Professional Documents
Culture Documents
ครั้งที่ 12 ขาดนัด 3
ครั้งที่ 12 ขาดนัด 3
การพิจารณาคดีโดยขาดนัด
อ.หทัยกาญจน์ กำเหนิดเพชร
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
การพิจารณาคดีโดยขาดนัด
การขาดนัดมี 2 กรณี
1. ขาดนัดยื่นคำให้การ ตาม ป.วิ.พ. ม.197-ม.199ฉ
2. ขาดนัดพิจารณา ตาม ป.วิ.พ. ม.200-ม.207
มาตรา 200
ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙๘ ทวิ และมาตรา ๑๙๘ ตรี ถ้าคู่ความฝ่ ายใดฝ่ าย
หนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยาน และไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เลื่อนคดี ให้ถือว่าคู่
ความฝ่ ายนั้นขาดนัดพิจารณา
ถ้าคู่ความฝ่ ายใดไม่มาศาลในวันนัดอื่นที่มิใช่วันสืบพยาน ให้ถือว่าคู่ความ
ฝ่ ายนั้นสละสิทธิการดำเนินกระบวนพิจารณาของตนในนัดนั้น และทราบกระบวน
พิจารณาที่ศาลได้ดำเนินไปในนัดนั้นด้วยแล้ว
หลักเกณฑ์การขาดนัดพิจารณา
• ม.200 วรรคหนึ่ง
• 1. คู่ความฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่งไม่มาศาล
• 2. ไม่มาศาลในวันสืบพยาน
• 3. ไม่ได้รับอนุญาตจากศาลให้เลื่อนคดี
• วันสืบพยาน
• ต้องเป็นกรณีที่มีการนัดสืบพยานเนื่องจากจำเลยยื่นคำให้การและคำให้การจำเลย
ก่อให้เกิดประเด็นพิพาทที่ต้องมีการสืบพยาน
• ต้องเป็นวันที่มีศาลเริ่มต้นการสืบพยาน ไม่ใช่วันนัดพิจารณาในการไต่สวนคำร้อง
ขอรับชำระหนี้จำนองและขอเฉลี่ยทรัพย์, วันนัดไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการ
ขายทอดตลาด
• ไม่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนคดี
• คือ เมื่อมีการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี หากศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี ก็
ถือว่าวันสืบพยานยังคงเป็นวันเดิม หากคู่ความไม่มาศาลย่อมถือว่าขาดนัด
พิจารณา
• คำร้องขอเลื่อนคดี ศาลจะอนุญาตหรือไม่ก็ได้ หากไม่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจ
สั่งไม่อนุญาตได้
• ฎ.1840/2538 แม้ทนายจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนสืบพยาน
ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีโดยสั่งในวันที่ทนายจำเลย
ทั้งสองยื่นคำร้องนั้นเอง ซึ่งในตอนท้ายคำร้องมีข้อความระบุว่า ข้าพเจ้ารอฟังคำ
สั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ดังนี้ จึงถือว่าทนายจำเลยทั้งสองทราบคำสั่ง
ศาลโดยชอบแล้ว การที่ทนายจำเลยทั้งสองไม่ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวจึงเป็น
ความบกพร่องของทนายจำเลยทั้งสองเอง ถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
• คู่ความไม่มาศาล
• คู่ความ หมายความรวมถึง ทนายความ ผู้รับมอบฉันทะจากตัวความหรือ
ทนายความ ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้แทนนิติบุคคล
• กรณีคู่ความไม่มาศาลในวันนัดอื่นถัดจากวันสืบพยานวันแรก ไม่ถือว่าขาดนัด
พิจารณา ให้ถือว่าคู่ความฝ่ ายที่ไม่มาศาลสละสิทธิการดำเนินกระบวนพิจารณา
ของนัดนั้นๆ และถือว่ารับทราบกระบวนพิจารณาที่ศาลได้ดำเนินไป ตาม ม. 200
วรรคสอง
คู่ความทั้งสองฝ่ ายขาดนัดพิจารณา
มาตรา 201
ถ้าคู่ความทั้งสองฝ่ ายขาดนัดพิจารณา ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสีย
จากสารบบความ
• ต้องเป็นกรณีที่คู่ความทั้งสองฝ่ ายทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล
• ศาลต้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
• กรณีมีโจทก์หรือจำเลยหลายคน ให้สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะโจทก์จำเลยที่ไม่มาศาล
เท่านั้น ส่วนโจทก์จำเลยอื่นที่มาศาลก็ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยขาดนัด
สำหรับจำเลยเหล่านั้นต่อไป
• ฎ.6674/2541 คดีแพ่งระหว่างโจทก์ทั้งห้าและจำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 ในวันนัด
สืบพยานโจทก์ จำเลยที่ 5 ที่ 6 และที่ 7กับโจทก์ทั้งห้าต่างไม่ไปศาลตามวันเวลา
นัด ต้องถือว่าคู่ความ ทั้งสองฝ่ ายขาดนัดพิจารณา เมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4แถลงไม่
ติดใจดำเนินคดีต่อไป จึงขอให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีกรณีดังกล่าวบทบัญญัติ
กฎหมายให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความ
โจทก์ขาดนัดพิจารณา
มาตรา 202
ถ้าโจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบ
ความ เว้นแต่จำเลยจะได้แจ้งต่อศาลในวันสืบพยานขอให้ดำเนินการพิจารณาคดี
ต่อไปก็ให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้นไปฝ่ ายเดียว
1. ถ้าคู่ความนั้นมาศาลเมื่อพ้นเวลานำพยานหลักฐานของตนเข้าสืบแล้ว ศาลจะ
อนุญาตให้คู่ความที่ขาดนัดพิจารณานำพยานเข้าสืบไม่ได้
2. ถ้าคู่ความที่ขาดนัดพิจารณามาศาลเมื่อคู่ความอีกฝ่ ายได้นำพยานหลักฐานเข้า
สืบไปแล้ว ศาลจะอนุญาตให้ถามค้านพยานของคู่ความอีกฝ่ ายที่สืบไปแล้ว
หรือคัดค้านการระบุเอกสาร หรือคัดค้านคำขอที่ให้ศาลไปทำการตรวจหรือให้
ตั้งผู้เชี่ยวชาญไม่ได้
แต่ถ้ายังสืบไม่เสร็จ คู่ความที่ขาดนัดพิจารณามีสิทธิถามค้านหรือนำสืบหักล้าง
ได้
3. คู่ความที่ขาดนัดพิจารณาไม่มีสิทธิร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายหลังศาลมีคำ
พิพากษาได้อีกต่อไป
• ฎ.3933/2529
โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณา
ต่อไปโดยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและนัดฟัง
คำพิพากษา ก่อนถึงวันนัดฟังคำพิพากษา 1 วัน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดี
ใหม่อ้างว่าไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ดังนี้การพิจารณายังไม่เสร็จสิ้นอยู่ในระหว่าง
การพิจารณาคดีฝ่ ายเดียว ศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธี
พิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง (ม.206 ว.3) ให้ได้ความว่าการขาดนัด
ของโจทก์เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรหรือไม่ การที่ศาลชั้นต้นไม่ทำการ
ไต่สวนแต่มีคำสั่งว่า ให้โจทก์ยื่นคำร้องเข้ามาเมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว จึง
เป็นการไม่ปฏิบัติตาม บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่า
ด้วยการพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนก็เป็ นการไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงต้อง
พิพากษายก คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวน
คำร้อง ของโจทก์ แล้วมีคำสั่งและคำพิพากษาใหม่
การขอให้พิจารณาคดีใหม่หลังศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ ขาดคดี
• ต้องเป็นกรณีที่มีการพิจารณาคดีโจทก์หรือจำเลยไปฝ่ ายเดียว ตามมาตรา 202
หรือ มาตรา 204 และศาลมีคำพิพากษาให้คู่ความฝ่ ายที่ขาดนัดพิจารณาแพ้คดี
• ไม่ใช่กรณี ศาลสั่งจำหน่ายคดี หรือ ศาลพิพากษาให้คู่ความฝ่ ายที่ขาดนัด
พิจารณาชนะคดี หรือ มิใช่เป็ นการพิจารณาคดีโดยขาดนัดพิจารณา จะมีการขอ
ให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้
• กรณีที่ขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ ตามมาตรา 199 ตรี
1. ศาลเคยมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่มาครั้งหนึ่งแล้ว
2. คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ต้องห้ามตามกฎหมาย
• กรณีที่ขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ ตามมาตรา 199 จัตวา มาตรา 199 เบญจ
1. ระยะเวลาในการยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่
1. การขอกรณีปกติ – ต้องยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำ
บังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่คู่ความฝ่ ายที่ขาดนัดพิจารณา (ถ้า
ส่งด้วยวิธีปิ ดหมาย +15 วัน)/ หากเป็นกรณีไม่มีการออกคำบังคับ (โจทก์
ขาดนัดพิจารณาและโจทก์แพ้คดี) จะยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อใดก็ได้
2. การขอกรณีพิเศษ – เป็นกรณีมีพฤติการณ์พิเศษนอกเหนือไม่อาจบังคับได้
ให้ยื่นคำขอภายใน 15 วันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลง