Professional Documents
Culture Documents
ผลของฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนในการเหนี่ยวนำ
ผลของฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนในการเหนี่ยวนำ
ผลของฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนในการเหนี่ยวนำ
ธันธร ด่านกระโทก
ถิรธวัช นิลแก้ว
ปัญหาพิเศษนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา
ตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสัตวศาสตร์
คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์
ปีการศึกษา 2566
เรื่อง ผลของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในการเหนี่ยวนำการเป็นสัดในโคเนื้อ
The effect of progesterone administration on estrus induction
in beef cattle
ชื่อผู้เขียน นายธันธร ด่านกระโทก รหัสนักศึกษา 65222310029-4
นายถิรธวัธ นิลแก้ว รหัสนักศึกษา 65222310017-6
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (สาขาสัตวศาสตร์)
สาขา สัตวศาสตร์
คณะ เกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดวงสุดา ทองจันทร์
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม อาจารย์ ดร.อุดมศักดิ์ นพพิบูลย์
ปีการศึกษา 2566
คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
วิทยาเขตสุรินทร์ อนุมัติให้ปัญหาพิเศษนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต
สาขาสัตวศาสตร์
คณะกรรมการสอบปัญหาพิเศษสัตวศาสตร์
…………………………………………………….ประธานกรรมการ
(ผู้ช่วยศาสตราจารย์พีรกูร อนุชานุรักษ์)
…………………………………………………….กรรมการ
(อาจารย์ ดร.อุดมศักดิ์ นพพิบูลย์)
…………………………………………………….กรรมการและเลขานุการ
(อาจารย์สัตวแพทย์หญิงดวงสุดา ทองจันทร์)
……………………………………………………… ………………………………………………………
(ผู้ช่วยศาสตราจารย์พีรกูร อนุชานุรักษ์) (อาจารย์ทรงยศ กิตติชนม์ธวัช)
หัวหน้าสาขาสัตวศาสตร์ คณบดีคณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี
วันที่….เดือน………………พ.ศ………… วันที่….เดือน……………………พ.ศ………….
ก
บทคัดย่อ
เรื่อง ผลของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในการเหนี่ยวนำการเป็นสัดในโคเนื้อ
The effect of progesterone administration on estrus
induction in beef cattle
ชื่อผู้เขียน นายธันธร ด่านกระโทก รหัสนักศึกษา 65222310029-4
นายถิรธวัช นิลแก้ว รหัสนักศึกษา 65222310017-6
ชื่อปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต (สาขาสัตวศาสตร์)
สาขา สัตวศาสตร์
คณะ เกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี
อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดวงสุดา ทองจันทร์
อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม อาจารย์ ดร.อุดมศักดิ์ นพพิบูลย์
ปีการศึกษา 2566
คำสำคัญ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน อัตราการผสมติด อัตราการตั้งท้องโค
การศึกษาในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการเหนี่ยวนำการเป็นสัด
และกำหนดเวลาในการผสมเทียมของโค และประเมินอัตราการตั้งท้องหลังการเหนี่ยวนำโดยใช้
ฮอร์โมนโดยการวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design ; CRD)
โดยใช้โคทั้งหมด 15 ตัว โดยแบ่งกลุ่มการทดลองเป็น 3 กลุ่มการทดลอง กลุ่มทดลองละ 3 ซ้ำ ซ้ำละ
5 ตัว กลุ่มการทดลองที่ 1 กลุ่มควบคุม กลุ่มการทดลองที่ 2 กลุ่มใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (CIDR-B)
ระยะเวลา 7 วัน กลุ่มการทดลองที่ 3 กลุ่มใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (CIDR-B) ระยะเวลา 10 วัน
จากการศึกษาสังเกตอาการเป็น สัดโดยใช้ฮฮร์โ มนโปรเจสเตอโรนเป็นตัว เหนี่ยวนำพบว่า กลุ่ ม
การทดลองที่ใช้ฮอร์โมน 7 วัน (T2) แสดงอาการเป็นสัดชัดเจนที่สุดทั้ง 3 กลุ่มการทดลอง มีความ
แตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (P>0.05) ขนาดรังไข่ก่อนใช้ฮอร์โมนในการเหนี่ยวนำพบว่า
ขนาดรังไข่ข้างซ้ายและขวา ของทั้ง 3 กลุ่มการทดลอง มีความแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญ
(P>0.05) อัตราการตั้งท้องพบว่า การตั้งท้องทั้ง 3 กลุ่มการทดลอง มีความแตกต่างกันอย่างไม่มี
นัยสำคัญ (P>0.05) ดังนั้นสรุปได้ว่า การใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ในการเหนี่ยวนำการเป็นสัดในโค
เหมาะกับการใช้ฮอร์โมน 7 วัน เพราะสามารถช่วยประหยัดเวลาได้
ข
ABSTRACT
TITLE The effect of progesterone administration on estrus
Induction in beef cattle
AUTHORS Mr. Thantorn Dankratoke ID 65222310029-4
Mr. Thiratawat Nilkreaw ID 65222310017-6
DEGREE Bachelor of Science (Animal Science)
MAJOR Animal Science
FACULTY Agriculture and Technology
ADVISER Ms. Duangsuda Thongchan (D.V.M)
CO- ADVISER Mr. Udomsak Noppibool, Ph.D.
ACADEMIC YEAR 2023
KEYWORDS Progesterone hormone, Conception rate, Pregnancy
rate cow
The purpose of this study is to study the induction of estrus
and Determine the time for artificial insemination of cattle. and evaluate the pregnancy
rate after hormone induction by planning a Completely Randomized Design (CRD) using
a total of 15 cows, divided into 3 experimental groups, 3 replicates per experimental
group. 5 each, experimental group 1, control group (T1), experimental group 2,
progesterone group (CIDR-B) (T2), duration 7 days, experimental group 3, progesterone
group (CIDR-B) (T3), duration. 10 days from a study observing the symptoms of estrus
using the hormone progesterone as an inducer, it was found that The 7-days hormone-
treated experimental group (T2) showed the most obvious estrus symptoms. All 3
experimental groups. There were not statistically significant different (P>0.05). The size
of the ovaries before using hormones for induction was found to be The sizes of the
left and right ovaries of the 3 experimental groups.There were not significantly different
(P>0.05). The pregnancy rate was found to be Pregnancy in the 3 experimental groups.
There were not statistically significant different (P>0.05). There fore, it can be
concluded that Using progesterone to induce estrus in cattle is suitable for using the
hormone for 7 days because it can save time.
ค
กิตติกรรมประกาศ
การจัดทำปัญหาพิเศษ เรื่องการศึกษาผลของฮอร์โ มนโปรเจสเตอโรนในการเหนี่ยวนำ
การเป็น สัดในโคเนื้อ ลุล่ ว งไปด้ว ยดี โดยความกรุณาและความช่ว ยเหลืออย่ างยิ่ งจาก อาจารย์
สัตวแพทย์หญิง ดวงสุดา ทองจันทร์ อาจารย์ที่ปรึกษาร่วม อาจารย์ ดร. อุดมศักดิ์ นพพิบูลย์ อาจารย์
ที ่ ป รึ ก ษาร่ ว ม ที ่ ใ ห้ ค ำปรึ ก ษา คำแนะนำในการทดลอง ตลอดจนตรวจการจั ด ทำแบบรู ป เล่ ม
ปัญหาพิเศษลุล่วงไปด้วยดี
ขอขอบคุณคณาจารย์สาขาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ทุกท่าน ที่ให้คำแนะนำและถ่ายทอดความรู้ในด้านต่างๆ
ทำให้สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอขอบพระคุณ สถานที่เก็บข้อมูล ณ สถานที่กลุ่มเลี้ยงโคเนื้อ อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์
ซึ่งได้อำนวยความสะดวกด้านสถานที่สำหรับทำปัญหาพิเศษในครั้ งนี้ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆ
และคณาจารย์ทุกท่านที่คอยให้กำลังใจและเป็นแรงผลักดันในการทำปัญหาพิเศษครั้งนี้จนสำเร็จลุล่วง
ไปด้วยดี
คณะผู้จัดทำปัญหาพิเศษ
ธันธร ด่านกระโทก
ถิรธวัธ นิลแก้ว
มิถุนายน 2567
ง
สารบัญ
เรื่อง หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย ก
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ ข
กิตติกรรมประกาศ ค
สารบัญ ง
สารบัญตาราง จ
สารบัญภาพ ฉ
บทที่ 1 บทนำ 1
1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา 1
1.2 วัตถุประสงค์ของปัญหาพิเศษ 2
1.3 ขอบเขตของปัญหาพิเศษ 2
1.4 สมมติฐานการทดลอง 2
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 3
บทที่ 2 ทฤษฎี แนวคิด การศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 4
2.1 การเลี้ยงโคเนื้อ 4
2.2 พันธุ์โคเนื้อ 5
2.3 ระบบสืบพันธุ์โคเนื้อ 7
2.4 การตรวจการเป็นสัดในโคเนื้อ 8
2.5 ฮอร์โมนเหนี่ยวนำการเป็นสัด 8
2.6 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 9
บทที่ 3 วิธีการทดลองและวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล 12
3.1 วัสดุและอุปกรณ์การทดลอง 12
3.2 ยาและเวชภัณฑ์ 12
3.3 ขั้นตอนการทดลอง 12
3.4 วิธีดำเนินการทดลอง 13
3.5 การเก็บรวบรวมข้อมูล 13
3.6 การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติและทดสอบสมมติฐาน 14
จ
สารบัญ (ต่อ)
เรื่อง หน้า
3.7 ระยะเวลาการทดลอง 14
3.8 พื้นที่ดำเนินการทดลอง 14
บทที่ 4 ผลการทดลอง 15
4.1 ขนาดของรังไข่ก่อนใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน 15
4.2 สังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ 16
4.3 อัตราการตั้งท้อง 16
4.4 ต้นทุนการผลิต 17
บทที่ 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 18
5.1 สรุปผล 18
5.2 อภิปรายผล 18
5.3 ข้อเสนอแนะ 19
เอกสารอ้างอิง 20
ภาคผนวก ก ชุดคำสั่งการวิเคราะห์ 21
ภาคผนวก ข การวิเคราะห์ความแปรปรวนของข้อมูลตามแผนการทดลองแบบสุ่ม 26
ภาคผนวก ค ภาพเกี่ยวกับการทดลอง 37
ประวัติผู้เขียน 50
ฉ
สารบัญภาพ
ภาพที่ หน้า
2.1 พันธุ์บรามันห์ 5
2.2 โคเนื้อพันธุ์ชาโรเล่ส์ 6
ภาพภาคผนวกที่
1 ยาบำรุง AD3E 38
2 ALBENDAZOLE 38
3 IVOMEC-F 39
4 ESTRUMATE 39
5 ปืนผสมเทียม 40
6 เครื่องอัลตราซาวด์ 40
7 ปืนสอด CIDR 41
8 แสดงการสอด CIDR 41
9 แสดงการฉีด PGF2α 42
10 แสดงการฉีดยาบำรุง 42
11 แสดงการกรอกยาถ่ายพยาธิ 43
12 แสดงการฉีดยาถ่ายพยาธิ 43
13 ภาพ Dominant follicle 44
14 ภาพแสดงการผสมเทียม 44
15 ภาพแสดงการตรวจท้อง 45
16 ภาพแสดงตัวอ่อนของโค 36
17 ขนาดรังไข่ 49
ช
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้า
4.1 ขนาดของรังไข่ (Ovary) ก่อนใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน 15
4.2 สังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ 16
4.3 อัตราการตั้งท้อง 17
4.4 ต้นทุนการผลิต 17
ตารางภาคผนวกที่
1 ตารางขนาดรังไข่ข้างซ้ายก่อนทำการทดลอง 27
2 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนของรังไข่ข้างซ้ายก่อนการใช้ฮอร์โมน
การเหนี่ยวนำการเป็นสัด 27
3 ตารางขนาดรังไข่ข้างขวาก่อนทำการทดลอง 28
4 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนของรังไข่ข้างขวาก่อนใช้ฮอร์โมน
การเหนี่ยวนำการเป็นสัด 28
5 ตารางสังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ 29
6 สังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ 30
7 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะการเป็นสัด การร้อง 30
8 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะการเป็นสัด กระวนกระวาย 30
9 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะการเป็นสัด ขึ้นขี่ตัวอื่น 31
10 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะอาการยืนนิ่ง 31
11 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะอวัยวะเพศบวมแดง 31
12 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะเมือกไหล 32
13 ตารางแสดงการตรวจท้อง 33
14 แสดงอัตราการตั้งท้อง 33
15 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนของการตั้งท้อง 34
16 ตารางแสดงต้นทุนการผลิต กลุ่มควบคุม 34
17 ตารางแสดงต้นทุนการผลิต กลุ่มที่ใช้ฮอร์โมน (CIDR) 7 วัน 35
18 ตารางแสดงต้นทุนการผลิต กลุ่มที่ใช้ฮอร์โมน (CIDR) 10 วัน 35
19 ตารางแสดงต้นทุนการผลิต 36
20 การเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของต้นทุนการผลิต 36
บทที่ 1
บทนำ
1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
กรมปศุสัตว์ (มปป.) กล่าวว่า โคพันธุ์ชาร์โลเล่ส์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสมีสีขาวครีม
ตลอดทั้งตัว รูปร่างลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขาสั้น ลำตัวกว้าง ยาว และลึก มีกล้ามเนื้อตลอดทั้งตัว
นิสัยเชื่อง เป็นโคที่มีขนาดใหญ่มากเพศผู้เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักประมาณ 1,100 กิโลกรัม เพศเมีย
700-800 กิ โ ลกรั ม ข้ อ ดี ข องการเลี ้ ย งโคพั น ธุ ์ ช าร์ โ ลเล่ ส ์ ค ื อ มี ก ารเติ บ โตเร็ ว ซากมี ข นาดใหญ่
มีไขมันแทรก เป็นที่ต้องการของตลาดเนื้อโคคุณภาพดี เหมาะที่จะนำมาผสมกับแม่โคบราห์มันหรือ
ลูกผสมบราห์มันเพื่อนำมาเลี้ยงเป็นโคขุน
กรมปศุสัตว์ (มปป.) กล่าวว่าโคสาวจะเป็นสัด เมื่ออายุประมาณ 12-18 เดือน ถ้าเลี้ยงไม่ดีจะ
เป็นสัดช้ากว่านี้ แต่เราควรผสมครั้งแรกเมื่ออายุ 15-24 เดือน แม่โคหลังคลอดจะเป็นสัดครั้งแรก
ประมาณ 25-30 วัน แต่เราควรผสมโคตัว เมียหลังคลอดแล้ว อย่างน้อย 60 วัน เพราะโคตัว เมีย
ต้องการเวลาฟื้นตัวเองหลังคลอด และการผสมจะได้ผลสูงในการเป็นสัดครั้งที่ 2 หรือ 3 การผสม
ไม่ติดเป็น ปัญหาสำคัญ ซึ่งมีส าเหตุมากมายที่เ กษตรกรและป้ อ งกัน ไว้ ก่ อน ได้แก่ ผอมเกิ น ไป
ขาดอาหารทำให้การทำงานของระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ โคส่วนมากจะเกิดจากสาเหตุนี้ โคอ้วนเกินไป
ไขมันสะสมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์มาก ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล มดลูกมีการอักเสบติดเชื้อ
เป็นสัดเงียบ ทำให้เกษตรกรไม่ทราบหรือไม่แน่ใจว่าโคเป็นสัด
พีรพัฒน์ และคณะ (2563) กล่าวว่าการเหนี่ยวนำการเป็นสัด โดยการใช้โปรเจสเตอโรน
โดยการจําลองภาวะที่เหมือนกับการที่โคเนื้อใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไว้ระยะหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อมี
การนำฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนออกไป สมองก็จะไม่ถูกกด และโคเนื้อจะเริ่มมีการพัฒนาวงรอบของ
การเป็น สัดตามมา (สุกัญญา และคณะ, 2558) การใช้ฮอร์โ มนโปรเจสเตอโรนจะสามารถใช้ได้
ทั้งในกรณีที่โคเนื้อมีการเป็นสัดที่ปกติ หรือในภาวะที่โคเนื้อไม่มีการพัฒนาของรังไข่ หรือภาวะที่รังไข่
ไม่ทำงาน ตัว อย่างฮอร์โ มนนี้ ได้แก่ (Controlled Internal Drug Release;CIDR) การเหนี่ยวนำ
การเป็นสัด โดยการใช้โปรเจสเตอโรนแบบอื่นเช่น CIDR ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเป็น 2 ชนิด คือ
CIDR และ CIDR-B (B-Estradiol Benzoate) เอสตราไดออลเบนโซเอต โดยฉีดฮอร์โมนEstradiol
Benzoate ในวันแรกเพื่อจัดรอบการเป็นสัดให้ได้ดีมากขึ้นหรือก่อนที่จะมีการนำ CIDR ออกจาก
ช่องคลอด อาจจะต้องใช้ฮอร์โมนพรอสตาแกลนดินฉีดก่อนที่จะถอดฮอร์โมนออก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มี
คอร์ปัสลูเทียมค้างอยู่และสามารถเหนี่ยวนำการเป็นสัดได้ตามกำหนดที่ต้องการ
กรมปศุสัตว์ (2565) กล่าวว่าปัจจุบันการเลี้ยงโคเนื้อในประเทศไทยมีการเลี้ยงโคเนื้อเพิ่มขึ้น
ทุกปี จำนวนเกษตรกรและโคเนื้อ ในปี2565 มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อทั้งหมด จำนวน 1,413,395 ราย
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เขต 3 จำนวน 570,393 ราย (ร้อยละ 40.36) รองลงมา คือ เขต 4 จำนวน
2
402,145 ราย (ร้อยละ28.45) และเขต 8 จำนวน 122,975 ราย (ร้อยละ 8.70) ตามลำดับ โดยมีการ
เลี้ยงโคเนื้อทั้งหมดจำนวน 9,394,111 ตัว ซึ่งในพื้นที่เขต 3 เลี้ยงโคเนื้อมากที่สุด จำนวน 3,122,426
ตัว (ร้อยละ 33.24) รองลงมา คือ เขต 4 จำนวน 2,144,673 ตัว (ร้อยละ 22.83) และ เขต 7 จำนวน
1,113,003 ตัว (ร้อยละ 11.85) ตามลำดับ จังหวัดสุรินทร์ มีการเลี้ยงโคเนื้ อมากที่ส ุด จำนวน
579,746 ตัว (ร้อยละ 6.17) รองลงมา คือ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 246,280 ตัว (ร้อยละ 5.17)
อุบลราชธานี จำนวน 195,278 ตัว (ร้อยละ 4.53) และศรีสะเกษ จำนวน 192,001 ตัว (ร้อยละ 4.45)
ตามลำดับ โคที่น ิย มเลี้ยงในประเทศไทยมีสายพันธุ์ห ลักๆอย่างเช่น โคพันธุ์ ลูกผสมชาร์โลเล่ส์
ลูกผสมบราห์มัน เป็นหลัก แต่ที่เลี้ยงมากที่สุดในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ จะเป็นลูกผสมชาร์โลเล่ส์
1.2 วัตถุประสงค์ของปัญหาพิเศษ
1.2.1 เพื่อศึกษาผลการเหนี่ยวนำการเป็นสัดและกำหนดเวลาในการผสมเทียมของโค
1.2.2 เพื่อประเมินอัตราการตั้งท้องหลังการเหนี่ยวนำโดยใช้ฮอร์โมรโปรเจสเตอโรน
1.3 ขอบเขตของปัญหาพิเศษ
1.3.1 ขอบเขตด้านเนื้อหา
1) ตัวแปรต้น
การเหนี่ยวนำการเป็นสัดด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่มีจำนวนวันที่ต่างกัน
1) กลุ่มที่ 1 ควบคุม
2) กลุ่มที่ 2 สอดฮอร์โมน CIDR เป็นเวลา 7 วัน
3) กลุ่มที่ 3 สอดฮอร์โมน CIDR เป็นเวลา 10 วัน
2) ตัวแปรตาม
1) อัตราการเป็นสัด (Exhibited estrus rate)
2) อัตราการผสมติด (Conception rate)
3) อัตราการตั้งท้อง (Pregnancy rate)
1.3.2 ขอบเขตด้านพื้นที่
กลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์
1.3.3 ขอบเขตด้านเวลา
ระยะเริ่มเก็บข้อมูลทั้งหมด ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 14 มกราคม
2567 ระยะเวลา 75 วัน
1.4 สมมติฐานการทดลองการเหนี่ยวนำฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมีผลให้มีการกลับสัดในโคมากกว่า
กลุ่มที่ไม่ได้ใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
3
1.5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.5.1 สามารถกำหนดเวลาในการผสมพันธุ์โคเนื้อ
1.5.2 ช่วยกำหนดระยะเวลาการเป็นสัดและเพิ่มอัตราการตั้งท้องในโคเนื้อให้มากขึ้น
1.5.3 ช่วยในการประหยัดเวลาและช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงโคเนื้อ
บทที่ 2
ทฤษฎี แนวคิด การศึกษาและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.1 การเลี้ยงโคเนื้อ
สุวิช (2558) การเลี้ยงโคเนื้อของประเทศไทยเท่ าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่จัดว่ าอยู่ใน
สภาพการผลิตที่ดีพอสมควร แม้ว่าปริมาณการบริโภคโคเนื้อของไทยเพิ่มขึ้น หากนับตามปริมาณ
การขออนุญาตฆ่า ในรำยงานของกรมปศุสัตว์ นั้น จะมีปริมาณเฉลี่ยเพียง 1.1 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
ซึ่งจัดว่าค่อนข้างจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับปริมาณโคใน ประเทศ ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันว่ามีปริมาณ
โคที ่ ถ ู ก ฆ่ า แต่ ท ี ่ ไ ม่ ไ ด้ ร ายงานอยู ่ ร าว 2.5 เท่ า ของปริ ม าณที ่ ร ายงาน ทั ้ ง หมดหากนั บ ส่ ว นนี้
เข้าไปร่ว มด้ว ย จะถือได้ว่ า คนไทยบริโ ภคเนื้อโคเฉลี่ยราว 2.85 กิโ ลกรัมต่อคนต่อปีเมื่อเที ย บ
กับสหรัฐอเมริกาที่บริโภคสูง ถึง 4.32 กิโลกรัมต่อคนต่อปีญี่ปุ่น 12.3 กิโลกรัมต่อคนต่อปีเกาหลีใต้
12.3 กิโลกรัม ต่อคนต่อปีและฟิลิปปินส์ 4.2 กิโลกรัมต่อคนต่อปีถือว่ าไทยมีปริมาณการบริโภคน้อย
มาก เมื่อเทียบกับประเทศ ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีโอกาสและสิ่งเอื้ออำนวยมากมาย
ที่จะเลี้ยงโคเนื้อ และแปรรูปผลิตภัณฑ์ จากโคเนื้อ ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้ามีการส่งเสริม
และสนับสนุนอย่างจริงจัง มีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่จะ เป็นตัวจำกัดการผลิตอย่างรวดเร็วและได้ผล
ซึ่งความสามารถในการเลี้ยงโคเนื้อของประเทศไทย มีความเป็นไปได้ สูงมาก ทั้งนี้เพราะหน่วยงาน
ของรัฐ บาลและเอกชนได้ร ่ว มมื อ กัน ดำเนินการผลิตสัตว์ส ่ง ออกต่ างประเทศอย่ า งเป็นรู ป ธรรม
ในปัจจุบัน ในหลาย ๆ ประเทศของภูมิภาคเอเชียได้มีการปรับปรุงและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต
โคเนื้อ ได้อย่างมาก มีการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในธุรกิจการผลิตสัตว์และอุตสาหกรรม
ที่ต่อเนื่องจากการผลิต สัตว์ เช่น อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เนื้อ อุตสาหกรรม
อาหารสัตว์ และอุตสาหกรรม เวชภัณฑ์สัตว์ เป็นต้น ซึ่งศักยภาพในการเลี้ยงสัตว์ของประเทศไทย
กัล ยกร (2565) กล่าวว่า สภาพการเลี้ย งและการตลาดโคเนื้ อ การเลี ้ยงโคเนื ้ อส่ว นใหญ่
เป็นฟาร์มขนาดเล็ก มีจํานวนโคเนื้อน้อยกว่า 29 ตัวต่อครัวเรือน (ร้อยละ 85.23) นิยมเลี้ยงแบบ
ขังคอกสลับปล่อยไล่ เลี้ยงมากที่สุด (ร้อยละ 62.46) ส่วนใหญ่เลี้ยงโคเนื้อพันธุ์ล ูกผสม (ร้อยละ
95.38) เป็นพันธุ์ผสมระหว่างพันธุ์บราห์มันกับพันธุ์ฮินดูบราซิลมากที่สุด รองลงมา คือ พันธุ์บราห์มัน
กับพันธุ์ชาร์โรเลส์ และพันธุ์บราห์มันกับพันธุ์พื้นเมือง ใช้วิธีการผสมพันธุ์โดยใช้พ่อพันธุ์ผสม/ผสมจริง
(ร้อยละ 51.02) และส่วนใหญ่ให้อาหารหยาบอย่างเดียว (ร้อยละ92.92) มีการทําแปลงพืชอาหารสัตว์
(ร้อยละ 57.54) และมีการเก็บหรือซื้อพืชอาหารสํารองเป็นส่วนใหญ่ (ร้อยละ 85.23) คือ ฟางข้าว
ส่วนใหญ่มีการฉีดวัคซีนให้โคเนื้อ (ร้อยละ 74.15) มีการถ่ายพยาธิอย่างสม่ ำเสมอ (ร้อยละ 76.62)
เฉลี่ย 6 เดือนต่อครั้ง อย่างไรก็ตามพบว่า การเจาะเลือดเพื่อตรวจโรคแท้งติดต่อในโคเนื้อนั้ น
มีเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างสูงที่ไม่ได้รับการเจาะเลือดตรวจ (ร้อยละ 63.08) และเมื่อโคเนื้อเจ็บป่วย
หรือมีปัญหาสุขภาพเกษตรกรส่วนใหญ่จะปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ (ร้อยละ 73.85)
5
ใช้โ คลูกผสมพื้ น เมื องเพศเมีย จำนวน 45 ตัว อายุ 3-5 ปี ให้ล ูกมาแล้ว 2-4 ตัว น้ำหนักเฉลี่ ย
350-450 กิโ ลกรัม ถูกจัดเข้า ในแผนการทดลองแบบสุ ่ มสมบูร ณ์ (Completely Randomized
Design;CRD) มี 3 กลุ่มการทดลอง ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เหนี่ยวนำด้วยวิธีการฉีดฮอร์โมน จำนวน 15 ตัว
กลุ่มที่ 2 เหนี่ยวนำด้วยวิธีการสอดแท่งฮอร์โมน (CIDR) จำนวน 15 ตัว และกลุ่มที่ 3 เหนี่ยวนำ
ด้วยวิธีการพันหางด้วยแผ่นฮอร์โมน (P-sync) จำนวน 15 ตัว ในวันแรกของการเหนี่ยวนำ (Day 0)
ฉีดฮอร์โมน Gonadotropin-Releasing Hormone (GnRH) ให้กับแม่โคในกลุ่มที่ 1 สอดแท่ง CIDR
เข้าช่องคลอดให้กับแม่โคในกลุ่ม ที่ 2 และพันหางด้วยแผ่น P-sync ให้กับแม่โคในกลุ่มที่ 3 ในวันที่ 7
ของขั้นตอนการเหนี่ยวนำถอดแท่งฮอร์โมนและแผ่น ฮอร์โมนออก แล้วฉีดฮอร์โมน Prostaglandin
F2alpha (PGF2α) จากนั ้ น ผสมเที ย มในชั ่ ว โมงที ่ 55 หลั ง จากฉี ด ฮอร์ โ มน PGF2α และตรวจ
การตั้งท้องในวันที่ 60 หลังจากผสมเทียมและตรวจท้องด้วยเครื่อง อัลตราซาวด์ ทำการเปรียบเทียบ
ข้ อ มู ล อั ต ราการตั ้ ง ท้ อ งในวั น ที ่ 60 หลั ง จากการผสมเที ย ม และคิ ด ค่ า เฉลี ่ ย ของการเป็ น สั ด
อัตราการตั้งท้อง และต้นทุนในการเหนี่ยวนำการเป็นสัด
บทที่ 3
วิธีการทดลองและวิธกี ารวิเคราะห์ข้อมูล
3.1 วัสดุและอุปกรณ์การทดลอง
3.1.1 วัสดุในการทดลอง
1) แท่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (CIDR)
2) ถุงมือยาว
3) หลอดฉีดยา ขนาด 5 ซีซี
4) หลอดฉีดยา ขนาด 10 ซีซี
5) เข็มฉีดยา เบอร์ 18
3.1.2 อุปกรณ์ในการทดลอง
1) เครื่องอัลตราซาวด์ดิจิตอล
2) ปืนสำหรับสอดซีด้า
3.2 ยาและเวชภัณฑ์
3.2.1 ฮอร์โมนพีจีเอฟทูอัลฟา (PGF2α)
3.2.2 ฮอร์โมนโกนาโดโทรปิน รีลิสซิงฮอร์โมน (GnRH: Receptal® )
3.2.3 ยาบำรุงวิตามินเอดี3อี (AD3 E)
3.2.4 ยาถ่ายพยาธิไอเวอร์เอฟ (Ivormec-F)
3.2.5 ยาถ่ายพยาธิอัลเบนดาโซล (Albendazole)
3.3 ขั้นตอนการทดลอง
3.3.1 คัดเลือกแม่โคพื้นเมืองที่ไม่มีปัญหาด้านระบบสืบพันธุ์ เช่น ภาวะถุงนํ้าที่รังไข่ มดลูก
อักเสบ เป็นต้น ทำการตรวจมดลูก และวัดขนาดของรังไข่
3.3.2 ถ่ายพยาธิก่อนทำการทดลองโดยวิธ ี การฉี ดไอเวอร์เ มคติน 1 ซีซี/น้ำหนักตัว 50
กิโลกรัม และกรอกยาใช้อัลเบนดาโซน 1 ซีซีต่อน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม และฉีดวิตามินตัวละ 5 ซีซี
ทำการปรับสภาพสัตว์เป็นเวลา 7 วัน ให้อาหารสัตว์ตามโปรแกรมอาหารข้น 1 กิโลกรัม/ตัว/วัน
อาหารหยาบ 7 เปอร์เซ็นต์ต่อน้ำหนักตัว
3.3.3 ทำการทดลองการเหนี่ยวนำฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนในแม่โค
กลุ่มที่ 1 ควบคุม ฉีดยาบำรุงถ่ายพยาธิ
กลุม่ ที่ 2 สอดแท่งฮอร์โมน CIDR เข้าทางช่องคลอดในวันที่ 0 ร่วมกับฉีด GnRH
ขนาด 10 มิลลิกรัม เข้ากล้ามเนื้อ และถอดแท่งฮอร์โมน CIDR ออกพร้อมกับฉีด PGF2 ขนาด 2 ซีซี
เข้าทางกล้ามเนื้อ (500 ไมโครกรัม) ในวันที่ 7 หลังจากนั้นสังเกตอาการเป็นสัดและทำการผสมเทียม
13
3.6 การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติและทดสอบสมมติฐาน
นำข้ อ มู ล ที ่ ไ ด้ จ ากการบั น ทึ ก ระหว่ า งการทดลองซึ่ ง ได้ แ ก่ ขนาดของรั ง ไข่ โดมิ แ นนท์
ฟอลลิเคิล ข้อมูลการผสมเทียม อัตราการผสมติด และอัตราการตั้งท้องนำมาวิเคราะห์ความแปรปรวน
(Analysis of variance ; ANOVA) ในแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized
Design ; CRD) และวิ เ คราะห์ เ ปรี ย บเที ย บค่ า เฉลี ่ ย ระหว่ า งกลุ ่ ม การทดลอง โดยใช้ โ ปรแกรม
Duncan’s New Multiple Range Test โดยใช้โปรแกรม SAS® OnDemand for academics
4.2 สังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ
การสังเกตการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นตัวเหนี่ยวนำ พบว่า กลุ่มการทดลอง
ที่ 2 แสดงอาการเป็นสัดชัดเจนที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 93.33 กลุ่มการทดลองที่ 3 แสดงอาการ
เป็ น สั ด โดยคิ ด เป็ น ร้ อ ยละ 90 และกลุ่ ม การทดลองที่ 1 แสดงอาการเป็ น สั ด ช้ า ที่ ส ุ ด คิ ด เป็ น
ร้อยละ 66.66 ดังนั้นการทดลองทั้ง 3 กลุ่มการทดลอง มีความแตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
(P>0.05) ดังแสดงในตารางที่ 4.2
ตารางที่ 4.2 สังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ
จำนวนที่โค (%) ที่แสดงอาการเป็นสัด
ลักษณะอาการเป็นสัด T1 T2 T3 SEM P-value
ร้อง 3 (60) 5 (100) 5 (100) 0.14 0.11
กระวนกระวาย 3 (60) 4 (80) 4 (80) 0.21 0.75
ขึ้นขี่ตัวอื่น 3 (60) 4 (80) 5 (100) 0.18 0.33
ยืนนิ่งให้ตัวอื่นขึ้นขี่ 4 (80) 5 (100) 5 (100) 0.11 0.39
อวัยวะเพศบวมแดง 4 (80) 5 (100) 4 (80) 0.16 0.61
มีน้ำเมือกไหลออกจากช่องคลอด 3 (60) 5 (100) 4 (80) 0.21 0.75
หมายเหตุ : โค 1 ตัวแสดงอาการเป็นสัดได้มากกว่า 1 อาการ
T1 กลุ่มควบคุม
T2 กลุ่มที่ใช้ฮอร์โมน (CIDR) 7 วัน
T3 กลุ่มที่ใช้ฮอร์โมน (CIDR) 10 วัน
4.3 อัตราการตั้งท้อง
อัตราการตั้งท้องโดยใช้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นตัวเหนี่ยวนำการเป็นสัดในโค ทั้ง 3 กลุ่ม
การทดลอง ซึ่งกลุ่มการทดลองที่ 2 มีอัตราการตั้งท้องมากที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์
กลุ่มการทดลองที่ 3 มีอัตราการตั้งท้อง คิดเป็นร้อยละ 40 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มการทดลองที่ 1
ที่แสดงอาการเป็นสัดช้าที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 20 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นอัตราการตั้งท้องทั้ง 3 กลุ่ม
การทดลอง มีความแตกต่างอย่างไม่มีนัยสำคัญ (P>0.05) แสดงในตารางที่ 4.3
17
1 data cow;
2 input trt rep bcs ovary1 ovary2;
3 cards;
4 1 1 4 26 37
5 1 2 3 20 43
6 1 3 4 20 21
7 1 4 4 21 33
8 1 5 3 26 24
9 2 1 4 32 18
10 2 2 3 33 34
11 2 3 4 23 36
12 2 4 3 29 32
13 2 5 3 29 32
14 3 1 3 33 17
15 3 2 3 26 17
16 3 3 3 15 30
17 3 4 4 16 21
18 3 5 4 21 34
19 ;
20 Proc anova data = cow;
21 Class Trt;
22 Model bcs ovary1 ovary2 = trt;
23 Means Trt/1sd;
24 runs;
23
data Pregnancy;
input Trt rep Pregnancy;
cards;
1 1 555.0
1 2 555.0
1 3 555.0
1 4 1297.0
1 5 1297.0
2 1 1297.0
2 2 1297.0
2 3 1297.0
2 4 1297.0
2 5 1297.0
3 1 1297.0
3 2 1297.0
3 3 1297.0
3 4 1297.0
3 5 1297.0
;
proc anova data = Pregnancy ;
class Trt;
model Pregnancy = Trt;
means Trt/duncan;
run;
24
data Pregnancy;
input Trt rep Pregnancy;
cards;
111
121
131
140
150
211
221
231
241
251
311
321
331
341
351
;
proc anova data = Pregnancy ;
class Trt;
model Pregnancy = Trt;
means Trt/duncan;
run;
25
data Pregnancy;
input Trt rep Pregnancy;
cards;
111
120
130
140
150
211
221
231
241
250
311
321
330
340
350
;
proc anova data = Pregnancy ;
class Trt;
model Pregnancy = Trt;
means Trt/duncan;
run;
ภาคผนวก ข
การวิเคราะห์ความแปรปรวนของข้อมูลตามแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์
(Completely Randomized Design ; CRD)
ด้วยวิธี Duncan,s New Multiple Range Test ; DMRT
27
ตารางภาคผนวกที่ 1 ตารางขนาดรังไข่ข้างซ้ายก่อนทำการทดลอง
กลุม่ ลำดับ อายุ(ปี) น้ำหนัก(KG) ขนาดรังไข่
ตารางภาคผนวกที่ 3 ตารางขนาดรังไข่ข้างขวาก่อนทำการทดลอง
กลุม่ ลำดับ อายุ(ปี) น้ำหนัก(KG) ขนาดรังไข่
ตารางภาคผนวกที่ 5 ตารางสังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ
กลุม่ ตัวที่ ร้อง กระวน ขึ้นขี่ ยืนนิ่ง อวัยวะ เมือก
กระวาย ตัวอื่น เพศบวมแดง
ควบคุม 1
2
3
4
5
CIDR 1
7 days 2
3
4
5
CIDR 1
10 days 2
3
4
5
30
ตารางภาคผนวกที่ 6 สังเกตอาการเป็นสัดโดยใช้ฮอร์โมนเป็นตัวเหนี่ยวนำ
จำนวนที่โค (%) ที่แสดงอาการเป็นสัด
ลักษณะอาการเป็น T1 T2 T3 SEM P-value
สัด
ร้อง 3 (60) 5 (100) 5 (100) 0.14 0.11
กระวนกระวาย 3 (60) 4 (80) 4 (80) 0.21 0.75
ขึ้นขี่ตัวอื่น 3 (60) 4 (80) 5 (100) 0.18 0.33
ยืนนิ่งให้ตัวอื่นขึ้นขี่ 4 (80) 5 (100) 5 (100) 0.11 0.39
อวัยวะเพศบวมแดง 4 (80) 5 (100) 4 (80) 0.16 0.61
มีน้ำเมือกไหลออก
จากช่องคลอด 3 (60) 5 (100) 4 (80) 0.21 0.75
Total 14 2.40000000
ตารางภาคผนวกที่ 10 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะอาการยืนนิ่ง
SOV df SS MS F P>F
Treatment 2 0.13333333 0.06666667 1.00 0.3966
Total 14 0.93333333
ตารางภาคผนวกที่ 11 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะอวัยวะเพศบวมแดง
SOV df SS MS F P>F
Treatment 2 0.13333333 0.06666667 0.50 0.6186
Total 14 1.73333333
ตารางภาคผนวกที่ 12 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนลักษณะเมือกไหล
SOV df SS MS F P>F
Treatment 2 0.13333333 0.06666667 0.29 0.7564
Total 14 2.93333333
ตารางภาคผนวกที่ 13 ตารางแสดงการตรวจท้อง
กลุม่ ตัวที่ ตรวจท้องที่อายุครรภ์ สรุปจำนวนท้อง
40 วัน 60 วัน (ตัว)
ควบคุม 1 ไม่ท้อง ไม่ท้อง 1
2 ไม่ท้อง ไม่ท้อง
3 ไม่ท้อง ไม่ท้อง
4 ไม่ท้อง ไม่ท้อง
5 ท้อง
CIDR 1 ตรวจซ้ำ ท้อง 4
7 days 2 ท้อง
3 ท้อง
4 ตรวจซ้ำ ท้อง
5 ไม่ท้อง ไม่ท้อง
CIDR 1 ไม่ท้อง ไม่ท้อง 2
10 days 2 ไม่ท้อง ไม่ท้อง
3 ตรวจซ้ำ ท้อง
4 ไม่ท้อง ไม่ท้อง
5 ท้อง
ตารางภาคผนวกที่ 14 แสดงอัตราการตั้งท้อง
จำนวนสัตว์ทดลอง (ตัว) 5 5 5
อัตราการผสมเทียม (ครั้ง) 5 5 5
การผสมติด (ตัว) 1/5 4/5 2/5
อัตราการตั้งท้อง (%) 20 80 40 0.21 0.17
34
ตารางภาคผนวกที่ 15 แสดงการวิเคราะห์ความแปรปรวนของการตั้งท้อง
SOV df SS MS F P>F
Treatment 2 0.93333333 0.46666667 2.00 0.1780
Total 14 3.73333333
ตารางภาคผนวกที่ 19 แสดงตารางต้นทุนการผลิต
รายการ T1 T2 T3 SEM P-value
จำนวนสัตว์ทดลอง (ตัว) 5 5 5
Estrumate 196 196
Lutalyse 96 96
ฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน(CIDR – B) 450 450
วิตามินเอดี3อี (AD3E) 70 70 70
ไอเวอร์เมกเอฟ (Ivormec-F) 150 150 150
อัลเบนดาโซน (Albendazole) 35 35 35
น้ำเชื้อโค 300 300 300
ต้นทุนค่าเวชภัณฑ์ (บาท) 555ข 1297ก 1297ก 0.001 <.0001
ภาพภาคผนวกที่ 2 ALBENDAZOLE
39
ภาพภาคผนวกที่ 3 IVOMEC-F
ภาพภาคผนวกที่ 4 ESTRUMATE
40
ภาพภาคผนวกที่ 5 ปืนผสมเทียม
ภาพภาคผนวกที่ 6 เครื่องอัลตราซาวด์
41
ภาพภาคผนวกที่ 11 แสดงการกรอกยาถ่ายพยาธิ
ภาพภาคผนวกที่ 12 แสดงการฉีดยาถ่ายพยาธิ
44
ภาพภาคผนวกที่ 14 ภาพแสดงการผสมเทียม
45
ภาพภาคผนวกที่ 15 ภาพแสดงการตรวจท้อง
46
ภาพภาคผนวกที่ 16 ภาพแสดงตัวอ่อนของโค
อายุครรภ์ 60 วัน
อายุครรภ์ 45 วัน
อายุครรภ์ 45 วัน
47
อายุครรภ์ 45 วัน
อายุครรภ์ 60 วัน
อายุครรภ์ 60 วัน
48
อายุครรภ์ 45 วัน
49
รังไข่ซ้าย รังไข่ขวา
กลุ่ม T1 กลุม่ T1
กลุ่ม T2 กลุม่ T2
กลุ่ม T3 กลุ่ม T3
ภาพภาคผนวกที่ 17 วัดขนาดรังไข่
50
ประวัติผู้เขียน
ชื่อ-นามสกุล นายธันธร ด่านกระโทก
รหัสนักศึกษา 65222310029-4
สถานที่ติดต่อ เลขที่ 130 หมู่ 7 บ้านหนองหญ้าวัว ตำบลก้านเหลือง
อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 31110
โทรศัพท์ 0625328252
E-mail Thantorn.da@rmuti.ac.th
Facebook Thantorn Dankratoke
ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2558 มัธยมตอนต้น โรงเรียน (เทศบาล1) ทีโอเอวิทยา
ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 31110
พ.ศ. 2561 มัธยมตอนปลาย โรงเรียน (เทศบาล1) ทีโอเอวิทยา
ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 31110
พ.ศ. 2564 วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีบุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 31000
พ.ศ. 2565 ปริญญาตรี สาขาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตสุรินทร์ เลขที่ 145 หมู่ 15
ถนน สุรินทร์ – ปราสาท ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
รหัสไปรษณีย์ 32000
51
ประวัติผู้เขียน
ชื่อ-นามสกุล นายถิรธวัช นิลแก้ว
รหัสนักศึกษา 65222310017-6
สถานที่ติดต่อ เลขที่ 123 หมู่ 8 บ้านตะเปียงกู ตำบลลำดวน
อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ รหัสไปรษณีย์ 32220
โทรศัพท์ 061-209-3733
E-mail thirathawat.ni@rmuti.ac.th
Facebook Max Thirathawat
ประวัติการศึกษา พ.ศ. 2562 สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ วิทยาลัยเกษตร
และเทคโนโลยีบุรีรัมย์ 67 หมู่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
รหัสไปรษณีย์ 31000
พ.ศ. 2564 สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง
วิทยาลัยเกษตร และเทคโนโลยีบุรีรัมย์ 67 หมู่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง
จังหวัดบุรีรัมย์ รหัสไปรษณีย์ 31000
พ.ศ. 2565 ปริญญาตรี สาขาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานวิทยาเขตสุรินทร์ เลขที่ 145 หมู่ 15
ถนน สุรินทร์ – ปราสาท ตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
รหัสไปรษณีย์ 32000