Professional Documents
Culture Documents
หน่วยที่ 2 เคมีพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
หน่วยที่ 2 เคมีพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
/
/
/
ิเลิกตร
ว
↑ เลขอะตอม
·
-
-
<
-
เลขมวล
กลาง
*
+
& /
ไอ อออ
ส
-
# &
เป ่ยนสถา
&
&
- น อวสสารผ
1 ม วล ข ต
มวล
กฎ ทรง
พิ
ลี่
ลิ
ตั้
+f
กลาย
-
เคมีที่เป็ นพืน้ ฐานของสิ่ งมีชีวติ
➢ ร่ างกายของ สิ่ งมีชีวต
ิ กับสารเคมี เกีย่ วข้องกันอย่างรร ?
ร่ างกายของสิ่ งมีชีวิตประกอบรปด้ วยหน่ วยพืน้ ฐานที่ เล็กที่สุดที่
เรียกว่ า “เซลล์ (cell)” โดยภายในเซลล์ ประกอบรปด้ วยโมเลกุล
ของสารเคมีหลายชนิด เข่ น น้า แร่ ธาตุ คาร์ โบรฮเดรต โปรตีน เป็ น
ต้ น
4
เคมีที่เป็ นพืน้ ฐานของสิ่ งมีชีวติ
➢ ร่ างกายของ สิ่ งมีชีวต
ิ กับสารเคมี เกีย่ วข้องกันอย่างรร ?
เซลล์ ซึ่ ง เป็ นหน่ ว ยพื้น ฐานที่ เ ล็ ก ที่ สุ ด ของสิ่ ง มี ชี วิ ต เกิ ด จาก
โมเลกุ ล ของสารเคมี ห ลายชนิ ด ทั้ ง ที่ เ ป็ นสารอนิ น ทรี ย์ และ
สารอิน ทรี ย์ โดยโมเลกุล เหล่ านั้ น จะเกิดจาการอะตอมของธาตุ
ต่ าง ๆ มายึดเหนี่ยวกันด้ วยพันธะเคมีจนเกิดเป็ นโมเลกุล
5
อะตอม ธาตุและสารประกอบ
7
อะตอม (atom)
อะตอม คือ เป็ นอนุภาคหรือสิ่ งทีเ่ ล็กทีส่ ุ ดของธาตุ เช่ น ธาตุ
ออกซิเจนมีอะตอมของออกซิเจนเป็ นอนุภาคทีเ่ ล็กทีส่ ุ ดของธาตุ
อะตอม ประกอบรปด้ วย โปรตอน (proton) และนิวตอน
(neutron) จัดเรียงอยู่บริเวณกึง่ กลางของอะตอมเป็ น นิวเคลียส
ส่ วนอิเล็กตรอนเคลือ่ นที่รอบนิวเคลียสในระดับพลังงานต่ าง ๆ โดย
อิเล็กตรอนทีอ่ ยู่ในระดับพลังงานนอกสุ ดเรียกว่ า เวเลนซ์ อเิ ล็กตรอน
(valence electron)
อะตอม (atom)
เวเลนซอิเล็กตรอน
=
อะตอม (atom)
➢ สั ญลักษณ์ นิวเคลียร์ (nuclear symbol)
สั ญ ลั ก ษณ์ นิ ว เคลี ย ร์ คื อ เป็ นสั ญ ลั ก ษณ์ ข องธาตุ ที่ เ ขี ย นแสดง
รายละเอียดเกี่ยวกับเลขอะตอมและเลขมวล โดยเขียนเลขอะตอมรว้
มุมล่างซ้ ายและเลขมวลรส้ มุมบนซ้ ายของสั ญลักษณ์ ธาตุ
~โปรตอน+ วตรอ
-
-โปรตอน = &
นิ
สั ญลักษณ์ นิวเคลียร์
12 เลขมวล : 12
2 - เลข อะะตอมะ
เ
↳
เ กตรอ น 2
วตรอน 12 -62
อิ
นิ
ำ
ท่
ล็
ตัวอย่ าง สั ญลักษณ์ นิวเคลียร์ (อนุภาคมูลฐาน)
****
B=
·
C: 2
=
2
↑: /
2: 4
ห :5
↑2 8
22 8
n I g
P = =11
&: 17
n = 12
↑: 13
&: 13
-: 14
↑
แบบที่มีรอออน (ion)
1. รอออนบวก คือ อะตอมมีการให้ อเิ ล็กตรอน (e− ) ต้ องลบ (e− ) ออก
2. รอออนลบ คือ อะตอมมีการรับอิเล็กตรอน (e− ) ต้ องบวก (e− ) เข้ า
+
-
& P
-P = 13 &23- 11
exp e= 10
ทะ 12
24- 12
↑= 12 :' 2
&210 -
=12
P=9 บ @ มา
:
2:1 &
ท = 18
บ 2 มา
-
27 P
&
P= &
2 : 18
↳: ·
รั
รั
419 21/ 06/ 65
ธาตุและสารประกอบ
ธาตุ (Element) คือ สารบริ สุทธิ์ที่ประกอบด้ วยธาตุหรือ
สารชนิดเดียว รม่ สามารถแยกหรือสลายออกเป็ นสารอื่นรด้ อนุภาคที่
เล็กทีส่ ุ ดของธาตุเรียกว่ า อะตอม
ธาตุ(Element)
ถ้ าแบ่ งธาตุจากตารางธาตุ สามารถออกรด้ เป็ นสาม
พวกใหญ่ ๆ คือ โลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ
1. ธาตุโลหะ (Metal Elements)
ธาตุโลหะ ส่ วนใหญ่ มีสถานะเป็ นของแข็ง ผิวเป็ นมันวาว
เหนียวดึงเป็ นเส้ นและทุบเป็ นแผ่ นบางๆรด้ นารฟฟ้ า นาความร้ อน
ส่ วนใหญ่ มีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสู ง ยกเว้ นโลหะทีม่ ีสถานะ
เป็ นของเหลว คือ ปรอท (Hg) ซีเซียม (Cs) แฟรนเซียม (Fr)
ตัวอย่ างธาตุโลหะ เช่ น เหล็ก (Fe) ทองแดง (Cu) สั งกะสี (Zn)
2.ธาตุอโลหะ (Non-metal)
อโลหะ (Non-metal) อโลหะทีม่ ีสถานะเป็ นของแข็งจะ
เปราะ ผิวรม่ เป็ นมันวาวส่ วนใหญ่ มีจุดหลอมเหลวและจุดเดือดต่า
ยกเว้ น ธาตุคาร์ บอน มีจุดหลอมเหลวละจุดเดือดสู ง
ตัวอย่ างของธาตุอโลหะ เช่ น คาร์ บอน (C) กามะถัน (S)
ออกซิเจน (O) รฮโดรเจน (H) เป็ นต้ น
3.ธาตุกงึ่ โลหะ (Metalloid)
ธาตุกงึ่ โลหะ (Metalloid) เป็ นธาตุทมี่ ีท้งั โลหะและ
อโลหะ เป็ นของแข็งมันวาวเหมือนโลหะ แต่ เปราะเหมือนอโลหะ
และนารฟฟ้ารด้ เล็กน้ อย ธาตุกงึ่ โลหะจะนารฟฟ้ารด้ ดเี มื่อมี
อุณหภูมิสูงขึน้ เนื่องจากมีสมบัติเป็ นสารกึง่ ตัวนา
ตัวอย่ างธาตุกงึ่ โลหะ เช่ น โบรอน (B) ซิลกิ อน (Si) พลวง
(Sb) เทลลูเรียม (Te) อาร์ เซนิก (As) เป็ นต้ น
~
A mind map บท !
ที
ตารางแสดงตัวอย่ างชื่อธาตุสัญลักษณ์ ของธาตุ
ธาตุและสารประกอบ
ร่ างกายของมนุ ษย์ ประกอบรปด้ วย
ธาตุหลายชนิดในปริ มาณที่แตกต่ างกัน
โดยธาตุที่พบมากที่สุดในร่ างกาย รด้ แก่
↳ ธาตุ อ อกซิ เ จน มี ป ระมาณร้ อยละ 65
=
65 %. รองลงมา คื อ ธาตุ ค าร์ บอนประมาณ
·
H+ H
สารประกอบจะมีสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่ างจากสมบัติของธาตุที่
เป็ นองค์ ประกอบ เช่ น ความสามารถในการละลายน้า ความเป็ นกรด-
เบส การเกิ ด ปฏิ กิ ริ ย าทางเคมี และสารประกอบเป็ นสารบริ สุ ท ธิ์
ประกอบด้ ว ยอะตอมต่ า งชนิ ด กั น ดั ง นั้ น จึ ง สามารถแยกสลายให้
องค์ ประกอบรด้ เมื่อรด้ รับพลังงาน
NaCl -> เก
ลื
ข้ อแตกต่ างระหว่ างธาตุและสารประกอบ
ธาตุ สารประกอบ
- ประกอบด้ วยอะตอมของ - สารประกอบ ประกอบด้ วย
ธาตุเพียงชนิดเดียว เช่ น อะตอมของธาตุมากกว่ า 1
N , C ,O ชนิด เช่ น H2O, CO2
~ Nat ci
ใ
-
โลหะ อะ โลหะ บ
:
รั
ห้
พันธะเคมี (chemical bond)
1.1 พันธะรอออนิก (ionic bond)
+ -
พันธะโค พันธะรฮโดรเจน
เวเลนซ์ +
I
พันธะเคมี (chemical bond)
2.1 พันธะรฮโดรเจน
ร
ูคเ
วาเลน
#
&
+ ชะไฮโดรเ
-
น
&
-
H
ั้
พั
สารเคมีทเี่ ป็ นพืน้ ฐานของสิ่ งมีชีวติ
จากการศึ กษาพบว่ า เซลล์ ใ นร่ างกายของคนประกอบด้ วยสาร
หลายชนิด และสารเหล่ านีม้ ีปริมาณทีแ่ ตกต่ างกัน ดังนี้
4 18
สารเคมีที่เป็ นพืน้ ฐานของสิ่ งมีชีวติ
➢ สารอนินทรีย์ (inorganic
substance)
➢ สารอินทรีย์ (organic
substance)
เคมีในสิ่ งมีชีวติ ไ ม
ี 2 เ เ นประ
2. /
สารอินทรีย์ (inorganic substance)
&
สารอนินทรีย์
# (organic
คาร์ โบรฮเดรต
substance)
โปรตีน นา้
ลิพดิ แร่ ธาตุ
กรดนิวคลิอกิ
ป็
ม่
สารเคมีทเป็
ี นพืนฐานของ
สิงมีชวี ต
ิ
➢ สารอนิ นทรีย ์ (inorganic
-
สารประกอบที
substance)ไม่มธี าตุคาร ์บอน (C) เป็ น
องค ์ประกอบหลั ก
-
อ นท >ไ ม
นท ์
อิ
นิ
รี
ย์
รี
ย์
สารเคมีที่เป็ นพืน้ ฐานของสิ่ งมีชีวติ
➢ สารอินทรีย์ (organic substance)
สารประกอบทีม่ ีธาตุคาร์ บอน (C) และธาตุรฮโดรเจน (H)
เป็ นองค์ ประกอบหลัก ส่ วนใหญ่ มักจะอยู่ในรู ปโมเลกุลขนาด
ใหญ่ (Polymer) โดยจะมีหน่ วยย่ อยเล็ก ๆ เรียนว่ า
Monomer เช่ น คาร์ โบรฮเดรต , โปรตีน , รขมัน , และ
#
กรดนิวครีอกิ (สารพันธุกรรม)
สารอนินทรีย์ (inorganic substance)
นา้ (H2 O)
~<- นจะโตเวเลน
/- นธะไฮโดรเจ
พั
พั
/
1. นา้ (H2 O)
สารอนินทรีย์ (inorganic substance)
1. น้า (H2 O)
สารอนินทรีย์ (inorganic substance)
1. นา้ (H2 O)
➢ น้าเป็ นสารมีข้ัว เนื่องจากอิเล็กตรอนภายในโมเลกุลมีความหนาแน่ นที่รม่
เท่ า โดยที่อะตอมออกซิเจน (O) มีอิเล็กตรอนที่หนาแน่ นมากกว่ า มีประจุ
ลบ (-) ส่ วนอะตอมรฮโดรเจน (H) มีความหนาแน่ นที่น้อยกว่ า จึงมีประจุ
-
<
+Na
-
+
นา้ กับการเป็ นตัวทาละลาย
➢ สมบัตกิ ารมีข้วั และการเกิดพันธะรฮโดรเจนของนา้ ทาให้
สารมีข้วั สามารถละลายนา้ รด้ ดี และแตกตัวให้ รอออน
➢ ประโยชน์ :
- การนาสารเข้ าและออกจากเซลล์ If
-
#t
+++T
#
+
- การกาจัดของเสี ย
- การลาเลียงสารต่ าง ๆ รปยังเซลล์ ของสิ่ งมีชีวติ
สารอนินทรีย์ (inorganic substance)
1. นา้ (H2 O)
➢ นา้ มีสมบัตเิ ป็ นของเหลวทีอ่ ุณหภูมิห้อง
นา้ กับสารที่มีสมบัติรฮโดรฟิ ลิก และรฮโดรโฟบิก
อไ ช
• รฮโดรฟิ ลิก ⚫รฮโดรโฟบิก
-
Nask -Strate d
-
-
-
* *
ถื
ม่
สารในชีวติ ประจาวันที่มีสมบัติ รฮโดรฟิ ลิก และสารที่มี
สมบัติ รฮโดรโฟบิก มีอะรรบ้ าง ยกตัวอย่ าประกอบ??
*น
➢ สารทีม่ ีสมบัติรฮโดรฟิ ลิก เช่ น นา้ ตาลทราย เกลือแกง
นา้ ผึง้ ด่ างทับทิม สารส้ ม
➢ สมบัตริ ฮโดรโฟบิก เช่ น นา้ มันพืช รขมันสั ตว์ เนย ขีผ้ งึ้
มาร์ การีน
3 &
/
5 kg + =- 34.5XINDA
/
E
#gre
2188 ↳3 go
นา้ กับการดูดซับพลังงานความร้ อน
➢ นา้ มีความจุความร้ อนจาเพาะ (specific heat capacity)สู ง
น
1ก
1ke i
<
้ำ
น้ากับแรงโคฮีชันและแรงแอดฮีชัน
• เป็ นการลาเลียงนา้ ในพืช เกิดจากแรงดึงจากการคายนา้
• เกิดแรงยึดเหนี่ยวด้ วยพันธะรฮโดรเจน
- ระหว่ างโมเลกุลนา้ เรียกว่ า แรงโคฮีชัน(cohesion)
- ระหว่ างโมเลกุลนา้ กับพืน้ ผิว เรียกว่ า แรงแอดฮีชัน
(adhesion)
-> นธะไฮโดรเจ
พั
+
-
Hel == H + ·H
ประโยชน์ ของน้า
โต - วมก
&
&
=- สาม
ดี่
ลแค ลคา-
ลด
1
=2 C C
-C- 2-
/
double triple
single
หมู่ฟังก์ชั่น (functional group)
หมายถึง อะตอมหรือกลุ่มของอะตอมทีอ่ ยู่ในภายใน
โมเลกุลของสารอินทรีย์ ซึ่งจะทาให้ คุณสมบัตทิ างเคมีของ
สารอินทรีย์เปลีย่ นแปลงรป
อั
อั
อั
หมู่ฟังก์ ชั่น (functional
=สารประกอบไฮโดรคา บอ
group)
-
กรด
-&H
ฟ กโทสไ ร โ
ก โคส ส ไรโ บ
กาแ กโท
ซิสเ ท
&-
POR - ATR
#งาน mind
map
เ อ ง สารประกอบคา บอ นใน งม ว
น.75
บู
มี
พั
รื่
พั
ดี
รั
ลู
ชี
ล็
ร์
สิ่
ร์
ร์
ปฏิกริ ิยาเคมีของสารชีวโมเลกุล รด้ แก่
1. Condensation เป็ นปฏิกริ ิยาสั งเคราะห์ macromoleculer
จาก monomers เล็ก ๆ จานวนมาก และจะรด้ ผลผลิต H2 O เรียก
ปฏิกริ ิยาดังกล่าวนีว้ ่ า dehydration
-
107 ออก
&
dehydration
ปฏิกริ ิยาเคมีของสารชีวโมเลกุล รด้ แก่
2. Hydrolysis เป็ นปฏิกิริยาย่ อยสลาย macromoleculers ให้
เล็กลง เพือ่ ให้ สามารถผ่ านเข้ าสู่ เซลล์รด้
Hydrolysis
ปฏิกริ ิยาเคมีของสารชีวโมเลกุล รด้ แก่
2. Hydrolysis เป็ นปฏิกริ ิยาย่ อยสลาย macromoleculers ให้
เล็กลง เพือ่ ให้ สามารถผ่ านเข้ าสู่ เซลล์รด้
คาร์ โบรฮเดรต
(Carbohydrate)
คาร์ โบรฮเดรต (Carbohydrate)
➢ คาร์ โบรฮเดรต เป็ นคาร์ บอนทีอ่ มิ่ ตัวด้ วยนา้
➢ ประกอบด้ วย C,H,O มีอตั ราส่ วนของอะตอม H ต่ อ O เท่ ากับ
2 :1 และมี สู ตรโมเลกุลทัว่ รปเป็ น (CH2O)n โดย n มีค่าตั้งแต่
3 ขึน้ รป
➢ คาร์ โบรฮเดรต เป็ นสารอาหารสาคัญที่ให้ พลังงาน และทาหน้ าที่
เป็ นองค์ ประกอบของเซลล์ ต่าง
➢ คาร์ โบรฮเดรต เป็ นสารอาหารทีใ่ ห้ พลังงานตัวแรก (1 กรัม
ให้ พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่)
คาร์ โบรฮเดรต (Carbohydrate)
➢ คาร์ โบรฮเดรต (Carbohydrate) แบ่ งตามขนาดโมเลกุล
สามารถแบ่ งรด้ 3 ประเภท คือ
1.นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว (MONOSACCHARIDE)
มีคาร์ บอนเป็ นองค์ ประกอบ 3-7 อะตอม มีรสหวาน เป็ น
ผลึกสี ขาว ละลายนา้ รด้ แก่ รรโบส ดีออกซีรรโบส กลูโคส ฟรักโทส
และ กาแลกโทส
2.โอลิโกแซคคารรด์ (OLIGOSACCHARIDE)
นา้ ตาลโมเลกุลเล็ก ประกอบด้ วยนา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว
2-10
& โมเลกุ ล พบบ่ อ ยมากที ส
่ ุ ด
เย ล a disacchar
ว
2 โมเล
ดี่
กุ
คาร์ โบรฮเดรต (Carbohydrate)
➢ คาร์ โบรฮเดรต (Carbohydrate) แบ่ งตามขนาดโมเลกุล
สามารถแบ่ งรด้ 3 ประเภท คือ
3.นา้ ตาลโมเลกุลใหญ่ (POLYSACCHARIDE)
ประกอบด้ วยกลูโคส 100-1,000 โมเลกุล มาต่ อกันเป็ น
+
moor:
• ดีออกซีรรโบส (deoxyribose)
พบใน DNA *คล้ ายกับ รรโบสแต่
ออกซิเจนจะหายรป 1 อะตอม
สู ตรโมเลกุล C5 H10 O4
Monosaccharide (ที่มีจานวนคาร์ บอน 6 อะตอม) หรือ
เฮ็กโซส (hexose) สู ตรโมเลกุล C6 H12 O6
า บน
- ~
แอล เบ
ล่
ต้
ฟ่
Monosaccharide (ที่มีจานวนคาร์ บอน 6 อะตอม) หรือ
เฮ็กโซส (hexose) สู ตรโมเลกุล C6 H12 O6
• ฟรักโทส (Fructose)
ละลายรด้ ดีมากในน้า จึงทาให้ ตก
ผลึกรด้ ยาก เป็ นนา้ ตาลที่มี
รสหวานมากกว่ านา้ ตาลชนิดอื่น
พบใน นา้ ผึง้ และอสุ จิ (sperm)
Monosaccharide (ทีม่ ีจานวนคาร์ บอน 6 อะตอม) หรือ
เฮ็กโซส (hexose) สู ตรโมเลกุล C6 H12 O6
• กาแล็กโทส (Galactose)
รด้ มาจากการย่ อยนม ในร่ างกายรด้
จากการย่ อยแล็กโทส (lactose) และ
อาจพบรด้ ในปัสสาวะของหญิงมีครรภ์
(รม่ พบเป็ นอิสระในธรรมชาติ)
1. นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว (Monosaccharide)
➢ Monosaccharide (นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว) สามารถแบ่ ง
ออกรด้ เป็ น 2 กลุ่ม ตามหมู่ฟังก์ ชัน
Carbonyl R
group R R
&
aldehydes
• นา้ ตาลคีโตส (ketose) มีหมู่คาร์ บอนิลกลุ่ม คีโตน อยู่ทปี่ ลายโมเลกุล
เช่ น นา้ ตาลฟรักโทส ,รรบูโลส
ketones 4 - -" #
H
/
H
รั
นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ วสามารถแบ่ งรด้ เป็ น 2 ประเภท ตามหมู่ฟังก์ ชัน
* *--H
& R -- R
*
87
2. นา้ ตาลโมเลกุลเล็ก (Oligosaccharide)
➢ นา้ ตาลโมเลกุลเล็กประกอบขึน้ จากนา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว
ตั้งแต่ 2-10 โมเลกุล
➢ นา้ ตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide) เป็ นนา้ ตาลโมเลกุลเล็ก
ที่พบมากในธรรมชาติ
• นา้ ตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide) ประกอบด้ วยนา้ ตาลโมเลกุล
เดี่ยว (Monosaccharide) 2 โมเลกุล เชื่อมต่ อกันด้ วย
พันธะโคเวเลนต์ ที่เรียกว่ า รกลโคซิดิก (Glycosidic bond)
• นา้ ตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide) รด้ แก่ ซูโครส (sucrose)
มอลโทส (maltose) และ แล็กโทส (lactose)
2. นา้ ตาลโมเลกุลเล็ก (Oligosaccharide)
➢ นา้ ตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide)
2
น้ า ตาลกลู โ คส + น้ า ตาลกลู โ คส
เชื่อมด้ วยพันธะรกลโคซิดิกแบบ & I
ก +ก -> ม
ไกลโค ซ ิ ก G -1
ติ
ลู
ลู
2. นา้ ตาลโมเลกุลเล็ก (Oligosaccharide)
➢ นา้ ตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide)
• มอลโทส (maltose) พบรด้ ในเมล็ดข้ าวมอลต์ ที่กาลังงอก
และรด้ จาการย่ อยสลายแป้งด้ วยนา้ ย่ อยอะรมเลส
2. นา้ ตาลโมเลกุลเล็ก (Oligosaccharide)
ก
7
ก > มอล ไซ
2. นา้ ตาลโมเลกุลเล็ก (Oligosaccharide)
➢ นา้ ตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharide)
418
• แล็กโทส (lactose) พบรด้ ในนา้ นมของสั ตว์ เลีย้ งลูก
6 ก.ค. 6
ด้ วยนม
นธ ะไก ลโค
!
รั
ชิ
พั
ลู
ลู
ลู
ชู
3.นา้ ตาลโมเลกุลใหญ่ (Polysaccharide)
➢ เป็ นคาร์ โบรฮเดรตที่มขี นาดใหญ่ ประกอบด้ วย
monosaccharides (นา้ ตาลโมเลกุลเดีย่ ว) ตั้งแต่ 11 - 1,000
โมเลกุล เชื่อมต่ อกันด้ วยพันธะรกลโคซิดกิ (glycosidic bone)
➢ มีสูตรโมเลกุล (C6 H10 O5 )n
➢ Polysaccharide สามาแบ่ งรด้ เป็ น 2 กลุ่ม รด้ แก่ พอลิแซคคารรด์
สะสม (Storage polysaccharides) เช่ น แป้ง (starch) ,
ต รกลโคเจน (glycogen) และ พอลิแซคคารรด์โครงสร้ าง
-
4
* 1-
3.นําตาลโมเลกุลใหญ่ (Polysaccharide)
พอลิแซคคาไรด์ โครงสร้ าง (Structural polysaccharides)
4. ไคทิน (chitin) มีโครงสร้ างคล้ายกับ Cellulose ต่ างกันทีว่ า
หน่ วยย่ อยเป็ น N-acetylglucosamine ต่ อกันเป็ นโมเลกุล
สายยาว ไม่ มีกงก้
ิ าน พบในผนังเซลล์รา กระดองปู
เปลือกกุ้ง แมลง ร่ างกายย่ อยสลายไม่ ได้
3.นําตาลโมเลกุลใหญ่ (Polysaccharide)
พอลิแซคคาไรด์ โครงสร้ าง
(Structural polysaccharides) อืน ๆ ได้ แก่
• เพกติน (pectin) พบในผลไม้ สุก หัวผักกาด
ต้ นอ่อนของพืชสี เขียว และ ด้ านในของเปลือกส้ มโอ
106
3.นําตาลโมเลกุลใหญ่ (Polysaccharide)
พอลิแซคคาไรด์ โครงสร้ าง
(Structural polysaccharides) อืน ๆ ได้ แก่
• เพปทิโดไกลแคน (peptidoglycan) พบเฉพาะในผนังเซลล์
ของแบคทีเรียเท่ านัน
107
ร
นําตาลซุโครส
สารละลายเบเนดิกซ์ (Cu2 O) สี ฟ้า เมือนําไปทดสอบนําตาล จะเปลียนจากสี
ฟ้า เป็ น สี ส้มหรือตะกอนสี แดงอิฐ
+ตะกอน เรียกนําตาลเหล่านีว่ า reducing sugar
&
1 - of
ก บ
โต
ด
อิ
ลู
การทดสอบคาร์ โบไฮเดรต (ทดสอบนําตาล)
นําตาลซูโครส (non – reducing sugar) จะทําปฏิกริ ิยากับ
สารละลายเบเนดิกซ์ (Cu2 O) ได้ เมือนําไปต้ มกับกรดเจือจางก่อน
จากนันจะให้ ผลเป็ น ตะกอนอิฐสี แดง
การทดสอบคาร์ โบไฮเดรต (ทดสอบแป้ง)
สารละลายไอโอดีนมีสีนําตาลเหลือง ถ้ านําไปทดสอบแป้ง
(อะไมโลส) สารนันเปลียนจากสี นาตาลเหลื
ํ อง เป็ นสี นําเงินเข้ มหรือ
สี ม่วงแกมนําเงิน
การทดสอบคาร์ โบไฮเดรต (ทดสอบแป้ ง)
สารละลายไอโอดีนมีสีนําตาลเหลือง ถ้ านําไปทดสอบแป้ง
(อะไมโลเพกติน) สารนันเปลียนจากสี นําตาลเหลือง
เป็ นสี ม่วงแดง
สารละลายไอโอดีนมีสีนําตาลเหลือง ถ้ านําไปทดสอบ
ไกโคเจน สารนันเปลียนจากสี นําตาลเหลือง เป็ นสี แดง
หน้ าทีของ คาร์ โบไฮเดรต
• Sugars :
–ทําหน้ าทีให้ พลังงานและเป็ นแหล่ งคาร์ บอนแก่ สิงมีชีวติ
–ribose และ deoxyribose เป็ นองค์ ประกอบของ nucleic acid( กรด
นิวคลีอกิ )
• Polysaccharide :
–เป็ นแหล่ งสะสมพลังงานของสิ งมีชีวติ โดยพืชเก็บสะสมพลังงาน
ในรู ปของ starch ส่ วนสั ตว์ เก็บสะสมพลังงานในรู ปของ glycogen
–Cellulose และ chitin เป็ นโครงสร้ างของพืชและสั ตว์
หน้ าทีของ คาร์ โบไฮเดรต
• Sugars :
–ทําหน้ าทีให้ พลังงานและเป็ นแหล่ งคาร์ บอนแก่ สิงมีชีวติ
–ribose และ deoxyribose เป็ นองค์ ประกอบของ nucleic acid( กรด
นิวคลีอกิ )
• Polysaccharide :
–เป็ นแหล่ งสะสมพลังงานของสิ งมีชีวติ โดยพืชเก็บสะสมพลังงาน
ในรู ปของ starch ส่ วนสั ตว์ เก็บสะสมพลังงานในรู ปของ glycogen
–Cellulose และ chitin เป็ นโครงสร้ างของพืชและสั ตว์