Professional Documents
Culture Documents
ปฏิกิริยาในเซลล์ เอมไซม์
ปฏิกิริยาในเซลล์ เอมไซม์
A+B C+D
สา ตั้งต้ น สา ผลิตภัณฑ์
(substrate) (product)
3
กา แยกนา้ ด้ วยก ะแสไฟฟ้า
เมื่อให้ พลังงานไฟฟ้าแก่ น้าจะ
สามา ถแยกโมเลกุลของน้าเป็ น
โมเลกุลของแก๊ สไฮโด เจนและ
แก๊สออกซิเจน
ปฏิกิ ิยาดูดพลังงาน
กา วมตัว ะหว่ างแก๊ สไฮโด เจนและแก๊ สออกซิเจน
แก๊สออกซิเจน
( O2 ) สา ตั้งต้ น สา ผลิตภัณฑ์
tixu
: Reac
ต วจสอบความเข้ าใจ ค ราย ↑
=xergoni
Cat สลาย -
Ana ส า
↳
-
!
&
ตา My ส
ศึกษาปฏิกิริยาเคมีขา้ งล่างนี -
แล้วตอบคําถาม
คาย ค
รง
Substrate- สาร
ผ ต (
Produc 4 สาร
~
12
แค Re -> แอนนา
13
4. จากปฏิกิริยาเคมีขา้ งต้น ปฏิกิริยาใดเป็ นปฏิกิริยาคายพลังงาน และปฏิกิริยาเคมีใดเป็ น
ปฏิกิริยาดูดพลังงาน
14
ปฏิกิริยาทีต้องใช้พลังงานเกิดขึนได้อย่างไรภายในเซลล์ของสิ งมีชีวิต
15
เอนไซม ์
(Enzyme)
ตัวอย่างปฏิก ิรย
ิ าเคมีตา
่ งๆ
17
กิจกรรม 2.2 เอนไซม ์จากสิงมีชวี ต
ิ
▰ จุดประสงค ์
▰ 1. บอกได ้ว่าเซลล ์ของสิงมีชวี ต
ิ มีเอนไซม ์
▰ 2. ทดลองเพือระบุได ้ว่าเอนไซม ์เป็ นตัวเร่งการ
เกิดปฏิก ิรยิ าเคมี
18
19
ตัวอย่างผลการทดลอง
20
ผลการทดลอง
ผลการทดลองทีได้ควรเป็ นดังตาราง
สรุปและอภิปรายผลการทดลอง
จากการทดลองสรุปได ้ว่าสิงมีชวี ต ิ มีเอนไซม ์ทีสามารถ
ทําให ้ปฏิก ิรยิ าการสลาย H2O2 เกิดขึนได ้อย่างรวดเร็ว
21
คําถามท้ายกิจกรรม
▰ ผลการทดลองของหลอดทดลองทัง 3 หลอดมีความแตกต่างกันอย่างไร
• เพราะเหตุใดจึงต้องมีการทดลองหลอดที 1 และ 2
22
• จะทดสอบแก๊สออกซิ เจนทีเกิดขึนได้อย่างไร
• เขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยาการสลายของ H O 2 2
มีไอออนของโลหะห ือ
โมเลกุลของสา ทีไ่ ม่ ใช่ มีไอออนโลหะหนัก ห ือ
โป ตีนเป็ นองค์ ป ะกอบ โมเลกุลของสา อินท ีย์
อยู่ด้วย (วิตามินต่ าง ๆ )
activisite
➢ เป็ นสา อินท ีย์ป ะเภทโป ตีน ทาหน้ าที่เป็ นตัวเ ่ งปฏิกิ ิยาเคมี
ในเซลล์ ของสิ่ งมีชีวติ โดยกา ลด ะดับพลังงานก ะตุ้นลง ซึ่งทาให้
เกิดปฏิกิ ิยาง่ ายขึน้
➢ ก่อนและหลังเกิดปฏิกิ ิยา เอนไซม์ จะไม่ เปลีย่ นแปลงทั้งป ิมาณและ
โค งส ้ างสามา ถนากลับไปใช้ ได้ อกี
➢ ทาให้ เกิดปฏิกิ ิยาเคมีได้ ถึงแม้ จะมีป ิมาณน้ อย แต่ กท็ าให้ สา ที่จะทา
ปฏิกิ ิยาเปลีย่ นแปลงได้ เ ื่อย ๆ จนก ะทั่งสา ทีท่ าปฏิกิ ิยาหมด
คุณสมบัตขิ องเอนไซม์
➢ ลด ะดับความต้ องกา ของพลังงานก ะตุ้นของปฏิกิ ิยา
ทาให้ สา ทีท่ าปฏิกิ ิยาเกิดขึน้ ทีอ่ ุณหภูมิของ ่ างกายได้
➢ เอนไซม์ สามา ถเ ่ งปฏิกิ ิยา ได้ โดยไม่ ต้องใช้ อุณหภูมิและ
ความดันสู ง
➢ เอนไซม์ มีความจาเพาะ (specificity) กับสา ทีเ่ ป็ นซับสเต
ท (substrate specificity)
➢ จากภาพจะเห็ นว่ าปฏิกิ ิ ยาเคมี ถ้ าเติม เอนไซม์ ลงไปจะทาให้
พันธะสลายได้ ง่ายขึน้ ช่ วยลดพลังงานก ะตุ้นที่ต้องใช้ ในกา เปลี่ยน
สา ตั้งต้ นเป็ นสา ผลิตภัณฑ์ คือทาให้ อัต ากา เกิดปฏิ กิ ิ ยาเพิ่มขึน้
จากเดิ ม ห ื อ เกิ ด ได้ เ ็ ว ขึ้น นั่ น คื อ เอนไซม์ ท าหน้ า ที่ เ ป็ นตั ว เ ่ ง
ปฏิกิ ิยา
กา ทางานของเอนไซม์
➢ ขณะเกิดปฏิกิ ิยาสา ตั้งต้ นจะเข้ าไปจับกับเอนไซม์ ที่บ ิเวณเ ่ งซึ่ง
มี ู ป ่ างเฉพาะตัว สา ตั้งต้ นนั้นจะถูกเปลีย่ นเป็ นสา ผลิตภัณฑ์
➢ หลังจากกา เกิดปฏิกิ ิยาเคมีแต่ ละค ้ัง เมื่อเกิดสา ผลิตภัณฑ์ แล้ ว
ผลิตภัณฑ์ และเอนไซม์ จะแยกออกจากกัน ทาให้ เอนไซม์ สามา ถเ ่ ง
ปฏิกิ ิยาของสา ตั้งต้ นโมเลกุลอืน่ ต่ อไปเ ื่อย ๆ
ซ คร
ูเ
• เช่ น ซูโค ส กลูโคส + ฟ ักโทส
กา ทางานของเอนไซม์
-I *
#ก.ค. 6
• เพราะเหตุใดเส้นกราฟ ก จึงมีอตั รา
การเกิดปฏิกิริยาสู งกว่าเส้นกราฟ ข
36
ความเ มข นข &senzym
่
e %มากกว
วั
ี่
ตั
ข้
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 3. ความเข้ มข้ นของสั บสเต ต
เมื่อเอนไซม์ คงที่ ถ้ าเพิม่ ความเข้ มข้ นของสั บสเต ตจะทาให้ อตั าเ ่ งปฏิกิ ิยา
เพิม่ ขึน้ จนถึงจุดๆหนึ่งแล้วคงที่
บสา ต ตร จ จ
&
จั
ปั
สั
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 4. ความเป็ นก ด-เบส (pH)
• เอนไซม์ จะทางานได้ ดีทสี่ ุ ดสาห ับค่ า pH ค่ าหนึ่ง
• ถ้ าเปลีย่ น pH เล็กน้ อยอาจจะทาให้ อตั ากา เกิดปฏิกิ ิยาของเอนไซม์ ลดห ือ
เพิม่ ขึน้ ได้
• ส่ วนใหญ่ อยู่ในช่ วง pH 6-7.5
&.
กรด
~> | -> row
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 5. อุณหภูมิ
• โดยปกติอุณหภูมิทเี่ หมาะสมต่ อกา ทางานของเอนไซม์ ทาให้
เอนไซม์ เ ่ งปฏิกิ ิยาได้ ดี อยู่ ะหว่ าง 25 – 40 องศาเซลเซียล
-
• =
อินฮิบิเตอ ์ (Inhibitor)
-
ว บ
ตั
วิ
ยั
ตั
ซ์
ตุ
แอกติเวเตอ ์ (activator) สา ก ะตุ้น
➢ แอกติเวเตอ ์ (activator)
เป็ นสา ที่ทาให้ ปฏิกิ ิยาที่มีเอนไซม์ เป็ น (
ตัวเ ่ งปฏิกิ ิยาเกิดได้ ดีขึน้ และเอนไซม์
บางอย่ างจะทางานไม่ ได้ ถ้าขาดแอกติเวเตอ ์ &
ฟลูออไ ด์
-ธ
1ป
อินฮิบเิ ตอ ์ (Inhibitor)
สา ทีท่ าให้ ปฏิกิ ิยาเกิดช้ าลง
➢ จาแนกออกเป็ น 2 ป ะเภท
• คอมเพทิทีฟอินฮิบิเตอ ์
-
ว บ ้งแบบแ
-
(competitive inhibitor)
(noncompetitive inhibitor)
-
45
ตั
ตั
ยั
ยั
ยั
ยั้
ม่
คอมเพทิทีฟอินฮิบเิ ตอ ์ (competitive inhibitor)
➢ ตัวยับยั้งแบบแข่ งขัน
-
ค า ยส ร
47
A : 1 - B -> D
ม
เ
วั
ปั
ิ่
พื
พิ
วิ
รุ
พิ่
ธี
ข่
จิ้
ยั้
กั
ขั
ก้
นอนคอมเพทิทฟี อินฮิบิเตอ ์ (noncompetitive inhibitor)
ของซับสเต ต
48
ตั
มื
นอนคอมเพทิทฟี อินฮิบิเตอ ์ (noncompetitive inhibitor)
49
โคแฟกเตอ ์ (cofactor)
➢ ในกา ทางานของเอนไซม์ บางชนิด อาจมีองค์ ป ะกอบทีไ่ ม่ ใช้
โป ตีน วมอยู่ด้วย เพือ่ ช่ วยให้ เอนไซม์ ทางานได้ ดขี นึ้
สา ป ะกอบเหล่ านั้น เ ียกว่ า โคแฟกเตอ ์ (Cofactor)
ซึ่งจัดว่ าเป็ นสา ในกลุ่มแอกติเวเตอ ์ (activator)
-
2. โคเอนไซม์ (coenzyme)
➢ สา พวกวิตามิน เช่ น วิตามิน B1 , B2 และ K
51
สารตังต้นและตัวยับยังของเอนไซม์ dihydropteroate synthase และ
acetylcholinesterase มีโครงสร้างดังแสดงในตาราง
ตัวยับยังเอนไซม์แต่ละชนิ ด น่าจะเป็ นตัวยับยังเอนไซม์แบบใด
-
แ งข
ไม่แ ง
ก
52
ข่
ข่
2 -> ง นศ
แบบ
ห า
กหัดท้ายบ
2.4.3 เมแทบอลิซม
ึ
mind map, ว น ่ 3 หล 53
137
ที่
ฝึ
ำ
สื
ที
ำ
วั
น้
นั
ส่
ส่
วั
1 24
ิซ
ึ
ล
บอ
#เมแห
-> พ งงา
• ปฏิกิริยาเคมีในสิ งมีชีวิตส่ วนใหญ่จะเกิดแบบวิถีเมแทบอลิซึม และมีกลไกที
คอยควบคุมวิถีเมแทบอลิซึมต่าง ๆ ในสิ งมีชีวติ
54
ต้
ซั
ดู
ช้
ลั
ลั
ลั
↳
เมแทบอลิซม
ึ ในสิงมีชวี ต
ิ
รโมเลก
สลาย -> พ งงาน สา ุลเ
·
งเคราะ +พ ง
-
<
-
สั
ลั
ลั
ห์
#
เมแท ม อลิ
ล
เมแ ท บบ
metabolic path
was
-
& &
&
&
56
วิกี
วิถี
&o 0 0 มากเ
&นไ
/ -
ไม ่เก็ด การผ ต
& -
↓
แอ ค
ท
ี
ฟไ
ว เราม ถ
ไ
การ
บส
สาร-
&
ว น งเนไม
ค อน
์
P
#
ว บ
EC 4 ม ? ใเตามตา เช
มร
57
ช
P -> &-> R
เพ
ตั
ตั
ป็
ต้
ยั
ยั
ชี้
จั
ชั
ยั้
ตั
กิ
ตุ
ลิ
=น ↑
P -> & -> R
↓ ไม่เก
จะเ นอ า
↑ E
↑ &-> R
คง
ท
ไมเก ไม่เก
ตั
ถ้
อ็
วิกิ
ั้
ฏิ
ป็
กิ
ริ
ย่
4 /10.126, 127
กรณี ศก
ึ ษา
เมือทําการทดลองเพือหาลําดับของปฏิกิริยาต่าง ๆ ในวิถีเมแทบอลิซึมนี
ได้เติมตัวยับยังเอนไซม์แต่ละชนิด ได้ผลการทดลองดังแสดงในกราฟ
ด้านล่างนี B C
* ↳ #
-
A - D +D- D <
สาร ผ ต ัณ
58
ลิ
ตั้
ภั
↑ ก
3
Es
A -> -> -> D
↓ ↓
D & ↑
A - -> Met
· ↑ I3
=2
D
ACCESS
↓ ->
เอินไ ซ
2, ↑
Ar
E
สาร ง
-
A
บ
E2 E
สาร ผ
-
ต ณห
B, 2 ACEREED
↑
&
↓
<
·
I
ว นย เ นต ว น ้งแบ
มเ่
59
เ
-
ตั
ตั
รั
ติ
ตั้
ป็
ลิ
ม์
ยื
ั้
ยั
ยั
พิ
ภั
• ถ้าตัวยับยังเอนไซม์ E2 เป็ นตัวยับยังแบบแข่งขัน เมือเพิมปริ มาณของสาร A
ซึ งเป็ นสารตังต้นในวิถีนี จะพบว่าปริ มาณของสาร D มีการเปลียนแปลงอย่างไร
60