Professional Documents
Culture Documents
สื่อการเรียนรู้เรื่อง พื้นฐานประชาธิปไตยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ วิชาประวัติศาสตร์ ม. 4-6
สื่อการเรียนรู้เรื่อง พื้นฐานประชาธิปไตยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ วิชาประวัติศาสตร์ ม. 4-6
เสนอ
5
บทที่
พื้นฐานประชาธิปไตย
ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
5
บทที่
พื้นฐานประชาธิปไตย
ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เสนอ
คุณครูวสันต์ ใจบุญมา
บทที่ 5 พื้นฐานประชาธิปไตยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ระบอบการปกครองแบบผู้นามีความใกล้ชิดกับราษฎร
ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย
ระบอบการปกครองแบบผู้นามีความใกล้ชิดกับราษฎร
ระบบการปกครองนี้เริ่มใช้ตั้งแต่ชนชาติไทยเริ่มอพยบเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยระยะแรก
คนไทยอยู่กันเป็นชุมชน มีหัวหน้าชุมชนเป็นผู้อาวุโสเป็นที่ยอมรับของสมาชิก เรียกผู้นาว่า “ พ่อขุน ” เมื่อ
ผู้นามีภาระงานมากขึ้นจาเป็นต้องใช้ระเบียบกฎเกณฑ์เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อย
ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย
พ่อขุน ระเบียบ
วิชา ประวัติศาสตร์ ส30101
บทที่ 5 พื้นฐานประชาธิปไตยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ระบอบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
พระมหากษัตริย์ทรงมีอานาจสูงที่สุด ทรงเป็นเจ้าชีวิตของประชาชน
พระมหากษัตริย์ทรงห่างเหินกับราษฎร เพราะ อยู่ในฐานะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ก็ยังมีเสรีภาพในการประกอบอาชีพและการดารงชีวิต
พระมหากษัตริย์ทรงปกครองอาณาจักรด้วยหลัก “ ทศพิศราชธรรม ” ไม่ใช่อานาจตามอาเภอใจ
ระบอบนี้สิ้นสุดลงเมื่อคณะราษฎรยึดอานาจสาเร็จ และ เปลี่ยนผ่านไปสู่การปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัระบอบการปกครองแบบประชาธิ ปไตย ญ
ตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนู
ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย
ความหมายของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย
“ การปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ”
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
ประชาชนเป็นเจ้าของอานาจการปกครอง ซึ่งเรียกว่า อานาจอธิปไตย มี 3 อานาจดังนี้
1.อานาจนิติบัญญัติ คือ อานาจในการออกกฎหมายผ่านรัฐสภา
2.อานาจบริหาร คือ อานาจในการใช้กฎหมายเพื่อบริหารประเทศ
3.อานาจตุลาการ คือ อานาจในการพิพากษาคดีความให้เป็นไปตามกฎหมาย
ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อก้าวสู่สมัยใหม่
พระมหากษัตริย์ทรงสนใจความเจริญก้าวหน้าแบบสมัยใหม่ของชาติตะวันตก
ครั้งหนึ่งพระมหากษัตริย์ได้เจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ซึ่ง ฝรั่งเศสก็ได้นาความเจริญสมัยใหม่มาเผยแพร่ เช่น การก่อสร้าง
การประปา การใช้อาวุธ การที่ผู้ปกครองประเทศและชาวไทยไม่รังเกียจชาวตะวันตก และยอมรับความเจริญก้าวหน้าแบบ
ตะวันตก จึงเป็นปัจจัยพื้นฐานในการพัฒนาประเทศไปสู่สมัยใหม่
ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อก้าวสู่สมัยใหม่
พระมหากษัตริย์และเจ้านายไทยทรงได้รับการศึกษาแบบตะวันตก
พระมหากษัตริย์ไทยทรงตระหนักถึงความจาเป็นในการเป็นมิตรกับชาติตะวันตก พระองค์จึงโปรดเกล้าให้พระราชโอรสและ
พระบรมวงศานุวงศ์ ได้ศึกษาภาษาอังกฤษอย่างแตกฉาน ปัจจัยดังกล่าวจึงมีผลต่อการตัดสินพระทัยในการกาหนดพระบรม-
ราโชบายทั้งในและต่างประเทศได้อย่างถูกต้อง ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก
ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อก้าวสู่สมัยใหม่
พระมหากษัตริย์ไทยทรงทราบถึงความล้าหลังของประเทศเมื่อเทียบกับชาติตะวันตก
กฎหมายบางข้อเป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติไม่ยอมรับและเป็นหวั่นเกรงต่อชาวตะวันตก เช่น การลงโทษอย่างรุนแรง การพิจารณาคดี
ที่ขาดความยุติธรรม การทรมานผู้ต้องหาให้รับสารภาพ เป็นต้น สาหรับชาวไทยมีสภาพยากจน ด้อยการศึกษา ขาดคุณภาพใน
การดารงชีวิต ด้วยเหตุนี้จึงจาเป็นต้องพัฒนาประเทศและประชาชนให้ก้าวไปสู่ความทันสมัย
การทรมานผู้ต้องหา ไม่เป็นที่ยอมรับของชาวตะวันตก
ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อก้าวสู่สมัยใหม่
มหาอานาจตะวันตกกาลังขยายอิทธิพลและอานาจเข้ามายังทวีปเอเชีย
ประเทศตะวันตกมักจะอ้างว่า เป็นหน้าที่ของประเทศตะวันตกที่ต้องเข้ามาพัฒนาดินแดนที่ยังล้าหลังให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง
ดังนั้นประเทศไทยจึงจาเป็นต้องพัฒนาตามแบบอย่างอารยประเทศมิให้ประเทศตะวันตกใช้เป็นข้ออ้างในการเข้ายึดอาณานิคม
การปฏิรูปการปกครองแบบตะวันตกในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
1 2
การดูแลทุกข์สุขของประชาชน การส่งเสริมทางด้านสิทธิ เสรีภาพ และ
ความเสมอภาคในหมู่ประชาชน
3 4
พัฒนาการด้านการศึกษา การกระจายอานาจการบริหารให้
บุคคลต่างๆมีส่วนรับผิดชอบ
การปฏิรูปการปกครองแบบตะวันตกในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
1 การดูแลทุกข์สุขของประชาชน
2
สมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น พระมหากษัตริย์จะห่างเหินกับราษฎร เพราะมีกฎหมายไม่ให้ราษฎรเข้าใกล้
การส่
กษัตริย์ แม้ในยามที่ประชาชนต้ งเสริามร้ทางด้
องการเข้ องทุกข์ากนสิ
็ไม่สทามารถท
ธิ เสรีภาได้าพเช่นและความเสมอภาคในหมู ่ประชาชน
กัน ในสมัยพัฒนาประเทศตามประเทศ
ตะวันตก พระมหากษัตริย์ก็สามารถที่จะสอบถามทุกข์สุขกับราษฎรได้โดยตรง ดังเช่น
สมัยรัชกาลที่ 4 สมัยรัชกาลที่ 5
พระองค์เสด็จไปที่ใดให้คนในบ้านออกมาต้อนรับให้พระองค์เห็น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปลอมพระองค์
3 วเมืองต่างๆ ทรงทราบความทุกข์
สมัยที่ยังผนวช ได้ทรงประพาสหั 4 กข์ยากของราษฎร
เป็นคนสามัญชน ได้เห็นความทุ
ยากของราษฎรเสมอ เมื่อครองราชย์จึงแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ และความล้าหลังของชนบท จึงทรงตั้งพระทัยแก้ไข
สุขแห่งราษฎรพัฒอีกนาการด้ านการศึ
ทั้งยังโปรดให้ กษา กา ให้ยกเลิ
ปรับปรุงการถวายฎี การกระจายอ
ก ปัานาจการบริ
ญหาความล้าหลังหของประเทศ
ารให้บุคคลต่างๆมีส่วนรับผิดชอบ
การเฆี่ยนตีราษฎร
การปฏิรูปการปกครองแบบตะวันตกในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
การปฏิรูปการปกครองแบบตะวันตกในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
3 พัฒนาการด้านการศึกษา
การปฏิรูปการปกครองแบบตะวันตกในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
4 การกระจายอานาจการบริหารให้บุคคลต่างๆมีส่วนรับผิดชอบ
พื้นฐานของประชาธิปไตยคือ ไม่ผูกขาดอานาจ
การปฏิรูปการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 5
สภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน
สภาองคมนตรี
Council of State
Privy Council
จานวนสมาชิก : มีสมาชิก 13 คน ต่อมามี 15 คน
จานวนสมาชิก : มีสมาชิก 49 คน
มีหน้าที่ : ถวายคาปรึกษาและความคิดเห็น ตลอดจนการ
มีหน้าที่ : ถวายคาปรึกษาในเรื่องต่างๆนอกจากนี้ยัง
พิจารณาใช้กฎหมาย ผลงานสาคัญของสภานี้ก็คือ การถวาย
ปฏิบัติราชการตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าอยู่หัว
ความคิดเห็นเรื่อง การเลิกทาส การจัดเก็บภาษีอากร
การปฏิรูประบบการบริหารราชการส่วนกลาง
ในเวลานั้นการบริหารราชการส่วนกลาง
ของไทย มีรูปแบบการบริหารมาแต่สมัยโบราณ
กรมต่างๆ ทาหน้าที่บริหารราชการในลักษณะ
ซ้าซ้อนกัน มีการก้าวก่ายงานระหว่างฝ่ายต่างๆ และ
ทางานอยู่ในวงจากัด ขณะที่สังคมและเศรษฐกิจไทย
กาลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พระองค์จึงโปรดฯ ให้
ปฏิรูปงานบริหารราชการกลางเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๑
ชื่อกระทรวง กระทรวงมหาดไทย
หน้าที่ ชื่อกระทรวง หน้าที่
กระทรวงกลาโหม บังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายอื่นๆ
มีกระทรวงยุ
อานาจและหน้
ติธรรม าที่บังคับังบคับบับัญชาศาลทั
ญชาหั ว
่วประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ ว่าราชการต่างประเทศ
เมืกระทรวงยุ
องฝ่าทยเหนื
ธนาธิการ อและเมือดูงลาวทั ง้ หมด
แลกิจการทหารบก ทหารเรือ
ชื่อกระทรวง กระทรวงมหาดไทย
หน้าที่ ชื่อกระทรวง หน้าที่
กระทรวงกลาโหม บังคับบัญชาหัวเมืองฝ่ายอื่นๆ
มีกระทรวงยุ
อานาจและหน้
ติธรรม าที่บังคับังบคับบับัญชาศาลทั
ญชาหั ว
่วประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ ว่าราชการต่างประเทศ
เมืกระทรวงยุ
องฝ่าทยเหนื
ธนาธิการ อและเมือดูงลาวทั ง้ หมด
แลกิจการทหารบก ทหารเรือ
กระทรวงกลาโหม
มีอานาจและหน้
ต่อมาในปี าพ.ศ.๒๔๓๗
ที่บังคับบัญชาหัว
กระทรวงกลาโหมจึ
เมืองฝ่ายใต้, ตะวันงออก,
ทาหน้ตะวั
าทีบ่ นังตก
คับ
บัญชาฝ่
และหัายทหารอย่
วเมืองมาลายู
างเดียว
กระทรวงการต่างประเทศ
ทาหน้าที่ว่าราชการ
ต่างประเทศโดยเฉพาะ
กระทรวงวัง
อานาจและหน้าที่บังคับบัญชาเกี่ยวกับ
กิจการพระราชสานักและงาน
ที่เกี่ยวกับองค์พระมหากษัตริย์
กระทรวงเมือง
(ภายหลังเรียกกระทรวงนครบาล)
มีอานาจในการบังคับบัญชาตารวจ
และดูแลความสงบเรียบร้อยใน
พระนครและงานเกี่ยวกับนักโทษ
กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ
มีอานาจและหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ
ภาษีอากรตลอดจนรายได้
และรายจ่ายของแผ่นดิน
กระทรวงเกษตราธิการ
มีอานาจและหน้าที่ควบคุมเกีย่ วกับ
การเพาะปลูก การค้าไม้ การป่าไม้
และ เหมืองแร่
กระทรวงยุติธรรม
มีอานาจและหน้าที่บังคับบัญชา
ศาลทั่วประเทศ
กระทรวงยุทธิการ
มีอานาจและหน้าที่ตรวจตราและ
วางแผนเกี่ยวกับกิจการทหาร ต่อมาได้
ทาการรวมเข้ากับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงธรรมการ
(ภายหลังเปลี่ยนเป็นกระทรวงศึกษาธิการ)
มีอานาจและหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ
เกี่ยวกับพระสงค์ โรงเรียน และ
โรงพยาบาลทั่วประเทศ
กระทรวงโยธาธิการ
มีอานาจและหน้าที่ควบคุมดูแลการ
ก่อสร้างและสาธารณูปโภค เช่น สร้าง
ถนน ขุดคลอง การไปรษณีย์ เป็นต้น
กระทรวงมุรธาธิการ
มีอานาจและหน้าที่ดูแลรักษา
พระราชลัญจกร พระราชกาหนด
กฎหมาย หนังสือราชการทั้งปวง
การปฏิรูประบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาค
ระบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาคของไทยในสมัยโบราณ ไม่สามารถดูแลและคุ้มครองประชาชนได้อย่างทั่วถึง
ส่วนหัวเมืองประเทศราชก็ปล่อยให้ปกครองตนเองอย่างอิสระ ทาให้เกิดความขัดแย้งในระบบการปกครอง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงความจาเป็นในการปฏิรูประบบการบริหารใหม่ เพื่อให้เกิด
ความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะเป็นการป้องกันไม่ให้มหาอานาจเข้ามาแทรกแซงการปกครองได้ โดยได้ยกเลิกระบบเมืองแบบเก่า
และจัดรูปแบบใหม่โดยรวมหัวเมืองต่างๆที่อยู่ใกล้กันเป็น “ มณฑล ”
มณฑล เกิดขึ้นจากการรวมหลายเมือง
มณฑล เกิดขึ้นจากการรวมหลายเมือง
เมือง เกิดขึ้นจากการรวมหลายอาเภอ
เมือง เกิดขึ้นจากการรวมหลายอาเภอ
อาเภอ เกิดขึ้นจากการรวมหลายตาบล
อาเภอ เกิดขึ้นจากการรวมหลายตาบล
ตาบล เกิดขึ้นจากการรวมหลายหมู่บ้าน
ตาบล เกิดขึ้นจากการรวมหลายหมู่บ้าน
การปฏิรูปการปกครองส่วนท้องถิ่น
เพื่อให้ชุมชนได้รู้จักพึ่งพาตนเอง โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ที่มาจากความช่วยเหลือของรัฐบาล โดยโปรดเกล้าฯ
ให้ตรา พรบ. ลักษณะการปกครองท้องที่ พ.ศ. 2440 โดยให้สิทธิในการเลือกผู้ใหญ่บ้าน และผู้ใหญ่บ้านมีสิทธิเลือกกานัน
มาเป็นหัวหน้าการปกครอง การเลือกตั้งกานันผู้ใหญ่บ้าน ยังเป็นระบบการปกครองที่ใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
การจัดสุขาภิบาล
การปรับปรุงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 6
การปกครองในส่วนกลาง
ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการจัดตั้งกระทรวงใหม่ๆ
เพิ่มขึ้น เช่น กระทรวงทหารเรือ กระทรวงทหารเรือ กระทรวง
พาณิชย์ เปลี่ยนชื่อกระทรวงโยธาธิการ เป็น กระทรวงคมนาคม
เปลี่ยนชื่อกระทรวงธรรมการ เป็น กระทรวงศึกษาธิการ และ
ยุบเลิกกระทรวงเมืองหรือกระทรวงนครบาลออกไป
การปรับปรุงการบริหารราชการในส่วนภูมิภาค
มีการรวมมณฑลหลายมณฑลเข้าด้วยกันเป็น “ ภาค ”
แต่ล่ะภาคมี ผู้บัญชาการภาค ขึ้นตรงต่อพระมหากัตริย์
เพื่อสนองพระบรมราโชบายของพระองค์ได้อย่างครบถ้วน
การปรับปรุงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราโชบายในการปกครองประเทศตามแบบอย่างรัชกาลที่ 6 คือ จัดตั้งผู้มี
ความรู้ความสามารถปฏิบัติหน้าที่ด้านต่างๆแทนพระองค์ คณะบุคคลที่ได้รับโปรดเกล้าฯ เพื่อปฏิบัติงานในหน้าที่สาคัญมีดังนี้
อภิรัฐมนตรีสภา องคมนตรีสภา เสนาบดีสภา
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิก โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรี สมาชิกประกอบด้วย
อภิรัฐมนตรีสภา ประกอบด้วย ชุดใหม่จานวน 40 คน เรียกว่า เสนาบดีกระทรวงต่างๆ
พระบรมวงศานุวงศ์ 5 พระองค์ “สภากรรมการองคมนตรี” ทาหน้าที่ถวายความเห็นแด่
มีหน้าที่ถวายงานบริหารราชการ ทาหน้าที่ถวายความคิดเห็น พระเจ้าอยู่หัว หรือ
เรื่องสาคัญที่ได้รับมอบหมาย คือ เกี่ยวกับร่างกฎหมายที่ ปฏิบัติหน้าที่ตามที่
พิจารณาแก้ไขสุขาภิบาลที่มีอยู่ ประกาศใช้ ตลอดจน ได้รับมอบหมาย
ในขณะนั้น งานบริหารราชการด้านต่างๆ
วิชา ประวัติศาสตร์ ส30101
บทที่ 5 พื้นฐานประชาธิปไตยในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
การบริหารราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ส่วนกลาง
เนื่องจากประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่าอย่าง
มาก เพราะพึ่งผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปไม่กี่ปี ส่วนภูมิภาค
จึงมีความต้องลดค่าใช้จ่ายแผ่นดิน ด้วยการยุบ โปรดเกล้าฯ ให้ยุบยกเลิกมณฑลภาค และรวม
หน่วยราชการ หรือนาหน่วยราชการมา มณฑลหลายๆ มณฑลเข้าด้วยกัน นอกจากนั้นยัง
รวมกันเช่น รวมกระทรวงคมนาคม มีการยุบยกเลิกจังหวัดบางจังหวัดอีกด้วย
กับพาณิชย์เป็นกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม และ
รวมกระทรวงทหารเรือ เข้าไปสังกัดกระทรวงกลาโหม
การศาลและกฎหมาย
รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกระทรวงยุติธรรมเพื่อรวบรวมศาลทั้งหลาย มาไว้ใต้สังกัดเดียวกัน
เพื่อให้การบริหารงานยุติธรรมเป็นระบบเดียวกัน และแยกอานาจตุลาการออกจากอานาจบริหารตาม
แบบอารยประเทศ ทาให้ระบบศาลของไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
การปฏิรูปกฎหมาย
ในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการแบ่งหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมออกเป็น 2 ฝ่ายคือฝ่ายธุรการกับฝ่ายตุลาการ
นอกจากนั้นยังโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะโรงเรียนกฎหมายเป็นโรงเรียนหลวงขึ้นต่อกระทรวงยุติธรรม
อีกทั้งยังโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง “สภานิติศึกษา” มีหน้าที่จัดระเบียบ และวางหลักสูตรการศึกษาของ
โรงเรียนกฏหมาย
แนวคิดในการพระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ประชาชน