Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แนวโค้ง_ว30213-66
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แนวโค้ง_ว30213-66
ชื่อ.........................................................................................เลขที่...............ชั้น..................
บทที่ 7 การเคลื่อนที่แน โคง
7.1 การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล
7.1.1 ลัก ณะการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล
การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลเปนการเคลื่อนที่ของ ัตถุอยางอิ ระ เกิดขึ้นเมื่อแรงลัพธที่กระทำตอ ัตถุมีทิ ทางทำมุมใด
ๆ กับค ามเร็ ของ ัตถุตลอดเ ลา งผลใ ัตถุเคลื่อนที่เปนรูปโคงพาราโบลา เชน การข าง ัตถุทำมุมใด ๆ กับแน ระดับ
รือข าง ัตถุจากยอดตึก รือข าง ัตถุจาก นาผา ขณะที่ ัตถุเคลื่อนที่จะมีแรงดึงดูดของโลกกระทำตอ ัตถุนั้นตลอดเ ลา
โดยการเคลื่อนที่นั้นจะไดระยะทั้งในแน ระดับและในแน ดิ่ง เมื่อพิจารณาการทดลองเกี่ย กับการตกของ ัตถุ พรอมกับ
การดีดใ ัตถุนั้นกระเด็นออกไปพรอมกันจากจุดเดีย กัน ซึ่งอยูจากที่ ูงจากพื้นระดับ นึ่ง ดังรูปที่ 7.1 จากการทดลอง
พบ า
1. ัตถุที่ตกในแน ดิ่งมีการกระจัดในแน ดิ่ง 𝑠 เพียงแน เดีย ทำใ
การเคลื่อนที่เปนเ นตรง น ัตถุที่ถูกดีดมีการกระจัดทั้งในแน ดิ่ง 𝑠 และ
ในแน ระดับ 𝑠 ทำใ การเคลื่อนที่เปนทางโคงในแน ดิ่งแบบพาราโบลา
เรียก “การเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล”
2. ัตถุทั้ง องมีการกระจัดในแน ดิ่งเทากัน เพราะตกถึงพื้นพรอมกัน
และเ ลาที่ใชเทากัน
3. เมื่อไมคดิ แรงตานของอากา ัตถุทั้ง องมีแรงดึงดูดของโลกกระทำ
เพียงแรงเดีย มีค ามเรงในแน ดิ่งเทากันคือ 𝑔⃑
จะเ ็น าการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทลประกอบด ยการเคลื่อนที่ 2
แน พรอมกัน คือ แน ระดับและแน ดิ่ง ซึ่งพบ าค ามเร็ เริ่มตนในแน
ระดับไมมีผลตอการเคลื่อนที่ในแน ดิ่ง โดยดูจากการตกของ ัตถุที่ปลอย
และ ัตถุที่ดีด ณ จุดเริ่มตนเดีย กันจะตกถึงพื้นพรอมกัน แตถาดีดแรงตกไกล ดีดคอยตกใกล แ ดง าการเคลื่อนที่ในแน
ระดับไมมีผลตอการเคลื่อนที่ในแน ดิ่ง ดังนั้นจึงแยกคิดการเคลื่อนที่เปนอิ ระตอกัน 2 แน
7.1.2 การเคลื่อนที่ในแน ระดับของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล (แกน x)
ถาไมมีแรงตานอากา ขณะที่ ัตถุเคลื่อนที่อยูในอากา จะมีแรงดึงดูดของโลก (𝑚𝑔⃑) กระทำเพียงแรงเดีย เทานั้น โดย
ในแน ระดับแรงกระทำตอ ัตถุมีคาเปน ูนย ∑ 𝐹⃑ = 0 ดังนั้นค ามเรงในแน ระดับจะเปน ูนย รือ ัตถุมีการเคลื่อนที่ใน
แน ระดับด ยค ามเร็ คงตั นั่นเอง จึงได มการการเคลื่อนที่ในแน ระดับเ มือนกันกับการเคลื่อนที่ในแน ตรงดัง มการที่
(7.1)
𝒔 𝒙 = 𝒖𝒙 𝒕 …..(7.1)
เมื่อ 𝑠 คือ การกระจัดในแน ระดับ (m), 𝑢 คือ ค ามเร็ ในแน ระดับ (m/s), 𝑡 คือ ช งเ ลาของการเคลื่อนที่ (s)
7.1.3 การเคลื่อนที่ในแน ดิ่งของการเคลื่อนที่แบบโพรเจกไทล (แกน y)
เนื่องจากขณะ ัตถุเคลื่อนที่อยูในอากา จะมีแรงดึงดูดของโลกกระทำเพียงแรงเดีย (𝑚𝑔⃑) ค ามเรงของ ัตถุในแน ดิ่ง
𝑎 จะเทากับ 𝑔 การเคลื่อนที่ของ ัตถุแบบโพรเจกไทลในแน ดิ่งจะเ มือน ัตถุตกอยางอิ ระทุกประการ ดังนั้น มการการ
เคลื่อนที่ของ ัตถุในแน ดิ่งเปนดัง มการที่ (7.2)
𝟏 𝟏
𝒗𝒚 = 𝒖𝒚 + 𝒈𝒕 𝒔𝒚 = 𝒖𝒚 𝒕 + 𝟐 𝒈𝒕𝟐 𝒔𝒚 = 𝒗𝒚 𝒕 − 𝟐 𝒈𝒕𝟐
𝒖𝒚 𝒗𝒚
𝒔𝒚 = 𝟐
𝒕 𝒗𝟐𝒚 = 𝒖𝟐𝒚 + 𝟐𝒈𝒔𝒚 …..(7.2)
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 2
𝒖𝟐
ถาตองการข างใ ัตถุเคลื่อนที่ไปไกลที่ ุดตองทำมุม 45o จะได 𝒔𝒙,𝒎𝒂𝒙 = 𝒈
…..(7.7)
ค. าการกระจัด ูง ุดในแน ดิ่ง (𝒔𝒚 )
พิจารณาการเคลื่อนที่ในแน ดิ่ง จาก 𝑣 = 𝑢 + 2𝑎 𝑠
ณ จุด ูง ดุ ค ามเร็ แกน y เปน ูนย จะได า 0 = 𝑢 𝑠𝑖𝑛 𝜃 − 2𝑔𝑠
𝒖𝟐 𝒔𝒊𝒏𝟐 𝜽
จะไดการกระจัด ูง ุดในแน ดิ่ง 𝒔𝒚 =
𝟐𝒈
…..(7.8)
ง. ามุมยิงเมื่อกำ นดการกระจัดในแน ระดับและการกระจัด ูง ุดในแน ดิ่ง (𝜃)
𝒔𝒚 𝟏
าไดจาก 𝒔𝒙
= 𝒕𝒂𝒏𝜽
𝟒
…..(7.9)
แบบฝก ัด 7.1
1. A และ B เปนทรงกลมที่มีรั มีเทากัน แตม ลของ A เปน องเทาของม ลของ B ถาปลอย A ใ ตกลงในแน ดิ่ง พรอม ๆ
กับที่ข าง B ออกไปในแน ระดับดังรูป ขอใดตอไปนี้ถูกตองถาไมคำนึงถึงค ามตานทานของอากา
ก. A ตกถึงพื้นกอน B A
ข. A และ B ตกถึงพื้นด ยอัตราเร็ เทากัน B
ค. A ตกถึงพื้นพรอมกับ B แต A มีอตั ราเร็ กระทบพื้นมากก า B
ง. A ตกถึงพื้นพรอมกับ B แต A มีอตั ราเร็ กระทบพื้นนอยก า B
3. กอน ินถูกข างออกจาก นาผาในแน ระดับด ยค ามเร็ ตน 10 เมตรตอ ินาที กอน ินตกถึงพื้นดินในเ ลา 8 ินาที
กอน นิ ตก า งจากจุดข างในแน ระดับเทาใด
4. นักบา เกตบอลยิงลูกบา จากระยะ างจาก งในแน ราบ 5 เมตร ขณะที่ลูกเขา งพบ ามีค ามเร็ 10 เมตร/ ินาที
ทำมุม 60o กับแน ราบ จง าเ ลาที่ลกู บา เกตบอลใชในการเคลื่อนที่มาถึง งใน น ย ินาที
5. ข างลูกกอลฟออกจาก นา ตา งบานใ เคลื่อนออกไปด ยค ามเร็ 10 เมตรตอ ินาที ในทิ ทางทำมุม 60 อง ากับ
แน ราบ ลูกกอลฟตกถึงพื้นดินในเ ลา 2 ินาที ลูกกอลฟตกไดระยะทางในแน ราบกี่เมตร
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 5
8. ข า งลูกบอลจากที่ ูงออกไปในแน ราบด ยอัตราเร็ 3 เมตร/ ินาที เมื่อเ ลาผานไป 0.4 ินาที อัตราเร็ จะเปนเทาใด
และทิ ทางการเคลื่อนที่จะทำมุมเทาไรกับแน ระดับ
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 6
11. เครื่องบินทิ้งระเบิด บินในแน ระดับด ยค ามเร็ 200 เมตรตอ ินาที และ ูงจากพื้นดิน 2000 เมตร เมื่อทิ้งระเบิดที่ปก
ลงมา จง า
ก. ระเบิดตกไกลจากตำแ นงที่ทิ้งตามแน ระดับเทาไร
ข. ระเบิดกระทบพื้นดินด ยอัตราเร็ เทาไร
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 7
12. ลูกปนม ล 8 กรัม ยิงตรงไปยังทอนไมม ล 2 กิโลกรัม ซึ่ง างอยูบนขอบโตะพื้นลื่นที่ค าม ูง 0.8 เมตร เมื่อลูกปน
กระทบทอนไมและฝงในเนื้อไม ทอนไมเคลื่อนที่ ลนจากโตะและตกถึงพื้น างจากโตะ 2 เมตร จง าอัตราเร็ ของลูกปน
ใน น ยเมตร/ ินาที
13. นักเรียนคน นึ่งตองการโยนลูกบา จากค าม ูง 2 เมตร ใ ลง ง ูง 3 เมตร จากระยะ าง 3 เมตร โดยทำมุม 60
อง า กับแน ระดับดังรูป นักเรียนคนนี้จะตองโยนลูกบา เกตบอลด ยอัตราเร็ เทาใด
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 8
14. ลูก ินถูกยิงขึ้นจากพื้นราบด ยค ามเร็ ตน 40 เมตร/ ินาที ในแน ทำมุม 30 อง ากับแน ดิ่ง จง า าลูก ินจะถึงพื้นที่
ระยะ างจากจุดเริ่มตนเทาใด
15. ขีปนา ุธถูกยิงจากพื้นดินด ยค ามเร็ 60 เมตรตอ ินาที ในทิ ทำมุม 30 อง ากับแน ระดับ ขีปนา ุธนั้นลอยอยู ใน
อากา เปนเ ลานานเทาใดจึงจะตกถึงพื้น และขณะที่อยูตรงจุด ูง ุดนัน้ ูงจากพื้นดินเทาใด
16. ชายคน นึ่งยืนอยูบนพื้น นามราบ เขาข างลูกบอลไปในอากา ลูกบอลลอยอยูในอากา นาน 4 ินาที โดยไมคิดแรง
ตานของอากา ถาลูกบอลไปไดไกลในแน ระดับ 60 เมตร ค ามเร็ ที่ใชข างลูกบอลมีคาเทาไร
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 9
17. ถาโพรเจกไทลมีการกระจัด ูง ุดในแน ดิ่ง 10 เมตร และการกระจัดที่ไปไดไกล ุดในแน ระดับเทากับ 30 เมตร โพรเจก
ไทลนี้จะตองถูกยิงออกไปในแน ที่ทำมุมกี่อง ากับแน ราบ
18. กอน ินถูกข างขึ้นจากพื้นดินด ยค ามเร็ 28 เมตรตอ ินาที ในแน เอียงทำมุม 30 o กับพื้นดิน จง าค ามเร็ และ
ค าม ูงของกอน ินที่จุด ูง ุด ตอบตามลำดับ
19. กอน ินถูกยิงขึ้นจากพื้นดินด ยค ามเร็ 29.4 เมตรตอ ินาที ในแน เอียงทำมุม 30 อง ากับพื้นดิน (g=9.8 m/s 2) จง า
ก. ค ามเร็ และค าม ูงของกอน ินที่จุด ูง ุด
ข. เ ลาทั้ง มดที่กอน ินอยูในอากา
ค. กอน ินตกถึงพื้นด ยระยะทางไกลเทาใด
ง. จุด ูง ดุ างจากจุดตั้งตนเปนระยะทางเทาใด
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 10
𝟐𝝅
จะทำใ ไดอัตราเร็ เชิงมุม 𝛚=
𝑻
= 𝟐𝝅𝒇 …..(7.14)
ดังนั้นค าม มั พันธระ างอัตราเร็ เชิงเ นและอัตราเร็ เชิงมุมจึงเปน 𝒗 = 𝝎𝒓 …..(7.15)
7.2.2 แรง ู ูนยกลางและค ามเรง ู ูนยกลาง
การเคลื่อนที่แบบ งกลมจัดเปน นึ่งในการเคลื่อนที่แบบ 2 มิติ ใน
การเคลื่อนที่เปน งกลมที่จะทำการ ึก านั้น ขนาดค ามเร็ ของ ัตถุที่
เคลื่อนที่เปน งกลมจะมีคา คงที่ รือเทากันตลอดการเคลื่อนที่ เรียก
การเคลื่อ นที่ งกลมแบบนี ้ า “การเคลื่อ นที่เปนวงกลม ม่ำ เ มอ
(Uniform Circular Motion)” ลัก ณะการเคลื่อนทีแ่ บบ งกลมของ
ัตถุจะมีค ามเร็ ซึ่งมีทิ ัมผั กับเ นทางการเคลื่อนที่ของ ัตถุและมี รูปที่ 7.7 ทิ ทางของค ามเร็ แรง ู ูนยกลาง
ทิ ตั้งฉากกับแน รั มี งกลม แรงกระทำจะมีทิ ตั้งฉากกับค ามเร็ และค ามเรง ู ูนยกลาง
เ มอตลอดการเคลื่อนที่ ัตถุจะเคลื่อนที่ด ยขนาดของค ามเร็ คงที่ใน
แน งกลม แตยังคงมีค ามเรงเกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนทิ ทางของค ามเร็ ค ามเรงในการเคลื่อนที่แบบ งกลมจะมีทิ
ตั้งฉากกับเ น ทางการเคลื่อนที่ของ ัตถุและมีทิ พุงเขา ูจุด ูนยกลาง งกลมเ มอ เรียกค ามเรงนี้ า “ความเรง ูศูนยกลาง
(𝒂⃑𝒄 )” ดังรูปที่ 7.7
จากกฎการเคลื่อนที่ขอที่ 2 ของนิ ตัน ัตถุจะเปลี่ยนไปจาก ภาพเดิมเมื่อมีแรงที่ไมเทากับ ูนยมากระทำ แ ดง าแรง
ลัพธที่มากระทำตอ ัตถุที่เคลื่อนที่เปนแน โคงแบบ งกลมจะตองเปนแรง ู ูนยกลาง ดังนั้น มการของแรง ู ูนยกลางจะได
ดังนี้ ∑ 𝐹⃑ = 𝑚𝑎⃑
1 1
2 2
B
vAsin
2 v cos v cos
- 1 2 – 1
v sin
จากรูปที่ 7.8 ข. ในแน แกน x จะไมเกิดค ามเรง เนื่องจากขนาดและทิ ทางของค ามเร็ ไมเปลี่ยนแปลง แตใน
แน แกน y จะเกิดค ามเรงเนื่องจากทิ ทางของค ามเร็ เปลี่ยนไป จะได
( ( ))
𝑎=
( )( )
𝑎=
𝑎= เมื่อ 𝜃 เปนมุมเล็กมาก ๆ 𝑠𝑖𝑛𝜃 = 𝜃
จะได 𝑎 =
เมื่อ 𝜃 เปนมุมเล็กมาก ๆ ค ามเรง 𝑎 ที่เกิดขึ้นจะอยูในแน แกน y และมีทิ เขา ู ูนยกลาง ดังนั้นค ามเรงนี้จึง
𝒗𝟐
เปน ค ามเรง ู ูนยกลาง โดย 𝒂𝒄 =
𝒓
…..(7.16)
𝒎𝒗𝟐
และแรง ู ูนยกลาง 𝑭𝒄 =
𝒓
…..(7.17)
แบบฝก ัด 7.2.1-7.2.2
20. รถไตถังเคลื่อนที่ด ยอัตราเร็ ม่ำเ มอและ ิ่งครบรอบได 5 รอบ ใน 2 ินาที คาบและค ามถี่ของการเคลื่อนที่นี้จะมีคา
เทาใด
21. ตั ถุ นึ่งเคลื่อนที่แบบ งกลมในแน ระดับด ยอัตราเร็ เชิงมุมคงตั เมื่อเ ลาผานไป 2 ินาที ัตถุก าดมุมได 60 อง า
จงคำน ณคาบของการเคลื่อนที่
25. จากการเคลื่อนที่แบบ งกลมของ ัตถุ นึ่ง พบ าในช งเ ลา 1.5 ินาที มุมรองรับที่ ูนยกลางของ งกลมเปลี่ยนไป 30
อง า ถารั มีของการเคลื่อนที่เทากับ เมตร จงคำน ณ าอัตราเร็ เชิงเ น
27. ัตถุ นึ่งเคลื่อนที่แบบ งกลมรั มี 5 เมตร ด ยอัตราเร็ 15 เมตรตอ ินาที จง าค ามเรง ู นู ยกลางของ ัตถุ
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 14
29. ัตถุกอน นึ่งผูกเชือกยา 1 เมตร แล แก งใ เคลื่อนที่เปน งกลมด ยค ามถี่ 5 รอบตอ ินาที จง าค ามเรง ู
ูนยกลางของ ัตถุ
30. รถยนตม ล 1,200 kg กำลัง ิ่งด ยอัตราเร็ v เมตรตอ ินาที ขาม ะพานที่จุด ูง ุดของ ะพานโคงที่มีรั มีค ามโคงใน
ระนาบดิ่ง 12 เมตร จง าอัตราเร็ v ที่พอดีทำใ รถยนตเริ่ม ลุดจากค ามโคงของ ะพาน
31. ตั ถุกอน นึ่ง างอยูบนโตะซึ่ง มุนไดรอบแกนแน ดิ่ง างจากแกน มุน 0.05 เมตร ถา ัมประ ิทธิ์ของค ามเ ียดทาน
ระ างผิ ัตถุกับโตะมีคา 0.3 อยากทราบ าโตะ มุนไดเร็ ที่ ุดกี่รอบ/ ินาที ัตถุจึงยังไมกระเด็นจากโตะ
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 15
32. เ รียญ างอยูที่ระยะ 20 ซม. จากจุด ูนยกลางแผนเ ียง ถา ัมประ ิทธิ์ค ามเ ียดทาน ถิตระ างเ รียญและ
แผนเ ียงเปน 0.125 จง าจำน นรอบมากที่ ุดใน 1 ินาที ที่แผนเ ียง มุนแล เ รียญยังคงนิ่งเทียบกับแผนเ ียง
33. เ รียญ างอยูที่ระยะ 20 เซนติเมตร จาก ูนยกลางแผนเ ียง ถา ัมประ ิทธิ์ค ามเ ียดทาน ถิตระ างเ รียญและ
แผนเ ียงเปน 0.2 จง าจำน นรอบที่มากที่ ุดใน 1 ินาที ที่แผนเ ียงแล เ รียญยังคงอยูนิ่งเทียบกับแผนเ ียง (g=10
m/s2)
35. ตั ถุกลมเล็กอัน นึ่งมีม ล 5 กิโลกรัม างอยูจุดบน ุดของครึ่งทรงกลมตันรั มี 10 เมตร จง าอัตราเร็ ในแน ระดับที่
นอยที่ ุดที่จะทำใ ัตถุ ลุดออกผิ ทรงกลมโดยไมมกี ารเลื่อนไถลลงมาตามผิ ทรงกลม
36. ม ล m1 และ m2 เทากัน ตางเคลื่อนที่เปน งกลมบนโตะไมมีค ามฝด โดยมีเชือกผูกม ล อดเขารูบนโตะ ถารั มีใน
การเคลื่อนที่ ของม ล m1 เปน 3/4 เทาของรั มีในการเคลื่อนที่ของม ล m2 แตเชือกที่ผูกม ลทั้ง องมีค ามตึงเทากัน
พลังงานจลนของม ล m1 เปนกี่เทาของม ล m2
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 17
𝑚𝑔
37. ผูกเชือกยา 2 เมตร กับ ัตถุม ล 0.5 กิโลกรัม แล จับปลายเชือกอีกดานแก งในระนาบระดับด ยอัตราเร็ คงตั 4
เรเดียนตอ ินาที จง าแรงตึงเชือกขณะแก ง ัตถุ
38. ตั ถุม ล 0.5 กิโลกรัม ผูกเชือกยา 1 เมตร แก งเปน งกลมในแน ดิ่ง จง าแรงตึงเชือกทำมุม 60o กับแน ดิ่ง ถา
ขณะนั้น ัตถุมีอัตราเร็ 3 เมตรตอ ินาที
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 18
41. ในการแก งชุดการเคลื่อนที่ในแน งกลมรั มีใ จ ุกยางเคลื่อนที่ด ยอัตราเร็ คงตั ในแน ระดับ ปรากฏ าขณะนั้นเชือก
ทำมุม 20o กับแน ระดับตลอดเ ลา ถาขนาดน้ำ นักของขอเกี่ย โล ะและนอตที่ใชมีคา 1.2 นิ ตัน จง าแรง ู
ูนยกลางและค ามเรง ู ูนยกลางของจุกยาง
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 19
7.2.3 การเคลื่อนที่บนทางโคง
(1) การเคลื่อ นที ่ข องรถบนทางโค ง ราบ ขณะที่ร ถยนตก ำลั ง เลี ้ย โค ง
รถยนตเลี้ย โคงไดโดยที่รถยนตไมไถลออกนอกถนนเนื่องจากมีแรงเ ียดทาน
ระ างพื้นถนนกับยางรถ และแรงนี้จะมีทิ เขา ู ูนยกลางค ามโคงของถนน
โดยมีคาขึ้นอยูกับรั มีค ามโคงของถนนและอัตราเร็ ที่รถ ิ่ง เมื่อฝนตกถนนลื่น
แรงเ ียดทาน (แรง ู ูนยกลาง) จะลดลง ดังนั้นอัตราเร็ ของรถยนตจึงค รลดลง
ด ย เพื่อปองกันการเกิดอุบัติเ ตุ
จะได า แรงเ ียดทาน = แรง ู ูนยกลาง รูปที่ 7.9 การเคลื่อนที่บนทางโคง
𝑓 =𝐹
การ าอัตราเร็ ของรถ ูง ุดที่รถเขาโคงไดอยางปลอดภัย าไดจากค าม ัมพันธ
𝑓, =𝐹
𝜇𝑁 =
𝜇𝑚𝑔 = เมื่อ 𝑣 คือ อัตราเร็ (m/s)
𝜇 คือ ัมประ ทิ ธิ์ค ามเ ียดทานระ างพื้นถนนกับลอรถ
𝜇=
𝑟 คือ รั มีค ามโคงของถนน (m)
𝒗= 𝝁𝒓𝒈 …..(7.18) 𝑔 คือ ค ามเรงโนมถ งของโลก ( = 9.8 m/s2)
(2) การเคลื่อนที่ของรถบนทางโคงเอียง
ก. การเลี้ย โคงบนถนนระดับของรถจักรยานยนต รือรถจักรยาน ขณะที่แลนบนถนนระดับ จะมีแรงกระทำตอ
รถกับคนมากมายร มทั้งแรงเ ียดทานที่กระทำที่ลอใ รถเคลื่อนที่ไปขาง นาได ยังมี 𝑚𝑔 คือ น้ำ นักของรถและคน 𝑁 คือ
แรงที่พื้นกระทำตอรถและคน ในขณะที่แลนในแน ตรง และ 𝑓 คือ แรงเ ียดทานที่พื้นถนนกระทำกับดานขางของลอรถใน
ทิ เขา าจุด ูนยกลาง 𝐹 คือ แรงลัพธของแรง 𝑓 และ 𝑁 เมื่อแลนในแน โคง รือเอียง พิจารณาจากรูปที่ 7.10
(ก) (ข) (ค)
c.m. c.m. F c.m. F
mg mg mg
N N f N f
แบบฝก ัด 7.2.3
42. รถยนตคัน นึ่งม ล 1,200 กิโลกรัม แลนเลี้ย โคงบนถนนระดับ ซึ่งมีรั มีค ามโคง 60 เมตร ด ยอัตราเร็ 72 กิโลเมตร
ตอชั่ โมง รถจะเลี้ย โคงไดอยางปลอดภัย รือไม ถา
ก. ผิ ถนนแ ง และแรงเ ียดทานในทิ ทางเขา ู นู ยกลางมีคา ูง ุดเทากับ 10,000 นิ ตัน
ข. ผิ ถนนเปยก และแรงเ ียดทานในทิ ทางเขา ู นู ยกลางมีคา ูง ุดเทากับ 6,000 นิ ตัน
43. ถนนราบโคงมีรั มีค ามโคง 100 เมตร ถา ัมประ ิทธิ์ค ามเ ียดทานระ างถนนกับยางของรถคัน นึ่งเทากับ 0.4 รถ
คันนี้จะเลี้ย โคงด ยอัตราเร็ ูง ุดเทาใดจึงจะไมไถลออกนอกโคง
44. รถคัน นึ่งเลี้ย โคงบนถนนราบด ยรั มีค ามโคง 25 เมตร ถา ัมประ ิทธิ์ค ามเ ียดทาน ถิตระ างยางรถกับถนน
เปน 0.4 รถคันนั้นจะเลี้ย โคงด ยอัตราเร็ อยางมากที่ ุดเทาใดจึงจะไมไถล
45. รถคัน นึ่งกำลังเลี้ย โคงด ยอัตราเร็ ูง ุด 25 เมตร/ ินาที โดยมีรั มีค ามโคง 125 เมตร จง า ัมประ ิทธิ์ของ
ค ามเ ียดทานระ างถนนกับลอ
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 22
46. รถจักรยานยนตคัน นึ่งกำลังเลี้ย ด ยอัตราเร็ 10 เมตรตอ ินาที โดยมีรั มีค ามโคง 10 เมตร คนขี่จะตองเอียงรถทำ
มุมกับแน ระดับเทาไร
47. รถจักรยานยนตคัน นึ่งกำลังเลี้ย ด ยอัตราเร็ 10√3 เมตรตอ ินาที โดยมีรั มีค ามโคง 10√3 เมตร คนขี่จะตอง
เอียงรถทำมุมกับแน ระดับเทาไร
48. รถยนตคัน นึ่ง ิ่งบนทางโคงด ยอัตราเร็ 90 km/hr รั มีค ามโคงของถนน 500 m ค ามก างของถนน ัดตาม
แน ราบเทียบจุดต่ำ ุดของดานในได 8 m จะตองยกขอบถนนดานนอกใ ูงก าดานในเทาใด เมื่อรถ ิ่งบนทางโคงแล
ไมไถลออกนอกเ นทาง
49. ขณะที่รถเลี้ย โคงบนถนนราบด ยรั มีค ามโคง 245 m ลูกตุมซึ่งแข นในรถเอียงทำมุม 45o กับแน ดิ่ง ขณะนั้นรถ ิ่ง
ด ยอัตราเร็ กี่กิโลเมตรตอชั่ โมง (g=9.8 m/s2)
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 23
จาก 𝑣 = จะเ ็น า ดา เทียมที่มีรั มี งโคจรตางกันจะเคลื่อนที่ด ยอัตราเร็ เชิงเ นตางกัน การ งดา เทียมขึ้น
ไป ู งโคจรตาง ๆ รอบโลกนั้น ไดมีการกำ นดรั มี งโคจรไ กอน แล คำน ณ าแรง ู ูนยกลางที่กระทำกับดา เทียมและ
อัตราเร็ เชิงเ นใน งโคจรนั้น ๆ เมื่อยิงดา เทียมขึ้นไปจนมีค าม ูง รือรั มีของการโคจรตามตองการแล จึงปรับทิ ทาง
และอัตราเร็ ของดา เทียมเพื่อใ เขา ู งโคจรรอบโลกตามที่กำ นดไ เมื่อ ังเกตดา เทียม ื่อ ารจากพื้นโลก จะเ ็น
ดา เทียม ื่อ ารอยู ณ ตำแ นงเดิมตลอดเ ลา ที่เปนเชนนี้เพราะดา เทียม ื่อ ารมีคาบของการโคจรรอบโลกเทากับคาบ
การ มุนของโลกรอบตั เอง รืออัตราเร็ เชิงมุมของดา เทียม ื่อ ารเทากับอัตราเร็ เชิงมุมในการ มุนรอบตั เองของโลก
และการที่ดา เทียม ื่อ ารอยูที่ตำแ นงเดิมโดยไมเปลี่ยนแปลง ทำใ ถานีภาคพื้นดินและดา เทียม ามารถติดตอกันได
ตลอดเ ลา
แบบฝก ัด 7.2.4
50. ดา เทียมด ง นึ่งโคจร ูงจากผิ โลก 1,600 กิโลเมตร ถารั มีของโลกมีคา 6,400 กิโลเมตร และม ลของโลกมีคา
6x1024 กิโลกรัม จง าอัตราเร็ อัตราเรง และคาบของดา เทียม (กำ นดใ G=6.67x10-11 Nm2/kg2)
เอก ารประกอบการ อนวิชา 30213 ฟ ิก 13 เรื่อง การเคลื่อนที่แนวโคง โดยนางจิราพร ง ทอง นา 24
51. ขณะโลก มุนรอบตั เองพบ า ัตถุตาง ๆ ที่อยูบนผิ โลกเคลื่อนที่ด ยอัตราเร็ เชิงมุม 7.27x10-5 เรเดียน/ ินาที โลกมี
รั มี 6.37x106 เมตร ดา เทียม ื่อ ารด ง นึ่งอยู ูงจากผิ โลกเปน 5 เทาของรั มีโลก ดา เทียมด งนี้เคลื่อนที่ด ย
อัตราเร็ เชิงเ นเทาใด
52. ถารั มี งโคจรของดา เทียมด ง นึ่งเพิ่มเปน 4 เทา อยากทราบ าอัตราเร็ ของการโคจรจะเปนกี่เทาของอัตราเร็ เดิม
53. ดา เทียม A ม ล m โคจรรอบโลก โดยมีรั มี r ดา เทียม B ม ล 2m โคจรรอบโลก โดยมีรั มี 2r อัตรา นระ าง
อัตราเร็ เชิงเ นของดา เทียม A และ B มีคาเทาใด
*****************************************************