Professional Documents
Culture Documents
6 การนำสืบพยานหลักฐาน
6 การนำสืบพยานหลักฐาน
6 การนำสืบพยานหลักฐาน
อ.พินิจนันท์ พรหมารัตน์
• การจะนำสืบพยานหลักฐานใดจำเป็นต้องกระทำให้ถูกต้องตามกระบวนการที่
กฎหมายบัญญัติ ผู้มีสิทธิยื่นพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนคดีเพื่อใช้พิจารณา
ปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้นมีเพียงคู่ความและศาลเท่านั้น ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 85
และมาตรา 86 วรรคสาม
• ป.วิ.พ. มาตรา 85 “คู่ความฝ่ ายใดมีหน้าที่ต้องนำสืบข้อเท็จจริงย่อมมีสิทธิที่จะ
นำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายนี้ หรือ
กฎหมายอื่นว่าด้วยการรับฟังพยานหลักฐานและการยื่นพยานหลักฐาน”
หน้าที่และสิทธิของคู่ความในการนำสืบพยาน
• “คู่ความฝ่ ายใดมีหน้าที่ต้องนำสืบข้อเท็จจริงย่อมมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใด ๆ มาสืบได้...”
• หน้าที่ : คู่ความมีหน้าที่ต้องนำสืบข้อเท็จจริง
• ไม่ว่าจะเป็นการนำสืบในความหมายของภาระการพิสูจน์ (Legal Burden of Proof) หรือ
• หน้าที่นำสืบก่อน (Order of Proof) หรือ
• หน้าที่นำสืบตามพยานหลักฐาน (การสืบหักล้าง มาตรา 89)
• หรือหน้าที่นำสืบให้เข้าข้อสันนิษฐาน
**การอ้างพยานเอกสารนั้น ควรอ้างให้ชัดเจนว่าจะอ้างสำเนาหรือต้นฉบับ**
ฎ.2581/2515 คดีมีปัญหาว่าพินัยกรรมปลอมหรือไม่ ในบัญชีระบุพยานจำเลยระบุอ้างสำเนา
พินัยกรรมที่จำเลยรับรองและยื่นไว้ให้ จพง.ที่ดินเป็นผู้เก็บรักษาเป็นพยาน โดยมิได้อ้างต้นฉบับ
พินัยกรรม จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะส่งต้นฉบับเป็นพยานต่อศาลได้ และจำเลยนำต้นฉบับมาส่งศาลหลัง
สืบพยานจำเลยเสร็จสิ้นไปแล้ว โจทก์จึงไม่มีโอกาสซักค้านต้นฉบับพินัยกรรมนี้ ซึ่งโจทก์ก็อ้างอยู่ว่า
ผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมไว้ และเมื่อจำเลยยื่นต้นฉบับโจทก์ก็คัดค้านทันทีว่าจำเลยมิได้ระบุพยานอ้าง
เอกสารฉบับนี้ไว้ ทั้งคัดค้านด้วยว่าไม่ส่งสำเนาให้โจทก์ ศาลย่อมรับฟังต้นฉบับพินัยกรรมดังกล่าว
เป็นพยานไม่ได้ สำเนาที่จำเลยอ้างไว้ก็รับฟังไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. ม.93 และจะรับฟังพยาน
บุคคลว่ามีการทำพินัยกรรมก็ไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
และไม่ใช่กรณีที่หาต้นฉบับเอกสารไม่ได้ ขัดต่อ ป.วิ.พ. ม.94 คดีจึงฟังไม่ได้ว่าผู้ตามทำพินัยกรรม
ฎ.8489/2551 คำเบิกความของพยานในคดีอื่นก็ถือว่าเป็นพยานเอกสาร หากคู่ความประสงค์จะอ้าง
เป็นพยานหลักฐานแห่งตนจะต้องยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88
• 2. การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม (มาตรา 88 วรรคสอง)
• หมายถึง กรณีคู่ความเคยยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกภายในกำหนดเวลาแล้ว และประสงค์จะระบุเพิ่มเติมไม่ว่า
ด้วยเหตุใด
• คู่ความสามารถยื่นต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่มีการสืบพยาน โดยยื่นเป็นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติม พร้อม
บัญชีระบุพยาน และสำเนาโดยไม่ต้องขออนุญาตต่อศาล
• ข้อสังเกต
• กรณีเคยยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว แถลงไม่ติดใจสืบพยาน แต่ต่อมากลับขอสืบพยาน ถือเป็นกรณีที่เคยยื่นบัญชี
พยานแล้ว ไม่ต้องยื่นเพิ่มเติมใหม่ ฎ.2295/2543
• 3. การขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยาน (มาตรา 88 วรรคสาม) ได้แก่
• กรณีที่คู่ความฝ่ ายใดได้ยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรกไว้แล้ว และต้องการยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมแต่เกินกำหนด
เวลา หรือ
• กรณีคู่ความไม่เคยยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรก หรือยื่นเกินกำหนดเวลาตามวรรคหนึ่ง
• คู่ความฝ่ ายที่ประสงค์จะขอยื่นบัญชีระบุพยานต้องยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเช่นว่านั้น
ต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานและสำเนาบัญชีระบุพยานดังกล่าวไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษาคดี
• คู่ความต้องแสดงเหตุอันสมควรต่อศาลด้วย อันได้แก่
• ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่ออประโยชน์ของตน
• ไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างมีอยู่
• เหตุอันสมควรอื่นใด
ฎ.470/2518 จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเอกสารไว้แล้ว เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจึง
ทราบว่าเอกสารนั้นถูกทำลายไปแล้ว ดังนี้ จำเลยย่อมยื่นคำร้องขออ้างพยานบุคคลแทน
พยานเอกสารได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88 วรรคสาม (ถือว่าจำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้อง
นำพยานบุคคลมาสืบ)
การยื่นบัญชีพยานครั้งแรก (มาตรา 88 วรรคแรก) ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน
- ยื่นบัญชีพยาน
- สำเนาบัญชีพยาน