Download as pptx, pdf, or txt
Download as pptx, pdf, or txt
You are on page 1of 100

แคลคูลัสเบื้องต้น

เนื้อหาตามหลักสูตรส
สวท. ปี 2560
1 บทที่ 1 ลิมิตและความต่อเนื่องของ
ฟั งก์ชัน
1.1 ความหมายของลิมิต
1.2 ลิมิตของฟั งก์ชัน
1.3 ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิตของฟั งก์ชัน
1.4 ลิมิตอนันต์
1.5 ความต่อเนื่องของฟั งก์ชัน
เนื้อหาตามหลักสูตรส
สวท. ปี 2560
2 บทที่ 2 อนุพันธ์และการประยุกต์
อนุพันธ์ของฟั งก์ชัน
2.1 อัตราการเปลี่ยนแปลงและอัตราการ
เปลี่ยนแปลงเฉลี่ย
2.2 อนุพันธ์ของฟั งก์ชัน
2.3 การหาอนุพันธ์โดยใช้สูตร
2.4 อนุพันธ์อันดับสูง
2.5 การประยุกต์อนุพันธ์
เนื้อหาตามหลักสูตรส
สวท. ปี 2560
3 บทที่ 3 ปริพันธ์และการประยุกต์ปริ
พันธ์ของฟั งก์ชัน
3.1 ปริพันธ์ไม่จำกัดเขตโดยใช้สูตร
3.2 ปริพันธ์จำกัดเขต
3.3 การประยุกต์ปริพันธ์จำกัดเขต
3.3.1 การหาพื้นที่ปิ ดล้อมด้วยเส้นโค้ง 1
เส้น
3.3.2 การหาพื้นที่ปิ ดล้อมด้วยเส้นโค้ง 2
การวัดและการประเมินผลการเรียน
การเก็บคะแนนระหว่างภาคเรียน
F1 25 คะแนน
F2 25 คะแนน
คะแนนสอบกลางภาคเรียน 20 คะแนน
คะแนนสอบปลายภาคเรียน 30 คะแนน
รวม 100 คะแนน
สูตรคูณกำลังสอง

12 = 1 112 = 121 212 = 441


22 = 4 122 = 144 222 = 484
32 = 9 132 = 169 232 = 529
42 = 16 142 = 196 242 = 576
52 = 25 152 = 225 252 = 625
62 = 36 162 = 256 262 = 676
72 = 49 172 = 289 272 = 729
82 = 64 182 = 324 282 = 784
92 = 81 192 = 361 292 = 841
102 = 100 202 = 400 302 = 900
สูตรการแยก
1 ตัวประกอบของพหุนาม
กำลังสองสมบูรณ์
(a + b)2 = a2 + 2ab +
b 2
ตัวอย่า
(a - b) 2
= a 2
- 2ab + b 2
ง (x – = x – 2(x)(5) = x – 10x +
2 2

x – 14x = x+ 5– 2(x)(7) = 25
5)
2 2 2 2
(x –
2 + 7 +2(3x) = (3x
+ 49+ 24x = (3x)
9x 22 7) +
2

+ 16 (4) + 4 2 4) 2
สูตรการแยก
2 ตัวประกอบของพหุนาม
ผลต่างกำลังสอง
a – b = (a – b)(a +
2 2

ตัวอย่า b)
ง x2 – = x2 – =(x – 19)(x
361 19
4x – = (2x) – =(2x
2 2 2
+ 19) – 25)(2x
625
49x – = 25
2
(7x) √–5 = +
2 2
(7x25) √–5 )(7x √5
5
44 - = ( √ ) –= +
2 2
11 2
(2 √ 11 ) – 2y)(
√ 11
สูตรการแยก
3 ตัวประกอบของพหุนาม
กำลังสาม
สมบูรณ์ (a + b)3 = a3 + 3a2b + 3ab2
+ b3
ตัวอย่า (a - b) = a - 3a b + 3ab -
3 3 2 2
ง (x –
b=3 x – 3x (5) + 3x(5) -
3 2 2

5) 3 5
= x – 15x2 + 75x - 125
3
3

(x + = x3 + 3x2(2y) + 3x(2y)2
2y)3 +
= x + 6x y + 12xy2 + 8y3
3 (2y)32
สูตรการแยก
4 ตัวประกอบของพหุนาม
ผลบวก/ผลต่างกำลังสาม
a3 + b3 = (a + b)(a2 -
ab + b )2

ตัวอย่า a3 - b3 = (a - b)(a2 +
ง 8x3 - =
ab(2x)
+ b2)–
3

125 =5(2x – 5)((2x)2 + (2x)(5)


3

+ 5 –) 5)(4x2 + 10x +
= (2x
2
เลขยก
กำลัง
บทนิยาม
ถ้าให้ a แทนจำนวนใดๆ และ n เป็ น
จำนวนเต็มบวก “a ยกกำลัง n” หรือ “a
กำลัง n” เขียนแทนด้วย an
มีความหมายดังนี้ a n
จำนวน =a
nxaxa
x . . . x a a เป็ นฐาน
เรียก ตัว(Base)
n เป็ นเลขชี้กำลัง
(exponent)
คุณสมบัติของเลขยกกำลัง
คุณสมบัติของเลขยกกำลัง

1
การคูณเลขยกกำลัง
ถ้าเลขยกกำลังฐานเหมือนกันคูณกัน ให้นำ
เลขชี้กำลังมาบวกกัน
an x am =
a n+m
ตัวอย่า
ง 5 x 2 = 5 2+4
=5
5
y x
74 = y7+5
=y
6 12

5
คุณสมบัติของเลขยกกำลัง

2
การหารเลขยกกำลัง
ถ้าเลขยกกำลังฐานเหมือนกันหารกัน ให้นำ
เลขชี้กำลังมาลบกัน
an am = an-m
ตัวอย่า
4 =
ง 2 12
2 2 12-4
=2
y10 = y10-7
=y
83

7
กำหนดฟั งก์ชัน f(x) = x2 + 1 จงหาค่าของฟั งก์ชัน
f เมื่อกำหนดค่า x ดังนี้
x < 0 f(x) = x2 x > 0 f(x) = x2
2 2
+1 +1
-1 1.25 1 1.25
-0.5 1.01 0.5 1.01
-0.1 1.00 0.1 1.00
01
-0.01 1.000 0.01 01
1.000
-0.001 0011.00000 0.001 001 1.00000
ขณะ x -0.0001
> 001
< 0 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 001
0 มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า
0.0001 1
กำหนดฟั งก์ชัน f(x) = จงหาค่าของฟั งก์ชัน f เมื่อ
กำหนดค่า x ดังนี้

x < 1 f(x) = x 2
+ x > 1 f(x) = 3
1 1 1 -x
0 2
0.5 1.25 1.8 1.2
0.9 1.81 1.5 1.5
0.99 1.98 1.1 1.9
0.999 01
1.998 1.01 1.99
ขณะ x > 1
<0.9999 001
1.99980
แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 1 1.999
มากขึ้นเรื่อยๆ
1.001 ค่า
22
กำหนดฟั งก์ชัน f(x) = จงหาค่าของฟั งก์ชัน f เมื่อกำหนด
ค่า x ดังนี้

x < 2 f(x) = x x > 2 f(x) = 3 -


2 +1 0 x
1 3
1.9 2.9 2.1 0.9
1.99 2.99 2.01 0.99
1.999 2.99 2.001 0.99
9 9
1.9999 2.999 2.0001 0.9999
ขณะ x > 9
< 2 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 2 มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า
31
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7

4
3
x
x< - - - 5 9
-2
-6 6 3 -
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
ว่า ขณะ x < -6 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ -6 มากขึ้นเรื่อยๆ -5
1.
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป x> 7
-6
4
3
x
- - - 5 9
-2
6 3 -
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
ว่า ขณะ x > -6 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ -6 มากขึ้นเรื่อยๆ -3
2.
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7
x<
-3
4
3
x
- - - 5 9
-2
6 3 -
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
ว่า ขณะ x < -3 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ -3 มากขึ้นเรื่อยๆ 4
3.
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป x>7
-3
4
3
x
- - - 5 9
-2
6 3 -
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
ว่า ขณะ x > -3 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ -3 มากขึ้นเรื่อยๆ 4
4.
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7

4
3
x
- - - 5 9
-2
6 3
x< 3-
-
4
0
จากกราฟ พบ 5
5. -
ว่า ขณะ x < 0 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 0 มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7

4
3
x
- - - 5 9
-2
6 3 -
3 x>
-
4
5 0
จากกราฟ พบ
6. -
ว่า ขณะ x > 0 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 0 มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7

4
x <
35
x
- - - 5 9
-2
6 3 -
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
7. 7
ว่า ขณะ x < 5 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 5 มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7 x>
4 5
3
x
- - - 5 9
-2
6 3 -
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
8. 7
ว่า ขณะ x > 5 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 5 มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7

4
3
x< x
- - - 5 9
6 3
-2 9
-
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
9. -4
ว่า ขณะ x < 9 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 9 มากขึ้นเรื่อยๆ ค่า
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
y
ดังรูป 7
x>
4 9
3
x
- - - 5 9
-2
6 3 -
3
-
4
จากกราฟ พบ 5
ว่า ขณะ x > 9 แต่มีค่าใกล้เคียงกับ 9 มากขึ้นเรื่อยๆ 3ค่า
10.
1. ลิมิตของ
ฟั งก์ชัน ถ้า y = f(x) ที่มีโดเมนและเรนจ์
ความ เป็ นสับเซตของจำนวนจริง ขณะ
หมาย ที่ x เข้าใกล้จำนวนจริงใดๆ เพียง
จำนวนเดียวเท่านั้น
เขียนแทนด้วย
x limf(x)
x<a
=L
x > aa แล้ว f(x)
x มีค่าเข้าใกล้
มีค่าเข้าใกล้
a L
limf limf(
x − x +¿
(x) x)
บท กำหนดให้ y = f(x) และ a
นิยาม 1 เป็ นจำนวนจริง
1. ลิมิตของ f(x) เมื่อ x เข้าใกล้ a ทาง
ซ้ายหาค่าได้ ก็ต่อเมื่อมีจำนวนจริง L ที่
limf(x)
ทำให้ค่าของ f(x) เข้าใกล้ L ในขณะที่
x −
x
เข้าใกล้ a ทางซ้ายมือ เขียนแทนด้วย
=L
2. ลิมิตของ f(x) เมื่อ x เข้าใกล้ a ทาง
สัญลักษณ์
ขวาหาค่าได้ ก็ต่อเมื่อมีจำนวนจริง L ที่
limf(x)
ทำให้ค่าของ f(x) เข้าใกล้ L ในขณะที่
x + x
เข้าใกล้ a ทางขวามือ เขียนแทนด้วย
=L
3. ลิมิตของ f(x) เมื่อ x เข้าใกล้ a หาค่า
ได้ ก็ต่อเมื่อมีจำนวนจริง L ที่ทำให้ค่า
limf(x)
ของ f(x) เข้าใกล้ L ในขณะที่ x เข้าใกล้
x
=L
a ทั้งทางซ้ายและขวามือ เขียนแทนด้วย
สัญลักษณ์
สรุ
ป limf(x) =- limf(x) =
x +
x x
limf(x)
กำหนดฟั งก์ชัน f(x) = จงหาค่าของ
limf(x)
x −
limf(
x +¿
และ x)
x < 1 f(x)= x x>1 =
f(x) x
0.9 1.9+ 1 1.1 -2
-0.9
0.99 1.99 1.01 -0.99
0.99 1.99 1.00 -
9.99
0 19.99 1.00 -0.99
9
0.99
99
0.999 99
1.999 01
1.000 -
99 01 99
0.9999
99 limf(x) limf(x) =
กำหนดฟั งก์ชัน f(x) = จงหาค่าของ
limf(x)
x − limf(
x +¿
f(x) = = และ=x+
x)
2
x<2 x>2

1 2 3
1. 1. 2. 2.
1.9
5 91.91 5
9
992.0
x<2 f(x) = x x>2 f(x) = x
3 5
+2 +2
3.5 4.5
1 3.9 3 4.1
1.5 3.99 2.5 4.01
3.999 4.001
1.9 2.1
1.99 limf(x) = 4limf(x)
2.01 =
x− x +¿
และ
กำหนดฟั งก์ชัน f มีกราฟ
ดังรูป

จงห
า limf(x) = limf(x) = limf(x) =
x− x +¿ x
limf(x)
x −
= limf(x) = limf(x)
x
=
x +¿
limf(x) = limf(x)
+¿ = limf(x)
x
=
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน เมื่อ C เป็ นค่า
1.xlimC=C
เช่ คงตัว
lim2 = 2
x
น lim-7 = -7
x
=
lim0.99
x
0.9
9
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
2.xlimX=a
เช่ limX
x = 1
น limt =0
t
lim
m
=1
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
=
3. limCf(x)
x x
เช่ Climf(x)
lim2 = 2
lim = 2(1)=2 2
x x
น lim-7 = -7
lim = - = -7,000
x x
=
lim0.5x
x
lim
x
7(10)
x
= 0.5(-
=
3
-0.5
0.5 1)
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
4.xlim(f(x) +=g(x))
x + x
เช่ limf(x)limg(x)
lim(2
x = x +
lim2x x limx 2

น =2 limx+ limx 2
x x
= 2(1) +
12+1
= 2

=3
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
5.xlim(f(x) - =g(x))
x - x
เช่ limf(x)limg(x)
lim(5
x = x -
lim5x xlimx 3

น =5 limx- limx 3
x x
= 5(2) -
2 10 - 8
= 3

=2
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
6.xlim(f(x) g(x))
= x x
เช่ limf(x)limg(x)
lim(
x = x lim x lim
x
น = lim x5x
5
3
lim x 3
x x
= (-3) 5(-
3)(-3)
= 3

=
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
7.xlim(f(x) g(x))
= x limg(x)
x
เช่ limf(x)
lim = x lim lim4
x
น x x lim x lim 2
2
x x
= (4) - 4
2
4-2
=6
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
8.xlim(f(x)) = x
n

[limf(x)]
เช่ lim(x +5x =-7)[limx
2 3 + 2 -
x n x x x
น lim5x lim7] 3
= x[limx x -
+ 25limx x
= [(4) + 5(4)
2 lim7]3

– 7]3
= [29] 3

= 24,389
2. ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
ของฟั งก์ชัน
9.xlim( = x
เช่ lim =
x x

= x x
=
=
=3
ทฤษฎีบทลิมิตของ หน้า
9
ฟั งก์ชัน
1.xlimC= C เมื่อ C เป็ นค่า
=
2. limCf(x)คงตัว
x x
Climf(x)
_ +=g(x)) _+ x
3.xlim(f(x) x
limf(x)limg(x)
4.xlim(f(x) g(x))
= x x
limf(x)limg(x)
5.xlim(f(x) g(x))
= x limg(x)
x
หน้า
6.xlim(f(x))n = x 9

7.xlim( [limf(x)]
=
n x
8.xlim(f(x))
n = x
m n

[limf(x)]
การหาลิมิตของฟัmงก์ชัน
พหุนาม =a
9.xlimX
=a
10.x limX
n n
หน้า
ตัวอย่า จงหาลิมิตของฟั งก์ชัน 10
งที่ 1 ต่อไปนี้
=
lim(-10)
x
-
1. 10
lim
x x = 7
2. lim x4 = = 4
x
3. ( 2 ) 4
5 = lim x5 = (-1)5 = -
lim
x
x x
4.
lim(3x
x + =
7x )
43x
limx
+ 7lim
x x 4 หน้า
10
5. = 3(-2) + 7(-
4

2)
= 48 -
=
14
lim 34
(x - 5 )(x=2 -lim
3
x) (x3 - 5 )(x2 - x)
x x
6. = lim
x
(x3
-x5 ) lim(x 2
- x)
= (2 – 5)(22 -
3

= =6
2) (3)(2)
lim 𝟖− 𝟑
𝟏𝟔
√𝟐 ∙ 𝟖
x
7.
𝟒−
𝟖
𝟖 − 𝟑 √ 𝟏𝟔
𝟒 −𝟐
𝟖 − 𝟑 (𝟒 )
𝟒 −𝟐
− 𝟒
𝟐
=
lim
𝟐
𝟑 − 𝟐 (𝟑 )− 𝟑
x 𝟐 (𝟑 )− 𝟏
8.
𝟗− 𝟔− 𝟑
𝟔 −𝟏

𝟎
𝟓

=
0
lim 𝟐 (𝟑 )− 𝟔
x
𝟐
𝟑 −𝟏
9.
𝟔− 𝟔
𝟗− 𝟏

𝟎
𝟖

=
0
lim
𝟐
( − 𝟑) − 𝟏
x ( − 𝟑 )+ 𝟑
10
. 𝟗 −𝟏
− 𝟑 +𝟑

𝟖
𝟎

= หาค่า
ไม่ได้
lim √ 𝟐 +𝟏
𝟑

x
11. √ 𝟖+𝟏
√ 𝟗
=
3
lim
𝟐 − 𝟑 (𝟏 )
𝟏𝟎
x
12. 𝟏𝟎
𝟐 −𝟑

− 𝟏
𝟏𝟎

= 0.1
lim 𝐥𝐨𝐠 ( lim ( 𝒙 +𝟑 𝒙 ) )
𝟐

x x
13. 𝐥𝐨𝐠 ( 𝟐 +𝟑 ( 2 ) )
𝟐

𝐥𝐨𝐠 ( 𝟒+𝟔 )
= log10 = 1
lim
14.
x

𝟏
− 𝟓
lim sin sin
x x
15
. 𝟐 𝛑
sin
+𝛑
𝟒
ทบทวนวงกลม
𝝅
1 หน่วย 𝟐
𝟑 𝝅 ( 𝟐 𝟐)
− √𝟐 , √𝟐
sin
𝟒
𝛑 2

=
𝟑𝝅
𝟐
สรุปขั้นตอนการหาลิมิตของ
ฟั งก์ชัน f(x) ที่ x = a
ขั้นที่ 1 แทนค่า x = a
ใน f(x)
เหมือนกับการหาค่า f(a)
ขั้นที่ 2 พิจารณาค่า
f(a) ที่ได้
ถ้า f(a) ไม่เป็ นรูปแบบ ถ้า f(a) เป็ นรูป
IF แบบ IF
limf(x)
1. ถ้า f(a)=หาค่าได้ - แยก
x ตัวเล
แล้ว f(a) 0 ตัวประกอบ
limf(x) ข
=อยู่ในรูป
หาค่าไม่ได้
2. ถ้า
x f(a) - คอนจูเกต
หาลิมิตของฟั งก์ชันที่อยู่
ในรูปของ
รูปแบบที่ไม่กำหนด IF
(Inderterminate
Form; IF)
𝟎∞0
𝟎∞
เป็ นการหาลิมิตเมื่ออยู่ในรูปของ , ,
, ,
หน้า
ตัวอย่าจงหาลิมิตของฟั งก์ชัน 12
งที่ 2 ต่อไปนี้
lim รูป
𝟐
𝟐 − 𝟒𝟎
x
𝟐
𝟐 + 𝟐− 𝟎 𝟔
1. แบบ IF
lim lim
x x

lim
x
(𝟐+ 𝟐) 𝟒
(𝟐+ 𝟑) 𝟓
lim รูป
𝟐
( − 𝟓) 𝟎
− 𝟐𝟓
x − 𝟓+𝟓 𝟎
2. แบบ IF
lim lim
x x

lim
x

-5 - 5
-10
lim (− 𝟑) − ( − 𝟑 ) − 𝟎
รูป
𝟐
𝟏𝟐
x 𝟑 +𝟒 ( − 𝟑 ) +(− 𝟑𝟎)𝟐
3. แบบ IF
lim lim
x x

lim
x
(− 𝟑− 𝟒)
(−𝟑+𝟏)
− 𝟕
3.5
− 𝟐
รูป
lim
𝟎 IF
𝟑 𝟐
− 𝟒 (𝟏) +𝟓 (𝟏) − 𝟑 ( 𝟏 ) +𝟐𝟎
x (𝟏) − 𝟐 (𝟏)+ 𝟏 แบบ
𝟐

4. หาร
lim สังเคราะห์ lim
x x
1 −𝟒 5 −𝟑 2
lim
−𝟒 1 −𝟐 x
−𝟐
−𝟒 ¿¿
−𝟒 1 0

−𝟓
𝟎 หาค่า
lim

𝟐
รูป
𝟑 (− 𝟐) − 𝟐 (− 𝟐) −
𝟎 𝟖
x − 𝟐+𝟐 𝟎
5. แบบ IF
lim lim
x x
lim
x

√ (− 𝟐 − 𝟒 )
𝟑

√− 𝟔
𝟑

− √𝟔
𝟑
lim
x [ 𝟐

]
𝟎 −𝟐 𝟎
𝟎 𝟎 −𝟎 𝟎
𝟐 รูป
6. ทำส่วนให้เท่า แบบ IF
limกัน lim
x x
lim
x
lim
x
𝟏 −𝟏
(𝟎 − 𝟏)
ตัวอย่า จงหาลิมิตของฟั งก์ชัน
งที่ 3
lim ต่อไปนี้
x [
√𝟎 +𝟏𝟔 −𝟒 𝟎
𝟎 ] 𝟎 รูป
1. conjugated แบบ IF
ผลต่างกำลังสอง
lim lim น 2
– ล 2

x x
lim
x
lim
x
lim
x [ √𝟎 +𝟏𝟔 −𝟒 𝟎
𝟎 ] 𝟎 รูป
1. conjugated แบบ IF
ผลต่างกำลังสอง
lim lim น2 – ล2
x x
lim
x
lim
x
𝟏 𝟏
( 𝟎+ 𝟏𝟔+𝟒) 𝟖
lim 𝟏 −𝟏 𝟎
รูป
x √ 𝟏𝟐+ 𝟑− 𝟐 𝟎
2. conjugated แบบ IF
lim lim
x x
lim ผลต่างกำลังสอง
x
2
น –ล2

lim
x
lim
x
lim
x
√ 𝟏𝟐 + 𝟑+𝟐
𝟏 +𝟏
𝟒
𝟐

𝟐
lim 𝟐
𝟑 −𝟗 𝟎
รูป
x √ 𝟏𝟐 − √ 𝟑𝟐 𝟎
IF
−𝟑
3. น –ล
2 2
conjugated
แบบ
lim lim ∙ √ 𝟏𝟐 − 𝒙 + 𝟑
x x √ 𝟏𝟐 − 𝒙 + 𝟑
ถอดรูทได้ น2 –
lim ล2
x
- x + 3 = -(x
lim – 3)
x
น2 – ล2
lim lim
x x
ถอดรูทได้ น2 –
lim ล2
x
- x + 3 = -(x
lim – 3)
x
(𝟑 + 𝟑)( √ 𝟏𝟐 − 𝟑+𝟑)
− 𝟑𝟔
−𝟏
lim √ 𝟐(𝟐) − 𝟐𝟎
รูป
x 𝟏− √ 𝟐− 𝟏 𝟎
4.Conjugated ทั้ง แบบ IF
lim
เศษและส่วน lim ∙ √ 𝟐 𝐱 +𝟐∙ 𝟏+ √ 𝐱 −𝟏
x x √ 𝟐 𝐱 +𝟐 𝟏+ √ 𝐱 −𝟏
lim
x

lim
x
- x + 2 = -(x
lim
x
𝟐 (𝟏 + √ 𝟐 − 𝟏 )
− ( √ 𝟐 (𝟐)+ 𝟐)
𝟒
−𝟒

−𝟏
lim
x [√ √−𝟏+𝟐− √ 𝟐(−𝟏)+𝟑
𝟑(−𝟏)+𝟕− √ 𝟐(−𝟏)+𝟔 ]
5.
ถ้า f(a) เป็ นรูป √𝟏 −√𝟏
แบบ IF √𝟒 −√𝟒
มีรากรูทให้ 𝟎
conjugated 𝟎 รูป
แบบ IF
lim conjugate
x d
5.lim √ ทั้งเศษและ
𝐱 +𝟐+ √ 𝟐 𝐱 + 𝟑√ 𝟑 𝐱 +𝟕+ √ 𝟐 𝐱 +𝟔

√ 𝐱 +𝟐+ส่วน

x √𝟐 𝐱 + 𝟑√ 𝟑 𝐱 +𝟕+ √ 𝟐 𝐱 +𝟔
lim ∙ √ 𝟑 𝐱 +𝟕+ √ 𝟐 𝐱 +𝟔
x √ 𝐱 +𝟐 + √ 𝟐 𝐱 +𝟑
- x – 1 = - (x
lim + 1)
x
x+1
- x – 1 = - (x
lim + 1)
x
x+1
lim
x

- −𝟐
lim √𝟏 −𝟏
𝟑

รูป
𝟎
x 𝟏 −𝟏 𝟎
6. แบบ
(หน้า– (หน้า +หน้า
2 IF
lim limหลัง) ∙ หลัง+หลัง
√ 𝐗 𝟐+ √
𝟑
2
𝟑
) 𝐗+𝟏
x x √ 𝐗 𝟐+ √ 𝐗 + 𝟏
𝟑 𝟑

a3 + b3 = (a + b)(a2 lim
- ab
+b) 2 x
a3 - b3 = (a - b)(a2 + ab
lim
+ b2 ) x
lim
x
𝟏
√ 𝟏 𝟐 + √ 𝟏+𝟏
𝟑 𝟑

𝟏
𝟑
lim √ 𝟎+𝟏 − 𝟏
𝟑

รูป
𝟎
x 𝟐− √ 𝟖 − 𝟎
𝟑 𝟎
7. (หน้า– (หน้า + หน้าหลัง
2 แบบ IF
lim หลัง) ∙ √+𝐗หลัง 2 √ 𝐗 +𝟏+𝟏 √ √
𝟑 𝟑 𝟑 𝟑
+𝟏 𝟐+) 𝟑 𝟐𝟐+𝟐 𝟖 − 𝐗 + 𝟖 − 𝐗 𝟐

x √ 𝐗 +𝟏 𝟐+ √ 𝐗 +𝟏+𝟏𝟐𝟐+𝟐 √ 𝟖 − 𝐗 + √ 𝟖 − 𝐗 𝟐
𝟑 𝟑 𝟑

(หน้า– 𝟏 (หน้า2 + หน้าหลัง +


limหลัง) √ √ หลัง )
𝟑 𝟑
𝟒+𝟐 𝟖 − 𝐗 + 𝟖 − 𝐗 𝟐 2

x √ 𝐗 + 𝟏𝟐 + √ 𝐗 +𝟏 +𝟏
𝟑 𝟑

𝟒+𝟐 √ 𝟖 − 𝟎+ √ 𝟖− 𝟎 𝟐𝟒 + 𝟏𝟐
𝟑 𝟑
𝟒 +𝟒
𝟏 + 𝟏
𝟑 4
+ 𝟏

𝟑
𝟎+𝟏 𝟐+ √
𝟑
𝟎+𝟏+𝟏
ตัวอย่า จงหาลิมิตของฟั งก์ชันต่อไปนี้ (ฟั งก์ชัน
งที่lim
6 ตรีโกณมิติ)
𝟏+ 𝐜𝐨𝐬 𝛑𝟏+( − 𝟏) 𝟎
รูป
x 𝐬𝐢𝐧 𝛑 𝟎 𝟎
1. −IF
แบบ 𝐜𝐨
ทบทวนวงกลม
ทบทวนวงกลม
เอกลักษณ์
1 1หน่วย
𝝅
หน่วย 𝟐
𝝅 lim ∙
𝟏
𝟐
x 𝟏 − 𝐜𝐨
ตรีโกณมิติ
sin A +
2
sinx
sin x
2

𝛑
𝛑cos
sin 2
A = 1 - cos
22
2
A lim
cos A = 1 - sin A
2 2 x

𝟑𝟑𝝅𝝅 𝐬𝐢𝐧 𝛑 𝟎
𝟐𝟐
𝟏− 𝐜𝐨𝐬 𝛑 𝟏−(− 𝟏)
0
𝛑 𝛑
lim 𝟏 + 𝐜𝐨𝐬
𝟐
− 𝐬𝐢𝐧 𝟐
𝟐
x 𝛑
2.
𝟏 − 𝐬𝐢𝐧
𝟐
ทบทวนวงกลม 𝟏+𝟎 −𝟏
𝝅
1 หน่วย 𝟐 𝟏 −𝟏

𝛑 2
𝟎
𝟎
รูป
แบบ IF
𝟑𝝅
𝟐
lim lim
x x
cos2x
เอกลักษณ์
lim ∙
𝟏+
ตรีโกณมิติ
sin2A + x 𝟏+
cos
sin2
A = 1 - cos A
2
2 lim
cos A = 1 - sin Ax
2

lim
x
cos2cosx
x
lim
x
𝛑 𝛑
( 𝐜𝐨𝐬 +𝟏 )(𝟏 + 𝐬𝐢𝐧 )
ทบทวนวงกลม 𝟐 𝟐
𝐜𝐨𝐬 𝛑
𝝅
1 หน่วย 𝟐 𝟐

(𝟎 +𝟏 )(𝟏 +𝟏 )
𝛑 2 𝟎
𝟐
𝟎
𝟑𝝅

หาค่า
𝟐
𝛑
lim 𝟏 − 𝟐 𝐬𝐢𝐧 𝟐
𝟒
x 𝛑 𝛑
3.
𝐬𝐞𝐜 − √ 𝟐 𝐭𝐚𝐧
𝟒 𝟒
ทบทวนวงกลม
(𝟐)
𝟐
𝝅 𝟏 −𝟐 √ 𝟐
1 หน่วย 𝟐
(𝟐
√𝟐 , √𝟐
𝟐 ) 𝟐
− √ 𝟐(𝟏)
√𝟐
𝛑 2
𝟎
𝟎
รูป
𝟑𝝅
𝟐 แบบ IF
lim lim
x x

tanA = cos2x
lim
cos2A = 1 – x
2sin2A
lim
x

lim ∙
𝟏+ √ 𝟐 𝐬𝐢𝐧 𝐱
x 𝟏+ √ 𝟐 𝐬𝐢𝐧 𝐱
lim ∙
𝟏+ √ 𝟐 𝐬𝐢𝐧 𝐱
x 𝟏+ √ 𝟐 𝐬𝐢𝐧 𝐱
1 - 2sin x =
2

lim cos2x
ทบทวนวงกลม
𝝅
x
1 หน่วย 𝟐
(𝟐 𝟐 )
√𝟐 , √𝟐 𝛑 𝛑
𝐜𝐨𝐬 (𝟏+ √ 𝟐 𝐬𝐢𝐧 )
𝟒 𝟒
𝛑 2 )

𝟑𝝅
𝟐
ลิมิตของลำดับ
(Limit of
Sequence)
ลิมิตของลำดับ
(Limit of
Sequence)
ในหัวข้อนี้ จะกล่าวถึงสมบัติอย่างหนึ่ง
ของลำดับอนันต์ ซึ่งจะเป็ นประโยชน์ในการ
ศึกษาคณิตศาสตร์ขั้นสูงขึ้นไป โดยจะ
พิจารณาพจน์ที่ n ของลำดับ เมื่อ n มีค่ามาก
การหาลิมิตของลำดับอนันต์สามารถทำได้
ขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด
2 วิธี คือ
1. พิจารณาจากกราฟ
2. ใช้ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิมิต
เมื่อ n มีค่ามากขึ้ น โดยไม่มีที่สิ้ นสุดและค่าพจน์ที่ n มีค่า
เข้าใกล้หรือเท่ากับจำนวนจริงเพียงจำนวนเดียวเท่านั้นแล้ว
เรียกว่า ลิมิตของลำดับ (limit of sequence)
- ถ้าลำดับนั้นมี limit เท่ากับ จำนวนจริงเพียงจำนวนเดียว เขียน
แทนสัญลักษณ์ lim = L เรียกว่า ลำดับคอนเวอร์เจนต์หรือ
n

ลำดับลู่เข้า
เมื่อ n มีค่ามากขึ้ น โดยไม่มีที่สิ้ นสุดและค่าพจน์ที่ n มีค่า
มากขึ้ นหรือลดลงหรือ ไม่เข้าใกล้จำนวนใดจำนวนหนึ่ง จะได้
ว่า ลำดับนั้นไม่มีลิมิต เขียนแทนสัญลักษณ์ lim = L เรียกว่า
ลำดับไดเวอร์เจนต์หรือลำดับลู่ออก
การหาลิมิตของ
ลำดับอนันต์โดย
พิจารณาจาก
กราฟ
1.) พิจารณากราฟของลำดับ

n 1 2 3 4 5 6 7
𝟏 𝟏 𝟏 𝟏 𝟏 𝟏 𝟏
a an 𝟏 𝟐 𝟑 𝟒 𝟓 𝟔 𝟕

1n
lim = 0 เป็ นลำดับลู่เข้า
n

0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
จะพบว่า ถ้า n มีค่ามากขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด แล้ว a มีค่า
จารณากราฟของลำดับ an = 2n - 1

n 1 2 3 4 5 6 7
an 𝟏 𝟑 𝟓 𝟕 𝟗 𝟏𝟏 𝟏𝟑
a
1
5
1 n
0
5 lim 2n-1= เป็ นลำดับลู่ออก
n

0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
เพิ่มขึ้นอย่างไม่มี
จะพบว่า ถ้า n มีค่ามากขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด แล้ว a มีค่า
3.) พิจารณากราฟของลำดับ

n 1 2 3 4 5 6 7
an 𝟏−𝟏 𝟏 −𝟏 𝟏 −𝟏 𝟏
a
lim = เป็ นลำดับลู่ออก
1
n

0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
-
1
อยู่ระหว่าง
จะพบว่า ถ้า n มีค่ามากขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด 1
แล้ว a มีค่า
4.) พิจารณากราฟของลำดับ

n 1 2 3 4 5 6 7
𝟏 𝟐 𝟑 𝟒 𝟓 𝟔 𝟕
a an 𝟑 𝟓 𝟕 𝟗 𝟏𝟏 𝟏𝟑 𝟏𝟓

0. n
5
lim = 0.5 เป็ นลำดับลู่เข้า
n

0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
จะพบว่า ถ้า n มีค่ามากขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด แล้ว a มีค่า
5.) พิจารณากราฟของลำดับ

n 1 2 3 4 5 6 7
an 𝟒𝟒 𝟒 𝟒 𝟒 𝟒 𝟒
a

4 n

lim 4 = 4 เป็ นลำดับลู่เข้า


n

0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
จะพบว่า ถ้า n มีค่ามากขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด แล้ว a มีค่า
การหาลิมิตของ
ลำดับอนันต์โดยใช้
ทฤษฎีบทเกี่ยวกับลิ
มิต
ทฤษฎีบ
ท 1.
1 lim =∞ เมื่อ k เป็ น
n∞
nk a จำนวนจริงบวก
C
n
0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
เช่ lim
n ∞ n =2

น lim n3 =
n∞
lim
n ∞ n 4 =
2.nlim
∞n
=𝟎 เมื่อ k เป็ น
1 ak จำนวนจริงบวก
C

n
n
0 1 2 3 4 5 6 7 8
เช่ lim 1 =
n ∞
n
น =
lim
n∞ n1
2

lim
n∞ 1
3 =
ทฤษฎีบ เมื่อ r เป็ น
ท 1.
2 lim =∞จำนวนจริง
เมื่อ l r l
n∞
rn a >1
C
n
0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
เช่ lim
n ∞ 2 n =
น lim 33n =lim
n∞ 27 n =
n∞
lim
n ∞ (-5)=n
2.nlim
∞ =𝟎 เมื่อ lrl
r a
n
<1
C
n
0 n

(5 )
1 2 3 4 5 6 7 8
n
เช่ lim
n∞
2 =

(4 ) (1 )

lim 1 = lim 1 =
2 n
n∞ n∞

(9 )
n
n
lim 4 = 6
n∞
ทฤษฎีบ
ท 1.
3 lim =
C เมื่อ C เป็ นค่า
n∞
a C คงตัว
C
n
0 n
1 2 3 4 5 6 7 8
เช่ lim
n ∞ 2 =2
น lim
n ∞ -1 = -1
lim
n∞
=
0.53

You might also like