Download as ppt, pdf, or txt
Download as ppt, pdf, or txt
You are on page 1of 29

TOPICS

1. Obtaining and digesting of food


(Digestive system)
2. Gas exchange: breathing system
(Respiratory system)
3. Internal transport
(Circulatory system)
4. Immune system
5. The control of internal environment
6. Chemical control
(Endocrine system)
7. Nervous system and the sense
8. Animal locomotion
3. INTERNAL TRANSPORT
(CIRCULATORY SYSTEM)
การขนส่งสารมีหลายวิธี โดยจะขึ้นอยู่กับชนิดของสิ่งมีชีวิต ดังนี้
1. การแพร่ (diffusion)
2. Gastrovascular cavity
3. ระบบไหลเวียนเลือดแบบเปิ ด ระบบไหลเวียนเลือด ประกอบด้วย
(open circulatory system) -เลือด(blood)
4. ระบบไหลเวียนเลือดแบบปิ ด -หลอดเลือด(blood vessel)
(close circulatory system) -หัวใจ (heart)
Gastrovascular cavity
-พบในพวก cnidarians, พลานาเรีย และหนอนตัวแบนอื่น ๆ
-Gastrovascular cavity มักมีการแตกแขนงแทรกไปในชั้นของเซลล์
-มีการแลกเปลี่ยนสารต่าง ๆ ภายในตัวกับสิ่งแวดล้อมโดยตรง จากนั้นมี
การขนส่งสารต่าง ๆ ระหว่างเซลล์โดยการแพร่ เนื่องจากระยะห่างระหว่าง
ชั้นของเซลล์ มีระยะทางสั้น ๆ
ระบบไหลเวียนเลือดแบบเปิ ด (open circulatory system)
-พบในแมลงและพวก mollusk
-อวัยวะต่าง ๆ จะสัมผัสกับเลือดโดยตรง
-ไม่มีความแตกต่างระหว่างเลือดและ
interstitial fluid รวมเรียก hemolymph
-ขั้นตอนการไหลเวียน
1.หัวใจ(tubular heart)ที่อยู่ด้านหลังบีบตัว
2.Hemolymphเคลื่อนสู่หลอดเลือด(vessel)
และ sinus (แอ่งเลือดรอบๆอวัยวะ)
3.Hemolymphจากsinus แลกเปลี่ยนแก๊ส
และสารอาหารกับเซลล์โดยตรง
4.เมื่อหัวใจคลายตัว hemolymph ถูกดึงกลับ
หัวใจ ทางรูเรียก ostia (มี valveที่ปิ ดเมื่อหัวใจหดตัว)
ระบบไหลเวียนเลือดแบบปิ ด (close circulatory system)
-พบในไส้เดือน หมึกและสัตว์มีกระดูกสันหลัง
-หัวใจอาจมี >1
-เส้นเลือดมีการแตกแขนงเป็ นเส้นเล็กๆ ไป
เลี้ยงอวัยวะ
-เลือดจะอยู่ในเส้นเลือดตลอดเวลา แยก
ออกจาก interstitial fluid
-มีการแพร่ของแก๊สและสารอาหารจากเลือด
สู่ interstitial fluid และจากinterstitial fluid
สู่เซลล์
เปรียบเทียบการขนส่งสารเข้าและออกจากเซลล์
ในสัตว์ที่มีระบบไหลเวียนเลือดแบบเปิ ดและแบบปิ ด

extracellular fluid = interstitial fluid


Cardiovascular system
-หัวใจแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน
1.atrium(or atria) ทำหน้าที่รับเลือดกลับสู่หัวใจ
2.ventricle ทำหน้าที่ปั๊มเลือดออกจากหัวใจ
-เส้นเลือดมี 3 ชนิด
1.artery ทำหน้าที่นำเลือดออกจากหัวใจสู่อวัยวะ
2.capillary เป็ นบริเวณที่มีการแลกเปลี่ยนสารระหว่างเลือดและinterstitial
fluid เพราะเป็ นเส้นเลือดที่มีผนังบางและเป็ นรู
-มีการแตกของcapillaryเป็ นร่างตาข่ายที่บริเวณอวัยวะเรียก capillary bed
3.vein ทำหน้าที่นำเลือดจากอวัยวะกลับสู่หัวใจ
Heart
Aorta artery arteriole capillary venule vein vena cava
(organ)
Single circuit circulation
-ปลามีหัวใจ 2 ห้อง (1atrium, 1 ventricle)
-ventricle ปั๊มเลือดออกจากหัวใจสู่เหงือก
(gill circulation)
-มีการแลกเปลี่ยนแก๊สที่เหงือก
-gill capillary นำเลือดที่มี O2สูงไปเลี้ยง
ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย(systemic circulation)
-vein นำเลือดกลับหัวใจ
-เนื่องจากเลือดไหลจาก gill capillary สู่
systemic circulationโดยตรง ดังนั้นความดัน
เลือดจะค่อยๆลดลง เลือดจึงไหลช้าลง
Double circuit circulation
ระบบไหลเวียนเลือดในกบ
-กบมีหัวใจ 3 ห้อง (2 atria, 1 ventricle)
-ventricleปั๊มเลือดออกจากหัวใจทางเส้นเลือด
artery จากนั้นจะแยกออกเป็ น 2 เส้น
-เส้นที่หนึ่งนำเลือดไปฟอกที่ปอดและผิวหนัง
เรียกวงจรนี้ว่า pulmocutaneous
(lung and skin) circulation
-อีกเส้นหนึ่งนำเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของ
ร่างกายเรียกว่า systemic circulation
-รวมเรียกทั้งสองวงจรนี้ว่า double circulation
-เนื่องจากเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกายถูกปั๊มออกจากหัวใจโดยตรง
ดังนั้นแรงดันเลือดจึงสูงกว่า single circulation
-ventricleมี1 ห้อง จึงมีการปนกันของเลือด
oxygen-rich และ oxygen-poor blood
-แต่ในventricleก็มีเยื่อกั้นบ้าง ดังนั้น oxygen-
rich blood ส่วนมาก(จากatriumซ้าย)จะถูกปั๊มสู่
systemic circulation และoxygen-poor blood
ส่วนมาก(จากatriumขวา)จะถูกปั๊มสู่
pulmocutaneous circulation
ระบบไหลเวียนเลือดในสัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
-สัตว์เลื้อยคลานมีหัวใจ 3 ห้อง(ยกเว้น
จระเข้) โดยหัวใจห้อง ventricle เริ่มมี
ผนังกั้น แต่ไม่สมบูรณ์
-จระเข้ นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมี
หัวใจ 4 ห้อง
-การไหลเวียนเลือดแบ่งเป็ น 2 วงจร คือ
pulmonary และ systemic circulation
-หัวใจด้านซ้าย รับ-ปั๊มเลือดที่มี
ออกซิเจนสูง
-หัวใจด้านขวา รับ-ปั๊มเลือดที่มี
ออกซิเจนต่ำ
-ในหัวใจมีลิ้นกั้นเรียก valveแบ่งเป็ น
1.atrioventricular valve (AV valve)
กั้นระหว่างatriumกับventricle
2.semilunar valve กั้นระหว่างaorta
กับventricleซ้าย และ pulmonary
artery กับventricle ขวา
เปรียบเทียบ double circulation ในสัตว์ที่มีหัวใจ 3 ห้อง,
4 ห้องแต่ไม่สมบูรณ์ และ 4 ห้องสมบูรณ์
การไหลเวียนเลือดในคน
Pulmonary circulation
ventricleขวาปั๊มเลือดออกจากหัวใจ
pulmonary artery ปอด(แลก
เปลี่ยนแก๊ส) oxygen-rich blood
pulmonary vein atriumซ้าย
Systemic circulation
ventricleซ้าย aorta
เส้นเลือดแยกออกเป็ น 2 เส้น
1.ไปเลี้ยงส่วนหัวและแขน
2.ไปเลี้ยงอวัยวะในช่องท้องและขา
oxygen-poor blood กลับสู่หัวใจ
(atriumขวา)ทาง anterior(superior)(1)
หรือ posterior(inferior) vena cava(2)
เสียงของหัวใจ (Heart sound)
-สามารถใช้ stethoscopeฟัง
• The heart sounds we can เสียงของหัวใจได้ โดยจะ
hear with a stethoscope
are caused by the closing ได้ยินเสียง lub-dup, lub-dup,
of the valves.
– The sound pattern is lub-dup
“lub-dup, lub-dup,
lub-dup.”
– The first heart sound
-lub: เป็ นเสียงของเลือดที
(“lub”) is created by กระแทก AV valveเมื่อ
the recoil of blood
against the closed ventricle บีบตัว
AV valves.
– The second sound -dup: เป็ นเสียงของเลือดที่
(“dup”) is the recoil
of blood against the กระแทก semilunar valveเมื่อ
semilunar valves.
ventricle คลายตัว
-สภาวะที่valveผิดปกติเรียก heart murmur
วัฏจักรหัวใจ (cardiac cycle)
-cardiac cycle: การบีบและ
คลายตัวของหัวใจเป็ นรอบๆ
-ระยะที่มีการบีบตัวเรียก
systole
-ระยะที่มีการคลายตัวเรียก
diastole
-cardiac output: ปริมาณ
เลือดที่ปั๊มจาก ventricle
ซ้ายไปเลี้ยงส่วนต่างๆของ
ร่างกาย
cardiac out put (vol/min) = heart rate (no./min) X stroke volume (vol/no.)
5.25 L/min = 70 beat/min X 75 ml/beat
จังหวะการเต้นของหัวใจ(heart’s rhythmic beat)

(generate electrical (จากAV node สู่ventricle


impulse) จะdelay 0.1 วินาที)

Electrocardiogram (ECG/EKG)

-cardiac muscle ของสัตว์มีกระดูกสันหลังสามารถกระตุ้นได้เอง(self-excitable)


-sinoatrial(SA) node ควบคุมอัตราและเวลาในการบีบตัวของหัวใจ
-SA node วางตัวอยู่บนผนังของ atriumขวาใกล้กับบริเวณที่ superior vena cava
-atroventricular(AV) node วางตัวอยู่บนผนังของหัวใจระหว่าง atrium และventricleขวา
โครงสร้างของหลอดเลือด(The structure of blood vessel)

-เส้นเลือดประกอบด้วย
เนื้อเยื่อ 3 ชั้น
1.ชั้นนอก เป็ นconnective
tissueและelastic fiber
2.ชั้นกลาง เป็ นsmooth
muscle และ elastic fiber
3.ชั้นใน เซลล์ชั้นเดียวแบนๆ
เรียก endothelium
-arteryมีชั้นนอกและชั้นกลางหนากว่าvein
-capillaryมีเฉพาะชั้นendometrium ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนสารระหว่างเลือด
และinterstitial fluidได้ดี (เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-10 um, RBC 7-10 um)
-veinใหญ่ๆจะมี one-way valve กั้น ที่ยอมให้เลือดไหลเข้าสู่หัวใจเท่านั้น
การไหลและความดันเลือด(blood flow and blood pressure)
การไหลของเลือดในหลอดเลือดขึ้นกับ
1.Law of continuity การไหลของๆเหลวใน
ท่อที่มีพื้นที่หน้าตัดน้อยกว่าจะไหลเร็วกว่า
การไหลของเลือดในcapillaryจะช้า
กว่าarteryและaorta ตามลำดับ เพราะ
พื้นที่
หน้าตัดรวมของcapillaryมากกว่า
-การไหลของเลือดอย่างช้าๆในcapillary
ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารได้ดี
2.ความดันเลือดในหลอดเลือดขึ้นอยู่กับ
cardiac output, peripheral resistance,
gravity
-ความดันเลือดในaorta>artery>arteriole>
capillary>venule>vein>vena cava
การวัดความดันเลือด

1.ความดันเลือดปกติในคนอายุ 20 ปี = 120/70
2.เครื่องที่ใช้วัดคือ sphygmomanometer โดยนำไปพันรอบโคนแขน บีบให้ลมเข้าไปใน
cuffจนกระทั่งความดันใน cuff สูงกว่าความดันเลือดใน artery เลือดหยุดไหล
3.ใช้stethoscopeฟังเสียงการไหลของเลือด ค่อยๆปล่อยให้ลมออกจากcuff เมื่อความ
ดันเลือดในarteryสูงกว่าในcuff จะได้ยินเสียงการไหลของเลือดเรียกsystolic pressure
4.ค่อยๆปล่อยลมในcuffออกเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงการไหลของเลือด เรียก
diastolic pressure
การไหลของเลือดสู่ capillary bed
-การไหลของเลือดสู่ capillary bed ที่
อวัยวะต่างๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการ
ของอวัยวะนั้นๆ เช่น ในขณะออกกำลัง
กายเลือดจะไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อมาก แต่
ไปเลี้ยงทางเดินอาหารลดลง
-การควบคุมการไหลของเลือดสู่capillary
bed คือ
1.โดยการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบของ
arteriole
2.โดยการทดตัวของ precapillary sphincter
การแลกเปลี่ยนสารที่หลอดเลือดฝอย(capillary exchange)

-การนำสารเข้า-ออกcapillary มี 4 วิธี รูป(ก)


-การนำสารผ่าน cleft จะสัมพันธ์กับ fluid pressure รูป(ข)
:บริเวณที่ใกล้กับ arteriole ของเหลวจะไหลออกจาก
capillary
:บริเวณที่ใกล้กับ venule ของเหลวจะไหลเข้าสู่capillary
ระบบน้ำเหลือง(Lymphatic system)

-lymphatic system นำของเหลวและโปรตีนกลับสู่กระแสเลือดโดยนำเข้าทางvenae cava


-lymph: ของเหลวใน lymphatic vessel (ภายในมี valve)
-lymph node: เป็ นอวัยวะทำหน้าที่กรอง lymphและทำลายเชื้อโรค ภายในประกอบด้วย
connective tissue และเม็ดเลือดขาว
องค์ประกอบของเลือด
-เลือดประกอบด้วย น้ำเลือดหรือพลาสมา(plasma) และเม็ดเลือด
-เม็ดเลือด(cellular elements) ประกอบด้วย เม็ดเลือดแดง(erythrocyte)
เม็ดเลือดขาว(leukocyte) และเกล็ดเลือด(blood platelet)
-ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม RBC ไม่มีนิวเคลียส
และไมโตคอนเดรีย, anaerobic metabolism
-ไตสร้างerythropoietin กระตุ้นการสร้าง RBC
Pluripotent stem cells

Pluripotent: เซลล์ที่สามารถเปลี่ยนแปลง(differentiate)ไปเป็ นเซลล์เม็ดเลือดชนิดอื่นได้


การแข็งตัวของเลือด(blood clotting)

-An inherited defect in any step of the clotting process


causes Hemophilia
โรคหัวใจ(cardiovascular diseases)
1. Heart attack การตายของ cardiac muscleจากการขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจ
เพราะเส้นเลือด coronary artery อุดตัน จาก embolus
2. Heart stroke การตายของเนื้อเยื่อประสาทในสมอง เนื่องจากการแตกหรืออุดตัน
ของเส้นเลือด artery ในสมอง
3. Atherosclerosis
-เกิด plaque ในผนัง artery
บริเวณชั้นกล้ามเนื้อเรียบ
และจะมี connective tissue
และcholesterolมาแทรกอยู่

4. Arteriosclerosis คล้ายกับ atherosclerosis แต่จะมี Ca มาสะสมที่ plaque


5. Hypertention สภาวะที่ความดันเลือดสูง ทำให้เกิด atherosclerosis เพิ่มขึ้น

You might also like