Professional Documents
Culture Documents
กลุ่มที่ 7 บุคลากรภาครัฐ
กลุ่มที่ 7 บุคลากรภาครัฐ
กลุ่มที่ 7 บุคลากรภาครัฐ
รัฐ
กลุม
่ ที่ 7
บทบาทของระบบราชการไทยสมัยก่อน
“ระบบราชการ(Bureaucracy)”
โดยมีการแบ่งบุคลากรภาครัฐ ออกเป็ น 6 ประเภท ได ้แก่
ข ้าราชการการเมือง ข ้าราชการประจำ
“ข ้าราชการการเมือง” ถือเป็ นองค์ประกอบ “ข ้าราชการประจำ” ซงึ่ เป็ นองค์ประกอบ
สว่ นบนของระบบราชการโดยมีหน ้าทีใ่ นการ สว่ นล่างทีม ่ บี ทบาทหลักในการบริหาร
กำหนดนโยบายและเป้ าหมายในการพัฒนา หรือการรับเอานโยบายของข ้าราชการ
ประเทศ อีกทัง้ ยังมีบทบาทหลักในการ การเมือง
บังคับบัญชาและกำกับดูแลการปฏิบต ั งิ าน ไปปฏิบต ั ใิ ห ้บรรลุผลสำเร็จตามคุณค่าที่
ของ “ข ้าราชการประจำ” ข ้าราชการการเมืองได ้กำหนดไว ้ รวมทัง้
การให ้ข ้อเสนอแนะและข ้อมูลเพือ ้
่ ใชในการ
ตัดสน ิ ใจของข ้าราชการการเมือง
1.1ข ้าราชการการเมือง(นักการเมือง)
(พระราชบัญญัตริ ะเบียบข ้าราชการการเมืองพ.ศ.2535 มาตรา 5 )
ข ้าราชการพลเรือนสามัญ หมายความว่า
ตำแหน่งประเภทบริหาร ได ้แก่ ตำแหน่งหัวหน ้าสว่ นราชการ ข ้าราชการพลเรือนและ
และรองหัวหน ้าสว่ นราชการระดับกระทรวง กรม และตำแหน่งอืน่ ที่ ข ้าราชการอืน่ ในกระทรวง
ก.พ.กำหนดเป็ นตำแหน่งประเภทบริหาร กรมฝ่ ายพลเรือน ตามกฎหมาย
ว่าด ้วยระเบียบข ้าราชการ
ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ได ้แก่ ตำแหน่งหัวหน ้าสว่ นราชการ ประเภทนัน ้
ทีต
่ ่ำกว่าระดับกรม และตำแหน่งอืน
่ ที่ ก.พ.กำหนดเป็ นตำแหน่งประเภท
อำนวยการ
่ ำแหน่งประเภทบริหาร
ตำแหน่งประเภททั่วไป ได ้แก่ ตำแหน่งทีไ่ ม่ใชต
ตำแหน่งประเภทอำนวยการ และตำแหน่งประเภทวิชาการ ตามที่
ก.พ.กำหนด
ข ้าราชการฝ่ ายพลเรือน (ต่อ)
1 ข ้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
2 ข ้าราชการครู
แบ่งออกเป็ น 3 ประเภท
3 ข ้าราชการตำรวจ
แบ่งออกเป็ นประเภทย่อย 3 ประเภท ผู ้สอนในหน่วยงานการศึกษา
ประเภทวิชาการ ข ้าราชการตำรวจ คือ ข ้าราชการใน
เชน ่ ครู อาจารย์ ศาสตราจารย์
เชน่ ศาสตราการย์ รองศาสตราจารย์ สงั กัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติซงึ่ เป็ น
ผู ้บริหารสถานศึกษาและผู ้บริหารการ สว่ นราชการไม่สงั กัดสำนักนายก
อาจารย์ ศึกษา
ประเภทผู ้บริหาร รัฐมนตรี
เช่น ผู ้อำนวยการสถานศึกษา ผู ้อำนวย กระทรวงหรือทบวงมีฐานะเป็ นกรมและ
เชน ่ อธิการบดี รองอธิการบดี คณะบดี ึ ษา ฯลฯ
การเขตพืน ้ ทีก
่ ารศก อยูใ่ นบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี
ประเภททั่วไป บุคลากรทางการศก ึ ษาอืน่
วิชาชีพเฉพาะ หรือเชีย่ วชาญตามที่ ข ้าราชการฝ่ าทหารแบ่งออกเป็ น
เช่น ศึกษานิเทศก์ และตำแหน่งทีเ่ รียก ชน ั ้ ประทวนและชนั ้ สญ
ั ญาบัตร
ก.พ.อ. กำหนด มาตรา 4 แห่ง พระราชบัญญัตริ ะเบียบ ชอื่ ตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดตามมาตรา 4 แห่งพระราช
ข ้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัตต
ิ ำรวจแห่งชาติพ.ศ. 2547
บัญญัตริ ะเบียบข ้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.
2547
4 ข ้าราชการอัยการ 5 ข ้าราชการตุลาการ
6 ข ้าราชการฝ่ ายรัฐสภา
แบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ
ข ้าราชการฝ่ ายอัยการ คือ ข ้าราชการผู ้มีอำนาจและหน ้าทีใ่ นการ ข ้าราชการรัฐสภาสามัญ
ข ้าราชการทีบ่ รรจุและแต่งตัง้ ให ้รับ พิจารณาพิพากษาอรรถคดีรวมตลอด คือ ข ้าราชการซึง่ รับการบรรจุและแต่งตัง้
ราชการในสำนักงานอัยการสูงสุด ถึงผู ้ช่วยผู ้พิพากษา ให ้ดำรงตำแหน่งประจำ
เป็ นคณะกรรมการกลางในการกำกับดูแล โดยตำแหน่งข ้าราชการตุลาการมีดงั นี้ โดยได ้รับเงินเดือนในอัตราสามัญ ใช ้วิธ ี
ข ้าราชการฝ่ ายอัยการแบ่งออกเป็ น เชน ่ ประธานศาลฎีกา รองประธานศาล การจำแนก
-ข ้าราชการอัยการ ฎีกา ผู ้พิพากษาหัวหน ้าคณะในศาล และกำหนดประเภทตำแหน่งแบบเดียวกับ
-ข ้าราชการธุรการ ในหน่วยงานของ ฎีกา ผู ้พิพากษาศาลฎีกา ประธาน ข ้าราชการพลเรือนสามัญ
อัยการ ศาลอุธรณ์ รองประธานศาลอุธรณ์ ฯลฯ ข ้าราชการรัฐสภาฝ่ ายการเมือง
ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบียบข ้าราชการฝ่ ายอัยการ คือ ข ้าราชการซึง่ รับราชการในตำแหน่ง
ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบียบข ้าราชกา
พ.ศ. 2554
รฝ่ ายตุลาการศาลยุตธิ รรม พ.ศ. 2543
การเมืองของรัฐสภา ตามมาตรา 4 แห่งพระราช
บัญญัตริ ะเบียบข ้าราชการฝ่ ายรัฐสภา พ.ศ. 2518
ข ้าราชการสว่ นท ้องถิน
่ ิ
ตามพระราชบัญญัตัระเบี
ยบ บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534
ข ้าราชการการเมือง ข ้าราชการประจำ
“มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตน ิ ี้
“รัฐวิสาหกิจ” หมายความว่า
(1) องค์การของรัฐบาลตามกฎหมายว่าด ้วยการจัดตัง้ องค์การของรัฐบาล
หรือกิจการของรัฐตามกฎหมายทีจ ่ ัดตัง้ กิจการนัน้ และหมายความรวม
ถึงหน่วยงานธุรกิจทีร่ ัฐเป็ นเจ ้าของแต่ไม่รวมถึงองค์การหรือกิจการ ทีม ่ ี
วัตถุประสงค์เฉพาะเพือ ่ สงเคราะห์หรือสง่ เสริมการใดๆ ทีม ่ ใิ ชธ่ รุ กิจ
(2) บริษัทจํากัดหรือห ้างหุ ้นสว่ นนิตบิ คุ คลทีก ่ ระทรวง ทบวงกรม หรือทบวง
การเมืองทีม่ ฐ ี านะเทียบเท่า และหรือรัฐวิสาหกิจตาม (๑) มีทน ุ รวมอยู่
ด ้วยเกินรอยละห ้าสบ ิ หรือ
(3) บริษัทจํากัดหรือห ้างหุ ้นสว่ นนิตบ ิ คุ คลทีก ่ ระทรวง ทบวงกรม หรือทบวง
การเมืองทีม ่ ฐ ี านะเทียบเท่า และหรือรัฐวิสาหกิจตาม (๑) และหรือ (๒)
ทีทน ุ รวมอยูด่ ้วยสองในสาม 03
พระราชบัญญัตค
ิ ณ
ุ สมบัตม
ิ าตรฐานฯ ได ้จําแนกบุคลากรของรัฐวิสาหกิจออกเป็ น ๓
ระดับ ได ้แก่
“กรรมการ”
หมายความว่า พนักงานและลูกจ ้างของ หมายความว่า กรรมการในคณะกรรมการ
รัฐวิสาหกิจ และให ้รวมตลอดถึงทีป ่ รึกษาคณะ รัฐวิสาหกิจ และให ้หมายความรวมถึงป
กรรมการ ทีป ่ รึกษารัฐวิสาหกิจ เลขานุการ ประธานกรรมการและรองประธาน
ผู ้ชว่ ยเลขานุการของคณะกรรมการ หรือ กรรมการ
บุคคลซงึ่ ดํารงตําแหน่งทีม ่ อ
ี ํานาจคล ้ายคลึง
กัน แต่เรียกชอ ื่ อย่างอืน
่ ในรัฐวิสาหกิจด ้วย
้
ทัง้ นีใ้ ห ้ใชเฉพาะเพื อ
่ การกําหนดคุณสมบัต ิ “ผู ้บริหาร”
มาตรฐานและการพ ้นจากตําแหน่งเท่านัน ้
หมายความว่า ผู ้ว่าการ ผู ้อํานวยการ
กรรมการผู ้จัดการ ผู ้จัดการหรือบุคคลซงึ่
“พนักงาน” ดํารงตําแหน่งผู ้บริหารสูงสุดทีม่ อ
ี ํานาจ
หน ้าทีค
่ ล ้ายคลึงกันในรัฐวิสาหกิจนัน ้
4 องค์การมหาชน
- เป็ นหน่วยงานทีร่ ับผิดชอบบริการสาธารณะทางส งั คมและ
วัฒนธรรม และต ้องไม่เป็ นกิจการทีม ่ ล
ี ก
ั ษณะเป็ นการแข่งขัน
กับภาคเอกชน ซงึ่ เป็ นลักษณะต ้องห ้ามตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย
- ไม่มวี ต
ั ถุประสงค์ในการแสวงหากำไร
- เป็ นนิตบ ิ ค
ุ คล
- รัฐจัดตัง้ ได ้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ หรือสามารถเลีย ้ งตัวเองได ้
รัฐมีอำนาจกำกับดูแลตามทีก ่ ฎหมายกำหนด
- การลงทุนต ้องขอความเห็นชอบจากรัฐ
- บุคลากรมีสถานะเป็ นเจ ้าหน ้าทีข ่ องรัฐ
- บุคลากรมีสถานะเป็ นเจ ้าหน ้าทีข ่ องรัฐ
บุคลากรขององค์การมหาชน (พระราชบัญญัตอิ งค์การมหาชน พ.ศ. 2542)
คณะกรรมการ ผู ้อำนวยการ บุคลากร
คลากรหลักขององค์การมหาชนได ้แก่
เป็ นผู ้ทีม
่ ห
ี น ้าทีบ
่ ริหารกิจการของ บุคลากรผู ้ปฏิบต ั งิ านประจำให ้แก่
องค์การมหาชนให ้เป็ นไปตาม องค์การมหาชน เรียกว่า “เจ ้าหน ้าที่
เป็ นองค์กรสูงสุดทีท
่ ำหน ้าที่ ขององค์การมหาชน” ตามมาตรา 35
ตัดสน ิ ใจ กำหนดนโยบายและ กฎหมาย วัตถุประสงค์ระเบียบ ข ้อ
และผู ้ปฏิบต ั งิ านทีม ่ ลี ักษณะชวั่ คราว
วางระเบียบข ้อบังคับขององค์การ บังคับ ข ้อกำหนด นโยบาย มติ และ
ให ้แก่องค์การมหาชน เรียกว่า “ลูกจ ้าง
มหาชน คณะกรรมการมาจากการ ประกาศของคณะกรรมการ
ขององค์การมหาชน” นอกจากนี้ ยังมี
และเป็ นผู ้บังคับบัญชาเจ ้าหน ้าที่
แต่งตัง้ ของคณะรัฐมนตรีและจะ เจ ้าหน ้าทีข่ องรัฐ ทีม ่ าปฏิบต
ั งิ านใน
และลูกจ ้างขององค์การมหาชนทุก องค์การมหาชนเป็ นการชัว่ คราวได ้
ต ้องมีจำนวนตามทีก ่ ำหนดไว ้ใน ตำแหน่ง
พระราชกฤษฎีกามีอำนาจหน ้าที่ เมือ่ ได ้รับอนุมัตจิ ากผู ้บังคับบัญชา
(มาตรา 31) (มาตรา 36) สิทธิประโยชน์และ
ในการควบคุมดูแลองค์การ ผู ้อำนวยการจะต ้องรับผิดชอบต่อ สวัสดิการต่าง ๆ ของบุคลากรของ
มหาชนให ้ดำเนินกิจการให ้เป็ น คณะกรรมการในการบริหารกิจการ องค์การมหาชนจะได ้รับไม่ต่ำกว่า
ไปตามวัตถุประสงค์ทก ี่ ำหนดไว ้ ขององค์การมหาชน และเป็ นผู ้แทน มาตรฐานขัน ้ ต่ำทีก ่ ำหนดไว ้ใน
และมีอำนาจหน ้าทีเ่ ฉพาะที่ ขององค์การมหาชนในกิจการเกีย ่ ว กฎหมายว่าด ้วยการคุ ้มครองแรงงาน
กำหนดไว ้ในมาตรา 24 กับบุคคลภายนอก (มาตรา 33) กฎหมายว่าด ้วยการประกันสังคม และ
กฎหมายว่าด ้วยเงินทดแทน (มาตรา
38)
พนักงานของรัฐในสว่ นราชการ
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีวา่ ด ้วยพนักงานราชการ
พ.ศ.2547 ข ้อ3
5
6
พนักงานราชการ คือ บุคคลซงึ่ ได ้รับการจ ้างตามสญ ั ญาจ ้างโดยได ้รับ
ค่าตอบแทนจากงบประมาณของสว่ นราชการเพือ ่ เป็ นเจ ้าหน ้าทีข
่ อง
ั งิ านให ้กับสว่ นราชการนัน
รัฐในการปฏิบต ้ พนักงานราชการ มี 2 ประเภท
คือ พนักงานราชการทั่วไป และพนักงานราชการพิเศษ และจําแนกตําแหน่ง
ตามลักษณะงานและผลผลิตของงาน เป็ น 6 กลุม่ (ตามประกาศ คพร. เรือ่ ง การกําหน
ดลักษณะงานและคุณสมบัตเิ ฉพาะของกลุม
่ งานและการจัดทํากรอบอัตรากําลังพนักงานราชการ พ.ศ. 2554 :
ฉบับใหม่ลา่ สุด)
พนักงานราชการ
พนักงานราชการทั่วไป ปฏิบตั งิ านในลักษณะเป็ นงานประจําทั่วไปของสว่ นราชการ
พนักงานราชการประเภทนีม้ ี 5 กลุม่ คือ
กลุม
่ งานบริการ กลุม
่ งานเทคนิค กลุม
่ งานบริหารทั่วไป
1.เทคนิคทั่วไปมีลักษณะงานทีต ้
่ ้องใชความรู ้
ความชํานาญทางเทคนิคซึง่ ต ้องผ่านการ
มีลักษณะงานเชน ่ เดียวกับที่
มีลักษณะงานเป็ นงานปฏิบต ั ริ ะดับ ึ ษาในระบบ หรืองานทีป
ศก ่ ฏิบตั โิ ดยใช ้
ทักษะเฉพาะบุคคลซึง่ มิได ้ผ่านการศึกษาใน ข ้าราชการปฏิบต ั แ ิ ต่มคี วามจําเป็ นเร่ง
ต ้น ไม่สลับซบ ั ซอนมี
้ ขนั ้ ตอน ด่วนและมีระยะเวลาการปฏิบต ั งิ านที่
ระบบ
ชด ั เจน แน่นอน หรือ ไม่ใช่งานลักษณะเช่น
2.กลุม
่ งานเทคนิคพิเศษ มีลักษณะงานทีต ่ ้อง
้
ไม่ใชทักษะเฉพาะ ใช ้ความสามารถเฉพาะตัวทักษะพิเศษ เดียวกับทีข่ ้าราชการปฏิบต ั แ
ิ ต่จําเป็ น
ประสบการณ์และความชํานาญในการปฏิบต ั ิ ต ้องใชวุ้ ฒป ิ ริญญา
งาน
1 2 3
กลุม ี เฉพาะ
่ งานวิชาชพ กลุม ี่
่ ต่ เช ยวชาญเฉพาะ
้
มีลักษณะงานที ้องใช ความรู ้ ประสบการณ์ทฤษฎี
มีลักษณะงานวิชาชพ ี ทีไ่ ม่อาจมอบให ้ หรือ
ผู ้มีคณ
ุ วุฒอ
ิ ย่างอืน
่ ปฏิบตั แ ิ ทนได ้ และ ภูมป ิ ั ญญาท ้องถิน ่ หรือ
มีผลกระทบต่อชีวต ิ และทรัพย์สน ิ ของ เป็ นการพัฒนาระบบ/มาตรฐานทีใ่ ชความรู ้ ้และ
ประชาชน หรือ เป็ นงานทาง ่
ประสบการณ์เชียวชาญเฉพาะ หรือ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือ เป็ น เป็ นงานทีม ่ ภ
ี ารกิจหรือเป้ าหมายชด ั เจน และมีระยะ
งานทีข่ าดแคลน เวลาสน ิ้ สุดแน่นอน หรือเป็ นงานทีไ่ ม่อาจหาผู ้ปฏิบต ั ท
ิ ี่
เหมาะสมในหน่วยงานได ้
4 5
ปฏิบต
ั งิ านในลักษณะทีต ้
่ ้องใชความรู ้หรือความ
ี่ วชาญ
เชย
พนักงานราชการ สูงมากเป็ นพิเศษ เพือ
่ ปฏิบต ั งิ านในเรือ
่ งทีม
่ คี วามส ําคัญ
และจําเป็ นเฉพาะเรือ่ งของสว่ นราชการหรือมีความจํา
พิเศษ เป็ นต ้องใชบุ้ คคลในลักษณะดังกล่าว
พนักงานราชการประเภทนีม ้ ี 1 กลุม่ คือ
กลุม ี่ วชาญพิเศษ
่ งานเชย
มีลก ้
ั ษณะงานทีใ่ ชความรู ้ ความสามารถประสบการณ์และเชย ี่ วชาญพิเศษระดับสูงเป็ นที่
ยอมรับ หรือ งาน/โครงการทีไ่ ม่อาจหาผู ้ปฏิบตั ท
ิ เี่ หมาะสมในหน่วยงานได ้
หรือ งานทีม
่ ล ั ษณะไม่เป็ นงานประจํา (สว่ นราชการสามารถกําหนดวุฒก
ี ก ึ ษา
ิ ารศก
ประสบการณ์ตามระดับของความเชย ี่ วชาญพิเศษ) เชน ่ ทีป
่ รึกษา ผู ้ทรงคุณวุฒฯิ ลฯ
ิ กลุม
สมาชก ่ ที่ 7