Download as docx, pdf, or txt
Download as docx, pdf, or txt
You are on page 1of 44

ธี่หยด 1

ธี่หยด
ธี่หยด 2

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัวมาก คนที่เล่าให้ฟังคือแม่ของผมครับ ตอนนั้นแม่ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่น อายุ


ราว ๆ 15 – 16
(เป็นตัวเลขประมาณการณ์) แม่มีพี่ชาย 3 คน น้องสาว 2 คน น้องชาย 1 คน แม่และน้องสาวอีก 2 คนสนิท
กันมากเพราะเกิดไล่เลี่ยกัน
ไปไหนก็ไปด้วยกัน รวมถึงไปเรียนหนังสือก็ไปด้วยกัน สมมุติว่าน้องของแม่ คนแรกชื่อแย้ม (อินเทรนด์
หน่อย) ลักษณะจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย
อ่อนหวาน เงียบ ๆ อีกคนชื่อเย็น จะเฮี้ยว ๆ แก่น ร่าเริง

ทุกวันตอนเช้าหลังจากช่วยทำงานบ้านและงานในไร่เสร็จ แม่ผมและน้อง ๆ (น้า)ก็ต้องเดินเท้า หลาย กม.


เพื่อไปเรียนหนังสือ อย่างที่ทราบกัน
สมัยก่อน ถนนหนทางไม่ได้สะดวกสบายเหมือนทุกวันนี้ ถนนเป็นดินลูกรัง 2 ข้างทาง บางช่วงก็เป็นไร่
นา
บางช่วงก็เป็นผักสวนครัวที่ชาวบ้านแถวนั้นปลูก หรือบางช่วงเป็นป่ ารก เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ และมีอยู่
1 ต้น ที่ตรงโคน

มีศาลไม้เก่า ๆ ตั้งอยู่ เดินผ่านไป-มา แม่ผมเล่าว่าก็ยกมือไหว้ทุกครั้ง

กว่าจะเดินจากบ้านไปถึง โรงเรียนก็ 2-3 ชม. ทุก ๆวันกิจวัตรก็จะเป็นแบบนี้ ขากลับจากโรงเรียนมาบ้าน


ยิ่งช้า
แต่ทุก ๆวันเหตุการณ์ก็ดำเนินไปแบบนี้ จนอยู่มาวันนึง ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นครับ ทุกวันนี้แม่ผมยังไม่อยากจะ
เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ผมก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พยานมันเยอะ

เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน แม่ผมและน้อง ๆ ก็เดินกลับบ้านกันปกติ วันนั้นน้าแย้มก็ไม่ค่อยสบายด้วย พอ


ใกล้จะถึงบ้านก็เริ่มมืด แต่ก็ไม่รู้สึกอะไร
เพราะชินแล้ว แต่วันนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ตรงป่ ารก ตรงโคนต้นไม้ที่มีศาลเก่า ๆตั้งอยู่ มีผู้หญิงคน
นึงยืนอยู่ข้าง ๆศาล
ธี่หยด 3

ผู้หญิงวัยกลางคน ผมยาวป่ ะบ่า ใส่เสื้อสีดำนุ่งผ้าถุง แม่ผมจำแม่น ในตอนนั้นไม่คิดอะไร รีบจูงน้องให้กึ่ง


เดินกึ่งวิ่ง ผ่านผู้หญิงคนนั้นไป
ช่วงที่ผ่านไป แม่เหลือบไปมอง เห็นผู้หญิงคนนั้นจ้องมาทางแม่และน้องแล้วผู้หญิงคนนั้นก็ยิ้ม ตาของผู้
หญิงคนนั้นดูน่ากลัวมาก
และแม่ผมบอกว่ายังจำได้ถึงทุกวันนี้ แต่คืนนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไร

ช่วงเช้าหลังจากทำงานเสร็จ ก็ต้องไปโรงเรียน เพียงแต่วันนี้น้าแย้มอาการไม่ดีขึ้น ไข้ขึ้นสูง แม่จึงไป


โรงเรียนกับน้าเย็นแค่ 2 คน
เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 วัน อาการน้าแย้มไม่ดีขึ้นเลย และที่แปลกคือตอนกลางคืน จะสะดุ้งและกรี๊ด
ดังลั่นบ้าน บอกแม่ (คุณยาย)
ว่ามีคนเข้ามาจะทำร้าย อะไรประมาณนั้น แต่ก็ไม่มีใครเชื่อครับ คิดว่าคงจะฝัน วันรุ่งขึ้นคุณตาผม ก็ไป
ตามหมอมาดูอาการ
หมอก็บอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้ยา นอนพักอีกสัก 2-3 วันก็หาย แต่ลงท้ายอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ซ้ำยังทรุด
ลงด้วย

ตอนกลางคืนน้าแย้มก็ยังฝันเหมือนเดิมทุกวันว่ามีคนเข้ามาทำร้าย จนแทบไม่ได้นอน โทรม หน้าตาหมอง


ไม่มีแรง
จนผ่านไป 7 วันถึงตอนนี้ครับ พี่ชายคนโต (คุณลุง) ก็คุยกับคุณตาว่า มันดูแปลก ๆแล้วนะ แล้วมาถามแม่
ผมว่า ไปซนอะไรที่ไหนมารึเปล่า?
แม่ผมก็บอกว่าเปล่า วันนั้นลุงผมก็ออกไปข้างนอกและกลับเข้ามาตอนประมาณบ่าย ๆ พาหมอยา ไม่ใช่
หมอผีถือมีด ห้อยประคำนะครับ ประมาณ หมอยาหมอตำแย แต่ก็คงพอมีวิชา ผมก็ไม่รู้เรียกยังไง หลัง
จากหมอคนนั้นเข้ามา ก็เดินเข้าไปหาน้าแย้ม น้าแย้มก็สวัสดี
บอกน้าจ๋าช่วยหนูด้วยมีคนจะมาทำร้าย หมอยาก็บอกไม่มีอะไร หนูแค่ฝันไป (น่าสงสารนะ พูดไปก็ไม่มี
ใครเชื่อ)

หลังจากตรวจดูอาการพร้อมให้ยาแบบสมุนไพร ก็เดินเลี่ยงออกมาคุยกับ ตา, ยายและก็ลุงผม (ช่วงนี้แม่ไม่


ได้ยินนะครับ ลุงมาเล่าให้ฟังทีหลัง)
ธี่หยด 4

หมอยาบอกว่าน้าแย้ม ลักษณะเหมือนคนโดนของหรืออาจแค่ยังไม่หายไข้ก็ยังไม่รู้ ให้ต้มยากินรอดูอาการ


ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องไปอำเภอ

แต่หมอยาย้ำว่า สำคัญคือห้ามคนแปลกหน้าหรือคนไม่รู้จักมาเยี่ยมเด็ดขาด
นั่นละครับพูดยังไม่ทันขาดคำ แม่เล่าว่ามีเพื่อน ๆ ตากับยายแวะมาเยี่ยมหลายคน บางคนแม่ก็จำได้ บาง
คนก็ไม่รู้จัก
หมอยาก็มองหน้าคุณตาผม ตาผมเลยบอกว่าไม่เป็นไรเพื่อนกัน ๆ เสร็จแล้วเพื่อน ๆตาก็เดินเข้าไปเยี่ยมน้า
แย้ม
ซึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ตรงโถงกลางบ้าน

ปรากฏว่ามีผู้หญิงแก่ ๆอยู่ 1 คน ยืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่เข้าไปเยี่ยม จ้องไปที่น้าแย้ม น้าแย้มเห็นหญิงแก่


คนนี้ก็ร้องกรี๊ดด ดังลั่นบ้าน ทุกคนตกใจหมอยาเห็นหญิงแก่คนนั้นก็วิ่งเข้ามาชี้หน้าด่าตะโกนลั่นเสียงดัง
แบบหยาบ ๆเลยครับ ขออภัยด้วย “E-sad! ยิ้ม ยิ้มมาทำไม รีบกลับไปเลยนะ อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกนะ
อย่างยิ้มมันไม่ได้ตายดีหรอก”
คนในบ้านก็ตกใจครับ งงด้วย แม่ผมก็ตกใจ ผู้หญิงแก่คนนั้น ยิ้มแว่บเดียว แล้วก็เดินกลับไป
.............................................

ตากับยายผมก็สงสัยเข้าไปถามหมอยา หมอยาถามกลับว่ารู้จักยายแก่คนนี้เหรอ ตากับยายบอกไม่รู้จัก


หมอยาจึงเล่าให้ฟังว่า ยายแก่คนเนี่ยเป็นพวกเล่นของ เล่นจนของเข้าตัว เพี้ยน วิปริต ปกติเป็นคนเงียบ ๆ
ไม่สุงสิงกับใคร
ไม่รู้วันนี้มาทำไม แต่ถ้ายายแก่คนนี้มาอีกให้รีบไล่ อย่าให้เข้ามาในบ้าน และห้ามให้เจอคนป่ วยเด็ดขาด

คุยกันสักพักแล้วหมอก็กลับไป บอกว่าถ้าอาการไม่ดีให้ไปตาม แต่หลาย ๆอย่างดูจะแย่ลง คืนนั้นเองที่


เหตุการณ์แปลก ๆเริ่มเกิดขึ้นในบ้าน
ธี่หยด 5

ตอนดึกคืนนั้น แม่ผมนอนหลับอยู่ในมุ้ง ก็เห็นเงาลาง ๆของน้าแย้มออกมาจากมุ้งข้าง ๆ แม่ก็ถามจะไป


ไหน แต่น้าแย้มไม่ตอบ
เดินหายไปในครัว แม่เลยลุกเดินตามไปดูน้องในครัว ก็เห็นน้าแย้มนั่งยอง ๆหันหลังให้อยู่ แม่เดินอ้อมไป
ด้านหน้าก็ตกใจมาก
เพราะน้าแย้มนั่งกินเครื่องในไก่อยู่โดยที่ไม่สนใจแม่ผมเลย เพียงแค่กรอกตามาชำเลืองแม่ผมแว่บเดียว

แล้วน้าแย้มก็เดินกลับไปนอน แม่ผมแม้จะงง ๆ แต่ก็ยังเด็กอยู่ไม่ได้สนใจ ก็เดินตามไปนอน เช้าวันรุ่งขึ้น


ยายก็มาดูอาการ จับหัวน้าแย้ม ปรากฏว่าไข้ลดแล้ว ยายก็บอกว่า หายแล้วก็ออกไปเดินรับอากาศหน่อย
ไปโรงเรียนไหวมั้ย?
น้าแย้มตอบยายมา 3 คำ แม่ผมจำฝังใจว่า “กูจะนอน”

ยายผมเห็นน้าแย้มป่ วยอยู่จึงไม่ได้ว่าอะไรมาก แค่บ่น ๆแล้วเดินออกไป ส่วนแม่ผมกับน้าเย็น ก็ไป


โรงเรียนกัน 2 คน
ระหว่างทางน้าเย็นก็เล่าว่า เมื่อคืนน้าแย้มนอนจ้องหน้าทั้งคืน รู้สึกน่ากลัวยังไงไม่รู้ แม่ผมก็บอกว่าไม่มี
อะไร คิดมาก

หลังเลิกเรียนกลับมาถึงบ้าน น้าแย้มก็ยังนอนอยู่ ยายทำกับข้าวให้ก็ไม่กิน บอกอยากจะกินต้มเครื่องในจะ


ได้มีแรง
(ซึ่งปกติแม่บอกว่าน้าแย้มเกลียดเครื่องในมาก) ด้วยความรักลูก ยายก็ไปฆ่าไก่ในเล้ามาแล้วแช่เย็นไว้ พรุ่ง
นี้เช้าจะได้ทำให้น้าแย้มกิน

แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ช่วงดึก ๆ น้าแย้มก็ออกจากมุ้ง เดินเข้าไปในครัวอีก แต่คืนนี้แปลกกว่า


และหายไปนานกว่าปกติ ราว ๆตี 2-3 หมาหอนระงมไปหมด แม่ก็สะดุ้งตื่น แม่มองเข้าไปในมุ้งหลังข้าง
ๆ ไม่เห็นน้าแย้ม เห็นแค่น้าเย็นนอนหลับอยู่คนเดียว
ระหว่างนั้นมีเสียงแปลก ๆ ฟังคล้ายบทสวดมนต์ หรือคำพูดอะไรสักอย่างไม่เป็นภาษา และไม่ใกล้ไม่ไกล
เสียงนั้นดังว่า “ธี่หยด.........................ธี่หยด...........................ธี่หยด”
ธี่หยด 6

แม่บอกว่าเสียงเย็นเยียบยานคาง วังเวง น่ากลัวมาก ฟังแล้วขนลุก จนแม่ไม่กล้าออกจากมุ้งไปตามน้าแย้ม


ต้องนอนคลุมโปงอยู่
................................................................

เสียงดังกล่าวดังอยู่สักพักก็เงียบ แล้วแม่ก็ได้ยินเสียงคนเดินกลับเข้ามาในห้อง ตึก....ตึก.....ตึก ดังมาก


เหมือนผู้ใหญ่กระทืบเท้า
แม่ชำเลืองดูแว่บเดียว ก็เห็นน้าแย้มกำลังกลับเข้านอน แม้จะไม่ค่อยชัดเพราะมีมุ้งบัง แต่แม่ก็เห็นน้าแย้ม
หันกลับมามองแล้วยิ้ม
แม่บอกว่าแววตาของน้าแย้มคืนนั้น ดูแปลก ๆชอบกล คืนนั้นทั้งคืน แม่เล่าว่านอนไม่หลับเลย ยาวนาน
มาก
รอเสียงเดียว....เสียงไก่ขัน

เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ 2-3 วัน กลางวันน้าแย้มจะนอนอย่างเดียวส่วนกลางคืนก็จะลุกหายไปในความมืด


แล้วสักพักก็จะมีเสียงหมาหอนแทรกด้วยเสียงโหยหวน ดังลอยมาว่า “ ธี่หยด” ทุกครั้ง จนแม่ผมกลัวมาก
เลยคิดว่าจะไปคุยกับลุงผม แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถาม
เช้าวันต่อมาแม่ก็ได้ยินพี่ชาย 3 คน คุยกัน (สมมุติพี่ชายของแม่ 3 คน ยักษ์, ยศ, ยอด) โดยลุงยศคุยอยู่กับลุง
ยักษ์ ใจความคือ

ลุงยศบอกว่ารู้สึกแย้มแปลก ๆไป กลางวันเอาแต่นอน ไม่ช่วยงานในบ้าน แถมยังมีกิริยาก้าวร้าว ผิดไป


จากคนเดิมมาก
ที่ทั้งขยันและเรียบร้อย ลุงยักษ์(พี่คนโตนิสัยนักเลงมาก ๆ แต่ไม่ค่อยอยู่บ้านต้องไปทำงานบ่อย ๆ) บอกว่า
ก็รู้สึกแปลก ๆเหมือนกัน
กลางวันรู้สึกหลบหน้าหลบตาคนในบ้านตลอด ไม่ค่อยคุยกับใคร หรือจะโดนของ (สมัยก่อนต้องยอมรับ
ครับว่า เรื่องแบบนี้มีอิทธิพลกับคนไทยมาก ๆ โดยเฉพาะต่างจังหวัดที่ไกลจากความเจริญ)

ให้รอดูอาการอีกวัน ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้จะไปตามหมอยามาดูอาการอีกครั้ง แม่ผมก็เลยเดินเข้าไปคุยว่ารู้สึก


แปลก ๆเหมือนกัน
ธี่หยด 7

ตอนกลางคืนน้าแย้มชอบลุกออกไปไหนไม่รู้ แล้วแม่ก็บอกว่าได้ยินเสียงแปลก ๆด้วย แต่ลุง 3 คน บอกว่า


แม่ฝัน
(มาบอกตอนหลังว่าไม่อยากให้กลัว) และคืนนั้นเองก็มีเหตุการณ์หลาย ๆอย่างเกิดขึ้น

ช่วงเย็นตาผมกับยายต้องไปงานเลี้ยงต่างอำเภอ และกว่าจะกลับคงใกล้ ๆรุ่ง ให้ลุงยักษ์ดูน้อง ๆด้วย


แม่ก็เห็นลุงยักษ์กับลุงยศยืนซุบซิบคุยกัน หลังจากกินข้าวเสร็จ คุยกันสักพักทุกคนแยกย้ายกันเข้านอน แม่
ก็เข้ามุงนอน
ซึ่งคืนนั้นน้าเย็นขอมานอนกับแม่ เพราะไม่ชอบที่น้าแย้มชอบนอนจ้องหน้า ซึ่งหลัง ๆ แม่กับน้าแย้มก็
แทบจะไม่ได้คุย

คิดอะไรเรื่อยเปื่ อยอยู่สักพัก แล้วก็หลับไป กลางดึกคืนนั้นเอง แม่ก็ได้ยินเสียงคนเดินอยู่ใกล้ ๆเหมือนเดิม


เสียงดังมาก
ตึก ตึก ตึก ก็คิดว่าคงเป็นน้าแย้มลุกไปไหนอีกแล้ว ก็พูดออกไปว่า “เดินเบา ๆหน่อยสิ คนจะหลับจะ
นอน” น้าแย้มไม่ตอบ แต่มีเสียงหัวเราะเบา ๆ แล้วตามด้วยเสียงวี๊ด แม่ก็ไม่ได้สนใจเพราะง่วงมาก แต่ก็
ต้องมาสะดุ้งตื่นอีกครั้งได้ยินเสียงโหยหวนนั่นอีก
“ธี่หยด.....ธี่หยด......ธี่หยด”

แม่บอกว่าคืนนั้นรู้สึกกลัวผิดปกติ จึงลุกขึ้นมา ว่าจะไปนอนกับพี่ ๆ (ลุง) (โดยทิ้งน้าเย็นให้นอนคนเดียว)


แม่เดินออกมาจากห้อง ภายในบ้านมืดสนิท แต่ไม่มีอะไรผิดปกติ แม่หยิบไฟฉายแล้วรีบจ้ำไปทางห้องลุง
ยักษ์ เพราะเสียงนั่นยังดังอยู่ใกล้ ๆน่าจะอยู่หลังด้านบ้าน มันโหยหวนและน่ากลัวมาก
พอแม่เข้าไปห้องลุงยักษ์ ก็เปิ ดมุ้งจะเข้าไปนอนด้วย แต่ในมุ้งนั้นว่างเปล่า ไม่มีเงาคนอยู่เลย

แม่ผมก็คิดในใจว่าลุงยักษ์คงออกไปเที่ยวอีกแล้ว เลยเดินไปมุ้งข้าง ๆที่ลุงยอดกับลุงยศนอนอยู่ ปรากฏว่า


ในมุ้งก็ไม่มีคนอีก
แต่ยังไม่ทันที่แม่ผมจะคิดอะไรก็สะดุ้งสุดตัว เพราะมีเสียงปื นดังขึ้น
..................................................
ธี่หยด 8

เสียงปื นดัง 1 นัด แม่ผมตกใจกระโจนเข้าไปอยู่ในมุ้ง แต่ยังไม่ทันที่จะคลุมโปงก็ได้ยินเสียงหลายเสียง


สับสนไปหมด
หนึ่ง คือเสียงน้าเย็นที่ร้องกรี๊ดลั่นบ้าน แม่เล่าว่ารีบวิ่งไปห้องนอน เห็นน้าเย็นนั่งร้องไห้อยู่ในมุ้ง ก็เข้าไป
ปลอบ
(น้าเย็นอายุน้อยกว่าแม่ผม 2 ปี )

แต่ยังไม่ทันที่น้าเย็นจะหยุดร้อง เสียงปื นก็ดังขึ้นอีก 1 นัด ทีนี้ 2 คนกอดกันกลมเลย


แล้วก็ได้ยินเสียงลุงยักษ์ตะโกนดังลั่นจากนอกบ้าน (ภาษาพ่อขุนรามฯนะครับ)
“E.... เมิงทำอะไรน้องกูวะ!!?”

พอได้ยินเสียง แม่ผมก็บอกให้น้าเย็นไปหลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า บอกว่าเดี๋ยวมา พอน้าเย็นเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า


แล้วปิ ดตู้ แม่ก็รีบวิ่งไปทางต้นเสียงซึ่งอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งประตูหลังบ้านเปิ ดอยู่ ก็เห็นลุงยศกับลุงยอดถือ
จอบ, พร้า คนละด้าม ถือไฟฉายคนละกระบอกส่องไปมาในความมืด โดยด้านหน้าสุด ลุงยักษ์ยืนถือปื น
ลูกซองอยู่

ด้านหลังบ้าน จะมีกอไผ่กอใหญ่อยู่ 2-3 กอ เลยไปเป็นแปลกผักกว้าง ๆ สุดสายตา ซึ่งดำทมึนไปหมด ไม่


เห็นอะไรเลย
พอลุงยอดเห็นแม่ผมออกมาก็ไล่ให้กลับเข้าบ้าน แม่ผมก็วิ่งไปหลบหลังประตู แล้วชำเลืองมองตรงไปใน
ความมืด
คือมันมืดมาก แทบไม่เห็นอะไรเลย เห็นแค่ไฟฉาย 2 กระบอก สาดไปมาในความมืด แม่ผมก็ถามลุงยอด
ว่า "โจรเหรอ ๆ" แต่ลุงยอดไม่ตอบ บอกว่าอย่าออกมา ระหว่างที่แม่กำลังกล้า ๆกลัว ๆ ปนสงสัยอยู่อยู่
นั่นเอง
จู่ ๆ ไฟจากไฟฉายก็ส่องไปเจอเงา ๆนึง แม่บอกว่าเห็นไม่ชัด แต่เป็นคนแน่ ๆ เป็นผู้หญิง ใส่เสื้อสีดำ ยืน
นิ่งอยู่ในความมืด อยู่ไกลออกไปหลายสิบเมตร

พอไฟฉายส่องเจอเงาคนปุ๊ บ ลุงยักษ์ไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ ซัดตูมด้วยลูกซองเลย


...................................
ธี่หยด 9

แม่ปิ ดหูร้องกรี๊ดลงไปนั่งกับพื้น แล้วตะโกนถามลุงยอด


เห้ย ยิงทำไมนั่นแย้มรึเปล่า!! ลุงยอดตอบกลับมาว่า เงียบ ๆ! อยู่ตรงนี้นิ่ง ๆ ห้ามออกไปไหน
เสร็จแล้ว ลุง 3 คนก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตรงจุดที่เห็นเงาคนเมื่อสักครู่ แม่เห็นแค่แสงไฟวับ ๆอยู่ไกล ๆ เห็นลุง
3 คน เดินวนไปมา

ได้ยินเสียงบนอยู่ไกล ๆว่า "ไปไหนวะ”

วนอยู่สักพักก็เดินกลับมา แม่ผมก็ตกใจถามว่า แย้มรึเปล่า? ลุงยักษ์คงเดือด ๆอยู่ เลยดุแม่ผมว่า เงียบ ๆ


อย่าเพิ่งถามอะไรได้ป่ ะ?
แล้วก็เดินเข้าไปในบ้านเอากระสุนปื นยัดใส่กระเป๋ ากำนึง แล้วบอกให้ลุงยศเดินไปด้วย ทั้ง 2 คนเดินลุย
กลับเข้าไปในความมืดต่อ

แม่ผมก็งงไปหมด น้ำตาซึม ๆ ลุงยอดเลยมานั่งข้าง ๆ แล้วบอกว่าไม่มีอะไร ๆ แม่ผมคงสุดแล้ว จึงบอก


กลับไปว่า
“ไม่มีได้ไง! มีอะไรก็บอกมาสิ แล้วเมื่อกี้ยิงอะไร ยิงใคร เกิดเป็นแย้มจะทำไง?”
ลุงยอดเลยเอาไฟฉายส่องไปข้าง ๆบ้าน ใกล้ ๆกอต้นไผ่ ตรงนั้นน้าแย้มนั่งอยู่

น้าแย้มเหมือนนั่งหลับอยู่ เหมือนละเมอแล้วมานั่งหลับตรงนี้ แม่เข้าไปปลุกแล้วเขย่าแรง ๆจนน้าแย้มตื่น


พอตื่นปุ๊ บ
น้าแย้มร้องโอ้ยแบบทรมานมาก บอกว่าปวดเมื่อย และปวดท้องมาก พี่ยอดเดินเข้ามาดู บอกให้พากลับ
เข้าไปในบ้าน
2 คนช่วยประคองน้าแย้มกลับมาที่ห้อง พอได้ยินเสียงคนน้าเย็นก็โผล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า เข้าไปถามแม่
ผมว่า มีอะไรกัน แย้มเป็นอะไร?

แม่ผมก็กำลังจะเล่า แต่ลุงยอดสั่นหัวไม่ให้เล่า บอกให้พาแย้มไปนอน น้าเย็นก็ถามแย้มเป็นอะไร น้าแย้มก็


ตอบแบบปกติไม่ก้าวร้าว แบบปกติ แบบที่เป็นตัวเอง ว่าเจ็บท้อง
ธี่หยด 10

เสร็จแล้ว แม่กับลุงยอดก็เดินออกมานอกห้อง แม่ผมก็ถามต่อ มันเกิดอะไรขึ้น อยากรู้ ลุงยอดก็เริ่มเล่าว่า


นั่งคุยกับลุงยักษ์, ลุงยศว่า แย้มดูแปลก ๆ ไม่ค่อยพูดจา พูดก้าวร้าว วัน ๆเอาแต่นอน
แล้วช่วงที่ลุงยักษ์ไม่อยู่ ก็มีเสียงอะไรแปลก ๆทุกคืน ลุงยักษ์บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน เดี๋ยวคืนนี้ลองนั่งดูสิ
ว่าจะมีอะไรรึเปล่า

ทั้ง 3 คนก็นั่งรอ จน ยอดกับยศหลับไป จนลุงยักษ์มาปลุก บอกว่า นั่งสูบบุหรี่อยู่ กำลังจะหลับ เห็นแย้ม


เดินออกไปทางหลังบ้าน
ทั้ง 3 คนก็เดินตามออกไป พอไปถึงประตูกำลังจะเปิ ด ก็ได้ยินเสียง สวบ สวบ เหมือนใครเหยียบใบไม้อยู่
ดังมาจากหลังบ้าน
ลุงยักษ์เดินไปหยิบปื น แล้วเปิ ดประตูออกไป ไฟส่องไปทางต้นเสียง ด้านนอกมีแต่ความมืด ส่องกันครู่นึง
ก็เห็นน้าแย้มยืนหันหลังโงนเงนไปมา

พอลุงยักษ์ส่งเสียงเรียกออกไป แย้มหันกลับมามองแว่บเดียวก็ล้มพับไปเลย พี่ยศจึงเข้าปลุกและเรียกแย้ม


แต่ไม่ตื่น
เพียงชั่วอึดใจเดียวหลังจากจับแย้มนั่งพิงกอไผ่ ก็มีเสียงแปลก ๆ เหมือนคนโหยหวนอะไรสักอย่าง ( ธี่
หยดนั่นละครับ ) ดังลอยมาจากด้านหลังกอไผ่ ซึ่งเป็นแปลงผักโล่ง ๆ ลุง 2 คนเลยส่องไฟไปทางเสียง ก็
เห็นเมีเงาคนยืนอยู่ลิบ ๆ ไม่ใกล้ไม่ไกล

พอไฟส่องชัด ๆก็ รู้ว่าเป็นผู้หญิง ใส่เสื้อเข้ม ๆ ยืนยิ้มอยู่ ลุงยักษ์เลยยิงปื นขึ้นฟ้ าไป 1 นัด แต่ผู้หญิงคนนั้น
ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับและยิ้ม ๆ เหมือนเดิม คราวนี้ลุงยักษ์เลยยิงใส่ไปอีก 1 นัด แต่ก็แแว่บหายไป แล้ว
ครู่นึง เรื่องหลังจากนั้น ก็ตามที่เห็นกันนั่นละ

แม่ผมถามต่อว่าแล้วไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยเหรอ? ลุงยอดบอกว่า ตอนไปถึงไม่มี แต่ก่อนหน้านี้มีแน่


เพราะมีรอยเท้า (เปล่า) ใหม่ ๆยืนย่ำอยู่บนแปลงผัก
..........................................................
ธี่หยด 11

แม่เริ่มใจไม่ดี ในใจคิดว่าผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนผู้หญิงเสื้อดำที่ยืนอยู่ข้างศาลไม้เก่า ๆ ที่เคยเจอระหว่าง


ทางไปโรงเรียนเมื่อหลายวันก่อน
ก็บอกลุงยอดไปว่า เคยเห็นผู้หญิงคนนึง ลักษณะคล้าย ๆกับผู้หญิงคนเมื่อกี้ตอนไปโรงเรียน
ลุงยอดก็ถามว่าเห็นที่ไหน แม่ก็เล่ารื่องวันนั้นให้ฟังว่าไปเจอได้ยังไง และเจอที่ไหน ลุงยอดฟังก็ดูตกใจ
เล็กน้อย
แล้วก็บอกว่า ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่า แต่ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้ลุงยักษ์ฟัง เพราะแกมีนิสัยนักเลง โผงผาง ไม่
กลัวใคร เผลอ ๆหงุดหงิด
ไปพังศาลเข้าจะไม่ดี จะมีปัญหากับชาวบ้านแถวนั้นด้วย

จนสักพักใหญ่ ๆ ลุงยักษ์กับลุงยศก็เดินกลับมา แต่ก็ไม่เล่าอะไรให้ฟัง ไล่ให้ไปนอน แม่เห็นพี่ ๆ 3 คนยืน


คุยกันอีกพัก จึงแยกย้ายกันไปนอน
คืนนั้นทั้งคืนจนเช้า น้าแย้มร้องครวญว่าเจ็บท้อง จนใกล้ ๆสว่าง ลุงยักษ์กับลุงยศจึงขับรถออกไปตาม
หมอยาคนเดิมอีกครั้ง
และพักเดียวตากับยายก็กลับมาบ้าน ลุงยอดเลยเดินเข้าไปเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟัง แต่ดูตาไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้
แต่ยายดูค่อนข้างจะเชื่อ

จนช่วงสาย ๆ ตากับลุงยอดก็ออกไปทำสวน ในบ้านเหลือยาย, แม่, น้าเย็น คอยดูแลน้าแย้มซึ่งยังนอนปวด


ท้อง
แล้วอยู่ ๆก็มีญาติของยายซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเดินเข้ามาบอกมาเยี่ยม ยายก็ไปหลังบ้านหาน้ำหาท่ามาให้กิน
ช่วงขณะนั้นเอง

หญิงแก่คนเดิมคนนั้น ซึ่งเดินแฝงมากับญาติ ๆ ก็เดินเข้ามาในบ้าน เดินไปจนถึงหน้าห้องนอนของแม่กับ


น้าแย้ม
แล้วแม่กับยายก็ได้ยินเสียงน้าแย้ม ร้องกรี๊ดดังมาก ยายผมรีบวิ่งกลับมาดูว่าลูกสาวเป็นอะไร
ธี่หยด 12

เห็นหญิงแก่คนนั้นยืนอยู่ห้องก็ตกใจมาก หยิบขันน้ำปาใส่ แล้วตะโกนด่าว่า “เมิงมาทำไม เมิงออกไปจาก


บ้าน....เดี่ยวนี้นะ”

หญิงแก่คนนั้นหันกลับมามอง แล้วยิ้ม แล้วก็เดินกลับออกไป ยายผมวิ่งเข้าไปดูน้าแย้ม แต่ตอนนี้น้าแย้ม


หลับไปแล้ว
ญาติก็ถามว่ามีอะไร ยายผมก็ไม่เล่า ส่วนแม่ผมก็ไม่รู้จะเล่ายังไง

สักพักช่วงบ่าย ๆ ตากับลุงยอดก็กลับเข้ากินข้าวที่บ้าน ยายก็เข้าไปคุยกับตาว่าผู้หญิงแก่คนนั้นมาบ้านอีก


แล้ว
ตาไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้นักก็บอกว่า ช่างเถอะไม่เป็นไร แต่คราวหน้าดูหน่อยละกันเวลาใครมาบ้าน
ระหว่างที่คุยกันอยู่ ลุงยักษ์กับลุงยศก็ขับรถกลับมาถึงบ้านพอดี โดยพาหมอยาคนเดิมมาด้วย

หมอถามว่าอาการยังไม่ดีขึ้นใช่มั้ย ยายเล่าว่า ค่อยยังชั่วหลายวันแล้ว เพิ่งจะมากำเริบเมื่อคืน ก็ลงความเห็น


กันว่า คงต้องพาไปโรงพยายาลในตัวจังหวัด (ซึ่งไกลมาก) ยาย, แม่, ลุงยศและหมอยาก็เดินเข้าไปดูอาการ
น้าแย้ม

เข้าไปถึงน้าแย้มนอนลืมตาอยู่แล้ว หมอยาจึงถามว่าเป็นยังไงบ้างแย้ม ยังไม่ดีขึ้นเรอะ?


แต่คำตอบที่น้าแย้มตอบ เป็นอะไรที่เพื่อน ๆ ต้องตัดคำว่าวิทยาศาสตร์ออกไปก่อนนะครับ ผมก็ไม่เชื่อ
แต่มีคนเล่ามาแบบนี้ ผมก็พิมพ์ไปตามนั้น

น้าแย้มตอบหมอยาไปว่า

“ กรูไม่ใช่ อีแย้ม ไอ้สัตว์ ไอ้หมอเหี้ย เสือกยุ่งกับกรูจริง ๆ เดี๋ยวกรูจะแดรกให้หมด”

..........................................

หลังจากนั้นน้าแย้มก็หัวเราะไม่หยุด ยายก็บอกเป็นอะไร เป็นบ้าเหรอ น้าแย้มก็ไม่ตอบหัวเราะอย่างเดียว


ธี่หยด 13

หมอยาก็ถามกลับไปว่า เมิงอี xx ใช่มั้ย? น้าแย้มหันมามองหมอยาแว่บเดียว ไม่ตอบแล้วก็หลับไป ยาย


พยามปลุกก็ไม่ตื่น

ระหว่างนั้นลุงยักษ์ก็เดินเข้ามาถามว่าเอะอะอะไรกัน หมอยาจึงพาลุงยักษ์กับตาเดินไปคุยกันข้างนอก
ตอนนั้นแม่ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ตอนหลังลุงมาเล่าให้ฟังว่า หมอยาสงสัยว่าน้าแย้มจะโดนปอบกินอยู่
เป็นผู้หญิงแก่ที่ชื่อ xx
อาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ คนที่เคยเจอก่อนหน้านี้จำได้มั้ย ตาผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อ

แต่ลุงยักษ์ก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้หมอยากับตาฟังว่าเจอผู้หญิงคนนึงเหมือนกัน เมื่อคืนแต่ไม่ใช่คนแก่ เป็นผู้


หญิงวัยกลางคน
หมอยาได้ฟังก็ขนลุก หน้าซีด และเล่าว่า เคยได้ยินคนเล่าอยู่เรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน ผู้หญิงเสื้อดำว่าเป็น
อะไรที่น่ากลัว
เป็นผีก็ไม่ใช่ปอบก็ไม่เชิง รู้แค่ว่าได้ยินเรื่องหญิงเสื้อดำคนนี้มานานแล้ว

ส่วนหญิงแก่คนนั้นที่เล่นของมากจนสติไม่ดี ปกติจะอาศัยอยู่เงียบ ๆ สงบ ๆ ไม่ค่อยพบเจอใคร ถ้าเป็นคน


ปกติไปเจอก็เหมือนเจอคนแก่ทั่วไป
แต่ถ้าใครที่ป่ วยแล้วจิตอ่อนแอ ไม่สบายจะถือว่าเป็นอันตรายมาก คิดว่าแย้มคงโดนเข้าแล้ว
พอดียายเข้ามาได้ยินก็ร้องไห้ บอกว่าเป็นเรื่องจริงเหรอหมอ? หมอกับตาก็ปลอบว่า แค่เดา ๆ อาจจะไม่มี
อะไรก็ได้
ลุงยักษ์เห็นแม่ร้องไห้ก็โมโห ถามว่าหมอยาว่า “บ้านมันอยู่ไหน กรูจะไปกระทืบถึงบ้านเลย”

หมอยาก็บอกว่าอย่าเลย ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า ก็แค่เดาเอา ไปทำร้ายแบบนั้นเดี๋ยวก็ซวยเข้าซังเตกันหมดพอดี


แต่ช้าไปแล้ว ลุงยักษ์เดินไปหยิบไม้หน้าสามมาอันแล้วบอก “ไม่มีอะไรหรอก....ไป หมอ พาไปบ้านมัน
หน่อยสิ จะไปถามหน่อยว่าเป็นห่า อะไรมากรึเปล่า? ชอบมาป้ วนเปี้ ยนบ้านกรูเนี่ย”
ธี่หยด 14

ยายกับตาก็ห้าม แต่ลุงยักษ์ หมอยากับลุงยศเดินออกไปแล้ว แล้วตะโกนมาว่า “ไม่มีอะไรหรอกแม่ ไปคุย


เฉย ๆ”
ระหว่างนั้น แม่ผม ตายาย น้าเย็น (ซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่อง) ลุงยอดก็รออยู่บ้าน ประมาณ 1 ชม. ลุงยักษ์กับหมอยา
ก็กลับมา
ตากับยายผมก็ถามว่าเป็นยังไง เจอมั้ย? ลุงยักษ์ก็บอกว่าเจอ มีคนอยู่ที่บ้าน 2-3 คน ลูก ๆหลาน ๆมันมั้ง
ยายก็ตกใจบอกมีเรื่องกันรึเปล่า? ลุงยักษ์บอกว่า

“ เปล่า... ไม่ได้มีเรื่อง จะไปมีได้ไง คนที่บ้านมันบอกว่า มันเพิ่งจะตายไปเมื่อสัก ชม.ก่อนนี่เอง ”

....................................................................

บ้านของหญิงแก่อยู่ลึกเข้าไปในดงสน ตั้งอยู่เดี่ยว ๆ ห่างไกลจากบ้านคน หมอยาก็เล่าให้ฟังว่า พอไปถึงก็


มีเสียงเอะอะกันอยู่ในบ้าน
พอเข้าไปก็เห็นหญิงแก่คนนั้นนอนอยู่บนแคร่ไม้ โดยมีผ้าขาวผืนเล็กปิ ดหน้า หมอยาก็เลยถามคนในบ้าน
ว่าแกเป็นอะไร
ชายและหญิงที่อยู่ในบ้านก็บอกว่าเป็นหลานของหญิงแก่คนนี้ ทุกวันตอนเที่ยงจะเอาข้าวมาส่ง แต่วันนี้มา
ช้า

พอเข้ามาถึงบ้านก็ตกใจ เพราะเห็นป้ านอนคว่ำหน้าอยู่ตรงประตู ก็ช่วยกันดูสรุปว่าเสียชีวิตไปแล้ว ชาย


หญิงคู่นั้นยังบอกอีกว่า ช่วงที่ป้ าตัวเองใกล้เสียคงทรมานมาก เพราะรอบ ๆ ตัวเต็มไปด้วยรอยเล็กที่ขูดพื้น
ดินจนลึก
หลังจากคุยกันได้สักพัก ฝ่ ายลุงยักษ์ก็ขอตัวกลับมานี่ละ

หมอยาเล่าจบก็ถามตาผมว่าจะเอายังไง ตาก็บอกว่าวันนี้เย็นมากแล้วคงต้องรอพรุ่งนี้เช้าถึงจะพาน้าแย้มไป
โรงพยาบาลในตัวจังหวัดได้
เมื่อสรุปตามนี้ลุงยศก็ขับรถพาหมอยากลับ แต่ก่อนกลับหมอสั่งว่าอย่าให้น้าแย้มไปไหนเด็ดขาด ให้นอน
คนเดียวและเฝ้ าไว้ให้ดี
ธี่หยด 15

บางทีน้าแย้มอาจจะเป็นโรคอะไรสักอย่างก็ได้ เคลื่อนไหวมาก ๆเดี๋ยวจะยิ่งทรุด พรุ่งนี้ไปตรวจอาการก็คง


รู้

แต่แม่ยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่โรคเจ็บไข้ได้ป่ วย มันเป็นอะไรที่ลี้ลับกว่านั้น ช่วงเย็นตอนกินข้าว


ยายก็เอากับข้าวไปให้น้าแย้ม แต่น้าแย้มยังหลับอยู่ ยายผมก็นั่งเฝ้ าน้ำตาซึม พร่ำเรียกชื่อว่า แย้มเอ้ย เป็น
อะไรลูก ตื่นมากินข้าวกินปลาหน่อยมั้ย แต่ทุกอย่างก็เงียบ

คืนนี้แม่กับน้าเย็นก็ไปนอนกับลุงยอด ส่วนลุงยศกับลุกยักษ์นั่งสูบบุหรี่คุยกันตรงโถงกลางบ้าน
แม่หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ก็ได้ยินเสียงนาฬิกากลางบ้านตีบอกเวลาราวตี 1 แม่มองออกไปนอกห้อง
(นอนไม่ปิ ดประตู) ตรงโต๊ะกลางบ้านมีไฟสลัว ๆอยู่ เห็นลุงยักษ์นอนฟุบอยู่ ใกล้ ๆลุงยศนั่งสัปหงกเช่น
กัน อึดใจเดียวแม่ก็ได้ยินเสียงคนเปิ ดประตูเบา ๆดัง แอ๊ดดดดดดด......
ตามด้วยเสียงคนเดินกระทืบเท้า ตึก ๆ ๆ แม่บอกว่ากลัวมากตอนนั้น ร้องก็ไม่มีเสียงได้แต่จ้องไปด้านนอก
ห้อง
สักพักก็มีคนเดินมาตรงโต๊ะกลาง น้าแย้มนั้นเอง น้าแย้มยืนโงนเงนมองลุงยักษ์ กับลุงยศ ซึ่งนั่งหลับอยู่ครู่
ก็เดินเลยไปทางหลังบ้าน
จนลับตาแม่ ได้ยินเพียงแต่เสียง แอ๊ดดด เบา ๆอีกรอบ ตามด้วยเสียงประตูปิ ด
..................................................................

ตามมาด้วยเสียงคนเดินกระทืบเท้า ตึก ๆ ๆ แม่บอกว่ากลัวมากตอนนั้น ร้องก็ไม่มีเสียงได้แต่จ้องไปด้าน


นอกห้อง
สักพักก็มีคนเดินมาตรงโต๊ะกลาง น้าแย้มนั้นเอง น้าแย้มยืนโงนเงนมองลุงยักษ์ กับลุงยศ ซึ่งนั่งหลับอยู่ครู่
ก็เดินเลยไปทางหลังบ้าน จนลับตาแม่ ได้ยินเพียงแต่เสียง แอ๊ดดด เบา ๆอีกรอบ ตามด้วยเสียงประตูปิ ด

พอเสียงประตูเงียบไปสักพัก แม่ก็รีบปลุกลุงยอด กว่าจะตื่นก็กินเวลาไปนอนโข แต่ลุงยอดที่งัวเงียอยู่แทบ


จะตื่นทันที
เพราะเสียงเย็นเยียบ ลอยมาเบา ๆ “ธี่.......หยดดดดด ธี่ หยดดดดดด ธี่ .........หยดดดดด”
ธี่หยด 16

ลุงยอดผุดลุกจากเตียงตรงไปปลุกลุงยักษ์กับลุงยศ ทั้ง 2 ตื่นมาก็รู้แทบจะทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น


เพราะเสียงนั่นยังลอยโหยหวนชวนสยอง ลุงยักษ์ไม่พูดอะไรหยิบปื นลูกซองกระบอกเดิมออกมา
แล้วสั่งเบา ๆให้แม่กลับเข้าไปนอนแล้วล็อคประตูห้อง ปิ ดหน้าต่างปิ ดม่านให้หมด ได้ยินเสียงอะไรห้าม
ออกมาจากห้องเด็ดขาด

แม่ผมอยากตามไปดูมาก แต่ก็กลัวลุงยักษ์มากเหมือนกัน จึงจำใจต้องกลับเข้าห้องล็อคกลอนตามคำสั่ง


หลังจากนั้นแม่ก็เข้าไปนั่งในมุ้ง นอนชิดกับน้าเย็นซึ่งหลับไม่รู้เรื่อง ก็พอได้ยินพี่ ๆ ทั้ง 3 คนเดินไปทาง
หลังบ้าน
ทางเดียวกับที่น้าแย้มเดินลับไป

เสียงนั่นยังดังเอื่อย ๆ เป็นระยะ สลับกับเสียงหมาหอนดังระงมไปหมด แม่เงี่ยหูฟัง ในความวังเวงนั่นเอง


แล้วแม่ก็ได้ยินเสียงชุลมุนด้านนอก และตามด้วยเสียงลุงยักษ์ตะโกนดังลั่นกลบเสียงหมาหอน และกลบ
เสียงประหลาดนั้นด้วย

“ กรูไม่กลัวเมิงหรอก แน่จริงเมิงออกมา กรูจะยิงแม่มให้ตายอีกรอบเลย ออกมาสิวะ!”

สิ้นเสียงลุงยักษ์ แม่ได้ยินอีกเสียงหนึ่งดังลอยมาไกล ๆ ไม่ใช่เสียงประหลาด เป็นเสียงที่ไม่คุ้นหู ฟังแล้ว


ขนลุกไปทั้งตัว
เสียงผู้หญิงหัวเราะ....
.................................................

เสียงนั่นดังแว่บเดียว ทุกอย่างก็เงียบ สักพักแม่ได้ยิน ตากับยายตื่นขึ้นมา แล้ววิ่งออกไปหลังบ้าน ได้ยิน


เสียงคุยกันว่า
เกิดอะไรขึ้น แล้วตาก็ดุลุงยักษ์ว่า เอาปื นออกมาทำไม มีอะไรกัน โจรขึ้นบ้านเหรอ หลังจากนั้นก็เริ่ม
ทะเลาะกัน

แม่ได้ยินลุงยักษ์บอกว่า
ธี่หยด 17

“พ่อไม่รู้อะไรหรอก รู้มั้ยว่าตอนเนี่ยในบ้านมันแปลก ๆ ตั้งแต่แย้มไม่สบายเนี่ย กลางดึกมันจะเดินออกมา


พึมพำ
บ้าบอทุกคืน วัน ๆพ่อก็ทำแต่งาน รู้มั้ยน้อง ๆมันกลัวกันแค่ไหน”

หลังจากนั้นก็ทะเลาะกันเสียงดังขึ้น ตาผมก็บอกว่างมงาย ไร้สาระ ผีเพ่อมีจริงที่ไหน ระหว่างที่เถียงกันอยู่


ยายก็ถามว่าแล้วแย้มอยู่ไหน? ลุงยศก็บอกว่ายังไม่เจอ ยายกับลุงยอดก็ตะโกนเรียก
ลุงยักษ์กับลุงยศกำเดินฝ่ าความมืดออกไปทางแปลกผักเดิม ลุงยักษ์ก็คะนอง ตะโกนท้าทายว่า

“เมิงออกมาสิวะ e-ha แน่จริงเมิงออกมา”

ยายได้ยินก็ตกใจร้องว่า ไปท้าทายแบบนั้นได้ยังไง เงียบเลยนะ ลุงยักษ์ก็บอกว่า


“ไม่กลัวหรอกแม่ คนเยอะแยะ แน่จริงเมิงออกมา พวกกรูไปทำอะไรให้หนักหนาเสรือกมายุ่งกับ
ครอบครัวกรู เมิงออกมา!”
แค่นั้นละ ทุกคนรวมแม่ผมที่นั่งอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงโครม! เสียงดังมาก เหมือนใครเอาก้อนดินก้อนปา
ลงมาบนหลังคาบ้าน
แม่ผมตกใจมาก แต่คนที่ตกใจกว่าอยู่นอกบ้าน แม่ได้ยินยายบอกว่า

“แม่บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปท้าทาย!! บอกแล้วใช่มั้ย เงียบเลยนะหยุด ๆ” แต่ลุงยักษ์คงโมโห ถึงไม่


ตะโกน แต่ก็สบถออกมา
“แม๊ง....จะเอาไงกับกรูวะ” ยายผมก็ดุว่า หยุด ๆ! ห้ามทัก! ห้ามท้า! พูดยังไม่ทันขาดคำ

เสียงใครปาอะไรสักอย่างลงบนหลังคาบ้าน ดังโครม! อีกรอบ เท่านั้นละเสียงปื นลูกซองดังเปรี้ ยง! กลบ


เสียงอื่น ๆไปจนหมด

นอกบ้านชุลมุนอีก ทั้งตาทั้งยาย ด่าลุงยักษ์ยกใหญ่ บอกยิงทำไม บ้าเหรอ ชาวบ้านชาวช่องเค้าตกใจกัน


หมด ตอนนั้นนั่นเอง
ทุกคนก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องวี๊ดดออกมา ยายจำได้ว่าเป็นเสียงแย้ม ก็ตะโกนหากัน เดินหากันชั่วครู่ ...
ธี่หยด 18

แม่ก็ได้ยินเสียงลุงยอดดังมาว่า
“นั่นแย้มอยู่นั่น เห้ย! เข้าไปทำอะไรในนั้นวะ!?” แล้วก็ได้ยินเสียงยายร้องสั่งยอดว่าให้เข้าไปอุ้มแย้มออก
มา

แม่ผมยังนั่งอยู่ในห้องอยากจะออกไปแต่ก็กลัว ได้ยินเสียงด้านนอกเป็นระยะ ได้ยินเสียงลุงยศกับลุงยอด


ว่า
“เห้ย แย้ม เข้าไปในนั้นทำไมวะ เข้าไปได้ไง?” แม่ตัดสินใจจะตามออกไปดูว่ามีอะไรข้างนอกกันแน่

แต่ยังไม่ทันลงจากเตียง ดันมีเสียงเบา ๆเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา เป็นเสียงใครบางคนเคาะประตูห้องนอนเบา


ก๊อก......ก๊อก.....ก๊อก

แม่ชะงักกึก! เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ ก๊อก.....ก๊อก.....ก๊อก แม่เงียบไม่กล้าส่งเสียงในใจคิด ใคร?


ทุกคนก็อยู่นอกบ้านกันหมด หรือกลับเข้ามาแล้ว? แต่ยังได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกอยู่เลย
น้าเย็นก็นอนหลับอยู่ข้าง ๆ แม่ก็ก้าวลงจากเตียงช้า ๆ ถามว่าใครน่ะ?
เงียบไปอึดใจเดียว เสียงเย็น ๆเสียงหนึ่งตอบกลับมาว่า

“ xx……เปิ ดประตูให้หน่อยย” แม่ทั้งงงทั้งกลัว เพราะเสียงนั่นเป็นเสียงน้าแย้ม...

..................................................

เสียงเคาะประตูดังอีกรอบ ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ xx……เปิ ดประตูให้หน่อยย” แม่กล้า ๆกลัว ๆ ถามไปเบา ๆว่า แย้มเหรอ?

แต่ปลายเสียงไม่ตอบ กลับพูดเหมือนเดิม
“ xx……เปิ ดประตูให้หน่อยย” เป็นรอบที่ 3
ธี่หยด 19

ใจก็คิดว่าคงเป็นน้องตัวเอง เอื้อมมือไปกำลังเปิ ดกลอน ก็นึกได้ว่า...

แม่นึกขึ้นได้ว่านานมาแล้ว ตอนสัก 10 ขวบ ยายเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนตำบลใกล้ ๆมีเรื่องแปลก ๆที่ลือ


กันว่า มีผีผู้หญิง
(เข้าใจก่อนนะครับ 30-40 ปี ที่แล้ว เจอเรื่องอะไรลี้ลับ ก็เหมาว่าเป็นผีสางนางไม้ไว้ก่อน)

ชอบออกมาป้ วนเปี้ ยนตอนดึก ๆ และจะเกิดเรื่องว่า วัยรุ่น หรือเด็กเล็ก ๆ หายไปจากบ้านตอนกลางคืน


โดยทุกเหตุการณ์จะเล่าคล้าย ๆกันคือ จะมีเสียงคนรู้จักมาเคาะประตูบ้าน และเรียกชื่อคนที่อยู่ในบ้าน 3
ครั้ง

คนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นเดินไปเปิ ดประตูให้ ก็เดินหายไปในความมืดและไม่ได้กลับมาอีกเลย ส่วนคนที่รอด


มาได้ก็มาเล่าให้ฟังว่า
เหมือนฝัน ได้ยินเสียงคนรู้จักมาเคาะประตูหน้าบ้านตอนกลางคืน ก็เดินออกไปเปิ ดประตู เห็นผู้หญิงคน
นึงยืนอยู่ลิบ ๆ

คนที่เล่าฝันว่ากำลังเดินไปหาผู้หญิงคนนั้น พอดีมีคนในบ้านอีกคนตื่นขึ้นมาแล้วตะโกนมาว่า ออกมาทำ


อะไร ละเมอเหรอ
คนที่เล่าก็ได้สติ พบว่าไม่ได้ฝัน ตัวเองยืนอยู่หน้าบ้านจริง ๆ (ตอนผมฟังมีหลอนนิด ๆ)
ยายก็เลยบอกว่า ถ้ามีใครมาเคาะเรียก 3 ครั้งตอนกลางคืน ห้ามเปิ ด เพราะใครที่ไหนมาบ้านจะมาเคาะ
ประตูเบา ๆ เนิบ ๆ
พร้อมเรียกแค่ 3 ครั้ง แม่ก็บอกว่าตอนนั้นนึกว่ายายขู่....

ถึงตอนนี้แม่ ไม่รู้อะไรดลใจ หรือเก็บกดกับเรื่องนี้มาหลายวัน แม่ตะโกนด่าไปว่า


“ อีผีบ้า! จะไปไหนก็ไป อย่ามาแถวนี้ !” ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่เสียงหัวเราะเย็น ๆ เบา ๆ

แล้วแม่ผมก็ร้องเสียงดังว่า “แม่ช่วยด้วย!!”
ธี่หยด 20

จากนั้นก็มีเสียงเอะอะ มีเสียงคนวิ่งเข้ามา ยายเข้าถึงคนแรก ทุบประตูดัง โครมคราม ถามว่า xx มีอะไร


เปิ ดประตูสิ ตาก็บอกเปิ ดประตู ๆ แม่ผมก็เปิ ดประตูออกมา กอดยายร้องไห้อย่างเดียว ลุงยักษ์เดินเข้ามา
ถาม มีอะไร? เกิดอะไรขึ้น

แม่ก็เล่าว่าแย้มมาเคาะประตูห้อง คนในบ้านก็งงกันหมด เพราะลุงยศ เพิ่งจะอุ้มน้าแย้มเดินตามกันเข้ามา


ยายก็บอกหูฝาดไป ไม่มีอะไร ๆ แต่แม่ก็ยืนยันว่าได้ยินจริง ๆ (ด่าด้วย) แม่ก็ไม่รู้ว่าตากับยายผมเชื่อรึเปล่า
แต่สองคนนั้นก็บอกว่าหูแว่วไปเอง แต่คนที่เชื่อคือลุงยักษ์ เพราะออกอาการโมโหมาก ตอนนั้นเวลา
ประมาณตี 3

ลุงยักษ์ก็เดินไปเอากุญแจรถ บอกให้ลุงยศกับลุงยอดดูพ่อ, แม่และน้อง ๆไว้ เดี๋ยวสาย ๆกลับมา ตากับยาย


ถามจะไปไหน ลุงยักษ์ก็ไม่บอก บอกแค่ว่าเดี๋ยวกลับมาตอนเช้า แล้วลุงยักษ์ก็ขับรถออกไป ส่วนคนที่
เหลือก็ไม่เป็นอันทำอะไร นอนไม่หลับ และน้าแย้มเองก็เหมือนคนปกติที่นอนหลับอยู่
.....................................................

ช่วงเช้าวันต่อมา แม่กับน้าเย็นก็ช่วยกันหุงหาอาหารปกติ ยายก็นั่งดูอาการน้าแย้มซึ่งก็ยังทรง ๆอยู่ ตากับ


ลุงยศก็ออกไปทำงานอยู่ใกล้ ๆบ้าน
เพราะห่วงลูกสาวที่อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ ส่วนลุงยอดก็ออกไปนั่งรอลุงยักษ์ที่ม้าหินไม้หน้าบ้าน จนแดด
แรงราว 8 โมง
ตากับลุงยศก็กลับมาบ้าน ก็บ่น ๆว่ายักษ์ยังไม่กลับมาเหรอ สายป่ านนี้แล้ว กว่าจะตีรถเข้าตัวจังหวัดอีก
หลาย ชม. เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปกันพอดี

แล้วก็ถามยายว่าแย้มเป็นยังไงบ้าง ยายก็บอกว่าสีหน้าก็ดูปกติ แต่ถามคุยอะไรไปก็บอกว่าเพลีย อยากนอน


อย่างเดียว
ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ตาก็เลยเดินเข้าไปดูอาการ ถามว่าเป็นยังไง ก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆของน้าแย้มบอก
ว่าจะนอน เพลีย
ตาก็โมโห บอกว่า เป็นอะไรนักหนา ค่อยยังชั่วหรือเป็นอะไรก็บอกมาสิ เอาแต่นอนไม่พูดไม่จาอยู่ได้
งานการไม่ทำ
ธี่หยด 21

เริ่มทะเลาะกันดังขึ้น สุดท้ายน้าแย้มก็ตะโกนมาว่า

“อย่ามายุ่งกับ....ได้มั้ย!!?” ตาได้ยินแบบนั้นก็โมโหมาก บอกว่า พูดแบบนี้ได้ไง ไม่มีใครสั่งสอนรึไง แล้ว


ตีน้าแย้
น้าแย้มโดนตีก็ร้องกรี๊ดด เสียงดัง ยายก็เข้าไปห้ามบอกว่าลูกไม่สบายอยู่ ก็ปล่อยให้นอนพักไปก่อนสิ
ตาโมโหมากเดินออกไปนอกบ้าน แม่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนฟัง เสียงกรี๊ดของน้าแย้ม

รอจนเกือบเที่ยง แม่ก็ได้ยินเสียงรถขับมาจอดหน้าบ้าน แม่รีบวิ่งออกไปดู สิ่งแรกที่เห็นคือ รถกระบะจอด


อยู่
โดยกระจกหน้ารถมีรอยร้าวใหญ่มาก แล้วก็เห็นหมอยาคนเดิมมากับลุงยักษ์ด้วย แม่เดินเข้าไปก็ได้ยินลุง
ยศคุยกับลุงยักษ์
“รถไปโดนอะไรมา” ลุงยักษ์ตอบไปว่า

“ ก็เมื่อคืนตอนที่กรูขับรถออกมา พอออกจากไร่ได้แป๊ บเดียว พอเลี้ยวโค้ง อยู่ ๆไม่รู้ใครปาก้อนดินใส่


กระจกหน้า สงสัยอีนั่นมั้ง
ดีนะเป็นก้อนดิน ถ้าเป็นก้อนหินกรูซวยแน่"

พูดจบลุงยักษ์ก็บอกให้ลุงยศกับลุงยอดไหว้ชายสูงอายุคนนึงที่มาด้วยกัน ชายผมขาว ใส่เสื้อคอเต่าสีขาว


ติดกระดุมถึงเม็ดบนสุด
เป็นชายสูงวัยที่ดูสุภาพและท่าทางใจดี ชายคนดังกล่าวยิ้มน้อย ๆให้กับทุกคน รวมแม่ผมด้วย
ลุงยักษ์แนะนำให้ชายคนนั้นรู้จักตาและยาย

เสร็จแล้วชายแก่คนดังกล่าวก็เดินดูรอบ ๆบ้าน (สมมุติว่าชื่อพุฒิ) เดินไปจนถึงหลังบ้าน ลุงพุฒิก็เดินวนไป


วนมา
เดินเลยไปถึงแปลงผักหลังบ้าน แล้วก็ส่ายหัวน้อย ๆ ลุงยักษ์กับยายถามว่ามีอะไร ลุงพุฒิบอกว่า ก็ไม่แน่ใจ
แต่ไม่ค่อยดี
ได้กลิ่นแปลก ๆกันมั้ย?
ธี่หยด 22

แม่ที่เดินไปด้วยก็พยามดมกลิ่น แต่ไม่ได้กลิ่นอะไร ทุกคนก็ไม่ได้กลิ่น

แล้วลุงยักษ์ก็พาลุงพุฒิเข้าไปในบ้าน ลุงพุฒิก็เดินดูโน่นนี่ไปเรื่อย และก็เดินเข้าไปห้องน้าแย้ม ไปถึงน้า


แย้มก็นอนลืมตาอยู่ก่อนแล้ว
พอน้าแย้มเห็นลุงยักษ์ แม่บอกว่าเห็นน้าแย้มยิ้มแว่บนึง แวบเดียว แต่พอเหลือบไปเห็นลุงพุฒิหน้าน้าแย้ม
กลับบึ้งขึ้นมาทันที
ลุงพุฒิเดินเข้าไปใกล้ ๆ พูดทักทายว่า ชื่อแย้มใช่มั้ยเป็นยังไงบ้าง? น้าแย้มไม่ตอบนอนจ้องหน้าลุงพุฒินิ่ง
ส่วนด้านหลัง หมอยาก็ยืนคุยกระซิบกระซาบกับลุงยักษ์อยู่ ถัดไปเป็นยายกับตา ส่วนแม่ยืนหลังสุด

ลุงพุฒิก็พูดราบเรียบแบบสุภาพต่อ
“ทุกคนเค้าเป็นห่วงนะ เนี่ยพ่อแม่เค้าก็กังวลกันอยู่ เป็นอะไรก็บอกลุง” ลุงพุฒิเอื้อมมือจะไปแตะหน้าผาก
แต่น้าแย้มขยับหนี ลุงพุฒิก็พูดต่อ
“ไม่ต้องกลัว ลุงไม่ได้มาทำร้าย หนูได้ยินลุงมั้ย?” น้าแย้มก็ไม่ตอบ นอนจ้องหน้าลุงพุฒิเขม็ง

นิ่งกันไปชั่วอึดใจ ลุงพุฒิก็ถามต่อ

“มึงจะออกหรือไม่ออก?”

.........................................................

น้าแย้มได้ยินก็ตอบกลับไปว่า
“ลุงพูดอะไร หนูไม่รู้เรื่อง” ลุงพุฒิก็พูดต่อว่า

“ใครทางมันเถอะ นี่ก็ทำร้ายกันมามากแล้วสงสารเด็กมันนะ” แต่น้าแย้มก็ตอบเหมือนเดิม

“ลุงพูดอะไร หนูไม่รู้เรื่อง”
ธี่หยด 23

แต่ท่าทางที่น้าแย้มแสดงออกไม่ใช่ลักษณะของคนไม่ประสา แต่เป็นลักษณะของการท้าทายมากกว่า
ลุงพุฒิถอนหายใจ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ าเสื้อ หยิบตลับกลม ๆขนาดเท่าเหรียญสิบ เปิ ดฝาออก
ด้านในเป็นสีผึ้งสีขาว ๆคล้ำ ลุงพุฒิป้ ายสีผึ้งด้วยนิ้วโป้ ง แล้วแปะไปบนหน้าผากของน้าแย้ม

ทันทีที่น้าแย้มโดนสีผึ้งก็ไม่มีอาการกรี๊ดร้องเหมือนในละคร แต่จะมีอาการชัก ๆ เกร็ง ๆ


น้าแย้มเกร็ง ๆสักพักก็ร้องเบา ๆ แม่ช่วยหนูด้วย หนูกลัวลุงคนนี้ ยายได้ยินก็จะเดินเข้าไปหา แต่ลุงยักษ์
ดึงไว้

น้าแย้มก็เกร็งยิ่งขึ้น มือไม้งอ ก็ร้องอีกว่า แม่ช่วยหนูด้วย หนูกลัว ยายก็สะบัดมือลุงยักษ์ บอกพอแล้ว ๆ


สงสารแย้ม
แล้วก็เดินเข้าไปลูบหน้าลูบตาบอกไม่เป็นไรแล้ว ๆ
ลุงยักษ์ก็หงุดหงิด บอกว่า หลบก่อนเถอะแม่ ให้ลุงพุฒิดูก่อน ยายผมก็บอกลุงยักษ์ว่า ไม่สงสารน้องเหรอ
น้องมันก็ปกติดี ไม่เห็นที่เรียกเมื่อกี้เหรอ ตาก็บอกว่าพอแล้ว ๆ ลุงยักษ์จะพูดต่อ แต่ลุงพุฒิยกมือบอก ไม่
เป็นไร ๆ

เราออกไปคุยกันข้างนอกหน่อยนะ ลุงพุฒิกับลุงยักษ์และหมอยาก็เดินตามกันออกไปหลังบ้าน
แม่ก็เดินตามไปแอบฟังด้วย แม่ได้ยินลุงพุฒิพูดเบา ๆว่า

“ไม่ดีแล้วไอ้หนุ่มเอ้ย น้องสาวเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วใช่มั้ย?” ลุงยักษ์ก็บอกว่าเป็นมาอาทิตย์กว่าแล้ว

ลุงพุฒิส่ายหน้าบอกว่า แรงนะ ไม่เคยเจอขนาดนี้ ทำไมปล่อยกันมาหลายวันแบบนี้

ลุงยักษ์ก็บ่น ๆว่า ตัวเขาเองก็ไปทำงานหลายวัน กลับมาอะไร ๆมันก็เลวร้ายไปหมดแล้ว ตากับยายก็ดูไม่


ค่อยเชื่อ ห่วงลูกอย่างเดียว
ลุงพุฒิบอกว่าของแบบนี้คนเชื่อก็มี คนไม่เชื่อก็มาก และก็บอกว่า งานนี้ลำพังแค่ตัวลุงเองคงไม่ไหว
คงต้องให้หมอแผนปัจจุบันในตัวเมืองช่วยด้วย ถ้าทันอาจจะผ่อนหนักเป็นเบาได้
ธี่หยด 24

ก็เลยสรุปกันว่าจะพาน้าแย้มเข้าโรงพยาบาลในตัวจังหวัดตอนนั้นเลย

ลุงยักษ์เลยให้ลุงยศไปอุ้มน้าแย้มขึ้นรถ และให้แม่ผมไปเตรียมของ เตรียมเสื้อผ้าจะให้ไปคอยเฝ้ าไข้


พอลุงยศเข้าไปบอกยายกับน้าแย้มว่าจะพาไปโรงบาล น้าแย้มก็ร้องกรี๊ด ๆ อีก บอกว่า ไม่ไป ๆ ดิ้นไปมา
อย่างรุนแรง ยังไงก็ไม่ไป
ดิ้นจนเสื้อขาด ยายเห็นก็ร้องไห้บอกไปนะ จะได้หาย ลุงยศก็ไม่รู้จะทำยังไง
ลุงยักษ์จึงเดินเข้ามาบอกว่า
“ ไม่ไปจะหายได้ไง แม่หลบออกไปก่อน อยากให้แย้มมันหายมั้ย ” ลุงยักษ์ก็เดินไปจับแขนให้ลุก แต่น้า
แย้มก็ไม่ลุก ทั้งดิ้นทั้งสะบัด ลุงยักษ์โมโหเลยลากน้าแย้มออกมาทั้งแบบนั้น น้าแย้มก็กรี๊ดเสียงดังลั่นบ้าน

ตากับยายก็บอกว่าทำกับน้องเบา ๆสิ ก็เริ่มทะเลาะกันอีก ลุงพุฒิที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ตรงประตูหลังบ้าน แต่ไม่


ได้มองมาในบ้าน กลับมองออกไปนอกบ้าน ก็เรียกลุงยักษ์ให้ไปหา ลุงยักษ์กำลังลากน้าแย้มไปขึ้นรถ แต่
ก็แทบจะไม่ไปไหน เพราะน้าแย้มดิ้นแรงมากลุงยักษ์เลยปล่อยมือ พอลุงยักษ์ปล่อยปุ๊ บ น้าแย้มก็ผลุบกลับ
เข้าไปในห้องนอนทันที

ส่วนลุงยักษ์ส่ายหัวเดินไปหาลุงพุฒิซึ่งยืนอยู่หลังบ้าน ลุงพุฒิบอกว่าไปหามีดพร้ามาสัก 1 เล่มได้มั้ย

................................................

ลุงยักษ์กับลุงยศหายไปตรงห้องเก็บของ กลับมาพร้อมมีดพร้าคนละเล่มก็สงสัยว่าลุงพุฒิให้เอามาทำไม
ลุงพุฒิเดินไปเดินมาตรงหลังบ้าน ปากก็พึมพัม ๆเบา ๆ บางทีก็เดินไปไกลถึงแปลงผัก แล้วก็วนกลับมา

ลุงยักษ์ถามว่าให้เอามีดมาทำไม แต่ลุงพุฒิยังไม่ตอบ เดินไปหยุดตรงหน้ากอไผ่กอใหญ่ 2-3 กอหลังบ้าน


แม่ได้ยินลุงยศกระซิบกับลุงยักษ์ว่า กอที่แย้มเข้าไปคืนนั้นนี่หว่า
ธี่หยด 25

**ใครจำไม่ได้ย้อนกลับไปอ่านช่วงนั้นได้นะครับ ที่ยายบอกให้ลุงยศอุ้มน้าแย้มออกมา

แม่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ที่ได้ยินลุงยศถามว่าแย้มเข้าไปทำไมในนั้น เมื่อตอนดึกวันก่อน ที่แท้มันคือในกอไผ่


นั่นเอง**

ลุงพุฒิยืนจ้องกอไผ่กอใหญ่สุดอยู่สักครู่ ก็บอกว่า
“เอ้า ลองฟันกอไผ่กอนี้ให้ดูหน่อย ข้างในมีอะไรรึเปล่า”

ลุงยศก็ดูงง ๆ ถามว่าให้ฟันทำไม ด้านในมันมีอะไร ลุงพุฒิไม่ตอบอะไรยืนดูนิ่ง ๆ ลุงยศก็หันไปมองพี่


ชายว่าจะเอายังไง
แต่ลุงยักษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลงเดินเข้าไปฟันโช๊ะสุดแรง ลำไผ่หักโค่นลงมาทันที
ลุงยศเห็นจึงเข้าไปสมทบ กระหน่ำฟันกอไผ่กอใหญ่กอนั้นไม่ยั้ง ตาก็ออกมาถามว่าทำอะไรกัน ลุงพุฒิก็
เดินเข้าไปขอโทษ
บอกว่าให้รอดูสักพัก ลุงยักษ์กับลุงยศฟันกอไผ่ไปได้สักพักก็ผงะ หยุดนิ่ง

ซึ่งไม่ใช่แค่ลุง 2 คนนั้น แต่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นได้กลิ่นเหม็นเน่ามากจนแทบอ้วก โชยมาจากส่วนลึก


ด้านใน
ลุงพุฒิยืนนิ่ง ๆก็พูดต่อ "เอ้า ฟันต่อไป ยังหนุ่มยังแน่นแรงหมดแล้วเหรอ? เอาอีก เข้าไปให้ถึงตรงกลางดง
เลย"

ลุงยักษ์บอกให้แม่หยิบผ้าขาวม้ามา พันจมูก แล้วลงมือฟันต้นไผ่ลำใหญ่นั้นต่อ


ยิ่งเข้าไปลึก กลิ่นเหม็นเน่ายิ่งรุนแรง จนลุงยศไม่ไหวต้องถอยออกมาตั้งหลักก่อน เหลือลุงยักษ์คนเดียว

ซึ่ง ณ ตอนนั้นแม่บอกว่าลุงยักษ์คงบ้าเลือดไปแล้ว ไม่สนกลิ่นเน่าอะไรทั้งนั้น ฟันไปด่าไป ทั้งถีบทั้งฟัน


ทั้งกระชากกอไผ่กอนั้นกระจุยไปทั้งแถบจนกอไผ่ด้านนึงถูกฟันจนราบไปถึงด้านใน
ธี่หยด 26

แม่เห็นลุงยักษ์ยืนหอบมองเข้าไปด้านในกอไผ่แล้วสบถออกมา

“นี่มันอะไรวะเนี่ย?”

.............................................................

ตากับหมอยาพร้อมลุงยศ เดินตามเข้าไปดูก่อน แม่จึงคว้ามือลุงยอดเดินตามเข้าไปด้วย


แม่ได้ยินเสียงลุงพุฒิเตือนว่าอย่าเข้าไปใกล้มาก

สิ่งนั้น ไม่เพียงมีกลิ่นที่ชวนให้คลื่นเหียน มองเผิน ๆ เหมือนใยแมงมุม แต่พอเข้าไปใกล้ ๆ


ดูชัด ๆก็เห็นว่าเป็นเมือกใส ๆเหมือนกาวยาง ระโยงระยางห้อยซ้อนกันไปมา น้ำเหนียว ๆยืดห้อยต่องแต่ง
กลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว ใต้เมือกเหนียว ๆ มีเศษซากอะไรบางอย่าง
แม่บอกว่าตอนแรกนึกว่าเป็นเศษใบไผ่ที่กองทับกันจนแห้งเหี่ยว

แต่พอมองดูดี ๆ สิ่งนั้นมันคล้ายลำไส้หรืออวัยวะ(คนหรือสัตว์ก็ไม่รู้) ที่ถูกฉีกจนยุ่ย เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


กองรวมกับเศษผ้าเก่า ๆ แล้วก็ปอยผมเล็ก ๆ หลายปอย ดีที่อวัยวะพวกนั้นแห้งกรังไปหมดแล้ว
แม่ทนไม่ไหวเดินออกมาอาเจียน เห็นหมอยาเดินหลบมาคุยกับลุงพุฒิ ระหว่างนั้นเองลุงยศก็หยิบลำไผ่ที่
เกลื่อนอยู่กับพื้นขึ้นมา 1 ลำ แล้วเอาไปเขี่ยเมือกที่อยู่ตรงหน้า ลุงพุฒิหันมาเห็นก็บอกว่าอย่าไปถูกมัน
แต่ช้าไปแล้ว ลุงยศเขี่ยไปแล้ว

พลันที่ลุงยศเขี่ยเมือกใสนั้น น้าแย้มที่ตอนแรกนอนอยู่ในห้องลากเท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปไหน โผล่พรวดมา


ยืนตรงประตูหลังบ้าน
สีหน้าบึ้งตึง แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมา ลุงพุฒิตะโกนบอกให้จับน้าแย้มกลับเข้าไปในห้อง
ลุงยอดเข้าไปจับไว้ แต่ก็เหมือนเดิมคือ สู้แรงเด็กสาวอายุไม่เกิน 15 ไม่ได้ แม่ก็เดินเข้ามาช่วย บอกว่า
“แย้มออกมาทำไมเข้าไปรอในบ้านก่อน” น้าแย้มไม่สนใจเลย ผลักแม่จนเกือบจะล้ม
ธี่หยด 27

ลุงยักษ์เลยเดินเข้าไปขวางจับไหล่แล้วบอกว่า
“แย้ม เข้าบ้านไปก่อน” น้าแย้มหันมามองลุงยักษ์ แต่ก็ไม่สนสะบัดมือจะเดินต่อ แต่ลุงยักษ์ไม่ปล่อย

ตบหน้าน้าแย้มเสียงดังเผี๊ยะ
"กรูบอกให้ไปรอในบ้าน" ตากับแม่ก็ตกใจ แต่น้าแย้มก็ไม่ยอมดิ้นแรงมาก จนลุงพุฒิเดินเข้ามาเอาสีผึ้ง
ป้ ายตรงหน้าผาก
หน้าแย้มก็หยุดดิ้น มีอาการเหมือนเดิมคือตาเหลือก เกร็ง แล้วลุงพุฒิก็บอกให้ลุงยักษ์กับลุงยอดพาน้าแย้ม
กลับเข้าไปรอในห้อง

เสร็จแล้วลุงพุฒิก็เดินเข้าไปคุยกับตา บอกว่าไอ้ของพวกเนี่ย เป็นเสนียดมาก เป็นเหมือนของอัปมงคล ที่


พวกเล่นของสมัยก่อนจงใจกัดกิน ส่วนที่เหลือก็เก็บติดตัวไว้ ลุงพุฒิอยากทำลายให้หมดไปเลย ตาก็ถามว่า
จะทำยังไง
ลุงพุฒิก็บอกว่า คงต้องขอเผาทั้งกอไผ่ไปเลยจะเป็นอะไรมั้ย ตาซึ่งตอนนี้เริ่มเชื่อก็บอกว่า ถ้าคิดว่าทำแล้ว
มันดีขึ้นก็เอาเถอะ แต่ลุงพุฒิบอกว่าก็ไม่มั่นใจ แต่คิดว่ายังไงก็ไม่ควรเก็บของพวกนี้ไว้

...............................................................

ลุงพุฒิให้ลุงยศเดินไปหยิบถุงผ้าในรถ

สักพักลุงยศก็เดินกลับมาพร้อมถุงผ้าสีขาว ลุงพุฒิล้วงเข้าไปหยิบสายสิญจน์แล้วเดินไปที่กอไผ่ เอาปลาย


ด้านหนึ่งผูกไว้กับลำไผ่
แล้วเดิมวนอ้อมรอบกอไผ่กอนั้นหลายรอบจบแล้วก็มายืนด้านหน้าของเหล่านั้น พึมพำอยู่ครู่แล้วโยนสาย
สิญจน์ที่เหลือเข้าไป

ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายแก่แล้วแดดร้อนจัด ตาก็เอาไม้ขีดมาให้ลุงพุฒิ
ลุงพุฒิจุดไม้ขีดก้านแรก ไฟลุกพรึบขึ้นมาแล้วก็ดับพรึบทันทีราวกับมีคนเป่ าลมใส่ ลุงพุฒิก็หยิบขึ้นมาอีก
ก้าน
ธี่หยด 28

ก็เป็นอาการเดิมคือยังไม่ทันจะต่อเชื้อ ไฟก็ดับอีก ลุงพุฒิก็ส่ายหัวบ่นพึมพำ ลุงยศก็ถามว่า ผีเป่ ารึเปล่า


ลุงพุฒิได้แต่ยิ้ม ๆ ก็บอกให้หาน้ำมันก๊าดมาให้หน่อย ต้องรีบทำเวลาหน่อย ลุงยศก็ไปหยิบน้ำมันฉีดราด
แถวโคนกอไผ่
ลุงพุฒิบอกว่าพอเห็นของด้านในโดนเผาแล้ว ก็ฟันต้นไผ่ที่เหลือลงมาเผาด้วย เดี๋ยวไฟลามจะคุมยาก
แต่ต้องรอให้ของพวกนั้นโดนเผาก่อนนะอย่าลืม

ลุงยักษ์กับลุงยอดก็เดินออกมาสมทบ ลุงพุฒิถามว่าแย้มเป็นยังไง ลุงยักษ์ก็บอก นอนสั่นเป็นเจ้าเข้า ยาย


กับน้าเย็นนั่งเฝ้ าอยู่
ลุงพุฒิวานลุงยอดให้เข้ามาช่วยกัน เผื่อไฟลามไปทางอื่น ส่วนลุงยักษ์ ลุงพุฒิบอกว่า
“กลับไปนั่งด้านในนะ ไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ เดี๋ยวจะตกใจ” พอลุงยักษ์เดินกลับเข้าไป ลุงพุฒิก็บอกว่า เอ๊า
จุดละนะ ช่วยกันดูด้วย

ลุงพุฒิจุดไม้ขีดอีกก้าน คราวนี้ไม่ดับ (สงสัยไม่มีลม) แล้วโยนไปตรงเศษใบไผ่แห้งที่ราดน้ำมันจนชุ่ม ไฟ


ลุกพรึบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ลามไปจนถึงใจกลางกอไผ่ จากนั้นก็มีเสียง ฝุด ฝุด ฝุด ฝุด ดังมาจากด้านใน

แล้วตามด้วยเสียงกรี๊ดของน้าแย้ม ดังมาก

ตากับแม่ที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ตกใจ ตะโกนถามเข้าไปในบ้านว่า มีอะไร!? แย้มเป็นอะไร ยายก็ตะโกนกลับ


มาว่า ไม่รู้ อยู่ดี ๆก็กรี๊ดขึ้นมา ตอนนี้สลบไปแล้ว ทำยังไงดี ลุงยักษ์บอกไม่เป็นไรแม่ ไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ
แล้วก็ตะโกนเสียงดังถามลุงพุฒิว่าจะเอายังไงต่อล่ะลุง

ลุงพุฒิหันไปบอกลุงยอดซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ
“เอ๊า หนุ่มรีบไปเตรียมข้าวของ และเตรียมรถเลย เดี๋ยวพาน้องไปโรงพยาบาลในเมืองกัน... เร็ว ๆนะ อย่า
ให้มืด”
................................................
ธี่หยด 29

ไฟไหม้จนโคนไผ่ดำเป็นตอตะโก และเริ่มลามขึ้นไปเรื่อย ๆ เสียง ฝุด ฝุด ด้านใน ก็ค่อย ๆเบาเสียงลงเรื่อย


จนได้ยินแต่เสียงไฟที่เผาไม้แทน ลุงพุฒิเลยบอกให้โค่นต้นไผ่ที่เหลือลงมาให้หมด
เห็นเหลือลุงยศอยู่คนเดียว หมอยาก็หยิบมีดมาช่วยฟัน

เสร็จแล้วก็ลากลำไผ่ ที่ลุงยักษ์กระซวกทิ้งไว้ (ไม่รับผิดชอบ) ขนมารวมกันแล้วราดน้ำมันก๊าดทยอยเผา


ลุงพุฒิบอกว่า ใครจะไปโรงพยาบาลให้เตรียมตัวเลยได้เลย จะออกเดินทางกันแล้ว
ส่วนใครที่ไม่ไปก็เฝ้ ากอไผ่ที่ไฟยังลุกไหม้อยู่

สรุปคือ ตา, ลุงยศ, น้าเย็น รออยู่ที่บ้าน


ส่วนลุงพุฒิ, ยาย, หมอยา, ลุงยักษ์, ลุงยอด แม่จะพาน้าแย้มเข้าโรงพยาบาลในตัวจังหวัด
ลุงพุฒิเลยเร่งทุกคนบอกให้รีบขึ้นรถ แม่วิ่งเข้าไปหยิบเสื้อมาแค่ตัวเดียว ยายก็เก็บของใช้ที่เท่าจำเป็น

เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปหาน้าแย้ม

น้าแย้มยังนอนหลับอยู่ ไม่เหมือนคนป่ วย ไม่มีอาการเกร็ง ยายบอกให้ลุงยอดเข้าไปอุ้มน้อง


ลุงยอดถามว่าคงไม่ดิ้นอีกนะ ลุงพุฒิก็บอกว่าไม่ดิ้นแล้ว สงบแล้ว แต่ระวังไว้ก็ดี ลุงยอดก็สงสัย ระวัง
อะไร แล้วจึงเข้าไปอุ้มน้าแย้ม น้าแย้มก็นอนนิ่งให้อุ้ม ไม่ดิ้นเหมือนตอนแรก
แต่เรื่องแปลกก็ยังไม่จบ

แม่จำแม่นว่ายืนอยู่ตรงนั้น ดูเหตุการณ์แปลก ๆนั้นด้วยความประหลาดใจ

ลุงยอดซึ่งเป็นวัยรุ่น ร่างกายค่อนข้างจะบึกบึนสมส่วน เพราะทำงานในสวน ในไร่มาตั้งแต่ยังเล็ก กลับอุ้ม


เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆไม่ขึ้น ยกขึ้นมาได้แค่นิดเดียว ก็ต้องวาง ทุกคนก็งงบอกว่าลุงยอดเล่นอะไร คนกำลัง
รีบ ๆ
ลุงยอดก็เข้าไปลองอีกที ก็เหมือนเดิม ยกขึ้นมาได้นิดเดียวก็ต้องวาง ลุงยอดบ่น
ธี่หยด 30

“อะไรเนี่ย ทำไมตัวหนักแบบนี้วะเนี่ย?” ทุกคนก็งง ๆ

ลุงยักษ์จึงเดินแทรกเข้ามาบอก มึงหลบไป กูเอง แล้วก็เข้าไปอุ้ม ก็ปรากฏว่า อาการเดียวกันคือยกไม่ขึ้น


ทุกคนแปลกใจกันหมด ตัวคนยกเองก็งงมาก ลุงพุฒิเลยบอกว่า อย่าเพิ่งสงสัย ช่วยกันอุ้มไปก่อน บ่ายมาก
แล้ว เดินทางค่ำ ๆ มันไม่ดี
ลุงยักษ์กับลุงยอดจึงช่วยกันอุ้มน้าแย้มไปขึ้นรถอย่างทุลักทุเล
.........................................................

ตากับคนที่เหลือก็เดินออกมาส่ง ตาบอกกับลุงพุฒิว่า
ฝากลูกฉันด้วยนะ ลุงพุฒิบอกว่าจะช่วยดูเต็มที่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นมากแค่ไหน ต้องให้คุณหมอในโรง
พยาบาลช่วยดูอีกที

เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปสมทบกับคนที่จะเดินทางไปด้วย ลุงพุฒิลูบหัวแม่ ถามว่า จะไปด้วยเหรอ?


แม่ตอบว่า จะไปอยู่เป็นเพื่อนแม่ (ยาย) กับน้อง ลุงพุฒิยิ้ม แล้วบอกกับคนในกลุ่มว่า
“ขอคนจิตแข็ง ๆหน่อยเป็นคนขับนะ” ทุกคนก็มีเหว๋อเล็กน้อย แน่นอนงานนี้โชเฟอร์คือลุงยักษ์นั่นเอง

รถกระบะสมัยก่อนไม่หรูหราโอ่อ่าเหมือนทุกวันนี้ ไม่มีแคป ไม่มีตอน คนที่นั่งด้านหน้า 4 คน มีลุงยักษ์,


ยาย, น้าแย้มและลุงพุฒิ
ต้องเบียดอัดกันเป็นปลากระป๋ อง ที่เหลือก็ขึ้นกระบะหลัง
ประมาณเกือบ 5 โมง ลุงยักษ์ก็ขับรถออกมาจากไร่ โดยมีตากับน้าเย็น ยืนมองรถหายไปกับฝุ่ น (ส่วนลุง
ยศ เฝ้ ากอไผ่ที่เผาอยู่)

ทางไปโรงพยาบาลในตัวจังหวัดค่อนข้างจะไกลมาก ปกติตอนกลางวันใช้เวลาราว 2-3 ชม. กว่าจะไปถึง


แต่ช่วงเย็นคงนานกว่าอีกหน่อย
ประกอบกับถนนในชนบทที่ห่างไกลความเจริญ 80-90% เป็นถนนลูกรังแดง ถนนดิน เท่านั้นไม่พอยังมี
หลุมมีหล่มตลอดทาง
ธี่หยด 31

และสาเหตุบางข้อที่ทำให้เดินทางได้ไม่เร็วเท่าที่ควร หนึ่งคือช่วงที่รถกระแทกกับหลุม น้าแย้มซึ่งหลับอยู่


จะร้องโอ้ยขึ้นมา
ยายก็จะบอกให้ลุงยักษ์ขับดี ๆหน่อย อีกข้อคือ กระจกรถซึ่งร้าวอยู่ลุงยักษ์มองทางไม่ถนัด แวนซ์มากไม่
ได้ (><)
จึงสรุปกันว่าจะเข้าไปเปลี่ยนรถที่บ้านญาติ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไร่ของตาก่อน

พอเข้าไปถึงลุงยักษ์กับลุงยอดก็เข้าไปคุยกับญาติขอยืมรถ จะพาแย้มไปโรงพยาบาล ญาติก็ถามว่ารถไป


ชนอะไรมา
ลุงยักษ์ก็ว่า เดี๋ยวค่อยเล่า ตอนนี้รีบอยู่ แต่ญาติก็ถามอีกว่า
“รู้จักป้ า xx ที่อยู่แถว ๆบ้านยักษ์มั้ย? ที่อยู่คนเดียวน่ะ แกตายแล้วนะ เมื่อวาน มีคนมาบอก เนี่ยว่าจะไป
งานศพแกหน่อย?

ลุงยักษ์หันขวับดูท่าทางไม่ค่อยพอใจ
“อีแก่โรคจิตนั่นน่ะนะ? ตาย ha ไปก็ดีแล้ว” คือแม่บอกว่าลุงยักษ์เคืองมาก ที่ปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้าน

ทั้งที่หมอยาก็บอกแล้วว่าห้ามคนแปลกหน้าเข้าบ้าน ถ้าวันนั้นวันที่หญิงแก่คนนี้มา แล้วลุงยักษ์อยู่ด้วย


หญิงแก่คนนั้นคงโดนตบหัวทิ่มกลับบ้านแทบไม่ทัน คงไม่ได้ยืนแสยะยิ้มแบบนั้น แล้วเรื่องอาจจะไม่แย่
แบบนี้

ทั้งหมดก็ย้ายมาขึ้นรถอีกคัน
ตอนออกมาจากบ้านญาติ ฟ้ าก็เริ่มสีม่วง ๆแดง ๆ แล้ว ลุงพุฒิก็ถอนหายใจเบา ๆ บอกขับระวัง ๆด้วยนะ ดู
ทางให้ดี
ลุงยักษ์ก็ขับ ไม่ช้าไม่เร็ว หันซ้าย หันขวาตลอด และชำเลืองดูกระจกหลังเป็นระยะ ทางที่รถวิ่งผ่านมา
แทบจะมองไม่เห็นอะไร
ไม่ใช่เพราะมืด แต่เพราะฝุ่ นสีแดงจากถนนลูกรังลอยปิ ดถนนเต็มไปหมด
คนที่นั่งกระบะหลัง ถึงไม่โดนฝุ่ นเต็ม ๆ แต่ก็ต้องหาผ้ามาปิ ดหน้าปิ ดตา
ธี่หยด 32

..........................................................

ขับออกมาจากบ้านญาติได้สักพัก ฟ้ าก็เริ่มมืด ฝุ่ นสีแดงจากถนนลูกรัง มองเห็นเป็นสีขาวฟุ้ ง ๆไปแทน


ลุงยักษ์ขับไปตามทาง ด้านหน้ารถ แม่เห็นลุงยักษ์พูดกับลุงพุฒิบ้างเป็นบางครั้ง ยายก็ลูบหัวน้าแย้มที่หลับ
อยู่

ส่วนกระบะหลังลุงยอดก็คุยกับหมอยาเบา ๆว่า ปกติไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้ แต่คืนที่เจอเงาคนใส่เสื้อดำ


ตอนกลางคืนวันนั้น หลอนมาก
ไม่คิดว่าจะมีจริง ก็ไม่รู้ว่า ไปแล้วเจอคนโดนยิงนอนอยู่ กับไม่เจออะไรเลย แบบไหนจะน่ากลัวว่ากัน
หมอยาก็บอกว่า คงถึงคราวซวยจริง ๆ เจอทั้งหญิงแก่คนนั้น กับอีกคนพร้อมกัน หมอยานิ่งไปครู่แล้วบอก
ว่า
“หรือจะเป็นคนเดียวกัน?”

แม่ก็บอกหมอยาว่าผู้หญิงชุดดำคืนนั้นต้องเป็นคนเดียวกับที่เจอวันนั้นแน่ ๆ แล้วแม่ก็เล่าให้หมอยาฟังอีก
คนว่าไปเจออะไรมา
หมอยาก็บอกว่าคงไม่ใช่หรอกมั้ง วันนั้นที่เจอเป็นชาวบ้านแถวนั้นรึเปล่า เห็นมีคนไปแก้บนใต้ต้นไม้นั้น
เยอะนะ
ตอนนั้นแม่ก็ไม่คิดอะไร แต่ตอนหลังคงพอรู้ว่า ผู้ใหญ่เค้าก็ไม่อยากพูดให้แม่กลัว

รอบข้างก็มืดหมดแล้ว ไฟจากบ้านคน ก็นานมากกว่าจะเห็นลิบ ๆสักดวง


แม่เกาะขอบกระบะมองผ่านห้องคนขับไปทางกระจกหน้า ระหว่างนั้นก็สะดุ้ง เพราะไฟหน้ารถส่องไป
เจอเงา ๆนึง ยืนอยู่ข้างทาง
แม่ก็เงียบคิดว่าเป็นคงเป็นชาวบ้านแถวนั้นเพิ่งกลับจากไร่ แต่พอรถแล่นไปได้อีกครู่เดียว
แม่ก็เห็นมีคนยืนอยู่ข้างทางอีกตรงมุมเดิม แม่เข้าไปจับเข่าลุงยอด ลุงยอดบอกให้ไปนั่งที่เดิม ฝุ่ นมันเยอะ
แต่แม่ดูตื่น ๆบอกว่า
ธี่หยด 33

“เมื่อกี้
เห็นคนยืนอยู่ข้างทาง พี่เห็นมั้ย?” ลุงยอดก็แหล่ไปมองหมอยาแว่บนึง แล้วบอกว่า ตาฝาดมั้ง กลัวผี
ขึ้นสมองแล้ว
แต่แม่บอกว่า “เห็น 2 ครั้งแล้วนะ”
หมอยาบอกว่า ไม่มีอะไร แล้วบอกแม่ให้นั่งหลับไปเลย อีกนานกว่าจะเข้าตัวจังหวัด
แม่ก็ไม่กล้ามองไปทางหน้ารถ หันมานั่งจ้องหน้าลุงยอดกับหมอยาแทน แล้วแม่ก็เห็นว่าลุงยอดก็ทำตาโต
รีบก้มหน้า
แล้วลุงยอดก็กระซิบไปทางหมอยาว่า

“เออ......เห็นจริง ๆด้วยว่ะลุง” หมอยาหันซ้าย หันขวาแล้วทำเสียง จุ๊ ๆ

“ อย่าไปทัก เห็นอะไรแปลก ๆ อย่าทัก ไม่ต้องไปสนใจ ร้องเพลงอะไรไปก็ได้”

ลุงยอดกระซิบถามว่า แล้วไอ้คนขับไม่เห็นเหรอ? หมอยาบอกว่า


“คนขับมันใจนักเลง ไม่ค่อยกลัวอะไร ประมาณว่าจิตมันแข็ง ถ้าของไม่แรงมาก มันก็ไม่เห็นอะไรหรอก

ก็อย่างที่คนไม่เคยเห็น มันก็ไม่เคยพบเคยเจอสักที ส่วนไอ้พวกที่เห็น ก็เจออยู่นั่นล่ะ จริง ๆพวกเอ็งก็ไม่ได้


ขวัญอ่อนนะ แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้ นั่นล่ะ จิตใจก็เลยไม่ค่อยมั่นคง เห็นอะไรก็หลอนหูหลอนตาไป
หมด หมอยาพูดจบ แม่ถามคำเดียว

“แล้วลุงเห็นมั้ย?” หมอยานิ่ง ๆ ไม่ตอบอะไร

...........................................................

ผ่านไปสัก ชม. ลุงยอดก็ยังล่อกแล่กฮัมเพลงไปเรื่อยเปื่ อยไม่มองไปข้างทางอีกเลย


ผ่านทางโค้ง รถเลี้ยวไปเจอ วัดทุ่ง xx ทางขวามือ ลุงยอดก็บอกว่าถึงตรงนี้ อีกสักครึ่ง ชม. ก็ออกถนน
ใหญ่แล้ว แม่ก็โล่งอก

ผ่านวัดไปเป็นไร่อ้อยทั้ง 2 ข้างทาง ยาวเหยียด ต้นอ้อยสูงบดบังทิวทัศน์ด้านข้างจนหมด ถนนก็เลี้ยวไปมา


ไม่มีบ้านคน ไม่เห็นแสงไฟเลย
ธี่หยด 34

แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงดัง ปึ ง! ดังจากข้างรถ เหมือนมีใครเอาอะไรมาปาใส่รถ ทั้ง 3 คนที่นั่งด้านหลังก็มองหน้า


กันนิ่ง
ผ่านไปสักพักก็มีเสียงดังปึ งมาจากอีกข้าง ลุงยักษ์ก็เลยชะโงกหน้ามาถามว่าเล่นอะไรกัน? ลุงยอดก็บอก
เปล่า ไม่ได้ทำอะไรเลย
ลุงยักษ์ก็หันไปขับรถต่อ แต่แม่เห็นลุงยอดนั่งแทะเล็บแล้ว ส่วนหมอยาก็ดูกระสับกระส่าย

ขับไปมาตามทางได้สักพัก เจอทางโค้ง 2-3 โค้ง รถก็เลี้ยว แล้วทุกคนในรถก็นิ่งกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ลุง


ยักษ์ที่ทำหน้าเลิ่กลัก
เพราะทางขวามือ เป็นวัดทุ่ง xx

ลุงยอดเห็นก็ชะโงกไปคุยกับลุงยักษ์ว่า หลงทางรึไง ขับวนมาที่เดิมเนี่ย ลุงยักษ์ก็บอกว่า


“ไม่รู้ว่ะ แต่มันจะหลงได้ไงวะ ไม่มีทางแยกเลยนะ ตรงอย่างเดียว ปกติเข้าเมืองก็ขับเส้นนี้ตลอด?”

แล้วลุงยักษ์ก็ชะลอรถ แต่แม่เห็นลุงพุฒิโบกมือไม่ให้หยุดรถ

ลุงยักษ์คุยกับลุงพุฒิครู่นึง ลุงยักษ์ก็ตะโกนมาด้านหลังว่า
“เห้ย ลุงพุฒิบอกว่า ถ้าเห็นหรือได้ยินเสียงอะไรอย่าทักกันนะ” ลุงยอดก็เลยพูดสวนกลับไปว่า

“ก็เมื่อกี้มึงนั่นแหละทัก” (ลุงสามคนก็อายุไม่ต่างกันมาก)

และก็น่าแปลก รถขับฝ่ าเข้าดงอ้อยเหมือนเดิม เส้นทางเดิม แต่วิ่งไปได้สักพัก ก็วิ่งมาตัดถนนใหญ่


ท่ามกลางความโล่งใจปนสงสัย
แม้จะเป็นถนนใหญ่ แต่เวลาทุ่มกว่าสองทุ่ม ก็เงียบไม่ต่างกัน แต่ดีตรงที่ยังพอมีไฟจากข้างทาง ทำให้
บรรยากาศไม่อึมครึมมาก
พอขึ้นถนนใหญ่ได้ ลุงยักษ์ก็จัดเต็ม เหยียบด้วยความเร็ว แต่แม่ก็เห็นลุงพุฒิเหมือนบอกให้อย่าเร็วมาก
ธี่หยด 35

รถขับไปได้อีกพัก เป็นช่วงถนนที่ไม่มีแสงไฟ ถนนด้านหน้าก็มืดไปหมด ลุงยักษ์ขับรถตรงไป อยู่ ๆก็มี


ไฟสูงเปิ ดใส่หน้ารถอย่างกระชั้นชิด ลุงยักษ์หักหลบหวุดหวิด แล้วก็ได้ยินเสียงด่าตามหลังไปว่า แม่มขับ
รถภาษาอะไรวะไม่เปิ ดไฟ แต่หมอยากลับบอกว่า อีนี่มันเล่นไม่เลิก
................................................................

รถขับผ่านมาถึง ศาลเจ้าพ่อ xx แม่และทุกคนในรถก็ยกมือไหว้ แม่อธิษฐานว่า ขอให้แย้มหายป่ วยด้วยเถิด


จะเอาผลไม้มาถวาย
หลังจากนั้นจะด้วยเหตุบังเอิญรึเปล่าก็ไม่ทราบ รถก็ขับผ่านไปถึงตัวจังหวัดแบบไม่มีเหตุการณ์อะไรอีก
เลย
แม่เห็นยายพนมมือตลอดทาง และลูบหัวน้าแย้มไม่หยุด...

**หลังจากนี้เป็นเรื่องทางเทคกะนิคนะครับ ฟังมาแบบไหน ก็เล่าไปแบบนั้น มันจะเหลือเชื่อ ขัดกับหลัก


วิทยาศาสตร์
หรือผิดจริตทางการแพทย์ก็คงต้องขอโทษด้วยครับ**

ประมาณ 2 ทุ่มเศษ ๆ ก็มาถึงจุดหมาย เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่ถือว่าดีที่สุดเมื่อ 30-40 ปี ก่อน


ชื่อโรงพยาบาลตั้งตามชื่อคนใหญ่คนโตก่อนที่แม่จะเกิดเสียอีก
มีบุรุษพยาบาลมารับตัวน้าแย้ม ก็แปลกที่สามารถอุ้มขึ้นรถเข็นได้ง่าย ๆ จนลุงยักษ์กับลุงยอดมองหน้ากัน
แบบงง ๆ
ลุงยักษ์หยิบบุหรี่มายืนสูบแก้เครียด คงคิดว่าเจอเรื่องแปลกมาเยอะจนไม่อยากจะตกใจแล้ว

แล้วทุกคนก็เดินตามกันเข้าไปในตัวอาคาร หมอยากับลุงพุฒิเดินอยู่หลังสุด แม่ได้ยินคุยกันประมาณว่า


โชคดีนะ ที่มาทันเวลา
แต่ลุงพุฒิยิ้ม ๆ ไม่ตอบอะไร

หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจเบื้องต้น น้าแย้มก็ถูกแยกไปตรวจร่างกายต่อ ราว 3 ทุ่มกว่าก็ย้ายมารวมกัน


ที่ห้องผู้ป่ วย
ธี่หยด 36

อาการน้าแย้มดูแปลกจนพยาบาลก็งง ๆ เพราะดูไม่เหมือนคนป่ วย มีแค่บางครั้งที่บ่นเบา ๆว่าเจ็บท้อง ยาย


ก็คอยปลอบว่า ไม่เป็นอะไรแล้ว หมอตรวจแล้ว พรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว ระหว่างที่พยาบาลตรวจ
และสอบถามอาการ

ลุงพุฒิซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆเตียงก็บอกว่าเดี๋ยวจะลงไปไหว้ศาลพระภูมิด้านล่างสักหน่อย
พอลุงพุฒิออกไป ลุงยักษ์ก็เดินออกไปบ้าง บอกว่าจะไปสูบบุหรี่ข้างนอกสักม้วน ถ้าหมอมาให้รีบไปตาม
ลุงยอดกับหมอยาจึงตามออกไปด้วย เหลือแม่ ยาย พยาบาลและน้าแย้มซึ่งนอนอยู่

ผ่านไปชั่วครู่พยาบาลก็เดินออกไปจากห้อง สวนกับลุงยอดที่เดินเข้ามา ลุงยอดถามยายว่า พยาบาลว่าไง


บ้าง ยายก็เล่าว่า พยาบาลก็ถามนู่น นี่ นั่น ก็ยังไม่สรุปว่าแย้มเป็นอะไร แต่คิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบรึเปล่า
แล้วลุงยอดก็หันมาบอกแม่ว่า

“เออ พี่ยักษ์เรียก ยืนรออยู่ตรงระเบียงด้านนอก” แม่ก็เดินออกไป ทิ้งให้ลุงยอดอยู่เป็นเพื่อนแม่

แม่เดินเปิ ดประตูมาตรงระเบียง ลมพัดเย็นมาก เห็นลุงยักษ์ยืนม้วนใบจาก (สงสัยบุหรี่หมด) ส่วนหมอยา


ก็กำลังสูบยาเส้นอยู่ข้าง ๆ
ลุงยักษ์จุดไฟที่ใบยา สูดเข้าหนึ่งครั้งแล้วพ่นควันออกมา แล้วถามแม่ว่า

“เล่าให้ฟังหน่อยสิ วันนั้นไปเจออะไรกันมา เอาให้ละเอียดนะ”


........................................................

แม่ก็เล่าเรื่องในวันนั้นทั้งหมดให้ลุงยักษ์ฟัง คร่าว ๆคือกลับจากโรงเรียน ผ่านศาลร้างใต้ต้นไม้ เจอผู้หญิง


คนนึงยืนอยู่ ไม่รู้ว่าใช่คนเดียวกับที่ลุงยักษ์ยิงคืนนั้นรึเปล่า แต่ก็คล้าย ๆ

โดยมีหมอยายืนฟังข้าง ๆ จนแม่เล่าจบ หมอยาซึ่งนิ่งมานานก็พูดขึ้นมาว่า


“คงไม่ใช่คราวซวยแล้วมั้ง นี่มันตั้งใจเลย” ลุงยักษ์ก็ถามหมอยาว่าหมายความว่ายังไง
ธี่หยด 37

หมอยาเลยบอกว่า ปกติเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดได้ง่าย ๆ ไม่งั้นคนก็คงเจอผีกันทุกวัน มันเป็นที่ดวงหรือ


คราวเคราะห์ และสิ่งสำคัญมาก ๆคืออยู่ที่ตัวคน ๆนั้นด้วยว่ามีสภาพร่างกาย และจิตใจเป็นยังไง ซึ่งจากที่
ฟัง แม่เล่ามา หมอยาบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่มันรู้เลยมาดักรอ
เพราะวันนั้น เห็นบอกว่า น้าแย้มไม่สบาย ทั้งร่างกายและจิตใจคงจะอ่อนแออยู่ แถมยังเป็นเด็กด้วย
ก็อาจจะเป็นช่องให้สิ่งพวกนี้มันรังควานได้ง่าย หมอยาพูดต่อว่า ศาลร้างตรงใต้ต้นไม้นั่นก็เหมือนกัน

เห็นคนกราบไหว้กันมาก ใช่ศาลที่สร้างไว้ให้เจ้าที่เจ้าทางอาศัยอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้ เคยผ่านไปตอนกลาง


โพล้เพล้เหมือนกัน มองไปไม่ให้ความรู้สึกอุ่นใจ หรือน่ากราบไหว้เล้ย ดูน่ากลัวซะมากกว่า

ลุงยักษ์ถามต่อว่า แล้วลุงพุฒิเล่าอะไรให้ฟังบ้าง หมอยาบอกว่า ลุงพุฒิเขาไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟังหรอก ถ้า


ไม่จำเป็น
จากนั้นลุงยอดก็เดินออกมาตาม บอกหมอเวรเข้ามาดูอาการแล้ว ต้องรอผลตรวจอีกที ลุงยักษ์จะเอายังไง

ลุงยักษ์ถามหมอยาว่าจะกลับบ้านมั้ย เดี๋ยวขับไปส่ง หมอยาก็บอกว่าถึงมือหมอแล้ว อยู่ไปก็ช่วยอะไรไม่


ได้ ถ้ายักษ์จะไปส่งก็กลับเลยดีกว่า ลุงยักษ์เลยให้ลุงยอดอยู่เป็นเพื่อนแม่กับยาย ส่วนตัวเองจะชับรถไปส่ง
หมอยา และก็จะลงไปถามลุงพุฒิด้วยว่าจะเอายังไง

(เรื่องหลังจากบรรทัดนี้ ลุงยักษ์มาเล่าให้ฟังตอนหลัง)

ลุงยักษ์เล่าว่า ลงไปเจอลุงพุฒินั่งอยู่หน้าศาลพระภูมิ ใจจริงก็อยากให้ลุงพุฒิอยู่ด้วย แต่ก็เกรงใจ ไปส่งที่


บ้านดีกว่า
ลุงพุฒิบอกว่า ถึงตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะที่ทำได้ก็ทำไปหมดแล้ว ที่เหลือต้องให้ทางคุณหมอดูแล
และก็แล้วแต่บุญแต่กรรมของน้าแย้ม

ลุงยักษ์ถามขำ ๆว่า ขากลับมันดึกกว่าเดิม จะเจออะไรแบบตอนขามามั้ย? ลุงพุฒิตอบ สีหน้าดูไม่ค่อย


สบายใจว่า
ธี่หยด 38

“พวกเราน่ะคงไม่เจอหรอก มันถ่วงแข้งถ่วงขาเราจนพอใจแล้ว แต่...” ลุงพุฒิก็หยุดพูดแค่นั้น

......................................................................

กลางดึกคืนนั้นในห้องผู้ป่ วย ยายกับลุงยอดหลับไปแล้ว ส่วนแม่ยืนดูวิวตรงหน้าต่าง มองไปเห็นรั้วโรง


พยาบาล ถัดไปเป็นถนน

อาจเป็นเพราะไม่ชินที่ จึงนอนไม่หลับ มาสะดุ้งตอนได้ยินเสียงน้าแย้มเรียกเบา ๆ แม่หันกลับไปมองก็ยัง


กลัว ๆ กลัวว่าคนที่เรียกจะเป็นตัวน้าแย้มหรือเป็นสิ่งอื่นที่คนอื่นพูด ๆกันอยู่ว่าอยู่ในตัวน้าแย้ม

น้าแย้มเรียกแม่เบา ๆ เรียบ ๆ อยู่ 2-3 ครั้ง ถึงจะไม่คุ้นหู แต่แม่ก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะมีความรู้สึกว่าคนที่


เรียก
เป็นน้องสาวตัวเองที่ไม่ได้คุยมาหลายวันแน่นอน น้าแย้มบอกแม่ว่าขอกินน้ำหน่อย หิวน้ำมาก

แม่หยิบน้ำมาป้ อนน้องสาวตัวเอง น้าแย้มสำลักเล็กน้อย พอดื่มน้ำเสร็จ น้าแย้มก็ถามต่อ


“ที่นี่ที่ไหน ทำไมมานอนตรงนี้ ? จำได้ว่าไม่สบายนอนอยู่บ้าน” แม่ก็บอกว่า

“อยู่โรงพยาบาล แย้มไม่สบายมาก แม่ (ยาย) เลยพามาหาหมอ” แม่ถามว่าเป็นยังไงบ้าง น้าแย้มบอกปวด


ท้องนิดหน่อย แล้วน้าแย้มก็พูดว่า

"คิดถึงจัง เหมือนไม่ได้เจอกันนานมาก" แม่ถึงกับน้ำตาซึม แต่ก็พูดติดตลกไปว่า

“รู้ป่ ะ มีแต่คนบอกว่าแย้มโดนผีสิง” น้าแย้มก็ทำหน้างง

พอแม่จะพูดต่อ ยายก็ลุกขึ้นมาพอดี บอกว่าอย่าไปหลอกน้องสิ


แล้วยายก็เข้าไปถามว่าเป็นยังไงบ้าง น้าแย้มก็บอกว่ารู้สึกปวด ๆท้อง แต่ก็ไม่มาก อยากกลับบ้าน
ยายก็บอกว่า รอดูอาการพรุ่งนี้ก่อน ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านกันนะลูก แล้วสักพักน้าแย้มก็หลับไปด้วย
ความอ่อนเพลีย
ธี่หยด 39

แม่ก็นอนมองหน้าน้องสาวจนหลับไปเช่นกัน
.........................................................

วันรุ่งขึ้นผลตรวจร่างกายก็ยังไม่มา ลุงยอดออกไปหาอะไรมาให้ยายกิน แม่เลยขอลงมาเดินเล่นด้านล่าง


อาคาร
ยายบอกว่าอย่าไปเล่นไกล แม่เจอคนแปลกหน้า ทั้งคนป่ วย และญาติคนป่ วยมากมาย แต่ก็ไม่รู้จะไปคุยไป
เล่นกับใคร

เดินจนเบื่อกำลังเดินกลับขึ้นห้อง ก็เจอแมวดำตัวนึง เดินมาพันแข้งพันขา แม่เลยนั่งเล่นกับแมว จนคิดว่า


อยากให้น้าแย้มหายไว ๆ
จะได้กลับไปเล่นพร้อมหน้าพร้อมตากันอีก จนลุงยอดกลับมาจึงเดินขึ้นห้องไปด้วยกัน

ช่วงบ่ายลุงยักษ์กับตามาเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับน้าแย้มมาก เพราะน้าแย้มนอนหลับอยู่


ตากับลุงยักษ์ก็ไปคุยกับหมอว่าสรุปเป็นอะไรยังไง
แต่หมอก็บอกว่าต้องรอแพทย์เฉพาะทาง อีกอย่างอาการของน้าแย้มก็ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว

ช่วงเย็น ๆ จึงทยอยกลับกัน เหลือแค่ยายกับแม่ 2 คน


และช่วงกลางดึกคืนนั้นเอง เหตุการณ์ประหลาดก็วนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง

แม่ฝันว่าเห็นน้าแย้มนั่งร้องไห้ แม่ก็เข้าไปถามว่าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม น้าแย้มกำลังพูด


แต่แม่ก็สะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงประหลาดเย็นเยียบนั้นอีกครั้ง

ธี่ .......................หยด
ธี่ .......................หยด
ธี่ .......................หยด
ธี่หยด 40

ณ ตอนนั้น แม่สะดุ้งตื่น แต่อาการเหมือนโดนผีอำ คือเห็นทุกอย่าง รอบข้าง แต่พูดไม่ได้ นอนเกร็งนิ่ง แม่


มองไป

ภาพเลือนลางที่เห็นคือน้าแย้มนั่งโยกตัวไปมา พึมพัม ๆ ทำเสียงประหลาด นั่งยืดขายาวอยู่บนเตียง


บนตัวน้าแย้มมีแมวสีดำตัวนั้นนั่งคร่อมอยู่ พอพูดวลี แปลก ๆนั่นจบ น้าแย้มก็หันมามองหน้าแม่แล้ว
ยิ้ม….

แม่รู้ทันทีว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่น้าแย้มแน่ แม่กลัวจนอยากจะกรีดร้องแค่ไหน แต่ก็ไม่มีเสียง ขยับ


ไม่ได้ ได้แต่เหลือกตาไปมา แล้วน้าแย้ม (ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นตัวน้าแย้มเองรึเปล่า) ก็พูด เรียบ ๆ แบบไร้ความ
รู้สึกว่า

“กรูไปล่ะนะ”

หลังจากพูดจบ น้าแย้มก็ทิ้งตัวหงายหลัง ลงบนเตียงเหมือนคนไม่มีสติ


ส่วนแมวดำที่นั่งอยู่บนตัวน้าแย้มก็พุ่งไปที่หน้าต่าง แล้วก็กระโดดหายลับตาไป ณ ตอนนั้นแม่ก็เหมือน
หลุดจากอาการโดนอำ ลุกเข้าไปเขย่าตัวน้าแย้ม แต่น้าแย้มยังคงหลับ แต่ที่ทำให้แม่ตกใจ คือที่มุมปากน้า
แย้มมีเลือดไหลเยิ้มออกมา...

แม่ร้องเรียกยาย ยายตกใจลุกขึ้นมาเห็นอาการลูกสาวปุ๊ บก็ร้องลั่น แล้วรีบวิ่งไปตามหมอ ส่วนแม่ยืนตัวสั่น


อ่อนแรง...เรียกน้องเบา ๆ แย้ม.........แย้ม แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

แม่โซเซ ไปที่หน้าต่างที่แมวดำตัวนั้นกระโดดลงไป มองไปรอบ ๆก็ไม่เห็นอะไร นอกจากความมืดมิด


สายตาแม่มองกวาด ไปถึงรั้วโรงพยาบาลด้านหน้า ไฟจากถนนทำให้แม่เห็นบางสิ่ง

แม่หน้าซีด... ผู้หญิงนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อสีดำ ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น


....................................................................
ธี่หยด 41

อันนี้เป็นสรุปส่งท้ายนะครับ

- น้าแย้มเสียชีวิต งานศพน้าแย้มจัดขึ้นง่าย ๆที่บ้านในไร่ มีญาติมาร่วมงานไม่มาก ลือกันไปไกลว่า


แย้มถูกปอบกินบางคนกลัวเรื่องนี้มาก จนไม่กล้ามางาน

- ศาลไม้เก่าข้างทางที่ไม่รู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ แต่ลงท้ายจาก “ศาลไม้” ก็กลายเป็น “เศษ


ไม้”
เพราะลุงยักษ์กับลุงยศ ไปพังจนเสียหายแล้วเผาทิ้ง

- แม่บอก ลุงยักษ์เล่าว่า แพทย์ที่ผ่าพิสูจน์ก็ยังสงสัย เพราะอวัยวะด้านในของน้าแย้มฉีกขาดรุนแรงหลาย


จุด แต่อยู่มาได้ไงยังไงหลายวัน

- ธี่หยด จริง ๆมันคืออะไร ผมไม่ทราบครับ คนเล่าก็ไม่ทราบ

- ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ทราบข้อมูลนะครับ แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีคนบอกว่าเคยเห็นครับ


ธี่หยด 42
ธี่หยด 43
ธี่หยด 44

You might also like