Professional Documents
Culture Documents
Coating Technique I
Coating Technique I
Coating Technique I
Part I
การเคลือบโดยใช้แปรง
การเคลือบโดยใช้ลูกกลิ้ง
การเคลือบโดยใช้วิธีเสปรย์
การเคลือบโดยใช้วิธีทางเคมีไฟฟ้ า(electrodeposition)
Part II
การเคลือบโดยใช้สีผงโดยการพ่นด้วยเปลวความร้อน
(Thermal Spray deposition)
การเคลือบโดยวิธี (chemical vapor deposition, CVD)
การเคลือบโดยกระบวนการ Sputter
การเคลือบผิวโดยการใช้แปรง
แปรงทาสีในท้องตลาดมีหลากหลายชนิด:
หน้าแคบและหน้ากว้าง
ด้ามสั้นและด้ามยาว
ทำจากวัสดุ Nylon, polyester และ hog bristle
การเคลือบผิวโดยใช้ลูกกลิ้ง
การเคลือบผิวโดยการใช้ลูกกลิ้งเป็ นวิธีที่เร็วในการเคลือบผิวโดยใช้แรง
คน เหมาะสำหรับการเคลือบผิวสิ่งก่อสร้างและอาคาร เช่นผนัง หลังคา
การเคลือบผิวโดยวิธีเสปรย์
การเสปรย์เป็ นวิธีที่เร็วกว่าการใช้แปรงหรือลูกกลิ้ง
มีอุปกรณ์ที่หลากหลายชนิดในการทำเสปรย์
มีละอองของเหลวบางส่วนที่เมื่อกระทบพื้นผิวแล้วกระดอนหลุดออก
ไปและมีบางส่วนที่ตกเลยพื้นผิวที่เคลือบ บางส่วนที่ตกก่อนที่จะถึงพื้น
ผิว ผลรวมที่เกิดจากการสูญเสียละอองของเหลวที่เคลือบจะถูกนำมาคิด
เป็ นเปอร์เซ็นต์ของสารเคลือบที่ออกจาก spray gun แล้วตกลงบนพื้น
ผิวที่ต้องการเคลือบ (transfer efficiency)
ประสิทธิภาพในการเคลือบผิว
Air 25
Airless 40
Air-assisted airless 50
ขนาดของละอองของเหลวจะถูกควบคุมโดย:
1. ความหนืดของสารเคลือบ
2. แรงดันอากาศ
3. ขนาดของรูในหัวฉีด
4. ความดันที่บังคับให้ของเหลวออกมาทางหัวฉีด
5. แรงตึงผิว
Airless Spray Gun
ขนาดหยดของละอองของเหลวควบคุมโดย:
1. ความเร็วของของเหลวเมื่อเคลื่อนผ่านหัวฉีดเทียบกับความเร็วอากาศ
2. ความหนืด
3. ความตึงผิว
Airless Spray Gun
การเคลือบแบบเสปรย์โดยที่ไม่ใช้อากาศจะเคลือบได้เร็วกว่าแบบใช้
อากาศ อย่างไรก็ตามการเคลือบแบบนี้จะให้ความหนาที่มากกว่าแบบใช้
อากาศ
การเคลือบแบบนี้จะไม่มีอากาศมาปะปนกับละอองของเหลวซึ่งทำให้
ขนาดหยดของเหลวมีขนาดใหญ่กว่า และมีการระเหยของตัวทำละลายออก
ไปน้อยกว่า
การเคลือบโดยไม่ใช้อากาศจะช่วยลดการสูญเสียของเหลวที่เมื่อใช้พ่นลง
บนวัตถุที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ตามการเคลือบแบบไม่ใช้อากาศ
สามารถก่อให้เกิดปัญหาเมื่อนำมาใช้กับสารเคลือบที่มีน้ำเป็ นตัวทำละลาย
เพราะที่ถูกอัดด้วยความดันสูงจะมีปริมาณอากาศละลายอยู่น้อยแต่เมื่อพ่น
ออกมาที่แรงดันต่ำจะทำให้อากาศที่ละลายในของเหลวออกมาเกิดฟองได้
ง่าย
Electrostatic Spraying
การเคลือบแบบนี้เป็ นการเสปรย์สารเคลือบลงไปบนชิ้นงานภายใต้สนามไฟฟ้ า
ที่เกิดระหว่างละอองของเหลวกับตัวชิ้นงาน โดยของเหลวที่มีประจุตรงข้ามกับ
ประจุบนชิ้นงานจะวิ่งเข้าหาชิ้นงาน สนามไฟฟ้ าที่ใส่เข้าไปไม่มีผลต่อขนาด
ละอองของเหลว การเคลือบแบบนี้จะให้การสูญเสียสารเคลือบน้อยกว่าวิธีเสปรย์
แบบอื่น
สายไฟจะถูกฝังอยู่ในหัวของ spray gun สนามไฟฟ้ า~ 50-125จะ
ถูกส่งผ่านไปยังสายไฟ สนามไฟฟ้ าจะทำให้อากาศตรงบริเวณปลายสายไฟ
แตกตัวเป็ นประจุ เมื่อละอองของเหลวผ่านเข้าสู่บริเวณนี้ก็จะรับe-เกิดเป็ น
ประจุลบ วัตถุที่ต้องการจะเคลือบต่อเข้ากับสายดิน เมื่อของเหลวเข้าใกล้วัตถุ
ที่มีขั้วแตกต่างกันก็จะดึงดูดกัน
Electrostatic Spraying
การเคลือบแบบนี้จะมีการสูญเสียสารเคลือบน้อยกว่าวิธีเสปรย์แบบอื่น
เนื่องจากเกิดการโอบล้อมสารเคลือบบริเวณรอบๆsubstrate ขึ้นอยู่กับ
ความเป็ นประจุของละอองของเหลวซึ่งขึ้นอยู่กับค่าการนำไฟฟ้ าของสาร
เคลือบ ถ้าค่าการนำไฟฟ้ าของสารเคลือบมีค่าต่ำก็จะไม่สามารถดึงประจุ
จากตัวทำละลายได้ดี โดยเฉพาะในกรณีของ aliphatic hydrocarbon
เนื่องจากของเหลวที่จะถูกเสปรย์ได้นั้นต้องมีค่าความหนืดที่ต่ำอยู่ที่
ประมาณ0.05 - 0.15 Pa.s จึงจะให้ขนาดละอองของเหลวที่เหมาะสม
ซึ่งอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ในกรณีที่สารเคลือบเป็ นสารละลายของพอลิเมอร์ที่
มีน้ำหนักโมเลกุลสูงจะทำให้ของเหลวหนืดมากจะเกิดละอองของเหลว
น้อย
วิธี hot spray จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ให้ความร้อนต่อเข้ากับหัวฉีดซึ่งจะ
ทำให้ของเหลวมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 38-65 C เมื่ออุณหภูมิเพิ่มของเหลวจะ
มีค่าความหนืดลดลงก็จะทำให้ได้ปริมาณละอองของเหลวเพิ่มขึ้นตาม
ต้องการ
Hot Spray
สารเคลือบจะถูกให้ความร้อนเพื่อให้ความหนืดลดลงแทนการเพิ่มปริมาณตัว
ทำละลาย
บางครั้งอาจไม่ใช้ตัวทำละลายเลยเช่นพอลิยูริเทน จะให้ความร้อน
เพื่อปรับให้มีความหนืดตามต้องการ.
Arc Spray
ขณะที่ของเหลวส่วนเกินหยดกลับลงไปก็จะเกิดฟิ ล์มขึ้นที่ผิว
substrate ความหนาของสารเคลือบบน substrate บริเวณตอนต้นจะ
มีความหนามากกว่าตอนปลาย
Dip Coating Process
The Flow Coating
ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเคลือบจะเคลื่อนผ่านสารเคลือบที่ติดบนแปรงลูก
กลิ้ง สารเคลือบที่ติดบนแปรงลูกกลิ้งก็จะถูกถ่ายให้กับ substrate จาก
นั้นจะถูกปล่อยให้แห้งในอากาศ.
Vacuum coating process
ภายในตู้เคลือบจะถูกทำให้เกือบเป็ นสุญญากาศด้วยการดูดเอาอากาศ
ออกสารเคลือบที่เป็ นของเหลวจะถูกปล่อยเข้าไปในตู้แล้วเกิดการระเหย
เป็ นไอของสารเคลือบ วัตถุที่ต้องการเคลือบถูกส่งผ่านเข้าไปในตู้เคลือบ
โดยสายพานแล้วเคลื่อนออกมาตามสายพานเพื่อไปยังตู้อบ
Electroplating
Electroplating คือกระบวนการ
เคลือบผิวด้วยโลหะโดยใช้กระแสไฟฟ้ า
ซึ่งโลหะที่เคลือบอาจจะนำมาใช้เคลือบบน
substrate ที่นำไฟฟ้ า (โลหะ)หรือไม่
นำไฟฟ้ าก็ได้ (พลาสติก,ไม้, หนัง) ซึ่ง
ชนิดหลังนั้นพื้นผิวจะต้องถูกทำให้นำ
ไฟฟ้ าก่อนด้วยการเคลือบด้วยกราไฟต์,
แลคเกอร์ที่นำไฟฟ้ า, การเคลือบด้วยไอ
ของสารที่นำไฟฟ้ า
WHAT IS ELECTROPLATING?
กระบวนการelectroplating ถูกนำมาใช้เคลือบโลหะทั้งที่บริสุทธิ์และ
ที่ผสม เพื่อความสวยงามหรือเพื่อการใช้งาน
สารประกอบnickel/chromium ซึ่งเรารู้จักกันในนามของ chrome
plating นอกจากนี้ยังมี copper, brass (an alloy), bronze (an
alloy) และ zinc ที่ถูกนำมาใช้เคลือบเพื่อความสวยงาม
สำหรับการประยุกต์ใช้งานในด้านวิศวกรรมได้มีการนำเอา zinc, tin,
nickel, "hard" chromium, silver และ gold มาใช้ รวมทั้งโลหะ
ผสมอื่นๆ ได้แก่ การทำให้พื้นผิวทนต่อการสึกกร่อน, การเปลี่ยนคุณสมบัติ
ของพื้นผิวเช่นค่าการเหนี่ยวนำให้นำไฟฟ้ า ค่าการนำไฟฟ้ า และความทนต่อ
การกัดกร่อน สำหรับการนำมาทำเป็ นเครื่องประดับตกแต่งโลหะที่นำมาใช้ได้
แก่ทอง เงิน และโรเดียม
การทำ electroplating จะทำใน plating bath โดยมีโลหะที่
ต้องการเคลือบ (เช่น เงิน, ทอง) ละลายอยู่ในรูปของไอออนบวก
โดยสารละลายใน plating bath จะเป็ นสารละลายที่นำไฟฟ้ าได้และ
จะมีการต่อไฟฟ้ ากระแสตรงเข้าไป substrate ที่จะนำมา plate จะ
ถูกนำมาใช้ทำเป็ นขั้วคาโทดหรือขั้วลบซึ่งจุมอย่ใน plating bath โดย
จะมีอิเล็กโตรดที่ใช้เป็ นขั้วบวกหรือ อาโนดจะถูกจุ่มที่ปลายอีกข้างหนึ่ง
ของ plating bath แหล่งจ่ายไฟได้แก่หม้อแปลงซึ่งจะเปลี่ยน
ไฟฟ้ ากระแสสลับให้เป็ นไฟฟ้ ากระแสตรง e- ไหลจากขั้วบวกไปยัง
ขั้วลบ ไอออนของโลหะที่มีประจุบวก จะเคลื่อนที่ไปยังคาโทดขั้วลบที่มี
e- เกินอยู่ ซึ่งโลหะอิออนจะรับ e- แล้วกลายเป็ นโลหะเคลือบผิวคาโทด
ส่วนไออนลบจะวิ่งไปที่ขั้วบวกหรืออาโนด
Electrodeposition or Electroplating
เนื่องจากการเคลือบแบบนี้มีความบางมากดังนั้นการทำ surface
treatment เช่น chemical etching, glass bead blasting ที่ก่อให้
เกิดความขรุขระ จะไม่ทำให้ความขรุขระของพื้นผิวเปลี่ยน
สำหรับโลหะที่นิยมใช้เคลือบเพื่อความสวยงามได้แก่ ทอง, เงิน, นิกเกิล,
พาลาเดียม, แพลททินัม, รูทิเดียม และ โรเดียม
สำหรับสารเคลือบที่ใช้ในงานวิศวกรรมได้แก่ ทองเหลือง แคดเมียม แสตน
เลส ทองแดง ทองคำ นิกเกิล เงิน ดีบุก และ สังกะสี
Concentration Polarization
e- e-
Ca>>Cs>>Cc
+++ ++
+++ +
+++ ++
+
+++ ++
+++
+++ ++
+++ +
+++ ++
++
Anodic concentration polarization โดยมากเป็ นผลจาก
การเกิดออกซิเจนซึ่งจะไปทำปฏิกิริยากับ electrode เกิดเป็ น oxide
film ซึ่งจะไปเพิ่มค่าความต้านทานของโลหะที่ขั้วอิเล็กโทรด.
Corrosion Resistance
Magnetic Properties
ขั้นตอนในการทำ electroplating
1. ทำความสะอาดพื้นผิวคือการกำจัดสิ่งปนเปื้ อนออกจากพื้นผิว(น้ำมัน, สิ่ง
สกปรก)
2. การจุ่มลงในกรด หรือ การเตรียมพื้นผิว เพื่อทำให้เป็ นกลางและละลายเอา
ฟิ ล์มที่เป็ นเบส (metal oxide) หรือสนิมที่ติดอยู่บนพื้นผิวออก
3. การกัดพื้นผิว หรือ กระตุ้นพื้นผิว เพื่อกำจัดเอาโลหะที่ปนเปื้ อนออก หรือ เพื่อ
แลกเปลี่ยนธาตุบางชนิดกับโลหะ Si ใน Al alloy หรือ Ni, Cr ในสแตนเลส หรือ
เพื่อกำจัดชั้นออกไซด์ที่เคลือบผิวออก
4. การทำให้พื้นผิวเสถียร วัสดุบางชนิดจะมีความว่องไวต่อการออกซิไดซ์โดย O2
ในอากาศเช่น Al alloy, Mg,Ti ดังนั้นจึงต้องมีการป้ องกันพื้นผิวด้วยการเคลือบ
ชั้นบางๆของสารบางชนิดโดยจะเคลือบโลหะทับบนชั้นนี้อีกที
วัตถุที่จะทำการ plate จะถูกห้อยหรือแขวนไว้บนราวโลหะ จากนั้นก็จะ
จุ่มตัวราวแขวนพร้อมวัตถุลงไปในสารละลายอิเล็กโตรไลต์ ใส่ไฟฟ้ า
กระแสตรงมายังวัตถุโดยให้เป็ นขั้วลบ สารละลายอิเล็กโตรไลต์ รวมทั้ง
อุณหภูมิ และกระแสไฟฟ้ าจะต้องถูกควบคุมเพื่อให้การเคลือบมีความ
สม่ำเสมอ เมื่อใส่กระแสเข้าไปจะมีโลหะจากสารละลายไปเคลือบบนผิววัตถุ
และมีการละลายของโลหะอาโนดสู่สารละลาย ถ้าใช้ขั้วอาโนดที่ไม่ละลายเช่น
Cr หรือ Au สารละลายอิเล็กโตรไลต์ที่หมดไปจะต้องถูกชดเชยโดยการเติม
เพิ่มไปในรูปสารละลาย เมื่อ plate เสร็จแล้วก็จะทำการล้าง ทำให้แห้ง ตรวจ
สอบและบรรจุ เมื่อเราทำการ plate สังกะสี ผิวของสังกะสีจะทำปฏิกิริยากับ
อากาศแล้วจะถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เพื่อป้ องกันสังกะสีจะถูกจุ่มใน
สารละลาย chromate เป็ นเวลา 2-3 นาที ก่อนจะทำการ plate
การเลือกชนิดสารเคลือบ
Primary Function Most Widely Representative Application
of Coating Used Coating
Corrosion Zn, Cd Sacrificial coatings, fasteners,
Resistance hardware fittings
Sn Food Container
Ni, Cr Food processing equipment
Decorative Cu/Ni/Cr Househole appliances,
composite automotive trim
catalytic
M n+ + ne- (supplied by RA) M + reaction product
surface
Electroless plating
ให้ผิวเคลือบที่ค่อนข้างสม่ำเสมอโดยไม่หนาตรงบริเวณมุมหรือส่วนที่
นูน และไม่บางเกินตรงส่วนที่เว้าลงไป
ผิวเคลือบจะมีลักษณะรูพรุนน้อยจึงทนต่อการกัดกร่อนดีกว่าวิธี
electroplate
1. สารละลายไม่ค่อยเสถียร
2. มีราคาแพง
3. ใช้เวลาเคลือบนาน
4. ต้องเปลี่ยนสารละลายในอ่างเคลือบบ่อย
5. จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถ้าต้องการให้ทำซ้ำแล้วได้ผลเหมือน
เดิม
ในอุตสาหกรรมการเคลือบนิกเกิล โดยวิธี electroless plating จะนิยม
มากกว่าelectroplating เนื่องจากจะให้สมบัติทางกายภาพของผิวเคลือบที่ดี
กว่า (ความสม่ำเสมอ, การทนต่อการกัดกร่อน,ความลื่น) นอกจากนี้
electroless plating ยังใช้เคลือบผิวโลหะในกรณีที่ electroplating ไม่
สามารถทำได้เช่นวัตถุที่ไม่นำไฟฟ้ าเช่นพลาสติก การทำ electroless
plating จะทำการจุ่มพื้นผิวลงในสารเคมี โดย e- จะได้รับจากตัวรีดิวซ์ไม่ใช่
จากกระแสไฟฟ้ า ตัวอย่างเช่น
Cathodic
ในการทำcathodic electrocoating, ชิ้นงานจะถูกทำให้เป็ นขั้วคา
โทด (ขั้วลบ) และดึงดูดอนุภาคสารเคลือบที่เป็ นประจุบวกในอ่างเคลือบ
Anodizing
5.ใช้ในงานพิเศษ- โดยทำให้มีสมบัติเฉพาะอย่างเช่นใช้เคลือบเพื่อให้ทน
ความร้อน, เคลือบเพื่อให้เกิดการหักเหแสง, เคลือบเพื่อใช้เป็ นตัวเก็บประจุ
ชนิดของฟิ ล์มอาโนดิก
ชนิดของฟิ ล์มอาโนดิกจะถูกจัดแบ่งตามชนิดของตัวทำละลายในสารละลา
ยอิเล็กโตรไลต์ ถ้าฟิ ล์มที่เตรียมในกรดซัลฟุริกหรือกรด chromic ถ้าใช้กรด
phosphoric จะให้ออกไซด์ที่มีรูพรุนมากขึ้นเนื่องจากเป็ น
ตัวelectrolyte ที่แรง มักนิยมใช้เตรียมพื้นผิวเพื่อให้มีการยึดติดที่ดี รวม
ทั้งเคลือบผิวก่อนทำการ plate อะลูมิเนียม เนื่องจากจะทำให้อะลูมิเนียมติด
ดีเนื่องจากมี mechanical locking ในขณะที่ถ้าใช้อิเล็กโตรไลต์ที่อ่อน
เช่น tartaric acid, ammonium tartrate, boric acid, borate
compounds, citric acid เป็ นต้น จะไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนตัวออกไซด์ที่อา
โนด ดังนั้นฟิ ล์มจึงไม่มีรูพรุนจะใช้เคลือบเพื่อป้ องกันพื้นผิว เช่นใช้เคลือบ
ทำตัวเก็บประจุ
การทำ Anodizing มี 3 แบบ
การเคลือบแบบนี้ที่ดีกว่าวิธีเคลือบผิวแบบอื่นก็คือจะมีประสิทธิภาพการ
เคลือบที่ดี มีความหนาสม่ำเสมอถึงแม้ว่าตัว substrate จะมีรูปทรงที่ซับ
ซ้อน โดยไม่มีฟองอากาศ ความหนาของสารเคลือบสามารถปรับได้จากการ
ปรับค่าความต่างศักย์ระบบการเคลือบแบบ electrocoating สามารถ
ทำให้เป็ นระบบอัตโนมัติได้ ทำให้ได้ผลผลิตมากและรวดเร็วในราคาที่ต่ำ
รวมทั้งให้ค่า transfer efficiency สูง รวมทั้งไม่มีสารระเหยง่าย ใช้
อุณหภูมิและเวลาในการ cure ต่ำ
โดยทั่วไปการเคลือบแบบ electrocoat จะให้ผิวเคลือบที่มี
ลักษณะมัน, ทนต่อสภาวะแวดล้อม, ทนต่อการกัดกร่อน, ทนต่อสารเคมี
และรอยเปื้ อน, ทนต่อการแตกหัก, มีการเคลือบบริเวณขอบได้ดี, มีความ
แข็งดี
การเคลือบอะคริลิกโดยวิธี cathodic electrocoats จะได้ผิว
เคลือบที่ทนต่อการกัดกร่อนและการทนทานต่อสภาะแวดล้อมภายนอก
อาคารดี (ทนแสง UV) ซึ่งการทำ electrocoat จะเข้าไปทดแทนระบบ
การเคลือบผิวแบบเดิมที่ใช้ primer กับ top coat ทำให้ประหยัด การ
เคลือบแบบ wet coating และ powder coating มีแนวโน้มที่สาร
เคลือบบริเวณขอบจะหลุดออกเมื่อโดนน้ำจึงทำให้ป้ องกันการกัดกร่อนได้
ไม่ดี ข้อดีของวิธี electrocoat ก็คือสามารถควบคุมความหนาของฟิ ล์ม
ตรงขอบได้ดีจึงทำให้ทนต่อการกัดกร่อน