Download as pdf or txt
Download as pdf or txt
You are on page 1of 65

สมิงเขาขวาง 1

สมิงเขาขวาง (ธี่หยด)

ย้อนกลับไปในช่วงที่จ่ามหันต์เพิ่งออกจากราชการใหม่ ๆ ชายวัยกลางคนอย่างเขาย่อมรู ้สึกเคว้งคว้างเวิง้ ว้าง จากที่


มีภารกิจเป๊ ะเป็ นไม้บรรทัดในทุก ๆ วัน กลับต้องมาใช้ชีวิตปกติหาเช้ากินค่าแบบชาวไร่ ชาวสวน ยังดีหน่อยที่เขา
เป็ นที่นบั หน้าถือตาในละแวกหมู่บา้ น ทาให้มีคนมาปรึ กษาสารทุกข์สุกดิบไม่เว้นแต่ละวัน

“หมอมหันต์ ช่วยไปดูอาการน้องสาวฉันหน่อย ปวดท้องมาหลายวันแล้ว ไม่รู้มีใครเสกหนังควายเข้าท้องรึ เปล่า”


จ่าก็ไปช่วยดูอาการ สรุ ปไม่ได้ถูกหนังควายเข้าท้อง แต่เป็ นอย่างอื่นที่ทาให้ผหู ้ ญิงคนนั้นต้องอายม้วน

“หมอมหันต์ ฉันเผลอไปฟันถูกต้นกล้วยแถวบ้าน ยางไหลเยิม


้ ออกมาเป็ นสี แดงเลย ต้องเป็ นนางตานีแน่ ช่วยไปทา
พิธีขอขมาหน่อยนะ” จ่าก็พยายามอธิบายว่า ตนเองไม่ใช่หมอผี เป็ นหมอยาแผนโบราณ เชี่ยวชาญสมุนไพร แต่
สุดท้ายจ่ามหันต์ก็ไปอยูด่ ี

“หมอมหันต์ งวดนี้หวยออกอะไร ขอเด็ด ๆ สักงวดเถอะ” จ่าก็จดั ให้ วันหวยออกก็ล่มจมกันไปทั้งตาบล แต่จ่า


มหันต์ก็พูดชี้ทางไว้วา่ “ลองไปขอตรงศาลร้างใต้ตน้ ไทรใหญ่ดูสิ เห็นมีคนถูกกันเรื่ อย ๆ แต่แนะนาว่าไปตอน
กลางวันดีกว่านะ”

ทุกวันจะมีชาวบ้านเดือดร้อนแวะเวียนไปมาหาสู่ตลอด ช่วยได้บา้ งไม่ได้บา้ งตามกาลัง อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็นบั


ถือว่าจ่าเป็ นคนมีน้ าใจ จนหัวค่าวันหนึ่งมีเพื่อนสนิทของจ่าชื่อฤทธิ์ เป็ นทหารตาแหน่งร้อยโทแวะมาหาพร้อมชาย
หญิงคู่หนึ่ง ในขณะที่ผหู ้ มวดฤทธิ์ ดูตื่นเต้น แต่ชายหญิงคู่น้ นั กลับดูหวาดกลัว เพียงแค่คาแรกที่ชายคนนั้นพูดว่า
“เขาขวาง” จ่ามหันต์เหมือนจะเดาเหตุการณ์ได้เลยว่ามีเหตุการณ์ไม่สู้ดีบางอย่างเกิดขึ้น

บริ เวณเขาขวางมีข่าวลือกันมานมนานว่ามักมีชาวบ้านถูกสัตว์ขนาดใหญ่ทาร้าย เหตุการณ์ยงิ่ หนักเข้าเมื่อมีคนพบ


ศพชาวบ้านเสี ยชีวิตในพื้นที่จานวนหลายราย สภาพศพถูกทาร้ายและกัดกินโดยสัตว์ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะช่วงเย็น
ย่าในวันฝนพร่ า มักมีคนเห็นชายแก่ยนื ผลุบ ๆ โผล่ ๆ บริ เวณใกล้ ๆ ที่เกิดเหตุเป็ นประจา ชาวบ้านจึงเริ่ มลือหนักว่า
สัตว์ร้ายที่วา่ คือเสื อสมิงที่จาแลงแปลงกายเป็ นชายแก่หลอกชาวบ้านไปกินเป็ นอาหาร

หลังเกิดเหตุไม่ถึงวันมีการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจล่าเสื อร้ายที่นิยมบริ โภคเนื้อมนุษย์ กลุ่มทหารสนธิกาลังกับเจ้าหน้าที่


ป่ าไม้จานวนนับสิ บ ปูพรมตรวจเกือบทุกตารางเมตรของเขาขวาง แต่ไม่มีวแี่ ววของสัตว์กินเนื้อจาพวก เสื อ สิ งห์ จึง
ทิง้ ไว้เป็ นปริ ศนาเสื อสมิงเขาขวางมานานแรมปี
สมิงเขาขวาง 2

“พ่อตาฉันถูกเสื อคาบไปกิน” ชายหนุ่มคนนั้นเริ่ มเล่า “เหตุเพิง่ เกิดเมื่อสองวันที่ผา่ นมา ระหว่างที่พวกเราเข้าไปหา


ของป่ า เกิดฝนตกหนักมาก จนต้องหลับไปอยูใ่ นเพิงเก่า ๆ หลังหนึ่ง เราสามคนนัง่ กันอยูจ่ นเริ่ มเย็นฝนก็ยงั ไม่มีที
ท่าจะซา ตอนที่กาลังตัดสิ นใจลุยฝนออกไป ก็มีผชู ้ ายสูงอายุคนหนึ่งผมเทาแซมขาวเดินเข้ามาหลบฝนด้วย พ่อก็
ทักทายไปเรื่ อยตามประสา แต่ชายคนนั้นก็ไม่ตอบ ก้มหน้าก้มตาเงียบ พวกเราจึงไม่สนใจเตรี ยมจะทยอยเดินกัน
ออกมา แต่กลับได้ยนิ เสี ยงครางอยูด่ า้ นหลัง พอหันไปมอง ปรากฏว่าชายคนนั้นหายไปปรากฏเป็ นเสื อโคร่ งตัว
มหึมาจ้องมองอยูใ่ นพงหญ้า พริ บตาเดียวมันก็กระโจนเข้าใส่คนที่ยนื อยูใ่ กล้ตวั มันที่สุด ซึ่งก็คือพ่อฉันนัน่ เอง มัน
กระโจนเข้างับบริ เวณช่วงคอเลยไปถึงไหปลาร้าอย่างรวดเร็วจนพวกเราไม่ทนั ตั้งตัว และด้วยขนาดใหญ่โตของมัน
พ่อฉันโดนกัดครั้งเดียวก็แทบสิ้นใจ ฉันล้วงพร้าออกมาได้ก็จะเข้าไปฟันมัน แต่พ่อที่กาลังสิ้นลมก็ตะโกนบอกว่า
ให้หนี น้าจะด่าจะว่าฉันว่าขี้ขลาดก็ได้นะ พอมันหันมาจ้องตาพร้อมแยกเขี้ยวใส่ ฉันกับเมียก็โกยแน่บเลย”

พูดจบน้ าตาลูกผูช้ ายก็ไหลเป็ นทาง เดือดร้อนจ่ามหันต์ตอ้ งพยายามปลอบใจ

ร้อยโทฤทธิ์ บอกต่อว่าเขาเป็ นหนึ่งในทีมที่ถูกส่งลงพื้นที่ก่อน พอเข้าไปถึงที่เกิดเหตุก็พบศพจริ ง สภาพศพถูกกัด


กินจนจาเค้าเดิมไม่ได้ ก็เลยเข้ามาขอปรึ กษาจ่ามหันต์ซ่ ึงเป็ นอดีตทหารและอยูใ่ นพื้นที่แถวนี้ดว้ ย

ิ ข่าวลือเรื่ องนี้มาสักพักแล้วพี่ฤทธิ์ แต่ก็ไม่เคยพบเจอจะ ๆ สักครั้ง... นี่เป็ นครั้งแรก” จ่ามหันต์ตอบเพื่อน


“ฉันได้ยน
เก่า “แล้วพี่จะให้ฉนั ช่วยยังไงล่ะ”

“ชาวบ้านพูดกันหนาหูว่าไอ้ลายตัวนี้ไม่ธรรมดา เป็ นเสื อผีกินคนไปไม่ใช่นอ้ ย มีรายงานว่าป้วนเปี้ ยนอยูล


่ ะแวก
เทือกเขาสองสามลูกนี้ ก็ไม่ใช่วา่ พี่จะเชื่อทั้งหมดนะ แต่ไม่วา่ จะเป็ นเสื อผีหรื อเสื อโหยธรรมดา ลองมันล่าชาวบ้าน
เป็ นอาหาร คงจะติดใจรสชาติเนื้อคนไปแล้ว แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ พี่กบั ชุดจะเข้าไปล่ามันพรุ่ งนี้ แต่ถา้ ยังไม่เจอ ก็
ว่าจะชวนแกไปขัดห้างล่อกับมันช่วงกลางคืน เห็นชาวบ้านเค้าบอกว่าแกมีของดี ไปกับพี่ให้อุ่นใจหน่อยเถอะวะ”

เดือนร้อนจ่ามหันต์ตอ้ งแก้ตวั พัลวันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นบั ถืออยูบ่ า้ ง แต่ไม่มีวิชาอะไรหรอก ชาวบ้านก็ลือกันไป


เรื่ อย แต่อย่างไรก็ตาม ไม่วา่ จะมีหรื อไม่มีวิชา จ่ามหันต์บอกว่าตัวเองพร้อมที่จะช่วยเต็มที่ เลือดที่ไหลเวียนอยูใ่ น
กาย ก็ยงั เขียวคลัก่

หลังจากนั้น หมวดฤทธิ์ก็พาสองสามีภรรยากลับไป ส่วนจ่ามหันต์เดินกลับเข้าบ้านคุยกับคนในครอบครัว อธิบาย


ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนพากันห้ามไม่ให้เขาไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น เพราะถึงเสื อตัวนั้นไม่ใช่เสื อสมิง ก็ยงั
อันตรายมากอยูด่ ีแถมไอ้ลายตัวนี้ยงั กล้าล่ามนุษย์เป็ นอาหาร แต่จ่ามหันต์ยงั ดึงดันที่จะไป เพราะคนที่ชานาญพื้นที่
นั้นมีอยูไ่ ม่นอ้ ยก็จริ ง แต่จะมีสักกี่คนที่ยอมเสี่ ยงบุกป่ าท้าอันตรายแบบนั้น เพียงแค่ได้ยนิ ว่า 'เสื อสมิงเขาขวาง' เป็ น
สมิงเขาขวาง 3

เข่าอ่อนทุกราย

เช้าวันถัดมามีชาวบ้านแวะมาปรึ กษาเรื่ องหยูกยากับจ่าเป็ นปกติ แต่ไม่มีนายทหารหรื อตารวจคนใดมาแจ้งข่าวดี


แม้แต่คนเดียว ตัวจ่ามหันต์เองร้อนใจไม่นอ้ ย ใจหนึ่งก็อยากไปช่วย แต่อีกใจก็แสนห่วงคนที่รออยูข่ า้ งหลัง จนช่วง
พระอาทิตย์ตรงหัว จ่ามหันต์เดินกลับเข้าไปในห้องพระ นัง่ กราบไหว้ ทาสมาธิอยูร่ ่ วมชัว่ โมง ใจก็ไม่สงบ เงี่ยหูฟัง
ตลอดว่าจะมีใครแวะมาแจ้งความคืบหน้าอะไรหรื อไม่ แต่ทุกอย่างก็ยงั เงียบจนคล้อยบ่าย

ในที่สุดจึงลุกขึ้นไปหยิบเสื้อยืดสี เขียวสวมกางเกงลายพรางทับด้วยแจ็คเก็ตตัวเก่ง จากนั้นหยิบพวงพระเครื่ องมา


พนมเหนือศีรษะ สวมคอ ห้อยตะกรุ ดประจากาย ถัดจากนั้นไขตูเ้ หล็กหยิบปื นสั้นเก่า ๆ ขึ้นมาพลิกดู พึมพาในใจ
เบา ๆ ว่า

“...................................................”

แล้วเปลี่ยนใจไปคว้าปื นลูกซองยาวซึ่งเหมาะกับการล่าสัตว์มากกว่าติดมือไปแทน

อดีตสิ บโทเดินลงบันไดมาชั้นล่าง ภรรยาและลูกเห็นก็ขอว่าอย่าไป ให้เจ้าหน้าที่จดั การกันเองดีกว่า ลาออกจาก


ราชการมาเป็ นหมอยาแผนโบราณช่วยเหลือผูค้ นมันก็ดีอยูแ่ ล้ว ทาไมต้องไปทาอะไรที่อนั ตรายแบบนั้น ระหว่างที่
กาลังโต้เถียงกันอยู่ รถจี๊ปก็ขบั มาจอดเอี๊ยดหน้าบ้าน ฝุ่ นโขมง สมาชิกทุกคนหันขวับโดยพร้อมเพรี ยงกันโดยมิได้
นัดหมาย

พลทหารหนุ่มหมุนกระจกรถลงมา ตะโกนเสี ยงดัง


้ กว้าง แต่กว้างได้แค่สองวินาที เพราะทหารหนุ่มพูดต่อ “ยังตามจับมันไม่ได้ นายเลยให้มา
“ข่าวดีครับ” ภรรยาจ่ายิม
ตามจ่าไปช่วยหน่อยครับ”

จ่ามหันต์หนั มามองภรรยาอย่างอึดอัดแล้วบอกอย่างจาใจ
“เดี๋ยวพี่กลับมา”
เขากระชับปื นคู่ใจ เดินจากไปโดยไม่หนั กลับไปมอง

รถลัดเลาะไปตามทางเกวียนแคบ ๆ มุ่งหน้าสู่จุดหมาย ทิวเขาขนาดกลางที่อยูซ่ ่อนตัวอยูใ่ นป่ าลึก

เมื่อเข้าสู่อาณาเขตขุนเขาในช่วงเย็นแบบนี้ดูน่าสะพรึ งยิง่ ขึ้น ต้นไม้ใหญ่ข้ ึนเบียดเสี ยดแน่นเต็มพื้นที่ แต่นนั่ ยังไม่


เท่ากับเงาดาทะมึนที่แผ่ออกมาจากด้านหลังเหนือขึ้นไปเบื้องบน พายุฝนลูกใหญ่กาลังตั้งเค้าเหมือนกาลังอ้าปาก
สมิงเขาขวาง 4

กลืนกินขุนเขาที่ตระหง่านขวางอยูเ่ บื้องหน้า

ท่าไม่ค่อยดีแล้วสิ ... จ่ามหันต์ตรองในใจ

กลุ่มทหารและพรานชาวบ้านประมาณสิ บกว่าคนจับกลุ่มยืนคุยกันอยูข่ า้ งเชิงเขาใต้ตน้ จามจุรีดูสีหน้าเคร่ งเครี ยดกัน


ไม่นอ้ ย โดยมี ร้อยโทฤทธิ์เป็ นหัวหน้าชุด เมื่อจ่ามหันต์มาถึง ได้เข้าไปทักทายพูดคุยกับชาวบ้านรวมถึงเจ้าหน้าที่
จากนั้นจึงชวนฤทธิ์เดินเลี่ยงมาคุยและบอกด้วยว่าควรหยุดภารกิจไว้ก่อน ฟ้าฝนไม่เป็ นใจ เมฆตั้งเค้าส่อแววว่าจะ
ตกหนัก ตามรอยยาก จากผูล้ ่าจะกลายเป็ นผูถ้ ูกล่าเสี ยฉิบ

พรานป่ าชื่อชัช อายุอานามไม่นอ้ ย ซึ่งเป็ นหนึ่งในคนนาทาง ได้ยนิ จ่าพูดก็หลับตา หันซ้ายหันขวาทาจมูกฟุดฟิ ด


และยืนยันคาพูดว่าเป็ นตามนั้น อีกไม่เกินชัว่ โมง ฝนเทกระจาดลงมาแน่นอน ฟากชาวบ้านที่เหลืออีกสองคน ที่คาด
ว่าเป็ นญาติกบั ผูเ้ สี ยชีวิตได้ยนิ คาว่า “ฝน” ก็เกิดอาการครั่นคร้าม และบอกหน้าตาตื่นว่าเห็นด้วยที่ควรยกเลิก
ปฏิบตั ิการก่อน มันเป็ นลางร้าย เนื่องจากหลายครั้งที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน มักเกิดในวันฝนตก แต่ฤทธิ์ยนื ยันว่าจะทา
ภารกิจต่อ พอจ่ามหันต์ถามถึงสาเหตุวา่ ทาไมถึงดึงดันสารวจติดตามในวันนี้ นายทหารตอบกลับมาว่า

่ ลังเขา พี่วา่ ใช่มนั แน่ หากปล่อยไปไม่รู้จะมีโอกาสเจอมัน


“มีลูกน้องพี่สองคน เห็นเสื อลายพาดกลอนตัวเบ้อเร่ ออยูห
อีกหรื อเปล่า พี่ตดั สิ นใจแล้ว จะเก็บมันวันนี้ล่ะ ถ้าแกเปลี่ยนใจก็ไม่เป็ นไร เดี๋ยวให้ลูกน้องกลับไปส่งแล้วรอฟังข่าว
ดีที่บา้ น”

จากนั้นเดินเข้ามาตบไหล่จ่ามหันต์แล้วตะโกนสั่งลูกทีม
“พร้อมในสิ บนาที”

จ่ามหันต์คิดเงียบ ๆ ในใจ ให้กลับไปรอฟังข่าวดีที่บา้ นอย่างนั้นหรื อ เกรงว่ามันจะเป็ นข่าวร้ายเสี ยมากกว่า

จบตอนที่ ๑
..........................................................................................................................
เต็นท์สนามสองหลังถูกกางบนเนินหินไม่ห่างจากต้นจามจุรี กองไฟกองใหญ่ถูกจุดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ชาวบ้านและพรานรวมสี่ คนที่ตอนแรกมุ่งมัน่ จะตามไปกับชุดล่าเสื อร้ายเปลี่ยนใจขอรออยูบ่ ริ เวณที่พกั ขอเป็ น


กองหนุนแทนกองหน้า นัน่ เป็ นความคิดที่ดีไม่นอ้ ยในสถานการณ์คาบลูกคาบดอกเช่นนี้
สมิงเขาขวาง 5

จ่ามหันต์เองก็ขบคิดอยูน่ านสองนาน สุดท้ายไม่อาจตัดใจทิ้งพี่นอ้ งร่ วมอาชีพ อย่างไรเสี ยก็เคยร่ วมเสี่ ยงเป็ นเสี่ ยง
ตายกันมาแต่เก่าก่อน กระนั้นทุกอย่างดูไม่ค่อยราบรื่ นจนอดีตสิ บโทต้องฉงนสนเท่ห์วา่ นี่พวกเขากาลังเข้าป่ าไป
ปราบเจ้าเสื อร้ายชื่อดังหรื อไปล่าเก้งกวางกันแน่

สมาชิกทั้งแปดชีวิตที่จะตามล่าไอ้ลายที่วา่ กันว่าเป็ นสมิง กว่าครึ่ งใช้ปืนแก๊ป ที่เหลือเป็ นเอ็มสิ บหกกับลูกซองอย่าง


ละกระบอก อาวุธที่ดูทรงประสิ ทธิภาพสุดคือไรเฟิ ลที่อยูใ่ นมือหัวหน้าชุด ชายที่ไม่ได้ออกภาคสนามมาเป็ นเวลา
หลายปี จ่ามหันต์พยายามเลียบเคียงถาม ฤทธิ์ตอบกลับว่าเพียงว่า

‘สถานการณ์ตอนนี้ได้คนกับปื นมาเท่านี้ก็ดีถมเถแล้ว’

ทีมล่าทุกคนตรวจตราสัมภาระส่วนตัวเรี ยบร้อยก็ออกมายืนเรี ยงแถวหน้ากระดาน ทั้งสี หน้าและแววตาส่อความ


กังวลจนเห็นได้ชดั ภารกิจเสี่ ยงชีวิตเบื้องหน้าดูอนั ตรายเกินกว่าพลทหารใหม่บางคนจะทาใจยอมรับได้ จ่ามหันต์
ทาได้แค่เพียงปลอบทหารรุ่ นน้อง

“เอาน่า อย่างน้อยก็ดีกว่าถูกส่งไปเวียดนามล่ะนะ”

ไม่กี่นาทีต่อมา จ่าแซมซึ่งถือเป็ นลูกน้องคนสนิทของร้อยโทฤทธิ์ บอกหมายกาหนดการคร่ าว ๆ ว่าจะออกเดินเท้า


ให้เร็วที่สุด หากทาตามแผนจะสามารถสารวจพื้นที่แถวเนินเขาฝั่งตรงข้ามได้จนเกือบหมดก่อนห้าโมงเย็น หากไม่
เจอค่อยไปขึ้นห้างซึ่งทาเตรี ยมไว้แล้วสองจุด ถ้าเจ้าเสื อมากเล่ห์ไม่โผล่ออกมาในคืนนี้ ค่อยตกลงกันอีกครั้งว่าจะทา
อย่างไร

แต่จ่ามหันต์ไม่เห็นด้วย จากสภาพอากาศเช่นนี้ หากไม่ยกเลิกภารกิจ ควรรี บตรงไปให้ถึงห้างโดยเร็วที่สุดเพือ่ ความ


ปลอดภัยของทุกคน อย่างน้อยการทาภารกิจในช่วงกลางวันก็เสี่ ยงน้อยกว่าเป็ นเท่าตัว

“เสี ยน้อยเสี ยยากเสี ยมากเสียง่ายพี่ฤทธิ์ ฝนก็ตก ทัศนวิสัยไม่ดี มันเสี่ ยงเกินไปที่จะมาลาดตระเวนกันช่วงเย็นแบบนี้


อันที่จริ งควรจะรออยูท่ ี่นี่ พรุ่ งนี้เข้าค่อยว่ากันใหม่ไม่ดีกว่าเรอะ”
สมิงเขาขวาง 6

ร้อยโทนิ่งเงียบ คิดเพียงชัว่ ครู่ ก็ประกาศออกมา “เอาแบบนี้ละกัน” ฤทธิ์เอ่ยเสี ยงดัง “เราจะแยกเป็ นสองทีม ผม จ่า
แซมแล้วก็ลูกน้องอีกสองจะแยกไปทางซ้าย ส่วนจ่ามหันต์ พรานชัชและลูกน้องผมอีกสองคนแยกไปทางขวา ไป
เจอกันที่หา้ งหลังเขา ก่อนตะวันตกดิน เอาตามนี้ อย่าพิร้ ี พิไรกันมาก เดี๋ยวจะเย็นย่าเกินไป”

จ่ามหันต์ถอนหายใจเล็กน้อยกับความรั้นของหัวหน้าชุด ร้อยโทฤทธิ์เป็ นแบบนี้มาตั้งแต่รับราชการใหม่ ๆ แต่คง


เพราะบุคลิกแบบนี้กระมัง ที่ทาให้นายทหารคนนี้กา้ วหน้าในอาชีพการงานอย่างต่อเนื่อง ต่างกับตัวเองที่เป็ นได้แค่
จ่าจนถึงวันที่ออกจากราชการ
เขายืนตรวจเช็คสภาพอาวุธปื นคู่ใจพลางมองขุนเขาเบื้องหน้าที่ถูกฉาบด้วยสายฝนจนเป็ นฝ้าขาว ที่แห่งนี้อุดมไป
ด้วยพรรณไม้โบราณอายุเหยียบร้อยปี สภาพภูมิศาสตร์แตกต่างจากทิวเขาใกล้เคียง ที่สาคัญยังเป็ นหนึ่งในสอง
ขุนเขาที่ผเู ้ ฒ่าผูแ้ ก่เล่าขานนานมาว่า

‘เจ้าที่แรงนัก’

“เหมือนที่ชาวบ้านเขาบอกกันเมื่อตะกี้นนั่ ล่ะ” พรานชัช เดินเข้ามาใกล้ ๆ จ่าที่กาลังครุ่ นคิด ในมือพรานถือตะขาบที่


ผ่านการย่างจนส่งกลิ่นฉุน เมื่อเห็นจ่ามองอาหารว่างพิสดาร จึงพูดยิม้ ๆ ว่า “เจอมันเดินอยูข่ า้ งพงเมื่อตะกี้ ก็เหมือน
เนื้อกุง้ นัน่ ล่ะ อร่ อยดีนกั แล”

จ่ามหันต์ไม่รู้จกั กับนายชัชคนนี้เป็ นการส่วนตัว เคยได้ยนิ ชาวบ้านลือกันว่าเป็ นหนึ่งในพรานรับจ้างที่เก่งฉกาจ บุก


ทั้งป่ าแถบตะนาวศรี ไปไกลจนถึงลุ่มน้ าสาละวิน ชื่นชอบการล่าสัตว์เป็ นชีวิตจิตใจเช่นเดียวกับหมวดฤทธิ์ ต่างกันที่
คนหนึ่งล่าเพื่อเงินตรา แต่อีกคนล่าเพื่อความหรรษา

“ชาวบ้านเขาพูดอะไรกันเหรอพีช่ ชั ”
จ่ามหันต์ถามกลับ พรานยิม้ กริ่ ม
“อ้าว นี่จ่าไม่ได้ยนิ ที่ชาวบ้านพูดกันเมื่อตะกี้รึ เขาบอกว่าเป็ นลางร้าย” พูดจบก็กดั เจ้าตะขาบขนาดยาวร่ วมฟุตกิน
อย่างเอร็ดอร่ อย ก่อนพูดต่อ “ผมท่องป่ ามานานค่อนชีวิต เจออะไรแปลก ๆ มานักต่อนัก ผมจะบอกอะไรให้แล้วจ่า
เหยียบไว้ให้มิดเลยนะ มองไปตรงนัน่ สิ สูงเหนือถ้ ากลางผาหินนัน่ ไปสักสองสามเส้น ใต้ทุมประดู่ จ่าเห็นอะไร
ไหม”
สมิงเขาขวาง 7

จ่ามหันต์มองตามนิ้วที่ช้ ีนิ้วสูงขึ้นไปเบื้องบน สายฝนที่โปรยปรายทาให้มองได้ไม่ชดั เท่าที่ควร จ้องเพ่งอยูน่ านสอง


จึงเห็นเงาสิ่ งมีชีวิตบางอย่างรู ปร่ างคล้ายคน ยืนแฝงอยูใ่ นเงาไม้จอ้ งมองมาที่กลุม่ คนเบื้องล่าง จ่ามหันต์ขนลุกวาบ
แต่พอกระพริ บตาอีกครั้งเงานั้นก็หายไปเสี ยแล้ว

“หึ ๆ จ่าเอ้ย มันเอาเราแน่... แต่ก็ดี อยากเจอมานานแล้ว” พรานชัชพูดจบก็เดินแยกตัวออกไป ปล่อยให้อดีตสิ บโท


กลืนน้ าลายลงคอ พ่นลมหายใจออกทางปากเฮือกใหญ่ ก่อนสื บเท้าตามหลังพรานชัชไปติด ๆ

เคราะห์ดีที่ฝนไม่ได้กระหน่าอย่างที่ก่ะเก็งกันไว้ เพียงแค่โปรยปรายเป็ นละอองสีขาวขุ่นตลอดเวลา ชวนให้จิตใจ


มัวหมอง หมวดฤทธิ์ซ่ ึงนาทีมของตนแยกไปอีกฝั่งโบกมือให้จ่ามหันต์กบั พรานชัช ก่อนที่ท้งั ทีมของหัวหน้าชุดจะ
หายไปในผืนป่ า จ่ามหันต์ซ่ ึงได้รับมอบหมายให้เป็ นผูน้ าทีมร่ วมกับพรานชัช จึงสั่งให้สมาชิกตรวจสอบความ
พร้อมอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินทยอยเดินผลุบหายเข้าไปบริ เวณเนินเขาด้านซ้าย

หน่วยย่อยนี้ประกอบไปด้วยจ่ามหันต์ พรานชัช และพลทหารอีกสองนาย ทั้งหมดเดินเลียบไปตามเนินดิน ค่อย ๆ


ตัดสูงขึ้นไปทีล่ะนิด สอดส่ายสายตาสารวจภูมิทศั น์รอบด้าน บริ เวณเชิงเขาเป็ นเนินดินสูงต่าสลับกัน ปกคลุมด้วย
พรรณไม้นานาชนิด ใบไม้ที่ทบั ถมกันมาเป็ นเวลานานทาให้พ้นื ไม่มนั่ คงเป็ นอุปสรรคในการเดินเท้าไม่นอ้ ย เมื่อ
เดินมาถึงเนินหินลูกหนึ่ง จ่ามหันต์สอบถามกับสองพลทหาร ว่าใครเป็ นคนเห็นเสื อโคร่ ง เห็นเมื่อไหร่ บริ เวณไหน
หนึ่งในพลทหารตอบว่า

“ฉันเห็นเองล่ะลุง เมื่อช่วงเช้า แถว ๆ หลังเนินอย่างที่นายบอก”


“ตัวมันใหญ่แค่ไหนว่ะ” จ่ามหันต์ถามต่อ
“ฉันไม่แน่ใจนะ เห็นไกล ๆ แปลกมาก มันยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยูน่ าน เอาที่ประมาณด้วยสายตา ตัวมันใหญ่ไม่
หยอกเชียวล่ะ น้อง ๆ วัวเลยลุง”

จ่ามหันต์ครุ่ นคิด วันฝนพร่ า เสื อโคร่ งตัวใหญ่และเงาคนใต้ตน้ ประดู่ อะไรมันจะประจวบเหมาะจนน่าหวัน่ ใจถึง


เพียงนี้
สมิงเขาขวาง 8

พรานชัชซึ่งหันซ้ายขวาตลอดทางตั้งแต่เข้ามาในบริ เวณเขาขวาง เดินมากระซิบเบา ๆ

“มันบังเอิญจนน่าแปลกใจเลยใช่ไหม” พรานหัวเราะครางในลาคอ แล้วพูดต่อ “จ่าสังเกตเหมือนผมไหม รู ้สึกผู ้


หมวดคนนี้กระเหี้ยนกระหือรื ออยากล่าไอ้ลายตัวนี้เสี ยจริ ง ๆ ระวังเถอะจะกลายเป็ นฝ่ ายถูกล่าเสี ยเอง ฉันได้ยนิ เรื่ อง
ไอ้เสื อผีตวั นี้มานาน พรานเก่าแก่มือฉมังเสร็จมันไปหลายต่อหลายรายแล้ว”

จ่ามหันต์นิ่งเงียบ เขารู ้วา่ เพือ่ นสนิทที่ชื่อฤทธิ์เป็ นคนอย่างไร ชายคนนี้เป็ นผูช้ ื่นชอบความตื่นเต้น ท้าทาย รักการล่า
สัตว์เป็ นชีวิตจิตใจ สัตว์ยงิ่ ดุร้ายจาพวก เสื อ สิ งห์ กระทิง แรด ยิง่ ชอบ จ่ามหันต์จาได้วา่ เคยติดตามไปครั้งสองครั้ง
แต่ก็เลิกลาไม่ตามไปอีก เขาไม่นิยมชมชอบกิจกรรมแบบนี้ สงสารบรรดาสัตว์ที่เป็ นเหยือ่ คมกระสุนเพื่อสนอง
ความสนุกผูน้ ิยมชมชอบการล่าสัตว์

แต่กระนั้น ระยะหลัง ๆ ฤทธิ์ไม่ค่อยมีโอกาสหาความท้าทายใส่ตวั เหมือนสมัยหนุ่ม ๆ ต้องหันเหไปทางานนัง่ โต๊ะ


เป็ นส่วนมาก ยังสงสัยอยูว่ า่ เหตุใดทีมกูภ้ ยั จึงมีนายทหารเช่นเขามาเป็ นหัวหน้าชุดเสี ยอย่างนั้น

จ่ามหันต์ไม่ตอบคาถาม แต่หนั ไปซักพลทหารหนุ่มต่อ


“แล้วเอ็งก็บอกลูกพี่วา่ เจอไอ้ลายอย่างนั้นเหรอ แทนที่จะบอกว่าไม่เจอ จะได้กลับกรมกลับกองไม่ตอ้ งมาเสี่ ยงแบบ
นี้ ไม่กลัวรึ ไงวะ”

เพื่อนทหารอีกคนสนับสนุนความคิดนั้นทันที
“กูเห็นด้วยกับความคิดลุงคนนี้นะ ทาไมไม่บอกนายไปแบบนั้น มึงรู ้ไหมชาวบ้านเขาลือให้แซ่ดว่าไอ้ลายที่เรากาลัง
ล่าอยูเ่ นี่ยไม่ใช่เสื อธรรมดา เป็ นเสื อสมิงนะโว้ย”

พลทหารหนุ่มได้ยนิ เพื่อนพูดเช่นนั้น จึงตอบกลับซื่อ ๆ


“สมงสมิงอะไรไม่รู้ละ่ แต่เห็นขนาดตัวมัน ใครไม่กลัวก็บา้ แล้ว แต่ทายังไงได้วะ ได้รับคาสัง่ มา ต้องทาตามก็แค่
นั้น”
สมิงเขาขวาง 9

เขาเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนพูดต่อ
“แต่จะบอกให้ ถ้าเมื่อตอนสายฉันอยูใ่ กล้กว่านั้นสักเส้นพร้อมไรเฟิ ลของนายล่ะก็ ทุกคนกลับบ้านได้ ภารกิจจบ
แล้ว”

พูดจบทหารหนุ่มก็เดินลิ่วนาทางต่อไป จ่ามหันต์ได้ฟังก็หมัน่ ไส้ระคนขบขัน เขาถามพลทหารอีกคนที่เดินอยูข่ า้ ง ๆ

“ไอ้หนุ่มนี่หา้ วดี มันชื่ออะไรวะ”

ทหารหนุ่มอีกคนหัวเราะร่ า

“ชื่อยักษ์ ตัวแสบประจากองร้อยเลย”

จบตอนที่ ๒
................................................................................
สายฝนปลิวไสวคล้ายผ้าม่านยามถูกลมภูเขากรรโชกใส่ การเดินป่ าท่ามกลางละอองฝนดูสาหัสกว่าปกติ จ่ามหันต์
หอบตัวโยนในทุกย่างก้าว อายุอานามที่มากขึ้น กัดกร่ อนกาลังวังชาในวัยหนุ่มไปมากเหลือเกิน เขาทิง้ ตัวนัง่ ลงบน
ซากขอนไม้เก่า ยกน้ าขึ้นมาจิบแก้กระหาย แหงนมองเหนือขึ้นไปเบื้องบน หยาดฝนทิง้ ตัวมาตามแรงโน้มถ่วงโลก
กระทบกับใบหน้า

“อีกไกลไหมวะ” เขาถามในระหว่างที่ซึมซับความชุ่มชื่นจากหยดน้ าบริ สุทธิ์

“เพิ่งได้ครึ่ งทางเองลุง หมดแรงซะแล้วเรอะ” ทหารนาทางหยุดเดิน เอาปื นลูกซองประจาตัวพาดบนบ่า

“ถึงจะยังเตะปี๊ บดังอยู่ แต่ฉนั ก็ไม่ได้เอ๊าะ ๆ เหมือนพวกเอ็งนะโว้ย อายุจะห้าสิ บแล้ว ที่ถามดูก็เพราะเห็นว่ามันเริ่ ม


มืดแล้วก็เท่านั้น”
สมิงเขาขวาง 10

“มืดแล้วทาไมรึ ? กังวลเกินไปรึ เปล่าลุง เดินกันมาร่ วมครึ่ งชัว่ โมงอย่าว่าแต่เสื อเลย นกสักตัวก็ยงั ไม่มี จะต้องกลัว
อะไร”

จ่ามหันต์ละสายตาจากฟากฟ้า หันกลับไปมองทหารหนุ่ม

'อย่าว่าแต่เสื อเลย นกสักตัวก็ยงั ไม่มี... นัน


่ ล่ะที่ฉนั กังวลเจ้าทึ่มเอ้ย' จ่ามหันต์นิ่งคิดเงียบ ๆ

ทั้งที่เป็ นป่ าที่อดุ มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด สมบูรณ์ดว้ ยระบบนิเวศ แต่ตลอดร่ วมครึ่ งชัว่ โมงที่ผา่ นมา พวกเขาไม่
เจอะเจอสิ่ งมีชีวิตใดที่มีขนาดใหญ่กว่าแมลงปอเลยสักตัว หมูป่า หมีควาย ลิง ค่าง บ่าง ชะนี ที่ควรจะผลัดเปลี่ยน
หมุนเวียนมาแสดงตัว กลับหายเข้ากลีบเมฆกันไปหมด ไม่มีแม้กระทัง่ เสี ยงร้อง

“ฉันว่าลุงกัดฟันทนอีกนิด แล้วค่อยไปพักที่หา้ งดีกว่า เกิดมืดค่าขึ้นมาจะลาบากไปกันใหญ่” ทหารหนุ่มแนะนา

“เข้าใจแล้ว ขอแค่สามนาทีให้แข้งขามันหายล้าสักหน่อยแล้วกัน” จ่ามหันต์พูดจบก็กวักมือเรี ยกพรานชัชให้เข้าไป


หา

“พี่ชชั นี่อึดไม่หยอกนะ อายุมากกว่าฉันเป็ นสิ บปี แท้ ๆ ดูไม่ลา้ เลยสักนิด” จ่ามหันต์พูดทันทีที่พรานเดินเข้ามายืน


ใกล้ ๆ แต่ดูเขาไม่สนใจจ่ามหันต์เท่าไหร่ ใช้ขาเหยียบขอนไม้ สายตาจับจ้องมองสูงขึ้นไปบนยอดเขาสูงชัน

"ป่ าแบบนี้สาหรับผมก็เหมือนเดินเล่นในสวนนัน่ ล่ะ” พรานตอบ

ถึงเรี่ ยวแรงจะหายไปตามกาลเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่เฉียบแหลมขึ้นตามวัย คือการพินิจคน จ่ามหันต์รู้สึกได้วา่ หลังจาก


เข้ามาอยูใ่ ต้ผืนป่ าแห่งนี้ พรานชัชดูขรึ มจนน่าแปลกใจจากที่ชอบเข้ามาชวนคุยอยูบ่ ่อย ๆ กลับระแวงสิ่ งรอบตัวไป
เสี ยหมด

“พี่ชชั รู ้สึกว่าป่ ามันแปลก ๆ ไปไหม” จ่ามหันต์เกริ่ นเข้าเรื่ องทันที หากจะมีใครตอบคาถามนี่ได้ดีที่สุด ก็คือพราน


มือฉมังคนนี้
สมิงเขาขวาง 11

“แปลก?... ยังไงรึ ” พรานป่ าถามกลับ

“ก็พวกสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ มันพากันหายหัวไปไหนกันหมดนะสิ พี่พวกเราเดินกันมาครึ่ งค่อนชัว่ โมง ไม่เจอหมูหมา


กาไก่อะไรเลย มันไม่พิกลไปหน่อยเหรอ?”

พรานยิม้ แค่น ๆ “ไม่มีอะไรหรอก พวกมันได้กลิ่นคนก็คงเผ่นไปกันหมดแค่นนั่ ล่ะ”

“แต่พี่ชชั ...”

จ่ามหันต์ยงั ไม่ทนั ได้คาตอบของสิ่ งที่กงั วลกลับไปยินเสี ยงปื นเสี ยงปื นดังสนัน่ จนขุนเขาสะเทือน

ปัง! ปัง! ปัง!


เขาก้มลงโดยสัญชาตญาณ ใช้ซากไม้เก่าเป็ นที่กาบัง เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่กระโจนหาที่หลบภัยอย่างรวดเร็ว ไม่
ต้องเสี ยเวลาเดาให้มากความ ทีมร้อยโทฤทธิ์คงเผชิญหน้ากับอะไรบางอย่าง ถึงได้ยงิ ปื นกันหูดบั ตับไหม้สะท้านป่ า
แบบนี้

หรื อจะเป็ นเจ้าเสื อผีตวั นั้น?

จ่ามหันต์ไม่รอช้า ส่งสัญญาณให้สมาชิกในทีมเคลื่อนที่ตดั ขึ้นยอดเขา เพราะช่วยย่นระยะได้ส้ นั กว่าแม้ตอ้ งใช้


พละกาลังมากกว่า มุ่งหน้าไปตามเสี ยงปื นที่ยงั ดังอยูเ่ ป็ นระยะ
ทุกคนไต่ข้ ึนพื้นที่เอียงลาด ผ่านพุ่มไม้นอ้ ยใหญ่ หมู่หินระเกะระกะ จนพรานชัชสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงบอก
ให้ทุกคนชะลอฝี เท้า เขาหยุดคิดเพียงครู่ เดียว ก่อนตัดสิ นใจนาลูกทีมอ้อมไปอีกทาง จ่ามหันต์วิ่งขึ้นมาขนาบข้าง
ถามว่าทาไมไม่มุ่งไปทางเดิม มันน่าจะไปถึงพื้นที่เขาฝั่งตรงข้ามได้เร็วกว่า

พรานมือฉกาจหันมาตอบเบา ๆ
สมิงเขาขวาง 12

“จ่าไม่สังเกตรึ ตามพื้นเริ่ มมีดอกไม้สีเหลืองตกกระจายอยูเ่ ป็ นหย่อม ๆ การบุกผ่าเข้าไปกลางดงประดู่ป่าตอน


โพล้เพล้แบบนี้ไม่ดีหรอก เชื่อผมเถอะ”

จ่ามหันต์ตอ้ งเสี ยเวลาคิดอยูอ่ ีกครู่ จึงเข้าใจ ภาพเงามนุษย์ที่ยนื แฝงอยูใ่ ต้ตน้ ประดู่โผล่ข้ ึนมาให้ความคิด

หลังจากเดินอ้อมตัดลงทางลาดมาอีกไม่นาน พรานชัชคิดว่าเสี ยงปื นซึ่งเงียบลงไปแล้วน่าจะดังไม่ไกลจากบริ เวณนี้


ทุกคนเคลื่อนที่ชา้ ลง ต่างหันซ้ายหันขวาจับจ้องสิ่ งสรรพสิ่ งรอบด้าน จ่ามหันต์ประทับปื นตลอดเวลา รู ้สึกเงอะงะ
ไม่นอ้ ย ความรู ้สึกเดิม ๆ สมัยเป็ นทหารมันหายไปไหนหมด เขาพึมพาเบา ๆ อย่างร้อนใจ

‘พี่ฤทธิ์... พี่ฤทธิ์อยูไ่ หน’

ทุกคนสารวจพื้นที่อย่างรี บเร่ งแข่งกับเวลา แต่แทบไม่พบสิ่ งใด สายฝนทาลายร่ องรอยหายไปเกือบหมด แต่กระนั้น


พระพิรุณก็เปิ ดเผยหลักฐานบางอย่าง บริ เวณแอ่งเล็ก ๆ ปรากฏรอยเท้าขนาดมหึมาของสัตว์ชนิดหนึ่ง

พรานชัชก้มนัง่ นิ่งจ้องมองรอยนั้นอย่างใช้ความคิดจนสมาชิกในทีมที่เหลือเดินสมทบหนึ่งในพลทหารที่ชื่อรงค์
อุทานออกมาอย่างหวาดกลัว

“เฮ้ย อย่าบอกนะเป็ นรอยเท้าของไอ้เสื อตัวนั้นน่ะ”


“เออ” พรานตอบสั้น ๆ

รอยนี่คืออุง้ เท้าของเสื อโคร่ งอย่างไม่ตอ้ งสงสัย แต่ที่ทาให้หวัน่ ใจคือขนาดของมันมากกว่า พรานชัชประมาณจาก


รอยเท้าว่าไอ้ลายตัวนี้ น่าจะสูงไม่ต่ากว่าเมตรครึ่ ง ความยาวอาจจะทาลายสถิติเสื อโคร่ งทุกตัวที่เขาเคยพบเจอ พูด
จบก็หวั เราะในลาคอเบา ๆ เสมือนได้พบคูม่ ือที่สมน้ าสมเนื้อ

“เอายังไงกันต่อล่ะพี่ชชั ” จ่ามหันต์ถามทันทีที่เห็นพรานป่ านิ่งเงียบ


สมิงเขาขวาง 13

“ร่ องรอยพอมีอยูบ่ า้ ง สองคนวิ่งตัดลงเนินไปทางนั้น อีกสองมุ่งไปห้างหลังเขา” พรานชี้ทาง “ถ้าถามผม ขอแนะนา


ว่าเราควรมุง่ ไปขึ้นห้างให้เร็วที่สุด อาจจะเจอพรรคพวกที่นนั่ ที่สาคัญเริ่ มค่าแล้ว พวกเรานี่ล่ะจะเสี่ ยงมากกว่า”

ทุกคนเห็นตรงกันจึงรี บมุ่งไปจุดหมายเดิมทันที

ทั้งสี่ รีบเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายโดยมีพรานสูงวัยแต่คล่องเกินอายุวิ่งนาทาง ไม่นานนักก็มาถึงต้นไม้ใหญ่ตน้ หนึ่งซึ่ง


เป็ นจุดแรกที่ขดั ห้างรอไว้ แต่ตอ้ งผิดหวัง เพราะไม่พบใครแม้แต่คนเดียว สองพลทหารจัดแจงเตรี ยมจุดกองไฟทัน
ที่มาถึง แต่พรานชัชเดินเข้ามาบอกว่า หากคิดจะเก็บไอ้เสื อตัวนี้จริ งก็อย่าจุดไฟไว้ใต้หา้ ง

“มันเห็นกองไฟ คงจะเดิมดุ่ม ๆ เข้ามาให้พวกเอ็งยิงกันหรอกนะ” พรานชัชขบขัน “ตะวันลับฟ้าไปนานแล้ว ทุกคน


รี บขึ้นไปบนห้าง อย่าคิดว่ากลางค่ากลางคืนใต้ผืนป่ าจะมีแค่ไอ้ลายที่เป็ นภัยนะ เขาลูกนี้เจ้าที่เจ้าทางแรงนัก”

จากนั้นจึงพูดต่อ “ผมขอตัวไปดูอีกห้างที่ขดั เอาไว้วา่ มีใครอยูร่ ึ เปล่า ประเดี๋ยวกลับมา”

“พี่ชชั พูดยังกับจะไปคนเดียว” จ่ามหันต์โพล่งขึ้นมาทันที

“ผมไปคนเดียวสะดวกกว่า ขืนกระเตงทุกคนไปด้วยสิ ยงิ่ พะวง มีแต่จะอันตรายมากขึ้น จ่าไม่ตอ้ งเป็ นกังวล ถึงป่ านี้
จะดูมีบางสิ่ งบางอย่างซ่อนเร้นอยูใ่ นเงามืด แต่มนั ก็ไม่เท่าแถบลุ่มสาละวินที่ผมเคยเจอหรอก”

“เอาแบบนั้นแน่นะพี”่
จ่ามหันต์ถามย้าอีกครั้ง พรานพยักหน้าตอบทันที ทุกคนยกเว้นพรานชัช จึงทยอยปี นขึ้นไปบนห้างอย่างรวดเร็ว เมื่อ
ขึ้นไปประจาห้างเรี ยบร้อย พรานยิม้ ให้จ่ามหันต์และเดินเลี่ยงหายไปในความมืด มีเสี ยงพูดเบา ๆ ดังลอยมา

“ไม่ตอ้ งกังวลนะจ่า... ป่ าคือบ้านผม”


สมิงเขาขวาง 14

จบตอน 3
................................................................................
ขณะนั้นเป็ นเวลาย่าค่า สายฝนยังคงโปรยปรายไม่มีทีทา่ เหนื่อยล้า ดูจากความหนาแน่นของชั้นเมฆ คงตกไม่หยุดถึง
เที่ยงคืนเป็ นอย่างน้อย

จ่ามหันต์ยนื จ้องความมืดรอบทิศด้วยความรู ้สึกกริ่ งเกรง นานกี่ปีแล้วที่ไม่ได้คา้ งอ้างแรมใต้ผืนป่ ายามราตรี ช่างมืด


มิดจนแทบไม่เห็นสิ่ งใด

ความกระวนกระวายเพิม่ พูนขึ้นทีละน้อยในสัดส่วนที่เท่า ๆ กับความรู ้สึกผิด เมื่อไม่สามารถทัดทานเพื่อนรักให้


ยกเลิกภารกิจเสี่ ยงอันตรายเช่นนี้ในตอนที่มีโอกาส มาย้อนคิดเอาตอนนี้ก็สายไปเสี ยแล้ว

“ว่าแต่ลุงชื่อมหันต์เหรอ” พลทหารยักษ์ถามแทรกขึ้นเบา ๆ
“เออ” จ่าตอบห้วน ๆ ไม่มีกระจิตกระใจสนทนากับใครในเวลานี้

“รู ้จกั กับหมวดฤทธิ์นานรึ ยงั ” ทหารหนุ่มถามต่อ


“ก็นานพอดู” จ่าตอบสั้น ๆ เช่นเคย

“แล้วทาไมลุงถึงออกจากราชการล่ะ” ทหารหนุ่มขี้สงสัยป้อนคาถามต่อทันที
“แล้วเอ็งจะรู ้ไปทาซากอะไรวะ” จ่ามหันต์เริ่ มหงุดหงิด เขาต้องการเวลาเล็กน้อยคิดหาหนทางรับมือภยันตราย
ตรงหน้ามากกว่ามาทาความรู ้จกั กับทหารเกณฑ์ช่างจ้อคนหนึ่ง

แต่แทนที่ทหารหนุ่มจะโกรธ เขากลับหัวเราะ “ฉันรู ้ต้งั แต่ก่อนเหยียบเข้ามาในป่ าแล้วว่าจ่าไม่เห็นด้วยกับภารกิจนี้


เห็นบอกผูห้ มวดอยูห่ ลายครั้ง แต่เขาเลือกที่จะไม่ฟัง เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเองเลย ที่สาคัญอย่ามัวแต่ห่วงคนที่
หายไป ห่วงคนอยูบ่ า้ งละกัน เพราะถ้าเกิดเป็ นอะไรกันไปหมด จะเหลือใครไปช่วยคนที่หายไปล่ะ”
สมิงเขาขวาง 15

จ่ามหันต์แปลกใจเล็กน้อยกับความคิดของทหารใหม่ คาพูดคาจาที่เปล่งออกมาแม้จะดูบา้ น ๆ แต่กลับช่วยให้จิตใจ


สงบลง

'อย่ามัวแต่ห่วงคนที่หายไป ห่วงคนอยูบ
่ า้ งละกัน เพราะถ้าเกิดเป็ นอะไรกันไปหมด จะเหลือใครไปช่วยคนที่หายไป
ล่ะ'

“เอ็งชื่อยักษ์เหรอ” จ่ามหันต์เป็ นฝ่ ายถามบ้าง ทหารหนุ่มพยักหน้า

“ที่บา้ นมีใครรับราชการ เป็ นทหารหรื อตารวจบ้างหรื อเปล่า”


ทหารหนุ่มนิ่งคิดอยูค่ รู่ ก่อนตอบ

“เท่าที่รู้ไม่มีนะ บ้านฉันมีอาชีพทาไร่ ทาสวน ทากันมานานนมตั้งแต่รุ่นปู่ ย่าตายาย แต่ฉนั รู ้ต้งั แต่เด็ก ๆ แล้วว่าไม่


อยากเป็ นชาวไร่ แต่อยากเป็ นรั้วของชาติ เป็ นทหารปกป้องประชาชน ปกปักรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริ ย ์ ฉันเคยอ่าน
ในหนังสื อ แต่ก็จาไม่ค่อยได้ พระเจ้าแผ่นดินท่านพูดว่า อาชีพทหารเป็ นอาชีพที่ตอ้ งเสี ยสละ ใครที่เป็ นทหารต้อง
ยอมสละทุกสิ่ งเพื่อส่วนรวม ต้องซื่อสัตย์สุจริ ต ต้องเชื่อฟังผูบ้ งั คับบัญชาและต้องกรุ ณาต่อผูน้ อ้ ยอะไรประมาณนั้น
ฉันก็จาไม่ค่อยได้ แต่ที่แน่ ๆ คาพูดท่านเป็ นแรงบันดาลใจให้ฉนั มายืนตรงจุดนี้” ทหารหนุ่มร่ ายยาวเหยียด

อดีตสิ บโทได้ฟังคาพูดของเด็กหนุ่มรุ่ นลูก บังเกิดความปิ ติไม่นอ้ ย


“ดูท่าเอ็งจะภูมิใจและชื่นชมอาชีพนี้มากนะ... มีอะไรที่เอ็งรักมากกว่าการเป็ นทหารไหมวะ”

ทหารหนุ่มหันมายิม้ ให้อดีตสิ บโท ก่อนตอบ

“แล้วลุงจะรู ้ไปทาซากอะไรล่ะ”

แต่ก่อนที่จะโดนพานท้ายฟาดที่หวั กบาล ทหารหนุ่มซึ่ งหันไปสารวจความมืดของผืนป่ าพูดต่อทันที


สมิงเขาขวาง 16

“มีสิ... ครอบครัวไง”

---------------------------------------------------------------------------

ไม่นานนักมีเสี ยงฝี เท้ามุง่ มาบริ เวณห้าง ชายทั้งสามลุกพรวด จรดปื นไปในทิศทางเดียวกัน

“เฮ้ย! อย่ายิง ๆ พี่เอง” ฤทธิ์ตะโกนโหวกเหวกอยูเ่ บื้องล่าง

จ่ามหันต์รีบจุดคบไฟ โบกไปมา แสงสว่างส่องให้เห็นกลุ่มบุคคลเบื้องล่าง คือร้อยโทฤทธิ์กบั ทหารติดตามอีกหนึ่ง


คน และสุดท้ายที่ยนื อยูห่ ่าง ๆ คือพรานชัช

จ่ามหันต์ดีใจที่เห็นเพื่อนสนิทรอดปลอดภัยกลับมา กาลังจะถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็น แต่พรานชัชชิง


ตัดบทเสี ยก่อน
“อย่าเพิง่ พูดกันตอนนี้ นายทหารรี บขึ้นไปข้างบนดีกว่า ข้างล่างมันไม่ค่อยปลอดภัย ส่วนผมกับพ่อหนุ่มคนนี้จะเดิน
ดูรอบ ๆ อีกสักพักเผื่อเจอคนอื่น ๆ แล้วค่อยกลับไปขึ้นห้างอีกตัว ห้างตัวนี้ถึงจะขัดไว้ใหญ่ แต่มนั รับน้ าหนักคน
มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

ฤทธิ์รีบตะเกียกตะกายปี นอย่างทุลกั ทุเล บริ เวณท้องที่เคยเต็มไปด้วยมัดกล้าม ปัจจุบนั พลุย้ ราวกับลูกขนุน เขาหอบ


แฮ่กเมื่อขึ้นมาถึงบนห้าง

“ไม่อยากแก่เลยวุย้ ” ร้อยโทบ่นอุบ

“หวังว่าค่าคืนนี้จะผ่านไปด้วยดีนะ ช่วงเช้าผมจะกลับมารับ” พรานชัชพูดจบก็เดินหายลับไปในความมืดกับทหาร


อีกคน ฤทธิ์บอกไล่หลังให้ท้งั สองระมัดระวังตัวให้ดี ในขณะที่จ่ามหันต์ยนื คิดอะไรเงียบ ๆ

ห้างนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด ขัดขึ้นสาหรับหัวหน้าชุดโดยเฉพาะ สามารถนัง่ กันสี่ คนได้สบาย เมื่อฤทธิ์ปีนขึ้นมา เขาทิง้


ตัวนัง่ ลงอย่างเหนื่อยหอบ เนื้อตัวมีรอยแผลเล็ก ๆ เต็มไปหมด
สมิงเขาขวาง 17

เมื่อพักจนหายเหนื่อยจึงเริ่ มเล่าโดยไม่ตอ้ งให้ใครมาซัก เขาเล่าว่าขณะที่ทีมกาลังเดินสารวจพื้นที่อีกฟาก ก็ได้หยุด


พักที่หนองน้ าเก่าแห่งหนึ่ง จัดแจงกรอกน้ าเพิม่ เติมเตรี ยมไว้สาหรับคืนนี้ ในระหว่างที่กาลังนัง่ ล้างหน้าล้างตากัน
อยู่ จ่าแซมสังเกตเห็นว่ามีอะไรบางอย่างซุ่มอยูเ่ หนือลานหิน พวกเรานิ่งเงียบอยูน่ าน จนบางอย่างโผล่ออกมาจาก
ชะง่อน เจ้าสิ่ งนั้นเสื อโคร่ งตัวใหญ่

ตาร้อยโทเบิกกว้าง เหงื่อและน้ าฝนปนกันไหลย้อยเต็มใบหน้า เขาพูดเสี ยงสั่น

“พ่อแก้วแม่แก้ว... ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่ะ ขนาดของมันใหญ่ยกั ษ์มหึมามาก”

“แล้วยังล่ะพี่ฤทธิ์” จ่ามหันต์พยายามถามต่อหัวหน้าชุด

“ไอ้แซมเป็ นคนแรกที่ยงิ จากนั้นพวกเราก็รัวไม่นบั เหมือนกับว่ากาลังอยูใ่ นสงครามก็ไม่ปาน หลังจากระดมยิงชุด


แรกก็กาลังจะปี นขึ้นไปตรวจสอบ ปรากฏว่า...” ฤทธิ์ นิ่งเงียบ

“ปรากฏว่าอะไรพี่ฤทธิ์” จ่ามหันต์เค้นถาม

“เหลือเชื่อจริ ง ๆ แต่ก็เป็ นไปแล้ว ปรากฏว่าไอ้เสื อผีตวั นั้นกลับมายืนอยูใ่ นดงไม้ห่างจากพวกเราไม่ถึงสิ บเมตร เห็น


ไกล ๆ ก็วา่ หัวหดแล้ว พอมาเจอะใกล้ ๆ ไอ้ฉิบหายเอ้ย บรรดาตัวร้ายที่พเี่ คยล่ามากลายเป็ นแค่มดปลวกเมื่อเทียบ
กับไอ้ลายตัวนี้ หัวมันใหญ่กว่าหม้อแกง เขี้ยวยาวยิง่ กว่ามีดพก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ ยมละลายหายไปพร้อมกับ
ละอองฝน พวกเรายิงสะเปะสะปะ จากนั้นก็วิ่งกระเจิงไปคนละทาง จ่าแซมกับทหารอีกคน วิ่งย้อนกลับไปทางเดิม
ส่วนพี่กบั ไอ้นอ้ ยเตลิดมุ่งมาทางห้าง แต่หลงทิศหลงทางหาห้างไม่เจอ มองไปทางไหนก็เจอแต่ตน้ ไม้เหมือน ๆ กัน
หมด จนแต้มจริ ง ๆ จึงต้องเสี่ ยงปี นขึ้นไปหลบอยูบ่ นต้นไม้อยูร่ ่ วมชัว่ โมงจนพรานชัชตามไปเจอนัน่ ล่ะ”

แววตาของหัวหน้าชุดเหม่อลอย ตัวสั่นด้วยความกลัว...
สมิงเขาขวาง 18

หลังจากทุกคนได้ฟัง แม้แต่น้ าลายยังกลืนลงคอได้อย่างยากลาบาก ขนาดชายผูม้ ีประสบการณ์ในการล่าสัตว์มาเป็ น


สิ บปี แต่พอเจอไอ้ลายเพียงครั้งเดียวก็แทบเอาชีวิตไม่รอด ดูแล้วหากจะพอมีใครที่รับมือเจ้าเสื อร้ายตัวนี้ได้ คงมีแค่
พรานชัชเท่านั้น...

จบตอนที่ ๔
..................................................................
ภายใต้ความมืดมิดของผืนป่ าในยามค่าคืน ฉาบด้วยละอองฝนดูน่าวังเวงสุดประมาณ ทั้งสี่ คนนิ่งเงียบไม่พดู ไม่จา
อะไรอีก เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จ่ามหันต์ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็ นระยะ ครั้งสุดท้ายเพิ่งจะทุม่ เศษ ๆ เท่านั้น คงต้อง
นัง่ หลังขดหลังแข็งอีกนานกว่าจะรุ่ งสาง

ผ่านไปอีกราวเกือบชัว่ โมง ทุกคนได้ยนิ เสี ยงเหมือนมีคนเดินย่ายอดหญ้าดังมาจากใต้หา้ ง ปื นทุกกระบอกเล็งไปที่


ทิศทางเดียวกันทันที

เสี ยงใครคนหนึ่งร้องเอะอะขึ้น
“นาย อย่ายิง! ผมเอง”

ฤทธิ์ใช้ไฟฉายส่องไปเบื้องล่าง เห็นทหารคนสนิทยืนตัวสั่นอยูด่ า้ นล่าง เนื้อตัวมอมแมม ฤทธิ์ดีใจมากที่เห็นจ่าแซม


ทหารคนสนิทรอดปลอดภัยกลับมาครบสามสิ บสอง

“ไอ้แซม แกปลอดภัยดีนะ”
“ยังอยูด่ ีครับนาย แต่ไอ้นอ้ ยสิ ท่าจะแย่ โดนกิ่งไม้เกี่ยว ขาเป็ นแผลเหวอะเลือดไหลไม่หยุด ตอนนี้รออยูท่ ี่หา้ งอีกตัว
ขอใครสักคนไปช่วยกันหน่อย ว่าแต่นายพอจะมีหยูกยาผ้าพันแผลติดมาบ้างไหม”

ฤทธิ์บอกให้สิบตรี แซมรออยูด่ า้ นล่าง ส่วนตัวเองรี บรื้ อเป้ส่วนตัว เขาจาได้วา่ หยิบอุปกรณ์ปฐมพยาบาลติดมาด้วย


แน่ ๆ ระหว่างที่กาลังค้นหาอย่างเร่ งรี บแข่งกับเวลา พร้อมสั่งการให้ยกั ษ์เตรี ยมพร้อม ทหารหนุ่มคว้าเป้ข้ ึนมา
สะพาย หยิบปื นคู่กายขึ้นมากระชับมัน่ เขาก้าวไปเกาะกิ่งไม้ใหญ่เตรี ยมโรยตัวลงด้านล่าง
สมิงเขาขวาง 19

“เดี๋ยวพอลงไปข้างล่าง มึงหย่อนปื นลงไปให้หน่อยนะ” ยักษ์กาชับเพื่อน

“ไอ้หนุ่ม อย่าเพิง่ ลงไป”

เสี ยงจ่ามหันต์ดงั แทรกขึ้นกลางปล้อง เขาค่อย ๆ สื บเท้าไปจนถึงขอบห้าง มองลงไปเบื้องล่างเผชิญหน้ากับจ่าแซม

“มีอะไรรึ ลุง” ยักษ์ฉงน


“นิ่ง ๆ ไว้” จ่ามหันต์กม้ ไปหยิบท่อนไม้ จากนั้นยืน่ ปลายซึ่งชุ่มไปด้วยน้ ามันไปตรงหน้าทหารหนุ่ม
“จุดไฟสิ ” จ่ามหันต์พูดเบา ๆ

หัวหน้าชุดซึ่งสังเกตอากัปกิริยามาสักพักถามด้วยความสงสัย
“มหันต์ นัน่ แกจะทาอะไร”

อดีตสิ บโทไม่ตอบ ยืนนิ่งเงียบดุจตอไม้ แต่ในใจนั้นกลับเต้นระรัว

ก่อนที่จะเข้ามาเหยียบป่ าอาถรรพ์แห่งนี้ จ่ามหันต์สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลอยูไ่ ม่นอ้ ย แต่เลือกที่จะนิ่งเสี ย


ด้วยเหตุผลหลายประการ พฤติกรรมเช่นนั้นเองที่ทาให้ทุกคนต้องมาเสี่ ยงในตอนนี้

“จุดสิ วะ่ ไอ้ท่ มึ ” จ่ามหันต์ตะคอก ยักษ์รีบล้วงไฟแช็คขึ้นมาจ่อที่ปลายคบ ช่วงครู่ เปลวไฟอบอุ่นสว่างขึ้นในความ


มืด

ฤทธิ์วางมือจากการค้นหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาล ก้าวเข้ามาประชิดจ่ามหันต์
สมิงเขาขวาง 20

“พี่ถามไม่ได้ยนิ รึ ไง” น้ าเสี ยงนัน่ กร้าวขึ้น ร้อยโทหัวหน้าชุดปฏิบตั ิการล่าเสื อร้ายเลือกจะห่วงความปลอดภัยของ


คนที่อยูบ่ นพื้นมากกว่าที่อยูบ่ นห้าง ซึ่งจะว่าไปก็เป็ นความคิดที่ถูกต้อง แต่เขายิง่ แปลกใจเมื่อน้ าเสี ยงของจ่ามหันต์
กลับแข็งยิง่ กว่า

“พี่ฤทธิ์อย่าเพิ่ง” เขาชูคบไฟขึ้นเหนือศีรษะ เปลวเพลิงเปิ ดเผยให้เห็นหลายสิ่ งรวมถึงจ่าแซมที่ยนื อยูด่ า้ นล่าง

“จ่า เพื่อนผมนอนเจ็บเจียนตาย แล้วมัวดึงดันทาอะไรอยู่ ส่งยามาเดี๋ยวนี้” จ่าแซมพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว พลางสื บ


เท้าเข้ามาติดลาต้น มือเอื้อมขึ้นไปคว้ากิ่งไม้ เป็ นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนได้ยนิ เสี ยง กริ๊ ก

“แซม เอ็งหยุดอยูต่ รงนัน่ ล่ะ” จ่ามหันต์ประทับปื นลูกซองยาวด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างโยนคบไฟลงไปด้านล่าง


ผลันที่ตกกระทบกับพื้น สะเก็ดไฟเล็ก ๆ กระเด็นไปทัว่ จ่าแซมจาต้องถอยหลังหลบ เขาอุทานด้วยความหงุดหงิด

“เล่นอะไรวะ ประเดี๋ยวไฟก็ไหม้วอดทั้งป่ าหรอก”

“เอ็งอย่ามาพูดให้ขา ฟ้ารั่วขนาดนี้ถา้ ไฟกระจิ๋วหลิวมันทาให้ป่าวอดวายได้ก็ให้มนั รู ้ไปสิ วะ “อดีตสิ บโทเว้นช่วง


และพูดต่อ “แต่ถา้ เอ็งกลัวนัก ก็ช่วยดับหน่อยสิ หยิบคบไฟไปจุ่มแอ่งน้ าตรงนั้น” จ่ามหันต์สั่งเสี ยงเฉียบขาด

สองจ่าจ้องหน้ากันนิ่ง เดือดร้อนหัวหน้าชุดต้องห้ามทัพพัลวัน “มหันต์ พอได้แล้ว บ้าไปแล้วหรื อไงเอาปื นผาหน้า


ไม้ไปจ่อเพื่อนแบบนั้นได้ยงั ไง ลดปื นลงเดี๋ยวนี้ นี่เป็ นคาสัง่ !”

จ่ามหันต์ยนื นิ่งอยูน่ านจึงค่อย ๆ ลดปื นลง ก่อนตอบเพือ่ นรักเบา ๆ

“ฉันไม่ใช่ทหารแล้วพี่”

แล้วเสี้ ยววินาทีแห่งความโกลาหลก็เกิดขึ้น เมื่ออดีตสิบโทวาดปื นเป็ นวง ทามุมเฉียงราวสี่ สิบห้าองศาจากนั้นลัน่ ไก


เสี ยงปื นลูกซองคารามก้องทัว่ ไพรพนา ปัง!
สมิงเขาขวาง 21

กระสุนจากปลายกระบอกปื นพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ผ่านหมู่ไม้หนาทึบ แต่ไม่มีใครบนห้างสนใจว่ามันจะพุ่งไปถึงไหน


ต่อไหน ทุกคนจ้องมองไปด้านล่างเป็ นตาเดียวกันด้วยความตระหนกตกใจ ภาพที่ปรากฏต่อสายตาทุกคู่ คือจ่าแซม
ซึ่งก่อนหน้าเคยยืนประชิดอยูใ่ ต้หา้ งกลับถอยหลังไปร่ วมหกเมตรจากการกระโดดเพียงครั้งเดียว เรื่ องน่าประหลาด
ยังไม่จบเพียงเท่านั้น จ่าแซมที่อยูไ่ กลออกไป ยืนคูส้ ี่ ขา ตาเป็ นประกายแวววับดุจกระจกยามต้องแสง เปลวเพลิงที่
กองอยูบ่ นพื้นส่องสว่างให้เห็นลายจาง ๆ บริ เวณข้อมือทั้งสองข้าง

จ่ามหันต์จอ้ งลวยลายบนข้อมือจ่าแซมด้วยความหวาดกลัว แต่กระนั้นก็ยงั ฝื นหักลากล้องด้วยสัญชาตญาณ ปลอก


กระสุนปื นกระเด้งออกมาพร้อมควันจาง ๆ เขายัดกระสุนกลับไปอย่างรวดเร็ว

ร่ างจ่าแซมคุกเข่าคลานอยูก่ บั พื้นมองกลุม่ คนด้วยสายตาวาวโรจน์อยูค่ รู่ ก็กระโดดผลุบหายเข้าไปในความมืด เป็ น


จังหวะเดียวกับที่เสียงปื นดังสนัน่ อีกครั้ง

ปัง!

ไม่ใช่เสี ยงปื นของจ่ามหันต์ เป็ นลูกซองของทหารอีกคนที่ยนื อยูข่ า้ ง ๆ

หลังอาวุธบรรลัยกัลป์ พุง่ ไปในความมืด ทุกคนได้ยนิ เสี ยงสัตว์ร้องคารามด้วยความเจ็บปวดและกราดเกี้ยวดัง


สะท้านไปทัว่ มีเสี ยงตะกุยตะกายอยูใ่ นความมืด จ่ามหันต์ต้งั สติได้เป็ นแรกรี บคว้าไฟฉายส่องไปทางต้นเสี ยง และ
หัวใจชายฉกรรจ์ทุกดวงก็แทบหยุดเต้นเสี ยให้ได้ เมื่อแสงไฟส่องไปกระทบกับสัตว์ขนาดยักษ์กาลังดิ้นคลุกดินอยู่

มันเป็ นเสื อลายพาดกลอนตัวเขื่อง!

จบบทที่ ๕
........................................................
เสื อร้ายซึ่งล้มกลิง้ ด้วยแรงกระสุนค่อย ๆ ยืนขึ้นอีกครั้ง บริ เวณช่วงท้องมีเลือดไหลซึมอยูเ่ ป็ นวงกว้าง แต่กระนั้น
บาดแผลกลับฉกรรจ์นอ้ ยกว่าที่ควรจะเป็ น
สมิงเขาขวาง 22

ประกายตาอาฆาตจับจ้องกลุ่มคนที่อยูส่ ูงขึ้นไป เขี้ยวยาวงุม้ เผยออกเมื่อเจ้าเสื อร้ายคาราม

กรร...

ดังต้องมนต์สะกด กลุ่มมนุษย์ยนื ตะลึงกับสิ่ งที่เห็น สัตว์ร้ายที่ไล่ล่ามาค่อนวัน บัดนี้ปรากฏอยูเ่ บื้องหน้า ตัวมันใหญ่


ผิดกับเสื อทัว่ ไป แม้ไม่เท่าที่พรานชัชเคยคาดคะเนเอาไว้ แต่ก็ห่างกันไม่มาก ขนาดของมันระดับวัวรุ่ น ๆ เลย
ทีเดียว!

“ยืนบื้อทาไมยิงสิ วะ” จ่ามหันต์ตะโกนสั่งทันที กระสุนจากปื นทุกกระบอกสาดไปในความมืดทันทีโดยไม่สน


เป้าหมาย เสี ยงดังสนัน่ นานอยูร่ ่ วมนาทีจึงสงบ เขม่าดินปื นลอยคละคลุง้ เหนือห้าง

“มันเสร็จเรารึ เปล่าวะ” ฤทธิ์โพล่งขึ้นด้วยความตื่นเต้นเป็ นคนแรก ไฟฉายทุกดวงส่องไปยังตาแหน่งที่เสื อร้ายเคย


เกลือกกลิ้งอยู่ แต่บดั นี้วา่ งเปล่าไร้วี่แววของสิ่ งมีชีวิต ไอ้ลายตัวร้ายล่องหนหายไป

“ไอ้เวรเอ้ย มันหายไปไหนวะ” ฤทธิ์ถามด้วยความตระหนก เขาพยายามกราดไฟฉายไปรอบ ๆ ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ


นอกจากแอ่งดินที่มีร่องรอยไอ้ลายดิ้นพรวดพราดเมื่อสักครู่

จ่ามหันต์ยนื ตัวสั่น จะเพราะความหนาวหรื อกริ่ งเกรง คงมีแต่เจ้าที่รู้


...
ในแวดวงเรื่ องลี้ลบั ที่ลือเลื่องในหมู่คนเฒ่าคนแก่และผูพ้ ิสมัยไสยศาสตร์ในแถบพื้นที่ภาคกลางมีมากมายก็จริ ง แต่มี
เพียงสองเรื่ องที่ไม่วา่ ใครต่างก็พูดเป็ นเสี ยงเดียวกันว่า ถ้าไม่อยากประสบพบกับหายนะอย่าเข้าไปยุง่ หนึ่งคือ
ตานานภูติสาวในชุดดา และสองคือสมิงยักษ์แห่งพงไพร หรื อที่ใครต่อใครเรี ยกขานในยามนี้วา่ 'สมิงเขาขวาง'

เสี ยงพูดคุยดังโหวกเหวกอยูร่ อบตัว แต่จ่ามหันต์จบั ใจความไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว ในใจอดีตจ่าสิ บโทคิดไปไกล


ยิง่ กว่า
สมิงเขาขวาง 23

เจ้าเสื อตัวนั้นมันบาดเจ็บ เลือดออก มีความเป็ นไปได้ไม่นอ้ ยว่าสามารถสังหารมันได้ดว้ ยคมกระสุน แต่ที่เขาไม่


หุนหันนาสมัครพรรคพวกตามล่าต่อ เพราะเสื อตัวนี้หาใช่เสื อธรรมดา มันคือสมิงที่สามารถจาแลงแปลงเป็ นคนได้
ดังที่เห็นกันจะ ๆ เมื่อสักครู่ ทาให้เกิดความลังเลขึ้นในใจ ว่าจะยอมเสี่ ยงชีวิตตามล่าไอ้ลายที่กาลังบาดเจ็บ หรื อเอา
ตัวรอดนัง่ รออยูบ่ นห้างจนถึงเช้าค่อยว่ากันใหม่

และจ่ามหันต์ก็มีคาตอบในใจแล้ว..

เสี ยงหัวหน้าชุดดึงสติของจ่ามหันต์ให้กลับมาอีกครั้ง
“มหันต์ แกรู ้ได้ยงั ไงว่ามันไม่ใช่ไอ้แซม” ฤทธิ์ถามเสี ยงสั่น
“ไม่มีขอ้ พิสูจน์อะไรทั้งนั้น แค่เคยได้ยนิ พรานเล่าให้ได้ฟังว่าอานาจลี้ลบั ในป่ ามีมากมาย แต่ท้งั หมดทั้งมวลส่วน
ใหญ่พวกมันไม่ถูกกับเปลวไฟ ฉันเลยลองดูก็เท่านั้น”

“แล้วจะเอายังไงกันต่อ ถ้าเป็ นสัตว์ทวั่ ไป รอให้มนั เหนื่อยสักหน่อย เสี ยเลือดมาก ๆ ค่อยตามรอยไป เผลอ ๆ อาจจะ
สิ้นใจไปเองก็ได้ แต่เท่าที่เห็น กระสุนไม่โดนจุดสาคัญ” ร้อยโทหัวหน้าชุดพูดอย่างผูเ้ ชียวชาญ

“เพื่อความปลอดภัย พี่วา่ เรารอกันถึงเช้าดีไหม”

จ่ามหันต์นิ่งเงียบ ใช้ความคิดอย่างหนักโดยพยายามเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุดสาหรับทุกคน แต่กระนั้นแล้วไม่วา่ จะ


คิดหนทางใด ก็ไม่สามารถการันตีได้วา่ จะไม่มีการสูญเสี ยในค่าคืนนี้ อย่างน้อยถึงทุกคนบนห้างแห่งนี้จะรอด แต่
สมาชิกคนอื่น ๆ ที่กระจัดกระจายอยูล่ ่ะ พรานชัชคงไม่น่าเป็ นห่วงเท่าไหร่ แต่จ่าแซมและทหารอีกสองนายจะเป็ น
ตายร้ายดีอย่างไร ที่สาคัญหากทุกคนยังมีชีวิตอยูแ่ ล้วไอ้ลายตัวร้ายจาแลงแปลงกายไปหลอกล่อคงไม่พน้ ต้องเกิด
ความสูญเสี ยขึ้นเป็ นแน่

“ฉันจะตามมันไปเอง” จ่ามหันต์เอ่ยในที่สุด “สถานการณ์ตอนนี้มนั ไม่ค่อยดีนะพีฤ่ ทธิ์ เรายิงปื นกันโป้งป้างแบบนี้


แต่พรรคพวกที่เหลือกลับเงียบกริ บ ทั้งที่อีกห้างก็อยูไ่ ม่น่าจะไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ ฉันเป็ นห่วงคนอื่น ๆ เกรงว่าจะ
เจออาถรรพ์ไอ้ลายเหมือนที่พวกเราเจอ และที่สาคัญไอ้เสื อผีตวั นี้มนั ไม่ได้เป็ นอมตะ เรายิงถูกมัน และเลือดออก ถ้า
เป็ นไปได้ฉนั อยากจะฝังมันไว้ที่นี่... คืนนี้เลย”
สมิงเขาขวาง 24

แต่ตวั เขาไปคนเดียวคงไม่ได้ อย่างน้อยต้องมีอีกหนึ่งไว้คอยระวังหลัง

“ขออาสาสมัครสักคนระวังหลังให้หน่อย แต่งานนี้ไม่บงั คับ”

สมาชิกที่เหลือหันไปสบตากัน มีความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นทันที ซึ่งไม่ใช่เรื่ องผิด เพราะเมื่อลงจากห้าง ขาก็กา้ ว


เข้าไปสู่ขอบเขตความเป็ นความตายทันที

“ฉันไปเอง” พลทหารยักษ์อาสาเป็ นคนแรก เขาบรรจงบรรจุกระสุนทดแทนนัดที่พุ่งไปฝากบาดแผลไอ้ลาย มือของ


เขาสั่นเทาเล็กน้อย คงยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น จ่ามหันต์ยนื มองทหารหนุ่ม ชื่นชมความกล้าหาญของเด็ก
คราวลูกคนนี้ ส่วนหัวหน้าชุดต้องทาใจอยูน่ านกว่าที่จะตัดสิ นใจติดตามไปด้วย แม้จ่ามหันต์จะทัดทาน แต่ฤทธิ์ไม่
ยอมปล่อยคนทั้งสองไปเสี่ยงภัยเด็ดขาด

“คนเดียวหัวหาย สองคนเพือ่ นตาย สามคนรอดปลอดภัย” ร้อยโทกระตุน้ จิตใจตัวเอง

ระหว่างที่รอหัวหน้าชุดเตรี ยมความพร้อม จ่ามหันต์เข้าไปพูดคุยกับรงค์ บอกว่าอยูร่ อบนนี้ปลอดภัยดี อย่ากังวล แต่


เตือนให้ระมัดระวังตัวตลอดเวลา จุดคบให้รอบด้าน เติมไฟอย่าให้มอด เลิกสนภารกิจ สนแค่เอาตัวรอดให้ได้เป็ น
พอ ไม่วา่ จะเห็นอะไรอย่าลงมาจากห้างเด็ดขาดจนกว่าจะรุ่ งเช้า และที่สาคัญอย่าไว้ใจป่ า...

“พูดซะผมไม่อยากเฝ้าห้างเลย” รงค์ครางเสียงอ่อย

บรรยากาศค่าคืนกลางป่ าดูน่าสะพรึ งยิง่ นัก สายฝนที่พร่ าไม่ขาดสายทาให้เกิดสรรพเสี ยงกวนจิตใจ หลังจากนัดแนะ


กันเรี ยบร้อย จ่ามหันต์โยนคบไฟลงไปเบื้องล่าง เตือนรงค์อีกครั้ง จากนั้นจึงค่อย ๆ ปี นลงพื้นอย่างทุลกั ทุเล

ด้วยฝี มือการยิงอันเอกอุ ยักษ์ได้รับสิ ทธิ์ให้เป็ นผูค้ รอบครองไรเฟิ ลเป็ นการชัว่ คราว แต่เจ้าตัวก็ไม่ยนิ ดียนิ ร้าย
เท่าไหร่ เพราะไม่คุน้ มือเอาเสี ยเลย ที่สาคัญแม้จะทรงอานุภาพ แต่ในระยะประชิดกลับหวังผลได้ไม่เท่าปื นลูกซอง
สมิงเขาขวาง 25

จ่ามหันต์สืบเท้าไปบริ เวณที่แอ่งดิน มีรอยเลือดจาง ๆ หยดอยูบ่ นพื้นและบนใบไม้


“ดูจากรอยเลือด น่าจะโดนเฉี่ยว ๆ” ฤทธิ์พูดขณะที่ใช้ไฟฉายส่องไปตามยอดหญ้า
“หรื อไม่ก็โดนเต็ม ๆ แต่หนังเหนียว” จ่ามหันต์กราดไฟไปตามรอยเลือดจาง ๆ ที่หยดเป็ นทาง “มันไปทางนั้น”

“ไม่ดีแล้วครับ” พลทหารหนุ่มพูดเบา ๆ “ห้างอยูท่ างนั้น”

ชายทั้งสามสบตากันครู่ เดียว ก็เร่ งมุ่งหน้าไปทันที

ห้างที่สองอยูห่ ่างออกไปในระยะเดินเท้าครึ่ งชัว่ โมง แต่ดว้ ยสายฝนที่ยงั คงตกโดยไม่มีทีท่าจะหยุด ทาให้การเดินเท้า


ล่าช้ายิง่ ขึ้น อีกทั้งฝนยังไม่ใช่สิ่งเดียวที่ตอ้ งกังวล ยังมีเจ้าเสื อร้ายที่ซุ่มอยูใ่ นเงามืดนัน่ อีกเล่า

เมื่อใกล้หา้ ง รอยเลือดซึ่งเป็ นเบาะแสเดียว ค่อย ๆ จางหายไปเนื่องจากถูกอาพรางโดยหยาดฝน แต่อย่างน้อยก็มุ่งใน


ทิศทางที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ ตาแหน่งห้างที่สองอยูต่ รงหน้า ซ่อนอยูใ่ นหมู่ไม้ มีขนาดเล็กกว่า มีกิ่งขนาดใหญ่สูง
เหนือไม่ถึงสองเมตรครึ่ ง แลดูไม่ปลอดภัยเท่าไหร่

ลาแสงจากไฟฉายของหัวหน้าชุดส่องไปเหนือห้าง เขาใช้มือเปิ ดปิ ดเป็ นจังหวะอยูน่ าน แต่ไม่มีสัญญาณใดตอบ


กลับ

“พอเถอะพี่ฤทธิ์” จ่ามหันต์ปราม “ทางานตั้งโต๊ะได้ไม่เท่าไหร่ ดูท่าสัญชาตญาณนักล่าของพี่มนั จะทื่อไปหมดแล้ว


นะ พี่ดูนนั่ ”

จ่ามหันต์ช้ ีปลายกระบอกปื นไปบริ เวณลาต้น ถึงจะอยูไ่ กล แต่แสงน้อยนิดจากไฟฉายสองกระบอก ก็เพียงพอให้


เห็นบางสิ่ ง

โลหิตสี แดงสดไหลเป็ นทางจากห้างเบื้องบน ลงสู่พ้นื เบื้องล่าง...


สมิงเขาขวาง 26

จบบทที่ ๖
...............................................................................
แสงจากไฟฉายตัดผ่านความมืดส่องกระทบกับรอยเลือดที่อาบอยูบ่ นเปลือกไม้ บริ เวณโคนต้น ดอกไม้แห้ง ๆ สี
เหลืองถูกย้อมด้วยโลหิตจนเป็ นสี ส้ม จ่ามหันต์จอ้ ง และเขาพูดกับตัวเองเบา ๆ

“คิดยังไงไปขัดห้างบนต้นประดู่วะ”

“แกว่ายังไงนะ” ฤทธิ์ถามทันที

“สาหรับที่อื่นฉันไม่รู้ แต่สาหรับที่นี่ ที่เขาขวาง ต้นประดู่เป็ นไม้ตอ้ งห้าม ใครเป็ นคนเลือกที่จะขัดห้างตรงนี้วะ”

“พี่ไม่รู้วะ่ แต่คิดว่าน่าจะเป็ นเจ้าแซม ไม่ก็พรานที่ไม่ยอมตามมากับเรา แล้วที่แกบอกว่าเป็ นไม้ตอ้ งห้ามของที่นี่มนั


หมายความว่ายังไง” ฤทธิ์ถามด้วยความสงสัย

“เอาน่า นี่ไม่ใช่เวลามาตั้งมาตอบคาถามนะพี่ฤทธิ์ เรามีเรื่ องสาคัญกว่ารออยู”่ จ่าพยักพเยิดไปข้างหน้า ทั้งสามคน


ค่อย ๆ ย่องเข้าไปเงียบกริ บ ยิง่ เข้าใกล้ ยิง่ ต้องยอมรับโดยดุษฎีวา่ สิ่ งที่ไหลอาบอยูบ่ นลาต้น ไม่ใช่ยางไม้แน่นอน
มันเป็ นเลือดจริ ง ๆ แต่คาถามคือ เลือดใคร?

“สารเลวเอ้ย แล้วเลือดใครวะ เลือดไอ้เสื อผีตวั นั้นที่หลบขึ้นไปซุ่มรอขบสมองพวกเรา หรื อเลือดของใครกันแน่ เอา


ยังไงดีมหันต์”

อดีตสิ บโทยกมือให้สัญญาณให้ทุกคนชะลอฝี เท้า

“ไม่อยากมองโลกในแง่ร้ายนะพี่ฤทธิ์ แต่ฉนั ว่าไม่ใช่ไอ้ลายนัน่ หรอก เลือดไหลเยอะผิดกับบาดแผลของมันที่เรา


เห็น”
สมิงเขาขวาง 27

“เอาแบบนี้ครับหมวด” ยักษ์เอ่ยขึ้นหลังจากเป็ นผูฟ้ ังมาตลอดทาง “เดี๋ยวผมปี นขึ้นไปดูเองว่าเลือดใครกันแน่ หมวด


กับจ่าช่วยส่องไฟแล้วก็คมุ ้ กันให้หน่อย”

พลทหารใจกล้าปราดเข้าไปประชิดและวางปื นพิงต้นไม้แผ่วเบา เขาใช้มือแตะน้ าสี แดง นามาถูกบั ปลายนิ้วแล้วสูด


เบา ๆ ก่อนจะส่ ายหน้า จากนั้นค่อย ๆ ปี นขึ้นไปอย่างคล่องแคล่ว โหนตัวขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่ทอดตัวยาวจากลาต้น
แล้วสื บเท้าอย่างมัน่ คงบนกิ่งประดู่ เมื่อใกล้ถึงห้าง เขาล้วงมีดปลายแหลมยาวฟุตเศษมากาไว้แน่น ทหารหนุ่มสูดลม
หายใจลึกและยาวหลายครั้ง และก้าวเข้าใกล้ไปเรื่ อย ๆ

เมื่อเดินมาจนประชิดขอบห้าง ยักษ์คว้ากิ่งขนาดเท่าแขน และดึงตัวขึ้นไปด้านบนห้างช้า ๆ สายตาจ้องไปความมืด


บนลานราบเหนือห้าง

ทหารหนุ่มเงียบหายไปชัว่ อึดใจ ก่อนโผล่ออกมา สี หน้าดูเศร้าหมอง

“พี่แซมครับหมวด... น่าจะไม่รอด นอนจมกองเลือดเลย”

เป็ นอันกระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าเลือดใครที่ไหลชะโลมบนเปลือกต้นประดู่ป่า หัวหน้าชุดหน้าถอดสี ภารกิจล่าเจ้าเสื อ


ร้ายส่งผลร้ายแรงเสี ยแล้ว

“มันตายรึ ยงั ลองดูดี ๆ สิ ” ฤทธิ์ถามด้วยความร้อนรุ่ ม

ยักษ์เองก็ยงั ไม่แน่แก่ใจนัก เห็นร่ างนายทหารรุ่ นพี่นอนจมกองเลือด ก็คาดเดาเอาเองว่าจ่าแซมคงสิ้นใจไปแล้ว เขา


หยิบคบไฟอันสุดท้ายขึ้นมาจุดและแขวนไว้กบั กิ่งประดู่เล็ก ๆ เตรี ยมที่จะตรวจสภาพศพอีกครั้ง

“เดี๋ยวฉันตามขึ้นไปดูเอง เผือ่ มันอาจจะแค่สลบไป พี่ฤทธิ์คอยอยูต่ รงนี้”

จริ งอยู่ จ่ามหันต์มีความรู ้ความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์แผนโบราณ เรื่ องง่าย ๆ แค่แยกแยะคนเป็ นกับคนตาย


สามารถทาได้ไม่ยากเย็นอยูแ่ ล้ว แต่จ่ามหันต์อยากจะตรวจสอบอะไรบางอย่างกับร่ างจ่าแซม เขาตลบปื นไปสะพาย
สมิงเขาขวาง 28

ไว้ดา้ นหลัง พนมมือขอขมา แล้วคว้ากิ่งไม้ใหญ่ที่แผ่ออกรอบทิศทาง ค่อย ๆ ตะเกียกตะกายจนขึ้นไปยืนอยูบ่ นกิ่ง


ขนาดใหญ่กิ่งนั้นสาเร็จ หอบตัวโยน ค่าคืนนี้ช่างยาวนานและเหนื่อยยากทั้งกายและใจจริ ง ๆ อดีตสิ บโทใช้มือจับ
กิ่งเล็ก ๆ เหนือศีรษะ แล้วเดินกระย่องกระแย่งช้า ๆ มุ่งไปยังห้าง

แม้ยงั ไม่ถึงที่หมาย แต่แสงจากคบไฟส่องให้เห็นร่ างจ่าแซมนอนคว่าอยูบ่ นห้าง บาดแผลฉกรรจ์มีอยูส่ องจุด หนึ่ง


คือที่ลาคอมีรอยถูกขย้าจนเหวอะหวะ สองมีรอยเล็บลึกและยาวตั้งแต่ไหปลาร้ายาวไปจนถึงกลางหลัง เลือดทะลัก
ออกเป็ นลิ่ม ๆ ไหลริ นลงสู่พ้นื

จากสภาพบาดแผลที่ปรากฏ ฟันธงลงความเห็นได้ไม่ยากว่าจ่าแซมจากพวกเขาไปแล้ว...

จ่ามหันต์หยุดยืนบนกิ่งไม้ที่ส่ายไปมา มองร่ างเพื่อนร่ วมทีมที่นอนจมกองเลือด แล้วแวบหนึ่งเหมือนจะมีความหวัง


เมื่อเขาไปยินเสี ยงดังเบา ๆ

“ช่วยด้วย…”

จ่ามหันต์จอ้ งเขม็งไปที่ร่างจ่าแซม แต่เสี ยงไม่ได้ดงั มาจากร่ างที่นอนแน่นิ่ง มันดังมาจากด้านหลัง?

อดีตสิ บโทหันกลับไปมอง มีเสี ยงใครบางคนครวญครางอยูจ่ ริ ง


เขาจาได้วา่ เป็ นหนึ่งในพลทหารที่ร่วมเดินทางแน่นอน จึงกวาดสายตามองสูงขึ้นไปตามเสี ยง มันมาจากข้างบน ใน
ดงประดู่ป่า

และจ่ามหันต์ไม่ได้หูฝาด เมื่อฤทธิ์อทุ านเบา ๆ หันรี หันขวาง

“ไอ้นอ้ ย... ไอ้นอ้ ย” แล้วจึงตะโกนก้องด้วยความกังวล


“ไอ้นอ้ ย นัน่ แกใช่ไหม อยูไ่ หนตอบด้วย”
สมิงเขาขวาง 29

น่าแปลกที่มีเสี ยงแว่วตอบกลับมาราวกับนัง่ สนทนากันอยูต่ รงหน้า “นายช่วยด้วย ผมอยูน่ ี่...”

ฤทธิ์เหลียวกลับไปมองจ่ามหันต์ซ่ ึงยืนส่ายหน้าอยูบ่ นกิ่งไม้

“ไม่นะพี่ฤทธิ์ รออยูต่ รงนั้น”

ร้อยโทหัวหน้าชุดขบกรามขึ้นนูนเป็ นสัน เขาหันสลับไปมาระหว่างเพื่อนสนิทซึ่งเปรี ยบดังพี่นอ้ ง กับเสี ยงขอความ


ช่วยเหลือของทหารใต้บงั คับบัญชาที่ดงั แว่วอยูใ่ นความมืด เมื่อตัดสิ นใจได้ ฤทธิ์เลือกจะวิ่งฝ่ าเข้าไปในความมืด เขา
ตะโกนกลับมา

“เสี ยงมันดังอยูไ่ ม่ไกล พี่จะล่วงไปดูก่อน กลัวไม่ทนั การณ์ พี่ไม่อยากเสี ยใครในทีมอีกแล้ว แกกับยักษ์รีบตามมาละ


กัน” พูดจบแผ่นหลังของหัวหน้าชุดก็กลืนหายไปในความมืด

จ่ามหันต์เห็นเช่นนั้นก็บนั ดาลโทสะ ใช้ฝ่ามือทุบไปที่กิ่งไม้เหนือศีรษะอย่างแรงพร้อมสบถลัน่

“ปัดโธ่โว้ย!”

อดีตร้อยโทซึ่งอายุเฉียดเลขห้ากลืนน้ าลายลงคอก่อนกระโดดจากกิ่งไม้ลงสู่พ้นื เสี ยงดัง ตุบ! เขาเสี ยหลักเซถลา


คลานสี่ ขา แต่เมื่อลุกขึ้นได้ก็ตวัดปื นที่สะพายมากุมไว้แน่น แล้วหันไปสั่งพลทหารที่ยนื ตะลึงอยูบ่ นห้าง

“รี บตามมาให้ไวเลยไอ้หนุ่ม” แล้วอดีตร้อยโทก็วิ่งตามหัวหน้าชุดไปทันที

ฤทธิ์วิ่งสะเปะสะปะตามเสียงที่ยงั คงแว่วอยู่ แต่ดว้ ยความไม่ชานาญพื้นที่หรื ออาจเพราะร้างราจากการเดินป่ ามา


นานจึงต้องชะลอฝี เท้าแล้วเงี่ยหูฟัง เสี ยงเรี ยกนั้นเบาลง ๆ จนเงียบไป

ความมืด สายลม สายฝน โอบล้อมร่ างหัวหน้าชุดที่ยนื เดียวดายฤทธิ์จึงเริ่ มรับรู ้ถึงความไม่ชอบมาพากล ความ


หุนหันพลันแล่น แบบไม่ดูตาม้าตาเรื อ กาลังถูกตอบแทนอย่างสาสม เขายกปื นขึ้น ภาวนาเบา ๆ
สมิงเขาขวาง 30

“พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกช้างด้วยเถิด”

เป็ นจังหวะเดียวกับที่ใครคนหนึ่งโผล่พรวดมาจากพงไม้รกชัฏ ทั้งสองต่างตวัดปื นเข้าหากัน ละอองฝนที่โปรยปราย


ไม่ขาดสายทาให้ชายทั้งสองมองเห็นกันได้ไม่ถนัดนัก มือของทัง่ คู่สั่นเทาด้วยความกลัวและสับสน เมื่อต่างคนต่าง
คิดเช่นเดียวกันว่า 'คนที่อยูต่ รงหน้าคือหนึ่งในเพื่อนร่ วมทีม หรื อเป็ นไอ้ลายจอมเจ้าเล่ห์จาแลงมากันแน่'

จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ สติร้อยโทหัวหน้าชุดคงอยูค่ รบถ้วนไม่ตื่นกลัว ซ้ ายังคิดถึงบางสิ่ งที่สามารถตรวจสอบ


ได้ดีและง่ายที่สุดว่าคนตรงหน้าเป็ นมิตรหรื อศัตรู

สิ่ งนั้นคือ ‘ไฟ’

ฤทธิ์ลว้ งไฟแช็คขึ้นมาจุดเสียงดัง แช๊ะ แช๊ะ แล้วเปลวไฟสี ส้มก็สว่างวาบขึ้นในความมืด...

แม้จะช้าไปบ้าง แต่ร้อยโทคิดว่าที่ตนเองกล้าเผชิญอย่างอาจหาญมาจากสัญชาตญาณนักล่าของตนเริ่ มกลับคืนมาที


ละน้อย เขาโยนไฟแช็คลอยคว้างกลางอากาศ และตกลงสู่พ้นื แทบเท้าชายฉกรรจ์ที่ยนื ประจันหน้ากันอยู่

“ตาแกล่ะ... มหันต์ ถ้าไม่จุดกูยงิ ไส้แตกแน่”

จบบทที่ ๗
..........................................................

สมิงเขาขวาง ตอนที่ ๘

ฤทธิ์เล็งปื นไปที่ศีรษะของจ่ามหันต์ ระยะใกล้เพียงเท่านี้ ถึงพลาดเป้าก็คงไม่เกินคืบ ทั้งคู่ยนื สบตากันนิ่ง อดีตสิ บ


โทถอนหายใจก้มลงไปหยิบไฟแช็คขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวา
สมิงเขาขวาง 31

“ฉลาดดี แต่ทีหน้าทีหลังเพิม่ ความเฉลียวเข้าไปด้วยนะพี่ฤทธิ์ คิดยังไงวิ่งพรวดพราดมาคนเดียวแบบนั้น”

แล้วจ่ามหันต์ก็จุดไฟแช็ค ไกวไปมาตรงหน้า แล้วโยนเจ้าสิ่ งนั้นคืนให้หมวดผูพ้ ิสมัยการล่าสัตว์

“พี่รู้ได้ยงั ไงว่านัน่ เป็ นเสี ยงของลูกน้องพี่ ไม่ใช่เสี ยงไอ้ลาย” จ่ามหันต์พูดพร้อมสารวจสภาพแวดล้อมรอบตัว เยื้อง


เหนือศีรษะไปเกือบเมตรเป็ นลานหินโล่ง ซึ่งรายล้อมไปด้วยต้นประดู่ และหากจาไม่ผดิ ถ้าเดินเท้าผ่านลานหิน
สูงขึ้นไปอีกราวร้อยเมตร จะถึงผา ที่เขาเคยเห็นเงาของใครบางคน

“ไม่รู้โว้ย ไม่รู้อะไรทั้งนั้นล่ะ พอมาถึงตรงนี้ เสี ยงมันก็ดนั เสื อกหายไป สับสนไปหมด ไม่รู้วา่ โดนเสื อคาบไปแล้ว
หรื อเป็ นฤทธิ์เดชไอ้ลายกันแน่” ฤทธิ์สบถเสี ยงดังด้วยความเครี ยด “พี่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ยังคิดอยูว่ า่
ตัวเองฝันไปรึ เปล่า เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเห็นคนกลายเป็ นเสื อ เสื อกลายเป็ นคน พี่ยอมรับว่าตอนได้ยนิ
ข่าว ยังขาไม่หาย คิดอยูว่ า่ ใครมันกุข่าวเรื่ องเสื อผีตวั นี้ ก็ไม่สนคาคน เลือดลมมันสูบฉีดพลุ่งพล่านอยากล่าขึ้นมาซะ
งั้น แล้วเป็ นไง ตอนนี้ตอ้ งเป็ นฝ่ ายถูกล่าแทนซะงั้น”

จ่ามหันต์ตรวจดูปืนคู่ใจให้พร้อมใช้งานอีกครั้ง ณ เวลานี้เขาต้องทะนุถนอมและรักมันยิง่ กว่าเมีย

“เอาเถอะ ยังบอกไม่ได้หรอกว่าใครเป็ นฝ่ ายถูกล่า พวกเราก็ซดั มันไปโป้งหนึ่ง คงเจ็บไม่นอ้ ย”

จ่ามหันต์พยายามพูดโน้มน้าวให้เพื่อนสนิทฮึกเหิม ให้จดจาความรู ้สึกพลุ่งพล่านตอนเผชิญหน้ากันเมื่อสักครู่ ทั้งที่


ในใจของอดีตสิ บโทคิดอย่างหวาด ๆ ว่า

เสื อเจ็บนี่ล่ะอันตราย และมันจะทวีความอันตรายมากขึ้นแค่ไหนเมื่อไอ้ลายตัวนี้หาใช่เสื อธรรมดา

“ว่าแต่ยกั ษ์ไปไหนวะ” หัวหน้าชุดถาม จ่ามหันต์เองก็ลืมไปสนิท มัวแต่ร้อนใจวิง่ ตามหาเพื่อนรักที่ ณ ช่วงเวลานั้น


ดูสุ่มเสี่ ยงมากกว่า กลายเป็ นว่าตามเจอหนึ่ง แต่หายไปอีกหนึ่ง และมันเป็ นความสะเพร่ าของเขาเอง
สมิงเขาขวาง 32

“เวรเอ้ย มัวแต่เป็ นห่วงพี่เลยรี บวิ่งตามมา ลืมนึกไปว่าไอ้หนุ่มนัน่ มันอยูบ่ นห้าง กว่าจะปี นลงมาคงต้องใช้เวลาสัก


พัก”

ทั้งสองปรึ กษากันอย่างเคร่ งเครี ยด ก่อนลงความเห็นกันว่าจะเดินย้อนกลับไปหายักษ์เป็ นเบื้องต้น แล้วค่อยตามหา


สมาชิกอื่น ๆ กันต่อไปตามลาดับ

หยาดฝนยังคงโปรยปรายทัว่ อาณาเขตเขาขวาง โชคดีที่ลานหินด้านบนกันไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนถูกซับโดยใบไม้


หนาทึบ หากขึ้นไปยืนบนลานหินโล่งที่วา่ จะมองเห็นทิวเขายาวไปจนบรรจบกับภูเขาอีกลูก ที่คนเฒ่าคนแก่บอกว่า
อาถรรพ์แรงไม่แพ้เขาขวางแห่งนี้

ฤทธิ์รู้สึกผิดไม่นอ้ ย ที่ดนั ทุรังนาทีมตามล่าไอ้ลายทั้งที่หลายคนพยายามคัดค้าน ผลคือเสี ยทหารในบังคับบัญชาไป


แล้วหนึ่ง ที่เหลือยังไม่รู้ชะตากรรม

“ขอโทษจริ ง ๆ ว่ะ ที่ไม่เชื่อแกตั้งแต่แรก จ่าแซมจึงต้องมาทิง้ ชีวิตในป่ าเวรเนี่ย”

จ่ามหันต์ได้ยนิ เช่นนั้นก็ชกั สี หน้าและพูดสั้น ๆ เพียงว่า อยูใ่ นป่ าในเขา ให้ระมัดระวังคาพูด ในเมืองศิวิไลซ์ผเู ้ จริ ญ
แล้วทั้งหลายเลือกที่จะเชื่อหลักวิทยาศาสตร์ เชื่อหลักฐานและการพิสูจน์ แต่ในป่ าห่างไกลความเจริ ญ ยังมีบางสิ่ งที่
ซ่อนเร้นอยูใ่ นเงามืดไม่สามารถพิสูจน์ได้ ดังเช่นเจ้าเสื อผีจากเทือกเขาแห่งนี้

ฤทธิ์พนมมือขอโทษขอโพยแทบไม่ทนั

“พรานชัชก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ไม่รู้เป็ นตายร้ายดียงั ไง”

“อย่ากังวลไปเลย" จ่ามหันต์เปรย "พรานคนนี้ฝีมือไม่เบาทีเดียว คงไม่พลาดท่าเสี ยทีไอ้ลายง่าย ๆ หรอก แต่ฉนั


สงสัยอยูอ่ ย่างเดียว”

“อะไรวะ” ฤทธิ์ถามต่อ
สมิงเขาขวาง 33

สายตาของอดีตสิ บโทมองกวาดไปในความมืดรอบตัว ก่อนมาหยุดที่หวั หน้าชุด

“สงสัยว่าพรานคนนี้สนใจจะปราบไอ้ลายมากกว่าห่วงความปลอดภัยของพวกเรารึ เปล่าเนี่ยสิ ฉันสังเกตมาสักพัก


แล้วนะ ถ้าไม่นบั พี่ พรานชัชดูอยากจะประจันหน้ากับไอ้ลายตัวนี้เหลือเกิน ฉันไม่อยากคิดเลยว่าพรานชัชสนใจ
อยากจะได้บางสิ่ งจากเจ้าเสื อตัวนี้ อาจจะเป็ นเขี้ยวมันก็ได้ คงมีคนไม่นอ้ ยยอมจ่ายเงินเรื อนหมื่นเพื่อมัน”

ฤทธิ์ได้ยนิ เช่นนั้น จึงถามซอกแซกเรื่ องราคาค่างวดของเขี้ยวเสื อสมิงอยูเ่ นื่อง ๆ ความโลภโมโทสันเริ่ มเกาะกุม


จิตใจตามวิสัยของสิ่ งมีชีวิตที่เรี ยกว่ามนุษย์ ทั้งสองเดินย้อนกลับไปทางเก่า เลียบลานหิน ผ่านพุ่มไม้นอ้ ยใหญ่ และ
ตัดเข้าสู่ดงประดู่ ดอกสี เหลืองละลานเต็มพื้น จ่ามหันต์รู้สึกไม่คอ่ ยดีนกั ที่ตอ้ งเดินเข้าในทุมประดู่ พยายามเร่ งฝี เท้า
ให้เร็วยิง่ ขึ้น

“ช้า ๆ หน่อยสิ วะ่ พี่ตามไม่ทนั ” ฤทธิ์บ่นอุบ


“ฉันเป็ นห่วงไอ้หนุ่มนัน่ ไม่น่าบอกให้มนั วิง่ ตามมาเล้ย” จ่ามหันต์รู้สึกผิดไม่นอ้ ย หากพลทหารหน้าใหม่คนนั้น
เป็ นอะไร คงเป็ นตราบาปในใจไปชัว่ ชีวิต

จนเมื่อผ่านหมู่หินระเกะระกะ ปกคลุมด้วยต้นประดู่ป่าใหญ่ขนาดสองคนโอบ จ่ามหันต์ได้ยนิ เสี ยงดังอยูใ่ กล้ ๆ

“เงียบ ๆ กันหน่อยถ้าไม่อยากตาย”

สองนายทหารวาดปื นไปทางต้นเสี ยงทันที บนแผ่นหินก้อนใหญ่ ที่คาดว่าทรุ ดตัวจากลานหิน คราแรกไม่เห็นสิ่ งใด


นอกจากเงาทะมึนของภูเขาที่ต้งั ตระหง่านเป็ นฉากหลัง แต่เมื่อเพ่งชัด ๆ ก็เห็นลากล้องปื นลูกซองโผล่มาเหนือก้อน
หิน ชัว่ อึดใจเงาใครคนหนึ่งเขยื้อนกายออกมาจากหมู่ไม้

“พรานชัช!” ฤทธิ์แค่นเสี ยงบอกด้วยความดีใจ เมื่อได้พบกับพรานนาทางอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานตั้งแต่ช่วง


หัวค่า “ปลอดภัยดีใช่ไหม แล้วทหารที่ไปกับพี่อยูไ่ หน แล้วเจอคนอื่นมั้ย?”
สมิงเขาขวาง 34

“เจอแล้ว” พรานตอบกลับ “เหลือจ่าคนสนิทของนายทหารคนเดียวที่ยงั ไม่เจอ ไม่รู้ไปอยูไ่ หน สงสัยคงเตลิด


กลับไปเชิงเขาแล้วกระมัง” พรานตอบสายตาจับจ้องไปในความมืด จ่ามหันต์ชาเลืองมองหัวหน้าชุดก่อนตอบเบา ๆ

“จ่าแซมตายแล้วพราน ตายอยูบ่ นห้าง โดนไอ้ลายเล่นไปแล้ว”


พรานเหลือบตามามองพินิจบุรษที่ยนื อยูเ่ บื้องล่าง ก็หนั กลับไปมองดงประดู่ ใบหน้าเหี้ยมเกรี ยม

"ลูกน้องนายไม่ตายเปล่าแน่ ผมจะจัดการไอ้เสื อผีตวั นี้ให้จงได้”

“ว่าแต่พรานไปไงมาไงถึงมาซุ่มอยูต่ รงนี้” จ่ามหันต์ถาม

พรานมือฉมังค่อย ๆ ลาดับเหตุการณ์ “หลังแยกออกมาไม่นาน ผมเจอทหารอีกคนแถวลานหินนี่ล่ะ จากนั้นได้ยนิ


เสี ยงปื นดังสนัน่ ลัน่ ป่ าจึงรี บพากันกลับที่หา้ งจึงรู ้วา่ พวกนายทหารออกตามล่าไอ้ลายกันแล้ว ขอโทษที่ตอ้ งบอกว่า
มันเป็ นความคิดที่ไม่เข้าท่าเลยนะ”

ฤทธิ์กบั จ่ามหันต์ไม่มีคาแก้ตวั ใด ๆ สาหรับข้อกล่าวหานี้

“ผมทิ้งทหารทั้งสองคนไว้ที่หา้ ง แล้วตามรอยไอ้เสื อผีตวั นั้นมาเรื่ อย ๆ มันเจ้าเล่ห์ไม่เบาทีเดียว พลางตัว ซ่อนเร้น


หลอกล่อ ทาเอาเกือบหลงทาง ได้ยนิ มันเลียนเสียงคนเมื่อตะกี้ม้ยั ล่ะ เหมือนจนน่ากลัว” พรานหัวเราะหึ ๆ ในลาคอ
“ถ้าไม่เจอทหารที่ชื่อน้อยก่อนหน้านี้ ผมอาจจะหลงกลเหมือนกัน รอยเท้ามันมุ่งย้อนกลับมาแถวนี้ล่ะ ท่าทางเจ็บไม่
หยอกทีเดียว คงโดนพวกนายทหารเล่นมาสิ ท่า”

พรานพยักพเยิดไปทางทุมประดู่ เขาคารามกับตัวเองเบา ๆ

“มันอยูท่ างนั้น”

บริ เวณที่วา่ เป็ นจุดที่จ่ามหันต์ไม่คิดจะเฉียดเข้าไปใกล้แม้สักนิด มันเป็ นป่ ารกชัฏ ปกคลุมด้วยแนวต้นประดู่ป่าและ


รกครึ้ มไปด้วยวัชพืช เพียงแค่มองชัว่ ครู่ ก็เหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในความมืด
สมิงเขาขวาง 35

“แล้วเราจะเอายังไงกับมันดี” ฤทธิ์ถามต่อ

“ไม่วา่ จะจาแลงอยูใ่ นร่ างไหน มันก็ร้ายนัก ถ้าอยากฆ่ามัน ก็คงต้องตัดสิ นใจตอนนี้เลยก่อนที่จะสายเกินไป” พราน


เอ่ยแผ่วเบาไม่ละสายตาจากตาแหน่งเดิมแม้แต่นอ้ ย แล้วพูดต่อ “มันซุ่มอยูต่ รงดงประดู่ใต้ซอกหินตรงนั้น ผมให้
นายทหารเป็ นคนตัดสิ นใจ ว่าจะลุยกับมัน หรื อปล่อยให้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอีก”

ภาระในการตัดสิ นใจทิ้งลงบนบ่าร้อยโทฤทธิ์ หากเดินหน้าต่อ นัน่ หมายถึงความเสี่ ยงในระดับเอาชีวิตเข้าแลก แต่


กลับกันหากยกเลิกภารกิจเสี ยแต่ตอนนี้ โอกาสมีชีวิตรอดก็เพิ่มสูงเป็ นทวีคูณ นับเป็ นการตัดสิ นใจที่ยากยิง่ ครั้งหนึ่ง
ในชีวิต

จ่ามหันต์จบั จ้องอากัปกิริยาเพื่อนสนิท ก็พอเดาออกว่าอยูใ่ นภาวะสองจิตสองใจ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

อดีตสิ บโทเดินเข้าไปใกล้ จับบ่าและออกแรงบีบ

“พี่กบั ฉันเคยพูดกันแล้วไม่ใช่เหรอ ในสมัยที่ปฏิบตั ิภารกิจด้วยกันว่า หลับเถิดชาวประชา อันตัวข้าจะคุม้ ภัย”

จ่ามหันต์ยมิ้ น้อย ๆ และเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“งานนี้ถา้ มันไม่มอดก็เรานี่ล่ะที่มว้ ย”

จบบทที่ ๘
...................................................................
ปริ มาณฝนเริ่ มเบาบางลง เร็วกว่าที่คาดไว้ แต่มนั ถูกแทนที่ดว้ ยสายลมโหม แทรกผ่านขุนเขาและแมกไม้ ส่งเสี ยง
ครวญครางชวนให้หวัน่ ใจไม่นอ้ ย กิ่งไม้ขนาดย่อมที่มิอาจต้านทานแรงลม หลุดร่ วงเป็ นระยะ
สมิงเขาขวาง 36

ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยูบ่ า้ ง พรานชัชให้ความมัน่ อกมัน่ ใจว่า ไม่เห็นสิ่ งมีชีวิตใดย่างกรายเข้าหรื อ


ออกไปจากทุมประดู่ นัน่ หมายความว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ไม่ตอ้ งกังวลกับภัยมืดที่ซ่อนเร้นอยูใ่ นป่ าแห่งนี้

ทั้งสามคนตระเตรี ยมความพร้อมเพื่อการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับเจ้าเสื อร้ายแห่งเขาขวาง สิ่ งมีชีวิตลึกลับที่พ้นื เพ


เป็ นคนหรื อสัตว์ก็ไม่อาจสื บทราบ คนเฒ่าคนแก่มกั เล่าว่า เสื อสมิง คือเสื อที่กินคนเข้าไปมากจนมีความคิด เจ้าเล่ห์
เจ้ากล สามารถจาแลงรู ปร่ างเป็ นคนได้โดยที่สามารถซุกซ่อนสัญชาตญาณสัตว์ป่าไว้ภายใต้รูปลักษณ์ของมนุษย์

“ไม่ตอ้ งกังวลนะนายทหาร ถึงไอ้ลายตัวนี้มนั จะร้ายไม่หยอก แต่ผมแน่ใจว่าการาบมันได้ ขอเพียงยิงมันด้วยกระสุน


นี้ ไอ้ลายสิ้นฤทธิ์แน่ ” พรานชัชคารามด้วยความแน่วแน่ สร้างความอุ่นใจให้หวั หน้าชุดไม่นอ้ ย

“กระสุนของพรานชัชเป็ นกระสุนเวทย์มนต์ อาคมแบบที่ได้ยนิ ในนิยายรึ ถึงแน่ใจว่ามันจะล้มไอ้ลายได้ ก่อนหน้านี้


พวกฉันซัดโดนเต็ม ๆ มันยังลุกขึ้นมาวิง่ ปร๋ อ”

“ก็ประมาณนั้นครับ เวลาผมแวะเวียนไปตามตะเข็บชายแดนไทยพม่า มักจะไปพบพระธุดงค์ที่เคารพนับถือกันอยู่


ท่านก็เมตตาปลุกเสกให้กระสุนเป็ นบางครั้ง แต่จานวนมันก็ไม่ได้มากมายนัก หากไม่จาเป็ นจริ ง ๆ ผมก็ไม่อยาก
ใช้”

“มันเด็ดขนาดนั้นเลยเหรอ” ฤทธิ์ถามด้วยความสนใจในขณะที่กม้ มองอาวุธคู่กาย “แต่น่าเสี ยมันคงใส่ปืนกระบอก


นี้ไม่ได้”

พรานยิม้ น้อย ๆ “แต่ปืนผมกับของจ่าเป็ นแบบเดียวกัน จ่าพกติดตัวไว้สักเม็ดสองเม็ดละกัน เชื่อผมเถอะว่าจ่าจะไม่


เสี ยใจ”
พรานชัชยืน่ กระสุนปลุกเสกให้สองนัด อดีตสิ บโทพยักหน้ารับไว้ดว้ ยความยินดี

“เอาล่ะ ชักช้าจะเสี ยการ” พรานชัชยืนหลับตานิ่งและพูดเบา ๆ

“เราไปจบเรื่ องนี้กนั เถอะ”


สมิงเขาขวาง 37

หนึ่งพรานกับสองชายชาติทหารกระชับปื นมัน่ สื บเท้าเข้าไปทางดงประดู่ป่าที่แสนมืดมิด...

ภูมิประเทศของทิวเขาแถบนี้ส่วนใหญ่เป็ นป่ าโปร่ ง จุดเดียวที่ดูทึบทะมึน คือบริ เวณที่บุรุษทั้งสามกาลังเยื้องย่างเข้า


ไป มันเป็ นลานหินรายล้อมไปด้วยประดู่ป่าและพันธุ์ไม้นานาชนิด ด้านหนึ่งเป็ นเนินหินไต่ระดับขึ้นยอดเขา อีก
ด้านเป็ นโตรกสูงราวสามเมตร

เมื่อมียอดพรานอยูใ่ กล้ ๆ ร้อยโทฤทธิ์รู้สึกอุ่นใจขึ้น ในขณะที่พรานชาวบ้านคนอื่นเลือกที่จะเลี่ยงไม่ยอมเผชิญหน้า


กับเสื อผีตวั นี้ มีเพียงพรานชัชคนเดียวที่ยงั บุกบ่าตามมากับทีมล่าไอ้ลาย

ยิง่ ใกล้ดงประดู่มากเท่าไหร่ ทั้งสามยิง่ ระแวดระวังตัวมากขึ้น สายตาที่ชินกับความมืดจับจ้องทุกสิ่ งที่สามารถขยับ


เขยื้อนได้

เมื่อเข้ามาอยูใ่ ต้ร่มเงาของทุมประดู่ ชายฉกรรจ์ท้งั สามสัมผัสได้ถึงมวลอากาศเย็นเยียบ หมอกจาง ๆ ลอยเรี่ ยสูง


ระดับเข่า เสี ยงพรานกาชับเบา ๆ ตลอดเวลาให้เดินช้าอย่างระวัง อย่าแตกกลุ่มเด็ดขาด จากนั้นยอดพรานยกปื น
ขึ้นมาพนมไว้แนบอก พึมพาบริ กรรมคาถา จ่ามหันต์เองก็ใช่คนไร้ฝีมือ ถึงไม่เชี่ยวชาญถึงแก่นแท้ของไสยศาสตร์
เวทมนต์คาถา แต่กม็ ีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ เขาล้วงไปหยิบตะกรุ ดประจาตัวขึ้นมาแล้วส่งให้ฤทธิ์ พร้อมบอก
ให้เกลอสนิทเก็บไว้ให้ดี ส่ วนตนเองยกสร้อยพระขึ้นมาจรดเหนือศีรษะ บนบานอธิษฐานให้แคล้วคลาดผ่านค่าคืน
อันน่าระทึกขวัญ

'ลูกช้างไม่มีเจตนาไม่ดีแม้แต่นอ
้ ย ที่ลุกล้ าเข้ามาในที่แห่งนี้ ก็ดว้ ยต้องการการาบเสื อร้ายที่คุกคามชาวบ้านชาวช่อง
เท่านั้น หาได้คิดลบหลู่แม้เพียงสักนิด ขอให้เจ้าป่ าเขา เจ้าที่เจ้าทางคุม้ ครองปกปักษ์รักษาตนและเพื่อนทุกคนด้วย
เถิด'

ในขณะที่จ่ามหันต์กาลังอาราธนาทุกบทสวดเท่าที่สมองชายวัยสี่ สิบกว่าย่างห้าสิ บจะจาได้ พรานชัชซึ่งเดินระวัง


หลังถามขึ้นมาเบา ๆ

“ว่าแต่พวกนายทหารแน่ใจนะว่าจ่าแซมตายแล้ว ตรวจศพกันแล้วใช่ม้ยั ?”
สมิงเขาขวาง 38

คาถามนั้นทาให้จ่ามหันต์จาต้องชะงักทันที
“พรานชัชหมายความว่ายังไง” เขาถามกลับ

พรานจ้องตาอดีตสิ บโทก่อนตอบ “จ่าน่าจะรู ้นะว่าไอ้ลายมันร้ายแค่ไหน มันอาจจะตบตาพวกเราก็ได้ ผมถึงถามไง


ว่าตรวจศพจนแน่แก่ใจว่าจ่าแซมตายแล้วใช่ม้ยั ”

จ่ามหันต์เหลือบตาไปมองหัวหน้าชุดทันที ความเป็ นจริ งคือเขาเพียงเห็นศพและบาดแผลจากระยะสามเมตรใน


ความมืดสลัวเท่านั้น ยังไม่มีโอกาสเข้าไปสารวจตรวจสอบให้แน่ใจเพื่อนตัวดีก็วิ่งตามเสี ยงลึกลับไปก่อน
เดือดร้อนให้เขาต้องวิง่ ห้อตามมาติด ๆ ครั้นพรานนาทางทักขึ้น อดีตสิ บโทก็ยงิ่ รู ้สึกว่าตนเองทาพลาดมหันต์ที่ไม่
ยอมตรวจสภาพศพให้แน่แก่ใจ นัน่ ยังไม่รวมกับที่ทิ้งนายทหารคนหนึ่งไว้คนเดียวในสถานการณ์คาบลูกคาบดอก
เช่นนี้

“เงียบแบบนี้แสดงว่าคงไม่ได้ตรวจกันล่ะสิ จ่าก็อยูใ่ นวงการนี้มานาน ไม่น่าพลาดเรื่ องง่าย ๆ แบบนี้นะ” พรานชัช


แสยะยิม้ ก่อนเปรย “อย่าหาว่าผมคิดมากเลย บอกตรง ๆ ว่าอยูใ่ ต้ผืนป่ าแล้วไม่เคยไว้ใจอะไรนอกจากตัวเองกับปื น
กระบอกนี้”

จ่ามหันต์นิ่งงันพูดอะไรไม่ออก

“น่าเสี ยดาย” พรานชัชพูดต่อ “น่าจะชวนไอ้หนุ่มที่ชื่อยักษ์มาด้วย ได้ข่าวว่าฝี มือการยิงปื นของมันก็เต้ยไม่เบา หาก


อยูท่ ี่นี่คงเป็ นประโยชน์มากกว่าทิ้งให้อยูเ่ ฝ้าห้างนะ”

ณ ขณะนี้ ทุกคาพูดของพรานชัช ล้วนแล้วแต่เข้าหูซา้ ยบ่ายออกหูขวา จ่ามหันต์จบั ใจความไม่ได้แม้แต่นอ้ ย จิตใจ


หมกมุ่นจมจ่ออยูก่ บั ความกังวลผสมกับความรู ้สึกผิด แต่กระนั้นจะพูดว่าเป็ นความนิยมชมชอบโดยส่วนตัวที่มีต่อ
นายทหารรุ่ นน้องก็คงได้ ที่ทาให้อดีตสิ บโทฉุกคิดอะไรบางอย่าง เขาถามพรานนาทาง

“พี่ชชั เจอยักษ์ตอนที่พาทหารไปส่งที่หา้ งใช่ไหม ดีเหลือเกินที่ทุกคนปลอดภัย”


สมิงเขาขวาง 39

“ใช่... ทุกคนปลอดภัยดี เหลือแค่เราสามคนนี่ล่ะยังลูกผีลูกคนอยู”่ พรานชัชตอบ

ความรู ้สึกบางอย่างผุดขึ้นในใจอดีตสิ บโท แรกเริ่ มเดิมทีเป็ นเพียงความกังขา แต่เมื่อประกอบเข้ากับหลาย ๆ


เหตุการณ์ที่ผา่ นมา ขณะนี้กลายเป็ นความไม่ไว้ใจ

“พี่ฤทธิ์ถอยออกมาจากตรงนั้น”

จ่ามหันต์เอ่ยเสี ยงแหบพร่ า ปลายลูกซองยาวชี้ไปที่พรานชัช


บุรุษทั้งสองคนตกตะลึง

“มหันต์ ทาอะไรของแกวะ” ฤทธิ์ร้องเสี ยงหลง

“ถอยออกมาก่อน” เสี ยงอดีตสิ บโทกร้าวยิง่ ขึ้นจนทาให้หวั หน้าชุดเริ่ มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ฤทธิ์ถอยฉากมายืน


ประชิดเพือ่ นสนิท

“พี่ชชั อย่าถือสากันเลยนะ แต่ช่วยจุดไฟให้พวกฉันดูหน่อยเถอะ” จ่ามหันต์พูดจบก็ให้ฤทธิ์โยนไฟแช็คไปให้พราน


นาทาง

นิ้วมือแข็งกระด้างของอดีตสิ บโทแตะนิ่งที่ไกปื น

'จุดสิ พี่ชช
ั ... จุดสิ ...' จ่ามหันต์คร่ าครวญในใจ มือไม้สั่นเทาราวกับเจ้าเข้า

พรานชัชยืนนิ่งจ้องตาจ่ามหันต์อยูค่ รู่ ก่อนก้มลงไปหยิบไฟแช็ค เขายิม้ พราย แล้วเงื้อมือขว้างไฟแช็คลอยหายไปใน


ความมืดของโตรกผา จากนั้นย่างเท้าเข้าข้างทางหายลับไปหลังแนวต้นประดู่
สมิงเขาขวาง 40

แม้จะเตรี ยมใจยอมรับสถานการณ์เลวร้ายไว้แล้ว แต่สติสตังของทั้งคู่ก็แทบกระเจิง เมื่อเห็นเสื อโคร่ งตัวมหึมาโผล่


ออกมาจากด้านหลังต้นประดู่ป่า แววตาวาวโรจน์แฝงความอาฆาตจ้องมาที่พวกเขา

ฤทธิ์ตระหนักในทันทีวา่ เมื่อครั้งที่ตนเองเผชิญหน้ากับจ่ามหันต์กลางป่ าสองต่อสองและหาญกล้าท้าทาย เพราะ


ทึกทักคิดเข้าข้างเอาเองว่าสัญชาตญาณนักล่าของตนกลับคืนมา แท้ที่จริ งหาได้เป็ นเช่นนั้น เพราะลึก ๆ แล้วยังมี
ความรู ้สึกว่านัน่ คือมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งวิปริ ตผิดปกติจากมนต์มารศาสตร์มืดใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่กบั เจ้าสัตว์ร้ายที่กาลังย่างสามขุมเข้ามาหานัน่ ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง...

เมื่อประจันหน้ากับมัน... มหันตภัยร้ายที่สร้างความหวาดกลัวให้ผคู ้ นมานานแรมปี ปากแข็งเกร็งจนไม่อาจเปล่ง


เสี ยง แขนและขาชาจนไร้เรี่ ยวแรง ปื นในมือหนักดุจแท่งศิลา สมองไม่สามารถคิดวิเคราะห์หาทางหนีทีไล่ใด ๆ สิ่ ง
เดียวที่ผดุ ขึ้นภายในสมองขาวโพลนคือ

วันนี้คงเป็ นวันตายของตน...

จบบทที่ ๙
................................................................
เมื่ออยูต่ ่อหน้าพญามัจจุราช อวัยวะส่วนเดียวที่เคลื่อนไหว คือก้อนเนื้อบริ เวณอกข้างซ้าย... หัวใจของฤทธิ์เต้นระรัว

แม้อดีตสิ บโทจะเตรี ยมตัวรับสถานการณ์เลวร้ายขีดสุดไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นรู ปลักษณ์ใหญ่โตของไอ้ลายในระยะ


ประชิด ลมก็แทบจับ แข้งขาสั่น อยากกลับหลังหันวิ่งหนีเสี ยเต็มประดา

ในห้วงวิกฤตเลวร้ายถึงขีดสุด ไร้ซ่ ึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์องค์ใดยืน่ มือมาโอบอุม้ สิ่ งเดียวที่ค้ าจุนไม่ให้


อดีตสิ บโทยอมถอดใจพลีกายเป็ นอาหารอันโอชะเสริ มตบะให้ไอ้ลาย คือปื นลูกซองยาวที่อยูใ่ นมือ
สมิงเขาขวาง 41

เสื อร้ายแห่งเขาขวางย่างเท้าเข้าไปหาบุรุษทั้งสอง มีเลือดซึมเปรอะบริ เวณลาตัว แต่บาดแผลเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อ


เทียบกันขนาดตัวของมัน ถึงอย่างนั้นก็เป็ นความหวังเดียวในขณะนี้ เพราะบาดแผลนั้นแสดงเป็ นที่ประจักษ์แจ้งแก่
ใจแล้วว่า อ้ายเสื อผีหาได้เป็ นอมตะ...

“ผยองดีนกั กูจะยิงเข้าแสกหน้ามึงเลยไอ้ลาย” จ่ามหันต์คารามทาใจดีสู้เสื อ

เมื่ออยูใ่ นระยะประจันหน้าห่างกันเพียงไม่ถึงสิ บเมตร อดีตสิ บโทบรรจงเล็งศูนย์อย่างตั้งใจยิง่ กว่าทุกครั้ง เพราะ


กระสุนนัดนี้กุมชะตาชีวิตของตนกับเพื่อนสนิทไว้ หากพลาดเป้า แน่นอนว่าไม่มีโอกาสซ้ าสอง จ่ามหันต์แตะไก
ปื นและเหนี่ยวไก

แช๊ะ!

อดีตสิ บโทตาเบิกกว้าง เหงื่อแตกพลัก่ เสี ยงที่ได้ผิดแผกไปจากเดิมนั้นกระชากหัวใจบุรุษผูน้ ้ ีให้หล่นไปอยูท่ ี่ตาตุ่ม

เพราะกฤติยามนต์ไอ้ลายอย่างนั้นหรื อ... ไม่ใช่ มันเป็ นความเลินเล่อของอดีตสิ บโทแห่งกองพลทหารอาสาสมัคร

จ่ามหันต์เลือกเชื่อคาพูดของคนอื่นมากกว่าเชื่อจิตใต้สานึกของตัวเอง ด้วยเหตุที่ตอ้ งต่อกรกับอ้ายเสื อร้ายแห่งเขา


ขวาง เมื่อได้ยนิ เรื่ องกระสุนลงอาคม และได้รับติดตัวมาเป็ นสิ่ งกานัล จึงสลับสับเปลี่ยนกับของเดิม ผลคือกระสุน
ด้าน!

‘ฉิบหาย! มึงเล่นกูแล้ว ไอ้เสื อร้อยเล่ห์’ อดีตสิ บโทหน้าถอดสี

“พี่ฤทธิ์ยงิ มันสิ !” จ่ามหันต์ตะโกน แต่ร้อยโทฤทธิ์ดูสิ้นสภาพการเป็ นนักล่ามือฉมังไปเสี ยแล้ว แม้จะยกปื นลูกซอง


ในมือขึ้น แต่เป็ นเพียงสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเท่านั้น

กรงเล็บคมกริ บวาดเป็ นเส้นโค้งตะบบเข้าที่แขนซ้ายพาดผ่านถึงทรวงอกของหัวหน้าชุดปฏิบตั ิการ ส่งผลให้ฤทธิ์


ทรุ ดฮวบลงไปทันที
สมิงเขาขวาง 42

ไม่มีโอกาสให้เสี ยงใดเล็ดลอดออกมา นายทหารยศร้อยโทนอนแน่นิ่งอยูก่ บั พื้น

“พี่ฤทธิ์!” จ่ามหันต์สะดุง้ เฮือก ถอยหลังไปพลางเปลี่ยนกระสุนไปพลาง มือไม้สนั่ เป็ นเจ้าเข้า ยิง่ รี บเหมือนยิง่ ลน


เสี้ ยววินาทีที่เหลือบไปมองโตรกดามืดหนึ่งในทางหนีในสถานการณ์คบั ขัน เงามัจจุราชก็ทาบทับบนเรื อนร่ าง

ไอ้ลายตัวร้ายผงาดยืนขึ้น เงื้อขาหน้าขึ้นสูง กรงเล็บยาวดุจมีดพับกางออกจนสุด ใกล้เสี ยจนอดีตสิ บโทได้กลิ่นลม


หายใจสาบสาง

วาระสุดท้ายของชีวิตคงเป็ นเช่นนี้ ภาพต่าง ๆ แล่นเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่แรกครั้งยังเป็ นทารก อบอุ่น


ภายในอ้อมกอดมารดา เติบโตมาเป็ นชายฉกรรจ์มีอุดมการณ์แรงกล้ารับใช้ชาติ มีครอบครัวแสนอบอุ่น ภรรยาและ
ลูกที่เป็ นดัง่ แก้วตาและดวงใจ

ถึงกระนั้น ก็ไร้ซ่ ึงแรงต่อต้าน...

จ่ามหันต์หลับตา ‘ขอโทษนะ... พี่คงไม่ได้กลับไปแล้ว’


กรงเล็บเจ้าเสื อร้ายฟาดลงมา เป้าหมายคือบริ เวณลาคอของอดีตสิ บโท

ปัง!

เสี ยงปื นดังสนัน่ สะเทือนภู กระชากสติจ่ามหันต์ให้กลับคืนมา พร้อมส่งร่ างมหึมาของไอ้ลายเซถลาก่อนล้มพังพาบ


ลงกับพื้น ห่างจากอดีตสิ บโทเพียงไม่กี่คืบ

ปลายกระบอกปื นใครคนหนึ่งคายควันโขมง

“พี่ฤทธิ์!” จ่ามหันต์ตะโกนสุดเสี ยง เมื่อเห็นเพือ่ นรักค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เขารี บวิ่งเข้าไปประคอง


สมิงเขาขวาง 43

“เป็ นไปได้ยงั ไง ฉันเห็นพีโ่ ดนตะปบเข้าไปเต็ม ๆ” จ่ามหันต์รีบสารวจร่ างกายหัวหน้าชุด แขนเสื้ อของฤทธิ์ฉีกขาด


ตั้งแต่หวั ไหล่ไปจนถึงหน้าท้อง มีรอยช้ าแดงเลือดซึมเป็ นทางยาว จากสภาพบาดแผลทาเอาจ่ามหันต์งงเป็ นไก่ตา
แตก เพราะด้วยขนาดตัว และอุง้ เล็บของไอ้ลาย บาดแผลควรลึกถึงกระดูกเป็ นอย่างน้อย

“โอ้ย...” ฤทธิ์ครวญ “สงสัยไหล่จะหลุดว่ะ แถมรู ้สึกเจ็บแปลบตรงไหปลาร้า สงสัยจะหัก”

“เป็ นไปได้ยงั ไงพี่ฤทธิ์ พี่มีของดีอะไรรึ เปล่าเนี่ย?”

เมื่อประโยคนั้นหลุดออกมา จ่ามหันต์นึกขึ้นได้ทนั ทีวา่ เพื่อนสนิทเขาไม่ใช่คนประเภทนับถือสิ่ งศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่


ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นก็เท่านั้น สิ่ งที่ทาให้รอดอาเพศเหตุร้ายมาได้อย่างหวุดหวิด น่าจะเป็ นอานุภาพของตะกรุ ดที่เขามอบ
ให้ติดตัวไว้นนั่ เอง

ชัว่ ขณะที่ท้งั สองคนเผลอ เสี ยงคารามลอดไรฟันก็ดงั มาจากด้านหลัง

กรร...

ไอ้ลายค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แม้เลือดจะโทรมกาย แต่ดูเหมือนบาดแผลไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้มนั สักเท่าใด


นัก หางขนาดเท่าต้นแขนชายวัยรุ่ น ยังคงสะบัดพริ้ วไหวอย่างไม่ยหี่ ระ

“ไอ้ฉิบหาย มึงจะหนังเหนียวเคี้ยวยากไปถึงไหนวะ” ฤทธิ์ครางเสี ยงอ่อย สภาพของเขาในตอนนี้อย่าว่าแต่ให้ตอ้ ง


ให้ยงิ อีกนัด แค่ประคองตัวให้ยนื ขึ้นได้ก็หืดขึ้นคอแล้ว

“หนีไปก่อน” จ่ามหันต์แค่นเสี ยงบอกเพื่อนสนิท


“อะไรนะ?” ฤทธิ์สงสัย
“พี่ฤทธิ์หนีไปก่อนเดี๋ยวฉันตามไป!” จ่ามหันต์สั่งเสี ยงเฉียบขาด
สมิงเขาขวาง 44

“ไม่โว้ย ถ้าจะตายแม่งก็ตายด้วยกันนี่ล่ะ!” หัวหน้าชุดสวนกลับพร้อมยัดกระสุนอย่างทุลกั ทุเล ปื นสองกระบอกเล็ง


ไปที่สัตว์ร้ายที่กาลังควบใกล้เข้ามา

บนคันชัง่ แห่งความเป็ นความตาย จ่ามหันต์ได้ยนิ เสี ยงบางอย่างแว่วเข้ามาในโสตประสาท

‘ทางนี้’

อดีตสิ บโทหันขวับไปมอง ใต้ตน้ ประดู่ป่าขนาดใหญ่ที่ข้ ึนอยูต่ รงชะง่อนผา มีชายชราร่ างเล็กนุ่งโจงกระเบนไม่สวม


เสื้ อยืนสงบนิ่งมือข้างหนึ่งไพล่อยูด่ า้ นหลัง ส่วนอีกข้างชี้ไปที่ความมืดเวิง้ ว้างข้าง ๆ

จ่ามหันต์กระพริ บตาถี่ ๆ อีกหลายครั้ง เงาดังกล่าวก็ยงั คงยืนอยูใ่ นท่าเดิม

‘วิ่งสิ ’ เสี ยงทุม้ กังวานเข้ามาในภวังค์อีกครั้ง...

จะด้วยเหตุผลกลใดไม่อาจทราบ จ่ามหันต์ตะโกนสุดเสี ยง

“พี่ฤทธิ์... เผ่นโว้ย!”
“ห๊า! แกว่าอะไรนะ” ฤทธิ์ร้องเสี ยงหลงก่อนถูกเพื่อนเกลอดันให้ออกวิ่งด้วยความทุลกั ทุเล ทั้งสองดิ่งตรงไปยังหน้า
ผาโดยมีไอ้ลายวิ่งควบตามมาติด ๆ

ถึงไม่เป็ นดังสุภาษิต 'หนีเสื อปะจระเข้" แต่ก็ต่างกันไม่มาก เมื่อหัวหน้าชุดเห็นชะง่อนผาจึงพยายามชะลอฝี เท้า แต่


ไม่สามารถขืนแรงผลักได้ เขาตะโกนลัน่

“ไอ้มหันต์ขา้ งหน้านี่มนั หน้าผานะโว้ย!”


สมิงเขาขวาง 45

“ช่างมันเถอะน่า โดดเลยพี่!” แล้วจ่ามหันต์ก็ผลักสุดแรง ร่ างหัวหน้าชุดลอยคว้างกลางอากาศ เขาร้องเสี ยงหลงฟัง


ไม่ได้ศพั ท์ ก่อนผลุบหายไปในความมืด

จ่ามหันต์กลั้นใจกระโดดตามไปติด ๆ เป็ นวินาทีเดียวกับที่ไอ้ลายโผทะยานเข้าใส่ มันฟาดกรงเล็บเข้าที่แผ่นหลัง


อดีตสิ บโท แต่เฉียดไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด!

จบตอนที่ ๑๐
..........................................................
สองเกลอร่ วงลงเนิน ม้วนตลบชวนหวาดเสี ยว อวัยวะกระแทกกับพื้นหลายครั้ง เคราะห์ดีที่บริ เวณโตรกนั้นอุดมไป
ด้วยวัชพืชหนานุ่ม
เมื่อกลิ้งจนถึงเนินด้านล่างทั้งสองนอนแผ่หลา อกกระเพื่อมด้วยความตื่นเต้นและเหน็ดเหนื่อย
“ทะ... ทาบ้าอะไรของแกวะ อยู่ ๆ มาผลักลงผา ดีนะมันไม่สูงมากไม่ง้นั ได้เป็ นผีเฝ้าภูน้ ีไปแล้ว” ฤทธิ์ชนั กายนัง่
ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด บาดแผลจากกรงเล็บไอ้ลายเริ่ มสร้างความระบมขึ้นเรื่ อย ๆ
จ่ามหันต์เองไม่สามารถตอบข้อสงสัยของหัวหน้าชุดได้พอ ๆ กับที่ตอบตัวเองไม่ได้วา่ เหตุใดจึงเสี่ ยงกระโดดลงผา
ดามืดที่มองไม่เห็นก้นเช่นนี้ หากเปลี่ยนจากวัชพืชหนานุ่มเป็ นหมู่หิน พวกเขาสองคนคงไม่รอดปลอดภัยครบ
สามสิ บสองเป็ นแน่
“เอายังไงต่อดี” หัวหน้าชุดยืนสะโหลสะเหล สายตาสารวจเบื้องบนอย่างหวัน่ ใจว่าจะมีสิ่งใดตามลงมาหรื อไม่
“ที่คิดไว้วา่ จะฝังมันที่นี่ ไป ๆ มา ๆ พวกเรานี่ล่ะจะโดนฝังเสี ยเอง ไอ้เสื อผีตวั นี้มนั หนังเหนียวจริ ง ๆ แถมยังเจ้าเล่ห์
เหลือเกิน”
“อย่าเพิง่ ชื่นชมมันตอนนี้ได้ม้ยั จะเอายังไงก็รีบว่ามา” ฤทธิ์ลุกขึ้นยืน บัดนี้ปืนประจากายถูกใช้เป็ นไม้เท้าไปเสี ย
แล้ว
“กลับไปตั้งหลักที่หา้ งก่อน รวมกันเราอยู่ แยกหมู่ล่ะฉิบหายตลอด” จ่ามหันต์บ่นอุบ ทั้งสองคนเดินโซซัดโซเซไป
ตามทางเล็ก ๆ อุดมไปด้วยสุมทุมพุม่ ไม้ เสี ยงลมพัดหวีดหวิวสร้างความกังวลให้ท้งั คู่ตลอดเวลา อดีตสิ บโทนิ่งเงียบ
ไม่พูดสิ่ งใดอีก ครุ่ นคิดถึงใครคนหนึ่งที่โผล่ออกมาให้เห็นในยามวิกาล
ชายชรานุ่งโจงกระเบนไม่สวมเสื้ อ ดูคลับคล้ายคลับคลากับคนที่เขาเห็นก่อนออกเดินทาง
สมิงเขาขวาง 46

“มหันต์” ฤทธิ์กระซิบแผ่วเบา “พรานชัชที่เราเจอเมื่อตะกี้คือสมิงแปลงมารึ เปล่าวะ”


จ่ามหันต์ไม่ตอบคาถาม แต่ในใจครุ่ นคิดเรื่ องนี้มาสักพักตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง มีหลายสิ่ งที่อดีตสิ บโทคลางแคลง
ในตัวยอดพรานไม่นอ้ ย แต่อย่างไรก็ตาม ไม่เคยคาดคิดว่าพรานนาทางจะเป็ นสมิงเสี ยเอง
“เราอย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้ดีกว่า ประเดี๋ยวมันได้ยนิ ก็ตามมาขบสมองเอาเท่านั้น” จ่ามหันต์ตดั บท แล้วเดินนาตัดลง
เนินขนาดย่อมไปเรื่ อย ๆ บางช่วงต้องปี นลงทางลาดชันซึ่งสร้างความลาบากให้หัวหน้าชุดเป็ นอย่างมาก แม้จะเป็ น
ชายชาติทหาร แต่สภาพบาดแผล คงต้องยอมรับโดยดุษฎีวา่ ไม่สามารถนับร้อยโทฤทธิ์เป็ นหนึ่งในกาลังสาคัญได้
อีกต่อไป
เมื่อลงมาถึงพื้นราบทั้งสองมะงุมมะงาหราหลงทิศทางเดินวนอยูน่ านก็ไม่พบห้าง มองไปทางไหนมีเพียงแต่ตน้ ไม้
หน้าตาคล้าย ๆ กันไปหมด ด้วยพิษบาดแผลทาให้หวั หน้าชุดรู ้สึกวิงเวียนศีรษะและเริ่ มอาเจียน
“ไหวมั้ยวะพี่” จ่ามหันต์ส่งกระบอกน้ าส่วนตัวให้ฤทธิ์ เขายกดื่มด้วยความกระหายจนเกือบหมด
“เริ่ มหายใจไม่ออก ขาก็ลา้ แทบจะเดินไม่ไหว แขนก็ปวดตุบ ๆ ขอนัง่ พักสักแป๊ บเถอะวะ ไปต่อไม่ไหวจริ ง ๆ”
“แค่สามนาทีนะ นานกว่านี้ไม่ได้” จ่ามหันต์ยกนาฬิกาประจาตัวขึ้นมาดู ขณะนี้ล่วงเข้าตีหนึ่งแล้ว อันที่จริ งตัวเขา
เองก็ลา้ เต็มทน ที่กล้ ากลืนฝื นทนอยูต่ อนนี้ก็ใกล้ถึงขีดจากัดอยูร่ อมร่ อ
“มหันต์... ถ้าคืนนี้พี่ไม่รอด ฝากแกบอกเมียพี่ดว้ ยนะว่าพี่รักเขามาก และขอโทษด้วยที่ทาตัวไม่สมเป็ นสามีที่ดี มัว
แต่ทมุ่ เทให้ประเทศชาติ ลุม่ หลงลาภยศชื่อเสี ยงจนลืมนึกถึงคนที่อยูข่ า้ ง ๆ คนที่คอยเป็ นกาลังใจให้ต้งั แต่ยงั เป็ นแค่
พลทหารตัวเล็ก ๆ”
อดีตสิ บโทแห่งกองพลทหารอาสาสมัครปากระสุนกามะลอทิ้งด้วยความฉุนเฉียว พร้อมสับเปลี่ยนเอาของเดิมมาใส่
อย่างชานาญ เขาตอบกลับเบา ๆ
“ฉันไม่ใช่ธนาคาร ไม่รับฝากอะไรทั้งนั้น หากพี่เป็ นลูกผูช้ ายจริ ง มีอะไรก็กลับไปบอกเมียด้วยตัวเองซะ เพราะฉัน
เองก็จะทาแบบเดียวกัน”
สิ้นเสี ยง ทั้งสองรู ้สึกว่าบางสิ่ งกาลังเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา จ่ามหันต์รีบเข้าไปประคองหัวหน้าชุด กึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่าง
ทุลกั ทุเล สอดส่องหาที่หลบภัย ครั้นจะขึ้นไปหลบบนต้นไม้ ฤทธิ์คงปี นไม่ไหว อับจนหนทาง คงต้องปักหลักสู้กนั
ให้ตายไปข้าง
ทั้งสองคนยืนขนาบชิดยึดต้นชิงชันสูงลิบลิ่วเป็ นที่มนั่ ปื นสองกระบอกจ่อไปบริ เวณพงรกชัฏเบื้องหน้า
ไม่นานนักมันถูกบางสิ่ งแหวกออกมา สองเกลอเตรี ยมลัน่ ไกทันที
สมิงเขาขวาง 47

“อย่ายิง นี่ผมเอง!” ใครคนหนึ่งร้องลัน่


แสงจันทร์สลัวเผยว่าคน ๆ นั้นคือหนึ่งในสมาชิกล่าไอ้ลาย บุคคลที่หายไปนานสองนาน
“ไอ้ยกั ษ์!” ฤทธิ์ตะโกนเรี ยกชื่อทหารใต้บงั คับบัญชา
“นาย! ปลอดภัยดีม้ยั ” ทหารหนุ่มยิม้ ร่ า ปรี่ เข้ามา แต่กต็ อ้ งชะงักกึก เพราะแม้ปืนลดไปหนึ่ง แต่ยงั เหลืออีกหนึ่งยัง
จ่ออยูท่ ี่กบาล
“ยืนอยูต่ รงนัน่ ล่ะ อย่าเพิ่งเข้ามา” จ่ามหันต์จอ้ งพลทหารรุ่ นน้องตาเป็ นประกายคมกล้า
“อะไรวะลุง นี่คิดว่าฉันเป็ นเสื อสมิงอะไรนัน่ หรื อไง” ยักษ์บ่นอุบ
“กันไว้ดีกว่าแก้โว้ย ไอ้เสื อเจ้าเล่ห์มนั เล่นลูกไม้ตลบหลังพวกเรามาหลายรอบแล้ว”
“อ้าว แล้วลุงจะให้ฉนั พิสูจน์ยงั ไงล่ะ เออ ไฟไง เอาไฟมาสิ เดี๋ยวฉันจะก่อกองไฟใหญ่ ๆ มันตรงนี้ซะเลย”
จ่ามหันต์เหลือบไปมองเพื่อนสนิท ไฟแช็คอันเดียวที่มี ถูกร่ างจาแลงพรานชัชขว้างทิง้ ไปแล้ว
“เอายังไงดีวะ ดูท่าทางมันไม่น่าจะเป็ นไอ้ลายนะ บุคลิกแบบนี้มนั ไอ้ยกั ษ์ชดั ๆ” หัวหน้าชุดพยายามพิจารณาอย่าง
ละเอียด
“อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคนจะจนใจเองนะพี่ จาเมื่อกี้ไม่ได้เหรอ เกือบม่องเท่งกันทั้งคู”่ ทั้งสองคนกระซิบกระซาบ
เบา ๆ จน ทหารหนุ่มบ่นด้วยความหงุดหงิด
“อยากพิสูจน์ก็เอาไฟแช็คมาสิ ลุง ชักช้าอยูไ่ ด้ หมวดดูท่าไม่ค่อยดี รี บพากลับห้างจะดีกว่า”
จ่ามหันต์เริ่ มสับสน จิตใจที่เคยแน่วแน่เริ่ มโอนเอียนอีกครั้ง
“ไหนล่ะไฟแช็ค ถ้าไม่มีฉนั เดินเข้าไปล่ะนะ” ทหารหนุ่มพูดจบก็สืบเท้าเข้าไปหาบุรุษทั้งสองคนอย่างไม่กลัวเกรง
ลูกตะกัว่
“อยากยิงก็ยงิ มาเลยละกัน แต่เฉี่ยว ๆ พอนะอย่าให้ถึงกับพิกงพิการล่ะ ฉันยังไม่มีเมียเลย”
จ่ามหันต์เอานิ้วแตะไก แต่กระนั้นก็ไม่สามารถตัดใจลัน่ ไก ทาได้แค่ตะโกนห้ามไม่ให้ทหารหนุ่มเดินเข้ามา
และนัน่ เป็ นจุดเริ่ มต้นของความพิศวง เมื่ออดีตสิ บโทได้ยนิ เสี ยงโหวกเหวกดังมาจากด้านหลัง
“ลุง! หลบไป!!”
สมิงเขาขวาง 48

จ่ามหันต์กบั ฤทธิ์เหลียวหลังกลับไปมอง และต้องพบกับความพิลึกพิลนั่ สุดที่จะจินตนาการได้ ทั้งสองคนอุทาน


ออกมาพร้อมกัน
“เฮ้ย อะไรกันวะ!?”
ห่างออกไปราวยีส่ ิ บเมตร เงาตะคุม่ ของใครคนหนึ่งยืนเด่นอยูบ่ นโขดหิน
บุรุษรู ปร่ างองอาจผึ่งผายที่ตะโกนก้องคือพลทหารยักษ์...
ฤทธิ์กบั จ่ามหันต์อา้ ปากค้าง ใจเต้นไม่เป็ นจังหวะ แลซ้ายทีขวาที ไม่อยากเชื่อสายตา ด้านซ้ายหรื อก็คือทหารหนุ่มที่
ชื่อยักษ์ ส่วนทางขวาที่ยนื จังก้าอยูบ่ นโขดหินก็คือพลทหารใจกล้านามว่ายักษ์เช่นกัน รู ปร่ าง ท่าทาง การแต่งองค์
ทรงเครื่ องช่างเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แม้กระทัง่ อาวุธบรรลัยกัลป์ คู่กายยังเป็ นปื นไรเฟิ ลแบบเดียวกันไม่
ผิดเพี้ยน
อ้ายสมิงตัวร้ายแห่งเขาขวางกาลังหลอกหลอนอีกครั้ง…
จบตอนที่ ๑๑
.............................................................
“ไอ้ฉิบหาย นี่กูตาฝาดไปรึ เปล่าวะ” ฤทธิ์หน้าซีดเผือด

จ่ามหันต์กลืนน้ าลายลงคอ ร่ างกายสั่นเทิ้มหวาดผวา ในชีวิตขึ้นเหนือล่องใต้เจอสิ่ งลี้ลบั อธิบายไม่ได้อยูบ่ ่อยครั้ง แต่


ไม่มีครั้งใดสร้างความพิศวงงงงวยได้เท่าครั้งนี้ ด้วยกฤติยามนต์ของไอ้ลาย บัดนี้มนั จาแลงกายเป็ นทหารหนุ่มที่ชื่อ
ยักษ์เหมือนไม่ผิดเพี้ยนยิง่ กว่าฝาแฝด

‘คิดสิ วะ... คิด’ อดีตสิ บโทพยายามหาหนทางที่จะนาพาทุกคนให้พน้ เภทภัยในครั้งนี้ และที่สาคัญต้องคิดให้เร็วเสี ย


ด้วย ก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้

‘ไฟไง...’ จ่ามหันต์นึกย้อนไปในตอนที่ไอ้ลายหลอกล่อด้วยการแปลงร่ างเป็ นจ่าแซม และเขาโยนคบไฟลงไปทาให้


รู ้แจ้งเป็ นครั้งแรกว่าสมิงร้ายสามารถกลายร่ างได้จริ งตามเสี ยงลือเสี ยงเล่าอ้าง และคนที่จุดคบไฟคือทหารหนุ่มนาม
ว่ายักษ์
สมิงเขาขวาง 49

“เอ็งสองคนใครก้าวเข้ามากูยงิ ไม่ย้งั แน่” จ่ามหันต์ข่ฟู ่ อ สายตาจ้องเขม็งไปยังพลทหารที่ยนื อยูบ่ นโขดหิน “ฉันรู ้วา่


เอ็งมีไฟแช็คแน่ ๆ เอามันออกมา”

ชายหนุ่มที่กาลังยืนจ้องมองตัวเองประดุจเงาในกระจก โดยมีจ่ามหันต์ ฤทธิ์ บดบังทางอยู่ ผละละสายตาจากยักษ์อีก


คนที่ยนื อยูฝ่ ั่งตรงข้าม

“จะไปมีได้ยงั ไงล่ะ ไม่รู้หล่นไปอีตอนไหน... ลุงหลบไปเถอะน่า ฉันจะซัดมันให้ร่วงเลย”

“อย่านะ เอ็งห้ามขยับไปไหน!” จ่ามหันต์สวนทันควัน ยกมือโบกอุตลุด ที่ทาเช่นนั้นเพราะเกรงว่าหากเป็ นร่ าง


จาแลงแปลงมา ยักษ์ตวั จริ งจะเป็ นเหยือ่ ของคมกระสุนโดยไม่มีทางป้องกันตัว

“อะไรวะลุง ฉันนี่ล่ะตัวจริ งเสี ยงจริ ง”

“หุบปาก!” จ่ามหันต์ตะคอกอีกครั้ง ในตอนนี้เขาไม่สามารถคิดหาหนทางใดมาพิสูจน์ได้อีกต่อไป ความเจ้าเล่ห์ของ


ไอ้ลายปั่นหัวเสี ยแทบคลัง่

“อยูน่ ิ่ง ๆ นะโว้ย” เขาสั่งเฉียบขาด พยักพเยิดให้ฤทธิ์เฝ้าดูชายที่ยนื อยูบ่ นโขดหินไว้ ส่วนตัวเองหันไปตะโกนถาม


ยักษ์ ‘อีกคน’

“เอ็งเป็ นคนจุดคบไฟให้ฉนั กับมือไม่ใช่รึไงวะ แล้วไฟแช็คมันหายไปได้ยงั ไง”

“โธ่... ลุง ฉันจะไปรู ้ได้ยงั ไง มันคงหล่นหายตอนที่มวั แต่วิ่งตามพวกลุงมานัน่ ล่ะ คิดยังไงทิ้งฉันไว้คนเดียว”

หน้าจ่ามหันต์หดเหลือสองนิ้ว คิ้วย่นชนกัน หลักฐานที่พิสูจน์วา่ ใครคือคน ใครคือสมิงไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว เมื่อ


ทั้งสองคนกลับไม่มีในสิ่ งที่ใช้ยนื ยันความเป็ นมุนษย์ และด้วยสภาพชื้นแฉะหลังฝนตกจะใช้กรรมวิธีแบบพราน
โบราณจุดไฟด้วยกิ่งไม้ใบหญ้าก็คงไม่ได้
สมิงเขาขวาง 50

อดีตสิ บโทถึงคราวมืดแปดด้าน...

“เอายังไงดีวะ” ฤทธิ์ถามอย่างอ่อนล้า จะด้วยอิทธิปาฏิหาริ ยข์ องตะกรุ ดหรื อไม่ ที่ทาให้รอดจากกรงเล็บไอ้ลายมาได้


แต่ก็ใช่วา่ จะไม่มีผลกระทบใด ๆ กับร่ างกาย อาการบอบช้ าทวีความรุ นแรงขึ้น สวนทางกับสติสัมปชัญญะที่เริ่ ม
เลือนลางลงเป็ นลาดับ

ยุทธวิธีสิ้นคิดเดียวที่ผดุ ขึ้นในสมองของอดีตนายทหารคือ ‘ยิงทั้งคู่’ แต่นนั่ หมายถึงความเสี่ ยงถึงชีวิตของทหาร


หนุ่มตัวจริ งด้วยเช่นกัน

‘เจ้าป่ าเจ้าเขา ท่านชี้ทางถูกแล้วหรื ออย่างไร’

จ่ามหันต์ครวญคร่ าในใจ ก่อนเล็งศูนย์ไปที่ยกั ษ์ที่ปรากฏตัวเป็ นคนแรก ทหารหนุ่มตะลึงงันชัว่ อึดใจก่อน ยิม้ ที่มมุ


ปาก ตะโกนตอบกลับ

“เอาให้ตายนะลุง ไม่เอาพิการ”

คาพูดนั้นทาให้สิบโทเกิดความลังเลอีกครั้ง เขาบีบพานท้ายลูกซองยาวแน่นจนฝ่ ามือแดงช้ า บังเกิดความรู ้สึก


หลากหลาย ทั้งหวาดกลัว สับสน และเจ็บใจ... เจ็บใจที่โดนไอ้ลายดัดหลังครั้งแล้วครั้งเล่า จนมีมือข้างหนึ่งตบลง
บนบ่าเบา ๆ...

“เฮ้ย ตัดสิ นใจยังไงก็ทาไปเลย พี่กบั ยักษ์ไม่โทษแกแน่ ที่สาคัญไอ้ลายมันร้ายนัก ยังไงวันนี้ก็หา้ มปล่อยมันไป


เด็ดขาด เรามันทหารอาชีพ ก็ตอ้ งเสี่ ยงเป็ นธรรมดา” ฤทธิ์สูดลมหายใจลึกและยาวกว่าทุกครั้ง ก่อนยกปื นเล็งไปยัง
ร่ างที่ยนื อยูบ่ นโขดหิน

“ก็อย่างที่แกบอกนัน่ ล่ะ เพือ่ นรัก...” หมวดฤทธิ์พูดต่อ “หลับเถิดชาวประชา อันตัวข้าจะคุม้ ภัย”

จ่ามหันต์ตาเบิกโพลง...
สมิงเขาขวาง 51

เสมือนม่านหมอกที่ถูกสายลมบริ สุทธิ์พดั ผ่าน ทาให้ทุกสิ่ งทุกอย่างกระจ่างชัดขึ้น แม้คราวใดต้องพบอุปสรรคขวาง


กั้นจนท้อถอย แต่จาไว้เถิด จะมีทางเล็ก ๆ ให้เดินต่อไปเสมอ เช่นเดียวกับครั้งนี้

อดีตสิ บโทแห่งกองพลทหารอาสาทาเช่นเดียวกับเกลอสนิท เขาสูดลมและพูดเสี ยงดังฟังชัด

“เอาล่ะ ฉันจะถามอะไรบางอย่าง คิดดี ๆ ก่อนตอบ”

จ่ามหันต์จอ้ งตายักษ์ท้งั สองคนนานร่ วมนาทีอย่างมีนยั ยะ จากนั้นจึงยกปื นเล็งไปยังร่ างคนที่อยูบ่ ริ เวณพงไม้ ส่วน


ฤทธิ์เล็งไปยังชายที่ยนื บนโขดหิน

“หวังว่าเอ็งคงไม่พลาดนะ” น้ าเสี ยงอดีตสิ บโทก้องกังวานจนฤทธิ์หนั กลับมามองด้วยความสงสัย...

ยักษ์ที่อยูค่ นละฟากยืนสงบนิ่ง โดยมีจ่ามหันต์ หมวดฤทธิ์และต้นชิงชันขวางกั้นกลางอยู่ จ่ามหันต์บรรจงจรดศูนย์


ปื นเข้าที่หน้าอกของชายหนุ่มและถาม

“เอ็งรักอะไรมากที่สุดในชีวิตวะ”

ยักษ์คนแรกยิม้ และตอบกลับ “ฉันก็รักพ่อรักแม่นะสิ ลงุ ถามได้”

“แล้วเอ็งล่ะ” อดีตสิ บโทตะโกนถามยักษ์คนที่ยนื อยูด่ า้ นหลัง เงียบไปชัว่ อึดใจทหารหนุ่มตอบกลับเสี ยงดัง

“ครอบครัวไงลุง”

จ่ามหันต์กดั ฟันกรอด แค่นเสี ยงลอดไรฟัน “หางโผล่จนได้นะมึง” จากนั้นลัน่ ไกอย่างรวดเร็ว

ปัง!
สมิงเขาขวาง 52

กระสุนพุ่งเข้าหน้าอกของชายหนุ่มที่ยนื ชิดป่ ารกชัฏแม่นราวจับวาง จนร่ างนั้นทรุ ดผลุบหายไปในพงหญ้า ถัด


จากนั้นเกิดเสี ยงคารามดังลัน่ ป่ า โฮก! แล้วร่ างมหึมาของเสื อลายพาดกลอนก็ยนื จังก้าขึ้นอีกครั้ง

ไอ้ลายยังไม่สิ้นฤทธิ์! ความอาฆาตมาดร้ายฉาบแวววับบนดวงตา มันหายใจหอบและถี่ บริ เวณปากมีเลือดไหลริ น


ออกมา

หัวหน้าชุดเองก็ถึงขีดกาลัง หลังจากเห็นไอ้ลายได้เพียงชัว่ ครู่ สายตาเริ่ มพร่ ามัว สติเลือนลาง เขาล้มลงไปกองกับ


พื้น...

อ้ายเสื อเจ้าเล่ห์กลับหลังเตรี ยมบ่ายหน้าหนีเข้าป่ าทึบ เป็ นจังหวะเดียวกับที่ยกั ษ์กระโดดลงจากโขดหิน วิ่งเลี่ยงจุด


อับมายืนอยูข่ า้ ง ๆ จ่ามหันต์ เขาประทับปื นไรเฟิ ลอย่างรวดเร็วและพูดโดยที่สายตายังจับจ้องร่ างเสื อร้ายที่กาลังจะ
หายลับไปในความมืด

“ไม่มีพลาดหรอกลุง”

เปรี้ ยง!!

จบตอนที่ ๑๒
......................................................
เกิดเป็ นเสี ยงปานฟ้าร้องแผดก้องในความมืด

เปรี้ ยง!

กระสุนทะยานเป็ นเส้นทางพุ่งไปถูกร่ างของไอ้ลาย อานุภาพของไรเฟิ ลที่ลม้ ได้แม้กระทัง่ ช้าง ทาให้จอมอหังการ


แทบสิ้นฤทธิ์ มันโซเซไปได้เพียงสองสามก้าวก็ลม้ ลงในพงไม้ ก่อนตะเกียกตะกายทาเช่นเดิมอีกสองสามครั้ง และ
ครั้งสุดท้ายนัน่ เอง จากที่เคยเป็ นพญามัจจุราชสี่ขา มันกลับปรากฏกายในรู ปร่ างของชายที่ดูคุน้ ตาคนหนึ่ง
สมิงเขาขวาง 53

จ่ามหันต์ขบกรามแน่น ส่วนพลทหารมือแม่นดูตกอกตกใจกับสิ่ งที่พบเจอ เขาอุทาน

“เห้ยลุง... ดูคุน้ ๆ นะ นัน่ ใช่...”

“รออยูน่ ี่... เฝ้าผูห้ มวดไว้ แล้วห้ามตามมาเด็ดขาด” จ่ามหันต์ขดั ขึ้น เขาหักลากล้องลูกซองคู่ใจ ปลอกกระสุนดีด


ออกมาพร้อมควันสี ขาวขุ่น เขาล้วงกระสุนใส่กลับเข้าไปใหม่ อดีตสิ บโทกึ่งเดินกึ่งวิง่ ตามไปอย่างรวดเร็ว บริ เวณ
แพวัชพืนปรากฏรอยเลือดกองใหญ่ และมีปืนลูกซองตกอยูใ่ กล้ ๆ อดีตสิ งสิ บโทกระพริ บถี่ ๆ เพ่งมองปื นกระบอก
นั้น ก่อนเร่ งฝี เท้าเรี ยบชิดเชิงหิน แล้วตัดลงเนินราบ สลับไปมา ใช้ไฟฉายสารวจรอยเลือดเป็ นระยะ ประเมินจาก
ความถี่ของหยดเลือด กับความเร็วในการเคลื่อนที่ อาการของเจ้าวายร้ายหนักหนาไม่เบา มันมุง่ ตรงไปยังหน้าผา
อดีตสิ บโทกระชับปื นมัน่ ตามกระชั้นเข้าใกล้

หลังจากผ่านดงประดู่ป่าได้ไม่นาน จ่ามหันต์ก็ตามมาจนพบร่ างหนึ่งเดินโงนเงนอยูใ่ นความมืด ร่ างนั้นชุ่มโชกไป


ด้วยเลือด มีร่องรอยจากคมกระสุนนับไม่ถว้ น แต่บาดแผลที่สร้างความเสี ยหายมากที่สุดคงมาจากกระสุนไรเฟิ ลที่
เจาะทะลุบริ เวณด้านหลังต้นคอ เลือดเป็ นลิ่ม ๆ ไหลริ น

“พี่ชชั !” อดีตสิ บโทกู่เรี ยก

ร่ างนั้นยืนนิ่งอยูค่ รู่ ก่อนหันกลับมา บุรุษคนนั้นคือพรานนาทางผูเ้ ชี่ยวชาญ แก้วตาของเขาดูแปลกประหลาด


บางครั้งเป็ นอย่างมนุษย์ แต่บางคราเป็ นประกายอย่างสัตว์ สลับไปมา ร่ างกายแม้จะโชกไปด้วยเลือด แต่ไม่อาจ
พรางริ้ วประหลาดคล้ายลวดลายของเสื อลายพาดกลอน

“ทาไมพีท่ าแบบนี้” จ่ามหันต์ยกปื นเล็งไปที่ร่างของพรานนาทาง แต่ท่าทางของอดีตสิ บโทไม่ได้สร้างความ


ตระหนกให้ยอดพรานแม้แต่นอ้ ย

“หึ ๆ” เขาหัวเราะเบา ๆ “สามหรื อสี่ ” น้ าเสี ยงอ่อนแรงถามกลับ


สมิงเขาขวาง 54

จ่ามหันต์ดูฉงน พรานชัชจึงพูดต่อ “ไม่ได้อยากหรอก แต่มนั อดไม่ได้ ทั้งโหย ทั้งกระหาย ทั้งรุ่ มร้อนแทบขาดใจ


เจออาการแบบนี้จ่าจะทนได้สักกี่วนั กันล่ะ สามหรื อสี่ วนั ?”

พรานเซไปพิงกับต้นประดู่ พูดต่อเบา ๆ “สงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่ ” เขาถามเบา ๆ อย่างอ่อนแรง

“ตั้งแต่แรก” จ่ามหันต์ตอบ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพี่เป็ นอะไร แค่ไม่คอ่ ยไว้ใจเท่านั้น แต่หลายครั้งความเชี่ยวชาญ


ของพี่ ช่วยพวกเราจนขจัดความระแวงไปหมด เริ่ มนับถือแม้จะรู ้วา่ พี่มีจุดประสงค์บางอย่าง จนถึงตอนที่พวกเราไป
ถึงจุดขัดห้างนัน่ ล่ะ ความรู ้สึกแปลก ๆ วกกลับมาอีกครั้ง ทาไมพรานมือฉมังเรื่ องลี้ลบั ในป่ าในดงแบบพี่ถึงไม่
แนะนาอะไรพวกเราสักอย่าง ไม่บอกกระทัง่ วิธีรับมือไอ้วายร้ายที่เรากาลังตามล่ากันอยู”่

พรานไอโขลก “ว่าต่อไปสิ”

“อีกครั้งตอนที่เราเจอกันเมื่อกี้ พี่บอกว่ากลับไปเจอสมาชิกทุกคนที่หา้ งรวมถึงไอ้หนุ่มที่ชื่อยักษ์ใช่ไหม”

พรานนิ่งเงียบไม่ตอบคาถาม

“พี่อาจจะเจอทหารหนุ่มคนนั้นที่หา้ งจริ งหรื อไม่จริ งไม่มีใครรู ้นอกเสี ยจากพวกเราจะวกกลับไปที่หา้ ง แต่จะบอกว่า


เป็ นความนิยมชมชอบนิสัยส่วนตัวของไอ้หมอนัน่ ก็คงไม่ผดิ ที่ทาให้ฉนั เลือกที่จะไม่เชื่อคาพูดของพี่ “จ่ามหันต์เว้น
ช่วงเล็กน้อย “ในห้วงเป็ นตายเท่ากัน ตอนที่พี่ฤทธิ์โดนลวงให้วงิ่ แยกออกมา ฉันวิง่ ตามมาติด ๆ และด้วยความร้อน
ใจ ฉันจาได้วา่ ตะโกนบอกให้เด็กหนุ่มคนนั้นวิ่งตามมา... ดูไม่ค่อยมีเหตุผลนะ แต่ฉนั เชื่อว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อยักษ์จะ
มุ่งมัน่ บากบัน่ ตามมามากกว่าจะทอดทิ้งพวกฉันแล้วหนีกลับไปตั้งหลักที่หา้ ง... และฉันก็คิดถูก มันตามมาจริ ง ๆ จะ
บอกให้นะ กระสุนที่หลังคอพี่ก็ฝีมือของไอ้หนุ่นนัน่ ล่ะ” จ่ามหันต์ข้ ึนนกเสี ยงดังแกร๊ ก

พรานชัชหัวเราะในลาคอ เขาทรุ ดไถลลงไปนัง่ พิงต้นประดู่

“ทาไมพี่กลายเป็ นแบบนี้” อดีตสิ บโทคาดคั้นหาคาตอบที่สงสัยต่อ


สมิงเขาขวาง 55

“เรื่ องมันยาว เอาเป็ นว่าผมไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน แค่เผอิญแตกฉานในเดรัจฉานวิชามาตั้งแต่สมัยรุ่ น ๆ เริ่ มถลาลึก


ศาสตร์ล้ ีลบั จนถอนตัวไม่ข้ นึ ความอยากรู ้อยากเห็นกลายเป็ นความคลัง่ ไคล้ และสุดท้ายกลายเป็ นคาสาบ”

พรานชัชชันกายลุกขึ้นยืนอีกครั้ง โซซัดโซเซตรงไปบริ เวณเนินหินสูง จ่ามหันต์สืบเท้าตามไปอย่างระแวดระวัง

สายลมครวญครางรายล้อมอยูร่ อบทิศ ชวนให้อึดอัด ใบไม้จานวนมาก ปลิดปลิวหลุดจากต้น ลอยฟุ้งโปรยปรายไป


ทัว่ ด้วยฤทธิ์แรงลมที่ดูเหมือนสั่นสะเทือนได้ถึงแกนเขา

พรานมือฉมังหยุดยืนเหนือลานหินโล่ง ยืดตัวตรงรับแสงจันทร์สาดส่องกระทบร่ าง เบื้องหน้าเป็ นหน้าผาสูงชัน

“รู ้ใช่ม้ยั ว่าฉันปล่อยพี่ไปไม่ได้” จ่ามหันต์ถามแต่พรานไม่ตอบ

“ฉันไม่อยากให้บาปกรรมติดตัวไอ้หนุ่มนัน่ ไป เพราะฉะนั้นฉันจึงตามมาจัดการพีค่ นเดียว อีกอย่างไม่อยากให้มี


ผูเ้ คราะห์ร้ายเป็ นเหยือ่ สนองอวิชชาของพี่อีก”

พรานหัวเราะเบา ๆ เขาหันกลับมาประจันหน้าจ่ามหันต์ แววตาดุร้ายดัง่ สัตว์ป่าเพ่งมองอดีตสิ บโท

“อย่ามาตีฝีปากกับผมดีกว่า สาเหนียกไว้ซะด้วยที่จ่ายังรอดมาถึงตอนนี้ก็เพราะไอ้แก่นนั่ ยืน่ มือมาช่วย หาไม่แล้วจ่า


กับนายทหารคงตายไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว"

พรานชัชละสายตาจากอดีตสิ บโท สอดส่ายสายตาไปทัว่ ทิศ เขาตะโกนก้อง

"เป็ นผีไม่อยูส่ ่วนผี ยุม่ ย่ามเรื่ องทางโลก กูรู้นะว่ามึงอยูแ่ ถวนี้!"

"พอเถอะพีช่ ชั " จ่ามหันต์ตะโกนเสี ยงดังยิง่ กว่า "ท่านอยูส่ ูงกว่าเรา อย่าดึงลงมาต่าเตี้ยเรี่ ยดินเพราะความคึกคะนอง


อยากลองวิชาของพี่เลย"
สมิงเขาขวาง 56

พรานชัชหอบตัวโยน เขาเหลือบตามามองจ่ามหันต์อยูอ่ ึดใจก่อนหลับตาบริ กรรมคาถา

ระหว่างที่พรานร่ ายบทสวดแปลก ๆ ลวดลายคล้ายรอยสักบนร่ างพริ้ วไหวไปมาราวกับมีชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ


ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
แก้วตาเริ่ มแปรเปลี่ยนเป็ นดัง่ สัตว์ร้าย จ่ามหันต์ประทับปื นขึ้นเล็งทันที

"พอเถอะพีช่ ชั มันจบแล้ว บอกฉันเถอะว่าพี่ไม่ได้ฆ่าสมาชิกคนอื่น ๆ ใช่ไหม"

ร่ างพรานชัชกระตุกอย่างแรก เสี ยงแหบพร่ าตอบกลับ

"อยากรู ้ใช่ไหม ก็ลองไปถามพวกมันดูเองแล้วกัน"

แม้ร่างกายจะบอบช้ าอย่างนัก แต่พรานชัชก็สืบเท้าเข้ามาอย่างประสงค์ร้าย จ่ามหันต์แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


แม้สภาพไอ้ลายในร่ างพรานชัชจะชุ่มโชกไปด้วยหยาดฝนปนโลหิต แต่บาดแผลบางจุดเริ่ มสมานกันอย่างน่า
เหลือเชื่อ!

อดีตสิ บโทไม่ร้ ังรอ ลัน่ ไกทันที ปัง!

กระสุนพุ่งเข้าทรวงอกพรานอย่างจัง เขาเซถลาถอยไปสองก้าว ชิดริ มผา อดีตสิ บโทหักลากล้องบรรจุกระสุนอีก


ครั้งอย่างตั้งใจ หากเป็ นก่อนหน้านี้ ตัวเขาคงวิ่งป่ าราบไปแล้ว แต่เพราะคมกระสุนไรเฟิ ลจากฝี มือพลทหารยักษ์ ทา
ให้จอมวายร้ายดูแทบจะสิ้นฤทธิ์ หรื อไม่อาถรรพ์แห่งพงไพรคงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะฟื้ นตัว

จ่าขึ้นนกเล็งไปที่ร่างพรานชัชอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะลัน่ ไกส่งร่ างสมิงร้ายให้ร่วงสู่กน้ เหว จ่ามหันต์ได้ยนิ เสี ยงลึกลับ


ก้องกังวานอีกครั้ง

"ถึงร่ วงลงหุบเบื้องล่าง พรานก็หาเป็ นอะไรไม่ ถ้าไม่อยากให้เขาไปก่อบาปไปมากกว่านี้... ใช้ปืนอีกกระบอกสิ ”


สมิงเขาขวาง 57

คราแรกมีเพียงความสับสนกับสิ่ งที่ดงั ก้องอยูใ่ นหู แต่ถดั มาแค่เสี้ ยววินาที อดีตสิ บโทนึกขึ้นได้วา่ ด้วยเสี ยงร่ าลือที่
เคยได้ยนิ มาช้านาน สุดท้ายเขาตัดสิ นใจพกปื นมาอีกกระบอก มันเป็ นปื นสั้นโบราณที่มีประวัติคลุมเครื อ

อดีตสิ บโทล้วงปื นพกออกมาจากซองหนังที่ซุกอยูใ่ นเสื้ ออย่างรวดเร็ว เล็งไปที่ร่างพรานชัชที่กาลังปรี่ เข้ามา จากนั้น


ลัน่ ไก

ปัง!

ลูกตะกัว่ พุ่งเข้าหว่างอกพรานชัช ห่างจากเดิมไม่ถึงคืบ รอยแผลเล็กนั้นกว่าหัวนิ้วก้อย แต่กลับทาให้พราน


หยุดชะงักไปในทันที ตาของเขาเบิกกว้าง จ้องมองสูงขึ้นไปบนนภา ปากอ้าเกร็งค้าง ลายพาดกลอนสี ดาที่ข้ นึ ทัว่ ร่ าง
ค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย แต่กลับกันบาดแผลที่เคยสมานแทบเป็ นเนื้อเดียวกลับปริ แตกเลือดจานวนมากไหลริ น
ออกมาจากร่ าง

“อ๊ากก” พรานชัชร้องโหยหวนยาวไม่เป็ นภาษา เขาเซถอยร่ นไปจนถึงขอบผา กุมบาดแผลอย่างทุรนทุราย ถัดมา


เพียงไม่กี่วินาทีทุกอากัปกิริยาก็หยุดนิ่ง พรานชัชยืนตัวงองุม้ มีเพียงเสี ยงครางยาวเบา ๆ ในลาคอ ร่ างนั้นเอนหงายช้า
ๆ ร่ วงตกหน้าผาสูงชันเบื้องล่าง ท่ามกลางความตื่นตะลึงของอดีตสิ บโทแห่งกองพลทหารอาสา...

จบบทที่ ๑๓
................................................................................
จ่ามหันต์ค่อย ๆ ก้าวไปประชิดริ มผา แข้งขาสั่นตามวัยที่สูงขึ้น เขาจ้องมองไปเบื้องล่าง ไม่เห็นสิ่ งใดนอกจากความ
มืดมิด

“หมดเวรหมดกรรมเสี ยทีนะพี่ชชั ” อดีตสิ บโทพึมพาเบา ๆ

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส ไร้เมฆบดบังแสงจันทร์ จ่ามหันต์ยกปื นพกขึ้นทาบทับกับแสงนวล พลิกไปมาอย่างถี่ถว้ น มี


ข่าวลือมากกว่าหนึ่ง บอกเล่าประวัติความเป็ นมาของปื นโบราณกระบอกนี้ แต่ไม่อาจสื บทราบได้วา่ มีความจริ งอยู่
สักกี่ส่วน จ่าสอดอาวุธปริ ศนากลับเข้าไปในเสื้ อ ชะเง้อมองหุบอีกครั้งก่อนถอยห่าง
สมิงเขาขวาง 58

ลาดับถัดมา จ่ามหันต์พนมมือแนบอก อธิษฐานด้วยใจบริ สุทธิ์ดุจเดียวกับท้องฟ้า ส่งจิตคารวะถึงเจ้าป่ าเจ้าเขา เจ้าที่


เจ้าทาง ขอบคุณที่ช่วยให้ตวั เขาอยูร่ อดปลอดภัยจนถึงตอนนี้

เมื่ออดีตสิ บโทลืมตาอีกครั้ง เขาเหลือบไปเห็นชายชราคนเดิมยืนอยูส่ ูงขึ้นไปบนเนินหินติดต้นประดู่ป่า ใบหน้าต้อง


แสงจันทร์น้ นั ดูเกลี้ยงเกลาผิดกับวัยวุฒิ ดวงตากลมโตแฝงประกายอานาจ ทาให้เกิดความรู ้สึกแปลก ๆ ในจิตใจ

ย้อนไปในคราวเผชิญหน้ากับสมิงร้ายแห่งเขาขวาง จะมีความรู ้สึกหวาดกลัวเป็ นที่ต้งั แต่กบั ชายชราคนนี้เปี่ ยมไป


ด้วยความรู ้สึกเคารพยาเกรง จ่ามหันต์ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

เงียบเพียงชัว่ ครู่ น้ าเสี ยงทุม้ กังวานดังก้องในโสตประสาทอดีตสิ บโททั้งที่ริมฝี ปากชายชราไม่ขยับแม้แต่นอ้ ย

‘เอ็งอย่าได้กงั วล... ในห้วงนี้ทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ที่เหลือเป็ นบ่วงกรรมที่ตอ้ งชดใช้กนั ต่อไปแล้วแต่กรรมเวรของ


แต่ละคน ไม่วา่ จะเป็ น พราน นายทหารใจบาป หรื อแม้กระทัง่ ตัวของเอ็ง’

จ่ามหันต์ไม่มีเวลาตรึ กตรองสิ่ งใด ทาได้แค่พยายามจดจาทุกคาพูดเพียงแค่น้ นั

‘ปรามเพื่อนเอ็งไว้บา้ งเถิด บาปกรรมที่ทารุ ณกรรมสรรพชีวิต อเนกอนันต์ไม่แพ้กนั ยังดีที่จิตใจของมันไม่หยาบ


ทรามเหมือนอ้ายพรานนอกรี ต ทุกสิ่ งที่ทาล้วนสนองความคึกคะนองในสันดานเท่านั้น ดวงมันยังไม่ถึงฆาตใน
คราวนี้’

จ่ามหันต์ยนื ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจไร้ความกลัว สิ่ งที่ได้ยนิ ล้วนเป็ นความจริ งดัง่ ตาเห็น ร้อยโทฤทธิ์โปรดปรานการล่า


สัตว์เป็ นชีวิตจิตใจตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ เป็ นการล่าเพื่อความหรรษาเท่านั้น

‘ข้าก้าวก่ายเรื่ องทางโลกมาเกินงามแล้ว เคยปรากฏเป็ นกายหยาบเสี ยด้วย แต่นิมิตนี้มีเพียงเอ็งเท่านั้นที่เห็นและได้


ยิน หลังจากนี้ดว้ ยปัญญาของเอ็งคงเข้าใจเรื่ องราวได้ไม่ยาก หากแต่คิดจะเอ่ยสิ่ งใดในภายหน้าจงตรองดูให้มนั่
เหมาะ’
สมิงเขาขวาง 59

หลังจากกล่าวจบ อดีตสิ บโทต้องพบกับความอัศจรรย์ใจพร้อม ๆ กับคลี่คลายข้อสงสัยที่คงั่ ค้างอยูใ่ นทันที เมื่อชาย


ชราหมุนตัวช้า ๆ ครึ่ งรอบ เขากลายร่ างเป็ นเสื อโคร่ งตัวมหึมา ใหญ่เสี ยยิง่ กว่าเจ้าวายร้ายที่นอนอยูก่ น้ หุบ พินิจด้วย
สายตาน่าจะสูงเฉียดเมตรครึ่ งดังที่พรานชัชเคยประมาณการไว้

นัน่ คือเสื อเจ้า!

แววตาอารี ผิดจากสัตว์ร้ายทัว่ ไปมองอดีตสิ บโทอยูค่ รู่ มีเสี ยงเบา ๆ ก้องอีกครั้ง

'พึงระวังไว้ อีกไม่ชา้ บางสิ่ งที่อน


ั ตรายยิง่ กว่ากาลังมาเยือนดินแดนแถงนี้' เสี ยงกังวานในดังเป็ นครั้งสุดท้ายก่อนที่
ร่ างนั้นจะกลืนหายไปในความมืด ทิ้งให้จ่ามหันต์งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก

ท่ามกลางความมืดสลัว หลังจากรัตติกาลระทึกขวัญกาลังจะผ่านพ้นไป สัตว์นอ้ ยใหญ่เริ่ มส่งเสี ยงจอแจเป็ นครั้งแรก


หลังผ่านมาค่อนคืน... อีกไม่กี่นานคงใกล้รุ่ง

จ่ามหันต์ลาดับเหตุการณ์ชา้ ๆ ทุกอย่างลงตัวพอดิบพอดี... จะโดยความบังเอิญหรื อไม่ กลุ่มของร้อยโทฤทธิ์เจอะกับ


เจ้าป่ าเจ้าเขาเข้ากลางทาง ตกใจและเสี ยขวัญเข้าใจผิดคิดร้ายว่าเสื อเจ้าเป็ นสมิง ทั้งที่แท้จริ งแล้วไอ้ลายแฝงกายมาใน
รู ปลักษณ์ของยอดพรานมือฉมังต่างหาก

“ท่านคงออกมาเตือนพวกเราสิ นะ..” จ่ามหันต์ราพึงราพัน

สายลมรุ นแรงอ่อนกาลังลงเป็ นโกรกเบา ๆ พร้อมประกายแสงสดใสของเช้าวันใหม่ทอขึ้นที่ปลายฟ้า จ่ามหันต์กา้ ว


ไปยืนชิดขอบผาเพ่งหาร่ างใครคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่เห็นสิ่ งใดมากไปกว่าสี เขียวครึ้ มของใบไม้นานาพันธุ์...

แต่แน่นอนว่า ณ จุดใดจุดหนึ่งในหุบผา เป็ นที่ฝังร่ างสมิงร้ายแห่งเขาขวางไปชัว่ นิรันดร์


สมิงเขาขวาง 60

จ่าย้อนกลับไปหาสมาชิกในทีมด้วยสภาพอิดโรย เขาเจอฤทธิ์กบั ยักษ์นงั่ สัปหงกอยูบ่ นโขดหิน ใกล้เคียงกับจุดที่


พรานเคยซุ่มซ่อนตัวอยู่ ทั้งสองหน้าตาตื่นเมื่อเห็นอดีตสิ บโทส่งเสี ยงเรี ยก คาถามยาวยิง่ กว่าขบวนรถไฟประดังเข้า
มาจนจ่ามหันต์ไม่รู้จะเลือกตอบคาถามใดก่อน โดยเฉพาะหัวข้อหลักคือ สรุ ปพรานชัชใช่สมิงหรื อไม่อย่างไรจ่า
ตัดสิ นใจตอบสั้น ๆ โดยไม่อธิบายเหตุผลใด ๆ เพิ่มเติมว่า

“มันจบแล้ว... แค่น้ นั ล่ะ”

ทั้งสามเดินไต่ตามทางดินเล็ก ๆ จนมาถึงห้างที่สอง และพบว่าพวกเขาไม่ได้โดนกฤติยามนต์กลใดลวงตาทั้งสิ้น


สภาพศพน่าสังเวชจ่าแซมนอนแน่นิ่งอยูเ่ หนือห้างเช่นเดิม หัวหน้าชุดโวยวายด่าทอวายร้ายแห่งเขาขวาง คาดคั้นหา
คาตอบว่าศพไอ้ลายอยูท่ ี่ไหน จะตามไปถลกหนัง บัน่ คอ เซ่นวิญญาณลูกน้องคนสนิท

โทสะของหัวหน้าชุดยิง่ ทวีมากขึ้นเมื่อระหว่างทางที่ยอ้ นกลับไปห้างแรก เขาพบร่ างพลทหารน้อยนอนจมกองเลือด


อยูข่ า้ ง ๆ พงไม้ คาดว่าเสี ยชีวิตมาแล้วไม่ต่ากว่าแปดชัว่ โมง

“บอกมา ศพไอ้ลายอยูไ่ หน กูจะเผามันเสี ยให้วอด”

จ่ามหันต์ส่ายศีรษะอย่างระอา เขาต้องยกเหตุผลร้อยแปดข้อมากล่อมให้เกลอสนิทสงบสติอารมณ์เป็ นการชัว่ คราว

เมื่อทั้งสามกลับมาถึงห้างใหญ่ที่ขดั ไว้เป็ นแห่งแรก แสงแดดอบอุ่นก็ฉาบไปทัว่ ทหารหนุ่มน่าสงสารที่ชื่อรงค์


กระโดดโลดเต้นที่เห็นสมาชิกที่เหลือกลับมา เขาเข้าไปสวมกอดเพื่อนร่ วมรุ่ นอย่างดีใจ

“ไอ้ยกั ษ์ มึงนี่มนั หนังเหนียวจริ ง ๆ กูได้ยนิ เสี ยงปื นดังเกือบทั้งคืน พาลคิดว่ามึงจะไม่รอดเสี ยแล้ว”

“ปากเหรอวะนัน่ ” ยักษ์พูดขบขันพลางผลักศีรษะรงค์เบา ๆ ทั้งสองหยอกล้อราวกับไม่เจอกันมานาน

ระหว่างที่ท้งั สี่ กาลังปรึ กษากันว่าจะออกค้นหาพลทหารอีกคนที่ยงั ไม่ทราบชะตากรรม มีเสี ยงดังโหวกเหวกมาแต่


ไกล ไม่นานนักมีชาวบ้านกลุ่มใหญ่เกือบยีส่ ิ บชีวิตโผล่ออกมาจากเหลี่ยมผา
สมิงเขาขวาง 61

“เจอแล้ว อยูท่ างนี้” เสี ยงผูช้ ายคนหนึ่งตะโกนก้อง พวกเขาไถลลงเนินชื้นแฉะอย่างทุลกั ทุเล ชาวบ้านทุกคนล้วนดู


ตื่นเต้น และที่วิ่งนาหน้าตั้งมาคนแรกคือพลทหารที่หายไปตั้งแต่เมื่อวาน เขาปรี่ เข้าไปหาหมวดฤทธิ์ ทั้งสองคนต่าง
ดีใจไม่แพ้กนั

จากการสอบถามได้ความว่า หลังจากชุดย่อยของฤทธิ์เจอะเข้ากับเสื อโคร่ งตัวใหญ่ยกั ษ์ก็แตกฮือไปคนล่ะทาง ร้อย


โทฤทธิ์กบั น้อยวิ่งแยกออกมาจนเจอพรานชัช จ่าแซมมุ่งไปอีกทาง ส่วนทหารหนุ่มเลือกวิ่งย้อนกลับไปตั้งหลักที่
พักเชิงเขา อยากจะนาพรานชาวบ้านสมทบตามเข้ามาช่วย แต่หลังตะวันลับฟ้าไม่มีใครสักคนยอมย่างกรายเข้าอาณา
เขตขุนเขา อีกทั้งสภาพอากาศก็ไม่เป็ นใจ ฝนเทกระหน่าอยูต่ ลอดเวลา ทาได้เพียงรอคอยเวลาจนฟ้าสางจึงรวบรวม
สมัครพรรคพวกบุกบัน่ ตามเข้ามา

“ฆ่ามันแล้วใช่ไหมผูห้ มวด ผมได้ยนิ เสี ยงปื นดังทั้งคืน” พลทหารถามโพล่งขึ้น ชาวบ้านได้ยนิ รี บล้อมกรอบเข้ามา


ราวกับร้อยโทฤทธิ์เป็ นดาราดังก็ไม่ปาน เขาเหลือบไปมองเห็นจ่ามหันต์พยักหน้าน้อย ๆ

“ทุกคนวางใจได้ อ้ายวายร้ายตัวนั้นมันตายไปแล้ว”

สิ้นเสี ยงร้อยโท ทุกคนกู่ร้องด้วยความปรี ดา พากันเข้ามาขอบคุณเสี ยยกใหญ่ สรรเสริ ญเยินยอว่าหมวดฤทธิ์เป็ นผู ้


ปัดเป่ าอาเพศเหตุร้าย แรก ๆ ร้อยโทหัวหน้าชุดปฏิบตั ิการดูขดั เขินอยูบ่ า้ ง แต่ล่วงไปสักพักเขาดูรับมือคาป้อยอนั้น
ได้เป็ นอย่างดี อธิบายเสี ยเป็ นฉาก ๆ ว่าจัดการกับอ้ายวายร้ายแห่งเขาขวางอย่างไร

ระหว่างที่ฤทธิ์กาลังเล่าเรื่ องราวการปราบไอ้ลายอย่างสนุกปาก จ่ามหันต์เข้าไปดึงตัวพลทหารคนนั้นออกมาจาก


กลุ่มคน อดีตสิ บโทกระซิบถามเสี ยงเบา

“ไอ้หนุ่ม... เล่าตอนที่พวกเอ็งไปเจอเสื อยักษ์ตวั นั้นหน่อยสิ ”

ทหารหนุ่มดูงุนงงสักพักจึงเริ่ มเล่า “พวกเราเดินกันอยูแ่ ถบเชิงเขาฝั่งนูน้ สักพักผมเหมือนได้ยนิ เสี ยงใครมากระซิบ


เบา ๆ ฟังไม่ถนัด”
สมิงเขาขวาง 62

“กระซิบ?... กระซิบว่าอะไรวะ” จ่ามหันต์ถามด้วยความสงสัย

“เหมือนได้ยนิ ว่ากลับไป อะไรสักอย่างนี่ล่ะ แต่สงสัยจะหูแว่วไปเอง พอแหงนหน้าไปมองต้นเสี ยงก็เห็นเสื อตัว


เบ้อเริ่ มเทิ่มนัง่ อยูบ่ นโขดหิน แม่เจ้าโว้ย ตัวมันใหญ่มากจ่า ต้องเป็ นไอ้สมิงบัดซบตัวนั้นแน่ ๆ”

“สงบปากสงบคาไว้บา้ ง” จ่ามหันต์ตะคอก “แล้วยังไงต่อ”

“จะยังไงล่ะ พวกเราก็ยงิ กันหูดบั ตับไหม้น่ะสิ ถามได้ พอยิงชุดแรกจบจ่าแซมก็ปีนขึ้นไปดูปรากฏว่ามันหายตัวไป


เสี ยฉิบ แต่กลับมาโผล่อยูใ่ นพงไม้ไม่ห่างจากพวกเรา ยังกับมันมีเวทย์มนต์หายตัวได้อย่างนั้นล่ะจ่า จากนั้นก็วิ่งป่ า
ราบตัวใครตัวมัน”

จ่ามหันต์ยมิ้ ให้พร้อมกับตบบ่าพลทหารนายนั้น แล้วเดินแยกออกมามองไทยมุงที่รุมล้อมหมวดฤทธิ์อยู่ ดูทา่ คา


เยินยอจะเป็ นยาใจชั้นดี ทาให้หวั หน้าชุดลืมอาการเจ็บปวดไปเสี ยสนิท

“ดูยงั กับพระเอกหนังไทยเลยว่าไหม” ยักษ์เดินเข้ามายืนใกล้ ๆ ปื นกระบอกเดิมพาดบนบ่า เขายิม้ กริ่ ม “หลังจากที่


ลุงแยกตัวไปเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ?”

จ่ามหันต์จอ้ งหน้าเด็กหนุ่มคราวลูก หลังจากผ่านค่าคืนระทึกขวัญ เขายิง่ ชื่นชมในน้ าจิตน้ าใจของเด็กหนุ่มคนนี้เป็ น


พิเศษ

“เอ็งจะรู ้ไปทาซากอะไรวะ” จ่ามหันต์หยอกกลับ พลทหารหนุ่มหัวเราะในลาคอ

“ฉันยิงโดนไหมลุง”
“เออ เข้าก้านคอมันเลย”

“ลุง... พรานชัชเป็ นสมิงใช่ไหม แล้วที่พวกหมวดไปเจอคืออะไร” ยักษ์ถามสิ่ งที่สงสัยมาทั้งคืน


สมิงเขาขวาง 63

จ่ามหันต์ไม่ตอบคาถามแรก แต่เลือกตอบคาถามที่สอง
“บางสิ่ ง” อดีตสิ บโทยิม้ พร้อมกับใช้มือยีผมพลทหารเบา ๆ

คณะล่าสมิงร้ายและกลุ่มชาวบ้านรวมถึงศพผูเ้ สี ยชีวิต เคลื่อนกลับมาถึงเชิงเขา บริ เวณลานโล่งด้านหน้าคราคร่ าไป


ด้วยเหล่าผูค้ นทั้งชายหญิงอีกหลายสิ บชีวิต ต่างส่งเสี ยงร้องกันเซ็งแซ่ ร้อยโทฤทธิ์สวมบทผูพ้ ชิ ิตไอ้ลายอย่าง
ขมีขมันก่อนที่จะมีใครสอบถามเสี ยอีก เขาตะโกนเสี ยงดังตลอดทางว่าไอ้ลายตายแล้ว

จ่ามหันต์มองท่าทีของเกลอด้วยความขบขัน วีรกรรมกว่าครึ่ งที่หวั หน้าชุดสาธยาย ตอกไข่ใส่สีไปเองทั้งนั้น

พลทหารหนุ่มที่ชื่อยักษ์เดินเข้ามายืนด้านข้างอีกครั้ง

“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอลุง”
“เรื่ องอะไรเหรอ” จ่าถามกลับ
“ใครกันแน่ที่เป็ นคนจัดการไอ้ลาย”
อดีตสิ บโทหัวเราะ “หมายถึงเอ็งรึ ไง”

ทหารหนุ่มส่ายศีรษะและยิม้ “กลัวดอกพิกุลจะร่ วงหรื อไงลุง” เขาตรงเข้าไปช่วยหามศพทหารผูเ้ คราะห์ร้ายสอง


นาย อดีตสิ บโทรู ้สึกผิดไม่นอ้ ย ที่ไม่สามารถช่วยให้ท้งั คูร่ อดคมเขี้ยวไอ้ลายไปได้ และต้องมาเสี ยชีวิตก่อนวัยอัน
ควร

“อย่าเสี ยใจไปเลยลุง” ยักษ์ซ่ ึงกาลังปี นขึ้นไปนัง่ บนรถจี๊ปตะโกนกลับมา “สองคนนั้นเขาไปสบายแล้ว มีแต่พวกเรา


นี่ล่ะที่ตอ้ งมีชีวิตอยูแ่ ละดูแผ่นดินต่าเตี้ยลงไปทุกวัน แต่อย่างไรเสี ยเราก็ยอมอยูแ่ ล้วใช่ไหมล่ะ เพราะมันมีสิ่งล้ าค่า
พอให้ทนไงลุง”

จ่ามหันต์อมยิม้ โบกมือให้พลทหารทั้งสามนาย
สมิงเขาขวาง 64

ยักษ์วางกระบอกปื นพิงกับตัวรถ เด็กหนุ่มตะโกนเสี ยงดัง

“ลุงโว้ย!”

“อะไรอีกล่ะ” จ่ามหันต์ตอบเสี ยงขุ่น เขาเห็นเด็กหนุ่มยิม้ กว้างจนเห็นฟันสี ขาวเรี ยงแถวสวยงาม

“ลุงโคตรเจ๋ งเลยว่ะ” พูดจบพลทหารยักษ์กย็ กมือตะเบ๊ะอย่างองอาจตามแบบฉบับทหารไทย

จ่ามหันต์ยกมือขึ้นช้า ๆ นิ้วมือทั้งสี่ เรี ยงชิดติดกัน อดีตสิ บโททาความเคารพตอบทันที

-----------------------------------------------------------------------

จนแล้วจนรอด จ่ามหันต์ไม่มีโอกาสตักเตือนฤทธิ์เรื่ องการล่าสัตว์เพื่อสนองความใคร่ ทั้งสองเพียงแค่พยักหน้าให้


กันและกันจากระยะไกลเท่านั้น

ชุดเฉพาะกิจล่าจอมวายร้าย และกลุ่มชาวบ้านเริ่ มแยกย้ายกันเมื่อราวช่วงสายของวัน จ่ามหันต์อาศัยติดรถชาวบ้านที่


รู ้จกั คนหนึ่งเดินทางกลับบ้าน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรื อไม่ เพราะตลอดทางเขาต้องนัง่ ฟังชาวบ้านคนนั้น
สรรเสริ ญวีรกรรมกล้าหาญของหมวดฤทธิ์ที่สยบไอ้ลายด้วยกระสุนนัดเดียว

อดีตสิ บโทเออออห่อหมกไปตามเรื่ องตามราว ไม่คิดแย้งสิ่ งใดให้เป็ นที่กงั ขา ความจริ งเป็ นเช่นใดเขาย่อมรู ้ดีที่สุด

เมื่อรถมาจอดหน้าบ้าน จ่ามหันต์ขอบอกขอบใจมิตรผูเ้ อื้อเฟื้ อ เขามองเข้าไปในบ้าน เห็นภรรยาและลูกวิ่งกรู ออกมา


รับอย่างดีอกดีใจ จ่ามหันต์ยมิ้ แป้น เขาเปรยเบา ๆ

"พี่กลับมาแล้ว”
สมิงเขาขวาง 65

------------------------------------------------------------------------

จบบริ บรู ณ์

You might also like