4.32 9 มม. @ 0.125 ม.
ช่ วงยาว
โมเมนต์ลบ – ด้านต่อเนื่อง 0.033 342.28 3.84 9 มม. @ 0.15 ม.
โมเมนต์บวกที่ก่ ึงกลางช่วง 0.025 259.30 2.91 9 มม. @ 0.20 ม.
S2
พืน้ ต่ อเนื่องสามด้ าน
ตาแหน่ ง c M = cwS2 As เลือกเหล็กเสริ ม
(สปส.โมเมนต์ ) (กก.–ม.) (ซม.2)
ช่ วงสั้น
โมเมนต์ลบ – ด้านต่อเนื่อง 0.062 643.08 6.54 9 มม. @ 0.095 ม.
– ด้านไม่ต่อเนื่อง 0.031 321.54 3.27 9 มม. @ 0.175 ม.
โมเมนต์บวกที่ก่ ึงกลางช่วง 0.047 487.49 4.96 9 มม. @ 0.125 ม.
ช่ วงยาว
โมเมนต์ลบ – ด้านต่อเนื่อง 0.041 425.26 4.78 9 มม. @ 0.125 ม.
– ด้านไม่ต่อเนื่อง – – – –
โมเมนต์บวกที่ก่ ึงกลางช่วง 0.031 321.54 3.61 9 มม. @ 0.175 ม.
ตรวจสอบหน่ วยแรงเฉื อน
wL (1,033.11 6.0)
V 1.15 : 1.15 = 3,564.22 กก.
2 2
V 3,564.22
v : = 3.75กก./ซม.2 < 0.29 fc ' ใช้ได้
bd (100)(9.5)
พืน้ และบันได 81
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก :
9 มม. @ 0.125 ม.
9 มม. @ 0.20 ม.
1.40 ม. 1.40 ม.
4.20 ม.
S2
9 มม.@ 0.175 ม. 9 มม. @ 0.095 ม.
5.1.3 พื ้นส าเร็ จรู ป (Plank slab) เป็ นแผ่นพื้ นคอนกรี ตอัดแรงที่ มี รูป ตัดสี่ เหลี่ ยมผืนผ้าเหมื อน
แผ่นกระดาน โดยทัว่ ไป มีความกว้างประมาณ 35 เซนติเมตร ความหนาประมาณ 5 เซนติเมตร และมี
ความยาวหลายขนาด โดยสามารถเลื อกใช้ ไ ด้ภายใต้น้ าหนัก บรรทุ ก ใช้งานที่ ออกแบบไว้ตามความ
เหมาะสม ปั จจุบนั นิ ยมใช้แผ่นพื้นสาเร็ จรู ปกับงานอาคารทัว่ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บ้านพักอาศัย เพราะ
ทางานได้สะดวกรวดเร็ ว โดยนาแผ่นพื้นมาวางชิ ดกันแล้วเชื่ อมประสานแผ่นพื้นให้เป็ นเนื้ อเดียวกันด้วย
คอนกรี ตทับ หน้า (Concrete topping) หนาประมาณ 5.0–6.0 เซนติ เมตร และเสริ มเหล็กต้านทานการ
แตกร้ า วที่ เกิ ด จากการยื ด หดตัว ของคอนกรี ต เนื่ อ งจากการเปลี่ ย นแปลงของอุ ณ หภู มิ โดยอาจใช้
หลัก เกณฑ์ เดี ย วกับ การค านวณพื้ น ที่ ห น้ าตัดเหล็ ก เสริ ม กัน ร้ าวของพื้ น เสริ ม เหล็ ก ทางเดี ย ว หรื อ ใช้
ตะแกรงลวดเหล็กสาเร็ จรู ป (Weld wire reinforcement, WWR หรื อ Wire mesh) ก็ได้ แผ่นพื้นสาเร็ จรู ป
ถูกออกแบบให้วางพาดบนช่วงคานสองข้าง ดังนั้น น้ าหนักบรรทุกจากแผ่นพื้น (w = wDL+ wLL) จะถ่ายลง
คานรองรับด้านที่แผ่นพื้นวางพาดตั้งฉากกับคานทั้งสองข้าง เป็ นน้ าหนักแผ่แบบสม่าเสมอเท่าๆ กัน รู ปที่
5.9 แสดงลักษณะและการวางแผ่นพื้นสาเร็ จรู ป
www.concretecpac.amawebs.com
ตะแกรงลวดเหล็กสาเร็จรู ป
แผ่นพื้นสาเร็ จรู ป
GB ทรายหยาบบดอัดแน่น GB
ทรายหยาบบดอัดแน่น
ทรายหยาบบดอัดแน่น GB
5.2 บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก
บันไดเป็ นโครงสร้างที่มีลกั ษณะคล้ายแผ่นพื้นใช้เชื่ อมต่อทางขึ้นลงระหว่างชั้นในอาคาร โดยมี
ขั้นบันไดส่ วนลูกนอนกว้างประมาณ 25–30 เซนติเมตร และลูกตั้งสู งประมาณ 15–20 เซนติเมตร รู ปแบบ
ของบันไดคอนกรี ตเสริ มเหล็กอาจเป็ นแบบพาดทางช่วงกว้าง หรื อพาดทางช่วงยาวระหว่างคานที่รองรับ
หรื อบันไดยื่นจากคาน ดังรู ปที่ 5.11 การออกแบบบันไดคอนกรี ตเสริ มเหล็กจะใช้หลักการเดียวกับการ
ออกแบบแผ่นพื้น กล่าวคือ บันไดจะต้องสามารถต้านทานโมเมนต์ดดั แรงเฉื อน และโมเมนต์บิด (ถ้ามี)
นอกจากนี้ สิ่ งที่ควรคานึงคือการเสริ มเหล็กปลายบันไดที่เชื่ อมต่อกับคานหรื อแผ่นพื้นระหว่างชั้นจะต้อง
ต่อเนื่องสอดคล้อง สามารถส่ งถ่ายแรงและรับน้ าหนักบรรทุกใช้งานได้อย่างปลอดภัย
2.00 ม.
800 กก. 800 กก.
Vmax=wL/2 = 800 กก.
S.F.D.
B.M.D.
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11 , k 0.397 , j 0.867 , R 12.39 กก./ซม.2
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
Mc Rbd 2 12.39(1.0)7.02 = 607.11 กก.–ม. > Mmax
พืน้ และบันได 86
ปริ มาณเหล็กเสริ ม : As
M max 400 100
As = 5.12 ซม.2
fs. jd 1,200(0.867)7.5
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.10 ม. (As = 6.36ซม.2)
2
As t 0.0025bt 0.0025(100)10 = 2.50 ซม.
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.25 ม. (As = 2.54 ซม.2)
ตรวจสอบหน่วยแรงเฉื อน : v
V 800
v = 1.14 กก./ซม.2 < 0.29 fc '
bd (100)(7.0)
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
9 มม. @ 0.10 ม.
0.10 ม.
9 มม. @ 0.25 ม.
2.00 เมตร
9 มม. @ 0.25 ม.
9 มม. ทุกมุม
9 มม. @ 0.25 ม.
พืน้ และบันได 87
1.00 ม.
1.00 ม.
1.75 ม. 1.00 ม.
วิธีทา
ความหนาบันไดต่าสุ ด : t L / 20
t 2.75 / 20 = 0.13 ม. เลือกใช้ 0.15 ม. (d = 0.125 m.; Covering : 2.5 cm.)
น้ าหนักที่กระทากับบันได
20 2 252
น้ าหนักพื้นบันได : 0.15 2,400 = 461 กก./ม.2
25
น้ าหนักขั้นบันได : 0.50 (0.20)2,400 = 240 กก./ม.2
น้ าหนักวัสดุปูพ้นื = 60 กก./ม.2
น้ าหนักบรรทุกจร = 300 กก./ม.2
น้ าหนักรวม : w = 1,061 กก./ม.2
พืน้ และบันได 88
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11 , k 0.345 , j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.2
1,061 กก./ม.
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
2.75 ม. Mc Rbd 2 10.99(1.0)12.52
= 1,717.18 กก./ซม.2 > Mmax
Vmax= wL/2 = 1,458.87 กก.
หรื อตรวจสอบความลึกประสิ ทธิผล (d) ที่ตอ้ งการ
M max 1,002.97 100
d
Rb 10.99 100
Mmax = wL2/8 = 1,002.97 กก.–ม. = 9.55 ซม. < 12.5 ซม. ok
ปริ มาณเหล็กเสริ ม : As
M max 1,002.97 100
As = 6.04 ซม.2
fs. jd 1,500(0.885)12.5
เลือกใช้ DB 12 มม. @ 0.175 ม. (As = 6.45 ซม.2, o = 21.54 ซม.)
2
As t 0.0025bt : 0.0025(100)15 = 3.75 ซม.
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.15 ม. (As = 4.24 ซม.2)
ตรวจสอบหน่วยแรงเฉื อน : v
V 1,458.87
v = 1.16 กก./ซม.2 < 0.29 fc '
bd (100)(12.5)
พืน้ และบันได 89
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
9 มม.@ 0.15 ม.
9 มม.@ 0.15 ม.
DB 12 @ 0.175 ม.
พืน้ และบันได 90
แบบฝึ กหัด
1.00
2.00
2.00 ม. 1.00 ม.
5.00 ม.
8.00 ม.
2.0 2.0 2.0 2.0
6.00 ม.
s s s s
พืน้ และบันได 91
3.60 ม. 3.60 ม.
4.80 ม. s s
คาน
1.20 ม.
4 @ 0.25 = 1.00 ม.
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 92
บทที่ 6
เสาคอนกรีตเสริมเหล็ก
P P
Ast
คอนกรี ตหุ้ม
เหล็กยืนโก่งเดาะ
กะเทาะออก
โดยที่ P : น้ าหนักปลอดภัยตามแกน
Ag : พื้นที่หน้าตัดเสา
fc ׳: กาลังของคอนกรี ต
fs : หน่วยแรงของเหล็กเสริ ม (0.40fy)
g : อัตราส่ วนเหล็กยืนต่อพื้นที่หน้าตัดเสา (Ast/Ag)
Ast
และเมื่อแทนค่า g ลงในสู ตร จะได้
Ag
Ast
P Ag (0.25 fc ' fs )
Ag
= 0.25 fc ' Ag fsAst
โดยที่ P : น้ าหนักปลอดภัยตามแกน
Ag : พื้นที่หน้าตัดเสา
fc ׳: กาลังของคอนกรี ต
fs : หน่วยแรงของเหล็กเสริ ม (0.40fy)
g : อัตราส่ วนพื้นที่หน้าตัดเหล็กยืนต่อพื้นที่หน้าตัดเสา (Ast/Ag)
Ag
P Ar f r (1 )
100 Ar
โดยที่ คอนกรี ตที่ใช้ตอ้ งมีกาลังอัด fc ׳ไม่ต่ากว่า 200 กก./ซม.2 เมื่ออายุ 28 วัน และต้องเสริ มด้วยเหล็ก
ตาข่ า ยเบอร์ 10 A S & W Gage หรื อ อย่ า งอื่ น ที่ เที ย บเท่ า พัน รอบเสา โดยมี ล วดเหล็ ก ตาม
แนวนอนที่พนั รอบเสาห่างกันไม่เกิน 10.0 เซนติเมตร ส่ วนลวดเหล็กที่ขนานกับแกน ข อ ง เส า
ต้องห่ างกันไม่เกิ น 20.0 เซนติเมตร เหล็กตาข่ายนี้ ให้พนั รอบเสาห่ างจากผิวหน้าคอนกรี ตเข้ามา
ไม่น้อยกว่า 2.5 เซนติเมตร และให้พนั เหลื่ อมกันไม่น้อยกว่า 40 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของ
ลวดเหล็ก
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 96
6.1.5 เสาท่ อเหล็กคอนกรี ต เป็ นเสาซึ่ งประกอบด้วยท่ อเหล็ กที่ กรอกคอนกรี ตเต็ม ภายใน ให้
คานวณหาน้ าหนักปลอดภัย ดังนี้
h2
P 0.25 fc(1 0.000025 2
) AC f r Ar
Kc
Ag fc ' 35 2 180
ปริ มาณเหล็กปลอกเกลียว : S 0.45( 1) 0.45 1 = 0.01541
Ac fy 29 2,400
Ag Ac Dc
8 DB 20
ป 9 มม. @ 0.055 ม.
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 98
วิธีทา
กาลังรับน้ าหนักปลอดภัยตามแกน : P 0.85 Ag (0.25 fc' fs g )
สมมติขนาดหน้าตัดเสาสี่ เหลี่ยมจัตุรัสเท่ากับ 0.20 x 0.20 ม. (Ag = 400.00 ซม.2)
กาลังรับน้ าหนักโดยคอนกรี ต : PC 0.85(0.25 fc' ) Ag = 0.85 (0.25 x 180) 400
= 15,300.00 กก.
4 DB 16
ป 6 มม.@ 0.20 ม.
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 99
วิธีทา
กาลังรับน้ าหนักปลอดภัยตามแกน : P 0.225 Ag fc' fsAst f r Ar
เลื อกขนาดเสาเท่ากับ 0.30x0.30 เมตร และตรวจสอบเนื้ อที่หน้าตัดแกนเหล็กรู ปพรรณ (Ar) ต่อ
Ar 21.9
พื้นที่หน้าตัดเสา (Ag) : (100) = 2.43 % < 20 % ใช้ได้ (ตามข้อกาหนด)
Ag 30 30
ปริ มาณเหล็กยืนที่ตอ้ งการ
Ast P 0.225 Ag fc ' f r Ar / fs
= [72,000 – (0.225x900x180) – (1,200x21.90)] / (0.40x3,000)
= 7.72 ซม.2 เลือกใช้เหล็ก 8 DB 12 (Ast = 9.04 ซม.2)
Ag fc ' 30 30 180
ปริ มาณเหล็กปลอกเกลียว : S 0.45( 1) 0.45 1 = 0.033
Ac fy (24 2 ) 2,400
4
เลือกใช้เหล็กปลอกเกลียวขนาด 9 มม. (As = 0.636 ซม.2)
4 As 4 0.636
ระยะห่างปลอกเกลียว : s = 3.21 ซม.
S Dc 0.033 24
ใช้ปลอกเกลียวขนาด 9 มม. @ 0.03 ม.
วิธีทา
เสาเหล็กรู ปพรรณหุ ม้ คอนกรี ต ใช้ลวดตาข่ายเบอร์ 10 AS & W Gage หรื อเทียบเท่าพันรอบเสา
และมีคอนกรี ตหุ ม้ ผิวเหล็กไม่นอ้ ยกว่า 6 ซม.
Ag
กาลังรับน้ าหนักปลอดภัยตามแกน : P Ar fr ' (1 )
100 Ar
เลือกใช้ WF 125 x 23.3 ; ระยะคอนกรี ตหุม้ ผิวเหล็ก : (25–12.5)/2 = 6.25 ซม. > 6.0ซม.
ข้อมูลจากตารางเหล็ก WF 125 x 23.3 : Ar= 30.31 ซม.2, Ksx= 5.29 ซม., Ksy = 3.11 ซม.,
Ag : เนื้ อที่หน้าตัดเสา = 625 ซม.2
2
fr' : หน่วยแรงที่ยอมให้ของเสาเหล็ก = 1,195 0.0342( h 2 ) โดยอัตราส่ วน h
120
Ks Ks
h 350
ตรวจสอบอัตราส่ วน 112.54 120 ใช้ได้
K s 3.11
ดังนั้น fr' = 1,195 0.0342(112.54) 2 = 761.84 กก./ซม.2
P P
ey x My
x
ex =
Mx
y y
Pn
Po A
Pn
Mn
e
Pn
Pb B
Mb
eb
Pb
C
Mn Mo Mb Mn
รู ป 6.5 กราฟปฏิสัมพันธ์ (Interaction diagram)
จากกราฟปฏิสัมพันธ์นาไปสู่ การประยุกต์ใช้กราฟในการออกแบบเสาที่รับแรงอัดตามแนวแกน
และโมเมนต์ดดั ร่ วมกัน โดยแบ่งออกเป็ น 3 ช่วง ตามระยะเยื้องศูนย์ : e M ดังรู ปที่ 6.6
P
d Ds d d Ds d
d
h x Ds = gh h x
d
y y
(ก) (ข)
b d gb d
d d
Ast/2
h d x gh h d x x gh
Ast/2 d
y d
(ค) (ง)
เสาหน้ าตัดสี่ เหลี่ยมจัตุรัส เรี ยงเหล็กยืนเป็ นวงกลม ดังรู ปที่ 6.7 (ก)
h4 Ds 2
Ix Iy (2n 1) Ast
12 8
h
cx c y
2
เสาหน้ าตัดกลม เรี ยงเหล็กยืนเป็ นวงกลม ดังรู ปที่ 6.7 (ข)
d 4 Ds 2
Ix Iy (2n 1) Ast
64 8
h
cx c y
2
เสาหน้ าตัดสี่ เหลี่ยมจัตุรัส เรี ยงเหล็กยืนเหมือนกัน 2 ด้ านขนานกัน ดังรู ปที่ 6.7 (ค)
bh 3 ( gh) 2
Ix (2n 1) Ast
12 4
3
bh ( gh) 2
Iy (2n 1) Ast
12 4
b
cx , และ c y h
2 2
เสาหน้ าตัดสี่ เหลี่ยมผืนผ้ า เรี ยงเหล็กยืนเหมือนกันทั้งสี่ ด้าน ดังรู ปที่ 6.7 (ง)
bh 3 ( gh) 2
Ix (2n 1) Ast
12 6
3
bh ( gh) 2
Iy (2n 1) Ast
12 6
b
cx , และ c y h
2 2
6.3.2 ช่ วงที่ 2 : ea e eb ; เป็ นช่ วงที่ เสามี โมเมนต์ดัด กระท าปานกลาง ผลของ
โมเมนต์ดดั ที่กระทากับเสาทาให้ความสามารถในการรับน้ าหนักตามแนวแกนของเสาลดลง แต่ การวิบัติ
ของเสายังคงเป็ นแบบแรงอัดเป็ นหลัก (Compression failure) ดังนั้น จึ งเรี ยกการออกแบบเสาช่ วงนีว้ ่ าเสา
รั บแรงอัดเป็ นหลัก (Compression control) โดยที่ระยะเยื้องศูนย์สมดุล (eb) หาได้จากสมการ ดังนี้
เสาหน้ าตัดสี่ เหลี่ยมจัตุรัส เสริ มเหล็กรั บแรงอัดและแรงดึงเหมือนกัน
เสาปลอกเกลียว ดังรู ปที่ 6.7 (ก)
ebx eby 0.43 g mDs 0.14h
เสาปลอกเดี่ยว ดังรู ปที่ 6.7 (ค)
ebx eby [0.67 g m 0.17](h d )
เสาหน้ าตัดกลม : เสาปลอกเกลียว ดังรู ปที่ 6.7 (ข)
ebx eby 0.43 g mDs 0.14h
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 106
m(b 2d ) 0.1(b d )
eby
( )m 0.6
As As Ast
เมื่อ , , m
fy
, g
bd bd 0.85 fc Ag
f a f bx f by
1.0 (ว.ส.ท. 6607 (ข))
Fa Fbx Fby
P
เมื่อ fa : หน่วยแรงอัดที่เกิดขึ้นตามแนวแกน
Ag
M xcy
f bx : หน่วยแรงดัดที่เกิดขึ้นรอบแกน x
Ix
M y cx
f by : หน่วยแรงดัดที่เกิดขึ้นรอบแกน y
Iy
Fa 0.34(1 g m) fc : หน่วยแรงอัดที่ยอมให้ของคอนกรี ต
Fb 0.45 fc : หน่วยแรงดัดที่ยอมให้ของคอนกรี ต
(M) ผันแปรแบบเส้ นตรงกับน้ าหนักตามแนวแกน (P) จาก Mo ถึง Mb (เส้น CD รู ปที่ 6.6) ค่า Mb หาได้
f a f bx f by
จาก : Mb = Pb.eb และค่า Pb หาจากสู ตร 1.0 ส่ วนค่าของ Mo หาจากสมการต่อไปนี้
Fa Fbx Fby
เสาหน้ าตัดกลม และเสาหน้ าตัดสี่ เหลี่ยมจัตุรัสที่มีปลอกเกลียว
M ox M oy 0.12 Ast fyDs
เสาหน้ าตัดสี่ เหลี่ยมผืนผ้ าที่มีปลอกเดี่ยวเสริ มเหล็กสองด้ านเท่ ากัน
M ox 0.40 Asfy (t 2d )
M oy 0.40 Asfy (b 2d )
เสาหน้ าตัดสี่ เหลี่ยมผืนผ้ าที่มีปลอกเกลียว เสริ มเหล็กสองด้ านไม่ เท่ ากัน
M ox 0.40 Asfy ( J x )(t d )
M oy 0.40 Asfy ( J y )(b d )
Mx My
1.0 (ว.ส.ท. 6607 (ค))
M ox M oy
4,800 100
ระยะเยื้องศูนย์สูงสุ ด : ex M x = 6.67 ซม.
P 72,000
ระยะเยื้องศูนย์สมดุล : ebx eby [0.67 g m 0.17](h d )
= [0.67 0.0235 19.60 0.17](40 4.90)
= 16.80 ซม. > 6.67 ซม.
f a f bx f by
1.0
Fa Fbx Fby
P 72,000
fa = 45.00 กก./ซม.2
Ag (40 40)
Fa 0.34(1 g m) fc 0.34(1 0.0235 19.60)180 = 89.38กก./ซม.2
M xcy bh 3 ( gh) 2
f bx , Ix Iy (2n 1) Ast
Ix 12 6
= 4,800 100 20 = 29.79 กก./ซม.2
322,215.70
M y cx 1,200 100 20
f by = 7.44 กก./ซม.2
Iy 322,215.70
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 109
แทนค่าลงในสมการ
ทั้งนี้แรงอัดที่เสารับได้โดยปลอดภัยมีค่าไม่เกินกว่าค่า Pa เมื่อเสารับแรงอัดตามแกนอย่างเดียว
Pa 0.85 Ag (0.25 fc ' fs g )
= 0.85 1,600(0.25 180 1,200 0.0235)
= 99,552 กก. > 72,000 กก. ใช้ได้
12 DB 20มม.
2 ป 9 มม. @ 0.30 ม.
ขนาดเสา 0.40x0.40 เมตร
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 110
ตัว อย่ างที่ 7 เสาปลอกเดี่ ยวหน้าตัดสี่ เหลี่ ย มจัตุรัส ขนาด 0.30x0.30 เมตร เสริ มเหล็กยืน 8 DB 20 มม.
เหล็ ก ปลอก 9 มม. @ 0.30 ม. รั บ แรงอัด เยื้ อ งศู น ย์ 12,500 กก. ดัง รู ป จงตรวจสอบว่า สามารถรั บ
น้ าหนักได้ปลอดภัยหรื อไม่
กาหนดให้ fc´ = 180 กก./ซม.2, fy = 3,000 กก./ซม.2
P = 12,500 กก.
x 8 DB 20มม.
ป 9 มม. @ 0.30 ม.
0.08 ม. 0.16 ม. ขนาด 0.30x0.30 ม.
y
Ast = 25.132 ซม.2, g 0.0279
d'= 3 + 0.90 + 1.0 = 4.90 ซม.
fy 3,000
m = 19.60
0.85 fc 0.85 180
วิธีทา โมเมนต์ดดั เนื่ องจากแรงเยื้องศูนย์
M x 12,500 0.16 2,000 กก.–ม.
M Y 12,500 0.08 1,000 กก.–ม.
2,000 100
ระยะเยื้องศูนย์สูงสุ ด : e M = 16.00 ซม.
P 12,500
ระยะเยื้องศูนย์สมดุล : ebx eby [0.67 g m 0.17](h d )
= [0.67 0.0279 19.60 0.17](30 4.90)
= 13.46 ซม. < 16.00 ซม. : เสารับแรงดึงเป็ นหลัก
Mx My
แรงอัดตามแนวแกนกระทาเยื้องศูนย์พร้อมกันทั้งสองแกน : 1.00
M ox M oy
M ox M oy 0.40 Asfy (h 2d )
= 0.40 (4x3.141) 3,000 [30 – (2x4.90)]
= 304,551.36 กก.–ซม.
P P P P P
ปลายบน(T) 𝑟𝑇 ′ ≤ 25 𝑟𝑇 ′ > 1 𝑟𝑇 ′ ≤ 25 𝑟𝑇 ′ ≤ 25
MT MT MT MT
MB MB MB
ปลายล่าง (B) 𝑟𝐵 ′ ≤ 25 𝑟𝐵 ′ > 1 𝑟𝐵 ′ ≤ 25 𝑟𝐵 ′ > 25 𝑟𝐵′ = 1
A C E
5.40 ม.
B D F
5.40 ม.
6.00 ม. 6.00 ม.
เสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 114
วิธีทา
ก) ปลายเสาไม่เกิดการเคลื่อนที่
h = 540 ซม., r = 0.30 t = 0.30(40) = 12 ซม.
h/r = 45 < 60 ไม่ตอ้ งลดกาลังเสาชะลูด; ใช้ R = 1.0
ข) ปลายเสาเกิดการเคลื่อนที่ทางด้านข้าง
ค่าตัวคูณลดกาลังเสาชะลูด : 𝑅 = 1.07 − 0.008(ℎ′ /𝑟) ≤ 1.0
ความยาวประสิ ทธิผล : ℎ′ = ℎ(0.78 + 0.22𝑟′ ) ≥ ℎ
โดย 𝑟 ′ = 12 𝑟𝑇 ′ + 𝑟𝐵 ′
(25×403 )⁄12
∑ 𝐾𝑐 540 246.91
𝑟𝑇′ = = 2(25×503 )⁄12
= = 0.284
∑ 𝐾𝑏 868.05
600
2(25×403 )⁄12
∑ 𝐾𝑐 540 493.82
𝑟𝐵′ = = 2(25×503 )⁄12
= = 0.568
∑ 𝐾𝑏 868.05
600
ค่าเฉลี่ย 𝑟 ′ = 12 𝑟𝑇 ′ + 𝑟𝐵 ′ = 0.426
แบบฝึ กหัด
2. จงตรวจสอบความสามารถในการรับน้ าหนักปลอดภัย
ตามแนวแกนของเสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก ดังรู ป 8 DB 25
กาหนดให้ fc' = 250 กก./ซม.2 fy = 3,000 กก./ซม.2 2 ป 9 มม. @ 0.40 ม.
ขนาดหน้าตัดเสา 0.40x0.40 ม.
4. จงตรวจสอบความสามารถในการรับน้ าหนักตามแนวแกน
เท่ากับ 70,000 กก. และโมเมนต์ดดั (M) เท่ากับ 4,200 กก.–ม.
ของเสาคอนกรี ตเสริ มเหล็ก ดังรู ป ได้ปลอดภัยหรื อไม่
กาหนดให้ fc' = 210 กก./ซม.2 fy = 3,000 กก./ซม.2 12 DB 20
เสาปลอกเกลียวขนาด 0.40 ม. ป 9 มม. @ 0.05 ม.
บทที่ 7
ฐานรากคอนกรีตเสริมเหล็ก
P P P
ฐานรากแผ่ วางบนดิน
ฐานรากแผ่ วางบนเสาเข็ม
ชั้นดินแข็ง หรือชั้นทราย
ฐานร่ วม ฐานรากตีนเป็ ด
ฐานรากแบบแพ
7.2 ฐานรากแผ่วางบนดิน
ฐานรากแผ่วางบนดิ น เป็ นองค์อาคารที่ ท าหน้าที่ ถ่ ายน้ าหนักลงสู่ ช้ ันดิ นโดยตรง เมื่ อน้ าหนัก
อาคารส่ งผ่านเสาตอม่อ หรื อผนังกาแพงคอนกรี ตลงสู่ ฐานราก จะเกิดแรงปฏิ กิริยาซึ่ งก็คือแรงดันดินใต้
ฐานราก หรื อที่ เรี ยกว่าแรงแบกทานของดิ น (Bearing pressure) และโดยทัว่ ไปจะสมมติ ให้แรงดันดิ น
กระทาแบบแผ่สม่ าเสมอ โดยถื อว่าดิ นใต้ฐานรากเป็ นวัสดุ เนื้ อเดียวกัน (Homogenous elastic materials)
จึงไม่คานึ งถึงชนิ ดของดินใต้ฐานราก อย่างไรก็ตาม การแผ่กระจายของแรงดันดินใต้ฐานรากยังขึ้นอยูก่ บั
น้ าหนักที่กระทา กรณี แรงรวมศูนย์ซ่ ึ งมีลกั ษณะเป็ นแรงตามแนวแกน แรงดันดิ นใต้ฐานรากแผ่กระจาย
แบบสม่ าเสมอ ดังรู ปที่ 7.3 (ก) และกรณี แรงเยื้องศูนย์ที่ทาให้เกิ ดทั้งแรงตามแนวแกนและโมเมนต์ดดั
ร่ วมกัน การแผ่กระจายของแรงดันดินใต้ฐานราก ดังรู ปที่ 7.3 (ข)
P P
M
p p p1 p2
L
L
P P P 6M
p p1
AF B L B L B L2
P 6M
p2
B L B L2
(ก) (ข)
เมื่อ p : แรงดันดินใต้ฐานราก
P : น้ าหนักทั้งหมดที่กระทากับฐานราก M : โมเมนต์ดดั ที่กระทากับฐานราก
AF : พื้นที่ของฐานราก B, L : ความกว้างและความยาวของฐานราก
M
p
V
BMD
A
d
E F
d G H
C D
B
(ก)
P P
d d/2 d/2
(ข) (ค)
L
แถบริ ม แถบกลาง (B) แถบริ ม
7.2.3 แรงเฉื อนและแรงยึ ดหน่ วง มาตรฐาน ว.ส.ท. 7305 ให้ใช้ห น้าตัดวิก ฤตส าหรับแรงยึด
หน่ วงที่ ระนาบเดี ยวกับ หน้าตัดวิก ฤตส าหรั บ โมเมนต์ดัด และเป็ นแนวในการค านวณแรงเฉื อน เพื่ อ
นามาใช้ห าค่ าแรงยึดหน่ วงซึ่ งเกิ ดจากแรงดัด และเหล็ ก เสริ ม รั บ แรงดึ งทั้งหมด ณ หน้าตัดใดๆ ต้อ ง
สามารถต้านทานแรงยึดหน่ วงได้ไม่น้อยกว่าเกณฑ์กาหนดของแรงยึดหน่ วงตามที่ คานวณได้จากแรง
เฉื อนภายนอก ณ หน้าตัดนั้น
7.2.4 ความหนาตา่ สุ ดของฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก ฐานรากแผ่วางบนดิ นหรื อฐานรากที่ใช้
เสาเข็มสั้นในดิ นอ่อน มาตรฐาน ว.ส.ท. 7309 กาหนดความหนาของคอนกรี ตที่ อยู่เหนื อเหล็กเสริ มถึ ง
ขอบนอกของฐาน ต้องไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร และต้องไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร สาหรับฐานรากที่
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 123
Mmax
9,667.96 กก./ม.2
9,667.96 กก./ม. 0.65 ม.
0.65 ม.
2,042.35 กก.–ม
B.M.D.
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11 , k 0.345 , j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.2
0.50
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ ม : As
M max 2,042.35 100
As
fs. jd 1,500(0.885)20
= 7.69 ซม.2 (DB 12 = 6.80 เส้น)
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
7 DB 12 มม.
0.20 ม.
0.30 ม.
1.60 ม.
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 127
คานวณหาปริ มาณเหล็กเสริ ม
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มด้านยาว : AsL
M max 4,261.80 100
As L
fs. jd 1,500(0.885)25
= 12.84 ซม.2 (DB 12 = 11.36 เส้น)
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มทางด้านยาววางกระจายแบบสม่าเสมอทางด้านสั้นเท่ากับ 12 DB 12 : As
= 13.56 ซม.2, o = 45.24 ซม.
ใช้ พื้นที่ หน้ าตัดเหล็กเสริ มทางด้ านสั้ นเท่ ากับ As = 8.00 ซม.2 โดยแบ่ งเป็ นเหล็กเสริ มด้ านสั้ น
แถบกลางและแถบริ ม ดังนี ้
เหล็กเสริ มแถบกลาง As
2
( As B )
2
(8.00)
S 1 2.20
1
1.8
= 7.20 ซม.2
เลือกใช้ 7 DB 12 (As = 7.91 ซม.2)
8.00 7.20
เหล็กเสริ มแถบริ มแถบละ As
2
= 0.40 ซม.2
เลือกใช้ 1 DB 12 (As = 1.13 ซม.2)
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 130
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
2.20 ม.
0.20 1.80 0.20
1.80 ม.
ด้านยาว : 12 DB 12
ด้านสั้น : 9 DB 12 (แถบกลาง 7 DB 12)
0.35 ม. 0.25 ม.
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 131
หน่วยแรงดันดินที่ขอบเสาตอม่อ :
3,000
p 5,250 (1.15) = 6,975 กก./ม.2 Mmax
2
6,975 8,250
ค่าโมเมนต์สูงสุ ดที่ขอบเสาตอม่อ : Mmax 0.85 ม.
1 1 2
M max 6,975 0.852 (1,275)0.85( 0.85) 2,826.78กก.–ม.
2 2 3
= 2,826.78 กก.–ม.
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11 , k 0.345 , j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.2
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 132
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ ม : As
M max 2,826.78 100
As
fs. jd 1,500(0.885)20
= 10.64 ซม.2 (DB 12 = 9.41 เส้น)
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 133
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
10 DB 12 มม.
0.30 ม. 0.20 ม.
2.00 ม.
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 134
7.4 ฐานรากแผ่วางบนเสาเข็ม
ฐานรากของอาคารที่ต้ งั อยูใ่ นบริ เวณดินอ่อนจะอาศัยเสาเข็มเป็ นตัวถ่ายน้ าหนักลงสู่ ช้ นั ดินแข็งที่
อยู่ลึกลงไปใต้ดิน โดยมักจะทาเป็ นกลุ่มเสาเข็มแล้วใช้ฐานรากคอนกรี ต หรื อฐานแผ่หุ้มเสาเข็ม เพื่อทา
หน้าที่กระจายน้ าหนักลงเสาเข็ม ลักษณะของฐานรากแผ่วางบนเสาเข็มจึงคล้ายกับฐานรากแผ่วางบนดิน
ต่างกันเพียงแรงที่กระทาต่อฐานราก โดยฐานรากแผ่วางบนเสาเข็มจะมีแรงกระทาเป็ นจุดขณะที่ฐานราก
แผ่วางบนดินมีแรงดันดินใต้ฐานรากกระจายต่อพื้นที่
7.4.1 เสาเข็ม การพิ จ ารณาออกแบบฐานรากแผ่ ว างบนเสาเข็ ม จ าเป็ นต้อ งทราบถึ ง ข้อ มู ล
รายละเอียดต่างๆ ของเสาเข็มเพื่อที่จะเลือกนามาใช้งานได้อย่างเหมาะสม ซึ่ งปั จจุบนั เสาเข็ม มีมากมาย
หลายประเภท ในที่น้ ีจะกล่าวเฉพาะเสาเข็มที่นิยมใช้ในงานอาคารพักอาศัย ดังนี้
ก) เสาเข็ม คอนกรี ตอัดแรง เป็ นเสาเข็มเสริ ม ลวดแรงดึ งสู ง กระบวนการผลิ ต จะใช้
เทคนิ คการดึ งลวดแล้วเทคอนกรี ตลงในแบบ เมื่ อคอนกรี ตแข็งตัวแล้วมี กาลังตามกาหนดจึงทาการตัด
ลวดรับแรงดึ งเพื่ อเพิ่มกาลังอัดในตัวเสาเข็ม และช่ วยลดปั ญหาการแตกร้ าวของคอนกรี ตด้วย เสาเข็ม
คอนกรี ตอัดแรงมีรูปตัดหลายแบบ เช่ น เสาเข็มรู ปตัวไอ รู ปสี่ เหลี่ ยมจัตุรัส และเสาเข็มหกเหลี่ยมกลวง
เป็ นต้น บริ ษทั ผูผ้ ลิ ตจะประมาณค่ากาลังรับน้ าหนักปลอดภัยของเสาเข็มเบื้องต้นจากขนาดหน้าตัดของ
เสาเข็มและคุณสมบัติของวัสดุเพื่อเป็ นข้อมูลในการเลือกใช้งาน ดังตารางที่ 7.2
P = f.p.L
2 ต้ น 3 ต้ น 4 ต้ น 5 ต้ น
6 ต้ น
7 ต้ น 9 ต้ น
เป็ นจุดเท่ากันทุกต้น ดังรู ปที่ 7.8 (ก) และกรณี ที่มีแรงเยื้องศูนย์กระทาส่ งผลให้ฐานรากรับน้ าหนักตาม
แนวแกน (P) และโมเมนต์ดดั (M) การกระจายน้ าหนักในแต่ละแถวแสดงในรู ปที่ 7.8 (ข)
d2 d 2
d1 d1
P P
M
กรณี แรงรวมศู น ย์ : ฐานรากรั บน้ า หนั ก ตาม กรณี แรงเยื ้อ งศู น ย์ : ฐานรากรั บ น้าหนั ก ตาม
แนวแกนอย่ างเดียว (P) แนวแกน (P) และโมเมนต์ ดัด (M)
P P Mc
P Ra P
n n I
P
แนวหน้ าตัดวิกฤติสาหรั บโมเมนต์ ดัด
BMD
วิธีทา
น้ าหนักจากเสาตอม่อ = 84,000 กก. 84,000 กก.
สมมติน้ าหนักฐานราก = 8,400 กก.
น้ าหนักรวม = 92,400 กก.
จานวนเสาเข็มที่ตอ้ งการ = 92,400 = 3.69 ต้น
25,000
ใช้เสาเข็ม I-22 จานวน 4 ต้น ระยะห่างระหว่าง
ศูนย์กลางเสาเข็มเท่ากับ 0.80 ม. และระยะห่างระหว่าง
ศูนย์กลางเสาเข็มถึงขอบฐานรากเท่ากับ 0.25 ม. ดังนั้น
ขนาดฐานรากที่ใช้เท่ากับ 1.30 x 1.30 เมตร 0.25 0.80 ม. 0.25
น้ าหนักที่เสาเข็มแต่ละต้นรับ : 92,400 = 23,100 กก. 1.30 ม.
4
92,400 กก.
ค่าโมเมนต์สูงสุ ดที่ขอบเสาตอม่อ : Mmax
M max PL 2(23,100)0.20
= 9,240.00 กก.–ม
23,100 กก. 23,100 กก.
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11 , k 0.345 , Mmax
2
j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.
23,100 กก.
0.20 ม.
หาความลึกประสิ ทธิผลของฐานรากที่ตอ้ งการ : d
M max 9,240.00 100 = 25.43 ซม.
d
Rb 10.99 130
ใช้ d = 30.00 ซม.
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 142
คานวณหาปริ มาณเหล็กเสริ ม
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ ม : As
M max 8,582.52 100
As
fs. jd 1,500(0.885)35
= 18.47 ซม.2 (DB 16 = 9.18 เส้น)
เส้นรอบรู ปของเหล็กเสริ มที่ตอ้ งการ : o
V 2 21,456.30 3.23 fc '
o
u. jd 25.53(0.885 35)
, u
db
= 25.53 กก./ซม.2
= 54.26 ซม. (DB 16 = 10.79 เส้น)
ดังนั้น วางเหล็กเสริ มกระจายแบบสม่าเสมอเท่าๆ กันทั้งสองด้าน จานวน 11 DB 16 : As = 22.11
ซม.2, o = 55.29 ซม.
1.30 ม.
0.25 0.80 0.25
0.25 11 DB 16 มม.
0.25
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 144
วิธีทา
น้ าหนักจากเสาตอม่อ = 135,000 กก. 1.40 ม.
สมมติน้ าหนักฐานราก = 6,750 กก. 0.30 0.80 0.30
น้ าหนักรวม = 141,750 กก.
จานวนเสาเข็มที่ตอ้ งการ = 141,750 = 5.67 ต้น
25,000
ใช้เสาเข็ม I-22 จานวน 6 ต้น ระยะห่างระหว่าง
ศูนย์กลางเสาเข็มเท่ากับ 0.80 ม. และระยะห่างระหว่าง
ศูนย์กลางเสาเข็มถึงขอบฐานรากเท่ากับ 0.30 ม. ดังนั้น 2.20 ม.
เป็ นฐานรากสี่ เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่ากับ 1.40 x 2.20 ม.
น้ าหนักที่เสาเข็มแต่ละต้นรับ = 141,750 = 23,625 กก.
6
ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ
n 11 , k 0.345 , j 0.885 , R 10.99 กก./ซม.2
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 145
คานวณหาปริ มาณเหล็กเสริ ม
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มด้านยาว : AsL
M max 24,465.84 100
As L
fs. jd 1,500(0.885)55
= 33.50 ซม.2 (DB 20 = 10.66 เส้น)
เส้นรอบรู ปของเหล็กเสริ มที่ตอ้ งการทางด้านยาว : o
V 2 23,300.8 3.23 fc '
o
u. jd 20.42(0.885 55)
, u
db
= 20.42 กก./ซม.2
= 46.88 ซม. (DB 20 = 7.46 เส้น)
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ มทางด้านยาววางกระจายแบบสม่าเสมอทางด้านสั้นเท่ากับ 11 DB 20 : As
= 34.55 ซม.2, o = 69.11 ซม.
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
2.20 ม.
0.40 1.40 0.40
1.40 ม.
ด้านยาว : 11 DB 20 มม.
ด้านสั้น : 13 DB 12 มม. (แถบกลาง 9 DB 12 มม.)
11 DB 20 มม.
13 DB 12 มม.
0.65 ม. 0.55 ม.
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 148
วิธีทา 1.60 ม.
น้ าหนักจากเสา = 96,000 กก. 0.30 1.00 0.30
สมมติน้ าหนักฐานราก = 6,720 กก. 0.30
น้ าหนักรวม = 102,720 กก.
จานวนเสาเข็มที่ตอ้ งการ = 102,720 = 4.10 ต้น 1.00
25,000
ใช้เสาเข็ม I-22 จานวน 5 ต้น จัดวางระยะห่างเสาเข็ม
ดังรู ป ขนาดฐานรากเท่ากับ 1.60 x 1.60 เมตร 0.30
น้ าหนักสู งสุ ดที่เสาเข็มรับ :
102,720 4,800(0.50)
P = 22,944 กก. < 25,000 กก. ใช้ได้
5 4 (0.50) 2
คานวณหาปริ มาณเหล็กเสริ ม
พื้นที่หน้าตัดเหล็กเสริ ม : As
M max 11,076.48 100
As
fs. jd 1,500(0.885)35
= 23.83 ซม.2 (DB 16 = 11.86 เส้น)
เส้นรอบรู ปของเหล็กเสริ มที่ตอ้ งการทางด้านยาว : o
V 2 22,152.96 3.23 fc '
o
u. jd 25.53(0.885 35)
, u
db
= 25.53 กก./ซม.2
= 56.02 ซม. (DB 16 = 11.14 เส้น)
ดังนั้น วางเหล็กเสริ มกระจายแบบสม่าเสมอเท่ากันๆ ทั้งสองด้านจานวน 12 DB 16 : As = 24.12
ซม.2, o = 60.31ซม.
รายละเอียดการเสริ มเหล็ก
12 DB 16 มม.
0.45 ม. 0.35 ม.
ฐานรากคอนกรี ตเสริ มเหล็ก 151
แบบฝึ กหัด
1.50 ม.
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
155
แปลนพืน้ ชั้นที่ 1
162
13
13
6 14 7 9
12 12
4 5 14
11
10 14
10 1 14
คานหมายเลข 1
558 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 335 กก.
แรงเฉื อน : 335 กก.
1.20 ม. โมเมนต์ดดั : 100.4 กก.–ม.
คานหมายเลข 2
335 กก.
303 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 774 กก.
แรงเฉื อน : 774 กก.
2.0 2.0 โมเมนต์ดดั : 941 กก.–ม.
4.00 ม.
คานหมายเลข 3
335 กก.
1,520 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 3,208 กก.
แรงเฉื อน : 3,208 กก.
2.0 2.0 โมเมนต์ดดั : 3,375 กก.–ม.
4.00 ม.
คานหมายเลข 4
1,227 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 1,533 กก.
แรงเฉื อน : 1,533 กก.
2.50 ม. โมเมนต์ดดั : 958 กก.–ม.
คานหมายเลข 5
1,437 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 1,796 กก.
แรงเฉื อน : 1,796 กก.
2.50 ม. โมเมนต์ดดั : 1,122 กก.–ม.
คานหมายเลข 6
642 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 963 กก.
แรงเฉื อน : 963 กก.
3.00 ม. โมเมนต์ดดั : 722 กก.–ม.
164
คานหมายเลข 7
837 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 1,255 กก.
แรงเฉื อน : 1,255 กก.
3.00 ม. โมเมนต์ดดั : 942 กก.–ม.
คานหมายเลข 8
837 กก./ม. แรงปฏิกิริยา : 1,465 กก.
แรงเฉื อน : 1,465 กก.
3.50 ม. โมเมนต์ดดั : 1,282 กก.–ม.
คานหมายเลข 9 คานหมายเลข 10
1,465 กก. 774 กก.
837 กก./ม. 642 642 กก./ม.
คานหมายเลข 11
1,533 กก. 1,796 กก. 3,111 กก.
642 875 กก./ม. 1,361 กก.
SFD
1.0 2.0 2.0 2,175 กก. 2,184 กก.
4.00 ม. 2,619 กก.–ม.
5,286 กก. 2,184 กก. BMD
1,854 กก.–ม.
165
คานหมายเลข 12
1,533 963 1,796 กก. 1,255 กก.
777 กก./ม. 1,227 กก./ม. 642
แรงเฉื อนสูงสุด :
Vmax = 3,273 กก.
0.5 0.5 2.5 1.5 2.5 1.0
1.00 5,571 กก. 4.00 5,470 กก. 3.50 2,100 กก.
1,115 กก. –ม.. 1,381 กก.–ม.
BMD 416
2,403 กก.–ม. 1,963 กก.–ม.
คานหมายเลข 13
963 กก. 1,255 กก.
1,227 กก./ม. 972 กก./ม. 387
แรงเฉื อนสูงสุด :
Vmax = 2,700 กก.
0.50 4.00 ม. 2.50 ม. 1.00
3,785 กก. 5,110 กก. 1,661 กก.
1,080 กก.–ม. 1,145 กก.–ม.
คานหมายเลข 14
774 กก. 1,465กก.
192 642 กก./ม. 1,032 กก./ม. 192 กก./ม. 642
1 2 3
4.00 ม. 3.50 ม.
3.50 ม.
ข้ อสังเกต
ส่ วนของโครงสร้ างรองรั บ น้ าหนัก ชั้น ที่ 1 คื อ เสาตอม่ อ แต่ เสาเป็ นองค์อาคารที่ รับ น้ าหนัก
บรรทุกสะสมจากชั้นอื่นๆ ด้วย ดังนั้น การคานวณออกแบบเสาตอม่อและฐานรากต้องรวมน้ าหนักชั้น 2
และชั้นหลังคาด้วย (กรณี เป็ นบ้าน 2 ชั้น)
167
5. รายการคานวณโครงสร้าง
รายการคานวณโครงสร้ าง
ข้ อกาหนดที่ใช้ ในการออกแบบ
1. คอนกรี ต : fc' = 150 กก./ซม.2
fc = 0.45fc' = 67.5 กก./ซม.2
2. เหล็กเสริ ม
เหล็กข้ออ้อย : fy = 3,000 กก./ซม.2 fs = 1,500 กก./ซม.2
เหล็กกลม : fy = 2,400 กก./ซม.2 fs = 1,200 กก./ซม.2
3. ค่าคงที่สาหรับการออกแบบ :
ค่าคงที่ n k j R
เหล็กข้ออ้อย 11 0.331 0.889 9.93
เหล็กกลม 11 0.382 0.872 11.24
4. น้ าหนักบรรทุกจร (wLL) :
ส่ วนพักอาศัย ห้องน้ า = 150 กก./ม.2
หลังคา = 50 กก./ม.2
450 กก./ม. m S / L :1.5 / 4.0 = 0.3 < 0.5 : One way slab
ความหนาพื้นต่าสุ ดของพื้นช่วงเดียว
1.20 ม. t L / 20 1.2 / 20 = 0.06 ม. เลือกใช้ 0.10 ม.
น้ าหนักที่กระทากับพื้น
270 กก. wDL = 0.10x2,400 = 240 กก./ม.2
270 กก. wLL = 150 กก./ม.2
w วัสดุปูพ้ืน = 60 กก./ม.2
81 กก.-ม. น้ าหนักรวม : w = 450 กก./ม.2
โมเมนต์ที่ตา้ นทานโดยคอนกรี ต : Mc
Mc Rbd 2 11.24(1.0)7.52
= 632.25 กก.–ม. > Mmax
M max 81100
As = 1.03 ซม.2
fs j d 1,200(0.872)7.5
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.25 ม. (As = 2.54 ซม.2)
2
As t 0.0025bt 0.0025 100 10 = 2.50 ซม.
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.25 ม. (As = 2.54 ซม.2)
ตรวจสอบหน่วยแรงเฉื อนที่เกิดขึ้นในแผ่นพื้น : v
V 270
v = 0.36 กก./ซม.2 < 0.29 fc '
bd (100)(7.5)
0.10 ม.
9 มม. @ 0.25 ม.
169
ออกแบบคาน B2 (ใช้สาหรับคานหมายเลข 3)
335 กก.
1,520 เลือกขนาดคาน : 0.20x0.40 ม.
Mc Rbd 2 9.93(0.20)352
4.00 ม. = 2,432.85 กก.–ม. < Mmax
2,432.85 100
3,207.5 กก. As1 = 5.21 ซม.2
1,500(0.889)35
942.15 100
As 2 = 2.09 ซม.2
1,500(35 5)
3,207.5 กก. As = 7.30 ซม.2 เลือกใช้ 4 DB 16 (As = 8.04 ซม.2)
1 (1 k )
3,375 กก.-ม. As ' As 2
d'
= 3.71 ซม.2
2
(k )
d
เลือก : 2 DB 16 (As = 4.02 ซม.2)
2 DB 16 2 DB 16 + DB 12
(เสริ มพิเศษถึงกลางคาน)
6 มม. @ 0.15 ม. 6 มม. @ 0.15 ม.
2 DB 12 2 DB 12
(1) – (1) (2) – (2)
171
1,963 กก.-ม.
2,403 กก.-ม.
เลือกขนาดคาน : 0.20x0.40 ม.
Mc Rbd 2 9.93(0.20)352 = 2,432 กก.–ม. > Mmax
ช่วงโมเมนต์บวก (+M) ช่วงโมเมนต์ลบ (–M)
1,381100 2,403 100
As = 2.33 ซม.2 As = 5.14 ซม.2
1,500(0.889)35 1,500(0.889)35
เลือกใช้ 3 DB 12 เลือกใช้ 3 DB 16
1,963 100
As = 4.20 ซม.2
1,500(0.889)35
Vc 0.29 fc 'bd = 2,486 กก. < VMax เลือกใช้ 2 DB 16 + 1 DB 12
V' = 787 กก.
Avfvd = 67.7 ซม. 3 DB 16 2 DB 16
s
V
เลือกใช้ 9 มม. @ 0.15 ม.
2 DB 12 3 DB 12
(1) – (1) (2) – (2)
2 DB 16 2 DB 16
+ 1 DB 12
ป 9 มม. @ 0.15 ม.
2 DB 12 3 DB 12
(3) – (3) (4) – (4)
173
เลือกขนาดคาน : 0.20x0.35 ม.
Mc Rbd 2 9.93(0.20)302 = 1,787 กก.–ม. > Mmax
ช่วงโมเมนต์บวก (+M) ช่วงโมเมนต์ลบ (–M)
489 100 1,067 100
As = 1.22 ซม.2 As = 2.67 ซม.2
1,500(0.889)30 1,500(0.889)30
เลือกใช้ 2 DB 12 เลือกใช้ 3 DB 12
1,786 100
As = 4.46 ซม.2
1,500(0.889)30
Vc 0.29 fc 'bd = 2,131 กก. > VMax เลือกใช้ 4 DB 12
เสริ มเหล็กปลอกปริ มาณต่าสุ ด :
s
Av 3 DB 12 2 DB 12
0.0015b
เลือกใช้ 6 มม. @ 0.15 ม.
2 DB 12 2 DB 12
(1) – (1) (2) – (2)
4 DB 12
ป 6 มม. @ 0.15 ม.
2 DB 12
(3) – (3)
174
6. เขียนผังโครงสร้างพื้นและคานพร้อมระบุชื่อพื้นและคานที่ออกแบบ
รายละเอียดเกี่ยวกับการเสริมเหล็ก
การดัดงอเหล็กเสริ ม
เหล็กเสริ มคาน
176
การจัดวางเหล็กเสริ มเสา
จานวนเหล็กยืน 4 เส้น
จานวนเหล็กยืน 6 เส้น
จานวนเหล็กยืน 8 เส้น
จานวนเหล็กยืน 10 เส้น
จานวนเหล็กยืน 12 เส้น
จานวนเหล็กยืน 14 เส้น
จานวนเหล็กยืน 16 เส้น
จานวนเหล็กยืน 18 เส้น
จานวนเหล็กยืน 20 เส้น
177
การเสริ มเหล็กฐานราก