Professional Documents
Culture Documents
Nervous2 7 3
Nervous2 7 3
บริเวณที่มี interneuronรวม
กันมากที่สุดคือสมอง
Membrane potential
-membrane potential: ความต่างศักย์ที่เยื่อเซลล์
เนื่องจากความแตกต่างของอิออน ภายใน-นอก
เซลล์ (Na+ K+ Cl- และโปรตีน) ปกติมีค่า= -50 ถึง -
100 mV (ค่าติดลบหมายถึงภายในเซลล์มีขั้วเป็นลบเมื่อเทียบ
กับนอกเซลล์)
-สามารถวัดได้โดยใช้ microelectrode ต่อ
กับvoltmeter หรือoscilloscope หรือใช้
micromanipulator วัด
-membrane potential ของเซลล์ประสาทขณะที่ยัง
ไม่ถูกกระตุ้นเรียก
resting potential
-Chemically-gated ion channels: เป็ นประตูที่เปิ ด-ปิ ดเมื่อได้รับการกระตุ้นจาก
สารเคมี เช่น neurotransmitter โดย gated ion channel จะจำเพาะต่อ ion ชนิดใด
ชนิดหนึ่งเท่านั้น
-Voltage-gated ion channels: เป็ นประตูที่เปิ ด-ปิ ดจากการกระตุ้นของ membrane
potential
Hyperpolarization และ depolarization
Hyperpolarization: เป็ นการเพิ่ม
ศักย์ไฟฟ้ าที่เยื่อเซลล์ เช่น จาก
การเปิ ดของ K+ channel, K+
เคลื่อนออกจากเซลล์เพิ่มขึ้น
ทำให้ภายในเยื่อเซลล์มีประจุ
เป็ นลบเพิ่มขึ้น (-70mV -
90mV)
Depolarization: เป็ นการลดศักย์
ไฟฟ้ าที่เยื่อเซลล์ เช่น จากการ
เปิ ดของ Na+ channel, Na+
เคลื่อนเข้าสู่เซลล์เพิ่มขึ้น ทำให้
ภายในเยื่อเซลล์มีประจุเป็ นลบ
ลดลง(-70mV -50mV)
Graded potential การเปลี่ยนแปลงศักย์ไฟฟ้ า
(hyper & depolarization) ตามความแรงของสิ่งเร้า
Action potential
-action potential: การเปลี่ยนแปลง membrane potential อย่างรวดเร็วของเซลล์
ประสาทเมื่อได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้า ที่ทำให้เกิด depolarization จนถึงระดับ
threshold potential
-เกิดที่ axon เท่านั้น และเป็ นแบบ all-or-none
แบ่งเป็ น 5 ระยะดังนี้
1.Resting state
2.Threshold
3.Depolarization
4.Repolarization
5.Undershoot
ระยะที่ 1: Resting State
-gate ทั้งสองอันของ Na+ ปิ ด แต่ K+ channel ยังเปิ ดอยู่ (relatively slow gate) จึง
ทำให้ภายในเซลล์มีประจุลดลงต่ำกว่า resting membrane potential หลังจากนั้น
เซลล์จะกลับสู่สภาวะปกติ(Na+-K+ pump)และพร้อมจะตอบสนองต่อการกระตุ้นลำดับ
Propagation of action potential
1.ขณะที่เกิด action potential (ในตำแหน่งที่ 1) N+
เคลื่อนเข้าสู่ภายในเซลล์ ซึ่ง Na+ ที่เคลื่อนเข้ามา
ภายในเซลล์จะแพร่ไปยังบริเวณข้างเคียง(ตำแหน่งที่
2) และสามารถกระตุ้นให้บริเวณข้างเคียง
เกิดdepolarization และ action potential ได้ในที่สุด
2.ขณะที่ ตำแหน่งที่ 2 เกิด action potential ในตำแหน่ง
ที่ 1 จะเกิด repolarization (refractory period) จึง
ทำให้ไม่สามารถเกิด action potential ในทิศทาง
ย้อนกลับได้
3.หลังจากนั้น action potential จะเคลื่อนไปสู่
ตำแหน่งที่ 3 และตำแหน่งที่ 2 จะเกิด refractory
period และ ตำแหน่งที่ 1 จะกลับสู่สภาวะ resting
stage ต่อไป
-การเคลื่อนของ action potential บน axon จึง
เคลื่อนไปในทิศทางเดียว(ออกจาก cell body)
เท่านั้น
Saltatory conduction
-ความเร็วในการเคลื่อนของaction potential ไปตาม axon จะขึ้นอยู่กับความกว้าง
ของ axon ยิ่งกว้างยิ่งเคลื่อนได้เร็ว
-แต่ในพวก myelinated axon ถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่ action potential ก็เคลื่อนได้เร็ว
-ใน myelinated axon การเกิด action potential จะเกิดระหว่าง node of Ranvier หนึ่ง
ไปยังอีก node หนึ่ง เพราะการเคลื่อนที่ของ Na+ และ K+ เข้า-ออกจากเซลล์เกิดได้
เฉพาะบริเวณ node of Ranvier เท่านั้น ลักษณะนี้เรียก saltatory conduction
Electrical synapse
-บริเวณ presynatic membrane และ postsynaptic membrane เชื่อมต่อกันด้วย gap
junction ดังนั้น ion current จากaction potential จึงสามารถเคลื่อนจากเซลล์
ประสาทหนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งได้โดยตรง
Presynaptic membrane Postsynaptic membrane
Chemical synapse
Pacinian
corpuscle
ลิ้น(Tongue): การรับรส
-บนลิ้นของคนมีตุ่มลิ้น(taste bud)ประมาณ 10,000 อัน ฝังตัวอยู่ในปุ่ มลิ้น (papilla)
-แต่ละ taste bud จะมี taste (gustatory) receptor cell ซึ่งเป็ น modified epithelial cell อยู่
การรับรส มีขั้นตอนดังนี้
1.โมเลกุลของสารเช่นน้ำตาล จับกับtaste receptor
2.มีการส่งสัญญาณผ่าน signal-transduction pathway
3.K+ channel ปิ ด Na+channel เปิ ด
4.Na+ แพร่เข้าสู่เซลล์ เกิด depolarization
5.กระตุ้นการนำ Ca+ เข้าสู่เซลล์
6.receptor cell หลั่ง
neurotransmitter
ที่ไปกระตุ้น sensory
neuron ต่อไป
ตา(Eye): การมองเห็น
-Eye cup ของพลานาเรียจะรับข้อมูล
เกี่ยวกับความเข้มของแสง และทิศทาง
แสง โดยไม่เกิดเป็ นภาพ
-สมองจะแปลสัญญาณประสาทที่มาจาก
eye cup ทั้งสองข้าง
-พลานาเรียจะเคลื่อนที่จนกระทั่ง
sensation จาก eye cup ทั้ง 2 ข้างเท่ากัน
และมีค่าน้อยที่สุด
clear, watery
liquid lens
transparent protein
jelly-like
a.การมองภาพระยะใกล้ (accommodation)
ciliary muscle หดตัว suspensory
ligament หย่อน เลนส์หนาขึ้นและกลมขึ้น
b.การมองภาพระยะไกล
ciliary muscle คลายตัว suspensory
ligament ตึง เลนส์ถูกดึงทำให้แบน
Photoreceptors of the retina
-photoreceptors มี 2 ชนิด
1.Rod cells มี ประมาณ 125 ล้านเซลล์
-ไวแสง แต่ไม่สามารถแยกสีได้
2.Cone cells มีประมาณ 6 ล้านเซลล์
-ไม่ไวแสง แต่สามารถแยกสีได้ แบ่งเป็ น red cone, green cone, blue cone
-fovea เป็ นบริเวณที่มีแต่ cone cells ไม่มี rod cell
From light reception to receptor potential
-Rhodopsin (retinal + opsin) เป็ นเม็ดสีในการมองเห็น (visual pigment) ของ rods
-แสงจะกระตุ้น rhodopsin ให้เกิด signal-transduction pathway.
1.แสงกระตุ้นการเปลี่ยนรูปของ retinal ทำให้หลุดจาก opsin
2.active opsin กระตุ้น G protein transducin
3.transducin กระตุ้นphosphodiesterase (PDE)
4.cGMPถูก hydrolze เป็ น GMP หลุดออกจาก Na+ channel
5.Na+ channel ปิ ด เยื่อเซลล์เกิด hyperpolarization การหลั่ง neurotransmitter ลดลง
The Vertebrate Retina
ขั้นตอนการเกิดภาพมีดังนี้
1.หลังจากแสงมากระตุ้น rods&cones เกิด action
potential
2.rods&cones synapse กับ bipolar cells
3.bipolar cells synapse กับ ganglion cells
4.ganglion cells ส่ง visual sensation (action
potential)ไปยังสมอง
5.การถ่ายทอดข้อมูลระหว่าง rods&cones,
bipolar cells, ganglion cells ไม่ได้เป็ นแบบ
one-to-one
6.horizontal&amacrine cells ทำหน้าที่ integrate
signal
Neural Pathways for Vision
-สมองด้านขวารับ sensory information จาก
วัตถุที่อยู่ทางด้านซ้าย (left visual field, blue)
-สมองด้านซ้ายรับ sensory information จาก
วัตถุที่อยู่ทางด้านขวา (right visual field, red)
-optic nerve จากตาทั้งสองข้างจะมาพบกันที่
optic chiasma
-optic nerve จะเข้าสู่ lateral geniculate nuclei
ของ thalamus
-ส่ง sensation ไปยัง primary visual cortex ใน
occipital lobe ของ cerebrum
หู(Ear): การได้ยินและการทรงตัว
temperal bone
(equilibrium)
(hearing)
การโค้งงอของ
hair cell ทำให้ (endolymph fluid)
เกิด action
potential
perilymph fluid
การเปลี่ยนจากแรงกลเป็ นสัญญาณประสาทของ hair cell
การจำแนกเสียงสูงต่ำของ cochlea
-ความดัง(volume)ของเสียงกำหนดโดย amplitude
-ความสูงต่ำ(pitch)ของเสียงกำหนดโดย frequency
-ในคนปกติหูสามารถฟังเสียงที่ 20-20,000 Hz,
สุนัข <40,000 Hz