Professional Documents
Culture Documents
6 กฎหมายไทยสมัยอยุธยา
6 กฎหมายไทยสมัยอยุธยา
กฎหมายไทยสมัยอยุธยา
1
อ.หทัยกาญจน์ กำเหนิดเพชร
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
2
3
กฎหมายไทยในสมัยอยุธยา ศึกษาได้จากกฎหมายตราสามดวง
กฎหมายตราสามดวงเป็นกฎหมายที่รวบรวมขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 (พ.ศ. 2348/
ค.ศ.1805)
เพื่อรวบรวมและตรวจสอบความคลาดเคลื่อนของกฎหมายในสมัยอยุธยาที่ยังหลงเหลือ
อยู่
กฎหมายตราสามดวงเป็นกฎหมายที่ร่วมสมัยกับกฎหมายแพ่งของพระเจ้านโปเลียนของ
ฝรั่งเศส (ค.ศ.1804)
4
โดยมีมูลเหตุมาจากการร้องทุกข์กล่าวโทษพระเกษมและนายราชาอรรถ ของนายบุญศรี –
ว่าอำแดงป้ อมภรรยามาทำชู้กับนายราชาอรรถ แล้วมาฟ้ องหย่านายบุญศรี พระเกษม (ลูก
ขุน) พิจารณาไม่เป็นธรรม ส่งเรื่องให้ลูกขุน ณ ศาลหลวงตัดสิน
ไพร่ = ราษฎร
ระบบไพร่ - สักเลข - มีเพื่อการควบคุมผู้คนให้เป็นหมู่เหล่า และเพื่อความสะดวกในการ
ทำสงคราม
ไพร่หลวง - ชายฉกรรจ์อายุระหว่าง 20-60 ปี ต้องสังกัดมูลนาย เพื่อเกณฑ์แรงงาน
ไปทำงานกับหลวง (ทำงานเดือนเว้นเดือน)
ไพร่สม – ไพร่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของขุนนางในกรมต่าง ๆ โดยไม่ต้องไปทำงานให้
หลวง แต่มีหน้าที่รับใช้เจ้านาย
ไพร่ส่วย - จะส่งสินแร่ไปให้ทางราชการแทนการเกณฑ์แรงงาน เนื่องจากมีที่อยู่อาศัยใน
ที่ที่มีทรัพยากรมาก
8
ระบบศักดินา
หมายถึง อำนาจในการถือที่นา
เป็นระบบจัดชนชั้นในสังคม โดยอาศัยนาเป็นหน่วยนับที่จำแนกความต่างของบุคคล
และถือเป็นเกณฑ์ในการปรับไหมผู้กระทำความผิด โดยอาศัยหลักที่ว่ามีศักดินามาก ย่อม
ได้รับโทษมาก
แต่ไม่ใช่ระบบฟิ วดัลของตะวันตก เนื่องจากระบบศักดินาไทยมิได้มีการถือครองที่ดิน
จริงๆ และทาสของไทยเป็นบุคคลตามกฎหมายด้วย
ศักดินาแต่ละประเภทถูกบัญญัติไว้ใน พระอัยการนาพลเรือนและพระอัยการตำแหน่งนาท
หารหัวเมือง พ.ศ. 1997
9
ตัวอย่าง ศักดินา
พระมหาอุปราช นา 100,000 ไร่
เจ้าพระยามหาเสนา สมุหพระกลาโหม นา 10,000 ไร่
ภิกษุสามเณร นา 200 – 2,400 ไร่
ข้าราชการ นา 50 – 10,000 ไร่
ไพร่หัวงาน นา 25 ไร่
ไพร่มีครัว นา 20 ไร่
ยาจก วณิพก ทาส ลูกทาส นา 5 ไร่ เป็นต้น
10
ข้อสังเกตเกี่ยวกับศักดินา
ข้าราชการที่มีศักดินา 400 ไร่ขึ้นไป ถือว่าเป็นผู้มีบรรดาศักดิ์ หากมีคดีความให้แต่งทนาย
แก้ต่างแทนตัวได้ และมีกฎหมายบัญญัติว่าผู้ใดเจรจาหยาบช้าอันมิดีแก่ผู้มีบรรดาศักดิ์
400 ขึ้นไป มีโทษทวน 50 ที
คำนำหน้าชื่อสตรีที่เป็นภรรยาข้าราชการที่มีศักดินา 400 - 10,000 ที่ยังไม่รับ
พระราชทานบรรดาศักดิ์ หรือเป็นหญิงไม่มีสามี ไม่ต้องมีคำนำหน้าชื่อ ส่วนภรรยา
ข้าราชการที่มีศักดินาต่ำกว่า 400 ลงมา ให้ใช้คำนำหน้าชื่อว่า “อำแดง” (พระราชบัญญัติ
ให้ใช้คำนำหน้าชื่อชนต่าง ๆ)
พยานในพินัยกรรม – ผู้มีบรรดาศักดิ์ นา 10,000 ไร่ ให้มีพยาน 9-10 คน ผู้มีศักดินา
800 – 1,000 ให้มีพยาน 7-8 คน เป็นต้น (กฎหมายลักษณะมรดก บทที่ 49)
อิทธิพลจากวัฒนธรรมและกฎหมายของอินเดีย
11
คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ (มานวธรรมศาสตร์)
เป็นแม่บทของกฎหมายในสมัยอยุธยา/ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
มีที่มาจากอินเดียตามความเชื่อในศาสนาฮินดู ผ่านมาทางมอญ
คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ (ฮินดู) คัมภีร์ธรรมสัตถัม (มอญ/พม่า)
ความเชื่อแบบพราหมณ์ ความเชื่อแบบพุทธ
ส่วนที่ 1 – ที่มาของคัมภีร์พระธรรมศาสตร์
คนต่างสรรเสริญพระเจ้ามหาสมมติราช และติฉินนินทามโนสารว่าตัดสินไม่เป็นธรรม
ส่วนที่ 2 – ตัวบทพระธรรมศาสตร์
กฎหมายประเภทต่าง ๆ ในสมัยอยุธยา
1. พระอัยการ หรือ พระราชกำหนดบทพระอัยการ คือ กฎหมายพื้นฐานของแผ่นดิน เทียบ
ได้กับพระราชบัญญัติในปัจจุบัน
2. พระราชบัญญัติ เป็นคำวินิจฉัยของกษัตริย์ในแต่ละคดี
ปัจจุบัน หลักอินทภาษถูกกำหนดไว้ใน
ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 3 และ 12
ข้อ 3
ในการนั่งพิจารณาคดี ผู้พิพากษาจักต้องวางตนเป็นกลางและปราศจากอคติ ทั้ง
พึงสำรวมตนให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ แต่งกายเรียบร้อย ใช้วาจาสุภาพ ฟังความจาก
คู่ความและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ ายอย่างตั้งใจ ให้ความเสมอภาค และมีเมตตาธรรม
23
ข้อ 12
เมื่อจะพิจารณาหรือมีคำสั่งในคดีเรื่องใด ผู้พิพากษาจักต้องละวางอคติทั้งปวง
เกี่ยวกับคู่ความหรือคดีความเรื่องนั้น ทั้งจักต้องวินิจฉัยโดยไม่ชักช้า และไม่เห็นแก่หน้าผู้
ใด คำพิพากษาและคำสั่งจักต้องมีคำวินิจฉัยที่ตรงตามประเด็นแห่งคดี ให้เหตุผลแจ้ง
ชัดเจน และสามารถปฏิบัติตามนั้นได้ การเรียงคำพิพากษาและคำสั่งพึงใช้ภาษาเขียนที่ดี
ใช้ถ้อยคำ ในกฎหมาย ใช้โวหารที่รัดกุม เข้าใจง่าย และถูกต้องตามพจนานุกรมฉบับ
ราชบัณฑิตยสถาน ข้อความอื่นใด อันไม่เกี่ยวกับการวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีโดยตรง หรือ
ไม่ทำให้การวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวชัดแจ้งขึ้นไม่พึงปรากฏอยู่ในคำพิพากษา หรือคำสั่ง
24
ประมวลจริยธรรมตุลาการศาลปกครอง
ข้อ 3
ในการไต่สวนและการนั่งพิจารณาคดี ตุลาการศาลปกครองจักต้องวางตนเป็ นก
ลางและปราศจากอคติ สำรวมตนให้เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ แต่งกายให้เรียบร้อย ใช้
วาจาสุภาพ ทั้งพึงไต่สวน ซักถาม และฟังความจากคู่กรณีรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ าย
อย่างตั้งใจ ให้ความเสมอภาค และมีเมตาธรรม
ข้อ 7
เมื่อจะพิจารณาหรือมีคำสั่งในคดีเรื่องใด ตุลาการศาลปกครองจะต้องละวาง
อคติทั้งปวงเกี่ยวกับคู่กรณีหรือคดีเรื่องนั้น ทั้งจักต้องวินิจฉัยโดยไม่ชักช้าและไม่เห็นแก่ผู้
ใด
กฎหมายลักษณะต่าง ๆ
25
กฎหมายในสมัยอยุธยา สามารถแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้
1. กฎหมายสารบัญญัติ
2. กฎหมายวิธีพิจารณาความ
3. กฎหมายปกครอง
กฎหมายสารบัญญัติ
26
ลักษณะกรมศักดิ์ – เป็นบทบัญญัติกำหนดโทษปรับสำหรับปรับไหมผู้กระทำความผิด
ฐานทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือบาดเจ็บ (รับโทษทางอาญา + ปรับไหม)
การลงโทษตามกฎหมายอาญา
1. โทษประหารชีวิต – “ให้ฆ่าคนร้ายนั้นเสีย ให้ฟันคอ ให้ฆ่าเสียเจ็ดชั่วโคตร หรอโทษถึง
ตาย” โดยใช้วิธีใช้ดาบฟันศีรษะ เจ้าหน้าที่ผู้ประหาร เรียกว่า เพชฌฆาต
2. โทษที่กระทำต่อร่างกาย – โทษตัดปาก แหวะปาก เอามะพร้าวห้าวยัดปาก ตัดมือ ตัดนิ้ว
สักแก้ม สักหน้า สักอก แต่โทษเหล่านี้ให้ไถ่โทษได้โดยเสียเงินเป็นค่าปรับแทนได้
โทษทวน คือ โทษเฆี่ยนตีโดยใช้หนังเส้นกลมหรือไม้หวายตีที่หลัง นับเป็นยกๆ
ละ 30 ที
โทษมัดแช่น้ำตากแดด ตอกเล็บบีบขมับ จำขื่อคา
รวมเรียกว่า “จารีตนครบาล” มายกเลิกใน ร.ศ. 115 (พ.ศ.2439)
30
กฎหมายสารบัญญัติส่วนแพ่ง เช่น
ลักษณะผัวเมีย – การเป็นสามีภริยา ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา การขาดจากการสมรส ชู้
เช่น ชายมีเมียได้หลายคน (เมียกลางเมือง เมียกลางนอก เมียกลางทาษี) ไม่ต้องมีการจด
ทะเบียนสมรสโดยถือเอาพิธีการสมรสตามประเพณีเป็นความสมบูรณ์แห่งการสมรส
ลักษณะมูลคดีวิวาท - การแบ่งปันลูกอันเกิดจากบ่าวไพร่ของทหารพลเรือนในสังกัดว่า
ควรได้แก่นายของฝ่ ายใด
กฎหมายวิธีสบัญญัติ
33
ลักษณะพิสูจน์ดำน้ำลุยเพลิง – การรับฟังข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยไม่รับกันต้องอาศัยสักขี
พยาน แต่ถ้าไม่มีให้ท้าพิสูจน์ต่อกันโดยวิธีล้วงตะกั่ว สาบาน ดำน้ำลุยเพลิง ว่ายน้ำ
ลักษณะอุทธรณ์ - เป็นการกล่าวโทษผู้พิพากษาตระลาการ
กฎหมายปกครอง
35
กฎหมายที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการปกครองว่ามีการแบ่งเขตพื้นที่ในการปกครอง แบ่ง
ส่วนราชการ หรือกำหนดตำแหน่งหน้าที่ของข้าราชการไว้อย่างไร ได้แก่
พระอัยการตำแหน่งนาพลเรือน – ลักษณะศักดินาพลเรือน
กฎหมายในสมัยอยุธยามีจำนวนมาก โดยมีคัมภีร์พระธรรมศาสตร์เป็นเหมือนกฎหมาย
แม่บทในการออกกฎหมายต่าง ๆ กล่าวคือ พระราชศาสตร์ที่เป็นสาขาคดีต่าง ๆ ต้อง
สอดคล้องกับหลักในคัมภีร์พระธรรมศาสตร์
นอกจากนี้ คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ยังกำหนดหลักในการเป็นผู้พิพากษาไว้ใน
หลักอินทภาษ ว่าต้องปราศจากอคติ 4 ประการ อีกด้วย
สรุป
40
กระบวนการในการพิสูจน์ความผิดหรือสืบพยาน ยังมีความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิที่จะ
คุ้มครองผู้บริสุทธิ์อยู่ โดยเห็นได้จากมีการพิสูจน์แบบดำน้ำ ลุยไฟ กรณีที่คดีนั้นไม่มีพยาน
ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง