Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 62

พลังงานในสิ่ งมีชีวติ เกิดขึน้ ได้ อย่างไ ?

พลังงานในเซลล์ของสิ งมีชีวติ เกิดจาก

ปฏิกิ ิ ยาเคมี คือ ก ะบวนกา เปลี่ยนแปลงทางเคมีของสา ตั้งต้ น ที่เข้ าทา


ปฏิกิ ิยากัน (สลาย,ส ้ างพันธะ) เกิดกา จัดเ ียงตัวใหม่ ของอะตอมของสา
ตั้ ง ต้ น และมี ก า เปลี่ย นแปลงพลัง งานได้ สา ผลิต ภั ณ ฑ์ ซึ่ ง มี คุ ณ สมบั ติ
แตกต่ างไปจากา ตั้งต้ น

A+B C+D
สา ตั้งต้ น สา ผลิตภัณฑ์
(substrate) (product)
3
กา แยกนา้ ด้ วยก ะแสไฟฟ้า
เมื่อให้ พลังงานไฟฟ้าแก่ น้าจะ
สามา ถแยกโมเลกุลของน้าเป็ น
โมเลกุลของแก๊ สไฮโด เจนและ
แก๊สออกซิเจน

ปฏิกิ ิยาดูดพลังงาน
กา วมตัว ะหว่ างแก๊ สไฮโด เจนและแก๊ สออกซิเจน

แก๊สออกซิเจน
( O2 ) สา ตั้งต้ น สา ผลิตภัณฑ์

นา้ (H2 O)+ พลังงาน


แก๊สไฮโด เจน
( H2 ) ปฏิกิ ิยาคายพลังงาน
ปฏิกิ ิยาเคมี
➢ แบ่ งออกเป็ น 2 ป ะเภท คือ
1. ปฏิกิ ิยาดูดพลังงาน (Endergonic reaction) หมายถึง
ปฏิกิ ิยาทีม่ ีกา ถ่ ายเทพลังงานจากสิ่ งแวดล้ อมเข้ าสู่ ะบบ
ปฏิกิ ิยาดูดพลังงาน (Endergonic reaction)

พลังงานของสา ผลิตภัณฑ์ มีค่าสู งกว่ าพลังงานของสา ตั้งต้ น


เช่ น กา แยกนา้ ด้ วยไฟฟ้า ปฏิกิ ิยากา หายใจในเซลล์ของสิ่ งมีชีวิต ,
ปฏิกิ ิยาเคมี
➢ แบ่ งออกเป็ น 2 ป ะเภท คือ
2. ปฏิกิ ิยาคายพลังงาน (Exergonic reaction) หมายถึง
ปฏิกิ ิยาทีม่ ีกา ถ่ ายเทพลังงานจาก ะบบไปสู่ สิ่งแวดล้อม
ปฏิกิ ิยาคายพลังงาน (Exergonic reaction)

พลังงานของสา ตั้งต้ นมีค่าสู งกว่ าพลังงานของสา ผลิตภัณฑ์


เช่ น กา วมตัว ะหว่ างแก๊สไฮโด เจนกับแก๊สออกซิเจนในกา เกิดนา้ ,
กา สั งเค าะห์ ด้วยแสง
ปฏิกิ ิยา Metabolism ภายในเซลล์ ของสิ่ งมีชีวติ (ปฏิกิ ิยาใน
เซลล์ ของสิ่ งมีชีวติ ที่เกิดขึน้ ตลอดเวลา แบ่ งได้ เป็ น 2 ป ะเภท)

1. ก ะบวนกา แอนาบอลิซึม 2. ก ะบวนกา แคแทบอลิซึม


(Anabolism) เป็ นปฏิกิ ิยาดูด (Catabolism) เป็ นปฏิกิ ิยาคาย
พลังงาน หมายถึง ก ะบวนกา พลังงาน หมายถึง ก ะบวนกา สลาย -Ever
Endeประ สังเค าะห์ สา อินท ีย์โมเลกุลใหญ่ที่ สา โมเลกุลใหญ่ ให้ เป็ นสา โมเลกุลเล็ก คาย
ลง พ ้ อมกับได้ พลังงานออกมา เช่ น
-

ซับซ้ อน จากสา โมเลกุลเล็กง่ าย ๆ


เช่ น กา สั งเค าะห์ โป ตีนจาก กา สลายนา้ ตาลกลูโคสในเซลล์จนได้
ก ดอะมิโน กา สั งเค าะห์ แก๊สคา ์ บอนไดออกไซด์
คา ์ โบไฮเด ต กา สั งเค าะห์ ลพิ ดิ และนา้ พ ้ อมพลังงานทีเ่ ก็บสะสมไว้
ห ือ สั งเค าะห์ ก ดนิวคลีอกิ ในกลูโคสถูกปลดปล่อยออกมา
ดพ ง คาย น งงา
ดู
สั
ลั
ปฏิกิ ิยาเคมีใน (ส ุป)
ส าา
➢ สลายดู
% ด (Endergonic reaction)
ส า พันธะเคมีไป
• ปฏิกิ ิยาเคมีที่มีกา "สลาย"
• เมื่อ "จบขั้นตอน" แล้วผล วมของพลังงานใน ะบบ มีกา "ดูด"
พลังงานความ ้ อนจากสิ่ งแวดล้อมเข้ าไป
สลาย
➢ ส↓ ้ างคาย (Exergonic reaction)
• ปฏิกิ ิยาเคมีที่ "สสลาย
้ าง" พันธะเคมีขนึ้ มาใหม่
• เมื่อ "จบขั้นตอน" แล้วผล วมของพลังงานใน ะบบ มีพลังงานที่เหลือ
จากปฏิกิ ิยา ถูกปลดปล่อย ("คาย") ออกมาให้ สิ่งแวดล้อม
11
ร้
ร้
-

tixu
: Reac
ต วจสอบความเข้ าใจ ค ราย ↑
=xergoni
Cat สลาย -
Ana ส า


-
!
&
ตา My ส
ศึกษาปฏิกิริยาเคมีขา้ งล่างนี -
แล้วตอบคําถาม

คาย ค
รง
Substrate- สาร

ผ ต (
Produc 4 สาร
~

12

แค Re -> แอนนา

ได้พ งงาน -> ใ พ


-
ดู
ดู
สู
ลิ
ตั้
ลั
ภั
ร้
ช้
ลั
1. จากปฏิกิริยาที I และ II สารใดเป็ นสารตังต้น สารใดเป็ นสารผลิตภัณฑ์

2. จากปฏิกิริยาที I พลังงานของ AB จะมากหรื อน้อยกว่าพลังงานรวมของ A และ B

3. จากปฏิกิริยาที II พลังงานของ CD จะมากหรื อน้อยกว่าพลังงานรวมของ C และ D

13
4. จากปฏิกิริยาเคมีขา้ งต้น ปฏิกิริยาใดเป็ นปฏิกิริยาคายพลังงาน และปฏิกิริยาเคมีใดเป็ น
ปฏิกิริยาดูดพลังงาน

5. จากปฏิกิริยาที III IV และ V สรุ ปได้วา่ อย่างไร

14
ปฏิกิริยาทีต้องใช้พลังงานเกิดขึนได้อย่างไรภายในเซลล์ของสิ งมีชีวิต

15
เอนไซม ์
(Enzyme)
ตัวอย่างปฏิก ิรย
ิ าเคมีตา
่ งๆ

▰ ปฏิก ิรยิ าทีเกิดขึนใน ▰ ปฏิก ิรยิ าทีเกิดขึนในสิงมีชวี ต



สภาพแวดล ้อมภายนอก ▰ - กระบวนการย่อยอาหาร
▰ - การเกิดสนิ ม ▰ - กระบวนการสังเคราะห ์ด ้วยแสง
▰ - การผุกร่อน ▰ - กระบวนการสร ้างสารโมเลกุล
▰ - การเผาไหมเ้ ชือเพลิง ใหญ่
▰ - การระเบิดของดินปื น ▰ - การสลายสารทีอาจเป็ น
อันตรายในร่างกาย

17
กิจกรรม 2.2 เอนไซม ์จากสิงมีชวี ต

▰ จุดประสงค ์
▰ 1. บอกได ้ว่าเซลล ์ของสิงมีชวี ต
ิ มีเอนไซม ์
▰ 2. ทดลองเพือระบุได ้ว่าเอนไซม ์เป็ นตัวเร่งการ
เกิดปฏิก ิรยิ าเคมี

18
19
ตัวอย่างผลการทดลอง

20
ผลการทดลอง

ผลการทดลองทีได้ควรเป็ นดังตาราง

สรุปและอภิปรายผลการทดลอง
จากการทดลองสรุปได ้ว่าสิงมีชวี ต ิ มีเอนไซม ์ทีสามารถ
ทําให ้ปฏิก ิรยิ าการสลาย H2O2 เกิดขึนได ้อย่างรวดเร็ว
21
คําถามท้ายกิจกรรม

▰ ผลการทดลองของหลอดทดลองทัง 3 หลอดมีความแตกต่างกันอย่างไร

• เพราะเหตุใดจึงต้องมีการทดลองหลอดที 1 และ 2

• ตัวอย่างทีนํามาศึกษาให้ผลการทดลองเหมือนกันหรื อไม่ อย่างไร

22
• จะทดสอบแก๊สออกซิ เจนทีเกิดขึนได้อย่างไร

• เขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยาการสลายของ H O 2 2

• เพราะเหตุใดการสลาย H O ในสภาพแวดล้อมภายนอกจึงเกิดขึนเองได้ชา้ มาก


2 2

• เพราะเหตุใดชินส่ วนของสิ งมีชีวติ จึงทําให้ปฏิกิริยาเกิดได้เร็ วขึน


23
เอนไซม์ และกา ทางานของเอนไซม์

➢ เอนไซม์ เป็ นก้ อนโป ตีนขนาดใหญ่ และจะมีไอออนของโลหะหนัก ห ื อ


โมเลกุลทีไ่ ม่ ใช่ โป ตีนเป็ นองค์ ป ะกอบอยู่ด้วย ทาหน้ าที่เป็ นตัวเ ่ งปฏิกิ ิยา
ของปฏิกิ ิยาเคมีต่างๆ ที่เกิดขึน้ ภายในเซลล์ของสิ่ งมีชีวิต

➢ โมเลกลุของเอนไซม์ จะมีบ ิเวณทีเ่ ียกว่ า แอกทีฟไซด์ (active site)


ลักษณะเป็ น ่ อง ซึ่งเป็ นที่จับกับสา ตั้งต้ น (substrate) และเอนไซม์
บางชนิด อาจมีบ ิเวณเ ่ งมากกว่ าหนึ่งบ ิเวณ
เอนไซม์ (Enzyme)
สายพอลิเพปไทด์ สาย
แอกทีฟไซด์ เดียวห ือหลายสายขด
(active site) ไปขดมา (ก้อน)

มีไอออนของโลหะห ือ
โมเลกุลของสา ทีไ่ ม่ ใช่ มีไอออนโลหะหนัก ห ือ
โป ตีนเป็ นองค์ ป ะกอบ โมเลกุลของสา อินท ีย์
อยู่ด้วย (วิตามินต่ าง ๆ )
activisite

ยาโ ตยลดพล ังงาน


เ ่งป
ธิ
ร่
ฏิ
กิ
คุณสมบัตขิ องเอนไซม์

➢ เป็ นสา อินท ีย์ป ะเภทโป ตีน ทาหน้ าที่เป็ นตัวเ ่ งปฏิกิ ิยาเคมี
ในเซลล์ ของสิ่ งมีชีวติ โดยกา ลด ะดับพลังงานก ะตุ้นลง ซึ่งทาให้
เกิดปฏิกิ ิยาง่ ายขึน้
➢ ก่อนและหลังเกิดปฏิกิ ิยา เอนไซม์ จะไม่ เปลีย่ นแปลงทั้งป ิมาณและ
โค งส ้ างสามา ถนากลับไปใช้ ได้ อกี

➢ ทาให้ เกิดปฏิกิ ิยาเคมีได้ ถึงแม้ จะมีป ิมาณน้ อย แต่ กท็ าให้ สา ที่จะทา
ปฏิกิ ิยาเปลีย่ นแปลงได้ เ ื่อย ๆ จนก ะทั่งสา ทีท่ าปฏิกิ ิยาหมด
คุณสมบัตขิ องเอนไซม์
➢ ลด ะดับความต้ องกา ของพลังงานก ะตุ้นของปฏิกิ ิยา
ทาให้ สา ทีท่ าปฏิกิ ิยาเกิดขึน้ ทีอ่ ุณหภูมิของ ่ างกายได้
➢ เอนไซม์ สามา ถเ ่ งปฏิกิ ิยา ได้ โดยไม่ ต้องใช้ อุณหภูมิและ
ความดันสู ง
➢ เอนไซม์ มีความจาเพาะ (specificity) กับสา ทีเ่ ป็ นซับสเต
ท (substrate specificity)
➢ จากภาพจะเห็ นว่ าปฏิกิ ิ ยาเคมี ถ้ าเติม เอนไซม์ ลงไปจะทาให้
พันธะสลายได้ ง่ายขึน้ ช่ วยลดพลังงานก ะตุ้นที่ต้องใช้ ในกา เปลี่ยน
สา ตั้งต้ นเป็ นสา ผลิตภัณฑ์ คือทาให้ อัต ากา เกิดปฏิ กิ ิ ยาเพิ่มขึน้
จากเดิ ม ห ื อ เกิ ด ได้ เ ็ ว ขึ้น นั่ น คื อ เอนไซม์ ท าหน้ า ที่ เ ป็ นตั ว เ ่ ง
ปฏิกิ ิยา
กา ทางานของเอนไซม์
➢ ขณะเกิดปฏิกิ ิยาสา ตั้งต้ นจะเข้ าไปจับกับเอนไซม์ ที่บ ิเวณเ ่ งซึ่ง
มี ู ป ่ างเฉพาะตัว สา ตั้งต้ นนั้นจะถูกเปลีย่ นเป็ นสา ผลิตภัณฑ์
➢ หลังจากกา เกิดปฏิกิ ิยาเคมีแต่ ละค ้ัง เมื่อเกิดสา ผลิตภัณฑ์ แล้ ว
ผลิตภัณฑ์ และเอนไซม์ จะแยกออกจากกัน ทาให้ เอนไซม์ สามา ถเ ่ ง
ปฏิกิ ิยาของสา ตั้งต้ นโมเลกุลอืน่ ต่ อไปเ ื่อย ๆ
ซ คร
ูเ
• เช่ น ซูโค ส กลูโคส + ฟ ักโทส
กา ทางานของเอนไซม์
-I *

#ก.ค. 6

ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์


➢ 1. ชนิดของสา ทีเ่ อนไซม์
เอนไซม์ แต่ ละตัวทางานเฉพาะสั บสเต ตหนึ่ง ๆ เท่ านั้น จะไม่ ไป เกีย่ วข้ อง
กับสั บสเต ตอืน่ ๆ
Induced fif madel
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 2. ความเข้ มข้ นของเอนไซม์
สั บสเต ตป ะมาณหนึ่ง ๆ นั้น ต้ องใช้ เอนไซม์ ป ะมาณพอเหมาะ
ถ้ าเอนไซม์ มากห ือน้ อยไปก็จะทางานได้ ผลไม่ เต็มที่
<
เอนไซ มาเป็น จ
สาร ง นปร ีมา
ต้
ตั้
ชั
ปั
กรณี ศก
ึ ษา

▰ โดยปกติ สาร A จะสลายตัวได ้เองอย่างช ้า ๆ แต่สามารถเร่งปฏิกิรยิ าการสลายสาร A ได ้


โดยใช ้เอนไซม ์ ในการทดลองหนึ งทีศึกษาอัตราการเกิดปฏิก ิรยิ าการสลายสาร A ในขณะ
ทีมีและไม่มเี อนไซม ์ได ้ผลดังกราฟ
• เส้นกราฟใดทีแสดงอัตราการ
เกิดปฏิกิริยาการสลายสาร A ในขณะที ค
ไม่มีเอนไซม์
-

• เพราะเหตุใดทีตําแหน่ง P และ Q อัตรา เอนไซมกันกการ


การเกิดปฏิกิริยาจึงเริ มคงที นกันห มด

• เพราะเหตุใดเส้นกราฟ ก จึงมีอตั รา
การเกิดปฏิกิริยาสู งกว่าเส้นกราฟ ข
36

ความเ มข นข &senzym

e %มากกว
วั
ี่
ตั
ข้
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 3. ความเข้ มข้ นของสั บสเต ต
เมื่อเอนไซม์ คงที่ ถ้ าเพิม่ ความเข้ มข้ นของสั บสเต ตจะทาให้ อตั าเ ่ งปฏิกิ ิยา
เพิม่ ขึน้ จนถึงจุดๆหนึ่งแล้วคงที่
บสา ต ตร จ จ

&
จั
ปั
สั
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 4. ความเป็ นก ด-เบส (pH)
• เอนไซม์ จะทางานได้ ดีทสี่ ุ ดสาห ับค่ า pH ค่ าหนึ่ง
• ถ้ าเปลีย่ น pH เล็กน้ อยอาจจะทาให้ อตั ากา เกิดปฏิกิ ิยาของเอนไซม์ ลดห ือ
เพิม่ ขึน้ ได้
• ส่ วนใหญ่ อยู่ในช่ วง pH 6-7.5
&.

กรด
~> | -> row
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 5. อุณหภูมิ
• โดยปกติอุณหภูมิทเี่ หมาะสมต่ อกา ทางานของเอนไซม์ ทาให้
เอนไซม์ เ ่ งปฏิกิ ิยาได้ ดี อยู่ ะหว่ าง 25 – 40 องศาเซลเซียล
-

เ ียกว่ า optimum temperature

• ถ้ าหากอุณหภูมิสูงห ือต่ากว่ านี้ ปฏิกิ ิยาจะลดลง เนื่องจากคุณสมบัติของ


เอนไซม์ ซึ่งเป็ นโป ตีนเปลีย่ นแปลงไป ทาให้ เอนไซม์ ทางานได้ ไม่ เต็มที่ และ
อาจทาให้ เสี ยสภาพได้ ในทีอ่ ุณหภูมิสูงเกินไป
Na
ปัจจัยที่มีผลต่ อกา ทางานของเอนไซม์
➢ 6. สา บางชนิดทีม่ ผี ลต่ อกา ทางานของเอนไซม์ ตาม

• แอกติเวเตอ ์ (activator) วกระ ้น โค


ุ แฟก เตอ
ร -โดเ

• =
อินฮิบิเตอ ์ (Inhibitor)
-
ว บ
ตั
วิ
ยั
ตั
ซ์
ตุ
แอกติเวเตอ ์ (activator) สา ก ะตุ้น

➢ แอกติเวเตอ ์ (activator)
เป็ นสา ที่ทาให้ ปฏิกิ ิยาที่มีเอนไซม์ เป็ น (
ตัวเ ่ งปฏิกิ ิยาเกิดได้ ดีขึน้ และเอนไซม์
บางอย่ างจะทางานไม่ ได้ ถ้าขาดแอกติเวเตอ ์ &

➢ เช่ น คลอไ ด์ ไอออน ก ะตุ้นกา ทางาน


ของอะไมเลสในนา้ ลาย
(
อินฮิบเิ ตอ ์ (Inhibitor)
สา ทีท่ าให้ ปฏิกิ ิยาเกิดช้ าลง
➢ สา พวกนีจ้ ะไปยับยั้งเอนไซม์ ใน
กา จับสั บสเต ตให้ เกิดปฏิกิ ิยา

➢ เช่ น เอนไซม์ หลายชนิดถูกยับยั้ง


โดยเกลือโลหะหนัก ห ือเกลือ
-

ฟลูออไ ด์
-ธ
1ป

อินฮิบเิ ตอ ์ (Inhibitor)
สา ทีท่ าให้ ปฏิกิ ิยาเกิดช้ าลง

➢ จาแนกออกเป็ น 2 ป ะเภท
• คอมเพทิทีฟอินฮิบิเตอ ์
-
ว บ ้งแบบแ
-

(competitive inhibitor)

• นันคอมเพทิทฟี อินฮิบิเตอ ์ ัว บ บบไ งแ


-

(noncompetitive inhibitor)
-

45
ตั
ตั
ยั
ยั
ยั
ยั้
ม่
คอมเพทิทีฟอินฮิบเิ ตอ ์ (competitive inhibitor)
➢ ตัวยับยั้งแบบแข่ งขัน
-
ค า ยส ร

➢ ตัวยับยั้งเอนไซมแ์์บบนี้จะมีโค งส ้ างที่คล้ ายคลึงกับโมเลกลุของสั บ


-

เต- ตมาก จึงสามา ถชิ งเข้ าจับกับแอกทีฟไซด์ ของเอนไซม์ และยัง วมตัว


-

กับแอกทีฟไซด์ ได้ ดีกว่ าซับสเต ต ทาให้ ซับเต ตจับกับเอนไซม์ ไม่ ได้ ห ือ


ได้ น้อยลง จึงมีผลทาให้ ปฏิกิ ิยาเคมีลดลง ห ือ หยุดชะงักลง

➢ เช่ น สา ปฏิชีวนะหลายชนิด โดยเฉพาะเพนิซิลนิ ไปจับกับแอกทีฟไซด์


- -

ของเอนไซม์ ที่ แบคทีเ ียหลายชนิดใช้ ในกา ส ้ างผนังเซลล์


46
ล้

ตั้
ป การแ ญห าตัวซ น ง แ ง ือ-ก
นค
สป ! แบบ
เ ่อเ เ มโ อกาสใ ในการ ร ม

คอมเพทิทีฟอินฮิบเิ ตอ ์ (competitive inhibitor)

47

A : 1 - B -> D


วั
ปั
ิ่
พื
พิ
วิ
รุ
พิ่
ธี
ข่
จิ้
ยั้
กั
ขั
ก้
นอนคอมเพทิทฟี อินฮิบิเตอ ์ (noncompetitive inhibitor)

➢ ตัวยับยั้งแบบไม่ แข่ งขัน ไม่เห ือนส สาร


➢ ตัวยับยั้งเอนไซม์ แบบนีจ้ ะมีโค งส ้ างแตกต่ างจากโมเลกุล
-

ของซับสเต ต

• ตัวยับยั้งเอนไซม์ จะไปจับกับตาแหน่ งอืน่ ของเอนไซม์ ที่


ไม่ ใช่ แอกทีฟไซด์ ทาให้ โมเลกุลของเอนไซด์ เปลีย่ นแปลง
ูป ่ างไปจนแอกทีฟไซด์ ไม่ สามา ถจับกับซับสเต ตได้

48
ตั
มื
นอนคอมเพทิทฟี อินฮิบิเตอ ์ (noncompetitive inhibitor)

49
โคแฟกเตอ ์ (cofactor)
➢ ในกา ทางานของเอนไซม์ บางชนิด อาจมีองค์ ป ะกอบทีไ่ ม่ ใช้
โป ตีน วมอยู่ด้วย เพือ่ ช่ วยให้ เอนไซม์ ทางานได้ ดขี นึ้
สา ป ะกอบเหล่ านั้น เ ียกว่ า โคแฟกเตอ ์ (Cofactor)
ซึ่งจัดว่ าเป็ นสา ในกลุ่มแอกติเวเตอ ์ (activator)
-

สามา ถจาแนกได้ 2 ป ะเภท


1. โคแฟกเตอ ์ (cofactor)
➢ สา พวกไอออน เช่ น แคลเซียมไอออน (Ca2+) ,
ซิงค์ ไอออน (Zn2+)

2. โคเอนไซม์ (coenzyme)
➢ สา พวกวิตามิน เช่ น วิตามิน B1 , B2 และ K

51
สารตังต้นและตัวยับยังของเอนไซม์ dihydropteroate synthase และ
acetylcholinesterase มีโครงสร้างดังแสดงในตาราง
ตัวยับยังเอนไซม์แต่ละชนิ ด น่าจะเป็ นตัวยับยังเอนไซม์แบบใด

-
แ งข

ไม่แ ง

52
ข่
ข่
2 -> ง นศ
แบบ
ห า
กหัดท้ายบ

ในห ง อ1/27 -14 ก


า 130 -1366 ท .

2.4.3 เมแทบอลิซม

• นักเรี ยนคิดว่าสิ งมีชีวิตมีวิธีการในการได้พลังงานเพือใช้ใน


กิจกรรมต่าง ๆ อย่างไรบ้าง
• สิ งมีชีวิตต้องการพลังงานเพือใช้ในกิจกรรมใดของเซลล์บา้ ง

พลังงานในสิ งมีชีวิตต่าง ๆ โดยอาจแบ่งกลุ่มของสิ งมีชีวิตได้เป็ นกลุ่มทีสร้าง


อาหารเองได้ และกลุ่มทีสร้างอาหารเองไม่ได้ ซึงพลังงานทีได้จากปฏิกิริยา
การสลายสารอาหารจะถูกนํามาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ภายในเซลล์ เช่น
การสร้างสารอินทรี ย ์ การลําเลียงสารบางประเภท
f

mind map, ว น ่ 3 หล 53

137
ที่
ฝึ

สื
ที

วั
น้
นั
ส่
ส่
วั
1 24

ิซ

บอ
#เมแห

ให้พ งงาน /สสา รตล


ล องใ ใ พ ง ง/ ดพล
สลาย งเคราะ

-> พ งงา
• ปฏิกิริยาเคมีในสิ งมีชีวิตส่ วนใหญ่จะเกิดแบบวิถีเมแทบอลิซึม และมีกลไกที
คอยควบคุมวิถีเมแทบอลิซึมต่าง ๆ ในสิ งมีชีวติ

54
ต้
ซั
ดู
ช้
ลั
ลั
ลั

เมแทบอลิซม
ึ ในสิงมีชวี ต

รโมเลก
สลาย -> พ งงาน สา ุลเ

·
งเคราะ +พ ง
-

<

-
สั
ลั
ลั
ห์
#

เมแท ม อลิ

เมแ ท บบ

metabolic path
was
-

& &
&
&

56
วิกี
วิถี
&o 0 0 มากเ
&นไ
/ -
ไม ่เก็ด การผ ต
& -

แอ ค


ฟไ
ว เราม ถ

การ
บส
สาร-

&
ว น งเนไม
ค อน

P
#
ว บ

-> & -> R



=

EC 4 ม ? ใเตามตา เช
มร
57

P -> &-> R
เพ
ตั
ตั
ป็
ต้
ยั
ยั
ชี้
จั
ชั
ยั้
ตั
กิ
ตุ
ลิ
=น ↑
P -> & -> R
↓ ไม่เก

าเติม วยับย งเ นไซ


ใน ป ยา ปร ิมา ณสารใน เล

จะเ นอ า
↑ E

↑ &-> R
คง

ไมเก ไม่เก
ตั
ถ้
อ็
วิกิ
ั้
ฏิ
ป็
กิ
ริ
ย่
4 /10.126, 127

กรณี ศก
ึ ษา

สมมติให้วิถีเมแทบอลิซึมหนึงมี 3 ขันตอน โดยมีเอนไซม์ E1 E2 และ E3


เกียวข้องในวิถีเมแทบอลิซิมนี มีสาร A เป็ นสารตังต้น มีสาร B และ C
-

เกิดขึนระหว่างวิถีเมแทบอลิซึม และมีสาร D เป็ นสารผลิตภัณฑ์สุดท้าย

เมือทําการทดลองเพือหาลําดับของปฏิกิริยาต่าง ๆ ในวิถีเมแทบอลิซึมนี
ได้เติมตัวยับยังเอนไซม์แต่ละชนิด ได้ผลการทดลองดังแสดงในกราฟ
ด้านล่างนี B C
* ↳ #

-
A - D +D- D <

สาร ผ ต ัณ
58
ลิ
ตั้
ภั
↑ ก
3
Es
A -> -> -> D
↓ ↓

D & ↑

A - -> Met
· ↑ I3
=2
D
ACCESS
↓ ->
เอินไ ซ
2, ↑

Ar
E
สาร ง
-

A

E2 E

สาร ผ
-

ต ณห
B, 2 ACEREED


&


<

·
I

- & & &




&
&
El 3
& I

B

ว นย เ นต ว น ้งแบ

มเ่
59


-
ตั
ตั
รั
ติ
ตั้
ป็
ลิ
ม์
ยื
ั้
ยั
ยั
พิ
ภั
• ถ้าตัวยับยังเอนไซม์ E2 เป็ นตัวยับยังแบบแข่งขัน เมือเพิมปริ มาณของสาร A
ซึ งเป็ นสารตังต้นในวิถีนี จะพบว่าปริ มาณของสาร D มีการเปลียนแปลงอย่างไร

60

You might also like