แนวข้อสอบ NETSAT 2

You might also like

Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 12

1

แนวขอ อบ NETSAT
1. อะตอม นุงมีเลขอะตอมเทากับ 6 จงเขียนการจัดเรียงอิเล็กตรอนในออรบิทัลของอะตอมนี้
ใน ภา ะพื้น

2. จากภาพแ ดงโครง รางอะตอมของธาตุชนิด นึ่ง ขอใดถูกตอง

1. จากการจัดเรียงอิเล็กตรอนในออรบิทัล อะตอมนี้ชอบที่จะใ อิเล็กตรอนออกไปมากก า ที่จะรับ


อิเล็กตรอนเขามา
2. กระบ นการในเ นทาง 1 เมื่ออิเล็กตรอนจากชั้น L เคลื่อนที่ไปยังออรบิทัลที่ างในชั้น K จะเกิดการ
คายรัง ีที่มีพลังงาน ูงออกมา
3. กระบ นการในเ นทาง 2 เมื่ออิเล็กตรอนจากชั้น K เคลื่อนที่ไปยังออรบิทัลที่ างในชั้น L จะเกิดการ
คายรัง ีที่มีพลังงานต่ำออกมา
4. ารประกอบไฮไดรดของธาตุนี้ เปนโมเลกุลมีขั้ และมี มบัติเปนเบ
2

3. ธาตุ X และ Y มีเลขอะตอมเทากับ 7 และ 8 ตามลำดับ ขอค ามใดกลา ถูกตอง


ก. ารประกอบไฮไดรดของธาตุ X และ Y มี มบัติเปนเบ และกรดตามลำดับ
ข. รูปรางโมเลกุลของ ารประกอบไฮไดรดของธาตุ X เปนรูปรางพีระมิดฐาน ามเ ลี่ยม
ค. ารประกอบไฮไดรดของธาตุ Y อะตอมกลางมีรูปรางไฮบริดออรบิทัลเปนทรงเ ลี่ยม ี นา
ง. ารประกอบไฮไดรดของธาตุ Y ประกอบด ยอิเล็กตรอนคูโดดเดี่ย 1 คู
(1) ก. ข และ ค เทานั้น (2) ก และ ง เทานั้น
(3) ข และ ค เทานั้น (4) ค. และ ง เทานั้น
4. ขอใดถูกตอง ากเติม ารละลาย 6 M NaOH ลงไปใน ารละลายผ มของ MgC2 และ AICl3
1. ไมเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เนื่องจากไอออนไฮดรอกไซดมีค ามแรงนอยก าไอออนคลอไรด จึงไม
ามารถไปแทนที่คลอไรดได
2. ไอออน Mg มีน้ำ นักอะตอมนอยก า AI จึงมีค าม องไ มากก า จึงเกิดตะกอนไฮดรอกไซดของ
Mg ตกลงมากอน
3. ไอออน Al มีขนาดเล็กและมีแรงดึงดูดจากประจุบ กที่นิ เคลีย มากก าไอออน Mg จึงเกิดตะกอน
ไฮดรอกไซดของ Al ตกลงมากอน
4. ไอออน Mg และไอออน Al จะเกิดแรงดึงดูดแบบไอออนิกกับไอออนไฮดรอกไซดเกิดเปนกอน
คลั เตอรผ มขนาดใ ญ
ใชขอมูลตอไปนี้ ตอบคำถามขอ 5-6
ารกอนิ่ ไดแก ไอออนของแคลเซียม ฟอ เฟต ออกซาเลต รือยูเรต ซึ่ง ากมีในปริมาณทีม่ ากจะ
ร มตั กันจนกลายเปนกอนผลึกแข็งและมีขนาดใ ญขึ้นจนกลายเปนนิ่ อุดตันบริเ ณทางเดินป า ะ ากนำ
กอนนิ่ แคลเซียมออกซาเลตมาละลายน้ำ จะพบ ามีค ามรอนเกิดขึ้นเล็กนอย ดังนั้นจึงค รระมัดระ ังในการ
เลือกรับประทานผักที่มีปริมาณแคลเซียมออกซาเลต (CaC2O4) ูงๆ มากเปนพิเ
5. ขอใดแ ดงผลการละลายที่ถูกตอง (ภาพแ ดงการเปรียบเทียบอัตรา นของโมลของ ารแตละชนิด)
3

6. ากตองการบริโภคผักที่มี CaC2O4(s) ูง ค รทำอา ารแบบใดจึงช ยลดปริมาณ ารกอนิ่


1. ลัดผักราดน้ำมันมะกอก 2. ผักดอง รือกิมจิผัก
3. ผักอบแ ง 4. ชาบู รือแกงจืดผัก
ใชขอมูลตอไปนี้ ตอบคำถามขอ 7 - 8
นำแก 2 ชนิดมาทำปฏิกิริยาในภาชนะปดอันเดีย กันที่อุณ ภูมิ อง ไดผลการทดลองดังภาพ

7. ทดลองซ้ำที่ ภา ะเดิม แตใช และ จำน น 6.02 x 1024 และ 3.01 x 1025 โมเลกุล
ตามลำดับ ขอใดเปนอัตรา นโดยโมลของแก เมื่อเกิดปฏิกิริยาอยาง มบูรณ

8. จงทำนายผลการทดลอง ากทำการทดลองซ้ำ ใชจำน นโมเลกุลตั้งตนของแก ทั้ง องเทาเดิมภาชนะเดิม


แตทำการทดลองที่อุณ ภูมิ 60 °C
1. เกิดการชนกันของแก มากขึ้น เกิดผลิตผล เร็ ขึ้นและมีปริมาณมากขึ้น เมือ่ เทียบกับ
การทดลองทีอ่ ุณ ภูมิ อง
2. แก มีพลังงานจลนมากขึ้น ฟุงกระจายมากขึ้น ชนกันนอยลง ทำใ เกิดผลิตผล
ชาและมีปริมาณนอยก าการทดลองทีอ่ ุณ ภูมิ อง
4

3. ค ามดันของแก เพิ่มขึ้น ปฏิกิริยาเกิดเร็ ขึ้น ไดผลิตผล เร็ ขึ้นแตยัง รุปไมได าเกิดผลิตผล


ปริมาณมากขึ้น รือนอยลง เมื่อเทียบกับการทดลองที่อุณ ภูมิ อง
4. พลังงานกอกัมมันตของปฏิกิริยาคงเดิม อุณ ภูมิเรงใ เกิดผลิตผล เร็ ขึ้น แตจะได
ผลิตผลในปริมาณที่เทาเดิม เทากับการทดลองทีอ่ ุณ ภูมิ อง
9. จัด อง อบใ มีเกาอี้ 50 แถ เ นระยะ างในแตละแถ ใ เทากัน ทำการปลอยแก องชนิดพรอมกัน
โดยในแถ ที่ นึ่งปลอยแก เอมีนเ ม็น แถ ุดทายปลอยแก ั เราะ (N2O) อา ัย มบัติของแก อุดมคติ คน
ที่นั่งในแถ ใดจะ ั เราะกับขอ อบและดมกลิ่นเ ม็นของเอมีนไป พรอมๆ กันเปนแถ แรก
กำ นดใ ม ลโมเลกุลของเอมีนเทากับ 28 g. mol-1 ม ลอะตอมของ N = 14, O = 16
(1) 40
(2) 28
(3) 22
(4) 10
10. เติมของเ ล A และ B ปริมาตรเทากันในบารอมิเตอรปรอทปลายปด ตั้งทิ้งไ จนไดผลการทดลองดังภาพ

ขอใดถูกตอง
1. ของเ ล A มีแรงตึงผิ นอยก า B และค ามดันไอที่อุณ ภูมติ างๆ จะเปนไปตามเ น i
2. ของเ ล A มีแรงตึงผิ มากก า B และค ามดันไอที่อุณ ภูมิตางๆ จะเปนไปตามเ น i
3. ของเ ล A มีแรงตึงผิ นอยก า B และค ามดันไอที่อุณ ภูมติ างๆ จะเปนไปตามเ น ii
4. ของเ ล A มีแรงตึงผิ มากก า B และค ามดันไอที่อุณ ภูมิตางๆ จะเปนไปตามเ น ii
5

ใชขอมูลตอไปนี้ ตอบคำถามขอ 11 - 12
ทดลองกำจัดไอพิ ในทอไอเ ียโดยใชตั เรงปฏิกิริยาตาม มการ
NiO(s) + CO(g) Ni(s) + CO2(g) ติดตามค ามดันยอยของแก ที่เกิดขึ้นที่ภา ะ มดุล แล นำขอมูลมา
แ ดงผลไดดังกราฟ

11. พิจารณาขอค ามตอไปนี้


ก. การกำจัดไอเ ียโดยใชตั เรงปฏิกิริยา NiO เปนไปอยางมีประ ิทธิภาพ ใน ภา ะที่ใชทดลอง
เนื่องจากคาคงที่ มดุลมีคามากและเปนบ ก
ข. ที่ค ามดันของ CO2 และ CO เปน 3.5 x 103 และ 2.0 x 103 atm ตามลำดับ
อัตราการเกิดปฏิกิริยาไปขาง นาจะเทากับอัตราการเกิดปฏิกิรยิ ายอนกลับ
ค. ถานักเรียนทราบคาค ามเขมขนเริ่มตนของแก ทุกตั ใน น ยโมลาร นักเรียน ามารถใชคาค าม
ชันของกราฟ ในการคำน ณ าค ามเขมขนที่ มดุลของแก ทุกตั ได
ขอค ามใดกลา ถูกตอง
(1) ก และ ข เทานั้น (2) ก และ ค เทานั้น
(3) ข และ ค เทานั้น (4) ก ข และ ค
12. ทดลองกำจัดไอพิ ในทอไอเ ียตาม มการ Ni(s) + CO(g) Nits) + CO2 (g) ที่อุณ ภูมิตางๆ
ติดตามค ามดันยอยของแก ที่เกิดขึ้นที่ ภา ะ มดุล นำขอมูลที่ไดมาเขียนกราฟ T1 > T2
6

ขอใดถูกตอง
1. ปฏิกิริยาไปขาง นาเปนปฏิกิริยาคายค ามรอน และมีคาคงที่อัตราการเกิดปฏิกิริยาที่อณ ุ ภูมิ T1
มากก าคาคงที่อัตราการเกิดปฏิกิริยาที่อุณ ภูมิ T2
2. ปฏิกิริยาไปขาง นาเปนปฏิกิริยาคายค ามรอน และมีคาคงที่อัตราการเกิดปฏิกิริยาที่อณ ุ ภูมิ
T1 และ T2 เทากัน
3. ปฏิกิริยาไปขาง นาเปนปฏิกิริยาดูดค ามรอน และมีคาคงที่อตั ราการเกิดปฏิกิริยาที่อณ
ุ ภูมิ
T1 มากก าคาคงที่อัตราการเกิดปฏิกิริยาทีอ่ ุณ ภูมิ T2
4. ปฏิกิริยาไปขาง นาเปนปฏิกิริยาดูดค ามรอน และมีคาคงที่อตั ราการเกิดปฏิกิริยาที่อณุ ภูมิ
T1 และ T2 เทากัน
ใชขอมูลตอไปนี้ ตอบคำถามขอ 13 - 14
การดำเนินไปของปฏิกิริยา A + D  B + C เปนดังกราฟ

13. ถาอัตราการลดลงของ าร A ใน 5 นาทีแรกมีคาเปน 8.0 x 10-3 mol. L-1. min-1


ขอใดถูกตอง
1. อัตราการลดลงของ าร D ใน 5 นาทีแรกมีคาเปน 2.7 x 10-4 mol. L-1. min-1
2. อัตราการเพิม่ ขึ้นของ าร B ใน 5 นาทีแรกมีคาเปน 0.016 mol. L-1. min-1
3. อัตราการเพิม่ ขึ้นของ าร C ในช งนาทีที่ 5-6 จะมากก าในช งนาทีที่ 2-3
4. คา 8.0 x 10-3 mol.min-1 เปนคาอัตราการเกิดปฏิกิริยา ณ ขณะใดขณะ นึ่ง
14. การดำเนินไปของปฏิกิริยาตามกราฟ อดคลองกับ มการใด
1. 3A + D  B + 2C 2. 3A + D  B + 2C
3. A + 2D  3B + C 4. A + 3D  2B + C
7

15. ที่ 25 °C ารละลายกรดเขมขน 1 x 10-1 , 1 x 10-2, 1x10-3 และ 1 x 10-4 M จะ มี pH = 1.0, 2.0, 3.0
และ 4.0 ตามลำดับ แตทำไม ารละลายกรดไนตริก (HNO3) และกรดบอริก (B(OH)3 ) ที่เขมขนอยางละ
1 x 10-7 M จึงมีคา pH ไมเทากันและไมเทากับ 7.0 ทั้ง ๆ ที่ใช ูตร pH = -log[H+]
ขอใดเปนเ ตุผลที่ใชในการอธิบายคำตอบ
ก. ค ามแรงของกรด ข. พลังงานการละลาย
ค. การแตกตั ของตั ทำละลาย ง. ค าม นืดของ ารละลาย
(1) ก และ ค เทานั้น (2) ก และ ง เทานั้น
(3) ก ข และ ค เทานั้น (4) ข. ค และ ง เทานั้น
16. ขอมูลจากการไทเทรตระ าง 0.1 M HCI และ 0.1 M NaOH โดยใชฟนอลฟทาลีนเปนอินดิเคเตอร
(ช งของการเปลี่ยน ี 8.2-10 ไมมี ี-แดง) แ ดงดังกราฟ

พิจารณาขอค ามตอไปนี้
ก. จุด มมูลมี pH เทากับ 7 ซึ่งมีคานอยก า pH ที่จุดยุติ
ข. HCI จะอยูในข ดรูปชมพู และ NaOH จะอยูในบิ เรต
ค. ค ามรอนของการ ะเทินจะมีคา ูงในช งแรกๆ และจะลดลงอยางร ดเร็ เมื่อไทเทรตใช ารไป
แล 20-28 mL ลังจากนั้นจะมีคานอยมากจนเกือบคงที่
ขอค ามใดกลา ถูกตอง
1. ก เทานั้น 2. ค เทานั้น
3. ก และ ข เทานั้น 4. ข และ ค เทานั้น
8

ใชขอมูลตอไปนี้ ตอบคำถามขอ 17-18


ึก าการเปลี่ยนพลังงานเคมีเปนพลังงานไฟฟาโดยใชอุปกรณและ ารเคมีตอไปนี้
โ ลตมิเตอร บีกเกอร ลอดแก ะพานเกลือ แผนอะลูมิเนียม ตะปู KCI, AI(NO) 3. และ Fe(NO3)2
จัดอุปกรณและใช ารเคมี ใ อดคลองกับครึ่งเซลลของแตละขั้ ดังรูป เมื่อ ิ้น ุดการทดลองพบ าที่บิกเกอร
ดานซายแผนอะลูมิเนียมฟอยลจะ ึกกรอน และในบีกเกอรดานข าจะมีของแข็งไปเกาะที่ตะปูเ ล็กเปน
จำน นมาก

17. ขอใดถูกตอง
1. มีอะลูมิเนียมเกาะที่ตะปู เพราะอิเล็กตรอนถายโอนจากข าไปซาย
2. มีอะลูมิเนียมเกาะที่ตะปู เพราะอิเล็กตรอนถายโอนจากซายไปข า
3. มีเ ล็กเกาะที่ตะปู เพราะอิเล็กตรอนถายโอนจากข าไปซาย
4. มีเ ล็กเกาะที่ตะปู เพราะอิเล็กตรอนถายโอนจากซายไปข า
18. พิจารณาขอค ามตอไปนี้ ขอค ามใดกลา ถูกตอง
ก. ยดโบรโมไทมอลบลู (ช งของการเปลี่ยน ี 6.0-7.6 ีเ ลือง- ีน้ำเงิน) ในบีกเกอรดานซาย ขี อง
ารละลายจะเปลี่ยนจากใ ไมมี ีเปน ีน้ำเงิน
ข. ากฝงทอเ ล็กที่ผูกด ยแผนอะลูมิเนียมไ ใตพื้นดิน ดังรูป จะเปนการช ยปองกันไมใ ทอเ ล็กเกิด
นิมเร็ เกินไปเพราะโล ะอะลูมิเนียมจะผุกรอนกอน

1. ก และ ข ถูก 2. ก และ ข ผิด


3. ก ถูก แต ข ผิด 4. ก ผิด แต ข ถูก
9

19. แก อะเซทิลีน (C2H2) เปน ารประกอบไฮโดรคารบอนไมอิ่มตั ติดไฟงาย เมื่อเผาไ ม มบูรณจะร มตั


กับแก ออกซิเจนใ เปล ไฟที่มีค ามรอน ูง แก อะเซทิลีนเตรียมไดงายจากปฏิกิริยาระ าง
แคลเซียมคารไบด (CaC2) กับน้ำ ภายใตเงื่อนไขเกิดปฏิกิริยาและเก็บค ามรอนไดอยาง มบูรณ ตองใช
แคลเซียมคารไบดปริมาณเทาใด ากตองการค ามรอนจากแก อะเซทิลีน 2455 kJ. mol-1
กำ นดใ CaC2 มีน้ำ นักโมเลกุล 64 g. mol-1 และพลังงานพันธะดังตาราง

1. 64 g 2. 96 g
3. 128 g 4. 160 g
20. นักเรียนคน นึ่งจัดอุปกรณการกลั่นด ยไอน้ำอยางงายดังรูป

พิจารณาขอค ามตอไปนี้
ก. ชั้นน้ำมัน ีน้ำตาลประกอบด ย ารประกอบไฮโดรคารบอนที่มีจุดเดือดต่ำก าน้ำ
ข. ชั้นน้ำ ีขา ขุนเกิด ารแข นลอยระ าง ารประกอบไฮโดรคารบอนกับน้ำ
ค. ไอน้ำที่จุด A และ จุด B มีค ามดันไอเทากัน
ขอค ามใดกลา ถูกตอง
1. ค เทานั้น
2. ก และ ข เทานั้น
3. ข และ ค เทานั้น
4. ก ข และ ค
10

ใชขอมูลตอไปนี้ ตอบคำถามขอ 21 – 23 กำ นดขอมูล ารเคมีดังตาราง


ารเคมี ลัก ณะทาง จุด จุดเดือด ค าม การละลาย (ที่อุณ ภูมิ อง)
กายภาพ ลอมเ ล (C) นาแนน
(C) (g.mL-1)
าร A ของแข็ง ี 147 – 149 332 1.437  ละลาย าร C
C6H6N2O2 เ ลือง  ละลายใน 6 M HCl
 ไมละลายน้ำ
าร B ของแข็ง ี 79 – 80 218 1.145  ละลาย าร C
C10H8 ขา  ไมละลายใน 6 M HCl
 ไมละลายน้ำ
าร C ของเ ล ใ - 97 40 1.325  ไมละลายใน 6 M HCl
CH2Cl2 ไมมี ี  ไมละลายน้ำ
ทำการทดลองในตูดูดค ัน โดยชั่ง าร A และ B อยางละ 2 g ลงข ดรูปชมพู เติม าร C ปริมาตร 30
mL ใชแทงแก คนของผ มอยาง ม่ำเ มอนาน 1 นาที ได ารละลาย ีเ ลืองใ ลังจากนั้นเติม 6 M HCI
ปริมาตร 30 mL คน ารละลายอยาง ม่ำเ มอนาน 2 นาที เมือ่ ตั้งทิ้งไ ทีอ่ ุณ ภูมิ องนาน 10 นาที นักเรียน
ังเกตเ ็น าในข ดรูปชมพูปรากฏของเ ล แยกเปน องชั้น คือ ชั้นลางไมมี ีและชั้นบนมี ีเ ลือง
21. ขอใดถูกตอง
1. าร A และ าร B ทำปฏิกิริยากับ าร C โดยมี 6 M HCl เปนตั เรงปฏิกิริยาได ารผลิตภัณฑเปน
ของเ ล 2 ชนิด ที่ไมละลายเปนเนื้อเดีย กัน
2. าร A ทำปฏิกิริยาการกับ าร B โดยมี 6 M HCl เปนตั เรงปฏิกิริยาได ารผลิตภัณฑที่ไมละลายใน
าร C และไมละลายใน 6 M HCl
3. าร A ทำปฏิกิริยากับ 6 M HCl ได ารผลิตภัณฑทีไ่ มละลายใน าร C แตละลายน้ำ
4. าร B ไมทำปฏิกิริยากับ 6 M HCI โมเลกุลจึงกระจายตั อยูในชั้นของเ ล ีเ ลือง
22. พิจารณาขอค ามตอไปนี้
ก. าร A เปนโมเลกุลมีขั้ มีพนั ธะไฮโดรเจนเปนแรงดึงดูดระ างโมเลกุล
ข. าร B เปนโมเลกุลไมมีขั้ ไมมีพันธะไฮโดรเจนเปนแรงดึงดูดระ างโมเลกุล
ค. าร C เปนโมเลกุลไมมีขั้ ไมมีพันธะไฮโดรเจนเปนแรงดึงดูดระ างโมเลกุล
ขอค ามใดกลา ถูกตอง
(1) ก เทานั้น (2) ก และ ข
(3) ค เทานั้น (4) ข และ ค
11

23. ากทำการทดลองเพิ่มเติม โดยแยกของเ ล ีเ ลืองชั้นบนมาเติม ารละลาย 6 M NaOH ปริมาตร 35


mL ขอใดถูกตอง
1. ไมเกิดการเปลี่ยนแปลง
2. ของเ ล ีเ ลืองเปลี่ยนเปนของเ ล ใ ไมมี ี
3. ของเ ล ีเ ลืองเปลี่ยนเปนของแข็ง ีขา
4. ของเ ล ีเ ลืองเปลี่ยนเปนของแข็ง ีเ ลือง
ใชขอมูลตอไปนี้ ตอบคำถามขอ 24-25
นักเรียนคน นึ่งทด อบ มูฟงกชัน ารประกอบอินทรียกับ ารตั อยาง 6 ชนิด ไดแก phenol,
ethanal, propan-2-one, butan-1-ol, 2-methylpropan-2-ol และ ารตั อยาง X แตเลือกทด อบ าร
ตั อยาง ในแตละ ิธีทด อบเพียง 4 ชนิด ไดผลทด อบดังตาราง

เมื่อ มายถึงใ ผลทด อบ มูฟงกชัน อดคลองตามทฤ ฎี


มายถึงใ ผลทด อบ มูฟงกชันไม อดคลองตามทฤ ฎี

โดยผล ของแตละ ิธีทด อบเปนดังนี้


ิธีทด อบ A เกิด ารละลาย ีม ง
ิธีทด อบ B เกิดตะกอน ีเ ลืองเขม รือ ี ม
ิธีทด อบ C เกิดตะกอน ีน้ำตาลแดง
ิธีทด อบ D เกิด ารละลาย ีเขีย
ิธีทด อบ E เกิด ารละลายขุน ีขา
12

24. ารตั อยาง X ค รเปน ารประกอบอินทรียที่มี มูฟงกชันเ มือน ารในขอใด

25. พิจารณาขอค ามตอไปนี้


ก. ารตั อยางเกิดปฏิกิริยาชนิดเดีย กันใน ิธีทด อบ B
ข. ารตั อยางเกิดปฏิกิริยาชนิดเดีย กันใน ิธีทด อบ C และ D
ค. ารตั อยางเกิดปฏิกิริยาชนิดเดีย กันใน ิธีทด อบ A และ D
ง. ใน ิธีทด อบ A ารตั อยางใ ผล คือทำปฏิกิริยากับ ารละลาย Fe3+
จ. ใน ิธีทด อบ D ารตั อยางใ ผล คือทำปฏิกิริยากับ ารละลาย Cr6+
ขอค ามใดกลา ถูกตอง
(1) ก เทานั้น (2) ก ข และ จ เทานั้น
(3) ข ง และ จ เทานั้น (4) ค ง และ จ เทานั้น

You might also like